ปีกมงกุฎ ตอนที่ 12
ค่ำคืนเดียวกันนั้น อรสินีนั่งอ่านบทอยู่ที่ห้องรับแขก ซักครู่มองไป อติรุจเดินเข้ามา เห็นน้องสาวก็ยิ้มให้
“พี่รุจ ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะคะ ทานข้าวมารึยังคะ”
“เรียบร้อยแล้ว” อติรุจมองเย็บเล่มบทโทรทัศน์ในมือ “อ่านบทเหรอ”
“ค่ะ พรุ่งนี้มีถ่ายละครเช้าค่ะ” พูดแล้วอรสินีก็หัวเราะเบาๆ ขำตัวเอง “อรว่าอรขยันกว่าตอนเรียนหนังสืออีกนะคะเนี่ย”
อติรุจพลอยหัวเราะไปด้วย “นั่นซิ”.....
“พี่รุจงานยุ่งมากเหรอคะ...ช่วงนี้”
“ก็เอาเรื่องเหมือนกัน”
“ก็เลยไม่ได้เจอตรีซักที”
อติรุจนึกขึ้นได้ “อืม ใช่ วันก่อนตรีโทร.มาหาพี่บอกว่า ว่างๆ จะนัดทานข้าวกัน”
อรสินีมองหน้าพี่ชาย “พี่รุจไม่ได้เจอตรีตั้งนานแล้ว ไม่คิดถึงตรีบ้างเหรอคะ”
อติรุจชะงักไปนิดก่อนจะตอบ “คิดถึงซิ แต่งานก็ต้องมาก่อน พี่ว่าตรีก็คงคิดเหมือนพี่นั่นล่ะ”
อรสินียิ้มยังไม่ทันตอบโต้อะไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดขึ้น อรสินีหยิบมาดู
อติรุจเย้า “นายนนท์ล่ะซิ” อรสินียิ้มนิดๆ “พี่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ไม่อยากเป็นบุคคลที่สาม”
อติรุจพูดจบก็เดินไป อรสินีกดรับสาย
“ฮัลโหล”
ชญานนท์พูดโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะอาหารในร้านแห่งหนึ่ง เขานั่งอยู่คนเดียว
“น้องอร ทำอะไรอยู่คะ”
“คุยโทรศัพท์กับพี่นนท์อยู่ค่ะ” อรสินีเล่นลิ้น
ชญานนท์หัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวนี้มุกเยอะนะเรา”
“อรกำลังนั่งอ่านบทอยู่ค่ะ”
“เดี๋ยวพี่แวะไปหานะคะ ขอคุยงานกับลูกค้าแป๊บ”
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“มีค่ะ คิดถึง อยากเห็นหน้า อยากคุยด้วย อยากดื่มกาแฟฝีมือน้องอร เหตุผลแค่นี้พอจะให้พี่นนท์เข้าบ้านได้ไม๊คะ”
อรสินีหัวเราะเบาๆ “ได้ซิคะ”
“งั้นเดี๋ยวเจอกันนะคะ ลูกค้ามาแล้ว”
“ค่ะ”
อรสินีวางสาย อมยิ้มนิดๆ อย่างมีความสุข
ฟากชญานนท์ลุกขึ้นต้อนรับลูกค้า 2 คน เชิญให้นั่ง บริกรเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่ม
ฝ่ายณเดชย์เดินเข้าไปในร้านที่นัดตรีอัปสรไว้ มองซ้าย มองขวา ซักครู่ เสียง Line ดังขึ้น ณเดชย์หยิบขึ้นมาอ่าน
"ถึงแล้วหาที่นั่งสั่งอาหารเลยนะคะ ตรีกำลังไปค่ะ" ณเดชย์ตอบกลับด้วยตัวสติ๊กเกอร์ OK น่ารักๆ ก่อนจะเดินไปหาที่นั่ง ณเดชย์เดินผ่านไป โดยไม่เห็นโต๊ะของชญานนท์ซึ่งมาทานอาหารกับลูกค้า 2 คนแต่ชญานนท์มองเห็นณเดชย์กำลังเดินไปนั่งโต๊ะด้านใน มีบริกรเอา เมนูมาให้ ชญานนท์มองไปยังณเดชย์สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ทางด้านมุกตาภาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าร้าน มองเข้าไปด้านใน สีหน้าครุ่นคิด แล้วตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ออกมากดเบอร์ณเดชย์
ณเดชย์สั่งอาหารเสร็จ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นเบอร์มุกตาภา เขาทำท่าคิดก่อนจะตัดสินใจรับสาย
“ฮัลโหล ว่าไงคะมุก”
“คุณนะ อยู่ไหนคะ ทำอะไรอยู่...ว่างไม๊คะ” มุกตาภาหยั่งเชิง
ณเดชย์หัวเราะขัน “โห...ถามเป็นชุดเลย จะให้ตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะ ผมติดนัดคุยกับลูกค้า ไม่ว่างครับ”
“เหรอคะ มุกนึกว่าคุณนะอยู่โรงพยาบาลกับคุณพ่อซะอีก”
“มุกมีอะไรรึเปล่า”
“มุกคิดถึงคุณนะอ่ะค่ะ คิดว่าอยู่ในโรงพยาบาล จะได้แวะไปหา”
“เป็นพรุ่งนี้แล้วกันนะ แค่นี้ก่อนนะ ผมคุยงานก่อน”
ณเดชย์ตัดสายทันที โดยที่มุกตาภายังไม่ทันพูดอะไร มุกตาภาอ้าปากค้าง ก่อนจะถอนหายใจอย่างโกรธๆ ที่ถูกวางสายใส่
มุกตาภาทำท่าคิด ก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน
นายพลอัศวินนอนหน้าเขียวอยู่บนเตียง เหงื่อแตกพลัก พยายามหอบหายใจสุดแรงเกิด เห็นพยาบาลเวรเดินเข้ามา 2 คน เพื่อวัดความดัน พยาบาลเดินไปที่เตียง เห็นสีหน้าท่านนายพลก็ตกใจ
ครั้นมองไปที่เครื่องให้ออกซิเจน ไล่สายตาไปตามท่อออกซิเจนตรงจมูกอัศวิน แล้วเอามืออังดู พบว่าไม่มีลมออกซิเจนออกมาเลย พยาบาลตกใจ รีบหมุนเปิดออกซิเจน พร้อมกับกดออดเรียกพยาบาลด้านนอกมาช่วยอีก
พยาบาล 1 ตกใจไม่หาย “ใครปิดออกซิเจนเนี่ย”
พยาบาล 2 ก็ไม่ต่างกัน “ตายจริง”
พยาบาล 1 บอก “ตามคุณหมอเร็ว”
พยาบาล 2 รีบวิ่งออกไป ส่วน พยาบาล 1 รีบเอาท่อออกซิเจนใส่จมูกให้นายพลอัศวินเร็วรี่
ณเดชย์นั่งรออยู่ที่โต๊ะ มุกตาภาซึ่งอยู่ข้างนอก มองเข้าไปเห็นณเดชย์ยังนั่งอยู่คนเดียว มุกตาภาพึมพำ
“ไม่เห็นมีลูกค้าเลย นัดใครเนี่ย”
มุกตาภามองไปทางหน้าร้าน สักครู่จึงเห็นตรีอัปสรเดินมา
มุกตาภาโกรธจัด “นังตรีอัปสร”
โดยไม่ทันตั้งตัว ตรีอัปสรโดนมุกตาภาตบเปรี้ยง มุกตาภาถลาเข้าไปซ้ำ แต่ตรีอัปสรสู้ สองสาวฟาดฟันกันอยู่ตรงหน้าร้านอาหาร มุมลับตาผู้คนนั่นเอง
“นังตรี จำไว้อย่ามายุ่งกับคู่หมั้นชั้น”
“ปล่อยชั้นนะ ปล่อย”
ตรีอัปสรผลักมุกตาภาเซออกไป
“ถ้าไม่มีปัญญาผูกคู่หมั้นไว้ ก็อย่ามาหาเรื่องคนอื่น”
“ได้เลือดเมียน้อยของแม่แกมาเต็มตัวเลยนะ นังตรีอัปสร”
ดวงตาตรีอัปสรวาววับ “อย่าลามปามถึงแม่ชั้น”
“ชั้นพูดเรื่องจริง แม่ก็เมียน้อย....ลูกก็เมียน้อย....เจริญรอยตามกัน....
มุกตาภายังพูดไม่จบ ตรีอัปสรก็เข้าไปตบหน้าอย่างหมดความอดทน มุกตาภาแค้นใจโถมเข้าบีบคอจิกผมตรีอัปสร เริ่มมีคนมุงเข้ามาดู พร้อมกับมีมือใครคนหนึ่งเข้ามาดึงมุกตาภาแยกออก
“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้” เป็นชญานนท์นั่นเอง
มุกตาภาหน้ามืดแล้วไม่สน “ปล่อย ปล่อยชั้น”
ชญานนท์เสียงเข้มขึ้น “มุก มุกตาภา หยุด พี่บอกให้หยุด”
คราวนี้มุกตาภาชะงัก หันไปมองอย่างตกใจ เมื่อเห็นเป็นชญานนท์
“พี่นนท์”
ชญานนท์เข้าไปประคองตรีอัปสรให้ลุกขึ้น
สภาพตรีอัปสรเวลานี้ ดูไม่จืด เสื้อผ้าขาดวิ่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง กระเป๋าถือเลอะเทอะโดนฟัดด้วยแรงโทสะของมุกตาภา
อีกฟากหนึ่ง หมอ และพยาบาล กำลังช่วยชีวิตนายพลอัศวินเต็มที่ ด้วยขาดอากาศหายใจจนอาการทรุด โคม่า บ้างเอาออกซิเจนใส่ให้ พยาบาลผู้ช่วยเช็คออกซิเจนในเลือด บรรยากาศวุ่นวายตึงเครียด ดูเหมือนจะไม่รอด
ภายในห้องพัก รังรักของคุณหญิงสุดสวาทกับแมนในโรงแรมหรู คุณหญิงพูดโทรศัพท์อยู่ โดยมีแมนนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
สีหน้าท่าทางคุณหญิงตกใจสุดขีด “อะไรนะคะ แล้วท่านเป็นยังไงบ้างคะ ค่ะ...ค่ะ ดิชั้นจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
คุณหญิงสุดสวาทวางสาย สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด พึมพำออกมาอย่างฉงนฉงาย
“แปลก”
มุกตาภามองตามชญานนท์ที่ประคองตรีอัปสรไปทางลานจอดรถอย่างแค้นใจ ก่อนจะหันไปในร้านอย่างโกรธจัด ขยับเดินเข้าไป เตรียมอาละวาดเต็มที่ แต่เดินไปได้ 2-3 ก้าว ณเดชย์ก็เดินออกมาอย่างรีบเร่ง โดยไม่ได้สังเกตเห็นมุกตาภา
“คุณนะ”
ณเดชย์หันมามองอย่างแปลกใจ “มุก”
น้ำเสียงและสีหน้ามุกตาภา เหวี่ยงวีนเต็มที่ “คุณนะจะไปไหนคะ จะตามไปโอ๋มันใช่ไม๊”
ณเดชย์ร้อนรน ทำหน้างงๆ “มันไหน ใคร มุกพูดเรื่องอะไรเนี่ย ผมจะกลับไปดูคุณพ่อ โรงพยาบาลโทร.มาบอกว่าคุณพ่ออาการทรุด”
ณเดชย์พูดจบก็เบี่ยงตัวแล้วรีบเดินไป มุกตาภารู้สึกตัว วิ่งตามไป
“มุกไปด้วยค่ะ”
มุกตาภารีบตามณเดชย์ไป
นายพลอัศวินนอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง สีหน้าซีดสนิท สภาพร่วงโรยและทรุดโทรมลงไปมาก คุณ
หมอเจ้าของไข้ ดูอาการอยู่ครู่ใหญ่จึงหมุนตัวมา ทางคุณหญิงสุดสวาท ณเดชย์และมุกตาภา ที่ยืนลุ้นอยู่ด้วยกัน
ณเดชย์ถามทันที “ทำไมเครื่องออกซิเจนมันถึงไม่ทำงานล่ะครับ คุณหมอ”
หมอหันมามองพยาบาล แล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ออกไปก่อน
พอพยาบาลออกไปแล้ว หมอจึงหันมาทางณเดชย์
“เครื่องถูกปิดไปน่ะครับ”
คุณหญิงสุดสวาทตกใจ “อะไรนะคะ มีคนมาปิดเหรอคะ”
คุณหมอมองคุณหญิงสุดสวาท แล้วหันไปทางณเดชย์ที่ตะลึงอยู่อย่างนั้น
“มีคนอยากให้คุณพ่อผมตายเหรอครับ”
ณเดชย์พูดออกมา โดยใจจริงไม่คิดว่าจะเป็นแบบนั้น หมอส่ายหน้า
“อาจจะเป็นการเข้าใจผิดก็ได้ครับ...เข้าใจว่าจะเปิดแต่กลายเป็นปิด”
“ใครจะทำแบบนั้นคะ คุณหมอ...ถ้าไม่ใช่หมอ ไม่ใช่พยาบาล ใครจะไปกล้ายุ่ง” มุกตาภาแทรกขึ้น
คุณหญิงสุดสวาทพูดต่อ “ยกเว้นจะเป็นคนที่จงใจทำให้สามีของดิชั้นเสียชีวิต”
คราวนี้ทั้งมุกตาภา ทั้งณเดชย์ และหมอหันมามองคุณหญิงสุดสวาทเป็นตาเดียว
เวลานั้น อรสินียังคงนั่งอ่านบทรอชญานนท์ไป ก่อนมองดูนาฬิกาพบว่าเป็นเวลา 4 ทุ่ม แล้ว อรสินีมองโทรศัพท์มือถืออย่างชั่งใจว่าจะโทร.ดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจ ไม่โทร. ก้มลงอ่านบทต่อ อติรุจในชุดนอนเดินมาเห็นอรสินีก็แปลกใจ
“อร ยังไม่นอนอีกเหรอ ไหนว่ามีถ่ายละครแต่เช้า”
“พี่นนท์โทร.มาบอกว่าจะมาหาค่ะ อรก็เลยรอ”
อติรุจแปลกใจ “โทร.มาตั้งแต่ตอนหัวค่ำน่ะเหรอ”
“ค่ะ บอกว่าขอคุยกับลูกค้าก่อนแล้วจะมา”
“ถ้างั้นคงยังติดลูกค้าอยู่ อรไม่ลองโทร.ถามดูล่ะ พรุ่งนี้ต้องทำงาน นอนดึก...เดี๋ยวหน้าโทรมนะ”
อรสินียิ้มขำ “อรจะรออีกซักพักค่ะ แต่ปกติพี่นนท์ไม่เคยผิดนัดนะคะ...ถ้ามีอะไรก็น่าจะโทร.มาหาอร”
อติรุจพยักหน้า “ก็อาจจะติดพันลูกค้า เดี๋ยวก็คงมา”
อรสินียิ้มเห็นด้วยกับคำพูดพี่ชาย
รถของชญานนท์แล่นมาจอดในที่จอดรถคอนโด ชญานนท์หันมามองตรีอัปสรที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อมีรอยขาดวิ่นเล็กๆ ท่าทางตรีอัปสรยังหวาดกลัวอยู่
ตรีอัปสรมองไปรอบๆ “คอนโดใครคะเนี่ย”
“คอนโดผมเอง”
ตรีอัปสรเลิกคิ้ว “คอนโดคุณนนท์ แล้วคุณนนท์พาตรีมาทำไมคะ”
ชญานนท์ไม่ตอบแต่หยิบแว่นตาส่งให้
“หวังว่าคงพรางตาคนได้มั่งนะ ไป”
ชญานนท์เปิดประตูรถก้าวลงมายืน แต่ตรีอัปสรยังไม่เปิดประตูลงมา ชญานนท์อ้อมไปเปิดประตูฝั่งคนนั่งให้
ตรีอัปสรมองนิ่ง ชญานนท์ยื่นมือออกไปให้ ตรีอัปสรมองมือชายหนุ่มแล้วเงยหน้าขึ้นสบตา ก่อนจะวางมือลงบนมือเขา ชญานนท์จับมือตรีอัปสรพาลงจากรถ ปิดประตูแล้วจูงมือตรีอัปสรเดินเข้าไปด้านใน
ประตูห้องคอนโดเปิดออก เห็นชญานนท์เดินเข้ามากับตรีอัปสร ชญานนท์พาเดินไปนั่งที่โซฟารับแขก ตรีอัปสรมองไปรอบๆอย่างสนใจ
“เพิ่งรู้ว่าคุณนนท์ก็มีคอนโดเอาไว้พักส่วนตัวเหมือนกันนะคะ”
“ผมไม่เคยมาพักที่นี่เลย”
“อ้าว แล้วใครอยู่ล่ะคะ หรือว่า...”
“เพื่อนผมเช่าอยู่ตั้งแต่ผมตกแต่งเสร็จใหม่ๆ ตอนนี้เค้าไปทำงานที่เมืองนอก ห้องนี้ก็เลยว่าง”
“ขอถามอีกครั้งนะคะ...ว่าคุณพาตรีมาที่นี่ทำไม”
“ผมไม่อยากให้คุณกลับบ้านสภาพนี้....คุณแม่คุณจะตกใจได้”
“คุณนนท์กลัวว่าแม่ของตรีจะไปเอาเรื่องคุณมุกเหรอคะ”
ชญานนท์ถอนหายใจเบาๆ เดินไปหยิบผ้าขนหนูกับชุดคลุมอาบน้ำมาส่งให้
“ผมว่าคุณไปล้างหน้า ล้างตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ”
“ค่ะ”
ตรีอัปสรรับผ้าขนหนูและชุดคลุมมาถือไว้ มือสัมผัสมือเล็กๆ ตรีอัปสรหน้าแดงเขินๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ชญานนท์มองตามไปแล้วถอนหายใจเบาๆ
ตรีอัปสรเดินเข้าไปในห้องน้ำ มองหน้าตา ผมเผ้าตัวเองที่ยุ่งเหยิงในกระจก จับผมของตัวเองให้เข้าที่ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ สมใจที่ได้มาอยู่กับชญานนท์ในคอนโดตามลำพัง
มือชญานนท์เปิดไมโครเวฟ หยิบชามบะหมี่สำเร็จรูปออกมา แล้วเอาไปวางที่โต๊ะอาหารซึ่งมีอยู่แล้วอีกชาม ตรีอัปสรเปิดประตูห้องน้ำออกมา หล่อนอยู่ในชุดคลุม ในมือถือเสื้อผ้าชุดที่ใส่ออกมา ชญานนท์เงยหน้าขึ้นมองเห็นใบหน้าตรีอัปสรใสสะอาด ก็อดมองไม่ได้
“มีบะหมี่สำเร็จรูปอยู่ 2-3 ห่อ ผมเลยเอามาต้ม คงพอแก้ขัดได้น่ะ...คุณหิวรึยัง”
“ตอนแรกก็เฉยๆค่ะ แต่พอได้กลิ่นบะหมี่...หิวขึ้นมาทันทีเลยค่ะ”
ชญานนท์เดินไปดึงชุดในมือของตรีอัปสร
“เดี๋ยวผมเอาลงไปให้แม่บ้านข้างล่างซักรีดให้ ไม่เกิน 2 ชั่วโมง น่าจะเรียบร้อย”
ตรีอัปสรยังไม่ปล่อยชุดในมือให้ชญานนท์ “ไม่เป็นไรค่ะ...ตรีเอาลงไปให้เองดีกว่า”
ชญานนท์ขำๆ “อย่าดีกว่า ผมไม่อยากให้เป็นข่าว คุณรออยู่ข้างบนนี่ละ ผมลงไปแปบเดียว”
ชญานนท์ดึงชุดจากตรีอัปสรแล้วเดินออกไป
ตรีอัปสรมองตามไปยิ้มๆ อย่างมีความสุข
ฝ่ายณเดชย์หันมาบอกคุณหญิงสุดสวาท และ มุกตาภา
“คุณแม่กับมุก กลับไปพักเถอะครับ คืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อเองครับ”
“ให้มุกอยู่เป็นเพื่อนก็ได้นะคะ”
“พรุ่งนี้มุกต้องทำงานไม่ใช่เหรอ อย่าอดนอนดีกว่า” ณเดชย์พูดแซวเล่นๆ “เป็นผู้บริหารไม่ควรหน้าหมองไปทำงานนะ เดี๋ยวจะไม่สวย”
มุกตาภาอดขำกับคำพูดของณเดชย์ไม่ได้
“อดนอนคืนเดียวคงไม่เป็นไรมั้งคะ” มุกตาภาเซ้าซี้
“คุณพ่อปลอดภัยแล้ว มุกไม่ต้องอยู่หรอกลูก ปล่อยให้พ่อลูกเค้าอยู่กันเถอะ” คุณหญิงสรุป
“ค่ะ”
มุกตาภารับคำคุณหญิง แล้วหันไปมองณเดชย์ ที่ยิ้มให้เป็นเชิงขอบคุณ
อรสินีเดินเล่นอยู่ที่สวนหน้าบ้านรอชญานนท์ ท่ามกลางบรรยากาศเหงาหงอย ท้องฟ้ามีพระจันทร์เสี้ยว ยิ่งดูเศร้าสร้อยหนัก
ชญานนท์เปิดประตูห้องเข้ามาเห็นตรีอัปสรนั่งอยู่ที่โซฟา ชญานนท์เดินเข้าไปหา ตรีอัปสรนอนหลับตาอยู่ หน้าใสสะอาด ไม่มีเครื่องสำอาง ชญานนท์มองตรีอัปสรอย่างพิจารณา สีหน้าชญานนท์อ่อนโยนลง และเผลอยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
ตรีอัปสรลืมตาขึ้นทันที “มาแล้วเหรอคะ”
ชญานนท์ไม่คิดว่าตรีอัปสรจะลืมตา ก็ปรับสีหน้าไม่ทัน ขยับมองไปที่โต๊ะอาหารไม่ตอบ
“คุณยังไม่ได้ทานบะหมี่อีกเหรอ เดี๋ยวก็อืดหมด”
ตรีอัปสรลุกขึ้น “ตรีรอคุณนนท์ค่ะ....ทานด้วยกันนะคะ”
ตรีอัปสรลุกขึ้นอย่างเร็ว ทำให้เซเหมือนหน้ามืดเล็กๆ ชญานนท์คว้าตัวตรีอัปสรไว้ทัน
“อุ๊ย”
“ไหวไม๊”
ตรีอัปสรเงยหน้าขึ้นมองชญานนท์ ตรีอัปสรเห็นแววตาห่วงใยในสายตาของชญานนท์ ตรีอัปสรขยับตัวยืน ตั้งหลัก ชญานนท์ค่อยๆปล่อยมือจากการประคอง
“ไหวค่ะ ไม่เป็นไร สงสัยตรีคงลุกขึ้นเร็วไป”
ตรีอัปสรเดินไปที่โต๊ะอาหาร ชญานนท์มองตามแล้วเดินไป ตรีอัปสรเลื่อนชามบะหมี่สำเร็จรูปมาตรงหน้า
“ตรีอุ่นให้นะคะ”
“ไม่เป็นไร...ผมทานได้”
ตรีอัปสรยิ้มแล้วส่งตะเกียบให้ ทั้งคู่นั่งทานบะหมี่ด้วยกัน ตรีอัปสรส่งกระดาษทิชชู่ให้แล้วลุกไปรินน้ำมาให้ ชญานนท์ บรรยากาศเหมือนคู่รัก นั่งทานอาหารด้วยกัน
ณเดชย์ยืนมองอัศวินที่นอนหลับด้วยความอ่อนเพลีย ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา ณเดชย์เหมือนนึกขึ้นได้ว่า นัดตรีอัปสรไว้แล้วยังไม่ได้เจอกัน ณเดชย์หยิบโทรศัพท์ออกมากด เบอร์ตรีอัปสร
ตรีอัปสรหันไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างกระเป๋า ชญานนท์ปรายตามองเห็นชื่อณเดชย์
ก็มองตรีอัปสร
“คุณรับโทรศัพท์ก่อนดีกว่า เผื่อจะเป็นเรื่องด่วน”
