ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 5
แสงดาวหลบอยู่ใกล้ๆ ห้องพักของระริน เพื่อแอบดูว่าแขกในห้องศึกรบเป็นใคร ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามาข้างหลัง และยื่นมือเข้าไปจับบ่าแสงดาว
แสงดาวสะดุ้งหันกลับไป
“คุณรบ”
ศึกรบมองแสงดาว สงสัย
“คุณดาว มาทำอะไรแถวนี้ครับ”
แสงดาวอึกอัก “คือ คือว่าดาว”
“ว่าไงครับ” ศึกรบถามซ้ำ
“ดาว บังเอิญ หลงมาน่ะค่ะ”
“หลง?” ศึกรบเลิกคิ้ว สงสัย
แสงดาวพยักหน้าช้าๆ ไม่กล้าสบตา ศึกรบมองแสงดาวยิ้มๆ พลางเดินเข้าไปใกล้แสงดาว พูดไปจ้องหน้าไป
“หลง? งั้นเหรอครับ อืม คงเพราะโรงแรมเราใหญ่มาก”.
แสงดาวหน้าซีด ค่อยๆ ถอยหนีศึกรบ
“แถมยังแบ่งประเภทห้องพักออกเป็นสัดส่วนแยกกัน ถ้าเป็นไม่รู้ที่ทางในโรงแรมอย่างดีอาจจะหลง”
แสงดาวโดนศึกรบรุนจนเกือบติดผนัง ศึกรบได้ใจยิ่งเข้าไปใกล้อีก
“แต่กับคุณ ผมว่าไม่”
แสงดาวถอยไปจนติดผนัง พลางจะเบี่ยงตัวหลบ ศึกรบรีบยกมือกั้นแสงดาวไว้ไม่ให้ไป และยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“จะบอกผมได้รึยัง ว่าทำไม คุณถึงตามผมมาที่นี่”
แสงดาวอึกอัก “ คือ ดาว”
ศึกรบยื่นหน้าเข้าไปใกล้แสงดาวมาก แถมจ้องมองเธออย่างคาดคั้น
“ว่าไงครับ ตามมาเพราะเรื่องงานหรือเพราะคิดถึงผม”
“เปล่านะคะ ดาว”
แสงดาวพูดไม่ออก บอกไม่ถูก ทันใดนั้นเสียงของระรินก็แทรกขึ้นมา
“รบ”
ศึกรบตกใจ หันไปเจอระรินยืนอยู่ รีบผละออกจากแสงดาว ระรินเดินมามองแสงดาวเหยียดๆ แล้วหันมาพูดกับศึกรบ
“มีอะไรกันคะคุณรบ”
ระรินจิกตามองแสงดาว ในขณะที่ศึกรบรีบแก้ตัว
“อ๋อคุณดาว เลขาผมมาตามไปเซ็นเอกสาร”
“เซ็นเอกสารที่ไหนคะ ทำไมหน้าแทบจะแนบกันแบบนี้”
แสงดาวทำอะไรไม่ถูก เพราะมัวแต่ตกใจที่เห็นระริน
ศึกรบ ใช้สายตาเป็นเชิงห้ามระริน ไม่ให้พูดต่อ “ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณดาวสะดุดล้ม ผมช่วยประคองขึ้นมาเท่านั้นเอง”
“รินไม่อยากจะเชื่อเลย”
ระรินหงุดหงิด รีบเดินสะบัดเข้าห้องไป ศึกรบส่ายหน้าอย่างขัดใจ ที่ความลับแตก รีบหันมาหา แสงดาว
“คุณดาว อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาดนะ คุณระรินกำลังถูกคุกคาม เธอต้องการความเป็นส่วนตัว ไว้ผมจะคุยกับคุณอีกที”
ศึกรบสั่งไว้แค่นั้นแล้วรีบพุ่งตามระรินเข้าไปในห้อง แสงดาวมองตามอย่างงุนงง
ระรินเดินนำเข้ามาในห้อง พลางเหวี่ยงกระเป๋าลงที่นอนดังอย่างแรง ศึกรบเดินตามเข้ามา พลางกอดระรินด้านหลัง ระรินแกะมือศึกรบออก
“โธ่ ริน เป็นอะไรไปครับ”
“คุณรบอธิบายสิ่งที่รินเห็นมาก่อนดีกว่า ว่าคุณกับแม่เลขานั่นคืออะไรกันแน่คะ”
“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับริน เขาเป็นเลขาผมมาตั้งนานแล้ว ผมไม่เคยคิดอะไรกับเขาเลย”
“แล้วทำไมต้องทำตัวติดกันขนาดนั้น เป็นสมภารจะกินไก่วัดรึไง หรือว่าคุณมีรินแล้วยังไม่พอ”
ระรินพูดเสียงสะบัดๆ
“ไม่ใช่นะริน” ศึกรบพยายามแก้ตัว “กับคนอื่น หรือแม้แต่คุณดาว ผมก็ล้อเล่นไปสนุกๆประสาผู้ชาย”
“งั้นกับรินคุณก็ล้อเล่นสนุกๆด้วยงั้นสิ รินไม่ฟังคุณแล้ว รินเหนื่อย อยากอาบน้ำ”
ระรินเดินหนี ศึกรบดึงไว้ พยายามกอด ระรินสะบัดสะบิ้ง
“ปล่อยรินนะคะ”
ระรินสะบัดออก แล้วเดินออกไป ศึกรบมองตาม พลางยิ้มมุมปาก อย่างมั่นใจว่าตัวองจัดการได้
แสงดาวกลับมานั่งตัวสั่นที่โต๊ะทำงาน พลางรำพึงกับตัวเองเบาๆ
“แขกในห้องคือคุณระริน คุณระรินที่เป็นดาราดังนี่ ถ้าคุณสู่ขวัญรู้”
แสงดาวหน้าเครียด บีบมือตัวเองแน่น เพราะความลับมันคับอก
ทางด้านศึกรบตามมาดึงตัวระรินไว้ให้หันมาคุยกัน
“เดี๋ยวสิครับริน ฟังผมอธิบาย”
ระรินมองหน้าศึกรบ ยังหงุดหงิดอยู่
“รินบอกแล้วไงคะว่าไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ถ้าเห็นผู้หญิงทุกคนเป็นเรื่องสนุก เราก็ไม่มีอะไรจะคุยกัน”“ริน ผมไม่ได้เห็นใครเป็นของเล่นไปหมดทุกคนนะ กับคุณผมจริงจัง”
ศึกรบส่งสายตาว่าจริงจังประกอบคำพูด
“ถึงจริงจัง แต่ก็ไม่ใช่เมีย ออกหน้าออกตาในสังคมไม่ได้ เดี๋ยวซักวันคุณก็จะเขี่ยรินทิ้ง”
ระรินแกล้งตีหน้าเศร้า ศึกรบคว้ามือระรินมาจับไว้
“ถึงคุณจะไม่ใช่เมียแต่ง แต่ผมก็ไม่เคยจริงจังกับใครถึงขนาดนี้มาก่อนเลยนะริน ผมคิดถึงคุณ อยากมาหาคุณทุกวัน อยากอยู่กับคุณนานๆ แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ”
ศึกรบมองระรินด้วยสายตาเว้าวอน ระรินเริ่มใจอ่อน
“อยากอยู่ด้วยกันนานๆ จริงนะ”
