หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 12
นายประสิทธิ์ก้าวเข้ามาในห้องรับแขก ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ครู่หนึ่งซินดี้ ก็ปราดเข้ามาเกาะแขนเกาะขา
“ได้ข่าวหนูเอ มั่งหรือยังคะ”
นายประสิทธิ์เดินไปนั่งที่โซฟา ซินดี้เกาะติดไปด้วย
“เฮ้อ มีแต่ก่อเรื่องไม่หยุด”
“วัยรุ่น ก็แบบนี้ล่ะค่ะ”
จบประโยคของซินดี้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น นายประสิทธิ์รีบรับสาย
“เอ หรือลูก ลูกปลอดภัยหรือเปล่า”
“ปลอดภัยดีค่ะ เอขอพบคุณพ่อได้มั้ยคะ”
“ได้ซิลูก เมื่อไหร่ล่ะ”
“ตอนนี้เลยค่ะ”
จบประโยค เอก็เปิดประตูเข้ามาในบ้าน นายประสิทธิ์กับซินดี้ มองอย่างแปลกใจ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”
ซินดี้รีบเดินซอยเท้ายิกๆ เข้าไปหา
“ต๊ายหนูเอ ดีใจที่ปลอดภัยกลับมานะคะ”
เอหันขวับไปเบ้ปากใส่“ซินดี้ อย่ากระแดะ”
“พ่อดีใจ ที่เอปลอดภัย”
นายประสิทธิ์มองหน้าลูกสาวด้วยความเอ็นดู
“ต้องขอบคุณ เงินของคุณพ่อค่ะ แล้วก็คุณพ่อด้วยค่ะ”
“เอ ก็รู้ว่าพ่อทำทุกอย่างให้เอได้”
เอยิ้มให้ผู้เป็นพ่อ
“มีคนช่วยเอ ออกมาจากพวกคนร้าย เขาไม่ต้องการออกตัว แต่เขาต้องการเงินรางวัล คุณพ่อช่วย โอนเงินเข้าบัญชีเอด้วยนะคะ”
“ตายจริงไม่ออกตัว ก็ไม่ต้องเอาซิ”
ซินดี้พูดแทรกขึ้นมา เอหันไปถลึงตาใส่ ซินดี้รีบหลบด้านหลังนายประสิทธิ์
“เอ ขอตัวนะคะ ขอบคุณค่ะ”
“ดื่มให้กับสวัสดิภาพของคุณเอ”
นายเกื้อพรยกแก้วขึ้นชู ขณะที่นั่งร่วมโต๊ะกับวินและเอที่ร้านอาหารบรรยากาศหรู
“ขอบคุณค่ะ”
“ให้ผมลากตัวนายอ๊อดมาจัดการดีกว่า”
วินส่ายหน้า “อย่าเลยครับ มันเป็นคนไปช่วยคุณเอ”
“ใครจะไปรู้ มันอาจเป็นคนวางแผนทั้งหมด”
เอพยักหน้าเห็นด้วย “อาจเป็นไปได้ค่ะ”
นายเกื้อพรหันมามองหน้าเอ “ผมว่าจับมันมาสอบสวนให้รู้เรื่องกันไปเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พอมันได้เงินเดี๋ยวก็มีอะไรโผล่ออกมาเอง”
“อืม คุณเอ ล้ำลึกจริงๆ”
นายเกื้อพรชมอย่างจริงใจ พลางส่งสายตาชื่นชอบออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ขอบคุณค่ะ”
เอจงใจยิ้มหวานตอบกลับไป นายเกื้อพรถึงกับมองเคลิ้ม
“นี่คุณจะส่งตาหวานให้นายเกื้อพรมากไปแล้วนะ”
วินหันมาบอกกับเอ เมื่อทั้งคู่นั่งอยู่ในรถตู้ด้วยกัน
“คุณลืมแล้วเหรอ ว่าเรามีแผนจะเจาะลึกหาหลักฐานบรรดาเครือข่ายของนายเกื้อพร แล้วถ้าฉันไม่ ส่งตาหวานให้ แล้วจะให้ฉันทำยังไงถึงจะเข้าใกล้ข้อมูลลับของนายเกื้อพร คุณคิดว่านายเกื้อพร ทิ้งหลักฐานกองไว้
ในห้องทำงานเหรอไง”
“ผมแค่จะชมน่ะครับว่าคุณทำตาหวานได้ฉ่ำจริงๆ ผมไม่เคยเห็นมาก่อน”
เอหันมาส่งยิ้มให้วิน “ก็ฉันไม่ได้ต้องการให้คุณหลงฉันนี่ เพราะยังไงคุณก็หลงฉันไม่ได้อยู่แล้ว”
“อย่าลืมซิครับ หลงไม่ได้กับไม่ได้หลง ไม่เหมือนกันคุณบอกผมเอง แล้วคุณจะเอาเงินไปให้ ไอ้อ๊อดมันเมื่อไหร่”
“มันบอกว่ามันจะหาทางติดต่อมา”
“อืม ผมไม่อยากรอ ผมมีแผนแล้ว”
พูดจบ วินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดสาย
“ผู้กองครับ ช่วยหาตำแหน่งนายอ๊อดให้ผมหน่อย ขอบคุณครับ”
ขณะที่ไอ้อ๊อดถูกชายสองคนลากจากในบาร์มาที่รถตู้คันหนึ่ง ทันที่ประตูรถเปิดออก วินที่นั่งอยู่ข้างใน ก็รีบทัก
“จะรีบไปไหน นายอ๊อด”
“ผมไม่เกี่ยวข้องกับท่านสุรชัยแล้วนะครับ”
“ฉันเอาเงินรางวัลสามล้านมาให้”
ไอ้อ๊อดเหลือบตาเห็นเอนั่งอยู่ในรถด้วย
“คุณเอ คือผมแค่พูดเล่นๆ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ”
“ฉันให้”
เอพูดพลางพยักหน้า มือปืนเปิดประตูหน้าหยิบกระเป๋าใส่เงินให้ ไอ้อ๊อดรับมา พลางทำตาโต แต่ยังไม่กล้าพูดอะไร
“ถึงนายจะไม่แจ้งเบาะแสคนร้ายแต่ฉันเห็นคนร้ายกับตา เลยแถมให้หนึ่งล้าน”
ไอ้อ๊อดยิ้มกว้าง แต่ก็ต้องรีบหุบ เมื่อเห็นวินจ้องอยู่
“คือผมไม่ได้ขู่เอาเงินจากคุณเอนะครับ”
วินยิ้ม
“ผมไม่ได้ว่าอะไร ผมมาขอบใจที่ช่วยแฟนผม ฝากย้ำเตือนนายสุรชัยอีกว่าอย่าแม้แต่คิด เล่นงาน พวกเราอีก แล้วนายก็ระวังด้วย”
“เราจบกันตรงนี้”
เอรีบตัดบท ก่อนที่พวกสมุน จะดันตัวไอ้อ๊อดออกไป
เข้าวันรุ่งขึ้น ซินดี้เดินเข้ามาในครัว เห็นนายประสิทธิ์นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว กำลังอ่านข่าวสารจาก เครื่องไอแพดอยู่
“ตายจริงวันนี้ซินดี้ตื่นสายไปหน่อย”
ซินดี้เดินมาใกล้หอมแก้มนายประสิทธิ์อย่างเอาใจ
“งานยุ่งเหรอคะป๋า”
“อืม ใช่ ผมอาจต้องไปฮ่องกง”
“ดีจัง เอ้อ ซินดี้ไปด้วย”
นายประสิทธิ์หันมาทำหน้าดุ “ไม่ได้หรอก ผมมีธุระสำคัญ”
“ไปเมื่อไหร่แล้วกลับเมื่อไหร่คะนี่”
“บ่ายนี้ แล้วกลับพรุ่งนี้”
ซินดี้ตาวาว แต่นายประสิทธิ์ไม่ทันสังเกต
วินพามือปืนก้าวเข้ามาในห้องทำงานของนายสมภพ ขณะที่ไอ้เม่นยืนประกบอยู่ข้างๆ “อีกสิบกว่าวันสินค้าถึงจะมาครับ” นายสมภพรีบบอก
“ผมรู้แล้ว บังเอิญผ่านมาแถวนี้”
พูดพลางกวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง “นายอ๊อดยังไม่มาหรือครับ”
นายสมภพนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเลี่ยงๆ
“คุณวินเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าครับ นายอ๊อดทำงานกับนายสุรชัย ไม่ใช่ผม”
วินพยักหน้าหงึก “อ้อ ผมนี่สับสนจริงๆ งั้นไม่เป็นไรครับ”
“เกิดเรื่องเหรอครับ”
“นายอ๊อดไปช่วยคุณเอไว้จากแก๊งค้ามนุษย์”
นายสมภพตกใจ แต่พยายามพูดแก้เกม
“อ้าว มันทำเองหรือเปล่า ผมว่าอยู่ๆมันจะไปช่วยคุณเอ ทั้งที่นายสุรชัยเคยสั่ง ให้เล่นงาน พวกคุณ ได้ยังไง”
“ข้อนั้น ผมก็ยังคิดไม่ออก”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายผมด้วย”
ไอ้เม่นที่ยืนอยู่ถามแทรกขึ้นมา นายสมภพรีบยกมือห้าม
“ ไม่เกี่ยวหรอกครับ มันอ้างว่ามันควรจะได้รางวัลสามล้าน ผมก็แค่จะมาบอกมันว่า คุณเอ จะจัดการให้ แต่ผิดค่ายไปหน่อย ผมขอตัวก่อน”
คล้อยหลังที่วินกับมือปืนเดินออกไป นายสมภพกับไอ้เม่น ก็หันมามองหน้ากัน
