พราว ตอนที่ 16
จันทร์จรีค่อยๆ บรรจงถอดเสื้อแจ็คเก็ตของสมชายออก พร้อมกับโอบ 2 มือไปรอบเอว พลางยิ้มยั่วยวน แต่ยังสะพายกระเป๋าไว้ไม่ห่างตัว
สมชายเจอลีลาเอาจริงของอีกฝ่ายก็นึกแหยง แต่จำเป็นต้องดำเนินตามเกมต่อไป ด้วยการใช้มือลูบไล้ที่คอและประคองหน้าจันทร์จรี พลางพาเดินถอยหลังไปช้าๆ เพราะบังเอิญเห็นแก้วน้ำส้มที่ดื่มเหลือค้างวางอยู่บนโต๊ะ
จันทร์จรียื่นหน้าจะจูบ แต่สมชายทำเป็นยั้งหน้าไว้ พลางพูดยิ้มๆ
“ผมจะมาเป็นคนสอนให้คุณนะ ไม่ใช่ให้คุณมาสอนผม”
“ก็อย่าช้าซิ ไม่ทันใจ ฉันจะเป็นฝ่ายรุกคุณแล้วนะ พ่อบอดี้การ์ดของพราว”
สมชายนึกฉุนที่จันทร์จรีมาพูดดูถูกพราวสุดรักของเขาในเวลาแบบนี้ แต่ยังยิ้มแสดงต่อ
“ตอนนี้มีเราแค่เรา 2 คน ไปเอ่ยถึงพราวทำไม ?”
พลางค่อยๆ ดันตัวจันทร์จรีไปชนโต๊ะในที่สุด
“โอ๊ะ ห่ามๆ แบบนี้นี่เอง มิน่า นังพราวถึงติดใจ ไม่ยอมปล่อยคุณไปไหน ขาข้างหนึ่งก็เกี่ยวคุณไว้แน่น อีกมือก็จับคุณติณห์เอาไว้สร้างภาพ”
จันทร์จรีพูดพลางใช้นิ้วชี้เกี่ยวคอเสื้อยืดสมชายดึงตัวให้โน้มลงมาจูบตัวเอง สมชายจำยอมโอนอ่อนผ่อนตาม โน้มตัวลงมา ทำทีโอบจันทร์จรี แต่จงใจปัดไปที่แก้วน้ำส้มด้านหลัง จนน้ำส้มหกราดมาเต็มบั้นท้ายจันทร์จรี ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้งผงะ
“อะไร?”
“น้ำส้มหกน่ะซิ เต็มก้นฉันหมดเลย โฮ่ย...เสียอารมณ์ รอเดี๋ยวนะสมชาย จุ๊บ”
จันทร์จรีส่งจูบอย่างมีจริต แล้วลืมตัวโยนกระเป๋าไปทีโซฟาก่อนจะรีบหันเข้าห้องน้ำไป สมชายถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางเหล่มองไปที่กระเป๋า
จันทร์จรีเข้าห้องน้ำมา ดึงทิซซู่มาเช็ดๆ เนื้อตัวอย่างขัดใจ แต่ก็ไม่วายยิ้มอย่างสะใจ
“ทุกๆ อย่างที่เป็นของนังพราว จะต้องเป็นของจันทร์จรี รวมทั้งชู้รักซูเปอร์สตาร์คนนี้ด้วย”
จากนั้นก็รีบถอดเสื้อผ้า แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันกายไว้เพียงผืนเดียว ด้วยความหมายมั่นว่าจะต้องพิชิตสมชายให้ได้
จันทร์จรีเดินสยายผม ทำหน้าเซ็กซี่ออกมายืนเกาะเสาทำท่ายั่วยวน ขณะที่สมชายยืนหันหลังอยู่ที่โซฟา
“ผมก็กำลังหายาปลุกอารมณ์ตัวเองอยู่”
จันทร์จรีตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นสมชายหันมายิ้มกวนๆ พร้อมกับถือยาทั้ง 2 อย่างที่เพิ่งซื้อมาไว้ในมือ
“ยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะใช้ยานอนหลับนี่ หรือว่ายาเบื่อนี่ดี”
“อะไรเนี่ยะ มารื้อค้นกระเป๋าของฉันทำไม เอาคืนมานะ”
จันทร์จรีปรี่เข้าไปแย่ง แต่สมชายเบี่ยงตัวหลบ
“คุณยอมรับเองนะว่ายานี่เป็นของคุณ”
“เอ่อ ก็ฉันนอนไม่หลับ ฉันก็ซื้อยามากิน”
“งั้นไอ้ยาเบื่อนี่ คุณก็ซื้อมากินแก้เบื่อซินะ เบื่อใครล่ะ เบื่อตัวเอง หรือว่าเบื่อ...”
จันทร์จรีรีบสวนขึ้นมาทันที
“เบื่อมด เบื่อแมว เบื่อหมา เบื่อพวกสัตว์ทุกอย่างนั่นแหละ เอาของฉันคืนมาซิ เอามา”
“ถ้าอยากได้คืน ก็ตามผมไปที่โรงพัก”
ได้ผล จันทร์จรีเงียบกริบทันที
“โรงพัก? ฉัน ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรซะหน่อย ก็แค่ซื้อยามากินเท่านั้นเอง”
“งั้นผมขอเก็บยานี้ไว้นะ เผื่อดาราดังคู่แข่งของซูเปอร์สตาร์พราวเป็นอะไรไป เกิดเสียชีวิตกะทันหันขึ้นมา ผมจะได้มีหลักฐานไว้ยืนยันกับหมอผ่าศพ”
จันทร์จรีได้แต่ยืนอ้าปาก ที่หวังใจว่าจะพิชิตสมชาย แต่กลับถูกอีกฝ่ายตอกกลับจนหน้าหงาย
สมชายยิ้มกวน ๆ ก่อนจะเดินไปคว้าแจ็คเก็ตที่พื้นขึ้นมาปัดๆ แล้วถือพาดบ่าเตรียมจะเดินไปที่ประตูห้อง
วินาทีนั้นจันทร์จรีก็ไม่หยุดความชั่วร้าย รีบล้วงหยิบมือถือมาจากกระเป๋ามากดไปที่โปรแกรมถ่ายวิดีโอรอไว้ พอสมชายหันหลังเปิดประตูก้าวออกจากห้อง จันทร์จรีก็เริ่มกดถ่ายคลิปไว้ทันที โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว จนสมชายก้าวออกจากห้องไป เธอก็หันกล้องมาถ่ายตัวเองที่อยู่ในชุดกระโจมอก แสดงสีหน้ายิ้มยั่วยวน
“ไม่มีอะไรมาก แค่จะบอกว่า บอดี้การ์ดสมชายมาสอนเลิฟซีนให้ ถึงที่คอนโด แซ่บเว่อร์”
ส่วนสมชายเมื่อเดินออกมา ก็รีบโทร. ไปสั่งงานลูกน้องด้วยสีหน้าเครียดเพราะเป็นห่วงพราว
“สั่งกำชับคุณพราวน่ะ ว่าห้ามกินน้ำหรือกินอาหารในกองถ่ายเด็ดขาด”
“บอกกับตัวคุณพราวเลยเหรอครับ เอ่อ...ตอนนี้คุณพราวกำลังถ่ายละครอยู่”
นายตำรวจ 2 นายหันมามองหน้ากันอย่างกังวลใจ
“แล้วคุณเอมี่คนดูแลคุณพราวอยู่ไหน ไปบอกคุณเอมี่เลย บอกนะว่าผมสั่งกำชับว่าห้ามคุณพราวแตะต้องอาหารในกองถ่ายเด็ดขาด ถ้าไม่มีอะไรกินก็ให้อดไป เดี๋ยวๆ อย่ากระโตกกระตากล่ะ บอกคุณเอมี่ให้เงียบๆ ไว้ อย่าให้ใครรู้
แม้แต่ไฮโซติณห์ก็ให้รู้ไม่ได้ เข้าใจมั้ย”
“ครับสารวัตร ผมจะไปบอกคุณเอมี่เดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยวๆ ถ่ายรูปมาให้ผมดูหน่อยซิ ว่าคุณพราวกำลังทำอะไรอยู่”
“ ถ่ายรูปคุณพราว ?”
สมชายเสียงเข้ม “ถ่ายให้ติดคุณพราวชัดๆ ผมอยากเห็นคนที่อยู่รอบๆ ตัวคุณพราว ว่าใครมีพิรุธอะไรรึเปล่า เข้าใจ?”
“เข้าใจ ครับผม จะปฏิบัติตามเดี๋ยวนี้”
สมชายกำลังเดินดูรูปพราวในมือถือที่ลูกน้องส่งมาให้ แต่กลับซูมดูเฉพาะใบหน้าของพราว ไม่ได้สนคนรอบข้างอย่างปากว่า เห็นรูปพราวในชุดแม่หญิงแก้วเจ้าจอมกำลังนั่งเศร้าเพราะจากนายเรืองคนรักในละคร
สมชายมองอย่างสุดแสนจะคิดถึง แต่ก็ทำปากแข็ง
ครู่หนึ่งก็กดสายโทร.ออกหาสหวุฒิ
“ฮัลโหล ผู้กำกับครับ ผมเจออะไรเข้าแล้ว โอเค. ครับ จะไปเดี๋ยวนี้”
ติณห์ที่อยู่ในกองอโยธยาด้วย หลบมารับสายด้วยสีหน้าตกใจ
“ว่าไงนะ ไอ้สมชายมันได้ยาไปงั้นเหรอ? มันรู้จักคอนโดจรีได้ยังไง? “
จันทร์จรีเดินพูดสายเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้อง
“มันเป็นตำรวจนะคะคุณติณห์ มันต้องให้ใครแอบจับตาดูจรีอยู่แน่ๆ”
“แล้วจรีบอกมันรึเปล่าว่าซื้อยามาทำอะไร ?” ติณห์ร้อนใจ
“จรีไม่โง่บอกความจริงกับมันหรอกค่ะ แต่ดูท่าทางมันก็ไม่โง่เชื่อจรีเหมือนกัน”
“นึกว่าเขี่ยมันพ้นจากนังพราวแล้ว มันจะเลิกยุ่ง ดันไปโผล่ตามสืบโน่นนี่อีก”
“แบบนี้ชัวร์เลย มันสงสัยจรีว่าไม่หวังดีกับนังพราว จรีว่าแผนจัดการกับนังพราวพรุ่งนี้ มันอาจจะโผล่ไปที่กองถ่าย ขัดขวางคุณอีกล้มเลิกแผนการเถอะค่ะคุณติณห์”
เอมี่รับคำสั่งจากนายตำรวจที่ให้ไปสั่งกำชับพราวว่าห้ามแตะต้องอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดในกองถ่ายแบบงงๆ แต่ก็จำต้องปฏิบัติตาม จากนั้นก็รีบวิ่งมาที่ตะกร้าข้าวของส่วนตัวของพราว พลางเปิดดูในกล่อง เห็นขวดน้ำแร่ แซนด์วิช และของว่าง ที่ต้อยติ่งทำเตรียมมาให้ จากนั้นก็คว้าน้ำแร่ขวดหนึ่งจะวิ่งออกไป แต่แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
“ไม่ได้ ไปไหนต้องเอาไปด้วย”
พลางหันมาคว้าตะกร้าแล้วรีบออกไป
พราวถ่ายเสร็จไปฉากหนึ่ง กำลังจะเดินไปพัก มีทีมงานช่วยกางร่มให้ สวัสดิการกองถือถาดใส่น้ำเข้ามาหา
“น้ำเย็นๆ ค่ะคุณพราว ดื่มดับทุกข์คลายร้อน”
แต่เอมี่รีบวิ่งเข้ามา โดยมีตำรวจทั้ง 2 นายตามหลังมาด้วย
“อย่ากินนะพราว”
พราวตกใจ ทีมงานหันมามองหน้ากันให้ควั่ก เอมี่ต้องรีบแก้ตัว
“ คืออากาศร้อนๆแบบนี้ พราวกินน้ำเย็นเดี๋ยวเกิดร้อนใน เจ็บคอ ไม่สบายขึ้นมา มากองถ่ายไม่ได้ เจ๊งนะคะน้อง คิวยิ่งยากๆ อยู่”
“งั้นคุณพราวหิวไหมคะ หนูเตรียมข้าวไว้ทางโน้น”
พราวยังไม่ทันตอบ เอมี่ก็ชิงพูดแทรกขึ้นมา
“ไม่ต้องจ้ะ ช่วงนี้พราวกินอาหารเฮลท์ตี้ฟู้ด เพื่อเตรียมตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้สินค้ายี่ห้อนึง พกข้าวห่อมาเองค่ะ เป็นอันเข้าใจตรงกันนะคะว่าต่อจากนี้ไปมากอง พราวจะเตรียมอาหารและน้ำมาเอง”
พราวยิ่งฟังก็ยิ่งงง จนเอมี่ต้องรีบคว้าแขนพาเดินไป
“เอมี่ นี่มันอะไรกัน?”
เอมี่พาพราวมานั่งพักที่โต๊ะใต้ร่มไม้ ลำเลียงอาหารออกมาจากตะกร้า มีตำรวจ 2 นายคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
พราวชะงักมือที่กำลังถือขวดน้ำแร่ดื่มทันทีที่เอมี่เล่าจบ
“อะไรนะ นายสมชายโทรมาสั่งห้ามฉันงั้นเหรอ?”
“จุ๊ๆ อย่าดังซิ บอดี้การ์ดสมชายสั่งว่า ห้ามไม่ให้ใครในกองรู้เรื่องนี้เด็ดขาด แม้แต่คุณติณห์ก็ให้รู้ไม่ได้นะพราว”
พราววางกระแทกขวดน้ำ จนเอมี่สะดุ้งโหยง
“ห้ามๆๆ ทำไมเค้าไม่มาห้ามด้วยตัวเองล่ะ ดีแต่โทร. มาสั่งโน่นห้ามนี่”
เอมี่ใช้มือพัดๆให้พราวใจเย็นลง
“ไม่เอาน่าพราว อย่าโกรธซิ ที่บอดี้การ์ดสมชายทำแบบนี้ เธอน่าจะดีใจนะ”
แต่พราวกลับหันมายิ้มแบบขมขื่นเต็มทน
“ดีใจ ? หึ ฉันต้องดีใจอะไร ยังไงเหรอเอมี่?”
“ก็ดีใจที่ถึงตัวบอดี้การ์สมชายจะอยู่ไกลจากเธอแค่ไหน แต่ใจเค้าก็ยังห่วงเธอ คอยดูแลใกล้ชิดตลอดเวลาเลยนะ”
พราวถึงกับอึ้งไป แต่ในใจก็มีทิฐิ
“เค้าทำตามหน้าที่ต่างหากล่ะเอมี่ เค้าบอกกับฉันว่าอยากจะจับตัวคนที่ปองร้ายฉันให้ได้ซะที เมื่อถึงวันนั้นเค้ากับฉันจะได้ไม่ต้องมาทนกันอีก เค้าคงจะเหนื่อยกับนังดาราคนนี้เต็มทีแล้วล่ะเอมี่”
“ไม่เอาอ่ะ ถ้าคิดถึงเค้าแล้วมันเจ็บจี๊ด ก็อย่าไปคิดถึงเลยนะ กินแซนด์วิชนี่ซะ จะได้มีแรงเดี๋ยวต้องถ่ายอีกตั้งหลายซีนนะ”
พราวหยิบแซนด์วิชจะเข้าปาก แต่จู่ๆ กลับชะงักมือค้างไว้
“แล้วนี่คุณติณห์อยู่ไหนล่ะ?”
