ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 19
ทางด้านเจ๊ทรงงามรอง้อพ่อสุดหล่อผู้เป็นกล่องดวงใจ พอเห็นฟ้าประทานที่เพิ่งอาบน้ำแต่งหล่อออกมาจากห้องนอน ด้วยวันนี้มีงานลิเก ก็รีบไปเสนอหน้าเอาใจ
“เมื่อเช้าเจ๊ไปหาเพื่อนในตัวเมือง ซื้อเสื้อที่ห้างมาให้จ้ะ ตัวตั้งพันกว่าบาท”
ฟ้าประทานรับเสื้อมาแล้ววาง ทำเป็นไม่อยากได้ แกล้งโกรธเจ๊ทรงงามอยู่ มีเสียงรถตู้บีบแตรหน้าบ้าน ตุ้มขนชุดลิเกมาจากข้างบน
“ไปกันเลยนะจ๊ะ ต้องไปรับชาวคณะอีก”
ฟ้าประทานช่วยตุ้มขนชุดลิเกออกไป เจ๊ทรงงามจ๋อย ปิดบ้านหงอยๆ
รถตู้คณะรออยู่ ฟ้าประทานกับตุ้มขึ้นรถ เจ๊ทรงงามขึ้นคนสุดท้าย
ฟ้าประทานพูดขึ้นอย่างหมางเมินใส่ “เจ๊ไม่ต้องไปครับ ผมคุมคณะคนเดียวได้”
“เวลามีงานจ้าง เจ๊ก็ไปด้วยทุกที” เจ๊ทรงงามเสียงอ่อย
“งานนี้ไม่ต้องครับ” ฟ้าประทานสั่งคนขับ “ปิดประตูรถได้”
คนขับเลื่อนปิดประตูรถตู้ เจ๊ทรงงามไม่ได้ขึ้น ยืนหน้าจ๋อยสนิทอยู่ลำพัง
ตุ้มมองจากในรถตู้ที่แล่นออกมา นึกสงสารเจ๊ทรงงาม
“ฟ้าประทานจะแกล้งโกรธเจ๊ทรงงามไปถึงไหนจ๊ะ”
“ก็จนกว่าผมจะได้สิ่งที่ต้องการ”
เจ๊ทรงงามยืนมองรถตู้คณะแล่นไป กลุ้มใจมาก ที่ฟ้าประทานโกรธไม่เลิก
“ทำยังไงพ่อฟ้าประทานถึงจะหายโกรธ”
เจ๊ทรงงามจะกลับบ้านเข้าบ้าน มองรถเก๋งฟ้าประทาน แล้วยิ้มออก รู้วิธีทำให้ฟ้าประทานหายโกรธ
เจ๊ทรงงามลงมือขัดเงารถฟ้าประทาน จนเมื่อยแขน
“เพิ่งรู้ว่าขัดเงารถ เมื่อยขนาดนี้”
แต่ถึงเมื่อย อีเจ๊ก็ตั้งหน้าตั้งตาขัดรถให้เงาวับ ฟ้าประทานกลับมาเห็นจะได้พอใจ หายโกรธเจ๊สักที
ส่วนที่ศาลาริมน้ำบ้านครูเทียม จอมนางนั่งแต่งกลอนลิเกสำหรับเล่นโชว์ฝรั่ง ใช้สมาธิอย่างมาก
สักครู่หนึ่ง หลงเดินเข้ามาหา เห็นจอมนางกำลังใช้สมาธิแต่งกลอน เลยไม่เข้าไปรบกวน มองด้วยสายตาชื่นชม
“จอมขะมักเขม้นทำงาน รู้จักเก็บงำ น่ารัก แสนดีผู้หญิงแบบจอมนี่แหละ ที่ผู้ชายอยากร่วมชีวิตด้วย”
หลงนิ่งมองจอมนางอยู่นาน สายตาหลงที่มองจ้องเอาๆ ดูจริงจังกับรักครั้งนี้ ความรักที่หลงมีต่อจอมนางมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ นับวันยิ่งผูกพัน
เพลงรักกังวานหวานแว่วในใจหลง
จอมนางรู้สึกตัวว่าถูกมอง หันไปเห็นหลงส่งสายตาหวานฉ่ำมาก็เขินจัด
หลงยิ้มเอ็นดู ส่งสายตาฉ่ำรักไปให้จอมนาง
ฟากพร้อมพงศ์กับเจ๋งอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ใช้ฝาขวดน้ำอัดลมเป็นหมาก เล่นหมากฮอร์สกัน จนมีสายเข้าโทรศัพท์มือถือ พร้อมพงศ์รับสายด้วยท่าทางหงุดหงิด เพราะเป็นเบอร์ไม่คุ้น
“ไม่มีเงินซื้อ ช่วงนี้ไม่ได้ไถลูก”
เป็นพงศ์เทพที่แอบมาโทร.หาพ่อ
“ผมเองครับพ่อ”
“อ้าว เทพหรอ พ่อคิดพวกขายประกัน โทร.มาทุกวัน แล้วนี่เอ็งเอาโทรศัพท์ใครโทร.มา”
“โทรศัพท์ผมครับ” พงศ์เทพทำหน้าตา และน้ำเสียงจริงจัง ปรึกษาพ่อ “พ่อ ผมอยากบอกจอมว่า
ผมโกหกเรื่องความจำเสื่อม เรื่องผมเป็นลูกพ่อ ผมกลัวจอมรู้ทีหลังแล้วโกรธผม”
“เอ็งแคร์เค้า กลัวเค้าโกรธ...นี่เอ็งรักจอมนางเข้าแล้วสิ”
“ผมไม่รู้ ผมกับจอมจะพัฒนาไปถึงขั้นไหน ผมอยากเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยความจริงใจ”
“ตอนนี้เสี่ยเต๊กตามล่าเอ็งอยู่ เอ็งใจเย็นก่อน พอเรื่องเสี่ยเต๊กซา เอ็งค่อยบอกความจริงจอมนาง”
“บอกตอนนี้เลยไม่ดีกว่าหรอครับ รอให้เสี่ยเต๊กมาเจอ จอมรู้จากปากเสี่ยเต๊กว่าผมเป็นใคร จะหนักกว่านี้” พงศ์เทพแย้ง
พร้อมพงศ์ย้อนถาม “เอ็งคิดไว้รึยัง จะเริ่มพูดกับจอมนางว่าอะไร”
“ยังครับ ผมรอก่อนก็ได้ ใช้เวลา คิดหาคำพูดดีๆ ให้จอมเข้าใจ ขอบคุณที่ยั้งผมครับพ่อ”
พงศ์เทพวางสายจากพ่อแล้วคิดหนัก
“ต้องคิดคำพูดสวยหรูที่สุดในชีวิต พูดกับจอม”
ส่วนพร้อมพงศ์เซ็งเป็ด
“ลุงหมดหวังเรื่องเทพกับเหมยฮัวล้านเปอร์เซ็นต์แล้ว เทพรักจอมนาง ต่อให้โดนเสี่ยเต๊กจับตัวได้ ก็ไม่ยอมแต่งงานกับเหมยฮัว”
“ได้ลูกสะใภ้เป็นนางเอกลิเกไม่ดีหรอลุง ลุงจะได้ดูลิเกทุกวันไง”
“เออ ไม่ได้ดองกับเศรษฐี ดองกับคณะลิเกก็ยังดีวะ”
พร้อมพงศ์ทำใจได้บ้างแล้ว เลยพอยิ้มออก
รถตู้คณะแล่นมาจอดในบ้านทรงไทย ฟ้าประทานกับตุ้มกลับจากเล่นลิเก เจ๊ทรงงามวิ่งออกมารับ ช่วยถือชุดลิเกให้ ฟ้าประทานยังมึนตึง แกล้งโกรธเจ๊อยู่อย่างเก่า
“วันนี้เล่นลิเกเหนื่อยมั้ยจ๊ะ”
ฟ้าประทานตอบอย่างเสียไม่ได้ “เหมือนเดิมแหละครับเจ๊”
ฟ้าประทานมองไปเห็นรถเก๋งของตนเงาวับ
“ฝีมือเจ๊เองจ้ะ ขัดซะแขนแทบหลุด เจ๊รู้ว่าฟ้าประทานรักรถมาก เลย...”