“ไอ้อ๊อดนี่มันลูกเล่นเยอะจริงๆ”
สมภพชม แต่แอบระแวง ขณะที่ไอ้เม่นยังไม่รู้ว่านายสมภพชวนให้ไอ้อ๊อดมาทำงานด้วย
“ไว้ใจไม่ได้นะพี่”
นายสมภพพยักหน้าสีหน้าครุ่นคิด
ขณะที่ไอ้อ๊อดนอนกอดกระเป๋าเงิน หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงในคอนโด พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ไอ้อ๊อดสะดุ้ง รีบกดรับสาย
“วันนี้แวะมากินเหล้าที่บ่อนอั๊วหน่อยจะได้คุยกันเรื่องงานด้วย”
นายสมภพพูดมาทางปลายสายเสียงเข้ม ไอ้อ๊อดรับคำ ก่อนจะวางสาย สีหน้าสงสัย พลางขยับตัว ลุกขึ้นนั่งหลังพิงหัวเตียง แล้วกดโทรศัพท์ดูคลิปที่อัดไว้ ตอนที่คุยกับนายสมภพครั้งก่อน
“ท่านสุรชัยจะให้ผมเล่นงานไอ้วิน ขืนผมลงมือ นายเกื้อพรเล่นผมตายแน่”
“นายสุรชัยบ้าเลือดไม่ยอมหยุด นี่ถ้ามันรู้ว่าข้าเป็นคนยิงไอ้สุชาติ มันคงตามเล่นงานข้าไม่เลิกรา”
“แน่นอนที่สุด”
ไอ้อ๊อดยิ้มกับตัวเอง พลางคว้ากระเป๋าเงินมากอดไว้อีก
“ที่แท้เรื่องเป็นแบบนี้เอง”
คุณหญิงอัญชลีพยักหน้ารับรู้ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เอเล่าให้ฟัง ขณะที่นั่งอยู่ในร้านอาหารด้วยกัน
“ค่ะคุณแม่ เป็นแค่แผนการที่เราต้องร่วมมือกับตำรวจเพื่อความบริสุทธิ์ของเราสองคนค่ะ ความลับห้ามไปเม้าท์ที่ไหนนะคะ”
คุณหญิงอัญชลีถอนใจ “ฟังแล้วจะเป็นลม อันตรายมาก”
วินรีบพูดแทรกขึ้น “ความจริงควรเป็นผมคนเดียว แต่คุณเอไม่ยอมครับ”
คุณหญิงอัญชลีมองเอกับวินยิ้มๆ “เอาล่ะ เข้าใจแล้ว ทีนี้ถ้าเรื่องจบแล้ว คุณจะแต่งกับลูกสาว ฉันหรือเปล่า”
วินถึงกับอึ้ง เพราะคาดไม่ถึง ขณะที่ยืดอกตอบอย่างมั่นใจ
“ครับ ผมตั้งใจที่จะขอคุณเอ แต่งงานอยู่แล้วครับ”
คุณหญิงอัญชลียิ้ม “ดีมาก”
“แต่เอยังไม่รู้ว่าจะแต่งงานกับคุณวินหรือเปล่า”
“อ้าว ทำไมล่ะลูก”
เอหันมามองหน้าวิน “แล้วคุณแม่หย่าคุณพ่อทำไมล่ะ”
“ก็คุณพ่อลูกเปลี่ยนไป ไม่ใช่คนดีเหมือนเดิม”
“นั่นแหละค่ะ ลูกไม่แน่ใจว่าคุณวินจะดีเหมือนเดิมในอนาคต”
เอพูดพลางแกล้งเบ้หน้าใส่
“นี่คุณวินถ้าคุณเปลี่ยนไปละก็ เจอดีแน่”
คุณหญิงอัญชลีพูดเสียงเข้ม ทำเอาวินถึงกับพูดไม่ออก ขณะที่เอทำหน้าเฉย
โจเข็นรถคนป่วยให้แนน ที่แผลที่ไหล่ยังไม่หายดี พลางคุยกันไปตามทาง
“พี่คิดว่าพรุ่งนี้จะกลับบ้านก่อน ต้องไปดูงานที่ผับซะหน่อย แล้วพี่จะมาเยี่ยมแนนนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงแนนหรอกค่ะ คุณพ่อยังอยู่เป็นเพื่อน แนนให้กลับบ้านก็ไม่ ยอมกลับมัวแต่ จะจีบ พยาบาล”
“นินทาพ่อเหรอ”
ทั้งสองหันไป ก็เห็นทอมนั่งรถเข็นอยู่ มีหมอโจ๊กยืนเข็นอยู่ทางด้านหลัง
“หวัดดีครับคุณพ่อ ไงหมอโจ๊ก”
หมอโจ๊กยิ้มให้เพื่อน แล้วแกล้งพูดแหย่ “ตัวใครตัวมันนะเพื่อน”
“โห คุณพ่อหายแล้วยังจะให้หมอโจ๊กเข็นอีก”
“เป็นกฏของโรงพยาบาลน่ะครับ”
ทอมหันไปพยักเพยิดกับหมอโจ๊ก “เราไปกันดีกว่าหมอโจ๊ก อยู่ก็เกะกะเปล่าๆ”
หมอโจ๊กยิ้ม พลางรีบเข็นรถออกไป โจกับแนนมองหน้ากัน
“แนนว่าคุณพ่อรู้เรื่อง เอ้อ ที่เรา”
แนนส่ายหน้า “ยังมั้ง แต่ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ คุณพ่อใจดีออก”
“พี่ว่า พี่คุยกับคุณพ่อให้รู้เรื่องดีกว่า”
แนนแกล้งร้องเสียงหลง “หา จะขอเลยเหรอ แนนยังเรียนไม่จบเลย”
โจขำ พลางใช้มือดันหัวแนนเบาๆ “เดี๋ยวขอขึ้นมาจริงๆล่ะก็ จะหนาว”
ขณะที่เอเดินนำวินเข้ามาในห้องรับแขกในเซฟเฮ้าส์ พลางทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา วินเดินเข้ามา นั่งตรงข้าม
“ก็คุณนั่นแหละ อยากบอกว่าจะขอฉันแต่งงานทำไม”
“ก็เราคุยกันแล้วนี่ครับ ผมขอคุณแต่งงาน คุณก็เซย์โน ผมเป็นฝ่ายถูกทิ้ง คุณดูดีในสังคม”
เอพยักหน้า “ก็ได้ เอาตามนั้น”
พูดจบเอก็เดินเข้าไปในครัว วินเดินตามมาคว้ามือไว้ เอสะบัดมือออก หันมาทำหน้าเฉย
“มีอะไรเหรอ”
“ก็คุณโกรธผม ผมไม่สบายใจ”
เอถอนใจ พลางฝืนยิ้ม “ไม่โกรธก็ได้ เราตกลงกันไว้อย่างนั้น ฉันไม่อยากเป็นนางเอกสมองกลวง โกรธอย่างไม่มีเหตุผล”
“ดีครับ ผมก็ไม่อยากเป็นพระเอกสมองกลวง เอาแต่หาเรื่องนางเอกอย่างไม่มีเหตุผล บอกผม คุณอยากไปเที่ยวไหน”
เอยิ้มหน้าบาน “เย้ คุณใจดีที่สุด” พูดพลางกระโดดกอดหอมแก้มวินฟอดใหญ่
“นึกแล้วยังเสียดายเงินสามล้านอยู่เลย”
เมย์หันมาเปรยกับแก๊งเพื่อน 4 สาวไฮโซ ขณะที่ทั้งหมดมาเที่ยวที่ชายหาดพัทยา
“อุตส่าห์มาเที่ยวแล้วอย่าบ่นน่า ทำบุญก็ดีแล้ว ยัยเอก็ใช่ชื่อของพวกเราเป็นผู้บริจาค”
โมเป็นคนเดียวในกลุ่มที่เข้าข้างเอตลอด
“เธอน่ะเข้าข้างยัยเอตลอดนะยัยโม”
“เอ๊ะ นั่นคุณพอลนี่”
จบประโยคของพิ้งค์ ทั้งหมดก็หันขวับไปทันที เห็นพอลนั่งอยู่กับนุจรีที่ร้านอาหารริมหาดของโรงแรม
“มากับใครน่ะ”
เมย์พูดขึ้นมาลอยๆ
“แบบนี้ต้องเข้าไปทักทายซะหน่อย สงสัยถอดใจกับยัยเอแล้วมั้ง”
พูดจบโม ก็พรวดออกไปทันที เล่นเอาอีก 3 สาวลุกตามแทบไม่ทัน
“วันก่อนคนของคุณพ่อเห็นนุจเดินกับคุณพอลที่ศูนย์การค้า คุณพ่ออยากพบคุณ”
นุจรีทำเสียงออดอ้อน ขณะที่พอลยิ้มแห้งๆ
“เอาไว้ให้งานละครมหาวิทยาลัยจบจะดูดีกว่านะครับ อีกอย่างตอนนี้ผมกำลังมีข่าวเกี่ยวข้องกับ คุณเอ ผู้ต้องหาอยู่ด้วย”
“เดี๋ยวนี้คุณเอ กลายเป็นผู้ต้องหาไปแล้วเหรอคะ”
เสียงโมแทรกขึ้นมาทันที พอลกับนุจรีหันขวับมาทางต้นเสียง เห็น 4 สาวไฮโซยืนอยู่ตรงหน้า
“นึกไม่ถึงว่าคุณจะมาโรงเรียนอาจารย์มะปราง”
วินหันมายิ้มให้เอ ขณะที่ทั้งคู่ขับรถมาถึงโรงเรียน
ะ อยากจะรู้ว่าลูกศิษย์เป็นยังไงบ้าง พักที่บ้านอาจารย์โสภา เงียบดีค่ะ”
“พร้อมจะเจอเด็กๆหรือยัง”
เอยิ้มกว้าง “ตื่นเต้นจัง ไม่รู้ว่าเด็กๆอยากเจอฉันหรือเปล่าฉันสร้างวีรกรรมไว้เยอะ”
“ใครที่รู้จักคุณ ไม่อยากเจอคุณก็บ้าแล้ว ผมยังอยากเจอคุณทุกวินาทีเลย”
จากนั้นวินก็จูงมือเอ เดินมาจนถึงสนามบาสก่อนถึงอาคาร
“ผมจะรออยู่ที่นี่”
เอหน้าเหรอ “ไม่ไปด้วยกันเหรอคะ”
“ให้เวลาลูกศิษย์กับอาจารย์เจอกันดีกว่า”
