พราว ตอนที่ 8
พราวอยู่ที่กองถ่ายแบบ เธออยู่ในชุดราตรีเกาะอกหรูหรา ชายกระโปรงยาวระพื้น อวดหุ่นสูงระหงทรวดทรงองค์เอวที่สมส่วน ได้รูป เสียแต่ช่วงนี้อาจจะซูบไปบ้าง เพราะมีเรื่องให้กังวลใจมากมาย โดยเฉพาะเรื่องที่ถูกคุกคามชีวิต
เอมี่ควงแขนแฟรงค์มองไปที่พราวอย่างสุดแสนปลื้ม แฟรงค์มองปลื้มปิ่มว่าน้ำตาจะไหล จนพราวรู้สึกดี นี่คือความผูกพันที่ทำให้เธอไม่สามารถทิ้งทั้งคู่ไปไหนได้
ครู่หนึ่งมือถือของพราวที่ฝากให้เอมี่ช่วยถือก็ดังขึ้น หน้าจอปรากฏชื่อคนโทร. คือสมชาย !!
พราวหันมามองอย่างตื่นเต้นเพราะทุกวินาทีในหัวใจรอคอยเขาเสมอ ก่อนที่จะรีบคว้ามือถือมาจากมือเอมี่ แล้วเดินปลีกตัวออกไปคุย
“ฮัลโหล หวังว่าโทร.มา ฉันคงได้ยินข่าวดีจากคุณ“
สมชายนั่งถือมือถือค้างอยู่บนโต๊ะทำงานของตัวเอง รู้สึกทั้งเครียด และอึดอัดที่ทำงานพลาด แต่คนอย่างเขา ก็พร้อมยอมรับความจริงเสมอ
“ผมไม่มีหรอกข่าวดี มีแต่ข่าวร้าย เมื่อวานผมบุกไปที่ซ่อนของไอ้เจ๋ง ผมพยายามจะจัดการมัน
ให้ได้ แต่มันดันหนีรอดไปได้”
พราวหน้าตึงขึ้นมาทันที
“ได้ไง ก็ไหนคุณรับปากกับฉันไว้ว่าจะจัดการมันให้ได้”
“ผมก็พยายามแล้วนี่ไง พยายามจะจัดการมันให้ได้ทำตามสัญญา”
พราวสวนกลับ “แต่คุณก็ทำพลาด ฉันไม่อยากฟังคุณแก้ตัวทางโทรศัพท์ มาหาฉันเดี๋ยวนี้เลย”
“มันจะมากไปแล้ว นี่คุณสั่งผมเหรอ”
พราวนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว “ก็คุณสัญญากับฉันไว้ว่ายังไงล่ะ หรือคุณจะเบี้ยว?”
สมชายเจ็บใจที่เสียท่า แต่ต้องยอมจำนน
“คนอย่างสมชาย เป็นลูกผู้ชายพอ พูดคำไหนเป็นคำนั้น ไม่เคยเบี้ยวใคร”
“ถ้าอย่างงั้น ลูกผู้ชายที่ชื่อสมชายก็มาหาพราวเสียดีๆ”
คนอย่างสมชายยอมใครที่ไหน
“ไม่ต้องท้า ผมไปหาคุณแน่ คุณซูเปอร์สตาร์เบอร์1 “
ขณะที่พราวกำลังโพสท่าให้ตากล้องถ่ายรูปในเซ็ตสุดท้าย จู่ๆ ก็มีชายฉกรรจ์ในชุดสูทดำ 4 คนเดินเข้ามาบริเวณที่กองถ่ายกำลังทำงานกันอยู่ ด้วยท่าทางขึงขัง แฟรงค์กับเอมี่หันไปเห็นก็สะดุ้งเฮือก เพราะนึกว่ามีคนมาดักปองร้ายพราวอีก
“ว้าย แม่เจ้า ทีมงานๆ เจ้าขา ชายชุดดำบุกฮ้า”
ทั้งกองหยุดทำงาน หันมามองที่ชายชุดดำเป็นตาเดียว ขณะที่พราวเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี ทีมงานส่วนหนึ่ง รีบเข้าไปขวางไว้ หนึ่งในชายชุดดำบอกความประสงค์
“พวกผมมาหาคุณพราวครับ”
แฟรงค์กับเอมี่ตกใจรีบปรี่เข้าไปประกบพราว ที่ตื่นตระหนก แต่ก็พยายามควบคุมสติ พูดกลับไปด้วยมาดนิ่งๆ ราวนางพญา
“ฉันไม่เคยรู้จักพวกคุณมาก่อน มาหาฉัน มีธุระอะไรไม่ทราบ ?”
“คุณติณห์ส่งพวกเรามาครับ”
อีกฟากหนึ่ง คนที่ถูกระบุถึง กำลังยืนให้นักข่าวถ่ายรูปคู่จันทร์จรีหลังแถลงข่าวเปิดตัวในฐานะพรีเซ็นเตอร์เสร็จ สุดเขตต์ตามส้มจี๊ดมาถ่ายรูปทำข่าวด้วย
จันทร์จรีได้โอกาสเกาะไหล่ติณห์ถ่ายรูปอย่างสนิทสนม พร้อมกับมองส่งสัญญาณมาที่ส้มจี๊ด ที่รับไม้ต่อด้วยการหันไปสั่งสุดเขตต์
“ถ่ายรูปคู่บาดตาบาดใจนี่ไว้สุดเขตต์ ถ่ายให้เยอะๆ”
ส้มจี๊ดยิ้มร้าย เพราะต้องการใช้รูปคู่ของติณห์กับจันทร์จรี เป็นเครื่องมือทำร้ายพราว
สุดเขตต์จำต้องถ่ายตามหน้าที่ แต่ระหว่างที่ลั่นชัตเตอร์ถ่าย เขาก็สังเกตเห็นสายตาของติณห์จ้องเขม็งมาที่กล้องของเขาตลอด เขาชะงักมองด้วยความสงสัย
“นี่เป็นงานแรกของคุณจรีใช่ไหมคะ หลังจากที่ถูกคุณแฟรงค์ฉีกสัญญาไล่ออกจากสังกัด”
ส้มจี๊ดถามเปิดประเด็น จันทร์จรีพยักหน้าตอบแบบเชิดๆ
“อ๋อ ค่ะ เป็นงานชิ้นแรกที่จรีใช้ความสามารถหาได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีผู้จัดการมาเอี่ยวเรื่องค่าตัวให้มีปัญหา”
“แล้วยังงี้คุณติณห์ไม่มีปัญหากับคุณพราวเหรอคะ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคุณแฟรงค์เป็นผู้จัดการคนสนิทของคุณพราว ?”
สุดเขตต์ชะงักมือ พลางปรายตามองส้มจี๊ดอย่างนึกเคืองที่จงใจถามเสี้ยม
“ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ งานก็ส่วนงาน ผมไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยว”
ส้มจี๊ดโยนระเบิดต่อ
“แต่นักข่าวทุกสำนักพากันยกให้คุณจันทร์จรีเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่กำลังมาแรงเป็นคู่แข่งของพราว-พิชญาดา อาจจะเขี่ยซูเปอร์สตาร์พราวตกจากบัลลังก์เมื่อไหร่ก็ได้ อยู่ๆ คุณติณห์ก็คว้าคู่แข่งแฟนตัวเองมาเป็น
พรีเซ็นเตอร์ให้บริษัทซะงั้น คุณพราวไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ เหรอคะ?”
ติณห์ไม่ได้มองที่คนถามเลย แต่สายตากลับเหลือบมองไปที่สุดเขตต์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา
“ผมกับคุณพราวเข้าใจกันดีครับ ถึงเราจะคบหาดูใจกันอยู่ แต่เราไม่ก้าวก่ายเรื่องงานของกันและกันครับ”
สุดเขตต์ได้ทีจงใจพูดกระทบจันทร์จรี
“นั่นซิครับ คุณพราวเป็นถึงระดับซูเปอร์สตาร์เบอร์1ของเมืองไทย คงไม่ลดตัวลงมาแข่งอะไรกับเด็กรุ่นใหม่ๆหรอกครับ”
จันทร์จรีถึงกับหน้าเจื่อน ขณะที่ติณห์เหลือบมองมาที่สุดเขตต์ เหมือนอยากจะคุยกับเขาตัวต่อตัว แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำตามความต้องการ พนักงานคนหนึ่งเดินแหวกนักข่าวเข้ามากระซิบบอกว่าแฟรงค์โทร. มาหา
ติณห์พยักหน้ารับ เพราะรู้อยู่แล้วว่าโทร. มาเรื่องอะไร
“คุณติณห์ส่งแก๊งชายชุดดำพวกนี้มาทำไมฮ้า ทำเอาตกใจหงายเงิบกันทั้งกอง ?”