ตรีอัปสรมองไปที่โทรศัพท์เห็นว่าชญานนท์รู้แล้วว่าใครโทร.มา
“ขอไม่รับดีกว่าค่ะ....ตรีไม่อยากฟังคุณนะโวยวายว่าตรีที่ไปมีเรื่องกับคู่หมั้นเค้า”
“คุณคิดว่ายายมุกไปบอกนะเหรอ”
“ตรีก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
“คุณนัดทานข้าวกับนะหรือเปล่า”
ตรีอัปสรมองชญานนท์อย่างตัดพ้อ “ทำไมคุณไม่คิดว่า คุณนะอาจจะนัดทานข้าวกับคุณมุกบ้างล่ะคะ”
“ถ้ายายมุกนัดกับนะแล้ว ยายมุกจะไปหาเรื่องคุณทำไม”
“ตรีทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว...ว่าถึงพูดอะไรไป คุณนนท์ก็คงไม่เชื่อตรี ยังไง พี่น้องก็ต้องสำคัญกว่า”
ชญานนท์ถอนหายใจ “ผมก็คิดเหมือนกันว่าพูดไปแล้วคุณจะต้องคิดว่าผมเข้าข้างน้องสาว”
“แล้วจริงไม๊ล่ะคะ”
“ถ้าจริงแล้วเราจะมาอยู่ด้วยกันที่นี่เหรอ”
ตรีอัปสรนิ่งไปนิดก่อนจะพูดช้าๆ
“คุณอาจจะไม่อยากให้เป็นข่าว ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยเท็นตบกับนางเอกละคร”
ชญานนท์ส่ายหน้า “ผู้หญิงนี่ คิดมาก คิดเยอะ คิดซับซ้อนจริงๆ”
ตรีอัปสรเอียงคอท่าทีน่ารัก “คุณอร ไม่เป็นแบบนี้เหรอคะ”
ชญานนท์ไม่ตอบแต่เปลี่ยนเรื่องพูด เพราะเสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่
“ถ้าคุณไม่รับ นายนะอาจจะโทร.หาคุณทั้งคืนก็ได้นะ”
ตรีอัปสรหันไปมองโทรศัพท์นิ่งคิด
อ่านต่อหน้า 2
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 12 (ต่อ)
ณเดชย์ยังฟังเสียงโทรศัพท์รอสายอยู่ จนซักครู่หนึ่งจึงวางสาย สีหน้าเป็นกังวล
“ทำไมไม่รับสาย....หรือว่าจะงอน”
ณเดชย์เอาแต่เป็นห่วงตรีอัปสร
ด้านชญานนท์ขยับลุกขึ้นจะหยิบชามไปไว้ที่ล้าง ตรีอัปสรลุกขึ้นแล้วดึงชามไว้ก่อน
“ตรีจัดการเองค่ะ”
ตรีอัปสรหยิบชามซ้อนกันแล้วถือไปอย่างคล่องแคล่ว ชญานนท์มองตามแล้วขยับลุกขึ้น เดินไปข้างตรีอัปสร
“ผมลงไปเร่งเสื้อผ้าคุณก่อนนะ...จะได้ไม่กลับบ้านดึก”
“ค่ะ”
ชญานนท์เปิดประตูเดินออกไป พอคล้อยหลังเขา ตรีอัปสรก็รีบเช็ดมือ ตรงไปที่โทรศัพท์มือถือทันที
เสียงโทรศัพท์สั่นกับโต๊ะดังขึ้น ณเดชย์ซึ่งพิงโซฟาหลับตาอยู่ ลืมตาขึ้น แล้วรีบหยิบขึ้นดู ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นดีใจ รีบกดรับสายทันที
“ฮัลโหล...ตรี...ตรีอยู่ไหนคะ นะโทร.ไปทำไมไม่รับสาย โกรธนะรึเปล่า นะขอโทษนะคะ ที่ผิดนัดตรี”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตรีเข้าใจ...คุณนะคงมีเรื่องอื่นสำคัญกว่าตรี”
ตรีอัปสรพูดคล้ายหยั่งเชิงเรื่องนายพลอัศวิน
“ทางโรงพยาบาลโทร.มาบอกว่า คุณพ่ออาการทรุดเพราะเครื่องทำออกซิเจนไม่ทำงานครับ”
ตรีอัปสรทำเสียงตกใจ “อะไรนะคะ...แล้ว...คุณลุงเป็นยังไงบ้างคะ”
“โชคดีว่าพยาบาลเข้ามาเห็นก่อน ก็เลยช่วยไว้ได้ครับ....ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”
“โชคดีจริงๆ เลยนะคะ แล้วตอนนี้คุณนะอยู่ไหนคะ”
“โรงพยาบาลครับ ตรีจะมาหาผมไม๊”
“คงไม่ได้หรอกค่ะ พรุ่งนี้ตรีมีงาน แค่นี้ก่อนนะคะ”
“พรุ่งนี้เย็น ผมขอแก้ตัวใหม่ได้ไม๊”
“อาจจะได้ค่ะ...ตรีมีเรื่องจะบอกคุณนะเหมือนกัน บายค่ะ”
ตรีอัปสรตัดสายโทรศัพท์ พึมพำอย่างคั่งแค้น “ตายยากตายเย็นเหลือเกิน”
ตรีอัปสรวางโทรศัพท์ ก่อนจะรีบไปคว่ำจานที่ล้างไว้ ประตูห้องเปิดออกพอดี ชญานนท์เดินเข้ามา พร้อมเสื้อผ้าของตรีอัปสร
“เรียบร้อยแล้วเหรอคะ...เร็วจัง”
“ครับ คุณไปเปลี่ยนชุดเถอะ...เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้าน”
“ค่ะ”
ตรีอัปสรรับชุดจากชญานนท์แล้วเดินไปทางห้องน้ำ
รถของชญานนท์แล่นมาจอดหน้าบ้าน ตรีอัปสรหันมามอง
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ...มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
“หน้าที่ที่ต้องดูแลนักแสดงในสังกัดน่ะเหรอคะ” ตรีอัปสรยิ้ม “แต่ถึงยังไงตรีก็ต้องขอบคุณอยู่ดีล่ะค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ”
ชญานนท์ตัดสินใจพูด “ผมขอโทษแทนยายมุกด้วยนะครับ มุกรักนายนะมาก ก็เลยทำอะไรไม่ถูกไปบ้าง”
ตรีอัปสรชะงักยังไม่ลงจากรถหันไปมองชญานนท์
“ไม่เป็นไรค่ะ ตรีเข้าใจ ฝากบอกคุณมุกด้วยนะคะว่าตรีกับคุณนะเป็นเพื่อนกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”
ชญานนท์มองตรีอัปสรอย่างพิจารณาก่อนจะรับคำ “ครับ”
ตรีอัปสรเอียงคอมองชญานนท์ก่อนจะพูดต่อ
“แล้ว...กับคุณอรล่ะคะ ตรีต้องไปอธิบายให้คุณอรฟังด้วยรึเปล่า ว่าตรีกับคุณนนท์เป็นเพื่อนกัน”
ชญานนท์นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะสบตาตรีอัปสร แล้วพูดช้าๆ
“ผมกับน้องอรยังไม่ได้เป็นคู่หมั้นกันเหมือนยายมุกกับนายนะ คงไม่ต้องอธิบายอะไรหรอกครับ”
ตรีอัปสรพยักหน้า “ค่ะ ตรีก็ว่าอย่างนั้น เพราะยังไงคุณนนท์ก็น่าจะคุมเกมอยู่ ใช่ไม๊คะ”
ชญานนท์ไม่ตอบแต่สรุปตัดบทไป “ราตรีสวัสดิ์ครับ”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
ตรีอัปสรเดินเข้าบ้านไป ชญานนท์ใช้ความคิด นึกได้ว่าบอกอรสินีว่าจะไปหา
ชายหนุ่มพึมพำออกมา ด้วยความตกใจและรู้สึกผิดเหลือเกิน
“น้องอร”
ชญานนท์ลงรถแล้วเดินเข้ามาที่หน้าบ้านอรสินี ชายหนุ่มยืนมองนิ่งท่าทีลังเล ไม่กล้ากดออดเรียก ถอนหายใจเฮือกใหญ่
เสียงอรสินีดังขึ้น “ตัดสินใจได้รึยังคะ”
ชญานนท์เงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในบ้าน เห็นอรสินีเดินลัดสนาม ตรงมาจากสวนข้างๆ
“ว่าจะเข้ามาหรือจะกลับ”
ชญานนท์อึ้ง “น้องอร”
สักครู่หนึ่งอรสินีเอาถ้วยกาแฟและขนมเค้กวางให้ตรงหน้าชญานนท์
“ขอโทษนะคะ...ที่มาดึก”
“ติดลูกค้าเหรอคะ”
ชญานนท์ไม่ตอบแต่เสยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม แต่พอวางแก้วลง เงยหน้ามองก็ชะงัก เพราะอรสินีมองจ้องเหมือนรอคำตอบอยู่
“มีเรื่องยุ่งวุ่นวายเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัวน่ะค่ะ ก็เลยต้องอยู่เคลียร์ กว่าจะเสร็จก็ดึก เกรงใจน้องอรเหมือนกัน ก็เลยลังเลว่าจะเอายังไงดี...อีกอย่างพี่ก็ยุ่งจนลืมโทรฯมาบอกน้องอร”
“อรก็คิดว่าพี่นนท์จะไม่มาแล้ว...ก็เลยจะออกมาล็อคประตู ถึงได้เห็นพี่นนท์ยืนลังเลอยู่”
“ลังเลเพราะรู้สึกผิดน่ะค่ะ”
อรสินียิ้ม “ถ้ารู้สึกผิดเพราะมาสายก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ถ้ารู้สึกผิดเพราะเรื่องอื่นก็รู้สึกผิดต่อไปนะคะ”
อรสินีพูดทีเล่นทีจริง แต่กระทบชญานนท์เต็มที่
ชญานนท์ยิ้มเฝื่อนๆ ชิงบอก “พี่ว่า...พี่รีบทานแล้วรีบกลับดีกว่า ดึกแล้ว...น้องอรจะได้พัก”
อรสินียิ้ม “ครบถ้วนทุกอย่างแล้วใช่ไม๊คะ เห็นหน้าแล้ว หายคิดถึงแล้ว...ดื่มกาแฟแล้ว”
ชญานนท์ยิ้ม “ค่ะ”
อรสินียิ้มตอบ สายตามองชายคนรักอย่างพิจารณา
ฟากตรีอัปสรในชุดนอนเดินไปนั่งลงที่เตียง สีหน้าครุ่นคิดตริตรอง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาตัดสินใจโทร.หาอรสินี
“ฮัลโหล คุณอรคะ ตรีขอโทษนะคะ ที่โทร.มารบกวนเวลาคุณอรตอนดึก...คุณอรนอนรึยังคะ”
“ยัง...ตรีมีอะไรเหรอ....หรือว่าไม่สบาย เป็นอะไรรึเปล่า”
อรสินีรับสายอยู่ในห้องนอน ที่เปิดไฟโคมหัวเตียง สีหน้าอรสินีเป็นห่วงนิดๆ
ตรีอัปสรเสียงใส “ตรีไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ ตรีสบายดี...คือ ตรีจะถามเรื่องนัดกองถ่ายละครวันพรุ่งนี้น่ะค่ะ...ตรีหาใบคิวถ่ายไม่เจอ...พรุ่งนี้นัดกี่โมง ที่ไหนคะ”
“อ่อ...งั้นเดี๋ยวอรส่งให้ทางไลน์ดีไม๊”
