ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 4
ในขณะที่สู่ขวัญกำลังตั้งโต๊ะอาหาร โดยมีพรคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ ที่ด้านนอกภาวดีกับทรงยศเอาแต่ชะเง้อคอมองไปนอกบ้าน กระทั่งภาวดี อดรนทนไม่ได้ ต้องเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร พลางถามสู่ขวัญแบบร้อนใจ
“นี่ หนูขวัญ ตารบมันจะไม่กลับมากินข้าวบ้านจริงๆเหรอ”
สู่ขวัญหยุดจัดโต๊ะ หันมาตอบแบบสบายๆ
“ค่ะ ขวัญโทรหารบแล้ว เขาบอกงานยุ่ง”
“แน่นะ” ทรงยศถามย้ำ “งานบริหารโรงแรม มันจะยุ่งอะไรนักหนา”
“ เป็นผู้บริหาร งานยิ่งต้องหนักกว่าคนอื่นค่ะคุณพ่อ สมัยคุณพ่อขวัญท่านก็ทำงานหนักแบบนี้ กลับบ้านมืดค่ำแทบทุกวันเหมือนกัน ขวัญก็เลยเข้าใจรบน่ะค่ะ”
สู่ขวัญพูดอย่างเข้าใจจริงๆ ภาวดีรีบเข้าข้างลูกสะใภ้
“จริงจ้ะ วิธีคิดแบบนี้สิถูก ฉลาดมากๆ ไม่เหมือนบางคน”
พูดพลางแอบมองค้อนสามี แต่ทรงยศไม่สนใจ พูดต่อ
“งานยุ่งจริงเร้อ นี่หนูจะไม่โทรไปเช็คอีกรอบจริงๆเหรอ”
สู่ขวัญมองหน้าพ่อสามีอย่างสงสัย
“ทำไมหรือคะ? หรือว่ารบเขามีอะไรให้ขวัญต้องคอยตามเช็ค”
ภาวดีแอบหยิกทรงยศที่พูดจาให้สู่ขวัญสงสัย แล้วรีบแก้ตัวแทน
“ไม่มีจ้ะไม่มี ผัวเมียกัน ต้องไว้ใจกันสิเนอะ”
สู่ขวัญ ยิ้มกว้างให้ภารดี“ใช่ค่ะ แค่ที่เขาทำงานบริหารแทนขวัญ ทั้งๆที่โรงแรมกำลังมีปัญหา รบเขาก็เหนื่อยมากอยู่แล้ว ไม่ได้ทานข้าวเย็นด้วยกันบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขวัญเข้าใจ”
ภาวดีแอบแยกเขี้ยวใส่สามี ทรงยศทำลอยหน้าลอยตา แล้วแกล้งซดน้ำแกงเข้าไปโฮกใหญ่ สู่ขวัญชะงักแต่ทำเนียนๆ ไม่สนใจ ภาวดีมองทรงยศเซ็งๆ
และเมื่อสู่ขวัญจัดโต๊ะเสร็จ ก็นั่งลง พลางพูดนิ่มๆ แต่จริงจัง
“ตอนนี้ขวัญยังไม่อยากไปจับผิดอะไรรบมาก กลัวเขาจะอึดอัดทำงานไม่สะดวก แต่ถ้ารบคิดจะทำผิดกับขวัญล่ะก็ ขวัญจะจับให้ได้คาหนังคาเขา แล้วจัดการขั้นเด็ดขาด ไม่ปล่อยให้ลอยนวลอยู่แน่”
ภาวดีกับทรงยศเห็นสู่ขวัญพูดอย่างเอาจริง ก็มองหน้ากันด้วยความหวาดหวั่น
ระรินตื่นตาขึ้นมาในห้องสวีทภายในโรงแรมของศึกรบ พลางมองศึกรบที่นอนหลับอยู่อย่างหลงใหล
ก่อนที่จะใช้นิ้วเขี่ยผมเขี่ยคางของศึกรบเล่น ศึกรบขยับตัวเหมือนจะตื่น ระรินตกใจ รีบทำเป็นนอนต่อ
ศึกรบงัวเงียตื่นขึ้นมา หันไปทางระริน แล้วกอดไว้แน่น ระรินแสร้งทำเป็นตกใจตื่นขึ้น
“คุณรบ”
ระรินก้มดูตัวเอง แล้วแกล้งทำเป็นโวยวาย
“ไม่นะ ไม่”.
“คุณริน”.
ระรินรีบลุกขึ้น โดยมีผ้าห่มคลุมตัวมาด้วย พลางพูดเสียงเศร้า
“คุณรบ ริน รินขอโทษค่ะ รินไม่ควรเผลอใจขนาดนี้”
ศึกรบตกใจ จะลุกไปเคลียร์กับระริน
“คุณริน เดี๋ยวก่อน”
“ริน รินไม่ได้ตั้งใจค่ะ รินไม่ได้ตั้งใจจริงๆ รินเสียใจ”
ระรินแกล้งทำเป็นเสียใจ ร้องไห้วิ่งเตลิดออกไป ศึกรบงงว่าเกิดอะไรขึ้น
ระรินวิ่งร้องไห้ออกมาจากห้อง แอบเหลือบไปมองว่าศึกรบตามมารึเปล่า
“คุณรินครับ
เสียงศึกรบเรียกระรินไล่หลังมา ระรินยิ้มกริ่ม ทำเป็นยืนสะอื้น ศึกรบวิ่งเข้ามาระริน จับตัวระรินให้หันมาคุยด้วย
“คุณริน ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ คุณรินอย่าโกรธผมเลย”
ระรินแกล้งสะอื้นอย่างหนัก “รินโกรธตัวเองมากกว่าค่ะ เรื่องเมื่อคืนไม่ควรเกิดขึ้นเลย”
“โธ่ คุณริน อย่าร้องไห้นะครับ”
“รินเสียใจ รินรังเกียจตัวเอง รินเกลียดที่ทำสิ่งที่ไม่ควรทำลงไป เกลียด”พูดพลางแกล้งบีบน้ำตา สะอึกสะอื้น
“ถ้าคุณรินเกลียด ผมก็ต้องเกลียดตัวเองด้วย ที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ”ระรินแอบสมใจ แต่ก็ซ่อนรอยยิ้มไว้อย่างแนบเนียน
“คุณจะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้นะคะ รินจะลืมๆมันไป แล้วเราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”
“ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง ผมไม่มีทางทิ้งคุณเด็ดขาด”
“แล้วภรรยาคุณล่ะคะ คุณจะไม่สนใจความรู้สึกเธองั้นเหรอ”
ศึกรบอึ้ง แต่พยายามปลอบใจระรินต่อ
“ความรู้สึกคุณ ผมก็ต้องสนใจด้วยเหมือนกัน ยังไงผมก็จะรับผิดชอบดูแลคุณอยู่ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“หมายความว่าคุณรบจะไม่ทิ้งรินหรือคะ?”
