เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 14
ทางด้านแสงคำยังคงนอนเหยียดยาว สลบไสล ไม่ได้สติอยู่ป่า
ส่วนเนื้อนางที่หน้าจ่อกับหน้าแขไข ครางออกมาน้ำเสียงสั่นด้วยความกลัว
“คุณ..แขไข”
ใบหน้าแขไข ซีดเซียวไม่มีสีสันของเครื่องสำอาง ผมยาวสยาย แววตาจ้องเขม็งมาที่เนื้อนางไม่วางตา
เนื้อนางกำลังจะลุก แขไขขยับพรวดบีบคอเนื้อนางเต็มแรง
เนื้อนางดิ้นรน “คุณแขไข อย่า”
แววตาแขไขไม่รับรู้คำร้องขอชีวิตของเนื้อนาง
ภาพความทรงจำอันขาดวิ่นของแขไข ในค่ำคืนที่ถูกบุญลือบีบคอผุดซ้อนขึ้นมา แขไขดิ้นรน มองเห็นแต่แววตาเหี้ยมเกรียมของบุญลือ เช่นเดียวกันกับที่เนื้อนางดิ้นรนอยู่ในยามนี้
“คุณแข...ไข ปล่อย”
แขไขได้ยินเสียงอ้อนวอนเหมือนเสียงกระตุ้น ยิ่งเพิ่มแรงกดลงไป เนื้อนางดิ้นรนอย่างคนที่กำลังขาดอากาศหายใจ
ฝ่ายบุญลือกับปิง สองคนเดินเร็วรี่มุ่งหน้าไปที่เรือนเนื้อนาง
แขไขกดคอ จนเนื้อนางเริ่มหายใจไม่ออก เสียงกระท่อนกระแท่น
“อย่า...อย่าทำ...เนื้อ...นาง”
มือเนื้อนางควานคว้าพยายามหยิบมีดพกข้างตัว แต่แขไขกดคอแรง พอเนื้อนางกำมีดได้ แต่แขไขขย้ำคอกดแรงมากขึ้น
เนื้อนางหมดแรง มีดที่กำลังจะยกขึ้น หล่นร่วงจากมือ แขไขมองจ้องเนื้อนางบีบแรงขึ้น
เนื้อนางดิ้นเฮือก รวบรวมกำลังเอามือจับแขนแขไขที่กดคออยู่ แขไขถูกเนื้อนางแตะตัว แววตาวาบความโกรธเกลียดรุนแรงแล่นเป็นริ้วๆ ขึ้นมา จับหัวเนื้อนางกระแทกลงพื้นโดยไม่ปรานีปราศรัย
เนื้อนางถึงกับหมดสติไปทันที
แขไขมองจ้อง เห็นเนื้อน่างแน่นิ่งไป จึงปล่อยมือออกจากคอ หยิบมีดขึ้นมาถือไว้ มองร่างเนื้อนางด้วยสายตากระด้าง
บุญลือวิ่งมา มองเห็นเรือนอยู่ตรงหน้าแล้ว บุญลือกระโจนขึ้นบันไดเรือน ปิงตามหลังไปติดๆ
จังหวะนี้แขไขกำลังยกมีด พร้อมจะจ้วงแทงร่างตรงหน้า
บุญลือถลันเข้ามาในเรือนปิงตามมาด้านหลัง มองเห็นภาพตรงหน้าก็ชะงักทันที ร่างแขไขหันขวับมาทางบุญลือช้าๆ บุญลือตกใจ เบิกตาค้าง
“แข...ไข”
แขไขลุกขึ้น ตัวแข็งทื่อ ถือมีดมั่นในมือ บุญลือขาสั่นด้วยความกลัว
“แกตายไปแล้ว...ฉันฆ่าแกกับมือ”
แขไขกำมีดขยับเพียงก้าวสั้นๆ บุญลือตกใจ แหกปากร้องด้วยกลัว
“ผี”
ปิงถอยหนี และวิ่งนำไปก่อนแล้ว บุญลือหมุนตัวกลับหลังวิ่งหนีทันที แขไขมองจ้อง แล้วเคลื่อนตัวตามออกไป
ปิงกระโดดลงบันได พรวดเดียวถึงพื้น แล้ววิ่งหน้าตั้งไปทางชายป่า บุญลือถอยมาที่บันได แขไขก้าวออกมา คลี่ยิ้มช้าๆ อันน่าสะพรึงกลัวออกมา บุญลือหันไปเห็นก็ตกใจสุดขีด ถอยหลังสะดุดขาตัวเอง กลิ้งลงจากบันได แขไขหยุดยืนมองลงมา
บุญลือตาเหลือกลาน วิ่งหนีล้มลุกคลุกคลาน กลับเข้าไปทางป่าด้านหลังอย่างไม่คิดชีวิต
ในความมืด เงียบสงัด บรรยากาศวังเวง เห็นร่างแขไขยืนเด่น พร้อมจะกลับมาทวงแค้นทุกคนอีกครั้ง แขไขขยับใบหน้าช้าๆ มองกลับเข้าไปในเรือน
ที่มีเนื้อนางยังสลบไม่ได้สติอยู่ในนั้น
แขไขกำมีดในมือหันกลับมาจากในเรือน แววตาเลื่อนลอยคล้ายไม่รับรู้สิ่งใด ตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง แขไขมองไปทางชายป่าที่ออกมา แล้วเคลื่อนตัวลงบันไดไปช้าๆ
แขไขลงจากเรือนมา เดินกลับไปทางชายป่า ร่างแขไขหายลับไปในความมืด
เช้าวันใหม่ แสงคำที่นอนสลบอยู่เริ่มขยับ รู้สึกตัว ลุกขึ้นยืนสะบัดหัวไล่ความมึน แล้วนึกสังหรณ์ใจวาบ
“เนื้อนาง”
แสงคำโลดแล่น กลับไปทางเรือนเนื้อนางทันที
คำฝาย กับ ม่อนดอยที่ตกรถตั้งแต่เมื่อคืน กำลังหอบหิ้วของกลับมาจากในเมือง
“เนื้อนาง พี่กลับมาแล้ว”
คำฝายกำลังขึ้นบันได เห็นแสงคำวิ่งออกมาจากชายป่า ตะโกนลั่นมา
“เนื้อนาง”
คำฝายกับม่อนดอย ชะงัก หันมามองฉงน แสงคำรีบบอกหน้าตื่น
“เมื่อคืนผีแขไขออกมา ฉันถูกมันตีสลบอยู่ในป่า”
คำฝายทิ้งของในมือที่ระเบียงทันที วิ่งพรวดเข้าไปในเรือน ม่อนดอย กับแสงคำวิ่งตามเข้าไป
เนื้อนางนอนสลบ ไม่ได้สติ คำฝายพุ่งเข้ามาเขย่าเรียกสติเนื้อนาง แสงคำ กับม่อนดอยเข้ามามองเป็นห่วง
“เนื้อนาง เนื้อนาง” คำฝายโมโหตัวเอง “มันอะไรกัน ฉันไม่อยู่ทีไร เนื้อนางมีแต่เรื่องทุกที พ่ออุ๊ยหมื่นหล้าฝากเนื้อนางไว้กับฉันแท้ๆ”
เนื้อนางค่อยๆ ได้สติ ฟื้นขึ้นมา ทุกคนมองเบาใจไปเปลาะหนึ่ง
คำฝายประคองเนื้อนางมานั่งพะก เนื้อนางเอามือแตะที่คอ คำฝายมองตามมือเนื้อนางแล้วสะดุ้ง
“คอ...คอตั๋ว”
แสงคำ และม่อนดอยรีบเข้ามาใกล้ สามคนมองเห็นจ้ำเขียวเป็นรอยมือที่คอเนื้อนาง
“เนื้อนางโดนบีบคอ...แขไข”
ม่อนดอยบอก “ผีแขไขนี่มันร้ายจริงๆ ตีไอ้แสงคำแล้วยังตามมาบีบคอเนื้อนาง”
เนื้อนางมองสามคน โพล่งขึ้น “ไม่ใช่ผีแขไขอย่างคราวก่อน”
ทุกคนมองเนื้อนาง
“คราวนี้หน้าตาเหมือนคุณแขไขจริงๆ”
สีหน้าแสงคำตกใจมากกว่าทุกคน
คำฝายประหลาดใจ “หน้าตาเหมือนแขไข เนื้อนาง ตั๋วแน่ใจนะว่าตาไม่ฝาด”
“เนื้อนางไม่มีวันลืมหน้าคุณแขไข เค้าบีบคอ แล้วก็จะฆ่าเนื้อนาง” เนื้อนางหันไปทางแสงคำ “จริงๆ นะ อ้ายแสงคำ”
แสงคำสีหน้าหนักใจอยู่อย่างนั้น แต่พอเห็นทุกคนมองมา ก็ปฏิเสธเสียงแข็งทันที
“เป็นไปไม่ได้หรอก เนื้อนาง ผีที่เที่ยวหลอกไปทั่ว หน้าตามันไม่ใช่แขไข”
“แต่เนื้อนางเห็นกับตานะ อ้ายแสงคำ ผีหน้าตาเหมือนคุณแขไข แววตาก็ใช่”
ม่อนดอยงง “ตกลงยังไงกันแน่ มีผีแขไขสองตัว”
แสงคำตัดบท “คำฝาย ม่อนดอย ดูเนื้อนางไว้ ฉันต้องไปรายงานพ่อเลี้ยง”
แสงคำรีบลงเรือนไป ม่อนดอยกับคำฝายมองเนื้อนางเห็นสีหน้าไม่สบายใจ
เนื่องเพราะเนื้อนางมั่นใจว่าตัวเองตาไม่ฝาดแน่นอน
ณไตรขับรถเข้าปางมา ผ่านป้ายปางหิมวัตแล้ว แสงคำวิ่งเร็วมาจากด้านในปาง พอณไตรเห็นแสงคำก็หยุดรถทันที แสงคำวิ่งมาข้างรถ
“เมื่อคืนผีแขไขออกมาหลอกเนื้อนางอีกแล้ว”
“เนื้อนางเป็นอะไรหรือเปล่า”
“มีรอยถูกบีบคอ ตอนนี้คำฝายดูอยู่ แต่ที่ผมต้องรีบมาบอกพ่อเลี้ยงก่อน เพราะเนื้อนางยืนยันว่า ผีที่เห็นหน้าตาเหมือนแขไข”
ณไตรตกใจ สบถออกมา “บ้าเอ๊ย! ขึ้นรถมาเลย แสงคำ”
แสงคำโดดขึ้นรถ ณไตรเร่งเครื่องพุ่งรถออกไปทันที
ฝ่ายเนื้อนางเอียงคอให้คำฝายทายา ม่อนดอยที่นั่งอยู่ด้วย หน้าตาสงสัย
“ผีตัวนึงตีหัวไอ้แสงคำ อีกตัวหน้าเหมือนแขไขมาบีบคอเนื้อนาง ตกลงตัวไหนเป็นผีแขไขกันแน่
คำฝายทายาเสร็จมองม่อนดอย”
“จะตัวไหนก็เหอะ ปล่อยไว้ไม่ได้เพราะมันจะเอาชีวิตเนื้อนาง”
“ถ้าเมื่อวานผีคุณแขไขจะฆ่าเนื้อนางจริงๆ เนื้อนางคงตายไปแล้ว”
“ตั๋วสงสัยอะไร”
“ถ้าคนที่บีบคอเนื้อนางเมื่อคืนไม่ใช่ผีแต่เป็นคุณแขไขที่ยังไม่ตาย”
“จะเป็นไปได้ยังไง เนื้อนาง พ่อเลี้ยง ไอ้แสงคำ ไอ้ม่อนดอยก็เห็นกับตา ศพแขไขตายอยู่ที่ก้นเหว” คำฝายไม่เชื่อ
สีหน้าเนื้อนางเต็มไปด้วยความสงสัย
ประตูกระท่อมกลางป่าลึกเปิดออกโดยเร็ว เห็นณไตร กับแสงคำพุ่งเข้ามาด้านใน สองคนมองหา ณไตรมองไม่เห็นใครอยู่ในกระท่อม แสงคำมองไปเห็นมีดวางอยู่ที่พื้น รีบเดินไปหยิบขึ้นมา
“เนื้อนางบอกว่าผีแขไขจะแทง”
“รีบตามตัวให้เจอ”
ณไตรสั่งแล้วพุ่งนำออกไปโดยเร็ว แสงคำถือมีดตามออกไปทันที
ส่วนทางเนื้อนางยืนมองไปนอกหน้าต่าง แล้วหันกลับมา พอจะเดินไปที่ประตู คำฝาย และม่อนดอยพากันขวาง
“เนื้อนางอยากเข้าไปดูในป่า”
“จะไปหาผีแขไขเหรอ” คำฝายถาม
“ใช่ ในป่าต้องมีอะไรที่พ่อเลี้ยงกับอ้ายแสงคำปิดบังอยู่”
“ตั๋วสงสัยพ่อเลี้ยงกับอ้ายแสงคำว่าจะเกี่ยวกับผีแขไข”
“พ่อเลี้ยงกับอ้ายแสงคำพูดไม่ตรงกัน เรื่องที่อ้ายแสงคำหายไปในป่าทุกวัน แล้วอ้ายแสงคำก็ยืนยันกับเราทุกครั้งว่าไม่มีผีแขไข”
คำฝายคิดตาม “แล้วอยู่ๆ ผีหน้าเหมือนแขไขก็โผล่มาเมื่อคืน”
“เอาละ เอาละ สงสัยได้ แต่ยังไงก็ต้องรอพ่อเลี้ยงหรือไอ้แสงคำกลับมาก่อน เพราะถ้าในป่า มีอะไรที่ไม่ใช่ผี คราวนี้เนื้อนางอาจจะไม่โชคดีเหมือนเมื่อคืน”
ม่อนดอยเตือน คำฝายเห็นด้วย หันไปแตะแขนเตือนเนื้อนาง
“ใช่ตั๋ว ใจเย็นๆ ก่อน คนอย่างไอ้แสงคำมันปิดอะไรตั๋วไม่ได้นานหรอก”
เนื้อนางมีสีหน้าเบาใจลงมา เชื่อคำฝายที่เตือนด้วยน้ำเสียงห่วงใย
ฟากณไตร กะแสงคำวิ่งมองหาไปรอบๆ ณไตรมีสีหน้ากังวลมาก สั่งแสงคำ
“แยกกันหาให้เจอ ก่อนที่คนอื่นจะเห็น”
แสงคำแยกกับณไตรไปอีกด้าน โดยณไตรวิ่งลึกเข้าไปด้านใน
แขไขพาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงปากเหว ทอดสายตามองลงไปที่ก้นเหว ภาพเหตุการณ์คืนที่แขไขถูกบุญลือตบตีจนหัวกระแทก ผุดซ้อนขึ้นมา ตามด้วยภาพแขไขถูกบุญลือผลักตกเหว
ในสายตาแขไข มองเห็นทุกอย่างเหวี่ยงวูบไหวขณะที่กลิ้งลงมาตอนยังไม่ตาย
แววตาแขไขรำลึกนึกถึงเหตุการณ์ หลังจากถูกบุญลือผลักตกลงมาในก้นเหว
คืนนั้น เมื่อ 5 ปีก่อน