“ดีค่ะ ดี ขอบคุณคุณอรมากนะคะ...ตรีหาใบคิวถ่ายเท่าไหร่ก็ไม่เจอไม่รู้ว่าตกอยู่ในรถคุณนนท์รึเปล่า” ตรีอัปสรทิ้งไพ่ในมือ
อรสินีชะงักไปนิดเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ตรีอัปสรพูดต่อด้วยใบหน้าสะใจ
“งั้นตรีไม่รบกวนคุณอรแล้วค่ะ ขอบคุณคุณอรมากนะคะ กู๊ดไนท์ค่ะ”
ตรีอัปสรวางสายทันที ยิ้มอย่างสะใจ
อรสินีค่อยๆ วางมือถือลงช้าๆ สีหน้าครุ่นคิดกังวล ซักครู่ ค่อยๆคลายสีหน้าลง ก่อนจะผ่อนลมหายใจช้าๆ
รุ่งเช้า ตรีอัปสรเดินสีหน้าเบิกบานเข้ามาในห้องทานอาหาร ดารินทร์นั่งอยู่
“ยายตรี เมื่อคืนแกไปไหนมา กลับมาซะดึกเชียว ชั้นว่าจะรอคุยกับแก ก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้”
ตรีอัปสรย้อนถาม “แม่มีอะไรเหรอ”
“เมื่อวานแกไปเยี่ยมคุณอัศรึเปล่า...มีอะไรไม๊”
ตรีอัปสรมองดารินทร์ก่อนจะถอนหายใจเซ็งๆ ตรีอัปสรหันไปทางปิ๋ม
“ปิ๋ม เอาของขึ้นรถแล้วไปรอชั้นที่รถ เดี๋ยวชั้นตามไป”
“ค่ะ”
ปิ๋มเดินออกไป เหลือดารินทร์กับตรีอัปสรตามลำพัง ดารินทร์โพล่งขึ้นมา
“แกไปทำอะไรคุณอัศหะ...ยายตรี”
ตรีอัปสรบอกหน้าเฉย “ปิดออกซิเจน”
ดารินทร์เบิกตาโต “ห๊ะ...แล้วเป็นไงบ้าง...แต่ไม่เห็นมีใครโทร.มาบอกชั้นเลยน่ะ...ถ้าคุณอัศ....อืม...ตาย”
ตรีอัปสรตาวาววับ “ก็ไม่ตายน่ะซิแม่ ถึงได้ไม่โทร.มา มีพยาบาลเข้าไปเห็นก่อนแล้วก็ช่วยไว้ทัน”
ดารินทร์ถอนหายใจ สีหน้าเครียด หลับตาลง เหมือนพยายามจะสงบสติอารมณ์ ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง
“ยายตรี แม่ว่าพอเถอะ ถ้าถูกจับได้ หมดอนาคตเลยนะลูก”
“แล้วถ้าคุณลุงกลับมาหายดีล่ะคะ แม่คิดว่าเราจะมีอนาคตอยู่อีกเหรอคะ”
ดารินทร์หน้าเครียดมองลูกสาว ตรีอัปสรจับมือแม่ปลอบใจ
“เอาเถอะแม่ ตรียังไม่ทำอะไรตอนนี้หรอก รอให้เรื่องเมื่อคืนมันเงียบไปก่อน ยังไงคุณลุงก็ยังอยู่สภาพนี้ไปอีกพักนั่นละ”
ดารินทร์พยักหน้ารับ ตรีอัปสรยิ้มให้ให้กำลังใจ
ตอนสายวันเดียวกัน นายพลอัศวินนอนนิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้าหมองคล้ำ ดูทรุดโทรมไปถนัดตา ณเดชย์มองดูพ่ออย่างเป็นห่วง และทุกข์ใจ คุณหญิงสุดสวาทขยับเดินเข้ามาใกล้ๆ
“ได้เรื่องอะไรบ้างไม๊”
ณเดชย์ส่ายหน้า “ไม่ได้เลยครับ”
“อ้าว...แล้วกล้องวงจรปิดล่ะ”
“โรงพยาบาลกำลังวางระบบเปลี่ยนกล้องวงจรปิดทั้งโรงพยาบาลครับ...ก็เลยไม่รู้ว่ามีใครเข้าออกมั่ง”
“แล้วพยาบาลวอร์ดนี้ล่ะ ไม่ได้สังเกตเลยเหรอว่ามีใครเข้าออกมั่ง”
ณเดชย์ถอนหายใจ “น่าจะเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนเวรพอดีครับ”
คุณหญิงโมโห “แหม...ยามปลอดจริงๆ นี่ถ้ามันทำสำเร็จ พ่อแกก็ตายฟรี ส่วนไอ้ฆาตกร มันก็ลอยนวลไปเลย”
“คุณแม่ครับ” ณเดชย์เรียกเสียงปราม “บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้นะครับ คงไม่มีใครคิดจะทำร้ายคุณพ่อหรอกครับ”
คุณหญิงถอนหายใจ “ต้องรอให้พ่อแกตายก่อนใช่ไม๊...แกถึงจะรู้สึก”
พูดเท่านั้นคุณหญิงสุดสวาทสะบัดหน้าเดินออกไป ทิ้งณเดชย์ที่มีสีหน้ากังวลไว้ลำพัง
คุณหญิงสุดสวาทเดินออกมาหน้าห้องพิเศษ เห็นแมนนั่งรออยู่ที่เก้าอี้รับแขกด้านนอกนั้น สีหน้าคุณหญิงครุ่นคิดเจ้าเล่ห์ แมนหันมามอง ขยับลุกขึ้นเดินเข้าไปหา สีหน้าแมนเรียบเฉย
“พี่จะกลับเลยรึเปล่าครับ”
“พี่จะไปธุระต่อ”
“ครับ”
คุณหญิงสุดสวาทเดินนำหนุ่มคู่ขาไป แมนเดินตามไปต้อยๆ
ขณะเดียวกันนั้น อรสินีตบหน้าตรีอัปสรอย่างแรง ร่างตรีอัปสรเซไปตามแรงตบ
“แกอย่าคิดนะว่าแกจะแย่งคุณฤทธิ์ไปจากชั้นได้....อย่าคิดว่ามารยาสาไถยของแกจะทำให้คุณฤทธิ์หลง”
อรสินีขยับเข้าไปใกล้
“คุณฤทธิ์เค้าไม่โง่จนแยกไม่ออกหรอกว่าคนไหนดี...คนไหนเน่า”
ตรีอัปสรส่ายหน้า “พัช...ไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยนะคะ พัชไม่เคยคิดจะยุ่งเกี่ยวกับคุณฤทธิ์เลยค่ะ”
“ชั้นไม่เชื่อ....หยุดโกหก สตรอว์เบอรี่ซะทีเหอะ”
กัลยาณีเดินเข้ามา เห็นท่าทางของอรสินีกับตรีอัปสร ก็รู้ว่ากำลังมีปัญหากันอยู่
“สวัสดีค่ะ คุณทัก”
อรสินีทักตอบเสียงห้วน “สวัสดี”
กัลยาณีหันมาทางตรีอัปสร “คุณฤทธิ์อยู่ไม๊...ชั้นเอาเอกสารมาให้คุณฤทธิ์เซ็น”
“อยู่ค่ะ...รอซักครู่นะคะ”
ตรีอัปสรเดินออกไป กัลยาณีมองตาม แล้วหันมาทางอรสินี
“มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ”
“มีซิคะ...เรื่องใหญ่ด้วย”
“เรื่องอะไรคะ”
เสียงมีนตะโกนดังลั่นขึ้น “คัท”
อรสินียิ้มให้กัลยาณี แล้วเดินออกมาจากฉาก เพชรถือแก้วน้ำมาส่งให้ อรสินีรับแก้วมาถือไว้
“ขอบคุณค่ะ”
จังหวะนี้ กล้องมือถือในมือของปิ๋ม บันทึกภาพเพชรส่งแก้วให้อรสินี ปิ๋มมองรูปอย่างพอใจ แล้วหันไปถ่ายอย่างอื่นต่อ
ภารดีนั่งอยู่กับวรัญญา และวุฒิ ทั้ง 3 คน กำลังต่อบทกันอยู่ ตรงมุมนั่งพักผ่อนของนักแสดง
ภารดีหันมาพูดบทกับวุฒิ “นายต้องจัดการมันให้ได้นะ”
“ชั้นรู้แล้วน่ะ” วุฒิกระแทกเสียงหนักๆ
วรัญญาทำเสียงผู้ชาย “พัชหายไปไหนแล้ว”
ภารดีบอก “พัชออกไปซื้อของค่ะ”
วรัญญาทำเสียงผู้ชาย “แต่ทักบอกว่าพัชไปหานายเสือ”
ภารดีแปลกใจ “เสือ...เสือไหนคะ”
ติ๊น่าเดินเข้ามาพร้อมกับส่งเสียง
“เอ้า...เข้าฉากจ้า ครบตัวเลย”
ทุกคนขานรับแล้วลุกขึ้นเดินไป ภารดียังนวยนาดอยู่
ติ๊น่าเร่ง “เร็วเลยค่ะ....ตอนนี้ต้องทำงานแข่งกับเวลาแล้วนะคะ”
ข้าวตูเดินเข้ามาหาติ๊น่า
“คุณติ๊น่าคะ คุณดิษฐ์เชิญไปพบที่สถานีค่ะ”
ติ๊น่าพยักหน้าแล้วเดินไป ภารดีซึ่งเดินรั้งท้ายมองตามไปอย่างครุ่นคิด
ทุกคนอยู่พร้อมหน้าภายในห้องทำงานคุณดิษฐ์ ที่ช่องไทยเท็น
คุณดิษฐ์ มองไปยัง ชญานนท์ มุกตาภา ติ๊น่า และ รัตน์ แล้วหันกลับมาหาติ๊นา
“ตอนนี้ละครถ่ายไปได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้วครับ คุณติ๊น่า”
“ประมาณ 20 % ค่ะ”
คุณดิษฐ์พยักหน้ารับรู้ “ผมอยากให้เร่งมือกันหน่อย นักแสดงเป็นคนของเรา คิวว่างอยู่แล้วถ่ายอาทิตย์ละ 5 วัน ก็ได้นะครับ”
“ค่ะ”
ชญานนท์พูดต่อ “เราตั้งใจว่า... ถ้าถ่ายได้ซัก 50% ก็จะวางลงผังออกอากาศครับ”
ติ๊น่าตกใจ แย้งขึ้น “จะดีเหรอคะ คุณนนท์ ดิชั้นว่ารอให้ได้ซัก 80% หรือไม่ก็ปิดกล้องก่อนไม่ดีเหรอคะ”
คุณดิษฐ์กับชญานนท์มองหน้ากัน ก่อนที่ชญานนท์จะหันมา
“ผมไม่อยากให้กระแส นางสาว ณ สยาม ซาลง ก่อนละครจะออกอากาศครับ”
คุณดิษฐ์เสริม “กระแสข่าวละคร ตอนนี้ก็เงียบๆไปน่ะ” พลางหันไปทางรัตน์ “ผมอยากให้คุณรัตน์ช่วยมาเสริมทัพให้มุกด้วย”
มุกตาภารีบอาสา “มุกทำได้...มุกดูเองค่ะ”
“เอาเถอะ ช่วยๆกัน...งานออกมาจะได้ดี”
คุณดิษฐ์มองมุกตาภาปรามๆ พูดเสียงเข้ม ก่อนจะหันมาทางรัตน์
“ทำรายการเจาะลึกกองถ่ายที่คุยกันไว้ให้เป็นรูปธรรมนะ คุณรัตน์ ผมอยากเห็นรายการนี้ให้เร็วที่สุด”
“ค่ะ”
มุกตาภาคอแข็ง ปรายตามองรัตน์อย่างไม่พอใจ ติ๊น่ารับรู้ถึงบรรยากาศที่แสนอึดอัด
ประตูห้องคุณดิษฐ์เปิดออก ติ๊น่าเดินนำออกมากับรัตน์ สีหน้ารัตน์นั้นเครียดหนัก
“เจอเร่งแบบนี้ เครียดเลยใช่ไม๊คะ...คุณติ๊น่า”
“ใช่ค่ะ ละครเรื่องแรกของสถานี...ดิชั้นไม่อยากเร่งงาน เราควรจะมีเวลาเก็บรายละเอียดให้งานออกมาดี มีคุณภาพ” ติ๊นาว่า
“ดิชั้นเข้าใจค่ะ แต่ผู้บริหารเค้าก็คิดเรื่องธุรกิจด้วยอะค่ะ”
“ค่ะ...ยังไงก็ต้องเร่งให้ทันล่ะค่ะ”
รัตน์มองติ๊น่าอย่างให้กำลังใจ แล้วเดินไป ประตูห้องดิษฐ์เปิดออกอีกครั้ง เห็นมุกตาภาเดินออกมา
อย่างเร็ว แล้วรีบเดินไป ชญานนท์เดินตามออกมาอย่างเร็ว
“มุก...มุก...”
