ภาพชายชาวต่างชาติใช้มีดจ้วงแทงสุนัขพันธุ์ผสมโกลเด้นฯ เพื่อระบายความแค้น ต่อหน้าต่อตาเจ้าของที่ร้องขอชีวิตให้กับมัน สร้างความหดหู่ใจให้แก่ชาวบ้านที่พบเห็นสภาพสุนัขดิ้นทุรนทุราย สิ้นใจตายอย่างไร้ความปรานี
หลังจากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น กลายเป็นข่าวดังครึกโครมตามมา เกิดเป็นกรณีพิพาทการใช้กำลังทำร้ายสุนัขอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต ด้วยมีดพกยาว 3 นิ้ว ถึง 17 แผล ซึ่งเหล่าคนรักสัตว์ทั่วโลกมองว่าคนไม่มีสิทธิ์มอบความตายให้กับมันอย่างทารุณโหดร้ายเช่นนี้ เพียงเพราะความโกรธที่เคยถูกกัดเท่านั้น
ขณะเดียวกันคดีความเรื่องของคนกับหมาก็ยังไม่สิ้นสุด เมื่อมือมีดฟ้องร้องกลับเจ้าของสุนัขที่ตายถึง 300,000 บาท เหตุเพราะเคยโดนกัดมาก่อน รวมถึงกัดสุนัข พันธุ์ร็อตไวเลอร์ตัวโปรดของเขาด้วย ขณะที่ก่อนหน้านี้เขาได้ชดใช้ค่าเสียหายที่ฆ่าโกลเด้นฯ ตายในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เพียง 1,000 เดียวเท่านั้น
ปมขัดแย้ง...คนทะเลาะกับหมา
จากเรื่องของคนกับหมา นำมาสู่ความขัดแย้งระหว่างคนกับคน ฟ้องศาลเรียกเงินสู้กันในคดีแพ่ง จนลืมหนึ่งชีวิตที่ตายไปอย่างไร้ความหมาย และคงเป็นไปไม่ได้ที่เอาเหตุผลของการป้องกันตัวเอง มาอ้างขอเรียกร้องความยุติธรรม ด้วยสิ่งที่ทำเกินกว่าเหตุที่มนุษย์ทั่วไปเขาทำกัน
ไม่ว่าสุนัขโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ พันธุ์ผสม หรือเจ้า “คิวคิว” วัย 2 ขวบตัวนี้ จะเคยกัดคนมาก่อน หรือกัดสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ตัวโปรดของชายชาวเยอรมันมาแล้วก็ตาม แต่การเตรียมมีดพกยาว 3 นิ้ว ติดตัวมา เมื่อสบโอกาสก็จ้วงแทงอย่างบ้าคลั่ง 17 แผล ถ้าไม่บอกว่าอำมหิต ก็จิตป่วยเต็มที
โดยธรรมชาติของสุนัข พันธุ์โกลเด้นฯ แค่เงื้อไม้จะตีก็เผ่นหนีแล้ว แต่เหตุที่สุนัขมาจ้องกัดหลายครั้งหลายครา ต้องมีชนวนเหตุติดค้างใจกันมาก่อน อาจเคยทำร้ายมัน แต่ไม่หยิบยกมาพูดถึง หากลองขบคิดดีๆ เมื่อภัยจวนตัว เป็นคนยังสู้หลังชนฝา แต่ถ้าเป็นหมาจนตรอกก็กัดไม่ปล่อยเหมือนกัน
เรื่องของคนทำร้ายสัตว์ทุกวันนี้ก็มีถมเถมากมาย แต่ประเด็นนี้อยู่ตรงที่ว่าแทงได้ถึง '17 แผล' นั้นแสดงถึงความโหดเหี้ยม รุนแรง ไม่เคารพสิ่งมีชีวิตเพื่อนร่วมโลกด้วยกัน แม้จะเคยอยู่ในสังคมที่เจริญแล้ว แต่เรื่องจริยธรรมทางด้านจิตใจยังคงตกต่ำ