ศึกรบ ยกมือระรินมาหอม “จริงสิครับ”
ระริน ยิ้มหวาน
“งั้นวันนี้อยู่กับริน ดินเนอร์กับริน อยู่กับรินนานๆ นานที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ ขอแค่นี้ ได้ไหม”
“ได้สิครับ นานแค่ไหนก็ได้เท่าที่คุณต้องการ”
พูดพลางเดินเข้าไปกอดระริน ระรินกอดศึกรบแน่น ยิ้มกริ่มมีความสุข
ในขณะที่สู่ขวัญนั่งรอศึกรบอยู่ที่บ้าน พลางมองนาฬิกาสลับกับประตู
“ทำไมป่านนี้รบยังไม่กลับอีก พักนี้กลับดึกบ่อยจริง”
สู่ขวัญนั่งรอจนเริ่มร้อนใจ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์กดโทรหาศึกรบ แต่ไม่รับสาย สู่ขวัญหงุดหงิดมากขึ้น ตัดสินใจโทร. เข้ามือถือแสงดาว ที่กำลังนั่งเก็บเอกสารเตรียมจะกลับ แสงดาวมองเห็นเบอร์ก็ตกใจมือสั่น ตัดสินใจไม่รับสาย
สู่ขวัญหงุดหงิดที่แสงดาวก็ไม่รับสายอีก จึงโทรเข้าโต๊ะศึกรบ
แสงดาวเก็บมือถือจะกลับ เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะดังขึ้น แสงดาวสะดุ้ง รีบเดินออกไปโดยไม่รับสาย
แสงดาวเดินออกมาถึงหน้าโรงแรมอย่างโล่งใจ แต่แล้วต้องชะงักเมื่อรปภ.เรียกไว้
“คุณแสงดาวครับ”
แสงดาวหันกลับ “มีอะไรจ๊ะ”
“คุณสู่ขวัญโทรมา ขอคุยกับคุณครับ”
แสงดาวตกใจ ทำท่าโบกมือโบกมือว่าไม่รับสาย
“บอกว่ากลับไปแล้ว”
รปภ. เอามือปิดกระบอกโทรศัพท์ “แต่ผมเพิ่งบอกว่าคุณยังอยู่นี่ครับ”
แสงดาวอ่อนใจ ต้องคว้าโทรศัพท์มาพูด
“สวัสดีค่ะ”
“คุณดาว เมื่อกี้ทำไมไม่รับสายฉัน”
แสงดาว รีบระล่ำระลักบอก
“เอ่อ คุณสู่ขวัญ คือดาว คือ วางมือถือไว้ที่โต๊ะ เลยไม่ได้ยินค่ะ”
“อ๋อ งั้นไม่เป็นไร รบยังอยู่ที่ออฟฟิศรึเปล่าคะ?”
แสงดาวอึกอัก “คือ ตอนนี้ยังไม่อยู่ค่ะ”
“ยังไม่อยู่?” สู่ขวัญทวนคำ “หมายความว่าเขาจะกลับมาออฟฟิศอีกเหรอคะ”
“ดาวไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ”
“ยังไงคะ คือรบออกไปข้างนอก ติดประชุม หรือว่าอะไร” สู่ขวัญเริ่มหงุดหงิด
“เปล่าค่ะ ไม่ได้ออกไปข้างนอก”
“ไม่ได้ไปข้างนอกก็แสดงว่ายังอยู่ในโรงแรม” สู่ขวัญย้อน
“ยังอยู่ แต่ว่าไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงาน”
แสงดาวตอบวนไปวนมา จนสู่ขวัญยิ่งหงุดหงิด
“คุณดาวรู้ใช่ไหมคะว่ารบอยู่ที่ไหน”
แสงดาวเสียงสั่น “ดาวไม่ทราบค่ะ”
“ตกลงจะทราบหรือไม่ทราบกันแน่ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่ามีอะไรให้คุณดาวรายงานกับฉัน ไม่ต้องบอกรบ พูดให้มันรู้เรื่องได้รึยังคุณดาว”
แสงดาวทนไม่ไหว ร้องไห้ออกมา สู่ขวัญอึ้ง
“ดาว ดาวไม่รู้จริงๆค่ะ “
สู่ขวัญยิ่งสงสัย แต่ก็ไม่อยากคาดคั้น
ศึกรบกลับมาบ้าน พลางค่อยๆ เดินย่องเข้าห้องนอนอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะชะโงกหน้าไปดู เห็นสู่ขวัญหลับไปแล้ว ศึกรบถอนหายใจโล่งอก พลางเข้าไปอาบน้ำสบายใจ
พอศึกรบเข้าห้องน้ำ สู่ก็ขวัญลืมตาขึ้นมา แอบลุกไปหยิบมือถือศึกรบขึ้นมาเช็ค สู่ขวัญไล่ดูเบอร์โทรเข้าออก เห็นมีเบอร์ที่โทรมาแต่ไม่ได้บันทึกชื่อ
“เบอร์ใคร”
สู่ขวัญสงสัย กดเปิดไลน์ขึ้นมาดู คนล่าสุดที่ทักมาคือสาธร
สู่ขวัญไล่ชื่อดูเรื่อยๆ จนถึงชื่อระริน กำลังจะเปิดดู ศึกรบนุ่งผ้าเช็ดตัวเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำพอดี สู่ขวัญรีบวางมือถือไว้ที่เดิม พลางนอนหันไปอีกทางแกล้งทำเป็นหลับ ทั้งที่ยังสงสัยอยู่
สู่ขวัญรอจนได้ยินเสียงอาบน้ำ จึงหันกลับจะไปหยิบมือถืออีกครั้ง แต่ศึกรบหยิบเข้าห้องน้ำไปด้วย
สู่ขวัญเจ็บใจ
อ่านต่อหน้า 2
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 5 (ต่อ)
สู่ขวัญเตรียมจัดโต๊ะอาหารเช้าอยู่ ศึกรบเดินเข้ามา พลางถามอารมณ์ดี
“ไหน วันนี้ภรรยาคนเก่งมีอะไรให้ผมกินเอ่ย”
สู่ขวัญตอบนิ่งๆ
“ข้าวต้มค่ะ แต่ถ้าคุณอยากกินอเมริกันเบรกฟาสต์ ขวัญทำให้ได้นะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ กินนี่แหละ มีอะไรผมก็กินได้ทั้งนั้น”
ศึกรบนั่งลง สู่ขวัญเหลือบมอง ถามออกมา
“แล้วถ้าขวัญถามอะไร คุณจะตอบความจริงทุกอย่างรึเปล่าคะ”
ศึกรบมองหน้าสู่ขวัญอย่างแปลกใจ “ตอบสิจ๊ะ ขวัญถามแปลกๆ”
สู่ขวัญยิ้มกลบเกลื่อน
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่อยากรู้เมื่อคืนคุณไปไหน”
“อ๋อ เมื่อวานผมกลับดึก”
“ค่ะ พักนี้คุณกลับดึกบ่อยจัง ไปไหนมาเหรอคะ”
ถามพลางจ้องหน้าสามีเขม็ง
“ผมก็ทำงานไงขวัญ ผมบอกแล้วว่าช่วงนี้มีแขกวีไอพีมาพัก เป็นชาวต่างชาติ ผมเลยลงไปดูแลเอง”“ดูแลต้องกลับดึกทุกวันเลย?”