ระรินถามย้ำ แอบยิ้มในหน้า ศึกรบพยักหน้า ระรินทำเป็นร้องไห้หนักขึ้นแล้วโผเข้ากอดศึกรบ ในขณะที่ฝ่ายถูกกอด ยกมือลูบศีรษะปลอบใจ
ศึกรบ กำลังจะออกจากโรงแรม สาธรเดินเข้ามาเจอศึกรบ ก็ร้องทัก
“อ้าวเฮ้ย ไอ้รบ เพิ่งกลับเหรอวะ”
“สาธร”
ศึกรบทำหน้าตกใจ จน สาธรสงสัย
“โห ตกใจเรียกซะเต็มยศเลย ทำไมตกใจขนาดนี้ละครับ”
ศึกรบอึกอัก “เปล่า ดึกป่านนี้แล้วไม่นึกว่าจะเจอน่ะ”
“ขยันจริงนะ กลับซะดึก นึกว่ากลับบ้านไปนอนกอดเมียนานแล้วซะอีก”
“เพิ่งเคลียร์งานเสร็จน่ะ”
“อ๋อ งี้นี่เอง” สาธรจ้องหน้าศึกรบอย่างพยายามจับสังเกต
“ฉันกลับก่อนนะ วันนี้ไม่ได้กลับไปกินข้าวที่บ้าน ขวัญคงรอแล้ว”
“เชิญตามสบาย โชคดีเว้ย”
ศึกรบรีบเดินออกไป สาธรมองตาม รู้สึกมีพิรุธ
“แปลกๆ แฮะวันนี้”
ในขณะที่ระรินอาบน้ำเสร็จ ก็เดินออกจากห้องน้ำอย่างสบายใจเฉิบๆ พลางเดินไปหยิบโทรศัพท์โทร.หาแจ๊ส
“ฮัลโหลเจ๊”
“โอ๊ย โทรมาได้แล้วเหรอแม่ดาราใหญ่“ เสียงแจ๊สแว้ดกลับมาทางปลายสาย พลางเดินวนไปวนมาในคอนโดระริน ด้วยความร้อนใจ “หายไปไหนมา ทำไมปิดโทรศัพท์ ฮะ”
“ไม่โวยวายซักทีที่โทรมาหลอดเสียงมันจะพังรึไง” ระรินเหน็บเข้าให้
“นี่ ทำไมไม่อยู่ห้อง ไปอยู่ที่ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
ระรินหัวเราะ เสียงใส “ทายสิ”
“ไม่ใช่เวลามาเล่นปุจฉาวิสัชนาค่ะ บอกมาเร็ว”
“อยู่คอนโดใช่มั้ย งั้นช่วยเก็บของใช้ฉันมาให้หน่อยสิ เพราะว่าฉันอยู่ที่…”
แจ๊สทำหน้าสงสัย ในขณะที่ระรินยิ้มกริ่ม
ศึกรบเปิดประตูเข้ามาห้องนอน ที่ปิดไฟมืด พลางเดินเข้าไปใกล้เตียง ชะโงกหน้าดู เห็นสู่ขวัญหลับไปแล้ว ก็ถอนหายใจโล่งอก ก่อนที่จะนั่งบนเตียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พิมพ์ข้อความไลน์ส่งถึงระริน
“ฝันดีนะครับ”
จากนั้นก็วางโทรศัพท์ ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ สู่ขวัญลืมตา พลิกตัวกลับมามองศึกรบอย่างสงสัย
“กรี๊ด ตายแล้ว”
เสียงกรีดร้องของแจ๊สดังลั่น ทั้งตกใจ ทั้งตะลึงกับห้องสวีทของโรงแรมเลอ วิมาน
“บุญเก่าแต่ชาติปางไหน อำนวยให้เธอได้มานอนห้องอลังการแบบนี้เนี่ย ยัยระริน”
“ชาติไหนก็ไม่รู้ แต่ชาตินี้ เดี๋ยวนี้ ห้องสวีทสุดหรูนี่เป็นของฉัน เก๋ป่ะล่ะ ฮะๆๆ” ระรินเชิดหน้า
“ใช้อะไรแลกมาละคะ มารยา หรือว่า…” แจ๊สมองมองระรินหัวจรดเท้า
“มองแบบนี้จะสื่ออะไร
แจ๊สเดินเข้ามากระซิบ “นี่ถามจริง หล่อนติ๊ดชึ่งกับคุณศึกรบเขาไปแล้วใช่มั้ย”
ระรินตกใจ พยายามตอบเลี่ยงๆ
“นี่ เห็นหน้าฉันเป็นพวกพลีกายง่ายๆ หรือไงเจ๊”
แจ๊ส ลดเสียงให้เบาลง “แหม ก็เห็นทำบ่อย นึกว่าสะสมแต้ม”
“ยัยแจ๊ส” ระรินทำเสียงดุ
“ไม่บอกก็ไม่บอก ตามใจ แม่สอนไว้ว่าอย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน”
“ดีแล้ว ฉันมานอนที่นี่เพราะมีเหตุผล จะทำอะไรกับใครยังไง มันเรื่องส่วนตัว เป็นผู้จัดการไม่ต้องรู้ ทุกเรื่องก็ได้”
แจ๊สมองค้อน
“ค่ะ รู้ค่ะ ว่าแต่เหตุผลที่ให้เขาช่วยเปิดห้องหรูแบบนี้นี่คืออะไรจ๊ะ บอกได้มั้ย บอกเถอะ อุตส่าห์ขนข้าวของมาให้ซะขนาดนี้แล้ว”
ระรินทำหน้าเซ็งใส่
“ก็ได้ ก็เมื่อวาน ไอ้สงครามมันตามไปดักฉันอีกแล้ว”
“อะไร อีกแล้ว? มันทำอะไรหล่อนรึเปล่า”
“เกือบแล้ว ดียังหนีมาทัน เลยต้องระเห็จมาให้เขาช่วยนี่ไง”
แจ๊สยกมือกุมขมับ
“โอ๊ย ปวดหัว คราวที่แล้วเตือนจนมีหูสามรูใช่มั้ยคะ แต่ไม่เอาและ เอาใหม่ ฉันว่าต่อให้มีหูเป็นร้อยรูก็พูดกะหล่อนไม่รู้เรื่อง”
“นี่ฉันให้มาช่วยนะ ไม่ได้ให้มาด่าซ้ำ”
แจ๊สยักไหล่
“ช่วยไม่ได้ อยากทำตัวเองนี่คะ นี่เขาไม่ฆ่าเอาก็บุญแค่ไหนแล้ว เก่งนักเป็นไงล่ะ หนีหัวซุกหัวซุน”
“ก็เอาตัวรอดจนมานอนห้องสวีทโรงแรมได้แล้วกัน”แจ๊สหัวเราะใส่หน้าระริน
“งั้นพ่อหนุ่มเจ้าบุญทุ่มเจ้าของห้องคนนี้ ก็จับไว้ให้แน่นๆแล้วกันนะ วันไหนเจ้าของเขาจับได้มาทวงคืน เชิญเอาตัวรอดเองนะคะ ฉันเหนื่อยจะช่วยแล้ว”
“ไม่อยากช่วยก็ไม่ต้องช่วย” ระรินสะบัดเสียงตอบ
“โอ๊ย คนอย่างแจ๊สเป็นกะเทยมีสัจจะค่ะ คำไหนคำนั้น”