“ชีวิตก็คือหนึ่งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ถ้าสังคมไทยบอกว่าเราใส่สูท ใส่กางเกง รับเทคโนโลยีมาจากฝรั่งหมด แต่จิตใจล่ะเราพัฒนาหรือยัง ถ้าเห็นว่าสิ่งมีชีวิตเป็นแค่ทรัพย์สิน แสดงว่าเราก็ไม่ได้เจริญ” โรเจอร์ โลหะนันท์ นายกสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย กล่าวเป็นอุทาหรณ์
1 ชีวิตมีค่าแค่ 1,000 บาท
คนเจ็บเรียกร้อง 300,000 แต่สุนัขตายได้ 1,000 เดียว ทั้งๆ ที่ก็เป็นหนึ่งชีวิตเหมือนกัน
เจ้าคิวคิว เป็นกรณีตัวอย่างสำคัญที่สะท้อนถึงคุณภาพชีวิตสัตว์ในสังคมไทย หลังจากที่ผ่านมากฎหมายมองว่า 'สัตว์เป็นทรัพย์สิน ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต' ตำรวจจึงรับแจ้งข้อหาเป็นเหตุทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งกฎหมายระบุไว้ว่า มีโทษปรับสูงสุด 1,000 บาทเท่านั้น
โรเจอร์ โลหะนันท์ กล่าวว่า ตามกฎหมายไม่ว่าใครก็ตามที่ถูกสุนัขกัดสามารถเรียกร้องได้อยู่แล้ว ส่วนสัตว์ที่เสียชีวิตต้องได้รับการชดเชยด้วย ฉะนั้นเจ้าของก็ต้องได้รับเงินเหมือนกัน เป็นไปตามกฎหมายในคดีแพ่ง ซึ่งเป็นการฟ้องร้องค่าเสียหายเท่านั้น ไม่ได้ให้สิทธิหรือคุณภาพชีวิตสัตว์เลย
“คนที่ฆ่าสัตว์ ต้องได้รับโทษเพื่อสัตว์ ไม่ใช่เพื่อมนุษย์ แต่กรณีนี้กลายเป็นเรื่องของคนที่ต้องมาไกล่เกลี่ยกัน ส่วนเรื่องของสัตว์นั้น คดีแพ่งไม่พิจารณาหรอกว่า เสียชีวิตเพราะอะไร หรือกัดเพราะอะไร แต่หากเจ้าของปล่อยมาให้กัด ทำให้เสียหายก็ต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายชดเชยด้วยเงิน สู้กันในคดีแพ่ง”
แต่เราลืมนึกถึงคุณค่าของชีวิตสัตว์ไปรึเปล่าว่า สัตว์ก็เป็นหนึ่งชีวิตที่สามารถมีสิทธิ์เรียกร้องความยุติธรรมเหมือนกัน แต่เรื่องของสัตว์ถูกกฎหมายตัดสินให้เรื่องจบลง เมื่อตายไปแล้ว จึงเป็นความไม่ยุติธรรมกับสัตว์ที่ตาย
สิ่งนี้ทำให้สมาคมพิทักษ์สัตว์ไทยต้องผลักดันกฎหมายคุ้มครองสัตว์ จากคดีแพ่งให้เป็นคดีอาญา การทำร้ายสัตว์ด้วยโทสะเป็นการทารุณสัตว์ ยอมความไม่ได้ และถ้าทำเกินกว่าเหตุ ต้องโดนลงโทษ แต่ระหว่างนี้ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ
“บ้านเราไม่มีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ ซึ่งเราก็ดำเนินการมาตลอด จนกระทั่งผ่านกรรมาธิการ วาระที่ 1 แล้ว แต่กำลังถกเถียงอยู่ว่า “จำเป็นไหมว่าการระบายโทสะเป็นการทารุณสัตว์” เพราะเท่าที่ผ่านมาโดยมากตำรวจก็ปรับแค่ 1,000 บาท ในข้อหาทารุณสัตว์ เรื่องนี้ในสังคมฝรั่ง เขายอมรับในสิทธิสัตว์แล้ว อย่างอื่นเรารับวัฒนธรรมต่างชาติมาหมด แต่ทำไมไม่รับตรงนี้มาบ้าง” นายกสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย กล่าว
คนรักสุนัขรุมประณาม “โกรธหมาต้องฆ่าให้ตายเลยหรือ?”
เกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ในวงกว้าง ไม่เฉพาะในกลุ่มคนรักสัตว์เท่านั้น คนทั่วไปก็เฝ้าติดตามดูความคืบหน้าของเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตกเป็นเรื่องของคดีความที่ต้องสู้กันในชั้นศาล
ขณะเดียวกัน กลุ่มคนรักสัตว์ทั้งในไทยและต่างประเทศ ก็รวมกลุ่มเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่คิวคิว สุนัขเพศผู้ที่ถูกแทงจนเสียชีวิตบริเวณหน้าบ้าน จ.อ.กำพล นวลศิลป และนางวิลาวัณย์ นวลศิลป สองสามีภรรยาเจ้าของคิวคิว
แกนนำกลุ่มคนรักสัตว์ หนึ่งในนั้นใช้ชื่อว่า “A CALL” ได้รวมตัวกล่าวประณาม พร้อมขับไล่ให้ นายแกร์ทอัลเฟรด ชาวเยอรมันรายนี้ออกไปจากประเทศไทย และขอให้ตรวจสุขภาพจิต รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลออก พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ และมีกฎหมายลงโทษเอาผิดกับผู้ทารุณกรรมสัตว์ด้วย
สมาชิก “A CALL” คนหนึ่งได้กล่าวถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า จากที่ได้สัมภาษณ์คนในหมู่บ้าน เราเจอฝรั่งชาวเยอรมันท่านหนึ่งเจ้าของมะลิ หมาที่เล่นกับคิวคิวทุกวัน ออกมาคุยกับเรา เขาบอกเลยว่าคิวคิว เป็นหมาที่เป็นมิตรกับทุกคน ก่อนหน้านี้เขาเห็นนายแกร์ทอัลเฟรด เอาไม้ ตีคิวคิวทุกครั้งที่เจอ รวมทั้งชกด้วย หมามันถึงกัด และนายแกร์ทอัลเฟรด เคยพูดถึงว่า สัญญาเลยว่าวันหนึ่งจะฆ่าหมาตัวนี้ และฉันจะไม่ลืมมีดแน่นอน!!
“ในวันเกิดเหตุ ขณะนายแกร์ทอัลเฟรด แทงคิวคิวอย่างบ้าระห่ำ แล้วทุกคนก็ออกจากบ้านมาขอร้อง เขาแกว่งมีด ไม่หยุดแทง ชาวเยอรมันเจ้าของมะลิท่านนี้ เป็นคนที่คอยช่วยปกป้องคิวคิวมาตลอดที่ถูกนายแกร์ทอัลเฟรดตี ถึงขนาดทะเลาะกัน วันสุดท้ายที่คิวคิวถูกฆ่านอนจมกองเลือด ฝรั่งท่านนี้ถึงขนาดลงไปคุกเข่าร้องไห้กับศพคิวคิว เขาเสียใจมากที่สุดท้ายคิวคิวตาย ทั้งยังบอกว่านายแกร์ทอัลเฟรดนี่จิตไม่ปกติ ทุกวันนี้ไม่ยุ่งแล้ว ไม่คุยด้วย
ในวันเดียวกันได้พบฝรั่งอีกท่านพาน้องหมา 2 ตัวมาเดินเล่น ไม่น่าเชื่อว่า สุนัขสองตัวนี้ เป็นลูกของคิวคิว เราถามว่าคิวคิวดุไหม เขาบอก 'ไม่ดุ'”
ส่วนครอบครัวเจ้าทุกข์ได้แสดงความปลาบปลื้มใจ พร้อมกล่าวขอบคุณกลุ่มคนรักสัตว์ที่มารวมตัวเรียกร้องให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม และกล่าวว่าไม่ต้องการให้เหตุการณ์ทารุณกรรมสัตว์เกิดขึ้นในสังคมไทยอีก เพราะสัตว์ก็มีชีวิตจิตใจ และความรู้สึก การฆ่าอย่างเหี้ยมโหด ทำให้ทุกคนในครอบครัวไม่สามารถยอมรับกับการกระทำดังกล่าวได้ ซ้ำยังโดนเรียกร้องค่าสินไหมเป็นเงิน 3 แสนบาท