แขไขในสภาพเนื้อตัวมอมแมม ฟื้นขึ้นมาท่ามกลางความมืด บรรยากาศป่าเงียบสงัด น่ากลัว มองหาทางรอด พยายามคลานขึ้นไป เอามือจิกลงไปในดิน ประคองร่างที่เลือดอาบหัวขึ้นไปทีละน้อย แขไขคว้าเถาวัลย์ พยายามดึงตัวเองปีนขึ้นไป
เสียงนกแสกร้องดังก้องป่า แขไขตกใจปล่อยมือ ตกลงมานอนกองกับพื้น
แลเห็นใบไม้ไหวตามแรงลม เสียงหวีดหวิวฟังดูน่ากลัว
แขไขน้ำตาไหลพราก กลัวสุดชีวิต มองไปรอบๆ พยายามส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย ฉันอยู่ตรงนี้ ช่วยฉันออกไปที”
จู่ๆ ดินก้อนขนาดยักษ์ตกลงมาเฉียดร่างแขไขแค่คืบแขไขสะดุ้ง ถดกายหนี พลางมองไปรอบๆ ทุกทิศทางถูกความมืดห่อคลุม เสียงใบไม้ไหว ประสมเสียงนกแสกร้องดังก้องไปรอบๆ ทำให้ทั่วทั้งบริเวณวังเวง
แขไขกรีดร้อง ความกลัวแล่นเข้าจู่โจมจิตใจ จนสติขาดผึงไปด้วยความหวาดหวั่นที่สุดในชีวิต
แขไขจอมอยู่ในความคิด เท้าเหยียบหมิ่นอยู่ที่ปากเหว เมื่อนึกถึงความหลังอันโหดร้าย เนื้อตัวสั่นเทาเพราะความกลัวที่คอยหลอกหลอนจิตใจ ริมผีปากแห้งของแขไขเอ่ยเสียงแหบพร่าออกมาจากจิตใต้สำนึก นับตั้งแต่วันที่ถูกทำร้าย
“อย่า...ฆ่า...ฉัน”
แขไขพาตัวเองย้อนกลับไปสู่ความทรงจำอันแสนโหดร้ายอีกครา
ในวันถัดมาหลังตกสู่ก้นเหว แขไขพยายามปีนขึ้นมาได้ถึงปากเหว เสื้อผ้าขาดวิ่น เนื้อตัวมีแต่รอยแผลถลอก ทั่วกาย เหลียวมองไปรอบๆ ด้วยความกลัว
แขไขเดินกระเซอะกระเซิงอย่างคนเสียสติ เสื้อผ้าขาดวิ่นมากขึ้น ที่เท้ามีแผลจากโดนกิ่งไม้ทิ่มตำปากแขไขพร่ำพูดแต่คำว่า
“อย่า...ฆ่าฉัน ฉันกลัวแล้ว”
แขไขหลงอยู่ในป่าลึก เหลียวมองไปรอบๆ อย่างหวาดผวา แล้วสุดท้ายคลานไปหาที่ซ่อนตัวในพุ่มไม้ ด้วยความกลัว ปากก็พร่ำพูดอย่างคนไร้สติ
“ฉันกลัวแล้ว...อย่าทำฉัน...อย่าฆ่าฉันเลย”
แขไขยืนหมิ่นอยู่ตรงปากเหว ทวนคำพูดเดิมซ้ำๆ แววตาสั่นระริกด้วยจิตใต้สำนึกแห่งความกลัว
“ฉันกลัวแล้ว อย่าฆ่าฉัน”
เมื่อนึกถึงภาพตอนถูกบุญลือผลักตกเหวขึ้นมาอีก แขไขตัวสั่นกลัวจับจิต ร่างแขไขโงนเงนจะร่วงลงเหวลึกอยู่แล้ว
“ฉันเจ็บ ฉันกลัว อย่า อย่าทำฉันเลย”
จังหวะที่เท้าแขไขกำลังจะร่วงไปนั้น ณไตรพุ่งพรวดเข้ามารวบร่างแขไขไว้แน่น ตวัดดึงออกห่างปากเหว แขไขกรีดร้องทันที
“ปล่อย...อย่า...ฆ่าฉัน”
ณไตรพยายามดึงแขไขที่ดิ้นรนสุดกำลัง
“แขไข นี่ผมเอง ณไตร...แขไข มองผม”
แขไขมองณไตร แต่จำไม่ได้ ทั้งดิ้น ทั้งร้องด้วยความกลัวปนตกใจ
“ปล่อยฉัน แกจะฆ่าฉัน”
“แขไข ใจเย็นๆ ผมไม่ทำอะไรคุณ ผมมาช่วยคุณ”
ณไตรพยายามรวบร่างแขไขทั้งตัวไว้เต็มแรง
แสงคำที่ได้ยินเสียงแขไข รีบวิ่งมาจากอีกทาง มองเห็นณไตรกำลังลากแขไขแต่อีกฝ่ายดิ้นหนี
“แขไข อย่าดิ้น”
แสงคำรีบบอกแขไข แขไขเหลียวมามองหน้าแสงคำที่เดินเข้าหาอย่างคุ้นเคย
“ผมมารับกลับบ้าน”
แขไขเอามือลูบหน้าแสงคำ ณไตรมองแขไขที่สงบลงแล้ว
“กลับไปกินข้าว ให้ผมป้อนข้าวคุณไง”
“กลับบ้าน”
แขไขทวนคำ และ พยักหน้ากับแสงคำอย่างคุ้นเคยกัน แสงคำมองสบตาณไตร แล้วเดินนำไป ประคองแขไขให้เดินตามอย่างว่าง่าย
ณไตรเดินรั้งท้าย ระวังไม่ให้แขไขหนีไปอีก
ที่บ้านหิมวัต แม่นายศรีวัลลากับจันตาเดินเร็วรี่จะออกไปขึ้นรถที่เตรียมไว้
“ที่ฉันสั่งแกทำเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
“เรียบร้อยค่ะ แม่นาย ตำรวจจะไปรอแม่นายที่ปาง”
อรองค์เดินมาทางด้านหลัง เห็นแม่นายกับจันตากำลังจะออกไป ก็รีบเอ่ยถาม
“ขออรไปด้วยคนได้มั้ยคะ”
แม่นาย กับจันตาหันมามอง
“เธอรู้เหรอว่าแม่นายจะไปไหน”
“อรเห็นคุณณไตรออกไปตั้งแต่เช้ามืด แม่นายเองก็คงจะไปที่ปางเหมือนกัน”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ” ศรีวัลลาบอกเสียงห้วน
“อรทราบค่ะ แต่อรเป็นห่วงแม่นาย”
แม่นายกับจันตามองอรองค์นิ่งๆ
“ที่ปางมีแต่พวกของเนื้อนาง อรกลัวว่าถ้าพวกเค้าคิดจะปกป้องเนื้อนาง แล้วทำอะไรรุนแรงขึ้นมา”
อรองค์ทิ้งท้าย แม่นายนิ่งคิดตริตรอง มองอรองค์ที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ตรงหน้า อย่างชั่งใจ
ฝ่ายเนื้อนางนั่งไม่ติด ลุกขึ้นเดินกระวนกระวาย
“พ่อเลี้ยงกับอ้ายแสงคำหายไปนานแล้วนะ”
คำฝาย กับม่อนดอยมองกันสีหน้าไม่สบายใจทั้งคู่
“ให้ไอ้ม่อนดอยตามไปดูดีกว่าเนื้อนาง”
“ฉันไปเอง”
เนื้อนางฮึดฮัด ขัดใจ “ทำไมต้องคอยห้าม ป่านี้เนื้อนางอยู่มาตั้งแต่เกิด”
“แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้วนะ เนื้อนาง”
คำฝายเสียงเข้มมองเนื้อนางเขม็ง
“แขไขตายในป่านั่น แล้วก็ยังมีผีที่มันโผล่มาจองเวรตั๋ว ตั๋วเกือบตายมากี่ครั้งแล้ว ถ้าตั๋วดื้อจะไป ไม่สนใจความเป็นห่วงของพี่ ก็ขอให้นึกถึงพ่ออุ๊ยหมื่นหล้า พ่ออุ๊ยให้พี่ปกป้องตั๋ว ถ้าพี่ทำไม่ได้ พ่ออุ๊ยที่อยู่ในสวรรค์จะเสียใจสักแค่ไหน”
เนื้อนางเห็นแววตาจริงจัง น้ำเสียงห่วงใยของคำฝาย ก็จำใจหยุดรอ
แสงคำเดินนำแขไขเข้ามาในกระท่อม พาแขไขไปนั่งที่แคร่เตี้ยๆ ในนั้น ณไตรตามหลังมาปิดประตูลง แสงคำสบตาณไตร ให้ณไตรเข้ามาใกล้แขไข
“แขไข เมื่อคืนคุณออกไปหาเนื้อนางมาใช่มั้ยครับ”
แววตาแขไขเลื่อนลอย ไม่รับรู้ใดๆ ณไตรพยายามถามซ้ำกระตุ้นความจำแขไข
“คุณไปเจอเนื้อนางมาแล้ว”
แสงคำเดินเข้าไปด้านใน เปิดตู้เล็กๆ หยิบโซ่กับกุญแจที่ซ่อนไว้ออกมา ณไตรเหลือบมองเห็นแสงคำเอาโซ่กับกุญแจเข้ามาเงียบๆ ไม่ให้แขไขรู้ตัว
ส่วนแขไขมองไปไกล ทวนคำของณไตร
“เนื้อ...นาง”
แสงคำส่งโซ่ให้ณไตร ณไตรเอาโซ่ล่ามขาแขไขอย่างเบามือ แต่แขไขหันขวับมาเห็น ก็ดิ้นหนีทันที แสงคำรีบจับร่างแขไขไว้
“ผมขอโทษที่ต้องทำอย่างนี้กับคุณ คุณดูแลตัวเองไม่ได้ ถ้าคุณออกจากกระท่อมหลังนี้ คุณจะเป็นอันตราย”
แขไขมองโซ่ที่ณไตรล่ามตัวเอง แล้วเริ่มเกร็งร่างด้วยความกลัว
“พวกแกจะฆ่าฉัน”
“ไม่ได้ฆ่า แขไข เรากำลังช่วยคุณ”
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ”
แขไขทั้งดิ้นทั้งร้อง แสงคำรวบร่างรัดไว้แน่นกลัวแขไขดิ้นหลุด ให้ณไตรรีบใส่โซ่แล้วล็อคกุญแจที่ขา
“ปล่อยฉัน”
แขไขกรีดร้องสุดเสียงแล้วหมดสติ คอพับไป
ณไตรรีบอุ้มร่างแขไขมาวางลงบนเตียงนอน แสงคำเอาปลายโซ่อีกด้านล็อกไว้กับขาเตียงไม้
สองหนุ่มถอยห่างเตียง มองไปยังร่างแขไขด้วยแววตาสงสาร สภาพแขไขถูกล่ามโซ่ที่ขานอนหมดสติบนเตียงน่าเวทนา
อ่านต่อหน้า 2
เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 14 (ต่อ)
ภายหลังจากณไตรเดินออกมาหน้ากระท่อมกับแสงคำไม่นานนัก เขาเอ่ยสั่งขึ้น
“นายรีบไปรับหมอ แล้วพามาที่นี่เลย ฉันไปดูเนื้อนางก่อน แล้วจะรีบกลับมาดูแขไข”
พอณไตรก้าวยาวๆ ออกไป แสงคำมองกลับไปในกระท่อม ด้วยสายตาเป็นห่วงแขไข แล้วรีบเดินตามออกไป
ฝ่ายเนื้อนางสีหน้าร้อนใจไม่หาย เหลียวมองไป เห็นคำฝายกำลังชี้ให้ม่อนดอยดูที่หลังคาเรือน
“ตรงนี้ มันมีรูนะ”
“เออ เดี๋ยวฉันมาซ่อมให้”
เนื้อนางอาศัยจังหวะที่ม่อนดอย กับ คำฝายเผลอ ลุกพรวด พุ่งออกประตูไปเงียบๆ
“เนื้อนาง”
คำฝาย ม่อนดอยหันมามอง ตกใจ รีบตามออกไปทันที
เนื้อนางก้าวออกมาหน้าระเบียง สายตามองไปด้านหน้าเรือน เห็นศรีวัลลายืนอยู่ที่หน้าเรือน มีจันตา อรองค์ยืนอยู่ข้างๆ โดยมีตำรวจสองคน ยืนอยู่ด้านหลัง
แม่นายกับเนื้อนางจ้องหน้ากัน คำฝาย และม่อนดอยตามหลังมาชะงัก
“คนไหนชื่อเนื้อนางครับ”
ตำรวจถามขึ้น คำฝาย กับ เนื้อนางตกใจมากที่เห็นตำรวจ
จันตาชี้บอกทันที “นังคนนั้นค่ะ เนื้อนาง มันฆ่าคุณแขไข จับมันเลยค่ะ”
เนื้อนาง คำฝาย ม่อนดอยลงจากระเบียงมาเผชิญหน้ากับกลุ่มแม่นาย
คำฝายบอกออกไปว่า “จับไม่ได้ เนื้อนางไม่ได้ฆ่าแขไข”
“ไม่ได้ฆ่า แล้วแกหนีหายหัวไปตั้ง 4-5 ปี ทำไม พวกแกมันกลัวความผิด แต่วันนี้แกหนีไม่รอดแล้ว” ศรีวัลลาจ้องเนื้อนางอย่างชิงชัง
อรองค์มองจ้องเนื้อนาง เห็นแต่แววตาเชื่อมั่นในดวงหน้าสวย และตอบโต้แม่นายทันที
“เนื้อนางกับพี่คำฝายจะไม่หนีอีก พาตำรวจมาก็ดี เนื้อนางอยากให้ตำรวจสอบสวนเรื่องคุณแขไข”
ศรีวัลลาฉุนกึก “แกไม่ต้องท้า ฉันลากแกไปตายในคุกแน่ๆ”
“ข้อหาอะไรหรือคะ แม่นาย เนื้อนางไม่ใช่ฆาตกร” เนื้อนางหันไปบอกตำรวจ “คืนนั้นเนื้อนางก็ถูกทำร้ายจนเกือบตายอยู่ที่ปางนี้”
“มันโกหก มันวางแผนทุกอย่าง ฆ่าแขไข แล้วเป็นชู้กับลูกชายชั้น” ศรีวัลลาหันไปบอกตำรวจ “จับมันไปสิ ขังมันให้ตายคุก ให้สมกับที่มันเอาชีวิตแขไข”
แม่นายจ้องเนื้อนางด้วยสายตาอาฆาต เนื้อนางมองตอบโต้อย่างไม่กลัวเกรง
ด้านแขไขที่นอนสลบอยู่ เริ่มรู้สึกตัวลืมตาเบิกโพลง ลุกพรวดขึ้นนั่ง ทวนคำที่ได้ยินก่อนสลบไป
“เนื้อ...นาง...”
