พราว ตอนที่ 14
พราวพยายามวิ่งหนี แต่กลับพลาดท่าถูกไอ้เจ๋งคว้าตัวไว้ได้ พลางลั่นไกเตรียมยิง แต่สมชายถลาเข้ามาถึงตัวมันอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งจับมือที่ถือปืนของมันไว้ได้งัดขึ้น ขณะที่มืออีกข้างของมันยังจับพราวไว้แน่น
“ปล่อยพราวนะ กูบอกให้ปล่อย”
สมชายรัวหมัดต่อย จนมันจำต้องปล่อยพราว ติณห์ที่ตามมาหยุดแอบมองทั้งคู่สู้กันอยู่ห่างๆ พราวยืนหลบๆ เบียดผนังเรืออยู่กับที่ ทั้งกลัวทั้งเป็นห่วงสมชาย
“ไป คุณหนีออกไปก่อน ออกไป”
พราวจำต้องวิ่งหนีร้องไห้กระเซอะกระเซิงออกไป ติณห์ค่อยๆ โผล่เข้ามา เดินตรงไปที่ยังปืนของไอ้เจ๋งที่ร่วงอยู่ ก่อนจะก้มลงเก็บปืนขึ้นมา ด้วยสีหน้าของวายร้ายที่พร้อมจะฆ่าได้ทุกเมื่อเพื่อแก้แค้นให้น้องชาย สมชายกับไอ้เจ๋งมัวแต่สู้กัน ไม่ได้สนใจว่ามีติณห์ยืนถือปืนอยู่ด้านหลัง
ติณห์ค่อยๆ ยกปืนเล็งไปที่สมชาย แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจลดปืนลง เมื่อเห็นเขากำลังเสียท่า ถูกไอ้เจ๋งอัดจนล้มหงายลงไปนอนมึน ส่วนมันก็เหนื่อยหอบ ติณห์รีบเดินถือปืนหลบออกไปทันที
ไอ้เจ๋งใช้มือยันเก้าอี้ลุกขึ้น พร้อมทั้งยกเก้าอี้ขึ้นฟาดไปที่หลังสมชายเต็มๆ จนเก้าอี้หักกระเด็น ก่อนที่จะรีบเดินกลับไปจะหยิบปืน
“ปืนหายไปไหนวะ”
พราววิ่งหนีร้องไห้เตลิดขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ ที่แล่นอยู่กลางแม่น้ำ แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นหัวใครคนหนึ่งกำลังเดินโผล่ขึ้นบันไดมา เธอผวาถอยไปยืนชิดริมระเบียงดาดฟ้า แต่คนที่โผล่มากลับกลายเป็นติณห์ ที่แอบถือปืนแนบตัว ไม่ให้เป็นที่สังเกต พราวยิ้มดีใจที่เพิ่งรู้ว่าติณห์ตามขึ้นเรือมาด้วย
“คุณติณห์ รีบไปช่วยนายสมชายเถอะค่ะ เค้ากำลังสู้กับไอ้โจรค้ายาอยู่ข้างล่าง”
สีหน้าติณห์นิ่ง กำลังจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงกับพราว
“ผมว่าไม่จำเป็นต้องไปช่วยหรอกครับ”
พราวมองหน้าเขาอย่างงุนงง
“ทำไมล่ะคะ ไอ้โจรนั่นมันบ้า นายสมชายอาจจะสู้มันไม่ได้ ตอนนี้เป็นไงบ้างก็ไม่รู้ คุณรีบไปช่วยเค้าหน่อยเถอะนะคะคุณติณห์ ไปเถอะ”
พูดพลางดึงแขนติณห์ให้เดินกลับลงไป จังหวะที่เธอกำลังหันหลังนั้น ติณห์ยกปืนขึ้นจะยิง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นไอ้เจ๋งเดินขึ้นบันไดมาเสียก่อน พราวรีบวิ่งมาหลบหลังติณห์ ที่ยืนถือปืนอยู่
“นึกว่าปืนกูหายไปไหน มึงขโมยไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้ไฮโซ ?”
ไอ้เจ๋งพูดพลางย่างสามขุมเข้าหา ติณห์ถอย ขณะที่มือยกปืนขึ้นเล็งไปที่ไอ้เจ๋ง โดยมีพราวหลบอยู่ข้างหลัง ติณห์ก็ทำทีเป็นหันไปพูดกับพราวด้านหลัง เพื่อให้ไอ้เจ๋งมีโอกาสเข้ามาแย่งปืน
“คุณพราวครับ คุณรีบลงบันไดไปบอกคนขับเรือให้โทร. แจ้งตำรวจที่ฝั่ง ทางนี้ผมจะคุมตัวมันไว้ก่อน รีบไปซิครับ”
ตามคาด ไอ้เจ๋งวิ่งถลาเข้ามาประชิดตัวติณห์อย่างรวดเร็ว
“ฝันไปเถอะว่ามึงจะมีชีวิตขึ้นไปจากเรือนี้ได้”
มันปราดเข้ามาแย่งปืนกับติณห์ พราวตกใจถอยหลังออกมาพลางแผดเสียงร้องลั่นอย่างเสียขวัญ “ระวังคุณติณห์”
ไอ้เจ๋งพยายามงัดปืนให้จ่อมาที่ติณห์ แต่เขากลับงัดให้หันไปทางพราวหวังจะให้ทำเป็นว่าปืนลั่นใส่ในเหตุการณ์ชุลมุน สายตาของเขาคอยเล็งไปทางเธอตลอด ในที่สุดเขาก็บิดมือไอ้เจ๋งให้ปืนหันไปที่พราว พลางเหนี่ยวไกยิงทันที แต่ปรากฏว่ากระสุนปืนหมด ติณห์อ้าปากค้าง ไอ้เจ๋งฉวยโอกาสที่ติณห์กำลังเผลอ ปล่อยมือจากปืน แล้วซัดหมัดใส่ จนติณห์ทรุดลงนอนหมดสติกับพื้น
พราววิ่งหนี พร้อมกรีดร้องลั่นไปทั่วดาดฟ้า ไอ้เจ๋งตามรวบตัวเธอเอาไว้ทางด้านหลัง แล้วใช้มือข้างหนึ่งปิดปากไว้
“จะร้องไปทำไมให้เหนื่อยยัยคนสวย ไม่มีใครช่วยแกได้หรอก นึกถึงไอ้สมชายซิ ต่อให้มันเก่งแค่ไหน มันก็ช่วยแกไม่ได้ทุกครั้งหรอก รักของซูเปอร์สตาร์กับตำรวจมันไม่มีทางสมหวังได้หรอก เพราะยังมีกู ไอ้เจ๋ง ไอ้โจรค้ายาผู้ยิ่งใหญ่เป็นมารขวางมึงทั้งคู่อยู่ เตรียมตัวตายไปรอมันในนรกเถอะมึง”
มันชักมีดที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าลับด้านในแจ็คเก็ตออกมา พราวตกใจตัวสั่น ติณห์ลืมตามองนิ่งๆ พลางลุ้นให้มันฆ่าเธอได้สำเร็จ แต่สมชายกลับโผล่มาทัน
พร้อมกับจับมือไอ้เจ๋งดึงไว้ทางด้านหลัง และกระชากดึง จนมันหลุดออกมาจากพราว ที่เข่าอ่อน ทรุดร่วงอยู่ตรงนั้น
สมชายกอดฟัดกับไอ้เจ๋ง แย่งมีดกันไปมา และแล้วมีดก็แทงฉึบลงที่ท้อง สมชายก้าวถอยผละออกมาขณะที่ไอ้เจ๋งถูกมีดปักอยู่กลางอก พราวตกตะลึงกับภาพสยองที่เห็น ติณห์ที่ทำเป็นนอนเจ็บ แอบมองอย่างหงุดหงิด
ไอ้เจ๋งหมดลมขาดใจตายพร้อมกับร่างที่ร่วงลงจากระเบียงดาดฟ้า สมชายรีบถลาเข้าไปจะคว้าตัวไว้ แต่ไม่ทัน ร่างของมันลอยละลิ่วตกลงไปที่แม่น้ำ
คนขับเรือเห็นร่างคนร่วงจากเรือก็วิ่งออกมาจากห้องเครื่องมาดู และแหงนหน้าขึ้นมามองสมชายบนดาดฟ้าอย่างตกใจ แล้วรีบวิ่งกลับเข้าห้องเครื่องไปทันที
สมชายหันกลับไปที่พราวที่ยืนปิดหน้าร้องไห้อย่างเสียขวัญ พลางกอดเธอไว้แนบอก
“คุณปลอดภัยแล้ว ปลอดภัยแล้ว”
พราวกอดสมชายร้องไห้โฮ ติณห์มองอย่างแค้นเคือง รีบดำเนินแผนชั่วต่อ ทำเป็นพลิกตัวฟื้นขึ้นเรียกหาพราว
“คุณพราว”
พราวหันไปมองที่ติณห์เป็นห่วง รีบผละจากสมชายถลาเข้าไปดู ติณห์กอดพราวไว้ราวกับรักและห่วงมากมาย สมชายได้แต่ยืนมองอย่างคนไม่มีสิทธิ์
เสียงไซเรนรถตำรวจดังมาแต่ไกล
สมชายยืนมองพราวเดินประคองติณห์ไปยังรถพยาบาลที่จอดอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาลและตำรวจตามดูแล ด้วยความรู้สึกว่าพราวยิ่งห่างเขาออกไปเป็นของติณห์มากขึ้นทุกที
พราวหันมามองที่สมชายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นรถไป พร้อมกับที่สหวุฒิหันมาพูดกับสมชาย
“ไม่ต้องห่วงนะ ผมจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจไป 4 นาย คอยดูแลความปลอดภัยคุณพราวจนถึงโรงพยาบาล ติดต่อคุณแฟรงค์แล้ว ป่านนี้คงไปรออยู่ที่โรงพยาบาล ผมว่าสารวัตรเองก็น่าจะไปหาหมอทำแผลหน่อย”
“นิดหน่อยครับ ทีหลังก็ได้ ผมพยายามจะจับเป็นมัน”
สมชายพูดพลางมองไปที่ศพไอ้เจ๋ง
“คุณทำดีที่สุดแล้วสารวัตร ผมว่าคุณช่วยคุณพราว กับไฮโซติณห์รอดมาได้นี่ ก็บุญแค่ไหนแล้ว เฮ่อ.ปิดคดีไอ้เจ๋งได้ซะที ชีวิตของคุณพราวก็ปลอดภัยขึ้นมาอีกเยอะเลย”
สมชายยังมี่คลายกังวล “แต่ก็ไม่ทั้งหมด ยังเหลือตัวอันตรายอีกสอง”
“นายประเสริฐแฟนคลับโรคจิต”
สมชายพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “กับไอ้โม่งปริศนา”
ติณห์นั่งโอบพราวเพื่อไปเช็คร่างกายทำแผลที่โรงพยาบาล พราวนั่งหมดแรง อกสั่นขวัญหายไม่เลิกติณห์แอบแค้น การรอดตายของเธอหนนี้ ยิ่งจุดประกายความแค้นของเขาให้แรงขึ้นไปอีกทวีคูณ
“ที่ให้คนสืบประวัติไฮโซติณห์กับคนขับรถ ได้ประวัติมาแล้ว”
สหวุฒิหันมาบอก สมชายรีบถามต่ออย่างร้อนใจ
“พบอะไรน่าสงสัยไหมครับ ?”
“ยังไม่พบ นายมาโนชคนขับรถ เป็นลูกชายคนทำงานบ้านเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยพ่อแม่คุณติณห์ เรียกว่าโตมากับคุณติณห์เลยทีเดียว ทำงานอยู่กับคุณติณห์มาตลอด ถือว่าเป็นคนที่คุณติณห์ไว้ใจมากที่สุด ส่วนคุณติณห์น่ะขาวสะอาดเลย พอพ่อแม่เสียก็ได้รับมรดกสืบทอดธุรกิจทุกอย่าง เอาแต่ทำงาน แปลกที่ไม่เคยคบหากับผู้หญิงคนไหนออกหน้าออกตาเลย เพิ่งจะมีก็คุณพราวนี่แหละ”
สมชายยิ้มประชด
“คงรักคุณพราวมาก ขนาดหึงหวง สั่งคนขับรถใช้ปืนขู่นายสุดเขตต์ให้เลิกยุ่งกับคุณพราว”
“แล้วกับสารวัตรล่ะ ไฮโซติณห์มีท่าทีข่มขู่หรือหึงหวงอะไรบ้างมั้ย?”
สหวุฒิถามแทงใจดำ
“มีครับ ก็แค่นิดๆหน่อยๆ จิ๊บจ๊อยมากสำหรับผมมาก ข้อมูลไฮโซติณห์มีเท่านี้ใช่ไหมครับ ?”
“ยังมีอีกเรื่อง ตามประวัติ ไฮโซติณห์ยังมีน้องชายอีกคนนึงชื่อตรี อายุอ่อนกว่าเค้าสักสี่ห้าปี”
สมชายชะงัก รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
“ไฮโซติณห์มีน้องชายด้วยเหรอครับ ผมยังไม่เคยได้ยินคุณพราว หรือใครพูดถึงน้องชายเค้าเลย”
“ผมจะให้คนลองสืบหาข้อมูลน้องชายเค้าดูอีกคน ว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ที่ไหน ?”
จันทร์จรีกำลังรื้อข้าวของตามตู้ลิ้นชักของตัวเองหารูปที่ถ่ายกับตรี รวมถึงข้าวของต่างๆ ที่เขาเคยให้ ด้วยสีหน้าท่าทางราวกับคนประสาทเสีย หลังจากที่ได้ไปเจอร่างที่นอนไม่ไหวติงของตรี จากนั้นก็ฉึกรูปทุกรูปทิ้ง ทำลายข้าวของทุกอย่างที่เขาให้
“หายไปจากชีวิตฉันซะ ชาตินี้คุณติณห์จะไม่มีวันรู้ ว่าแกกับฉัน เคยรู้จักกันมาก่อน ไอ้บ้าเอ้ย แกจะเป็นลูกใครเป็นน้องของเทวดาที่ไหนก็ได้ แต่ทำไมแกต้องเป็นน้องชายคุณติณห์ด้วยนะ ทำไมแกไม่ตายไปซะ ฉันไม่ได้รักแก ไม่อยากจะเห็นหน้าแกอีกแล้ว ยังจะนอนเป็นผักเน่าๆ อยู่อีก ตายไปซิ ตายไปให้พ้น อยู่เป็นมารชีวิตฉันทำไม”พลางทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง พร้อมกับย้อนนึกไปถึงคำพูดขู่ของแฟรงค์ที่กองถ่ายอโยธยา
“อีแฟรงค์ มึงคิดจะสร้างกูด้วยมือแล้ว ลบด้วยบาทาเหรอ ก็เอาซี้อีกระหลั่ว ถ้ามึงแปลงร่างจากผีขนุนเป็นซ้อเจ็ดแฉกูเมื่อไหร่ กูจะส่งมึงลงไปเป็นผู้จัดการผีในนรก”
พลันส้มจี๊ดก็โทร. เข้ามือถือมาพอดี
จันทร์จรีลงจากห้องมาที่ชั้นล่างของคอนโด แล้วก็เจอส้มจี๊ดที่มาดักรออยู่ในมุมลับตาคน
“ออกจากโรงบาลแล้วเหรอคะพี่ โทษทีนะคะ จรีอยากจะไปเยี่ยม แต่ไม่ว่างเลยง่ะ จรีช็อกเลยนะ พอรู้ข่าวพี่ถูกแทงแทนนังพราวอ่ะ”
ส้มจี๊ดเบะปาก
“ชัดมะ ว่านังพราวมันเป็นมารชีวิตพี่ นี่ดีนะที่พี่ดวงแข็ง เลยไม่ตาย ยังอยู่ตามแฉมันต่อ บอกมาเร็วๆ คุณติณห์เป็นไงบ้าง แล้วนังพราว บาดเจ็บสาหัสปางตายอะไรบ้างมั้ย ?”