“แต่ถ้าเกิดฉันได้ดีขึ้นมาล่ะก็ เจ๊จะไม่ได้ส่วนแบ่งอะไรจากฉันสักบาทเดียว ลองดูไหมละ ผู้จัดการคนเก่ง”
แจ๊สฟังแล้วถึงกับสะอึก ในขณะที่ระรินยิ้มเยาะ
อ่านต่อหน้า 2
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 4 (ต่อ)
ศึกรบแต่งตัวเสร็จแล้ว รีบเดินไปที่รถ เตรียมจะออกจากบ้าน ภาวดีกับทรงยศเห็น เรียกไว้
“รีบไปไหนตารบ จะไม่กินข้าวเช้ากับเมียหน่อยเหรอ”
“ผมยังไม่หิวน่ะ เดี๋ยวไปออฟฟิศกินกาแฟแก้วเดียวก็อยู่แล้ว” ศึกรบทำท่าร้อนรน
“พักนี้ทำตัวยุ่งเหลือเกินนะ งานเยอะรึไง”
“ยุ่งสิครับพ่อ แขกเข้าพักเยอะกว่าเดิม ไหนจะลูกค้าอีก ทุกวันนี้ก็แทบไม่มีเวลาจะกินข้าวแล้ว”
“ลูกค้าอย่างเดียวเหรอ ไม่ใช่ทำเป็นออกไปเจอลูกค้าแล้วไปเจอกิ๊กกั๊กที่นัดไว้ล่ะ”
“ผมนัดเจอลูกค้าก็นัดที่โรงแรมเราครับ พนักงานหรือใครก็เห็น ไม่เชื่อโทรเช็คได้เลย ผมอยู่โรงแรมตลอด”
ทรงยศ ยิ้ม เริ่มเบาใจขึ้นมาได้บ้าง “อย่างนั้นก็ดี หนูขวัญเขาจะได้สบายใจ”
ศึกรบยกมือไหว้ลาภาวดีกับทรงยศแล้วรีบขึ้นรถไป สู่ขวัญเดินออกมาดู
“รบออกไปแล้วเหรอคะ”
ภาวดีหันไปเห็น ถึงกับตกใจ
“หนูขวัญ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
ภาวดีเดินเข้ามาในบ้านกับสู่ขวัญ แอบลอบมองลูกสะใภ้ เห็นมีสีหน้ากังวล ก็รีบพูดปลอบใจ
“หนูขวัญ อย่าไปคิดมากนะลูก ตารบงานมันยุ่งม้ากมาก หนูก็รู้ ที่รีบออกไปไม่ทักไม่ทายแบบนี้ก็เพราะงาน”
สู่ขวัญ วางท่าเฉย ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย “ขวัญไม่คิดมากหรอกค่ะ ขวัญเข้าใจ”
“อย่ามาโกหก แม่รู้ว่าหนูคิดมาก”
“ขวัญไม่ได้คิดอะไรจริงๆค่ะ” สู่ขวัญยืนยัน
ทรงยศ รีบพูดแทรกขึ้นมา
“ หนูขวัญบอกไม่คิด คุณก็ยังจะให้คิดอยู่นั่นแหละ คุณหรือหนูขวัญกันแน่ที่เป็นเมียไอ้รบมันน่ะ”
ภาวดีหันไปค้อนขวับใส่สามี
“ฉันเป็นแม่ย่ะ”
สู่ขวัญมองภารดีแล้วขำ “ขวัญนี่โชคดีนะคะมีคนคอยสแกนสามีให้แทนด้วย”
“แหม หนูขวัญนี่ล้อแม่ สแกนสเกินอะไรกัน”
ทรงยศเอียงหน้ามากระซิบภรรยา “ก็เล่นคิดมากซะยิ่งกว่าเมียเขาอีก”
ภาวดีค้อนสามีอีกรอบ ก่อนที่จะรีบปลี่ยนเรื่องไปชมสู่ขวัญแทน
“ตารบน่ะมันโชคดีจริงๆ มีเมียทั้งสวย อารมณ์ดี แถมเข้าอกเข้าใจสามีอีกต่างหาก เนอะคุณ”พลางหันมาพยักเพยิดกับทรงยศ
“ใช่ เหมาะสมกันที่สุด ทั้งหน้าตา ทั้งฐานะ”
ทรงยศหัวเราะทำเป็นกลบเกลื่อนเรื่องเงิน
ทางด้านศึกรบ มาถึงโรงแรม ก็รีบตรงดื่งมาที่ห้องพักของระริน ทำท่าหลบๆซ่อนๆ ก่อนใช้คีย์การ์ดเปิดเข้าไป แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง
ศึกรบมองหาระรินไปรอบๆ แต่ไม่เจอใคร
“คุณรินครับ อยู่รึเปล่า”
ศึกรบเดินเข้าไปดูในห้อง เปิดดูในห้องน้ำก็ไม่มีใคร หันไปเห็นโน้ตที่แปะไว้ในห้อง ศึกรบหยิบโน้ตมาดูมีข้อความว่า
“ออกไปทำงานก่อนนะคะ จะรีบกลับ เดี๋ยวเย็นๆเจอกันนะ คิดถึงค่ะ -ระริน- “
ศึกรบวางโน้ตลง มองตาละห้อย
แจ๊สกับระรินแต่งตัวใส่หมวกปีกใหญ่ สวมแว่นดาดำ อำพรางตัว เดินออกจากห้องรีบๆ มีคนมองมาที่ทั้งคู่บ้างนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
แจ๊สหยุดหน้าลิฟท์ บ่นออกมาแบบเซ็งๆ
“คุณพระคุณเจ้าทำไมใจร้ายกับสาวสวยนิสัยดีอย่างฉันแบบนี้นะ ดูซิ มีบุญมาเหยียบโรงแรมหรูอย่างกับวัง ดั๊นต้องมาเดินหลบๆ อย่างกับมาดูลาดเลาโจรกรรมของ”
ระรินหันมามองหน้าแจ๊สอย่างนึกรำคาญ
“บ่นมากจริง เดินออกมาปกติให้เขาถ่ายรูปเอาไปลงไหมล่ะ จะได้ถอดแว่นให้”
ระรินทำท่าจะถอดแว่นออก แจ๊สห้ามไว้
“อ๊าย หยุดค่ะหล่อน หยุดเลย อย่าทำตัวเป็นชะนีไม่มีหัวคิด เจ๊ขอ”
“ก็เลิกบ่นแล้วก็ทำอะไรที่ควรทำซะทีสิยะ ลิฟท์อ่ะ กดสิ”
แจ๊ส ส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด “ค่ะ จัดให้ทุกอย่างเลยค่ะ คุณขา หึ”
แจ๊สรีบกดลิฟท์ ระรินยืนเชิดๆไม่สนใจ
ศึกรบเข้ามาที่ออฟฟิศ แสงดาวเห็นดีใจ รีบออกมาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะคุณรบ จะรับกาแฟหรืออะไรไหมคะ”
“เหมือนเดิมครับ”
“ได้ค่ะ”
แสงดาวรับคำ ศึกรบกำลังจะเดินเข้าห้องทำงาน แสงดาวเรียกอีก
“เอ้อ คุณรบคะ”
ศึกรบ หันกลับมา ”ครับ?”
