xs
xsm
sm
md
lg

กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 13

“คุณอาพ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ อ้อมพามาพักฟื้นที่บ้านแล้ว”
 
ปริตาโทรศัพท์บอกปริเทพด้วยน้ำเสียงดีใจ
“พี่อยากไปเยี่ยมคุณอา แต่พี่ต้องทำโอทีวันนี้”
“พี่เทพไม่ต้องห่วงค่ะ อ้อมจะดูแลคุณอาให้ดีที่สุด”
“พี่ฝากด้วยนะ ออกจากงานแล้วพี่จะรีบไป”
ปริเทพวางสายแล้วกลับเข้าไปทำงานต่อ

พัชรินทร์รู้สึกตัวขึ้น ด้วยความรู้สึกหดหู่ที่ไม่ตายดังที่ปรารถนา ครู่หนึ่งปริตาก็เข้ามาหา ตรัยตามเข้ามายืนอยู่ห่างๆ
ปริตาจับมือพัชรินทร์ไว้แน่น
“คุณอาอย่าทำอย่างนี้อีกนะคะ เราทุกคนเป็นห่วงคุณอา”
พัชรินทร์สะบัดมือออก
“ฉันไม่อยากอยู่อีกแล้ว ฉันเป็นต้นเหตุให้ดาวตาย ฉันฆ่าลูกด้วยตัวฉันเอง ถ้าฉันไม่กดดัน ไม่บังคับ ปล่อยให้เขามีอิสระในชีวิต ดาวคงไม่กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว แล้วได้รับจุดจบอย่างนั้น”
ปริตาและตรัยได้ฟังก็ยิ่งสะเทือนใจ
“ฉันเป็นแม่ที่แย่มาก แม่ที่ฆ่าลูก ไม่มีทางไหนที่จะชดใช้ความผิดนี้ นอกจากความตาย พวกเธอมายื้อชีวิตฉันไว้ทำไม พวกเธอปล่อยให้ฉันตายไปซะ”
พูดพลางหยิบของใกล้ตัวปาใส่ ปริตาพยายามพูดปลอบ
“คุณอาอย่าโทษตัวเองเลยค่ะ เราทุกคนล้วนผิด แต่เราแก้ตัวให้มันดีขึ้นได้”
พัชรินทร์น้ำตาคลอ “ฉันจะอยู่แก้ตัวให้ใคร? ฉันอยู่เพื่ออะไร? ไม่มีดาว ชีวิตฉันมันก็ไม่มีความหมาย”
“เพื่อป้าอร เพื่อคนที่รักและห่วงใยคุณอา อย่างน้อยก็เพื่อตัวเอง อ้อมไม่เหลือแม้แต่แม่ พ่ออ้อมก็ตายไปแล้ว อ้อมไม่เหลือใคร แต่อ้อมจะอยู่ อยู่เพื่อทำความฝันให้สำเร็จ คุณอาต้องสู้นะคะ”
“ไม่ ฉันไม่อยากอยู่อีกแล้ว ฉันอยากตาย”
พัชรินทร์ยังคงคร่ำครวญหวนไห้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
ตรัยเดินเลี่ยงออกไป ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมถาดใส่ยาและน้ำ
“คุณอาทานยา แล้วนอนพักนะครับ”
“ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
ปริตาเห็นพัชรินทร์ยังคงโกรธตรัย จึงเข้ามารับถาดยาจากเขา พลางเอายามาให้พัชรินทร์
“อ้อมขอร้องนะคะ กินยานะคะ”
พัชรินทร์จำต้องกินยา ปริตาห่มผ้าให้ พลางนั่งเฝ้าจนพัชรินทร์จนหลับไป ปริตาจึงคลายกังวล “คุณเอายาอะไรให้ท่านกิน ท่านถึงหลับลงได้”
“คุณหมอให้ยาแก้เครียด ช่วยให้นอนหลับ ร่างกายจะได้พัก”
“ดึกแล้ว คุณกลับไปเถอะ”
“ถ้าคุณอาควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เธอเอาไม่อยู่หรอก ฉันอยู่ช่วยเอง”
ปริตายืนกราน “ฉันบอกว่าฉันอยู่ได้ คุณกลับไปเถอะ”
พลางดันตัวตรัยให้ออกไป แต่แล้วตัวเองก็กลับเซเพราะเครียด จนไม่มีแรง ตรัยต้องเข้ามาประคองไว้ “อวดเก่งอีกแล้วนะ ตัวเองยังเอาไม่รอด ทั้งเครียดทั้งหิวสิ ยังไม่ได้กินอะไรเลย มานี่”

ตรัยกึ่งจูงกึ่งลากปริตาเดินเข้าไปบริเวณครัว

รัญชิตาอยู่ในผับ พยายามโทร. หาตรัย แต่เขาไม่รับสาย จู่ๆ สมภพก็เดินเข้ามาหา
 
“ไม่ได้ดื่มกับคุณมิ้นท์นานแล้ว ขอดื่มด้วยคนนะครับ”
“ชวนเด็กของคุณมาชนแก้วเถอะค่ะ” รัญชิตาพูดเหน็บ เพราะยังเคืองไม่หาย
“อย่าคิดมากสิครับ อ้อมไม่ใช่เด็กผม ผมแคร์นักแสดงของผมทุกคน”
“แต่คุณเชียร์อ้อมจนออกนอกหน้า”
“มันเป็นกลยุทธ์ทางการขาย ใครๆ ก็เห่อของใหม่ ผมระลึกเสมอว่าธุรกิจของผมเดินได้เพราะมีคุณพ่อคุณแม่คุณสนับสนุน ผมไม่มีวันทิ้งนางเอกของผม สำหรับความสำเร็จของเรา”
รัญชิตาจำยอมชนแก้วกับสมภพ แต่แล้วดอกแก้วก็ถือแก้วเหล้าเข้ามาชนด้วย
“สำหรับความสุขของเราค่ะ”
ดอกแก้วดื่มเหล้าแล้วก็วางแก้ว จากนั้นก็ตบหน้ารัญชิตาทันที
“ถูกยัยอ้อมเบียดจะตกขอบ ถึงกับยอมมานั่งดริ้งค์คิดแย่งคุณสมภพของฉัน”
สมภพไม่พอใจ หันมาตะเพิดใส่ “เธอเมาแล้วออกไป”
“ดอกแก้วไม่ไป คุณก็เหมือนกัน พี่ชาญส่งบทล่าสุด ละครทั้งตอนมีดอกแก้วแค่ฉากเดียว ไหนบอกว่าจะดัน จะปั้นดอกแก้วให้อยู่แถวหน้า คุณโกหก”
รัญชิตาทนไม่ไหว “จัดการเรื่องในมุ้งกันเองนะคะ”
พูดจบก็ขยับจะออกไป แต่ดอกแก้วกลับคว้าตัวกลับมาตบ
“อย่าดึงฉันเข้าในมุ้งสกปรกของเธอ”
รัญชิตาตบกลับแล้วผลักดอกแก้ว จนเซไปชนกับพริดา
“เข้ามาแทคทีมตบฉันรึไง? เธอมันรักสามัคคีกันดี ยอมใช้ผู้ชายร่วมกัน”
พริดาผลักดอกแก้วออกไปแล้วเดินเข้ามาหารัญชิตา พลางมองเย้ยไปที่สมภพ
“ฉันขึ้นมาจากขุมนรกแล้ว อย่าดึงฉันลงไปอีก ส่วนเธออย่าทำให้ฉันโกรธ ไม่งั้นบ้านเธอแตกแน่”
พูดจบก็เดินเชิดหน้าออกไป รัญชิตานึกแปลกใจในคำพูดของพริดา พลางมองเย้ยดอกแก้ว แล้วเดินออกไป
ดอกแก้วรีบเข้าไปหาสมภพ “คุณสมภพคะ ดอกแก้วรักคุณ”
แต่กลับถูกสมภพสาดเหล้าใส่หน้า
“คืนนี้ไปขนของกลับไปอพาร์ตเม้นท์ของเธอ”

