เนตรนาคราช ตอนที่ 2
รถของหัวหน้ามาเฟียแล่นออกไป ทันใดนั้นรัตนากรพุ่งลงมาโครมบนหลังคารถ พวกมันขับออกไป
อัศวินขยับตัวแต่แล้วพวกมือปืนสองสามคนออกมาจากบ้านสาดกระสุนเข้าใส่ ทำให้อัศวินต้องถอยแล้วสาดกระสุนเข้าใส่พวกมัน ล้มคว่ำไป อัศวินมองตามรัตนากรที่อยู่
บนหลังคารถของพวกมัน แกว่งไปมา รัตนากรเกาะรถไว้แน่น มือหนึ่งถือปืน ตัวเอียงไปมาตามจังหวะรถ
พวกมันอยู่ในรถต่างตวัดปืนกราดยิงขึ้นมาทะลุหลังคา รัตนากรกลิ้งตัวหลบไปมา เกือบจะตกรถ ทันใดนั้นเสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่ม รัตนากรหันไป เห็นอัศวินกำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์ตามมาติดๆ และยิงปืนเข้าไปในรถ โดนมือปืนไปหนึ่งคน พวกนั้นก็หันมายิงสาดอัศวิน อัศวินชลอรถ แล้วบิดขึ้นมาแบบซิกแซก
ยิงโต้ตอบกันอย่างดุเดือด
รัตนากรฉวยโอกาสตอนที่พวกมันยิงอัศวิน เอียงตัวไปยิงในรถ ถูกคนขับรถเข้าอย่างจัง รถส่ายไปมา รัตนากรเสียหลักเอียงไปมาบนหลังคารถ พยายามยึดรถไว้ รถมอเตอร์ไซค์ของอัศวินปราดเข้ามาใกล้
“โดด เร็วเข้า”
รัตนากรจ้องอัศวิน ขยับตัวเตรียมกระโดด
“เร็วเข้า จะถึงทางโค้งแล้ว”
รัตนากรขยับตัว แต่แล้วรถส่ายรัตนากรเสียหลักกลิ้งห่างออกไป เธอพลิกตัวกลับมาพร้อมโดด
“come on jump!”
อัศวินตะโกน แต่ช้าไป รถถึงโค้งในที่สุด อัศวินเบรกพรืดรถปัด แต่เขาทรงตัวอยู่ได้ทัน มองไปเห็นรถหลุดโค้ง อัศวินลงจากรถ แล้ววิ่งไป แต่แล้วเกิดเสียงระเบิดตูมไฟลุกท่วมขึ้นมา อัศวินกระเด็นกลิ้งไปกับพื้น อัศวินขยับตัวขึ้นมา คาดไม่ถึง
อัศวินวิ่งไปที่เชิงเขา มองเห็นซากรถและไฟที่ยังติดลุกกระจัดกระจายอยู่ ถึงกับเข่าอ่อน ทำอะไรไม่ถูก แต่แล้วก็มีมือมาสะกิดที่ใหล่ อัศวินหันมาเห็นรัตนากรยืนมอมแมมอยู่ เขาคว้าตัวรัตนากรเข้ามากอด รัตนากรคาดไม่ถึง ตกใจ แต่แล้วดวงตาก็เปลี่ยนเป็นประกายสดใสกอดตอบ อัศวินถอยออกมา จ้องหน้ารัตนากร
“เราน่ะบ้าไปแล้ว”
“รัตน์คือ”
อัศวินโมโห คว้ามือรัตนากรให้หงายขึ้น แล้วตี ผัวะๆๆ สามครั้ง แล้วปล่อย เดินกลับไปที่รถ รัตนากรมองที่มือตัวเอง อดยิ้มไม่ได้ รู้ว่าอัศวินห่วงเธอมากกว่าในฐานะน้องสาว รัตนากรนึกถึงเรื่องราวในอดีต ตอนนั้น อัศวินอายุ 10 ขวบ กำลังเอามือตีมือรัตนากร ซึ่งอายุ 8 ขวบ ผัวะๆๆ สามครั้ง
“ห้ามเล่นมีดอีกรู้มั้ย เดี๋ยวบาดมือ”
รัตนากรพยักหน้าหงึกๆ อัศวินเดินหน้ามุ่ยออกไปจากห้องรัตนากรรีบวิ่งตาม อัศวินนั่งอยู่บนชิงช้า รัตนากรวิ่งมานั่งด้วย
“ดีกัน นะ นะ”
อัศวินเหล่ ในที่สุดก็ยิ้ม รัตนากรหอมแก้มอัศวินฟอดหนึ่ง อัศวินเอามือปัดแก้มตัวเองเป็นพัลวัน
“โห ดีเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องหอม”
รัตนากรยิ้มชอบใจ
รัตนากรยืนยิ้มหวานเมื่อนึกถึงอดีต แล้วเดินตามอัศวินไป อัศวินหน้ามุ่ยรออยู่ที่รถเมอร์เตอร์ไซค์ รัตนากรเดินมาตีหน้าอ้อน แล้วขึ้นซ้อนท้าย โอบเอวชายหนุ่ม
“โอ๋ โอ๋ ดีกันนะ”
รัตนากรยื่นหน้ามาหอมแก้มอัศวินหนึ่งฟอดเหมือนตอนเด็กๆ อัศวินเอามือปัดแก้มสองสามครั้ง
แล้วก็บิดรถออกไป รัตนากรยิ้มตาเป็นประกาย กอดอัศวินเอาหน้าซบกับใหล่เขา อัศวินยังตีหน้าเข้ม โดยไม่รู้
ว่าตัวเองออกอาการมาก จนรัตนากรรู้ใจหมดแล้ว
ตอนดึก รถของอัศวินแล่นเข้ามาจอด อัศวิน กับ รัตนากร ต่างลงมาจากรถ ชายหนุ่มยังตีหน้าเข้มอยู่
รัตนามองแล้วอดยิ้มไม่ได้ เดินเข้ามาควงแขน ทำหน้าอ้อน ทั้งสองเดินไปจนถึงหน้าประตูบ้าน ต่างหยุด เผชิญหน้ากัน
“เข้ามาก่อนมั้ยคะ”
“พี่ไปดีกว่า”
รัตนากรยิ้ม อัศวินเอามือดันหัวหญิงสาว แล้วเดินออกไป รัตนากรยิ้มตาเป็นประกาย
เช้าวันใหม่ กาญจนานั่งทานข้าวต้มอยู่กับดร.มานพ ซึ่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย รัตนากรเดินเข้ามาสีหน้าสดใส เสียงร่าเริง
“มอร์นิ่ง ทุกคน”
รัตนากรเดินมานั่งที่โต๊ะ กาญจนามองสังเกต
“เอ๊ะ เช้านี้สีหน้าสดใส สงสัยจบภารกิจแล้วมีหนุ่มมาจีบ หรือไม่ก็ตามไปจีบหนุ่ม”
รัตนากรอึ้งไป
“บ้าหรือเปล่า มีก็ดีน่ะซิ มีแต่พี่อัศวินนี่ล่ะ เบื่อจะตายชัก”
กาญจนาจับตามองรัตนากร ยิ้มล้อพยายามอ่านพิรุธ ดร.มานพหันมาถาม
“ไปเบื่อพี่เขาทำไม พี่เขาคอยดูเราน่ะดีแล้ว”
ดร.มานพพูดจบก็อ่านหนังสือพิมพ์ต่อ รัตนากรรีบกินข้าวต้มกลบเกลื่อน
“โห อร่อยมาก เดี๋ยวนี้ยัยกาญฝีมือดีขึ้นเยอะ”
กาญจนายิ้ม มองรัตนากรจับพิรุธ รัตนากรทำไม่รู้ไม่ชี้ กินข้าวต้มต่อ
“อืม อย่าเผลอหลุดมาให้รู้ก็แล้วกันว่ามีใคร”
“ไม่มีหรอกย่ะ”
กาญนาเอาจานไปไว้ที่อ่างล้างจานแล้วเดินมาโอบ ดร.มานพ
“หนูไปก่อนนะคะคุณพ่อ”
“จ้ะ แล้วเจอกันตอนเย็น”
“พี่รัตน์ ไม่ยอมสารภาพเหรอ”
“รีบไปได้แล้ว”
กาญจนายิ้มขำ ออกจากบ้านไป
“รัตน์ก็ต้องไปเหมือนกันค่ะ”
“ระวังตัวหน่อยนะลูก”
“ไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะคุณพ่อ สองสามวันนี้ยังไม่มีภารกิจ คุณพ่อเองก็อย่าวุ่นกับเรื่องเนตรนาคราชมากเกินไปนะคะ ออกไปช็อปปิ้งเดินเล่นจีบสาวมั่งก็ได้ หนูไม่ว่าหรอกค่ะ”
ดร.มานพยิ้มขำ รัตนาเดินออกไป
กาญจนาทำงานอยู่ที่อาคารค้นคว้าวัตถุโบราณ เจ้าหน้าที่เคาะประตู แล้วเดินเข้ามาหา ในมือมีหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับ
“มีข่าวเกี่ยวกับเนตรนาคราชค่ะ”
กาจญจนาหยิบมาเปิดดู ในหน้าหนังสือพิมพ์ มีลงพาดหัวข่าว
“พบศพสองศพถูกยิงตายมาหลายวัน ที่กองขยะกลางกรุง มีกระบอกทองเหลืองโบราณทิ้งไว้เป็นปริศนา เจ้าหน้าที่ยังมืดมน”
กาญจนาสงสัย จ้องมองรูปกระบอกทองเหลือง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาพ่อ
“คุณพ่อเห็นข่าวหนังสือพิมพ์หรือเปล่าคะ”
“อืม เห็นแล้วลูก แปลกมาก”
“เป็นไปได้มั้ยคะว่าจะเป็นของจริง”
“ไม่น่าจะใช่ เพราะของเราที่มีอยู่ตรงตามบันทึกทุกอย่าง”
“ไม่รู้ว่าทางสมาคม จะคิดว่าเราหลอกเขาหรือเปล่า”
“คงจะคิด เพราะเขาเชิญพ่อไปพบเย็นนี้”
“ถ้างั้นหนูจะแวะไปรับคุณพ่อนะคะ อยากทราบเหมือนกันว่าเขาจะเอายังไง”
“ได้ลูก”
กาญจนาวางสาย สีหน้าเคร่งเครียด
ที่สำนักมังกรทอง หลิน และจินหัว คุยกันอยู่ โดยมีสมุนสามคน มือสังหารสองคน อยู่ด้วย
“มีคนเอาของปลอมไปขาย คนซื้อเลยเก็บซะ” จินหัวเล่า
“เป็นการเตือนไม่ให้ใครเอาของปลอมไปขายมันอีก”
จินหัวพยักหน้ารับ มองหลินอย่างพอใจ
“คุณหนู อ่านเหตุการณ์ได้ถูกต้อง มีดร.มานพคนเดียวเท่านั้นที่ติดตามเรื่องราวของ เนตรนาคราชได้อย่างใกล้ชิดที่สุด อาคิดว่าแผนที่ยังอยู่ที่ ดร.มานพ”
“เราน่าจะลองเสี่ยงส่งคนไปเยี่ยมเยียน ดร.มานพ เค้นเอาความจริงมาให้ได้”
หลินครุ่นคิด สมุนเข้ามารายงานกับจินหัว
“มีคนมาขอพบเรื่องแผนที่”
หลินกับจินหัวต่างสบตากันคาดไม่ถึง
“ไปเชิญเข้ามา”
สมุนออกไป
“เจ้าสองคนระวังพวกมัน”
หลินเตือน มือสังหารสองคนพยักหน้า สมุนพาเคนเข้ามา พร้อมมือปืนมาด้วยสองคน หลินกับจินหัวต่างจ้องมองเคน
“ท่านมีเวลาสองนาที บอกเราเรื่องแผนที่”
เคนมองมือสังหารสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิน
“เรารู้ว่าของจริงอยู่ที่ใคร”
จินหัวจ้องเขม็ง หลินสงบนิ่ง
“เราฟังอยู่”
“เราไม่ได้มาบอก เรามาขาย”
หลินจ้องเขม็ง
“เรารู้ว่าแผนที่อยู่ที่ไหน เราไม่ต้องการซื้ออะไรจากท่าน”
“งั้นเราขอตัว มีคนที่ต้องการซื้อข่าวจากเรารออยู่ ท่านคงเคยได้ยินชื่อของ เฮนรี่ เจมส์”
“มหาเศรษฐีนักสะสมของเก่า ใครก็รู้จัก ไม่ใช่เรื่องใหม่”
“ขอตัว”
เคนโค้งเล็กน้อยแล้วเดินออกไป สมุนเดินตาม หลินมองตาม พลางหันไปมองจินหัว จินหัว พยักหน้า หลินพูดขึ้น
“เดี๋ยว”
เคนหยุดหันกลับมา
“ทำไมท่านไม่ไปเอาซะเอง”
“เราชอบทำการค้า ถึงเราได้แผนที่มา เราก็เอามาขายอยู่ดี ขายตอนนี้ไม่เหนื่อย ไม่ต้องเปลืองแรง”
“ตกลงเราจะซื้อข่าวของท่าน”
