กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 16 อวสาน
ขณะที่ตรัยกำลังวิ่งวุ่นตามหาปริตา รัญชิตาก็โทร. เข้ามาพอดี
“มิ้นท์ อ้อมอยู่ไหน?”
รัญชิตาแกล้งบีบน้ำตาร้องไห้
“คุณตรัยมาช่วยมิ้นท์ด้วย คุณสมภพเขาจับตัวมิ้นท์มาทำร้าย”
“อ้อมอยู่ไหน?”
“อ้อมอยู่กับมิ้นท์ คุณรีบมาช่วยอ้อมด้วย”
“คุณอยู่ห้องไหน?”
ตรัยถามย้ำ ก่อนจะรีบวางสาย แล้ววิ่งออกไปทันที
รัญชิตาวางสาย พลางยิ้มพอใจ
ปริตาพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่กลับถูกสมภพตบ และต่อยท้องจนเธอทรุดตัวลงไป หมดหนทางต่อสู้
ตรัยโผล่เข้ามาในห้อง ก็รีบตะโกนหาปริตา จังหวะนั้นรัญชิตาก็เดินยิ้มเหี้ยมเข้ามาหา
“คุณมิ้นท์ อ้อมอยู่ไหน?”
“ป่านนี้อ้อมคงอยู่บนสวรรค์กับคุณสมภพ”
ตรัยตกใจ ขยับตัวจะออกไป “คุณหลอกผม”
รัญชิตาโผเข้ามาโอบกอด แต่กลับถูกตรัยผลักตัวออกไป
“คุณลวงเพื่อนมาทำร้าย ใจคุณทำด้วยอะไร?”
“มิ้นท์ทำได้ทุกอย่าง ขอให้มิ้นท์ได้อยู่กับคุณ”
ตรัยมองจ้องรัญชิตาอย่างนึกรังเกียจ “คุณทำอย่างนี้ผมยิ่งขยะแขยงในตัวคุณ”
“มิ้นท์รักคุณนะคะ”
“คุณไม่ได้รักผม คุณรักตัวเอง คุณทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง คุณมันเห็นแก่ตัว”
ตรัยตบหน้ารัญชิตาด้วยความโมโห แล้วจะรีบวิ่งออกไป รัญชิตาตะโกนไล่หลัง
“คุณไปตอนนี้ก็สายไปแล้ว อ้อมเสร็จคุณสมภพไปนานแล้ว ถึงคุณจะเจอตัวอ้อม อ้อมก็กลายเป็นของเหลือคุณสมภพ”
ตรัยยิ่งฟังก็ยิ่งรับรัญชิตาไม่ได้
“ฉันคิดถูกแล้วที่ไม่เลือกเธอ เธอทำร้ายได้แม้กระทั่งคนที่ไว้ใจเธอ เธอควรจะอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ ไม่มีใครอยากคบกับเธอ”
รัญชิตไม่สนใจ รีบชักปืนออกมาจ่อขู่
“คุณหยุดนะ คุณขยับออกไปก้าวเดียว ฉันยิงคุณแน่”
ขณะที่ปริตากำลังจะเสียทีสมภพ จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดผางออกมา พอสมภพหันไปมอง
พริดาก็ลั่นไกใส่เข้าที่ท้องจังๆ ปริตารีบผละลุกขึ้นจากเตียง
“พอลลี่ พอเถอะ”
“เธอไม่เกี่ยว ออกไป”
ปริตารีบห้าม “อย่านะ แค่นี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เรียกตำรวจมาจับเขา”
“คนเลวอย่างมันต้องลงนรก”
พริดาพูดพลางเล็งปืนไปที่สมภพ