“ใช่สิครับ”
“ให้ลูกน้องพาไปก็ได้นี่นา”
ศึกรบ ยิ้มหวานให้ภรรยา
“งานโรงแรมเป็นงานบริการ หัวหน้าหรือลูกน้องก็ต้องทำงานเท่ากัน แขกระดับนี้มา ผมก็ต้องพาเขาไปทุกที่ที่อยากไป”
สู่ขวัญพยักหน้า แกล้งทำเป็นยิ้มแย้ม ทำทีว่าเชื่อใจศึกรบ
“อะไรที่คุณให้ลูกน้องทำแทนได้ ไม่ต้องทำหรอกนะคะ ที่จริงขวัญไม่อยากก้าวก่ายงานคุณหรอกนะคะ แต่เห็นคุณทำงานหนักๆ ขวัญเป็นห่วง”
“ขอบคุณครับ กินข้าวกันดีกว่า หิวจะแย่แล้ว เดี๋ยวตาลายผมกินคุณแทนนะ”
สู่ขวัญตีศึกรบเบาๆ เป็นเชิงหยอก ก่อนที่จะนั่งลงทานอาหารเช้าร่วมกัน ในขณะที่สู่ขวัญก็แอบมลอบมองศึกรบอย่างจับสังเกตตลอดเวลา
ศึกรบเดินเข้าออฟฟิศมาทำงาน เห็นแสงดาวไม่อยู่ที่โต๊ะ จึงหันไปถามแม่บ้าน ที่ทำความสะอาดอยู่ใกล้ๆ
“ป้าน้อย เห็นคุณดาวรึเปล่าครับ”
“วันนี้คุณดาวยังไม่มาค่ะ”
ศึกรบพยักหน้า “อ๋อเหรอ ขอบใจมาก”
ศึกรบมองไปที่โต๊ะ นึกถึงแสงดาว แล้วก็แอบขำ ก่อนที่จะเดินเข้าห้องทำงานไป
ในขณะที่แสงดาวนั่งอยู่ที่บ้าน ท่าทางเครียด จนเมื่อเสียงมือถือดังขึ้น แสงดาวรีบหยิบมาดู แล้วตกใจทำอะไรไม่ถูก แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจกดรับ
“สวัสดีค่ะคุณรบ”
“คุณดาว เป็นยังไงบ้าง ไม่สบายเหรอครับ”
“นิดหน่อยค่ะ” แสงดาวปด “กะว่าเดี๋ยวสายๆจะโทรไปลากับคุณรบเอง”
“ดูแลตัวเองนะครับ ไปหาหมอหรือยัง”
“ไม่ได้เป็นอะไรหนักขนาดนั้นหรอกค่ะ พรุ่งนี้ก็คงดีขึ้น”
“แต่น้ำเสียงคุณไม่ค่อยดีเลยนะครับ” ศึกรบแสดงความห่วงใย
“ดาวไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะ”
“โอเคครับ งั้นพักผ่อนนะครับ ขอให้หายไวๆ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณรบ”
แสงดาววางสาย ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
ศึกรบวางสายแสงดาว ก็กดไลน์คุยกับระรินต่อ
“ตื่นหรือยังครับที่รัก”
พิมพ์ข้ความเสร็จ ก็พอดีที่เสียงสาธรแทรกเข้ามา
“แหม บอสใหญ่โรงแรมนี้นี่ อารมณ์ดีจริงๆ เดี๋ยวคุยโทรศัพท์ เดี๋ยวกดโทรศัพท์คุยกับใครไม่รู้ทั้งวัน หน้าบานเชียว”
ศึกรบเงยหน้าขึ้นมาเจอสาธร เดินเข้ามา
“เฮ้ย เรื่องงานทั้งนั้น”
“ครับ เรื่องงาน งานยุ่งมากจริงๆ เดี๋ยวนี้ตอนเย็นหายหน้าหายตาไม่พบปะเพื่อนฝูง”
“งานเยอะก็ต้องเคลียร์ทุกวัน ธรรมดาน่า”
“โดยเฉพาะกับแขกวีไอพีคนนั้นรึเปล่า”
สาธรสัพยอก ศึกรบยิ้ม
“เป็นยังไงล่ะ แขกวีไอพี แซ่บเท่าในละครรึเปล่าล่ะครับบอส”
“ในละครมันจะเหมือนตัวจริงได้ยังไง แกนี่พูดไม่รู้เรื่อง”
สาธรตาวาว “ฮั่นแน่ จะบอกว่าตัวจริงแซ่บกว่าล่ะซี้”
ศึกรบขำ “เอาเวลาแซวผมไปทำงานดีกว่านะครับ คุณสาธร”
“สงสัยจะติดใจแขกวีไอพีแล้วมั้ง ไม่ธรรมดาเลยนะคนนี้”
สาธรหัวเราะ มองหน้าศึกรบแบบรู้กัน
สู่ขวัญนั่งเช็คออเดอร์ลูกค้าที่ร้าน แต่ก็เอาแต่นั่งเหม่อ ไม่มีสมาธิ จนมีนาผิดสังเกต
“ขวัญ” พลางโบกมือตรงหน้า “ขวัญ”
สู่ขวัญสะดุ้ง
“ว่าไงยะ”
“เป็นอะไรเนี่ย สติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย”
“ไม่มีอะไร คิดเรื่องโน้นเรื่องนี้เพลินอยู่”
มีนาพยักหน้า สู่ขวัญพยายามจะหันไปสนใจงาน แต่ก็เพียงครู่เดียว แล้วก็ทนไม่ไหว
“ฉันไม่ไหวแล้วนะมีนา”
“นั่นไง เบ่งออกมาจนได้ ไหนๆ เรื่องอะไร คุณสามีเหรอ”
มีนาเดินไปนั่งข้างสู่ขวัญ
“ใช่ พักนี้เขาทำตัวแปลกๆ น่าสงสัย กลับดึกทุกคืน ถามทีไรก็บอกว่างานยุ่ง จะยุ่งอะไรนักหนาก็ไม่รู้”“แล้วแบบ ไม่มีอะไรที่พอจะจับได้ชัดๆเลยเหรอ”
“ถ้ามีฉันจะมานั่งกลุ้มแบบนี้เหรอ” สู่ขวัญย้อน
“จริงของเธอ”
“ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขาจริงๆ เขาไม่มีทางรับแน่ ฉันจะทำไงดี”
สู่ขวัญกุมขมับ มีนานิ่งคิด
“มันต้องมีวิธีสิน่า”
ดอกกุหลาบ และดอกไม้นานาชนิด ที่ล้วนแล้วแต่มีสีสันสวยงาม วางเรียงรายอยู่ในร้าน มีทั้งที่จัดเป็นช่อเรียบร้อยแล้ว และที่เป็นดอกเดี่ยวๆ
ปองฤทัย เจ้าของร้าน กำลังเลือกดอกไม้ มาจัดเข้าช่ออย่างคล่องแคล่ว สีหน้ามีความสุข
-อีกมุมของร้านเป็นมุมกาแฟเล็กๆ มีตู้เค้กวางเรียงรายสวยงาม ป้อมน้องชายของปองฤทัยกำลังใส่น้ำลงในเครื่องต้ม
พลัยเสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น แขกคนหนึ่งเข้ามาในร้าน ปองฤทัยเอ่ยทักลูกค้า ที่เข้ามาด้วยสีหน้า ยิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะ รับดอกไม้หรือว่ารับกาแฟดีคะ?”