อีเจ๊ระรื่นพูดไม่ทันจบคำ โดนฟ้าประทานโวยก่อน
“ขัดไม่เป็น ทำรถเป็นรอย”
ฟ้าประทานรีบไปดูรถ ตรวจสอบดูแทบทุกตารางนิ้วของรถ ว่ามีรอยขีดข่วนมั้ย แล้วหันไปดุเจ๊ทรงงาม
“อย่าแตะรถผมอีก”
ตุ้มดูออกว่าของจริง “งานนี้โกรธจริง”
เจ๊ทรงงามน้อยอกน้อยใจ จะร้องไห้ ตุ้มสงสารมาก
“ช่วยชั้นเอาชุดเข้าบ้านเหอะเจ๊”
ตุ้มส่งชุดให้เจ๊ทรงงามช่วยถือ พากันเข้าบ้านไป อีเจ๊น้ำตาคลอ
เข้าห้องนอนมาเจ๊ทรงงามนอนร้องไห้กระซิกๆๆ อยู่บนเตียง
“เจ๊ต้องทำยังไง ฟ้าประทานถึงรักเจ๊เหมือนเดิม”
เจ๊ทรงงามนึกถึงวันที่ถูกฟ้าประทานโกรธ
“นี่เจ๊หาว่าผมผิด เจ๊รับปากผม เจ๊จะทุ่มไม่อั้น”
“เจ๊ไม่มีเงินสดเหลือแล้ว”
“ไม่อยากให้เงินผม เจ๊ก็ไม่ต้องโกหกหรอกครับ มันไม่จริงใจ”
เจ๊ทรงงามคิดใคร่ครวญหนัก รู้แล้วว่าจะทำยังไงฟ้าประทานถึงจะหายโกรธ เจ๊ลุกไปเปิดตู้หยิบโฉนดบ้าน กับ โฉนดตลาดออกมา
“เอาบ้านกับตลาดไปจำนอง ให้เงินฟ้าประทานขยายคณะ ฟ้าประทานต้องหายโกรธ” เจ๊ชักลังเล “เกิดคณะเจ๊ง ที่โดนแบงค์ยึดล่ะ”
เจ๊ทรงงามตัดสินใจไม่ได้ กลุ้มมาก
เช้าวันถัดมา ทั้งหมดนั่งล้อมวงกินข้าวอยู่ที่นอกชานบ้าน
“วันนี้ต้องไปเล่นกี่โมงนะหลง”
“เราต้องไปถึงโรงแรมเที่ยงครับ มีใครโทร.ถามน้ากำจายเรื่องผลชิ้นเนื้อหรือยังครับ เป็นแค่เนื้องอก หรือ เป็นมะเร็ง”
“ชั้นโทร.ไปเมื่อกี้ พี่โก่งว่า ผลออกบ่ายๆ จ้ะ” โก๊ะบอก
กระแตถาม “น้ากำจายใช้เสียงได้หรือยัง”
“เห็นพี่โก่งว่า หมอให้พูดได้หลังเที่ยง”
“ไม่ติดว่าต้องไปรำโชว์ จะไปให้กำลังใจน้ากำจาย” จอมนางว่า
“ส่งแรงใจไปแล้วกัน” ครูเทียมบอก
ทุกคนเป็นกังวล ราวกับเป็นคนป่วยซะเอง
จอมนางเอาชุดลิเกใส่กล่อง จะไปรำลิเกโชว์ หลงเดินเข้ามาหา
“รถตู้คณะไม่อยู่ พี่โทร.หารถเหมา ให้มารับไปส่งโรงแรมในเมืองนะครับ”
“ชั้นให้โก๊ะไปบอกลุงพงศ์ จ้างรถลุงพงศ์ไปจ้ะ”
เสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้าน
“ลุงพงศ์มาแล้ว”
หลงไม่สบายใจหน้าไม่สู้ดี กลัวเอารถพ่อไปแล้วเสี่ยเต๊กเห็น
ชาวคณะช่วยกันขนกล่องชุดลิเกกับรุ้งใส่ยอดลิเกขึ้นรถกระบะ หลงแอบกระซิบพร้อมพงศ์
“ระวังเสี่ยเต๊กเห็นรถนะพ่อ”
พร้อมพงศ์กระซิบตอบ “เอ็งขับแล้วกัน ได้คอยดูกระจกหลัง”
โก๊ะเอ่ยขึ้น “ขนของเสร็จแล้วจ้ะ”
จอมนางถาม “ใครจะเสียสละนั่งกระบะหลัง 2 คน”
“เจ๋งเอ็งนั่งกระบะหลัง ลุงจะให้หลงขับ”
จอมนางแปลกใจ ที่ลุงพงศ์ให้พี่หลงขับรถของลุง ท่าทางไม่หวงรถเอาเลย
เจ๋งจีบกระแต “ไปนั่งหลังด้วยมั้ยครับ รับสายลมและแสงแดด”
“เชิญตัวดำไปเถอะย่ะ”
“ขึ้นรถกันได้แล้ว”
สิ้นเสียงครูเทียม เจ๋งกับโก๊ะปีนขึ้นกระบะหลัง คนอื่นๆนั่งหน้า
หลงสตาร์ตรถ จอมนางนั่งเบาะหลังกับปู่และกระแต จอมนางมองจับผิดหลง หลงกดปุ่มเปิดแอร์
“ข้างหลังแอร์เย็นมั้ยครับ”
“ขึ้นอีกหน่อยก็ดีจ้ะพี่” กระแตบอก
จอมนางมองหลงที่ปรับแอร์อย่างแคล่วคล่อง เหมือนรู้ดีว่าปรับปุ่มแอร์อยู่ตรงไหน ปรับยังไง จอมนางอยากลองจับผิด
“มีซีดีมั้ยจ๊ะ ชั้นอยากฟังเพลง”
“ดีเจหลงจัดให้ครับ”
จอมนางจดสายตามองหลงที่เปิดฝากล่องหยิบซีดีเพลงออกมาเลือก เอาแผ่นใส่เครื่องเล่น กดปุ่มเปิดเครื่องเล่นซีดีในรถ หลงไม่รู้สักนิดว่าถูกจับผิดอยู่ เขาลืมตัวทำด้วยความเคยชิน
ครูเทียมเอ่ยขึ้น “หรี่เสียงหน่อยหลงเอ๊ย ข้าไม่ถนัดฟังเพลงพวกนี้”
หลงหรี่เสียงแล้วออกรถไป จอมนางจ้องด้านหลังหลงไม่วางตา มั่นใจว่าหลงต้องคุ้นเคยกับรถคันนี้
ฝ่ายเสี่ยเต๊กอยู่ตรงล็อบบี้โรงแรม เช็คเอ้าท์เรียบร้อยแล้ว เบิ้มหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าให้เสี่ยไปขึ้นรถหน้าล้อบบี้
“นี่ถ้าอั๊วไม่ปวดหลัง ต้องกลับไปหาหมอ อั๊วจะอยู่ตามล่าพงศ์เทพต่อ”
“เสี่ยกลับไปรักษาหลังเถอะครับ ทางนี้ ผมจะซุ่มดูที่ตลาดเจ๊ทรงงามทุกวัน จับตัวพงศ์เทพให้ได้”
เสี่ยเต๊กออกมาขึ้นรถหน้าโรงแรม เบิ้มขับรถพาเสี่ยกลับกรุงเทพฯ
อีกฟาก ในรถกระบะพร้อมพงศ์ หลงขับรถพร้อมพงศ์นั่งข้างๆ สองพ่อลูกระแวดระวังคอยมอง
รถเสี่ยเต๊ก หลงมองกระจกหลังบ่อยมาก
จอมนางนั่งเบาะหลังสังเกตเห็นหลงมีพฤติกรรมแปลกๆ เหมือนวันก่อนที่เข้าเมืองด้วยกัน
ตอนนั้นหลงขับรถตู้คณะพาครูเทียมกับจอมนางเข้าเมือง หลงระแวดระวังคอยมองกระจกหลัง รถเสี่ยเต๊กแล่นตามมาหรือเปล่า จอมนางนั่งหน้าคู่หลง เห็นหลงมองกระจกหลังบ่อยเกิน
จอมนางกระซิบปู่ “พี่หลงมองกระจกทุก 2 วินาทีอีกแล้วจ้ะปู่”
ครูเทียมทำหน้าเอ็ดจอมนาง ช่างจับผิดเสียจริง
คราวซวยของสองพ่อลูก เมื่อรถเก๋งคันงามของเสี่ยเต๊กเลี้ยวออกมาจากแยก ขับหลังตามรถกระบะพร้อมพงศ์พอดี
เสี่ยกับเบิ้มเห็นรถกระบะพร้อมพงศ์แล่นอยู่ข้างหน้า และเห็นเจ๋ง นั่งกระบะหลังกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ไม่รู้จักว่าเป็นโก๊ะ
“เสี่ยครับ”
“อั๊วเห็นแล้ว รถกระบะเฮียพงศ์ ขับห่างๆ อย่าให้หลานเฮียพงศ์เห็น”
เบิ้มทำตาม ชะลอรถ สะกดรอยตามรถพร้อมพงศ์อยู่ห่างๆ พอหลงคอยมองกระจกหลัง จึงไม่เห็นรถเสี่ยเต๊ก
อ่านต่อหน้า 2
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 19 (ต่อ)
ในเวลาต่อมาหลงขับรถเลี้ยวเข้าโรงแรม เบิ้มขับตามมาถึงหน้าโรงแรม เสี่ยเต๊กสั่งเบิ้มว่า
“ไม่ต้องตามเข้าไป เฮียพงศ์จำรถอั๊วได้ เดี๋ยวซิ่งหนี จอดแอบริมถนน”
เบิ้มจอดรถริมฟุตบาท
“เอาไงต่อครับเสี่ย”
“แอบเข้าไปดูในโรงแรม”
เสี่ยเต๊กกับเบิ้มลงจากรถ ดูลาดเลาก่อนว่าพวกพงศ์เทพอยู่ตรงไหน พอทางสะดวก ถึงพากันเข้าล็อบบี้โรงแรม
เสี่ยเต๊กกับเบิ้มพากันด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าทางเข้าล็อบบี้
“ไม่บุกเข้าไปจับพงศ์เทพเลยล่ะครับเสี่ย”
“ไอ้โง่! พวกมันมากันเต็มรถ เรามีแค่สองคน ปืนก็ถูกตำรวจยึดไปแล้ว ไม่มีอะไรขู่มัน เราต้องสืบดูเฮียพงศ์พักห้องไหน แล้วค่อยขนคนมาบุกวันหลัง”
ผู้จัดการโรงแรมออกมาต้อนรับเสี่ย
“มาติดต่อห้องพัก เชิญด้านในครับ”
“พวกที่ขับรถกระบะมาเมื่อกี้ หายไปไหนแล้ว...ผมเป็นญาติน่ะขับรถตามหลังมา”
“ใช่คณะลิเกเทียมฟ้าหรือเปล่าครับ”
“คณะลิเกเทียมฟ้า”
“รถกระบะที่เพิ่งเข้ามาจอดเมื่อกี้ พาคณะเทียมฟ้ามาครับ”
เสี่ยเต๊กงง พงศ์เทพเป็นพวกลิเกได้ยังไง?