เอพยักหน้าแล้วเดินออกไป วินมองตามอย่างสุขใจที่ทำให้เอมีความสุข ทันใดนั้นลูกบาส ก็กระเด้ง มาหยุดตรงหน้า วินคว้าไว้ได้
“ขอบคุณครับ”
เด็กชายคนหนึ่งเข้ามาใกล้ วินยิ้มให้
“อาจารย์ เฮ้ยพวกเรา อาจารย์มาเว้ย”
เด็กๆต่างเฮ วิ่งเข้ามาล้อมวิน “พวกเราสบายดีนะ”
“พวกเราสบายดีครับ ฟังข่าวเอาใจช่วยอาจารย์ตลอดเลยครับ”
“ขอบใจทุกคนมาก”
“อาจารย์สบายดีนะครับ”
วินยิ้มยืดๆ “อ๊ะ แน่อยู่แล้ว”
พูดจบ วินก็เลี้ยงลูกบาสลงพื้นสองสามครั้ง แล้วขยับตัวชู้ตลงห่วงอย่างแม่นยำ
“อาจารย์มาพอดีเลยครับ เราจะมีแข่งพรุ่งนี้ชิงแชมป์ประจำจังหวัดเกมส์สองครับ ถ้าแพ้เกมส์นี้ เราจบเลยครับ อาจารย์ต้องอยู่เชียร์พวกเรานะครับ”
“ของมันแน่อยู่แล้ว”
ขณะที่อาจารย์มะปรางกำลังอบรมนักเรียนอยู่หน้าห้อง
“เอาล่ะอาจารย์มีเรื่องพูดแค่นี้ อย่าลืมว่าเธอคืออนาคตของชาติ เข้าใจมั้ย”
“สวัสดีค่ะ อาจารย์”
ทุกคนหันไป เห็นเอยืนอยู่หน้าห้อง เด็กๆ ต่างมองอย่างแปลกใจ เอเห็นทุกคนทำเหมือนจำไม่ได้ ก็หน้าเหวอ
“คือ เอ้อ”
แต่แล้วนักเรียนหญิงที่เคยเถียงกับเอ ก็นึกออก
“คุณครูเอ”
เด็กๆ วิ่งออกมาจากที่นั่งเข้ามารุมล้อม ส่งเสียงทักทายเสียงดังแซด เอยิ้มอย่างดีใจ อาจารย์ มะปรางยืนมอง พลางยิ้มอย่างชื่นใจ
รถของบอยเข้ามาจอดในลานจอดรถที่บ่อนของนายสมภพ
“ดีที่ตาแก่ไม่กลับบ้าน ค่อยได้มาเปิดหูเปิดตาหน่อย ที่ไหนคะนี่”
ซินดี้หันมาถามบอย
“เออน่า ตามมา”
“ใช้เงินที่อื่น มีคนสงสัย มาใช้ที่บ่อน ไม่มีใครถาม”
บอยหันมาบอก เมื่อพาซินดี้เข้ามาข้างในบ่อน เห็นนักพนันล้อมวงกันอยู่กันเต็มไปหมด
“แต่ซินดี้ไม่ชอบบ่อน อยากจะช้อปปิ้งเต้นรำมากกว่า”
“แค่หนุกๆมาเปิดหูเปิดตา เรามีเงินตั้งห้าล้านไม่ใช้ซะบ้างเดี๋ยวเน่าหมด”
ซินดี้หันมาทำเสียงปราม “ซู่วส์ เดี๋ยวคนก็ได้ยิน”
“ที่นี่ไม่มีใครสนหรอกน่า ขอให้มีเงินมาเสียก็แล้วกัน เงินจะปล้นมา โกงมา ได้ทั้งนั้น”
“แล้วก็อย่าเล่นเสียจนหมดล่ะ”
บอยส่ายหน้า“โธ่ แค่หอมปากหอมคอ พอแก้เซ็งนอนกอดเงินอึดอัดจะแย่อยู่แล้ว”
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 12 (ต่อ)
ขณะที่นายสมภพกำลังคุยกับไอ้อ๊อดในห้องทำงาน
“ไหนว่าไว้ใจพวกมันได้ไง”
“ไว้ใจได้อยู่แล้ว แต่สายนายเกื้อพรนี่มันเร็วจริงๆ ไอ้วินเริ่มเข้าใกล้พวกมัน ผมเลยต้องจัดการ”
ไอ้อ๊อดหาข้ออ้างให้พ้นผิด นายสมภพหรี่ตามองอย่างจับผิด
“แล้วเมื่อไหร่เอ็งจะเอาเงินรางวัลสามล้านมาให้ข้า”
ไอ้อ๊อดอึ้งไปชั่วอึดใจ แต่ก็ยังใจชื้น ที่นายสมภพไม่รู้ว่ามันได้เงินมาสี่ล้าน
“ผมนึกว่าคุณจะให้ผมไว้ใช้จ่าย ที่ทำงานได้ดีเรื่องมาไม่ถึงคุณ”
“อ๊อด เอ็งเป็นคงลงมือ นายเกื้อพรรู้เข้า เอ็งอาจจะเดือดร้อนถึงตาย”
“แต่คุณเป็นคนสั่ง” ไอ้อ๊อดเถียง
“เฮ้ย ข้าแค่คิดไม่ได้ลงมือ ข้ายืนกรานซะอย่าง เอาผิดข้าไม่ได้หรอก”
“แต่กรณีนายสุรชัย คุณเคยบอกผมว่า ผิดที่คนสั่ง”
นายสมภพยักไหล่ “มันอยู่ที่ว่าใครเป็นคนพูดและใครเป็นคนตัดสิน”
ไอ้อ๊อดฝืนยิ้ม “ผมก็กะเอามาให้คุณอยู่แล้ว”
“ดีมากไอ้อ๊อด”
นายสมภพจ้องหน้าไอ้อ๊อด เป็นเชิงข่ม
ไอ้อ๊อดเดินเข้ามาที่บาร์ พลางบ่นอย่างหัวเสีย
“โชคดีมันไม่รู้ว่าคุณเอให้มาอีกหนึ่งล้าน ไม่งั้นซวย”
บ่นพลางยกมือเรียกให้พนักงานเอาไวน์มาให้ จังหวะเดียวกับที่ซินดี้เดินเข้ามานั่งข้างๆ อย่างหัวเสีย“พิ้งค์เลดี้แก้วนึง”
ไอ้อ๊อดได้ยินเสียงหันมาเห็นซินดี้ ก็รีบแถเข้ามา
“ขออนุญาตให้ผมเลี้ยงนะครับ”
“ไม่ต้องค่ะ” ซินดี้ตอบโดยไม่หันมามอง
“ผมดูแลที่นี่ คอยดูแลแขกวีไอพีให้แฮปปี้น่ะครับ”
ซินดี้หันขวับมา “นี่ ฉันบอกว่า” กำลังอ้าปากจะด่าต่อ แต่พอเห็นหน้าชัดๆ ก็นึกออก “พี่อ๊อด”
ไอ้อ๊อดยิ้ม พลางพยายามคิด ซินดี้รีบแนะนำตัวเอง
“ฉันเคยเป็นพริตตี้ขาประจำ ไปงานเปิดตัวโครงการของคุณสุชาติไงล่ะ”
“โห พริตตี้เยอะ ผมนึกไม่ออก”
ซินดี้มองค้อน “แหมทำเป็นนึกไม่ออก พี่ยังมาขอเบอร์ฉันเลย”
“อ้อ คุณลินดา”
“ใช่แล้ว แต่เปลี่ยนชื่อเป็นซินดี้แล้ว”
“โอเคครับ งั้นดื่มกันหน่อย”
“แล้วคุณสุชาติสบายดีเหรอคะ”
ไอ้อ๊อด รีบบอก “คุณสุชาติเสียแล้วครับ ถูกยิงตายคุณไม่รู้เหรอครับ เกี่ยวพันกับสาวไฮโซ ลูกนักธุรกิจหมื่นล้าน”
“อ้อ เอ้อ เหรอคะ ซินดี้ไม่ค่อยได้ดูข่าวยิงกันหรอกค่ะหวาดเสียว ดูแต่รายการเกมส์โชว์ ละครเมีย แย่งผัว แล้วก็พวกแฟชั่นน่ะค่ะ”
ไอ้อ๊อดยิ้ม “แล้วตอนนี้ยังขอเบอร์ได้หรือเปล่า”
ซินดี้ปรายตาไปเห็นบอยกำลังเล่นพนันอยู่ที่โต๊ะ
“ไม่ดีหรอกค่ะ ซินดี้มากับแฟน”
“งั้นเอาเบอร์พี่ไป เผื่อมีใครรังแก พี่อัดมันเอง”
ทางด้านบอย ก็เล่นพนันเสีย จนชิปหมดเลยลุกขึ้นจากโต๊ะ ตรงมาหาซินดี้
“ซินดี้”
ซินดี้หันมาก็เจอบอยยืนหน้าตึง
“ขอตัวก่อนนะคะ”
“เชิญครับ วันหลังเชิญคุณทั้งสองมาใหม่นะครับ”
“ใคร”
บอยหันมาถามซินดี้เมื่อเดินแยกตัวออกมาจากไอ้อ๊อด
“อ๋อ ก็คนคุมบ่อน เขามาสอบถามให้ความสะดวก เป็นไงได้เท่าไหร่”
บอยส่ายหัว “เสียนิดหน่อย ชิลๆ วันหลังค่อยมาแก้ตัว เงินเรามีเยอะ”
“ไม่น่าเชื่อว่า คุณทำเสต็กได้อร่อยขนาดนี้”
เอหันมายิ้มให้วิน ขณะที่ทั้งคู่นั่งอยู่ในครัวในบ้านพักของอาจารย์โสภา ซึ่งจัดโต๊ะอาหารอย่าง สวยงามสำหรับสองที่ มีเทียนตรงกลาง
“ขอบคุณครับ พรุ่งนี้จะสอนอะไรเด็กๆครับ”
เอตาโต ด้วยความตื่นเต้น “ ใช่ ฉันบอกเด็กๆแล้วจะพาออกไปเรียนนอกสถานที่ เด็กๆเลยชวนขี่ จักรยานกันไป แต่งตัวตามสบาย คุณจะไปด้วยก็ได้ นะคะ ฉันอยากให้คุณไปด้วย เผื่อจักรยานเป็นอะไรจะได้ช่วยดู”
“โห นึกว่าอะไร”
“สวยมากเลย ขอบใจทุกคนที่พามา”
เอหันมายิ้มให้เด็กๆ ขณะที่ทั้งหมดจอดรถจักรยาน ท่ามกลางทิวทัศน์สวยงาม
“พวกเราทุกคน จะต้องตั้งใจดูแลรักษาสิ่งที่ธรรมชาติให้มาไว้ให้ดี เก็บไว้ให้เด็กรุ่นหลัง ได้มีโอกาส ได้เห็น ได้ชื่นใจ”
“อาจารย์คะ ทำไมธรรมชาติหรือป่าถูกบุกรุก โดยไม่มีใครดูแลคะ”
เอหันมามองวิน วินยักไหล่ เป็นเชิงให้เอตอบ