“ดาวลืมน่ะค่ะ ว่าจะถาม เรื่องแขกวีไอพีที่ให้ดาวเปิดห้องให้เมื่อวาน”
“ทำไมครับ?” ศึกรบย้อนถาม
“คือดาวอยากทราบชื่อแขก กับจำนวนวันที่มาพักน่ะค่ะ จะได้แจ้งไปที่โรงแรม”
ศึกรบหยุดคิด ก่อนจะตอบ
“อืม แขกของผมเขาไม่อยากเปิดเผยตัว แล้วก็จะพักไม่มีกำหนดด้วย แต่แค่นี้ เดี๋ยวผมบอกเองก็ได้”“เหรอคะ ก็ได้ค่ะ”
ศึกรบยิ้ม “ขอบคุณครับ มีข้อมูลอื่นที่อยากได้อีกรึเปล่า”
“ไม่มีค่ะ”
ศึกรบเดินเข้าไปในห้อง แสงดาวแอบมองตาม คาใจว่าแขกวีไอพี คือใคร?
ระหว่างที่ศึกรบนั่งทำงานในห้อง สาธรก็เปิดประตูพรวดเข้ามา
“ไฮ สวัสดีครับเพื่อน วันนี้ทำงานอารมณ์ดีเชียวนะ”
ศึกรบเงยหน้าขึ้นมาเห็นสาธร ก็หัวเราะอารมณ์ดี
“วันหลังก็เคาะประตูหน่อยสิวะ นี่เข้าพบผู้บริหารนะครับ”
“ไว้แกเลื่อนฉันเป็นเลขาแกก่อน แล้วเดี๋ยวเคาะ”
ศึกรบส่ายหัว ไม่ถือสา สาธรเลื่อนเก้าอี้มานั่งลงตรงข้ามศึกรบ
“แน่ะ รู้นะครับผู้บริหาร แอบเปิดห้องสวีทให้เซ็กซี่ตัวแม่ของวงการมาพักเลยเหรอ ร้ายไม่ใช่เล่น”
ศึกรบ สะดุ้ง แปลกใจ “รู้ได้ไงวะ”
สาธรหัวเราะ
“คุณเป็นผู้บริหาร ผมก็ผู้บริหารเหมือนกันนะครับ มีคนมาเปิดห้องสวีทไม่มีกำหนดแบบนี้ ผมก็ต้องรู้ทุกเรื่อง ทุกรายละเอียดสิครับ จริงมั้ย”
“แกนี่ก็ร้ายใช่ย่อย”
“แบบนี้ถึงคบกันได้ไง” สาธรตอบแบบติดตลก
“นอกจากแกแล้วอย่าให้คนอื่นรู้เพิ่มเด็ดขาด คุณรินเขามาขอความช่วยเหลือฉัน มีคนกำลังคุกคามเขา ถ้ารู้เยอะแล้วจะเดือดร้อน”
ศึกรบกำชับ สาธรมองหน้าศึกรบอย่างรู้ทัน
“ที่เปิดห้องให้นี่เพราะอยากช่วยแค่นั้น?”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“แหม เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าอยากอุบไว้ มันก็ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อกันบ้างนะครับคุณผู้บริหาร”
สาธรยิ้มเจ้าเล่ห์ ศึกรบส่ายหน้าอย่างระอา
หลังจากเสร็จจากการอีเว้นท์ ขณะที่ระรินกำลังแต่งตัวเตรียมจะทำงาน สายโทรศัพท์จากสงครามก็ดังขึ้น ระรินเห็น พลางบ่นออกมาแบบรำคาญ
“จะตามจองล้างจองผลาญไปถึงไหน หึ”
จากนั้นก็ทำทีเป็นยิ้มร่าเริงให้คนที่มองมา แล้วเดินเลี่ยงออกไปโทรศัพท์ แจ๊สมองตามเป็นห่วง พร้อมกับลุกตามไปดู
ระริน กดรับสาย “ ค่ะ ว่าไงคะ”
ในขณะที่สงครามนั่งรอระรินอยู่ในคอนโด
“พูดคะขาใส่กันได้แล้วเหรอ ที่รัก”
“มีอะไรก็รีบพูด ฉันจะทำงาน”
“เสียงเปลี่ยนทันทีเลยนะ อ๋อ นี่คงทำเป็นพูดหวานกลบเกลื่อนความสองหน้าของตัวเองนี่เอง ที่รักของผมนี่สันดานเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ”
สงครามหลอกด่า
“ฉันถามว่ามีอะไร ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ”
“รู้เรื่อง ก็คิดถึง อยากโทรหาหน่อยไม่ได้รึไง อยากเจอด้วย ผิดตรงไหน”
“เชิญคิดถึงไปเถอะ ยังไงแกก็หาฉันไม่เจอหรอก”
“จุ๊ๆ อย่าพูดแบบนั้นสิ คนแบบสงครามไม่ใช่ไอ้กระจอกอย่างที่เธอคิดหรอกนะ”
“คือจะสื่อว่า?” ระรินย้อนถาม
“ฉันสืบมาหมดแล้ว ว่าเธออยู่ที่ไหน กับใคร แล้วจะไปไหนบ้าง ยังไงเธอก็หนีฉันไม่รอด”
“แกรู้ได้ยังไง”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่าฉันอยากเจอเธอหรอก จริงมั้ย”
“บอกฉันมานะ แกรู้ได้ยังไง” ระรินคาดคั้น
“ออกมาหาฉัน คุยกันให้รู้เรื่อง แล้วฉันจะบอก จะรอที่คอนโดนะครับ บาย”
ระรินวางสาย หน้าเครียด แจ๊สที่ตามมาทักขึ้น
“มีอะไร ไอ้สงครามเหรอ”
“อือ มันบอกให้ไปเจอที่คอนโด มีเรื่องจะคุยด้วย”
แจ๊สเอามือทาบอก “ตายแล้ว เธอจะไปเหรอ กลับมาจะเหลือเป็นชิ้นครบมั้ยยะ”
ระรินมองค้อน “อวยพรแต่หัววันเลยนะ”
“เป็นห่วงหรอกย่ะ ถ้ามันทำอะไรเธอ จะทำยังไง ไม่กลัวเหรอ”
“มาถึงขนาดนี้แล้วจะกลัวอะไร ไปก็ไป จะได้เคลียร์ให้มันจบๆ”
“มีเรื่องไม่เว้นวัน เฮ้อ เอาไงเอากันค่ะ”
แจ๊สเดินเซ็งกลับไปในห้องแต่งตัว ระรินเครียด
เพชรกับแพรวเดินเข้ามาในร้านสู่ขวัญ พลางทักทายเจ้าของร้านอย่างอารมณ์ดี
“สวัสดีค่ะน้องขวัญ น้องมีนา” พลางหมุนตัวให้ดู “เป็นไงคะ ชุดที่เราสองคนใส่มาวันนี้สวยมั้ยเอ่ย”
สู่ขวัญกับมีนาเข้าไปต้อนรับ มองชุดของเพชร
“สวัสดีค่า แหม คนสวยใส่อะไรก็สวยอยู่แล้วค่ะ แต่ เอ๊ะ นี่มัน”
สู่ขวัญ พูดแทรกขึ้นมา “ชุดร้านเรา”