จันทร์จรีถึงหน้าหน้าเหวอ
“อะไรนะ นังพราวบาดเจ็บ แล้วคุณติณห์ไปเกี่ยวอะไรด้วย”
“อ้าว นี่หนูมัวงมอะไรอยู่ ไม่รู้ข่าวเหรอ ไฮโซติณห์นัดสวีตกับซุปตาร์พราว แล้วมีโจรที่ไหนไม่รู้บุกมาจะปล้น แต่ไอ้บอดี้การ์ดสมชายดันโผล่มาช่วยไว้ทัน ข่าวว่าไอ้โจรนั่นตายคาที่”
จันทร์จรีอึ้ง ตกใจ “แล้วคุณติณห์เป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บอะไรรึเปล่าพี่ ?”
“โธ่หนู มาถามไรพี่ ถ้าพี่รู้ พี่จะซิ่งมาหาหนูให้เปลืองน้ำมันทำไม”
จันทร์จรีรีบกดสายโทรหาติณห์ แต่สัญญาณบอกว่าไม่สามารถติดต่อได้
“คุณติณห์เค้าปิดเครื่องอ่ะ แต่หนูมั่นว่าคุณติณห์จะไม่เป็นอะไร เค้าต้องเอาตัวรอดได้แน่ๆ”
สีหน้าจันทร์จรีมั่นใจว่าติณห์จะไม่ตายเพื่อพราว
“แล้วนังซุปตาร์พราวล่ะ?”
จันทร์จรียิ้มร้าย “ก็หวังว่าเราจะได้ข่าวดี”
“ทำไงดี ไอ้สุดเขตต์อาจจะรู้ก็ได้”
ส้มจี๊ดรีบกดมือถือไป แต่ไม่มีคนรับ
“ไอ้สุดเขตต์!เป็นไรวะ ไม่ชอบรับสายฉัน แกคงไม่โง่ไปเฝ้ามันอยู่ที่โรงบาลหรอกนะ”
สุดเขตต์อยู่โรงพยาบาลจริงๆ กำลังกดถอนเงินส่วนตัวของตัวเองออกจากตู้ ATM. ก่อนจะยัดเงินใส่กระเป๋า รีบเดินไปอย่างมุ่งมั่น โดยมีเสียงมือถือดังอยู่ในกระเป๋าเสื้อตลอดเวลา
แต่พอกลับมาในห้องพัก กลับไม่เจอมีนอยู่ในห้อง !!
สุดเขตต์รีบเดินมาที่แผนก ICU พลางมองผ่านห้องกระจกเข้าไป เห็นมีนกำลังอยู่กับโต้ในห้องฟักฟื้นเขาถอนใจโล่งอก เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองแป็นห่วงมีนมากมายเหลือเกิน
มีนจับมือ พร้อมกับยิ้มให้กำลังใจโต้ที่ลืมตาขึ้นแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น ขณะที่เสียงของหมอที่บอกอาการของตัวเองดังอยู่ในโสตประสาท
“ไม่มีเวลาลังเลอีกแล้วคุณมีน ตอนนี้เนื้องอกที่โตขึ้น กำลังทำลายเนื้อสมองของคุณ อาการตาพร่ามัว แขนขาอ่อนแรง อาเจียนที่หมอเคยบอกมาหมดแล้ว ถ้าคุณยังทนอีกต่อไป คุณจะปวดหัวรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงขั้นชัก ตามองอะไรไม่เห็น หูเข้าขั้นหนวก ได้ยินอะไรน้อยลง”
มีนถึงกับน้ำตาไหลพราก ปิดปากสะอื้นไห้
สุดเขตต์ยืนพิงผนังรอมีนอยู่นอกห้อง ICU อย่างกระวนกระวายใจ พอเธอเดินซึมๆ ออกมาจากห้องเขาก็รีบเข้าไปประคอง
“หมอว่ายังไงบ้างครับ ?”
“อาการโต้ดีขึ้นมาก สักวัน 2 วัน ก็ย้ายจากห้องICU ออกมาพักฟื้นห้องธรรมดาได้แล้วค่ะ”
สุดเขตต์มองสบตามีนอย่างแสนห่วง
“ผมเห็นแล้วว่าโต้ดีขึ้น ผมหมายถึงมีนน่ะ เข้าไปตรวจ หมอว่ายังไงบ้าง”
มีนเงียบ ใจนึกกลัวกับอาการของตัวเอง แต่ก็ไม่อยากจะบอก
“ว่าไงครับมีน หมอว่าอาการคุณเป็นยังไง คุณอย่าปิดผมนะ คุณต้องบอกผม”
“หมอก็พูดเหมือนเดิม อยากให้รีบผ่าตัด ไม่อย่างงั้นอาการมีนจะแย่ลงเรื่อยๆ”
“แล้วคุณจะรออะไรอีก ก็ผ่าตัดเลยซิครับ”
มีนส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง
“มีนบอกคุณไปแล้วนะคะว่าทำไมมีนถึงไม่ผ่าที่สำคัญตอนนี้มีนไม่มีเงิน โต้ก็ยังนอนอยู่ใน ICU อยู่เลย มีนจะไม่ทำอะไรกับตัวเองทั้งนั้น จนกว่าจะหาเงินมารักษาโต้ให้หายเสียก่อน”
“ผมรู้ว่าเรื่องเงินเป็นปัญหาใหญ่ของมีน ผมจะช่วยคุณ ตอนนี้ในบัตรที่ผมติดตัวมามีอยู่แสนนึง คุณเอาไปก่อนนะครับ ในบัญชีที่บ้านผมก็ยังมีอีก”
มีนมองเงินที่สุดเขตต์ยื่นให้ แล้วส่ายหน้า พลางร้องไห้โฮออกมา
“อย่าทำอย่างงี้เลยคุณสุดเขตต์ มีนขอร้อง อย่าทำให้มีนอายที่เป็นภาระของคุณ มีนรับเงินคุณไม่ได้”
“ผมไม่เดือดร้อนหรอก คุณรับไปเถอะ ให้ผมได้ช่วยคุณนะครับ”
“คุณช่วยมีนแล้ว นี่ไงคะ”
มีนพูดพร้อมกับยกฝ่ามือที่สุดเขตต์เขียนคำว่ารักให้ตั้งแต่ที่กองถ่ายให้ดู
“คุณช่วยรักมีน ทำให้มีนมีความสุข มันก็มากพอแล้วสำหรับชีวิตมีน อย่าให้เงินมาทำลายความรู้สึกที่มีค่าของมีนเลยนะคะ”
เธอโผเข้ากอดสุดเขตต์ เขากอดตอบเธอไว้แนบอก ทั้งสงสาร และหนักใจในคราเดียวกัน
“ไม่ต้องร้องไห้ครับมีน คุณไม่อยากรับเงิน ผมก็จะไม่ฝืนใจคุณ คุณอยากให้ผมช่วยอะไรเมื่อไหร่ บอกผมก็แล้วกัน ผมจะรอ”
มีนฝืนยิ้ม “มีนอยากกลับบ้านค่ะ พามีนกลับบ้าน”
พอสุดเขตต์พามีนกลับเข้ามาในบ้านแสนรัก เด็กๆ ก็กรูเข้ามากระโดดโลดเต้นต้อนรับด้วยความดีใจ เด็กหญิงคหนนึ่งพูดขึ้นมายิ้มๆ
“ขอให้พี่สุดเขตต์กับพี่มีนได้แต่งงานกันนะคะ”
มีนกับสุดเขตต์อึ้งมองหน้ากัน.เพราะไม่รู้ว่ามีนจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน แม่แก้วกับแมนได้ยินเสียงก็เดินออกมาดู
“มีน ทำไมไม่นอนที่โรงพยาบาล กลับมาทำไม?”
“มีนบอกแม่แก้วแล้วไงคะ ว่ามีนไม่เป็นอะไร หมอตรวจเสร็จแล้ว มีนก็เลยกลับ”
“หมออนุญาตให้พี่กลับเหรอครับ หรือว่าพี่กลับมาเอง”
มีนอึ้งมองไปที่แมน ขณะที่อีกฝ่ายจ้องเขม็งไปที่สุดเขตต์
“คุณก็พลอยเป็นกับพี่ผมไปด้วย เสียงแรงที่ผมคิดว่าคุณจะช่วยดูแลพี่มีนได้”
พูดเสร็จก็หันเดินเข้าข้างในไปอย่างผิดหวัง สุดเขตต์ยืนเครียด แม่แก้วได้แต่ยืนงง
“แมนเป็นอะไรน่ะ พี่สาวตัวเองไม่เป็นอะไร กลับบ้าน แทนที่จะดีใจกลับมาบ่นใส่อีก คุณสุดเขตต์อย่าไปถือสาแมนเลยนะคะ เค้าโตแต่ตัว แต่ใจยังเด็กมาก”
สุดเขตต์ยิ้มแห้งๆ
“ผมเข้าใจน้องแมนดีครับ ว่าเป็นห่วงมีนมากแค่ไหน”
พูดพลางหันมามองมาสบตากับมีน
“พักผ่อนนะครับ ผมกลับล่ะ”
มีนส่งยิ้ม พร้อมกับแอบแบมือส่งข้อความรักในฝ่ามือให้ สุดเขตต์ยิ้มตอบ
พราว ตอนที่ 14 (ต่อ)
มีนตั้งใจจะเดินมาต่อว่าแมนที่บอกสุดเขตต์ แต่มาเห็นน้องชายนั่งซึมก็ใจอ่อน
“พี่จะมาด่าผมเรื่องที่บอกคุณสุดเขตต์ว่าพี่ไม่สบายใช่มั้ย ผมขอโทษ ถ้าผมรู้ว่าเค้าช่วยอะไรพี่ไม่ได้แบบนี้ ผมจะไม่บอกเค้าหรอก”
“หยุดนะแมน อย่าไปว่าคุณสุดเขตต์อย่างงั้นนะ เค้าช่วยพี่มามากแล้ว”
แมนมองจ้องหน้าพี่สาวแบบเยาะๆ
“นี่เหรอช่วย พี่ไม่สบายแทนที่จะให้หมอรักษา เค้ากลับพาพี่มาส่งบ้าน เค้าไม่ได้รักพี่จริงๆ หรือว่าเกิดเสียดายเงินที่จะรักษาพี่ ก็เลยปล่อยให้พี่ตาย”
มีนตีแมนเผี๊ยะที่แขน “นี่แน่ะ ทำไมพูดอย่างงี้ อยากให้พี่ตายนักเหรอไง”
แมนได้สติ รีบโผกอดพี่สาว
“ผมขอโทษครับพี่มีน ผมไม่ได้ตั้งใจจะแช่งพี่ แต่ผมเป็นห่วงพี่ อยากให้ใครสักคนมาช่วยรักษาพี่ให้หาย”
“พี่ไม่ยอมตายง่ายๆ หรอก พี่ยังมีห่วง มีแมน มีแม่แก้ว มีโต้ มีน้องๆ ในบ้านแสนรักอีกหลายคนที่พี่รัก พี่ยังสู้เพื่อทุกคน”
แม่แก้วเดินเข้ามาเห็น ก็แปลกใจ
“มีอะไรเหรอลูก แมนร้องไห้ทำไม”
ทั้งคู่รีบผละออกจากกัน
“แมนห่วงโต้น่ะแม่แก้ว มีนก็เลยปลอบ ตอนนี้โต้รู้สึกตัวแล้วนะจ๊ะแม่แก้ว”
แม่แก้วยิ้มดีใจ “ตอนนี้โต้เป็นยังไงบ้าง?”
“ดีขึ้นมากจ้ะ ไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน หมอว่าไม่กี่วันก็ย้ายออกจาก ห้อง ICU ได้แล้วค่ะ”
แม่แก้วยิ้ม แต่ยังรู้สึกกังวล “ค่ารักษาไม่รู้จะเท่าไหร่นะลูกนะ?”
“เดี๋ยวมีนจัดการเองค่ะเรื่องเงิน แม่แก้วไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวโต้ก็จะหาย ได้กลับบ้านแล้ว”
มีนปั้นหน้ายิ้ม พลางโอบแม่แก้วกับแมนไว้แน่น
ขณะที่พราวนั่งอยู่คนเดียวในห้องพักของโรงแรม ที่จัดเตรียมไว้เพื่อแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ระหว่างเธอกับมีน แม้จะมีใบหน้าที่เหมือนกัน แต่ชีวิตกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง
มีนขาดแคลนขัดสน ชีวิตมีเคราะห์กรรม แต่มีคนที่รักเคียงข้างตลอดเวลา
พราวมีทุกอย่างชื่อเสียงเงินทองผู้คนรายล้อม แต่ในใจกลับรู้สึกโดดเดี่ยว
หลังจากเจอทั้งเรื่องถูกปองร้ายจากระเบิด และจากไอ้เจ๋ง สภาพจิตใจพราวก็ยิ่งย่ำแย่ และอ่อนไหวมาก
เอมี่ที่ยืนรอร้อนใจอยู่หน้าห้องอย่างกระวนกระวายใจ เพราะพราวไม่ยอมออกไปงานแถลงข่าว พอเห็นสมชายเดินมาก็โล่งอก
“พวกคุณจะทำอะไร จะแถลงข่าว ทำไมไม่ปรึกษาผมก่อน”
เอมี่หน้าเจื่อน “พี่แฟรงค์บอกว่าแค่แถลงข่าว ไม่ต้องบอกหรอก คงไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไร แล้วทีนี้จะทำยังไง คุณพราวไม่ยอมลงไป?”
“พี่แฟรงค์ถึงให้ตามคุณมานี่ไงคะ คิดว่าพราวคงจะกลัว ถ้าจะต้องไปอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆ โดยที่ไม่มีบอดี้การ์ดอย่างคุณอยู่ข้างๆ”
สมชายมองไปที่ประตูห้อง อย่างนึกเห็นใจพราว ก่อนจะรีบเปิดประตูเข้าไปด้านใน พราวหันมามอง แล้วก็น้ำตารื้น
“ผมมารับคุณลงไปแถลงข่าว”
“คุณมาเองเหรอ ?”