เคนยิ้ม พยักหน้าส่งสัญญาณ สมุนคนหนึ่งเดินถือซองเอกสารเข้าไปหาหลิน แต่หนึ่งในมือสังหารเข้ามาขวางไว้ สมุนส่งเอกสารให้แฝดสังหารรับมา แล้วเอาไปส่งให้หลิน หลินเปิดออกดู เป็นรูปดร.มานพ
“ข่าว เก่า ใครๆ ก็รู้ว่า ดร.มานพมีแผนที่”
“รู้ แต่ไม่รู้จริง ถึงได้ยึกยักกันอยู่”
หลินพยักหน้าเป็นเชิงให้พูดต่อ
“ไอ้แก่นี่ เอาแผนที่ไปต่อหน้าต่อตาของเรา ที่สามเหลี่ยมทองคำเมื่อสิบปีที่แล้ว”
หลินพยักหน้า
“แล้วเราจะกลับมารับเงิน”
“เราจะจ่ายก็ต่อเมื่อ แผนที่อยู่ในมือเรา ถ้าที่ท่านพูดเป็นเรื่องจริง”
เคนยิ้ม เดินออกไป สมุนเดินตาม หลินจ้องสีหน้าเยือกเย็น
“ท่านจินหัว ท่านคงมีคนที่จะจัดการเรื่องนี้”
จินหัวหันไปโบกมือ ชายคนหนึ่งเดินเข้ามายืนตรงหน้าหลิน
“นี่คือหัวหน้าหน่วยที่หนึ่ง”
หัวหน้าหน่วยที่หนึ่งโค้งให้หลิน หลินจ้องพิจารณา แล้วส่งซองเอกสารให้ หัวหน้าหน่วยก้าวเข้ามาใกล้ แล้วรับไป
“เอาแผนที่มาให้ได้”
ทนายสมพงษ์กับดร.มานพ คุยกันอยู่ที่ห้องประชุม ของสมาคมของโบราณ
“ขอโทษนะครับที่ต้องรบกวนให้ท่านมาพบอีกครั้ง”
“คงเป็นข่าวเรื่องแผนที่เนตรนาคราชที่ปรากฏทางหนังสือพิมพ์”
“ใช่ครับ ทางสมาคมอยากจะทราบว่าแผนที่ตัวจริงยังอยู่กับท่าน”
“แน่นอนที่สุด ถ้าทางองค์กรไม่มั่นใจก็ไม่เป็นไรครับ ผมเชื่อว่าเมื่อถึงเวลา ผมต้องมีคนสนับสนุน แน่นอน”
“ใจเย็นๆ ครับท่าน เราทุกคนที่นี่ยังสนับสนุนท่านอยู่ แต่เมื่อมีข่าวขึ้นมา เราเป็นห่วง ก็แค่ซักถาม ดูเท่านั้นเอง”
“ถ้าหมดธุระแล้ว ผมต้องขอตัว”
“ครับ เอ่อ ผมว่าเรื่องแผนที่และการเดินทางช่วยเก็บไว้เป็นความลับก่อนก็ดีนะครับ”
“ไม่มีใครทราบเรื่องนี้แน่นอน”
ดร.มานพลุกขึ้น ทนายสมพงษ์ลุกขึ้นตาม
“เชิญครับ ผมต้องขออภัยด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ”
กาญจนาขับรถเข้ามาจอดที่หน้าตึกสมาคม เจ้าหน้าที่เข้ามาสอบถาม
“มารับ ดร. มานพค่ะ”
“ครับ เดี๋ยวผมไปเรียนท่านเองครับ”
เจ้าหน้าที่เข้าไปในตึก สักครู่ทนายสมพงษ์ กับ ดร. มานพก็ออกมา ต่างไหว้ร่ำลากัน ดร.มานพเดินมาขึ้นรถ กาญจนาขับรถออกไป สองพ่อลูกคุยกันเรื่องเนตรนาคราช
“เราเปิดกระบอกแผนที่ได้เมื่อไหร่ก็เดินทางเมื่อนั้น”
“แบบนี้ต้องฉลองกันอีกแล้ว”
“เลยลูก ฉลองทุกวัน”
ทั้งคู่ขำๆ ทันใดนั้นรถตู้ปาดเข้ามา กาญจนาตกใจ หักรถแล้วเบรคทันที
“บ้า ขับรถภาษาอะไร”
ชายฉกรรจ์ห้าคนลงมาจากรถ มีอาวุธปืนครบมือ เข้ามาล้อมรถกาญจนาเอาไว้ หัวหน้าหน่วยที่หนึ่ง ของหลินก้าวเข้ามาใกล้รถ
“ลากตัวพวกมันลงมา”
กาญจนาขยับมือไปใต้รถแต่ช้าไป พวกมันเข้ามาเอาปืนจ่อรอบๆ หัวหน้าเคาะหน้าต่างรถ
“ลงมา”
กาญจนาจำใจปลดล็อค พวกมันเปิดประตูออก ลากทั้งสองคนลงมา ดร. มานพ ชกพวกมันคนหนึ่งโครม กระเด็นไป อีกคนหนึ่งเข้ามาผลักดร.มานพกระเด็นไปชนรถ กาญจนาชกพวกมันโครม แต่พวกมันเอาปืนเข้ามาจ่อ ผลักกาญจนาไปกระแทกรถเช่นกัน
“ไอ้บ้า”
ดร. มานพขยับตัว พวกมันสองคนเข้ามายึดแขนไว้ทั้งสองข้าง กาญจนาพูดขึ้น
“พวกแกระวังตัวให้ดี”
“พูดมาก เฮ้ย เอาตัวไป”
พวกนั้นคุมตัวดร.มานพขึ้นรถตู้
“กลับไปเตรียมแผนที่ไว้ให้ดี”
พวกนั้นขึ้นรถไปจนหมด ทิ้งให้กาญจนายืนคว้างอยู่คนเดียว
ตอนค่ำ กาญจนานั่งอยู่ที่บ้านด้วยความกังวล จ้องมองโทรศัพท์บ้าน พร้อมเครื่องบันทึกเสียงและเครื่องติดตามตำแหน่งที่อัศวินและรัตนากรจัดมาจากหน่วย อัศวินนั่งโอบปลอบใจอยู่ รัตนากรเดินไปเดินมา
“คิดไม่ถึงว่ามีคนเชื่อเรื่องเหลวใหลถึงขนาดจับตัวคุณพ่อไป”
“ถ้าพี่คิดว่าเป็นเรื่องเหลวใหลก็ไม่ต้องยุ่ง”
“นี่ กาญ ยังไงพี่ต้องเอาตัวคุณพ่อกลับมาให้ได้”
กาญจนาหงุดหงิดเช่นเดียวกับรัตนากร
“เอาล่ะสองคนนี่ใจเย็นๆ ก่อน”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น กาญจนารับสาย รัตนากร กับ อัศวิน เข้าประจำที่
“ฮัลโหล”
“เอาแผนที่มาแลกตัว ดร.มานพ แกมาได้คนเดียว”
รัตนากรยกหูกดสายให้ตัวเองพูด
“ฉันจะเป็นคนเอาไปให้แก”
“ไม่ได้ ต้องดร.กาญจนาเท่านั้น”
“งั้นแกก็ไม่ต้องเอา”
รัตนากรวางสายโครม กาญจนาคาดไม่ถึง
“พี่รัตน์ทำอะไรน่ะ จะทำให้พวกมันฆ่าคุณพ่อยังงั้นเหรอ”
“กาญคิดเหรอว่า ถ้าทำตามที่มันบอก มันจะปล่อยคุณพ่อกับกาญกลับมา”
กาญจนาอึ้งไป รัตนากรมองอัศวิน ให้เขาช่วยอธิบาย
“น้องกาญ ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงทำตามคำสั่งของมัน พวกมันก็ไม่ปล่อยตัวประกันให้รอด
เราต้องกล้าพอที่จะเล่นกับมัน พี่เชื่อว่าเดี๋ยวมันต้องโทรกลับมา”
กาญจนาถึงกับเงียบไป
“ไม่รู้ล่ะ กาญจะไปคนเดียว ความปลอดภัยของคุณพ่อสำคัญที่สุด”
รัตนากรห้ามทันที
“ไม่ได้”
“นี่เป็นเรื่องของแผนที่ เนตรนาคราช เป็นเรื่องของกาญกับของคุณพ่อ พี่รัตน์ไม่เคยเชื่อเรื่องนี้ไม่ต้องยุ่ง”
รัตนากรมองหน้ากาญจนาและอัศวิน ได้แต่ระงับอารมณ์
รัตนากรสงบลงพยายามพูดดีกับน้องสาว
“กาญไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ ให้พี่กับพี่อัศวินช่วยจัดการดีกว่า เชื่อพี่เถอะ”
กาญจนาพูดไม่ออก นิ่งไป
“น้องกาญเชื่อมือพี่ไม่ใช่เหรอ พี่รัตน์ก็มีฝีมือระดับเยี่ยมในหน่วยของเรา”
รัตนากรเข้ามาโอบไหล่น้องสาว
“พี่กับพี่อัศวินรับรองว่าจะพาตัวคุณพ่อกลับมาได้อย่างปลอดภัย”
กาญจนาคิด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รัตนากรสบตากาญจนาเป็นเชิงถาม กาญจนาพยักหน้า รัตนากรรับสาย
“ว่าไง”
“ได้ แกมาก็ได้ คนเดียว”
“ฉันต้องการพูดกับพ่อฉันก่อน”
“ไอ้แก่ มานี่”
หัวหน้ามือปืน ส่งโทรศัพท์ให้ ดร.มานพรับสาย
“อย่าเอาแผนที่มาให้พวกมันลูก”
มือปืนคว้าโทรศัพท์คืน ตบโครม ดร.มานพเซไป รัตนากรได้ยินเสียง เครียดทันที
“แกแตะพ่อฉันอีก แกไม่ตายดีแน่”
กาญจนากับอัศวินเครียด
“ถนนข้างโรงงาน รังสิตคลองสี่ ภายในสามชั่วโมง แกมาคนเดียวเท่านั้น”
มือปืนขว้างโทรศัพท์ลงพื้นโครม แหลกละเอียด รัตนากรเครียด มองหน้าอัศวิน สายตาดุดัน
“รัตนจะไม่ปล่อยพวกมัน”
กาญจนา รัตนากร และอัศวิน รีบเข้ามาในห้องทำงานของดร.มานพ กาญจนาจัดการเปิดตู้เซฟ รัตนากรบ่น
“เชื่อเลย คุณพ่อไม่ยอมให้เอาแผนที่ไปแลก”
“ท่านค้นคว้ามานานเกือบ 10 ปี เห็นใจท่านหน่อย”
“เรื่องเหลวใหลทั้งนั้น”
กาญจนาส่งกระบอกแผนที่ให้
“หนูไม่สนใจเรื่องแผนที่ ขอเพียงแต่คุณพ่อกลับมา ปลอดภัย”
รัตนากรรับกระบอกทองเหลืองมา หันมาทางอัศวิน
“เราต้องวางแผนให้รัดกุมที่สุด”
รถของรัตนากรวิ่งเข้ามาบริเวณถนนข้างโรงงาน ก็พบกับพวกมือปืนจอดรถขวางถนน เปิดไฟหน้ารออยู่ก่อนแล้ว โดยลูกน้องยืนคุมตัว ดร.มานพอยู่ รัตนากรขับรถเข้าไปจอด ห่างจากพวกมันประมาณ 20 เมตร เปิดไฟหน้าสาดใส่พวกมันเช่นกัน จากนั้นก็ก้าวออกมายืนประจัญหน้ากับพวกมัน
“ปล่อยตัวคนออกมา”
“แผนที่”
รัตนากรชูแขนขึ้น กระบอกทองเหลืองอยู่ในมือ
“พาคนมาตรงนี้ แล้วคุมตัวฉันไว้แทน”
หัวหน้าโบกมือ ลูกน้องมันพาตัวดร.มานพออกมา
“ตุกติก พวกแกตายหมด”
“ตุกติก ฉันฆ่าพวกแกหมด”
หัวหน้าจ้องรัตนากรแล้วยิ้มพยักหน้าให้ลูกน้องนำดร.มานพ ออกเดินมาหารัตนากร พลางทวงแผนที่
รัตนากรยกแผนที่ขึ้นมา ดร.มานพขวาง
“อย่าให้มันลูก”
สมุนมันเอาแขนขวางดัน ดร.มานพออกไป รัตนากรยื่นเงื่อนไข
“ดร.มานพ ขับรถออกไปเมื่อไหร่ แกได้แผนที่จากฉัน”
หัวหน้ามือปืนยิ้ม ยกปืนขึ้น
“ส่งมาไม่ยั้งงั้น”
รัตนากรยกมืออีกข้างหนึ่งเป็นระเบิดอยู่ในมือ
“ตายกันหมด”
หัวหน้าตกใจ ถอย
“คุณพ่อไปที่รถ ขับออกไปไม่ต้องรอหนู”
ดร.มานพมองรัตนากรเป็นห่วง มองพวกมันแล้วออกเดินไป รัตนากรมองพวกมันเขม็ง หัวหน้ามือปืนตะโกนขึ้น
“ถ้าไม่ได้สัญญาณจากข้า อย่าให้รถคันนั้นออกไปได้”
พวกมันต่างหันปืนตาม ดร.มานพ รัตนากรขยับตัวเตรียมพร้อม จ้องหัวหน้ามือปืนเขม็ง
ดร.มานพเดินมาถึงรถ หันมามองรัตนากร ก่อนจะเปิดประตูรถเข้ามานั่งตรงคนขับเตรียมพร้อม อัศวินพูดเบาๆ ขึ้น
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
“อัศวิน”