เมื่อติณห์มารับสาย แฟรงค์ก็ไม่รอช้า รีบถามทันทีด้วยความร้อนใจ
“เป็นทีมบอดี้การ์ดที่ผมจ้างมารักษาความปลอดภัยให้คุณพราวน่ะครับ ขอโทษนะครับ พอดีผมยุ่งๆ ก็เลยลืมโทรไปบอกล่วงหน้าว่าจะส่งไป”
ติณห์แก้ตัว ทั้งที่จริงๆแล้วเขาจงใจไม่บอก เพื่อแกล้งทำให้พราวตกใจ แฟรงค์ออกตัวว่าพราวไม่พอใจที่เขาทำแบบนี้ แต่ติณห์กลับย้อนว่า เขาทำเพื่อความปลอดภัยของเธอ
พราวที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ รีบยื่นมือขอมือถือจากแฟรงค์ไปคุยเอง
“ขอบคุณนะคะคุณติณห์ที่เป็นห่วงพราว ส่งบอดี้การ์ดมาดูแลถึงกองถ่าย แต่ถ้าพราวไม่ถูกใจบอดี้การ์ดทีมนี้ละคะ? คุณจะว่ายังไง”
“ผมไม่ว่าอะไรเลยครับ ผมแล้วแต่คุณพราว ถ้าคุณพราวไม่ชอบทีมนี้ เดี๋ยวผมจัดหาทีมใหม่ส่งไปให้ เอาเป็นว่าวันนี้ผมส่งทีมนี้ไปคุณพราวพิจารณาดูก่อนก็แล้วกันนะครับ”
พราวรู้สึกโล่งใจขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นก็โอเค. ค่ะ พราวจะพิจารณาดู แล้วจะให้คำตอบนะคะ”
ติณห์วางสาย พร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ ที่เขาสามารถเข้าไปปั่นป่วนในชีวิตของพราวได้
พราวกลับมาถ่ายแบบเซ็ตสุดท้ายต่อ ท่ามกลางความอารักขาเข้มของทีมบอดี้การ์ด จนทั้งเธอ แฟรงค์ เอมี่ และทีมงานอึดอัด
จนเมื่อการถ่ายทำเสร็จสิ้น สมชายก็ปรากฏตัวขึ้นมาพอดี พราวนึกอยากแก้เผ็ด เลยหันไปยังทีมบอดี้การ์ดชุดดำที่ยืนป้วนเปี้ยนอารักขาอยู่ใกล้ๆ
“เห็นผู้ชายคนนั้นไหม ไปขวางเค้าไว้ อย่าให้เค้าเข้ามา”
ทีมบอดี้การ์ดทั้งหมดรีบเดินปรี่เข้าไปหาสมชาย ทำเอาแฟรงค์กับเอมี่ตกใจ
“พราวกำลังจะทดสอบฝีมือทีมบอดี้การ์ดของคุณติณห์อยู่ไงคะ”
บอดี้การ์ดเดินตรงรี่เข้าไปหาสมชาย พลางลากแขนเขาจะพาออกไป แต่กลับถูกสมชายเล่นงานจนสะบักสะบอมทั้งทีม
“พอได้แล้วค่ะ”
พราวรีบเดินเข้ามาร้องห้าม
สมชายยืนเท้าเอวมองพราวอย่างหัวเสีย
“ฝีมือคุณเองเหรอ ที่สั่งให้ทั้ง4 คนมาขวางผม คุณทำบ้าอะไรของคุณ”
พราวยิ้มยั่ว “พูดจาให้มันสุภาพหน่อย ฉันไม่ได้บ้า ฉันก็แค่อยากจะทดสอบฝีมือคนที่จะมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉัน”
“บอดี้การ์ด? พวกนี้น่ะเหรอบอดี้การ์ดของคุณ”
สมชายพูดพลางส่ายหน้าแบบกวนๆ บอดี้การ์ดเหลือบตามองเขาอย่างเคืองๆ แต่ไม่กล้าหือ
“ขอบคุณพวกคุณทั้ง 4 คนมากนะคะที่มา พวกคุณไม่ผ่านการทดสอบของฉัน พวกคุณไม่ได้ไปต่อค่ะ แต่สำหรับคุณ นายสมชาย คุณผ่าน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณคือบอดี้การ์ดของพราว-พิชญาดา”
พราวทำท่าราวกับนางพญากำลังบัญชาการรบ สมชายสะดุ้งโหยง แฟรงค์กับเอมี่อ้าปากค้าง
“พี่แฟรงค์คะ ช่วยจ่ายค่าเสียเวลาให้ทีมบอดี้การ์ดทั้ง 4 คนด้วย ส่วนคุณ ตามฉันมา บอดี้การ์ดสมชาย”
พราวเดินเชิดออกไป สมชายรีบเดินตามไปอย่างขัดใจ ขณะที่แฟงรงค์มองตาม พลางทำท่าเหมือนลมจะใส่
พราวเดินเข้ามาหยุดยืนรอในห้องแต่งตัว ครู่หนึ่งสมชายก็เดินตามเข้ามา อย่างพยายามระงับอารมณ์สุดขีด
“ที่คุณเรียกผมมาหาถึงนี่ จะกวนประสาทกันเหรอ จะเอายังไงก็ว่ามา”
“เอายังไงเหรอ หูคุณหนวกเหรอคะ ตะกี้ฉันก็บอกไปแล้ว ว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณคือบอดี้การ์ดของฉัน”
สมชายส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“นี่มันไม่ใช่ละครที่คุณแสดงอยู่นะ อย่ามาเล่นกับผมอย่างงี้”
พราวยิ้ม อย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
“ก็ใครบอกล่ะว่าฉันเล่น ฉันพูดจริงๆ และคุณก็ต้องทำจริงๆด้วย ตามสัญญาที่คุณให้ไว้กับฉันไง คุณบอกว่าถ้าคุณจัดการกับไอ้โจรค้ายานั่นไม่สำเร็จ ฉันจะให้ชดใช้ยังไง คุณยินดีจะทำทุกอย่าง และฉันก็ไม่ไว้ใจใครให้มาคุ้มครองชีวิตฉัน นอกจากคุณคนเดียว”
พราวหลุดปากพูดออกไป สมชายมองหน้าเธออึ้งๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำ แต่เขาไม่อยากอยู่ใกล้เธอ เพราะกลัวแพ้ใจตัวเองต่างหาก
“แต่ถ้าคุณลำบากใจมาก ไม่อยากจะลดตัวลงมาทำ ก็ไม่เป็นไร ฉันจะไม่ฝืนใจคุณเด็ดขาด ลืมเรื่องสัญญาของคุณซะ เชิญคุณกลับไปได้แล้ว ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
สมชายหันเดินไปที่ประตู พราวกลั้นน้ำตาไว้ นี่คือเขาไม่อยากปกป้องเธอจริงๆล่ะหรือ ?
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เรียกผมนะ ผมจะยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู”
คำพูดของสมชายดึงความรู้สึกของเธอให้กลับมา พลางนึกตีความหมายของประโยคนั้น พร้อมกับ หัวใจที่เต้นโครมคราม
พอพราวเดินออกมาจากในห้อง สมชายกลับเป็นฝ่ายที่หัวใจเต้นโครามครามเสียเอง
“เอ่อ คุณไม่ไปกลับไปล่ะ มายืนเฝ้าหน้าห้องฉันทำไม?
“ยังจะถาม อยากให้ผมมาเป็นบอดี้การ์ดไม่ใช่เหรอ ผมก็เป็นให้แล้วนี่ไง”
พราวพยายามกลั้นความดีใจไว้ “แปลว่า คุณยินดีชดใช้ให้ฉัน”
“รู้น่าว่าผมต้องชดใช้ พูดย้ำอยู่ได้ รีบๆไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้า ผมไม่ยืนขาแข็งรอคุณอยู่หน้าห้องทั้งวันหรอกนะจะบอกให้”
พราวมองค้อน ก่อนจะผลุบหน้ากลับเข้าห้องไป ยืนยิ้มดีใจอยู่หลังประตู แครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงเอะอะดังออกมาจากด้านนอก เมื่อเปิดประตูออกไปดูอีกครั้ง ก็เห็นสมชายกำลังกันฝ่ายคอสตูม-หน้า-ผมไว้ไม่ให้เข้าห้อง
“ให้พี่ๆ เค้าเข้ามาเถอะคุณ นั่นทีมงานถ่ายแบบน่ะ”
สมชายยิ้มเก้อๆ “งั้นก็ เชิญครับ”
“ทำงานได้ดีมาก บอดี้การ์ดสมชาย”
พราวหัวเราะขำ ก่อนจะรีบผลุบกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง สมชายยืนหงุดหงิดตัวเอง พร้อมกับรีบหยิบมือถือออกมาโทร. แจ้งสหวุฒิ
“ฮัลโหล ผู้กำกับครับ ผมเจอดีเข้าแล้ว หึ จะใครซะอีกล่ะครับ”
ส่วนสุดเขตต์ก็โดนมาโนช ซึ่งเป็นคนขับรถผู้ภักดีของติณห์ พร้อมด้วยสมุนอีก 2 คน คุมตัวไปพบกับติณห์ตามคำสั่ง
เมื่อเขาถุกนำตัวมาในห้อง ก็เห็นติณห์นั่งจิบกาแฟรออยู่อย่างใจเย็น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พลางส่งยิ้มน้อยๆ มาให้ แต่สุดเขตต์กลับมองเห็นความเลือดเย็นซ่อนอยู่ในแววตาคู่นั้น
“เชิญนั่งซิครับคุณนักข่าว”
แต่สุดเขตต์กลับยืนเฉย
“ถ้าคุณมีธุระอยากจะคุยกับผม บอกกันดีๆก็ได้ครับคุณติณห์ ผมไม่พกอาวุธ มีแค่กล้องถ่ายรูปติดตัว ไม่จำเป็นต้องส่งลูกน้อง ไปจี้ตัวผมมาหรอก”
ติณห์ทำเป็นตกใจ
“เหรอครับ ลูกน้องผมทำอย่างงั้นกับคุณเหรอ? ยังไงผมต้องขอโทษแทนลูกน้องผมด้วยก็แล้วกันครับ ที่ทำรุนแรงกับคุณ งั้นผมจะพูดตรงๆเลยนะครับคุณสุดเขตต์ คุณเป็นนักข่าว ก็ทำงานของคุณไป อย่ามาอาจเอื้อมตีสนิทกับซูเปอร์สตาร์อย่างคุณพราวของผม คุณพราวเค้าอึดอัด เค้าไม่ชอบสุงสิงกับนักข่าว โดยเฉพาะนักข่าวของ HOT SHOT อย่างคุณ เข้าใจไว้เสียด้วยนะครับ”
สุดเขตต์ย้อนกลับหน้านิ่ง
“นี่คุณพราวเป็นคนให้คุณมาบอกผม หรือว่าคุณเป็นคนอยากบอกกับผมเองครับ ?”
“ใครบอกก็เหมือนกัน ผมกับคุณพราวเป็นแฟนกันก็เหมือนคนๆเดียวกัน หวังว่าผมคงไม่ต้องให้คนของผมไปเชิญตัวคุณมาเตือน เป็นครั้งที่ 2 นะครับ”
ติณห์จงใจพูดขู่กรายๆ มาดนิ่งๆ ของเขานั้น ดูมีบางสิ่งน่ากลัวซ่อนอยู่ลึกๆ
คล้อยหลังที่ติณห์เดินออกไป สุดเขตต์ก็รำพึงกับตัวเอง ด้วยความเป็นห่วงพราว
“หึ ที่แท้ก็เป็นเทพบุตรจอมปลอม คุณพราวจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของนายติณห์สักแค่ไหนเนี่ยะ”
แฟรงค์ไม่เห็นด้วยเลยกับการที่พราวเลือกสมชายมาทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ด
“เหตุผลอันใดเหรอ หนูถึงได้เลือกนายสมชายมาเป็นบอดี้การ์ดน่ะ อย่าลืมสิว่าตอนที่หนูมีภาพหลุดพายเรือเล่นกับนายสมชายที่อัมพวา คุณติณห์เป็นคนออกหน้ากับสื่อว่าเป็นผู้ชายพายเรือคนนั้นแทนนายสมชายนะ หนูถึงรอดข่าวฉาวมาได้อย่างฉิวเฉียด”
แต่พราวไม่อยากพูดถึงเหตุการณ์ที่อัมพวาอีก
“ขอทีเถอะพี่แฟรงค์ นั่นมันเรื่องเก่าเก็บ อย่าเอามาพูดอีกได้ไหม พราวไม่อยากจะได้ยิน ตอนนี้พราวกับนายสมชายไม่ได้มีอะไรกันแล้ว”
แฟรงค์ถอนหายใจ
“งั้นขอ 3 คำซิ ทำไมบอดี้การ์ดของหนูถึงต้องเป็นนายสมชายคนนี้ ?”
พราวอึ้งไป เพราะ 3 คำในใจเธอก็คือ...เธอรักเขา...
พราว ตอนที่ 8 (ต่อ)
แฟรงค์กับเอมี่ลุ้นว่าพราวจะหลุดคำอะไรอะไรออกมา
“ไว้ใจเค้า”
“ไว้ใจเหรอ หนูไว้ใจเค้าได้แค่ไหนเชียว ?”