“แกทำลายความฝันทำลายชีวิตฉัน ฉันต้องการชีวิตแก ฉันไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว เธอออกไป ฉันบอกให้ไป”
ปริตาหันไปคว้ากุญแจรถของสมภพ แล้วรีบวิ่งออกไป สมภพฉวยจังหวะจะพุ่งเข้ามาแย่งปืน แต่กลับโดนพริดายิงเข้าใส่อีกนัด จนร่วงลงไปนอนกับพื้น
“วางปืนซะ มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นหรอก”
ตรัยพยายามพูดกับรัญชิตาอย่างใจเย็น
“ใครบอกล่ะ ฉันมีความสุขถ้าอ้อมตายไปซะ หรือไม่คุณก็ต้องตาย ฉันไม่ได้คุณ ก็ไม่มีใครได้คุณ”
พูดพลางเล็งปืนมาตรงหน้าตรัย
“ถ้ามันทำให้เธอมีความสุข ก็ฆ่าฉัน”
“ฉันให้โอกาสคุณเปลี่ยนใจ แค่คุณบอกว่ารักฉัน”
ตรัยส่ายหน้าช้าๆ “ฉันไม่ได้รักเธอ”
รัญชิตาน้ำตาพราก พลางหลับตาจะเหนี่ยวไกปืนใส่ แต่ตรัยกลับพุ่งเข้าไปแย่งปืนออกมาได้
พร้อมกับตบรัญชิตาล้มลงไป ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปจากห้อง ตามที่ได้ยินเสียงปืน พอไปถึง ก็เห็นพริดายืนอยู่ข้างๆ ร่างจมกองเลือดของสมภพ
“อ้อมล่ะ”
“อ้อมปลอดภัยแล้ว อ้อมไปแล้ว”
ปริเทพวิ่งตามเข้ามา ตรัยรีบหันไปบอก
“อ้อมคงตกใจหนีไปแล้ว รีบไปตามอ้อมครับ”
ตรัยกับปริเทพจึงวิ่งออกไป ส่วนพริดารีบหยิบโทรศัพท์กดหาตำรวจ
“ฉันยิงคนตายค่ะ ฉันรออยู่ที่นี่”
ปริตาวิ่งหนีมาที่ลานจอดรถ แต่กลับถูกรัญชิตาวิ่งตามมาคว้าตัว แล้วตบหน้าอย่างแรง
“เธอจะหนีไปไหน”
“ปล่อยฉันนะ หยุดบ้าได้แล้ว”
รัญชิตายิ้มร้าย “ฉันไม่ได้บ้า แต่ฉันจะฆ่าเธอ ใครๆก็รักเธอ ฉันเกลียดเธอ คุณตรัยจะตายก็ยังจะรักเธอ”
ปริตาตอบโต้ด้วยการผลักรัญชิตาล้มลง
“เธอมันใจร้าย ฉันเสียดายความรู้สึกดีๆ ที่ฉันมีให้เธอ เธอไม่เคยรักฉันเลย เธอไม่เห็นในความจริงใจของฉันเลย”
จากนั้นปริตาก็รีบเปิดประตูรถ แล้วขับรถออกไป รัญชิตากำลังจะวิ่งไปที่รถของเธอ แต่พลศิษฎ์วิ่งเข้ามาขวางหน้าไว้
“มิ้นท์ อ้อมอยู่ไหน ?”
“คุณสมภพจะทำร้ายอ้อม อ้อมตกใจขับรถหนีไปแล้ว มิ้นท์จะตามไปช่วยอ้อมค่ะ”
รัญชิตารีบเปิดประตูรถเพื่อจะขับไล่ปริตาไป พลศิษฎ์รีบวิ่งอ้อมไปที่นั่งข้างคนขับ
“พี่ไปด้วย”
ปริตาขับรถหนีด้วยความหวาดกลัว พลางมองที่กระจกข้าง เห็นรถรัญชิตาตามมาติดๆ ขณะที่พลศิษฎ์รีบกดมือถือโทร.หา ตรัย
“คุณมาร์ทเจออ้อมแล้วเหรอครับ?”