“คุณเอมี่โทรไปตามผม”
พราวยิ้มเจื่อนๆ “ ฉันก็นึกว่า คุณอยากจะมาเอง”
“นี่คุณซุปตาร์ครับ กับคุณ ผมเป็นบอดี้การ์ด แต่กับคนอื่น ผมเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฏร์”
“โอเค. ไม่ต้องมาประชด ฉันรู้คุณกินเงินเดือน คุณมีงานอื่นต้องทำ ไม่ได้ว่างงานมานั่งเฝ้าฉันตลอดเวลาหรอก”
สมชายยิ้มกวน
“แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ผมทำงาน คุณก็เลิกกับไฮโซติณห์ซะซิ มาเป็นแฟนกับผม แล้วก็เลี้ยงผม ผมสัญญาว่าจะเดินตามคุณต้อยๆ เลย”
“เสียใจ พราวไม่ชอบเลี้ยงต้อย”
สมชายดีดนิ้วผัวะ “ปากแบบนี้ แสดงว่าคุณพร้อมจะไปเจอนักข่าวแล้วล่ะ เชิญ”
พูดพลางผายมือไปที่ประตู พราวลุกสูดลมหายใจเรียกพลัง ก่อนเดินไปที่ประตู
“เดี๋ยวก่อน ก่อนจะลงไป คุณอยากได้กำลังใจบ้างมั้ย”
สมชายพูดพลางอ้าแขนให้ ก่อนจะตบไปที่หน้าอกตัวเอง
“นี่ไง หลุมหลบภัยของพราว”
พราวยิ้มออก โผเข้าไปสู่อ้อมกอดของสมชาย เขารีบกอดตอบ
"ตอนนี้ความรู้สึกของผม ที่มีให้ผู้หญิงที่เป็นซูเปอร์สตาร์คนนี้มันมาไกลเกินกว่าคำว่า “รัก” มันกลายเป็นความห่วงใยที่ผมเต็มใจจะมอบให้ อยากทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อได้เห็นเค้ายิ้ม"
"เห็นเค้ามีความสุข โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ กลับคืน ขอแค่ได้ปกป้องเค้า ได้อยู่ใกล้ๆเค้าก็พอ"
พราวเดินออกจากห้องมาตามทาง มีสมชายเดินตามหลังราวกับองครักษ์ผู้ภักดี ไม่ต่างกับนายเรืองของแม่หญิงแก้วเจ้าจอมแห่งอโยธยา
เสียงนักข่าวฮือฮาขึ้นมาทันทีที่เห็นพราวเดินออกมาโดนมีสมชาย กับเอมี่เดินตามประกบหลัง ตรงไปที่โต๊ะแถลงข่าว
แฟรงค์ยิ้มร่า
“พราวมาแล้วจ้า บอกแล้ววันนี้อยากจะเจอ ต้องได้เจอ เดอะแฟรงค์จัดให้”
ติณห์นั่งหน้านิ่ง แววตาคิดแค้น ที่หน้าตายังมีร่องรอยบาดเจ็บเล็กน้อยจากการสู้กับไอ้เจ๋ง จันทร์จรียื่นมือมาแตะที่หน้าของเขาอย่างห่วงใย
“คุณติณห์ของจรีไม่น่าเจ็บตัวเพราะนังพราวเลย”
“ผมไม่เจ็บตัวฟรีหรอก เจ็บตัวครั้งนี้ ผมได้อะไรมาเยอะ แล้วก็เกือบแก้แค้นให้ตรีได้สำเร็จ”
จันทร์จรีชะงักมือทันทีที่ได้ยินชื่อตรี แต่แกล้งทำเป็นฉุนกลบเกลื่อน
“เพราะไอ้สมชายตัวเดียว มันคอยตามพิทักษ์นังพราวยังกับวิญญาณบรรพบุรุษ ถ้าสิงร่างนังพราวได้ มันคงสิงไปแล้ว”
ติณห์ยิ้มเยาะ “หึ ก็แน่ล่ะ ไอ้สมชายรักพราวมาก”
“มันถึงได้ถูกนังพราวหลอกใช้มันอยู่นี่ไงคะ ล่อให้รักแล้วหลอกใช้ ลูกไม้ตื้นๆแค่นี้ ดูไม่ออก สมเพชมันจริงๆ ไอ้ผู้ชายหน้าโง่”
ติณห์ปรายตามองไปที่จันทร์จรี อยากจะบอกเหลือเกินว่าเธอก็หน้าโง่ไม่ต่างกัน เพราะกำลังถูกเขาหลอกใช้อยู่ พลางจับมือจันทร์จรีแล้วดึงมาซบบนอก
“ใครจะฉลาดอย่างผมที่มีจรีอยู่ข้างๆ”
จันทร์จรีทำเป็นงอนใส่ “อยู่ข้างๆ แต่แบบลับๆ”
“ช่วยผมแก้แค้นพราวให้สำเร็จเร็วๆขึ้นซิ ปลดปล่อยผมจากความแค้น แล้วคุณจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตผม”
จันทร์จรียิ้ม มองติณห์อย่างหลงใหล
“ถ้าจรีสามารถ เดินเข้าไปฆ่านังพราวตอนนี้เลย จรีจะทำทันทีค่ะ”
ซูเปอร์สตาร์พราวที่น่าสงสาร นั่งอยู่ที่โต๊ะแถลงข่าว ท่ามกลางเสียงกตชัตเตอร์รัวของนักข่าวและช่างภาพ แม้เธอจะพยายามเชิดหน้าอย่างมืออาชีพ แต่ก็ซ่อนแววตาหวาดหวั่นไว้ไม่มิด
สมชายคอยยืนมองจับตานักข่าวทุกคนอย่างระวังเต็มที่ พลางมองไปเจอสุดเขตต์ที่กำลังยืนถ่ายรูปอยู่ใกล้ๆ ส้มจี๊ด ทั้งสองแอบส่งสายตาทักทายกัน
“คนร้ายที่บุกมาทำร้ายพราวกับคุณติณห์ เป็นโจรค้ายา คนเดียวกับที่ถูกตำรวจบุกจับ แล้วยิงพลาดมาโดนพราว”
แฟรงค์เริ่มเปิดประเด็นสู่การแถลงข่าว
“เค้าผูกใจเจ็บ โทษว่าพราวเป็น ต้นเหตุทำให้พี่เค้าตาย ทั้งๆที่พราวไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
ดูซิ ชีวิตจริงมัน ดราม่ายิ่งกว่าละคร ส่วนเรื่องระเบิดที่กองถ่าย หวังว่าจะเป็นฝีมือของนายคนนี้เช่นเดียวกัน”
ขณะที่พราวพูดต่อหน้านักข่าวด้วยแววตาเรียบ นิ่ง
“ไหนๆ เค้าก็เสียชีวิตไปแล้ว พราวไม่ติดใจค่ะ สิ่งใดที่เราติดค้างกันมา ขอให้จบสิ้นในชาตินี้ พราวอโหสิให้ค่ะ .และหวังว่าต่อจากนี้ เรื่องร้ายๆ จะหมดไปจากชีวิตพราวเสียที”
แม่ค้ากับลูกค้าที่ร้านข้าวแกง กำลังมุงดูรายงานข่าวสดการแถลงข่าวของพราวอย่างสนใจ ขณะที่มุมหนึ่งของร้าน ประเสริฐสวมหมวกทับวิกผมอำพรางหน้าตา กำลังนั่งพุ้ยข้าวเต็มปาก ตามองผ่านปีกหมวกไปยังภาพพราวในจอทีวีแล้วทำหน้าเคลิ้มมีความสุข
“พราว สุดที่รักของผม พราวจ๋า”
พลันสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นโกรธแค้น
“นังแพศยา”
การแถลงข่าวเหมือนจะจบลงด้วยดี แฟรงค์รีบสรุป
“สุดท้าย ท้ายสุด ขอแค่ 2 เควสชั่นนะฮะ 2 คำถาม ยกมือฮะ”
นักข่าวยกมือกันพรึ่บ แฟรงค์เลือกชี้ไปที่นักข่าวคนหนึ่ง
“อาการไฮโซติณห์เป็นไงบ้างคะ บาดเจ็บมากมั้ยคะคุณพราว?”
แฟรงค์มองหน้าพราวเป็นเชิงถามว่าจะตอบเองไหม พราวพยักหน้า พลางยื่นหน้าตอบผ่านไมค์
“คุณติณห์ไม่บาดเจ็บอะไรมากค่ะ แค่ฟกช้ำนิดหน่อย ปลอดภัยดีค่ะ”
แฟรงค์ชี้ไปที่นักข่าวอีกคน
“แต่ดูบอดี้การ์ดสมชายจะบอบช้ำมากนะคะ ตลงใครกันแน่คะที่เป็นฮีโร่ตัวจริงของซูเปอร์สตาร์พราว
ไฮโซติณห์คู่หมั้นหรือว่าบอดี้การ์ดสมชาย?”
นักข่าวส่งเสียฮือฮา รอฟังคำตอบจากปากพราว
พราวกับสมชายแอบสบตากัน ทำหน้าไม่ถูก ส้มจี๊ดส่ายหน้าอย่างรำคาญใจที่เห็นนักข่าวฝ่ายหนึ่งตะโกนเชียร์ติณห์ อีกฝ่ายตะโกนเชียร์สมชายอย่างสนุกสนาน พลางหันมามองเยาะเย้ยสุดเขตต์
“ อยากจะเข้าไปเป็นตัวเลือกช้อยส์ที่ 3 กับเค้าด้วยล่ะซิ ฉันช่วยตะโกนส่งชื่อแกเข้าประกวดด้วยเอาม่ะ ไอ้สุด..”.
สุดเขตต์รีบปิดปากส้มจี๊ดไว้
“หัดไปหาหมอฉีดยากันบ้าซะมั่งนะแก”
ส้มจี๊ดกระชากมือสุดเขตต์ออก พลางมองหน้าเขาอย่างน้อยใจ
“หยุดครับ”
สมชายทนไม่ไหว รีบตะโกนออกมา ทุกคนเงียบกริบ มองมาที่เขาเป็นตาเดียว
“นี่มันงานแถลงข่าว ไม่ใช่เกมส์โชว์เลือกคู่ อย่าเอาผมไปเอี่ยว จบการแถลงข่าวเท่านี้นะครับ”
นักข่าวพากันเหวอ แฟรงค์ยิ้มร่าทันที
“ได้ยินคำตอบชัดแล้วใช่มั้ยทุกคน ขอบคุณนะฮะที่มาทำข่าว ขอบคุณๆ ไปเร็วเอมี่ .รีบพาพราวไป
ให้ไวๆ”
แฟรงค์ พราว เอมี่ลุกจากที่นั่งจะเดินไป โดยมีสมชายคอยกันนักข่าวเปิดทางให้ แต่อยู่ๆ ส้มจี๊ดก็ตะโกนขึ้น
“เดี๋ยวค่ะ ฉันมีอีก 1 คำถาม คุณได้ไปบริจาคเงินให้บ้านเด็กกำพร้าบุญรักษารึปล่าวคะคุณพราว?
เมื่อเช้านี้ทางบ้านเด็กกำพร้าได้ออกหนังสือขอบคุณผู้บริจาคเงิน เป็นค่าอาหารและค่ายารักษาโรคให้กับเด็กๆ ที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ที่ทางบ้านเด็กพร้านำกล่องบริจาคไปวางไว้ตามโรงพยาบาล หนึ่งในนั้นมีชื่อคุณพราวอยู่ด้วยค่ะ”
พราวหยุดชะงักอย่างแปลกใจ เพราะตัวเองไม่ได้บริจาค
“หยุดทำไมครับพราว รีบเดินครับ”
สมชายรีบดันหลังพราวให้เดินไป แต่ส้มจี๊ดรีบพูดต่อ
“เชื่อหรือไม่เพื่อนๆ นักข่าวทุกคนคะ คุณพราว-พิชญาดาซูเปอร์สตาร์เบอร์1ของวงการบันเทิง บริจาคเงินแค่ 1 แสน ให้กับเด็กๆ ผู้น่าสงสาร”
พราวหยุดเดินทันที แล้วหันไปมองส้มจี๊ด
“ 1 แสนเหรอ?”
ส้มจี๊ดหัวเราะหยัน
“ฉันน่าจะเป็นคนถามคุณมากกว่าว่าทำไมคุณบริจาคแค่ 1 แสน ทั้งที่ล่าสุด ได้ข่าวว่าคุณเพิ่งเซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เครื่องสำอางดังจากต่างประเทศด้วยค่าตัว 8 หลักปลายๆ แต่คุณกลับบริจาคเศษเงินแค่นี้ให้เด็กๆ น้ำจิตน้ำใจของซูเปอร์สตาร์ ที่มีให้กับเด็กกำพร้า ทำไมมันน้อยนักล่ะ คุณตอบแทนสังคมได้แค่นี้เองเหรอคะซุปตาร์พราว ?”
ส้มจี๊ดได้ทีใส่เป็นชุด พราวยืนช็อก
อีกด้านหนึ่งขณะที่มีนกำลังเอาช่อดอกไม้ประดิษฐ์มาส่งที่ร้านกับแมน พลันเสียงมือถือก็ดังขึ้น เมื่อเห็นเป็นแฟรงค์โทร. มา ก็ยิ้มดีใจ
“ฮัลโหลค่ะ พี่แฟรงค์ ไปหาตอนนี้เหรอคะ ได้ค่ะๆ มีนจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
มีนรีบวางสายแล้วหันมาบอกแมน
“เดี๋ยวแมนรับค่าดอกไม้แล้วกลับไปก่อนนะ สงสัยให้ไปรับเงินค่าจ้างที่ไปถ่ายละครแทนคุณพราว
คราวก่อน แล้วถ้าโชคดี อาจจะมีงานให้ไปแทนคุณพราวอีกมั้ง”
แมนรีบพูดอย่างเป็นห่วง
“แต่พี่ไม่สบายอยู่นะพี่มีน ไปถ่ายละครหามรุ่งหามค่ำ พี่จะทำไหวเหรอ”
“อย่าคิดแทนพี่ได้มั้ย พี่รู้ตัวดีน่า ว่าไหวหรือไม่ไหว ฝากบอกแม่แก้วด้วย ว่าพี่ไปทำงาน พี่ไปล่ะ”
พูดจบมีนก็รีบเดินสะพายเป้ออกปันที
มีนเดินมาหยุดมองหาแท็กซี่ที่ริมฟุตบาท แต่จู่ๆ สายตาก็เกิดพร่ามัวขึ้นมา จนมองทุกอย่างลางเลือนไปหมดเธอยืนนิ่ง ตกใจ จนรถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด
“พี่มีน”
มีนหลุดจากภวังค์หันมามอง เห็นภาพแมนเบลอๆ ยืนอยู่ข้างๆ
“รถแท็กซี่มาจอดรออยู่น่ะ พี่ไม่ไปเหรอ ?”
มีนหันไปมอง เห็นแท็กซี่โผล่หน้ามามอง
“เมื่อตะกี้ พี่ยืนมองอะไรอยู่ พี่เป็นอะไรรึเปล่า ?”
มีนส่ายหน้า “เปล่าๆ พี่ไปก่อนนะ แล้วรีบกลับบ้านล่ะ”
มีนรีบเปิดประตูก้าวขึ้นแท็กซี่ไป แมนยืนมองอาการของพี่สาวอย่างเป็นห่วง
-
หลังแถลงข่าวเสร็จ ส้มจี๊ดก็เดินยิ้มอย่างสะใจ สุดเขตต์เดินตามติดๆ
“โธ่เอ้ย ทำเป็นงง นี่คงไม่ได้ตั้งใจจะบริจาคอะไรหรอก แค่ควักๆไปงั้น”
“ทำไมวะ ต้องบริจาคเป็นล้านเหรอ แกถึงจะทำข่าวยกย่อง ชื่นชมเค้า”
ส้มจี๊ดหันขวับมาจ้องหน้าสุดเขตต์
“ถ้าเป็นแกนะสุดเขตต์ บริจาคแค่พันเดียว ฉันก็ชื่มชมจะแย่แล้ว แต่นี่ซูเปอร์สตาร์พราวนะแก รู้ม่ะกระเป๋าที่แม่นั่นใช้อยู่ ใบละกี่ล้าน”
“แล้วคุณพราวเค้าไปปล้นไปโกงใครเค้ามาหรือไง เค้าทำงานเหนื่อย หาเงินมาได้ เค้ามีสิทธิ์ที่จะใช้เงินของเค้าทำอะไรก็ได้”
ส้มจี๊ดส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด
“โอ๊ย! ฉันไม่เถียงกับแกแล้ว เถียงไปก็เหนื่อย เพราะใจแก เป็นทาสของยัยพราวไปแล้ว”
พูดจบก็จะรีบเดินไป สุดเขตต์รีบพูดขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวส้มจี๊ด ตกลงเดือนนี้ ฉันทำงานกับแกต่อนะ”
ส้มจี๊ดหยุดกึก หันไปมองเหล่สุดเขตต์
“จริงซินะ ฉันลืมไป ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของสัญญาจ้างแกเป็นตากล้องชั่วคราวให้หนังสือฉัน
แกอยากจะทำต่อเหรอ ?”