พราวตอบกลับมาด้วยความมั่นใจ
“บอกได้คำเดียวว่ามาก เค้ารู้จักพราวดี พอๆกับที่พราวรู้จักเค้าดี รู้จักไปถึงครอบครัวของเค้าว่าเป็นคนดีขนาดไหน แต่ถ้าเป็นคนอื่น พราวไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเค้าเลย พี่จะให้พราวเสี่ยงเอามาเป็นบอดี้การ์ดติดตัวพราวตลอดเวลาได้ยังไงกัน”
เอมี่พยักหน้าเห็นด้วย แต่แฟรงค์กลับยังมีข้อโต้แย้ง
“แต่พราวไม่ได้มีหนูเพียงคนเดียวนะจ๊ะยังมีมีนอีกคนนึง จำกันบ่ได้ก่า จะต้องให้พี่บอกนายบอดี้การ์ดสมชายของหนูรู้ด้วยไหม ว่าหนูมีสแตนด์อินชื่อว่ามีนอีกคน”
ไม่ทันขาดคำ สมชายก็โผล่เข้ามา พราวรีบคว้ากระเป่าทันที
“ฉันหิวแล้ว ไปหาอะไรทานกัน จะได้นั่งคุยกันด้วยว่าต่อจากนี้ไปบอดี้การ์ดสมชายจะต้องดูแลพราว-พิชญาดายังไงบ้าง”
แต่ไม่วายหันมากระซิบแฟรงค์กับเอมี่อย่างนึกสนุก เพราะอยากทดสอบอะไรบางอย่างกับสมชาย
“อย่าบอกเค้าเรื่องมีนเด็ดขาดนะ ถ้าเค้าจะรู้ ก็ให้เค้ารู้ด้วยตัวเค้าเอง”
ทีมบอดี้การ์ดหอบใบหน้า และสภาพร่างกายที่สะบัดสะบอมกลับไปรายงานติณห์
“มีคนมาหาคุณพราวครับ คุณพราวสั่งให้พวกเราขวางมันไว้ไม่ให้เข้า แต่...”
ยังเล่าไม่ทันจบ จันทร์จรีก็สอดขึ้นมาก่อน
“แต่ขวางมันไว้ไม่ได้ล่ะซิ ถึงได้เจ็บตัวหน้าตาแหกหมอไม่รับเย็บมาแบบนี้ อุ้ยตาย นี่พวกมันต้องพาพวกมามากแน่ๆเลยค่ะคุณติณห์ ถึงรุมยำคนของคุณถึง 4 คนได้ขนาดนี้”
ติณห์มองอย่างฉุนๆ “พวกมันมากันกี่คน ?”
บอดี้การ์ดอึกอัก “เอ่อ มาคนเดียวครับ”
“อะไรนะ มาคนเดียว แล้วมีเรื่องขนาดนี้ ทิ้งคุณพราวกลับมาได้ยังไง ทำไมไม่อยู่ดูแลต่อผมจ้างพวกคุณไปเป็นบอดี้การ์ดของคุณพราวนะ”
“คุณพราวเป็นคนไล่พวกเรากลับเองครับ แล้วให้ไอ้นั่นเป็นบอดี้การ์ดแทน”
ติณห์ตะลึง ขณะที่จันทร์จรีหูผึ่ง
“ว่าไงนะ ให้เป็นบอดี้การ์ดแทนงั้นเหรอ บอกผมมาซิ ว่าหมอนั่นชื่ออะไร ?”
“ผมได้ยินคุณพราวเรียกมันว่า บอดี้การ์ดสมชายครับ”
สิ้นคำว่าสมชาย ติณห์ก็เรียกมาโนชมาสั่งการให้รีบพาเขาไปหาพราวที่โรงแรมทันที
“สิ่งที่คุณต้องให้ผมทั้งหมดก็คือ คิวงานของคุณ แต่ละวันคุณไปไหน ทำอะไร นัดกับใครต้องให้ผม
รู้ความเคลื่อนไหวของคุณทุกอย่าง”
สมชายพูดกับพราวอย่างจริงจัง ต่อหน้าแฟรงค์ และเมี่
“แม้แต่เวลาที่ฉันจะไปออกเดตสวีตกับใคร ก็ต้องบอกคุณด้วยเหรอ?”
พราวจงใจจะพูดยั่วเขา เลยเจอสมชายสวนกลับ
“แม้แต่เวลาที่คุณพาหมาไปกำจัดเห็บก็ยังต้องบอกผมเลย”
พราวมองค้อนที่โดนโต้กลับ “ โอเค. ฉันจะให้คุณได้รู้ทุกวินาทีในชีวิตของฉันเลย”
“ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกคุณ เอาแค่เวลาที่คุณต้องออกจากบ้านเป็นพอ ไม่ถึงกับต้องให้ผมปลุกคุณตื่นนอนทุกเช้าและส่งคุณเข้านอน กู๊ดไนท์ทุกคืนหรอก ผมจะไม่ทำเกินหน้าที่บอดี้การ์ด”
สมชายพยายามพูดย้ำว่าเขาจะไม่ข้องเกี่ยวกับเธอในเรื่องส่วนตัวเด็ดขาด
“ไม่ต้องห่วง ฉันก็จะไม่ให้โอกาสคุณทำเกินหน้าที่เหมือนกัน”
ทั้งคู่มองมองหน้ากันอย่างมีทิฐิ แฟรงค์กับเอมี่นั่งมองหน้าพราวกับสมชายสลับกัน ด้วยความรู้สึกว่าทั้งคู่คุยกันเหมือนนั่งอยู่ที่โต๊ะกันแค่ 2 คน
จันทร์จรีที่แอบถามจากบอดี้การ์ดว่าพราวอยู่ที่โรงแรมไหน ก็รีบบึ่งตามมา เห็นพราวที่เพิ่งปลีกตัวออกมาจากสมชาย กำลังเดินเข้าห้องน้ำตามลำพัง ก็แอบยิ้มร้าย
ส่วนสมชายที่ยืนรออยู่ กำลังจะเดินเข้าไปตาม แต่ติณห์ที่มาพร้อมกับมาโนช เข้ามายืนขวางหน้าไว้
“บอดี้การ์ดสมชาย ผมนึกว่าใคร ที่แท้ก็ผู้ชายพายเรือคนเดิมของคุณพราวนี่เอง”
สมชายฝืนหัวเราะ “ดูท่าทางคุณผิดหวังมากนะครับคุณติณห์ ที่เป็นผม”
“ก็แล้วทำไมต้องเป็นคุณ ?”
“อันนี้ผมก็ไม่ทราบ คุณต้องรอถามจากปากคุณพราวเอาเองนะครับ”
ติณห์จ้องหน้าสมชายอย่างไม่พอใจ
“ผมถามจากคุณพราวแน่ แต่ตอนนี้ผมกำลังถามจากปากคุณ ว่าทำไมคุณถึงต้องมาเป็นบอดี้การ์ดให้คุณพราว หรือว่างานตำรวจมันว่างเกินไป”
“ผมก็ไม่ว่างหรอกครับ แล้วจริงๆผมก็ไม่อยากจะมาทำด้วย แต่เผอิญว่าบอดี้การ์ดที่คุณส่งมาน่ะมันห่วย ผมก็เลยซวย จำเป็นต้องทำ เพราะไม่อย่างงั้นชีวิตของคุณพราวอาจตกอยู่ในอันตรายอีกก็ได้”
ติณห์ขบกรามแน่น ด้วยความโกรธ
พราวเดินออกจากห้องน้ำ ตรงมาจะมาล้างมือที่อ่าง แต่แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นจันทร์จรียืนอยู่ แต่เธอก็ทำใจดีสู้เสือ เดินมาล้างมือข้างๆ เหมือนไม่มีอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงนั้น
จันทร์จรียืนมองเปรียบเทียบตัวเองกับพราวจากเงาในกระจก
“ แค่เห็นเรายืนอยู่หน้ากระจกเคียงคู่กันแบบนี้ ก็สูสีแระ โลกมายาจะไม่เป็นของพราว-พิชญาดา คนเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่จะมีจันทร์จรีคนนี้เข้ามาเป็นคู่แข่งด้วย”
พราวเงยหน้าขึ้นมอง พลางส่ายหน้าเหมือนไม่อยากเสวนาด้วย
“นี่ไม่ใช่โลกมายาจรี แต่นี่มันในห้องส้วมย่ะ เป็นเอามากนะ”
พูดพลางยิ้มเยาะใส่ แล้วหันจะเดินไป จันทร์จรีรีบมายืนขวางไว้ด้วความโมโห
“แกนั่นแหละเป็นเอามาก อีซุปตาร์หลงตัวเอง รู้ว่าคุณติณห์เค้าอยู่กับฉันที่งานเปิดแถลงข่าวใช่ไหม ทำเป็นวางแผนเรื่องบอดี้กง บอดี้การ์ด ให้คุณติณห์เค้าทิ้งฉันมาหาแกถึงที่นี่”
พราวมองอีกฝ่ายด้วยหางตาเหยียดๆ
“ใครกันแน่ที่วางแผน พรีเซ็นเตอร์แป้งทูเวย์งั้นเหรอ แผนเสนอตัวแบบเด็กๆ คิดว่าฉันไม่รู้เท่าทัน
ฉันไม่อยากจะพูดเท่านั้นแหละไปให้พ้นทางฉัน”
พราวพูดพลางจะเดินผ่านไป แต่จันทร์จรีกลับผลักไหล่ จนพราวถึงกับผงะ แล้วเงื้อมือตบ
“สูงส่งนักเหรอมึง”
แต่พราวก้มหลบทัน พลางผลักจันทร์จรีไปชนประตูห้องน้ำ แล้วรีบก้าวจะเดินหนี แต่อีกฝ่าย ยกเท้าขัดขาไว้
พราวสะดุดเกือบล้มดีที่มือคว้าเคาน์เตอร์อ่างจับพยุงตัวไว้ได้ วินาทีนั้นเอง เธอก็นึกถึงสมชายขึ้นมา
ส่วนที่ด้านนอก ติณห์กับสมชายก็ยังคงปะทะคารมกันแบบไม่มีใครยอมใคร
“ผมคิดว่าคุณน่าจะเอาเวลาที่มาติดตามเป็นบอดี้การ์ดให้คุณพราวไปทำงาน ติดตามจับคนร้ายที่ปองร้ายคุณพราว น่าจะมีประโยชน์กว่า”
“ก็ที่ผมมาเป็นบอดี้การ์ดให้คุณพราวนี่แหละครับ ผมกำลังตามจับตัวคนร้ายอยู่ มันโผล่มาเล่นงานคุณพราวอีกเมื่อไหร่ ผมจะจับให้ได้คาหนังคาเขาเลย ถามจริงๆเถอะ ที่คุณมาทำท่าร้อนตัวไม่อยากให้ผมมาเป็นบอดี้การ์ดของคุณพราวนี่ เพราะหึงหรือกลัวอะไรกันแน่ครับ ?”