“ในสังคมย่อมมีคนเลวและคนชั่ว เราทำให้ดีที่สุด อย่าเคารพคนชั่ว ในอนาคตเมื่อคนดี มากกว่า คนชั่ว ทุกอย่างจะดีขึ้นเองจ้ะ”
วินยิ้ม นึกชื่นชมที่เอตอบได้ดี
จู่ๆ นักเรียนที่ขี่จักรยานนำวินกับเอก็เบรครถกระทันหัน ทำเอาทั้งคู่ต้องหยุดตาม พลางมองอย่าง แปลกใจ ก่อนที่จะตั้งขาตั้ง จักรยานแล้วเดินไปข้างหน้า
“มีอะไรเหรอจ๊ะนักเรียน”
วินกับเอเดินไปถึงข้างหน้า ก็เห็นรถกะบะ จอดขวางเส้นทางอยู่สองคัน มีชายฉกรรจ์นั่งอยู่ในรถ รวมหกคน หนึ่งในนั้นคือพ่อของเด็กผู้หญิงที่มีเรื่องตบตีกันในโรงเรียน
“ไง นังครูคนเก่ง คิดว่าจะกลับมาเหยียบ ที่นี่ได้สบายๆ ยังงั้นเหรอ”
วินเดินมาเผชิญหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ “นักเรียนทุกคน ถอยไปอยู่ข้างหลัง”
“นี่ อย่ามาทำตัวไม่ดีต่อหน้านักเรียนจะไปไหนก็ไปซะ”
เอเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ วิน
“ข้าต้องส่งลูกข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯ ห่างไกลบ้านก็เพราะเอ็ง”
“ถ้ายอมรับผิด ทางโรงเรียนก็ให้โอกาส นี่นายไม่ยอมรับผิดเอง โทษใครไม่ได้ รีบไปซะ”
ชายฉกรรจ์จ้องหน้าเอ พลางสั่งการเสี่ยงเข้ม “เฮ้ย ตบมัน”
พวกมันใกล้เข้ามา วินออกไปยืนขวาง มันเงื้อจะชก แต่วิน เตะโครมให้ จนมันกระเด็นไป อีกสองคน เข้ามารุมวิน ส่วนอีกสองคนหันมาหาเอ
“คุณครู ระวัง”
มันชกเอ แต่เอหลบทัน พลางซัดด้วยเข่าเข้าที่ท้อง จนมันจุกตัว ก่อนที่จะเสยด้วยหมัด จนมัน หงายไป
“นักเรียน ป้องกันตัวได้ไม่ผิด แต่ต้องใช้วิธีสันติก่อน”
“หยุดเว้ย เก่งนัก ก็ต้องเจอลูกปืน”
พ่อของเด็กที่มีเรื่อง จ้องปืนขู่ วินกับเอ ตวัดมือไปทางข้างหลังแล้วตวัดกลับ ในมือมีปืน พลางส่องกลับ
“นายไม่มีทางรอด ถ้าไม่ทิ้งปืน”
พ่อของเด็กยอมจำนน พลางยกมือทั้งสองข้างขึ้น ข้างหนึ่งยังถือปืนอยู่ วินเดินเข้าไปคว้า ปืนมา
“พาคนของนายกลับไปได้แล้ว ส่วนปืนไปรับที่สถานีตำรวจ”
พวกมันต่างประคองกันไปขึ้นรถและขับออกไปในที่สุด
“เรากลับกันเถอะ ต้องไปเชียร์บาสอีก” เอหันมาพูดกับทุกคน
การแข่งขันบาส ระหว่างทีมเสือดาว คือโรงเรียนของอาจารย์มะปราง กับทีมคู่หมีดำของคู่แข่ง ขับเคี่ยวกันมาก ทีมเสือดาวเป็นฝ่ายนำ ที่คะแนน 65 กับ 63 โค้ชฝ่ายตรงข้ามรีบเรียกขอเวลานอก ก่อนที่จะลงสนามกันอีกรอบ ทีมหมีดำพยายามเล่นตุกติกทุกวิถีทาง แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายทีมเสือดาวอยู่ดี
เข้าวันรุ่งขึ้น วินขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของโรงเรียน เอหันมายิ้มหวานให้
“ขอบคุณ สำหรับอาหารมื้อเช้า แล้วก็ขับรถมาส่งด้วย”
“ด้วยความยินดีครับ”
“ฉันสอนถึงเย็น คุณคงไม่เบื่อนะคะ”
วินยิ้มให้เอ “ไม่หรอกครับ ผมจะดูเด็กๆ ซ้อมกัน”
ทั้งสองลงจากรถ พร้อมๆ กับที่เด็กนักเรียนชายทีมบาส วิ่งกรูกันเข้ามา
“เมื่อคืนเล่นได้ดีมากทุกคน”
วินยิ้มชมเชย แต่เด็กนักเรียนกลับยืนเงียบ
“มีอะไรเหรอ”
“คือโค้ชของเราลาออกไปแล้วครับ”
วินกับเอ หันมามองหน้ากันงงๆ
“เรื่องมันเป็นยังไงคะอาจารย์”
เอเอ่ยปากถามอาจารย์มะปราง ขณะนั่งคุยกันอยู่ในห้องพัก อาจารย์มะปรางถอนหายใจเฮือก
“ไม่ทราบค่ะ โค้ชมาลาออกเมื่อเช้านี้ บอกว่ามีความจำเป็นส่วนตัว เหลือเวลาแค่สามวัน ก็จะแข่งแล้วจะหาโค้ชที่ไหนทัน”
วินมองอาจารย์มะปรางอย่างเห็นใจ“ผมเพิ่งมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นานไม่ค่อยรู้จักใครซะด้วย แต่จะลองถามเพื่อนให้ครับ”
อาจารย์มะปรางหันมามองทางเอ
“ดิฉันยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่เลย”
อาจารย์มะปรางถอนหายใจ “เฮ้อ สงสารเด็กๆ อุตส่าห์ซ้อมกันแทบแย่”
ทางด้านเมจิ น้ำหวาน เทป นั่งกันอยู่ที่โต๊ะประจำในมหาวิทยาลัย แนนก็เดินเข้ามาสมทบ ทั้งที่ยังมีผ้าคล้องแขนอยู่
“มัวแต่นั่งเม้าท์ไม่ยอมเข้าเรียน”
ทั้งหมดหันมา แล้วก็กรูเข้ามาหาแนน
“เบาๆไหล่ยังไม่หายดี”
“นี่ยัยนุจรีเอาเรื่องไปเยี่ยมเธอมาหาเสียงใหญ่เลย สร้างภาพน่าดู”
น้ำหวานรีบฟ้อง เมจิช่วยเสริม
“เธอต้องรีบหาเสียงแล้วนะ อีกอาทิตย์เดียวก็จะเลือกตั้งเดี๋ยวจะตามไม่ทัน”
“ต้องรีบหาของมาแจก สร้างนโยบาย สัญญาแหลกราญ ให้โน่นให้นี่”
เทปเสนอ แต่ก็โดนน้ำหวานผลักเบาๆ
“พูดมาก นี่มันมหาวิทยาลัยคนมีการศึกษานะจ๊ะ ไม่มีใครเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นหรอก”
“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกัน เราไม่สนหรอกว่าจะชนะหรือไม่ชนะ ใครอยากจะเลือกใคร อยู่ที่สติ ปัญญา และความคิดของแต่ละคน”
แนนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จากนั้นแนนกับเพื่อนๆ ก็เดินเข้ามาในโรงอาหาร พร้อมๆ กับที่เสียงนุจรีดังขึ้นมา
“พวกเรา ช่วยปรบมือต้อนรับผู้สมัครเป็นประธานนักศึกษาหน่อย”
เสียงปรบมือดังก้อง แนนกับเพื่อนหันไปมอง ก็เห็นนุชรีกับก๊วน ยืนอยู่
“แค่เป็นน้องผู้ต้องหา ไร้เดียงสาบริสุทธิ์แต่ถูกคนเลวทำร้าย น่าสงสารจริงๆ”
หลินทำเสียงเยาะ ขณะที่แนนยิ้มรับ “ขอบใจทุกคน เราไม่เป็นไร”
น้ำหวานเอียงหน้ามากระซิบ “ยัยนุจรีมีแผนไม่ดีแน่”
“หวังว่าตอนเป็นประธานนักศึกษาพาพวกเราไปทำกิจกรรม นอกสถานที่คงไม่มีใคร มาขว้าง ระเบิดใส่พวกเรานะจ๊ะ”
บิวพูดพลางหัวเราะขำ
“เจอตบก่อนเป็นไง”
เมจิพูดพลางขยับตัว แต่แนนดึงไว้
“ไม่ต้องกลัวหรอกจ้ะ รู้สึกว่าพวกเธอจะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมเพราะเกรทต่ำกว่ากำหนด”
นุจรีหน้าเสีย แต่รีบทำเป็นยิ้ม
“ไปกันได้แล้วพวกเรา”
จากนั้นนุจรีกับก๊วนก็เดินออกไป
“พวกนี้ใช้แผนสกปรก เป็นเทคนิคการทำลายความน่าเชื่อถือของผู้แข่งขันทางการเมือง”
เทปส่ายหน้าอย่างระอา เมจิหันมามองค้อน
“นี่ นายเทป อย่าลืมว่าที่นี่มีแต่นักศึกษา เขาคิดเป็นว่าใครน่าเชื่อถือหรือไม่น่าเชื่อถือ โห ทำเป็น
นักวิเคราะห์เว่อร์ ไม่รู้เรื่อง”