สุดเขตต์พยักหน้า เขาอยากทำต่อเพราะอยากหาเงินมาช่วยรักษามีน
“แกจะได้ทำต่อหรือไม่ได้ทำ มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฉันคนเดียว ถ้าฉันโอเค. บอกอ. ก็ต้องจ้างแกต่อ แต่ถ้าฉันไม่โอเค. แกก็ต้องกลับไปตกงานเหมือนเดิม เข้าใจ๋ ? ไปกินข้าวกับฉันสักมื้อนะๆ แล้วฉันจะโทรบอกบอกอ. ให้”
ส้มจี๊ดยิ้มอย่างเป็นต่อ พลางเข้ามากอดแขนออดอ้อน สุดเขตต์รีบแกะมือออก
มีนอยู่ในรถแท็กซี่ระหว่างเดินทางไปหาแฟรงค์ สายตากลับมามองทุกอย่างเป็นปกติแล้ว จังหวะเดียวกับที่สุดเขตต์โทร. เข้ามือถือ
“ฮัลโหล .คะ .คุณสุดเขตต์ .อะไรนะ เงินบริจาค 1 แสน มีข่าวเหรอคะ ใช่ค่ะ มีนเป็นคนบริจาคให้คุณพราวเองแหละ”
“ผมคิดแล้วว่าต้องเป็นมีน เพราะท่าทางคุณพราวเหมือนไม่รู้เรื่องนี้เลย”
“นี่พี่แฟรงค์ก็โทรตามให้มีนไปหาที่คอนโด ไม่รู้เป็นเพราะเรื่องนี้รึเปล่า ?”
สุดเขตต์รีบถามต่อทันที “มีนกำลังไปหาพี่แฟรงค์เหรอ?”
“ค่ะ กำลังอยู่บนแท็กซี่ ใกล้จะถึงแล้วค่ะ”
สุดเขตต์อดเป็นห่วงไม่ได้ “แล้ววันนี้มีนสบายดีนะ มีหน้ามืด ปวดหัวหรืออาการอะไรบ้างไหม?”
“ไม่มีนี่ค่ะ วันนี้มีนสบายดีมากๆ”
สุดเขตต์อ้าปากจะถามต่อ แต่บังเอิญหันไปเห็นส้มจี๊ดเดินเข้ามา
“เอ่อ แค่นี้ก่อนนะมีน แล้วผมจะโทรหา”
สุดเขตต์รีบกดวางสาย ก่อนจะจำใจเดินนำส้มจี๊ดไปขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์
“แกไม่ต้องกอดแน่นขนาดนี้ก็ได้”
พูดพลางดึงแขนส้มจี๊ดออก แล้วเร่งเครื่องขี่ออกไป แต่ส้มจี๊ดทำเป็นเซโผกอดแน่นกว่าเดิม
พราว ตอนที่ 14 (ต่อ)
ทันทีที่มีนเข้ามาในห้องคอนโด พราวก็ยิงคำถามทันที
“มีนเป็นคนบริจาคเงิน 1 แสน ให้บ้านเด็กกำพร้าที่โรงพยาบาลใช่มั้ย?”
“ค่ะ พอดีวันนั้นได้เงินค่าจ้างจากคุณเอมี่ มีนเห็นกล่องรับบริจาค ก็เลยบริจาคแทนคุณพราวไป”
พราวมองหน้าอย่างไม่พอใจ
“ทำไมต้องหาเรื่องยุ่งยากมาหาฉันด้วย”
มีนตกใจหน้าจ๋อย
“แค่นี้ฉันยังมีเรื่องไม่พออีกเหรอมีน มีนถึงทำนอกเหนือหน้าที่ หาเรื่องมาหาฉัน”
“มีนหวังดีนะคะ คิดว่าเงินของคุณพราว คงจะทำให้เด็กๆดีใจ ที่มีดาราซูเปอร์สตาร์อย่างคุณพราวมองเห็นพวกเค้า มีเด็กด้อยโอกาสอีกมาก ที่รอให้ดาราอย่างคุณพราวไปหา แค่ได้คุย แค่ได้กินข้าวกลางวันจากมือ
ซูเปอร์สตาร์ ก็ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ เหล่านั้นมีความหวัง มีแรงต่อสู้กับโชคชะตาต่อไปได้”
พราวรีบโบกมือห้าม
“พอเถอะมีน หยุดพูดเหมือนฉันคิดอะไรเองไม่ได้ ทำอะไรเองไม่เป็น อย่าตอกย้ำฉายาดาราสวยแต่
ไร้สมองให้กับฉัน ถ้าคิดจะทำ ฉันทำเอง ฉันคิดเองได้ ไม่ต้องให้เธอมาคิดแทนฉันหรอก เข้าใจมั้ย”
มีนน้ำตาร่วง รีบยกมือไหว้
“มีนขอโทษ มีนไม่ได้ตั้งใจ มีนทำลงไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ คิดว่าถ้ามีนยังมีโอกาส ก็อยากทำอะไรให้คนอื่นบ้าง ไม่ได้คิดจะหาเรื่องเดือดร้อนมาให้คุณพราวเลย มีนขอโทษนะคะ”
พูดจบก็ก้มหน้าเดินออกไปจากห้องทันที สมชาย รีบเดินตามมีนออกไป เอมี่คว้าซองเงินรีบตามไปอีกคน
พราวทรุดนั่งลงร้องไห้เงียบๆ เสียใจเหมือนกันที่โพล่งออกไปแบบนั้น แฟรงค์รีบโอบปลอบ
“ไม่ต้องร้องไห้นะ เจ๊เข้าใจหนู ว่าหนูรู้สึกยังไง”
มีนเดินปาดน้ำตามา ด้วยความรู้สึกเสียใจ สมชายรีบวิ่งตามาคว้าแขนไว้
“เดี๋ยวมีน”
“มีนขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ”
สมชายรีบห้าม “มีนไม่ต้องขอโทษผมหรอก ผมไม่ได้ตามมาจะว่ามีน ที่คุณพราวพูดกับมีน มันก็แรงไป แต่คุณพราวเค้าเจอเรื่องมาเยอะมาก คงจะสติแตกน่ะ”
เอมี่เดินมาหยุดฟังอยู่ข้างหลัง
“มีนก็เจอเรื่องมาเยอะเหมือนกันนะคะ แต่มันคงเทียบกันไม่ได้ โอกาสของคนเรามันมีไม่เท่ากัน มีนเข้าใจ มีนไม่ได้โกรธคุณพราวหรอก”
“แต่ผมเข้าใจในสิ่งที่มีนทำนะ ไว้ผมจะค่อยๆคุยกับคุณพราวให้เข้าใจเอง อย่าคิดมาก”
“ขอบคุณค่ะ”
มีนหันหลัง จะเดินไป เอมี่เข้ามายื่นซองเงินให้
“นี่เงินค่าทำงานของมีนจ้ะ อย่าร้องไห้นะ พราวกำลังเครียดน่ะ เดี๋ยวพออารมณ์เย็นแล้ว เค้าก็ไม่มีอะไรหรอก มีนกลับบ้านไปก่อนนะ ไว้ฉันจะโทร. ไป”
มีนยื่นมือไปรับซองเงิน น้ำตายังไหลไม่หยุด
สมชายยืนกอดอกมองพราวอยู่เงียบๆ ส่วนแฟรงค์กับเอมี่กำลังปรึกษากัน แล้วโทร. ติดต่อไปที่บ้านเด็กกำพร้าบุญรักษา เพื่อนำเงินไปบริจาคเพิ่มในนามพราว
“พราว พี่ติดต่อกับบ้านเด็กกำพร้าบุญรักษาเรียบร้อยแล้วนะ กำลังจะเอาเงินไปบริจาคเพิ่มให้พราวเดี๋ยวนี้แหละ นะ จะได้จบๆข่าวนี้ไปเลย”
เอมี่รีบพูดต่อ “2 แสน โอเค. มั้ยพราว”
พราวยังนั่งเงียบ แฟรงค์กับเอมี่หันมามองหน้ากันอย่างแปลกใจว่าพราวคิดอะไรอยู่ ขณะที่สมชายก็นึกอยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงที่เค้ารักคนนี้ จะมีน้ำใจยิ่งใหญ่ขนาดไหน ?
พราวลุกไปที่โต๊ะทำงานเล็กๆ ที่มุมของห้อง พลางเปิดลิ้นชัก หยิบสมุดเช็คออกมาเขียน ก่อนจะยื่นให้แฟรงค์
“รบกวนพี่แฟรงค์ ไปเป็นธุระให้ด้วยนะคะ”
แฟรงค์รับเช็คมาดูกับเอมี่แล้วตกใจ
“ล้านนึง”
สมชายก็อึ้งไม่แพ้กัน
“พราว นี่หนู ลงทุนปิดข่าวด้วยการบริจาคล้านนึงเลยเหรอ”
“ฝากด้วยนะคะ”
พราวพูดกลับไปสั้นๆ แล้วเดินกลับไปนั่งลงที่เดิม แฟรงค์กับเอมี่หันมาพนักหน้า แล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้สมชายอยู่กบพราวตามลำพัง
“คุณทำให้ผมผิดหวังมาก ที่ไปต่อว่าคุณมีนอย่างงั้น”
พราวมองหน้าสมชาย แล้วอารมณ์ขึ้นทันที
“คุณก็ทำให้ฉันผิดหวังเหมือนกัน ฉันนึกว่าคุณจะปลอบใจฉัน แต่คุณกลับมาซ้ำเติมฉันอีก ไปให้พ้นหน้าฉันเลย ฉันอยากอยู่คนเดียว”
พูดพลางเขวี้ยงหมอนอิงในมือใส่หน้าสมชาย แล้วเดินผละไป
“ดารานิสัยเสีย เอาแต่ใจ ได้เลย”
พราวเดินฉุนเฉียวเข้าห้องนอน พลางจะปิดประตู แต่มีมือของสมชายมาดันไว้ทัน
“หูเสียหรือไง ฉันบอกว่าให้ไปให้พ้นไง ฉันอยากอยู่คนเดียว”
พูดพลางพยายามจะดันประตูปิด แต่สู้แรงสมชายที่ดันไว้ไม่ได้
“คิดจะหลบปัญหาด้วยการหนีอีกนานแค่ไหน ไม่หนีไปต่างจังหวัด ก็ขังตัวเองอยู่ในห้อง มันก็ไม่ต่างอะไรกับกบในกะลา”
พราวจิกตาอย่างไม่พอใจ
“นี่นายด่าฉันว่าเป็นกบในกะลาเหรอ ฉันเป็นพราวนะ”
“เลิกเอาหัวโขนสวมหัวตัวเองซะที จะได้เลิกหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเอง หัดออกไปมองปัญหาของคนอื่นซะมั่ง คุณจะได้รู้ว่ายังมีคนอีกมากที่แย่กว่าคุณ”
“ฉันไม่อยากรับรู้ ไม่อยากเห็นอะไรทั้งนั้น ไปให้พ้นนะ”
พราวพยายามจะดันประตูปิด แต่สมชายก็ดันกลับเข้ามาได้อีก
เธอคว้าหมอนมาปาใส่เขาไม่ยั้ง แต่กลับถูกเขากอดไว้ทางด้านหลัง
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
“ขืนปล่อยคุณไว้ในห้องคนเดียว คุณได้กินยานอนหลับ แล้วนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอีก ออกไปกับผม”
“จะพาฉันไปไหน ฉันไม่อยากไป”
สมชายอุ้มพราวออกจากห้อง พราวกรีดร้องลั่น
“ฉันไม่ไป”
สุดเขตต์มานั่งกินข้าวกับส้มจี๊ดแบบจำทน แต่ในใจกำลังครุ่นคิดว่าจะหาทางคุยเรื่องเงินอย่างไรดี
“ฉันว่า เรามาคุยเรื่องที่ฉันจะรับจ๊อบกับแกต่อดีกว่า”
ส้มจี๊ดที่กำลังก้มหน้าก้มตากินอย่างมีความสุขรีบเงยหน้าขึ้นมาตอบ
“จะต้องคุยอะไร ทุกอย่างเหมือนเดิม งานเหมือนเดิม ค่าจ้างเหมือนเดิม มีแต่ความรู้สึกของเรา 2 คนเท่านั้น ที่ไม่เหมือนเดิม”
สุดเขตต์ทำเป็นไม่สนคำพูดของส้มจี๊ด รีบเข้าประเด็นทันที
“ฉันขอเบิกค่าจ้างล่วงหน้าได้ไหมวะ?”
“แกร้อนเงินขนาดนี้เลยเหรอสุดเขตต์ ?”
“เออน่า แกช่วยพูดกับทางบอกอ. ของแกให้ฉันหน่อย”
“ช่วยน่ะช่วยได้ แต่ฉันไม่เคลียร์ แกไม่เห็นจะมีภาระอะไรเลยสุดเขตต์ พ่อแม่ก็เกษียณย้ายไปอยู่สบายๆ ที่ต่างจังหวัดหมดแล้ว ตัวแกเองก็ตัวคนเดียว บ้านช่องที่อยู่นี่ก็ไม่ต้องผ่อนต้องเช่า ลูกหลาน พี่น้องแกก็ไม่มีใครที่แกต้องส่งเสียเลี้ยงดู แกร้อนเงินเรื่องอะไรเหรอ ?”
สุดเขตต์จำใจต้องโกหก
“ฉันจะเก็บเงินไว้จัดนิทรรศการภาพถ่ายของฉันน่ะ”
“แกจะจัดพรุ่งนี้หรือไง ทำไมต้องรีบเอาเงิน”
“ช่างฉันเถอะน่า แกช่วยฉันหน่อย นะๆ”
สุดเขตต์ทำเป็นตักกับข้าวใส่จานเอาใจ ส้มจี๊ดยิ้มออก
“ก็ได้ ฉันจะช่วย แต่วันนี้แกต้องเอาใจฉันเยอะๆ ไม่งั้นฉันเปลี่ยนใจ”
สุดเขตต์ได้แต่ยิ้มค้าง หน้าเจื่อนลงทันที
มีนเครียด จนปวดหัวเพราะจะต้องหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลโต้ที่ค้างจ่ายอีกกว่าครึ่งแสน
“เป็นอะไรเปล่าคะ ?”