สมชายย้อนกลับไปนิ่งๆ แต่ติณห์สามารถพูดเบี่ยงประเด็นได้ทันท่วงที
“รึผมไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อคุณพราวเป็นแฟนผม ผู้ชายคนไหนเข้ามาใกล้ชิดคุณพราว ผมก็ไม่ไว้ใจทั้งนั้น
โดยเฉพาะคุณ”
สมชายพยายามข่มความรู้สึก
“หึๆ เจ้าชายอย่างคุณ จะมากลัวอะไรกับนายสมชายอย่างผม แล้วคนอย่างผมก็ไม่มีรสนิยมชอบดาราซะด้วย รำคาญด้วยซ้ำไป ดูนี่ให้ผมถือของ แล้วก็หายไปเข้าห้องน้ำนาน 2 นาน”
จันทร์จรีปรี่เข้าหาพราว ด้วยความเดือดดาล
“วันนี้ฉันจะสั่งสอนแก ฉันรอโอกาสนี้มานานแล้ว”
พร้อมกันนั้นก็กระชากไหล่พราวหันมาจะตบ แต่กลับถูกคว้ามือไว้ได้ทั้งสองมือ
สุดท้ายพราวก็พลาดท่าเสียที ตกเป็นรองจันทร์จรี โชคดีที่แม่บ้านที่เป็นแฟนคลับของพราวเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน
พราวรีบฉวยจังหวะ หลบออกมาจากห้องน้ำทันที
พราวเดินออกจากห้องน้ำด้วยอารมณ์หงุดหงิด เนื้อตัวมีร่องรอยถูกทำร้าย สมชายที่เดินหิ้วของพะรุงพะรังจะมาตาม เห็นเข้าพอดี
“คุณพราว มีอะไรรึเปล่าคุณ มาเข้าห้องน้ำซะนาน”
“ก็แล้วทำไมคุณไม่ตามมาดูล่ะ มีคนตามมาหาเรื่องฉันในห้องน้ำ” พราวพุดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ
“ใครหาเรื่องคุณ ไหนมันอยู่ไหน ?”
สมชายจะเดินไปดูที่ห้องน้ำแต่พราวคว้าแขนรั้งไว้
“ไม่ต้องแล้ว ปล่อยยัยนั่นเถอะมีคนสั่งสอนให้แล้ว”
“ยัยนั่น ผู้หญิงเหรอ ?”
จังหวะนั้นติณห์กับมาโนชที่เดินตามหลังมา เห็นพราวยืนจับแขนสมชายก็ไม่พอใจ
“คุณพราวครับ ถ้าคุณไม่พอใจบอดี้การ์ดที่ผมส่งมาวันนี้ พรุ่งนี้ผมจะส่งทีมใหม่มาให้คุณเลือกอีกสองสามทีมเลย”
พราวหันไปมองหน้าติณห์ ด้วยอารมณ์ที่โกรธที่ค้างมาจากจันทร์จรี
“ไม่ต้องส่งมาหรอกค่ะ เพราะว่าพราวเลือกแล้ว”
“นี่ ตกลงคุณจะให้สารวัตรมาเป็นบอดี้การ์ดให้จริงๆเหรอครับ ผมเกรงว่าคนๆ เดียวจะดูแลคุณไม่ไหว เปลี่ยนเถอะครับให้ผมช่วยหาให้ใหม่”
สมชายเริ่มรู้สึกเอะใจ ที่เห็นติณห์พยายามขจัดเขาออกจากตำแหน่งบอดี้การ์ด แต่เขาก็ทนเงียบไป พลางหันมองหน้าพราว เพราะอยากรู้ว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไร
“ถ้าฉันยอมเปลี่ยนตัวบอดี้การ์ด แล้วคุณล่ะคะ จะยอมเปลี่ยนตัวพรีเซ็นเตอร์แป้งทูเวย์ของคุณ
ไหม ?”
ติณห์งงๆ “คุณจันทร์จรีน่ะเหรอครับ เค้ามาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ ?”
“คุณก็ไปดูที่ห้องน้ำเอาเองซิคะ พรีเซ็นเตอร์ของคุณตามมาหาเรื่องฉัน”
ขาดคำจันทร์จรีก็เดินโผล่ออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพยับเยิน พอเห็นติณห์ และทุกคนมองจ้องมา ก็ตกใจ
“นี่คุณมาทำอะไรคุณพราว มาหาเรื่องในห้องน้ำเหรอ”
สมชายโวยจะเอาเรื่องในฐานะบอดี้การ์ด แต่พราวกลับปรามไว้
“อย่านายสมชาย เราไปเถอะ ปล่อยให้คุณติณห์เค้าจัดการคนของเค้า”
พราวมองมาที่ติณห์อย่างไม่สบอารมณ์แล้วหันเดินไป สมชายรีบตามไป ติณห์มองจันทร์จรี ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ ที่เธอเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเขี่ยสมชายไปจากพราวไม่ได้
“คุณเจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า ?”
สมชายหันมาถามพราวอย่างเป็นห่วง ขณะที่นั่งอยู่ในรถด้วยกัน
“เจ็บแขนนิดหน่อย ตอนงัดสู้กับยัยนั่น”
สมชายมองอย่างเห็นใจ
“เยอะไปนะ ผมหมายถึงคุณน่ะเจอเรื่องมาเยอะ ทั้งจากไอ้เจ๋ง ทั้งข่มขู่จากชายลึกลับ ทั้งจดหมายรักจากแฟนคลับ แล้วนี่ยังมาเจอเกาเหลาจากดาราด้วยกันอีก”
พราวถอนใจอย่างอ่อนแรง
“มันคงเป็นรางวัลความสำเร็จของฉันมั้ง ทำไงได้ ในเมื่อฉันหนีไปอัมพวาเหมือนคราวก่อนไม่ได้อีกแล้ว ฉันถึงต้องอยู่สู้ ต้องอดทนอดกลั้นผ่านเรื่องพวกนี้ไปให้ได้”
เมื่อเอ่ยถึงอัมพวา สมชายก็หันไปมองสบตากับพราว อย่างเข้าใจความรู้สึก เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยพยายามจะหนีจากวงการ แต่เธอก็หนีมันไม่สำเร็จ
“ขอให้คุณผ่านมันไปให้ได้นะ ส่วนผมก็จะทำหน้าที่ของผม ในเมื่อผมต้องตกกระไดพลอยโจนเป็นบอดี้การ์ดให้คุณแล้ว ผมก็จะดูแลคุณให้ดีที่สุด”
สมชายยิ้มให้พราวอย่างอบอุ่น และจริงใจ
ส่วนจันทร์จรีก็มารยาใส่ติณห์
“จรียอมรับค่ะว่าจุ้นจ้านที่ตามคุณมาแบบนี้ ก็จรีทนเห็นคุณเป็นทุกข์ เป็นร้อนเพราะยัยพราวไม่ได้นี่คะ ดูซิ คุณอุตส่าห์เป็นห่วงหาบอดี้การ์ดมาให้ กลับเรื่องมาก ไปคว้านักเลงหัวไม้ที่ไหนไม่รู้ มาเป็นบอดี้การ์ดหักหน้าคุณเฉยเลยอ่ะ”
ติณห์ทำทีเป็นคล้อยตามสิ่งที่จันทร์จรีพยายามพูดเสี้ยม
“ผมเองก็ผิดหวัง คุณพราวเลือกที่จะไว้ใจนายสมชาย แทนที่จะไว้ใจคนของผม”
“ก็นั่นน่ะซีคะ พราวทำไม่ถูก พอจรีเตือนเข้าหน่อย เค้าก็โกรธ ตบจรีก่อน จรีก็เลยต้องสู้น่ะซีคะ”
“เจ็บมากเหรอครับคุณจรี? เป็นอะไรมากไหมครับนี่”
ติณห์ทำห่วงยื่นมือไปจับคางเธอให้หันมาดูแผลช้ำๆ ที่มุมปาก จันทร์จรีถึงกับอึ้ง มองหน้าเขาแล้วก็พูดอ้อน
“จรีเจ็บตัวไม่เท่าไหร่ แต่มันเจ็บที่ใจน่ะซิคะ ที่เห็นผู้ชายแสนดีของจรีคนนี้ ถูกยัยพราวทิ้งขว้างความห่วงใยที่มีให้อย่างไม่มีชิ้นดี ถ้าจรีเป็นยัยพราว จรีจะใช้ความห่วงใยของคุณที่มีให้อย่างมีความสุขที่สุดเลยค่ะ”
จันทร์จรีพูดพลางจับมือติณห์ที่จับคางตัวเองมากุมไว้ พร้อมกับสบตาอย่างหวานซึ้ง เข้าทางของติณห์ ที่แสร้งทำเป็นยิ้มอบอุ่นอย่างสุภาพบุรุษตอบกลับมา
“ถ้าคุณเห็นค่าในความห่วงใยของผม ต่อไปก็อย่าไปมีเรื่องมีราวกับคุณพราวแบบนี้อีกนะครับ เรื่องระหว่างผมกับคุณพราว ผมจัดการเองได้”
จันทร์จรีรีบเสนอตัว “แต่ถ้าคุณจัดการไม่ได้ นึกถึงจรีนะคะ จรีช่วยคุณได้ทุกอย่างเลย”
“ครับ ผมจะนึกถึงคุณเป็นคนแรก”
จันทร์จรีแอบยิ้มดีใจ “เสร็จฉันล่ะคุณติณห์”
ส่วนมีนก็ถึงกับตกใจ อ้าปากค้าง เมื่อรู้จากแฟรงค์ว่าสมชายมาเป็นบอดี้การ์ดให้พราว
“แล้วหนูจะโคม่าไหมคะพี่ เค้ามาเป็นบอดี้การ์ดให้แบบนี้ เค้าต้องจับได้แน่ๆว่าหนูไม่ใช่พราวตัวจริง”
แฟรงค์รีบโบกมือห้าม
“หยุด ไม่เอา ไม่พูด หนูต้องแสดงให้เนียน ไม่ให้เขาจับได้ เข้าใจไหม ไม่มีแต่ นี่เป็นคำสั่งของพราว”
“ก็แล้วทำไมคะ? คุณพราวไว้ใจคุณสมชายถึงขนาดให้มาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวแล้ว ไม่บอกความจริงเค้าไปเลยล่ะคะ จะไปปิดเค้าอีกทำไม”
เอมี่ส่ายหน้า เพราะเธอก็ไม่รู้จุดประสงค์ของพราวเหมือนกัน“ไปปิดเค้าแล้วเกิดเค้ามาจับผิดได้ทีหลังล่ะคะ?”
มีนยังไม่คลายกังวล แฟรงค์รีบพูดให้กำลังใจ
“นายสมชายคงไม่อยู่เป็นบอดี้การ์ดนานจนจับผิดได้หรอก คิดซะอย่างนั้น แต่หนูต้องอยู่เป็น
สแตนด์อินของพราวไปอีกนาน เพราะฉะนั้นที่เจ๊มาหาหนูถึงนี่ เพราะเจ๊คิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เจ๊จะต้องจัดให้หนูซะที”
มีนมองหน้าแฟรงค์งงๆ “จัดอะไรคะ?”
“ศัลยกรรม !”