“ผมกับมิ้นท์กำลังขับตามอ้อมครับ คุณตรัยรีบมานะครับ”
รัญชิตาไม่พอใจ หันไปแย่งโทรศัพท์พลศิษฎ์แล้วโยนทิ้งออกไปนอกรถ พลางเร่งเครื่องเพื่อชนท้ายรถของปริตา
“มิ้นท์หยุดนะ”
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
ปริตาตกใจ จนรถเกือบจะพุ่งลงข้างทาง
“หยุดนะมิ้นท์ เธอบอกว่าจะช่วยอ้อม”
รัญชิตาโวยวาย “มิ้นท์เกลียดมัน มิ้นท์จะฆ่ามัน”
รัญชิตาเร่งเครื่องขับไล่ ปริตาขับหนีด้วยความตกใจกลัว จนรถเสียหลักพุ่งเข้าชนต้นไม้ข้างทาง รถด้านหน้าพัง และประตูด้านข้างคนขับยุบ ร่างปริตาสลบคาพวงมาลัย
รัญชิตาหยุดรถมองด้วยความสะใจ แล้วก็เร่งเครื่องเต็มที่ เพื่อจะพุ่งชนซ้ำ
“มิ้นท์ พี่บอกให้หยุด”
พูดพลางเข้ามายื้อแย่งพวงมาลัยรถ จนรถรัญชิตาพลิกคว่ำ ร่างของพลศิษฎ์กระเด็นลอยออกไปนอกรถ
รัญชิตาค่อยๆ ได้สติ ก่อนที่จะคลานออกจากรถ พลางยืนมองสภาพรถด้ยวยอาการช็อก“พี่มาร์ท”
เมื่อเธอหันมองไปรอบๆ ก็เห็นร่างพลศิษฎ์ที่กระเด็นออกมานอกรถ รัญชิตารีบปราดเข้ามาประคองกอดร่างของพี่ชายไว้
“พี่มาร์ท พี่ไม่เป็นอะไรนะ มิ้นท์ขอโทษ มิ้นท์ขอโทษ”
พลศิษฎ์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองน้องสาว พลางพูดเตือนสติ
“มิ้นท์ หยุดเถอะ อย่าทำร้ายใครอีกเลย อย่าทำร้ายคนที่พี่รัก”
พลศิษฎ์พูดพลางพยายามจะหยิบกล่องแหวนออกจากกระเป๋า พลางส่งให้รัญชิตา
“มิ้นท์บอกพี่ ว่ามิ้นท์ยอมให้พี่รักกับอ้อมได้ มิ้นท์อย่าผิดคำพูดกับพี่นะ ฝากแหวนให้อ้อมด้วย”
รัญชิตาน้ำตานองหน้า “เขาไม่ได้รักพี่เลย ทำไมพี่ต้องช่วยเขา ต้องดีกับเขา”
“เพราะพี่รักอ้อม พี่ขอแค่เห็นคนที่พี่รักมีความสุข พี่ก็มีความสุข ฝากแหวนให้อ้อมด้วยนะ”
“มิ้นท์จะไม่ขัดขวางพี่มาร์ทแล้ว แหวนเป็นของพี่ พี่มอบให้อ้อมเองสิ”
รัญชิตาเอาแหวนคืนใส่มือพลศิษฎ์ แต่มือของอีกฝ่ายกลับตกลงข้างตัว กล่องแหวนร่วงตก พร้อมๆ กับที่แหวนกลิ้งออกมา
“พี่มาร์ท”
รัญชิตาโผเข้ากอดร่างพลศิษฎ์ แล้วก็ร้องไห้โฮลั่นด้วยความเสียใจ
ปริตาค่อยๆได้สติ พยายามจะเปิดประตูออก แต่ผลักเท่าไหร่ก็ผลักไม่ออก รัญชิตาหันไปมองที่รถ เห็นน้ำมันไหลออกมา
เธอค่อยๆ วางร่างของพลศิษฎ์ลง แล้วเดินไปที่รถปริตา พลางตัดสินใจช่วยดึงประตู จนในที่สุดก็เปิดประตูได้ ขณะที่น้ำมันยังไหลนองที่พื้นรถไม่หยุด
ปริตาพยายามดึงสายรัดเข็มขัดนิรภัย แต่ดึงไม่ออก รัญชิตาเข้ามาช่วยดึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไป
ปริตาเริ่มใจเสีย
รัญชิตาถือมีดเดินเข้ามา ก่อนที่จะค่อยๆ เอื้อมไปตัดสายรัดเข็มขัด ปริตาเห็นน้ำมันไหลนองมากขึ้น ก็นึกเป็นห่วงรัญชิตา
“เธอรีบออกไป รถกำลังระเบิด”
รัญชิตาไม่ฟังเสียง ก้มหน้าก้มตาตัดสายเข็มขัดนิรภัยต่อไป ปริตามองอย่างซาบซึ้ง
ทางด้านตรัยขับรถมาเห็นสภาพรถของปริตา เห็นน้ำมันไหลนองพื้นไม่หยุด พร้อมกับมีประกายไฟแล่บขึ้นมา เขากับปริเทพก็รีบวิ่งลงจากรถ