แขไขตกใจในภวังค์ความคิดขาดๆวิ่นๆของตัวเอง ลุกพรวดลงจากเตียงจะวิ่งหนี แต่ติดโซ่ล่ามขาไว้กับ
เตียงกระชากรั้งตัวไว้ แขไขสะดุดล้มลงกับพื้น หันมาพยายามดึงขาตัวเองออก
“แกจะฆ่าฉัน ฉันไม่อยู่แล้ว ฉันต้องหนี ปล่อย...”
แขไขดึงขาตัวเอง โดยไม่สนความเจ็บปวด คิดแต่เพียงจะหนีออกไป ข้อเท้าแขไขกำลังครูดกับโซ่ จนเลือดไหลซิบๆ
แขไขพร่ำพูดซ้ำๆ หมอบลงกับพื้น คุดคู้ร่างยกมือท่วมหัวขอชีวิต
“ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันเจ็บ ฉันกลัวแล้ว อย่าฆ่าฉันเลย”
บรรยากาศหน้าเรือนเนื้อนางตึงเครียดถึงขีดสุดแล้ว เนื้อนางกำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มแม่นาย
“คุณกล่าวหา ว่าเนื้อนางเป็นคนฆ่า ทั้งๆ ที่เนื้อนางถูกตีหัวจนสลบ แล้วก็ถูกพามาอยู่ในเรือนนี้ ไม่ได้หนีไปไหน แถมยังถูกทำให้เข้าใจผิดว่า นอนกับคุณธรรพ์”
“ไม่ต้องไปฟังนังคนนี้ มันมารยาเก่งเหมือนแม่”
ศรีวัลลาลามปามหยามหยันไปถึงแม่จันทร์เป็ง เนื้อนางโกรธมาก
“คุณว่าแม่เนื้อนางทำไม เนื้อนางทำให้คุณเสียใจคนเดียว ไม่เกี่ยวกับแม่เนื้อนางเลยสักนิด”
คำฝายสุดทนด่าออกไป “คนมันพาลไงล่ะเนื้อนาง เป็นผู้ใหญ่ซะเปล่า ไม่ทำความดีแล้วยังปากหาเรื่อง เก่งแต่ด่าพ่อแม่คนอื่น”
จันตาโกรธแทนนาย “อีคำฝาย แกอยากตายในคุกพร้อมเนื้อนางมันใช่มั้ย”
“เออสิวะ ใครทำเนื้อนาง อีคำฝายมันก็เจ็บเหมือนกัน”
ตำรวจรีบเข้ามาขวางทั้งสองฝ่ายไว้ ตำรวจอีกคนเอากุญแจมือออกมา หันไปทางเนื้อนาง
“เราขอควบคุมตัวคุณไปสอบสวนก่อนครับ”
คำฝายไม่ยอมถลามาขวาง “ไม่ได้ เนื้อนางไม่ได้ฆ่าใคร”
ม่อนดอยที่ตกใจ บอกออกมาเป็นคำแรก “จริงๆ นะครับ คุณตำรวจ เนื้อนางไม่ได้ฆ่าแขไข ผมเป็นพยานได้”
“ไอ้พยานนั่นแหละค่ะ ตัวดี สมรู้ร่วมคิด จับไปให้หมดเลยค่ะ ยังมีไอ้แสงคำอีกคน” จันตาสั่ง
“ทนไม่ไหวแล้วโว๊ย”
คำฝายโมโหเข้าไปผลักจันตาเต็มแรง จันตาล้มก้นจ้ำเบ้า อรองค์รีบห้ามเพราะกลัวเหตุการณ์บานปลาย
“คำฝาย อย่านะ อย่า...”
อรองค์เข้ามาขวางคำฝาย ถูกคำฝายเหวี่ยงล้มลงไปอีกคน
“มา ใครจะจับเนื้อนาง มาข้ามศพอีคำฝายไปก่อน”
ม่อนดอยตกใจเข้าไปช่วยอรองค์ขึ้นมา ตำรวจเข้ามาดึงจับตัวคำฝายที่กำลังอาละวาดไว้ ตำรวจอีกคนรีบเข้าคว้าข้อมือเนื้อนาง กำลังจะสับกุญแจมือ เนื้อนางหน้าเสีย
“จับมันเข้าคุกไปเลย” ศรีวัลลาบอกอีก
“หยุดนะ ใครก็จับเนื้อนางไม่ได้”
ทุกคนหันไปเห็นณไตรวิ่งตรงเข้ามา
คำฝายสะบัดตัวออกห่างตำรวจ ม่อนดอยรีบเข้าไปดึงคำฝายห่างพวกแม่นาย ณไตรเข้ามาดึงเนื้อนางออกห่างตำรวจ
ศรีวัลลาโกรธสุดขีดแผดเสียงใส่ “หยุดปกป้องนังเมียชั่วช้าของแกสักที”
ณไตรเหลียวขวับมองแม่นายด้วยสายตาวาววับ นัยน์ตาแข็งกร้าวราวกับมีเปลวไฟในนั้น
“แม่นายตัดสินเนื้อนางด้วยความเกลียด ไม่เคยให้ความยุติธรรมทั้งๆ ที่เนื้อนางไม่เคยด่าว่าแม่นายสักครั้ง”
อรองค์เหมือนจะหวังดี “คุณณไตรคะ แม่นายหวังดี อยากให้ตำรวจมาสอบสวนเรื่องนี้”
ณไตรตวาด “เงียบ ครูอรองค์ นี่มันเรื่องในครอบครัวผม ถ้าคุณยังยุ่ง วุ่นวายไม่เลิก ผมจะไล่คุณออก แล้วส่งกลับกรุงเทพฯ วันนี้”
นางสาวอรองค์ ดิลกโชติ อึ้ง เงียบไปในทันที แม่นายยิ่งโมโห
“แกพาลคนอื่นเพื่อช่วยนังฆาตกรคนเดียว”
“ผมไม่ได้ช่วยฆาตกร เพราะไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่บอกว่าเนื้อนางฆ่าแขไข ไม่มีอาวุธ ไม่มีพยาน เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่เมื่อ 5 ปีก่อน ทุกคนตรงนี้ ไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์เลยแม้แต่คนเดียว”
ณไตรหันไปทางตำรวจ
“แค่คำพูดปรักปรำว่าเนื้อนางฆ่าแขไข มันไม่ใช่หลักฐานที่จะตัดสินความผิด เอาคนเข้าคุกได้”
ตำรวจฟังแล้วก็นิ่งเงียบไป เพราะจริงเป็นอย่างที่ณไตรพูด แต่จันตายังไม่ยอม
“เราก็เห็นศพคุณแขไขที่ก้นเหว”
“แล้วเราเห็นตอนเนื้อนางฆ่าแขไขหรือเปล่า ฆ่ายังไง ใครเห็นบ้าง เธอเหรอ จันตา”
ณไตรย้อนถาม กราดสายตามองทางกลุ่มศรีวัลลา จันตา และอรองค์
“ความเกลียด ความเคียดแค้นของแม่นายทำลายชีวิตแขไขไปคนนึงแล้ว ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกกับเนื้อนาง”
แม่นายโกรธจัด ตบหน้าณไตรดังฉาด ทุกคนตกตะลึง ณไตรยืนนิ่ง เนื้อนางมองสงสารพ่อเลี้ยง
“ถ้าแกปกป้องมัน ต่อไปนี้อย่ามาเรียกฉันว่าแม่”
ศรีวัลลามองเข่นเขี้ยวเจ็บใจลูกชาย แล้วตวัดสายตาไปทางเนื้อนาง
“แก...นังผู้หญิงชั้นต่ำ สายเลือดแพศยา อย่าหวังเลยว่าชีวิตที่เหลือของแกจะมีความสุข”
ประมุขหิมวัตสะบัดหน้าหันหลังเดินออกไป จันตามองแค้นคำฝาย คำฝายกำหมัดจ้อง จันตารีบโกยแนบตามแม่นายไป
อรองค์มองจ้องเนื้อนาง ณไตรตวัดสายตามองอรองค์ จนอรองค์จำต้องเดินกลับไปกับแม่นาย
ณไตรมองไปที่ตำรวจ
“เนื้อนางจะไม่หนีไปไหน ถ้าคุณจะสอบปากคำ ก็มาที่นี่ได้ตลอดเวลา”
ตำรวจพยักหน้าขอบคุณ แล้วพากันเดินออกไป
เนื้อนางขยับเข้ามาใกล้แตะแขนณไตร มองด้วยความสงสาร ณไตรมองสบตาเนื้อนางสีหน้าเศร้า หนักใจที่เรื่องร้ายๆกำลังจะเกิดขึ้นกับเนื้อนางไม่รู้สิ้น
ศรีวัลลาก้าวยาวเดินเร็วรี่มา ผ่านหน้าโรงเรียนในปาง มีจันตา และอรองค์ตามหลัง
“เราจะยอมแพ้มันง่ายๆ เหรอคะ แม่นาย มันจะยิ่งได้ใจที่มีพ่อเลี้ยงเข้าข้างลองแบบนี้ พ่อเลี้ยงคงไม่ยอมกลับไปบ้านหิมวัตอีก”
คำพูดบ่าวคู่ใจ มีอำนาจพอจะทำให้แม่นายหยุดเดิน ใช้ความคิด จันตา อรองค์หยุดมอง
“ที่นี่มีผีแขไขใช่มั้ย”
“เจ้า เค้าว่าเฮี้ยนขนาด”
จันตาหันไปทางอรองค์ที่เคยเล่าเรื่องผีแขไขเหมือนขอเสียงสนับสนุน
“คราวก่อนผีแขไขเข้ามาทำร้ายเนื้อนางแต่พ่อเลี้ยงมาช่วยไว้ทัน”
“ในเมื่อตำรวจยังเอามันเข้าคุกไม่ได้ เนื้อนางมันก็สมควรจะตายเพราะผีแขไข”
ศรีวัลลาเหยียดยิ้มร้ายกาจออกมา ขนาดจันตายังมองด้วยความหวาดหวั่น อรองค์มองอย่างสงสัย ว่าแม่นายจะทำอะไรต่อ
เนื้อนางมองณไตรที่ยืนอยู่แล้วพูดขึ้น
“เมื่อวานเนื้อนางเจอผีหน้าเหมือนคุณแขไข”
ณไตรหันมามอง คำฝาย กับม่อนดอยก็มองณไตรเป็นตาเดียว
“อ้ายแสงคำบอกว่าจะไปรายงานพ่อเลี้ยงเรื่องนี้ แล้วก็หายไปเลย”
“แสงคำมารายงานผม แต่เผอิญมีงานด่วน ผมใช้เค้าลงไปติดต่องานในเมือง”
เนื้อนางมองสงสัยณไตรที่ตอบอย่างไม่มีพิรุธ แต่คำฝายถามเรื่องผีขึ้นต่อทันที
“ช่างเรื่องไอ้แสงคำมันก่อน พ่อเลี้ยง ถ้าผีหน้าเหมือนแขไขมันจะฆ่าเนื้อนางอีก”
ณไตรเอ่ยขึ้น “มันไม่มาแล้ว”
ม่อนดอยสงสัย “จะแน่ใจได้ยังไง”
“ฉันกับแสงคำวางแผนจับมัน จะไม่มีผีแขไขที่ไหนมาทำร้ายเนื้อนางอีก”