“พวกลิเกเทียมฟ้าที่ว่านี่ พักห้องไหน”
เสี่ยเต๊กกับเบิ้มเดินมาตามทางเดินหน้าห้องพัก ชั้นที่ผู้จัดการโรงแรมบอก
“ทางโรงแรมบอกว่าพวกลิเกอยู่ห้อง 404 ห้องนี้ครับเสี่ย”
“ทำยังไงถึงจะรู้ พงศ์เทพอยู่กับเฮียพงศ์หรือเปล่า”
“เราเคาะประตูแล้ววิ่งไปหลบ ให้พวกมันออกมาดูหน้าห้อง”
“แถวนี้มีที่หลบซะทีไหน ไอ้เซ่อ” เสี่ยนิ่งคิด เอาไงดีวะ
ส่วนในห้อง พวกลิเกแต่งองค์ทรงเครื่อง พร้อมพงศ์ช่วยหลงแต่งตัว เจ๋งช่วยกระแตใส่กรองคอ
“อย่ามาแต๊ะอั๊งชั้น ไปช่วยพี่หลงกับโก๊ะนู้น”
“เห็นเจ๋งเป็นคนลามกไปได้”
เจ๋งหน้าจ๋อยไปช่วยหลงแต่งตัว
จอมนางแอบมองจับผิดหลง พร้อมพงศ์ กะเจ๋ง ว่าทั้ง 3 คนเกี่ยวข้องกันยังไง
พร้อมพงศ์นั้นเป็นปลื้มลูกชายพระเอกลิเกมวาก “แต่งเครื่องทรงขึ้นมาก หล่อกว่าพระเอกลิเก
ทุกคณะที่เคยดูมา”
ครูเทียมเย้า “มีพ่อยกส่วนตัวนะหลงเอ๊ย”
“โอ้โหแฮะ บริการเช็ตผมให้ด้วย” โก๊ะแซว
จอมนางมองจ้องเห็นพร้อมพงศ์ใส่เยลหวีผมหลงจนเรียบแปล้ เพื่อเตรียมสวมยอดลิเก พึมพำกับตัวเอง
“ดูแลกันขนาดนี้ ต้องสนิทกันมาก”
จอมนางใส่เครื่องทรง พลางแอบมองหลงกับพร้อมพงศ์ สองคนนี้มีความสัมพันธ์กันยังไง
ส่วนหน้าห้องพัก เสี่ยเต๊กยังคิดไม่ออก เอาไงดี
“บุกเลยเหอะครับเสี่ย เผื่อพงศ์เทพอยู่ในห้อง”
“เกิดไม่อยู่ เฮียพงศ์เห็นอั๊ว ต้องโทร.เตือนลูกชายให้หนี ไปหาที่ซุ่มดูแถวลิฟต์ พนักงานโรงแรมบอกว่า พวกนี้มารำลิโกโชว์ เดี๋ยวก็ต้องออกมา”
เสี่ยเต๊กกับเบิ้มย้อนกลับไปทางลิฟต์ ดักซุ่มตรงทางเดินหนีไฟ
เสี่ยเต๊กกับเบิ้มแอบดักซุ่มรอพวกลิเกอยู่ รอนานจนหงุดหงิด
“เฮียพงศ์กับพวกลิเกทำอะไรอยู่ในห้องวะ จะชั่วโมงแล้ว”
เบิ้มมองไปตามทางเดิน “มาแล้วครับเสี่ย”
พร้อมพงศ์ เจ๋ง และชาวคณะเทียมฟ้าเดินมาลงลิฟต์ไปชั้นล่าง หลงแต่งหน้าจัด สวมยอดลิเก ทำให้หน้าตาหลงเปลี่ยนไปจากตอนไม่แต่งหน้า
เสี่ยเต๊กกับเบิ้มเพ่งมองตาแทบถลนออกมา
“ใช่พงศ์เทพเปล่าวะ”
“ไม่แน่ใจครับเสี่ย”
พวกลิเกยืนรอลิฟต์ ใกล้กับที่เสี่ยเต๊กซุ่มดู
แม้หลงมาอยู่ใกล้ๆ เสี่ยเต๊กก็ยังไม่ชัวร์ว่าใช่พงศ์เทพป่าว
“แต่มีเค้าพงศ์เทพ”
พวกลิเกเข้าลิฟต์ เสี่ยเต๊กกับเบิ้มมาดูหมายเลขลิฟต์ กดไปชั้นไหน เบิ้มจะกดลิฟต์ตามไป
“ตามไปก็เท่านั้น ดูไม่ออกว่าใช่พงศ์เทพชัวร์หรือเปล่า” เสี่ยบอก
“หรือเป็นคนหน้าคล้ายพงศ์เทพครับเสี่ย พงศ์เทพเป็นนักธุรกิจ เป็นไปไม่ได้จะมาเล่นลิเก”
“ให้ชัวร์ ต้องเห็นหน้าตอนล้างเครื่องสำอาง ถอดชุดลิเกออก ไปดักดูที่รถเฮียพงศ์”
เสี่ยเต๊กกับเบิ้มเข้าลิฟต์ กลับลงไปล้อบบี้ข้างล่าง
จอมนางรำลิเกออกมาโชว์เปิดตัวคนเดียว กรุ๊ปทัวร์ฝรั่ง ถ่ายรูปจอมนางรำลิเก จอมนางร้องลิเกแนะนำตัว สอดแทรกภาษาอังกฤษในกลอนลิเกอย่างน่าทึ่ง ทัวร์ฝรั่งฟังกลอนลิเกมีภาษาอังกฤษด้วย ก็ถูกใจ ปรบมือให้จอมนาง
คณะเทียมฟ้าเล่นลิเกโชว์ฉากสุดท้าย โดยจอมนางปรับบทเป็นเน้นรำไม่เน้นร้อง ฉากนี้เป็นฉาก “ชิงนาง” หลงกับโก๊ะฟันดาบสู้กัน แย่งชิงจอมนาง
สุดท้ายหลงฆ่าโก๊ะตาย จากนั้นหลงกับจอมนางร้องลิเกสั้นๆ บทเข้าพระเข้านาง กระแตเล่นเป็นนางฟ้า ลงมาโปรดดอกไม้ให้คู่พระนาง
โชว์จบลง ทัวร์ฝรั่งปรบมือให้เกรียวกราว สีหน้าอะเมซิ่งคอดๆ ชื่นชอบการแสดงนี้มาก
ชาวคณะถ่ายรูปกับทัวร์ฝรั่ง โก๊ะแฮปปี้รับทิปมือระวิง เจ๋งใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปกระแต ฝรั่งถ่ายรูปหลงและจอมนางเยอะกว่าคนอื่น
ฝรั่ง 1 มาคนเดียว ส่งกล้องดิจิตอลให้ครูเทียมช่วยถ่ายรูปคู่กับหลง
ครูเทียมบอก “ถ่ายไม่เป็นจ้ะ”
ฝรั่ง 1 ฟังครูเทียมไม่เข้าใจ
พร้อมพงศ์แถเข้ามา “ไอถ่ายเอง Ok good”
ครูเทียมแปลกใจ “พูดภาษาปะกิตได้ด้วยหรอพงศ์”
พร้อมพงศ์ยิ้ม “งูๆ ปลาๆ น่ะครับครู”
จอมนางคอยมองสังเกตพี่หลงกับลุงพงศ์ตลอดเวลา พร้อมพงศ์ถ่ายรูปคู่ฝรั่ง 1 กับหลง
“One Two Three”
หลงไปถ่ายรูปคู่กับฝรั่งคนอื่นต่อ พร้อมพงศ์เอากล้องไปคืนฝรั่ง 1 ปลื้มลูกไม่หายบอกฝรั่ง 1 ว่า
“คนที่ U ถ่ายรูปด้วย เป็น my son”
จอมนางสะดุดหู! ได้ยินพร้อมพงศ์พูด ไม่แน่ใจ ฟังถูกหรือเปล่า
ฝรั่ง 1 ก็ทำหน้างงฟังพร้อมพงศ์ไม่เข้าใจเช่นกัน
พร้อมพงศ์บอกฝรั่ง 1 อีกหน “พระเอกลิเกน่ะ” พลางชี้ไปที่หลง “He is my son”
จอมนางได้ยินชัด “Son แปลว่าลูกชาย”
จอมนางมองหลงที มองพร้อมพงศ์ที สงสัยว่าสองคนนี้เป็นพ่อลูกกัน!