“สั่งกาแฟครับ”
ชโยดมตอบแบบสุภาพ
“ทานนี่หรือกลับบ้านคะ”
“ที่นี่ครับ”
“งั้นเชิญเลยค่ะ”
-ปองฤทัยเดินนำชโยดมไปหาที่นั่ง
“รับเป็นกาแฟอะไรดีคะ เอาแบบร้อนหรือเย็น”
“ขอเป็นกาแฟร้อนแล้วกันครับ ร้านนี้มีอะไรแนะนำบ้างครับ?” ชโยดมถามเจ้าของร้านสาว ยิ้มๆ
“อืม ถ้าคุณลูกค้าชอบเข้มๆ แนะนำเป็นคาปูชิโน่ หรือเอสเพรสโซ่นะคะ ของร้านเราจะค่อนข้างขม แต่ว่ารับประกันว่าลงคอแล้วจะหวานกำลังดีค่ะ ถ้าไม่ชอบแบบใส่นม จะเลือกเป็นอเมริกาโน่ก็ได้ค่ะ เป็นกาแฟดำ ความเข้มพอๆกับเอสเพรสโซ่”
ชโยดม พยักหน้า ตั้งใจฟัง ปองฤทัยพูดต่อ
“หรือคุณลูกค้าอยากเปลี่ยนใจลองชาดูก็ได้นะคะ ทางร้านเราที่แนะนำมีชาเขียว หรือชาซีลอน เราใช้ใบชาชงสดๆนะคะ ไม่ใช้ผง รับรองได้รสชาแท้ๆแน่นอน”
ชโยดมฟังไปยิ้มไป ประทับใจในบริการ
“งั้นผมเอาเป็น คาปูชิโนแล้วกันครับ 1 แก้ว แล้วก็เค้ก”
ชโยดมมองไปทางตู้เค้ก ปองฤทัยทำท่าจะแนะนำอีก
“ถ้าเลือกไม่ถูก แนะนำเป็น....”
“เอ่อ เอาเค้กช็อคโกแลตแล้วกันครับ”
ปองฤทัย ยิ้มให้ชโยดม“ค่ะ สักครู่นะคะคุณลูกค้า”
ปองฤทัยเดินเข้ามาที่เค้าน์เตอร์ชงกาแฟ หันไปบอกออเดอร์กับป้อม น้องชายของตัวเอง
“ป้อมขอเค้กช็อคโกแลตใส่จานให้พี่หน่อยจ้ะ”
ป้อมลุกจากเก้าอี้ เดินไปหยิบเค้กตามที่พี่สาวบอก
“ชิ้นเดียวเหรอ”
“ใช่แล้ว” ตอบพลางมือก็ชงกาแฟไปด้วย “แล้วแม่เป็นยังไงบ้าง”
“เข้าไปดูเมื่อกี้ยังนั่งเย็บผ้าอยู่เลย”
“ไหนเมื่อเช้าแม่บอกปวดหัว แล้วจะเย็บผ้าไหวเหรอ”
ปองฤทัยเอ่ยถึงมารดาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่รู้เหมือนกัน บอกให้พักแม่ก็ไม่ฟังท่าเดียว บอกว่าต้องรีบให้ทันส่งเถ้าแก่”
ป้อมตัดเค้กวางใส่จานเสร็จยื่นให้ปองฤทัย
“ขอบใจจ้ะ เข้าไปดูแม่ก่อนไป เดี๋ยวเค้กกับกาแฟนี่พี่จัดการเอง”
ป้อมพยักหน้ารับ เดินเข้าไปหลังร้าน
ระหว่งนั่งรอกาแฟมาเสิร์ฟ ชโยดมก็หยิบมือถือมาโทรหาสู่ขวัญ ที่พอเห็นว่าเป็นชโยดมโทร. มา ก็ดีใจ รีบกดรับสายทันที
“ว่าไงคุณหมอตัวดี โทรมาได้แล้วเหรอจ๊ะ”
“โห พี่สาว พูดซะยังกะผมเป็นดาราคิวทอง”
“ก็เห็นเรายุ่งเหลือเกิน บ้านช่องไม่เคยจะติดต่อมาหรอก”
“มาแล้วครับ เดี๋ยวเอาตัวเป็นๆไปให้ดูเลย”
ชโยดมพูดอย่างอารมณ์ดี
“คราวนี้มาทำอะไรล่ะ ถ้าไม่มีธุระโยไม่น่ากลับง่ายๆนี่”
“รู้อีกละ คือเขาส่งผมมาอบรมที่กรุงเทพ ก็น่าจะพักใหญ่เหมือนกัน คงอยู่นานจนพี่ขวัญเบื่อเลยแหละ”
“ให้มันจริงเถอะ นานของเรานี่ไม่ใช่สองสามวันนะ”
“โห นานกว่านั้น” ชโยดมหัวเราะ “วันนี้ออกมากินข้าวกันไหมครับพี่ขวัญ”
“อยากเจอเหมือนกัน แต่ว่ามีเรื่องต้องทำน่ะสิออกไปไม่ได้”
“จริงเหรอ เซ็งเลย ไม่เป็นไร จริงๆแค่กะโทรมาบอกพี่แหละว่าผมมากรุงเทพอีก”
“จ้า พี่ดีใจมากเลย แต่ไว้พรุ่งนี้นะ พี่จะเทคิวให้ทั้งวันเลย”
“ครับ งั้นโทรนัดกันใหม่นะครับ”
“จ้ะ ดูแลตัวเองดีๆ ไว้เจอกัน”
ชโยดมวางสายไ พร้อมกับที่เค้กและกาแฟมาเสิร์ฟพอดี ชโยดมยกกาแฟขึ้นจิบ ปองฤทัยจ้องชโยดม จนเขาต้องเงยหน้าขึ้นมาดู
“เอ่อ มีอะไรรึเปล่าครับ”
“คือฉันอยากรู้ว่ารสชาติเป็นยังไงน่ะค่ะ ถูกปากไหม พอดีเพิ่งเปิดร้าน ถ้าไม่ดีจะได้ปรับปรุง”
“อร่อยครับ กลมกล่อมดี ผมชอบนะ”
ปองฤทัยยิ้ม โล่งอก
“จริงเหรอคะ ขอบคุณมากค่ะ เอ่อ ปองไม่รบกวนแล้ว ขอตัวค่ะ”
ปองฤทัยเดินออกไป ชโยดมมองตามขำๆ
จากนั้นปองฤทัย ก็เดินเข้าไปจัดดอกไม้อย่างอารมณ์ดี ชโยดมนั่งมองเพลิน แล้วก็เผลอยิ้มตามไปด้วย
แต่จู่ๆป้อมก็วิ่งพรวดพราดออกมา ท่าทางตกใจ
“พี่ปอง แม่เป็นลม ช่วยด้วย”
ปองฤทัยตกใจ ทิ้งดอกไม้วิ่งเข้าไปหลังร้าน ชโยมดมมองตาม
อ่านต่อหน้า 3
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 5 (ต่อ)
ปองฤทัยรีบเปิดเข้าไปดูหลังร้าน เห็นประนอม ผู้เป็นมารดาเป็นลมอยู่ ก็รีบเข้าไปประคอง พลางหันไปบอกป้อม อย่างร้อนใจ