ณไตรมองเนื้อนาง แววตาเนื้อนางสงสัยคำพูดของณไตรที่ยืนยันหนักแน่น
“ม่อนดอย ดูเนื้อนางกับคำฝายไว้ อย่าให้ใครเข้าใกล้ ฉันจะไปที่เรือนสำนักงาน”
ณไตรมองไปทางเนื้อนางอีกที เหมือนตั้งใจบอกให้รู้
“มีเอกสารต้องส่งป่าไม้จังหวัด ผมต้องจัดการให้เสร็จวันนี้”
ณไตรสั่งแล้วเดินออกไป เนื้อนางมองตาม สายตาเต็มไปด้วยคำถามที่ค้างในใจ คำฝายมองสีหน้าเนื้อนางแล้วถามขึ้น
“ตั๋วสงสัยพ่อเลี้ยง”
“เห็นหรือเปล่าว่าเมื่อกี้พ่อเลี้ยงออกมาจากทางในป่า”
คำฝายกับม่อนดอยพยักหน้ากัน
“ถ้าเค้าเพิ่งมา เค้าต้องมาจากทางหน้าปาง ไม่ใช่ออกมาจากทางนั้น”
เนื้อนางหันไปมองทางป่า สงสัยครามครัน
ฟากแขไขกำลังดิ้นรน มีแสงคำจับไว้ หมอเทพทัตกำลังฉีดยาระงับประสาทให้แขไข
“ไม่ ไม่เอา...อย่าทำฉันเลย”
“ไม่มีอะไร แขไข หมอฉีดยาคุณเหมือนทุกครั้งไง”
หมอเทพทัตดึงเข็มออก แขไขยังดิ้นรนในอ้อมแขนแสงคำ เทพทัตมองแขไขแล้วเอ่ยขึ้น
“เมื่อเดือนก่อน อาการกำลังจะดีขึ้น ทำไมมาคราวนี้ แย่ลง” ทัตเทพแปลกใจ
“แขไขหนีออกไปเจอเนื้อนางมา”
เทพทัตสีหน้าตกใจ แสงคำมองไปที่แขไขที่เริ่มนั่งนิ่ง กลายเป็นซึมเพราะฤทธิ์ยา
เนื้อนางเดินมาหลบมองข้างๆ เรือนสำนักงาน ม่อนดอยตามหลังมาติดๆ เนื้อนางมองไปทั่ว แต่ไม่เห็นณไตร
“พ่อเลี้ยงไม่ได้มาที่เรือนสำนักงาน”
พักเดียวเห็นณไตรถือสมุดบัญชี เดินออกมาในเรือน นั่งลงที่ระเบียง แล้วเปิดอ่านสมุดบัญชี
“นั่นไงพ่อเลี้ยง”
ม่อนดอยเถียงแทนทันที เนื้อนางสีหน้าไม่วางใจ
“เนื้อนางจะรอดูว่าพ่อเลี้ยงไปไหน”
“ไม่ดีหรอก กลับเรือนเถอะ เนื้อนาง”
เนื้อนางประชด “พี่คำฝายเฝ้าอยู่แล้ว เรือนไม่หายไปไหนหรอก”
“แต่ถ้าพ่อเลี้ยงรู้ว่าเนื้อนางแอบตามมาจับผิด พ่อเลี้ยงจะเสียใจมากนะ เนื้อนาง”
ม่อนดอยเตือนด้วยหวังดี เนื้อนางฟังแล้วต้องยอม ถอยกลับไป
ณไตรที่กำลังก้มหน้าเปิดสมุดบัญชี เงยขึ้นมองช้าๆ เขาเห็น เนื้อนาง และม่อนดอยกำลังเดินห่างไป
ณไตรพอเดาได้แต่แรกว่าเนื้อนางต้องตามมาด้วยความสงสัย เขาปิดสมุดลุกขึ้นมองตามไป
ณไตรรออีกพักแล้วเดินลงจากเรือน เลี้ยวไปอีกทางทันที
เนื้อนางเดินคุยมากับม่อนดอยจนถึงสะพานไม้ข้ามบึง
“พ่อเลี้ยงจะช่วยเนื้อนางจากแม่นายได้อีกกี่ครั้ง วันนี้แม่นายถึงขั้นเอาตำรวจมาจับ” ม่อนดอยปรารภเสียงเศร้า ท่าทีหนักใจแทน
“พ่อเลี้ยงกับเนื้อนางเคยคุยกัน คนที่ฆ่าคุณแขไข แล้วก็ตีเนื้อนางจนสลบ ต้องเป็นคนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องที่ทำลงไป”
“ใครล่ะ แก้วแหวนเงินทอง มันก็ไม่ได้เอาไปสักอย่าง”
“ไม่ใช่แก้วแหวนเงินทองหรอก ม่อนดอย เนื้อนางกับพี่คำฝายบอกแล้วแต่ไม่มีใครเชื่อ ป้าวันดีหลอกพี่คำฝายไปในเมือง แล้วก็หลอกเนื้อนางมาที่ปาง”
“ป้าวันดีเป็นคนหิมวัต จะฆ่าคุณแขไขทำไม” ม่อนดอยนึกหาเหตุผล “ยังมีอีกคน ไอ้บุญลือไงมันหลอกฉันกับไอ้แสงคำไปในเมือง จนไม่ได้อยู่ช่วยเนื้อนาง”
“บุญลือเคยเป็นผู้จัดการที่นี่ ป้าวันดีเป็นคนหิมวัต”
ม่อนดอยคิดตาม “นั่นสิ คิดยังไงสองคนนี้ก็ไม่เกี่ยวกัน”
เนื้อนางเครียด “เนื้อนางก็นึกไม่ออกจริงๆ ป้าวันดีจงรักภักดีกับหิมวัต กับแม่นายมาก ถ้าจะฆ่า ฆ่าเนื้อนางซะคนเดียว ก็สิ้นเรื่องสิ้นราว ทำไมต้องไปฆ่าคุณแขไข แล้วป้าวันดีจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพื่ออะไร”
สีหน้าเนื้อนาง และม่อนดอยต่างครุ่นคิด แต่ยังหาคำตอบไม่เจอ
อีกฟาก ที่เรือนพักผ่อนบ้านหิมวัต วันดียืนสีหน้าครุ่นคิดถึงเรื่องเนื้อนางกลับมาที่ปางอีกครั้ง
“ฉันอุตส่าห์ไว้ชีวิตแกคราวก่อน แกไม่น่ากลับมา รนหาที่ตายเลย เนื้อนาง”
วันดีหันไปทางหนึ่ง มองเห็นแม่นายศรีวัลลากับจันตากำลังเดินเข้ามา สองคนคุยกัน วันดีทำเป็นยืนประสานมือรออย่างสงบเสงี่ยม
“รีบไปจัดการตามที่ฉันสั่ง เอาตัวพวกมันมาให้เร็วที่สุด”
“เจ้า ทีนี้นังเนื้อนางมันลอยหน้าอยู่ไม่ได้แน่ๆ”
แม่นายกับจันตายิ้มกันสองคน แม่นายเดินผ่านวันดีไปอย่างไม่สนใจ จันตาหันมาเยาะใส่วันดี
“ยืนทื่อไปวันๆ ยะการยะงานก็บ่ได้เรื่อง เหอะ แม่นายเปิ้นมีเมตตาจริงๆ ถึงเลี้ยงไว้เอาบุญ”
จันตาเดินสะบัดหน้าออกไป วันดีค่อยๆ เหลือบตามองจันตา แววตาแน่วนิ่ง แฝงความโกรธเจือความอำมหิตในนั้น
อรองค์ที่เดินรั้งท้ายตามมา วันดีหันไปเห็นก็ร้องถามอรองค์ขึ้น
“ตำรวจจับเนื้อนางเข้าคุกแล้วใช่มั้ย”
“ยังค่ะ พ่อเลี้ยงไม่ยอมให้เนื้อนางถูกจับ”
วันดีเผลอ ชักสีหน้าทันที “จะช่วยมันไปถึงไหน เนื้อนางตายในคุกสักคน ที่นี่ก็จะหมดเรื่อง”
อรองค์ชะงัก “ท่าทางป้าวันดีจะไม่ชอบเนื้อนางมากนะคะ”
“คุณเพิ่งมาทีหลัง ไม่รู้หรอกว่าหิมวัตลุกเป็นไฟ ตั้งแต่เนื้อนางก้าวเข้ามา”
“ถ้าเนื้อนางเป็นฆาตกรจริงๆ เค้าไม่ต้องกลับมาที่นี่ก็ได้ แต่เค้ากล้ากลับมา แล้วบอกว่าจะไม่หนี แสดงว่าเค้าเชื่อมั่นว่าตัวเองบริสุทธิ์ แต่มีคนอื่นเป็นฆาตกร” อรองค์บอก
“อย่าทำตัวฉลาดเกินไปครูอรองค์ คุณเพิ่งมา จะรู้อะไร”
วันดีมองอรองค์ด้วยสายตาอันแข็งกระด้าง
“ถ้าคุณอยู่เฉยๆ ไม่สนใจเรื่องนี้อีก ทำหน้าที่ครูของคุณหนูอย่างเดียว ชีวิตคุณก็จะอยู่สุขสบาย ไม่ต้องเดือดร้อน”
วันดีพูดเหมือนคำขู่กลายๆ แล้วเดินออกไป
อรองค์มองตามวันดี แววตาสงสัยในท่าทางและคำพูดไม่เป็นมิตรทุกคำ
ทางด้านณไตร แสงคำ เทพทัต มองแขไขที่กำลังสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยาอยู่บนเตียง แขไขละเมอออกเบาๆ
“เนื้อ...นาง”
ณไตรรีบเข้าไปใกล้ ฟังว่าแขไขจะพูดอะไร แสงคำ และเทพทัตตั้งใจฟังด้วย แขไขพูดเพ้อจับต้นชนปลายไม่ได้
“เค้าจะฆ่าฉัน...อย่าๆ ฉันกลัว กลัว...เนื้อนาง”
สามคนได้ยิน มองหน้ากันตกใจ
“แขไขไม่เคยพูดชื่อเนื้อนางเลย”
“ฉันเพิ่งถามแขไขเรื่องที่ไปเจอเนื้อนาง” ณไตรใช้ความคิด “แขไขอาจจะจำชื่อนี้ แล้วก็พูดปะติดปะต่อเรื่องเข้ากันเอง เหมือนเอาหนังขาดๆมาต่อกัน เป็นไปได้มั้ย ไอ้หมอ”
เทพทัตเห็นด้วย “ใช่...นั่นแหละ”
สีหน้าณไตรยุ่งยากใจ บอกทั้งแสงคำกับเทพทัต
“วันนี้แม่นายเอาตำรวจมาจับเนื้อนาง ถ้าแขไขออกไปเจอทุกคนแล้วพูดแบบเมื่อกี้ เนื้อนางอาจจะติดคุก”
“ทั้งๆ ที่เราก็รู้ว่าเนื้อนางไม่ใช่คนทำร้ายแขไข” แสงคำเครียด
“ใช่ เรารู้ แต่ตำรวจอาจจะไม่คิดอย่างเรา เรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น ทั้งแขไข ทั้งเนื้อนาง ไม่มีใครได้ประโยชน์เลย เนื้อนางถูกหาว่าฆ่าคนตาย หนีหายไปหลายปี แขไขกลายเป็นคนฟั่นเฟือน ถ้าแสงคำไม่ไปเจอ เราอาจจะเสียแขไขไปจริงๆ”