เจ้าหน้าที่แผนกการเงินถามด้วยความเป็นห่วง มีนพยายามกลั้นความเจ็บปวดไว้ เพราะกลัวว่าจะถูกส่งตัวให้หมอรักษา
“เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นไร”
เมื่อเดินผละออกมาจากแผนกการเงิน เธอก็มีอาการปวดหัวรุนแรงขึ้น จนเห็นทางเดินพร่ามัว ต้องใช้มือแตะผนังเดินมาตามทาง เธอเดินมาหาที่นั่งมุมปลอดคน แล้วล้วงยาออกมากิน หยิบขวดน้ำในเป๋าเป้มาดื่มตาม แล้วก็นั่งตัวขดตัวงอ พยายามกัดปากสู้ความเจ็บปวด แล้วจู่ๆ ก็วูบหมดสติไป อยู่ในท่าเหมือนคนนั่งผล็อยหลับ ขวดน้ำร่วงจากมือ
ส้มจี๊ดวางสายจากบอกอ. แล้วเงยหน้าบอกสุดเขตต์ที่รอฟังอย่างกระสับกระส่าย
“เรียบร้อย แกได้สมใจทุกอย่างเลยทั้งงาน ทั้งเงิน ส้มจี๊ดจัดให้”
สุดเขตต์ยิ้มดีใจ
“ขอบใจมากนะส้มจี๊ดที่ช่วยฉัน ไม่เสียงแรงที่เราเป็นเพื่อนกันมานาน”
“ยังจะเป็นแค่เพื่อนอีกเหรอ ฉันช่วยแกถึงขนาดนี้ เอาหน้าที่การงานของตัวเองเสี่ยงรับรองแกเลยนะ แกไม่เห็นใจฉันบ้างเลยเหรอสุดเขตต์”
ส้มจี๊ดพูดพร้อมกับจับที่แขนสุดเขตต์ พลางมองตาซึ้ง
“เห็นใจซิวะ แล้วก็ขอบใจแกมาก เอางี้นะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงแก”
สุดเขตต์ควักเงิน 2 พันมาวางลงบนโต๊ะ แล้วลุกขึ้น
“พอดีฉันมีธุระว่ะ ไปก่อนนะ”
พูดจบก็รีบเดินออกไปจากร้าน
“หยุดนะไอ้สุดเขตต์ แกทิ้งฉันยังงี้ไม่ได้นะ กลับมาไอ้สุดเขตต์ ไอ้สุดเลว”
ส้มจี๊ดโวยวาย พลางเขวี้ยงผักจิ้มน้ำพริกกระจุย จนคนทั้งร้านหันมามอง
สุดเขตต์เดินหลบมานอกร้านก็ รีบล้วงมือถือมากดโทร.หามีนทันที ขณะที่อีกฝ่ายพยายามเรียกสติตัวเองกลับคืนมา แล้วล้วงมือถือออกมาดู แต่กลับไม่ยอมกดรับสายทั้งๆ ที่คิดถึงเขาใจจะขาด
“มีนคิดถึงคุณ อยากเจอคุณ แต่มีนยังไม่พร้อมที่จะเจอคุณตอนนี้ มีนไม่อยากให้คุณมาเห็นสภาพมีนกำลังย่ำแย่ทั้งร่างกายและจิตใจ รอมีนเข้มแข็งก่อนนะคะคุณสุดเขตต์ รอมีนก่อนนะคะ”
น้ำตาของเธอไหลริน ส่วนสุดเขตต์ก็รอสายอย่างร้อนใจ จนสายตัดไป
สมชายขับรถเข้ามาในวัด ก่อนจะจอดที่ลานจอดมุมหนึ่ง แล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูด้านที่พราวนั่ง เธอมองอย่างไม่สบอารมณ์
“พาฉันมาที่วัดเนี่ยะนะ ฉันไม่มีอารมณ์จะมาฟังพระเทศน์ตอนนี้นะ มาบังคับจิตใจกันฉันไม่ชอบ”
สมชายไม่ฟังเสียง ดึงพราวอย่างแรงจนเธอเซร่วงจากรถ แต่เขาโอบเอาไว้ทัน
“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ยะ นี่มันในวัดนะ เดี๋ยวฉันตกนรก”
สมชายยิ้ม “รู้ตัวว่าอยู่ในวัด กลัวบาปกลัวนรก แสดงว่าคุณยังมีสติอยู่บ้าง”
พราวค้อนใส่ สมชายปล่อยเธอลง ก่อนจะรีบปิดประตูล็อกรถ
“ตามผมมา”
สมชายเดินจูงพราวมาแถวๆหลังวัดที่มีเจดีย์ใส่กระดูกคนตายวางเรียบรายอยู่เต็ม เธอเกาะแขนเขาแน่น พลางมองอย่างหวาดๆ
“ผมจะพาคุณมาพบใครคนนึง เค้าอยู่ทางโน้น”
แต่พอเดินเลี้ยวมา สมชายก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นดารกากำลังจับมือน้องป๊อบวางช่อดอกไม้ลงที่เจดีย์เก็บอัฐิของวิทย์ พราวเห็นสมชายหยุดมองก็แปลกใจ พลางมองตามสายตาของเขาไปที่ 2 แม่-ลูก ก่อนจะหันมามองหน้าเขาอีกครั้ง สีหน้าสมชายดูเศร้าเสียใจ และอ่อนแออย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“เมียและลูกชายของวิทย์ คู่หูของผมที่ถูกไอ้เจ๋งฆ่าตาย วันที่ผมล่อซื้อยากับมันที่ลานจอดรถ แล้วคุณถูกลูกหลง”
สีหน้าและน้ำเสียงของสมชายบ่งบอกว่าเขารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ถ้าวันนั้นผมไม่ตัดสินใจพลาด ถ้าผมเชื่อวิทย์ รอกำลังเสริม ไม่บ้าระห่ำ บุกเข้าไปจับพวกมัน วิทย์ก็คงยังอยู่มีความสุขกับลูกเมีย ผมพยายามจะชดเชยความผิดที่ทำไว้ ช่วยดูแลคุณดารกากับลูกแทนวิทย์ แต่คุณดารกาไม่ยอมยกโทษให้ผมเลย”
พราวมองสมชายอย่างเห็นใจ ดารกากับป๊อบไหว้อัฐิเสร็จ หันจะเดินไป แต่พอเหลือบมาเห็นสมชาย
ป๊อบก็ยิ้มดีใจ
“อาชาย”
สมชายเงยหน้ามองไป พร้อมกับโบกมือส่งยิ้มให้ป๊อบ แต่ดารกากลับจูงมือป๊อบเดินหนีไปอีกทาง สมชายรีบเดินตามไป พราวก็เลยต้องตามไปด้วย
“เดี๋ยวครับคุณดา อย่าเพิ่งเดินหนีซิครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
ดารกาจำต้องหยุดเดิน พลางพูดโดยไม่หันกลับมามองสมชาย
“ถ้าเป็นเรื่องคนร้ายที่ฆ่าวิทย์ ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว เมื่อกี้ฉันพูดกับวิทย์ ฉันบอกเค้าว่าฉันอโหสิกรรมให้คนร้ายแล้ว”
“คุณอโหสิกรรมให้คนที่ตายไปแล้ว แล้วคนเป็นที่ยังมีชีวิตอยู่ล่ะคะคุณไม่คิดจะอโหสิให้เค้าเลยเหรอ?”
ดารกาแปลกใจ หันไปมอง เห็นพราวเดินพูดเข้ามา สมชายเองก็คาดไม่ถึงว่าเธอจะพูดออกรับแทนเขา
“คุณจะปล่อยให้คุณสมชายรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตงั้นเหรอคะ ถ้าอย่างงั้น โจรค้ายาก็โชคดีกว่าคุณสมชายมาก ที่ฆ่าสามีคุณ คุณยังยอมให้อภัย แต่กับคุณสมชาย เค้าเป็นเพื่อนรักกับสามีคุณ เค้าอาจทำพลาด แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจให้สามีของคุณต้องตาย คุณกลับไม่ให้อภัยเค้าเลย”
ดารกาหันมองไปสมชาย แล้วร้องไห้ออกมา ขณะที่ป๊อบมองมาที่พราวอย่างจำได้
“ดาราใช่ไหมฮะ ซูเปอร์สตาร์พราว”
“จะเรียกอย่างงั้นก็ได้คับ น่ารักจังเลย เอ่อ ขอกอดทีซิ”
พราวอ้าแขนอย่างเคอะๆเขินๆ เพราะไม่ได้เป็นนางเอกรักเด็กอะไรนักหนา ป๊อบเดินโผเข้ามากอดเธอประสาเด็ก ที่ได้เจอดาราคนโปรด
“แม่ฮะ ผมได้เจอดารา ดีใจจังเลย”
พราวกอดป๊อบด้วยความความรู้สึกดีที่ทำให้เด็กที่น่าสงสารยิ้มออกมาได้ พลางมองไปที่ดารกา หวังใจว่าเธอจะยกโทษให้สมชายบ้าง
ดารกามองไปสมชายด้วยสีหน้า และแววตาที่ปราศจากทิฐิ ก่อนจะพูดออกมาสั้นๆ
“ดารู้ ที่แล้วมาคุณรู้สึกผิด และพยายามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยให้ดากับน้องป๊อบมาตลอด และตอนนี้คุณก็ทำสำเร็จแล้ว คุณส่งโจรที่ฆ่าวิทย์ไปชดใช้กรรมที่เค้าก่อแล้ว วิญญาณของวิทย์คงหมดห่วงได้ไปสู้สุคติซะที ฉันไม่ติดใจอะไรคุณแล้วค่ะ ฉันยกโทษให้คุณ”
สมชายยิ้มออกมาอย่างโล่งอก
“มากครับคุณดา ผมดีใจจริงๆ ที่ได้ยินคำยกโทษจากคุณ ผมจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับวิทย์ ผมจะดูแลคุณดากับน้องป๊อบให้ดีที่สุดครับ”
“ไม่ต้องห่วงคะ อีกไม่กี่วัน ฉันจะพาน้องป๊อบย้ายไปอยู่กับคุณตาเค้าที่เชียงราย เราจะมีครอบครัวอบอุ่นที่โน่น รออยู่ค่ะ”
สมชายหน้าเศร้า
“จะหนีอาไปอยู่เชียงรายแล้วเหรอ ไหน มาให้อาชื่นใจหน่อยเร็ว”
ป๊อบผละจากพราววิ่งเข้าไปกอดสมชาย พราวลุกขึ้นยืนมองภาพสมชายโอบกอดป๊อบ แล้วก็รู้สึกหัวใจพองโตที่ได้ทำให้ดารกายกโทษให้สมชาย นี่เป็นครั้งแรก ที่เธอออกตัวทำเพื่อคนอื่น
สมชายกับพราวเดินผละมาจากบริเวณเจดีย์เก็บอัฐของวิทย์
“เข้าใจหรือยังว่าทำไมผมถึงพาคุณมาที่นี่ ?”
พราวส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“คุณไม่เห็นเหรอ ยังมีคนอื่นที่มีชีวิตแย่กว่าคุณเยอะ อย่างผมคนนึงล่ะ ผมทำพลาด ผมมีส่วนทำให้เพื่อนต้องตาย มันจะเป็นบาปติดตัวผมไปตลอดชีวิต เพราะงั้น ตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราต้องหัดทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง เงินทองหามามากแค่ไหน ตายไป เราก็เอาไปไม่ได้สักสลึงเดียว มีแต่ความดีเท่านั้นที่จะติดตัวเราไป”
พราวนิ่งฟังแล้วได้คิด แต่ด้วยความเป็นพราว ก็อดไม่ได้ที่จะทำท่าทีมึนตึง ทำเป็นไม่ใส่ใจที่ใครเตือน
“ไว้ฉันจะเก็บคำพูดของคุณไปคิดนะ”
พูดพลางหันจะเดินไป
“แต่วันนี้คุณก็ทำเพื่อผมแล้วอย่างนึง ขอบคุณที่ช่วยพูดให้คุณดายกโทษให้ผม แล้วทำให้น้องป๊อบมีความสุข ที่ได้เจอดาราตัวเป็นๆ สักครั้งนึงในชีวิต”
“ฉันเข้าใจลึกซึ้งดี ว่าเด็กที่ขาดพ่อหรือแม่ไป โลกมันเศร้าขนาดไหน ไม่อยากเชื่อเลยว่าแค่รอยยิ้มของเด็กคนนั้น จะทำให้ฉันรู้สึกดีมากถึงขนาดนี้”
พราวยิ้มออกมาอย่างปลื้มใจ
จากนั้นทั้งคู่ก็พากันเข้ามาไหว้พระในโบสถ์ สมชายก้มกราบพระ พลางหันไปมองเห็นพราวยังคงนั่งไหว้พระ แววตาที่ทอดมองไปยังพระประธานนั้น แฝงไปด้วยความเศร้า เขามองอย่างเห็นใจ ไม่มีใครรู้ความทุกข์ของซูเปอร์สตาร์พราวดีเท่าเขา
พราวเขย่าเสี่ยงเซียมซีตกมา 1 อัน ก่อนจะหยิบขึ้นมาดูเลข แล้วเดินไปดึงกระดาษคำทายมาจะอ่าน แต่กลับถูกสมชายแย่งไปจากมือ แล้วรีบเดินหนีออกจากโบสถ์ พราวต้องรีบเดินตาม
“เอามานะนายสมชาย ฉันจะอ่าน”
สมชายไม่ยอมให้
“ซุปตาร์อยู่เฉยๆ เดี๋ยวบอดี้การ์ดจะอ่านให้ฟังเอง
ใบที่หกไม่ตกลงปลงในจิต ย่อมจะคิดเวียนวนเฝ้าสงสัย
ไม่ควรคิดปรวนแปรจงแน่ใจ หากรักใครอย่าลังเลให้ค้างคา”
พราวฟังแล้วอึ้งๆ ขณะที่สมชายหยุดมองพลางยิ้มขำ เพราะคำทำนายช่างโดนใจ ก่อนจะอ่านต่อ
“ตั้งสติเตือนตัวระวังภัย อย่าไว้ใจคนใกล้ตัวดูแต่หน้า
เค้าหวังดีเอาใจไม่นำพาดวงชะตาอาจดับสูญสิ้นวัยอันควร”
สมชายหยุดอ่านทันที สีหน้าเริ่มเครียดกับคำทำนายที่ดูเหมือนจะเป็นลางร้าย ขณะที่พราวรู้สึกหงุดหงิด
“พอเหอะ ไม่ต้องอ่านต่อแล้ว ใบทำนายอะไรเนี่ย ไม่เป็นมงคลเลย”
พลันเสียงมือถือพราวดังขึ้น
“ฮัลโหลค่ะคุณติณห์ เป็นยังไงบ้างคะ สบายดีขึ้นหรือยัง? วันนี้พราวยุ่งกับงานแถลงข่าวน่ะค่ะ ก็เลยไม่ได้ไปเยี่ยมคุณ โทษทีค่ะ เปล่าค่ะ พราวไม่ได้ลืมคุณ อย่าน้อยใจซิคะ”
สมชายยืนหันหลังฟังอย่างแสลงใจ พลางแอบหมั่นไส้ติณห์ที่ทำเป็นน้อยใจ
“พรุ่งนี้เหรอคะ พราวมีงานน่ะ แต่เสร็จงานแล้ว พราวจะไปเยี่ยมคุณค่ะ”
สมชายหันขวับไปทันที ด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาไม่อยากให้เธอออกไปเจอใครเป็นการส่วนตัวในตอนนี้ พอพราววางสาย เขาก็รีบถามขึ้นทันที
“คุณจะไปเหรอ ?”