ทางด้านติณห์กลับแอบมาคุยกับมาโนชอย่างหัวเสีย
“ฉันไม่อยากล้มเลิกแผนการพรุ่งนี้ มันควรถึงเวลาซะที ที่นังพราวจะได้รับผลกรรมที่มันทำไว้กับน้องฉัน”
“นั่นซิครับ คนผมก็เตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว สำหรับเข้าฉากพรุ่งนี้ 3 คน”
ติณห์หน้าเครียด “แต่ถ้าไอ้สมชายมันมาที่กองถ่าย ต่อให้เตรียมคนไว้เป็นร้อย แผนการเราก็ไม่มีทางสำเร็จได้”
มาโนชครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจ
“งั้นคงต้องเก็บมันซะก่อน คุณติณห์ไม่ต้องห่วงไว้เป็นหน้าที่ผม จัดการให้เอง”
“ให้มันหายสาบสูญไปจากโลกนี้เลยนะ ฉันไม่อยากแม้แต่จะเห็นศพมัน”
ติณห์ยิ้มเหี้ยม
สมชายวางยาทั้ง 2 อย่างลงบนโต๊ะต่อหน้าสหวุฒิ ที่มองอย่างเครียดๆ
“คุณเล่นบุกห้องสาว ไปเอาหลักฐานมาแบบนี้ เท่ากับแหวกหญ้าให้งูตื่นชัดๆ ถ้าคุณจันทร์จรีเป็นคนร้ายตัวจริง ก็คงไม่ลงมือทำอะไรอีกแล้ว”
“ผู้กำกับคิดอย่างงั้นเหรอครับ ?” สมชายย้อนถาม
“แล้วคุณคิดยังไงสารวัตร ถึงได้ทำอะไรเอ่อ ซื่อๆแบบนี้”
“ผมก็อยากเห็นงูไงครับ”
สมชายตอบหน้าตายๆ ทำเอาสหวุฒิทำหน้าไม่ถูก
“ผู้กำกับครับ เราเล่นบทพรานซุ่มล่าเหยื่อกันมานานพอแล้วนะครับ รอมันโผล่หัวออกมาขย้ำเหยื่อที ก็ไล่ตามมันที ผมว่าคุณพราวจะเสร็จมันซะก่อนที่เราจะรู้ตัวมัน ผมถึงต้องทำตัวเป็นเหยื่อล่องูออกจากรูมาซะเอง”
สหวุฒิจำต้องยอมรับฟัง
“ผมหวังว่าคุณจะล่องูถูกตัวก็แล้วกัน”
ติณห์มาส่งพราวถึงบ้าน พลางยื่นมือให้พราวจับก้าวลงจากรถ แล้วเดินจูงมือเธอมาส่งที่หน้าประตู
“ผมส่งแค่นี้นะครับ ไม่รบกวนคุณแล้ว คุณจะได้พักผ่อน นอนแต่หัวค่ำเพราะพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นไปกองถ่ายแต่เช้าอีกแล้ว”
“พราวน่ะไหว ชินซะแล้วกับเรื่องตื่นเช้าไปกองถ่าย คุณติณห์นั่นแหละค่ะ จะไหวรึเปล่า ? ต้องตื่นเช้ามารับมาส่งพราว แล้วยังต้องไปรออยู่ที่กองถ่ายทั้งวัน”
“ถ้านายสมชายทำไหว แล้วทำไม ผมจะดูแลคุณไม่ไหวล่ะครับ”
พราวฝืนยิ้มเจื่อนๆ
“งั้นคุณติณห์ก็รีบกลับบ้านไปนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไม่ไหว”
“กู้ดไนท์นะครับ”
ติณห์เข้ากอดพราว ราวกับรักมากเหลือเกิน
“แล้วอย่าลืมฝันถึงผมด้วย เพราะคืนนี้ผมจะนอนคิดถึงคุณทั้งคืน”
คำพูดหวานหู แต่แววตาของติณห์แอบร้าย เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้จะถึงเวลาที่เขาจะได้จัดการกับพราวเสียที
เมื่อติณห์ขับรถลานออกจากหน้าบ้านไป พราวก็รีบหันมาเปรยกับเอมี่
“คุณติณห์เค้าดีกับฉันมาก ดีซะจน ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า เค้าจะดีกับฉันถึงขนาดนี้”
“แล้วรักป่ะล่ะ?”
เอมี่ย้อนถาม พราวหันมาตอบเลี่ยงๆ
“ฉันคงคิดถูกแล้วล่ะ ที่เลือกเค้า”
พูดจบก็หันเดินเข้าบ้านไป เอมี่แอบบ่นคนเดียว
“คิดผิดคิดถูกไม่รู้ แต่ฉันอยากรู้ว่าเธอรักเค้ารึป่าวต่างหากพราว“
เมื่อพราวกับเอมี่เข้ามาในบ้าน มิกิกับมาร์คเดินถือหนังสือพิมพ์และหนังสือต่างๆ เข้ามาหา
“พี่พราวคะ เห็นสกู๊ปพิเศษขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์วันนี้หรือยังคะ เค้าเขียนชมพี่พราวแทบทุกฉบับเลย”
พราวดูไม่ยินดียินร้าย ตรงข้ามกับเอมี่กลับตื่นเต้นแทน
“ถามจริง ไหนๆ เขียนชมว่าไง สปอยมาซิ”
“เค้าชมว่า พี่พราวเปลี๊ยนไป๋ ดูน่ารัก ใจบุญ รักเด็ก และแสดงละครเก่งขึ้น”
มาร์ครีบเสริม “เดี๋ยวนี้พี่พราวแสดงตีบทแตกทุกบทบาท”
“เค้าว่ามหัศจรรย์มากที่พี่พราวแสดงบทบู๊เองได้ โดยไม่พึ่งสแตนด์อิน”
“ลบคำสบประมาทที่ว่า…”
ต้อยติ่งกับมิกิพูดพร้อมกัน
“พราวดีแต่สวยกับเซ็กซ์ พราวเก่งแต่บทไฮโซหน่อมแน้ม พราวเล่นบทบู๊ไม่ได้”
เอมี่หัวเราะร่า
“เยสๆ ดีใจด้วยนะพราว ซูเปอร์สตาร์พราวยังคงเป็นที่หนึ่ง ไม่มีใครโค่นเธอลงจากบัลลังก์ได้ เอ๊า ทุกคนปรบมือ เย้”
ทุกคนปรบมือดีใจ แต่พราวกลับนั่งหน้าปลงๆ จนเสียงปรบมือเริ่มแผ่วลง
“ฉันกำลังไม่แน่ใจว่าที่เค้าชมมาทั้งหมด ใช่ตัวฉันรึเปล่า? ถ้าใช่ ฉันขอยกความดีทั้งหมดให้กับมีนและ
บอดี้การ์ดสมชาย เค้าทำให้พราวคนนี้เปลี่ยนไปได้ ในสายตาของทุกคน”
พราวถอนใจลุกขึ้นเดินไป ขณะที่เอมี่อ้าปากค้างที่พราวพูดชื่อมีนออกมาต่อหน้าทุกคน
ขณะที่พราวกำลังก้าวเดินขึ้นบันไดไปที่ห้อง ก็ได้ยินเสียงมีแมสเซสเข้ามาที่มือถือ
เมื่อเห็นเป็นชื่อจันทร์จรีส่งมา เธอก็นึกแปลกใจรีบกดเปิดดู เห็นคลิปในมือถือเป็นเหตุการณ์ตอนที่สมชายเดินถือเสื้อแจ็คเก็ตพาดไหล่กำลังเปิดประตูออกจากห้องไป แล้วกล้องก็หันมาถ่ายที่หน้าจันทร์จรี
“ไม่มีอะไรมาก แค่จะบอกว่า บอดี้การ์ดสมชายมาสอนเลิฟซีนให้ ถึงที่คอนโด แซ่บเว่อร์”
พราวช็อกและเสียใจมากแทบจะขาดใจ เหมือนโลกทั้งใบถล่มทลายลงมาตรงหน้า ขาอ่อนหมดแรงที่จะทระนงยืนสู้ ได้แต่ทรุดนั่งลงสะอื้นที่บันไดตรงนั้นเอง เอมี่เดินมาเห็นก็ตกใจ
“พราว ร้องไห้ทำไม ลื่นตกบันไดเหรอ เจ็บตรงไหนบ้างอ่ะ บอกฉันซิ”
“ฉันเจ็บตรงนี้เอมี่ เจ็บตรงที่ใจเนี่ยะ เจ็บมากเลย ฮือๆ”
พราวร้องไห้โฮ พลางตบไปที่อกตัวเอง ทำเอาเอมี่น้ำตาซึมตาม ไม่เคยเห็นพราวร้องไห้แทบขาดใจขนาดนี้มาก่อน
“พราว เป็นอะไรไปอ่ะ ใครทำอะไรเธอ”
พราวยื่นมือถือให้เดู เอมี่เห็นคลิปก็อ้าปากค้าง รู้สึกโกรธแค้น และเสียใจแทนพราวไปด้วย
“บอดี้การ์ดสมชายไปนอนกับจรีเหรอ สมชายของพราว ไปหลงมั่วยัยนี่ได้ไงนี่”
พราวแย่งมือถือไปจากเอมี่แล้วลุกขึ้นวิ่งขึ้นบันไดไป เอมี่ลุกวิ่งตามไปที่ห้องนอน จะเปิดประตูเข้าไป แต่ประตูล็อก ได้ยินเสียงขว้างปาข้าวของโครมครามอยู่ภายใน
“พราว เปิดประตูซิ ให้ฉันเข้าไปนะ ฉันจะปลอบเธอเอง ไม่ต้องเสียใจนะพราว โธ่เว้ยอีนังจรี อีโรคจิต อีนัง
งูพิษ ทำไมแกถึงจองเวรพราวขนาดนี้นะ ของรักของหวงของพราว แกมาแย่งไปทำไม”
จันทร์จรีนอนเกลือกกลิ้งหัวเราะอย่างสะใจอยู่บนเตียง
“เป็นถึงบอดี้การ์ดยังเสร็จฉัน ดูน้ำหน้าซิ ว่าแกยังกล้าไว้ใจมันให้ดูแลแกอีกไหมนังพราว ทำไมไม่ตอบโต้ฉันมาล่ะ แชทด่าฉันมาซิ ด่ามาๆ มัวทำอะไรอยู่ยะหล่อน หรือว่ากำลังร้องห่มร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดอยู่ ฉันดูออกหรอกนะว่าแกคลั่งไอ้สมชายมาก มองกันที แทบจะกลืนกินกันได้เลย”
ขณะที่พราวร่ำไห้จะเป็นจะตาย ภาพความรักสวยงามของสมชายที่มีให้เธอ มันถูกทำลายให้สกปรกยับเยินไม่มีชิ้นดีด้วยมารยาเสน่ห์ลวงของจันทร์จรี พลางก่นโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง
“ไม่เหลืออีกแล้ว ความรักที่สวยงามของสมชาย เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของฉันเอง ที่เอาแต่เป็นฝ่ายรับ ไม่เคยให้อะไรคุณเลย ฉันผิดเอง ฉันผิดเอง”
แต่พราวหารู้ไม่ว่า สมชายกำลังนั่งซุ่มดูอยู่ในรถนอกรั้วบ้านพราวแสงอย่างเหงาๆ พลางมองจ้องไปที่ชั้นบนของบ้าน อยากจะรู้เหลือเกินว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ และที่สำคัญ
“จะคิดถึงกันบ้างมั้ยแม่ซูเปอร์สตาร์?”
คิดพลางหยิบมือถือขึ้นมาดู กดดูไปที่เบอร์มือถือพราว.ที่เขาเมมไว้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เคยโทร. เข้ามาหาเขาเลย นับตั้งแต่วันที่เขาถอนตัวออกมาที่โรงพยาบาล สมชายยกนิ้วอยากจะกดโทรไปหา แต่ก็ข่มใจไม่โทร พลางถอนใจ ก่อนจะวางมือถือ แล้วค่อยๆ เคลื่อนรถออกไป
สมชายขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ก่อนจะลงจากรถด้วยอาการอ่อนเพลียทั้งกายและใจ จู่ๆ ก็มีไอ้โม่งคนหนึ่งพุ่งออกจากที่ซุ่ม เงื้อไม้ฟาดเล็งที่หัว โชคดีที่เขาไหวตัว ก้มหลบทัน ก่อนจะถีบมันออกไป แต่กลับมีไอ้โม่งอีกคนโผล่มาจากด้านหลังพร้อมเชือกรัดคอเขาไว้อย่างรวดเร็ว
สมชายหายใจแทบไม่ออก หลังดันมันไปชนกับรถเต็มแรง 2 มือพยายามดึงเชือกออกจากคอ พลางพยายามศอกหลังใส่สีข้างมันรัวหลายครั้ง จนปล่อยให้เชือกที่รัดคอหลวม แต่ไอ้โม่งคนแรกกลับถือไม้ปรี่เข้ามาฟาดเข้าเต็มท้องอีกครั้ง
สมชายแทบทรุด แต่กัดฟันฮึดสู้ จนเกือบจะคว่ำมันทั้งคู่ได้สำเร็จ แต่กลับมีไอ้โม่งอีกคนโผล่เข้ามา พร้อมใช้เข็มยาสลบ ปักเข้าที่ต้นคอ จนเขาตกใจ แต่พยายามออกแรงซัดพวกมันกระเด็น และปัดเข็มฉีดยากระเด็นหายไป ขณะที่ยาฉีดเข้าไปในตัวเขาได้เพียงแค่ครึ่งเดียว ไอ้โมงทั้งสาม กลิ้งกระเด็นไปนอนเจ็บกันคนละทิศละทาง
เขารีบชักปืนจะปรี่เข้าไปหาพวกมัน แต่ยาสลบออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว จนแทบไม่มีแรงเหนี่ยวไก ก่อนที่เข่าจะค่อยๆ ทรุดลงข้างหนึ่ง เขาพยายามแข็งใจยันตัวลุกขึ้น สะบัดหัวไล่อาการที่จะวูบหมดสติ พร้อมกับกำปืนด้วย 2 มือ เตรียมพร้อมจะยิง แต่ช้าไป...
หนึ่งในไอ้โม่งฟาดไม้ไปที่หัวสมชายเต็มแรง จนเขากระตุกอ้าปากค้าง มันฟาดซ้ำที่ขาทั้ง 2 ข้างและที่ตัวหลายครั้ง จนเขาทรุดลง ตาลอย ไอ้โม่งคนที่ 3 เข้ามาจับล็อกแขนแย่งปืนไปได้อย่างง่ายดาย แล้วเงื้อมือฟาดด้วยด้ามปืนจังๆ
สมชายหน้าหัน เลือดที่ปากกระเซ็น พร้อมสติที่ดับวูบ ก่อนจะล้มลงไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น
พราว ตอนที่ 16 (ต่อ)
ร่างสมชายถูกไอ้โม่ง 2 คนแรกลากมายังรถตู้เก่าๆ ที่จอดซุ่มอยู่ ไอ้โม่งคนที่ 3 เหน็บปืนของเขาไว้ที่เอวของมัน
พลางรีบเปิดประตูรถให้ ไอ้โม่ง 2 คนลากตัวเขาสมชายโยนขึ้นไปบนรถ แล้วรีบปิดประตู ก่อนจะขึ้นไปนั่งด้านคนขับ ถอดหมวกไอ้โม่งออก
ที่แท้มันคือมาโนชนี่เอง !!