ณไตรมองไปที่แสงคำ
ใบหน้าแสงคำหวนรำลึกนึกถึงเหตุการณ์ 2 ปีก่อนหน้านี้
“วันนั้นผมไปตามช้างที่เตลิดเข้าไปในป่า”
อ่านต่อหน้า 3
เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 14 (ต่อ)
ตอนกลางวัน เมื่อ 2 ปีก่อน
ขณะที่แสงคำถือปืนเดินสำรวจไปรอบๆ ป่า และกำลังก้าวยาวข้ามกิ่งไม้ จู่ๆ มีมือพรวดออกจากพุ่มไม้ด้านล่าง มาจับขาเขาไม้ แสงคำสะดุด หน้าทิ่มพรวดไป พอตั้งหลักยืนได้ ก็หันกลับไปดู เล็งปืนใส่ทันที
แสงคำเห็นมือที่ยื่นออกมา สภาพเล็บดำเขรอะ ผิวมีรอยขีดข่วน เขาค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ มือถือปืนอย่างระวัง
แสงคำแหวกพุ่มไม้ดู มองเห็นร่างขาวซีด ในเสื้อผ้าเก่าโทรมฉีกขาดเกือบทั้งตัว ผมเผ้าสกปรกรกรุงรัง เท้าเปลือยเปล่า เนื้อตัวมีแต่รอยแผลถลอกทั่วกาย
ร่างที่หันหลังอยู่นั้นครางฮือเหมือนคนจับไข้ แสงคำวางปืน แล้วค่อยๆ พลิกร่างตรงหน้ากลับมา พบว่าร่างตรงหน้าผมเผ้าที่ไม่เคยสระหรือหวีปิดบังหน้าตา แสงคำค่อยๆ แหวกผมออก ร่างนั้นยังหนาวสั่น ไม่สนใจแสงคำ
แสงคำแหวกผมปิดหน้าออกจนหมด พอเห็นเต็มตาว่าเป็นใคร ก็อุทานด้วยความตกใจ
“คุณแขไข”
ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น ณไตรยืนอยู่กับเทพทัต บนเรือนสำนักงาน หมอกำลังวางเรียงขวดยาสีชาหลายขวดสำหรับคนงาน
“ขอบใจมากหมอ ยาพวกนี้ คนงานจำเป็นต้องใช้”
แสงคำวิ่งกระหืดกระหอบมา สองหนุ่มหันไปมอง ณไตรจะถาม แสงคำพูดขึ้นก่อน
“มากับผมเดี๋ยวนี้ อย่าเพิ่งถาม มาดูให้เห็นกับตา”
ณไตรพุ่งลงจากเรือน วิ่งตามแสงคำไป เทพทัตวิ่งตามไปอีกคน
แขไขถูกแสงคำใช้เชือกมัดแขน โยงไว้กับเสากระท่อมในป่าลึกหลังปาง กันไม่ให้หนีออกไป และเวลานี้กำลังกรีดร้องอาละวาดลั่น
แสงคำเข้ามาจับตัวไว้ไม่ให้ดิ้นหนี แล้วแกะคลายเชือกออกจากมือแขไข
ณไตรกับหมอเทพทัตก้าวเข้ามา พอณไตรเห็นเป็นแขไข ในสภาพยับเยินก็ตกตะลึง
“แขไข คุณยังไม่ตาย”
แขไขพอเห็นคนอีก 2 คนก็กรีดร้อง ดิ้นด้วยพลังมหาศาล ทั้งกัด ทั้งจิก ข่วนเข้าไปที่หน้าแสงคำจนหลุดมือไปได้ ตั้งท่าวิ่งหนีออกจากกระท่อม ณไตรพุ่งเข้าไปรวบตัวแขไขไว้ทั้งตัว เทพทัตกระโดดตามมาช่วยจับตัว
แขไขมองหน้าณไตรแววตาเลื่อนลอย ณไตรเขย่าร่างแขไข
“แขไข ผมไง ณไตร แขไข ฟังผมนะ ที่นี่ไม่มีใครทำร้ายคุณ”
แขไขมองจ้องณไตรที่เขย่าร่างตน แล้วจู่ๆ ก็วูบไปด้วยความอ่อนเพลีย สลบในอ้อมแขนณไตร
เทพทัต กับ แสงคำมองสภาพแขไข ด้วยความกังวล
นั่นคือเหตุการณ์เมื่อ 2 ปีก่อน และเวลานี้ ณไตร เทพทัต และแสงคำ เดินออกมาด้านนอกกระท่อม หยุดยืนคุยกัน
“ที่แกเคยบอกว่า สมองกับจิตใจแขไขได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก อีกนานแค่ไหนกว่าแขไขจะจำอะไรได้เหมือนเดิม นี่ก็เกือบ 2 ปีแล้ว ตั้งแต่วันที่เจอแขไขแล้วพามารักษาที่นี่”
“ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจ แล้วก็ยา”
“เรื่องยา ผมให้คุณแขไขเธอกินทุกมื้ออย่างที่หมอสั่ง” แสงคำบอก
“ที่ฉันไม่ให้แขไขไปรักษาในเมือง เพราะคิดว่าจะฟื้นความทรงจำแขไขกลับมาได้ แล้วแขไขก็จะปลอดภัยกว่าถ้าอยู่ที่นี่”
เทพทัตและ แสงคำ มองณไตรที่คิดอย่างรอบคอบ
“ไอ้คนที่ลงมือ สร้างเรื่องคืนนั้น มันก็คงคิดว่าแขไขตายไปแล้ว ถึงได้สวมรอยทำเป็นผีแขไขหลอกคนในปาง”
“ตัวเดียวกับไอ้ผีปลอมที่ตีหัวผมคืนนั้น มันไม่ได้ทำร้ายแขไขอย่างเดียว มันจะฆ่าเนื้อนางด้วย”
สีหน้าณไตรกังวลมาก หันไปสั่งเทพทัต
“แกต้องรีบรักษาแขไขให้หาย อย่างน้อยก็ให้จำเรื่องคืนนั้นได้เร็วที่สุด ถึงเวลาแล้วที่แขไขจะต้องชี้ตัวฆาตกร”
ณไตรมีสีหน้าครุ่นคิด หนักใจ
เย็นย่ำ เนื้อนางนั่งอยู่กับคำฝาย ม่อนดอยอยู่ใกล้ประตู สองสาวสบตากัน แล้วคำฝายก็พูดขึ้น
“ไอ้ม่อนดอย แกไปโรงครัว เอากับข้าวมาให้เนื้อนางหน่อย ข้าจะได้อยู่เป็นเพื่อนเนื้อนาง”
“เออ...เฝ้าดีๆล่ะ”
ม่อนดอยเดินออกไป คำฝายชะโงกมองตามไปที่ประตู เนื้อนางลุกทันที คำฝายหันมาถามอีกทีเพื่อความแน่ใจ
“ตั๋วจะไปตามดูพ่อเลี้ยงจริงๆ เหรอ”
“พี่คำฝายไม่สงสัยเหรอ พ่อเลี้ยงเค้าตอบทุกอย่างได้หมด เหมือนรู้ว่าเรากำลังสงสัย”
“พ่อเลี้ยงเค้าอาจจะสั่งไอ้แสงคำไปทำงานจริงๆ”
“แล้วทำไมม่อนดอยไม่ไปด้วย แต่ไหนแต่ไร ม่อนดอยก็เป็นคู่หูกับแสงคำไม่ใช่เหรอถ้าพี่คำฝายกลัวพ่อเลี้ยงโกรธ ก็อยู่เฝ้าเรือนแล้วกัน”
“ไปด้วยๆ พี่กลัวเนื้อนางโกรธมากกว่า”
เนื้อนางเดินนำออกไป คำฝายรีบตามไปติดๆ
เนื้อนาง กับ คำฝายเดินมาจากทางหนึ่ง ณไตร แสงคำ และเทพทัตเดินมาจากอีกทาง ทั้ง เนื้อนาง และคำฝาย กับกลุ่มณไตรเดินมาเจอกันที่หน้าเรือนณไตร สองฝ่ายต่างตกใจ นึกไม่ถึง
“หมอ หมอมาทำไม”
ขณะคำฝายถามนั้น เนื้อนางมองหมอด้วยสายตาสงสัย แสงคำรีบตอบ
“อ้ายแวะไปรับหมอมาเอง”
“ผมจะให้หมอมาดูอาการคุณที่ถูกผีแขไขทำร้าย” ณไตรว่า
“เนื้อนางไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“ตรวจให้แน่ใจดีกว่าครับ”
เทพทัตยิ้ม เนื้อนางมองคนทั้งสามจับพิรุธ แสงคำรีบถามกลับ ไม่ให้เนื้อนางถามต่อ
“แล้วนี่เนื้อนาง คำฝายจะไปไหนกัน”
“ไป” คำฝายนึกคำโกหกไม่ทัน
“ไปโรงครัวจ้ะ” เนื้อนางบอก
“ใช่ๆ ไปโรงครัว” คำฝายผสมโรง
ไม่ทันขาดคำม่อนดอยเดินถือถาดอาหารผ่านมา พอมองเห็นเนื้อนาง คำฝายก็ถามขึ้น
“อ้าว เนื้อนาง คำฝาย เดินมาทำไม ไหนบอกว่าจะรอกินข้าวอยู่ที่เรือน”
ณไตรหันขวับมองเนื้อนางทันที เนื้อนางหลบตาเหมือนเด็กถูกจับได้
ไม่นานหลังจากนั้น บนเรือนสำนักงานในปาง ณไตรยืนอยู่กับเทพทัต
“แกจะปิดเนื้อนางได้นานแค่ไหน เรื่องซ่อนแขไข”
“ฉันรู้เนื้อนางเค้าสงสัยฉันกับแสงคำ ว่าหายไปทำอะไรในป่า แต่ฉันยังบอกไม่ได้จนกว่าแขไขจะจำเรื่องคืนนั้นได้ แล้วก็ชี้ตัวฆาตกร”
เทพทัตมองณไตรที่ถอนใจ
“ฉันอยากให้เรื่องทุกอย่างเปิดเผยอย่างบริสุทธ์ ยุติธรรมสำหรับทุกคน ไม่มีข้อกังขา ไม่มีการใส่ร้ายป้ายสี จับใครเข้าคุกโดยไม่มีความผิด ส่วนไอ้ฆาตกรที่ลงมือ ไม่ว่ามันจะเป็นใครหน้าไหน ฉันจะลากมันมาชดใช้ความเลวที่มันก่อไว้ ฉันจะเปิดปากให้มันพูดว่าทำลงไปเพราะอะไร”
ตรงมุมลับตาคน วันดีกับบุญลือที่หลบคุยกันอยู่มุมนั้นในตัวเมือง
“ฉันเห็นมันจริงๆนะพี่ แขไขมันเป็นผี
“ก็ช่างมันสิ ผีตายไปแล้ว มันไม่น่ากลัวเท่าคนหรอก ผีพูด ไม่มีใครเชื่อ แต่ถ้าคนพูด มันลากเราเข้าตารางได้ แกแน่ใจหรือเปล่าว่าแขไขที่แกเห็น มันไม่ใช่คน”