มุกตาภาไม่หยุด แถมรีบเดิน แต่ชญานนท์รีบเดินไปดักหน้าไว้
“คิดว่าจะหลบหน้าพี่ได้เหรอ”
มุกตาภาถอนหายใจหงุดหงิด “มุกไม่ได้หลบค่ะ แต่มุกมีงานต้องทำเยอะ”
“แต่พี่มีเรื่องสำคัญต้องคุยกับมุก....หรือจะให้พี่คุยต่อหน้าคุณพ่อ”
มุกตาภามองชญานนท์อย่างตัดพ้อ แต่ก็เม้มปากแน่น ไม่ยอมแพ้
ชญานนท์พูดต่อ “เรื่องเมื่อคืน ถ้ามีนักข่าวอยู่แถวนั้น...มุกรู้ไม๊ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณพ่อคงไม่ดีใจหรอกถ้าเรตติ้งของช่องจะขึ้นเพราะข่าวลูกสาวไปมีเรื่องตบตีกับ นางสาว ณ สยาม ที่กำลังจะเป็นนางเอกของช่อง”
มุกตาภามองชญานนท์ดื้อรั้น เอาเรื่อง ชญานนท์พูดต่อ
“พี่ว่ามุกก็รู้ทุกอย่างนะ แล้วเราก็พูดเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว”
มุกตาภาย้อน “พี่นนท์ทนได้เหรอคะ...ถ้าอรไปมีอะไรกับเพชร”
ชญานนท์ชักฉุน “คนละเรื่องแล้วมุก”
“เรื่องเดียวกันค่ะ คุณนะ นัดเจอกับนังตรีอัปสร มุกไปเห็นคาตา พี่นนท์จะให้มุกทำยังไงคะ เข้าไปร่วมวงกินด้วย หรือกลับไปร้องไห้ที่บ้าน”
ชญานนท์ส่ายหน้าคร้านจะทะเลาะ “พี่ว่า...เราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ”
“มุกก็ว่างั้นล่ะค่ะ...ขอตัวนะคะ”
มุกตาภาสะบัดหน้าเดินเชิดไป ชญานนท์มองตามแล้วถอนหายใจอย่างหนักอก
อ่านต่อหน้า 3
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 12 (ต่อ)
ฝ่ายดารินทร์เดินตรงมาที่โต๊ะมุมลับตาคน เห็นคุณหญิงสุดสวาทนั่งอยู่กับแมน ดารินทร์เดินไปที่โต๊ะ คุณหญิงสุดสวาทเงยหน้าหันมามอง
คุณหญิงสุดสวาทยิ้มเหยียด “นึกว่าจะไม่กล้ามาซะอีก”
“ทำไมดิชั้นจะไม่กล้าคะ”
ดารินทร์ทรุดตัวลงนั่ง แมนรู้งาน ขยับลุกขึ้นยืน
“ผมไปรอข้างนอกนะครับ”
คุณหญิงสุดสวาทพยักหน้า แมนเดินออกไป คุณหญิงหันมามองดารินทร์
“เมื่อวานเธอไปหาคุณอัศวินมาใช่ไม๊”
“เปล่าค่ะ มีอะไรเหรอคะ”
คุณหญิงมองดารินทร์อย่างพิจารณา จดสายตาจ้องจับหาพิรุธ
“แน่ใจนะ...ว่าไม่ได้ไป”
“ถ้าไป...ดิชั้นก็บอกซิคะ...จะโกหกทำไม”
“เพราะเธอไปทำร้ายคุณอัศไง....เธอก็เลยต้องโกหก”
ดารินทร์ตกใจ แล้วแปรเป็นโกรธ “คุณหญิง อย่ามาปรักปรำกันแบบนี้ ดิชั้นเสียหายนะคะ”
“ชั้นไม่ได้ปรักปรำ แต่ชั้นมีหลักฐานพยานรู้เห็น”
ดารินทร์ส่ายหน้า “พวกคนใหญ่คนโตนี่....เป็นโรคหูเบากันทุกคนเลยนะคะ”
คุณหญิงพยายามข่มอารมณ์ ไม่ให้ปรี๊ดขึ้นมา
“ชั้นไม่ได้เรียกเธอมาชวนทะเลาะ ชั้นเรียกเธอมาเพื่อจะบอกว่า ถ้าคุณอัศเป็นอะไรไป ชั้นเอาเรื่องเธอแน่”
คุณหญิงพูดจบก็ลุกขึ้นเดินหนีไป ดารินทร์หน้าเครียดกังวลจัด มองตามคุณหญิงไป
ฟากคุณหญิงสุดสวาทเดินออกมาจากร้าน ยิ้มอย่างสะใจมีเล่ห์เหลี่ยม คุณหญิงเดินมาจนถึง
แมนซึ่งยืนรออยู่
“พี่จะไปไหนต่อครับ”
คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดี “ไปหาอะไรอร่อยๆกินดีกว่า”
“ก็ดีครับ จะได้เลี้ยงอำลากันด้วย”
คุณหญิงชะงักไปนิด มองแมนด้วยแววตาเว้าวอน
“แมน ทำไมแมนใจร้ายกับพี่อย่างนี้ล่ะ ก่อนหน้านี้เราก็อยู่กัน ไม่เคยมีปัญหา แต่พอแมนไปทำงานข้างนอกแล้ว พี่ว่าแมนเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม”
แมนยิ้มบางๆ “คนเรามันก็ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีขึ้นครับ”
คุณหญิงจับมือแมน “พี่ไม่รู้น่ะแมน ว่าพี่เผลอไผลไปหลงรักแมนมากมายขนาดนี้ตอนไหน แต่พี่ขอเวลาอีกนิด...พี่จะให้แมนในสิ่งที่แมนต้องการทุกอย่าง”
คุณหญิงพูดอย่างมุ่งมั่นจริงจัง แมนมองอย่างแปลกใจ สงสัย
“พี่จะเลิกกับท่านในขณะที่ท่านยังอยู่ในสภาพนี้เหรอครับ แมนว่า...มันจะไม่ดีนะครับ”
“เอาเถอะ...ถึงเวลาแมนก็รู้เอง...เอาเป็นว่าพี่จะทำในสิ่งที่แมนต้องการ”
คุณหญิงสุดสวาทควงแขนแมน เดินหน้าเชิดไป
กองถ่ายละคร เล่ห์ร้ายสายสวาท ถ่ายทำกันไปต่อเนื่องตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย
เวลานี้ ตรีอัปสรน้ำตาหยดริน มองเพชรพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“พัช....ไม่ได้ทำนะคะ พัชดูแลคุณผู้หญิงมาแล้ว พัชจะทำร้ายท่านได้ยังไงล่ะ”
อรสินีแทรกขึ้นมา “ก็เพราะเธอมีแผนการไง....อย่าคิดนะ....ว่าชั้นจะไม่รู้กำพืดของเธอ”
เพชรมองอรสินีเป็นคำถาม “หมายความว่ายังไง”
ภารดีเสริมเข้ามา “ก็หมายความว่า เราสองคนรู้แล้วนะซิคะ ว่านัง...เอ้อ...พัชราพรเป็นใครมาจากไหนเข้ามาทำงานที่นี่เพราะอะไร...มีอะไรแอบแฝง”
เพชรมองภารดีแล้วหันกลับไปทางตรีอัปสร เห็นแววตาตรีอัปสรที่มองมาเป็นเชิงตัดพ้อ
“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญเท่าพัชบริสุทธิ์ใจที่จะดูแลคุณผู้หญิงหรอกค่ะ...
วรัญญาขยับเข้ามา “ใช่ค่ะ ขอโทษนะคะ คุณฤทธิ์ ชั้นต้องขอแทรกซักนิด...ไม่ใช่เพราะชั้นเป็นเพื่อนพัชนะคะ แต่เพราะชั้นรู้ว่าพัชกำลังถูกใส่ร้าย”
“งั้นก็โดนตบแทนเพื่อนไปแล้วกัน”
ขาดคำภารดีตบหน้าวรัญญาเต็มมือ ร่างวรัญญาล้มคว่ำลงไปกองกับพื้น
“คัท....” เสียงมีนร้องดังขึ้น
อรสินีขยับเข้าไปประคองวรัญญาทันที เห็นรอยแดงเป็นปื้นที่แก้ม
“รัญ”
วรัญญาลุกขึ้นจะเข้าไปต่อว่าภารดี ภารดีมองไปนอกฉาก แล้วรีบเข้ามาประคองวรัญญาอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“รัญ เป็นยังไงบ้าง...เจ็บไม๊...หนูดีขอโทษน่ะ...หนูดีไม่ได้เจตนา”
ภารดีพร่ำขอโทษเหมือนคนที่แสนดี และรู้สึกผิดจริงๆ
ภารดีทำเป็นแสนดี ด้วยถัดออกไปไม่ไกลนัก ศรศรี มณีศิลป์ ยืนรายงานข่าวอยู่ด้านหน้ากล้องช่องไทยเท็น ที่เก็บภาพการถ่ายทำเมื่อครู่อยู่ ศรศรี รายงาน
“สวัสดีค่ะ คุณผู้ชมทุกท่าน กลับมาพบกันกับการรายงานข่าวเบื้องหลังละคร “เล่ห์ร้ายสายสวาท” ละครฟอร์มใหญ่เรื่องแรกของไทยเท็นค่ะ...ด้านหลังของดิชั้นคือ บรรยากาศในกองถ่ายละคร ซึ่งเป็นฉากสำคัญที่พัชราพร นางเอกของเรื่องที่รับบทโดย คุณตรีอัปสร นางสาว ณ สยามถูกคุณอรสินี รองอันดับ 1 นางสาว ณ สยาม ซึ่งรับบทเป็นทักษิกาใส่ร้ายนะคะ”
รัตน์ยืนอยู่กับติ๊น่า มองศรศรี รายงานข่าวอยู่ ชญานนท์เดินเข้ามาหา สีหน้าพอใจ
“รวดเร็ว ดีจริงๆ คุณรัตน์”
รัตน์และติ๊น่าหันไปทางชญานนท์ รัตน์ทักกลับ
“คุณนนท์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ยะ”
“เพิ่งมาถึงครับ”
“มาคนเดียวเหรอคะ” ติ๊นาถาม
ชญานนท์แปลกใจ “ครับ...มีอะไรเหรอครับ”
“ดิชั้นนึกว่าคุณนนท์มากับคุณมุกตาภา”
ชญานนท์เลิกคิ้วฉงน “มุกเหรอครับ”
“ค่ะ”
ติ๊น่ามองไปที่บริเวณถ่ายละคร ชญานนท์กับรัตน์เหลียวไปมองตาม
ชญานนท์เห็นวรัญญาเดินกุมหน้าตัวเองไปกับภารดีและอรสินี มีเพชรเดินตามหลัง พอกลุ่มคนนี้เดินผ่านไป พบว่ามุกตาภายืนหน้านิ่งอยู่ โดยมีตรีอัปสรซึ่งยืนให้ศรศรีสัมภาษณ์อยู่ใกล้ๆ ทีมข่าว
รัตน์ ติ๊น่าและชญานนท์หันกลับมา ติ๊น่าออกตัว
“ดิชั้นขอตัวไปเร่งกองละครก่อนนะคะ”
“ครับ”
ติ๊น่าเดินไปเหลือรัตน์อยู่กับชญานนท์ สีหน้ารัตน์ค่อนข้างเครียดไม่สบายใจเมื่อเห็นมุกตาภา
“ถ้าคุณรัตน์ไม่สบายใจเรื่องยายมุกล่ะก้อ ไม่ต้องกังวลนะครับ คุณพ่อกับผมจะช่วยอธิบายให้เอง” “ขอบคุณค่ะ แต่ขอพูดตรงๆ นะคะ...ดิชั้นว่ายากค่ะ...คุณมุกคงไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ หรอกค่ะ”
ชญานนท์มองรัตน์แล้วหันไปมองทางน้อง เห็นศรศรี สัมภาษณ์ตรีอัปสรเสร็จ แล้วเดินไปหากลุ่มอรสินี
ตรีอัปสรหันมาชะงักเมื่อเห็นมุกตาภายืนมองตาขวางอยู่ ชญานนท์ซึ่งมองอยู่หันมาทางคุณรัตน์
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ชญานนท์พูดจบก็เดินไปทางมุกตาภาและตรีอัปสร รัตน์มองตามไป แล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อน
จะเดินไปอีกทาง
มุกตาภาเดินตรงเข้ามาหาตรีอัปสร กิริยาคล้ายจะคุกคามหาเรื่อง ตรีอัปสรยืนรอนิ่งเหมือนพร้อมจะให้มีเรื่อง
“จะมาขอโทษชั้นเหรอคะ”
“ไม่มีวัน” มุกตาภาเสียงขุ่น
ชญานนท์เดินเข้ามาถึงพอดี ยิ้มให้มุกตาภา และตรีอัปสร แต่แววตาเอาเรื่อง
“คุยอะไรกันอยู่เหรอครับ”
ทั้งตรีอัปสร ทั้งมุกตาภาหันมามอง ชญานนท์พูดต่อโดยไม่รอฟังคำตอบ
“วันนี้คุณมีคิวถ่ายอีกรึเปล่า ตรี”
“ไม่มีแล้วค่ะ”
ชญานนท์หันมาทางมุกตาภา “พี่ขอตัวนางเอกละครไปก่อนนะ ไปครับ”
ตอนท้ายชญานนท์พูดกับตรีอัปสร แล้วจับมือตรีอัปสรเดินออกไป
สองคนเดินผ่านอรสินีซึ่งกำลังให้สัมภาษณ์ศรศรีคู่กับเพชร และอรสินีหันมาเห็นภาพนั้นพอดี เต็มๆตา