“ป้อมโทรตามหมอที เร็วเข้า”
ป้อมหันซ้ายหันขวาทำอะไรไม่ถูก แต่จู่ๆ ชโยดมก็เข้ามาดูหลังร้าน เห็นประนอม รีบเข้ามาดูอาการ
ก่อนจะหันมาพูดกับป้อม
“ช่วยผมพาคนไข้ไปที่อากาศถ่ายเทหน่อยครับ ในนี้มันอับเกินไป”
ป้อมงงๆ แต่ก็ทำตามแต่โดยดี
ชโยดมให้ป้อมพาประนอมวางนอนราบกับพื้นแล้วเริ่มปฐมพยาบาล ปองฤทัยมองงงๆ ชโยดมหันไปยิ้มให้
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมเป็นหมอ เดี๋ยวผมช่วยเอง มียาดมหรือแอมโมเนียไหม”
ปองฤทัยพยักหน้าเข้าใจ แล้วรีบวิ่งไปหายาดม ชโยดมใช้มือตัวเองอังดูลมหายใจ และเปิดดูเปลือกตาของประนอมเพื่อดูอาการ
ประนอมลืมตาขึ้นมาที่ห้องพักในโรงพยาบาล พลางมองไปรอบๆ อย่างงงๆ แล้วก็ยิ้มเซียวๆออกมา
ปองฤทัยกับป้อมเข้ามาดูอย่างดีใจ
“แม่ แม่ฟื้นแล้ว”
ประนอมมองไปรอบๆ พร้อมๆ กับที่ชโยดมเดินเข้ามา
“เป็นไงบ้างครับคุณน้า ยังรู้สึกมึนหัวอะไรอยู่ไหม”
ประนอมส่ายหัว นิ่วหน้าทบทวนความจำ
“ฉันเป็นอะไรไป”
ปองฤทัย มองหน้ามารดาอย่างเป็นห่วง
“แม่จ๊ะ แม่เป็นลมที่ร้าน โชคดีมากเลยที่คุณหมอไปที่ร้านพอดี เขาเลยช่วยไว้”
ป้อม รีบเสริม
“แถมหมอยังรักษาพวกหู คอ จมูก รักษาโรคหอบแม่ได้พอดีเลย”
ประนอมยกมือไหว้ชโยดม
“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ ขอบคุณมาก”
ชโยดมตกใจ รีบโบกมือห้าม ปองฤทัยมองยิ้มๆ
ปองฤทัยเข้ามาคุยกับชโยดมในห้องตรวจ ชโยดมดูแฟ้มคนไข้ไปพูดไป
“เป็นอาการของโรคหอบหืดนะครับ”
ปองฤทัยพยักหน้ารับ
“โรคประจำตัวของแม่ค่ะ แต่แม่ไม่ค่อยจะยอมกินยา”
“เดี๋ยวผมจะสั่งยาให้ เป็นยากินกับยาพ่น ยาพ่นนี่ให้พกติดบ้านติดตัวไว้ตลอดเผื่อมีอาการกำเริบ ก็ให้พ่นทันที แล้วก็ให้คนไข้พักผ่อนมากๆ อย่าทำงานหนัก อาการจะได้ไม่กำเริบนะครับ”
“ปอง ปองต้องขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณหมอ ปองก็ทำอะไรไม่ถูกเลย”
“ไม่เป็นไรครับ เอ้อ นี่” ชโยดมหยิบนามบัตรตัวเองยื่นให้ “นามบัตรผม ถ้ามีอะไรฉุกเฉินตามผมได้เลย เบอร์นี้ เปิด24 ชั่วโมง”
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ขอบคุณจริงๆ”
ปองฤทัยรับนามบัตรไป พลางมองหน้าชโยดมอย่างซาบซึ้งใจ
ปองฤทัยกลับมาถึงร้าน ก็นั่งดูนามบัตรของชโยดมแล้วนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ป้อมเห็น อดไม่ได้ ที่จะเดินเข้ามาแซวพี่สาว
“พี่ปองว่าไหมมีแฟนเป็นหมอก็ไม่เลวนา”
“ยังไง”
“ก็เจ็บไข้รักษาฟรี แม่ป่วยดูแลให้ แถมรักษาได้หมด ทั้งไข้กาย ทั้งไข้ใจ”
“หา?”
“อย่างหมอโยนี่เข้าสเป็กเลย จริงไหมครับผม” ป้อมพูดพลางทำหน้าล้อๆ
“แต่พี่คงไม่ใช่สเป็กเขาหรอก หมอเขาก็มองหมอด้วยกัน หรือพยาบาล คนไข้สวยๆ รวยๆ ก็มีเยอะแยะ”ป้อมมองพี่สาว แล้วก็พูดยิ้มๆ
“มันก็ไม่แน่นา ป้อมเห็นสายตาที่เขามองพี่ปองแล้ว สยิวกิ้ว”ปองฤทัยเขิน “ว่าไปนั่น พี่ไม่เห็นเขามองอะไรพี่เลย อย่ามายุอะไรไม่เข้าเรื่อง”
“ป้อมเป็นผู้ชายด้วยกันดูออกน่า โห ถ้าแม่ได้ลูกเขยเป็นหมอนะ ต้องดีใจแน่ๆ”
ปองฤทัย ค้อนน้องชาย“ฝันหวานเพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว ไม่มีทางหรอก ไปดูแม่เถอะไป๊”
“เดี๋ยวป้อมเป็นพ่อสื่อให้เอาไหมล่ะ จะโทรไปเดี๋ยวนี้เลย”
ป้อมแกล้งแย่งนามบัตรจากมือ ปองฤทัยวิ่งไล่ตามป้อมทั่วร้าน
“อย่านะป้อม เอานามบัตรมา เอาคืนมา”
“แกทำลายชีวิตฉัน แกแย่งเขาไปจากฉัน แกแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉันฉันเกลียดแก”
ระรินตะโกนด่า พลางเงื้อมือตบอย่างแรง ลีน่าซึ่งถูกระรินตบถึงกับเซ แล้วหันมาร้องไห้
“คนใจร้าย ฮือๆ” ลีน่าพยายามบบีบน้ำตา แต่น้ำตาไม่ไหล
“คัทๆ”
เสียงโป้ ผู้กำกับ ตะโกนสั่ง พลางทำหน้าเซ็ง
“ยังไม่ได้ครับ พอตบแล้วน้ำตาต้องไหลพรากออกมาเลยครับลีน่า”
ในขณะที่ระรินก็ชักจะหงุดหงิด ผู้กำกับรีบเดินเข้ามาหา