“ออกจากรถเร็ว”
รัญชิตาตัดสายเข็มขัดนิรภัยขาด พร้อมกับประคองปริตาออกจากรถได้ทันเวลา ก่อนที่รถจะระเบิด
รัญชิตาประคองปริตาหลบล้มลงกับพื้น ตรัยกับปริเทพ รีบวิ่งเข้าไปช่วย
ตรัยช่วยประคองปริตาออกมา ห่างจากปริเทพที่ประคองรัญชิตาเล็กน้อย
“อ้อม เธอปลอดภัยแล้ว เธอไม่เป็นอะไรแล้ว”
ปริตาหันไปมองรัญชิตาอย่างตื้นตันใจที่ยอมเสี่ยงชีวิตช่วยเธอ
ขณะที่รัญชิตาหันไปมองร่างพลศิษฎ์ที่นอนเสียชีวิต ก็เอาแต่ร้องไห้โฮ
ปริตามองรัญชิตาด้วยความสงสารจับใจ พลางค่อยๆ เอื้อมมือไปจับมือรัญชิตา ก่อนที่จะโผเข้ากอดกันแนบแน่น
ตรัยกับปริเทพก็ถึงกับน้ำตาซึมเมื่อมองเห็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่ก็นึกดีใจที่อย่างน้อยปริตากับรัญชิตาก็รอดชีวิตมาได้
รัญชิตาเข็นรถพาพิชัย ถือดอกไม้จันทน์มาที่ด้านล่างของเมรุ พลางมองไปยังรูปภาพพลศิษฎ์ แล้วก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“มาร์ท ลูกพูดผิดแล้วล่ะ ไม่ใช่แค่วันนั้นที่เราได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว วันนี้พ่อ แม่ น้อง เราก็อยู่กันพร้อมหน้า”
ชาลินีเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ รถเข็นของพิชัย
“อโหสิกรรมให้แม่ด้วยนะ ลูกเป็นคนดี ชาติหน้ามีจริง ขอให้มาเกิดเป็นแม่ลูกกันอีก แม่จะทำตามคำขอของมาร์ท”
ชาลินีนึกถึงคำขอสุดท้ายของพลศิษฎ์
“คุณพ่อต้องพิการก็เพราะคุณแม่ คุณพ่อสำนึกผิดแล้ว คุณแม่ควรให้อภัยคุณพ่อนะครับกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม”
จากนั้นเธอก็หันไปหาพิชัย พร้อมกับรับดอกไม้จันทน์ในมือ ส่งให้รัญชิตา
“เอาไปวางแทนพ่อเขาด้วย”
รัญชิตารับดอกไม้จันทน์แล้วเดินออกไป พลางยิ้มดีใจที่ชาลินีให้อภัยพิชัย
ชาลินีเข้ามาจับรถเข็นให้ พิชัยจับมือภรรยา พลางยิ้มทั้งน้ำตา ที่ชาลินีให้อภัยเขา
รัญชิตาเดินถือดอกไม้จันทน์มาหยุดยืนหน้าโลงศพ พลางมองไปยังเปลวไฟที่จุดไว้
“พี่มาร์ท มิ้นท์ขอโทษนะคะ มิ้นท์เป็นน้องที่แย่มาก ทำให้พี่มาร์ทต้องเหนื่อย ต้องเสียใจในชีวิตของมิ้นท์ คงไม่มีผู้ชายคนไหนที่รักมิ้นท์เท่ากับพี่มาร์ทอีกแล้ว พี่มาร์ทเคยบ่นท้อ ไม่อยากเป็นคนดี อย่าคิดอย่างนั้นเลยค่ะ สิ่งที่พี่มาร์ททำ พี่มาร์ทคิด มันถูกต้องแล้วค่ะ”
พูดพลางมองนิ่งไปที่ภาพถ่ายของพลศิษฎ์
“มิ้นท์ทำตามคำขอของพี่แล้วนะ มิ้นท์ช่วยรักษาชีวิตของคนที่พี่รัก พี่มาร์ทหลับให้สบายนะคะ”
จากนั้นรัญชิตา ก็วางดอกไม้จันทน์ พร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรู
ปริตาเดินสวนขึ้นมา หยุดยืนที่ภาพของพลศิษฎ์ ถือกล่องใส่แหวนในมือ จากนั้นก็ค่อยๆ เปิดกล่อง แล้วหยิบจดหมายเล็กๆ อกมา
“ขอบคุณพี่มาร์ทมากนะคะ”