ตรัยจับปริตานั่งลงที่โต๊ะอาหาร
“มีปลากระป๋องเหลือกระป๋องเดียว ฉันก็เลยทำข้าวผัดปลากระป๋องให้เธอ”.
ปริตายิ้มรับ “แล้วของคุณล่ะ?”
“ฉันกินแล้ว ผัดไปกินไป กินให้อร่อยนะ ฉันจะขึ้นไปเฝ้าคุณอา”
พูดจบก็จะเดินไป แต่ท้องดันร้องขึ้นมา ปริตารีบคว้าให้ตรัยนั่งลง
“ผู้ชายปากแข็ง นั่งลง”
จากนั้นก็เอาจานมาแบ่งข้าวผัดครึ่งหนึ่งให้ตรัย.
“แบ่งคนละครึ่งเธอไม่อิ่มหรอก”
“มีน้อยก็กินน้อย มื้อดึกไม่ควรกินเยอะค่ะ”
ตรัยยิ้มรับ ปริตาลงมือกินข้าว อีกฝ่ายนั่งมองเฉย
“คุณกินสิ”
“รอเธอก่อน เผื่อเธอไม่อิ่ม เอาของฉันไปเพิ่ม”
ปริตามองหน้าตรัยยิ้มๆ “ผู้ชายตรงหน้าฉันคงไม่ใช่คุณตรัย คุณตรัยที่ฉันรู้จัก ไม่เคยคิดถึงคนอื่น นอกจากตัวเอง”
“มีผู้หญิงคนนึง สอนให้ฉันคิดถึงคนอื่น สอนให้ฉันค้นพบความจริงบางอย่าง รวมทั้ง..”
ตรัยยังพูดไม่ทันจบ ปริตาก็พูดขัดขึ้น
“เพ้ออยู่ได้ กินได้แล้วค่ะ”
“เธอไม่อยากรู้เหรอ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”
พูดพลางเอื้อมมือมากุมมือปริตา
“เขาอยู่ตรงหน้าฉัน”
ปริตาเงยหน้ามอง ตรัยยิ้มให้
“ขอบใจนะ”

“รีบกินเถอะค่ะ จะได้รีบไปเฝ้าคุณอา”

รัญชิตากำลังจะเดินออกไป บังเอิญสวนกับพิชัยที่กำลังจะเดินเข้าไป เธอกำลังจะเดินตามไปดูให้แน่ใจ แต่บังเอิญมีคนเบียดเสียด ทำให้คลาดกัน


พอพิชัยเดินเข้ามา พริดาก็ปราดเข้ามาหาทันที
“เรานัดกันที่คอนโดก็ได้ ฉันไม่อยากมาเจอในที่แบบนี้”
“คุณอาก็โอนคอนโดให้พอลลี่สิคะ พอลลี่จะได้รอคุณที่คอนโดทุกคืน”
พิชัยตอบเลี่ยงๆ “ฉันยังทำเรื่องโอนไม่ได้ คุณชาลินีจับตาฉันอยู่”
“ พอลลี่รอนานแล้วนะคะ คุณสัญญากับพอลลี่มาหลายครั้งแล้ว”
พิชัยโวยวายกลับ “อย่ามาขึ้นเสียงกับฉัน”
“คุณอาก็เลิกโกหกพอลลี่ ถ้าพอลลี่ไม่ได้คอนโดนั่น คุณอาก็เตรียมเคลียร์กับที่บ้านได้เลย”
“นี่เธอขู่ฉันเหรอ ?”
“คุณพ่อคะ”
พิชัยตกใจที่รัญชิตา เห็นเขาอยู่กับพริดา
“คุณพ่อมาทำอะไรคะ”
“พ่อแวะมาดื่ม แล้วก็เจอหนูพอลลี่”
พริดาแอบมองเย้ยรัญชิตา
“ฉันก็ทักทายคุณพ่อเธอ ตามประสา เพื่อนของลูกสาว พอลลี่กลับก่อนนะคะ คุณพ่อมิ้นท์”
พิชัยโล่งใจที่อีกฝ่ายไม่ได้บอกความลับ
“ลูกเข้าวงการมีชื่อเสียงแล้ว ไม่ควรมาเที่ยวอีก กลับเถอะ พ่อก็จะกลับแล้ว”
พิชัยรีบพารัญชิตาออกไป ดอกแก้วยืนมองที่มุมหนึ่ง คิดจะแย่งพิชัยจากพริดา

พัชรินทร์ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่น พลางมองไปรอบๆ เห็นปริตานอนหลับอยู่ด้านข้างเตียง ส่วนตรัยที่นั่งเฝ้า จนเผลอหลับไป เธอมองทั้งคู่อย่างซาบซึ้งใจ