จอมนางกับกระแตอยู่ในห้องน้ำในห้องพัก ตัดสินใจบอกพี่ว่าหลงเป็นลูกชายลุงพงศ์
“son แปลว่าลูกชายก็จริง แต่ลุงพงศ์อาจหมายถึงตัวเองเป็นพ่อยก พี่หลงเป็นลูก”
“พี่กระแตก็สงสัยนี่จ๊ะ ลุงพงศ์กับพี่หลงต้องรู้จักกันมาก่อน”
“เค้าต้องเป็นคนรู้จัก หรือไม่ก็ทำงานที่เดียวกัน แต่ไม่ใช่พ่อลูก”
“พี่หลงรู้ที่เก็บซีดีในรถลุงพงศ์ เปิดแอร์ เปิดซีดี คล่องแคล่ว รู้ว่าปุ่มอะไรอยู่ไหนบ้าง พี่หลงคุ้นเคยกับรถลุงพงศ์ เพราะเป็นรถพ่อตัวเอง”
“เคยขับรถลุงพงศ์ ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นลูกลุงพงศ์ อีกอย่างลุงพงศ์เคยเล่าว่า มาตามหาลูกชายที่บางไทร เจอตัวแล้วแต่ลูกไม่ยอมกลับ ถ้าพี่หลงเป็นลูกลุงพงศ์จริง ลุงพงศ์ก็ลากลูกขึ้นรถ กลับบ้านไปแล้ว”
“พี่กระแตพูดซะชั้นเขวเลย” จอมนางหน้ามุ่ย ชักไม่แน่ใจ
เสียงเจ๋งเรียกหน้าห้องน้ำ “ปวดฉี่”
“ออกไปเดี๋ยวเนี้ย” จอมนางร้องตอบ
สองสาวออกไป โก๊ะรีบเข้าห้องน้ำ
ในเวลาต่อมาครูเทียมเซ็นชื่อในสัญญา มือขวาครูสั่น เซ็นอย่างลำบากยากเย็น ทุกคนเอาใจช่วย จนครูเทียมเซ็นชื่อในสัญญาได้
“ภายใน 1 ปีนี้ คณะเทียมฟ้าห้ามไปเล่นที่โรงแรมอื่น ไม่เช่นนั้นจะถือว่าผิดสัญญาที่ครูเพิ่งเซ็นไปครับ” ผู้จัดการว่า
“เราก็รับงานอื่นไม่ได้เลยสิ” ครูท้วง
“รับได้ครับครู ผมเป็นคนโทร.มาคุยกับผู้จัดการเอง ให้ทำสัญญาว่าจ้างระหว่างเรากับทางโรงแรม โดยให้ระบุในสัญญา มีผลเฉพาะงานตามโรงแรมเท่านั้น ส่วนงานวัด งานบุญ หรืองานอื่น ๆ เรารับได้ตามปกติ”
โก๊ะปลื้มเป็นที่สุด “พี่หลงสวดยอด สมกับเป็นผู้จัดการคณะ”
พร้อมพงศ์มองปลื้มลูกชาย ที่ทั้งฉลาด และรอบคอบ
จอมนางจ้องจับผิดอยู่ เห็นสายตาพร้อมพงศ์มองหลงอย่างปลาบปลื้มก็พึมพำออกมา
“พ่อยก หรือ พ่อแท้ๆ นะ”
โก่งโทร.มาหาจอมนางพอดี
“พี่โก่งโทร.มาจากโรงพยาบาล” จอมนางรีบกดรับ “ผลออกหรือยังจ๊ะ เป็นเนื้องอก หรือ เนื้อมะเร็ง”
ทุกคนลุ้น รอฟังผลกันระทึก
โก่งโทร.มาจากโรงพยาบาล บอกจอมนางว่า
“พี่กำจายต้องอยู่เหน็บแนมจอมไปอีกนาน ติ่งเนื้อที่เส้นเสียง เป็นแค่เนื้องอกธรรมดา”
จอมนางดีใจมาก หันมาบอกทุกคน
“น้ากำจายไม่ได้เป็นมะเร็ง”
เจ๋งร้อง “เย้...”
กระแตหมั่นไส้ “เป็นญาติน้ากำจายหรอ”
“อยากมีส่วนร่วมครับ”
จอมนางคุยต่อ “น้ากำจายกลับบ้านได้วันไหนจ๊ะ”
“วันนี้แหละ ค่าผ่าตัดค่ายา 2 หมื่นนิดๆ จอมไม่ต้องมาจ่ายเพิ่ม”
“บอกน้ากำจายนะจ๊ะ ดีใจด้วย แล้วเจอกันที่บ้านนะ” จอมนางวางสายไป
ส่วนที่ห้องพักในโรงพยาบาล โก่งวางสายจอมนาง กำจายโวย น้ำเสียงดีขึ้น ไม่ค่อยแหบแห้งแล้ว
“วางทำไมวะ ข้าจะคุยกับจอม อยากรู้ รำลิเกให้ฝรั่งดู มันดูรู้เรื่องมั้ย”
“กลับไปคุยที่บ้านก็ได้พี่”
โก่งกับกำจายช่วยกันเก็บเสื้อผ้า ของใช้ใส่กระเป๋าจะกลับบ้าน กำจายไปเก็บแปรงสีฟันในห้องน้ำ
ถือแปรงสีฟันออกมา 1 อัน
“แปรงสีฟันเอ็งล่ะโก่ง มีแต่ของข้า”
“ลืมเอามาพี่ ชั้นเอาของพี่แปรง” โก่งบอก
กำจายเม้งด่าเป็นชุด “ไอ้โสโครก ไอ้ตูดดำ ไอ้ปากเหม็น เอาขี้ฟันมาติดฟันข้า ข้าต้องอมน้ำยาล้างส้วมบ้วนปากกี่ขวด ถึงจะหายขยะแขยง”
โก่งเซ็ง “เฮ้อ...พี่กำจายเสียงแห้งเหมือนเดิมก็ดีเนอะ”
ด้านเสี่ยเต๊กกับเบิ้มซุ่มดูอยู่แถวรถกระบะพร้อมพงศ์ พวกลิเกขนของกลับมาขึ้นรถ หลงล้างเครื่องสำอางออกแล้ว เป็นใบหน้าพงศ์เทพเพียวๆ เสี่ยเต๊กกะเบิ้มเห็นหน้าชัดเจน
“ใช่พงศ์เทพ”
“จับตัวเลยมั้ยครับ”
“พวกมันมีกันตั้งหลายคน เราสู้ไม่ได้”
ส่วนที่รถพร้อมพงศ์ ครูเทียมเอ่ยขึ้น
“กำจายกินอะไรไม่ค่อยลงมาเป็นอาทิตย์ เราไปซื้อของกินมาฉลองกัน ให้กำจายกินเยอะๆ”
“ไอ้โก๊ะก็จะฟาดให้เต็มคราบเลยจ้ะครู”
พร้อมพงศ์ถาม “จะไปซื้อของที่ไหนครับ”
จอมนางแอบมองพร้อมพงศ์กับหลงตลอด ใช่พ่อลูกกันหรือเปล่า?
“ไปห้างแล้วกันจ้ะ อยู่ไม่ไกล” กระแตสรุป
ทั้งหมดขึ้นรถ หลงขับไป
เสี่ยเต๊กสั่งเบิ้ม
“รีบกลับไปที่รถ ขับตาม”
เสี่ยเต๊กวิ่งกระย่องกระแย่ง เพราะยังปวดหลัง ออกไปยังรถที่จอดแถวริมฟุตบาทหน้าโรงแรม เบิ้มขับรถพาเสี่ยเต๊กตามรถกระบะพร้อมพงศ์ไป
เบิ้มขับรถตามรถกระบะพร้อมพงศ์ จนเข้ามาตรงถนนพลุ่กพล่านในตัวเมือง
หลงเป็นคนขับ จอมนางที่นั่งเบาะหลัง จ้องด้านหลังพี่หลงกับลุงพงศ์ด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
ครูเทียมเห็นสายตาจอมนางที่มองหลง กระซิบถามหลาน “มีปัญหาอะไรจอม”
“ถึงบ้านแล้วชั้นจะเล่าให้ฟังจ้ะปู่”
ครูเทียมนิ่วหน้าสงสัย หลานสาวมีปัญหาอะไรกับหลง กับพงศ์
“ซอยซ้ายมือข้างหน้า เป็นทางลัดไปห้างจ้ะพี่หลง เลี้ยวเข้าไปเลย”
หลงเลี้ยวซ้ายเข้าซอยทางลัดไป
เบิ้มขับรถตามหลังมาห่างๆ ไม่ทันเห็นรถพร้อมพงศ์เลี้ยว
“รถเฮียพงศ์หายไปไหนแล้ว”
เสี่ยเต๊กยัวะลูกน้อง “บอกให้อย่าคลาดสายตาไง จอด”
เบิ้มจอดรถ
“ผมจะขับวนหาในเมืองครับ”
“ไม่ต้อง อั๊วรู้ จะไปหาพงศ์เทพที่ไหน”
“ที่ไหนครับเสี่ย”
“บ้านคณะลิเกเทียมฟ้า”
เสี่ยเต๊กยิ้มเหี้ยมวาดหน้าซะโหด มั่นหมายจะบุกไปยังแหล่งกบดานของพงศ์เทพ
อ่านต่อหน้า 3
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 19 (ต่อ)
ทั้งหมดเข้ามาซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ของตัวเมืองอยุธยา จอมนางเอ่ยขึ้น
“ชั้นจะไปซื้อของกิน ใครจะซื้ออะไรก็ตามสบายนะจ๊ะ”
“ลุงจะไปดูเสื้อผ้า อยากซื้อเสื้อซักตัว” พร้อมพงศ์บอก
“พี่จะไปเดินเล่นดูของ” หลงว่า
“ต่างคนต่างเดินแล้วกัน ซื้อของเสร็จแล้วมาเจอกันแถวนี้” ครูเทียมบอก
เจ๋งรีบบริการเอารถเข็นมาให้กระแต
กระแตหันมาหาโก๊ะ “โก๊ะ เข็นรถ”
โก๊ะหันมาทางเจ๋ง “โทษทีนะเพื่อน”