ไอ้อ๊อดเดินเข้ามาในห้องทำงานของนายสมภพ สวนกับไอ้เม่นที่เดินออกไป พลางมองแบบไม่ค่อย พอใจ
“ของชุดแรกกำลังมา เอ็งคุมให้ดีถ้าพลาด การเข้าองค์กรนายเกื้อพรก็คงลำบาก”
นายสมภพกำชับไอ้อ๊อด
“ผมว่าพี่น่าจะให้ไอ้เม่นคุมดีกว่า ผมไม่อยากมีเรื่องกับมัน เอาไว้เที่ยวหลังผมคุม”
นายสมภพมองไอ้อ๊อด พลางพยักหน้าอย่างพอใจ
“เออ ก็ดี ไอ้เม่นมันอยู่กับข้ามานาน เอ็งทำแบบนี้ก็เท่ากับยังเห็นแก่หน้ามัน ดีแล้ว จะได้อยู่ด้วย กันได้”
ไอ้อ๊อดพยักหน้ารับ แต่นัยน์ตาวาวโรจน์อย่างมีแผน
“คุณวินกำลังติดต่อถามเพื่อนๆให้อยู่ค่ะ ยังไงเราก็ต้องได้โค้ชมาทันเวลาแน่นอน”
เอบอกกับอาจารย์มะปราง ขณะที่นั่งคุยกันอยู่ในห้องพัก
“ปัญหาคือถ้าบัทเจทสูงไป เราก็คงจ้างไม่ไหว”
เอยิ้ม “ฉันยินดีช่วยจัดการเรื่องนี้ค่ะ ถ้าอาจารย์ไม่ว่า ถือว่าเป็นค่าบำรุงโรงเรียน”
“ขอโทษนะครับ”
เอกับอาจารย์มะรางหันไป วินส่ายหน้าเบาๆ เอกับอาจารย์มะปรางหันมามองหน้ากัน อย่างเป็นกังวล
วินยืนดู เด็กๆซ้อมกันอยู่ เอเดินเข้ามาใกล้
“อาจารย์มะปรางเป็นไงบ้างครับ”
วินถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็ต้องไม่สบายใจเป็นธรรมดา ฉันเลยเสนอไอเดียขึ้นมา อาจารย์ดีใจใหญ่เลยชมว่าเป็นข้อเสนอที่ดี คือฉันเสนอให้คุณเป็นโคชน่ะค่ะ”
วินตกใจ “หา”
“น่า นะ คุณก็ชู้ตแม่นออก ฉันเห็น”
“โห ชู้ตนะได้ แต่เป็นโค้ชเนี่ยนะ ไม่ไหวหรอกครับ สงสารเด็ก เป็นเกมส์ชิงแชมป์นะครับ ไม่ใช่เล่นๆ
รีบไปบอกยกเลิกเถอะครับ”
วินพูดจบ เสียงของอาจารย์มะปรางก็ประกาศออกไมค์ดังแทรกขึ้นมา
“ข่าวดีสำหรับทุกคน ทีมบาสของเรามีความหวังแล้ว เพราะอาจารย์วิน จะรับเป็นโค้ช ให้กับทีมบาส ของเรา”
เอหันมายิ้ม “ช้าไปแล้วค่ะ”
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 12 (ต่อ)
เอกับวินเข้ามานั่งในสวนอาหารหรู พนักงานพาทั้งคู่เข้าไปนั่งที่โต๊ะ
“ขอบคุณค่ะ นี่คุณวินจะเป็นโค้ชให้ทีมเสือดาว มาจากเมืองนอกเลยนะคะ”
พนักงานยิ้มพยักหน้าแล้วเดินออกไป วินหันมามองหน้าเองงๆ
“คุณคิดจะทำอะไรน่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ใช้หลักจิตวิทยานิดหน่อยประกาศให้คู่ต่อสู้หนาว”
วินส่ายหน้า “คู่ต่อสู้จะหัวเราะเยาะล่ะไม่ว่า”
เอยิ้มชอบใจ พลางกวาดตาไปมา แล้วยิ้มอย่างพอใจ เมื่อเห็นพนักงานคนเดิม ยืนคุยกับลูกค้าโต๊ะ อื่น พลางชี้มาทางโต๊ะของทั้งคู่ ขณะที่วินไม่รู้เรื่องเพราะนั่งดูเมนูอยู่
หลังจากทานอาหารเสร็จ เอก็ทำหน้าที่เป็นคนขับ ขณะที่วินนั่งอยู่ข้างๆ
“เดี๋ยวครับ จอด จอด”
เอจอดเอี๊ยดทันที “อะไรคะ”
“บาร์ครับ”
“อย่าบอกนะว่าคุณจะดื่ม” เอมองหน้าวินงงๆ
“เปล่าหรอกครับ ดูนั่น ผมจำได้ โคชทีมหมีดำกำลังคุยกับกรรมการ ตรงหน้าบาร์”
เอหันไปมอง “เหรอคะ ฉันจำไม่ได้”
“ผมจำได้ตั้งแต่ กรรมการเป่าลูกโทษมั่วแล้ว”
“คุณแน่ใจนะ” เอถามย้ำ
“ร้อยเปอร์เซ็นต์”
เมื่อทั้งคู่กลับเข้ามาในบ้านพัก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วินรีบกดรับสาย
“ว่าไงครับคุณสมภพ”
“แค่บอกว่า สินค้าอาจจะมาเร็วก่อนกำหนด อยากให้คุณพร้อมไว้”
“อ้อ งั้นคุณอาจต้องรอหน่อย ผมมีธุระสามสี่วันขอบคุณ”
วินวางสาย ขณะที่นายสมภพ ชักสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่วินเริ่มทำหน้าที่เป็นโค้ชให้ทีมเสือดาว เอก็เดินนำทีมเชียร์ลีดเดอร์ในชุดเก๋ไก๋ เข้ามา นักบาสต่างยิ้มชอบใจ
“สวัสดีค่ะ คือพวกเราจะมาช่วยเชียร์เป็นกำลังใจให้กับทีมค่ะ ทีมเชียร์ใหม่คัดเลือกมาอย่างดี”
วินมองไปยังนักเรียนหญิงเชียร์ลีดเดอร์ แต่ละคน สวยๆทั้งนั้น “ผมว่าคุณทำให้ทีมผมปั่นป่วนมากกว่านะครับ”
“ดี เป็นการทดสอบสมาธิของทีมไงล่ะ ขนาดทีมคุณยังปั่นป่วนเลย ฝ่ายตรงข้ามต้องเสียสมาธิชัวร์”
จากนั้นวินก็ตั้งหน้าตั้งหน้าซ้อมให้ทีมบาส ขณะที่เอก็รับหน้าที่เทรนท่าเต้นให้ทีมเชียร์อย่างขะมักเขม้น
“ผมเห็นข่าวแล้ว”
นายเกื้อพรหมายถึงข่าวของที่วินเป็นโค้ชบาสเกตบอลและเอเป็นหัวหน้าทีมเชียร์ลีดเดอร์ ที่กำลังฮือฮาอยู่ในแวดวงโซเชี่ยลมีเดีย ขณะที่กำลังประชุมร่วมกับบรรดาคนในองค์กร
“ผมรู้ดีว่าคุณชื่นชมฝีมือคุณวินแต่ทางเรายังไม่ไว้ใจคุณวินร้อยเปอร์เซ็นต์ การที่คุณวินไปพัวพัน กับโรงเรียนอาจเป็นแค่การบังหน้าก็ได้”
นายเกื้อพรยิ้มอย่างใจเย็น
“พวกคุณคิดมาก คุณวินก็เหมือนผู้ชายทั่วไปแค่พาแฟนไปเที่ยว พวกคุณอย่าลืมว่า ผมเป็นหัวหน้า องค์กรนี้ ผมย่อมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
“เราเพียงแต่ทำหน้าที่ ที่คุณมอบหมายให้คือการอุดรอยช่องโหว่ที่จะทำให้องค์กรเสียหาย”
คนในองค์กรคนหนึ่งพูดขึ้น ขณะที่อีกคนพูดเสริม
“อีกประการหนึ่ง ลูกค้าต่างประเทศสอบถามเรื่องสินค้า”
“โอเค จบแค่นี้”
นายเกื้อพรรีบตัดบท อย่างเสียอารมณ์
ขณะที่พอลนั่งดูข่าวอยู่กับนุจรีในคอนโด
“อย่าบอกนะคะว่ายังอิน อยู่กับคุณเอ”
นุจรีหันมามองค้อนพอล
“คุณอย่าพูดมากน่า ก็แค่ดูข่าว”
พูดจบพอลก็ลุกเดินออก นุจรีมองตามอย่างไม่ไว้ใจ แววตาดุดัน
พอลเดินมาขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าคอนโด พลางหยิบโทรศัพท์ โทร. หาผู้จัดการ
“สวัสดีครับคุณปุ๊ก ยัยนุจรีนับวันยิ่งติดผมแน่น ช่วยหาทางออกให้ผมด้วย เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”
หลังจากที่ซ้อมให้ทีมบาส และทีมเชียร์มาทั้งวัน ช่วงเย็นวินก็พาเอมาจับจ่ายซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต-ขณะที่ทั้งคู่เดินมาที่ลานจอดรถ จู่ๆ ก็เสียงดังทักมาจากด้านหลัง
“นายเหรอที่จะเป็นโค้ชให้ทีมเสือดาว”
ทั้งสองหันมา ก็เห็นชายสามสี่คนมายืนอยู่ หนึ่งในนั้นคือโค้ชทีมเสือดาว ที่ลาออกไป
“ก็โค้ชเก่าอย่างนายขายตัวไปแล้วนี่ คุณคงไม่รู้ว่า พ่อฉันรวย นี่ถ้ามาคุยกัน ซะก่อน ฉันจ่ายได้ไม่อั้น เยอะกว่าที่คุณได้หลายเท่า”
อดีตโค้ชเสือดาวหน้าเสีย วินยิ้มเยาะๆ
“กรุณาหลีกทาง ผมจะเอาของขึ้นรถ”
“แปลว่า พวกนายจะไปไหนก็ไปซะ”