“ทำไมถามอย่างงั้นล่ะ คุณติณห์เค้าบาดเจ็บเพราะช่วยชีวิตฉันไว้นะ แล้วเค้าก็เป็นคู่หมั้น จะไม่ให้ฉันไปเยี่ยมดูแลเค้าได้ยังไงกัน”
สมชายเบ้ปาก
“คู่หมั้น ผมว่าคุณเลิกเอาคำว่าคู่หมั้นมาอ้างดีกว่า แค่แหวนวงเดียว มันจะมีความหมายอะไรนักหนา คุณคิดถึงเค้ามากกว่าล่ะมั้ง ถึงอยากจะไปหาใจจะขาด”
พราวฉุนกึกขึ้นมาทันที
“ถูก ฉันคิดถึงเค้ามาก อยากจะไปหาใจจะขาด เพราะงั้นคุณไม่ต้องมาห้ามฉันให้ยาก ยังไงฉันก็จะไปหาเค้า จบข่าวนะ คุณบอดี้การ์ดสมชาย”
พราวกระแทกเสียงแล้วหันเดินผละไป สมชายยืนส่ายหน้าอย่างหัวเสีย
พราวเดินหน้าบูดบึ้งตรงมาที่ห้องคอนโด โดยมีสมชายเดินตามมาส่ง เธอจะปิดประตูใส่หน้า แต่เขาใช้มือดันประตูไว้ กระทั่งพาตัวเองเข้าไปในห้องได้
“คุณเข้ามาทำไม กลับไปได้แล้ว ฉันอยู่คนเดียวได้”
สมชายมองจ้องหน้าพราว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขอผมพูดเตือนอีกครั้งเดียว ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมก็จะไป โอเค. มั้ย ในฐานะบอดี้การ์ดของคุณ ผมไม่อยากให้คุณไปนัดเจอกับใครตามลำพังในตอนนี้”
พราวยักไหล่ “อย่าบอกนะว่าคุณเชื่อใบทำนายเซียมซีนั่น”
“ผมไม่ได้งมงาย เชื่อใบทำนาย แต่คุณเพิ่งไปนัดออกเดทกับนายติณห์ แล้วเกิดเรื่องขึ้นหยกๆ คุณควรจะเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ใช่เค้านัด ก็ออกไปหาเค้าง่ายๆ ต้องหัดระแวงไว้บ้างซิ ผมช่วยคุณไม่ได้ทุกครั้งหรอก”
“นี่นายสมชาย คุณกำลังบอกให้ฉันระแวงคุณติณห์งั้นเหรอ?” พราวย้อนถาม
“ไม่ใช่แค่นายติณห์คนเดียว แต่คุณต้องระแวงทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวคุณ”
“รวมทั้งคุณด้วยรึเปล่าล่ะ ที่ฉันต้องระแวงน่ะ”
พราวลอยหน้าลอยตายียวน ทำเอาสมชายฉุนปรี๊ด พลางโผเข้าจับ 2 แขน พร้อมกับดันหลังเธอติดกับกำแพง
“ถ้าผมเป็นคนร้าย คุณก็ระแวงช้าไปแล้ว ตอนนี้คุณอยู่กับผมในห้อง 2 ต่อ 2 ถ้าผมจะทำอะไรคุณ คุณไม่มีทางเอาตัวรอดหรอก”
“ก็ลองดูซิ ว่าฉันจะยอมให้คุณทำอะไรได้ง่ายๆ ฉันกลัวจนตัวสั่นแล้ว หึๆ ไม่แน่จริงอย่ามาขู่คนอย่างพราว”
พราวยื่นหน้าทำอวดดีใส่ สมชายเลยจูบเข้าให้ ทำเอาเธอตะลึง ก่อนจะเผลอปล่อยใจไปชั่วขณะ อึดใจหนึ่งสมชายก็ผละออกมา
“โชคดีนะที่ผมไม่ใช่คนร้าย ผมถึงไม่ทำอะไรคุณมากไปกว่าจูบ”
พราวผลักอกสมชายผงะออกไป
“ออกไปให้พ้น อย่าคิดนะ ว่าคนอย่างพราวอยู่ไม่ได้ ถ้าขาดคุณ”
สมชายขบกรามแน่น ทั้งโกรธและเสียใจมากที่พราวพูดอย่างนั้น
“อย่าให้ถึงวันที่ผมพูดบ้างก็แล้วกันว่าคนอย่างสมชายอยู่ได้ ถ้าขาดพราว”
ขาดคำสมชายก็หันเดินออกจากห้องไป พราวทรุดนั่งลง รู้สึกใจหายกับประโยคที่ได้ยินจากปากของเขา
พราว ตอนที่ 14 (ต่อ)
พอลงมาถึงด้านล่างคอนโด สมชายก็เจอกับสุดเขตต์ ที่เดินปรี่เข้ามาถามหามีน แต่กลับเห็นสมชายทำหน้าเครียด
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะครับ มีเรื่องอะไรรึปล่า?”
จากนั้นทั้งคู่ก็หลบมานั่งคุยกันที่มุมโล่งๆ บริเวณลานจอดรถ พอสุดเขตต์รู้เรื่องก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที
“คุณพราวโกรธที่มีนบริจาคเงินแทนแค่ 1 แสน รู้รึเปล่าครับ ว่าเงิน 1 แสน มีค่าสำหรับมีนและบ้านเด็กกำพร้ามากแค่ไหน”
สมชายพยักหน้าหงึก “ผมรู้”
“แล้วคุณพราวไม่รู้เหรอครับ ถึงได้โกรธมีน ทั้งๆ ที่มีนทำลงไปก็เพราะหวังดี อยากช่วยเด็กกำพร้าและอยากช่วยให้คุณพราวได้ทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง”
“ทุกคนรู้ครับ ว่ามีนหวังดี แม้แต่คุณพราวก็รู้ แต่อย่าลืมว่าคุณพราวไม่ใช่คนธรรมดาๆ เค้าเป็นดาราระดับซูเปอร์สตาร์ เพราะฉะนั้นเงินบริจาคแค่ 1 แสนที่บริจาคไป มันถึงน้อยไปสำหรับพราว จนถูกข่าวโจมตี”
สุดเขตต์ยิ้มขมขื่น
“1 แสน มันน้อยไปสำหรับคุณพราว แต่มันมากมายสำหรับมีน มีนน่าจะเก็บเงินไว้เป็นค่ารักษาตัวเองมากกว่า เอาเงินไปทำเพื่อคนอื่น”
สมชายฟังแล้วเอะใจ
“มีนเป็นอะไรเหรอครับ?”
สุดเขตต์รู้ตัวว่าเผลอหลุดปาก ก็รีบปฎิเสธ
“เปล่าครับ มีนกลับไปแล้ว งั้นผมไปก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวคุณสุดเขตต์ ถ้าคุณเจอมีนแล้ว ฝากปลอบใจมีนด้วยนะ ว่าอย่าคิดมาก”
สุดเขตต์พูดย้อนกลับยิ้มๆ
“ผมก็ฝากสารวัตรไปบอกคุณพราวด้วยเหมือนกันครับ ว่าก่อนจะโกรธใคร คิดให้ดีเสียก่อน คิดให้มากๆ”
สมชายเดินกลับมาขึ้นรถ แล้วก็หน้าเครียด เมื่อนึกถึงคำทำนายเซียมซี ว่าให้ระวังคนใกล้ตัว แม้เขาจะไม่ใช่คนเชื่อเรื่องงมงาย แต่คำทำนาย ก็ทำให้เขาอดเป็นห่วงพราวไม่ได้
สมชายเริ่มนึกสังหรณ์ใจว่าหรือติณห์จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ? เพราะยิ่งนานวันเขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงอีกด้านของผู้ชายคนนี้ คิดถึงตรงนี้ เขาก็รีบกดมือถือ. หาสหวุฒิทันที
“ฮัลโหลผู้กำกับ เรื่องสืบประวัติไฮโซติณห์มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ยครับ มีแค่นั้นเหรอ แล้วเรื่องน้องชายของเค้าล่ะครับ ยังไม่มีอะไรคืบเหรอ ?”
มีนเดินออกมาจากหน้าห้อง ICU หลังจากแวะมาเยี่ยมดูอาการของโต้ ด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ ครั้นเมื่อมองไป ก็เห็นสุดเขตต์ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างทางเดิน
“ผมคิดแล้วว่ามีนต้องมาที่นี่”
มีนแทบน้ำตาร่วงที่เห็นหน้าสุดเขตต์ในเวลาที่ตัวเองกำลังท้อ แต่ก็พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มีนเพิ่งไปทำงานแทนคุณพราวมาน่ะค่ะ เสร็จแล้วก็รีบมาดูโต้ที่โรงพยาบาล เลยไม่ได้รับโทรศัพท์คุณ”
“ไปออกงานแทนคุณพราวมาเหรอ ทำไมต้องโกหกผมด้วยมีน”
มีนหน้าซีด “เปล่านะคะ มีนไม่ได้โกหก”
“ผมรู้เรื่องหมดแล้ว วันนี้ที่คุณแฟรงค์เรียกมีนไปหาที่คอนโด คุณพราวเค้าโกรธที่มีนไปถือวิสาสะบริจาคเงินแทนเค้า มีนมีเรื่องเดือดร้อน ทำไมไม่รับสายผม จะปิดผมทำไม หรือว่ามีนเห็นผมเป็นคนอื่นไปซะแล้ว”
มีนส่ายหน้า ลำคอตีบตัน พูดอะไรแทบไม่ออก
“มีนไม่ได้เห็นคุณเป็นคนอื่นนะคะ แต่มีนไม่อยากให้คุณมาเห็นมีนตอนที่กำลังแย่สุดๆ คุณพราวโกรธมีนคนนึงแล้ว คุณอย่าโกรธมีนอีกคนเลยนะคะ”
ขาดคำเธอก็ร้องไห้โฮ จนสุดเขตต์ต้องรีบเข้ามากอดเอาไว้
“ผมไม่ได้โกรธคุณนะมีน ผมเป็นห่วงคุณ อย่าร้องไห้นะ เดี๋ยวคุณจะปวดหัวไม่สบายอีก”
มีนยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่า
“มีนขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วง”
มีนกับสุดเขตต์กำลังนั่งมองอาทิตย์ตกดินอยู่ด้วยกันที่ใต้สะพาน สีหน้าของเธอกลัดกลุ้ม
“คุณพราวไม่จ้างมีนทำงานเป็นสแตนด์อินแล้ว มีนก็ไม่รู้จะไปทำงานค่าจ้างเยอะๆ ได้ที่ไหน”
“คุณพราวบอกมีนแล้วเหรอว่าจะไม่จ้าง ?”
มีนก้มหน้าเศร้า
“ถึงไม่บอก แต่มีนทำให้เค้าเสียชื่อเสียงขนาดนี้ เค้ายังจะจ้างมีนอีกเหรอ”
“ที่จริง เค้าไม่จ้างก็ดีเหมือนกัน มีนไม่ต้องออกไปเหนื่อยไปเสี่ยงอีก มีนจะได้เข้าโรงพยาบาลให้หมอผ่าตัดรักษาตัว”
“มีนจะเอาเงินที่ไหนไปผ่าตัดคะ ตอนนี้มีนไม่มีเงินเลย”
สุดเขตต์ยิ้มปลอบใจ “ผมไง มีนลืมไปแล้วเหรอว่ามีนมีผมอยู่ ผมจะหาเงินมารักษามีนเอง มีนรอผมอีกหน่อยนะ ผมกำลังหาจ๊อบถ่ายภาพเพิ่ม ถ้าได้จ๊อบที่ค่าจ้างดีๆ สักพักผมก็จะเก็บเงินได้ก้อนใหญ่พอเป็นค่าผ่าตัดให้มีน”
มีนน้ำตาคลอ
“แค่คุณคิดจะช่วยมีน มีนก็มีความสุขมากแล้วค่ะ แต่คุณเก็บเงินของคุณไว้เถอะค่ะคุณสุดเขตต์ เก็บไว้สร้างอนาคตให้ตัวคุณเอง”
“ผมเก็บเงินไว้ มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าวันนั้นไม่มีมีน”
มีนมองสุดเขตต์อย่างซึ้งใจ เขายื่นมือมาประคองหน้าเธอไว้
“ผมอยากสร้างอนาคตกับมีน ได้ยินไหมครับ ผมจะรักษามีนให้หาย เราจะต้องได้อยู่ด้วยกัน”
สุดเขตต์จูบที่เรือนผมของมีน ที่กอดซบอยู่กับไหล่ของเขา
พราวยืนถือป้ายบริจาคเงิน 1ล้านบาทมอบให้กับเจ้าหน้าที่บ้านเด็กกำพร้าบุญรักษาและเด็กกำพร้าที่เป็นตัวแทนมารับมอบ
โดยมีผู้อำนวยการโรงพยาบาล แฟรงค์ และเอมี่ร่วมถ่ายรูปเป็นสักขีพยาน นักข่าวถ่ายภาพกันรัว ส้มจี๊ดที่ยืนอยู่กับสุดเขตต์รู้สึกเสียหน้ามากที่พราวทุ่มบริจาค 1 ล้านเพื่อสยบข่าวที่ตัวเองกระพือขึ้น
พราวถ่ายรูปร่วมกับเด็กๆ อย่างใกล้ชิด ทุกคนตื่นเต้นดีใจมากที่ได้เจอพราวตัวจริง
สุดเขตต์ปรับเลนส์ซูมภาพ โฟกัสไปที่จำนวนเงิน 1 ล้านบาท กับข้อความพราวบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้าบุญรักษา พลางแอบคิดเงียบๆ คนเดียวว่าเงินจำนวนนี้ สามารถช่วยมีนผ่าตัดได้เลย
มาโนชแอบยืนซุ่มอยู่อีกมุมหนึ่ง พลางจ้องเขม็งมาที่พราวอย่างมีแผนร้าย ก่อนจะเดินผลุบหายไป
แมนเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยอาการตื่นเต้น ขณะที่มีน กับแม่แก้วกำลังดูพยาบาลวัดไข้ ตรวจความดันเลือดให้โต้อยู่ที่เตียง
“พี่มีน ๆ”
แม่แก้วเงยหน้าขึ้นมาส่งเสียงปราม
“อะไรแมน เบาๆ โต้เพิ่งย้ายออกจากห้อง ICU. มา เดี๋ยวน้องตกใจ”
“ข้างนอกน่ะแม่แก้ว คุณพราวมา”
มีนถึงกับชะงัก “มาที่โรงพยาบาลเนี่ยะเหรอ? “
แมนพยักหน้า “มามอบเงินบริจาคอะไรก็ไม่รู้ ผมไม่ทันดู นักข่าวเต็มไปหมดเลย”
มีนนึกถึงเงินบริจาคเพื่อเด็กกำพร้าทันที
พราวให้สัมภาษณ์กับนักข่าวหลังจากพิธีมอบเงินเสร็จสิ้นแล้ว เป็นคำพูดที่เธฮจำมาจากสมชาย
“มีคนบอกกับพราวว่า ตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราต้องหัดทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง เงินทองหามามากแค่ไหน ตายไป เราก็เอาไปไม่ได้สักสลึงเดียว มีแต่ความดีเท่านั้นที่จะติดตัวเราไป พราวเลยตั้งใจว่า จะทำงานการกุศลให้มากขึ้นค่ะ จะบริจาคเงินช่วยเด็กๆที่กำพร้าด้อยโอกาสในสังคม”
แฟรงค์กับเอมี่มองหน้ากันอย่างแปลกใจ ที่ได้ยินพราวพูดอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ปรกติเธอไม่เคยประกาศตัวเรื่องทำงานกุศลหรือบริจาคใดๆ ทั้งสิ้น
มีนยืนฟังอยู่อีกมุมหนึ่ง ก็แอบยิ้มรู้สึกดีใจแทนเด็กกำพร้า
ส่วนส้มจี๊ดที่แค้นฝังหุ่น ก็เดินหน้ายังยิงคำถามต้อนพราวไม่เลิก
“แปลว่า ไม่ใช่แค่บ้านเด็กกำพร้าบุญรักษาที่บริจาคไปล้านนึงวันนี้ที่เดียว คุณจะบริจาคที่อื่นอีกใช่ไหมคะ?”