“ไม่ ไม่รู้ ตอนนั้นศพมันก็หายไป ฉันถึงไปเอาศพผู้หญิงคนอื่นมาหลอกไอ้ณไตร”
“บ้าจริงๆ หยุดเรื่องเนื้อนางไว้ก่อน แกไปตามหาให้แน่ใจว่า ว่าที่แกเห็น มันเป็นนังแขไขจริงๆ แล้วถ้ามันยังมีลมหายใจ ก็รีบฆ่ามัน ไม่งั้นแกกับฉันจะต้องเข้าคุกแทนเนื้อนาง”
บุญลือรับคำสั่งแล้วรีบออกไป สีหน้าวันดีมีร่อยรอยกังวล
เนื้อนางกับคำฝายกำลังนั่งพับเสื้อผ้าอยู่ในห้องบนเรือน ส่วนด้านล่างแสงคำกอดปืน นั่งอยู่กับม่อนดอย
“พ่อเลี้ยงคงโกรธที่จับได้ว่าเราโกหก อ้ายแสงคำมันถึงเฝ้าเรา จ้องเอาจ้องเอา”
“อยากเฝ้าก็เฝ้าไป”
เนื้อนางหอบผ้ากลับเข้าไปในเรือน แสงคำมอง คำฝายฉีกยิ้มให้ แล้วเข้าเรือนไปอีกคน ม่อนดอยเดินมาใกล้แสงคำ
“เนื้อนางเค้าสงสัยว่าแกหายไปทำอะไรในป่าทุกวัน”
“ฉันก็ทำงานให้พ่อเลี้ยงน่ะสิวะ” แสงคำบอก
“งานอะไร แกให้ฉันช่วยมั้ย”
“ไม่ต้อง อยู่เฉยๆ”
ม่อนดอยหน้าตายุ่งๆ อยากรู้ แสงคำหันมาถามเสียงดุๆ
“ทำได้มั้ย”
“เออๆ ได้สิวะ ขืนไม่ได้พ่อเลี้ยงเตะข้าตาย”
แสงคำมองกลับเข้าไปในเรือนเนื้อนางอีกที สายตาหนักใจที่เนื้อนางสงสัยตัวเองมากขึ้นทุกที
ค่ำคืนนั้น ขณะที่วันดีก้าวยาวเดินเร็วเข้าบ้านมา มีเสียงอรองค์ทักขึ้น
“ป้าวันดีหายไปไหนมาคะ”
วันดีสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงอรองค์ หันไปเห็นอรองค์ยืนมองตรงมา
“ฉันไปซื้อขนมให้คุณหนู”
อรองค์มองวันดีที่กลับมาตัวเปล่า “ไหนละคะ ขนม”
“ไม่มี หมด”
“อ๋อ ค่ะ หมด”
“คุณมีอะไรจะใช้ฉันหรือเปล่า”
“เปล่าหรอกค่ะ อรกำลังจะเดินไปดูคุณอัศดายุเธอนอน พอดีผ่านมาทางนี้ เห็นป้าเพิ่งกลับเข้ามา”
อรองค์ยิ้มให้ แล้วเดินเลยไป เหมือนไม่มีอะไรติดใจ
วันดีจ้องตามอรองค์ตาขุ่น อย่างไม่ชอบใจ
“แกชักจะสงสัยมากไปแล้ว ครูอรองค์”
วันดีแววตาร้าย นึกระแวงทุกอย่าง ทุกคน
เช้ามืดวันใหม่
แสงคำกำลังป้อนข้าวแขไข ในกระท่อม
“วันนี้รีบกินหน่อยนะ เดี๋ยวผมต้องรีบกลับไป”
แขไขนั่งให้แสงคำป้อน ท่าทางเซื่องซึม สายตาเหม่อลอย แสงคำเอาผ้าเช็ดปากให้แขไขอย่างไม่รังเกียจ
ม่อนดอยกอดปืนหลับอยู่บนระเบียงเรือน เนื้อนางก้าวออกมาจากในห้อง พอมองด้านล่างก็ร้องขึ้นดัง
“พี่คำฝาย”
คำฝายพรวดตามออกมาทันที สองคนมองไปด้านล่างที่พื้น สายตาตื่นตระหนก เห็นซากไก่ถูกเชือดตายอยู่หน้าเรือนหลายตัว มีเลือดสาดนองเต็มพื้น น่าสยดสยอง
คำฝายเขย่าตัวม่อนดอย “ไอ้ม่อนดอย...ไอ้ม่อนดอย”
ม่อนดอยสะดุ้ง มองรอบหน้าตาตื่น “ใคร...ใครมา”
“ใครล่ะ นั่น แหกตาดู”
ม่อนดอยหันไปมองตามมือคำฝาย แล้วตกใจสุดขีด พอเห็นซากไก่ ม่อนดอยลุกพรวด
“ซากไก่ เลือด ใคร ใครมันทำ”
สามคนต่างมีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ กับภาพซากและกลิ่นคาวเลือดที่สาดเทไปทั้งพื้น
ที่เรือนพักผ่อนในบ้านหิมวัตเวลานี้ ชากระเจี๊ยบสีแดงเข้มในแก้วใสสวย ถูกศรีวัลลายกขึ้นจิบ จันตารีบจีบปากจีบคอรายงานผู้เป็นนาย
“ป่านนี้พวกมันคงกลัวหัวหด แทบจะเก็บของออกจากปาง”
“มันยังไม่ไปหรอก ฉันรู้จักนิสัยดื้อด้านของนังเนื้อนาง บอกพวกมันให้ลงมืออีก”
“ได้เจ้า มันจะต้องขนหัวลุก อยู่ไม่เป็นสุข เพราะน้ำมือนังสามคน”
อรองค์หลบมองอยู่ห่าง ไม่ได้ยินว่าสองนายบ่าวพูดอะไรกัน แต่เห็นแม่นายหัวเราะเสียงสะใจมาก
อรองค์สีหน้าอยากรู้
กำปุ้งมีสีหน้าเคียดแค้น เดินนำรัญจวน สร้อยฟ้ามุ่งหน้าสู่ด้านในปาง สามคนมีสัมภาระติดตัวกันมานิดเดียว
“แค่เชือดไก่ให้ลิงดู ขู่พวกมันตามคำสั่งแม่นาย ยังน้อยไป ฉันเหี้ยมได้มากกว่านั้น จะให้ฆ่าหักคอเนื้อนาง แล่เนื้อทาเกลือให้แร้งกิน ฉันก็ทำได้” กะเทยดอยเอ่ยขึ้น
“แกว่ามันจะเชื่อเรามั้ย” รัญจวนกังวล
“ต้องเชื่อสิ พวกเราต้องตีบทให้แตก” สร้อยฟ้าบอก
“เพราะแม่นายส่งพวกเรามา บดขยี้ชีวิตนังเนื้อนางให้แหลกเป็นจุณ” กำปุ้งว่า
กำปุ้ง สร้อยฟ้า รัญจวนเดินหน้าเริ่ดไปในปางด้วยรอยยิ้มร้ายกาจทั้งสามคน
เนื้อนาง คำฝาย และม่อนดอยเดินลงมาด้านล่าง ม่อนดอยรีบบอก
“เมื่อคืน ฉันกับไอ้แสงคำเฝ้าก็ไม่เห็นมีใครเลย จนเช้ามืด แสงคำมันบอกว่า จะไปหาพ่อเลี้ยง ฉันเห็นมันใกล้สว่าง ก็....ก็เลยงีบหลับไปแค่เดี๋ยวเดียว”
คำฝายคิดแค้น “ใครมันทำอุบาทว์ขนาดนี้ มีแต่เลือดเต็มไปหมด”
เนื้อนางมองเห็นกระดาษที่เสียบอยู่ตรงเสาเรือน ก็เข้าไปหยิบแล้วเปิดอ่าน คำฝาย ม่อนดอยรีบเข้ามาดูใกล้กัน ลายมือในกระดาษเขียนด้วยเลือดว่า “เนื้อนาง แกต้องตาย”
เนื้อนางมองตะลึง ตกใจกลัวสุดขีด
ณไตรยืนอยู่กับเทพทัตที่แต่งตัวใหม่ ใส่รองเท้า เตรียมจะเข้าไปในป่าดูอาการแขไข
“แกไปรับหน้าเนื้อนางก่อน เดี๋ยวฉันไปดูแขไขเอง”
เทพทัตลงจากเรือนเดินเลี้ยวไปทางป่าด้านหลังปาง ณไตรมองแล้วก้มลงใส่รองเท้า เห็นคนงานวิ่งมาหน้าตาตื่น
“พ่อเลี้ยง เกิดเรื่องที่เรือนเนื้อนาง”
ณไตรคว้าปืน โดดพรวดลงจากเรือน วิ่งไปทางเรือนเนื้อนางทันที
เนื้อนางมองกระดาษที่เขียนด้วยเลือด แล้วยื่นกระดาษนั้นให้ณไตร
“มันจะจองเวรกันถึงไหน จะฆ่ากันให้ตายก็โผล่ออกมาเลย” คำฝายคิดแค้น
“แกว่าใคร”
“ไม่รู้แล้ว จะผี จะคนก็ออกมาเลย” คำฝายพาลพาโล โมโหสุดๆ
ณไตรมองสภาพซากไก่ตาย เลือดนองเต็มพื้นแล้วมองเนื้อนาง
“คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
“เนื้อนางไม่เป็นไร คนที่ทำคงแค่อยากขู่ อย่างในจดหมายที่เขียนด้วยเลือด”
ณไตรขยำจดหมายปาลงพื้นด้วยความโมโห
“ใครมันเลวได้ขนาดนี้”
ณไตรแค้นนัก หันไปมองเนื้อนางด้วยสายตาเป็นห่วง
เจ้าของผลงาน กำปุ้ง รัญจวน สร้อยฟ้า เดินเลาะมาด้านหลังเรือนพักคนงาน กำปุ้งหยุดบิ้วท์สองสาว แล้วสั่งขึ้น
“ทั้งเลว ทั้งร้าย อาฆาตไม่เลิก พร้อมนะ เราเพิ่งถูกไล่ออกมาจากคณะพ่อบุญน่าน”
สามคนเปลี่ยนสีหน้าระรื่น กลายเป็นจ๋อย เศร้า ไหล่ตก บีบน้ำตาคลอๆ แล้วร้องแหกปากพร้อมกัน
“เนื้อนาง คำฝาย”
คำฝายถือถังน้ำสาดราดลงไปตรงกองเลือด ที่รัญจวน กำปุ้ง สร้อยฟ้ายืนอยู่ ทั้งกลุ่มยืนมองแก๊งรัญจวนด้วยสายตาไม่พอใจ
“ฟ้าดินเป็นพยาน นังเสนียดสามตัวช่างปรากฏร่างมาได้จังหวะนรกซะเหลือเกินหรือจะเป็นพวกแกที่แอบมาทำเรื่องเลวๆ แบบนี้”
กำปุ้งรีบบอก “ไม่ใช่พวกเรานะคะ พ่อเลี้ยง”
คำฝายร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ “ไม่ใช่พวกแก แล้วมันจะใคร”
เนื้อนางแปลกใจ “พวกเธอมาที่นี่อีกทำไม”
“เราโดนไล่ออกจากคณะพ่อบุญน่านแล้ว” รัญจวนบอก
เนื้อนาง คำฝายมองแปลกใจ สร้อยฟ้ารีบเล่า
กำปุ้งบอก “ประกายมันบ้าอำนาจ หาเรื่องเฆี่ยนเราทุกวัน หลังงี้แตกยิ่งกว่าลายแทง เราทนไม่ไหว...”