พลางนึกถึงข้อความในจดหมายที่พลศิษฎ์ใส่ไว้ในกล่องแหวน
“พี่ตั้งใจจะมอบแหวนวงนี้เป็นของขวัญ งานแต่งให้อ้อมกับคนที่อ้อมรัก แต่พี่คงไม่อยู่ พี่จะไปเรียนต่ออาจไม่กลับเมืองไทยอีก”
ปริตายิ้มทั้งน้ำตา
“ขอบคุณพี่มาร์ทมากนะคะ มันเป็นของขวัญที่สวยที่สุดค่ะ พี่มาร์ททำให้อ้อมมีความสุขเสมอค่ะ อ้อมจะรักและคิดถึงพี่ชายคนดีตลอดไปค่ะ”
จากนั้นตรัย และปริเทพ ก็เดินเข้ามา วางดอกไม้จันทน์ต่อจากปริตา
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของพลศิษฎ์ ตรัยก็มาหาปริตาที่บ้านของลัดดาวัลย์ พร้อมกับยื่นโฉนดให้
“บ้านของเธอ”
“ฉันมัวยุ่งเรื่องงานศพพี่มาร์ท ยังไม่ได้โอนเงินให้คุณ ฉันจะรีบจัดการให้นะคะ”
ตรัยส่ายหน้าปฎิเสธ “เธอไม่ต้องโอนหรอก บ้านหลังนี้ ฉันซื้อไว้ให้เธอ ฉันรู้ว่าเธอรักบ้านหลังนี้มาก ฉันกลัวเจ้าของจะขายให้คนอื่นไปก่อน ฉันจึงยอมซื้อไว้เอง”
ปริตาตกใจ พลางจะยื่นโฉนดคืนให้
“ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ไว้ฉันโอนเงินให้คุณแล้วค่อยเอาโฉนดให้ฉัน”
“อย่าปฎิเสธความหวังดีของฉันเลย ให้โอกาสฉันได้ทำความดีชดเชยความผิดที่ฉันเคยทำร้าย ใจร้ายกับเธอ”
ตรัยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แต่คุณต้องใช้เงิน?”
“งานที่บริษัทดีขึ้นแล้ว ฉันขายคอนโดได้เกือบหมด ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี”
ปริตาอึกอัก “แต่มันมีค่ามากเกินไป”
“มันน้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับตอบแทนสิ่งที่เธอทำให้ฉัน เธอสอนให้ฉันรู้จักความรัก รู้จักเสียสละความสุขเพื่อคนที่รัก”
ตรัยหมายถึงการที่เขาไปขอร้องให้บอลกลับมาดูแลเสาวลักษณ์ ซึ่งทำให้ผู้เป็นมารดาถึงกับน้ำตาซึม ที่ลูกชายทำเพื่อเธอ
“ฉันไม่รู้หรอกว่า จะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า บ้านฉันจะกลับมามีความสุขไหม? แต่อย่างน้อยฉันก็ได้ปลดปล่อยความทุกข์ในใจ และได้ทำเพื่อคนที่ฉันรัก นี่เป็นบ้านของเธอ ให้โอกาสฉันได้มอบความสุขคืนให้เธอบ้าง”
ปริตารับโฉนดมากอดไว้อย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
“ขอบคุณมากนะคะ ฉันจะจดจำว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความสุขให้กับบ้านของ
ฉัน ฉันขอตัวก่อนนะคะ ถ้ามีโอกาส เราคงได้พบกันอีก”
ปริตาค่อยๆ เดินเลี่ยงออกไป ตรัยมองตามด้วยความเศร้าใจที่เธอยังไม่เปิดใจยอมรับเขา
จากนั้นปริตาก็เอาโฉนดไปอวดลัดดาวัลย์ พลางก้มลงนั่งจะกราบ
“อ้อมจะทำอะไร ลุกขึ้นมา”
“หลังจากแม่จากไป ก็มีน้าลัดดาที่เคยเป็นห่วงอ้อม รักอ้อม อ้อมรักและเคารพน้าลัดดาเหมือนแม่ของอ้อม อ้อมตัดสินใจแล้วค่ะ อ้อมจะกลับไปอยู่ที่บ้านสังขละ อ้อมคงไม่ได้อยู่ดูแลน้าลัดดาอีกอ้อมกราบขอบคุณน้าลัดดาสำหรับทุกอย่างในชีวิตอ้อมค่ะ”