ไม่นานต่อมา ภายในร้านอาหารหรู ของห้างดัง บริกรนำเอาอาหารมาเสิร์ฟให้ตรีอัปสรและชญานนท์ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ ชญานนท์นั่งหันหลังให้หน้าร้าน ตรีอัปสรมองเขาอย่างแปลกใจ
“เพิ่งรู้ว่าคุณนนท์เคยเป็นกรรมการมาก่อน”
ชญานนท์แปลกใจ “กรรมการอะไรครับ”
“กรรมการห้ามมวยไงคะ เมื่อวานก็จับแยกมาครั้งนึงแล้ว วันนี้ก็อีกครั้ง”
ชญานนท์หัวเราะเบาๆ “จนขนาดนี้ คุณก็ยังมีอารมณ์ขันนะ”
“แล้วจะให้ตรีทำยังไงล่ะคะ เครียดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น...ยิ้มสู้ดีกว่าค่ะ”
ชญานนท์ยิ้มตอบ “คิดได้แบบนั้นก็ดี...ทานเถอะครับ”
“ค่ะ”
ชญานนท์ก้มหน้าทานอาหาร ตรีอัปสรมองชญานนท์อย่างปลื้มๆ
สลิลทิพย์กับริสาเดินคู่กันมาตามทางในห้าง ซักครู่ สลิลทิพย์มองไปร้านอาหารที่กำลังจะเดินผ่าน แต่ต้องชะงัก เมื่อมองเข้าไปเห็นตรีอัปสร นั่งอยู่กับผู้ชายซึ่งหันหลังให้หน้าร้าน
“นั่น...นังตรีอัปสรใช่ไม๊”
ริสามองตามไป “เออ...ใช่ มันมากินข้าวกับใครน่ะ”
“นังนี่มันชอบสร้างข่าวจริงๆ เป็นนางงาม เป็นนางเอกแต่กล้ามากินข้าวกับผู้ชาย มันคงตั้งใจจะให้สื่อเห็นเอาไปลงข่าวสร้างกระแส”
“นั่นซิ สงสัยชั้นต้องชวนหนูอรมาออกมั่งแล้ว”
“โอย...ชั้นไม่ยอมให้ลูกเป็นข่าวเสื่อมเสียแบบนี้หรอก อยากรู้จริงๆว่ามันมากับใคร”
ทั้งริสาและสลิลทิพย์หันไปมองอีกรอบ เห็นชญานนท์เอียงหน้ามาสั่งอาหารกับบริกรพอดี สลิลทิพย์หันมามองหน้ากับริสาร้องออกมา
“ตานนท์”
ชญานนท์เบี่ยงตัวให้บริกรเสิร์ฟเครื่องดื่ม ซึ่งทำให้สลิลทิพย์เห็นหน้าเขาชัดแจ้ง ชญานนท์เลื่อนแก้วน้ำให้ตรีอัปสร บริกรเดินไป
“ตรีขอถามอะไรนิดนะคะ”
“ถามเยอะๆ ก็ได้ครับ”
ตรีอัปสรยิ้ม “ตรีอยากรู้ว่าคุณนนท์จะกันคุณมุกให้ตรีไปจนถึงเมื่อไหร่คะ”
“ตลอดไป”
ตรีอัปสรชะงัก มองชญานนท์อย่างจริงจัง ชญานนท์ก็นิ่งไปเหมือนกันกับคำพูดของตัวเองที่หลุดปากออกมา
“ตลอดไป แปลว่าอะไรคะ มันตีความได้หลายอย่างนะคะ คุณมุกจะหาเรื่องตรีตลอดไปหรือคุณจะดูแลตรีตลอดไป”
ตรีอัปสรมองมาอย่างท้าทาย ชญานนท์มองสบตาตรีอัปสรนิ่ง
“แล้วคุณคิดว่าน่าจะเป็นข้อไหนล่ะ”
ตรีอัปสรมองชญานนท์ก่อนจะหลบตาลงอย่างเขินๆ กับแววตาเจ้าชู้ของเขา
สลิลทิพย์เข้ามาโดยมีริสากดตัวให้นั่งลง สลิลทิพย์ทั้งโกรธ และอารมณ์เสียถึงที่สุด
“เธอมาห้ามชั้นทำไมเนี่ย...ริสา”
“คิดอะไรให้มันลึกซึ้ง ซับซ้อนหน่อย สลิล อย่าให้อารมณ์มันทำให้ทุกอย่างเสียหาย โดยเฉพาะยายอร”
สลิลทิพย์ฉงน “เสียหายยังไง....คนที่เสียหายคือนังตรี ไม่ใช่ยายอร”
ริสาถอนหายใจ “หยุดเหวี่ยงวีน แล้วฟังชั้นนะ สลิล”
สลิลทิพย์มองริสา แต่ท่าทางและสีหน้ายังไม่พอใจอยู่
“สมมติว่าถ้ามีนักข่าวป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ แล้วเธอเข้าไป อาละวาดโวยวายแทนยายอร มันก็จะกลายเป็นว่า แม่ของนางร้ายในละครหาเรื่องนางเอกที่มาทานข้าวกับผู้บริหารช่อง แล้วชั้นถามหน่อยเถอะ...มีสื่อสำนักไหนที่รู้ว่าหนูอรชอบพออยู่กับคุณนนท์”
สลิลทิพย์ชะงักมองริสาเหมือนคล้อยตามอย่างที่ริสาพูด
“แล้วเธอจะเข้าไปต่อว่า 2 คนนั่นในฐานะอะไร”
สลิลทิพย์มองริสาแล้วจ๋อยลง จืดลง และสงบลงในที่สุด
ขณะที่อรสินีเดินเข้ามาในบ้าน กำลังจะขึ้นบันไดไปชั้นบน สลิลทิพย์เดินออกมาจากอีกด้านหนึ่ง
“กลับมาแล้วเหรอ...ยายอร”
“ค่ะ วันนี้มีถ่ายไม่มากค่ะ....อรเลยเลิกเร็ว”
“แล้วใครมาส่ง”
“รถของกองถ่ายค่ะ”
“แล้วพี่นนท์คนดีของแกล่ะ หายไปไหน...ทำไมไม่มาส่ง”
“พี่นนท์ก็ต้องทำงานเหมือนกันนะคะ...คุณแม่”
“เหรอ” น้ำเสียงสลิลทิพย์ฟังดูเยาะๆ “แล้วนังตรีอัปสรล่ะ วันนี้เข้าฉากรึเปล่า”
“มีช่วงเช้าค่ะ แต่ตรีเลิกก่อน ก็เลยกลับก่อน”
“วันนี้แม่เจอมันที่ห้าง...กำลังกินข้าวมีความสุขอยู่กับใครรู้ไม๊”
อรสินีมองสลิลทิพย์นิ่งไม่ตอบ สลิลทิพย์มองอย่างหมั่นไส้
“อยู่กับตานนท์”
“อ๋อ...ค่ะ”
สลิลทิพย์ชักโมโห “อ๋อ...ค่ะ...อ๋อ...ค่ะ แกพูดได้เท่านี้เหรอ...ยายอร...ชั้นว่าคราวนี้ถึงตอนจบชีวิตรักของแกกับตานนท์แน่ๆ ชั้นดูท่าทาง 2 คนนั่น เหมือนคู่รักที่รักกันปานจะกลืนกิน...ผิดปากชั้นไม๊...ตั้งแต่แรกที่แกเห็นดีเห็นงามให้มันใกล้ชิดกัน แล้วเป็นไง ตอนนี้...สมใจแกแล้ว...ที่ส่งเสริมให้ตานนท์ไปติดกับนังมารนั่น”
“คุณแม่คะ พี่นนท์ไม่ใช่เด็ก แล้วก็ไม่ได้โง่นะคะ ถ้าพี่นนท์จะรักตรีจริงๆ ก็ไม่ใช่เพราะมารยาของตรีหรือเพราะอรหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะพี่นนท์คิดดีแล้วที่จะเลือกตรี”
สลิลทิพย์หมั่นไส้ “อูย...แม่พระ ใจกว้างเป็นมหาสมุทรเลยนะยะ นี่แกไม่ได้เลือดชั้นเลยเหรอเนี่ย”
“พี่นนท์ยังไม่ได้แต่งงานกับอรนะคะ เรายังไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งพี่นนท์มีสิทธิ์ที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่พี่นนท์พอใจ”
“พอเถอะ ยายอร แกจะดีผิดมนุษย์มนาไปถึงไหนห๊ะ”
“อรไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นหรอกค่ะแม่ เพียงแต่อรพยายามคิดแบบที่จะทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนอื่นให้น้อยที่สุด...เท่านั้นเองค่ะ อรขอตัวไปอ่านบทก่อนนะคะ”
อรสินีเดินขึ้นบันไดไป สลิลทิพย์มองตามอย่างเจ็บใจ ที่ลูกสาวไม่ได้อย่างใจ
อรสินีเดินเข้าห้องนอนมา หยุดยืนนิ่งเหมือนพยายามจะสงบสติอารมณ์ สุดท้ายอรสินีร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ ยกมือปิดปากไว้เพื่อไม่ให้มีเสียงร้องไห้ดังลอดออกไป
ตรีอัปสรเดินเข้าบ้านมาอย่างอารมณ์ดี ดารินทร์ซึ่งนั่งเครียดอยู่ที่ห้องรับแขกหันมามองตรีอัปสร
“ยายตรี”
ตรีอัปสรหันมามองเห็นดารินทร์ทำท่าแปลกๆ จึงเดินเข้ามาหา
“แม่เป็นอะไรน่ะ ไม่สบายรึเปล่า”
“นังคุณหญิงมันกำลังสงสัยเรา”
ตรีอัปสรขมวดคิ้ว “สงสัย เรื่องอะไรแม่...แล้วนี่ปิ๋มกลับมารึยัง”
ดารินทร์ตอบอย่างหงุดหงิด “กลับมานานแล้ว....แกช่วยสนใจเรื่องชั้นก่อนได้ไม๊”
ตรีอัปสรทรุดตัวนั่งข้างๆ “ได้ค่ะ มีเรื่องอะไรคะ คุณหญิงมันมาวุ่นวายอะไรกับแม่อีก”
“มันนัดเจอชั้น แล้วมันก็บอกว่า มันสงสัยว่าแม่ทำร้ายคุณอัศ”
ตรีอัปสรตกใจ “แล้ว...มันไปรู้ได้ยังไง”
“แม่ว่านังสลิลทิพย์มันต้องไปบอกนังคุณหญิงแน่ๆ”
“ยายนั่นมันก็คงจะขู่เราน่ะค่ะแม่ ไม่มีใครรู้เรื่องนั้นหรอกค่ะ...แม่อย่ากลัวเลย”
ดารินทร์มองตรีอัปสรหน้าเครียดๆ “นี่แกจะใจเย็นไปถึงไหนหะ ถ้าคุณอัศเกิดพูดได้ขึ้นมา แกกับชั้นจบข่าวแน่”
“เอาเถอะแม่ ยังไงมันก็ไม่ใช่วันสองวันนี้แน่นอน”
“มีแต่เรื่อง...ชั้นจะบ้าตาย...โอย”
“ก็เรื่องผู้ชายของแม่ทั้งนั้น”
ตรีอัปสรลุกหนีเดินขึ้นบันไดไป ดารินทร์อ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่าลูกสาวจะพูดแบบนั้น ได้แต่ตะโกนไล่หลังไป
“แกพูดแบบนี้หมายความว่าไงหะ....ยายตรี...นังตรี”
ดารินทร์ได้แต่ฮึดฮัด เจ็บใจกับคำพูดแดกดันของตรีอัปสรไม่คลาย
อ่านต่อหน้า 4
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 12 (ต่อ)
เย็นใกล้ค่ำ ชบาเดินเข้ามาในบ้าน เพิ่งกลับมาจากขายของ ท่าทางเหนื่อยจัด บ่นบ้าออกมาตามประสา
“โอย ทำไมมันร้อนอย่างนี้วะ โอย...เหนื่อยโว้ย...เหนื่อย...เมื่อไหร่จะสบายซะทีวะ”
ชบาเดินเข้าบ้านมา เห็นกล้านอนเมา มือถือขวดเหล้าอยู่ หน้าตามีความสุข ปากก็ร้องเพลงแบบเมาๆ ไป ชบามองอย่างหมั่นไส้ แค้นใจ
“ไอ้พี่กล้า...มีความสุขเหลือเกินนะ แก”
กล้าผงกหัวขึ้นมองเห็นชบากลับมา ก็ขยับลุกขึ้น โงนเงนอย่างดีใจ
“ชบา...กลับมาแล้วเหรอ...เหนื่อยไม๊ ขายดีรึเปล่า”
ชบามองอย่างไม่ไว้ใจ “ถามแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ เลย”
กล้ายิ้มประจบ “เหล้าหมดแล้วอ่ะ ขอตังค์หน่อยซิ นะ...นะ”
ชบาโกรธของขึ้นทันที ท้าวสะเอวมองกล้าอย่างดูถูก ด่าเช็ด
“ชั้นชี้ทางหาเงินให้ก็ไม่ทำ มาแบมือขอเงินจากชั้นอยู่ได้ ไปนู่น...ไปหาลูกสาวคนดีของพี่เลยไปบอกให้มันส่งเสียเลี้ยงดูพ่อมันบ้าง ให้มันจ่ายมาทุกเดือน แล้วก็ไม่ต้องไปติดกับแม่มันอีกล่ะ ไม่ใช่พอมันเอาเงินฟาดหัวมาให้ก้อนนึง ก็ตีปีกพั่บๆ กลับมากินเหล้า พอเงินหมดก็หันมาหาชั้น แทนที่จะหาเงินมาเลี้ยงชั้น กลับมารีดไถกันเองคิดได้ยังไงหะ เอาอะไรคิด”
กล้าแทบจะสร่างเมา “โอย ขอเงินกินเหล้าแค่นี้ จะโวยวายให้มันได้อะไรขึ้นมาห๊ะ แก่กันจนป่านนี้แล้ว ขอเงิน ให้มา ก็สิ้นเรื่อง”
“แล้วชั้นมีที่ไหนล่ะ เป็นผู้ชายภาษาอะไรวะ ไม่หาเงินแล้วยังมารีดไถเมียอีก เป็นคนหรือเป็นแมงดากันแน่เนี่ย”
กล้าโกรธจัด “นังชบา”