ตรัยกับปริตารู้สึกตัวตื่นขึ้น พลางมองไปที่เตียงนอน แต่กลับไม่เห็นพัชรินทร์
“คุณอา”
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินตามหาพัชรินทร์รอบบ้าน กระทั่งเห็นพัชรินทร์กำลังใส่บาตรอยู่หน้าบ้าน
เมื่อใส่บาตรเสร็จ พัชรินทร์ก็เดินตรงมาหาปริตา
“ขอบใจคำเตือนของเธอ ที่ให้สติฉัน ฉันรู้แล้วล่ะ ฉันจะอยู่เพื่ออะไร? ฉันจะอยู่เพื่อดาว ฉันจะมีชีวิตอยู่ให้นานที่สุด ทำบุญทำทาน อุทิศส่วนกุศลให้ดาว ให้ลูกสาวฉันไปสู่ภพภูมิที่ดี”
ปริตาปลื้มใจจนน้ำตาซึม
“อ้อมเชื่อนะคะ ดาวรับรู้ถึงสิ่งที่คุณอาทำ ดาวต้องมีความสุขมาก”
“มาสิ มาช่วยกรวดน้ำอุทิศบุญให้ดาว”
พัชรินทร์พาปริตามากรวดน้ำที่มุมหนึ่งของบ้าน ตรัยยืนมองด้วยความสุขใจ พลางยกมือภาวนาอุทิศบุญร่วมด้วย
พอทั้งคู่กรวดน้ำเสร็จ ตรัยก็เข้าไปหาพัชรินทร์
“ผมช่วยเอาน้ำไปรดต้นไม้ให้นะครับ”
พัชรินทร์ไม่ได้ตอบ แต่ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจ ปริตาพยักหน้าให้ ตรัยเดินมาหยิบที่กรวดน้ำออกไป สวนกับป้าอรที่เข้ามาพอดี
“รินทร์เป็นยังไงบ้าง อ้อมโทรบอกพี่ พี่เป็นห่วงรินทร์มากนะ”
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันจะไม่ทำร้ายตัวเองอีกแล้วพี่ ฉันขอโทษ”
ป้าอรสวมกอดพัชรินทร์ ปริตามองด้วยความซึ้งใจ ตรัยเองก็รู้สึกดีที่พัชรินทร์เข้มแข็งขึ้น

รัญชิตานอนฝันร้าย ถึงเหตุการณ์ที่ทำร้ายปัทมาศ ก่อนที่จะสะดุ้งตกใจตื่น พลางหันไปหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาตรัย
ขณะที่อีกฝ่ายกำลังทำอาหารอยู่ในครัวโดยไม่สนใจที่จะรับสาย จนปริตานึกแปลกใจที่ตรัยดูไม่แคร์
รัญชิตา

รัญชิตาหงุดหงิดที่ตรัยไม่รับสาย จึงตัดสินใจโทร.ไปคาดคั้นถามจากศิโรน์จนได้รู้คำตอบ
“บ้านดาว? คุณตรัยคงไปเยี่ยมคุณแม่ดาว”
จากนั้นรีบลุกจากที่นอนทันที เพื่อไปหาตรัย

พัชรินทร์เดินมาหยุดมองตรัยกับปริตาช่วยกันทำอาหาร แล้วก็นึกรู้ว่าทั้งสองมีใจให้กัน ป้าอรเดินเข้ามายืนข้างๆ
“ให้อภัยคุณตรัยเถอะ ความรักห้ามกันไม่ได้ และเขาก็พิสูจน์ให้เห็น ว่าเขาพยายามทำดีที่สุดแล้ว”

พัชรินทร์คิดตัดสินใจเงียบๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป

ปริตายกถาดใส่ข้าวต้มไปเสิร์ฟให้พัชรินทร์ ตรัยมองตาม รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับปริตา ป้าอรเดินเข้ามายืนข้างๆ ตรัย
 
“คิดจะรักก็ต้องรู้จักรักให้เป็นนะคะ”
“ป้าอรหมายถึงอะไรครับ ?”
“อย่าเก็บไว้ในใจ ไม่แสดงออกเหมือนอาพัชรินทร์ ไม่งั้นจะเป็นทุกข์และเสียใจ เมื่อเราได้สูญเสียมันไปแล้ว”
ตรัยถอนหายใจ “แล้วถ้าเขายังไม่เปิดใจล่ะครับ?”
“ใช้ความพยายาม และความดีค่ะ”
ป้าอรพูดให้ข้อคิด ตรัยยกมือไหว้ขอบคุณ พลางคิดจะเอาชนะใจปริตาให้ได้

ตรัยกำลังจะออกไปส่งปริตา แต่รัญชิตาเดินเข้ามาเห็นก่อน
“คุณตรัยคะ”
ปริตาตกใจ รีบเดินเลี่ยงออกไป ตรัยรีบอธิบาย เพราะเกรงว่ารัญชิตาจะโกรธ
“เมื่อวานคุณอาเครียดหนักจะทำร้ายตัวเอง ผมกับอ้อมเข้ามาเจอก็เลยช่วยกันพาส่งโรงพยาบาล แล้วก็อยู่ช่วยกันดูแล ตอนนี้คุณอาดีขึ้นแล้ว ผมกำลังจะกลับ”
รัญชิตาพยายามข่มอารมณ์ไม่โวยวาย
“ค่ะ รบกวนคุณตรัยช่วยบอกคุณอาหน่อยสิคะ มิ้นท์มาเยี่ยมค่ะ”
พอตรัยเดินกลับเข้าไปในบ้านพัชรินทร์ รัญชิตาก็รีบตามปริตาไปทันที เมื่อตามมาทันก็รีบคว้าตัวกลับมา แล้วตบหน้าปริตาอย่างแรง
“มิ้นท์ มันชักจะมากไปแล้วนะ”
รัญชิตายิ้มหยัน “มันน้อยไปด้วยซ้ำกับที่เธอทำ เธอจงใจแย่งคุณตรัย”
“ฉันมาอยู่ดูแลคุณอาที่คิดฆ่าตัวตาย เธอยังคิดอกุศล ใจเธอเคยคิดอะไรที่ดีบ้าง ?”
“ไม่ต้องเอาคนอื่นมาอ้าง กี่ครั้งแล้วที่เธอตั้งใจเข้าหาคุณตรัย มันก็สบโอกาสเธอสิ ได้ใกล้ชิดแล้วอ่อยให้เขาทิ้งฉัน”
ปริตาย้อนกลับทันที “เธอกลัวเหรอ? กลัวเสียเขาไปงั้นสิ เธอเองก็เคยแย่งเขาจากดาว ฉันก็จะทำให้เธอรู้ว่าความรู้สึกที่โดนแย่งเป็นยังไง?”
“เธอคิดจะจองล้างจองผลาญฉันไม่เลิกใช่ไหม ?”
“ฉันจะทำจนกว่าเธอจะยอมรับความจริง ยอมรับผิดว่าการที่เธออยากได้อยากมี มันทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน คนที่เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ เอาแต่ใจ ไม่สมควรได้อะไรทั้งนั้น”
รัญชิตาไม่พอใจปราดเข้าไปตบตีปริตา อีกฝ่ายก็ตอบโต้กลับไปอย่างไม่ยอมกัน จังหวะนั้นปริเทพก็เข้ามาพอดี
“หยุดนะ”
“พี่เทพควรสั่งสอนให้น้องพี่มีสำนึกผิดชอบชั่วดี เลิกแย่งคนรักของเพื่อนด้วย”
พัชรินทร์ ที่เดินออกมาพร้อมกับป้าอร และตรัย รีบพูดแทรกขึ้นมา
“ฉันก็ควรจะบอกพ่อแม่เธอ สอนให้เธอรู้จักยางอาย หยุดก้าวร้าวตบตีแย่งชิงผู้ชายเหมือนกัน”
รัญชิตารีบยกมือไหว้พัชรินทร์
“คุณอาคะ มิ้นท์ขอโทษค่ะ อ้อมยั่วโมโหมิ้นท์”
“ฉันบอกแล้วไงไม่ต้องมาที่นี่อีก”
“มิ้นท์ก็ไม่คิดจะมาหรอกค่ะ ถ้าอ้อมไม่กักตัวคนรักของมิ้นท์ไว้ที่นี่”
พัชรินทร์มองรัญชิตาเยาะๆ “เธอแน่ใจเหรอ? ว่าเขารักเธอ?”
รัญชิตาถึงกับอึ้งที่พัชรินทร์ตอกกลับ
“อ้อม เธอฉลาดมากนะ หาโอกาสมาปั่นหัวยุยงให้ทุกคนเกลียดฉัน”
พูดจบก็สะบัดหน้าเดินออกไปทันที
“ผมขอโทษคุณอาด้วยครับ”
ตรัยยกมือไหว้พัชรินทร์และป้าอร ก่อนจะหันไปมองปริตา ที่มองกลับมาด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็ค่อยๆ เดินเลี่ยงออกไป ปริตามองตาม ด้วยความรู้สึกสงสาร
ปริเทพสังเกตสีหน้า และเริ่มสงสัยในความคิดของปริตา