มีนยืนมองหน้าตัวเองในกระจก ภาพที่เห็นตรงหน้าคือหญิงสาวที่มีปานแดงข้างหนึ่ง เธอค่อยๆ ยกฝ่ามือขึ้นมาปิดแก้มข้างที่มีปานแดง พลันใบหน้าที่อัปลักษณ์เมื่อครู่กลับกลายมาเป็นสาวสวยเหมือนเป็นพราวตัวจริงไม่ผิดเพี้ยน
เสียงของแฟรงค์ยังก้องในหู
“พี่รู้จักหมอศัลยกรรมเก่งอยู่คนนึง ดารานักร้องหน้าปลวกหลายต่อหลายคนเดินเข้าคลีนิกหมอคนนี้ กลับออกมาสวยหล่อ ชีวิตเปลี่ยนทันที กลับมาดังได้ด้วยมีดหมอ หนูน่ะไปเอาปานแดงที่หน้าออกซะ ให้หน้าใสกริ๊ง ฟรุ้งฟริ้งได้ทุกมุม ทีนี้แหละหนูจะกลายเป็นพราว-พิชญาดาล้านเปอร์เซ็นต์ รับรอง เทวดาหน้าไหนก็จับไม่ได้ว่าหนูคือมีน เด็กกำพร้า ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์พราว”
มีนนึกย้อนไปถึงคำพูดของคนที่เคยเรียกเธอว่าอีปาน ....อีอัปลักษณ์ ด้วยความเจ็บช้ำ ที่ถูกเหยียบย่ำมาตลอด
“มีน”
มีนสะดุ้ง หลุดจากภวังค์ หันไปมอง เห็นแม่แก้วยืนอยู่ ด้วยสีหน้ากังวล
“คุณแฟรงค์ใจดีจะจ่ายเงินเอาปานแดงออกให้หนูจริงๆเหรอลูก?”
“พี่แฟรงค์บอกว่าอย่างงั้นค่ะ เอ่อ แม่แก้วคิดว่ายังไงคะ?”
แม่แก้วมองหน้ามีนด้วยแววตารักใคร่
“ก็แล้วแต่หนู มันชีวิตของหนู ถ้าไม่มีปานแดงบนหน้าหนูมีนของแม่ก็คงจะสวยมาก แต่ถึงหนูไม่เอาออก มีนก็สวยที่สุดสำหรับแม่อยู่แล้ว โดยเฉพาะข้างในตรงนี้ของหนู มันสวยงามที่สุดสำหรับแม่”
มีนโอบไหล่แม่แก้วมากอดไว้ พลางคิดอย่างลังเลใจ
โอกาสมาหยิบยื่นให้แล้ว จะศัลยกรรมเพื่อเปลี่ยนชีวิตหรือไม่?
พราว ตอนที่ 8 (ต่อ)
สมชายเดินหอบข้าวของพะรุงพะรังเข้ามาส่งพราวที่บ้านพราวแสง พราวรีบแนะนำให้ต้อยติ่ง มิกิ มาร์ค รู้จักกับสมชายในฐานะบอดี้การ์ด จากนั้นก็เริ่มต้นสั่งการทันที
“พรุ่งนี้10 โมงเช้านะบอดี้การ์ดสมชาย”
สมชายหันมามองหน้าพราวอย่างงงๆ
“10 โมงเช้าทำไมครับคุณซุปตาร์ ?”
“อ้าว ฉันก็ต้องเห็นคุณมารอรับฉันที่นี่ไง อย่าชักช้าล่ะ พราวไม่ชอบการรอ”
พราวพูดยิ้มๆ รู้สึกมีความสุขกับการได้ต่อปากต่อคำกับสมชาย ต้อยติ่ง มิกิ มาร์ค มองอย่างแปลกใจกับท่าทางกรุ้มกริ่มๆ แบบสาวน้อย อย่างที่ไม่เคยเห็นพราวเป็นมาก่อน
พราวแอบชะโงกหน้ามองไปที่หน้าบ้าน จะแอบดูสมชาย แต่แล้วก็กลับเป็นฝ่ายสะดุ้งเมื่อเห็นหน้าเขาจ่ออยู่ที่กระจก
“คุณลืมบอกอะไรผมไปรึปล่าวคร้าบคุณพราว ?”
“บอกอะไร ?”
“ก็บอกกู๊ดไนท์ผมก่อนกลับไงครับ”
พราวมองหน้าสมชายอย่างเคลิ้มๆ แต่เขากลับหัวเราะทะเล้นออกมาทำลายบรรยากาศ
“จริงซิ ผมลืมไปว่าตัวเองไม่ใช่ไฮโซติณห์ คุณเลยไม่มีอารมณ์ร่วมที่จะหว่านเสน่ห์ใส่ก่อนกลับ”
พราวโมโห ผลักประตูกระจกโผล่ไปยื่นมือตี แต่กลับถูกสมชายคว้ามือเอาไว้
“โห พูดแทงใจดำเข้าหน่อยทำเป็นโกรธ ขอโทษ ผมไม่ใช่ไฮโซติณห์นะ ถูกคุณเหวี่ยงใส่แบบนี้ แล้วจะดึงมากอด มาจูบปลอบใจให้หายโกรธ บรื๋อ ผมทำไม่เป็นอ่ะ ซอรี่นะ”
พราวกระชากมือออก “ไอ้บ้า ไปให้พ้นเลย ไป๊”
“หลับฝันดีนะคุณ”
สมชายเดินหัวเราะไป พราวตะโกนตามหลัง
“ฝันร้ายน่ะซิ”
สมชายขับรถออกไป โดยไม่ทันสังเกตว่าที่มุมมืดไม่ไกลจากประตูรั้ว มีรถสีดำคันหนึ่จอดซุ่มอยู่
ติณห์นั่งมองความเคลื่อนไหวของสมชายอยู่ในรถ ด้วยแววตาเหี้ยม ผิดกับท่าทีที่สุภาพอ่อนโยนอย่างสิ้นเชิง
สุดเขตต์เอง ก็นิ่งคิด อย่างเครียดๆ เมื่อนึกถึงท่าทีที่ติณห์พูดจาข่มขู่เขา
“สุภาพบุรุษตัวจริง จะไม่ใช้วิธีข่มขู่แบบนี้ ภาพลักษณ์เป็นนักธุรกิจผู้ดีมีสกุล แต่กลับมีลูกน้องพกปืนไว้ข้างตัว โชคดีจริงไอ้สุดเขตต์ ที่ได้เห็นตัวตนของนายติณห์ ต้องหาทางเตือนคุณพราวให้ระวังนายติณห์คนนี้เอาไว้
เฮ่อ แล้วคนไหนคุณพราว?”
สุดเขตต์เริ่มสับสนกับความคิดของตัวเอง
“ชัวร์ ไม่ใช่คนเดียวกันแน่ๆ เราไม่ได้คิดไปเอง แล้วจะพิสูจน์สมมุติฐานของตัวยังไงวะเนี่ยะ?”
แล้ววันที่เขาเจอสมชายที่คอนโดหรูของพราวก็แว่บเข้ามาในสมอง
“ถ้าปรกติคุณพราวอยู่ที่บ้านพราวแสง แล้วที่คอนโดริมเจ้าพระยานั่นล่ะ?”
ในที่สุดมีนก็ตัดสินใจที่จะทำศัลยกรรม แฟรงค์กับเอมี่ถึงกับกระโดดโลดเต้นดีใจกัน
“ขอบใจมากมีน เทพธิดาขี่ม้าขาวของพี่ พี่รับรองว่าหนูจะไม่ผิดหวังที่ตัดสินใจทำศัลยกรรม หนูจะกลายเป็นพราวที่สมบูรณ์แบบที่สุดเหมือนกับเป็นคนเดียวกันจนแยกไม่ออกเลยล่ะ”
มีนยิ้มกว้าง แต่แอบซ่อนความกังวลในแววตา
สุดเขตต์ตัดสินใจที่จะมาสืบเรื่องของพราวที่คอนโด แล้วจากการที่ได้เลียบๆ เคียงๆ ถามแม่บ้านที่ดูแลคอนโด ก็ได้ข้อมูลเพิ่มมาข้อหนึ่งว่า พราวมีคอนโดอยู่ที่นี่จริง
ขณะที่เขากำลังยืนคิดลำดับเรื่องราว สายตาก็เหลือบไปเห็นแฟรงค์กับเอมี่เดินออกมาจากลิฟท์ แต่ที่น่าแปลกใจที่สุด ก็คือคนที่เดินตามหลังทั้งคู่ออกมา
มีนเดินออกแฟรงค์กับเอมี่มาจากลิฟท์ แม้จะสวมหมวกแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าปอนๆ แต่ก็มีส่วนคล้ายพราวมาก สุดเขตต์ยืนตะลึง พยายามจะมองหน้ามีนชัดๆ แต่เธอกลับยกมือขึ้นดึงปีกหมวกลงมาปิดหน้าตามิดชิด
“ต้องใช่คุณพราวแน่ๆ แต่แต่งตัวอย่างงั้น มันไม่ใช่คุณพราวเลย เฮ้อ พูดเอง งงเอง วันนี้ต้องรู้คำตอบให้หายคาใจให้ได้”
ต้อยติ่ง มิกิ มาร์ค กำลังมุงดูหน้าปกหนังสือ HOT SHOT ที่เป็นรูปจันทร์จรีถ่ายกับติณห์ในงานเปิดตัวแป้งทูเวย์ รู้สึกไม่พอใจแทนพราว
พอพราวสวมชุดจะไปฟิตเนสเดินสะพายกระเป๋ากีฬาลงมาจากชั้นบน ทั้ง 3 คน ก็รีบซ่อนหนังสือไว้เพราะไม่อยากให้พราวเห็น แต่ก็ไม่อาจพ้นสายตาของเธอไปได้
“หนังสือ HOT SHOT ใช่ไหมน่ะ ยัยส้มจี๊ดลงข่าวโจมตีอะไรฉันอีกรึเปล่า?”