“ผมขอบคุณพวกคุณ ผมรักเค้ามาก” คำพูดของจ่าครูฝึกทหารเรือ เจ้าของคิวคิว กล่าวด้วยน้ำตานองหน้า
ด้านกลุ่มคนในโลกออนไลน์ ต่างพากันวิจารณ์ถึงกรณีเดียวกันนี้อย่างหนาหู ไม่ว่าจะเป็น
“เท่าที่ดูทำเกินไปนะครับ น้องหมาไม่สามารถพูดได้ แต่คุณฝรั่งทำได้ถึงขนาดนี้ ถามจริงเถอะครับยังเป็นคนอยู่รึเปล่า และที่ใครต่อใครพูดหรือว่ากับการกระทำแบบนี้ ฝรั่งผู้นี้คงไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกจริงมั้ยครับ เพราะเค้าเป็นคนโรคจิต”
“ถึงขนาดไปแทงหมา 17 แผลนี่คงจิตไม่ปกติแล้วนะ แสดงว่าหมาตายแล้วยังไปแทงซ้ำอีก อีกอย่างหมาโกลเด้นฯ มันก็ไม่ใช่หมาดุร้าย แสดงว่าต้องไปตีมันก่อนแน่เลย”
“ประเด็นว่าหมาแพ้ คนไม่แพ้ แล้วทำไงถูกแทงได้ถึง17แผล ต้องล็อกคอไว้แล้วจ้วงแทงtopic คือทารุณสัตว์”
“นอกจากจะฆ่าหมาแล้ว ไอ้เยอรมันมันโรคจิตแล้วครับ ปล่อยไว้อาจไม่ฆ่าแค่หมา ครอบครัวเจ้าของหมาอาจโดนไปด้วย ผมว่ามันตัวอันตรายชัดๆ เป็นคนไทยไปฆ่าหมาที่เยอรมันบ้าง คงโดนโทษหนักไปแล้ว”
“นายฝรั่ง เป็นคนแต่ไปทะเลาะกับหมา และทำร้ายหมาอย่างโหดอำมหิตเกินคนจิตใจปกติจะทำกัน ควรได้รับการตรวจสุขภาพจิตเพราะเป็นอันตรายต่อสังคม และควรถูกแจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์ด้วย ถ้าจะให้ดีตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอีกข้อหาหนึ่ง”
“หมาตาย ทำให้เสียทรัพย์ ถุย...กฎหมายเมืองไทยโคตรง่าวหลายเรื่องเลย”
“พี่รักหมาพี่ ครอบครัวพี่ แต่พี่ไปฆ่าหมาเค้า ทำลายครอบครัวเค้าเหรอคะ แบบนี้เรียกว่าคนรักสัตว์ได้อย่างไร”
ส่วนบทสรุปของเรื่องดังกล่าวจะออกมาในรูปใดนั้น อยู่ที่ดุลพินิจของศาล ซึ่งในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ ศาลจังหวัดพัทยา จะนัดทั้ง 2 ฝ่ายมาทำการไต่สวนและสรุปคดี ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
หากครอบครัวคิวคิวยังไม่ได้รับความยุติธรรม และยังต้องถูกฟ้องเอาเงินอีก 300,000 บาท กลุ่มคนรักสัตว์ประกาศแล้วว่าจะไปรวมกลุ่มกันอีกครั้งที่สถานทูตเยอรมัน
หวังว่าคดีนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้คนไทยส่วนใหญ่ดูแลและใส่ใจสัตว์เลี้ยงอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น ทั้งช่วยกันผลักดันกฎหมายคุ้มครองสัตว์ ไม่ให้มองสิ่งมีชีวิตเป็นเพียงแค่ทรัพย์สินอีกต่อไป สงสารสัตว์ที่ต้องมาจบชีวิตแบบเจ็บปวดทรมาน
ข่าวโดย : ผู้จัดการ Live