“ทำไมอ้อมไม่บอกพี่ว่าเขาค้างที่นี่ ?”

กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 13 (ต่อ)

ตรัยรีบตามออกมาพลางเอ่ยขอโทษรัญชิตา
 
“ขอโทษมิ้นท์เรื่องอะไรคะ? เรื่องที่คุณไม่รับสายมิ้นท์? หรือเรื่องที่คุณเคยไปค้างคืนที่บ้านอ้อม หรือเรื่องเมื่อคืนนี้ ?”
“ผมขอโทษทุกเรื่องที่ทำให้คุณไม่พอใจ”
“คุณอยากให้มิ้นท์สบายใจ.คุณอยู่ห่างอ้อมได้ไหมคะ? มิ้นท์ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเรามีปัญหา มันจะกระทบกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับงานของคุณแม่คุณ”
รัญชิตายกเรื่องธุรกิจของเสาวลักษณ์มาพูดเชิงขู่ จนตรัยเริ่มกังวลใจ
“คุณไม่ต้องกังวลใจนะคะ ปัญหาจะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณคอยอยู่ข้างมิ้นท์”
“กลับกันเถอะครับ ผมไปส่งคุณ”
รัญชิตาแอบยิ้มพอใจ

“ว่าไง ทำไมอ้อมไม่บอกพี่ว่าคุณตรัยอยู่ที่นี่ ?”
ปริเทพคาดคั้นถามซ้ำ
“อ้อมไม่อยากให้พี่กังวล ถ้าพี่รู้ พี่ก็ต้องหยุดงานมา”
“พี่ไม่ไว้ใจให้เขาอยู่กับอ้อมลำพัง”
ปริตารีบแก้ตัวให้
“เขาไม่ได้เลวร้ายเกินไปหรอกค่ะ เขาช่วยดูแลคุณอาได้ดี คอยช่วยเหลืออ้อม เขาเปลี่ยนไปมาก”
“อ้อมไม่ได้เผลอใจรักเขาใช่ไหม? พี่รู้ว่าเขามีใจให้อ้อม เขารักอ้อม จำไว้นะอ้อม อย่าใจอ่อน เขามีส่วนทำให้ดาวตาย ทำให้พี่เสียใจ อ้อมจะรักคนที่ทำให้เพื่อนของอ้อมต้องตาย และพี่ชายทุกข์ใจไม่ได้”
ปริตาพยักห้าเศร้าๆ “ค่ะ พี่เทพ”
“พี่ว่าเรามาถูกทางแล้วล่ะ ยิ่งมิ้นท์โกรธอ้อมหึงคุณตรัย ความสัมพันธ์ของสองคนนั่น ก็คงไปไม่รอด”

พัชรินทร์ยืนอยู่มุมหนึ่ง รับรู้ว่าปริเทพแค้นตรัยและรัญชิตา ก็นึกกังวลใจ

ดอกแก้วเดินออกมาในชุดแฟชั่น ที่จัดขึ้นมาเป็นพิเศษ ขัดแย้งกับโลเกชั่นที่ถ่าย
 
“ทำไมถึงเลือกโรงงงานร้างเป็นโลเกชั่นคะ?”
ชาญวุฒิเข้ามาอธิบาย
“มันเกร๋ๆไง คุณสมภพซื้อพื้นที่โฆษณาในนิตรสารเล่มนี้ เพื่อโปรโมทละครแรงร้ายแห่งปี และโลเกชั่นนี้จะเป็นโลเกชั่นสำคัญของเรื่องที่เราจะถ่ายในคิวหน้า”
“มันดูน่ากลัวจัง เราถ่ายกันเถอะค่ะ”
พูดจบก็เข้าไปโพสท่าเพื่อจะถ่ายแบบ ครู่หนึ่งพริดาในชุดที่เจิดกว่าก็เดินเข้ามา
“พี่ชาญคะ พอลลี่ขอถ่ายก่อนค่ะ จะได้เปลี่ยนชุดใหม่”
ดอกแก้วไม่ยอม “พี่ชาญคะ ดอกแก้วพร้อมก่อนนะคะ”
ชาญวุฒิรีบพูดทันที
“มาพร้อมกันก็ถ่ายด้วยกันสิ เซ็ทนี่ไม่มีถ่ายเดี่ยวจ้ะ”
พริดาไม่พอใจ เข้าไปโพสท่าข่มดอกแก้ว ช่างภาพกดชัตเตอร์รัวในหลายๆ ทั้งคู่โพสท่าแข่งกันแบบไม่มีใครยอมใคร
“สวยเจิดครับ เปลี่ยนชุดได้เลยจ้ะ”
“ชุดใหม่ของพอลลี่อยู่ไหนคะ?”
ชาญวุฒิรีบบอก “พี่หมายถึงเปลี่ยนชุดคืนน่ะ หมดคิวแล้วกลับได้เลย”
“พี่ชาญ พอลลี่ไม่ใช่ตัวประกอบไก่กานะคะ ให้มาถ่ายแฟชั่นโปรโมทละครแค่ชุดเดียว”
พริดามองเย้ยไปที่ดอกแก้ว อีกฝ่ายก็รีบเดินเข้ามาหาชาญวุฒิ
“ดอกแก้วก็ไม่ใช่ตัวประกอบเดินผ่านกล้อง แต่ถ้าทีมงานจัดให้ชุดเดียว ดอกแก้วก็เคารพทีมงาน ถ่ายเดี่ยวได้เลยค่ะ”
ต้อยติ่งถอนหายใจ แล้วรีบอธิบาย
“พื้นที่สำหรับเธอ และคุณเธอ มีแค่หน้าเดียว คือภาพคู่เมื่อกี้ เข้าใจตรงกันนะ”
“แล้วพื้นที่อีกหลายหน้าเป็นของใครกัน ?” พริดาย้อนถาม
ชาญวุฒิรีบโบ้ยให้สมภพเป็นคนตอบ
“พื้นที่ที่เหลือก็เป็นของมิ้นท์กับอ้อม”
“อะไรก็มิ้นท์อะไรก็อ้อม พอลลี่ก็มีฐานคนดูนะคะ ทำอย่างนี้ ไม่ให้เกียรติพอลลี่ แล้วพอลลี่จะตอบแฟนคลับยังไงคะ?”
“เอางี้ พวกเธอเข้าไปพักก่อน ฉันจะให้มาถ่ายเพิ่ม ถ่ายพร้อมทั้งเซ็ทสี่คน ฉันให้ได้แค่นี้”
พริดากับดอกแก้ว จำต้องเดินออกไปอย่างไม่มีทางเลือก