พราวพยายามควบคุมสติ เพราะไม่อยากอาละวาดใส่ในงานกุศลในสถานที่แบบนี้
“ใช่ค่ะ ถ้ามีโอกาส ฉันก็ช่วยเด็กๆอีก แค่นี้นะคะ ขอบคุณทุกคนมากค่ะ”
แต่ส้มจี๊ดไม่ยอมจบ
“แล้วคราวต่อไป คุณจะบริจาคอีกสักกี่ล้านคะคุณพราว คุณพราวคะ ว่าไงคะ คุณจะบริจาคอีกกี่ล้าน”
แฟรงค์ทนไม่ไหว เลยหันมาตอบแทน
“อันที่จริง พราวบริจาคเงียบๆ ไม่อยากจะพรีเซ้นด้วยซ้ำไป แต่ใครล่ะๆ ไปหาข่าวมา ซุปตาร์ก็เลยจำเป็นต้องเปิดตัว ไหนๆ เปิดแล้วก็ต้องให้มันตู๊มต๊ามจริงไหมฮะ ให้สมกับที่เป็นพราวเด็กแฟรงค์”
แต่ดูเหมือนนักข่าวยังไม่พอใจ ยกขโยงตามถามพราวไปไม่หยุด
“ทำไมคุณพราวถึงเปลี่ยนไปคะ เมื่อก่อนปิดตัว เรื่องช่วยเหลือสังคม ไม่เห็นออกตัวแรงอย่างงี้เลย”
“มีแรงบันดาลใจอะไรรึเปล่า หรือเพราะเจอเรื่องถูกปองร้ายมาหลายครั้ง มีเคราะห์ ถึงเลยอยากทำบุญทำกุศล”
ส้มจี๊ดยิ้มเยาะ “พูดง่ายๆ ว่าอยากไถ่บาปใช่ไหมคะ”
สุดเขตต์ส่ายหน้าอย่างระอาที่ส้มจี๊ดกัดไม่ปล่อย พลางหันมองไป เห็นมีนยืนแอบมองไปที่พราว อยู่กับแมน แม่แก้ว เขามองจนแน่ใจว่าส้มจี๊ดตามพราวไปไกลแล้ว จึงรีบเดินเข้าไปหา
“สวัสดีครับแม่แก้ว”
แม่แก้วยิ้มรับ พลางปรายตามองไปที่มีน ที่ยิ้มเขินๆ แมนหันไปสนใจป้ายบริจาค 1ล้านที่เจ้าหน้าที่ของบ้านเด็กกำพร้าบุญรักษากำลังเดินถือผ่านไปกับเด็กๆ
“เงินตั้งล้านนึง ถ้าคุณพราวบริจาคให้เป็นค่าผ่าตัดพี่มีนก็คงจะดี”
มีนกับสุดเขตต์ตกใจที่แมนพึมพำออกมาแบบนั้น เพราะเกรงว่าแม่แก้วจะรู้
“ค่าผ่าตัดพี่มีนอะไรแมน ?”
แมนหน้าเจื่อน มีนต้องรีบพูดแทรกขึ้นมา
“แมนหมายถึงค่าผ่าตัดโต้ ที่มีนต้องหาเงินมาจ่ายน่ะจ้ะแม่”
“ค่าผ่าตัดโต้อะไรเป็นล้าน แค่เป็นแสนก็ยังติดโรงพยาบาลเค้าอยู่เลย”
สุดเขตต์เห็นมีนหน้าเครียด เลยรีบชวนแม่แก้วเปลี่ยนเรื่องคุย
“แม่แก้วครับ แล้วน้องโต้ย้ายออกจากห้อง ICU. หรือยังครับ?”
“ย้ายแล้วจ้ะ เมื่อเช้านี่เอง อุ้ย จริงซิ ทิ้งโต้ไว้กับนางพยาบาล รีบไปดูน้องกันเถอะไป”
แม่แก้วเดินนำไปก่อน มีนหันมามองแมนอย่างอ่อนใจ
“ขอโทษนะพี่มีน ต่อไปผมจะไม่หลุดปากอีกแล้ว”
พูดจบแมนก็รีบเดินตามแม่แก้วไป สุดเขตต์หันมาพูดกับมีนด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“ที่น้องชายคุณพูดก็จริงนะ ผมเองยังแอบคิดเลย ว่าเงินล้านนึงของคุณพราว สามารถช่วยมีนได้”
“ไม่นะคะคุณสุดเขตต์ มีนจะไม่ไปรบกวนเงินทองของคุณพราวเด็ดขาด มีนยอมป่วยอยู่อย่างนี้ดีกว่าไปขอร้องให้คุณพราวช่วย คุณไปทำงานเถอะค่ะ”
มีนฝืนยิ้มให้แล้วหันเดินผละไป สุดเขตต์ได้แต่ยืนอ่อนใจ การรู้ว่าคนรักขอตัวเองป่วยแล้วไม่มีเงินรักษา มันช่างทรมานจิตใจของเขายิ่งนัก
ระหว่างที่พราว แฟรงค์ เอมี่ เดินเลี่ยงหลบนักข่าวมาได้ มาโนชโผล่หน้าออกมาจากมุมเสา แอบมองมา ที่พราวราวกับเสือรอจังวะขย้ำ ก่อนจะผลุบหายไป
พราวเดินไปก็ร้อนใจไป
“พราวมีนัดต้องไปเยี่ยมคุณติณห์นะพี่แฟรงค์”
ครั้นพอทั้งหมดเดินลงบันไดเลื่อนมา มาโนชก็โผล่มายืนรออยู่เบื้องล่าง พร้อมกับเปลี่ยนท่าทีมายิ้มอย่างเป็นมิตร พลางรีบโค้งให้พราว
“คุณติณห์ส่งผมมารับคุณพราวครับ”
“งั้นพราวไปก่อนดีกว่าพี่แฟรงค์ ถึงบ้านคุณติณห์แล้วจะโทรมา
“เอางั้นก็ได้ แล้วพี่จะตามไปรับ”
“รถจอดอยู่ทางนี้ครับ”
มาโนชแอบยิ้มร้าย เดินนำพราวออกไปที่ลานจอดรถ
สุดเขตต์ที่เดินอยู่ชั้นบน มองลงมาเห็นพราวออกไปกับมาโนช ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เมื่อนึกถึงตอนที่มาโนชชักปืนจี้พาเขาไปหาติณห์ เขาจึงตัดสินใจแอบตามไป
มาโนชขับรถผ่านประตูรั้วของบ้านสวนที่มีอาณาเขตกว้างขวาง แล่นเข้ามาตามทาง ที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ร่มรื่น 2 ข้างทาง ตรงไปยังบ้านตรงหน้าที่ตกแต่งราวกับรีสอร์ตหรู จากนั้นก็จอดรถแล้วรีบลงมาเปิดประตูให้
พราวก้าวลงมาจากรถหันมองไปรอบๆ อาณาบริเวณบ้าน ที่ต่อเติมเป็นทางเดินไปเชื่อมต่อกับบ้านเล็กๆ ที่ปลูกอยู่ห่างๆกันอีกหลายหลัง
“ทำไมคุณติณห์ให้พาฉันมาที่นี่ ?”
“เป็นบ้านพักส่วนตัวอีกหลังของคุณติณห์ครับ เชิญคุณพราวด้านในครับ”
สุดเขตต์จอดมอเตอร์ไซค์ พลางแอบมองลอดรั้วเข้าไป เห็นพราวกำลังเดินตามมาโนชเข้าบ้าน เขายืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกถึงสมชายขึ้นมา
ขณะที่สมชายกำลังซ้อมยืงปืนอยู่ที่สนาม พักใหญ่ๆ สหวุฒิก็เดินเข้ามา โดยมีลูกน้อง 2 คนเดินถือ
ไอแพดมาด้วย
“ผมได้ข้อมูลสำคัญของน้องชายไฮโซติณห์มาแล้ว น่าสนใจทีเดียว”
สมชายรีบหันขวับมาทันที
“ยังไงครับ ?”
สหวุฒิยังไม่ทันจะตอบ เสียงมือถือของสมชายดังขึ้น
“นายสุดเขตต์โทรมาทำไม ?”
“รับซิ เค้าอยู่กับพวกนักข่าวตามติดคุณพราว อยู่ๆ โทรมาแบบนี้ อาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณพราวอีกก็ได้”
สมชายรีบกดรับสายทันที
“ฮัลโหล คุณสุดเขตต์ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณพราวรึเปล่า ?”
สุดเขตต์ยืนพูดสายอยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดซุ่มอยู่ที่นอกรั้ว
“ตอนนี้ยังไม่มีครับ ผมแค่โทร. มาแจ้งข่าวคุณพราวด้วยความเป็นห่วง ผมเห็นคุณพราวขึ้นรถมากับนายมาโนชคนขับรถของคุณติณห์ตามลำพัง ไม่มีคุณแฟรงค์หรือใครตามมาเป็นเพื่อน ผมก็เลยสะกดรอยตามมาดู”
สมชายหน้าถอดสี
“ว่าไงนะ พราวไปคนเดียวเหรอ ตอนนี้อยู่ที่ไหนอ่ะ บ้านนายติณห์เหรอ ?”
“ไม่แน่ใจครับ ว่าเป็นบ้านของนายติณห์รึเปล่า? คุณพราวเพิ่งมาถึงเดินหายเข้าไปในบ้านแล้ว”
พราวเดินตามมาโนชมาตามซุ้มทางเดินเรือนไม้ทอดยาว ตกแต่งสวยงาม 2 ข้างขนาบด้วยสวนต้นไม้จนมาถึงเรือนรับรองหลังหนึ่ง มาโนชแอบยิ้มร้าย ก่อนหันไปพูดกับพราวด้วยสีหน้าซื่อๆ
“เชิญคุณพราวเข้าไปนั่งพักผ่อนด้านในเรือนรับรองก่อนนะครับ ผมจะไปเรียนคุณติณห์ ว่าคุณพราวมาถึงแล้ว”
พราวขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“แล้วคุณติณห์ไม่ได้รออยู่ข้างใน ?”
“คุณติณห์อยู่ที่เรือนจัดเลี้ยงอีกหลังทางด้านโน้นครับ พอดีวันนี้มีเลี้ยงขอบคุณลูกค้าเป็นการส่วนตัว”
“อ้าว คุณติณห์มีแขกด้วยเหรอ ?”
พราวชักสีหน้าไม่พอใจ ในเมื่อติณห์มีแขก แล้วนัดเธอมาอีกทำไม
“แต่นี่บ่ายแล้ว คงได้เวลาแขกจะกลับแล้วล่ะครับ คุณติณห์เชิญมาทานอาหารกลางวันกันน่ะครับ เชิญคุณพราวตามสบายนะครับ ผมจะรีบไปเรียนคุณติณห์”
มาโนชเดินผละไปตามทางเดินอีกด้านที่ทอดยาวไปชนกับเรือนอีกหลังที่มองเห็นอยู่ไม่ไกลนัก
พราวก้าวเข้าเรือนรับรองไป พลางเหลียวมองไปรอบๆ อย่างชื่นชม กับการตกแต่งที่โปร่งสบาย มีเทียนหอมจุดเพิ่มบรรยากาศ และกาชาสมุนไพรวางอยู่เพื่อรอต้อนรับเธอ
พราวลืมอารมณ์ขุ่นมัวอย่างรวดเร็ว พลางนั่งลงไขว่ห้าง รินชากุหลาบอุ่นๆจากกา สูดกลิ่นก่อนยกขึ้นจิบ จากนั้นก็ลุกถือถ้วยชาเดินไปหยุดยืนชมทิวทัศน์ที่ประตูระเบียงอีกด้าน มองไปเห็นสายน้ำไหลระเรื่อย
“ติดริมน้ำด้วย”
แต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก เมื่อมองไปยังศาลาไม้ตรงท่าน้ำ เห็นด้านหลังชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้
วิลแชร์ไฟฟ้า ในลักษณะคอพับคอเอียง ดูเหมือนคนป่วย
ขณะที่ลูกค้ากำลังดื่มกาแฟหลังอาหารเที่ยง พร้อมกับสนทนากับติณห์ จันทร์จรี และพนักงานระดับบริหารของบริษัทอย่างเป็นกันเอง มาโนชก็ก้าวเข้ามาในห้อง ก่อนจะก้มลงรายงานติณห์ โดยตั้งใจให้จันทร์จรีที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินด้วย
“คุณพราวมาแล้วครับ รออยู่ที่เรือนรับรอง”
จันทร์จรีแทบกรี๊ด กระแทกถ้วยกาแฟบนจานรองเสียงดัง
“ฉันรู้แล้ว ไปทำงานของแกต่อ”
มาโนชค่อยๆ เดินผละออกจากห้องไป
“คุณนัดนังพราวมาที่นี่งั้นเหรอ ?”
จันทร์จรีถามเบาๆ แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยอารมณ์หึงหวง
“ทำหน้าที่ของตัวเองไป อย่าโวยวายไร้สาระ”
พูดจบก็หันมายิ้มแย้มพูดกับลูกค้า
“มีใครต้องการกาแฟ หรือจะดื่มอะไรเพิ่มไหมครับ?”
จันทร์จรีจำต้องหันไปฝืนยิ้มหน้าระรื่นให้กับแขก แต่อารมณ์หึงกำลังโหมแรงพร้อมระเบิด
พราวยังคงเพ่งมองไปที่ชายบนรถวิลแชร์ไฟฟ้า ด้วยความสงสัยและเป็นห่วง ที่สุดก็ตัดสินใจวางถ้วยชา เดินออกจากประตูระเบียงเรือนรับรอง ไปตามซุ้มทางเดินที่ทอดยาวไปยังศาลาริมท่า ขณะที่ตามองไปยังคนที่นั่งอยู่บนวิลแชร์ไฟฟ้าที่อยู่ตรงศาลา ยิ่งใกล้เข้าไป เห็นเสี้ยวหน้า ก็เริ่มรู้สึกคุ้นๆ มากขึ้น
สหวุฒิเล่าเหตุการณ์ให้สมชายฟัง ขณะที่ลูกน้องคอยคลิกเปิดภาพจากไอแพดประกอบไปด้วย เป็นรูปตรีที่ประสบอุบัติเหตุขับรถชน นอนบาดเจ็บหมดสติอยู่บนเตียง เห็นสภาพซากรถที่ชนยับ จนไม่น่าเชื่อว่าคนขับจะรอดมาได้
“เมื่อสักปีกว่ามาแล้ว น้องชายไฮโซติณห์ประสบอุบัติเหตุขับรถชน อาการสาหัส เป็นตายเท่ากัน จากสภาพรถ ไม่น่าจะรอดมาได้ แต่ไฮโซติณห์รักน้องชายคนนี้มาก เค้ามีกันแค่ 2 คนพี่น้อง ไฮโซติณห์ทุ่มเงิน หาวิธีทางการแพทย์ทุกอย่างเยื้อชีวิตน้องชายตัวเองไว้ แล้วเค้าก็ทำสำเร็จ”
สมชายฟังอย่างสนใจ “แล้วตอนนี้น้องชายเค้าอยู่ที่ไหนครับ ?”