พูดจบปริตาก็ก้มลงกราบ ลัดดาวัลย์ลูบหัวหลานด้วยความเอ็นดู
“น้าไม่อยากให้อ้อมไปเลย บ้านนี้คงจะเหงา แต่น้าก็ไม่อยากฝืนใจอ้อม อ้อมทำเพื่อคนอื่นมาทั้งชีวิตแล้ว น้าอยากให้อ้อมใช้ชีวิตที่อ้อมต้องการ”
ลัดดาวัลย์โอบกอดปริตา ทั้งที่รู้สึกใจหาย
ส่วนรัญชิตาก็บอกกับชาลินีและพิชัยว่า เธอจะอำลาจากงานในวงการ แล้วไปช่วยดูแลงานที่บริษัทแทนผู้เป็นพ่อ
“แล้วงานในวงการที่ลูกรักล่ะ?” ชาลินีหันมาถาม
“ความฝันเป็นสิ่งที่มิ้นท์ต้องการ แต่มันก็น้อยกว่าความรัก ที่มิ้นท์มีให้คุณพ่อคุณแม่ค่ะ”
พิชัยและชาลินีโอบกอดรัญชิตาไว้แบอก พลางน้ำตาคลอ ด้วยความปลื้มปิติ
ทางด้านบอลก็กลับให้ตรัยไปดูแลเสาวลักษณ์
“คุณหญิงต้องการคุณ ไม่ใช่ผมครับ”
เมื่อตรัยเดินเข้ามาในห้องนอนของเสาวลักษณ์ ก็เห็นผู้เป็นแม่นอนน้ำตาคลออยู่บนเตียง
“ตรัย อย่าทำอย่างนี้อีกนะ อย่าใจร้ายกับแม่ อย่าผลักไสให้แม่อยู่กับคนอื่น”
“แต่เขาจะทำให้คุณแม่มีความสุขนะครับ”
เสาวลักษณ์ส่ายหน้า
“แม่คบกับบอลเพราะแม่เหงา แม่ไม่มีใคร คนที่จะทำให้แม่มีความสุขได้ มีเพียงคนเดียวคือลูก”
ตรัยได้ฟัง ก็เดินเข้ามาสวมกอดมารดา
“ผมขอโทษครับ ผมจะไม่ทิ้งคุณแม่อีกแล้วครับ ผมรักคุณแม่นะครับ”
ปริตาถือโกฏิของแม่ พร้อมพวงมาลัย มาหยุดยืนอยู่หน้าหิ้ง ซึ่งมีรูปภาพของนางวาวางอยู่
“แม่จ๋า อ้อมได้บ้านมาให้แม่แล้วนะ บ้านนี้เป็นบ้านของเราแล้ว”
พูดพลางวางโกฎิไว้บนหิ้ง แล้วพนมมือขึ้นไหว้
“อ้อมผ่านความเลวร้ายมาได้ ก็เพราะอ้อมมีแม่เป็นกำลังใจ ความดีที่แม่ทำ ความดีที่แม่สอน จะอยู่ในใจอ้อมเสมอ”
ปริตาก้มลงกราบที่พื้น ด้วยความสุข
“ผมยินดีกับงานขายคอนโดที่ปิดจ๊อบได้อย่างสวยงาม แล้วผมก็คืนตำแหน่งผู้บริหารบริษัทตรัย แอดเวอร์ไทซิ่งครับ”
ศิโรจน์พูดพร้อมกับยื่นเอกสารให้ แต่ตรัยกลับปฏิเสธ
“แกทำหน้าที่ได้ดีแล้ว ฉันจะแบ่งหุ้นให้เป็นกรรมการ ฉันจะดูแลบริษัทคุณแม่ต่อไป”
“ขอบคุณมากครับบอส บอสได้ความรักความสุข ในครอบครัวคืนแล้ว บอสก็น่าจะไปตามความรักมาคืนใจด้วยนะครับ”
ตรัยหน้าเศร้า เพราะคิดถึงปริตา
ทางด้านดอกแก้วก็กำลังนัวเนียอยู่กับผู้ชายวัยกลางคนในผับ แต่จู่ๆ เมียหลวงก็โผล่เข้ามา พร้อมกับสาดน้ำกรดใส่หน้าจังๆ
ปริตาเดินเล่นบนสะพาน ด้วยความรู้สึกเงียบเหงาในใจ ขณะที่อีกด้านหนึ่งตรัยก็พยายามตามหาปริตาในทุกที่ที่คิดว่าเธอจะไป แต่ก็ไม่เจอ ยิ่งเดินหา เขาก็ยิ่งรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว
ในที่สุด ปริตาก็ตัดสินใจกลับมาที่บ้านของลัดดาวัลย์
“น้าดีใจนะที่อ้อมกลับมา คิดไงถึงเปลี่ยนใจล่ะ?”
“อ้อมลองคิดทบทวนดู ถึงแม้ว่าอ้อมได้บ้าน แต่มันก็ไม่ใช่บ้านที่สมบูรณ์ ถ้าขาดคนที่เรารัก อ้อมจะกลับมาช่วยงานน้าลัดดา”
ชาญวุฒิที่นั่งอยู่ด้วยรีบบอก
“มาช่วยงานพี่ด้วยนะ พี่ไม่มีเลขาแล้ว”
“แล้วพี่ต้อยติ่งล่ะคะ?”