เสียงอัศวินมาจากเบาะหลัง ในชุดปฏิบัติการสีดำ หลบอยู่ใต้ผ้าคลุมเบาะสีดำหลังรถ อำพรางสายตาเป็นอย่างดี
อ่านต่อหน้า 2
เนตรนาคราช ตอนที่ 2 (ต่อ)
หัวหน้ามือปืนทวงแผนที่รัตนากรส่งแผนที่ให้ พวกมันครีบคว้าไป รัตนากรยกชูระเบิด
“รถไปเมื่อไหร่ แกค่อยไป”
หัวหน้าพยักหน้า ลูกน้องโบกมือให้รถถอยออกไปได้ ดร.มานพจ้องเขม็ง มานพพูดเบาๆ ขึ้น
“ไปได้แล้วครับคุณพ่อ”
ดร.มานพ ครุ่นคิดถึงแต่ผลร้ายที่จะตามมา หากแผนที่ตกอยู่ในมือคนอื่น เขาตัดสินใจเปิดประตูรถออกไป
“อย่าให้แผนที่มัน”
พวกมันตกใจต่างกราดปืนมายังดร.มานพ ดร.มานพทรุดลงรัตนากรตะลึงงัน
“คุณพ่อ”
หัวหน้าตวัดปืนมาทางรัตนากร แต่รัตนากรโยนระเบิดออกไป มันตกใจรีบเอามือรับ รัตนากร
พุ่งตัวกลิ้งห่างออกไปอย่างรวดเร็ว แต่พวกมันไหวทัน โยนระเบิดทิ้งแล้วพุ่งตัวออกไปอีกด้านหนึ่ง
ระเบิดตูม ลูกน้องที่ไม่ทันระวังตัวกระเด็นกลิ้งระเนระนาด รัตนากรลุกขึ้น วิ่งไปที่ ดร.มานพ เร็ว
เท่าที่หัวใจจะสั่งการได้
พวกสมุนตั้งตัวได้ สาดกระสุนเข้าใส่รถ ส่วนหนึ่งสาดกระสุนเข้าใส่รัตนากร แต่พวกมันถูกอัศวินยิงคว่ำไปหลายคน พวกมันเริ่มถอยหากำบัง อัศวินเข้าไปประคอง ดร.มานพขึ้นมา เปิดประตูหลัง ดัน ดร. มานพเข้าไป พลางกราดกระสุนเข้าใส่พวกมัน
“น้องรัตน์ เร็วเข้า”
อัศวินยิงกราดสกัดไว้ เปิดทางให้รัตนากรวิ่งมา รัตนากรวิ่งเข้ามาถึงรถจนได้ เปิดประตูพรวดเข้าไป สตาร์ทเครื่อง ในขณะที่อัศวินสาดกระสุนต้านพวกมันเอาไว้
“พี่อัศวิน”
อัศวินเปิดประตูรถเข้ามานั่งยังไม่ทันปิดประตู รัตนากรถอยรถพรวด อัศวินยื่นแขนออกไปสาดกระสุนใส่พวกมันที่วิ่งตามมาล้มคว่ำระนาว รัตนากรตั้งรถได้พุ่งรถพ้นออกมา หัวหน้าตะเกียกตะกายขึ้นมาได้ ยิ้มอย่างพอใจ มองแผนที่ในมือ
รัตนากรขับรถ อัศวินหันตรวจดูอาการของด.ร.มานพ
“คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ค่อยดี เราต้องรีบ”
รัตนากรเหยียบคันเร่งรถพุ่งตะบึงออกไป อัศวินได้แต่ถอนหายใจ
ดร. มานพ ถูกพาส่งโรงพยาบาล พยาบาลและหมอเข็นเตียงคนไข้ไปอย่างรีบด่วน รัตนากรจับมือพ่อไว้ข้างหนึ่งวิ่งตามไปด้วย ในที่สุดก็ต้องปล่อย เธอมองด้วยความสลด อัศวินเดินเข้ามา กอดหญิงสาวไว้ในอ้อมอก ต่างคนต่างเงียบ
กาญจนารีบมาที่โรงพยาบาลสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ”
“กำลังรอผลการผ่าตัด”
“พี่”
กาญจนาหันหน้าหนี แล้วเดินจากไป รัตนากรพูดไม่ออก อัศวินเข้ามาโอบไหล่ปลอบ
ตอนดึก หลินนั่งอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของรังมังกรทอง พวกที่จับ ดร. มานพไปสี่ห้าคนยืนตรงหน้า จินหัว และนักฆ่าสองคนยืนอยู่ด้วย จินหัวพูดขึ้น
“เกิดความผิดพลาด หัวหน้าหน่วยถูกระเบิดตาย พวกมันหาแผนที่ไม่เจอ”
“เลวมาก ที่สำคัญ ใครบอกให้พวกมันทำร้าย ดร.มานพ”
“มันบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ ดร.มานพ ออกมาจากรถ พวกมันคิดว่ามีการตุกติก เลยยิงกราดออกไป”
หลินยิ้มเยือกเย็น พยักหน้าให้มือสังหารสองคน ที่ยืนอยู่ ทันใดนั้นมือสังหารก็พุ่งไปกลางกลุ่มพวกมือปืน ตวัดมีดสั้นออกมา พวกมือปืนรู้ชะตากรรม กลัวตาย จึงคิดต่อสู้ เกิดการต่อสู้กัน บอดี้การ์ดสองคนโชว์ฟอร์มดุ แล้วจัดการกับพวกมือปืนทั้งหมดด้วยฝีมืออันน่ากลัว หลินจ้องดู สีหน้าเยือกเย็น
“อาจะรีบส่งคนตามเอาแผนที่คืนมาให้ได้”
หลินไม่สบอารมณ์
หัวหน้ามือปืนเปิดประตูห้องพักโรงแรมเข้ามา โยนกระบอกทองเหลืองลงบนเตียง ยิ้มอย่างพอใจ
เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา คว้าผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหน้า แต่พอเช็ดเสร็จมองที่กระจก แว่บหนึ่ง เห็นเงาของศีรษะพญานาค พาดลงมา เขาหันกลับไปดูด้วยความตกใจ แต่ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงรีบ
โยนผ้าเช็ดหน้า พุ่งจากห้องน้ำไปนั่งที่เตียง หยิบกระบอกทองเหลืองขึ้นมาดู ยิ้มในความสำเร็จของตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร
“ขอสาย คุณ เฮนรี่ เจมส์ บอกว่า มีของที่ต้องการมาขาย”
บริเวณที่รับรองของโรงพยาบาล กาญจนานั่งอยู่มุมหนึ่ง รัตนากรนั่งอยู่มุมหนึ่ง อัศวินเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าระหว่างสองคน รอคอยด้วยความกระวนกระวายใจ หมอเดินเข้ามา กาญจนากับรัตนากรลุกขึ้นยืนต่างรีบเข้ามาฟัง
“กระสุนถูกที่สำคัญ เราทำดีที่สุด”
ทั้งสามอึ้ง กาญจนาพูดขึ้น
“ขอเยี่ยมได้มั้ยคะ”
“คนไข้ยังไม่ฟื้นจากการผ่าตัด ต้องรอสักหน่อยครับ”
“ขอบคุณครับหมอ”
หมอเดินออกไป ทั้งสามคนต่างแยกย้ายกันนั่ง กาญจนายังคงนั่งห่างออกไป ไม่สนใจรัตนากรเลย
อัศวินได้แต่มองทั้งสองคนถอนใจ
ตอนดึก กาญจนานั่งหลับอยู่บนโซฟา รัตนากรเอาผ้ามาคลุมให้ สายตาห่วงใย เสียใจ เอื้อมมือไปจะปัดผมที่ใบหน้าแต่กาญจนาขยับตัว รัตนากรดึงมือกลับ ก่อนเดินออกไป
รัตนากรมากดกาแฟจากตู้ดื่ม หันมาก็พบกับพยาบาลหญิงคนหนึ่ง
“คุณพ่อคุณรู้สึกตัวแล้วค่ะ คุณจะเข้าไปเยี่ยมก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ”
“จะให้ดิฉันปลุกอีกคนมั้ยคะ”
“ยังก่อนก็ได้ค่ะ”
“งั้นเชิญค่ะ”
ทั้งสองคนออกไป
ดร.มานพหลับตาอยู่บนเตียง รัตนากรเดินเข้ามายืนข้างเตียง น้ำตาซึมด้วยความรัก สงสารจับใจ ดร. มานพลืมตาขึ้นมา รัตนากรฝืนยิ้มให้ นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ จับมือพ่อไว้แน่น ได้แต่จ้องหน้าพูดไม่ออก
“แผนที่ อย่า ให้พวกมัน”
รัตนากรได้แต่ฟัง ไม่รู้จะพูดอะไร
“เนตรนาคราช”
รัตนากรกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ตั้งใจฟัง
“เอาไปคืนเจ้าของ มิฉะนั้น จะเกิดความวิบัติ”
รัตนากรได้แต่พยักหน้า ดร.มานพยิ้มหมดห่วง
“ดูแลน้องด้วย”
รัตนากรกลั้นสะอื้น กาญจนาเข้ามา
“คุณพ่อ”
กาญจนากอด ดร.มานพ ใจหาย เศร้า พยายามกลั้นน้ำตา
“ลูกต้องหาเนตรนาคราชให้พบ”
“ไม่ค่ะ คุณพ่อต้องช่วยหนู”
รัตนากรมองน้องสาวกับพ่อ พูดไม่ออก ได้แต่สะอื้น
“ลูก ทำได้”
ดร.มานพหลับตาลง กาญจนายิ่งสะอื้นหนักกอดพ่อแน่น รัตนากรปล่อยมือดร.มานพ แล้วค่อยๆ
ออกจากห้องไป กาญจนายังคงกอดพ่ออยู่อย่างนั้น
รัตนากรเดินออกมาอย่างเหม่อลอย อัศวินเดินเข้ามาหาพร้อมกับอาหารกล่องและเครื่องดื่ม
“รัตน์”
รัตนากรส่ายหน้าสะอื้น อัศวินพูดไม่ออก
กาญจนาเดินจากประตูห้อง สงบนิ่ง เยือกเย็น จนกระทั่งพบอัศวินกับรัตนากรยืนรออยู่ เธอเดินเข้ามาใกล้ จ้องหน้าพี่สาว
“พี่เสียใจ”
“เสียใจเหรอ พี่บอกว่าจะพาคุณพ่อกลับมาอย่างปลอดภัย”
“พี่”
รัตนากรเข้ามาโอบน้องสาว
“อย่ามายุ่งกับกาญ”
รัตนากรชะงัก หันหน้าเดินจากไป กาญจนาร้องไห้ อัศวินเข้ามากอดกาญจนาไว้ หญิงสาวซบหน้ากับอกชายหนุ่มร้องไห้ไม่หยุด
พวกมือปืนยืนเรียงรายกันตามจุดต่างๆ ทางด้านหน้าประตูบ้านเฮนรี่ เจมส์ รถคันหนึ่งวิ่งเข้ามา จอดตรงหน้า หัวหน้าปืนมังกรทองที่จับ ดร. มานพ ไป ก้าวลงมา มือปืนเข้ามาคุมให้เดินเข้าไปด้าน
ขณะนั้นเฮนรี่นั่งดูข่าวอยู่
“ข่าวด่วน ดร. มานพ ได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด”
เฮนรี่ปิดโทรทัศน์ สมุนพาหัวหน้ามือปืนเข้ามา เฮนรี่จ้องกระบอกทองเหลืองในมือของผู้มาเยือน
“คุณคงรู้จักของชิ้นนี้อยู่แล้ว”
“ปัญหาคือ มี ดร.มานพเท่านั้นที่อาจจะเปิดกระบอกนี้ได้ แต่ว่าถูกพวกโง่ๆ อย่างแกทำให้จบชีวิตลง”
“มันเป็นอุบัติเหตุ ช่วยไม่ได้จริงๆ”
“ใช่ ช่วยไม่ได้จริงๆ”
เฮนรี่พยักหน้า มือปืนสองคนกระชากปืนออกมา
“เดี๋ยว คุณคิดจะหักหลังผมเหรอ”
“ผมมีเงินเหลือเฟือที่จะจ่ายคุณ แต่ผมไม่ชอบคนโง่อย่างพวกคุณ”
เฮนรี่พยักหน้า มือปืนสองคนสาดกระสุนเข้าใส่แขกมาเยือน กระบอกทองเหลืองกลิ้งหลุดจากมือ
มาเข้ามือของเฮนรี่
รูปของ ดร.มานพ เต็มจอโทรทัศน์ พร้อมเสียงนักข่าว
“ดร.มานพคือบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการนำเอามรดกของอิทธิหลายชิ้นกลับสู่แผ่นดิน ขอเป็น