ชบาไม่กลัว “ทำไม ไอ้กล้า ชั้นว่าแกเอาเวลาทะเลาะกับชั้นไปหาลูกหาเมียเก่าแกจะดีกว่านะ แล้วก็เอาสมองไปด้วย อย่าไปตัวเปล่า หัวกลวงไป...มันจะไม่ได้อะไรกลับมา”
ชบาพูดจบก็สะบัดหน้าไป กล้ามองตามอย่างไม่พอใจแต่ครุ่นคิด
สายวันต่อมา พนักงานของห้องเสื้อดารินทร์ กำลังจัดร้านกันอยู่ กล้าเดินเข้าไปในร้าน พนักงานเงยหน้าขึ้นมองเห็นสารรูปของกล้า ก็หันมามองหน้ากันกับเพื่อนพนักงาน ดารินทร์ซึ่งเดินออกมาจากด้านใน สีหน้าตกใจ เมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“พี่กล้า”
กล้ามองไปเห็นดารินทร์พอดี
สองคนอยู่ในร้านอาหารของห้าง ดารินทร์มองกล้าอย่างรังเกียจ แต่พยายามข่มเก็บอาการไว้
“มาหาชั้นถูกได้ยังไง ใครบอก”
กล้าหงุดหงิด “โอย แกล้งถามหรือว่าโง่จริงๆ ห๊ะ” กล้ายิ้มเยาะ “เธอออกจะเป็นคนดัง มีลูกสาวเป็นนางเอก เป็นนางงาม กลิ่นแรงขนาดนี้...ตามไม่ยากหรอก”
ดารินทร์ถอนหายใจ “จะเอายังไง”
“จะถามทำมัยเนี่ย...ก็น่าจะรู้ว่าชั้นจะเอาอะไร”
“เท่าไหร่”
“ชั้นต้องการเงินเป็นรายเดือน หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่ชั้นเงินหมด”
ดารินทร์ส่ายหน้า “ไม่เคยเลี้ยงลูก ไม่เคยส่งเสีย แต่ก็กล้ามาตักตวง รีดไถลูกนะ”
“พูดอยู่นั่นล่ะว่าชั้นไม่เคยเลี้ยงมัน ตอนที่เธอทิ้งลูกไว้กับชั้น แล้วออกไปเร่หาผัวใหม่น่ะลืมไปแล้วรึไง”
ดารินทร์มองกล้าอย่างแค้นใจ เม้มปากเหมือนข่มไว้ไม่ให้ด่ากล้าออกมา
“ชั้นเลี้ยงมันอยู่ตั้งหลายปี มันก็ควรจะตอบแทนพระคุณพ่อมันบ้าง”
ดารินทร์ยิ่งฟังก็ยิ่งรังเกียจ “ทุเรศจริงๆ”
กล้าเอื้อมมือสั่นๆมายกแก้วน้ำขึ้นดื่ม แล้วเบ้ปากอย่างรังเกียจ
“น้ำอะไรวะ” พลางมองซ้ายมองขวา “มีเหล้าขายไม๊เนี่ย”
“ไม่มี”
กล้าหงุดหงิดก่อนจะหันมาคุยต่อ “จ่ายชั้นมาทุกเดือน จะเอาไปให้ชั้น หรือจะให้ชั้นมาเอง”
“เอาไปให้”
กล้ายิ้มพอใจ “ดี”
“แต่ให้ได้เดือนละเท่าไหร่ ชั้นขอคุยกับยายตรีก่อน”
กล้าขู่ “ก็อย่าให้มันน่าเกลียดแล้วกัน อย่าให้พ่อต้องฟ้องร้องเรียกค่าเลี้ยงดูลูกให้มันฉาวโฉ่”
ดารินทร์มองกล้าอย่างแค้นใจ นึกทวนหวนย้อนถึงความขมขื่นในอดีตที่กล้าสร้างไว้ให้ชีวิตตน
ที่ร้านขายข้าวแกง ริมถนนต่างจังหวัด เมื่อ 20 ปี ก่อน
ดารินทร์ในชุดแต่งตัวเชยๆ แต่สวยงามตามท้องเรื่องแบบสาวบ้านนอก ถักเปีย 2 ข้าง หิ้วถุงใส่ไม้บรรทัดยาวๆ สำหรับวัดเรียนตัดเสื้อผ้า มีสมุดสเก็ตช์ ดูออกว่าเรียนออกแบบเสื้อผ้า
ดารินทร์เดินมาคนเดียว เข้าไปสั่งข้าวแกง แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะ ซักครู่ เด็กเสิร์ฟเอาข้าวแกงมาวางให้
ก่อนที่เสียงนุ่มนวลของกล้าจะดังขึ้น “ขออนุญาตนั่งด้วยคนได้ไม๊ครับ”
ดารินทร์เงยหน้าขึ้นมอง เห็นกล้า เป็นหนุ่มหน้าตาดี ดูเป็นคนดี สะอาด ผมเรียบแปล้ ดารินทร์ยิ้มนิดๆ ก่อนจะพยักหน้า
“ได้”
ดารินทร์ก้มหน้าตักข้าวกินท่าทีเขินๆ กล้ามองอย่างเป็นปลื้ม ชื่นชม ดารินทร์ตักข้าวเข้าปากคำเล็กๆ กิริยาน่ารัก พอสบตากล้า ก็ยิ้มเขินๆ
เวลาผ่านไป ที่ท้องทุ่งแสนสวย ริมถนน ดารินทร์เดินจูงมือกับกล้าอย่างมีความสุข ความสัมพันธ์ดูออกว่าเลยเถิดไปไกลมากแล้ว สองคนนั่งแอบอิงกันสุขสม
“พี่กล้ารักดารึเปล่า”
“รักซิ รักมากด้วย”
“ถ้าเราแต่งงานกัน พี่จะพาดาไปอยู่บ้านพี่ที่กรุงเทพฯไม๊”
“ไปซิ”
ดารินทร์ขยับหันมามองอย่างดีใจ “จริงเหรอ จริงๆนะ....ดาจะได้ไปอยู่กรุงเทพฯจริงๆนะ”
“จริงซิ”
ดารินทร์ดีใจกอดกล้าแน่น กล้ายิ้มพอใจ
เวลาต่อมา ดารินทร์ท้องโต กำลังเดินตามหลังกล้าเข้ามาในสลัม มองซ้ายมองขวาอย่างงงๆ แกมผิดหวัง สุดท้ายดารินทร์เดินไปดึงแขนกล้าซึ่งเดินอยู่ข้างหน้า
“พี่กล้า ทำไมทางไปบ้านพี่...เป็นแบบนี้ล่ะ”
กล้าหยุดเดินหันมาหา “แล้วจะให้เป็นยังไงล่ะ นึกว่าชั้นอยู่คฤหาสน์ใหญ่โตรึไง เพ้อเจ้อไปแล้ว”
กล้าหงุดหงิดเดินนำไป ดารินทร์มองตามไป เห็นอนาคตอันตกต่ำของตัวเอง
ดารินทร์จมอยู่ในความคิดนั้น จนกระทั่งน้ำเสียงกระชากของกล้าดังขึ้น
“เอ้า...จะเหม่ออีกนานไม๊...ไม่ได้ยินที่ชั้นพูดรึไง”
ดารินทร์สะดุ้ง รู้สึกตัวตั้งแต่กล้ากระชากเสียงใส่ หันมามอง กล้าพูดต่อ
“เอาเงินมาให้ชั้นก่อน...เร็ว”
กล้าเสียงดังมาก ดารินทร์มองซ้าย แลขวา กลัวคนจะมอง ก่อนจะหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ กล้าคว้ามาอย่างเร็ว เอามานับแล้วมองดารินทร์
“รีบไปคุยกับตรีแล้วเอาเงินเดือนไปให้ชั้นด้วย” กล้าชูเงินขึ้น “ไม่เกี่ยวกับอันนี้”
กล้าลุกขึ้นเดินออกไป ดารินทร์มองตามอย่างโกรธจัด
ส่วนที่กองถ่ายละคร เล่ห์ร้ายสายสวาท เวลานั้น ภารดีเดินมาหยุดมองตรีอัปสรที่ยืนสงบอยู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเบ้ปากอย่างดูถูก
“ชั้นกับทัก...สืบรู้มาว่า แกเคยอยู่ในสลัมหลังตลาดของคุณฤทธิ์มาก่อนแล้วพอเค้าเผาสลัมไล่ที่ แกก็วางแผนมาสมัครทำงานที่นี่ เพื่อจะแก้แค้นแม่ของคุณฤทธิ์”
ตรีอัปสรส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ใช่นะคะ ไม่จริงค่ะ”
ภารดีตวาดแว้ด “ทำไมจะไม่จริง”
อรสินีด่าตาม “แกอย่ามาสร้างภาพทำตัวเป็นนางเอกแสนดีเลย ชั้นจะอาเจียน ยอมรับความจริงแล้วก็ไปจากที่นี่ซะ ชั้นจะกรุณาไม่จับตัวแกไปส่งตำรวจ”
“พัชไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ”
ขาดคำ อรสินีตบหน้าตรีอัปสรทันที ร่างตรีอัปสรเซล้มคว่ำไปกองกับพื้น
“โอ๊ย”
ชญานนท์ยืนดูอยู่กับติ๊น่าและรัตน์ ทั้ง 3 กำลังมองไปที่ฉากซึ่งตรีอัปสรโดนตบอยู่ ชญานนท์
หันมาทางติ๊น่ากับคุณรัตน์
“ตอนนี้บทเขียนมาจบรึยังครับ”
“จบแล้วค่ะ”
“ตอนบ่าย ผมขอคุยกับคุณรัตน์ คุณติ๊น่าที่ไทยเท็นด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ”
ชญานนท์หันกลับไปมองที่ฉากละคร เห็นเพชรจับตัวอรสินีไว้ ประมาณว่าเพชรเข้ามาเห็นอรสินีกำลังตบตีทำร้ายตรีอัปสร เลยเข้ามาห้าม โดยกอดเอวอรสินีไว้ ไม่ให้ไปหาเรื่องตรีอัปสร
ชญานนท์มองอย่างไม่พอใจ แต่ก็พยายามเก็บอาการ
บทโทรทัศน์เรื่อง “เล่ห์ร้ายสายสวาท” อยู่ในมือชญานนท์ เขาปิดบทที่ดูเมื่อครู่ลง ชญานนท์นั่งอยู่ในห้องประชุมช่องไทยเท็น มีรัตน์และติ๊น่านั่งอยู่ด้วย
“ผมว่าละครเรื่องนี้ มีฉากตบกันเยอะมากเกินไป”
“แต่คนดูชอบนะคะ” ติ๊นาแย้ง
ชญานนท์ถอนหายใจ “เราไม่จำเป็นต้องทำละครตามใจคนดูทั้ง 100% นี่ครับ”
รัตน์แทรกขึ้น “แต่เราต้องการเรตติ้งนะคะ คุณนนท์ ละครมีเรตติ้งสูงก็จะทำให้เราขายโฆษณาได้ และก็มีผลกับละครเรื่องต่อไป”
ชญานนท์แย้งว่า “ทุกอย่างมันมีผลทั้งนั้นล่ะครับ ผลด้านดี ด้านร้าย ผมว่า...เราควรจะตั้งอยู่ในความพอดี...ไม่มากไป...ไม่น้อยไป”
“ละครเรื่องอื่นที่ดิชั้นเคยทำมา มีตบกันมากกว่านี้อีกนะคะ ตบกัน แย่งผู้ชาย ด่าทอ เชือดเฉือน ก็เหมือนชีวิตจริงที่เกิดขึ้นนะคะ ละครก็ไม่ได้ต่างกับเรื่องจริง” ผู้จัดบอก
“คนอื่นเค้าก็ทำกันนะคะ...คุณนนท์” รัตน์เสริม
“ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้มีฉากนี้นะครับ แต่รบกวนคุณติ๊น่ากับคุณรัตน์ อ่านบทให้ละเอียดแล้วก็ปรึกษากับผู้กำกับด้วย...คนเราจะลงไม้ลงมือถึงขั้นตบตี ก็น่าจะมีเหตุจูงใจให้มันแน่นหนาหน่อย....ไม่ใช่เอะอะ อะไรก็ตบ...ตบ ผมฝากด้วยนะครับ”
ขาดคำชญานนท์ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทุกคนหันไปมองเห็นมุกตาภาเปิดประตูเข้ามา
“มุกมาช้าไปรึเปล่าคะ”
มุกตาภาเดินมานั่งที่เก้าอี้ หันมาทางชญานนท์
“รบกวนพี่นนท์ช่วยให้คุณรัตน์เล่าเรื่องที่ประชุมให้มุกฟังใหม่ได้ไม๊คะ”
ชญานนท์มองมุกตาภา แล้วหันไปมองรัตน์เป็นเชิงขอร้อง รัตน์ยิ้มนิดๆ อย่างเข้าใจ
เย็นวันนั้น อติรุจเดินออกมาจากด้านในบ้าน เห็นชญานนท์นั่งขรึมอยู่คนเดียว สีหน้าครุ่นคิด อติรุจทักทายอย่างแปลกใจ
“อ้าว นนท์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“เพิ่งมา วันนี้กลับบ้านเร็วนี่ ชั้นมาทีไร...ไม่เคยเจอนายซักที”
อติรุจหัวเราะ “ก็นายมาเวลาปกติซะที่ไหน ไม่เร็วไป ก็ดึกไปเลย”
ชญานนท์ยิ้มแห้งๆ “ก็งานชั้นเยอะนี่หว่า”
อติรุจหัวเราะขำ “ตอนนี้ยิ่งยุ่งเข้าไปอีกใช่ไม๊ จับนางงามใส่กระด้ง ทำละคร”
“ใช่ น้องอรยังไม่กลับเหรอ...คุณน้าไปรับรึเปล่า”
“ยังไม่กลับ คุณแม่ไม่ได้ไปรับหรอก...ติดประชุม”
“แล้วใครไปรับล่ะ คุณน้าริสารึเปล่า”
อติรุจยังไม่ทันตอบ ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามา มองเลยออกไปทางประตูบ้าน
“พูดถึงก็มาพอดีเลย...”