มีนาตาโต “โอ๊ย งั้นยิ่งสวยใหญ่เลยคะ ฉันนี่บ้าจัง ชุดร้านตัวเองจำไม่ได้”
สู่ขวัญขำมีนา เพชรกับแพรวยิ้มปลื้ม
“เหมาะมากเลยค่ะ ชุดเข้ารูปดีม้ากมาก สีก็ขับผิวด้วย” สู่ขวัญชมอย่างจริงใจ
“ลูกค้าชอบถึงกับใส่มาอวดแบบนี้ เจ้าของร้านดีใจน้ำตาจะไหลเลยค่ะคุณพี่”
“แพรวกับพี่เพชรไม่ชมชุดใครมั่วซั่วนะคะ อย่างที่รู้ เราค่อนข้างเลือก” แพรวพูดยิ้มๆ
“เลือกนักก็เลยมักได้แร่สินะคะ”
มีนาพูดไปเรื่อย เพชรถึงกับสะอึก สู่ขวัญนึกได้ หยิกมีนาไปหนึ่งที
“แต่ของร้านเราไม่ใช่แร่แน่นอนค่ะ ที่นี่ใช้แต่ของเกรดเอเท่านั้น ของไม่มีคุณภาพเราคัดออกทันที”
“แล้วถ้าสามีไม่มีคุณภาพ” มีนาลอยหน้าลอยตาถามสู่ขวัญ
“ตัดให้ขาดเลยเหมือนกัน”
ทั้งมีนา เพชร แพรว หันมามองอย่างตกใจ สู่ขวัญรีบแก้
“ตัดขาดค่ะ ตัดขาด อย่าเข้าใจผิดนะคะ ขวัญไม่ได้โหดขนาดนั้น”
“ค่ะคุณน้องไม่โหด แต่ใจเด็ดที่สุด พี่คิดไม่ผิดเลยที่เลือกร้านนี้”
เพชรมองสู่ขวัญอย่างชื่นชม สู่ขวัญยิ้มภูมิใจ พลันเสียงเมสเสจโทรศัพท์ดัง มีนาทัก
“เสียงเมสเสจใครคะ”
“ของแพรวกับพี่เพชรค่ะ สักครู่นะคะ”
สองพี่น้องหยิบโทรศัพท์มาดู เมื่อเห็นข้อความ เพชรก็เลือดขึ้นหน้าทันที
“ยัยแพรว”
เพชรหันไปเรียกน้องสาว เสียงเข้ม
“รีบไปกันเถอะค่ะ ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว”
เพชรพยักหน้า แล้วรีบร้อนออกไปจากร้าน แพรวตามไป สู่ขวัญกับมีนามองงงๆ
“รีบไปไหนของเขา”
อ่านต่อหน้า 3
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 4 (ต่อ)
สงครามโผเข้าไปจะกอดระรินทันทีที่พบหน้า
“คุณมาหาผมจริงๆด้วย ดีใจที่สุดเลย ไหนมากอดทีซิ”
ระรินยกมือกันไว้ไม่ให้สงครามเข้ามา สงครามหงุดหงิด
“นึกว่าจะหายแล้วซะอีกถึงยอมมา นี่เธอเป็นอะไรไปอีก ผีเข้าผีออกรึไง”
ระรินทำหน้ารำคาญ
“อยากคุยกับฉันก็พูดให้มันดีๆหน่อย ทำเป็นมั้ย ถ้าไม่ ฉันก็ไม่เสียเวลาจะพูดด้วย”
พลางขยับตัวจะเดินออกจากห้อง สงครามรั้งไว้
“ฉันก็แค่อยากให้เราเป็นเหมือนเดิม แค่นั้นเอง”
“แต่มันไม่มีทางมีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว เราเลิกกันเถอะ”
ระรินเน้นเสียง พลางสะบัดสงครามออก แล้วล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจคอนโดขึ้นมา
“แล้วก็นี่ คอนโดนี่ ฉันคืนให้ เอาไป”
ระรินกระแทกกุญแจลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะสะบัดตัวเดินหนี สงครามไม่ยอม วิ่งไปขวางหน้าประตูไว้“เลิก? คืนให้? ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าฉันทุ่มให้เธอแค่ไหน ถ้าฉันได้คืนไม่คุ้มเท่ากับที่เสียไปล่ะก็ อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆ ระริน”
สงครามพุ่งเข้ามาพยายามจะปล้ำระริน ระรินร้องกรี๊ดเสียงดัง พลางดิ้นไปมา
ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกผั้วะออกมา เพชรกับแพรวยืนอยู่ที่หน้าห้อง
เพชรเห็นสงครามที่กำลังนัวเนียกับระริน ก็เดือดพล่านทันที พลางรีบเข้าไปกระชากตัวสงครามออกมา ในขณะที่แพรวเข้าไปจับตัวระริน เพชรพุ่งเข้ามาตบ ระรินปัดป้อง เพชรจะตบอีก ระรินร้องขึ้น
“เอาซิ ตบเลย ยัยพวกหมาหมู่”
“ใครกันแน่หมา ฉันหมา เธอก็หมาจนตรอกเหมือนกันนั่นแหละ”
“ก็ได้ คอยดูแล้วกัน หมาจนตรอกมันทำอะไรไม่ได้ แต่กฎหมายทำได้ ถ้าเธอรุมฉัน ฉันจะฟ้องให้หมด ทำร้ายร่างกายน่ะ คดีอาญานะ ลองดูสิ”
เพชรชะงักไป แพรวมองหน้าเพชร
“พี่เพชรเอาไงดี”
“กลับไปคุยกันที่บ้าน” เพชรตอบ พลางหันไปสั่งสงคราม “เธอด้วย อย่าหนีนะ”
เพชรมองจิกระรินอย่างขัดใจ แล้วสะบัดตัวเดินออกไปกับแพรว สงครามเดินตามไปติดๆ
“นึกว่าจะแน่ อีแก่”
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เพชรก็ตบหน้าสงครามฉาดใหญ่ พลางโวยวายใส่เสียงดัง
“ทำไมคุณทำแบบนี้ คุณไปยุ่งกับอีดารานั่น คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
สงครามยืนเงียบปล่อยให้เพชรพูดต่อไป
“ทำไมไม่เลิกกับมันซะที ทำไม ทำไม ทำไม”
เพชรเข้าไปรัวทุบสงครามไม่ยั้ง ในขณะที่ฝ่ายหลังยืนนิ่ง ไม่ตอบโต้
“ยืนนิ่งทำไม พูดมาสิ”
“ผมขอโทษ”
“คิดออกแค่นี้เหรอ ทำไมตอนทำไม่คิด”
สงครามเสียงอ่อย “ผมขอโทษ เพชร มันมายั่วผมก่อนนะ ผมไม่ได้คิดจริงจังอะไรเลย”