ชายสามคนขยับเข้ามา วินรีบหันมาทางเอ
“คุณเอ ช่วยจับรถเข็นไว้หน่อยนะครับ เดี๋ยวกับข้าวจะหก”
“ได้ค่ะ แต่อย่านานนะคะ”
จากนั้นชายสามคนก็กรูเข้ามา แต่ก็โดนวินสกัดไว้ได้ จนพวกมันต่างหมอบ ลุกไม่ขึ้น
“โค้ชหายไปไหนแล้ว”
วินหันมาถาม เอส่ายหน้า พลางยิ้มเยาะ
“เผ่นก่อนตามระเบียบ”
ทางด้านหนุ่มๆ ทีมบาส กับสาวๆ ทีมเชียร์ ก็มานั่งกินก๋วยเตี๋ยว พลางคุยกันอย่างออกรส
“เราว่าครูวินสุดยอด”
“แบบนี้พอมีลุ้นสู้ไหว”
“มีสาวๆทีมเชียร์เก๋ๆ แบบนี้ เต็มที่อยู่แล้ว”
“ ดื่มให้กับ ครูวินกับครูเอ”
แล้วทั้งหมดก็หัวเราะเสียงดัง
“ฉลองความพ่ายแพ้หรือไงวะ”
เสียงของหนึ่งในทีมหมีดำดังแทรกขึ้นมา ตามด้วยเสียงหัวเราะ โทนหนึ่งในทีมเสือดาว ลุกขึ้นหันมา ประจัญหน้า
“ใช่ ความพ่ายแพ้ของพวกนายไง”
“ฝันไปแล้วเพื่อน ทีมนายเอาใครก็ไม่รู้มาเป็นโค้ช จะชนะได้ยังไง”
“ถึงเวลาก็รู้เอง”
สิ้นเสียง โทนก็โดนทีมหมีดำผลักล้มไปบนโต๊ะ ก่อนที่จะเกิดการตะลุมบอนกันขึ้น
ขณะที่เอกับวินกำลังขับรถกลับบ้านพัก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เอรีบรับสาย
“ค่ะ อาจารย์มะปราง เหรอคะ ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ เอกับคุณวินจัดการเองค่ะ”
จากนั้นเอก็วางสาย แล้วหันมาพูดกับวินเสียงเครียด
“ทีมบาสมีเรื่องกับทีมหมีดำ ถูกจับอยู่ที่สถานีตำรวจค่ะ”
“งานนี้ต้องมีตัวช่วย กรุณาต่อสายผู้กองวันชาติให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”
ทันทีที่วินกับเอ เดินขึ้นมาบนสถานีตำรวจ ก็เห็นอาจารย์ กับโค้ชของทีมหมีดำ และอดีตโค้ชของ ทีมเสือดาวที่ถูกซื้อตัวไป นั่งพร้อมหน้ากันอยู่แล้ว
“นี่ไงครับคุณตำรวจ ครูเป็นนักเลง นักเรียนถึงได้เป็นนักเลง”
โค้ชหมีดำ จ้องหน้าอย่าวเอาเรื่อง วินกับเอ หันมามองหน้ากัน พลางยิ้มอย่างไม่สนใจ ก่อนจะหันไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“ผมมารับเด็กๆกลับครับ”
“คือผมได้รับแจ้งว่าเด็กของคุณหาเรื่องก่อน ต้องขอเวลาสอบสวนหน่อยครับ”
วินมองหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“นักเรียนทะเลาะกันตามประสาเด็กๆผมว่าอย่ามีเรื่องเลยครับ นึกถึงอนาคตเด็กๆดีกว่าครับ”
ขณะที่เอช่วยเสริม
“ขอยืนยันว่า ฝ่ายที่เป็นนักเลงไม่ใช่เราแน่”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เจ้าหน้าทีjรีบกดรับสาย
“ครับ กำลังพูดสายครับ”
“คุณวินกับคุณเอ เป็นกุญแจสำคัญในคดีที่เรากำลังจับตาดูอยู่ ถ้ามีเรื่องจะเสียรูปคดี ขอความ ร่วมมือด้วย อย่าให้มีเรื่องครึกโครม”
ผู้กองวันชาติพูดมาทางปลายสาย
“ครับ ได้ครับ”
เจ้าหน้าที่วางสาย พลางหันมามองวินกับเอ
“เห็นแก่อนาคตเด็ก คุณรับเด็กคุณกลับไปได้”
อาจารย์ทีมหมีดำโวยวาย “อะไรกันครับเนี่ย”
“อย่ามีเรื่องเลยครับ อาจารย์รับเด็กอาจารย์กลับได้เหมือนกัน”
“คุณว่าเราจะมีทางชนะมั้ย”
เอหันมาถามวิน ขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งทานสเต๊กฝีมือวินอยู่ที่บ้านพัก
“จากที่ผมเห็น เด็กของเรามีความสามารถเหนือกว่า แต่ที่แพ้คราวที่แล้ว เพราะโค้ชเล่นตุกติก รู้เห็นกับฝ่ายตรงข้าม ถ่วงทีมไว้”
เอส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ“อ้อ ตกลงว่าบ้านเราเป็นแบบนี้กันหมดแล้วซิ มีได้มีเสียมีผลประโยชน์ แทบจะทุกตารางนิ้วของประเทศ ไม่ต้องมาทำเป็นสะอึก ฉันรู้ว่าคุณพ่อของฉันก็รวมอยู่ด้วย”
วินยิ้มแหยๆ “ผมยังไม่ได้พูดอะไรซักคำนะครับ”
ในที่สุดก็มาถึงช่วงเวลาของการแข่งขัน กองเชียร์ของทีมเสือดาวสาวเชียร์ส่งเสียงดัง ประกอบการเต้นด้วยท่วงท่าสวยงาม
ขณะที่คะแนนของทีมเสือดาวยังตามทีมหมีดำอยู่ที่ 62 ต่อ 66 ก่อนที่จะตีตื่นขึ้นมาเป็น 64 ต่อ 66
โค้ชหมีดำให้สัญญาณขอเวลานอก กรรมการเป่านกหวีด นักกีฬาทั้งสองฝ่าย ต่างก็แยกย้ายเข้าหาโค้ชฝ่ายตน
“ทุกคนทำได้ดีมาก ข้อมือเป็นยังไงมั่ง”
วินหันมาถามโทนด้วยความเป็นห่วง
“ ครูรู้เหรอครับ”
“รู้ตั้งแต่วันเกิดเรื่องชกต่อยกันแล้ว”
“เจ็บมากเลยครับ ผมไม่แน่ใจว่าจะชู้ตหวังผลได้หรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร อย่าเผลอทำเจ็บให้พวกนั้นเห็นก็แล้วกัน พวกนั้นต้องเข้ามารุมกันเธอ เธอล่อให้พวกมัน เข้ามา แล้วส่งให้คนว่างชู๊ตแทน ใครจะอาสา”
“ให้ทับกับเล็กชู้ต ใครว่างผมส่งคนนั้น” โทนเสนอ
“ดี สองคนช่วยกัน โทน อย่าลืมแกล้ง ทำเป็นจะชู้ตด้วย อย่าเอาแต่ส่งเดี๋ยวพวกนั้นจะสงสัย”
โทนพยักหน้ารับคำ ก่อนที่เสียงนกหวีดจะดังขึ้น ทุกคนกรูกันลงสนาม ผลัดกันรุกผลัดกันรีบอีกครู่หนึ่ง ทีมเสือดาวก็ตีตื้นขึ้นมาเป็น 65 ต่อ 66 แต่ก็โดนทีมหมีดำ ทำคะแนนทิ้งห่างเป็น 68 กับ 65
จากนั้นทีมเสือดาวก็ทำคะแนนเพิ่มได้เป็น 67 ต่อ 68 ก่อนที่ทีมหมีดำจะขอเวลานอกอีกครั้ง “คุณหยุดเวลาทำไม เราต้องกันให้เวลาหมดเร็วที่สุด”
โค้ชหมีดำ หันมาถามอดีตโค้ชเสือดาว
“เหลืออีกตั้ง 30 วิ ตั้งรับได้ยาก แต่ผมเห็นอะไรบางอย่างผิดสังเกต”
สายตาของอดีตโค้ชเสือดาวเป็นประกาย เมื่อเห็นอาการของโทนอย่างชัดเจน
“ทุกคนปิดทางคนอื่นไว้ไม่ต้องรุมสกัดเบอร์ 7”
“คุณบ้าหรือเปล่า เบอร์ 7 ชู้ตแม่นกว่าทุกคน”
“เบอร์ 7 มือเจ็บ แต้มที่ผ่านมา เบอร์ 7 เป็นคนผ่านให้ตัวปีกสองตัวชู้ต”
“อืม .คุณแน่ใจนะ”
โค้ชหมีดำถามย้ำ อดีตโค้ชเสือดาวพยักหน้า
“ผมเคยเป็นโค้ชเด็กพวกมานี้นะคุณ”
เสียงนกหวีดเป่า ทุกคนลงสนามอีก ฝ่ายเสือดาวได้ลูกส่งเข้าสนามเริ่มเล่นลูกบุกไปยังแดนหมีดำ “30 วิ เรามีโอกาสชู้ตได้ลูกเดียว”
โทนนำลูกขึ้นไป พร้อมกับกวาดตามองเล็กกับทับ ขณะที่ทีมป้องกันของหมีดำ ส่งคนเข้ามากัน แค่คนเดียว แถมยังเปิดช่องว่างให้ชู้ตอีกด้วย ทับกับเล็กพยายามวิ่งหาช่องว่างแต่ถูกคุมตลอด
โทนกัดฟันเลี้ยงลูกขยับไปมา ขณะที่ทีมหมีดำสกัดห่างๆ ไม่เสี่ยงลูกโทษ วินรู้แล้วว่าอดีตโค้ช เสือดาว รู้แล้วว่าโทนข้อมือเจ็บ นาฬิกาเหลืออีก 10 วินาที เท่านั้น วินตัดสินใจ