กระแต ครูเทียม โก๊ะ จอมนาง เดินไปด้วยกัน ส่วนพร้อมพงศ์ไปกับเจ๋ง หลงอมยิ้มกรุ้มกริ่ม ตั้งใจไปซื้อของให้จอมนาง
โก๊ะเข็นรถพลางหยิบขนมใส่รถเข็นมือเป็นระวิง
ครูเทียมปราม “เพลามือหน่อยไอ้โก๊ะ”
“นานทีปีหนได้มาเดินซื้อของในห้างน่ะครู หยิบเพลิน” โก๊ะหยิบของออกจากรถ
“ปู่จ๋า ชั้นไปเดินดูของทางนู้นนะจ๊ะ”
ครูเทียมพอจะรู้ทันหลานสาว “เอ็งจะไปจับผิดหลงกับพ่อพงศ์ต่างหาก เค้าจะมีความลับอะไร ก็ช่างเค้าเถอะ เค้าเป็นคนดีก็พอแล้ว”
กระแตเห็นด้วย ติงน้อง “นั่นซีจอม พี่หลงหางานให้เรา ลุงพงศ์ขับรถมาให้ เค้าดีกับเรามาก จอมเองก็เลิกจับผิดพี่หลงมาซักพักแล้วนี่”
“แต่ชั้นก็ยังคาใจ ยิ่งวันนี้พี่หลงทำตัวน่าสงสัยมากผิดปกติ ดีก็ส่วนดี ความจริงก็ส่วนจริง ชั้นอยากรู้ความจริง ลุงพงศ์กับพี่หลงเป็นอะไรกัน ปิดบังอะไรอยู่”
จอมนางดื้อไม่ฟัง เดินแยกไป ครูเทียมกับกระแตส่ายหน้า
ครูเทียมหันมาดูรถเข็น เห็นไอ้โก๊ะหยิบขนมใส่เต็มรถอีกแล้ว
“ไอ้โก๊ะ เอาออก”
จอมนางเดินหาหลง เห็นหลงกำลังจ่ายเงินค่าสมุดบันทึกปกสวย กับ ปากกาอย่างดีที่แคชเชียร์
“ที่นี่มีรับห่อของขวัญมั้ยครับ”
“ไม่มีค่ะ ต้องซื้อกระดาษของขวัญไปห่อเอง กระดาษอยู่นี่ค่ะ”
หลงเดินไปเลือกกระดาษห่อของขวัญ
“จอมน่าจะชอบลายไหน เอาลายนี้แล้วกัน”
จอมนางแอบดูจนหลงจ่ายเงินเสร็จ แล้วก็ตามไปต่อ
จอมนางแอบตามหลงมาถึงแผนกเสื้อผ้า ที่นั่นพร้อมพงศ์กับเจ๋งกำลังเลือกเสื้อ หลงเข้ามาหาสองคน ช่วยเลือกเอาเสื้อทาบหลังพร้อมพงศ์ ทั้งคู่ดูสนิทกันมาก
“เหมือนพ่อลูกกันเลย”
จอมนางยังไม่ปักใจร้อยเปอร์เซ็นต์ เผื่อดูพี่หลงกับลุงพงศ์ผิดไป
หลงขับรถเข้าบ้าน ทุกคนช่วยกันขนของลงจากรถ ทั้งกล่องใส่ชุดลิเก เครื่องทรง และของกินที่ซื้อมาจากห้างในตัวเมือง
“เจ๋งถือถุงขนมไป พี่กับโก๊ะจะยกกล่องใส่ชุดลิเก”
หน้ารั้วบ้าน ข้างประตูรั้ว เสี่ยเต๊กซุ่มแอบดูอยู่
“พงศ์เทพ ลื๊อกบดานอยู่ที่นี่เอง”
เสี่ยเต๊กจ้องพงศ์เทพราวกับเสือจ้องเหยื่อ
กว่าเสี่ยเต๊กจะกลับมาถึงบ้านที่กรุงเทพ ก็ตกตอนเย็นย่ำ เหลียนฮัวกับเหมยฮัวมาช่วยรับเสี่ยจากเบิ้ม ประคองเสี่ยไปนั่งโซฟา เสี่ยเต๊กยังมีอาการปวดหลังอยู่
เหลียนฮัวสงสัย “เสี่ยไปทำอีท่าไหนถึงหลังเดี้ยง”
“ตกเวทีลิเก อั๊วไปตามหาเฮียพงศ์ในวิกลิเก อั๊วเจอตัวพงศ์เทพแล้ว ไปเล่นลิเกอยู่ที่บางไทร”
เหมยฮัวแปลกใจมาก “พี่เทพเนี่ยนะเล่นลิเก”
“เตี่ยก็งงเหมือนกัน เล่นอยู่คณะเทียมฟ้า เตี่ยไปเจอตอนพงศ์เทพเล่นโชว์ในโรงแรม ตามไปถึงบ้านลิเกด้วย”
เหลียนฮัวท้วง “อ้าว เจอตัวแล้วทำไมเสี่ยไม่จับกลับมา”
“อั๊วไปกันแค่ 2 คน บ้านลิเกมึคนเพียบ อั๊วเลยถอยก่อน” เสี่ยพูดด้วยสีหน้าเหี้ยม “จะจับเสือ ต้องล่อมันออกจากถ้ำ...ไอ้เบิ้ม”
“ครับเสี่ย”
“โทร.บอกไอ้พล ให้มันไปขอเบอร์คณะลิเกเทียมฟ้าจากโรงแรม อั๊วจะล่อมันมากรุงเทพฯ แล้วอั๊วจะขึงตะข่าย ดักจับเสือจนตรอกอย่างพงศ์เทพ”
เสี่ยเต๊กกับเหลียนฮัวยิ้มกริ่ม ต้องได้ตัวผู้ชายมาแต่งงานกับลูกสาว ส่วนเหมยฮัวเครียด เป็นห่วงสวัสดิภาพพงศ์เทพ
คืนนี้บ้านลิเกเลี้ยงฉลอง ช่วงนี้มีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้น กำจายหายป่วย คณะมีงานรำโชว์ รายได้ดี
กำจายชูแก้วน้ำเปล่านำดื่ม “ชั้นขอดื่มให้ตัวเองที่หายป่วย แล้วก็ขอดื่มให้พวกเรา ชาวคณะเทียมฟ้า วันของเรามาถึงแล้ว เราจะเป็นลิเกโชว์ที่ดังที่สุดในอยุธยา เอ้า...ดื่ม”
ทุกคนดื่มน้ำเปล่า น้ำอัดลม ตามกัน
กำจายมองน้ำเปล่าในแก้วตัวเอง “เป็นน้ำสีอำพันก็ดี”
ครูเทียมคว้าไม้เท้าฟาดกำจายไปที เบาๆ “ยังจะอยากกินเหล้าอีกนะเอ็ง ที่เอ็งป่วยก็เพราะเหล้า”
“ชั้นแค่โหยหาจ้ะครู เหมือนเมียเก่า ระลึกถึง แต่ไม่กลับไปอยู่กิน” กำจายเล่นลิ้น
ครูเทียมขำ “เข้าใจเปรียบเปรยนะเอ็ง”
จอมนางต้องการจับผิดพี่หลงกับลุงพงศ์ จึงหลอกถามพร้อมพงศ์ ตีหน้าซื่อ ตาใส
“ลุงพงศ์มัวมาขับรถให้พวกชั้น มีเวลาไปหาลูกชายบ้างหรือเปล่าจ๊ะ ลูกลุงที่หนีมาอยู่บางไทรน่ะ”
หลงสะดุดหูกึก สังเกตสีหน้าจอมนางคิดในใจ “หลอกถาม หรือถามจริงๆ”
พร้อมพงศ์บอก “ลุงก็โทร.หาลูกบ้าง”
“ลุงยังไม่เคยบอก ลูกชายลุงชื่ออะไร”
“พงศ์เทพ ชื่อเล่น เทพ”
“ไว้ลุงพาพี่เทพมาเที่ยวบ้านชั้นบ้างนะจ๊ะ ได้รู้จักกันไว้” จอมนางว่า
หลงดูอาการจอมนางไม่ออกที่ถามทั้งหมดเมื่อกี้ หลอกถาม หรือ ถามเพื่อจับผิดเขากับพ่อ
“ทำไมลูกชายพ่อพงศ์ ไม่มาอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่า” ครูเทียมเอ่ยถามขึ้น
พร้อมพงศ์บอกจริงปนหลอก “มันติดผู้หญิงน่ะครับ ไปอาศัยอยู่บ้านผู้หญิง”
“ไม่แปลก ก็สาวบางไทรน่ะ...สวย...” เจ๋งมองกระแตตาหวานเยิ้ม
“หนุ่มกรุงเทพฯ ก็...” กระแตเว้นวรรค
“ก็อะไรคร้าบ...” เจ๋งยื่นหน้า รอรับคำชม
กระแตบอกว่า “ก็...อุบาทว์”
“จีบสาวบางไทรไม่ติด” โก๊ะอำเจ๋ง แกล้งทำเป็นจีบปากจีบคอ ทำสาวแตกใส่ “จีบหนุ่มบางไทรแทนก็ได้นะฮ้า”
โก่งแขยง “หึย ไอ้โก๊ะ ข้าจะอ้วก”
ขณะที่ทุกคนหัวเราะเฮฮาขำโก๊ะแกล้งทำสาวแตกใส่เจ๋ง
หลงลอบมองจอมนางอย่างรู้สึกผิด ใจอยากสารภาพบอกความจริงว่าตนเป็นใคร
หลังมื้อค่ำ จอมนางหลบนั่งเขียนฉากลิเก เตรียมโชว์ครั้งต่อไป หลงเดินมาหาเอาของขวัญมาให้
“พี่ให้จอมครับ”
“ขอบใจจ้ะ” จอมนางยิ้ม แกะของขวัญ เป็นสมุดบันทึกกับปากกาอย่างดี
“เอาไว้แต่งกลอนลิเกนะครับ พี่ขอให้จอมเก่งเหมือนครูเทียม”
“ได้เสี้ยวของปู่ ชั้นก็ฉลอง กระโดดคลองหน้าบ้านแล้วจ้ะ”
“จอมครับ...พี่มีเรื่องอยากบอกจอม”
“เรื่องอะไรจ๊ะ”