เพชรจ้องหน้าสงคราม ก่อนที่จะยิ้มเหยียดๆ
“แล้วทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า ข้าวของสารพัดที่แกเอาเงินฉันไปซื้อของประเคนนังนั่นล่ะ ไม่จริงจังเหรอ ฉันไม่เชื่อ”
“มันมายั่วผม ออดอ้อนผมเพราะอยากได้ของพวกนี้ไงล่ะ”
“ตอบมาเป็นแพทเทิร์นเชียวนะ รู้ไว้แบบนี้เขาเรียกว่าแก้ตัว”
“จะว่าผมแก้ตัวก็ได้ แต่คุณต้องเชื่อผมสิ ผมเป็นสามีคุณนะ”
“สามีเหรอ” เพชรถลึงตาใส่ “สามีที่ไหนทำกับเมียตัวเองแบบนี้ ที่ผ่านมามันไม่ใช่ความรักใช่ไหม แกคิดจะปอกลอกฉันมาตลอดเลยใช่ไหม “
จากนั้นก็ทุบตีสงคราอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่สงครามได้แต่ยืนนิ่งอย่างเก็บกด
แม่บ้านเข็นรถอุปกรณ์ทำความสะอาดมาถึงหน้าห้องพักของระริน ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป
แสงดาวแอบย่องตามมา เห็นแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดห้องน้ำ ไม่เห็นใครอยู่ในห้อง
“ไม่มีคนอยู่เหรอ”
แสงดาวจะเปิดประตูเข้าไป แต่เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อน
“เดี๋ยวช่วยเปลี่ยนไดร์เป่าผมให้ด้วยนะจ๊ะ อันนี้มันติดๆ ดับๆ”
“ได้ค่ะ”
แสงดาวเห็นระรินจากด้านหลัง เดินมาสั่งโน่นนี่แม่บ้าน
“ใครน่ะ”
ระรินเดินไปมาในห้อง กำลังจะหันมาทางแสงดาว แสงดาวชะเง้อมองลุ้น แม่บ้านทำความสะอาดออกมาจากห้องน้ำเสียก่อน แสงดาวกลัวคนเห็นหลบไปอีกทาง พร้อมกับเก็บความสงสัยไว้
แสงดาวกลับมาที่โต๊ะทำงาน ร้อนใจ จนนั่งไม่ติดที่
“ผู้หญิง บอกคุณสู่ขวัญดีรึเปล่านะ”
แสงดาวสะบัดหัว พยายามไม่คิด ก้มลงทำงาน แต่ก็ทำได้ไม่นาน
“อาจจะเป็นแขก อย่าคิดมาก”
แสงดาวจะทำงานอีก แต่ไม่มีสมาธิ ก้มลงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหาสู่ขวัญ
เสียงของศึกรบดังแทรกขึ้นมาก่อน “แอบโทรหาใครในเวลางานครับ”
แสงดาว สะดุ้ง แล้วรีบปฎิเสธ
“เปล่านะคะ ดาวไม่ได้จะโทรบอก.... คุณรบ”
ศึกรบยิ้มขำ กับท่าทีของแสงดาว
“แค่ทักต้องสะดุ้งขนาดนี้เลยเหรอครับ ขวัญอ่อนนะเนี่ย”
“คือว่า ดาว”
“ขวัญอ่อนก็ไม่เป็นไรครับ ไม่มีผลกับเรื่องงาน ผมอนุญาตให้ตกใจกันได้”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”
ศึกรบพูดขำๆ
“ก็ได้ครับ อ้อ เรื่องโทรศัพท์ ผมจะทำเป็นไม่เห็นแล้วกัน โทรได้นะครับ เวลาใครถามก็บอกว่าโทรเรื่องงานผม อนุญาตเหมือนกัน”
ศึกรบเดินเข้าไปในห้องทำงานอย่างอารมณ์ดี
แสงดาวมองชื่อสู่ขวัญในโทรศัพท์ แล้วก็ใจอ่อนเก็บลงกระเป๋าเหมือนเดิม พร้อมๆ กับที่ศึกรบเปิดประตูพรวดออกมาจากห้องทำงานอีกรอบ
“เอ้อ คุณดาวผมลืมอีกเรื่อง”
“คะ?”
“รบกวนสั่งแชมเปญดีๆให้ผมสักขวดสิ”
“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ”
ศึกรบยิ้มให้แล้วเข้าไปในห้อง แสงดาวถอนหายใจ
ในขณะที่ระรินนั่งดูไอแพดอยู่อย่างเซ็งๆ ในห้องพัก ทันใดนั้นเสียงกริ่ง ก็ดังขึ้น ระรินรีบผุดลุกขึ้นไป
ดูที่ตาแมว พอเห็นว่าเป็นใครก็รีบเปิดประตูออกทันที
ศึกรบเข้ามาในห้องพร้อมกับเปิดแชมเปญทันที ระรินร้องอย่างดีใจ
“ว้าย”
ระรินโผเข้ากอดศึกรบ ทั้งตกใจ และดีใจระคนกัน ศึกรบก้มลงมองระริน ทั้งสองสบตากันหวาน
ระรินแกล้งทำมารยา ผละออกจากศึกรบเขินๆ
“คุณรบอ่ะ เล่นอะไรก็ไม่รู้ จะฉลองเนื่องในโอกาสอะไรคะ”
ศึกรบเดินเข้ามาหา “ลองทายดูมั้ย”
“ไม่ทายดีกว่า อยากรู้เลย”
“ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยน” ศึกรบยิ้ม พลางส่งสายตาเจ้าชู้
“ขี้โกงชะมัด รินไม่มีอะไรแลกเปลี่ยนหรอก ทุกอย่างให้คุณรบไปหมดแล้ว”
“แต่ผมอยากได้อีก”
ระรินกับศึกรบมองหน้ากัน ศึกรบยิ้มกริ่ม พลางเดินหยิบแก้วแชมเปญ 2 ใบมาจากเคาน์เตอร์บาร์ แล้วรินใส่แก้ว ก่อนจะยื่นให้ระริน
ทั้งสองชนแก้วกันอย่างหวานชื่น
ศึกรบ เดินหนีเข้ามาในห้องนอน ระรินซึ่งหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์แชมเปญถือขวด แชมเปญวิ่งตามมา
“อย่าครับคุณริน”
ระรินวิ่งมาทัน พลางราดแชมเปญบนตัวศึกรบ แล้วหัวเราะสนุก ก่อนจะวิ่งหนี ศึกรบวิ่งตาม จนจับตัวระรินได้
“มาให้ผมแก้แค้นซะดีๆ”
“อย่าค่ะคุณรบ ปล่อยรินนะปล่อย” ระรินแสร้งร้องอย่างมีจริต
“เรื่องอะไรจะปล่อย”