“มัดมันซะด้วย เดี๋ยวเสือกฟื้นขึ้นมาล่ะฉิบเป๋งเลย”
ไอ้โม่งทั้งสอง ถอดหมวกออก เผยให้เห็นใบหน้า ที่ช้ำแตก ใช้เทปกาวที่เตรียมมาในรถ พันมัดปิดปากสมชายไว้ พร้อมกับมัดมือทั้ง 2 ข้างไพล่หลังพลางบ่นว่าน่าจะยิงทิ้งให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
“ยิงทิ้งให้มีหลักฐานตามจับพวกมึงน่ะดิ มันเป็นตำรวจนะเว้ย เจ้านายสั่งให้อุ้มหายไปเลย ไม่มีร่องรอย”
มาโนชพูดพลางรีบขับรถออกไปท่ามกลางความมืดอย่างรวดเร็ว
แฟรงค์ใส่เฝือกอ่อนที่คอนั่งอยู่บนวีลแชร์ มีบอยเข็นเข้าประตูบ้านพราวแสงเข้ามา ด้วยอาการร้อนอกร้อนใจ หลังจากที่เอมี่โทร. ไปบอกเรื่องของจันทร์จรี
“พราว พราวของเจ๊อยู่ไหน?”
เอมี่นำทีม ต้อยติ่ง มาร์ค มิกิออกมาดู
“ร้องห่มร้องไห้อยู่บนห้องแน่ะเจ๊ เป็นชั่วโมงแล้วเนี่ยะ กลัวแต่จะทำร้ายตัวเองน่ะซิ เห็นคลิปบอดี้การ์ดสมชายเดินออกจากห้องนังจรีบาดตาบาดใจ พราวแทบจะขาดใจเลยอ่ะเจ๊”
แฟรงค์เข่มเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ
“นังจรี นังงูเห่าเลี้ยงไม่เชื่อง ฉันน่าจะเอาขี้เถ้ายัดดั้งมันตั้งแต่เข้าวงการ ไม่น่าเอามาปั้นให้ดังเล๊ย”
“นี่แสดงว่าคุณพราวรักบอดี้การ์ดสมชายมากเลยนะครับ ถึงได้เสียใจขนาดนี้” มาร์คตั้งข้อสังเกต
“หยุด ห้ามพูดยังงี้อีกนะ ห้ามใครพูดว่าพราวรักบอดี้การ์ดสมชายให้ได้ยินอีก เจ๊จะไม่ทน”
“ร้องงิ้วอยู่ได้เจ๊ จะทำไรก็รีบๆ เข้า ไม่งั้นนะ พรุ่งนี้พราวไปถ่ายละครไม่ได้แน่ เค้าเซ็ทฉากใหญ่ไว้แล้วด้วย”
“ก็เร็วซิ ช่วยกันแบกฉันขึ้นไปข้างบน”
ทุกคนเข้ามาช่วยกันยกแฟรงค์ขึ้นบันไดไปทั้งรถเข็นอย่างทุลักทุเล.
ร่างหมดสติของสมชายถูกลากเข้ามาในไซต์ก่อสร้างมุมหนึ่ง ที่ยังมีกองดินกองทรายเพิ่งก่อโครงสร้างตึก
มาโนชเดินตามหลัง พลางหันมองอย่างระแวดระวัง เกรงจะมีใครเห็น จนกระทั่งมาถึงหลุมๆ หนึ่งที่ขุดเตรียมรอไว้แล้ว พวกมันรีบโยนร่างของเขาลงไปในหลุมทันที
มาโนชเดินมายังรถโม่ผสมปูนคันหนึ่งที่เปิดเครื่องให้โม่หมุนผสมซีเมนต์เตรียมรอไว้แล้ว จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถ ก่อนจะใส่เกียร์ขับรถขนาดใหญ่ออกไป
แฟรงค์เคาะประตูห้องพราวรัว โดยทีทุกคนยืนรายล้อมเอาใจช่วย
“พราว เปิดประตูให้เจ๊หน่อย หนูเป็นยังไงบ้าง ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องแบบนี้ไม่ได้นะหนู”
ขณะที่ด้านในห้อง พราวยังสะอื้นไม่หยุด เพราะทำใจไม่ได้
“ดูดิ เจ๊เค้าเป็นห่วง อุตส่าห์ถอดสายน้ำเกลือหนีหมออกจากโรงบาลมาเลยนะ” เอมี่ช่วยพูด
“อย่าทำอย่างงี้พราว ทุกคนเป็นห่วงมากนะ แค่บอดี้การ์ดคนเดียะ ถือว่ายกให้นังจรีมันไปเหอะ ทำบุญทำทาน แด่ผู้อดอยาก หนูยังมีคุณติณห์นะ เค้าหล่อ เค้ารวย เค้าเริ่ด เค้าดีกว่านายสมชายทุกอย่าง หนูต้องเลือกอนาคตนะพราว อย่าไปยึดติดความหลัง”
พราวตะโกนออกมาจากในห้อง ด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น
“มันไม่ใช่ความหลัง มันเป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตพราว พี่แฟรงค์ไม่เข้าใจก็หยุดพูดเถอะ พราวขออยู่คนเดียว ขอร้องนะพี่แฟรงค์ พราวขออยู่คนเดียว ไม่อย่างงั้นพราวจะออกไปอยู่ที่อื่น”
มือที่กำลังเคาะประตูของแฟรงค์ชะงักกึกทันที
“โอเค. จ้ะ งั้นพี่จะ Stop เบรกตัวเองไว้เท่านี้ แล้วให้เวลาหนูได้ทำใจนะจ๊ะ พวกเราถอย ของกำลังขึ้น อย่าไปต่อรอง เดี๋ยวมีแตก”
ส่วนพราวก็หันไปคว้ามือถือมาถือไว้กับอก พลางชั่งใจชั่วครู่ ก่อนจะยอมทิ้งลายนางพญา ตัดสินใจ กดโทร. ไปหาสมชาย
สมชายที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ในหลุม มือถือในกระเป๋ากางเกงดัง และสั่นขึ้นมา ขณะที่มาโนชขับรถโม่ปูนถอยมาที่ปากหลุม โดยมี 2 ลูกน้องคอยโบกบอกทางให้
เสียงมือถือดังอยู่นาน แต่เสียงของรถโม่ปูนกลบเสียสนิท
ขณะที่สมชายยังคงไม่ได้สติ
พราวถือสายรอ ไม่ยอมกดวางสาย น้ำตาไหลพราก
“รับสาย รับหน่อย นายสมชาย ฉันอยากคุยกับคุณ รับหน่อยซิ”
เธอสะอื้นเสียใจ ที่สมชายไม่ยอมรับสาย โดยไม่รู้เลยว่าการโทร. ไปของเธอ กำลังช่วยชีวิตเขาไว้
มือถือสมชายสั่นและดังอย่างต่อเนื่อง จนเขาเริ่มรู้สึกตัว พลางพยายามลืมตาขึ้นอย่างสุดแสนลำบาก
จังหวะนั้นมาโนชก็ถอยรถโม่ปูนมาได้จังหวะปากหลุมพอดี พลางกดปุ่มเทปูนให้ไหลจากท่อลงมาในหลุม
สมชายแว่วได้ยินเสียง รีบลืมตาขึ้นได้ พบว่าตัวเองถูกปิดด้วยเทปกาวอยู่ และมือและขาทั้ง 2 ข้างก็ถูกพันเทปไว้ เขาหันมองไปเห็นรถปูนกำลังเทปูนไหลมาที่ตัวเขาอย่างรวดเร็ว เขารีบรวบรวมแรงขาที่มีอยู่แยกขาทั้งข้างออก จนเทปกาวขาดออกจากกัน แล้วรีบลุกขึ้น
ลูกน้องทั้งสองเห็น ตกใจ ชักปืนออกมาจะยิง แต่สมชายรีบกระโจนขึ้นจากหลุม ออกสตาร์ทวิ่งอย่างเร็ว พวกมันกราดยิงใส่ แต่เขาก็ฉากหลบได้ทัน แล้ววิ่งหลบออกไป
มาโนชปิดเครื่องเทปูน ชักปืนของสมชายกระโดดลงจากรถด้วยความโกรธ
จากนั้นมันกับลูกน้องทั้งสอง ก็แยกย้ายกันไล่ล่าสมชายอย่างไม่คิดชีวิต
พราวปล่อยมือถือร่วงจากมือ พร้อมสายที่หลุดไป พลางหยุดร้องไห้ แล้วพยายามตัดใจ เพราะคิดว่าสมชายคงตัดสินใจทิ้งเธอไปแล้วจริงๆ
สมชายวิ่งหลบไปที่กองวัสดุก่อสร้างมุมหนึ่ง เจอเลื่อยลันดาขึ้นสนิมเสียบอยู่กับกองไม้ เขารีบหันหลังสีเทปกาวกับใบเลื่อย จนเกือบจะขาดอยู่แล้ว แต่มาโนชเข้ามายิงใส่ สมชายกระโจนหลบ แต่กระสุนเฉี่ยวไปที่ต้นแขนซ้าย เขาล้มลงหลบหลังปั้มลม แต่เจอหนึ่งในลูกน่องมาโนชยกปืนมาจ่อยิง
จันทร์จรีรินถือแก้วไวน์มายื่นให้ติณห์ พลางยืนกอดอิงไหล่เขาอยู่ด้านหลัง ทั้งสองยิ้มร้าย เตรียมดื่มฉลองความสำเร็จล่วงหน้า
“ลาก่อน ไอ้สมชาย”
ติณห์เทไวน์ราดลงกับพื้น
ในที่สุดสมชายก็ใช้ชั้นเชิงที่เหนือกว่าจัดการล้มสมุนคนที่กำลังจ่อยิงเขาจนมันตายคาที่ มาโนชตกใจ รีบวิ่งหนี สมชายดึงเทปกาวออกจากปากตัวเองด้วยสีหน้าบ้าเลือด ตะโกนอย่างสุดแค้น
“มึงหนีทำไม! อยากเก็บกูไม่ใช่เหรอ มาเลย วันนี้ถ้ามึงหนีรอดไปจากที่นี่ได้ ไม่ต้องมาเรียกกูว่าสมชาย”
สมชายวิ่งไล่กวดมันมาทันที่มุมหนึ่ง พลางยกปืนขึ้นเล็งพร้อมยิง แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ ลดปืนลง เพราะตั้งใจอยากจะจับเป็น จึงหันวิ่งไปดักมันอีกด้าน
มาโนชวิ่งมาที่กองดิน แต่เจอสมชายเตะดักหน้าไว้ มันผงะยิง สมชายกระโจนลงกองดินยิงสวนไป กระสุนเจาะเข้าที่ขา 1นัด มันทรุดลง เขาไม่ยอมให้มันได้ตั้งตัว พุ่งเข้าคร่อมมัน จับมือมันหักจนปล่อยปืนร่วง จนในที่สุดก็สามารถซัดมันจนสลบเหมือด ขณะที่ตัวเองก็สะบักสะบอมไม่น้อย ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นมองหน้ามันชัดๆ แล้วก็จำได้ว่าเป็นคนขับรถของติณห์
“แกนี่เอง”
สมชายหันนั่งพิงกองทราย ทั้งอาการบาดเจ็บและฤทธิ์ยาสลบทำให้เขาแทบหมดแรง พลางล้วงมือถือจากกระเป๋าขึ้นมาจะกดโทรออก เจอ miss call จากพราวเป็น10 สาย เขายิ้มดีใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมัวคิดเรื่องรัก เรื่องงานสำคัญที่สุด เขาจึงรีบกดโทรไปหาสหวุฒิ
“ผู้กำกับ ผมจับงูได้แล้ว”
นาฬิกาที่ผนังบอกเวลาตี 4 ตรงเผ็ง
แฟรงค์หมุนวีลแชร์หันมายังเอมี่ที่นั่งเท้าคางตาปรือสัปหงกอยู่
“แฟรงค์จะไม่ถอย”
แฟรงค์ตะโกนเสียงดังจนเอมี่สะดุ้งตื่น
“การถ่ายทำละครต้องเดินหน้าต่อ และชีวิตของพราวต้องบินเหินฟ้าต่อไป”
“แต่สภาพเหมือนนกปีกหักอย่างงั้น พราวจะไปกองถ่ายได้เหรอเจ๊”
แฟรงค์ยักไหล่ “ก็ไม่ต้องให้ชีไป เรียกตัวมีนมารับบทบาทแทน”
เอมี่ตกใจ “แต่นี่มันตี 4”
“หรือหล่อนจะรอให้คุณติณห์มาเซย์มอนิ่งกับมีน ตอนสว่างล่ะยะ เราต้องรีบแปลงร่างสลับตัวกันตอนที่
พระอาทิตย์ยังไม่โผล่จุ๊กกรูนี่แหละ ลับ ลวง พรางที่ซู้ด ปฏิบัติ”
มีนวิ่งสะพายเป้ออกมาจากซอยอย่างรีบร้อน มาหยุดยืนหอบที่ฟุตบาท บ่งบอกเลยว่าสภาพร่างกายของเธอกำลังแย่เพราะโรคร้าย
รถของเอมี่แล่นปรู๊ดเข้ามาจอด ตรงตามเวลานัดพอดิบพอดี
“ขึ้นเบาะหลังเร็ว”
มีนฮึดสู้พร้อมทำงานทันที พลางรีบเปิดประตูรีบขึ้นเบาะหลัง เอมี่ชี้ไปยังชุดของพราวที่แขวนอยู่
“รีบเปลี่ยนใส่ชุดนั่น ฉันจะไปหาที่จอดรถ แต่งหน้าแต่งผมแปลงร่างเธอ ให้เป็นนางซินทันเวลา ทุกอย่างต้องเพอร์เฟ็กต์ ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เวรกรรมอะไรของเอมี่เนี่ยะ”
ติณห์เดินไปเดินมา พลางรอสายจากมาโนชอย่างกระวนหกระวายใจ จันทร์จรีเพิ่งตื่นเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำไปกองถ่าย หันมาเห็น
“คนของคุณยังไม่โทรกลับมาอีกเหรอคะ?”