กำลังใจให้กับครอบครัวของท่านทุกคน”
สามอาทิตย์ผ่านไป กาญจนานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน หยิบรูปพ่อขึ้นมาดู พลางถอนใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจ้าหน้าที่เข้ามารายงาน
“มีคนมาขอพบค่ะ”
“เชิญ”
เจ้าหน้าที่ออกไป แล้วนำชายคนหนึ่งเข้ามา
“คุณ วีรกิจ”
กาญจนาลุกจากโต๊ะ เข้าไปซบอกของวีรกิจ
“ผมได้ข่าว แต่กว่าจะเคลียร์เรื่องได้เกือบสองอาทิตย์ ขอโทษด้วยครับ”“ดีใจที่คุณมาค่ะ”
รัตนากรมาซ้อมยิงปืนที่สนามยิงปืนของหน่วยพิเศษ อัศวินเดินเข้ามาหา “หลังจากงานศพคุณพ่อ รัตน์หายสาบสูญไปเลย”
รัตนากรได้แต่ยิ้มให้ ทั้งสองมาคุยกันต่อที่ร้านกาแฟ
“เมื่อไหร่จะกลับบ้าน”
“ยังไม่อยากไปกวนยัยกาญให้เสียอารมณ์”
“คุณวีรกิจกลับมาแล้ว ยายกาญน่าจะดีขึ้น”
“ยังหรอกค่ะ รัตน์รู้จักยัยกาญดี ลองได้โกรธแล้วล่ะก็เป็นนานเลย”
“อืม พี่ก็จำได้เหมือนกัน ตกลงจะเอายังไง”
“รอดูอีกสักพักหนึ่งค่ะ เคลียร์งานด้วย”
“หายไปแบบนี้ไม่คิดถึงพี่มั่งเหรอ”
รัตนากรยิ้ม
“คิดถึงทุกวันเลย”
“โม้สุดๆ”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
รัตนากรเดินคล้องแขนอัศวินออกจากร้านกาแฟมาที่ลานจอดรถ
“เนตรนาคราชไปถึงไหนแล้ว”
“ยังทำอะไรไม่ได้จนกว่าจะได้แผนที่คืนมา”
“รัตน์ว่าเป็นการดีนะคะที่แผนที่หายไป จะได้จบๆ เรื่อง ไม่มีใครตามมายุ่งกับยายกาญอีก”
“น้องกาญไม่มีวันเลิกหรอกจ้ะ ยิ่งคุณพ่อสั่งไว้ก่อนเสียด้วยแล้ว”
“คุณพ่อก็ฝากรัตน์ไว้เหมือนกัน แต่รัตน์บอกตามตรงว่ารัตน์ทำใจให้เชื่อไม่ได้เลย”
“ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่อย่าโกรธกันนาน ยังไงก็พี่น้องกัน”
“รัตนรู้ค่ะ แค่ปล่อยให้ยายกาญสบายใจอีกหน่อย”
“รีบกลับบ้านดีที่สุด”
ทั้งสองยิ้มให้กัน รัตนากรเปิดประตูขึ้นรถ ขับออกไป อัศวินได้แต่หนักใจ
กาญจนานั่งทำงานอยู่ในห้องประชุมตามลำพัง เจ้าหน้าที่เข้ามาหน้าตาตื่น
“มีข่าวเรื่อง เอ่อ แผนที่เนตรนาคราชค่ะ”
“เร็วเข้า”
เจ้าหน้าที่รีบเปิดโทรทัศน์
“พบศพชายจีน ลอยขึ้นมาจากแม่น้ำบางประกง ไม่พบหลักฐานว่าเป็นใคร นอกจากกระบอกทองเหลืองโบราณมัดติดอยู่กับตัว เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า มีการลักลอบซื้อขายของโบราณ และเกิดการผิดใจหักหลังกันขึ้น เราจะติดตามนำเสนอความคืบหน้าต่อไป”
กาญจนาเครียด
หลิน จินหัว สองบอดี้การ์ดสังหาร และ มือปืนอีกสองคน เพิ่งดูข่าวจบไป
“ที่แท้ไอ้คนทรยศมันเอาแผนที่ไปขายนี่เอง แต่ทำไมมันถูกฆ่าตาย แผนที่ก็ยังอยู่”
“เป็นแผนตื้นๆ ของคนซื้อ ทำให้คนคิดว่ามีคนเอาของปลอมไปขาย แต่อาเชื่อว่ามันเก็บของจริงไว้แล้ว”
“ทำไมมันไม่เก็บของจริงไว้เงียบๆ ต้องฆ่าคนให้เป็นเรื่องขึ้นมา”
“หนึ่ง มันประกาศให้ทุกคนรู้ว่ามันไม่เกี่ยว และไม่มีแผนที่ สองใครอยากได้ก็ต้องบุกมาเอาที่พวกเรา”
“อารู้ใช่มั้ยว่ามันเป็นใคร”
“ไม่มีใคร นอกจาก เฮนรี่ เจมส์”
อัศวินขับรถรถเข้ามาจอด แล้วเดินตรงเข้าไปในอาคารค้นคว้าโบราณวัตถุ เพื่อไปหากาญจนา
“มีเรื่องด่วนอะไรจ๊ะ”
“ข่าวเรื่องการซื้อขายแผนที่ออกมา ทำให้กาญนึกออก คุณพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า นาย เฮนรี่ เจมส์ นักสะสมของโบราณที่ร่ำรวยคนหนึ่งของโลก เคยมาขอซื้อกระบอกใส่แผนที่นาคราช แต่คุณพ่อปฏิเสธไม่
ยอมขายค่ะ”
“ได้ พี่จะสาวเรื่องของนาย เฮนรี่ เจมส์ดู”
“กาญต้องการแผนที่คืนค่ะ กาญจะต้องหาเนตรนาคราชให้พบตามความต้องการของคุณพ่อ”
อัศวินพยักหน้ารับ
รถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาในบริเวณโรงงานลึกลับ จอดรถหน้าโรงงาน คนประมาณ 5 คนลงมาจากรถ
คนหนึ่งคือ เคน โดยเคนมาพบกับ หลินและจินหัว
“หวังว่าท่านคงเตรียมเงินมาตามข้อตกลง”
“เรามีข้อเสนอใหม่” หลินพูดขึ้น
“ท่านคิดจะโกงเรา”
“เรายังไม่ได้แผนที่มา”
“เราก็ได้ข่าวเหมือนกัน”
“เราเพียงแต่ต้องการให้เงินท่านมากกว่าเดิม”
เคนเอียงตาข้างดี มองอารมณ์เย็นขึ้นมาทันที
“น่าสนใจ”
“แผนที่อยู่ที่ ดร.มานพ อย่างที่ท่านบอก แต่คนของเราหักหลัง เอาไปขายให้กับคนๆ หนึ่ง”
เคนยิ้มเยาะชอบใจ
“รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”
“พวกมันตายหมดแล้ว”
เคนพยักหน้า ว่าใช้ได้
“ฉันต้องการให้คุณไปเอาแผนที่นั่นมา”
“ทำไมไม่ไปเอาเอง”
“ข่าวออกไป ทำให้ทางการจับตาแก๊งมังกรทองอย่างใกล้ชิด ทำงานไม่สะดวก”
“เท่าไหร่”
“ไม่อั้น”
“แผนที่อยู่ที่ใคร”
“เฮนรี่ เจมส์ เท่านั้น ที่มีทั้งกำลังคน และกำลังซื้อ”
เคนสีหน้าเยือกเย็น จ้องนิ่ง หลินพยักหน้า สมุนสองคนถือกระเป๋าบรรจุเงินมาหนึ่งใบ
“นี่คือเงินสำหรับข่าวครั้งแรก จ่ายอีกห้าเท่าถ้าคราวหน้าคุณมีแผนที่ติดมาด้วย”
เคนพยักหน้า ลูกน้องมันเดินออกมาคว้าเอากระเป๋าบรรจุเงินไป หลินยิ้มอย่างพอใจ
กลางดึก รถตู้สองคันวิ่งเข้ามาจอดด้านหน้าตึกสำนักงานที่ตั้งบริษัท เฮนรี่ เจมส์ หญิงชาย ในชุดพนักงานทำความสะอาดนับสิบ ลงมาจากรถ เดินไปที่หน้าอาคาร ร.ป.ภ. ด้านในเปิดประตูให้เข้าไป
พนักงานต่างแยกย้ายกันไป อัศวินใส่หมวกปิดหน้า ใส่ชุดหมี เดินตรงไปยังตารางที่แสดง
ที่ตั้งของสำนักงานต่างๆ มองดู เห็นชื่อ เจมส์ คัมปานี ชั้น 10 เขาเดินไปกดลิฟท์
เสียงลิฟท์ดัง ประตูลิฟท์เปิดออก มือปืนสองคนที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานขยับตัว แต่ไม่มีใครออกมา สองคนมองหน้ากัน แล้วเดินไปที่ลิฟท์ กดปุ่ม ประตูเปิดอีกครั้ง มือปืนกราดปืนเข้าไป ไม่มีใครอยู่ในลิฟท์ มือปืนเดินออกไป ประตูลิฟท์ปิด แต่ก่อนจะสนิท มีมือยื่นออกมาขวาง ประตูลิฟท์เปิดอีกครั้ง มือปืนหันมาอย่างรำคาญ แต่แล้วก็เห็นอัศวินยืนอยู่ตรงหน้าลิฟท์ มือปืนรีบชักปืนแต่ช้าไป อัศวินเข้ามาซัดพวกนั้นจนทรุดไป
อัศวินลากมือปืนเข้ามาในห้องน้ำ ล้วงปืนพกที่เอว รูดซิปชุดหมีที่ใส่ออกโยนทับร่างมือปืน
ด้านในเป็นชุดสูทเหมือนพวกมือปืน เขาเหน็บปืนพกไว้ที่เอวด้านหลัง แล้วออกจากห้องน้ำ ยกกล่องสูงบังมิดหน้า ผ่านมือปืนที่เฝ้าหน้าบริษัทอยู่เข้าไปด้านในโดยบอกว่าเอาของมาเก็บ พวกมือปืนพนักหน้าให้เพราะคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน
อัศวินเดินเข้าไปด้านใน เอากล่องวางลงบนโซฟา เห็นโต๊ะทำงานของเฮนรี่ เจมส์ ด้านหลังมีรูปภาพ
ราคาแพงติดผนังอยู่ เขาปราดเข้าไปที่กำแพง ตรวจดูตรงรูปภาพ ข้างหลังรูปมีตู้เซฟซ่อนอยู่
“นึกแล้ว สงสัยไอ้นี่ไม่เคยดูหนัง”
เสียงลิฟท์ดังและเปิดออก เคนกับพวกสี่ห้าคน ออกมาจากลิฟท์ กระจายกำลังเข้าไปที่ เจมส์ คัมปานี ซึ่งว่างเปล่าเพราะไม่มีคนเฝ้า แล้วยิงกราดใส่พวกมือปืนที่ยืนเอ้อระเหยกันอยู่ มีมือปืนยิงสวนมา แต่ก็ถูกยิงดับไปในที่สุด พวกเคนเคลื่อนตัวกันเข้ามา พวกมือปืนที่อยู่ด้านหน้าห้องของเฮนรี่กระชากสัญญาณเตือนภัยเสียงดังสนั่น
อัศวินกำลังเปิดเซฟอยู่ ได้ยินเสียงสัญญาณและเสียงปืนดังมาจากด้านนอก เขารีบปิดรูปภาพ
แล้วหลบตัวซ่อนอยู่ในความมืดของมุมห้อง เคนและพวกกระจายกำลัง ลูกน้องสองคนไปดูที่รูปภาพ
“มีเซฟจริงด้วยว่ะ”
“สงสัยไอ้นี่ไม่เคยดูหนัง”
อัศวินอดขำไม่ได้ ลูกน้องเข้าไปกระชากรูปภาพลง เปิดอย่างรวดเร็ว อัศวินหลบอยู่ตรงมุม
จ้องตาไม่กระพริบ ทันใดนั้นเสียงปืนสนั่น พวกเคนสามคนที่คอยระวังอยู่ สาดปืนกลออกไปเสียงดัง
สนั่น พวกมือปืนของเฮนรี่ที่จะเข้ามาจากด้านนอกร่วงกราว
คนเปิดเซฟยังเปิดอยู่อย่างใจเย็น อัศวินจ้องตาไม่กระพริบ เงียบที่สุด หมายจู่โจม ถ้าสิ่งที่พวกมันเอาออกมา เป็นแผนที่ ทันใดนั้นพวกเคนหยิบออกมา คือกระบอกแผนที่นั่นเอง
อัศวินตัดสินใจออกไปชกโครม คว้ากระบอกแผนที่จากมือของสมุน ทั้งสามหันมาสาดกระสุนเข้าใส่