พอทั้งคู่เดินออกมาก็ถูกกลุ่มนักข่าวเบียดกระเด็น ก่อนที่จะกรูไปถ่ายรูปรัญชิตาในชุดสวย ชายกระโปรงยาว เจิดจรัส ท่วงท่าสง่างาม
ครู่หนึ่งปริตาในชุดกระโปรงยาว เจิดจรัสไม่แพ้กัน ก็เดินเข้ามา นักข่าวต่างกรูไปถ่ายภาพ ปริตาโพสท่า พลางมองเย้ยรัญชิตา พริดากับดอกแก้วเห็นทั้งสองโดดเด่นมากก็ยิ่งหมั่นไส้

รัญชิตากับปริตายืนโพสเดี่ยวให้ช่างภาพถ่ายภาพกันคนละมุม ก่อนที่จะเปลี่ยนชุดใหม่แล้วเข้ามายืนร่วมเฟรมเดียวกัน ทั้งคู่พยายามโพสข่มกันอยู่ตลอดเวลา
สมภพยิ้มพอใจ “สวยงามมากครับ เตรียมเซ็ทสุดท้ายได้เลย”

ทีมงานถือถาดใส่น้ำ ซึ่งมีน้ำหวานกับน้ำเปล่าอย่างละกระบอกมาเสิร์ฟให้ ปริตาเอื้อมมือจะหยิบน้ำหวาน แต่รัญชิตาคว้าตัดหน้าไปก่อน ชาญวุฒิรีบบอก
“เดี๋ยวพี่บอกให้ทีมงานชงน้ำหวานมาให้”

“ไม่เป็นไรค่ะ อ้อมไม่ชอบดื่มเหมือนคนอื่น มันก็แค่น้ำหวาน มีอะไรที่มันน่าดื่มกินมากกว่าน้ำหวาน”

ปริตาจงใจพูดเย้ย รัญชิตาเริ่มไม่พอใจ ชาญวุฒิรีบจะเก็บกระบอกน้ำหวานจากรัญชิตา เพราะเกรงว่าเธอจะสาดใส่ปริตา
 
“พี่ชาญไม่ต้องกลัว มิ้นท์ไม่วีนให้เสียชื่อหรอกค่ะ”
พลางเดินตรงไปหาปริตา แล้วยื่นกระบอกน้ำให้
“ดื่มต่อจากฉันสิ เธอคงไม่ถือหรอก กินของเหลือฉัน”
“ฉันต่างหากที่น่าจะพูดประโยคนี้ เพราะเธอกำลังจะกินของเหลือจากฉัน”
รัญชิตาพยายามข่มอารมณ์ ส่งกระบอกน้ำให้ชาญวุฒิ
“มิ้นท์ไม่ดื่มแล้วค่ะ พี่ช่วยตามช่างมาเติมหน้าให้มิ้นท์ด้วยนะคะ”
ชาญวุฒิเห็นทั้งสองไม่ตอบโต้กัน ก็รีบออกไป รัญชิตารีบเดินตรงเข้าหาปริตา
“อย่ามายุ่งกับคุณตรัย”
ปริตายิ้มยั่ว
“ฉันคงทำไม่ได้ ฉันชักติดใจเขาแล้วยิ่งอยู่ใกล้เขา ฉันก็รู้สึกอบอุ่น เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างจากฉัน ไม่งั้นเขาคงไม่อยากค้างคืนอยู่กับฉัน”
“เขาอยู่เพราะต้องการดูแลคุณอา”
“อีกแล้วนะมิ้นท์ เธอหลงทางผู้ชายตลอด เขาพูดอะไรเธอก็เชื่อไปหมด ผู้ชายไม่มีวันยอมรับความจริงหรอก ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขา”
รัญชิตาจ้องหน้าปริตาอย่างเอาเรื่อง
“ฉันไม่จิตตกหลงกลเกมประสาทของเธอหรอก ถ้าเขาไม่แคร์ฉัน เขาคงไม่ทิ้งเธอไว้ที่นั่น แล้วมาส่งฉัน เย็นนี้เขาก็จะมารับฉัน”
ปริตาย้อนกลับ
“เขามาด้วยใจรึว่ามาด้วยหน้าที่ล่ะ? อย่าหลอกตัวเองเลยมิ้นท์ เขาพยายามทำดีกับเธอก็เพราะแม่
มันเป็นธุรกิจ บางครั้งคนเราก็ต้องโกหกใจตัวเองเพื่อผลประโยชน์ ฉันไม่แคร์หรอกนะ เขาจะไปไหนมาไหนกับเธอ
เพราะฉันรู้ว่าใจของเขาอยู่กับฉัน”
ชาญวุฒิที่เดินกลับเข้ามา รีบเข้าไปขวาง
“ได้เวลาถ่ายเซ็ทสุดท้ายแล้ว ช่างรอที่หน้าเซ็ทแล้ว เชิญจ้ะ”
รัญชิตารีบเดินออกไปทันที ปริตายิ้มเย้ยที่ยั่วรัญชิตาได้สำเร็จ แล้วรีบเดินตามไป

“เซ็ทสุดท้าย ผมอยากได้ภาพทั้งสี่คน ที่ดูแรง ร้ายใส่กัน ไม่มีใครยอมใคร สมกับชื่อละคร ร้ายรักร้ายมารยา”
สมภพอธิบายคอนเซ็ปท์ของภาพให้นางแบบทั้ง 4 คนฟัง จากนั้นก็เริ่มต้นถ่ายทำ
“โฟกัสที่คุณมิ้นท์กับอ้อม”
สมภพหันมาสั่ง ช่างภาพถ่ายภาพรัว โดยโฟกัสไปที่ปริตาและรัญชิตา พริดากับดอกแก้วไม่พอใจที่กลายเหมือนตัวประกอบให้รัญชิตาและปริตายิ่งโดดเด่น
“โอเคครับ พวกคุณยอดเยี่ยมมาก” สมภพยิ้มอย่างพอใจ
ชาญวุฒิรีบพูดเสริม “ขอบคุณทีมงานและนักข่าวทุกท่านนะครับ แล้วเจอกันอีกที ซีนใหญ่ในละคร”