ติณห์หน้าเครียด “หายเงียบไปเลย”
“จัดการกับไอ้สมชายได้หรือไม่ได้ ก็น่าจะโทรมาบอกกันหน่อย”
ติณห์ตัดสินใจเก็บมือถือ ด้วยสีหน้าแน่วแน่
“มันคงยุ่งอยู่กับการทำลายหลักฐาน ไม่ต้องรอมัน ทำตามแผนของเราต่อ”
พูดพลางหยิบกระเป๋าเจมส์บอนที่เตรียมมาวางลงบนโต๊ะ เปิดออก เห็นปืน 2 กระบอกอยู่ในนั้น จันทร์จรีตะลึงมอง
ติณห์หยิบปืนกล็อกสีดำขึ้นเช็คกระสุนแล้ว เก็บไว้ในกระเป๋าลับของเสื้อสูท แล้วหยิบปืนกระบอกเล็ก.22 วางลงบนโต๊ะพลางมองหน้าจันทร์จรี จงใจยื่นอาวุธสังหารให้เธอไว้ใช้งาน แต่บิดคำพูดเป็นเหมือนหวังดี
“พกติดตัวไว้ด้วย เอาไว้ป้องกันตัว ยิงไม่ยากหรอก แค่เล็งแล้วเหนี่ยวไก”
จันทร์จรีลังเล แต่อีกฝ่ายจงใจใช้เสน่ห์สะกดใจ
“พรุ่งนี้ไม่มีพราวแล้ว ก็จะมีแค่เรา 2 คน ติณห์กับจันทร์จรี”
ติณห์จับแก้มจันทร์จรี ส่งยิ้มแสนเสน่ห์แล้วหันเดินออกจากห้องไป จันทร์จรียืนมองฝันค้าง ก่อนหันมามองปืน พลางหยิบขึ้นมาถือไว้ เพื่อให้ได้ครอบครองติณห์และชนะพราว เธอพร้อมทำทุกอย่าง
“วันนี้พราว-พิชญาดา จะต้องหายไปจากชีวิตฉัน”
พราวไม่หลับไม่นอนทั้งคืน จนเวลาล่วงมาถึงตี 5 กว่าแล้ว เธอแข็งใจเปิดประตูออกมาเพื่อเตรียมตัวไปถ่ายละคร แต่พอเปิดประตูออกไป ก็เจอแฟรงค์นั่งอยู่บนวีลแชร์รออยู่หน้าห้อง
“หนูไปไม่ไหวหรอก พี่ให้มีนไปแทนแล้ว”
พูดพลางเข็นวีลแชร์เข้าห้อง ปิดประตู
“พี่แฟรงค์ พราวไม่อยากพึ่งมีนอีกแล้วนะ ปัญหาของพราว พราวต้องแก้ด้วยตัวเอง ในเมื่ออยากจะอยู่เป็นพราวต่อไป พราวก็ต้องเผชิญวิบากกรรมทั้งหมดด้วยตัวพราวเอง”
“นี่ไง พี่ถึงว่าหนูไปไม่ไหวหรอก เพราะหนูกำลังคิดว่าตัวเองเป็นโอชิน เล่นเรื่องสงครามชีวิตโอชินอยู่ ไม่ใช่พราว ซูเปอร์สตาร์ผู้สยบวงการบันเทิง เพราะฉะนั้น หนูต้องพักไปเลยวันนี้ อยู่บ้านแล้วก็ตั้งสติ ตัดๆ นายสมชายออกไปให้พ้นจากห้วงเสน่หาอาลัยให้ได้ เพื่อชีวิตของหนูเอง”
พราวจะก้าวไปที่ประตู แต่แฟรงค์เร็วกว่า รีบหันไปล็อกประตู หน้าตาจริงจัง
“เอาซิ ถ้าหนูคิดว่าจะไม่เชื่อฟังพี่แฟรงค์คนนี้อีกแล้ว ก็ข้ามหัวสวยๆ ของพี่ไปได้เลย”
พราวจำต้องหยุด ยอมหันเดินช้าๆ หมดเรี่ยวแรงไปยืนยึดผ้าม่านมองออกไปที่ระเบียงห้อง ราวกับนกน้อยที่ต้องขังตัวอยู่ในกรงทอง
เอมี่ขับรถพามีนที่จำแลงเป็นพราวมาทันเวลาก่อนที่ติณห์จะมาถึง ครู่หนึ่งรถตำรวจก็แล่นเข้ามา ตำรวจ
2 นายรีบลงจากรถ
“ตำรวจที่คอยดูแลพราวมาแล้ว”
มีนถอนหายใจ “บอดี้การ์ดสมชายไม่มาอีกแล้วจริงๆ เหรอคะเนี่ยะ?”
เอมี่พยักหน้าแบบเสียดายๆ จังหวะเดียวกับที่รถของติณห์แล่นเข้ามาพอดี
“บอดี้การ์ดตัวจริงของพราวมาพอดี พร้อมนะจ๊ะ โอม จงเป็นพราว เพี้ยง”
ติณห์เปิดประตูลงจากรถด้านคนขับ ส่งยิ้มมาให้ มีนในคราบของพราวรีบส่งยิ้มตอบ
“ผมมาช้าเหรอเนี่ยะ คุณพราวถึงกับต้องมารออยู่หน้าบ้านน่ะครับ”
“เปล่าค่ะไม่ช้าหรอก พราวอยากมายืนรอคุณน่ะค่ะ”
ติณห์รีบเดินเข้ามาจับมือมีนหวานตอบให้สมบทบาท
“ผมไม่อยากให้คุณต้องมารอผมอีกต่อไป เสร็จจากถ่ายละครเรื่องนี้ เราแต่งงานกันนะครับคุณพราว”
มีนถึงกับอึ้งไป ติณห์ดึงมีนมากอดราวกับรักสุดหัวใจ
“ถ้าให้ผมรอนานกว่านี้ ผมกลัวว่า จะต้องเสียคุณไป ผมคงทำใจไม่ได้ ผมรักคุณมากนะครับพราว”
ติณห์ทำเป็นพูดต่อหน้าเอมี่ เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นกับพราวในวันนี้ จะได้ไม่มีใครสงสัยในตัวเขา
มีนแอบเหลือบตามองเอมี่ ที่ขยิบตาเป็นเชิงให้เงียบๆ ไว้
มาโนชในสภาพที่มีบาดแผลสะบักสะบอมจากการสู้กับสมชาย แต่ทำแผลเรียบร้อยแล้วนั่งอยู่ในห้องสอบสวน ที่สำนักงานตำรวจ มือถูกใส่กุญแจมือไว้แน่นหนา
ครู่หนึ่งประตูก็เปิดออก พร้อมกับสหวุฒิเดินเข้ามา สมชายเดินตามหลังเข้ามาในสภาพที่สะบักสะบอม
สมชายขบกรามข่มอารมณ์เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้ามาโนช พลางมองจ้องหน้ามัน
“อยากฆ่าฉันมากนักเหรอ ?”
คำถามแบบนิ่งๆ แต่เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ มาโนชยังคงนั่งนิ่ง
“ฉันจำไม่ได้ว่าเคยไปทำอะไรกับแกเอาไว้ หรือว่าเคยทำ แล้วฉันดันลืม ช่วยเตือนความจำฉันหน่อย ว่าทำไม ฉันถึงสมควรตาย หรือว่าไม่ใช่แกที่อยากจะฆ่าฉัน แต่มีคนอื่น สั่งมาเก็บฉัน”
มาโนชรีบตอบทันทีเพื่อปกป้องติณห์
“ไม่มีใครสั่งฉันทั้งนั้น ฉันเอง ฉันเป็นคนอยากจะฆ่าแก”
สมชายได้คำตอบแล้ว ว่ามีคนบงการ พลางเหลือบตาไปมองสหวุฒิ ที่พยักหน้ายิ้มๆ เพราะมาโนชหลงกลสมชายเข้าให้แล้ว
ชายหน้าโหด 3 คน ท่าทางเหมือนมือฆ่ามืออาชีพ แต่งตัวเป็นตัวประกอบทหารพม่าเดินมาหยุดมองที่จุดนัดพบ มองไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงหน้า เห็นด้านหลังติณห์ยืนอยู่
ติณห์หันมามองด้วยสีหน้าเหี้ยม
“ฆ่ามันให้ได้ แล้วฉันจะเพิ่มให้แกอีกคนละล้าน”
ทั้งสามตาลุกวาว รีบพยักหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ
“วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของพราว นังตัวร้ายที่ทำให้น้องต้องตายทั้งเป็น ตรี พี่สัญญา วันนี้พี่จะต้องกลับบ้านไปหาน้อง พร้อมข่าวดีให้ได้”
สีหน้ของติณห์มุ่งมั่น อย่างไรเสียวันนี้ เขาจะต้องแก้แค้นพราวให้สำเร็จ
มีนในคราบของพราวกำลังซ้อมคิวดาบอยู่กับผู้กำกับอย่างตั้งอกตั้งใจ จันทร์จรีหันมองไป เห็นเอมี่ยืนกางร่มอยู่ใกล้ๆ สายตาจับจ้องไปที่พราวไม่วางตา ข้างตัวมีตะกร้าเสบียงวางอยู่ ตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งสอง ก็ยืนมองอย่างระแวดระวังคุ้มกันให้อยู่ไม่ห่าง
คนร้ายทั้งสามในชุดตัวประกอบพม่าเดินมาด้วยกัน พลางเหลือบตามองมาที่จันทร์จรีอย่างรู้ดีว่าเป็นพวกเดียวกับผู้บงการ แล้วก็เดินผ่านไป จันทร์จรียิ้มร้าย ยกดาบขึ้นมาดู ใช้ 2 นิ้วรูดคมดาบปลอม
“วันนี้แกได้ตายอย่างสมบทบาทแน่นังพราว ตายในบทนางเอกที่แกอยากจะยึดครองไว้ในวงการคนเดียวนี่แหละ เชิญแกตายไปพร้อมกับมันเลย”
สมชายยื่นรูปถ่ายที่มาโนชคุยกับจันทร์จรีในบ้านสวนนนท์ของติณห์มาวางต่อหน้า มันมองรูปอย่างตกใจและแปลกใจ
“สนิทสนมกับดาราที่ชื่อจันทร์จรีมากแค่ไหน ?”
มาโนชไม่ตอบ สมชายเลยหยิบยา 2 อย่างที่ยึดมาได้จากจันทร์จรียื่นไปตรงหน้า
“งั้นรู้ไหมนี่ยาอะไร?”
มาโนชขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย สมชายอธิบายต่อ
“ซองนี่ ยานอนหลับอย่างแรง ส่วนขวดนี้ เป็นยาเบื่อ เรียกว่ายาพิษก็ได้ ถ้าใครถูกวางยา ไม่มีโอกาสรอด”
“ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉัน”
“คุณจันทร์จรีแอบซื้อยา 2 อย่างนี่ไว้ แล้วพอดี ฉันยึดไว้ได้ซะก่อน ไม่รู้ว่าคุณติณห์จะรู้บ้างรึเปล่า ว่าคนที่ทำงานอยู่กับตัวเองกำลังทำเรื่องอะไรกันอยู่”
มาโนชรีบแก้ตัว “คุณติณห์ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น อย่าดึงเจ้านายฉันมาเกี่ยวข้อง”
สมชายเลยลุกคว้าคอเสื้อมาโนชดึงหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ
“งั้นเจ้านายแกรู้ไหม ว่าคุณจันทร์จรีเคยคบเป็นแฟนกับนายตรีน้องชายของเค้ามาก่อน”
คราวนี้มาโนชถึงกับอึ้ง
“คุณจรีน่ะเหรอเคยคบกับคุณตรี?”
สหวุฒิช่วยพูดเสริม
“ไม่ใช่แค่คบแค่ธรรมดา แต่คุณตรีรักคุณจันทร์จรีมาก เป็นคนพามาฝากคุณแฟรงค์ ผู้จัดการของคุณพราวช่วยดันให้เข้าวงการ ต่อจากนั้น หลังได้เข้าวงการแล้ว คุณจันทร์จรี ก็เขี่ยคุณตรีทิ้งทันที”
“งั้นไม่ต้องแปลกใจเลย ว่าผู้หญิงคนนี้ ทำได้ทุกอย่าง เพื่อกำจัดคนที่ขวางทางเจริญ”
มาโนชถึงตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน
“ถ้าอย่างงั้นคุณติณห์ก็แก้แค้นผิดคนมาตลอด”
สมชายตกใจคว้าคอเสื้อมาโนชตะคอกถามทันที
“ว่าไงนะ แกพูดอะไร นายติณห์แก้แค้นใคร?”
“คุณพราว”
สมชายรีบร้อนเดินออกมา พลางกดมือถือ ขณะที่สหวุฒิเดินตามออกมาพลางสั่งลูกน้องให้เตรียมระดมกำลังตำรวจไปยังกองถ่าย
“รับซิพราว รับซิ”
ขณะที่พราวลงจากเตียง พลางหยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นเป็นสมชายโทรมา แต่ด้วยทิฐิ จึงยืนถือค้างไว้ ไม่ยอมรับสาย กระทั่งสายตัด แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว กลับเป็นฝ่ายโทร. กลับไปหาเขาเอง
“รู้สึกไงล่ะ เวลาโทรไปแล้วไม่ยอมรับสาย”
สมชายถอนหายใจ “คุณเลิกทำตัวเป็นซุปตาร์เอาแต่ใจเสียทีได้ไหม ฟังก่อนได้มั้ย มื่อคืนผมไม่ยอมรับสาย เพราะผมกำลังเอาตัวไม่รอดอยู่”
“เอาตัวไม่รอดจากจันทร์จรีน่ะเหรอ”
สมชายงง เพราะยังไม่รู้เรื่องคลิป
“คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ ผมไม่ได้โทรมาทะเลาะกับคุณนะ ผมจะถามว่าคุณอยู่กองถ่ายใช่ไหม?”
“คุณไม่ได้เป็นบอดี้การ์ดของฉันแล้ว คุณจะมาสนใจทำไม ว่าฉันทำอะไร อยู่ที่ไหน?”
สมชายเริ่มฉุน “พราว ตอบผมมา คุณอยู่ไหน? นี่คุณอย่ามาทำตัวงี่เง่านะ ตอบผมมาคุณอยู่ที่ไหน”
“ฉันทำตัวงี่เง่าอยู่ที่บ้านชัดหรือยัง?”
สมชายตกใจ “งั้น มีนก็อยู่ที่กองถ่ายแทนคุณน่ะซิ งั้นมีนแย่แล้ว”
“ทำไมเหรอ”
“ผมจับตัวคนที่ตามปองร้ายคุณได้แล้ว รู้ไหมมันสารภาพว่าคนที่บงการมันให้ทำเป็นใคร?”
“ใครเหรอ ?”
สมชายย้อนนึกถึงสิ่งที่มาโนชเปิดปากรับสารภาพทุกอย่าง เพราะได้รับคำสั่งจากติณห์ที่เข้าใจผิดว่าผู้หญิงคนที่สลัดทิ้งตรีอย่างไม่ไยดีคือพราว
“ผมแอบเอาน้ำกรดไปใส่ในขวดน้ำแร่ ทำไฟร่วง ใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า ตามไปทำร้ายคุณพราวที่ฟิตเนส เปลี่ยนระเบิดเอฟเฟ็กต์เป็นระเบิดจริงที่กองถ่าย ทุกอย่างที่ผมทำ คุณติณห์เป็นคนสั่งทั้งหมดครับ”
พราวตกใจ แทบช็อก ที่ได้ยินอย่างนั้น
“คุณติณห์”
พราว ตอนที่ 16 (ต่อ)
สมชายพูดมือถือพลางเปิดประตูรีบขึ้นรถ
“ไฮโซติณห์กำลังลงมืออีกครั้ง ตามคำให้การของคนขับรถ ครั้งนี้เค้าต้องการ เอ่อ เก็บคุณให้ได้เพื่อแก้แค้นแทนน้องชาย เค้าจะไม่ให้พลาดอีก”
พราวน้ำตาร่วง ถือหูโทรศัพท์ค้าง เหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ ผู้ชายแสนดีอย่างติณห์น่ะเหรอที่คิดจะฆ่าเธอมาตลอด ?