หลงอยากสารภาพความจริงว่าเขาเป็นใคร แต่เกิดลังเลอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้าบอก กลัวจอมนางโกรธ
“มีอะไรก็พูดมีซีจ๊ะพี่หลง เราคนกันเอง ชั้นไม่กัดพี่หรอก”
สุดท้ายหลงไม่กล้า “พี่...อ่า...พี่ขอให้จอมแต่งกลอนลิเกเก่งๆ แต่งแล้วเอามาร้องให้พี่ฟังด้วยนะครับ”
“พี่เป็นพระเอกลิเกของชั้น ชั้นก็ต้องร้องให้พี่ฟังอยู่แล้วจ้ะ ชั้นไปนอนก่อนนะ”
จอมนางถือสมุดกลอนลิเก และสมุดบันทึกของขวัญจากหลง กลับเข้าตัวบ้าน
“ไม่รู้จะเอ่ยปากกับจอมยังไง ไม่น่าโกหกจอมแต่แรกเลย”
หลงกลุ้มใจมาก ไม่รู้จะบอกความจริงกับจอมนางยังไง
จอมนางถือสมุดกลอนลิเกกับสมุดบันทึกของขวัญจากหลงเข้าห้องมา สีหน้าเครียดเคร่ง เมื่อกี้หลงไม่ยอมสารภาพผิด กระแตกำลังนับเงินหมื่นกว่าบาท
“เดือนนี้เรามีเงินจ่ายค่ากับข้าว ค่าน้ำ ค่าไฟแล้วจอม” เห็นน้องหน้ามุ่ยก็แปลกใจ “เป็นอะไรจ๊ะน้องรัก”
“ผิดหวังในตัวพี่หลงจ้ะ เมื่อกี้พี่หลงเหมือนสารภาพผิด แต่เปลี่ยนใจไม่พูด ยังโกหกชั้นต่อ”
“พี่ไม่รู้ ตัวจริงพี่หลงเป็นใคร แต่พี่หลงที่รู้จัก เป็นคนดีมีน้ำใจ คนดีอยู่ที่ไหนก็เป็นคนดีอยู่วันยังค่ำ”
“ชั้นไม่เถียงว่าพี่หลงเป็นคนดี ชั้นแค่อยากได้ความจริงใจจากพี่หลง ก็เท่านั้นเอง”
จอมนางมองสมุดบันทึกที่หลงให้ นึกน้อยใจเจ้าของสมุดบันทึก ที่โกหกกันได้ลงคอ
วันถัดมาฟ้าประทานอยู่ที่เรือนพักผ่อนบ้านเจ๊ทรงงาม กำลังโทร.หาครูลิเก มีตุ้มอยู่ใกล้ ๆ
“ครูแต่งกลอนลิเกให้ผมซัก 2 เรื่องนะครับ ผมให้เรื่องละ 2 หมื่น ถ้าน้อยไป ครูเรียกราคามาได้” แต่คุยๆ อยู่โดนวางสายใส่ ฟ้าประทานฉุนมาก “ไม่แต่งกลอนให้ก็บอกกันดี ๆ ก็ได้ ไม่ใช่วางหูใส่”
ตุ้มเตือนสติและให้ข้อคิด “ครูลิเกน่ะ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ฟ้าประทานอย่าเงินเป็นตัวตั้ง ไปกราบขอครูดีๆ ครูลิเกคนไหนๆ ก็เมตตาแต่งกลอนให้”
“ผมเบื่อการเป็นติดหนี้บุญคุณคนอื่น บุญคุณครูเทียมก็แทบล้นกะลาหัว ต้องมีครูลิเกซักคน ที่เงินซื้อได้”
เจ๊ทรงงามกลับมาจากทำธุระสำคัญข้างนอก ฟ้าประทานยังเล่นบทโกรธเจ๊ต่อ เพื่อบีบให้หาเงินมาลงทุนเพิ่ม เลยทำท่าจะหนีหน้าเจ๊เข้าห้องนอน
เจ๊เอ่ยขึ้นว่า “ไม่อยากรู้หรอจ๊ะ เจ๊ไปไหนมา”
ฟ้าประทานหยุด เงียบ ไม่ถาม ตีหน้าขรึม
“เจ๊ไปธนาคารมา เอาโฉนดบ้าน กับ ตลาดไปให้แบงค์ดู เจ๊จะจดจำนอง เอาเงินมาให้ฟ้าประทานขยายคณะ”
ฟ้าประทานยิ้มร่า เลิกเล่นบทกริ้วเจ๊ทรงงาม หันมาหวานใส่ทันควัน
“แบงค์ให้กี่ล้านครับเจ๊”
“เจ้าหน้าที่ธนาคารต้องมาประเมินทรัพย์สินก่อนจ้ะ แต่คร่าวๆ ก็ประมาณ 10 กว่าล้าน”
ฟ้าประทานตาโต “10 กว่าล้าน! ซื้อรถทัวร์คันใหญ่ ขนลูกคณะได้เลย”
“เพื่อฟ้าประทานสุดที่รักของเจ๊ เจ๊ทุ่มหมดหน้าตัก คราวนี้ไม่ดัง ก็ให้มันรู้ไป”
“เจ๊เป็นนางฟ้า ที่เบื้องบนส่งลงมาพิทักษ์ผม เจ๊ทรงงาม...นางฟ้าของฟ้าประทาน”
ฟ้าประทานยิ้มร่าจับมือเจ๊ทรงงามมาจูบ พะเน้าพะนอเอาใจ อีเจ๊ยิ้มแป้น พ่อยอดขมองอิ่มหายโกรธแล้ว
ครั้งนี้ตุ้มไม่หึงสักนิด แต่กลับสงสารเจ๊มากกว่า โดนบีบจนต้องเอาบ้านเอาตลาดไปจำนอง
“ผมจะไปคุยกับคนทำเวที ให้เตรียมรับงานใหญ่ สร้างเวทีลิเกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา เจ๊ไปกับผมนะครับ”
“เจ๊ออกไปแต่เช้า ง่วง อยากนอนซักงีบจ้ะ”
“ผมจะรีบไปรีบกลับนะครับ เพราะผม...คิดถึงนางฟ้าที่บ้าน”
ฟ้าประทานจูบ หอมมือ เจ๊ทรงงามอีกหลายที แล้วหยิบกุญแจรถ หน้าชื่นตาบานออกไป
พอฟ้าประทานออกไป ตุ้มจึงพูดกับเจ๊ทรงงามขึ้นว่า
“เอาบ้านกับตลาดไปจำนอง ไม่กลัวโดนยึดเหรอเจ๊”
เจ๊ทรงงามค้อนควัก “อย่าพูดเป็นลางซียะ ต่อแต่นี้ ชั้นจะร่ำรวยเป็นร้อยล้าน หรือหมดตัวก็ขึ้นอยู่กับฟ้าประทานคนเดียว”
ลึกๆ เจ๊ทรงงามวิตกกังวลหนัก กลัวหมดตัวอย่างที่ตุ้มพูด
ขณะเดียวกันเหลียนฮัวขับรถพาเสี่ยเต๊กกลับจากโรงพยาบาล มีเหมยฮัวไปด้วย เหมยฮัวประคองเตี่ยลงจากรถ อาจงรีบออกมารับพวกคุณๆ เห็นเสี่ยยังมีปวดหลังไม่หาย
“ไปหาหมอประจำตัวแล้วยังไม่หายอีกหรอคะเสี่ย” อาจงถาม
“หมอว่าเสี่ยกล้ามเนื้อหลังอักเสบ ต้องกินยาถึงจะหาย”
เหลียนฮัวส่งถุงยาให้อาจงถือ เหมยฮัวประคองพ่อเข้าบ้าน
ทุกคนเข้ามาในโถง เบิ้มกับพลออกมาจากครัวด้านในบ้าน เสี่ยเต๊กแปลกใจ
“อ้าว กลับมาจากอยุธยาแล้วเหรอไอ้พล”
“เบิ้มโทร.บอกให้ผม ไปขอเบอร์ลิเกคณะเทียมฟ้าที่โรงแรม” พลว่า
“เออ ได้เบอร์มามั้ย”
“นี่ครับเสี่ย” พลให้กระดาษจดเบอร์โทรคณะเทียมฟ้าแก่เสี่ยเต๊ก
“อั๊วจะโทร.ไปหลอกคณะเทียมฟ้า ให้มาเล่นลิเกที่กรุงเทพฯ แล้วจะจับตัวพงศ์เทพคาชุดลิเก”
เสี่ยจอมโหดปนฮา กดเบอร์มือถือติดต่องานคณะเทียมฟ้าที่อยู่กับหลงทันที
อ่านต่อหน้า 4
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 19 (ต่อ)
ขณะที่หลงกำลังซ่อมวิทยุอยู่ในศาลาริมน้ำ มีคนโทร.มา เขารีบรับสาย
“สวัสดีครับ คณะลิเกเทียมฟ้ายินดีรับใช้ครับ”
เสี่ยเต๊กอยู่ในบ้านจำเสียงพงศ์เทพได้ ต้องรีบกดวางสาย
“พงศ์เทพรับโทรศัพท์เองเลย! อั๊วจำเสียงได้”
หลงงงที่สายตัดไป แต่ไม่โทร.กลับ เพราะไม่รู้ใครโทร.มา หันไปซ่อมวิทยุต่อ
ฝ่ายเสี่ยเต๊กหงุดหงิด “พงศ์เทพต้องจำเสียงอั๊วได้ อาเหลียน ลื๊อคุย”
“เสียงอั๊วก็มีเอกลักษณ์ แปร๋นๆ อาเทพจำได้” คุณนายบอก
เหมยฮัวก็บอกว่า “เหมยคุยโทรศัพท์กับพี่เทพบ่อย พอฮัลโหล พี่เทพก็รู้ว่าเป็นเหมย”
เสี่ยเต๊กเครียด “ไอ้เบิ้มไอ้พลก็เจอพงศ์เทพบ่อย คุ้นเสียง ให้ใคร.โทรได้หว่า”
มือถือที่ศาลาริมน้ำบ้านลิเก มีเบอร์เดิมโทร.เข้ามือถือหลงอีก
หลงรับสาย “สวัสดีครับ คณะลิเกเทียมฟ้ายินดีรับใช้ครับ”