อัศวินพุ่งตัวข้ามโต๊ะหนังสือ กระสุนถูกข้าวของบนโต๊ะกระจุยกระจาย อัศวินโผล่ขึ้นมา กราดกระสุนเข้าใส่ทั้งสามคนดิ้นฟุบไป แต่แล้วคนที่เปิดตู้เซฟพุ่งเข้ามากระแทกอัศวินล้มลง ทั้งสองเริ่มการต่อสู้กัน สุดท้าย อัศวินชนะ ได้แผนที่ แต่แล้วไฟสว่างพรึ่บ เคนยืนจังก้ากับลูกน้องอีกสองคน ส่องปืนมายังอัศวิน
“ส่งกระบอกแผนที่มา”
อัศวินทำโยนกระบอกแผนที่ให้ แต่ไม่ใช่กระบอกแผนที่ เป็นระเบิดมือลอยมาแทน ลูกน้องเคนเผลอรับเอาไว้ คนที่เหลือกระโดดหลบกันหมด เสียงระเบิดฟึบ ที่แท้กลายเป็นระเบิดควัน พอควันจาง อัศวินก็หายไปแล้ว เคนมองด้วยความแค้นใจ
อัศวินนำแผนที่มาให้รัตนากรที่ที่พักของเธอ
“ที่แท้ไอ้เฮนรี่คือตัวการที่ทำให้คุณพ่อตาย มันต้องชดใช้”
“ใจเย็นๆ ก่อน ตามข่าว คนที่ตายคือพวกแก๊งมังกรทอง ไอ้นั่นอาจจะเอามาขายเฮนรี่ก็ได้ เฮนรี่ถึงจะร้ายกาจ แต่มันชอบใช้เงินซื้อมากกว่าที่จะเสี่ยงฆ่าใคร โดยเฉพาะคนสำคัญอย่างคุณอา คนเดียวที่อาจจะเปิดแผนที่ได้”
“ยังไงรัตน์ก็ต้องไปถามไอ้เฮนรี่ดู”
“เฮนรี่มีหน่วยทหารรับจ้างอยู่ในมือ ทุกคนมาจากหน่วยซีลฝีมือน่ากลัว เข้าถึงตัวได้ยาก”
“แค่นั่งกินข้าวคุยกัน ไม่น่าจะยาก”
อัศวินไม่เข้าใจ รัตนากรยิ้ม
วันรุ่งขึ้น อัศวินมาที่บ้านดร.มานพ เอาแผนที่ให้กาญจนาดู
“พี่จะส่งเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลกาญ พวกมันหลายกลุ่มต้องการแผนที่”
“กาญจะหาปริศนาเปิดกระบอกแผนที่ให้ได้เร็วที่สุด”
“ดีจ้ะ เรื่องจบเร็วเท่าไหร่ ยิ่งดี ระหว่างนี้ กาญไปไหนมาไหนต้องให้เจ้าหน้าที่ไปด้วย”
กาญจนาถอนใจ สายตาจ้องกระบอกแผนที่
“แผนที่เปิดออกเมื่อไหร่ พี่จะไปกับกาญตามหาเนตรนาคราชมาให้ได้”
“กาญห่วงแต่ว่า ลำพังพี่กับกาญจะต้านพวกมันไม่ไหว”
“ไม่ต้องห่วง อย่าลืมซิ ว่าพี่ก็มีพวกเหมือนกัน”
กาญจนาฝืนยิ้มออกมาได้
อ่านต่อหน้า 3
เนตรนาคราช ตอนที่ 2 (ต่อ)
ที่สามเหลี่ยมทองคำ อิทธิเดินเข้ามาในบาร์แห่งหนึ่ง ชายหลังบาร์เดินเข้ามา จ้องหน้าอิทธิ
“เฮ้ย เข้าผิดร้านหรือเปล่า”
“ผิดก็ไม่เป็นไร ชอบว่ะ ท่าทางมันดี มีใครรู้จัก พี่สินธุ มั่ง”
พวกกลุ่มชายฉกรรจ์ที่มาเที่ยวต่างเงียบ หันมามองอิทธิเป็นตาเดียว แล้วพวกนั้นสามสี่คน เดินเข้ามายืนตรงหน้า อิทธิกราดตาจ้องพวกนั้นทีละคน หนึ่งในนั้นถามขึ้น
“เอ็งเป็นใคร”
“ผมเอาของมาส่งมอบให้พี่สินธุครับ”
อิทธิกราดตามอง เห็นหนึ่งในกลุ่มชายที่ยืนอยู่ด้านหลัง รีบออกไปจากร้าน
“ของอะไร”
“เอ็งไม่ใช่พี่สินธุ ไม่ควรเสือกถาม”
“ไอ้”
สองฝ่ายชกต่อยกัน โรสเข้ามาถีบพวกชายในบาร์กระเด็น
“เจ๊โรส ไม่เกี่ยวถอยไปดีกว่า”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว พวกเอ็งเกะกะระราน ทำให้ธุรกิจแถวนี้เสียหมด”
“ขอบคุณ แต่ผมไหวครับ”
“ฉันไม่ได้ถามคุณ”
อิทธิยิ้มจ๋อย สมุนไม่สนใจ เข้าไปจัดการอิทธิ สองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่อิทธิจัดการได้อย่างราบคาบ ชายคนหนึ่งเดินออกมา
“พี่สินธุโผล่มาจนได้”
สินธุไม่พูด มองอิทธิกับโรส พวกสมุนต่างค่อยๆ ลากสังขารประคองกันขึ้นมมา
“อันนี้เป็นเรื่องของผมเต็มๆ กรุณาเชิญออกไปก่อนนะครับ”
โรสยักไหล่
“ไม่เป็นไร ฉันชอบดู พวกมันไม่ว่าหรอก”
อิทธิถอนใจไม่รู้จะพูดอย่างไร โรสเดินไปยืนหันหลังพิงบาร์ห่างจากอิทธิ
“เอ็งมีของมาให้ข้า”
“ใช่”
อิทธิตวัดมือออกมาจากด้านหลัง ปืนติดขึ้นมาเหนี่ยวไกเปรี้ยงเข้าหน้าผาก สินธุหงายหลังล้มลง ขาดใจตาย พรรคพวกคาดไม่ถึง ต่างขยับตัวเอาเรื่อง โรสขยับตัวยืนระวัง กำปืนเตรียมพร้อม
“ใครขยับดับเหมือนนายเอ็ง”
ชายในบาร์คนหนึ่งจะลอบยิงอิทธิ แต่วรชัยเข้ามายิงปลิดชีพมันเสียก่อน โรสตกใจ
“พี่ชัย”
“ข้าไม่เกี่ยวกับใคร แต่ข้าไม่ชอบคนลอบกัด”
วรชัยหันมาอวยพรอิทธิ
“โชคดีเพื่อน”
วรชัยพาโรสออกไปด้วยกัน พวกในบาร์ไม่พอใจ
“ฆ่ามัน”
พวกมันต่างตวัดปืนขึ้นมา อิทธิสาดกระสุนใส่พวกมันล้มไปสอง แล้วพุ่งข้ามบาร์ไปหลังบาร์ พวกมันต่างกระจายกำลังล้อมแล้วกราดยิงใส่บาร์จนกระจุยกระจาย อิทธิโผล่มา ยิงสาดโต้ ถูกพวกมันไปสองสามคน แต่พวกมันเยอะยิงสาดจนอิทธิต้องหลบลงไป กระสุนถูกขวดเหล้าชั้นบาร์หล่นลงมาเต็มตัวของอิทธิ
ระหว่างนั้น แก๊สน้ำตาสองสามลูกพุ่งเข้ามาถูกหน้าต่าง จากด้านนอก ควันเต็มร้านไปหมด พวกมันถูกแก๊ส ต่างไอกันถ้วนหน้า อิทธิได้ยินเสียง ได้กลิ่นแก๊สน้ำตา รู้ว่าโอกาสมาถึง รีบพุ่งตัวโดดหนีไปทางหน้าต่าง
“เร็วเพื่อน”
วรชัยร้องเรียก อิทธิกระโดดขึ้นรถไปกับวรชัย
วรชัยขับรถเข้ามาในราวป่า อิทธิโดดลงจากรถ
“ขอบคุณทั้งสองคน ผมขอรับรองว่าไอ้สินธุ คือคนชั่วที่กฎหมายตามตัวมานาน”
“รู้น่า พี่วรชัยเคยเป็นกฎหมายมาก่อน” โรสบอก
อิทธิยื่นมือมาจับมือกับวรชัย
“ผมอิทธิ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“เสียดายที่กฏหมายสำหรับผมเป็นอดีตไปแล้ว เพราะผมกับโรสมีภารกิจที่ต้องทำ”
“ผมหวังว่าคงไม่ผิดกฎหมายนะครับ”
ทุกคนยิ้มขำ
“โชคดี หวังว่าคงไม่ได้พบกันอีก”
“เฮ้ ลาก่อน คุณโรส”
โรสพยักหน้ายิ้มให้ อิทธิหันหลังวิ่งเข้าไปในป่า วรชัยกับโรสต่างยิ้มให้กัน แล้วขับรถออกไป
วรชัยขับรถมาตามทาง แล้วหันไปตบหัวโรสหยอกเอิน
“กลับมาถึงแทนที่จะรีบไปหาพี่ กลับไปหาเรื่องแทน”
“โห บังเอิญหิวอ่ะ ก็เลยแวะหาอะไรกิน ไม่นึกว่าจะมีเรื่อง”
“ประจำ แล้วรู้ได้ไง ว่าใครดีใครชั่ว ถึงได้เข้าไปยุ่ง”
“โธ่ ใครที่มีเรื่องกับไอ้พวกนั้นก็ต้องเป็นคนดีอยู่แล้ว ใครกันคะ ไอ้สินธุเนี่ย”
“พ่อค้ายาบ้าตัวเป้ง หนีคดีมาจากกรุงเทพฯ เอาเงินมากว้านนักเลงแถวนี้ให้เป็นลูกน้องมัน
แต่มันยังไม่ล้ำเส้นของเรา พี่ก็เลยยังเฉยอยู่”
“เป็นโรสเหรอ ไม่ปล่อยหรอก”
วรชัยยิ้มขำ โรสมอง
“อะไรคะ”
“ที่พี่ปล่อยมันเพราะพี่คิดว่ามันโง่”
“ยังไงคะ”
“มันเที่ยวคุยว่ามันจะได้พ้นโทษ”
“ดีที่มันตายไปซะก่อน หมดเรื่องหมดราว”
ทั้งสองต่างหัวเราะกัน
หน้าบาร์บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ พวกมือปืนกลุ่มหนึ่งสี่ห้าคนเดินเกะกะออกมาจากหน้าบาร์ เดินเป๋ไปมา หัวเราะเอะอะเสียงดัง ชาวบ้าน นักเลง ต่างรีบหลบหลีกทางให้พวกมัน พวกมันเดินกันมาแล้วหยุด คนหนึ่งชี้ให้ดูรถจิ๊ปคันหนึ่งที่จอดอยู่ ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงคนขับ เอนตัวนอน มีหมวกปิดหน้าอยู่ พวกมันขำๆ แล้วเดินเข้ามาที่รถจิ๊ป คนหนึ่งดึงหมวกที่ปิดหน้าชาติออก ชาติค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
“เฮ้ย ไอ้น้องพี่ชอบรถน้องว่ะ”
“ขอบคุณครับพี่”
“พี่ขอซื้อ”
“พี่จะจ่ายเท่าไหร่”
พวกมันมองกันแล้วหัวเราะ ชาติหัวเราะไปด้วย ทันใดนั้นชาติถีบโครมคนอยู่ใกล้กระเด็นไป พวกมันที่เหลือโดดใส่ ต่างเริ่มซัดกันชุลมุนวุ่นวาย ชาติโชว์ฝีมือ พวกมันก็ทรุดลงหมด อิทธิเดินเข้ามา
“เฮ้ยใจเย็นเพื่อน”
ชาติเหล่
“มานานยังวะ”
“ก็ เห็นหมด”
“แล้วนั่งเฉยๆ เนี่ยนะ”
“เห็นง่วงอยู่ก็เลยปล่อยให้เต็มที่”
ชาติเหล่แล้วเดินอ้อมมาขึ้นตรงคนขับ
“แล้ว ไอ้สินธุ”
“ดับไปแล้ว”
“what! คำสั่งให้จับเป็นไม่ใช่เหรอ”
“สุดวิสัยจริงๆ ว่ะ ท่าทางมันไม่ยอมมาด้วย”
“สุดวิสัย ตลอด”
“ก็มันสุดวิสัยจริงๆ นี่หว่า”
“เออ เองเก่ง”
อิทธิยิ้ม ชาติเหล่ แล้วขับรถออกไปอย่างแรง อิทธิหงายหลัง
กาญจนาเดินมานั่งที่โต๊ะทำงาน ในมือมีหนังสืออยู่หนึ่งเล่ม เธอเริ่มเปิดหาข้อมูล เสียงเคาะประตู เจ้าหน้าที่สาวก้าวเข้ามา
“ทนาย สมพงษ์มาขอพบค่ะ”
“เชิญได้”
เจ้าหน้าที่เดินออกไป สมพงษ์ก็เข้ามา
“เชิญนั่งค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
กาญจนานั่งลงตรงข้ามทนายสมพงษ์
“คุณกาญจนาสบายดีนะครับ”
“ค่ะ”
“ผมมาเยี่ยม แล้วก็อยากจะสอบถามว่า แผนที่ยังอยู่กับคุณหรือเปล่า”
“แน่นอนค่ะ”
“เอ่อ ถ้าคุณกาญจะถอนตัว เรายินดีที่จะรับช่วงต่อนะครับ”
“อ๋อ. ดิฉันรับปากคุณพ่อไว้จะหาเนตรนาคราชให้พบ ดิฉันต้องไม่ผิดคำพูดแน่นอนค่ะ”