มิกิกับมาร์คอึกอัก แต่ต้อยติ่งกลับหลุดปากพูดออกมา
“มีซีคะ ดูนี่เลย นี่ๆ มันลงข่าวว่านังจันทร์จรีกำลังเข้ามาเป็นมือที่ 3 ระหว่างคุณพราวกับไฮโซติณห์”
ขาดคำพราวก็รีบคว้าหนังสือไปเปิดดู พอเห็นรูปก็เดือดดาล
“คิดจะล่อเป้าฉันให้ออกสื่อไปตอบโต้เรื่องแย่งผู้ชายงั้นเหรอ พราวไม่ทำเรื่องต่ำๆอย่างงั้น ไม่มีทาง”
พราวเขวี้ยงหนังสือทิ้งไปตรงหน้าสมชายที่เดินเข้ามาพอดี แต่เขาคว้าไว้ได้ทัน
“มันจะปรี๊ดแตกโอเว่อร์มากไปแล้วนะคุณดารา ผมมาตรงเวลา10โมง เป๊ะนะ”
“ฉันปรี๊ดแตกคุณที่ไหนล่ะ”
ต้อยติ่งรีบพูดแทรกตามประสาคนขี้เม้าท์
“ปรี๊ดแตกนังจรีกับไฮโซติณห์ในข่าวต่างหากล่ะคะ”
สมชายรีบคลี่หนังสือดู พอเห็นรูปในข่าวก็หัวเราะกวนๆ ออกมา
“โอ้โห ที่แท้ก็เห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่างคู่อริกับหวานใจนี่เอง”
“อย่ามาหัวเราะนะ ฉันไม่เห็นขำเลย”
พูดจบพราวก็เดินเข้าไปยัดกระเป๋ากีฬาใส่อกสมชาย แล้วเดินนำลิ่วออกไป จนเขาต้องรีบเดินตาม
สมชายเดินหิ้วกระเป๋าตามมา พลางแอบขัดใจที่เห็นท่าทางพราวหึงติณห์
“ถ้าคุณหึงไฮโซติณห์ถึงขนาดนี้ เมื่อวานคุณก็ไม่ควรทิ้งเค้าไว้กับจันทร์จรีนั่นที่โรงแรมเลย น่าจะให้เค้ามาส่งคุณที่บ้าน แทนที่จะเป็นผม”
พราวหยุดเดิน แล้วหันมามองอย่างหงุดหงิด
“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน คุณอย่ามายุ่งได้ไหม”
“นึกว่าผมอยากจะยุ่งจนตัวสั่นเหรอ แต่เห็นหน้าคุณแล้วผมรำคาญ ไหนๆ คุณก็คบหาวี้ดวิ้วเป็นแฟนกับเค้าแล้ว อย่ามามั่วฟอร์มเยอะ หยิ่งยโสในศักดิ์ศรีอยู่เลย เดี๋ยวก็ไปกันไม่รอดหรอก”
พราวตวาดใส่ “เอ๊ะ! ก็ฉันบอกว่าอย่ามายุ่งไง คุณมีหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดก็ทำไปซิ ฉันจะไปเล่นโยคะที่ฟิตเนส คุ้มกันฉันไปเดี๋ยวนี้”
“ยังจะทำปากแข็งอยากไปเล่นโยคะ ฝืนใจไปรึเปล่า อยากจะไปเคลียร์เรื่องข่าวคาวกับไฮโซติณห์ก็บอก ผมจะพาไป นี่ผมกำลังช่วยคุณนะ อยากให้สมหวังในความรัก”
ยิ่งฟัง พราวก็ยิ่งรู้สึกโกรธ
“ไม่ต้องมาช่วยฉัน ฉันจะไปฟิตเนส ฉันสมหวังหรือผิดหวังในความรัก มันก็ตัวของฉันเอง ฉันไม่อยากให้คุณช่วย ถ้าคุณอยากจะช่วยฉันจริงๆล่ะก็ ทำตามที่ฉันบอก ช่วยพาฉันไปฟิตเนส ไม่ต้องมาสนใจเรื่องระหว่างฉันกับคุณติณห์ มันไม่เกี่ยวอะไรกับหน้าที่บอดี้การ์ดของคุณเลยสักนิดเดียว”
สมชายถึงกับหน้าชา
“ได้เลย ผมจะไม่สนใจเรื่องรักๆใคร่ๆของคุณอีก จำคำพูดของผมไว้นะ ว่าผมจะไม่อีก ไม่”
สมชายพูดเน้นๆ ใส่หน้าแล้วก็เดินไป พราวยืนมองตามอย่างเจ็บใจ
แฟรงค์กับเอมี่เดินนำมีนมาที่สถาบันเสริมความงามหรู ด้วยท่าทางระแวดระแวง มองหันซ้ายแลขวาตลอดเวลา
สุดเขตต์แอบตามมา มองไปเห็นด้านหลังของทั้ง 3 เดินตรงไป ก็นึกแปลกใจ พยายามยกกล้องซูมไปที่หน้าของมีน หวังจะให้เห็นหน้าชัดๆ แต่เห็นเพียงเสี้ยวหน้าผมยาวปิดๆ ซ้ำยังมีหมวกบัง
“เห็นหน้าไม่ชัดเลย มาเสริมความงามแบบลับๆล่อๆ ต้องมีอะไรแน่ๆ ?”
แฟรงค์กับเอมี่ พามีนตรงลิ่วเข้าไปด้านในสถานเสริมความงาม เพื่อกำจัดปานแดงออกจากใบหน้า และชีวิตของเธอ
ขณะที่เอมี่อดกังวลไม่ได้
“เรื่องพามีนมาเอาปานแดงออกเนี่ยะ เจ๊ยังไม่ทันปรึกพราวเลยนะ”
“เออน่า เชื่อมิสแฟรงค์แล้วจะดีเอง”
แฟรงค์นั่งกระหยิ่ม กรีดนิ้วจับถ้วยชาขึ้นมาจิบอย่างสบายอารมณ์
สุดเขตต์ที่แอบเข้ามาด้านใน โผล่หน้ามองมาที่แฟรงค์กับเอมี่ แต่ไม่เห็นมีนก็แปลกใจ
ขณะที่มีนนอนลงเตียง เตรียมให้หมอทำการเลเซอร์กำจัดปานแดงออก พลางคิดอย่างสับสน ระหว่าง ทำ หรือไม่ทำ ?
แล้วในที่สุด เธอก็ลุกพรวดจากเตียง
“หนูไม่ทำแล้ว”
มีนวิ่งเตลิดออกมา แฟรงค์ที่กำลังนั่งจิบชาสบายใจอยู่กับเอมี่ถึงกับสำลักลักชา ถ้วยชาแทบร่วงเมื่อเห็นมีน
สุดเขตต์ที่ซุ่มอยู่ เพิ่งได้เห็นมีนเต็มตา ก็ถึงกับตะลึง
“หนูไม่ทำ หนูไม่อยากทำแล้วพี่”
มีนระล่ำระลักบอกแฟรงค์กับเอมี่ ที่ยืนมองเธออย่างงงๆ
แฟรงค์ยกมือทาบอก ทำท่าจะเป็นลม
“ว้าย ไม่ทำไม่ได้ มาถึงที่แล้ว จะมาเปลี่ยนใจตอนนี้พี่ก็เงิบดิ จ่ายมัดจำเค้าไปแล้ว”
หมอกับผู้ช่วยก็ตามออกมาถามย้ำว่าตัดสินจะทำหรือไม่ทำ แฟรงค์รีบหันมาบอกมีน
“ไปมีน รีบกลับเข้าไป คุณหมอริวนี่คิวทองนะจะบอกให้ ไปซี รีบกลับเข้าไป”
มีนส่ายหน้า เอมี่เลยเข้ามาจะปลอบ
“กลัวเหรอมีน ไม่เจ็บหรอก โอ๋ๆ มามะ เอมี่จะเข้าไปอยู่เป็นเพื่อน”
“มีนไม่ได้กลัว แต่มีนไม่อยากเอาสิ่งที่เกิดมาพร้อมกับมีนไปจากชีวิตมีน”
พูดจบ มีนก็วิ่งออกไป แฟรงค์กับเอมี่รีบตามไป สุดเขตต์รีบแอบตามไปอีกทาง
แฟรงค์กับเอมี่นั่งคุยกันหน้าเครียด เพราะตามหามีนไม่เจอ
ขณะที่สุดเขตต์ ก็กำลังเดินตามหามีนมาอยู่อีกมุมหนึ่ง ด้วยสีหน้าตื่นเต้น และอยากรู้ความจริง
“ผู้หญิงมีปานแดงคนนั้น เหมือนพราวราวกับแกะ เห็นวิ่งหลบมาทางนี้ หายไปไหนแล้ว โธ่เอ้ย”
สุดเขตต์บ่นอย่างหงุดหงิด พลางหันหลังจะเดินกลับไปดูอีกทาง แต่แล้วหูก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังแว่วๆมาแต่ไกล
มีนแอบมานั่งชันเข่าพิงเสามองมือถือเครื่องเก่าของตัวเองที่แฟรงค์กระหน่ำโทร. ตามยิกๆ
“พี่แฟรงค์ มีนขอโทษที่ทำอย่างงี้ พี่มีพระคุณกับมีนมาก พี่จะให้มีนทำอะไร มีนจะทำทุกอย่างตอบแทนพี่ แต่อย่าให้มีนลืมตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเลย มีนหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้ ว่ามีนเป็นใคร เกิดมาจากไหน”
มีนปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเงียบๆ
“มีน”
มีนตกใจหันมามอง แล้วก็แทบช็อกเมื่อเห็นสุดเขตต์ยืนอยู่ข้างหลัง
“ที่ผมได้ยินคุณพราวเรียกชื่อตัวเองว่ามีน มีนคนนั้นก็คือคุณนั่นเอง”
มีนรีบปฏิเสธ
“เปล่านะ คุณหูฟาดไปเอง ตอนที่คุณพราวคุยโทรศัพท์ เค้าไม่ได้เอ่ยชื่อมีนซะหน่อย”
สุดเขตต์ยิ้ม ที่จับโกหกเธอได้เต็มๆ
“นี่รู้ถึงขนาดว่าตอนที่คุณพราวเอ่ยชื่อมีน คุณพราวกำลังโทรศัพท์อยู่ด้วย ที่กองถ่ายตรงนั้น วันนั้น
ไม่มีใคร นอกจากผมกับคุณพราว งั้นคุณก็ต้องเป็นคุณพราวในวันนั้น”
มีนตกใจ อ้าปากค้าง รีบจะหันหนี
“อย่าหนีซิคุณ ผมไม่ได้คิดร้ายอะไรนะ ผมแค่อยากจะรู้ความจริง ว่าผมไม่ได้เพี้ยนที่คิดว่าคุณพราวมี
2 คน”
สุดเขตต์ยื่นมือคว้าแขนเธอ แต่มีนสะบัดหลุดไปได้
“ฉันไม่รู้”
พุดพลางรีบวิ่งหนีไป สุดเขตต์วิ่งตามหลังมาไม่ลดละ
“ผมไม่ใช่โจรนะครับ กลัวผมทำไม เราคุยกันดีๆได้ คุณ”
มีนไม่ยอมหยุด เพราะกลัวว่าถ้าความแตกจะทำให้พราวและแฟรงค์เดือดร้อน จึงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
มีนวิ่งหนี สุดเขตต์วิ่งตาม
จนเธอเผลอวิ่งไปชนกับผู้ชายที่เดินหอบข้าวของจากพะรุงพะรังอย่างจัง จนข้าวของตกเกลื่อนพื้น
“เอ่อ ขอโทษค่ะ ขอโทษ ฉันไม่ทันเห็นคุณจริงๆ”
มีนรีบคุกเข่า พร้อมกับเก็บข้าวของใส่ถุงให้อย่างเดิม
“ไม่เห็นได้ไงวะ หน้าอัปลักษณ์แล้วยังตาบอดอีกเหรอ ข้าวของกูเละหมดแล้วเห็นไหม”
ชายหนุ่มโวยพร้อมกับเงื้อเท้าเตะกล่องยาสีฟันกระเด็นไปเกือบโดนหน้ามีน สุดเขตต์ปรี่เข้ามาชี้หน้าอย่างไม่พอใจ