“โทนชู้ต”
โทนกัดฟันกระโดดชู้ต นาฬิกาเหลือ 0 โทนเอามือจับข้อมือเพราะเจ็บหลังจากลูกออกจากมือ สายตาเห็นลูกลอยไปที่แป้น แล้วลงห่วงไปอย่างหวุดหวิด เอกับกองเชียร์เสือดาวต่างกระโดดตัวลอย วินกับตัวสำรอง เฮลั่น ขณะที่โทนกับเพื่อนร่วมทีมต่างกระโดดเข้าหากันด้วยความดีใจ
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 12 (ต่อ)
“โรงเรียนเราต้องขอขอบคุณ คุณวินกับคุณ เอ มากนะคะ ที่ทำให้ทีมบาสของเราได้ชัยชนะจนได้”
อาจารย์มะปรางเอ่ยกับวิน ด้วยความยินดี
“เป็นฝีมือของเด็กๆ นะครับ”
“เก่งแล้วยังถ่อมตัว คุณ เอ หาเจอได้ยังไงคะเนี่ย”
เอยิ้ม พลางเอื้อมมือมาจับมือวิน “ไม่ใช่หาเจออย่าง เดียวนะคะ ต้องตามขู่ ตามฉุดด้วยค่ะ”
“แน่ใจเหรอคะ ว่าจะไม่อยู่ต่ออีกซักวันสองวันให้เราได้จัดงานเลี้ยงขอบคุณ”
วินส่ายหน้าเบาๆ
“อย่าเลยครับ เราสองคนไปเงียบๆดีกว่า ลากันไปลากันมาวุ่นวายเปล่าๆ”“คุณวินกลัวว่าถ้ามีการร่ำลาเดี๋ยวจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่น่ะคะ”
“ครับ ผมดูหนังซึ้งทีไร น้ำตาไหลทุกที”
อาจารย์มะปราง ยิ้มให้ทั้งคู่ “งั้นพวกเราส่งตรงนี้เลยนะคะ ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย”
ขณะที่วินกับเอยืนคุยกันอยู่ในโรงยิม ทันใดนั้นประตูโรงยิมเปิดโครม ทั้งคู่หันไปก็เห็น โค้ชหมีดำ พร้อมอดีตโค้ชเสือดาว และชายฉกรรจ์อีก 5 คนก้าวเข้ามายืนขวางประตู สีหน้าดุดัน
“ผมพนันทีมหมีดำไว้ คุณทำให้ผมเสียเงินสองล้าน”
เจ้าของเสียงที่โผล่ออกมาจากด้านหลัง ลักษณะน่าเกรงขาม วางมาดเหมือนเจ้าพ่อ
“โห คุณน่าจะถามผมก่อน ผมจะได้บอกให้คุณแทงฝ่ายผม”
“เอ็งมันกวนตามคำเล่าลือจริงๆ ได้ข่าวว่า พวกเอ็งรวย เอาเงินมาคืนข้า แล้วก็ไปได้”
วินกับเอต่างหันมามองหน้ากัน
“ได้ เอาบัญชีธนาคารมา ฉันจะโอนให้”
“เอ็งไปเอาเงินมา ทิ้งนางผู้หญิงไว้ที่นี่”
“no can do”
วินส่ายหน้ายิ้มๆ
“สั่งสอนพวกมัน”
แต่แล้วเสียงประตูเปิดโครม ทั้งหมดหันไป
“คุณเกื้อพร”
นายเกื้อพรยืนมองมายังทุกคน ข้างๆตัวมีมือปืนขนาบข้างละ 2 คน ถือปืนจ้องมาที่พวกของเจ้าพ่อ
“ผมมีธุระที่จะต้องคุยกับสองคนนี้จะขอบคุณมาก ถ้าพวกคุณๆ ทั้งหลายจะกลับไปก่อน”
พวกเจ้าพ่อต่างพยักหน้าหงึก แล้วค่อยๆกระจายออกไปจากโรงยิม เกื้อพรยิ้มเดินเข้ามาหาคนทั้งสอง
“คุณเกื้อพร นึกไม่ถึงจริงๆ”
นายเกื้อพรยิ้ม “แค่จะมาดูว่าพวกคุณมาทำอะไรที่นี่ นอกจากสอนนักเรียน”
“ตายจริง อุตส่าห์ดีใจนึกว่าคุณเกื้อพรคิดถึง ที่แท้ไม่ไว้ใจเรานี่เอง”
เอแกล้งพูดแหย่
“เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่เพิ่งเริ่มธุรกิจด้วยกัน”
“คราวนี้คุณคงเห็นแล้ว ว่าเรามาสอนนักเรียนจริงๆ”
“ทางผู้ซื้อถามผมว่าเมื่อไหร่จะได้สินค้าผมก็เลยต้องมาถามคุณ ไม่ได้เจตนามาขัดจังหวะสำคัญ”
วินส่ายหน้า “ไม่เลยครับ มาได้จังหวะพอดี”
“ผมแน่ใจว่าพวกมันไม่กล้ามายุ่งกับคุณสองคนอีก คุณสองคนน่าจะ…”
นายเกื้อพรที่นั่งอยู่ในรถ ยังพูดไม่ทันจบ วินก็รีบพูดแทรกขึ้น
“ครับ เราจะเดินทางกลับพรุ่งนี้ เรื่องสินค้าผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”
“ถึงกรุงเทพฯ แล้วฉันขออนุญาตเลี้ยงข้าวคุณนะคะ”
นายเกื้อพรตาวาว “ด้วยความยินดีครับ”
คล้อยหลังที่รถตู้เคลื่อนออกไป วินก็หันมามองหน้าเอ พลางพูดยิ้มๆ
“เลี้ยงข้าวเป็นแผนที่ดี”
“แน่นอนที่สุด”
เช้าวันรุ่งขึ้น ระหว่างที่ขับรถมุ่งไปทางถนน วินเห็นเอนั่งนิ่ง ก็หันมาถาม“จะให้ผมผ่านโรงเรียนซักหน่อยมั้ยครับ”
เอฝืนยิ้ม “ก็ดีค่ะ ถือว่าเป็นการลา ขอบคุณค่ะ”
“ตอนนี้ นักเรียนคงเรียนอยู่ในห้องไม่น่าจะเห็นใคร”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เอพูด พร้อมๆ กับที่โทรศัพท์ดังขึ้น
“อาจารย์มะปราง ว่ายังไงคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าหรอกค่ะ ทางบ้านโทรมาบอกว่าคุณวินกับคุณ เอ เพิ่งจะออกมา เลยจะโทรมาให้เดินทาง โดยปลอดภัยน่ะค่ะ”
เสียงอาจารย์มะปรางตอบมาทางปลายสาย
“ขอบคุณค่ะ คุณวินจะอ้อมขับผ่านโรงเรียนด้วยค่ะเป็นการลา”
“ดีค่ะ งั้นโชคดีนะคะ สวัสดีค่ะ”
พอเอวางสาย วินก็หันมาถามทันที “ว่าไงเหรอครับ”
“อ๋อ แกบอกให้เดินทางโดยปลอดภัยน่ะค่ะ”
“คุณเอ นักเรียน”
วินพูดอย่างตื่นเต้น เอมองไปตรงหน้า เห็นนักเรียนออกมายืนเข้าแถวตรงหน้าโรงเรียน พลางโบกมือให้ เอซึ้งใจ ยิ้มทั้งน้ำตาจะใหล พลางเปิดกระจกหน้าต่างออกไปโบกมือกับเด็กๆ
จากนั้นวินก็ขับรถพาเอกลับมาที่เซฟเฮ้าส์ พร้อมกับอุ้มเอที่หลับอยู่ มานอนบนเตียง พลางขยับตัวจะออกจากห้อง แต่เอกลับกอดคอไว้ไม่ปล่อย พร้อมทั้งลืมตาขึ้นมา
“ขอบคุณค่ะ”
“กู๊ดไนท์”
เอยิ้ม พร้อมปล่อยแขนออกจากคอวิน ก่อนที่จะหลับตาลง แล้วหันตัวไปอีกด้านหนึ่ง วินจัดผมให้เอ อึดใจหนึ่ง ก็ลุกออกไป
เอตื่นขึ้นมาตอนสาย พลางเดินเข้ามาหาวิน ที่เตะกระสอบทรายอยู่ในห้องยิม ขณะที่มือถือกาแฟมาถ้วยหนึ่ง
“ไงครับ เจ้าหญิงนิทรา นึกว่าจะไม่ตื่นซะแล้ว”
“ก็ไม่มีเจ้าชายไปคิสนี่ จะได้ตื่นแต่เช้า”
วินหยุดชกแล้วหันมาทำสีหน้ากรุ่มกริ่มเดินยิ้มเข้าหา
“โน” เอพูดพลางถอยออกมาห่าง พลางยื่นมือออกมากัน “ไปแต่งตัวได้แล้ว”
“คุณจะไปไหน” วินหันมาถาม
“ยังต้องถามอีกเหรอ”
“โอ ช็อปปิ้ง”
เอยิ้มให้แล้วหมุนตัวจากไป วินหันไปชกกระสอบทรายต่อ พร้อมๆ กับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วินถอดนวม ออก เดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
“คุณสมภพ ว่ายังไงครับ ได้ ผมจะเตรียมไว้”
วินวางสาย สีหน้าครุ่นคิด
ขณะที่นายประสิทธิ์ทำงานอยู่ เสียงโทรศัพก็ท์ดังขึ้น
“ว่ายังไงซินดี้”
“ซินดี้อยากจะถามว่า เย็นนี้ซินดี้จะไปงานวันเกิดเพื่อนได้หรือเปล่าคะ”
“อืม ได้”
“ขอบคุณค่ะป๋า อาจจะดึกหน่อยนะคะป๋า” ซินดี้ทำเสียงอ้อน
“ตั้งแต่ผมกลับมาจากฮ่องกง คุณออกเที่ยวเกือบทุกคืนเลยนะ”