“ริน เดี๋ยวขออีกเทคนะ ฉากนี้มันฉากอารมณ์ น้องเขายังใหม่มันเลยช้าหน่อย ไม่เป็นไรนะครับ”
“ขออีกเทคเดียวนะคะ รินต้องรีบไป”
“ครับๆ เริ่มใหม่ตั้งแต่ตรงที่บอกว่าแกทำลายชีวิตฉันเลยนะ”
ระรินกลับไปเข้าฉาก จ้องหน้าลีน่าอย่างเซ็งสุดขีด
“ริษยาอาฆาต เทค 10”
ระรินจ้องลีน่าด้วยสายตาโหด ตาถลึงแทบออกจากเบ้า ใส่อารมณ์สุดๆ
“แกทำลายชีวิตฉัน” พูดพลางเอานิ้วจิ้มหน้าผากลีน่า “ แกแย่งเขาไปจากฉัน แกแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉัน ฉันเกลียดแก”
ระรินเงื้อมือตบลีน่าสุดแรงเกิด ลีน่าเซถลาเสียหลักเซจนล้มลงไป ระรินตามไปคร่อมลีน่าไว้แล้วตบไม่ยั้ง ทุกคนในกยิ้มพอใจ ในขณะที่โป้ ผู้กำกับอินจัด
“เออนั่นแหละ ดีๆ”
“โอ๊ย ช่วยด้วยๆ ฮือๆ”
ลีน่าร้องไห้ออกมาจริงๆ โป้ดีดนิ้วเปาะ
“ให้มันได้อย่างนี้สิ แจ๋วเลย กล้องตามไปเรื่อยๆ”
ลีน่าสะบัดตัวออกจากระริน แล้วคลานหนีไปบนพื้น ระรินจิกหัวมาตบอีกจนสะใจ
“โอเค คัทครับ”
ทีมงานปราดเข้าไปประคองลีน่าขึ้นมา โป้ยกนิ้วให้
“สุดยอด ทั้งสองคนทำได้เยี่ยมมาก”
ลีน่ายังสะอึกสะอื้นอยู่ ระรินยิ้มเยาะ
“แหม อินจัดเลยนะลีน่า”
“อินอะไรกันคะ มันตบลีน่าจริงๆ ค่ะ”
โป้ กับทุกคนในกอง ตกใจ อึ้งไปตามๆ กัน โป้ รีบหันมาถามระริน
“ตบจริงเลยเหรอ”
ระริน เชิดหน้า
“รินตบตามบทนะ แต่อาจจะช่วยบิ้วท์น้องมาก เลยผิดคิวไปหน่อย”
ลีน่า จ้องหน้าระริน
“ไม่ใช่ผิดคิวหรอกนี่มันตั้งใจตบจริงชัดๆ ไม่เชื่อดูสิคะเป็นรอยแดงเลย”
ลีน่าชี้ให้ดูหน้าเป็นรอยแดงอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนเดินเข้ามาดู ก็เห็นรอยแดงจริงๆ
“โอ๊ย อะไรกันเนี่ย ก็บอกแล้วไงว่าผิดคิว นอกจากเล่นไม่ได้แล้วยังสำออยอีก”
ระรินโวยวาย แล้วหันมาจ้องหน้าลีน่า
“จะลองดูไหมล่ะว่าโดนคนอื่นตบแล้วเป็นยังไง ยัยป้า”
พูดจบ ลีน่าก็เงื้อมือตบระรินฉาดใหญ่ ระรินแค้นจิกผมลีน่า แล้วตบกลับ ลีน่าตบระรินอีก ระรินผลัก
ลีน่า โป้หน้าเหวอ
“อ้าว เฮ้ย เวรแล้วไง ตบกันนอกฉากอีก ช่วยกันห้ามเร็ว ดาราตบกันแล้วโว้ย”
ระรินกับลีน่าจิกหัวตบกันชุลมุน คนในกองรีบวิ่งไปดึงทั้งสองออกจากกัน โป้กุมขมับ
แจ๊สนั่งทำแผลให้ระริอยู่ในหลังกองถ่าย ระรินหน้าหงิก พลางหยิบกระจกมาส่อง พอเห็นตัวเองก็กรีดร้องลั่น
“อ๊าย ฉันไม่อยากเล่นแล้ว”
รินสะบัดตัวลุกขึ้นจะเดินไปหาโป้ แจ๊สจะห้ามไว้แต่ระรินไม่ฟัง
“ระรินจะไปไหน ตายแล้วๆๆ อกอีแป้น”
ระรินเดินไปหาโป้ ก่อนที่จะโวยวายเสียงดัง
“นี่พี่โป้”
“ครับ ว่าไงครับริน”
“ดูหน้ารินสิ พังยับแบบนี้ เวลาไปเจอนักข่าวรินจะตอบเขายังไง”
โป้ถอนหายใจ
“เอ่อ ก็ตอบว่า ผิดคิวในกองถ่าย ตบกันเพลินไปหน่อย”
ระริน ชักสีหน้า
“พูดแบบนี้ได้ยังไง รินใช้หน้าตาทำมาหากินนะพี่ อยากให้ตบเพลินจนเลยมาถึงหน้าพี่ไหมล่ะ ฮะ”
โป้รีบโบกมือปฎิเสธ “ไม่ดีกว่าครับ”
“แต่รินทำงานไม่ได้แล้ว แล้วก็จะไม่ร่วมงานกับอีพวกไม่มืออาชีพ พี่ต้องเปลี่ยนตัวนังเด็กนั่น เอาคนอื่นมาเล่นแทน”
จบประโยคของระริน ทีมงานในกองก็หันขวับ แจ๊สตามมา พลางกุมขมับ
“แต่ว่าทางผู้ใหญ่เลือกน้องเขามาแล้วนะครับ” โป้พยายามอธิบายอย่างใจเย็น
“รินก็ผู้ใหญ่เลือกมาเหมือนกัน รินทำใจไม่ได้ที่ต้องทำงานกับนังเด็กก้าวร้าวแบบนั้น”
“พี่จะให้เขามาขอโทษริน”
“ไม่” ระรินเสียงแข็ง “ รินไม่รับคำขอโทษจากมัน ถ้าไม่ให้มันออก รินจะออกเอง”
พลางหันไปบอกแจ๊ส “ ไปเจ๊ กลับ”
“ริน”
โป้หน้าเหวอ ระรินสะบัดตัวเดินออกไม่สนใจใคร แจ๊สพยายามปราม
“อย่าเพิ่งสิริน คุยกันดีๆก่อนก็ได้”
แต่ระรินไม่ฟัง แจ๊สหันไปโค้งศีรษะเป็นเชิงขอโทษโป้ แล้วรีบตามระรินไป
ศึกรบ ที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง พลันโทรศัพท์มือถือก็ดัง เมื่อขึ้นมาดูเห็นชื่อระริน ก็รีบกดรับ
“รินอยู่ไหนแล้วครับ”