“ไม่ต้องห่วงมีน ผมกำลังรีบไปที่กองถ่าย คุณน่ะอยู่ที่บ้าน อย่าออกไปไหนเด็ดขาด แล้วโทร.บอกคุณ
เอมี่ให้บอกกับกองถ่ายพักการถ่ายทำไว้ชั่วคราวก่อน อ้างเหตุผลอะไรก็ได้ แต่อย่าให้ไฮโซติณห์รู้ตัว ทำตามที่ผมบอกนะ”
จากนั้นสมชายก็รีบบึ่งรถออกไปอย่างรวดเร็ว
พราวถือโทรศัพท์ค้าง ร้องไห้ตัวสั่นเทา ขณะที่แฟรงค์เปิดประตูเข้ามาพอดี พร้อมกล่องพิซซ่าในมือ
“ตำรวจรู้ตัวคนบงการปองร้ายพราวแล้วพี่ นายสมชายโทร. มาบอก”
แฟรงต์ยิ้มดีใจ
“จริงดิ นี่มันข่าวดีชัดๆ หนูจะดราม่าน้ำตารินทำไมล่ะ มาๆ กินพิซซ่าฉลองกัน เย้ๆ ชีวิตของพราวกำลังจะหมดมารผจญแล้ว”
พลางหยิบพิซซ่ามากิน แล้วเลื่อนวีลแชร์ไปมาอย่างเริงร่า
“คุณติณห์เป็นคนบงการฆ่าพราวเนี่ยะนะข่าวดีพี่แฟรงค์”
แฟรงค์สะดุ้งเฮือก พิซซ่าร่วงจากปาก “คุณติณห์เนี่ยะนะเป็นคนบงการ โฮ้วมายก็อด มันเป็นไปได้ยังไง อยู่ๆ เจ้าชายจะกลายเป็นซาตาน เจ๊ไม่เชื่อ”
คราวนี้แฟรงค์กลับเป็นฝ่ายที่คร่ำครวญ รับไม่ได้เสียเอง
“คุณติณห์เข้าใจผิด เค้าคิดว่าพราวเป็นคนทำร้ายตรี จนต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา เค้าเลยคิดแก้แค้นพราวมาตลอดเวลาเลย”
“งั้นที่เค้าเข้ามาตีสนิท ทำเป็นรักหนู ก็เป็นแผนลวงทั้งนั้นซิ”
พราวรีบกดมือถือมือไม้สั่น
“เราต้องรีบโทร. บอกเอมี่ที่กองถ่าย มีนกำลังตกอยู่ในอันตราย”
“ม่ะๆๆ เจ๊โทรเอง หนูทำใจดีๆ ก่อน”
พลางรีบคว้ามือถือมาจากพราว ที่ยืนทำอะไรไม่ถูก อกสั่นขวัญแขวนไปหมด
เสียงมือถือดังอยู่ในกระเป๋าเสื้อของชายคนหนึ่งที่ถูกลากมาในป่ารกๆ ไม่ห่างจากจุดที่มีการถ่ายทำละครมากนัก ก่อนที่ร่างนั้นจะถูกโยนในดงหญ้าคารกๆ
ที่แท้เขาก็คือตำรวจ 1 ใน 2 นาย ที่ถูกฆ่าตาย ขณะที่ 1ใน3 คนร้ายที่ติณห์จ้างมา รียบคว้ามือถือขึ้นมา แล้วเขวี้ยงไปที่ต้นไม้ตรงหน้า มือถือแตกกระจาย
คนร้ายอีกคน กำลังคว้ากิ่งไม้แห้ง ใบตอง ใบจากแถวนั้นปิดคลุมศพของนายตำรวจคนนั้น
จากนั้นมันทั้งคู่ก็หันเดินกลับไปที่กองถ่าย
ทางด้านติณห์ก็กำลังยืนอยู่ที่ประโปรงหน้ารถของตัวเองที่เปิดขึ้นให้ตำรวจคนที่เหลือช่วยเช็คเครื่อง
“อยู่ๆ มันก็สตาร์ทไม่ติดน่ะครับ เดี๋ยวขากลับ คุณพราวลำบากแย่เลย”
นายตำรวจหลงกลก้มลงดูเครื่อง
“ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรเสียนะครับ รถราคาขนาดนี้ เครื่องงี้ใหม่เอี่ยม คุณติณห์ลองไปสตาร์ทดูใหม่อีกทีซิครับ”
“โอเค. ครับ ขอบคุณที่มาช่วย”
ติณห์ยิ้มๆทำเดินไปจะขึ้นรถ คนร้ายอีกคนเดินสวนมาแล้วดึงฝากระโปรงรถลงกระแทกงับใส่นายตำรวจเต็มแรงโดนตรงก้านคอพอดิบพอดี ร่างนั้นกระตุกครั้งเดียวแล้วก็แน่นิ่งไปทันที พร้อมกับเสียงมือถือ ดังขึ้น แต่คนร้ายรีบลากศพเข้าดงป่าไปทันที
ติณห์ยืนหน้าเหี้ยม ปิดฝากระโปรงรถไว้อย่างเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เก็บตำรวจคุ้มกันทั้งสองไปได้ ทีนี้งานจัดการพราวในกองถ่ายก็ง่ายมาก
สมชายที่ขับรถไป พร้อมกับพยายามโทร. หานายตำรวจทั้งคู่ แต่กลับไม่มีใครรับสาย
“โธ่เว้ย ไม่รับสายเลยทั้ง 2 คน หรือว่าเสร็จมันไปแล้ว”
เขาเริ่มเครียด พลางรีบโทรหาสหวุฒิ
“ผู้กำกับครับ ถึงไหนแล้ว เร่งหน่อยครับ ผมติดต่อคนของเราไม่ได้เลย”
ขณะที่ทางกองถ่ายกำลังจะเริ่มถ่ายทำ เอมี่นั่งกางร่มอยู่ที่โต๊ะปิกนิกข้างๆ ต้นไม้ใหญ่ห่างออกมาจากจุดถ่ายทำไม่มากนัก
มีตะกร้าเสบียงวางอยู่ข้างๆ มือถือวางอยู่ในตะกร้าบนตักที่ปิดเสียงไว้ตามคำสั่งของผู้กำกับ มีไฟกระพริบ แสดงชื่อพราวโทร. เข้ามา แต่เอมี่ไม่เห็น
ติณห์เดินมาจากป่าด้านหลัง เห็นเอมี่นั่งสัปหงก เพราะอดนอนมาทั้งคืน เขาพร้อมจะจัดการเอมี่ทันที ถ้าขัดขวางแผนการครั้งนี้ พลางรีบสาวเท้าเดินเข้ามายืนข้างๆ เอมี่สะดุ้งเงยหน้าปรือตาหันมาเจอติณห์
“คุณติณห์ หายไปไหนมาซะนานคะ?”
ติณห์ทำสีหน้าหนักใจ “เลขาที่ออฟฟิศโทรมาน่ะครับ มีปัญหากับลูกค้า ผมเลยต้องโทรไปเคลียร์ด้วยตัวเอง”
เอมี่ปิดปากหาว
“ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนครับ ?”
“เอมี่ไม่ได้นอนทั้งคืนเลย ก็พราวเค้า...เอ่อ. พราวเค้าซ้อมบททั้งคืนน่ะค่ะ ไม่หลับไม่นอน สงสัยจะตื่นเต้นวันนี้จะถ่ายซีนยาก”
ติณห์มองไปที่มุมถ่ายทำ เห็นผู้กำกับเรียกนักแสดงออกมาเตรียมตัวพร้อมถ่าย มีนในคราบของพราวเดินถือดาบออกมารอเข้าฉาก จันทร์จรีเดินตามหลังมาพร้อมๆ กับคนร้ายทั้ง 3 ที่ปะปนมากับตัวประกอบพม่าคนอื่นๆ
จันทร์จรีกับคนร้ายทั้งสามแอบหันมามองสบตากับติณห์ แววตาติณห์ดูเลือดเย็น เขามองไปที่มีน ที่เข้าใจว่าเป็นพราวอย่างสุดแค้นพร้อมกับพูดบอกเอมี่
“คุณเอมี่งีบไปเถอะครับ ผมอยู่ตรงนี้ จะคอยดูคุณพราวให้เอง รับรองจะไม่ให้คลาดสายตาเลย”
“อุ้ย เกรงใจมากเลยค่ะ ไม่เป็นไร เอมี่ไม่หลับหรอก หลับไม่ได้”
เอมี่พูดพลางหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาใส่ แล้วเอนตัวพิงกับต้นไม้ ก่อนจะค่อยๆ ผล็อยหลับไป
ขณะที่มือถือของเอมี่ในตะกร้า ยังมีสายของพราวพยายามโทร.เข้ามาไม่ขาดสาย
แฟรงค์พยายามโทร. จนหงุดหงิด
“นังเอมี่!มัวเม้าท์มอยกะใครอยู่ยะ ไม่ยอมรับสายฉัน นี่มันเวลาความเป็นความตายนะยะหล่อน ทำไมไม่รับ เอาไงดีพราว”
แต่พอหันมาต้องตกใจ เพราะไม่เห็นพราวยืนอยู่ พลางหมุนวีลแชร์หันไปดู เห็นประตูเปิดอ้าอยู่ ก็แทบช็อกเพราะสั่งกำชับว่าไม่ให้พราวออกไปให้คนในบ้านเห็น
“พราวออกไปจากห้องทำไม ออกไปไหนแล้วเนี่ยะ บอย บอย”
แฟรงค์เข็นวีลแชร์ออกไป พลางตะโกนลั่นอย่างสติแตก บอยรีบวิ่งออกมาจากห้อง
“อะไรพี่แฟรงค์?”
“เห็นพราวไหม พราวอยู่ไหน?”
“อ้าว พี่พราวก็ไปกองถ่ายกับพี่เอมี่ตั้งแต่เช้าแล้วไง”
อารามตกใจ แฟรงค์เลยหลุดปาก “ไม่ใช่ นั่นไม่ใช่พราว”
ขณะที่บอยก็หลุดสาวออกมาเหมือนกัน “อะไรยะ ทำไม ไม่ใช่”
แฟรงค์ตกใจ หันมามองหน้าบอย
“ตะกี้แกอุทานว่าอะไรนะ?”
บอยตกใจไม่ทันจะตอบ เสียงต้อยติ่งก็ร้องเอะอะขึ้นมา
“ผีหลอก ผีหลอกกลางวันค่า ช่วยติ่งด้วย”
“ผีหลอกอะไรของหล่อนห่ะนังติ่ง?”
“ผีนังพรายค่ะ มันแปลงร่างเป็นคุณพราวเดินลงจากบันได แล้วไปขึ้นรถขับเอี๊ยดออกไปจากบ้านเลยค่ะ หน้างี้เหมือนกันเดี๊ยะ”
แฟรงค์แทบปล่อยโฮ
“ผีพรายบ้านโนนสูงของแกซี นั่นน่ะพราว”
ต้อยติ่งรีบเถียง “ต้อยติ่งเห็นกะตา คุณพราวออกไปกองถ่ายกับคุณเอมี่ตั้งแต่ไก่โห่แล้ว คุณแฟรงค์อย่ามาเถียงนะ”
“โอ๊ย ฉันไม่เถียงกับหล่อนแล้ว พราวออกไปไหนเนี่ยะ พราว”
แฟรงค์กดมือถือจะโทร. ตาม แล้วก็นึกขึ้นได้
“แม่เจ้า นี่มันมือถือพราวเนี่ยะ คุณพระคุณเจ้าช่วย ขออย่าให้พราวไปที่กองถ่ายเลยเจ้าคะ ช่วยคุ้มครองชีวิตพราวด้วย”
พราวขับรถมาตามทางด้วยความเร็วสูง ด้วยความห่วงมีนและรู้สึกผิด
“คุณติณห์ ชาติที่แล้วพราวคงทำอะไรไว้กับคุณ ชาตินี้ คุณถึงตามมาแก้แค้นคืน แต่บาปกรรมของพราว อย่าให้มีนต้องรับเคราะห์แทนเลยนะคะ มีนที่น่าสงสาร อย่าทำอะไรมีนนะคุณติณห์”
แฟรงค์พยายามโทร.เข้ามือถือธุรกิจกองถ่าย ขณะที่กองกำลังจะเริ่มถ่ายทำ ธุรกิจกองจึงไม่รับสาย แฟรงค์ลดมือถือลงแทบคลั่งอยูในห้องนอนพราวคนเดียว
“ธุรกิจกองนี้รูหูตันหรือไงเนี่ยะ ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ไม่รับสายเลย จำไว้เลย ถ้าพราวเป็นอะไรไป ฉันจะอมคิวไปให้อีเว้นท์ ไม่ให้คิวละคร ว้ายๆ พราวต้องไม่เป็นอะไรซิ ได้โปรดดาวแม่เบื้องบน ช่วยดลบันดาลให้นายสมชายไปขัดขวางคุณติณห์ได้สำเร็จ อย่าให้เค้าทำอะไรมีนเลย อย่าให้พราวเป็นอะไรไปด้วย อีนังจรีตัวร้าย วิบากกรรมทั้งหมดของพราว เกิดขึ้นเพราะความทะเยอทะยาน อยากดังของแกคนเดียวแท้ๆ ในเมื่อแฟรงค์ปั้นหล่อนขึ้นมาได้
แฟรงค์นี่แหละจะชำแหละแกด้วยมือของฉันเอง บอย บอย นังต้อยติ่ง”
บอยกับต้อยติ่งวิ่งเข้ามา
“แบกฉันลงไปที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้เลย ฉันจะไปหาหลักฐานสำคัญ ให้นังจรีได้ขึ้นหน้าหนึ่งสมใจมัน”
ผู้กำกับกำลังซ้อมบล็อกกิ้งฉากบู๊ฉากใหญ่ของวัน เมื่อแม่หญิงได้เข้ามาอยู่กับกลุ่มทหารไทยแตกทัพแล้ว ทหารพม่ากับชบาที่แอบสะกดรอยตามมา ได้เข้าโจมตี และเกิดการต่อสู้กัน
“แม่หญิง”
มีนก้าวถือดาบเข้ามา “พร้อมค่ะ”
“ชบา”
จันทร์จรีถือดาบก้าวเข้ามายืน
“พร้อมนานแล้วค่ะ”
พลางเหล่มองไปที่มีน จนฝ่ายถูกมองรู้สึกสังหรณ์ใจกับสายตามุ่งร้าย แต่พยายามทำเป็นไม่สนใจ
ผู้กำกับหันไปมองเหล่านักแสดงทั้งหมดที่เป็นทั้งทหารไทย และทหารพม่าราว 20นายที่ถือดาบและอาวุธพร้อมเข้าฉาก ซึ่งมีคนร้าย 3 คนยืนอยู่ด้วย
“เอาล่ะทุกคน ตามที่ซักซ้อมคิวบู๊กันไว้นะ เล่นเต็มที่”
ติณห์ยืนมองไปที่ผู้กำกับวางจุดมุมกล้องอย่างรอเวลาสำคัญ ขณะที่เอมี่ยังคงหลับเพลินอยู่
“เริ่มถ่ายซะที จะให้ฉันรอไปอีกนานแค่ไหน”
สุดเขตต์เพิ่งมาถึงกองถ่าย เดินง่วงๆ เพลียๆ มากับส้มจี๊ด
“ไหวป่ะเนี่ยะแก เมื่อคืนรับจ็อบทั้งคืนเลยเหรอ จะเอาเงินไปทำไรนักหนา? หวังว่าแกคงไม่แอบทำงานเก็บเงิน มาเซอร์ไพรซ์ขอฉันแต่งงานหรอกนะ”
ส้มจี๊ดแอบฝันหวาน ทำเอาสุดเขตต์หยุดเดินหันมามองหน้าอย่างอ่อนใจ
“มองทำไม หรือว่าที่ฉันมโน มันเป็นเรื่องจริง?”
“ไม่มีทาง”
สุดเขตต์ตอบกลับมานุ่มๆ แต่ช่างบาดใจส้มจี๊ดจนพูดไม่ออก จากนั้นเขาก็หันเดินต่อไป พลันสายตาก็เห็นพราวยืนอยู่ในจุดที่จะถ่ายทำท่ามกลางนักแสดงและทีมงาน แม้จะไม่เห็นปานแดง แต่เขาก็สัมผัสได้ว่านั่นคือมีน ไม่ใช่พราว
ขณะที่มีนซึ่งกำลังยืนฟังผู้กำกับหันมองมาเห็นสุดเขตต์ แววตาหวานๆ ที่มองมาสบตาเขา ทำเอาเขายิ้มออก
“คุณพราวให้มีนกลับมาทำงานให้แล้วเหรอเนี่ยะ”
ส้มจี๊ดได้ยินแว่วๆ รีบเดินเข้ามาถาม
“แกพูดอะไรอ่ะ?”
“เปล่า จุ๊ๆ ท่าทางเค้าจะถ่ายกันแล้ว”
พูดพลางเดินผละไปหามุมถ่ายชัดๆ ส้มจี๊ดมองไปที่มีน ที่เข้าใจว่าเป็นพราวอย่างชิงชัง
ภาพในกองถ่าย ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างโห่ร้อง วิ่งกรูเข้าต่อสู้ห้ำหั่นกัน เสียงดาบและอาวุธกระทบกันสนั่นลั่นทุ่ง
ติณห์ยืนกำมือมอง รอดูภาพ 3 คนร้ายลงมือ
มีนใช้ดาบฟาดฟันกับตัวประกอบทหารพม่า 2 คนตามคิวอย่างคล่องแคล่ว
สุดเขตต์ที่กำลังตั้งโฟกัสถ่ายรูปอยู่ เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกห่วงมีนอย่างประหลาด จนส้มจี๊ดมองอย่างรำคาญตา
“เป็นอะไรอ่ะ? กลัวยัยพราวพลาดคิวดาบ ถูกฟันจริงๆ เหรอ ?”