กาญจนายังคงยืนยันกับทนายสมพงษ์ว่าเธอจะต้องติดตามเรื่องเนตรนาคราชต่อไป เพราะเธอรับปากกับดร.มานพไว้แล้ว
“คือ ผมเข้าใจว่าการสูญเสียดร.มานพอาจจะทำให้ คุณกาญจนาไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเนตรนาคราชอีกต่อไป ซึ่งทางเราก็ยินดีจะรับช่วงต่อได้นะครับ”
“ดิฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว เหลือแต่รอแค่เปิดกระบอกใส่แผนที่ให้ได้เท่านั้น”
“ดีครับ”
“หวังว่าทางสมาคมยังคงยืนยันที่จะมอบทุนสำหรับการติดตามค้นหาเนตรนาคราชอยู่เหมือนเดิมนะคะ”
“แน่นอนครับ เราได้การสนับสนุนจากบุคคลที่ต้องการรักษาสมบัติโบราณที่มีค่าชิ้นนี้ให้กับลูกหลาน ทุกคนยินดีที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่”
“งั้นถ้าได้ผลคืบหน้า ดิฉันจะรีบแจ้งให้ทราบทันทีค่ะ”
วรชัยกับโรสกำลังซ้อมยิงธนูกันอยู่ที่สวนหลังบ้าน ที่สามเหลี่ยมทองคำ โรสยิงได้อย่างแม่นยำ จนพี่ชายเอ่ยปากชม
“ไม่เลวนี่”
“ยังไม่ดีค่ะ ศูนย์ off ไปหน่อย ต้องปรับใหม่”
สาวใช้ถือถาดน้ำผลไม้เข้ามา โรสหยิบส่งให้วรชัยแก้วหนึ่ง และตัวเองหยิบมาแก้วหนึ่ง
“พี่ว่ามันเกะกะไปหน่อย สู้ปืนไม่ได้คล่องกว่า”
“โรสชอบ เพราะว่ามันเงียบ แล้วก็ท้าทายดี สำหรับใช้กรณีพิเศษ เก็บเฉพาะไอ้พวก
limited edition ทั้งหลาย”
วรชัยยิ้มจิบน้ำผลไม้
“ตอนนี้ไอ้เคนอยู่ในกรุงเทพฯ แล้ว”
“แผนที่เหรอคะ”
วรชัยพยักหน้า ทั้งสองต่างตื่นเต้น
เคนเข้ามากบดานในที่แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เขาจ้องรูป ดร.มานพ กาญจนา และรัตนากร ที่อยู่บนจอในห้องประชุม จากนั้นก็มองรูปของอัศวินและวีรกิจ อย่างพิจารณา
วรชัยกับโรสพากันมาคุยต่อภายในบ้านเรื่องแผนที่ที่จะค้นหาเนตรนาคราช
“ที่แท้เรื่องเป็นแบบนี้เอง”
“นี่คือเหตุผลที่พี่เรียกตัวโรสกลับมา”
“แต่เรายังไม่รู้แน่ใช่มั้ยคะว่าแผนที่อยู่ที่ใคร”
“สายของเราตามดูอยู่ มีความเป็นไปได้ว่าจะอยู่ที่ เฮนรี่ เจมส์”
“โรสรู้จักตานี่ดี ที่อเมริกาก็ดัง เป็นทั้งนักสะสมและมาเฟีย”
“พี่อยากให้โรสจับตาดู ไอ้เฮนรี่ แล้วก็ ดร.กาญจนา ลูกสาวของ ดร.มานพ ที่รู้เรื่องเนตรนาคราชมากที่สุด”
“แล้วไอ้เคนล่ะ”
“ก็เบาๆ มือกับมันหน่อย อย่างน้อยบรรพบุรุษของมันก็มีเจตนาดีเคยร่วมมือกับบรรพบุรุษ
ของเราที่จะเอาเนตรนาคราชกลับมาคืนเจ้าของ”
“แต่ตัวมันคิดจะเอาไปขายนี่คะ โรสไม่เบาหรอกค่ะ คนแบบนี้ปล่อยไว้มันจะหวนกลับมากัดเราที่หลัง
โรสจะอัดให้หนัก จัดเต็มไปเลย”
“ไปเรียนหนังสือแท้ๆ กลับมาทำไมกลายเป็นแรมโบ้ไปได้”
โรสยิ้ม ยกน้ำขึ้นดื่ม
“ไม่หนีบแรมโบ้กลับมาด้วยก็บุญแล้วนา”
“หา ตกลงมีหนีบกลับมาหรือเปล่า”
“โน เอาไว้มีแล้วจะบอก ตอนนี้ขอลุยเดี่ยวก่อนดีกว่า”
วรชัยอดขำไม่ได้
เฮนรี่ เจมส์ มาที่โรงแรมหรู พร้อมบอดี้การ์ดสองคน ทั้งหมดเดินเข้ามาที่ห้องอาหาร พนักงานมาต้อนรับ แล้วพาทั้งสามคนเข้าไปด้านใน เวลาเดียวกันนั้น มีชายฉกรรจ์สองคนซึ่งเป็นพวกมังกรทอง นั่งอยู่ที่ล็อบบี้กำลังจับตามองอยู่
รถของอัศวินเข้ามาจอดหน้าโรงแรม รัตนากรนั่งมาด้วยในชุดราตรียาวดำ ผ่าถึงโคนขา
“แค่คุยเฉยๆ ใช่มั้ย”
“รับรองค่ะ”
“ครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่ออกมา พี่จะเข้าไป”
“ขอบคุณค่ะ”
รัตนากรลงจากรถ อัศวินเคลื่อนรถออกไป รัตนากรเดินมาตามทางเดินเอามือจับที่เข็มกลัดที่ติดอกเสื้อ “เสียง เช็ค”
“ชัดแจ๋ว”
อัศวินตอบกลับ รัตนากรยิ้ม เดินผ่านล็อบบี้ไป ชายฉกรรจ์พวกมังกรทองสองคนหันมองตาม
เฮนรี่นั่งที่โต๊ะอาหารตามลำพัง ซึ่งเป็นโต๊ะที่เป็นเบาะติดผนัง สามารถเห็นด้านนอกได้อย่างชัดเจน บอดี้การ์ดสองคน นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ถัดไป เฮนรี่กำลังกินข้าวอยู่ รัตนากรเข้ามายืนตรงหน้าโต๊ะ เขาเงยหน้ามอง เห็นรัตนากรยืนยิ้มสวยอยู่
“สวัสดีค่ะคุณ เฮนรี่”
บอดี้การ์ดคนหนึ่งคว้าหมับเข้าที่หัวใหล่ของรัตนากร ดึง รัตนากรหันกลับตามแรงดึงแต่พอ
เผชิญหน้ากัน มือขวาของรัตนากรก็กางออกแล้วตวัดฉับเข้าให้ที่ใต้คางของมัน เข้ากระเดือกเต็มๆ มันหายใจติดขัดแล้วทรุดลงกับพื้น บอดี้การ์ดอีกคนเข้ามา
“ไม่ต้อง”
เฮนรี่ร้องห้าม บอดี้การ์ดรีบประคองเพื่อนกลับไปนั่งที่โต๊ะ เฮนรี่ยืนขึ้น ผายมือให้รัตนากรนั่ง รัตนากรก้มศรีษะรับเล็กน้อย แล้วนั่งลง
“ดื่มมั้ยครับ”
“คุณมีแผนที่ของพ่อฉัน”
เฮนรี่จ้องรัตนากรนิ่ง
“ตอนนี้มีคนขโมยไปแล้วครับ”
อัศวินนั่งอยู่ในรถ ได้ยินเสียงของทั้งสองอย่างชัดเจน
“อันนี้เชื่อได้ชัวร์”
รัตนากรจ้องเฮนรี่เขม็ง
“ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตายของ ดร.มานพ คุณพ่อคุณ”
“มันไม่ยอมรับอยู่แล้ว” อัศวินพูดขึ้น
“กำลังฟังอยู่”
รัตนากรโต้ตอบเบาๆ ผ่านไมค์เข็มกลัดที่ติดอกเสื้อ
“ใครก็ทราบว่าผมเป็นนักสะสมทุกคนมีของก็เอามาขายผม ผมเป็นเพียงผู้ซื้อ”
“ใครเป็นผู้ขาย”
อัศวินนั่งฟังอย่างตั้งใจ
“ก่อนอื่นผมอยากจะบอกว่า ผมเคารพผลงานของคุณพ่อคุณ และคุณพ่อคุณ มาโดยตลอด ไม่มีความจำเป็นต้องฆ่าคุณพ่อคุณ”
“ไปได้น้ำขุ่นๆ เลยเพื่อน” อัศวินพึมพำ
“ใครเป็นผู้ขาย”
“พอผมทราบข่าวคุณพ่อคุณ ผมก็จัดการกับคนขายเรียบร้อย”
“ที่แท้คุณปิดปากมันสนิท ไม่มีใครสาวรอยถึงคุณ”
“นั่นเป็นเพียงผลพลอยได้ ที่จะไม่ให้ใครรู้ว่าผมมีแผนที่ ไม่ใช่ปิดเรื่องคุณพ่อคุณ เพราะผมไม่ได้ทำ แต่ก็ยังมีคนรู้ แล้วก็มาขโมยแผนที่ไปจากผมจนได้”
“ใช่ อั๊วเองเพื่อน”
อัศวินพึมพำอย่างภูมิใจ รัตนากรเผลอยิ้มแล้วทำหน้าเข้มต่อ
“ใคร ที่ขโมยแผนที่ไป พวกไหน”
เฮนรี่มองรัตนากรจับพิรุธ
“เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ผมกำลังสาวอยู่ว่าเป็นใคร”
“พวกมันได้แผนที่ไปยังงั้นเหรอ”
“น่าจะใช่ ยังไงก็แล้วแต่ ผมขอย้ำว่าผมไม่ได้สั่งการใคร ผมชอบใช้เงินไม่ชอบใช้ลูกปืน”
“ใช่ แต่อย่าเผลอ” อัศวินประชด
รัตนากรลุกขึ้นยืน ยิ้ม
“ฉันจะเชื่อคุณดูครั้งหนึ่ง ได้ความจริงเมื่อไหร่ เราคงได้พบกันอีก”
“ยินดีครับ ในระหว่างนี้ โปรดระวังตัวด้วย เพราะคงมีคนหลายกลุ่มที่จะเอาแผนที่มาขายผม”
“ขู่ซะด้วย ไอ้นี่” อัศวินพึมพำ
“เสียดายที่คุณอาจจะไม่ได้ซื้อ”
รัตนากรยิ้ม เฮนรี่ยิ้มพอใจ
“โอ เยส ตอบได้สวย” อัศวินแซวผ่านไมค์ตัวจิ๋ว
“Thank you”
รัตนากรเดินออกไปยังทางออก พูดผ่านไมค์กับอัศวิน
“พี่อัศวินคิดว่ายังไง”
“เรื่องมันพูดถึงอีกกลุ่มหนึ่งเป็นเรื่องจริง โชคดีที่มันไม่รู้ว่าพี่อยู่ที่นั่น แต่พี่ไม่ค่อยเชื่อมันเท่าไหร่เรื่องที่
มันบอกว่าไม่ได้สั่งการ”
ระหว่างนั้น อัศวินเห็นรถตู้เคลื่อนออกจากลานไปที่หน้าโรงแรม
“รัตน์คิดว่ามันอาจจะพูดจริง”
“อยู่ข้างในก่อน อย่าเพิ่งออกมา พี่คิดว่ามีคนจะเล่นงานรัตน์”
“ดี อาจจะเป็นพวกที่จับตัวคุณพ่อไป”
“โน อย่าเสี่ยง”
รัตนากรไม่ฟัง เดินออกมาหน้าโรงแรม ทำตัวให้เป็นเป้า รถตู้ค่อยๆ แล่นเข้ามา
“โธ่เอ๊ย ดื้อจริงๆ เรานี่”
“ตามมา อย่าบ่น ห้ามหนีกลับบ้านด้วย”
รถตู้เข้ามาจอดตรงหน้ารัตนากร ชายฉกรรจ์สองคนซึ่งเป็นพวกมังกรทอง ที่นั่งอยู่ในล็อบบี้เมื่อสักครู่ ปรี่ออกมาจากโรงแรมประกบรัตนากร ในขณะที่ประตูรถตู้เปิด รัตนากรหมุนตัวหลุดจากการประกบ ชกโครม
“ที่แท้พวกแกนี่เอง”
รัตนากรตั้งใจบอกให้อัศวินรู้ว่าใช่ ชายอีกคนเข้ามา เกิดการต่อสู้กัน เธอตบมันเซไป อีกคนหนึ่งเอาปืนเข้ามาส่อง รัตนากรหยุด
“เดี๋ยว พาฉันไปเจอนายแกได้แล้ว”
พวกนั้นผายมือให้รัตนากรขึ้นรถ รัตนากรหันมายิ้มให้ แล้วขึ้นรถตู้ไป รถของอัศวินก็ตามพวกมันไป
“เชื่อเลย กลับบ้านต้องตีมือให้เจ็บ”
รัตนากรได้ยินเสียงอัศวินถึงกับยิ้มตาเป็นประกาย
อ่านต่อหน้า 4
เนตรนาคราช ตอนที่ 2 (ต่อ)
รถตู้วิ่งเข้ามาจอดตรงหน้าโรงแรมหรูอีกแห่งหนึ่ง พวกมันคุมตัวรัตนากรออกจากรถแล้วเข้าไปด้านใน รถของอัศวินเคลื่อนเข้ามาจอด เขาครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป
พวกมันพารัตนากรเข้ามาในห้องประชุมของโรงแรม หญิงสาวกราดสายตามองพวกมันนับสิบที่ยืนเรียงรายอยู่ จินหัวก้าวออกมาในหมู่พวกนั้น
“พวกแกต้องรับผิดชอบต่อการตายของพ่อฉัน”
“สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม เราไม่สามารถแก้ไขได้ แต่คนที่ก่อเรื่องก็ได้ตายไปแล้ว”
“แต่แกเป็นคนออกคำสั่ง แกต้องรับผิดชอบ”
“เราพร้อมที่จะรับทุกอย่าง”
“ท้าซะด้วย”
รัตนากรจ้องหน้าจินหัว
“ไปๆ มาๆ แผนที่อยู่ที่เฮนรี่ เจมส์”
“ฉันจะรู้ได้ยังไง”
“คุณคุยกับเฮนรี่ เจมส์มาไม่ใช่หรือ”
“ใช่ ฉันก็ถามอย่างเดียวกัน แต่เฮนรี่ เจมส์ บอกว่า แผนที่ถูกคนแย่งไปแล้ว”
“แล้วคุณเชื่อ เฮนรี่”
“ใช่ ฉันถึงมาถามพวกแกไงล่ะ”
จินหัวจ้องรัตนากร เธอรยิ้มให้
“นี่แกคิดว่าคนของแกคุมตัวฉันมาเหรอ”
จินหัวกราดสายตามองพวกลูกน้องของมัน พวกมันก้มหน้าไม่กล้าสบตา
“แต่เราไม่มีแผนที่”
“เรื่องจริง ไม่ใช่พวกมัน” อัศวินกระซิบผ่านไมค์
“งั้นก็จบ เราไม่มีเรื่องที่จะต้องคุยกันอีกต่อไป”
รัตนากรหันหลังจะเดินออกไป พวกมือปืนเข้ามาขวาง
“เราจะให้คนไปส่งท่าน”
“ไม่ต้อง”
จินหัวพยักหน้าให้สมุนของมัน สมุนต่างถอยออก รัตนากรหันมา
“เจอกันคราวหน้า เราจะไม่ปล่อยให้ท่าน หรือใครที่เกี่ยวข้องกับท่านรอดไปได้ ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
จินหัวก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงรับ รัตนากรเดินออกไป จินหัวหันมามองสมุน ชักปืนออกมา
“พวกแกสมควรตาย แค่นี้ก็ไม่มีปัญญาคุมตัวคนมา”
พวกสมุนต่างคาดไม่ถึง
“อย่าโทษพวกมันเลย”
หลินก้าวออกมาจากมุมหนึ่ง พร้อมสองมือสังหาร
“ลูกสาวของ ดร.มานพ คนนี้ มีฝีมือเกินพวกมัน ท่านคิดว่าแผนที่อยู่ที่ใหน”
“เราควรจะต้องถาม มิสเตอร์ เคน”
รัตนากรก้าวออกมานอกโรงแรม หันซ้ายขวา สักครู่รถของอัศวินก็ค่อยๆ แล่นเข้ามา เธอก้าวเข้ามาในรถ
“รอตั้งนาน”
อัศวินเหล่มองรัตนากร
“เกิดพวกมันคิดจะเล่นงานรัตน์ ก็จบเลย”
“ถ้ามันคิดจะเล่นงานรัตน์ มันไม่พามาที่โรงแรมหรอก”
อัศวินออกรถไป ขณะนั้น โรสจอดรถมองรถของอัศวินที่แล่นออกไป
หลิน จินหัว และ มือสังหารสองคนเดินออกมาจากโรงแรม รถตู้เข้ามารับ มือปืนรีบลงมาจากรถ เปิดประตูให้ ทั้งหมดขึ้นรถไป โรสเฝ้ามองอย่างสงสัย
“พวกไหนกันแน่”
โรสค่อยๆ เคลื่อนรถตามไป พลางคุยกับวีรชัยผ่านบลูทูธไปด้วย
“แก๊งมังกรทอง พี่ชัยแน่ใจเหรอคะ”
“ตามที่โรสบอกมา ตรงกับพวกมันเป๊ะเลย แต่พี่จะลองเช็คดูให้ละเอียดเพื่อความแน่ใจ”
“ดีค่ะ”
“ระวังตัวด้วย”
“แค่ตามไปดูเฉยๆ ค่ะ บาย”
โรสวางสายดึงบลูทูธออก สายตาจ้องไปข้างหน้า
รถตู้เข้ามาจอดที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง พวกของหลินกับจินหัวลงมาจากรถ เดินเข้าไปในโรงแรม รถของโรสวิ่งเลยไป แล้วจอดห่างออกไป โรสมองทางกระจกหลัง
“พวกมันมาเจอกับใครอีก”
โรสขับรถเลยไป แล้วกลับรถมาจอดห่าๆ สังเกตดูตรงหน้าโรงแรม สักครู่เห็นรถตู้เข้ามาจอดอีกหนึ่งคัน สมุนลงมาเปิดประตู เคน ลงมากับมือปืนสองคน
“ไอ้เคน ที่แท้มันทำธุรกิจกับพวกมังกรทอง”
โรสยิ้มเครียด แล้วขับรถออกไปจากโรงแรม
เคนกับมือปืนเดินเข้ามาในห้องวี.ไอ.พี.ของโรงแรม หลิน กับ จินหัวและทุกคนรออยู่แล้ว หลินเปิดฉากคุยทันที
“แผนที่ ไม่ได้อยู่ที่เฮนรี่”
“ถูกต้อง เราได้ข้อมูลไอ้คนที่แย่งแผนที่จากเราไปแล้ว”
“เชิญ”
“ผู้กองอัศวิน จากหน่วยพิเศษ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังดร.มานพนำมรดกสำคัญของชาติกลับคืนแผ่นดิน”
หลินกับจินหัวมองหน้ากัน
“งานนี้เราขอตัว เราไม่ต้องการมีปัญหากับทางการ ท่านน่าจะจัดการเองได้” เคนออกตัว
“อย่าบอกนะว่าท่านจะปล่อยให้พวกนั้นค้นพบเนตรนาคราช”
“เราไม่ได้พูดยังงั้น ใครก็ตามที่ค้นพบเนตรนาคราชก็จะถูกเราชิงกลับมา”
“แม้กระทั่งคนของทางการงั้นเหรอ”
“เนตรนาคราชซ่อนอยู่ในป่าลี้ลับ ซึ่งเป็นถิ่นของเรา ถึงเวลานั้น ไม่ว่าทางการหรือไม่ทางการ ก็ไม่สามารถพ้นมือเราได้ ถึงเวลานั้นท่านเตรียมเงินให้พร้อมก็แล้วกัน”
ค่ำคืนนั้น อัศวินขับรถ รัตนากรนั่งอยู่ข้างๆ
“ยังหัวค่ำอยู่ แวะทะเลหน่อยได้มั้ยคะ”
อัศวินหันมามองหน้าหญิงสาวด้วยความแปลกใจ
“ทำไม พี่อัศวินก็รู้ว่ารัตน์ชอบทะเล”
“รู้ แต่ตอนนี้เนี่ยนะ”
“ตามใจ ไม่ไปก็อย่าไป”
อัศวินถอนหายใจ
“โอเค”
รัตนากรยิ้มชอบใจ
รัตนากรควงแขนอัศวินเดินมาตามชายหาด
“รัตน์ขอโทษนะคะที่ไม่เชื่อพี่อัศวิน ไปกับพวกมัน”
“รัตน์ประมาทมากเกินไป วันหนึ่งต้องพลาด พี่ไม่อยากจะบ่นแล้ว พูดไปก็เสียอารมณ์เปล่าๆ”
“โอ๋ๆ นะ หายโกรธดีกว่า รัตน์ให้ตีมือ”
รัตนากรยกมือขึ้นมาตรงหน้าชายหนุ่ม อัศวินมองหน้า แล้วแกล้งตีลงบนมือของเธอเบาๆ
“โอยเจ็บ”
รัตนากรยิ้มชอบใจ
“อย่าๆ มาอ้อน เรานี่ตีมือยังไงก็ไม่เข็ด”
“โธ่ ก็มันสุดวิสัยนี่นา ถึงเวลามันก็พรวดไปเองจะให้ทำยังไงคะ”
“เฮ้อ ปวดหัว”
รัตนากรขำ เอาหัวพิงไหล่เดินควงแขนอัศวินไป
“แล้วเราน่ะ ทำไมยังไม่มีแฟน”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ไม่มีใครสนมั้ง”
“ก็คุณภาคภูมิ”
“อ๋อ จริงเหรอ รู้ได้ยังไง”
“เอ่อ เขามาถามพี่”
“พี่ก็เลยรีบอนุญาต”
“โน พี่บอกให้มาถามรัตน์เอาเอง”
“น่าเสียดาย ไม่ใช่ผู้ชายในเสปคของรัตน์
อัศวินหันมามองหน้า
“แล้วเสปคของเราเป็นแบบไหนเหรอ จะได้ช่วยดู”
รัตนากรหยุดเดินมองหน้าอัศวินอยากจะบอกว่าเขาคือผู้ชายคนนั้น ทั้งสองสบตากัน อัศวินคอยจะฟังว่ารัตนากรมีใคร เลยไม่เข้าใจอาการของหญิงสาวที่มองอยู่ รัตนากรยิ้ม
“รู้ชัวร์เมื่อไหร่แล้วจะบอก”
อัศวินยิ้มโล่งอก ว่ารัตนากรยังไม่มีแฟน
“แล้วไป อย่าลืมที่พี่สั่ง ต้องพามาให้พี่รู้จักก่อน”
“แน่นอนอยู่แล้ว
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน อัศวินวางฟอร์ม โดยหารู้ไม่ว่า รัตนากรได้รู้ความในใจของเขาแล้ว เธอคิดว่าในเมื่อเขาไม่พูด เธอก็จะแกล้งไม่พูดเหมือนกัน
อัศวินขับรถพารัตนากรมาบนเส้นทางที่จะกลับบ้าน พลางคุยกันเรื่องของเนตรนาคราช
“สรุปเนตรนาคราชมีจริงเหรอคะ”
“บอกตามตรง ตอนแรกพี่ก็ไม่ได้คิดอะไร จริงก็ได้ไม่จริงก็ได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากหลายๆ กลุ่ม พี่คิดว่าเนตรนาคราชไม่ใช่เรื่องเหลวไหลอีกต่อไป”
รัตนากรครุ่นคิด
อัศวินเดินมาส่งรัตนากรที่หน้าห้องภายในคอนโดฯ
“พี่ไปก่อนนะ ระวังตัวให้ดี อย่าประมาท”
“ค่ะ”
“เห็นค่ะทุกที”
รัตนากรยกมือข้างที่ถูกตีขึ้นมา
“ถูกตีมือจนเจ็บ เข็ดแล้วเจ้าค่ะ”
อัศวินใจอ่อน
“พี่ขอโทษ”
“อย่างน้อยรัตน์ก็รู้ว่าพี่อัศวินเป็นห่วง”
อัศวินจ้องหน้ารัตนากรเหมือนจะพูดอะไร แต่แล้วก็ได้แค่เพียงพยักหน้าให้ แล้วเดินกลับไป รัตนากรมองตาม ยิ้มตาเป็นประกาย
“เป็นผู้ชายไม่กล้าพูด ดีแล้ว จะแกล้งให้เข็ด”
กลางดึก กาญจนาฟุบหลับอยู่บนโต๊ะในห้องทำงานดร.มานพ โดยมีกระบอกแผนที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ถัดมาเป็นสมุดบันทึกเล่มใหญ่ที่กางอยู่ เป็นรูปพญานาคคู่ที่กำลังโกรธแค้นอาละวาด วูบหนึ่งเห็นเหมือนดวงตาเป็นประกายสีแดงส่องแสงออกมาวาบ
ที่บาร์แห่งหนึ่งในต่างจังหวัด แสงสีส่องสาดจ้าไปมา นักเที่ยวยังคึกคักอยู่ อิทธิ กับ ชาติ นั่งอยู่ พลางสอดส่ายสายตามองหาเป้าหมาย
“มันจะมาเหรอวะ” อิทธิพูดขึ้น
“เออน่า. นายเฉยๆ เถอะ มิชชั่นที่แล้วฉันเป็นคนขับรถให้นาย มิชชั่นนี้ของฉัน นายเป็นแบคอัพไม่ต้อง
ถามมาก”
“โอเค”
ทั้งสองยกแก้วชนกัน สายตากราดรอบ สาวเสิร์ฟคนสวยเดินเข้ามาทัก
“พี่โข่ง พี่ขาม มีน้องๆ อยากจะมาดริ๊งด้วยได้มั้ยคะ”
“อ๊ะ งั้นเชิญจ้ะ”
ชาติตอบรับทันที
“โห ใจดีจุงเบย เดี๋ยวมานะคะ”
สาวสวยเดินออกไป
“ใจดีแล้วทำไมต้องจักกะแร้เปียกวะ” อิทธิงง
“จุงเบยเขาหมายถึงจังเลยเว้ย ไม่ใช่ภาษาเขมรที่แปลว่าจักกะแร้เปียก”
“เฮ่ย ภาษาสมัยนี้ จะบ้าตาย”
“เอ็งนี่ เชยฉิ...”