“กำลังจะกลับถึงห้องแล้วค่ะ คิดถึงจังเลย คุณรบรีบมาหารินนะ”
ระรินอยู่บนรถกำลังกลับมาที่โรงแรม หงุดหงิดแต่พยายามทำเสียงให้ร่าเริง
“ได้ครับ เดี๋ยวผมไปรออยู่ที่ห้อง”
“ค่ะ แล้วเจอกัน”
ศึกรบวางสายอารมณ์ดี พลางรีบลุกจะออกจากห้อง ทว่าพอเปิดประตูออกไปก็ชะงัก เมื่อเห็นสู่ขวัญยืนอยู่หน้าห้องทำงาน
สู่ขวัญยิ้มให้สามี “เซอร์ไพรส์”
ศึกรบ ตกใจ “ขวัญ ขวัญมาได้ยังไง”
“ขับรถมาสิคะ แล้วก็เดินเข้ามา ทำไมเหรอ”
“โธ่ ขวัญ เล่นมุกอีก ผมตกใจหมด”
สู่ขวัญ จ้องหน้าศึกรบ พยายามจับพิรุธ “ตกใจเรื่องอะไรคะ ท่าทางเหมือนมีความลับ”
ศึกรบทำนิ่ง
“มีแต่งานนี่แหละ ขวัญก็รู้ พักนี้ผมงานยุ่ง”
“ล้อเล่นค่ะ” สู่ขวัญแกล้งหัวเราะ “คือพอดีมาส่งเสื้อลูกค้าแถวนี้ เลยแวะมาหารบ”
“แล้วทำไมต้องมาเอง คนขับรถก็มี เหนื่อยเปล่าๆ”
“ลูกค้าสนิทกันค่ะ แล้วพักนี้ทั้งคุณทั้งขวัญก็ยุ่ง เวลาจะเจอกันแทบไม่มี ขับรถมาเหนื่อยแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก”
“งั้นวันหลังจะมาต้องบอกผมก่อนนะ ผมจะได้ตั้งตัวหน่อย เผื่อติดประชุมจะได้เลื่อนไปก่อน”
“พูดแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย หายเหนื่อยเลย”
สู่ขวัญดีใจยิ้มกว้าง ศึกรบหน้าเจื่อน แต่ก็รีบทำทีเป็นดีใจไปด้วย
ในขณะที่ระรินเปิดประตูพรวดเข้ามาที่ห้อง แล้วตะโกนอย่างดีใจ
“กลับมาแล้วค่ะรบขา”
ทว่าไม่มีเสียงตอบจากศึกรบ
“ไหนบอกจะมาไง”
ระรินนั่งลงบนเตียง ใจร้อนรุ่ม
ทางด้านศึกรบ ก็พาสู่ขวัญมาทานข้าวข้างนอก ทำท่าเหมือนมีความสุขทั้งคู่
ศึกรบกินไปตาก็คอยมองมือถือบ่อยๆ สู่ขวัญแอบมองอย่างจับสังเกต พอศึกรบหันมาก็ทำเป็นยิ้มตักอาหารให้ พอสู่ขวัญหันไปมองวิวด้านนอก ศึกรบได้จังหวะยื่นมือจะหยิบโทรศัพท์มาส่งไลน์หาระริน แต่สู่ขวัญหันมาก่อน แล้วจับมือเขาไว้
“รบรู้ไหม ขวัญดีใจมากเลยนะที่เราได้ออกมาทานข้าวด้วยกันแบบนี้อีก”
“ผม ผมก็ดีใจ ขวัญชิมนี่รึยัง อร่อยมากเลยนะ”
ศึกรบชักมือออกจากโทรศัพท์ทำเป็นตักอาหารให้สู่ขวัญ สักพักเสียงมือถือศึกรบก็ดังขึ้น ศึกรบรู้ว่าเป็นเบอร์ระริน ทำท่าจะรับ สู่ขวัญมองแล้วทักขึ้น
“ลูกน้องโทรตามงานเหรอคะ”
“ไม่ใช่ครับ เบอร์ใครก็ไม่รู้”
“เบอร์แปลกๆ จะรับเหรอคะ?”
“นั่นสิ สงสัยพวกขายของ เอางี้ดีกว่า”
พูดพลางก็กดปิดเครื่องไปเลย แล้วทำท่ายิ้มแย้ม
“นานๆจะได้ออกมากับคุณ ผมไม่อยากให้คนรบกวน”
ศึกรบแสร้งทำเป็นยิ้ม ชวนสู่ขวัญคุย สู่ขวัญเออออตามศึกรบไป
ระรินปาโทรศัพท์ทิ้งลงบนเตียง พลางกรีดกรีดร้องออกมาอย่างหงุดหงิด
“ทำไมปิดเครื่องอีก โอ๊ย เบื่อ ไม่ได้ดั่งใจซักอย่าง เป็นอะไรกันไปหมด”
อ่านต่อหน้า 4
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 5 (ต่อ)
หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ศึกรบกับสู่ขวัญกำลังจะกลับด้วยกัน สู่ขวัญชวนคุย
“ไว้วันหลังเรามาทานอาหารด้วยกันแบบนี้บ่อยๆนะคะรบ”
“ได้ครับ แต่ที่จริงผมชอบทานข้าวกับคุณที่บ้านมากกว่า”
ศึกรบพยายามพูดเอาใจ
“ขวัญไปแต่บ้านกับร้าน เบื่อจะแย่ ไว้ขวัญจะไปชวนคุณเองที่บริษัท แล้วเราก็ออกมาด้วยกันอีกนะคะ”
ศึกรบจำใจตอบแบบดีใจ
“แล้วแต่ขวัญเลยครับ”
สู่ขวัญยิ้มพอใจ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“มีนาโทรมาค่ะ แป๊บนึงนะคะรบ”
“ยัยขวัญ มาหาฉันที่ร้าน ด่วนจี๋ ด่วนมาก ด่วนที่สุด”
“มีอะไรแก” สู่ขวัญตกใจ
“เรื่องผ้าลูกไม้ที่สั่งมาจากอิตาลี เขาส่งมาผิดลาย”
“จริงเหรอ” สู่ขวัญเลิกคิ้ว “ก่อนจะส่งฉันก็เช็คแล้วนี่”
“แต่มันเป็นคนละลายจริงๆ ไม่เชื่อแกมาดูที่ร้าน ทำไงล่ะทีนี้”
สู่ขวัญส่ายหน้าอย่างซ็งๆ “เดี๋ยวฉันไปดูที่ร้านก็ได้ แกรอเดี๋ยวนะ”
สู่ขวัญวางสาย หันมาบ่นกับศึกรบ
“พูดถึงร้านร้านก็มาเลยค่ะ มีปัญหาอีกแล้ว ผ้าลูกไม้ที่ส่งมาผิดลายจากที่สั่งไป เฮ้อ”.