สุดเขตต์หันมามองส้มจี๊ดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ส้มจี๊ด แกพูดอะไรอย่างงั้นวะ”
มีนที่กำลังใช้ดาบรับแรงกดของตัวประกอบ ถีบตัวประกอบออกไป จันทร์จรีก็เข้ามาฟันตามคิว พลางยิ้มร้าย แล้วแอบพูดนอกบท
“วันนี้จะเป็นวันตายของแกนังพราว”
มีนตกใจ จันทร์จรีดันเธอ ผงะออกไป พลางเงื้อฟันไปที่ท้อง แต่มีนใช้ดาบรับ แล้วปัดออก พลางเงื้อมือตบหน้าจันทร์จรีเต็มแรง จนเซไปชน 3 คนร้ายที่เดินเข้ามาพอดี
“ฆ่ามัน”
คนร้ายทั้ง 3 คนปรี่เข้าหามีน
มีนตกใจมากเพราะมันไม่มีในคิวที่ซ้อมกันมา ขณะที่ทั้ง 3 คนร้ายไม่พูดพร่ำ เดินปรี่เข้าหามีน จนเธอ ต้องถือดาบถอยกรูดออกมา
“พวกแกอย่าเข้ามานะ”
แต่พวกมันกลับยิ้มเหี้ยม คนแรกเงื้อดาบฟัน มีนฉากหลบไปหลังต้นไม้ มีดมันเลยฟันไปตัดฉึบที่ต้นไม้
พอเธอหนีโผล่ออกมาจากต้นไม้อีกด้าน ก็เจอคนร้ายอีกคนตามฟันซ้ำ เธอยกดาบรับไว้ คนร้ายอีกคนตามเข้ามาแทงอีก คราวนี้มีนหมุนตัวหลบ พลางถีบคนร้ายไปชนกันเองจังๆ แล้วหันจะวิ่งหนี แต่เจอคนร้ายคนแรก ดึงดาบหลุดจากต้นไม้เข้ามาฟันใส่ มีนยกดาบรับซ้ายขวาพลางถอยร่น คนร้ายอีก 2 คนเข้ามารุมฟัน เธออาศัยทักษะการต่อสู้พยายามรับมือแต่กำลังจะหมดแรงสู้
เอมี่งัวเงียตื่นขึ้นมอง แต่ยังไม่เอะใจอะไร
“หาว ถึงซีนบู๊แล้วเหรอ”
ผู้กำกับดูมีน ในคราบของพราวฟันดาบสู้กับคนร้ายทั้งวสามคนจากจอมอนิเตอร์แล้วยิ้มพอใจ
“วันนี้ซุปตาร์พราวจ่ายค่าตัวห้าร้อย เล่นห้าล้านเลยเว้ยเฮ้ย คิวบู๊เหมือนมาก บอกพวกกล้องจับไว้ทุกช็อตนะเว้ย อย่าให้พลาด”
กล้องของสุดเขตต์กำลังซูมไปที่มีน เห็นเธอล้มลง คนร้ายเงื้อดาบจะแทง
ติณห์กับจันทร์จรีลุ้นระทึก แต่มีนกลับหมุนตัวหลบทัน มีดปักลงที่พื้นพลาดไปฉิวเฉียด
สุดเขตต์ตกใจลดกล้องลง เพราะรู้สึกเหมือนว่ามีนจะถูกแทงจริง ด้วยความเป็นห่วงทำให้ก้าวจะเข้าไป แต่ส้มจี๊ดรีบคว้าเสื้อดึงไว้
“เฮ้ย ไอ้สุดเขตต์”
“ปล่อยฉันนะเว้ย”
ส้มจี๊ดไม่ยอมปล่อย “แกจะเข้าไปทำไม เค้ากำลังถ่ายละครกันอยู่”
“แต่มันเหมือนจริงมากนะเว้ย คิวบู๊ไม่เหมือนกำลังเล่นละครเลย”
“ไม่ดีเหรอ ยัยซุปตาร์พราวของแกแสดงเก่ง เล่นได้สมจริง คงอยากจะได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำ
ยอดเยี่ยมปีนี้ไง”
มีนล้มลง ขณะเดียวกันอาการปวดหัวกับตาพร่ากลับกำเริบขึ้นมา เธอพยายามคลานหนี จะลุกขึ้นก็ลุกไม่ไหว
คนร้ายทั้งสาม ย่าง 3 ขุมเข้ามา เงื้อดาบฟันพร้อมๆ กัน
ติณห์กับจันทร์จรีแอบยิ้มสะใจ เพราะมั่นใจว่าคราวนี้พราวจบชีวิตแน่
มีนตกใจ ตาเบิกโพลง เห็นภาพลางๆ ดาบของทั้ง 3 ที่เงื้อแล้วฟันลงมา แต่จู่ๆ มีดาบเล่มหนึ่งเข้ามารับดาบทั้ง 3 เล่มของคนร้าย ไว้ได้ทันเวลา
3 คนร้าย ผงะตกใจ
สมชาย ยืนถือดาบรับดาบทั้ง 3 ไว้อย่างสง่างาม
“เฮ้ย ผู้ชาย 3 ตัว รุมผู้หญิงคนเดียว แมนมากเลยพวกมึง”
พลางออกแรงงัดดาบพวกมันผงะออก ก่อนจะเหวี่ยงดาบฟันใส่ จนพวกมันทั้งสาม ต้องล่าถอยออกมายืนมองอย่างตกใจ
ผู้กำกับและทีมงานตกใจมากที่เห็นสมชายยืนถือดาบตั้งท่าจดจ้องคนร้ายทั้งสามอยู่ ราวกับพระเอกปัจจุบันหลุดเข้าไปในหนังพีเรียด
“ไอ้ๆ บอดี้การ์ดนั่นโผล่เข้าไปได้ยังไงวะนั่น ใครไปเปลี่ยนบท ?”
“ไม่มีครับลูกพี่”
พราว ตอนที่ 16 (ต่อ)
สุดเขตต์ ส้มจี๊ด และเอมี่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก ขณะที่ติณห์กับจันทร์จรี ที่ยินกันคนละมุมตกใจแทบช็อก
“ไอ้สมชาย มึงยังไม่ตายเหรอเนี่ยะ”
“ไหนคุณติณห์ว่าส่งคนไปเก็บมันแล้วไง มันโผล่มาได้ไงเนี่ยะ”
ติณห์ขบกรามกำหมัดแค้น โทสะ โมหะกำลังทำให้เขาคลั่งขาดสติ ควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป
จันทร์จรีรีบพาตัวเองออกจากที่ชุลมุนทันที
สมชายถือดาบมือหนึ่ง อีกมือพยุงมีนให้ลุกขึ้น
“เป็นไงบ้าง ถูกฟันตรงไหนบ้างรึเปล่า”
มีนส่ายหน้า “เปล่าค่ะ แต่มีนปวด...”
“คุณเป็นอะไร?”
มีนไม่ทันตอบ คนร้ายทั้งสาม ก็กลับเข้ามา พลางเงื้อดาบเข้ามาหาทั้งคู่
สมชายรีบโอบมีนหลบ พลางเหวี่ยงดาบสู้กับดาบของทั้ง 3 คนร้านยที่ฟันเข้ามา สุดเขตต์ทนไม่ไหว
ถือไม้กระบองเข้ามาช่วยอีกแรง เมื่อเห็นว่า 3 คนร้ายมุ่งทำร้ายมีนจริงๆ ไม่ใช่การแสดง กลายเป็นสมชายกับสุดเขตต์ช่วยกันสู้กับ 3 คนร้าย เพื่อปกป้องมีน ที่กำลังมีอาการปวดหัวหมดแรง
ผู้กำกับ ทีมงาน และนักแสดงคนอื่นๆ แตกตื่น หยุดถ่ายกันอัตโนมัติ นักข่าวพากันถ่ายรูป ส้มจี๊ดยืนตกใจมอง
“อะไรกันเนี่ยะ มันจะฆ่ากันจริงๆแล้วนะ ไม่ใช่การแสดง ทีมงาน ทำไม่เข้าไปช่วยห้ามล่ะ เข้าไปซิ ไปห้าม”
แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไป
เอมี่ยืนตกใจ รีบเดินเข้ามาหาติณห์ พลางเขย่าแขน
“แย่แล้วคุณติณห์ ไอ้ตัวประกอบ 3 คนนั่นมันไล่ฟันพราวทำไมอ่ะ ทำไงดี?”
แต่ติณห์กลับสะบัดมือเอมี่ แล้วหันเดินผละไปด้วยความแค้น
จันทร์จรีหลบเข้ามาในห้องแต่งตัวอย่างโกรธจัด ทื่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน
“อีพราวเกือบจะผิดคิว ถูกเสียบตายคากองถ่ายอยู่แล้วเชียว ไอ้สมชาย ไอ้ขี้ข้านังพราว โผล่มาขวางอีกจนได้ มึงรักนังพราวมากนักเหรอห่ะ ไอ้โง่เอ้ย มึงก็เป็นได้แค่ชู้รักที่มันหลอกไว้ใช้เท่านั้นแหละ”
คิดพลางหันขวับไปที่กระเป๋าสัมภาระของตัวเอง แล้วหยิบปืน.22ออกมาจากกระเป๋า
“ชุลมุนยังงี้ ใครยิงใคร หน้าไหนมันจะไปรู้”
จากนั้นก็คว้าผ้าไหมแถวนั้นมาห่มๆ ปิดมือที่ถือปืนแล้วกลับออกไป
ทางด้านติณห์ก็ชักปืนออกมา โดยที่คนอื่นไม่ได้สังเกตเห็นเลย เพราะมัวแต่จับจ้องไปยังสมชายกับ
สุดเขตต์ที่กำลังสู้กับ 3 คนร้าย เพื่อช่วยมีนกันอยู่
เขาหยุดยืนแอบที่ข้างต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะยกปืนขึ้น พร้อมกับเล็งไปที่มีน ที่เข้าใจว่าเป็นพราว
“อย่ายิงค่ะคุณติณห์”
ติณห์ค่อยๆ หันไปมองตามเสียง เห็นพราวกำลังเดินก้าวเข้ามาหยุดมองมาที่เขา ก็ถึงกับตะลึงช็อก
ส้มจี๊ด รวมถึงนักข่าว และทีมงานทุกคนต่างก็ช็อกที่เห็นพราวอีกคนปรากฏตัวขึ้นมา พลางหันกลับไปมองมีนที่อยู่กับสมชายและสุดเขตต์
สมชาย สุดเขตต์ มีน ต่างก็ตกใจที่จู่ๆ พราวก็โผล่มา
“อย่ายิงนะคะคุณติณห์ นั่นไม่ใช่พราว แต่เป็นสแตนด์อินของพราว พราวตัวจริงอยู่นี่ ถ้าคุณจะยิง ยิงฉันเลย อย่าไปทำคนอื่น ที่เค้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วย อย่าให้ใครต้องมารับเคราะห์แทนพราวเลย”
ส้มจี๊ดอ้าปากค้าง “หา! มีพราวตัวจริง กับพราวสแตนด์อินด้วยเหรอเนี่ยะ”
เอมี่ถอนหายใจ “โธ่พราว มาทำไมอ่ะ ความลับแตกโพล๊ะแล้ว”
ขณะที่ทั้งกองตะลึงงันกันอยู่ จันทร์จรีแอบเดินอ้อมป่ามาเงียบๆ ในมือถือปืนกระชับแน่น โดยไม่ทันเห็นว่าเขากำลังหยุดทำอะไรกันอยู่ และไม่เห็นพราวตัวจริง เธอยกปืนเล็งไปยังมีนที่อยู่ไม่ไกล
“ตายไปให้พ้นทางฉันซะนังพราว”
จันทร์จรีเหนี่ยวไก แต่สุดเขตต์หันมาเห็นก่อน
“มีนระวัง”
เขาเอาตัวโอบพามีนหลบ จนกระสุนเจาะเข้าที่ไหล่ซ้ายด้านหลังของเขาจังๆ
“คุณสุดเขตต์”
มีนรับตัวสุดเขตต์ที่ร่วงลง พลางโอบกอดเขาไว้
สิ้นเสียงปืนของจันทร์จรี ความโกลาหลก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงกรีดร้องตกใจ ต่างคนต่างวิ่งหลบกันอลหม่าน
พอสมชายหันมามอง จันทร์จรีหายไปแล้ว เขาจึงไม่เห็นว่าเป็นฝีมือของเธอ มีแต่สุดเขตต์คนเดียวที่เห็นไอ้ 3 โจร ก็อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีออกไปแล้ว
ติณห์เห็นสหวุฒิกำลังนำกำลังตำรวจกรูเข้ามา เลยรีบเข้าไปล็อกตัวพราวไว้ เธอร้องลั่น จนอีกฝ่ายต้องกระทุ้งปืนไปที่เอว เป็นเชิงให้หยุดร้อง
“คุณติณห์ อย่าทำอะไรคุณพราวนะคุณ”
สมชายได้ยินเสียงสหวุฒิ ก็รีบละสายตาจากสุดเขตต์ไปมองที่พราวทันที เห็นติณห์จี้ตัวพราวก็แทบคลั่ง พลางชักปืนผละจากมีนและสุดเขตต์วิ่งไปหาพราว
“แกหยุดอยู่นั่น อย่าเข้ามานะไอ้สมชาย ไม่งั้นแม่ดาราสุดรักสุดสวาทขาดใจของแก ได้ตายในกองถ่ายแน่”
สมชายหยุด พร้อมกับยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้น
สหวุฒิรีบพูด
“คุณติณห์ เชื่อผม คุณวางปืนแล้วมอบตัวซะดีกว่า คนขับรถของคุณสารภาพหมดแล้ว ว่าคุณเป็นคนบงการทั้งหมด เพราะความเข้าใจผิด ถ้าคุณมอบตัว โทษคุณไม่หนักหรอก”
“เงียบนะ แล้วถอยไป ถอยไปซิ ไม่งั้นผมยิง”
ติณห์ยกปืนจ่อที่พราวท่าทางเอาจริง ทำเอาสมชายกลัว รีบตะโกนสั่ง
“โธ่เว้ย ถอยซิทุกคน ยืนอยู่ทำไม ถอย”
พอตำรวจพากันถอย ติณห์ได้โอกาสรีบจี้ตัวพราวผละไปทันที
“อย่านะ อย่าตามมานะ”
สมชายมองตามพราวไปอย่างสุดห่วง
“ผมจะตามไปช่วยพราวเอง ผู้กำกับอยู่ทางนี้ ยังมีคนร้ายอีก 3 คน มันหนีไปได้ แล้วฝากนายสุดเขตต์ด้วย เค้าถูกยิง”
พูดเสร็จก็รีบวิ่งไปตามไป แต่ติณห์กลับขับรถออกไปแล้ว เขารีบวิ่งไปขึ้นรถตัวเอง แล้วบึ่งตามไปทันที
มีนโอบร่างบาดเจ็บของสุดเขตต์ที่ตอนนี้เจ็บและเสียเลือดมา จนแทบหมดสติ
“คุณสุดเขตต์อย่าเป็นอะไรนะ อดทนนะ มีนจะพาไปหาหมอ ลุกไหวมั้ย?”