สร้อยฟ้าเสริม “เลยขอกลับมาพึ่งเนื้อนาง”
สามคนมองพ่อเลี้ยง ยกมือไหว้ปลกๆ น้ำตาไหลพราก
“พวกเราไม่รู้เรื่องจริงๆ จะให้สาบานวัดไหนก็ได้ ที่บากหน้ามาก็เพราะหมดทางไปแล้ว” กำปุ้งตอแหล
“ถ้ารับกลับเข้ามา พวกเธอก็ต้องหาเรื่องกลั่นแกล้งเนื้อนางอีก” ณไตรว่า
“ไม่ทำแล้วจ้ะ พวกเราไม่กล้ากับเนื้อนางแล้ว” รัญจวนรับปาก
ม่อนดอยโพล่งขึ้น “ไม่เชื่อ ไม่มีสัจจะในหมู่โจร”
“แต่เราไม่ใช่โจร” กำปุ้งหันมาหาเนื้อนาง “เนื้อนาง นึกว่าเห็นแก่เพื่อนเก่าเถอะนะ”
สามคนมองขอความเห็นใจ ณไตรมองเนื้อนาง พบว่ามีสีหน้าลำบากใจมาก
ส่วนในกระท่อม เทพทัตกำลังประคองแขไขเข้ามานั่ง
“อาบน้ำแล้ว สดชื่นขึ้นมั้ย”
แขไขนั่งลงที่ปลายเตียง สีหน้าเหม่อลอย ไม่ตอบอะไร
“เดี๋ยวผมขอตรวจนิดเดียวนะครับ”
เทพทัตเดินไปเปิดกระเป๋ายาที่วางไว้
แขไขหันไปมองเทพทัตช้าๆ แล้วก้มมองขาตัวเองที่ตอนนี้ไม่ได้ล่ามโซ่ไว้
ขณะเทพทัตกำลังรื้อหูฟัง เข็มฉีดยา ปรอทวัดไข้ออกมา แขไขดึงโซ่บนพื้นขึ้นมาไว้ในมือแล้ว พอเทพทัตหยิบของที่หาเจอก็ยืนขึ้น
แขไขก้าวเข้ามาประชิดด้านหลัง เอาโซ่รัดคอเทพทัตอย่างแรง เทพทัตดิ้นพยายามดึงโซ่ออก แขไขรัดแรงอีกที จนหมอหมดสติ ร่างร่วงลงไปกองกับพื้น แขไขปล่อยโซ่ลงที่พื้นข้างๆ ร่างสิ้นสติของเทพทัต
แววตาแขไขกร้าว เสียงที่เอ่ยออกมายานๆ ช้าๆ เย็นเยียบ ฟังดูน่าสะพรึงกลัว
“เนื้อ…นาง”
อ่านต่อหน้า 4
เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 14 (ต่อ)
เนื้อนางมองจ้องพวกรัญจวนที่ยังรอคอยคำตอบ อย่างตริตรอง
“ฉันเห็นแก่พวกเธอไม่ได้หรอก ตอนนี้ที่ปางมีเรื่องวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน”
กำปุ้งทำหน้าตาไม่รู้เรื่องถามขึ้น
“มีเรื่อง! ปางมีเรื่อง มีเรื่องอะไรกันหรือคะ เลือดนี่ใช่มั้ยคะ”
“ยิ่งมีเรื่อง ยิ่งต้องให้เราอยู่ช่วยเนื้อนางนะคะ พ่อเลี้ยง”
รัญจวนรีบหันไปขอร้องณไตร
“ถ้าพวกเธอสัญญาตรงนี้ว่าจะไม่ก่อเรื่องให้เนื้อนางรำคาญใจอีก”
สามคนประสานเสียงพร้อมเพรียง “สัญญาค่ะ”
“จะให้สาบานด้วยก็ได้” สร้อยฟ้าเสริม
คำฝายร้องขึ้น “สาบาน ! คำสาบานจากปากเน่าหนอนของพวกแกน่ะเหรอ”
สามคนจ้องคำฝาย ม่อนดอยท้า
“กล้าสาบานมั้ย สาบานให้ฟ้าผ่าตาย”
สามคนหน้าเหรอหรา ตกใจ ณไตรพูดขึ้น
“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว”
“สาบานค่ะ ขอให้ฟ้าผ่าตายถ้าแกล้งเนื้อนาง” สามคนสาบานแข็งขัน
เนื้อนาง คำฝาย ม่อนดอย และณไตรมองสามคนที่รับปากเสียงแข็งขัน
“ขอบคุณมากนะคะพ่อเลี้ยงที่เวทนาสาวน้อยตาดำๆ สามคน” รัญจวนประจบ
สร้อยฟ้าเสริม “ขอบคุณเนื้อนางด้วยจ้ะ”
“ขอบคุณ อี...” กำปุ้งเห็นคำฝายถลึงตาจ้อง “คำฝาย เพื่อนรัก”
สามคนย่อตัวลงไหว้ เป็นไหว้สวยงามที่สุดในชีวิต
“ม่อนดอย พาสามคนนี้ไปหาเรือนพัก” ณไตรบอก
“ไป ลุก เร็วๆ ใครช้า นอนโรงช้าง”
สามคนร้องวี้ดว้าย รีบวิ่งตามม่อนดอยออกไป เนื้อนางมองหน้ากับคำฝายยังไม่ค่อยวางใจ
ฟากแขไขเดินมานอกกระท่อม เอ่ยทวนขึ้นซ้ำๆ
“เนื้อนาง เนื้อนาง”
แขไขมองทาง แล้วเดินตัวตรงไปทางเข้าสู่ปาง
เนื้อนางหมุนตัวจะเดินขึ้นเรือน แต่สายตามองไปเห็นว่าที่ด้านข้างป่า แสงคำกำลังเดินออกมา คำฝายถามขึ้นเสียงไม่พอใจ
“หายหัวไปไหนมา อ้ายแสงคำ เห็นมั้ยเนี่ยถึงขนาดมันเอาเลือดมาสาดแล้ว”
แสงคำมองตกใจที่เห็นคราบเลือดบนพื้น เนื้อนางมองสงสัยแสงคำ ถามซ้ำ
“อ้ายแสงคำหายไปไหนตั้งแต่เช้ามืด ม่อนดอยบอกว่าอ้ายไปหาพ่อเลี้ยง”
“อ้าย”
“แสงคำไปดูไม้ให้ผม” ณไตรช่วยไว้
เนื้อนางไม่เชื่อนัก “ไปดูไม้อะไรกันทุกวัน วันก่อนก็เพิ่งไปดู”
“ไม้ในป่ามันสำคัญมากกว่าชีวิตคนเหรอ อ้ายแสงคำ ถึงต้องทิ้งเนื้อนางไป แล้วถ้าเกิดไม่ได้แค่สาดเลือด มันขึ้นมาฆ่าเนื้อนางอีก” คำฝายของขึ้นตามประสา
แสงคำเผลอเถียงทันที “มันไม่มาแล้ว”
เนื้อนางจ้องจับพิรุธ “ใครไม่มา”
แสงคำรู้ว่าพลาดตอบไป ณไตรรีบดึงความสนใจ ทำเสียงขึงขังไม่พอใจ
“จะซักแสงคำไปทำไม ในเมื่อแสงคำไปทำตามคำสั่งผม”
เนื้อนาง กับคำฝายจ้องมองณไตร พ่อเลี้ยงหน้าตานิ่ง หันไปทางแสงคำ
“รีบไปจดรายละเอียดเรื่องไม้ที่เรือนสำนักงาน ไม่ต้องห่วงทางนี้ ฉันดูเอง”
“ครับ พ่อเลี้ยง”
แสงคำรีบเดินออกไป คำฝายมองแล้วลุกเดินตามแสงคำไปไม่ลดละ เนื้อนางหันมาทางณไตร
“อ้ายแสงคำท่าทางแปลกๆ ตั้งแต่มีผีแขไข”
ณไตรเถียงทันที “ผมบอกแล้วว่าเรื่องผีแขไขมันไม่มีจริง”
“ถ้าไม่มีจริง ทำไมต้องรีบไล่อ้ายแสงคำไปด้วย”
เนื้อนางมองคาดคั้น หวังต้อนณไตรให้จนมุม
ด้านบุญลือลอบเข้ามาในปาง มีปืนเหน็บที่เอว เดินลัดเลาะมาในป่า มองหาแขไข ปิงเดินตามหลัง
“ดูให้ทั่ว ถ้าเจอมันในป่านี้ แสดงว่าแขไขที่เราเห็น มันไม่ใช่ผี”
บุญลือเดินนำปิงมองหาไปรอบๆ
เนื้อนางขยับเข้ามาจ้องณไตรใกล้ขึ้น
“คุณบอกเนื้อนางได้มั้ยพ่อเลี้ยง มีอะไรอยู่ในป่า มันเกี่ยวกับที่ผีหน้าเหมือนแขไขเข้ามาบีบคอเนื้อนางใช่มั้ย”
“เนื้อนาง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่คุณจะสงสัยผมกับแสงคำ คุณต่างหากที่กำลังตกอยู่ในอันตรายที่สุด”
“เนื้อนางรู้ว่าผีแขไขอยากฆ่าเนื้อนาง ไม่ว่าจะผีจริงหรือผีปลอม เนื้อนางก็ระวังตัวอยู่แล้วแต่ถ้ามีอะไรที่เนื้อนางจะช่วยคุณกับอ้ายแสงคำเรื่องนี้ได้ เนื้อนางก็อยากช่วย เพราะมันหมายถึงการล้างมลทินให้ตัวเนื้อนางด้วย”
ณไตรฟังแล้วจับไหล่เนื้อนางเบาๆ
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม เนื้อนาง ผมต้องดูแลคุณ ถึงคุณจะบอกว่าดูแลตัวเองได้ไม่ต้องการผม ผมก็จะไม่ห่างจากคุณ ผมอยากให้คุณรู้ ว่ามันคือความภูมิใจที่ผู้ชายคนนึงได้ปกป้องผู้หญิงที่เป็นหัวใจของตัวเอง”
ณไตรมองเนื้อนาง ทอดเสียงนุ่มนวล อบอุ่น จนเนื้อนางอ่อนลง เข้าใจความเป็นห่วงของณไตร
แสงคำเดินมาถึงสะพานข้ามบึง คำฝายเดินตามติด จนแสงคำต้องหันมาถาม
“ตามมาทำไม”
“มาเตือนอ้ายไง พ่ออุ๊ยหมื่นหล้าฝากเนื้อนางไว้กับข้า กับอ้าย ชีวิตเนื้อนางเจ็บช้ำมามากแล้ว ข้าไม่อยากเห็นเนื้อนางต้องเจ็บเพราะไว้ใจคนผิดอีก”
“ฉันก็รักเนื้อนางไม่น้อยกว่าแกหรอก คำฝาย ทุกอย่างที่ทำอยู่ก็เพื่อเนื้อนาง”
“แล้วทำไมถึงบอกเนื้อนางไม่ได้”
“มันยังไม่ถึงเวลา อีกไม่นานหรอกคำฝาย ใครที่ทำร้ายเนื้อนางมันต้องชดใช้”
คำฝายมองจ้อง เห็นแววตาแสงคำที่มีความเป็นห่วงเนื้อนางเต็มเปี่ยม ก็ตัดสินใจ หันหลังกลับไป
แสงคำมองคำฝายที่เดินห่างไปด้วยความอึดอัด อยากให้ทุกอย่างจบลงเสียที
บุญลือนำปิงลัดเลาะมาในป่าอย่างชำนาญ
“ขอให้ฉันเห็นแกอีกทีเถอะ แขไข”
อีกด้านแขไขกำลังเดินตาขวาง ตัวตรงทื่อเข้ามาใกล้
บุญลือกำลังจะก้าวเลี้ยวไปอีกทาง แต่เจอกับแขไขที่ยืนตาขวางอยู่
“แขไข แก แกยังไม่ตายจริงๆ”
แขไขมองจ้องบุญลือ ปิงเห็นแขไขก็ถึงกับมือไม้สั่น บุญลือสั่งทันที
“จับมันสิวะ”
ปิงขยับเข้าไปใกล้ ท่าทางกล้าๆ กลัวๆ กำลังเอื้อมมือไปจับ แขไขกรีดร้องขึ้นมา ปิงตกใจ ถอยหลังวิ่งหนี
“ไอ้บ้าปิงกลับมาสิวะ นี่มันคน ไม่ใช่ผี”
บุญลือหันไปด่าปิง แต่พอหันกลับมา ก็เจอแขไขพุ่งเข้าบีบคอ
บุญลือไม่ยอม จับมือแขไขง้างออก แขไขสู้แรงบุญลือไม่ไหว มือหลุดจากคอบุญลือ บุญลือตบผัวะ แขไขหน้าสะบัดล้มลง บุญลือพุ่งเข้ามาคร่อมร่าง กดคอแขไข
แขไขเห็นหน้าบุญลือที่จ้องหน้ามาใกล้ๆ จำใบหน้าบุญลือได้ว่าเป็นคนที่ผลักตัวเองตกเหว
“แก...แกคนที่ฆ่าฉันไอ้ ไอ้บุญลือ”
“ใช่ กูนี่แหละฆ่ามึง ครั้งที่แล้วมึงรอด แต่ครั้งนี้มึงตาย”
บุญลือกดคอ แขไขดิ้นรนด้วยความกลัวสุดขีด
“ไม่ ไม่...ช่วยด้วย”
แขไขดิ้นรน ปัดป้อง แต่บุญลือกดคอเต็มแรง
สัญชาติญาณกลัวตายของแขไขพุ่งสุดขีด หล่อนกางเล็บจิกลากลงมากลางหน้าบุญลือ ชายชั่วร้องลั่น
แขไขเป็นอิสระรีบลุกขึ้น วิ่งหนีเตลิดออกด้วยความหวาดกลัว
บุญลือเจ็บปิดหน้าร้องครวญคราง ครั้นพอเงยมา ไม่เจอร่างแขไขแล้ว บุญลือวิ่งตามไปทันที
แขไขวิ่งหนี ล้มลุกคลุกคลาน มาตามทางด้วยความกลัว
“อย่าฆ่าฉัน ฉันกลัวแล้ว ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย”
ด้านหลัง บุญลือวิ่งลัดเลาะตามไปทั้งๆ เลือดซิบๆ บนใบหน้า
ด้านเทพทัตรู้สึกตัว ค่อยๆ ลุกขึ้น เอามือแตะคอที่โดนโซ่รัด กวาดตามองไปรอบๆ
“แขไข”
เทพทัตตกใจเมื่อไม่เห็นแขไข รีบพุ่งออกประตูไป