ขาดคำ ต้อยติ่งก็โผล่เข้ามาในมาดสาวโฆษณา
“พี่ติ่งเป็นเลขาบอสคนใหม่ค่ะ”
จากนั้นศิโรจน์ในมาดผู้บริหาร ก็เดินตามเข้ามาติดๆ
“คุณตรัยมอบงานที่บริษัทให้ผมดูแลเต็มตัว ผมต้องการครีเอทีฟมาช่วยครับ แล้วก็อาจจะขยับฐานะเป็น...”
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
ต้อยติ่งมองค้อน “ได้คืบอย่าเอาศอก ติ่งง่ายๆ แต่ได้ยากค่ะ”
“ว่าไงอ้อม จะช่วยงานพี่ชาญรึเปล่า?” ลัดดาวัลย์หันมาถามย้ำ
“อ้อมช่วยงานเสื้อผ้าของน้าลัดดาและพี่ชาญด้วยค่ะ”
ลัดดาวัลย์และชาญวุฒิยิ้มดีใจ พร้อมๆ กับที่ปริเทพเดินเข้ามา
“อ้อมกลับมาดูแลน้าลัดดา พี่ก็อุ่นใจ ไม่งั้นพี่ไม่กล้าไปทำงานไกลหรอก”
ปริตามองพี่ชายอย่างแปลกใจ “พี่เทพจะไปไหน?”
“บริษัทส่งให้พี่ไปดูงานที่เบลเยี่ยมสองปี แล้วให้กลับมารับตำแหน่งผู้จัดการโรงงาน”
“พี่เทพของอ้อมเก่งที่สุด”
ปริตาสวมกอดปริเทพด้วยความดีใจ
ปริตาถือมาลัยกลีบดอกกุหลาบสีชมพูมายืนหน้ารูปของปัทมาศ
“ดาว วันนี้ครบรอบวันคล้ายวันเกิดของเธอ ฉันร้อยมาลัยกลีบดอกกุหลาบมาให้เธอนะ ทุกคนมีความสุขดี และระลึกถึงเธอเสมอนะเพื่อนรัก”
พอปริตาพูดจบ ปริเทพก็เดินเข้ามา
“พี่ขอโทษด้วยนะดาว ที่พี่ผิดคำขอของดาว พี่กลับทำให้เพื่อนรักของดาวต้องผิดใจกันดาวยกโทษให้พี่ด้วยนะ”
“ดาวยกโทษให้เธอเสมอ ดาวรู้ว่าเธอทำไปเพราะรักดาว”
พัชรินทร์ที่เดินตามเข้ามาพูดปลอบใจ
“คุณอาครับ ผมเข้าใจคำสอนของคุณอาแล้วครับ การทำร้ายมีแต่ความสูญเสีย ผมเกือบเสียน้องสาวที่ผมรัก และฆ่าคนอื่น เพราะคิดที่จะล้างแค้นเอาชนะ”
พัชรินทร์ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ไม่มีคำว่าสายเกินไป อาดีใจนะที่เราคิดได้”
“ผมจะมาลาคุณอาไปทำงานที่เบลเยี่ยมครับ ผมคงไม่ได้มาดูแลคุณอาและป้าอร”“เดินทางปลอดภัยนะลูก ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง”
ปริเทพซึ้งใจจนน้ำตาตลอ
“คุณอากับป้าอรไม่ต้องห่วงนะคะ อ้อมจะมาดูแลคุณอากับป้าอรเองค่ะ”
พัชรินทร์ยิ้มอย่างมีความสุข
“ฉันคงเป็นแม่ที่มีความสุขที่สุด มีลูกๆ แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนไม่ขาด เมื่อเช้านี้หนูมิ้นท์ก็มาหาดาว ซื้อของมาฝากฉัน”
ปริตาปรายตามองไปที่กรอบรูป เห็นมาลัยอีกพวงวางอยู่ ก็ยิ้มดีใจที่รัญชิตามาเยี่ยมพัชรินทร์
รัญชิตาเดินมาหยุดยืนบนดาดฟ้าตึก ในมือถือพานกลีบกุหลาบไว้เตรียมจะโปรยให้
ปัทมาศ ครู่หนึ่งปริตาก็เดินเข้ามา
“ฉันนึกแล้วว่าแกต้องมาที่นี่”
“ฉันก็คิดไว้เหมือนกัน ว่าแกต้องมา”
รัญชิตาหันมามองปริตา ด้วยสายตาที่อ่อนโยน พลางหยิบกลีบกุหลาบมาโปรย พร้อมกับพูดขอโทษปัทมาศ แต่ลึกๆ แล้วแอบส่งความรู้สึกนั้นไปถึงปริตาด้วย