สุดท้ายเสี่ยเต๊กให้อาจงคุยสายกับหลง “อ่า สวัสดีค่ะ อั๊ว เอ้ย..ดิชั้นอยากจ้างคณะเทียมฟ้ามาเล่นที่กรุงเทพฯน่ะค่ะ งานแซยิดเถ้าแก่”
“ได้เบอร์คณะเรามาจากไหนครับ” หลงแปลกใจ
อาจงรีบเอามือปิดโทรศัพท์ หันมากระซิบถามเสี่ย “คุณพงศ์เทพถามว่า ได้เบอร์มาจากไหน”
เสี่ยเต๊กกระซิบบอกเสียงเบา กลัวเสียงเข้าไปในโทรศัพท์ “โรงแรมที่อยุธยาให้มา”
อาจงคุยสายต่ออย่างสมบทบาท “โรงแรมที่อยุธยาให้มาค่ะ เถ้าแก่ดิชั้นชอบดูลิเกมาก เลยอยากจ้างคณะคุณมาเล่น”
“ต้องคุยรายละเอียดงานก่อนครับ ทางคุณต้องการงานใหญ่หรืองานเล็กสถานที่เป็นยังไง แล้วก็ค่าจ้าง เงินมัดจำ”
อาจงหันมาถามเสี่ยเต๊ก “คุณพงศ์เทพถามถึงค่าจ้างค่ะ”
เสี่ยเต๊กบอก “ให้แสนนึง”
อาจงคุยสายต่อ “เถ้าแก่ให้ค่าจ้างแสนนึงค่ะ”
“เถ้าแก่อยู่ใกล้ ๆ ให้เถ้าแก่มาคุยเองดีมั้ยครับ” หลงหรือพงศ์เทพว่า
อาจงหันมาถามเสี่ยเต๊ก “คุณพงศ์เทพขอคุยกับเสี่ยค่ะ”
เสี่ยเต๊กโมโห “จะบ้าหรอ คุยก็แผนแตก”
“เถ้าแก่ทำงานอยู่ค่ะ” อาจงบอก
“สะดวกเจอกันพรุ่งนี้มั้ยครับ ผมอยากคุยรายละเอียดงาน แล้วได้คุยสัญญาว่าจ้างด้วย”
“ให้ดิชั้นไปเจอที่ไหนคะ”
“ขอเป็นห้างชานเมืองนะครับ ผมไปจากอยุธยา เข้าเมืองรถติด เอาเป็นห้างเซียร์รังสิต เจอกันบ่ายโมง ใครถึงก่อน ก็โทร.มาบอก”
“ได้ค่ะ พรุ่งนี้เจอกันที่ห้างเซียร์รังสิตบ่ายโมง” อาจงวางสายไป
เหมยฮัวทักท้วง “นัดที่ห้างไม่ได้นะอาจง เกิดยิงกันขึ้นมา คนอื่นโดนลูกหลง”
“คุณพงศ์เทพเลือกที่นัดค่ะ”
“โทร.ไปเปลี่ยน เป็นร้านอาหารก็ยังดี”
เหลียนฮัวแย้ง “โทร.ไปอีกที อาเทพได้สงสัย อาจงพูดจาตะกุกตะกักอยู่ด้วย”
เสี่ยเต๊กหันไปทางสมุน “ไอ้เบิ้มไอ้พล ไปเตรียมคนซักสามสี่คน พรุ่งนี้ เราจะไปล้อมจับพงศ์เทพ”
หน้าตาเสี่ยเต๊กยามนี้ หมายมั่นปั้นมือมากว่า คราวนี้ต้องจับพงศ์เทพให้ได้
ที่ลานด้านหลังบ้านลิเก กำจายซ้อมร้องลิเก มีโก่งตีระนาดให้จังหวะ จอมนางดูซ้อมอยู่ กำจายร้องลิเกบทกษัตริย์สั้นๆ โชว์เนื้อเสียงว่าหลังผ่าตัด เสียงยังเพราะพริ้ง ก้องกังวานเหมือนเดิม
“เสียงน้ากังวานอย่างกับระฆังเหมือนเดิม” จอมนางพอใจ
“เกือบตายคราวนี้ น้าเข็ดแล้ว เลิกเหล้าเด็ดขาด เหล้ายังทำให้เสียงเสียด้วย”
“หลงเดินยิ้มแย้มมาบอกข่าวดี
“เมื่อกี้มีคนโทร.มา จ้างเราไปเล่นงานแซยิดที่กรุงเทพฯ พรุ่งนี้พี่จะไปคุยรายละเอียดงานกับเค้า จอมไปด้วยนะครับ”
“จ้ะ” จอมนางยังอยากจับผิดหลงกับพร้อมพงศ์เลยเสนอ “เอารถลุงพงศ์ไปนะจ๊ะ รถตู้คณะแอร์ไม่
ค่อยเย็น”
โก่งท้วง “เกรงใจลุงพงศ์แกน่าจอม เอารถแกไปหลายรอบแล้ว รถตู้คณะ นั่งหน้าแอร์ก็พอเย็นอยู่”
“ชั้นอยากฟังเพลงด้วยจ้ะ ซีดีเพลงรถลุงพงศ์ เพราะทุกแผ่น”
หลงแปลกใจท่าทีจอมนาง ดูเหมือนอยากไปรถพ่อตนมากๆ
กำจายเองยังแปลกใจ “จอม เอ็งไม่เคยเรื่องมากอย่างนี้นี่หว่า นั่งรถตู้คณะ แอร์เสีย ยังไม่บ่น”
“แหม ชั้นก็อยากนั่งรถสบายๆ มั่งซีจ๊ะน้า” จอมนางหันมาทางหลง “พี่หลงโทร.บอกลุงพงศ์นะจ๊ะ
พรุ่งนี้ให้ลุงขับรถไปให้”
“ครับ พี่จะไปโทร.เดี๋ยวนี้เลย”
หลงเดินนิ่วหน้า พกความสงสัยออกไป ว่าจอมนางดึงดันให้เอารถพ่อไป เพื่ออะไร
ส่วนจอมนางพึมพำกับตัวเองว่า “พี่ไม่สารภาพ ชั้นก็จะจับไต๋พี่กับลุงพงศ์เอง”
หลงกลับมานั่งเครียดอยู่ที่ศาลา ครุ่นคิดถึงพฤติกรรมแปลกๆ ของจอมนาง
“ทำไมจอมถึงดื้อแพ่ง จะเอาพ่อเราไปให้ได้”
หลงนึกถึงคำพูดจอมนางเมื่อคืนตอนคุยกับพ่อ
จอมนางตีหน้าซื่อ ตาใส “ลุงพงศ์มัวมาขับรถให้พวกชั้น มีเวลาไปหาลูกชายบ้างหรือเปล่าจ๊ะ ลูกลุงที่หนีมาอยู่บางไทรน่ะ”
“ลุงก็โทร.หาลูกบ้าง”
จอมนางซักต่อว่า “ลุงยังไม่เคยบอก ลูกชายลุงชื่ออะไร”
“พงศ์เทพ ชื่อเล่น เทพ”
“ไว้ลุงพาพี่เทพมาเที่ยวบ้านชั้นบ้างนะจ๊ะ ได้รู้จักกันไว้”
คิดแล้วหลงรู้ทันทีว่าจอมนางกำลังทำอะไร
“เมื่อคืนจอมหลอกถามพ่อ จอมสงสัยเรากับพ่อ”
หลงกลุ้มเลย โดนจอมนางจับผิดไม่รู้ตัว
ระหว่างนั้นครูเทียมเดินเข้ามานั่งเล่นที่ศาลา ยังใช้ไม้เท้าช่วยเดินตามเคย
“ใช้ไม้เท้าคล่องแล้วนะครับครู” หลงทัก
“อีกหน่อยข้าจะใช้ไม้เท้าวิ่งให้ดู เป็นอะไรเจ้าหลง หน้าตากลัดกลุ้ม”
“ครูเคยทำเรื่องผิดพลาดในชีวิตโดยไม่ตั้งใจมั้ยครับ ทำไปแล้ว อยากกลับไปแก้ไข แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง”
ครูเทียมให้ข้อคิดดีๆ เสมอ “อากาศ มีไว้หายใจ...โอกาส มีไว้แก้ตัว...ตราบใดที่สูดอากาศเข้าไป ยังไม่ตาย ก็มียังโอกาสแก้ตัว”
“คนเราแก้ตัวได้ด้วยวิธีไหนบ้างครับครู”
“ทำชั่วไว้ ก็ทำดีทดแทน ทำบาปไว้ ก็ทำบุญให้บาปเบาบางลง”
“แล้วถ้าโกหกล่ะครับ”
“โกหกไว้ ก็ต้องพูดความจริง”
ครูเทียมเองก็รู้ว่าหลงมีเรื่องปกปิดครูหลายอย่าง แต่ไม่คาดคั้นเอาความ กลับมองหลงอย่างเมตตา
หลงครุ่นคิดตามคำสอนครูเทียม ว่าต้องพูดความจริง
ทางด้านเจ๊ทรงงามนอนเครียดอยู่ตรงเรือนพักผ่อน เพิ่งเอาที่ดินบ้านกับตลาดไปให้แบงค์ประเมินราคา กะจะจำนอง ทั้งที่ลึกๆ ในใจก็กลัวโดนยึด ตุ้มเข้ามาหา
“ไม่อยากจำนองบ้านกับตลาด เจ๊ก็ไม่ต้องจำนองสิ”
“ฟ้าประทานออกไปคุยกับช่างทำเวที จะสร้างเวทีลิเกใหญ่โต เจ๊ผิดคำพูดไม่หาเงินมาให้ ฟ้าประทานต้องโกรธเจ๊มาก”
“คณะเจ๊งขึ้นมา เจ๊จะไม่มีบ้านซุกหัวนอนนะ” ตุ้มท้วงติง
“ตั้งแต่ผัวเจ๊ทิ้งไป เจ๊ก็มีฟ้าประทานเป็นน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจ ฟ้าประทานทำให้เจ๊รู้สึกว่าตัวเองมีค่า เป็นคนสำคัญ เจ๊ขาดฟ้าประทานไม่ได้ เจ๊ต้องยอม”
“พูดถึงผัวเก่าเจ๊ เป็นใครน่ะ คนบางไทรหรือเปล่า”