“นี่คุณทำอะไร มันเกินไปแล้วนะ ชนข้าวของตกแค่นี้ ทำไมต้องทำป่าเถื่อนใส่ผู้หญิงขนาดนี้ด้วย”
ชายคนนั้นปราดเข้าไปผลักอกเขาด้วยอารมณ์ฉุน
“แล้วแกมาสอดอะไรด้วยว่ะ อ๋อ หรือว่าอีหน้าปานนี่เป็นเมียแก ทำไมไม่เก็บขังกรงไว้ให้ดีๆว่ะ ปล่อยออกมาเพ่นพ่านเป็นภาระของสังคมให้เดือดร้อนคนอื่นเค้า”
สุดเขตต์กระแทกน้ำเสียงกลับไป
“คนอย่างคุณนั่นแหละเป็นภาระของสังคม เพราะมีคนชอบดูถูกคน อย่างคุณนี่ไง สังคมทุกวันนี้ถึงไม่น่าอยู่ มีแต่คนไร้น้ำใจ”
“มึงด่ากูเหรอไอ้ปากหมา”
ขาดคำหมัดรุ่นๆ ของชายคนนั้นก็พุ่งเข้าหน้าสุดเขตต์อย่างจัง เขาเอี้ยวหลบทัน พร้อมกับสวนกลับ มีนได้สติ รีบเข้าไปห้าม
“ขอร้องล่ะค่ะ อย่าทะเลาะกันเพราะฉันเลย พอเถอะค่ะคุณสุดเขตต์ ไปเถอะค่ะ ไปซิคะ”
มีนรีบดึงแขนสุดเขตต์แยกไป
พราว ตอนที่ 8 (ต่อ)
“ขอโทษนะคะ เพราะฉันเป็นต้นเหตุให้คุณมีเรื่องมีราว เจ็บมากไหมคะ? ปากคุณเอ่อ ก็แตก”
มีนพูดอย่างสำนึกผิด พร้อมกับที่เป็นห่วงสุดเขตต์
“ก็แค่ซดต้มยำไม่ได้ไปสองสามวัน ไม่เป็นไรมากหรอกครับ คุณน่ะ ข้อศอกแตกรึเปล่า เลือดซิบเชียว ไหนขอดูหน่อยนะครับ”
มีนอ้าปากจะปฎิเสธ แต่ก็ช้ากว่าสุดเขตต์ ที่ดึงแขนไปดูข้อศอกที่มีรอยครูดถลอก ก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาซับๆ เลือดให้อย่างเบามือ
“ปิดแผลไว้ก่อนนะดีกว่าครับ กันเชื้อโรค รับรองครับ ว่าผ้าผมสะอาด”
มีนแอบมองสุดเขตต์ที่บรรจงใช้ผ้าเช็ดหน้าพันปิดแผลที่ข้อศอกไว้ให้อย่างดี
“อย่าลืมนะครับ กลับถึงบ้านแล้วรีบหายาใส่ซะ”
สุดเขตต์พูดพลางเงยหน้าขึ้นมามองสบตา มีนรีบหลบตา พร้อมกับขยับจะลุกขึ้น แต่กลับถูกเขากดไหล่ไว้เบาๆ
“เดี๋ยวซิครับ อย่าเพิ่งไป ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
พูดพลางยกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นปิดหน้าด้านที่ไม่มีปาน แล้วมองจ้องมีน
“ผมจำได้แล้ว คุณนั่นเองที่ช่วยผมไว้ที่สะพานพุทธ”
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนมือ ใช้ฝ่ามืออีกข้างปิดด้านที่มีปานแดงเอาไว้ มองหน้าข้างที่ขาวใส แล้วก็ตะลึงงัน
“พราว-พิชญาดาชัดๆ ใช่เลย คุณเหมือนซูเปอร์สตาร์พราวราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน ถ้าแต่งหน้าปิดเอ่อ ปิดรอยปานก็ไม่มีใครแยกออกเด็ดขาด”
มีนดึงมือของเขาออกจากหน้าเธอ
“พูดจบแล้วใช่ไหม ฉันจะได้กลับ”
“คุณคงไม่อยากให้ผมบอกความลับนี้กับใคร”
มีนชะงัก หันไปมองหน้าสุดเขตต์อย่างหวาดกลัว
“อย่านะคะ ให้ฉันไหว้ฉันกราบคุณ ฉันก็ยอม คุณอย่าบอกเรี่องนี้กับใครเด็ดขาดนะ ไม่อย่างงั้น
คุณพราวกับพี่แฟรงค์จะเดือดร้อนมาก”
“งั้นแปลว่า คุณพราวกับคุณแฟรงค์ก็รู้เห็นเป็นใจให้คุณปลอมตัวเป็นคุณพราวด้วยงั้นเหรอครับ ?”
มีนรีบอธิบาย
“ฉันไม่ได้ปลอมตัว แต่ฉันกำลังทำงานเป็นสแตนด์อินให้คุณพราวต่างหาก”
พูดพลางฉวยโอกาสตอนที่สุดเขตต์ยืนตะลึง รีบวิ่งผละไปทันที เขาตั้งสติได้ ก็รีบวิ่งตาม แต่กลับเห็นเธอวิ่งขึ้นรถเมล์ไปต่อหน้าต่อตา ขณะที่รถแล่นพาเธอห่างจากเขาออกไปทุกที
มีนหันหน้ากลับถอนใจอย่างโล่งอก พลางก้มลงมองข้อศอกที่สุดเขตต์พันผ้าไว้ให้ แล้วก็เผลอยิ้มออกมา ครู่เดียวก็รีบหุบยิ้ม พยายามตัดใจเลิกนึกถึงเขา เพราะคิดว่าเขาเห็นหน้าที่แท้จริงของเธอแล้ว ก็ไม่แคล้วเหมือนกับทุกคนที่จะรังเกียจหน้าที่มีปานแดงของเธอ
ส่วนพราวตัวจริง ก็กำลังมีสมาธิอยู่กับการฝึกโยคะอยู่กับครูที่จ้างให้สอนแบบตัวต่อตัว โดยมีสมชายยืนเฝ้าประตูทางเข้าห้อง พลางเหลือบตาจับจ้องมาที่เธออย่างไม่อาจละสายตาไปได้ เขาเอาแต่จ้อง จ้อง จนทำให้เธอถึงกับสมาธิหลุด ขณะกำลังโพสท่าต้นไม้ จนเกือบจะล้มทั้งยืน
สมชายมองเธออย่างเอ็นดู เพราะเขารู้ดีว่าภายใต้มาดนางพญา ที่สวย เฉี่ยว มาดมั่นนั้น เนื้อแท้แล้วตัวตนของพราวช่างเปราะบางเหลือเกิน
ประเสริฐที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่ชุดเทรนเน่อร์ของฟิตเนส พอได้ยินเทรนเน่อร์ 2 คนเดินคุยกันเข้ามาว่าพราวเล่นโยคะอยู่ที่สตูดิโอด้านบน ก็ตาวาวขึ้นมาทันที
“พราว คุณมาหาผมแล้ว มาตามหารักแท้ของสองเรา”
หลังฝึกจบคลาส ขณะที่พราวกำลังยืนซับเหงื่ออยู่ด้วย จู่ๆ ก็มีมือยื่นขวดน้ำมาให้ตรงหน้า เมื่อเธอหันไปมองก็ถึงกับประหลาดใจ
ติณห์ในชุดออกกำลัง ส่งยิ้มหวานมาให้
“น้ำแร่ที่คุณชอบดื่มครับ”
“คุณรู้ด้วยเหรอคะ” พราวพูดแบบมึนตังใส่
“รู้ซิครับ ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณ ชนิดที่คุณคาดไม่ถึงเลยล่ะครับ”
คำพูดของติณห์แฝงเรื่องในอดีตของตรีที่เขาคิดว่าพราวเป็นคนทำด้วย แต่พราวไม่ทันนึกเฉลียวใจ
“เพิ่งโยคะมาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำก่อนเถอะครับ”
ติณห์พูดพลางเปิดฝาขวดน้ำแร่ แล้วยื่นส่งให้ พราวจ้องมองนิ่งๆ เพราะเรื่องของน้ำกรดคราวนั้นยังหลอนเธออยู่ถึงวันนี้ เขาดูเหมือนจะอ่านใจเธอออก
“ไม่ไว้ใจ กลัวผมใส่อะไรไว้ในน้ำแร่เหรอครับ ถึงไม่กล้าดื่ม”
“เอ่อ เปล่าสักหน่อย ขอบคุณมากนะคะ”
พราวปฏิเสธ พร้อมกับยื่นมือรับขวดน้ำแร่ไปดื่ม สมชายที่เดินถือขวดน้ำเข้าประตูเห็นพอดี ด้วย
สันชาตญาณมือปราบ ทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงเธออย่างบอกไม่ถูก
ขณะที่พราวดื่มน้ำเสร็จ ก็เหลือบมองมาเห็นสมชายยืนถือขวดน้ำมองอยู่ เขารีบทำเป็นเปิดฝาขวดน้ำขึ้นยกดื่ม เพื่อไม่ให้พราวรู้ว่าเขาซื้อมาให้เธอ
ติณห์เห็นสมชายที่สะท้อนในกระจก เลยทำทีเป็นหวานใส่พราว
“ดูซิครับ หน้าสวยๆ เลอะเหงื่อหมดเลย”
พูดพลางใช้ผ้าขนหนูของตัวเองเช็ดซับเหงื่อที่หน้าให้ พราวเองก็อยากจะแกล้งประชดสมชาย เลยได้โอกาสยื่นหน้าให้ติณห์เช็ด พลางยิ้มหวานให้
“ดีจังเลยค่ะ พราวกำลังหาคนช่วยซับเหงื่อให้พอดีเลย”
ติณห์รู้ดีว่าพราวกำลังทำอ้อนเขาเพื่อให้สมชายเห็น แต่ทำพาซื่อไม่รู้ พลางยื่นจมูกไปหอมแก้มเธอจนพราวถึงกับตะลึง
“จมูกของผมซับเหงื่อได้ดีเหมือนกันนะครับ”
สมชายเห็นภาพบาดตา ก็ขยำขวดน้ำจนแทบจะแหลกคามือ
อีกด้านหนึ่ง ประเสริฐ เห็นท่าทีสนิทสนมของพราวกับติณห์ก็ตาขวางขึ้นมาทันที
“คุณพราว ทำไมถึงทำกันได้ คิดจะทรยศต่อความรักของผมไปมีชู้งั้นเหรอ ฮึ่ม”
แม่แก้วเห็นมีนกลับมา โดยที่ยังไม่ได้ทำศัลยกรรมปานแดงออก ก็แปลกใจ มีนรีบโผกอด ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มีนทำไม่ได้ค่ะแม่แก้ว ปานแดงเกิดมาพร้อมกับมีน โตมากับมีน เอาเค้าออกไป ก็เหมือนมีนเฉือนเนื้อตัวเองทิ้ง”
แม่แก้วยิ้มให้ “หนูไม่อยากจะทำ ก็ไม่ต้องทำลูก ใครก็มาบังคับหนูไม่ได้หรอก ไม่ต้องคิดมากนะ”
“หนูจำคนสอนของแม่แก้วไว้เตือนใจตลอด ว่าหนูต้องภูมิใจในสิ่งที่หนูเป็น หนูจะไม่รังเกียจในสิ่งที่ฟ้าประทานมาให้หนู”
แม่แก้วลูบหัวมีนเบาๆ อย่างเอ็นดู
“ลูกรักของแม่ แม่ถึงได้บอกไง ว่าหนูไม่ได้งามที่ภายนอก แต่มีนงามที่ใจ แล้วหนูไม่ทำศัลยกรรม พี่
แฟรงค์เค้าว่ายังไง ?”