“มีนไม่ต้องร้องไห้นะครับ ไม่ต้องห่วง ไหว ผมไหว”
แต่พอแข็งใจจะลุก ก็กลับทรุดลงมาอีก
เอมี่วิ่งเข้ามาช่วยประคองอีกแรง แต่ก็ป้อแป้เต็มที
“ใครก็ได้ ช่วยทีเร็ว เห็นไหมเนี่ยะคนเจ็บ ยืนงงอะไรกัน พาเค้าไปหาหมอ”
ส้มจี๊ดปราดเข้ามาทันที พร้อมนักข่าวที่ตามมาถ่ายรูปมีน
“นี่ปล่อย ฉันจะพาสุดเขตต์ไปเอง ปล่อยซิ ยัยพราวตัวปลอม”
มีนส่ายหน้า “ไม่คะ ฉันจะพาเค้าไปหาหมอ”
“เอ๊ะ ไม่ได้ยินกันหรือไง ฉันบอกว่าจะพาไปเอง”
แต่มีนยังยื้อไว้ จนสหวุฒิเดินนำตำรวจแหวกนักข่าวเข้ามา เอมี่รีบบอกทันที
“ผู้กำกับคะ ช่วยพยุงเค้าไปที่รถหน่อยค่ะ ฉันจะพาไปส่งโรงพยาบาล”
“ยังไงผมฝากด้วยนะครับคุณเอมี่ อ่ะ หมวดเร็ว รีบพาคุณสุดเขตต์ไปที่รถ”
ตำรวจ 3 นายช่วยกันประคองสุดเขตต์ไปอย่างเร็ว มีนกับเอมี่รีบตามไป นักข่าววิ่งตามถ่ายรูป จน
ส้มจี๊ดชักไม่พอใจ
“เฮ้ยนี่ หยุดถ่าย หยุด จะถ่ายรูปกันไปถึงไหนห่ะพวกเธอ คนกำลังจะเป็นจะตาย มีจรรยาบรรณคิดจะช่วยกันบ้างไหมห่ะ”
“อ้าว มาด่ากันเอง แล้วทีตัวเองล่ะ มีจรรยาบรรณมากนักเนี่ยะ”
“เออว่ะ ทำเป็นด่าคนอื่น ไม่ดูตัวเองเลย”
ส้มจี๊ดหน้าเสีย เถียงไม่ออก รีบวิ่งตามสุดเขตต์ไป
สหวุฒิเดินเข้ามาในป่าที่ตำรวจกระจายกำลังตามล่า 3 คนร้ายกันอยู่
“เป็นไง เจอคนร้ายไหม?”
“ไม่เจอครับ เจอแต่ดาบ กับเสื้อผ้าที่มันถอดทิ้งเอาไว้ครับ”
สหวุฒิมองไปที่พื้นป่า เห็นดาบและชุดพม่าในฉากถูกถอดทิ้งไว้เรี่ยราด
“ผู้กำกับครับ ทางนี้”
“เจออะไร?”
สหวุฒิรีบเดินไป แล้วต้องช็อคเมื่อเห็นร่างตำรวจนอนตายอยู่
“ส่วนอีกคน เจอเป็นศพอยู่ทางด้านโน้นครับ”
สหวุฒิทั้งโกรธทั้งเครียด ยกมือถือไปหาสมชายทันที
“สารวัตร คุณตามอยู่ไหนเนี่ยะ ไฮโซติณห์คลั่งไปแล้ว เราเจอ 2 ลูกน้องคุณที่หายไป เป็นศพหมกอยู่ในป่า แล้วไอ้มือฆ่า 3 ตัวที่มันจ้างมา ก็ยังหาตัวไม่พบ มันไม่เผ่นหนี ก็อาจจะตามไฮโซติณห์ไปด้วย คุณระวังตัวนะ มันพาคุณพราวไปไหน แจ้งพิกัดมาด้วย ผมจะรอข่าวจากคุณนะสารวัตร จะพากำลังตามไป”
สมชายที่กำลังขับรถตามติณห์ ได้ฟังที่สหวุฒิพูดก็ยิ่งเครียด
“ครับผม ผมกำลังซิ่งตามรถมันอยุ่ ไม่รู้มันจะไปพาคุณพราวไปไหนของมัน ออกนอกเส้นทางหลักไปเรื่อยๆ 2 ข้างทางมีแต่ป่าแถวไหนก็ไม่รู้ .ผมโง่เลย ไม่รู้จักทางแถวนี้”
พูดพลางมองไป 2 ข้างทาง ขณะที่รถของติณห์แล่นฉิวนำอยู่ข้างหน้า
ติณห์จับพวงมาลัยด้วยมือขวา ส่วนมืออีกข้างคอยถือปืนขู่พราว สีหน้าเต็มไปด้วยโกรธ และสับสน
“พราวมีทั้งตัวจริง มีทั้งสแตนด์อินด้วยเหรอเนี่ยะ แปลว่าที่ผ่านมา เธอเห็นฉันเป็นไอ้หน้าโง่ หลอกฉันมาตลอด เหมือนกับที่เคยหลอกตรีมาแล้วใช่ไหม”
พราวพยายามจะอธิบาย
“คุณติณห์ ใจเย็นนะคะให้โอกาสพราวอธิบายก่อน คุณเข้าใจผิดมาตลอด พราวกับตรีเรารู้จักกันก็จริง แต่ไม่เคยคบกันเกินเลย เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
“นี่แน่ะเพื่อน”
ขาดคำก็หวี่ยงหลังมือซ้ายที่ถือปืนฟาดไปที่หน้าของอีกฝ่าย จนหน้าหัน ที่ปากและจมูก มีเลือดซึมออกมา เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ ขณะที่ติณห์ที่กำลังคลั่งโวยลั่น
“เธอมันสารเลว ไม่สำนึกเลยใช่ไหม ตรีต้องนอนเป็นศพไม่รับรู้อะไร แต่เธอกลับอยู่อย่างเสวยสุข มีชื่อเสียง มีทุกสิ่งทุกอย่าง เอาอนาคตของน้องฉันคืนมา เอาชีวิตน้องชายฉันคืนมา เอาคืนมา”
“พราวกับตรีเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ จรีต่างหากที่..”
พราวยังไม่ทันได้พูดจบก็ถูกหลังมือติณห์ ฟาดไปที่หน้าอีกครั้งเต็มๆ
“หุบปาก”
คราวนี้พราวถึงกับสลบคาเบาะ ขณะที่ติณยกปืนจ่อไปที่หัวพราว เหมือนอยากจะยิงทิ้ง
“ผู้หญิงเลวๆ อย่างแก ควรจะตายไปซะ ตายๆ”
แต่เสียงมือถือของติณห์กลับดังขึ้นมาขัดจังหวะ เขาเหลือบมองเห็นพราวสลบคาเบาะไปแล้ว เลยวางปืนหยิบมือถือขึ้นมาพูด
“ฮัลโหล พวกแก 3 คนอยู่ไหน เผ่นออกจากกองถ่ายหรือยัง 3 ล้านอะไร พวกแกทำงานพลาด ผู้หญิงคนเดียว เก็บไม่ได้ ไหนว่ามีฝีมือห่ะ โธ่เอ้ย! ถ้าแกอยากได้ 3 ล้านนะ ก็ต้องช่วยฉันให้ตลอดรอดฝั่ง ฉันจะเก็บนังดาราคนนี้ด้วยตัวของฉันเอง พวกแกเป็นคนในพื้นที่นี้ หาที่กบดานให้ฉันเดี๋ยวนี้ซิวะ”
ทางด้านสมชายก็ร้อนใจห่วงพราวจนแทบบ้าแต่แล้วเขาก็เห็นรถของติณห์ขับเลี้ยวไปที่แยกข้างหน้า
เขากำลังจะขับเลี้ยวตาม แต่มีรถบรรทุกปุ๋ยข้าวขับถอยออกจากข้างทางมาขวางถนนเสียก่อน เขาเบรกเอี๊ยดเต็มแรง จนเกือบชน พอหันมาอีกที รถของติณห์ก็หายไปแล้ว
ติณห์ขับรถซิ่งชนประตูรั้วเก่าๆ เข้าไป ก่อนจะเบรกเอี๊ยดจอดที่หน้าโกดังร้างขนาดใหญ่ พลางหันขวับไปมองพราวที่ยังสลบอยู่ เขารีบลงจากรถไปเปิดประตู
“ลงมา ลงมา”
ติณห์ใช้ 2 มือจับไหล่พราวที่หมดสติ ทั้งหิ้วทั้งลากลงจากรถอย่างไม่ปราณี สีหน้าเต็มไปด้วยไฟแค้นจากนั้นก็ลากพาพราวเข้าโกดังไป
สมชายขับรถตามหาไปทั่ว แต่ก็มองหารถของติณห์ไม่เห็น เขาร้อนใจแทบคลั่ง
ร่างของสุดเขตต์นอนอยู่บนเตียง ถูกเข็นมาตามทางของโรงพยาบาล โดยทีมีนกับเอมี่ตามมาไม่ห่าง
แม้ว่าจะยังไม่หมดสติ แต่กฌวูบเต็มทีเพราะเจ็บแผลและเริ่มหายใจลำบาก
มีนจับมือสุดเขตต์ไว้ตลอดทาง จนเอมี่มองอย่างแปลกใจในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ กระทั่งเข็นมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน
“รอข้างนอกนะคะ” พยาบาลรรีบบอก
มีนจับมือสุดเขตต์แน่น
“มีนจะรอคุณตรงนี้นะ สัญญานะว่าคุณจะไม่เป็นอะไร คุณจะไม่ทิ้งมีนคุณจะต้องออกมาหามีน”
สุดเขตต์ฝืนยิ้ม ทั้งๆที่เจ็บปวดแผลแทบขาดใจ
“ผม...สัญ...ญา”
พูดได้เพียงแค่นั้น เขาก็สลบไป
พยาบาลรีบเข็นเตียงเข้าห้อง
มีนค่อยๆ ปล่อยมือจากมือสุดเขตต์ พลางยืนกุมมือร้องไห้ เอมี่ต้องพูดปลอบ
“อย่าห่วงเลยมีน เค้าถึงมือหมอแล้ว ห่วงก็แต่พราว ถูกคุณติณห์จับตัวไป อยู่ๆ คุณติณห์ก็กลายเป็นหัวหน้าแก๊งปองร้ายพราวซะงั้น อยากหยิกตัวเองสักร้อยครั้ง แล้วก็บอกว่ามันไม่จริง มันไม่จริง ผู้ชายที่แสนดี
หล่อ รวยเพียบพร้อมอย่างคุณติณห์ จะกลายเป็นหัวหน้าโจรได้ยังไง”
คราวนี้มีนกลับต้องเป็นฝ่ายพูดปลอบแทน
“ใจเย็นๆ ค่ะคุณเอมี่ บอดี้การ์ดสมชายตามไปช่วยคุณพราวแล้ว มีนมั่นใจค่ะ ว่าคุณพราวจะต้องปลอดภัย มีนเองก็รู้สึกมาตลอด ว่าคุณติณห์มีอะไรแปลกๆ แต่คิดไม่ถึงว่าเค้าจะเป็นคนร้ายซะเอง”
“แล้วที่สยองกว่านั้น คือตอนนี้นักข่าวก็รู้ความจริงหมดแล้วว่ามีพราวตัวจริงกับพราวตัวปลอม โลกไม่แตกวันนี้ แล้วจะแตกเมื่อไหร่อีก”
พูดพลางหันไปเห็นส้มจี๊ดวิ่งเข้ามา ก็ยิ่งตกใจ
“สุดเขตต์อยู่ไหน สุดเขตต์”
“หมอกำลังช่วยเค้าอยู่ในห้องค่ะ”
ส้มจี๊ดหันขวับมามองมีนอย่างจับผิดและไม่พอใจ
“เธอไม่ใช่พราว แล้วเธอเป็นใครห่ะ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
เอมี่ปราดขวางไว้
“ไม่ต้องตอบมีน ไม่ต้องตอบอะไรทั้งนั้น มานี่มา รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่รถดีกว่า แต่งแบบนี้ มันตกเป็นเป้าสายตาคน”
ส้มจี๊ดตะโกนไล่หลัง
“อ๋อ ชื่อมีนเหรอ หึ รับรองเธอได้ดังแน่ ข้อหารวมหัวกับซูเปอร์สตาร์พราวลวงโลก”
มีนกับเอมี่หยุดชะงัก หันไปมองส้มจี๊ดอย่างตกใจ
ทางด้านแฟรงค์กำลังง่วนกับการค้นหารูปของจันทร์จรีกับตรีที่เคยถ่ายด้วยกันทั้งในมือถือ ในไอแพด และโน๊ตบุ๊คของตัวเองวุ่นวายไปหมด โดยมีบอยคอยช่วยหา
“ดูนี่พี่ ผมเจอรูปแล้ว”
พลางหันไอแพดมาให้ดู เป็นรูปจันทร์จรีถ่ายกับตรีแบบยื่นปากจุ๊บกัน แฟรงค์ตบมืออย่างสุดแสนดีใจ
“แบบนี้มันใช่เลย แซ่บซาบซ่านเสียวแสบไส้ ไปถึงปลายไส้ติ่งแน่ๆ นังจรี”
พลันเสียงต้อยติ่งก็เคาะประตูรัว
“เจ๊ๆๆ เหม็นโฉ่แล้ว”
“อะไรอีกนังติ่ง”
ต้อยติ่งรีบเปิดประตูผัวะเข้ามา
“เปิดทีวีดูเลยเจ๊ตอนนี้ ข่าวด่วนช่อง 7 ด่วนมากๆ”
แฟรงค์ชักใจคอไม่ดี รีบคว้ารีโมตบนโต๊ะเปิดทีวี
ภาพในจอทีวี เป็นภาพพิธีกรอ่านข่าวอยู่ในห้องส่ง โดยตัดไปมีรูปถ่ายจากกองถ่ายประกอบเป็น VTR
“นี่เป็นภาพที่นักข่าวถ่ายมาได้จากกองละครเรื่องอโยธยาสดๆ ร้อนๆ ค่ะ ขณะที่ซูเปอร์สตาร์
พราว-พิชญากำลังเข้ากล้องถ่ายทำละครอยู่ ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นค่ะ บอดี้การ์ดส่วนตัวของคุณพราวที่ชื่อสมชายได้
เข้าไปมีเรื่องมีราวกับดาราตัวประกอบ ซึ่งยังไม่รู้สาเหตุแน่ชัดว่ามีเรื่องอะไรกัน จากนั้นก็มีพราว-พิชญาดาอีกคนนึงปรากฏตัวขึ้นในกองถ่ายค่ะ โดยบอกว่าตัวเองนี่แหละเป็นพราวตัวจริง ส่วนคนที่กำลังแสดงละครอยู่เป็นสแตนด์อิน”
แฟรงค์ทำท่าเหมือนลมจะใส่
“หมดกัน โลกของแฟรงค์ถึงกาลวิบัติแล้ว”
“โดยที่หน้าตาของทั้งคู่เหมือนกันมาก เหมือนกับเป็นคนๆ เดียวกันเลยค่ะ ทั้งนักข่าวทั้งทีมงานพากันยืนช็อกตามๆ กัน แล้วอยู่ๆ ก็มีตำรวจยกกำลังมาอีก จะมาจับตัวไฮโซติณห์ ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่ามีความผิดอะไร แต่แล้วไฮโซติณห์ก็ชักปืนออกมาค่ะ แล้วก็จี้ตัวคุณพราว-พิชญาดาคนที่มาปราะกาศตัวว่าเป็นพราวตัวจริงหนีไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมค่ะ”
แฟรงค์ยกมือทาบอก “พราว หนูไปทำไม ไปฆ่าตัวตายชัดๆ”
“เจ๊ งั้นก็แปลว่าคุณพราวที่หนูเห็นวิ่งออกจากบ้านไปขึ้นรถก็เป็นคนจริงๆ อ่ะดิ ไม่ใช่ผี”
“ก็ใช่น่ะดิ”
ขากนั้นมือถือของแฟรงค์ก็ดังรัวขึ้นจากทุกเครื่อง ทันทีที่ข่าวออกอากาศ แฟรงค์หันมองมือถือทุกเครื่อง แล้วก็เจอเครื่องหนึ่งเป็นชื่อเอมี่
“เอมี่ โทรกลับมาแล้วเหรอยะ นี่ฉันกดโทรหาหล่อนจนมือหงิก ไม่รับสายเลย หลับอยู่หรือไงยะ?”