ศึกรบแอบดีใจ แต่ปั้นหน้าเสียดาย “งั้นเหรอ”
“ขวัญต้องไปที่ร้านด่วนน่ะค่ะ รบกลับบ้านไปก่อนได้ไหม”
“ได้สิครับ เดี๋ยวเจอกันที่บ้านก็ได้”
สู่ขวัญพยักหน้ารับเซ็งๆ ในขณะที่ศึกรบโล่งใจ
ศึกรบรีบกลับมาที่ห้องพักของระริน พลางร้องเรียกระรินด้วยความดีใจ
“รินครับ ผมกลับมาแล้ว”
ไม่มีคนตอบ ศึกรบมองหา แต่ไม่เจอระริน ศึกรบเริ่มกังวล
ในขณะที่ระริน กำลังนั่งอยู่ที่ผับกับแจ๊ส พลางนั่งหน้าเบื่อ หงุดหงิดที่ศึกรบไม่มาหา ถือแก้วค็อกเทลวนไปมา จนแจ๊สหงุดหงิด
“นั่งจ้องแก้วแล้วจะเกิดนิมิตให้คุณรบสุดที่รักเธอมาหาไหมล่ะยะ”
ระรินกระแทกแก้วลงบนโต๊ะ จิกตาใส่แจ๊ส
“ถ้าจ้องแล้วมันอัญเชิญเขามาได้ฉันจะสั่งมาจ้องสิบแก้วเลย”
“สั่งร้อยแก้วเขาก็ไม่มาย่ะ เขาก็ต้องกลับบ้านไปหาเมียเขา” แจ๊สพูดประชด
“เมีย? หึ ถ้าเขารักเมียเขามากเขาจะมายุ่งกับฉันทำไม”
“นี่ ฉันจะบอกไว้ให้นะ หล่อนน่ะกำลังหาเรื่องเอาบ่วงมารัดคอตัวเอง เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกเกือบตาย เหมือนตอนไอ้สงครามหรอก”
ระรินหน้างอ “อย่าพูดถึงไอ้บ้านั่นได้ไหม ฉันมีคุณรบแล้ว”
แจ๊สส่ายหัว เอือมระอา
“เธอมีเขา แต่เขาก็ไม่ใช่ของเธอ ทำไมชอบนักนะอีพวกผู้ชายมีพันธะแล้วเนี่ย โสดๆเปลี่ยวๆไม่ชอบ ลองมาชอบแบบฉันดูบ้างดีมะ จะได้หาย”
“ไม่เอา ฉันไม่กินเพศเดียวกัน ของแสลง”
“มีเมียแล้วนี่ของอร่อยนักเหรอจ๊ะ ถึงกินบ่อยนักน่ะ”
ระริน เชิดหน้า
“แน่นอนสิ โสดๆ มันจะไปท้าทายอะไร้ น่าเบื่อ บางคนไม่มีเมียอย่างเดียวไม่พอ เงินก็ไม่มีด้วย”
“อ๋องี้นี่เอง หนุ่มมีพันธะกระเป๋ามันหนักนี่นะ”
ระริน รีบออกตัว
“นี่ฉันไม่ได้หน้าเงินแบบนั้นนะ นิสัยฉันก็เลือก บางคนเอาใจไม่เก่ง ไม่รู้วิธีเข้าหาผู้หญิง ต้องรอให้ผู้หญิงคอยออดอ้อนรับใช้ ฉันจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด”
“แล้วเอาตัวเข้าแลกนี่มันดีกว่าไปคอยออดอ้อนเขาตรงไหนกันจ๊ะ” แจ๊สย้อนเข้าให้
“พอเหอะเจ๊ ไม่สนับสนุนก็อย่ามาเตะถ่วงได้ไหม”
ระรินเริ่มรำคาญ แจ๊สค้อนปะหลับปะเหลือก ระรินยกแก้วขึ้นดื่ม
ทันใดนั้นเสียงมือถือดังขึ้น ระรินเห็นเบอร์ที่โทรมาตาโต
“ว้าย เช็คบิลเลยเจ๊ ฉันจะกลับแล้ว”
“ทำไม เขาเกิดนิมิตโทรมาแล้วเหรอฮะ”
“พูดมาก เร็วๆ ฉันบอกให้ทำอะไรก็ทำ” ระรินเร่งยิกๆ
“แต่เรายังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”
“ไม่กงไม่กินแล้ว ฉันรีบ”
แจ๊สเรียกพนักงานเช็คบิลอย่างเซ็งๆ ในขณะที่ระรินรีบรับสาย สีหน้ามีความหวัง
ระรินเดินเร็วๆ กลับมาที่ห้อง ก่อนที่จะเปิดประตูอย่างรีบร้อน
“คุณรบคะ คุณรบ”
ระรินมองหา ไม่เจอศึกรบ จึงเดินเข้าไปในห้องนอน
“คุณรบคะ คุณอยู่ไหน”
ระรินเข้ามาในห้องนอน ไม่เจอศึกรบ เปิดดูห้องน้ำก็ไม่มีอีก ระรินเริ่มหงุดหงิด
“อะไรกัน ไหนบอกว่าจะมารอ หลอกกันอีกแล้ว”
ระรินโยนกระเป๋าทิ้งลงบนเตียงอย่างผิดหวัง แต่แล้วศึกรบก็เข้ามากอดเธอจากด้านหลัง
“คุณรบ”
ระรินหันไป ตีแขนศึกรบเบาๆ อย่างมีจริต
“แกล้งรินอีกแล้ว”
“ผมอยากเห็นว่าคุณคิดถึงผมมากแค่ไหน”
ระรินแกล้งค้อน “ไม่คิดถึงแล้ว”
“โธ่ ผมขอโทษ แค่ล้อเล่นหน่อยเดียว เอ้า ผมยอมให้คุณลงโทษยังไงก็ได้ จะตีผมอีกก็เอาเลยๆ”
ศึกรบกางแขนออก ระรินดีใจโผเข้ากอดกันแน่น
“รินดีใจจัง นึกว่าจะไม่ได้เจอคุณแล้ว”
“ผมจะไม่มาได้ยังไง คิดถึงคุณจะแย่”
“คิดถึงแล้วทำไมไม่รับสาย แถมปิดมือถืออีก” ระรินทำเสียงงอน
“ผมมีประชุมด่วน”
“ข้ออ้างของผู้ชาย”
“เรื่องจริง” พูดพลางหอมระรินเอาใจ
“มาถึงก็เอาเปรียบเลย”
“งั้นให้คุณเอาเปรียบผมบ้าง”
ศึกรบยื่นแก้มให้ระรินหอม ระรินหอมศึกรบบ้าง แล้วกอดเขาแน่นขึ้น จู่ๆเสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น
ระรินหันไปมอง “ใครมาคะ?”
ศึกรบนึกได้ “อ๋อ สงสัยพนักงานส่งอาหาร ผมสั่งไปเอง กลัวคุณหิว”
“คุณรบรู้ใจรินที่สุดเลย รินยังไม่ได้ทานอะไร รอมาดินเนอร์กับคุณ”
ศึกรบเอียงหน้ามาพูดใกล้ๆระริน
“ใต้แสงเทียนด้วย แต่ว่า”
“แต่อะไรคะ” ระรินสงสัย
“คุณช่วยไปรับแทนผมที ผมไม่อยากให้พนักงานเห็นผม”
ระรินพยักหน้านิดๆ “เข้าใจค่ะท่าน”
ระรินหัวเราะชอบใจ ศึกรบผละออกไป ระรินเดินไปเปิดประตูรับพนักงาน ศึกรบมองตาม
พนักงานเข็นอาหารเข้ามาในห้อง เสร็จแล้วกำลังจะออกไป ระรินรอจนพนักงานออกไป พลางจะปิดประตู แต่สู่ขวัญพรวดเข้ามาก่อน
“นังหน้าด้าน ที่แท้เป็นแกนี่เอง”
ระรินตกใจ
“อะไรกันเนี่ย”
“แกมากกกับผัวฉันถึงนี่ มันเหยียบจมูกกันชัดๆ”
สู่ขวัญพุ่งเข้าไปหาระรินด้วยความโมโห แล้วเอากระเป๋าฟาดใส่ไม่ยั้ง ระรินปัดป้อง
“ว้าย ตายแล้ว"
ศึกรบมองมาจากด้านในห้องนอน ตกใจมากที่เห็นสู่ขวัญ
อ่านต่อตอนที่ 6