จากนั้นศึกรบก็ราดแชมเปญลงไปบนตัวของระริน ก่อนที่จะไซร้ซอกคอที่ฉ่ำไปด้วยแชมเปญอย่างหื่นกระหาย
ในขณะที่สู่ขวัญกลับมาที่บ้าน พรรีบเข้ามารับกระเป๋าเอกสารของสู่ขวัญไปวาง
“พร คุณรบยังไม่กลับมาเหรอ ฉันไม่เห็นรถ”
“ยังค่ะคุณขวัญ”
“เหรอ” สู่ขวัญเริ่มฉุกคิด ความสงสัยเริ่มทวีขึ้น จากนั้นก็ลองกดมือถือหาศึกรบ แต่ศึกรบไม่รับสาย
“ทำไมไม่รับสาย”
สู่ขวัญกดซ้ำอีกหลายครั้ง แต่ก็ได้รับผลเช่นเดิม
อ่านต่อหน้า 4
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 4 (ต่อ)
ทางด้านศึกรบงัวเงียตื่นขึ้นมา รีบหยิบโทรศัพท์มาดูเวลา แล้วก็ตกใจ รีบลุกพรวดพราดขึ้นแต่งตัว
ระรินตื่นมาเห็นศึกรบ ก็รีบเข้าไปกอดจากด้านหลัง
“รบจะไปไหนคะ”
“ผมต้องกลับแล้วล่ะ ขวัญโทรมาตามหลายครั้งแล้ว เขาคงเป็นห่วง”
“รักเมียเหลือเกินนะคะ ต้องรายงานกันตลอดเวลา” ระรินประชด
“ก็ปกติผมบอกเขาตลอด”
“ถ้ารักเมียมาก แล้วจะมายุ่งกับรินทำไมล่ะคะ”
ระรินผละออกจากศึกรบ ทำเป็นงอน ศึกรบง้อ
“ริน ไม่ใช่แบบนั้น ผมก็อยากอยู่กับริน แต่ว่า”
“กลัวเมีย” ระรินรีบพูดดักคอ
“ไม่ใช่ ผมไม่ได้กลัว แต่ไม่อยากเกิดปัญหา”
“แล้วคุณรบจะปล่อยให้รินสู้กับปัญหาอยู่คนเดียวงั้นเหรอคะ”
ศึกรบกอดระรินไว้แน่น
“เรายังไม่มีปัญหาอะไรกันเลยสักนิด มีแต่ความสุขไม่ใช่เหรอ”
ระรินซบกับศึกรบทำท่าออดอ้อน
“ก็อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอคะ”
ศึกรบนิ่งคิด ระรินอ้อนต่อ
“นะคะ รินอยากอยู่กับคุณรบ”
ระรินหอมศึกรบ ศึกรบใจอ่อน จูบระรินแล้วล้มไปบนเตียงด้วยกัน
ศึกรบกลับมาที่บ้านด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เจอสู่ขวัญนั่งรออยู่ ก็ถึงกับตกใจ จนหน้าถอดสี แต่พยายามเก็บอาการ
“ขวัญ ยังไม่หลับอีกเหรอ”
สู่ขวัญเดินเข้ามาหา จับหน้าศึกรบดู ทำทีว่าเป็นห่วง
“คุณดูเหนื่อยๆจังเลย กินอะไรมาบ้างรึยังคะ”
“ผมกินมาแล้วล่ะ ขอบคุณครับ ขวัญน่ารักที่สุด รอผมแล้วยังอุตส่าห์เป็นห่วง”
ศึกรบเข้ามาหอมสู่ขวัญ สู่ขวัญผละออกเพราะเหม็นกลิ่นเหล้า
“ไปดื่มเหล้ามาหรือคะ”
“นิดหน่อยครับ เลี้ยงลูกค้าน่ะ”
“งั้นไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวขวัญจะได้นอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
“ครับผม”
ศึกรบเดินผละขึ้นไปชั้นบน สู่ขวัญมองตาม ยิ่งสงสัยหนักขึ้น
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ศึกรบก็ล้มตัวลงนอนทันทีด้วยความเหนื่อยอ่อน สู่ขวัญมองอย่างชั่งใจ ก่อนจะถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกให้เห็นชุดนอนเซ็กซี่แล้วเข้าไปกอดศึกรบ
“รบคะ จะนอนแล้วเหรอ”
ศึกรบพลิกตัวหันมาคุยกับสู่ขวัญ ด้วยน้ำเสียงงัวเงียๆ
“อืม วันนี้เหนื่อยจังเลย”
“แต่ขวัญยังไม่ง่วงเลยนี่”
ศึกรบยกมือปิดปาก หาว “แต่ผมง่วงมากก”
สู่ขวัญทำหน้าเซ็ง “ทำไมวันนี้รบง่วงขนาดนี้ล่ะคะ”
“มีปัญหากับแขกวีไอพีที่โรงแรมน่ะสิ”
“เรื่องอะไรคะ”
“เขาจะขอเปลี่ยนห้อง อ้างว่าวิวไม่ดี ห้องไม่สวย” ศึกรบโกหกเป็นเรื่องเป็นราว
“เปลี่ยนให้เขาซะก็สิ้นเรื่อง”
“ไม่ง่ายงั้นน่ะสิ คือห้องที่เขาจะเอาน่ะ มันดันมีคนพักอยู่ จะไล่แขกออกไปก็ไม่ได้ เขาเลยเช็คเอาท์ไปพักที่อื่น แถมตอนนี้โลว์ซีซั่น คู่แข่งก็ลดแลกแจกแถมหนัก ลูกค้าโดนแย่งไปเยอะ”
สู่ขวัญแกล้งทำเห็นใจ
“แย่เลยต้องมาคอยตามแก้ปัญหา แต่ขวัญไม่อยากให้รบเครียดนะคะ สิ้นเดือนนี้ ขวัญว่าเราไปเที่ยวมัลดีฟส์กัน คุณจะได้พักผ่อนด้วย ดีไหมคะ”
สู่ขวัญหันไปดู แต่ปรากฏว่าศึกรบหลับไปแล้ว สู่ขวัญลูบผมศึกรบ หยั่งงเชิงว่าเขาหลับจริงหรือเปล่า แล้วแกล้งพูดหวานๆใส่
“หลับแล้วเหรอคะรบฃ รบคะ ขอบคุณนะคะที่ทำงานแทนขวัญ คุณคงเหนื่อยมากจริงๆ ฝันดีนะ”
สู่ขวัญหอมแก้มศึกรบก่อนจะพลิกตัวไปอีกฝั่งแล้วหลับบ้าง
ศึกรบลืมตาขึ้น โล่งอกที่สู่ขวัญไม่รู้เรื่องอะไร
เช้าวันต่อมา สู่ขวัญนั่งเปิดนิตยสารแฟชั่นไปมาในร้าน ด้วยท่าทีที่เซ็งๆ คิ้วขมวดเหมือนคิดอะไรอยู่จนมีนาเห็นผิดสังเกต เลยทักขึ้น
“เป็นอะไรจ๊ะเพื่อนสาว สามีไม่เอาอกเอาใจรึไง หน้าเซ็งพิกล”
สู่ขวัญตอบเสียงเนือยๆ “อือ”
มีนาตกใจ อกมือทาบก “อกอีแป้น เรื่องจริงเหรอ?”