ชญานนท์มองตามไปทางหน้าบ้าน
สักครู่หนึ่ง อรสินีเดินเข้ามาคู่กับเพชร ในขณะที่ชญานนท์เดินมาจากด้านใน ชญานนท์พยายาม ปรับสีหน้าให้ปกติ เมื่อเห็นสองคน เพชรเห็นชญานนท์ก็ทักขึ้นก่อน
“คุณชญานนท์ สวัสดีครับ ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณที่นี่นะครับ”
ชญานนท์ยิ้มทักตอบอย่างเชือดเฉือนในที “ผมก็ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณที่นี่เหมือนกัน”
เพชรหัวเราะเบาๆ “ผมกับอรแสดงละครด้วยกันนะครับ แล้วผมกับอรรู้จักกันมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย...เราสนิทกันมานานแล้วครับ”
“อ๋อ...ครับ”
อรสินีตัดบท “พี่นนท์ มีธุระอะไรรึเปล่าคะ”
ชญานนท์ชะงัก ไม่คิดว่าอรสินีจะถามคำถามนี้ต่อหน้าเพชร แต่ก็พยายามเก็บอาการ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด
“วันนี้พี่ว่าง...ก็เลยตั้งใจจะมาคุยกับน้องอร...น่ะค่ะ”
อติรุจเดินเข้ามา “ทานข้าวไป คุยกันไปดีกว่าไม๊”
ทุกคนหันไปมอง อติรุจเดินออกมา พยายามคลี่คลายสถานการณ์ ทำให้บรรยากาศดีขึ้น
อติรุจทักทายเพชร “อ้าว เพชร มาส่งน้องอรเหรอ ขอบใจมากนะ”
เพชรยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ ให้ผมรับส่งทุกวันก็ได้นะครับ เพราะยังไงก็ต้องไปถ่ายละครด้วยกันอยู่แล้ว”
อติรุจหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ต้องขอบใจละ จะกลับเลยรึเปล่า”
อรสินีขัดขึ้น “อรชวนเพชรทานข้าวด้วยค่ะ”
อติรุจยิ้ม เชื้อชวน “อ๋อ...งั้นก็เชิญข้างในเลย”
“ครับผม”
อรสินียิ้มให้แล้วเดินนำเข้าไป เพชรเดินตามไปห่างๆ อติรุจเดินมาหาชญานนท์ซึ่งยืนนิ่งอยู่ ตบไหล่
ชญานนท์ปลอบใจ แล้วดึงชญานนท์เข้าบ้านไป
ฟากฝ่ายตรีอัปสรทรุดตัวลงนั่ง สีหน้ากังวลทุกข์ร้อนหลังรู้เรื่องกล้า ดารินทร์นั่งอมทุกข์อยู่ตรงข้าม
“แล้วตรีจะทำยังไงดีล่ะ แม่ เราจะให้พ่อเท่าไหร่ดี”
ดารินทร์ถอนหายใจ “คนอย่างพ่อแก...ให้เท่าไหร่ก็ไม่พอหรอก ไหนจะนังเมียอีก ยุยงส่งเสริมกันดีนัก”
“แต่ถ้าพ่อออกมาพูดว่าเป็นพ่อตรี ตรีตายแน่เลย...งานนี้หมดอนาคตแน่”
ดารินทร์เครียดหนัก “มีแต่เรื่อง โอย มันอะไรกันนักหนาเนี่ย....เรื่องคุณอัศก็ยังไม่จบ...เรื่องพ่อแกก็โผล่เข้ามาอีก”
ตรีอัปสรกังวลไม่คลาย “แล้วเราต้องให้คำตอบพ่อเมื่อไหร่แม่”
“ก็ 2-3 วัน นี่แหละ”
ตรีอัปสรพยักหน้ารับ ปิ๋มเดินเข้ามาหา
“คุณตรีคะ พรุ่งนี้กองถ่ายนัดเที่ยงนะคะ”
ตรีอัปสรพยักหน้ารับ ดารินทร์มองปิ๋มอย่างหมั่นไส้เล็กๆ
“ขยันขันแข็งกว่าทำงานบ้านเยอะเลยนะ ปิ๋ม”
“ค่ะ ปิ๋มชอบ ปิ๋มรู้เลยนะคะว่าปิ๋มเกิดมาเพื่อเป็น ผ.จ.ก. คุณตรี”
ตรีอัปสรกับดารินทร์มองหน้ากัน เอือมปนขำกับท่าทางของปิ๋ม
ค่ำมากแล้ว ขณะที่หน่อยกับน้อย ช่วยกันเก็บโต๊ะอาหาร เพชรนั่งอยู่กับชญานนท์และอติรุจ อรสินีเดินเข้ามาพร้อมกับถาดใส่เค้กและกาแฟ เพชรขยับลุกขึ้นไปรับถาดจากอรสินี
“มาครับ ผมช่วย”
อรสินีส่งให้ “ขอบคุณค่ะ”
ชญานนท์มองเพชรที่แสดงความใกล้ชิดกับอรสินี หน้าตึงไม่พอใจ เพชรเสิร์ฟเค้กให้ชญานนท์ พลางหันไปถามอรสินี
“ไวท์ช็อกเค้กใช่ไม๊ครับ อร”
“ค่ะ”
“ของโปรดผมเลยนะเนี่ย” เพชรหันมาทางชญานนท์ “ลองทานดูนะครับ คุณชญานนท์ อร่อยมากเลยครับ”
อรสินีมองชญานนท์อย่างอึดอัด แต่ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่เลื่อนแก้วกาแฟส่งให้
“กาแฟค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
อรสินีเลื่อนจานเค้กกับกาแฟไปให้อติรุจ
“พี่ขอบายเค้กน่ะ กาแฟแก้วเดียวพอ” อติรุจหันไปทางชญานนท์ “เมื่อตอนเย็น นายบอกว่าจะชวนน้องอรไปดูของไม่ใช่เหรอ”
แวบแรก ชญานนท์มองอติรุจอย่างงงๆ แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นเข้าใจ แต่ออกอาการงอนอรสินีที่มีเพชรอยู่ด้วย
“น้องอรมีแขกแบบนี้ เอาไว้ก่อนดีกว่า”
เพชรไม่รู้อิโหน่อิเหน่ “ใช่ครับ ผมเห็นด้วย วันนี้ถ่ายละครมาทั้งวันแล้ว พรุ่งนี้ก็มีถ่ายแต่เช้า”
ชญานนท์อึดอัดขยับลุกขึ้น “ถ้างั้นพี่กลับก่อนดีกว่า น้องอรจะได้พัก”
“อรไปส่งพี่นนท์เถอะ พี่นั่งเป็นเพื่อนเพชรให้” อติรุจชี้ช่อง
“ค่ะ”
เพชรบอกลา “แล้วเจอกันครับ คุณนนท์”
“ครับ”
ชญานนท์เดินนำออกไป อรสินีขยับเดินตามไป อติรุจยิ้มให้เพชรแล้วชวนให้กินเค้ก
ชญานนท์เดินนำมาที่หน้าบ้าน อรสินีเดินตามมาช้าๆ ชญานนท์เดินไป 2-3 ก้าว ก็หยุดเดินแล้วหันไปมอง พูดตัดพ้อ ด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“ส่งแค่นี้ก็ได้ค่ะ เข้าไปอยู่กับพระเอกละครเถอะ เดี๋ยวเค้าจะรอ”
อรสินีมองชญานนท์นิ่งๆ “พี่นนท์ โกรธอรทำไมคะ อรว่าอรไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ”
ชญานนท์ถอนหายใจ “น้องอรไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกค่ะ พี่นนท์ผิดเอง ผิดที่ทำใจเห็นน้องอรสนิทสนมกับนายเพชรนั่นไม่ได้”
อรสินียิ้มบางๆ “ถ้าพี่นนท์เชื่อใจอร พี่นนท์ก็จะทำใจได้ค่ะ เหมือนที่อรเชื่อใจพี่นนท์ไม่ว่าจะมีอะไร อรก็เชื่อใจพี่นนท์”
คราวนี้ชญานนท์ชะงัก เขม้นมองอรสินี ทั้งคู่สบตากัน ชญานนท์อดใจไม่ไหว ดึงอรสินีเข้ามากอด พูดบอกรักเบาๆ “พี่รักน้องอรนะคะ”
อรสินีขยับตัวออก “กู๊ดไนท์ค่ะ”
ชญานนท์มองอรสินีอย่างเว้าวอน ก่อนจะตัดใจหมุนตัวเดินออกไป
อรสินีมองตามไป แววตาเป็นกังวล พลางถอนหายใจเบาๆ
ขณะที่ปิ๋มนั่งดูรูปในโทรศัพท์มือถืออย่างเพลิดเพลิน ตรีอัปสรเดินเข้ามาหา
“ดูอะไรน่ะ....ปิ๋ม”
“ดูรูปที่ถ่ายมาจากในกองถ่ายค่ะ”
ตรีอัปสรมอง ท่าทีขำๆ “ชอบจริงๆ นะ”
ปิ๋มยิ้มให้ แล้วก้มลงดูรูปต่อ ปิ๋มตาโต ขยับตัวเข้าหาตรีอัปสร
“คุณตรี ดูรูปนี้ซิคะ คุณตรีสวยมากเลยค่ะ ปิ๋มถ่ายตอนถูกตบไว้ค่ะ คุณตรีเล่นดี๊...ดี”
ตรีอัปสรหยิบโทรศัพท์ปิ๋มไปดูรูปแล้วยิ้มนิดๆ
“ตบกันทั้งเรื่อง นี่ถ้าโดนจริงๆ กว่าจะจบ แก้มชั้นโย้แน่”
ตรีอัปสรพูดไปก็เลื่อนรูปดูไปเรื่อยๆ จนเห็นรูปอรสินีกับเพชร
“นี่แกถ่ายรูปคุณอรไว้ด้วยเหรอ”
ปิ๋มชะโงกไปดู “อ่อ ค่ะ รูปนี้สวีทหวานแหวว ยังกะคู่รักกันเลยนะคะ”
ตรีอัปสรมองรูปอย่างครุ่นคิด ก่อนจะหันมาทางปิ๋ม
“นั่นซิ รูปน่ารักเชียว แกเอาไปโพสต์ไว้ซิ ทำเป็นไม๊”
“อุ๊ย ทำเป็นซิคะ ปิ๋มน่ะ ไฮเทคนะคะ ตั้งแต่ไปกับคุณตรี ปิ๋มก็มีทั้ง I.G. ทั้งเฟซบุ๊คเลยค่ะ”
ตรีอัปสรยุส่ง “เอาไปโพสต์ไว้เลย ถ่ายรูปดีๆแบบนี้ต้องโชว์ เผื่อมีคนเห็นแวว...แกรวยแน่”
ปิ๋มกระตือรือร้น “ค่ะ...ค่ะ”
ตรีอัปสรยิ้มร้าย แววตาลึกล้ำเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินไป
อ่านต่อตอนที่ 13