รัญชิตาและปริตารีบเดินกลับไปที่จุดเปลี่ยนเสื้อผ้า

“ไปช่วยถ่ายภาพทีมงานเบื้องหลังให้พี่ด้วย”
 
ชาญวุฒิเดินเข้ามาสั่งการช่างภาพ ก่อนจะเดินนำออกไป
พริดาเดินมาที่จอคอมพิวเตอร์ที่ช่างภาพเปิดค้างไว้ เพราะอยากเห็นภาพของตัวเอง แต่กลับเห็นภาพเซ็ทสี่คน ซึ่งส่วนใหญ่โฟกัสที่รัญชิตาและปริตา ก็ไม่พอใจ รีบเดินออกไป ดอกแก้วรีบตามไปอีกคน

สมภพเดินเข้ามาบอกรัญชิตาและปริตาในห้องแต่งตัว
“พวกคุณทำหน้าที่ได้สมบูรณ์มาก พอละครใกล้ออน ผมจะให้พวกคุณไปออกรายการโชว์ตัว”
“มิ้นท์ถนัดออกเดี่ยวค่ะ ไม่ถนัดออกเป็นแพค”
รัญชิตาจงใจประชดปริตา แล้วเดินออกไป สมภพรีบเข้าไปจับมือปริตา
“ว่างๆ เราไปดื่มด้วยกันอีกนะครับ”
ปริตาค่อยๆ ชักมือออก “ค่ะ อ้อมขอตัวก่อนนะคะ”
สมภพมองตาม แต่จู่ๆ พริดาก็เดินเข้ามา
“คุณทำเหมือนกับเราไม่เคยนอนเตียงเดียวกัน คุณชูสองคนนั่น คิดจะกินมันสิ ?”
“ไม่เอาน่า อย่าหึงผัวเก่าเลย ฉันก็เลือกกินของดีๆ”
พริดาน้ำตาคลอ
“คุณจะกินใครก็แล้วแต่คุณ แต่คุณไม่ควรทำกับฉันอย่างนี้ พอลลี่ต้องเด่นและน่าสนใจไม่แพ้พวกมัน”
“ละครเรื่องนี้มีตัวเด่นได้แค่สองตัว เธอคงต้องฆ่ามิ้นท์กับอ้อมแล้วล่ะ ฉันถึงให้บทเด่นกับเธอได้ ?”
สมภพพูดประชดแล้วเดินออกไป ดอกแก้วปราดเข้ามาเรียก แต่อีกฝ่ายกลับเดินหนี
“เป็นฉันไม่เสียเวลาไปตื๊อให้โง่หรอก ทำอะไรที่มันได้ประโยชน์มากกว่านี้”
พริดามองเย้ยดอกแก้วแล้ว เดินออกไป ดอกแก้วมองตามอย่างแปลกใจสงสัย

“ต่อให้เขานอนค้างกับเธอหลายครั้งหลายคืน เธอก็ไม่มีวันได้ตัวเขา”
รัญชิตาพูดใส่หน้าปริตา พลางหยิบโทรศัพท์โทรหาตรัย
“คุณตรัยคะ มิ้นท์เสร็จงานแล้วค่ะ คุณมารับมิ้นท์ได้เลยค่ะ”
“ผมกำลังประชุม อาจจะเสร็จค่ำหน่อย”
รัญชิตาพยายามรักษาอาการไม่ให้ปริตาจับได้
“ค่ะ แค่คุณอยากมาหามิ้นท์ มิ้นท์รอได้ค่ะ เจอกันนะคะคุณตรัย”
รัญชิตามองเชิดใส่ปริตา แล้วเดินออกไป ปริตาส่ายหน้า พลางเดินเข้าไปในกระโจมสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า พริดาเดินเข้ามา พร้อมกับหยิบกระเป๋าปริตาขึ้นมา จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วก็เข้าไปที่โปรแกรมไลน์ กดส่งข้อความ
ดอกแก้วโผล่มาแอบมอง นึกแปลกใจว่าพริดากำลังจะทำอะไร?

รัญชิตายืนอยู่ด้านหน้าโรงงาน พลันข้อความไลน์ดังขึ้น เป็นข้อความจากปริตา
“ฉันอยากเคลียร์กับแกส่วนตัวที่ห้องด้านหลัง”
รัญชิตานึกแปลกใจ พลางคิดตัดสินใจ

ปริตาเปลี่ยนชุดเสร็จ ก็เห็นพริดายืนรออยู่
“อ้อม มิ้นท์มีเรื่องจะคุยกับเธอ”
ปริตาเดินมาหยิบกระเป๋าจะออกไป พริดารีบพูดต่อ
“ที่ผ่านมาฉันอาจจะยุเธอให้ตีกัน แต่สุดท้ายฉันว่ามันไม่เวิร์ก ฉันเจอหน้าพวกเธอ ฉันก็ไม่มีความสุข ฉันว่าเธอไปเคลียร์กันดีกว่า ยังไงเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน มิ้นท์รอเธออยู่ที่ห้องด้านหลัง”
พูดจบก็เดินออกไป ปริตาคิดตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปในห้องด้านหลัง
“มิ้นท์ มิ้นท์”
เมื่อไม่มีเสียงตอบ ปริตาก็หันหลัง จะกลับออกไป แต่รัญชิตาเดินเข้ามาขวางหน้าไว้
“เธอมีอะไรกับฉัน ?”
ปริตาแปลกใจ “ฉันต่างหากที่ต้องถาม .อยากเคลียร์อะไร?”
“อย่ามายอกย้อนฉันนะ เธอเป็นคนส่งไลน์นัดฉัน”
ปริตายิ่งแปลกใจหนัก “ฉันไม่เคยส่ง และไม่คิดส่งหาเธอ”
รัญชิตาไม่พอใจ หยิบโทรศัพท์ออกมาโชว์ไลน์ให้ปริตาดู
“ผีส่งมาให้ฉันงั้นสิ? มันส่งมาจากเครื่องเธอ”
“งั้นก็ดู ฉันไม่ได้ส่ง”
ปริตาควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า แต่หาไม่เจอ
“โทรศัพท์ฉันล่ะ ? ฉันไม่ได้ส่งให้เธอจริงๆ”
“ไม่ส่งให้ฉัน แล้วเธอมาหาฉันในนี้ทำไม ?”