“แหมป๋า ก็ตอนป๋าไปฮ่องกง ป๋าให้ซินดี้นัดเพื่อน ตอนนี้พวกเขาก็เลยอยากเจอซินดี้ตลอด หาว่าซินดี้
ได้ดีแล้วลืมเพื่อน”
“เอาล่ะ เอาล่ะ ตามสบาย”
ซินดี้วางสาย แล้วบ่นกับตัวเองเบาๆ “โธ่เอ๊ย ตาเฒ่า ตัวเองก็งานยุ่ง บ่นอยู่ได้นี่ถ้าไม่รวยละก็เช็คบิล ไปแล้ว”
พลางกดโทรศัพท์ออกอีกครั้ง “พี่บอยเหรอจ๊ะ เย็นนี้เจอกัน”
ทางด้านไอ้อ๊อด ก็ถูกตามตัวเข้ามาหานายสมภพในห้องทำงาน
“มีเรื่องด่วนเหรอครับ”
“นั่งก่อนซิ กาแฟก่อนมั้ย”
ไอ้อ๊อดนั่งลงตรงข้าม “ไม่เป็นไรครับ”
“นายช่วยไปเอาแหวนเพชรให้หน่อย ร้านอยู่ในศูนย์การค้า”
ไอ้อ๊อดอึ้งไปครู่หนึ่ง “ผมนึกว่าพวกนี้จะมีบริการส่งให้ซะอีก โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่อย่างคุณ คงไม่ต้องถึงมือผม”
นายสมภพยิ้ม “มีน่ะมี แต่ฉันไม่ต้องการให้ใครมายุ่มย่ามแถวนี้ นายว่างไม่ใช่ เหรอหรือว่า เสียศักดิ์ศรี นักเลง”
“แค่สงสัย”
“แหวนเพชรวงละสามล้าน ฉันจะให้ลูกค้าใหญ่ วันเกิดเมียมัน ฉันไม่ไว้ใจใคร หรือว่าฉันไว้ใจ นายไม่ได้”
“อ๋อ งั้นผมจัดการให้ครับ”
ไอ้อ๊อดรับคำ พร้อมเดินออกมา พอพ้นห้องก็บ่นกับตัวเอง“สามล้าน เชอะ เงินกูแท้ๆ”
รถตู้เข้ามาจอดหน้าศูนย์การค้า มือปืนลงมาเปิดประตู เอก้าวลงมาจากรถ พลางหันมาสั่งความ
“มารับฉันภายในสองชั่วโมง”
“ครับ แต่กรุณาอย่าไล่จับผู้ร้ายอีกนะครับ”
ขณะเดียวกัน ซินดี้ก็กำลังเดินออกจากร้านเสื้อผ้าหรูในห้างเดียวกัน ก่อนจะเดินฉับๆเข้ามาใน ร้านเพชร พนักงานให้การต้อนรับอย่างดี
“คุณซินดี้ หายไปนาน วันนี้จะมาดูอะไรคะ”
“ก็ดูอะไรเล่นๆซะหน่อย ใกล้ครบรอบหนึ่งปีแล้ว เลือกไว้ก่อน”
“เชิญทางนี้ค่ะ”
พนักงานสาวผายมือ พลางเดินนำซินดี้ไปอีกด้านหนึ่ง ก่อนที่จะเปิดตู้หยิบสร้อยเพชรออกมาวาง ตรงหน้า
“เพิ่งมาใหม่ค่ะ”
ซินดี้มองจนตาค้าง “โห สวยจัง”
“แค่สองล้านห้าเท่านั้นเองค่ะ”
“ดีมาก ฉันจอง”
“จะให้ทางร้านโทรไปแจ้งคุณประสิทธิ์มั้ยคะ”
ซินดี้ยิ้มหวาน “แหมรู้ใจแบบนี้เอง แค่บอกว่าฉันมาดูแล้วชอบมาก อย่าบอกไปล่ะว่าฉันจองแล้ว”
“ค่ะ”
พนักงานสาวรับคำ พร้อมๆ กับมีเสียงทักมาจากด้านหลัง ซินดี้หันมามอง
“พี่อ๊อด มาเอ้อ ทำอะไรคะ”
“มารับแหวนน่ะครับ”
พนักงานยิ้มกว้าง “แหวนสวยด้วยค่ะ สามล้านค่ะ”
ซินดี้มองไอ้อ๊อดอย่างทึ่งๆ
จากนั้นไอ้อ๊อดกับซินดี้ ก็เดินออกมาจากร้านเพชรพร้อมๆ กัน ขณะที่เอที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง จับตามองอย่างคาดไม่ถึง
เมื่อกลับมาถึงเซฟเฮ้าส์ ก็รีบเล่าสิ่งที่เห็นให้วินฟัง
“นายอ๊อดนี่นะ รู้จักกับเอ้อ”
“ซินดี้ กิ๊กของคุณพ่อฉัน”
“แล้วคุณคิดจะทำอะไรครับ”
“ฉันก็จะต้องรู้ให้ได้ว่า เกิดอะไรขึ้น และทำไม”
“ผมว่าปล่อยไปดีกว่า คุณพ่อคุณก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างซินดี้ เอ้อ คือ”
วินอึกอัก เอรีบพูดต่อ
“ไม่มารักอยู่กับคนแก่อย่างคุณพ่อของฉัน”
วินพยักหน้าช้าๆ “เชื่อเถอะครับ คุณพ่อคุณก็ไม่ได้หลงใหลยัยซินดี้อย่างที่คุณคิดหรอกครับ ท่านคง แค่ เอ้อ คือ เอ้อ ตามประสาผู้ชายน่ะครับ”
“ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องมา เอ้อ เอ้อ หรอกน่า”
พลันเสียงโทรศัพท์มือถือของวินก็ดังขึ้น วินรับสาย
“ได้ แน่นอน”
เมื่อวินวางสาย เอก็หันมาถาม “มีอะไรคะ”
“นายสมภพให้ไปตรวจของ”
“ฉันไปด้วย”
“เราเป็นคนรุ่นใหม่ มีความรู้ มีความคิด ดังนั้นเรามีสิทธิ์ตัดสินใจได้ว่าเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องของเรา เราโตพอที่จะป้องกันตัวเองได้ ผู้ใหญ่ไม่ควรยุ่งเกี่ยว”
นุจรียืนหาเสียงอยู่บนเวที ท่ามกลางนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่อยู่ในห้องประชุม รวมถึงเพื่อนในก๊วน ที่พร้อมใจกันปรบมือเชียร์ เสียงดัง
แนนซึ่งอยู่ที่โพเดี่ยมตัดไป หันมามองนุจรียิ้มๆ พลางพูดตอบโต้นิ่งๆ
“ใช่เรามีความรู้ มีความคิด รู้ที่จะป้องกัน แต่เราก็ควรที่จะใช้ความรู้นั้น ช่วยคิดไต่รตรอง ให้รอบคอบ เสียก่อน ว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง รอได้มั้ย ที่ผู้ใหญ่เข้ามายุ่งมาเตือน เพราะว่าสนุกกันทีไร มีเรื่อง ทำให้ผู้ใหญ่ เดือดร้อน ทุกที ดิฉันไม่ได้ว่า ใครมีเพศสัมพันธ์แล้ว จะต้องเป็นคนไม่ดี ใครดี ใครเลว เป็นเรื่องของนิสัยส่วนตัว แต่ถ้าแน่จริง ตอนมีท้องหรือติดโรค อย่าให้คนอื่นเดือดร้อน ถ้าทำได้ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนอยาก จะยุ่งด้วยหรอก”
น้ำหวาน เมจิ เทป และนักศึกษาคนอื่นปรบมือเชียร์ดังลั่น แนนกวาดสายตามองรอบห้อง พลางยิ้มให้ทุกคน
“ เราว่าวันนี้ แนนโต้ได้ดีมาก คนเห็นด้วยเยอะ”
น้ำหวานพูดขึ้น ขณะทื่ทั้งหมดเดินมาที่ลานจอดรถในมหาวิทยาลัย เมจิพยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ นุจรีจ๋อย แต่ทำแอ็คติ้งกลบเกลื่อน”
“อาจมีฟลุ้ค ชนะเลือกตั้งก็ได้”
เทปพูดจบ ก็โดนน้ำหวานผลักเข้าให้
“ฟลุ้คเหรอ”
“เฮ้ย ไปดีกว่า”
เทปบ่นแล้ววิ่งออกไป พร้อมๆ กับที่น้ำหวานหันมาเห็นรถโจวิ่งเข้ามา
“พี่โจ มาแล้ว”
“สวัสดีครับ สาวๆ”
เมจิกับน้ำหวานยืนยิ้มบิดไปมา แนนแกล้งหันมาทำเสียงดุใส่เพื่อน
“ไปได้แล้ว ชิ่วๆ”
“บายค่ะพี่โจ”
เมื่อเมจิกับน้ำหวาน วิ่งออกไป โจก็หันมาถาม
“เป็นไงมั่ง โต้วาทีดีเบท อะไรเนี่ย ใครชนะ”
“สูสีค่ะ”
จากนั้นโจก็พาแนนมานั่งในร้านขนมใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัย พลางหันมาถาม
“แผลเป็นยังไงบ้าง”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ”
“ดี พี่ขอตัวไปล้างมือก่อนนะ”
เมื่อโจลุกขึ้นเดินออกไป แนนก็กวาดสายตาไปรอบๆ
“วันนี้พูดได้ดีนี่”
แนนหันมาทางต้นเสียง ก็เห็นบิว ยืนอยู่กับนักศึกษาชายคนหนึ่ง“เห็นรุ่นพี่มารับไม่ใช่เหรอ อย่าว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองซะล่ะ”
บิวพูดพลางทำหน้าเยาะ แนนยิ้ม แล้วโต้กลับไปแบบเชิดๆ
“ห่วงตัวเองเถอะ”
จบตอนที่ 12