“ฉันขอโทษนะ ฉันทำผิดกับแกมาตลอด ฉันขอให้แกยกโทษให้ฉันด้วย”
พูดจบรัญชิตาก็น้ำตาซึม ปริตาก็น้ำตาคลอเช่นกันที่ได้ยินคำขอโทษจากรัญชิตา
“ฉันขอโทษ”
ปริตาตรงเข้าไปสวมกอดรัญชิตา แล้วทั้งคู่ก็ร่ำไห้ออกมาด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ ที่มิตรภาพกลับมางดงามเหมือนเดิม ดวงวิญญาณของปัทมาศพลอยยิ้ม ด้วยความอิ่มเอมใจไปด้วย
รัญชิตาเหลือบมองเห็นตรัยเดินขึ้นมา ก็รีบดันตัวปริตาออก พลางเดินตรงไปหาเขา
“ฉันขอโทษคุณด้วยนะคะ ฉันเกือบจะ..“
ตรัยรีบห้าม “อย่าพูดถึงมันอีกเลย ผมก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา เราต่างล้วนแต่มีส่วนในความผิดที่เกิดขึ้น”
รัญชิตาเดินเข้าไปจับมือขอบคุณตรัย จากนั้นก็เดินกลับมาหาปริตา
“อ้อม ทุกครั้งที่ผ่านมา ฉันจะเป็นคนคอยห้ามแก บังคับแก ไม่ให้แกอยู่ใกล้คุณตรัย
แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉันขอให้แก รับรักเขา คนที่เสียสละ สมควรที่จะได้รับสิ่งที่ดีงาม”
พูดพลางเข้ามาจับมือปริตา แล้วจูงไปหาตรัย
“ฉันทราบจากพี่อ๋องว่าสุขภาพคุณหญิงดีขึ้น ธุรกิจของคุณก็ไปได้ดี ฉันขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ”
ตรัยยิ้มอย่างมีความสุข
“ฉันมาถึงวันนี้ได้ก็เพราะมีเธอ ฉันขอบใจเธอมาก และฉันอยากให้เธอมาเป็นคู่ชีวิตฉัน
อยู่เป็นกำลังใจให้ฉัน”
ตรัยพูดพร้อมกับจับมือปริตาขึ้นมากุม แต่อีกฝ่ายกลับดึงมือออกอย่างนุ่มนวล
“ไม่ใช่ว่าอ้อมรังเกียจคุณนะคะ คุณพิสูจน์ให้อ้อมเห็นแล้วว่า คุณรักและจริงใจกับอ้อม แต่อ้อมขอเวลา อ้อมยังมีเรื่องงาน ที่ต้องช่วยน้าลัดดา ช่วยงานพี่ชาญ รวมทั้งดูแลคุณอาพัชรินทร์
ส่วนคุณ ก็ยังต้องดูแลคุณหญิง ให้ท่านกลับมาแข็งแรงใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม เราต่างมีสิ่งที่ค้างคาและต้องทำเพื่อคนที่เรารัก เมื่อใดที่เราพร้อม และใจเรายังไม่เปลี่ยนไป เราก็จะได้ใช้ชีวิตด้วยกัน”
พูดถึงตรงนี้ปริตากลับเป็นฝ่ายจับมือตรัยไว้เสียเอง
“วันนี้ สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด คือการเป็นเพื่อนที่ดี เพื่อนที่จะรักและดูแลกันค่ะ”
ตรัยยิ้มดีใ จที่อย่างน้อยปริตาก็ไม่ตัดความสัมพันธ์กับเขา พลางกุมมืออีกฝ่ายไว้แน่น
รัญชิตามองความสัมพันธ์ของทั้งคู่ด้วยความปลื้มใจ
ปริตาเดินผละออกมาจากตรัย พลางหยิบพานที่ใส่กลีบดอกกุหลาบสีชมพูขึ้นมาโปรยเพื่อระลึกถึงปัทมาศ
รัญชิตายืนห่างออกไปอีกมุมหนึ่ง เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ซึ่งมีความหมายที่แตกต่างกัน ระหว่างปริตากับตรัยที่เป็นคนรัก และปริตากับรัญชิตาที่เป็นเพื่อนรัก
จบบริบูรณ์