“พอลลี่บอกว่าเธอมีเรื่องจะคุยกับฉันส่วนตัว ในฐานะเพื่อน ?”

กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 13 (ต่อ)

รัญชิตายิ้มเยาะ “ฝันไปเถอะ เธอไม่ใช่เพื่อนฉัน แล้วฉันก็ไม่อยากคุยไม่อยากเจอหน้า”
 
ขาดคำก็จะเดินออกไป แต่ประตูห้องถูกพริดาคล้องกุญแจล็อกไว้
“ใคร ใครอยู่ข้างนอก ?”
ปริตาเข้ามาช่วยผลักประตูอีกแรง “ใครอยู่ข้างนอกช่วยเปิดที”
พริดาถือลูกกุญแจ พลางยิ้มสะใจ ดอกแก้วเดินตามมาแอบมอง นึกรู้ถึงแผนการของพริดา พลางกำลังจะเดินออกไป พริดาเหลือบมาเห็น ก็ตกใจ เกรงว่าดอกแก้วจะไปบอกทุกคนว่าเธอขังรัญชิตาและปริตาไว้

สมภพกับชาญวุฒิกำลังมองหาปริตาและรัญชิตาอยู่ที่ด้านหน้าโรงงาน ดอกแก้วเดินตรงเข้ามา พริดาตามมาติดๆ
“คุณสมภพมองหาใครคะ?”
“พวกเธอเห็นคุณมิ้นท์กับอ้อมรึเปล่า?”
“ดอกแก้วเห็นค่ะ”
พริดากังวลใจเกรงว่าดอกแก้วบอกทั้งคู่
“มิ้นท์กับอ้อมกลับไปแล้วค่ะ”
พริดาถอนหายใจโล่งอก พลางนึกแปลกใจที่ดอกแก้วร่วมโกหกด้วย ชาญวุฒินึกเอะใจ
“กลับไปตอนไหน ฉันอยู่แถวนี้ก็ไม่เห็นมาไหว้ลาเลย”
“เดี๋ยวผมโทรเช็คให้”
สมภพโทรหาปริตา เสียงโทรศัพท์ดังใกล้เข้ามา แต่กลายเป็นต้อยติ่งถือโทรศัพท์ของปริตา พร้อมกับชุดเข้ามา
“น้องอ้อมทำโทรศัพท์ตกอยู่ในด้านในค่ะ คงรีบกลับ เดี๋ยวติ่งเก็บไว้ให้”
“คุณมิ้นท์ล่ะ?”
“กลับไปก่อนน้องอ้อมอีกค่ะ”
สมภพจึงเดินออกไป ชาญวุฒิกับทีมงานรีบแยกย้ายกันออกไป
พริดายิ้มดีใจที่ทุกคนออกไป ไม่คิดตามหารัญชิตาและปริตา แต่ไม่วายนึกแปลกใจที่ดอกแก้วร่วมมือกับเธอ

รัญชิตาหยิบโทรศัพท์จะโทร. ออก แต่แบตหมดพอดี เธอโยนโทรศัพท์ทิ้งอย่างหัวเสีย
“มันจะซวยอะไรขนาดนี้”
“มีใครอยู่ข้างนอกคะ ได้ยินไหมคะ? อ้อมอยู่ในนี้ค่ะ”
ปริตาทุบประตูรัวให้คนมาช่วย รัญชิตาโวยวาย
“แหกปากร้องให้ตายก็ไม่มีใครมาช่วยหรอก มีคนแกล้งพวกเรา”
ปริตาพยายามนึก “ พอลลี่”

“ทำไมถึงช่วยฉัน ?”
พริดาอดใจไม่ได้ จึงต้องเอ่ยปากถามดอกแก้วตรงๆ
“ฉันคิดว่าเราควรร่วมมือกัน มันจะทำให้เราไปได้รุ่ง แล้วฉันก็อยากขอโทษเธอ เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะพอลลี่”
“อย่าทำให้ฉันโกรธอีกแล้วกัน”
พริดาหยิบกุญแจขึ้นมา พลางโยนทิ้งกับพื้น
“กลับได้แล้ว ฉันไปส่ง”

ดอกแก้วยิ้มพอใจที่พริดายอมคืนดีด้วย พริดาหันไปมองเย้ยที่ห้องด้านหลังแล้วเดินออกไป

ปริตาพยายามเคาะประตู แต่รัญชิตากลับหันมาโวยวายใส่
 
“หยุดได้แล้ว ฉันหนวกหู ฉันบอกให้หยุด ฉันโดนขังก็เพราะเธอ ยังจะมาทำให้ฉัน
ปวดหัวอีก”
ปริตาพยายามอธิบาย “ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่รู้เรื่อง ทุกอย่างเป็นแผนของพอลลี่”
“ฉันไม่สนว่าเป็นใครทำ แต่ฉันอยากออกไป ไม่อยากอยู่กับเธอ ไม่อยากเห็นหน้าเธอ”
ปริตาจำต้องเดินหนีไปนั่งที่มุมหนึ่งในห้อง ส่วนรัญชิตา ก็แยกไปนั่งคนละมุม พลางเหลือบไปมองปริตา แล้วพาลคิดถึงสิ่งไม่ดีต่างๆ ที่ปริตาเคยทำกับเธอ
ส่วนปริตาก็หวนนึกถึงสิ่งเลวร้ายที่รัญชิตาเคยกระทำไว้เช่นเดียวกัน
ต่างคนต่างลอบมองอีกฝ่ายด้วยความเคืองแค้น

ทางด้านพลศิษฏ์ก็มาหาตรัยถึงที่ทำงาน พลางคาดคั้นถามถึงเหตุผลที่เขาจงใจซื้อบ้านของ
ปริตาไว้
“ทำไมคุณถึงซื้อบ้านตัดหน้าอ้อม คุณต้องการอะไร ?”
“คุณก็รู้ว่าที่สังขละมันสวยและน่าประทับใจ ผมอยากมีบ้านไว้พักผ่อนที่สังขละสักหลัง”
พลศิษฎ์ไม่เชื่อว่าตรัยจะไม่มีตื้นลึกหนาบาง
“คุณจงใจซื้อบ้านนั่นไว้กดดันและต่อรองอ้อม เพราะคุณชอบอ้อม”
“คุณมาร์ทเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ”
“ถ้าคุณไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมขอซื้อบ้านเอง ขายให้ผม ผมจะใช้บ้านหลังนั้นเป็นสินสอดให้อ้อม”
ตรัยพูดไม่ออก จังหวะนั้นปริเทพก็โผล่เข้ามาพอดี
“อ้อมมาถ่ายงานที่นี่รึเปล่า? น้าลัดดาบอกว่าอ้อมมาถ่ายแบบ ผมมารับอ้อมครับ”
พลศิษฎ์รีบหันมาบอก
“วันนี้มีงานถ่ายที่โรงงานร้างตรงชานเมืองครับ ป่านนี้น่าจะเสร็จแล้วนะครับ”
ตรัยนึกขึ้นมาได้ “คุณมิ้นท์โทรมาให้ผมไปรับ ผมเพิ่งเสร็จงาน”
ปริเทพเริ่มแปลกใจ “อ้อมยังไม่ได้กลับบ้าน”
ตรัยเองก็เป้นห่วงไม่น้อย “คุณโทรหาอ้อมสิครับ ผมจะโทร.เช็คจากพี่ชาญ”
จากนั้นทั้ง 3 หนุ่ม ก็แยกกันโทร. มือถือ ปริเทพโทร. หาปริตา ตรัยโทร. หาชาญวุฒิ ส่วนพลศิษฎ์ก็โทร.หารัญชิตา