“ที่กองถ่ายมันวุ่นวายน่ะเจ๊ ก็เลยไม่เห็นว่าเจ๊โทร. มา พราวมาที่กองเจ๊รู้ป่าว แล้วก็ถูกคุณติณห์จี้ตัวไป มีปืนด้วยอ่ะ ตำรวจก็มา โอ๊ย...อะไรก็ไม่รู้”
แฟรงค์ค้อนประหลับประเหลือก เหมืนอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้า
“หยุด หล่อนไม่ต้องเล่า ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว”
“รู้ได้ไงอ่ะ ใครบอกเจ๊”
“จะต้องมีใครบอกอีกยะ ทีวีทุกช่องมันรายงานสดยังกับรวมการเฉพาะกิจ ว่าพราวนะมีตัวจริงกับตัวปลอม ฮือๆ อีแฟรงค์อยากจะหายตัวไปจากโลกนี้แล้ว ณ บัดนาว กลับไปเป็นเจ้าหญิงอยู่บนดาวแม่”
“หายไปไม่ได้นะเจ๊ ตอนนี้พราวถูกคุณติณห์จี้ตัวไปไหนก็ไม่รู้ เค้าจะทำอะไรพราวอ่ะ”
“เค้าก็จะแก้แค้นพราวให้น้องชายเค้าน่ะซิ เค้าคิดได้ไงเนี่ยะว่าพราวเป็นคนหักอกน้องชายเค้า แล้วนี่ไม่มีตำรวจตามไปช่วยพราวเลยเหรอ”
เอมี่รีบบอก
“มีเจ๊ ไม่ใช่ใครที่ไหน ซูเปอร์บอดี้การ์ดสมชายของพราวนั่นแหละ กำลังตามไปช่วยพราวแล้ว บอดี้การ์ดสมชาย ช่วยพราวให้ได้นะ สุดรักสุดสวาทของพราว”
พราวค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมา พลางใช้มือจับไปที่ปากและจมูกเพราะรู้สึกเจ็บระบมไปหมด ครั้นพอลืมตาขึ้นเห็นตัวเองถูกทิ้งนอนอยู่กับกองกระสอบปุ๋ยเขรอะๆที่พื้น
เธอก็ตกใจแทบครองสติไม่อยู่ ก่อนจะพยายามพยุงตัวลุกขึ้นยืน พลางตั้งสติ ในหัวคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องหนี !!
เธอมองไปเห็นประตูที่มีแสงลอดเข้ามา พลางรีบเดินไป พร้อมกับหันมองซ้ายขวาอย่างระแวง แต่แล้วติณห์ก็โผล่มาจากมุมมืดมาคว้าตัวเธอไว้
“คิดจะหนีไปไหน”
พราวกรีดร้องลั่นอย่างตกใจสุดขีด
“คุณติณห์ อย่าทำอะไรพราวเลยนะ ปล่อยพราวไปเถอะ”
ติณห์โอบกอดพราวทางด้านหลัง โดยที่มือข้างหลังถือปืนไว้
“กลัวผมเหรอ? กลัวทำไม ผมเป็นคู่หมั้นคุณนะ สุภาพบุรุษหล่อ รวย ที่เหมาะสมกับคุณมากกว่าไอ้เด็กกะโปโล น้องชายของผมที่คุณเขี่ยทิ้ง คุณอยากได้แบบนี้ไม่ใช่เหรอ ?”
พูดพลางทำเป็นจูบไซ้คอ แต่พราวปัดป้อง เบี่ยงตัวหนี
“อย่าทำอย่างงี้นะคุณติณห์ พราวไม่เคยทิ้งน้องชายคุณ เราเป็นแค่เพื่อน ได้ยินไหมเพื่อน ทำไมคุณไม่ยอมฟังพราว”
ติณห์ฉุนขาดผลักพราวล้มไปกอง
“โกหก หยุดปั้นหน้าเสแสร้งแสดงเป็นนางเอกซะที ผมไม่โง่หลงหน้าสวยๆของคุณหรอกซูเปอร์สตาร์พราว ไม่เหมือนกับตรี ตรียังเด็ก เพิ่งเป็นหนุ่มเรียนรู้เรื่องความรัก ตรีเลยหลงง่าย รักง่าย รู้ไม่เท่าทัน ผู้หญิงแพรวพราวอย่างคุณ”
พราวใช้มือจับไปที่หลังเพราะรู้สึกเจ็บ บังเอิญมือกวาดไปเจอกับก้อนอิฐกองอยู่ด้านหลัง
“คุณเอาอะไรมาพูด ว่าพราวทำน้องชายคุณ คุณเห็นกับตาเหรอว่าพราวกับน้องชายคุณรักกันคบหากัน คุณมีหลักฐานอะไร”
“ไม่ต้องมาทำปากดี ผมมีแน่ ผมมีหลักฐานทุกอย่างอยู่ในมือถือของตรี รูปถ่ายของตรีตอนมีความสุขหวานชื่นกับคุณ แล้วก็นี่”
พูดพลางถลาเข้ามาจับมือพราวที่สวมแหวนหมั้นอยู่
“แหวนหมั้นวงนี้ที่ตรีเตรียมไปขอคุณแต่งงาน คุณจำได้ไหม จำวันที่ตรีคุกเข่าขอร้องคุณให้แต่งงานด้วย แล้วคุณกลับบอกว่าไม่เคยรักตรีเลย คุณไม่อยากให้ความรักของตรีมาถ่วงความดังของคุณ จำได้ไหม จำได้ไหม?”
ติณห์จับไหล่พราวเขย่าอย่างแรง เธอตัดสินใจวินาทีนั้น คว้าก้อนอิฐจากด้านหลังฟาดไปที่บริเวณกกหูขงเขาเต็มแรง
ติณห์เซล้มหน้าคว่ำลงไป เลือดไหลซึมลงข้างหู พราวกัดฟันออกวิ่งหนีไปที่ประตูทันที
ติณห์ยิ่งโกรธหนัก ยกปืนยิงไป พราวกรีดร้องลั่น แต่ก็วิ่งหลุดออกจากประตูไปได้แบบฉิวเฉียด ติณห์รีบวิ่งตามหลังมา พลางแกล้งยิงขู่ไปอีก กระสุนชนกับเหล็กเครื่องมือเฉี่ยวไปมา
ทันใดนั้นสมชายก็โผล่เข้ามาตรงหน้า
“นายสมชาย”
พราวสุดแสนดีใจ รีบโผเข้าไปกอดสมชาย พร้อมกับร้องไห้โฮ
“ช่วยด้วย คุณติณห์จะฆ่าฉัน เค้าจะฆ่าพราว”
“ไม่ต้องกลัวนะ มันทำอะไรคุณไม่ได้ ถ้าผมยังอยู่”
ติณห์วิ่งตามมาเห็นสมชายกอดพราวอยู่ ก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ไอ้บ้าเอ้ย ตามมาได้ไง”
ติณห์ยิงเข้าใส่ สมชายโอบพราวหมุนหลบเข้าหลังกำบังแล้วยิงสวนกลับไป
“มึงมาก็ดีแล้วไอ้สมชาย มึงจะได้ตายไปรักกันที่นรกเลย”
ติณห์โผล่มายิงเป็นชุด สมชายพาพราวหลบไปอีกด้าน แล้วโผล่มายิงใส่ จนติณห์ต้องหนีหัวซุกหัวซุน
“แน่จริง อย่าหนีซิวะ โธ่เอ้ย แก้แค้นไม่รู้เรื่องรู้ราว รวยแล้วไม่น่าโง่เลย”
สมชายจะตามไปจัดการกับติณห์ให้หายแค้น แต่พราวดึงไว้
“ปล่อยเค้าไปเถอะ เรารีบหนีดีกว่า”
สมชายเลยจำต้องพาพราวหนีจะออกไปทางประตูหน้าโกดัง แต่กลับเจอ 3 คนร้าย ที่มาหาติณห์เดินเข้ามาในโกดัง พวกมันชักปืนออกมา แต่เขาไหวตัวทันพาพราววิ่งหลบเข้ากำบังเสียก่อน
“ฆ่ามันเลย ฆ่ามันทั้งคู่ให้ได้”
พวกมันถือปืนแยกย้ายเดินย่องตีโอบไปดูยังที่เห็นสมชายพาพราวไปหลบ แต่พอจ่อปืนจะยิง สมชายกับพราวก็หายไปแล้ว
“อย่าให้มันหนีไปได้ ถ้าจับตัวนังพราว มันเป็นๆ มาให้ฉันได้ ฉันจะให้แกเพิ่มขึ้นอีกคนละล้าน”
คนร้ายทั้ง 3 ยิ้มพอใจ รีบแยกย้ายกันออกตามล่า ขณะที่ติณห์ยืนเจ็บใจ
“ไอ้สมชาย มึงจะเป็นเงาติดตัวนังพราวไปจนตายหรือไงวะ”
สมชายพาพราวออกมาแอบอยู่ด้านข้างโรงงานร้าง พอเห็นหน้าชัดๆ จึงเห็นเลือดออกที่จมูกและปาก “มันทำอะไรคุณเนี่ยะ มันทำอะไร?”
พราวกลัวจนตัวสั่น
“ฉันพยายามอธิบายเรื่องตรี ว่าฉันกับตรีไม่เคยรักกัน เราเป็นแค่เพื่อน แต่เค้าโกรธ เค้าไม่เชื่อที่ฉันพูด”
“นายติณห์มันตบคุณเหรอ”
พราวไม่ตอบได้แต่สะอื้น สมชายโอบเธอมากอด
“ไอ้บ้าเอ้ย มันทำกับคุณยังงี้ได้ไง”
ตอนนั้นเอง 3 คนร้ายก็โผล่ออกมา
“เฮ้ย มันอยู่นี่เว้ย”
สมชายมองไปที่ป่าตรงหน้า แล้วตัดสินใจ ขืนอยู่สู้อาจไม่รอด
“จับมือผมไว้ให้แน่นๆนะ แล้ววิ่งตามผม วิ่งๆ”
สมชายรีบจูงมือพราวออกวิ่งไป โดยเผลอทำมือถือร่วงอยู่ที่พื้น ติณห์วิ่งตามออกมา
“จะมัวยืนรออะไร ตามมันไปซิ ไป”
สมชายพาพราววิ่งหนีออกมากลางป่า พลางล้วงมือไปที่กระเป๋ากางเกงจะหยิบมือถือโทร.หาสหวุฒิ แล้วก็ต้องตกใจ
“มือถือ สงสัยจะร่วงอยู่ที่โรงงานร้าง”
พราวยิ่งใจแป้วลงไปอีก
“คุณไม่ต้องกลัวนะ ผมจะพาคุณรอดไปจากที่นี่ให้ได้ ผมสัญญาว่าคุณจะได้กลับไปหาคุณแฟรงค์ คุณเอมี่ กลับไปบ้านพราวแสงอย่างปลอดภัย”
พราวโผกอดสมชายแน่น
“เราต้องกลับไปด้วยกัน นายสมชาย”
ตอนนั้นเองทั้งคู่ได้ยินเสียงคนร้ายทั้งสามกับติณห์ลุยป่าตามมาข้างหลัง สมชายรีบจูงพราววิ่งไป
ติณห์เหลือบมองเห็นพอดี
“มันอยู่ทางนั้น”
ติณห์ตะโกนพร้อมกับยิงมา กระสุนเจาะเข้าที่ต้นไม้ สมชายรีบจูงพราววิ่งหนีไป
ส้มจี๊ดหันมาเห็นเอมี่เดินนำหน้ามีนเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาใส่ชุดของตัวเองเหมือนเดิม พร้อมกับล้างหน้าล้างตาเอาเครื่องสำอางออก จนเห็นเป็นปานแดงที่หน้า
“นี่ลอกคราบซูเปอร์สตาร์พราวออกแล้วเหรอ ดูไม่จืดเลย เอ๊ะ เดี๋ยวๆ ปานแดงนี่ ฉันนึกออกแล้ว เธอ.นี่เอง ยัยปานแดงบ้านเด็กกำพร้า มิน่า ยัยพราวถึงกับลงทุนก้าวจากบัลลังก์ซุปตาร์ ยอมไปแจกเงินบริจาคถึงบ้าน ที่แท้ก็เลี้ยงยัยสาวบ้านเด็กกำพร้าอัปลักษณ์คนนึง ไว้ปลอมตัวตอแหลชาวโลกนี่เอง”
เอมี่ทนไม่ไหว “มันจะมากไปแล้วนะ ทำไมดูถูกคนอื่นอย่างงี้”
“ฉันดูถูกก็แค่กับคนที่สะตอเบอแหลสร้างภาพเท่านั้นแหละ รวมทั้งพวกที่ทำทุกอย่างได้เพื่อเงินอย่างแม่นี่ด้วย”
ส้มจี๊ดชี้หน้า มีนรับมืออย่างใจเย็น แม้จะเจ็บปวดที่ถูกประณาม
“ใช่ฉันทำเพื่อเงิน”
“นั่นไง ยอมรับได้หน้าตาเฉยซะด้วย เอาโล่ความหน้าทนไปเลย”
“แต่ที่ฉันต้องทำ...”
มีนกำลังจะอธิบาย แต่ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกมา พร้อมพยาบาลและเจ้าหน้าที่เข็นเตียงสุดเขตต์ออกมา ทั้งหมดจึงรีบถลาไปที่เตียง
ส้มจี๊ดรีบถามพยาบาล “สุดเขตต์ เค้าเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ปลอดภัยดีค่ะ กระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ คุณหมอผ่าตัดกระสุนออกให้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะพาคนไข้ไปที่ห้องพักฟื้นนะคะ”
“ขอเป็นห้องพิเศษนะคะ เค้าทำงานกับฉัน ทางบริษัทจะจ่ายให้ทั้งหมดค่ะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้”
พยาบาลเข็นเตียงไป มีนจับมือสุดเขตต์อย่างห่วงใย
“คุณสุดเขตต์ เอ่อ..”
แต่ส้มจี๊ดเข้ามาผลักมีนออกไป
“อย่ามาจับเค้านะ ไปให้พ้นเลย เธอมีสิทธิ์อะไรมาดูแลสุดเขตต์ของฉันห่ะ อย่ามาหน้าด้านหน่อยเลย
รีบไสหัวไปไกลๆเลยนะ ไปเตรียมตัวรับมือกับข่าวพรุ่งนี้เถอะ รับรองว่าข่าวมันจะเน่าเฟะ เหมือนหน้าของเธอเลย”
พูดจบก็รีบหันเดินตามเตียงของสุดเขตต์ไป มีนจะตามไป แต่เอมี่ดึงไว้
“มันด่าขนาดนั้น ยังจะตามมันไปอีกเหรอ ไปเหอะ กลับกรุงเทพกันมีน”
“ไม่ค่ะ คุณเอมี่กลับไปเหอะ มีนจะรอดูอาการของคุณสุดเขตต์จนกว่า เค้าจะฟื้น มีนต้องดูแลเค้า มีนทิ้งเค้าไม่ได้”
“มีน เชื่อฉัน อย่าไปเลยนะ กลับเถอะ”
“ปล่อยมีนค่ะ”
มีนสะบัดมือหลุดแล้วรีบเดินไป
จบตอนที่ 16