สาวเสิร์ฟพาสาวสวยสองคนเดินเข้ามา
“มาแล้วค่ะ น้องบุ๋ม กับ น้องบิ๋ม”
“เชิญครับ”
อิทธิเชิญชวน แต่แล้วมีชายคนหนึ่งเดินแทรกเข้ามา
“น้องบุ๋ม น้องบิ๋ม มากับพี่”
ชาติกับอิทธิมองเห็นพวกมันสามคนยืนหน้าตาเสียอารมณ์อยู่
“โห ดุจุงเบย”
พวกมันหันหน้ามองอิทธิแล้วชกเปรี้ยง อิทธิหลบวูบ มันเสียจังหวะเซไปหาชาติ ชาติชกโครม มันกระเด็นไป ที่เหลือโดดเข้ารุมชาติ อิทธิยืนกอดอกดูสบายใจ ชาติซัดกับพวกมันนัวเนีย จนพวกมันหอบเหนื่อย ชาติเดินกลับมาที่โต๊ะ อิทธินั่งยิ้มอยู่
“นายสบายเกินไปหรือเปล่าเพื่อน”
“ก็คราวที่แล้วนายยังปล่อยฉันให้ลุยคนเดียว ฉันก็ให้โอกาสนายมั่งดิ”
ระหว่างนั้น ทั้งคู่เห็นชายคนหนึ่ง นำหน้า ตามด้วยสมุนสามคน
“ไอ้เสี่ยพรมาแล้ว”
“อืม”
ทั้งสองขยับตัวเตรียมพร้อม พวกนั้นเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับ ชาติ และ อิทธิ
“พวกเอ็งบอกว่ารู้จักไอ้สินธุ” เสี่ยพรพูดขึ้น
“ใช่” ชาติตอบรับ
“มันเป็นยังไงบ้าง”
“สบายดีสุดๆ” อิทธิแยกเขี้ยวยิ้มให้ ตีหน้าตาย
“ใช่ มันบอกว่าพี่มีของเยอะ ฉันสั่งไปล้านเม็ดหวังว่าพี่มีพอนะ”
พวกมันหัวเราะ
“เงินล่ะ”
“อยู่ในรถฉันข้างนอก”
“ของก็อยู่ในรถข้า ข้างนอก”
“ดีจุงเบย”
พวกมันต่างหันมามองอิทธิเป็นตาเดียว ประมาณว่ากวนประสาท ชาติเหล่อิทธิ อิทธิเขิน
รีบยิ้มให้กับพวกมัน
“ข้าต้องขอดูสินค้าก่อน”
เสี่ยพรจ้องชาติหาพิรุธ
“เสี่ยให้ลูกน้องเสี่ยพาเพื่อนข้าออกไปดูของก่อน ถ้ามันโทรมาบอกว่าของใช้ได้ ก็ค่อยซื้อขายกัน ชิลๆ”
“ได้”
ลูกน้องเสี่ยพรเดินคุมอิทธิออกไปที่รถ เปิดผ้าใบให้ดู มีถุงยาบ้าเรียงเป็นตับ อิทธิหยิบขึ้นมาถุงหนึ่ง
“ขอชิมหน่อยได้มั้ยพวก”
พวกมันมองหน้ากันแล้วพยักหน้า อิทธิเดาะถุงในมือแล้วโยนให้พวกมัน แล้วล้วงไปข้างล่าง พวกมันคาดไม่ถึง เอะอะโวยวาย อิทธิหันมายันพวกมันออกไป คนหนึ่งเตะโครม อิทธิเอาแขนกั้นแต่ถูกกระแทกกระเด็นขึ้นไปนอนบนกองยาบ้า
“เฮ้ยเดี๋ยว ข้าแค่ขอเลือกเว้ย”
พวกมันหยุด
“ข้าจะดูถุงข้างล่าง เผื่อว่าพวกเอ็งเอาของดีไว้ข้างบน”
พวกมันมองหน้ากันพยักหน้า อิทธิขยับตัวลงมาจากลังใส่ของ ระเบิดห่อพลาสติคขนาดถุงยาบ้า
จากมือของอิทธิวางปนอยู่กับห่อยาบ้าของพวกมันพอดี อิทธิคว้าถุงยาติดมือขึ้นมา พวกมันต่างจับตาจ้องเขม็งไม่มีใครสนใจระเบิด
อิทธิเอามีดตัดถุงออกแล้วหยิบยาบ้าออกมาเม็ดหนึ่ง เอามีดกรีดเม็ดยาออกเป็นผงใส่มือ เอานิ้วแตะชิม แล้วพยักหน้า พวกมันเอายาเก็บ เอาผ้าใบคลุมไว้อย่างเดิม อิทธิยิ้มพอใจดึงโทรศัพท์ออกมาโทร
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชาติรับสาย
“โอเค”
ชาติวางสายหันมาพูดกับเสี่ยพร
“เรียบร้อย เจอกันข้างนอก”
เสี่ยพรกับลูกน้องพยักหน้าแล้วเดินออกไป ชาติมองตาม เคร่งเครียด เตรียมพร้อม
ชาติกับอิทธิเดินออกมาด้านนอก สมุนของเสี่ยพรนับสิบยืนอยู่ด้วย
“ของมันเยอะก็เลยต้องเอาคนมาเยอะ” เสี่ยพรออกตัว
ชาติกับอิทธิยิ้มให้ อิทธิถือกระเป๋าขนาดกลางใส่เงิน เสี่ยพรกับลูกน้องจ้องเขม็ง
“ขอดูเงินก่อน”
“ได้”
เสี่ยพรส่งซิกให้ลูกน้องมาเอาเงินจากชาติ
“อ๊ะ อ๊ะ ฉันส่งเงินให้พี่ไม่ได้หรอก”
พวกมันขยับตัวต่างกระชากปืนออกมา
“เอายังไงวะ”
ชาติยิ้ม
“ใจเย็นพี่ ฉันส่งให้ไม่ได้ แต่พี่เข้ามาดูได้”
อิทธิเอามือข้างหนึ่งรองใต้กระเป๋ายกขึ้นมา ข้างหนึ่งเปิดกระเป๋ายกฝาขึ้น พวกมันมองไม่เห็น
เพราะด้านที่เปิดบังอยู่
“ฉันว่าพี่เข้ามาดูเองดีกว่า คนเดียวก็พอ”
เสี่ยพรยิ้มพอใจ เดินเข้ามาทางด้านข้างของอิทธิ มองเข้าไปในกระเป๋า มีกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ด้านบน ไม่เห็นเงิน เสี่ยพรมองหน้า อิทธิยิ้ม พูดเบาๆ
“ใต้กระดาษ”
เสี่ยพรเปิดกระดาษขึ้นดู เห็นระเบิดอยู่ใต้กระดาษ มีสัญญาณไปเขียวอยู่จุดหนึ่งพร้อมระเบิด
“พี่เอะอะ ตายหมด”
เสี่ยพรมันไม่กล้าขยับ อิทธิปิดกระเป๋า สะบัดมือ ปรากฏว่ามีกุญแจมือมาคล้องมือเสี่ยพร
เสี่ยพรยกดู ปรากฏว่ามีโซ่ล่ามติดอยู่กับกระเป๋าเงิน ถึงกับตาเหลือก อิทธิยกมือข้างหนึ่งที่ถือรีโมทให้ดู
เท่านั้นเอง พวกมันต่างกระชากปืนออกมา ชาติกระชากปืนออกมาสองกระบอกจ่อไปที่พวกมัน สองฝ่ายต่างถือปืนจ้องกัน
ทันใดนั้นระเบิดดังตูมทางด้านหลังของพวกมัน รถที่ขนยากระจาย ไฟลุกท่วม พวกมันต่างคาดไม่ถึง
“อีกลูกหนึ่งอยู่ในกระเป๋าใบนี้ กดกริ๊กเดียวตายกันหมด”
อิทธิพูดขึ้น ลูกน้องต่างขยับตัว เริ่มรวน
“ข้าต้องการเสี่ยพรคนเดียว ที่เหลือทิ้งปืนแล้วรีบไปซะ”
“พวกเอ็ง”
ก่อนที่เสี่ยพรจะพูดจบ ลูกน้องพากันทิ้งปืน แล้วถอยกระจายไปหมด อิทธิเดินเข้ามาตบใหล่เสี่ยพร
“ติดคุกสบายจุงเบย”
อิทธิลากเสี่ยพรออกไป
อัศวิน กับ รัตนากร มาที่ห้องปฏิบัติการของหน่วยพิเศษ ตรวจอาวุธเครื่องมือของตนอยู่
“ยายกาญเป็นยังไงบ้างคะ”
“กำลังเร่งหาปริศนาเปิดกระบอกแผนที่อยู่ แต่พี่ยังไม่ได้บอกนะว่าพี่เจอกับรัตน์ เดี๋ยวจะคิดมาก
ยิ่งโกรธรัตน์อีก”
“ดีแล้วค่ะ ตกลงพวกที่สนใจเรื่องเนตรนาคราชมีใครมั่งคะ”
“ตอนนี้ มีอยู่สามกลุ่ม คือกลุ่มเฮนรี่ กลุ่มพวกมังกรทอง อีกกลุ่มหนึ่งพี่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร พี่จ๊ะเอ๋กับพวกมันตอนบุกไปที่บ้านของเฮนรี่”
“พวกมันรู้มั้ยคะว่าแผนที่ตอนนี้อยู่ที่ยัยกาญ”
“พวกมันต้องเดาออก พี่จัดคนคุ้มกันยายกาญไว้แล้วยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ถ้ารัตน์อยู่บ้านพี่ก็จะอุ่นใจมาก”
“เอาล่ะค่ะ ให้รัตน์เคลียร์เรื่องกับทางหน่วยสักวันสองวันก่อน แล้วรัตน์จะกลับไปอยู่บ้าน”
“ดีมาก”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
กาญจนาทำงานอยู่ในห้อง เสียงเคาะประตู วีรกิจเดินเข้ามา
“ทำไมมาได้คะวันนี้”
“ลูกค้าเลื่อนกำหนดการ ผมก็เลยรีบมาหาคุณเลย คิดถึงจัง”
“กาญยังติดงานอยู่อีกนิด รอหน่อยได้มั้ยคะ”
“มีอะไรสำคัญมากเหรอครับ”
“กำลังตรวจข้อมูลสิ่งของสำคัญอีกชิ้นหนึ่งค่ะ”
“ได้ วันนี้ผมจะมารับคุณไปทานข้าวกลางวัน”
“คุณวีรกิจก็ทราบว่าตอนนี้ กาญไม่ควรไปไหน”
“อะไรกันนักหนาครับ แค่แผนที่ของโบราณ ไร้สาระ จะมีคนแย่งกันถึงขนาดนั้น”
“คุณวีรกิจ คุณพ่อกาญเสียชีวิตเพราะเรื่องไร้สาระ นี่เหรอคะ”
“ผมไม่ได้หมายความว่ายังงั้น ก็แค่ออกไปทานข้าว คงไม่เป็นอะไรหรอกครับ ก็คุณไม่ได้ถือแผนที่ไปด้วยนี่”
“ก็ได้ค่ะ ขอเวลาหน่อยนะคะ”
วีรกิจลงนั่งบนโซฟา หงุดหงิด กาญจนาไม่สนใจ ตรวจดูข้อมูลหน้าจอต่อไป
อ่านต่อตอนที่ 3