มีนอึกอัก “มีนเปลี่ยนใจกลางคันน่ะค่ะ ก็เลยวิ่งหนีหมอออกมา พี่แฟรงค์คงจะโกรธมีนมาก ไว้มีนจะอธิบายพี่แฟรงค์เองค่ะ”
“ผมตักเตือนคุณจรีแล้ว ว่าให้ตั้งใจทำงาน อย่ามาทำให้คุณไม่สบายใจอีก”
ติณห์รีบพูดเอาใจพราวทันที ขณะที่ทั้งคู่ปลีกตัวมานั่งคุยกันสองต่อสอง
“เตือนช้าไปรึเปล่าคะ เห็นรูปข่าวงานเปิดตัวแป้งทูเวย์ของคุณเมื่อเช้านี้ นักข่าวยกให้จรีเป็นมือที่ 3 เรื่องของเราไปเรียบร้อยแล้ว”
ติณห์จับมือพราวมากุม สมชายที่นั่งรออยู่ห่างๆ แอบเหล่มองมาอย่างอึดอัดใจ
“ผมแคร์คุณนะครับคุณพราว ผมไม่แคร์ข่าว เพราะมันไม่มีมูลความจริงเลย ผมไม่คิดอะไรกับคุณจรี มากไปกว่าเจ้านายกับลูกน้อง”
พราวแค่นหัวเราะ
“แล้วลูกน้องของคุณ คิดอะไรกับคุณรึปเปล่าล่ะคะ”
“ผมดีใจนะครับที่เห็นคุณหึงผม เห็นทีผมต้องมีซีนคู่กับคุณจรีบ่อยๆซะแล้ว”
“ใครว่าฉันหึงคะ ฉันรำคาญต่างหาก ไม่อยากให้ข่าวของจรีมาดึงฉันเข้าไปเกี่ยวด้วย ฉันอยากจะไปออกกำลังให้ได้เหงื่ออีกสักหน่อย”
พราวพูดพลางลุกขึ้น ดึงมือออกจากมือติณห์ ที่เหล่มองสมชาย แล้วลุกขึ้นทำเป็นจับไหล่พราว พร้อมกับถามด้วยแววตาหวานเชื่อม
“เดี๋ยวซิครับ คุณยังไม่บอกให้ผมชื่นใจเลย ว่าหายงอนผมแล้ว ว่าไงล่ะครับ หายงอนหรือยัง?”
“หายแล้วค่ะ”
พราวส่งยิ้มหวานให้ติณห์ จงใจให้สมชายเห็น แล้วก็เดินควงเขาผละออกไป
พราวกับติณห์เข้ามาออกกำลังกายด้วยกัน สมชายรีบตามเข้ามาออกกำลังกายด้วย ทั้งติณห์ ทั้งสมชาย ต่างก็พยายามโชว์พลังข่มอีกฝ่ายหนึ่ง อย่างไม่มีใครยอมใคร
เมื่อพราวออกกำลังกายเสร็จ ติณห์ก็รีบออกปากชวนไปทานข้าว พร้อมกับบอกว่าเขาจะเป็นคนไปส่งเธอเอง โดยให้สมชายกลับไปก่อน
สมชายรู้ทัน ว่าติณห์พยายามหาทางไล่เขาไปให้พ้นทางตลอด
“ถ้าอยากจะไปดินเน่อร์กัน 2 ต่อ 2 ก็เชิญไปซิครับ ผมจะตามไปคอยดูห่างๆ ไม่เข้าไปเป็นกขค.หรอก”
“คุณพราวอยู่กับผมไม่ต้องห่วงหรอกครับ คุณน่าจะกลับ”
สมชายยิ้มกวนๆ “แต่ผมไม่กลับ บอกแล้วว่าอย่าให้ผมมาเป็นบอดี้การ์ด เพราะผมจะไม่ทำมันเล่นๆ
เหยาะแหยะ เอาเกียรติภูมิของตำรวจมาทิ้งขวางกับดารา แต่ผมจะทำมันจริงจัง และไม่ยอมให้ซุปตาร์พราวคลาดสายตาผมเด็ดขาด จนกว่าผมจะพ้นหน้าที่ เข้าใจนะครับ”
พราวฟังแล้วก็เบ้ปาก “ทำเป็นอวดอ้างสรรพคุณ”
ติณห์มองอย่างขัดใจ ที่สองคนนี้ พูดข้ามหัวเขาไปมา
“แล้วตกลงไงครับคุณพราว?”
“ไว้วันหลังดีกว่าค่ะคุณติณห์ วันนี้พราวไม่มีแรงไปไหนแล้วค่ะ”
ติณห์ผลักประตูเดินเข้ามาในห้องล็อกเกอร์ พร้อมกับเขวี้ยงผ้าขนหนูลงไปที่ม้านั่งอย่างแค้นใจ ที่สมชายคอยขวางทางเขาอยู่ตลอดเวลา
“กวนประสาท จะเฝ้าพราวไม่ให้คลาดสายตางั้นเหรอ หึ ฝันไปแล้วแก”
พราวที่กำลังยืนอยู่หน้าตู้ล็อกเกอร์ หยิบเสื้อผ้า กระเป๋าใส่สบู่เครื่องใช้จะไปอาบน้ำ รู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ เธอรีบหันไปมอง แต่กลับไม่เห็นใคร เธอจึงละความสนใจ หันไปคว้าผ้าเช็ดตัวเดินไปที่ห้องอาบน้ำ
เจ้าของสายตาคู่นั้นโผล่กลับออกมาอีก พร้อมกับมองตามพราวไปอย่างไม่ประสงค์ดี
พราวอาบน้ำอยู่ในห้อง พลางก็ได้ยินเสียงเหมือนมีใครมาเคาะประตูห้องน้ำ จึงหันไปมองที่ประตู
“ห้องนี้มีคนอยู่ค่ะ”
เสียงเงียบไป พราวถอนใจอย่างไม่พอใจ ครู่หนึ่งก็มีเสียงดังโครมใหญ่เหมือนมีใครถีบประตู เธอสะดุ้งตกใจร้องเสียงหลง
“ใครอ่ะ บอกแล้วไงว่าห้องนี้มีคนอยู่ ห้องอื่นว่างเยอะแยะ ทำไมไม่ไปอาบล่ะคะคุณ”
แล้วเสียงก็เงียบไป แต่จู่ๆ ไฟในห้องน้ำก็เกิดติดๆ ดับๆ ขึ้นมา
ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดผัวะเข้ามาพร้อมกับร่างของชายชุดดำ ที่มีมาร์คคาดปิดปากปิดจมูกพุ่งเข้ามาในห้องน้ำ ตรงเข้ามาหาเธอ
พราวกรีดร้องลั่น มันพยายามจะคว้าตัว เธอดิ้นปัดป้องสุดชีวิต พร้อมกับปาสบู่ ขวดแชมพูใส่มัน ทำให้พอจะหยุดมันให้ชะงักได้ จากนั้นก็ผลักมันจนเซ แล้วก็วิ่งหนีออกจากห้องน้ำ มันรีบวิ่งตามออกไป
พราววิ่งเตลิดออกมายังบริเวณที่มีตู้ล็อกเกอร์เรียงรายอยู่
“ช่วยด้วยๆ”
ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งโผล่ออกมาคว้าตัวเธอเอาไว้ทางด้านหลัง พราวอ้าปากจะร้อง แต่กลับถูกมือนั้นอุดปากไว้
“ไม่ต้องร้อง”
พราวเหลือกตามอง เห็นเป็นประเสริฐทำหน้าหื่นใส่ ก็ตกใจกลัว
พราวถูกประเสริฐจับล็อกปิดปากไว้ พลางพยายามจะลากเธอไปในห้องด้านใน เธอพยายามดิ้นรน
ขัดขืนและส่งเสียงร้องอู้อี้ตลอดเวลา สมชายที่วิ่งเข้ามา เห็นภาพพราวถูกประเสริฐจับล็อกไว้ ก็ตกใจแทบช็อก รีบตะโกนเสียงดังลั่น
“เฮ้ย คุณทำอะไรคุณพราว ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”
ประเสริฐผงะเพราะได้ยินเสียง แต่มือยังเกร็งแน่น ไม่ยอมปล่อยพราว
สมชายวิ่งกระโดดข้ามม้านั่ง มาถึงตัวประเสริฐอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกระชากมือที่ปิดปากพราวออก จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือฟาดเสยเข้าครึ่งปากครึ่งจมูกจนมันมึน แล้วก็รีบดึงตัวพราวออกมาโอบไว้ ก่อนจะใช้ขาเตะตัดเข่า
2 ข้าง จนมันทรุดลงในท่ามอบตัว แล้วก็ถีบอัดหงายหลังชนฝาซ้ำ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ประเสริฐรีบยกมือไหว้ท่วมหัว
“พอแล้วครับ อย่าทำผม ผมไม่ได้ทำอะไรคุณพราว ผมจะมาช่วย”
“ช่วยเหรอ นี่”
สมชายอัดซ้ำ เพราะไม่เชื่อสิ่งที่ประเสริฐพูด ชายชุดดำที่คาดมาส์กซ่อนตัวอยู่ในมุมลับตาคน แอบมองเหตุการณ์อยู่ ครู่หนึ่งเทรนเน่อร์ 3 คนก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้อง พร้อมทั้งรีบร้องตะโกนห้ามสมชาย
“หยุดครับคุณ หยุด ไปทำมันทำไม”
“ไอ้เวรนี่มันจะทำมิดีมิร้ายคุณพราว”
เทรนเน่อร์อีกคนยืนงง “หา? ไอ้เสริฐนี่น่ะเหรอครับ มันเป็นเทรนเน่อร์อยู่ที่นี่นะครับ คุณเข้าใจผิด
รึเปล่า”
สมชายได้ยินอย่างนั้นก็เลยชะงัก เทรนเน่อร์ทั้งสาม วิ่งเข้ามาดูประเสริฐที่นั่งงอมพระรามอยู่กับพื้น
“ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันจะมาช่วย เอ่อ คุณพราว”
มันพูดได้แค่นั้น ก็สลบคอพับไป
สมชายหันมามองพราวที่ยืนมือปิดหน้าสะอึกสะอื้นอย่างเสียขวัญ
“มันทำอะไรคุณบ้าง เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า คุณพราว ผมอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัว”
พราวลืมตาขึ้นมองเห็นสมชายก็โผเข้ากอดเขาแน่น
“เรื่องมันเป็นยังไง มันทำอะไรคุณ บอกผมซิ”
“ฉันอยู่ในห้องน้ำ กำลังจะอาบน้ำ อยู่ๆก็มีคนเคาะประตู ไฟดับๆ ติดๆ แล้วมันก็พังประตูเข้าไป มันใส่มาส์กปิดปากปิดจมูก”
พราวเล่าพลางทำท่าสยดสยอง
จบตอนที่ 8