แขไขวิ่งเตลิดหนีมาด้วยความหวาดกลัว มีบุญลือวิ่งตามกระชั้นชิด และชักปืนออกมาแล้ว
ฟากเนื้อนาง คำฝาย และม่อนดอยกำลังช่วยกันทำความสะอาดคราบเลือดหน้าเรือนกันอยู่ เนื้อนางสีหน้าครุ่นคิดเรื่องณไตรกับแสงคำแล้วพูดขึ้น
“ที่พ่อเลี้ยงกับแสงคำไม่ยอมบอกเรา เพราะเค้าสองคนอาจจะกำลังวางแผนจับตัวฆาตกรฆ่าคุณแขไข แล้วก็ต้องเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับที่นี่ กับหิมวัต ถึงไม่ให้เรื่องนี้รู้ถึงหูใครเลย”
“แต่เนื้อนางไม่ใช่คนปากโป้ง ทำไมถึงจะบอกไม่ได้”
ม่อนดอยหมั่นไส้ “เนื้อนางไม่ใช่ แต่แกล่ะ แล้วคนอื่นๆ อีก มีพิรุธขึ้นมา ทีนี้ก็เท่ากับปล่อยเสือเข้าป่า”
คำฝายมองค้อนม่อนดอยที่ให้เหตุผลจริงจัง
“พ่อเลี้ยงน่ะเค้าคิดรอบคอบ” ม่อนดอยมองเนื้อนาง “เชื่อใจพ่อเลี้ยงเถอะนะ เนื้อนาง พ่อเลี้ยงยอมเสียสละทุกอย่างให้เนื้อนางได้จริงๆ”
เนื้อนางมองม่อนดอยที่ยืนยันหนักแน่น แต่สายตาเนื้อนางก็ยังไม่คลายความสงสัยใคร่รู้ลงไปเท่าไหร่นัก
ณไตรเดินเร็วรี่เข้ามาในป่าใกล้กระท่อม มองไปเห็นเทพทัตกำลังเดินตามหาแขไขมาจากอีกทาง ก็วิ่งเข้าไป
“ไอ้หมอ ทำไมแกไม่อยู่กับแขไข”
“แขไขหนีออกมา”
“นานหรือยัง”
“พักนึงแล้ว”
ณไตรร้อนใจวิ่งออกไปหาทันที เทพทัตวิ่งตามไปด้วย
แขไขวิ่งหนีมา โดยที่ด้านหลังบุญลือไล่จี้ใกล้เข้ามา แขไขเหลียวหลังไปมองแล้วยิ่งกลัว มองกลับมาเห็นพุ่มไม้ที่ขวางหน้า ตัดสินใจพุ่งทะลุพุ่มไม้ หวังว่าจะรอด
ณไตรกับเทพทัตวิ่งมา เห็นแขไขพุ่งออกมาจากชายป่า สะดุดกิ่งไม้ล้มลงกับพื้นพอดี
ณไตรรีบวิ่งเข้าไปประคอง เทพทัตตามมาดูอาการ
“แขไข”
บุญลือที่ตามมาต้องชะงัก มองเห็นณไตรก็หลบวูบ
“มัน...” แขไขชี้ไปทางป่าที่ออกมา “มันตามมา คนที่ฆ่าฉัน มันวิ่งตามฉันมา”
บุญลือเห็นแขไขชี้มาที่ตัวเอง ก็ยิ่งหลบทำตัวลีบเล็ก
ณไตรมองแล้วรีบผละมือปล่อยจากแขไข
“ไอ้หมอ พาแขไขกลับไปกระท่อมก่อน”
เทพทัตรีบเข้ามารับแขไขไป ณไตรวิ่งไปตามทางที่แขไขชี้ทันที
แขไขกลัวจนตัวสั่น เทพทัตกอดไว้ให้หายตกใจ มองตามณไตรแวบเดียว แล้วรีบพาแขไขออกไปจากตรงนั้น
ณไตรวิ่งเข้ามา มองระวังไปรอบๆ อีกด้านหนึ่งบุญลือหลบซุ่มเงียบ ยกปืนในมือขึ้นเล็งณไตร ณไตรมองระวัง ยินเสียงเหยียบกิ่งไม้ดังมาจากด้านหลัง ณไตรกำหมัดหันไป เห็นมาเห็นแสงคำที่สะพายปืนเข้ามา
“ผมเอง พ่อเลี้ยง”
บุญลือที่กำลังเล็งไปที่ณไตรจะยิน เห็นแสงคำโผล่มาขัดจังหวะ
“ผมกลัวคนตาม เลยอ้อมมาอีกทาง”
ณไตรก้าวขยับไปคุยกับแสงคำ บุญลือเสียจังหวะ มองไปเห็นต้นไม้บังทั้งคู่
“แขไขหนีออกมาบอกว่ามีคนตามฆ่า อาจจะเป็นไอ้ผีแขไขตัวที่เรากำลังตาม”
“ถ้ามันเจอคุณแขไขแล้ว มันอาจจะตามไปฆ่าปิดปาก”
“แขไขอยู่กับเทพทัตสองคน”
“รีบกลับไปดูคุณแขไขก่อนดีกว่า”
ณไตรวิ่งเร็วกลับออกไปทางกระท่อมกับแสงคำ
บุญลือที่หลบอยู่ ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาเงียบๆ มองด้วยสายตาเจ็บใจ ที่เห็นณไตร และแสงคำรอดไปจนได้
ฝ่ายแขไขนั่งกลัวตัวสั่นอยู่ในกระท่อม เทพทัตใส่โซ่ไว้ที่ขากันหนี ณไตร กับ แสงคำเข้ามา แขไขนั่งคุดคู้ ณไตรเข้ามาใกล้ แขไขรีบจับแขนณไตรแน่น ละล่ำละลักบอก
“มันตามฉันมา คนที่จะฆ่าฉัน มันตามฉันจริงๆ”
“คุณรู้จักเค้าใช่มั้ยครับ แขไข จำได้มั้ยว่าใคร” ณไตรซัก
แขไขพยักหน้าหงึกๆ “จำได้”
ทุกคนมองอยากรู้
“มัน มันที่ฆ่าฉัน”
แขไขส่ายหน้า เอามือปิดตา ปิดหู ด้วยความกลัว
“แขไขครับ ใจเย็นๆ ค่อยๆนึก คนที่วิ่งตามคุณ ชื่ออะไร”
ณไตรจับมือแขไข ปลอบอย่างอ่อนโยน ยิ้มให้ แขไขสงบลงมองณไตร
“คนที่คุณเจอ คุณจำเค้าได้ เค้าชื่ออะไร”
แขไขนึก “ชื่อ...”
สามหนุ่มมองลุ้นว่าแขไขจะพูดชื่อใครออกมา
ส่วนในป่า บุญลือกำลังเร่งเท้า ยกแขนเสื้อเช็ดหน้าที่เลือดซึม แววตาคั่งแค้น
“แขไข ทำไมมึงถึงตายยากตายเย็นนัก”
แขไขพยายามนึก ณไตร แสงคำ เทพทัต มองลุ้น
“คนที่คุณหนีมา เค้าชื่อ...”
“ชื่อ...”
จู่ๆ แขไขเกิดช็อก ตัวแข็งทื่อ เกร็งไปทั้งร่างด้วยความกลัว แล้วผลักณไตรออก ร้องโวยวาย คลุ้มคลั่ง พนมมือท่วมหัว
“อย่าทำฉัน ฉันเจ็บ ฉันกลัว...อย่าผลักฉัน อย่าฆ่าฉันอีกเลย”
แขไขคลานหนี ณไตรจะตาม เทพทัตดึงเพื่อน
“อย่าเพิ่งเร่งนัก ต้องมีเวลาให้สมองได้ทบทวนบ้าง คุณแขไข เธอกลัวมาก”
แขไขรีบหนีไปนั่งคุดคู้ที่มุมห้อง ซุกหน้าไม่ยอมมองใคร
แสงคำเดินไปหยิบผ้าห่มบนเตียงมาส่งให้ณไตร ณไตรค่อยๆ เอาผ้าห่มให้แขไขที่กลัวจนไม่ยอมรับรู้อะไรอีก
“คุณแขไขไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย ว่ามีคนตามมาฆ่า” แสงคำเอ่ยถามขึ้น
ณไตรมองแขไข ใช้ความคิดหนัก แล้วสั่งขึ้น
“แสงคำ ฉันอยากให้นายเฝ้าแขไขที่นี่ ถ้าแขไขเจอคนที่ฆ่าเธอจริงๆ ตอนนี้มันก็รู้แล้วว่าแขไขยังมีชีวิตอยู่ มันต้องหาทางกลับมาปิดปากแขไข”
“แล้วเราจะเห็นว่ามันเป็นใคร”
แสงคำสบตากับพ่อเลี้ยง ณไตรพยักหน้า แล้วหันไปสั่งเทพทัต
“หมอ เดี๋ยวฉันจะพาแกเดินกลับอีกทาง ต่อไปห้ามผ่านปางเด็ดขาด เรื่องแขไขยังมีชีวิตอยู่ ห้ามใครรู้ทั้งนั้น”
แสงคำบอกความกังวลออกไป “พ่อเลี้ยงจะบอกเนื้อนางเรื่องผมมาเฝ้าคุณแขไขว่ายังไง”
“ฉันใช้นายลงไปติดต่องานเอกสาร กับป่าไม้จังหวัด ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ ต้องค้างในเมือง”
ณไตรมองแสงคำเป็นอันรู้กัน
“ฉันจะเอาอาหารมาส่งที่ชายป่า นายเฝ้าแขไขอย่าให้ใครเข้าใกล้ได้อีก”
ณไตรหันไปมองสงสารแขไขที่นั่งขดตัว กลัวจับใจ อย่างเวทนา
เวลาโพล้เพล้ บุญลือพาตัวเองมาพบพี่สาวเป็นการด่วน บุญลือก้มหน้า ยืนหลบๆ อยู่ วันดีเข้ามาประชิด สองพี่น้องหลบมาคุยกันอยู่มุมมืดด้านล่างบ้านหิมวัต
“แกมาทำไมที่นี่ เดี๋ยวใครเห็นเข้า”
บุญลือหันมามองพี่สาว วันดีเห็นรอยแผลยาวที่หน้าบุญลือแล้วตกใจ
“หน้าแก”
“ฝีมือนังแขไข มันยังไม่ตายจริงๆ”
“แล้วแกฆ่ามันหรือยัง”
“ยัง มันหนีไปได้”
วันดีแค้น “ไอ้น้องโง่”
“อีแขไขมันเป็นบ้ามันเอาแรงมหาศาลมาจากไหนไม่รู้ แถมมีไอ้พ่อเลี้ยงกับแสงคำดูแลมันอยู่”
“พ่อเลี้ยงดูแลแขไข” วันดีคิดปราดเดียว “เรากำลังจะเดือดร้อน พ่อเลี้ยงไม่ใช่คนโง่ ถ้าช่วยแขไขไว้ ก็แสดงว่าพ่อเลี้ยงกำลังควานหาตัวเรา”
“ฉันต้องทำยังไงต่อ พี่ ทั้งเนื้อนางทั้งแขไข ไอ้ปิงมันก็ปอดแหกเอาแต่วิ่งหนี ฉันคนเดียวสู้ไอ้พ่อเลี้ยงกับแสงคำไม่ได้แน่ๆ”
“ปล่อยเรื่องเนื้อนางให้ฉันจัดการ แกรีบหาทางฆ่านังแขไข”
“ทำไมเราไม่หนีไปตอนนี้ล่ะพี่ ฉันไม่อยากติดคุก”
“เราจะไม่หนี อีกนิดเดียว ทุกอย่างก็จะสำเร็จ ฉันไม่มีวันล้มเลิก”
แววตาวันดีแข็งกร้าวกระด้าง บุญลือมีสีหน้าลังเล ปอดๆ ไม่แน่ใจ วันดีหันมาดุ
“แกรีบไปได้แล้ว เดี๋ยวมีคนมาเห็น”
บุญลือวิ่งก้มหน้าหลบออกไป
อรองค์เดินมาเก็บดอกไม้ มือหนึ่งกำกุหลาบสีแดงที่เพิ่งตัด อีกมือถือกรรไกร อรองค์มองลงมาจากบนเนิน เห็นด้านหลังบุญลือที่วิ่งห่างจนลับไป โดยวันดียืนมอง อรองค์จำวันดีได้
“ป้าวันดี คุยกับใคร”
อรองค์เห็นวันดีขยับจะหันกลับมา ก็รีบหลบ
วันดีหันขวับกลับมา มองไปรอบๆ รู้สึกแปลกๆ เดินเร็วขึ้นเนินมา ขณะวันดีกำลังจะเดินผ่านพุ่มไม้ แต่หยุดเท้า ค่อยๆ หันไปมองทางหนึ่ง
วันดีจ้องเขม็ง ค่อยๆ เดินเข้าไป เอามือแหวกพุ่มไม้ทันที แต่ไม่มีอรองค์อยู่ตรงนั้น
วันดีกำลังจะถอยออกมา แต่เห็นกลีบกุหลาบสีแดงตกอยู่บนพื้น 2-3 กลีบ ก็ก้มลงหยิบกลีบกุหลาบขึ้นมา
มองด้วยสายตาสงสัย
อรองค์กำลังนั่งหันหลังอยู่ ขณะวันดีเดินเข้ามาใกล้ช้าๆ อรองค์ฮัมเพลงไม่รู้ว่าวันดีกำลังมองจ้อง วันดีมองผ่านครูสาวไปที่กุหลาบสีแดงที่อรองค์ปักลงแจกันใกล้เสร็จ
“ฉันไม่รู้ว่าครูชอบกุหลาบสีแดง”
อรองค์สะดุ้ง หันมา
“มาเงียบๆ ตกใจหมดเลยค่ะ”
วันดียิ้มน้อยๆ แต่อรองค์ไม่รู้ ว่ามันเป็นยิ้มที่เย็นเยียบ วันดีมองผ่านกุหลาบ เหมือนไม่ติดใจ
“น่าจะได้เวลาทานอาหารว่างของคุณหนูแล้ว”
“ค่ะ อรกำลังจะลงไป”
อรองค์ทำเป็นยกแจกันกุหลาบไปวางประดับที่มุมห้อง แล้วเดินออกไป วันดีมองตามจนอรองค์เดินห่าง
พอพ้นมาได้ อรองค์ผ่อนลมหายใจเบาๆ คิดว่ารอดสายตาสงสัยของวันดีมาได้ เดินลับกายลงไปด้านล่าง
ส่วนวันดีเหลียวขวับมองไปที่กุหลาบสีแดง แล้วเข้าไปขยำกุหลาบช่อสวยจนแหลกคามือ กลีบกระจายตกพื้น ไม่เหลือชิ้นดี
“คนที่ต้องตายอีกคน คือแก ครูอรองค์”
อ่านต่อตอนที่ 15 อวสาน