“ก็ยังนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงอย่างงั้น”
“พิการเหรอครับ หรือว่าเป็นอัมพาต?”
“หนักกว่านั้น น้องชายไฮโซติณห์นอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่บนเตียง สมองไม่รับรู้ มีแต่หัวใจเท่านั้นที่เต้นอยู่”
สมชายตะลึงงัน
“มิน่า ไฮโซติณห์ถึงปิดข่าว ไม่มีใครรู้ข่าวคราวของน้องชายเค้าเลย”
“แต่ก่อนที่จะโชคร้าย เกิดอุบัติเหตุ นายตรีเป็นไฮโซ รูปหล่อ เนื้อหอมในหมู่สาวๆเลยที่เดียว ที่สำคัญเห็นไหมนั่นใคร ?”
สหวุฒิพูดพลางชี้ไปที่รูปๆ หนึ่งที่ลูกน้องกำลังคลิกเปิด เป็นรูปพราวถ่ายรูปคู่กับตรีอย่างสนิทสนม“พราว”
สหวุฒิพยักหน้า “นายตรีเคยสนิทสนมกับซูเปอร์สตาร์พราวมาก่อน”
สมชายอ้าปากค้าง
“เรื่องนี้ไฮโซติณห์จะรู้มาก่อนรึเปล่า ก็ไม่แน่ แล้วคุณพราวจะรู้รึเปล่า ว่านายตรีเป็นน้องชายคุณติณห์ ก็ไม่แน่ หรือว่าเค้าก็รู้ดีกันอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่มีอะไรในกอไผ่ ผมว่าคนที่จะให้คำตอบนี้ได้ ก็คือคุณพราว”
สมชายหน้าเครียดเป็นห่วงพราว เรื่องชักจะพัวพันวุ่นวาย เมื่อจิ๊กซอว์ต่อมาเจอภาพตรีอยู่ระหว่างพราวกับติณห์ เขารีบเก็บปืน พลางคว้าแจ็คเก็ตเดินออกจากสนามซ้อม
“อ้าว สารวัตร ไปไหนน่ะ?”
“ผมจะไปหาคำตอบให้ไงครับ”
พราวก้าวเข้ามาที่ศาลาริมท่า ก่อนจะหยุดยืนอยู่ด้านหลังชายบนวิลแชร์ เห็นถุงน้ำเกลือ ท่อออกซิเจนและอุปกรณ์ประคองชีวิตมากมาย มีผ้าขาวคลุมห่มขาอยู่
“คุณคะ ทำไมมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ ไม่มีใครมาดูแลเหรอ?”
เมื่อไม่มีเสียงขานรับ เธอจึงเดินอ้อมวิลแชร์มามองหน้า แล้วก็ตะลึงช็อก เมื่อได้เห็นหน้าคนที่นั่งเป็นผักอยู่บนวิลแชร์ ซึ่งที่แท้ก็คือเป็นตรี แม้สภาพจะผอมซีด แต่พราวก็ยังจำได้ดี
ติณห์ยืนมองภาพพราวยืนช็อกยกมือปิดปากตกใจที่ได้เจอตรี สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และแรงแค้น ก่อนที่จะเดินตรงไปที่เธอช้าๆ
พราวพยายามตั้งสติ ลดมือที่ปิดปากลง มองสภาพตรีอย่างรู้สึกสงสารและสลดหดหู่
“ตรีเป็นอะไรไปเนี่ยะ ไม่สบายเหรอ ทำไมมานั่งอยู่บนรถเข็นแบบนี้ ?”
แต่ตรีกลับนิ่งนิ่ง ไม่รับรู้อะไร แม้ว่ายังนั่งลืมตาอยู่ จนพราวแปลกใจ
“ตรีได้ยินพราวรึเปล่า ตรี”
พราวนั่งยองลง พลางค่อยๆ ยื่นมือที่สวมแหวนหมั้นไปจับมือตรีอย่างกล้าๆกลัวๆ แล้วก็พบว่ามือของอีกฝ่ายเย็นเฉียบ
“ทำไมตัวตรีเย็นชืดอย่างงี้ ตรีไม่สบายเป็นอะไร ทำไมไม่ตอบ”
“น้องชายผมคงตอบอะไรคุณไม่ได้หรอก”
พราวตกใจหันมามองติณห์ที่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“น้องชาย ตรีเป็นน้องชายคุณเหรอคะ?”
“ใช่ น้องชายผมที่ป่วย ที่คุณเคยไปเจอที่บ้านผมไงครับ แต่ตอนนั้นคุณยังไม่เห็นหน้า ว่าเป็นใคร”
พราวอึ้ง พร้อมกับแอบนึกว่าคนที่ไปเจอน่าจะเป็นมีน แต่ก็จำต้องเล่นไปตามบท
“อ๋อ เหรอคะ คิดไม่ถึงเลยว่า ที่แท้น้องชายคุณจะเป็นตรี แล้วเกิดอะไรขึ้นกับตรีคะ?”
“ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วนี่ครับ ว่าตรีเสียใจที่ถูกผู้หญิงทิ้ง ก็เลยขับรถไปชน”
“ถูกผู้หญิงทิ้ง”
พราวนึกถึงจันทร์จรี แต่ไม่พูดออกมา ติณห์หันมามองจ้องเธอ พยายามข่มเก็บความโกรธไว้อย่างเต็มทน
“คุณรู้ไหมครับ ว่าผู้หญิงคนนั้น ที่ทำให้น้องผมเสียใจ เป็นใคร?”
“เอ่อ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงคะ ฉันไม่ได้เจอตรีนานเป็นปีแล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากนั้น ตรีไปคบหากับผู้หญิงคนไหนบ้าง”
ติณห์จองหน้าพราว “แล้วคุณรู้จักสนิทสนมกับน้องผมมากแค่ไหนล่ะครับ?”
“ก็สนิทค่ะ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”
“เพื่อนที่ดีต่อกัน ?”
ติณห์ไม่อยากจะเชื่อหูว่าพราวจะโกหกหน้าซื่อได้ขนาดนี้ ขณะที่พราวหันไปมองตรีอย่างสงสารเวทนา
“ค่ะ ตรีเป็นเพื่อนที่น่ารัก คนดีๆ มีอนาคตอย่างตรี ไม่น่าโชคร้ายมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้เลย น่าสงสารจริงๆ”
ติณห์แอบกำมือแค้น อยากขย้ำพราวให้แหลกคามือนัก แต่เธอกลับหันมาจับมือข้างหนึ่งของเขาเพื่อปลอบใจ
“เสียใจด้วยนะคะคุณติณห์ ฉันเป็นกำลังใจให้นะคะ หวังว่าสักวันนึง ตรีจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แล้วกลับมาเป็นตรีคนเดิม”
เขาข่มความแค้น ทำทีเป็นโผกอดตอบเธอไว้
“ขอบคุณมากครับสำหรับน้ำใจของคุณ ผมบอกแล้วไงครับ ว่าบางทีปาฏิหาริย์ที่จะทำให้ตรีฟื้นขึ้นมา อาจจะมาพร้อมกับคุณก็ได้”
ติณห์ซ่อนแววตาแค้น พร้อมกับสาบานในใจว่าวันนี้แหละที่พราวจะได้ชดใช้
สุดเขตต์แอบปีนรั้วด้านข้างเข้ามาด้านใน ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งไปแอบอยู่ที่หลังต้นไม้ พลางมองสำรวจไปรอบๆ เห็นเรือนจัดเลี้ยงอยู่ใกล้ที่สุด มีคนเดินเข้าออก และแล้วก็เห็นติณห์เดินจูงพราวพาเข้าห้องจัดเลี้ยงไป จันทร์จรีหันมามอง ความโกรธหึงหวงพุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที
ติณห์จูงมือพราวเดินตรงมาหาลูกค้าที่ทำท่าจะลากลับ
“จะกลับแล้วเหรอครับ โทษทีครับ พอดีคู่หมั้นที่น่ารักของผมมาหานะครับ ผมก็เลยต้องออกไปต้อนรับเธอหน่อย ซูเปอร์สตาร์หาคิวเจอตัวยากซะด้วย เกิดงอนผมขึ้นมาล่ะก็ ผมแย่เลย”
บรรดาลูกค้าเฮโลเข้าไปสนใจพราวกันหมด ทิ้งให้จันทร์จรียืนกำมืออย่างแค้นใจ ติณห์ทำเป็นหวานโอบเอวพราว ตั้งใจยั่วอารมณ์จันทร์จรีให้หึงมากขึ้น พราวยิ้มเซ็กซี่ พลางแอบปรายตามองเมิน เหมือนจันทร์จรีไม่มีตัวตนอยู่ในห้อง
“แหม คุณติณห์ พูดยังกับตัวเองมีเวลางั้นแหละ คุณก็ธุรกิจเยอะเหมือนกัน”
“แต่ผมมีเวลาให้คุณทั้งชีวิตเลยครับ”
พูดพลางทำยื่นหน้าจุ๊บแก้มพราวอวดลูกค้า
“คุณติณห์อ่ะ ต่อหน้าแขกนะ อายเค้านะคะ”
จันทร์จรีกัดริมฝีปากแน่น แทบอดทนไม่ไหว
สุดเขตต์แอบถ่ายภาพจากพงไม้อยู่ด้านนอก เห็นจันทร์จรีกำหมัดแค้น ก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกจากห้องไป
ติณห์แอบมองตาม พลางยิ้มอย่างเลือดเย็น แผนจัดฉากยืมมือฆ่าเริ่มต้นขึ้นแล้ว
จันทร์จรีออกจากห้องจัดเลี้ยงมายังอีกห้องหนึ่ง ก่อนที่จะเขวี้ยงกระเป๋าลงกับโซฟาอย่างแค้นใจ จากนั้นก็อาละวาดขว้างปาข้าวของในห้องเกลื่อนกระจาย พลางเปิดขวดเหล้าซดพรวดเข้าปาก เพื่อระบายอารมณ์ แล้วโยนขวดทิ้งไปที่พื้นพรม
มาโนชเดินถือถาดใส่ผลไม้พร้อมมีดปักอยู่เข้ามาในห้องตามแผน
“เป็นอะไรไปเหรอครับคุณจรี ?”
จันทร์จรีหันขวับ ตาวาวราวกับนางเสือด้วยพิษรักแรงหึง และพิษแอลกอฮอล์เพียวๆ
“ถามมาได้ว่าเป็นอะไร แกไปรับนังพราวมาหาคุณติณห์ทำซากอะไร บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ คุณติณห์มีแผนอะไรถึงนัดนังพราวมันมาที่นี่”
มาโนชปั้นหน้าสงบเสงี่ยม
“ไม่มีนี่ครับ คุณติณห์ไม่ได้บอกอะไรผมเลย”
“ฉันอยากจะบ้า ไม่มีแผน แล้วนัดมันมาสวีตทำอี๋อ๋อกันหรือไง”
สุดเขตต์กำลังแอบซูมกล้องถ่ายรูปขณะจันทร์จรีกำลังยืนคุยกับมาโนช ด้วยอาการโกรธเกรี้ยว
“บอกตรงๆนะครับ ผมเป็นห่วงคุณติณห์ ถ้าขืนยังรีรอไม่รีบลงมือทำอะไร แทนที่จะได้แก้แค้น คุณติณห์นั่นแหละจะเป็นฝ่ายที่เสียท่าหลงเสน่ห์ซูเปอร์สตาร์พราวจนโงหัวไม่ขึ้นซะเอง”
มาโนชจงใจพูดเสี้ยม
“ไม่มีทาง ฉันรักของฉัน นังพราวไม่มีน้ำหน้ามาแย่งคุณติณห์ไปจากฉันได้เด็ดขาด ฉันจะแก้แค้นมันแทนคุณติณห์เอง วันนี้นังพราวจะต้องหายไปจากชีวิตฉัน”
มาโนชลอบยิ้มอย่างสะใจ ที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
“เอาเป็นว่า ผมไม่รู้ไม่เห็นที่คุณพูดก็แล้วกันนะครับ จะทำอะไรก็ตามสบายครับ”
ทิ้งทุ่นเสร็จ ก็รีบถอยออกจากห้องไป ปล่อยให้จันทร์จรีเดินพล่านคิดหาวิธีแก้แค้นอยู่คนเดียว พลางเหลือบมองเห็นมีดปอกผลไม้คมกริบปักอยู่บนผลส้มในถาดผลไม้ตรงหน้า แต่สุดเขตต์ที่พยายามจับจ้องมองอยู่ด้านนอกไม่เห็น เพราะจันทร์จรีนั่งหันหลังบังถาดผลไม้อยู่
ติณห์เดินจูงมือพราวเดินมาตามแผน
“คุณจะพาฉันไปไหนคะเนี่ยะ?”
“ที่พิเศษสำหรับเราครับ ผมจัดเตรียมไว้สำหรับคุณ”
พูดพลางผายมือไปข้างหน้า ซึ่งเป็นสระน้ำกว้างหรูหรา ตกแต่งแบบบาหลี มีตั่ง และหมอนสามเหลี่ยมพร้อมที่นอน และร่มจัดรอไว้พร้อมของว่าง
ติณห์อุ้มพราวพาไปวางที่ตั่ง พร้อมกับเอนตัวเข้าหาเธอ พยายามจะจูบ แต่พราวกลับรู้สึกอึดอัด ไม่เหมือนเวลาที่อยู่กับสมชาย เธอรีบยกมือดันคางเขาไว้เบาๆ
“แหม พราวก็นึกว่ามาเยี่ยมแล้ว ต้องมาช่วยป้อนข้าวคุณซะอีกที่ไหนได้ คุณไม่เห็นเหมือนคนที่เพิ่งบาดเจ็บมาเลย”
“แค่ได้เห็นหน้าคุณ ผมก็หายแล้วครับ”
ติณห์จับมือพราวที่รั้งคางเขาไว้ออก พลางยื่นหน้าจะจูบอีกครั้ง แต่เสียงมือถือดังขึ้นมาขัดจังหวะ เขาแสร้งทำเป็นหงุดหงิด
“ทำไมต้องโทรมาตอนนี้ด้วยนะ สักครู่นะครับ”
ติณห์ผละมารับสาย พราวแอบโล่งอก ครู่หนึ่งเขาก็กดวางสาย แล้วหันมาจับมือพราว
“คุณทานของว่าง ไปก่อนนะครับ พอดีมีลูกค้าคนนึงเพิ่งมาถึงเค้าจำเวลานัดทานข้าวผิดน่ะครับ ผมจะออกไปพบเค้าหน่อย เค้าเป็นลูกค้าคนสำคัญของบริษัท”
“ไปเถอะค่ะคุณติณห์ ไม่ต้องห่วง พราวกำลังหิวพอดี จะทานนี่ให้หมดเลย”
“เดี๋ยวผมมานะครับ”
ติณห์จูบมือพราว แล้วเดินผละไป เธอมองตาม แต่ใจกลับไปคิดถึงสมชาย
“อยากเห็นจริงๆ ถ้านายรู้ว่าฉันกำลังสวีตอยู่กับคุณติณห์ ตอนนี้นายจะทำหน้ายังไง นายสมชาย”
จบตอนที่ 14