“คนผักไห่ นิสัยนักเลง พูดจาขวานผ่าซาก เจ๊คิดว่าผู้ชายปากตรงกับใจ จะรักจริง ที่ไหนได้ มันโกหกเจ๊สารพัด เอาเงินเจ๊ไปเป็นล้าน แล้วก็หนีไปกับผู้หญิง กับฟ้าประทานไม่เหมือนกัน ฟ้าประทานจริงใจกับเจ๊ ไม่เคยโกหกเจ๊ซักครั้งเดียว เวลาฟ้าประทานอยากได้อะไร ก็บอกตรงๆ ถึงบางครั้ง จะโมโหโทโสใส่เจ๊ เจ๊ก็ไม่ถือ เพราะนั่นคือความจริงใจ ฟ้าประทานคิดอะไร รู้สึกยังไง ก็แสดงออกมาอย่างนั้น ฟ้าประทานเป็นผู้ชายปากหวาน ที่ปากตรงกับใจที่สุด”
ตุ้มพูดไม่ออก ถ้าเจ๊รู้ว่าฟ้าประทานโกหก แถมอมเงินด้วย เจ๊จะรู้สึกยังไง
เสียงแตรรถดังมาหน้าบ้าน ปรี๊นๆๆ
“เวลาฟ้าประทานกลับบ้าน ไม่เคยบีบแตรเรียก ใครมา” เจ๊ทรงงามแปลกใจ
ตุ้มชะโงกหน้าไปดูทางหน้าบ้าน
“นังเก๋ มาทำไม วันนี้ไม่มีซ้อม
เก๋พาลูกคณะฟ้าประทานมาหาเจ๊ทรงงามที่เรือนรับรอง ตุ้มอยู่ด้วย พวกเก๋สีหน้าขึงขัง มาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ไม่พอใจ
“ฟ้าประทานไม่อยู่เหรอเจ๊ ชั้นไม่เห็นรถ”
“ไปธุระ คุยกับเจ๊ก็เหมือนกัน มีปัญหาอะไร ยกขบวนกันมา” เจ๊ถาม
“พวกเรานัดกันมาเคลียร์เรื่องค่าตัว เจ๊ต้องไม่หักค่าตัวพวกเราอีก”
ตุ้มตกใจ เก๋กำลังจะทำความลับฟ้าประทานแอบอมเงินค่าตัวลูกคณะแตก
ตุ้มรีบชิงบอกเก๋ “ไว้ฟ้าประทานอยู่บ้าน ค่อยมาคุยนะเก๋ วันนี้กลับไปก่อน”
เจ๊ทรงงามคาใจ “หักค่าตัวอะไรยะ เจ๊ก็จ่ายเต็มทุกงาน”
“พวกเราได้ค่าตัวเต็มแค่คืนแรกๆ หลังจากนั้นโดนฟ้าประทานหักค่าตัวทุกคืน” เก๋แฉ
ตุ้มปราม “พอเถอะเก๋ ไว้ค่อยคุยกับฟ้าประทานนะ”
เก๋ไม่สนฟ้องเจ๊ต่อ “วันปิดวิกวันสุดท้าย ฟ้าประทานให้เราแค่คนละ 3 ร้อย”
เจ๊ทรงงามนึกถึงคืนวันปิดวิกวันสุดท้าย
ฟ้าประทานบอกเจ๊ว่า “เก๋ขอค่าตัวเพิ่มน่ะครับ ผมไม่ให้ เลยพาลเจ๊ อุตส่าห์ให้ค่าตัวเต็มทุกคืน ยังเรียกร้องเพิ่มอีก”
เจ๊ทรงงามนิ่งงันไป ฟ้าประทานโกหก !
เก๋ดูออก “นี่เจ๊ไม่รู้เรื่อง”
เจ๊ทรงงามกล้ำกลืนคำพูด จุกคอหอย ได้แต่ส่ายหน้า
“เจ๊ก็โดนฟ้าประทานอมเงิน” เก๋ว่า
ลูกคณะ 1 เสริม “ไอ้คนเห็นแก่ตัว! อมเงินกระทั่งแม่ยกที่ลงทุนตั้งคณะให้”
เสียงรถแล่นจอดหน้าบ้าน
เก๋ชะเง้อไปดูหน้าบ้าน “ฟ้าประทานมาแล้ว พวกเราไปทวงค่าตัว”
เก๋และลูกคณะ ลุกออกไปลุยที่หน้าบ้าน ตุ้มไปช่วยปกป้องฟ้าประทาน ส่วนเจ๊ทรงงามยังอึ้งตกใจอยู่ รับความจริงไม่ได้ว่า ฟ้าประทานโกหก และอมเงินเจ๊
“ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฟ้าประทานต้องไม่แทงข้างหลังเจ๊”
ฟ้าประทานลงจากรถมา ก็โดนเก๋กับลูกคณะรุมด่าทันที ตุ้มมาตามช่วยพูด
“อมเงินได้แม้กระทั่งเจ๊ทรงงาม ผู้มีพระคุณ จิตใจทำด้วยอะไร” เก๋ด่า
ฟ้าประทานโมโห “อย่าพูดมั่วสั่วนะเก๋”
เก๋ด่าซ้ำ “คนอกตัญญู”
“มันมากเกินไปแล้ว ผมไล่เก๋ออกจากคณะ”
“ไม่ไล่ ชั้นก็ออกอยู่แล้ว แต่เอาเงินค่าตัวที่อมชั้นไปคืนมาก่อน”
“เงินชั้นด้วย”
“ชั้นด้วย”
ลูกคณะที่มาด้วยพากันทวงเงิน
“หัวหน้าคณะส่วนใหญ่ ก็อมเงินลูกคณะทั้งนั้น”
“ยอมรับหน้าด้านๆ เลยนะว่าอมเงินลูกคณะ” เก๋ยิ้มเหยียด
“อมเงินแล้วไป ไปแจ้งตำรวจมาจับผมสิ”
เจ๊ทรงงามตามออกมาหน้าบ้าน ได้ยินคำพูดฟ้าประทานเต็มสองหู
“ฟ้าประทานอมเงินเจ๊ โกหกเจ๊” เจ๊ทรงงามโพล่งขึ้น
ฟ้าประทานตกใจ “เจ๊ครับ ผม...”
เจ๊ทรงงามเสียใจมาก วิ่งร้องไห้หนีเข้าบ้าน”ป
เก๋ทวงเงินต่อ “เอาเงินของพวกเรามา”
ฟ้าประทานเสียงแข็ง “ไม่ให้”
“พวกเราจะโพนทะนาให้ทั่ว ฟ้าประทานอมเงินลูกคณะ ดูสิ จะมีใครมาเล่นลิเกกับฟ้าประทาน”
เก๋กับลูกคณะฟ้าประทานกลับ
ฟ้าประทานตะโกนเยาะตามหลังพวกเก๋ไปว่า “ฮีโธ่เอ๊ย เอาเงินฟาดหัว พวกลิเกก็แห่กันมากองเต็มคณะผมแล้ว”
ตุ้มใจไม่ดี “ฟ้าประทานรีบไปดูเจ๊ทรงงามเถอะจ้ะ เจ๊แกเสียใจมาก”
ฟ้าประทานกับตุ้มกลับเข้าบ้าน
เจ๊ทรงงามนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในห้อง ชอกช้ำใจแสนสาหัส
“เจ๊ทุ่มเทให้ขนาดนี้ ฟ้าประทานกลับแทงข้างหลังเจ๊ อมเงินเจ๊ โฮๆๆ”
ฟ้าประทานกับตุ้มเดินมาที่หน้าห้อง ยินเสียงร้องไห้ โฮๆๆ ของเจ๊ดังออกมาจากในห้อง
“เจ๊ร้องไห้” ตุ้มหน้าเศร้า สงสารเจ๊มาก
ฟ้าประทานเคาะประตูเรียก “เจ๊ครับ ผมขอโทษ ออกมาให้ผมชดใช้ความผิด ซับน้ำตาให้เจ๊นะครับ”
เจ๊ทรงงามส่ายหน้า เสียใจจนไม่ต้องการให้ฟ้าประทานซับน้ำตาให้
“เจ๊ ออกมาเถอะครับ มาปรับความเข้าใจกัน”
“ปล่อยให้เจ๊แกทำใจซักพักเถอะจ้ะ ตอนนี้แกคงไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น” ตุ้มบอก
“ผมต้องง้อเจ๊ให้ได้ เจ๊โกรธ เปลี่ยนใจไม่เอาบ้านกับตลาดไปจำนองธนาคาร ผมก็ไม่มีเงินขยายคณะ”
ตุ้มอึ้งกับความคิดฟ้าประทาน “ทำเจ๊ทรงงามเสียใจขนาดนี้ ฟ้าประทานยังไม่รู้สึกผิดอีกเหรอ”
“จะด่าผมเหมือนที่เก๋ด่า ก็เอาเลย ผมก็เป็นของผมอย่างนี้”
“ฟ้าประทานคนที่ชั้นเคยรู้จัก ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน”
“ตอนนั้นผมยังเด็ก ไม่รู้จักโลกภายนอก ไม่รู้คนรวยๆ เค้าใช้ชีวิตยังไงคนเราพอโตขึ้นก็เปลี่ยนไปทุกคน”
“ชั้นไม่เคยเปลี่ยน ชีวิตชั้นไม่ต้องการอะไร นอกจากได้อยู่ใกล้ๆ ฟ้าประทานแต่ตอนนี้ ชั้นชักไม่แน่ใจ ฟ้าประทานคนที่ชั้นเคยใกล้ชิด ใช่ฟ้าประทานคนที่ชั้นมองหน้าอยู่ตอนนี้หรือเปล่า”
ตุ้มน้ำตาร่วง เดินจากไป
ฟ้าประทานฮึดฮัด พาลพาโล “ทิ้งผมไปเลย ผมมีเจ๊ทรงงามคนเดียวก็พอ” แล้วหันไปเคาะประตูเรียกเจ๊ต่อ “เจ๊ครับ เปิดประตูเถอะครับ”
เจ๊ทรงงามที่บัดนี้โลกถล่มลงตรงหน้า นอนน้ำตาร่วงซบหน้ากับหมอน ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวดหัวใจเหลือประมาณ
อ่านต่อตอนที่ 20