สู่ขวัญขำมีนานิดหนึ่ง แล้วก็ทำหน้าเครียดเหมือนเดิม
“ไม่รู้สิ”
มีนาเดินมานั่งลงข้างๆ สู่ขวัญ
“เล่ามาได้นะ มีอะไรไม่สบายใจอะ คิดซะว่าฉันเป็นส้วมก็ได้ จะได้ระบายออกบ้าง เก็บเอาไว้อึดอัด”
สู่ขวัญ หันไปยิ้มขำกับคำเปรียบเทียบของมีนา
“ยัยบ้า คนนะไม่ใช่ชักโครก”
“เออ แล้วเธอจะเล่าได้รึยัง”
สู่ขวัญ ถอนหายใจ
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แบบพักนี้รบเขาดูแปลกๆ ไม่รู้ว่างานมีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“งานอย่างเดียวเหรอ เมื่อก่อนเขาก็งานยุ่ง แกไม่เห็นบ่นแปลกเลย”
“ฉันจะไปรู้ได้ไง เวลาเขามีปัญหา เขาก็ไม่เคยบอก”
มีนา ยิ้มออกมา เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“อยากรู้ปัญหาของสามีสุดที่รักรึเปล่า”
สู่ขวัญพยักหน้า “อยากสิ”
“มีนากูรู มีวิธีค่ะ”
มีนาพูดอย่างมั่นใจ
ในขณะที่แสงดาวกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เสียงโทรศัพท์ ที่โต๊ะทำงานก็ดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ แสงดาวพูดสายค่ะ”
“คุณดาว นี่ฉันสู่ขวัญเองค่ะ”
สู่ขวัญยืนโทรศัพท์อยู่ในร้าน มีนายืนลุ้นอยู่ข้างๆ
แสงดาวตกใจ
“คุณขวัญ? มีธุระอะไรจะวานดาวรึเปล่าคะ หรือว่าติดต่อคุณรบไม่ได้”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ ฉันอยากคุยกับคุณดาวน่ะแหละ”
“กับดาว?” แสงดาวทวนคำ
“ใช่ค่ะ คือฉันอยากรู้ว่า ตอนนี้งานที่โรงแรมมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ เห็นรบเขาเครียดๆ”
“คือว่า” แสงดาวอึกอัก
“บอกฉันมาเถอะค่ะ ไม่ต้องกลัวรบรู้หรอก รับรองฉันจะอุบเงียบไม่บอกใคร”
แสงดาว ตัดสินใจบอก
“คือว่าช่วงนี้ มีแขกวีไอพีมาพักน่ะค่ะ”
“แขกวีไอพีเหรอคะ” สู่ขวัญเลิกคิ้ว ด้วยความสงสัย
“ค่ะ คุณรบเลยต้องลงไปดูแลเอง เป็นพิเศษ”
สู่ขวัญได้ยินก็โล่งใจ
“เรื่องนี้เองเหรอคะ นึกว่าอะไร รบบอกฉันแล้วล่ะค่ะ สงสัยฉันจะคิดมากไปเอง”
“ค่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณดาว แล้วถ้ามีปัญหาอะไรนอกจากนี้ หรือว่ามีเรื่องอะไรแปลกๆ ฉันรบกวนคุณดาวช่วยรายงานฉันด้วยนะคะ”
“ได้ค่ะคุณขวัญ” แสงดาวรับคำ
“อ้อ แล้วก็เรื่องนี้เรารู้กันแค่สองคน ไม่ต้องบอกรบนะคะ โอเคตามนี้”
“ค่ะ แล้วดาวจะรายงานไป”
“ขอบคุณมากค่ะ”
สู่ขวัญยิ้มพอใจกับคำตอบของแสงดาว พลางหันไปยิ้มกับมีนาอย่างโล่งใจ
ตรงข้ามกับแสงดาว ที่วางสายจากสู่ขวัญ แล้วก็เครียดขึ้นมาทันที
“ทำอะไรอยู่ครับคุณดาว”
แสงดาวตกใจ สะดุ้ง หันไปเจอศึกรบ
“โธ่ คุณรบ เอาอีกแล้ว”
“เดี๋ยวนี้ขี้ตกใจนะครับเนี่ย ไม่ยักกะรู้ว่าขวัญอ่อน”
“อย่าแซวดาวสิคะ คุณรบเล่นมาตอนดาวคิดอะไรเพลินพอดี”
ศึกรบมองเลขายิ้มๆ
“เดี๋ยวนี้ชอบคิดอะไรอยู่ครับเนี่ย ปกติเห็นคุณดาวคิดแต่เรื่องงาน”
แสงดาวตอบเลี่ยงๆ “ก็เรื่องงานนั่นแหละค่ะ”
“ว่าแล้วเชียว งั้นงานวันนี้ผมมีอะไรบ้างครับ”
แสงดาวเปิดสมุดจดตารางงานของศึกรบดู
“มีประชุมกับบอร์ดบริหารช่วงบ่ายค่ะ”
ศึกรบพยักหน้า “โอเค งั้นช่วงเช้าว่างใช่ไหม?”
“ค่ะ”
ศึกรบยิ้มกริ่ม แสงดาวมองตามอย่างสงสัย
ศึกรบเดินอารมณ์ดีตรงมาที่ห้องสวีทของระริน ในขณะที่แสงดาวแอบตามมาเงียบๆ ศึกรบรู้สึกแปลกๆเหมือนมีใครกำลังตามมา เลยหันไปดู แค่แสงดาวหลบทัน
ศึกรบเดินเข้าไปใกล้ห้องของระรินเรื่อยๆ แสงดาวยิ่งลุ้น พลางรีบเดินเข้าไปใกล้ศึกรบอีก แต่บังเอิญรองเท้าพลิก
“อุ๊ย”
ศึกรบรู้สึกมีคนตามมาจริงเลยหันไปดูอีกรอบ
“ใครน่ะ”
ศึกรบหันไป เจอแต่แม่บ้านโรงแรมเดินอยู่ รีบโบกมือเชิงว่าไม่มีอะไรให้แม่บ้านแล้วเดินต่อ
แสงดาวโผล่ออกมาจากมุมหนึ่งของโรงแรม โล่งใจที่หลบทัน
ศึกรบเดินมาถึงหน้าห้องพักของระริน พลางมองซ้ายมองขวาอย่าวงระแวดระวัง แสงดาวแอบตามมาดู พยายามไม่ให้ศึกรบเห็น
ศึกรบคิดว่าไม่มีใครตามมา เลยเคาะประตู แล้วใช้คีย์การ์ดเปิดเข้าไปในห้อง
แสงดาวมองศึกรบหายเข้าไปในห้อง มองตามด้วยความอยากรู้
อ่านต่อตอนที่ 5