ทางด้านรัญชิตากับปริตาที่ต่างอยู่ในความเงียบงันกันมาพักใหญ่ จนในที่สุดปริตาก็เป็นฝ่ายตัดสินใจพูดขึ้นมาก่อน
“เธอเกลียดฉันมากนักเหรอ ?”
“ใช่ ฉันเกลียดเธอ ฉันเกลียด”
“จงเกลียดจงชังอะไรฉัน ?” ปริตาย้อนถาม
“เธอชอบโกหกฉัน ไม่พูดความจริงกับฉัน ทำให้ฉันโกรธ”
“เพราะเธอเป็นอย่างนี้ไง ชอบใช้อารมณ์ ฉันเบื่อที่ต้องคอยเอาใจเธอ ไม่ได้ดั่งใจก็เอาแต่โวยวาย”
รัญชิตาพยายามเก็บอารมณ์ แล้วถามกลับ
“เธอรักคุณตรัยมานานแค่ไหนแล้ว?”
ปริตาอึ้งไปครู่หนึ่ง “ก่อนที่จะรู้ว่าดาวรักเขา ก่อนที่ฉันจะรู้ว่าเขาเป็นคู่หมั้นเธอ”
“แล้วทำไมไม่บอกพวกฉันว่าเธอรักเขา?”
"หลังเธอรู้ว่าเขาเป็นคู่หมั้น เธอประกาศเป็นแฟนกับเขาทันที ฉันรักเขาก็จริง แต่เขาคิดลวนลามฉัน จนฉันรับไม่ได้"
 
"ฉันถึงต้องตัดใจและพยายามห้ามพวกเธอ แต่พวกเธอก็ไม่ฟัง ฉันคอยขวางพวกเธอมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งปั่นหัวพวกเราเล่น แล้วมันก็ถลำลึกจนทุกคนตกอยู่ในเกม เกมที่มีแต่ความสูญเสียโดยเฉพาะดาว"

รัญชิตาเริ่มไม่พอใจ
 
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น เธอกำลังโยนผิดว่าฉันฆ่าดาว”
“นี่เธอยังไม่ยอมรับผิดอีกเหรอ? เธอทำให้ดาวพิการ ดาวตายก็เพราะอารมณ์ของเธอ”
“ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ ทุกคนกดดันฉัน คุณแม่ก็กดดันฉัน”
ปริตาส่ายหน้าช้าๆ “เลิกโทษคนอื่นเถอะ จะดีชั่วก็อยู่ที่ตัวของเธอ คนที่ไม่ยอมรับผิด ไม่เคยมองเห็นความผิดของตัวเอง คือคนที่เห็นแก่ตัว”
“เธอมันก็เห็นแก่ตัว คิดจะแย่งคุณตรัยของฉัน คอยเอาชนะฉัน ยังไงฉันก็ไม่มีวันยอมแพ้เธอ ออกไป ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ออกไป”
รัญชิตาหยิบของใกล้ตัวปาใส่ ปริตาไม่พอใจรีบลุกหนีออกไป พลางพยายามคิดหาทางออกไปจากที่นี่ เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับรัญชิตา

“โทรศัพท์อ้อมอยู่กับพี่ติ่ง อ้อมทำโทรศัพท์ตกไว้ที่โรงงาน”
ปริเทพหันมาบอกทั้งคู่ ตรัยรีบพูดต่อ
“พี่ชาญบอกว่างานเสร็จตั้งแต่เย็นแล้ว”
ส่วนพลศิษฎ์ก็บอกว่าติดต่อมิ้นท์ไม่ได้ โทร. ไปที่บ้านก็ยังไม่กลับ จากนั้นทั้ง 3 คนก็รีบพากันไปที่โรงงานที่ใช้ถ่ายแบบทันที

ปริตาพยายามหาทางออก ด้วยการคว้าก้อนหิน มาทุบช่องกระจกด้านบน ก่อนที่จะเอาลังมาวางไว้ แล้วขึ้นไปเหยียบลังเพื่อจะลอดออกไปทางช่องกระจก จากนั้นก็รีบดันตัวเองลอดออกไปทางช่องกระจกที่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก
รัญชิตเดินมาดู นึกอิจฉาที่ปริตาออกไปได้ แต่เธอไม่สามารถออกไปได้

ปริตาเดินออกมาด้านนอก ก็เจอกับกุญแจที่พื้น เธอรีบหยิบขึ้นมา ก่อนที่จะตัดสินใจไขกุญแจห้องเปิดออก
รัญชิตาเห็นประตูเปิดออก ก็รีบวิ่งออกมาจากห้อง พลางนึกแปลกใจที่ปริตาเลือกช่วยเธอ
“อย่าคิดว่าฉันจะขอบใจ มันเป็นความผิดของเธอที่ทำให้ฉันต้องติดอยู่ในนี้”
พูดจบรัญชิตาก็เดินออกไป โดยไม่สำนึกในบุญคุณของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ปริตายืนมองด้วยความระอาใจ

รัญชิตาออกมายืนด้านหน้าโรงงาน คิดหาทางกลับบ้าน พอเห็นแสงไฟรถส่องเข้ามาก็รีบโบก เพราะนึกว่าเป็นรถของทีมงาน แต่พอรถจอด กลับมีชายกระโดดลงจากหลังรถกะบะสองคน รัญชิตาตกใจ
คนขับเปิดประตูรถออกมาพร้อมกับคนนั่งข้างอีกคน
“จะมาหาของเก่า ดันได้คนสวยว่ะ”
“ก็เอาขึ้นรถกลับบ้านสิพี่”

รัญชิตาจะวิ่งหนี แต่พวกโจรไปดักทางจับไว้ เธอรีบถอดรองเท้า มาฟาดใส่ แต่กลับโดนกระชากรองเท้าตกพื้น ปริตารีบเข้ามาช่วย ด้วยการเอาก้อนหินปาใส่พวกโจร แล้วเข้าไปลากมือรัญชิตาวิ่งหนีออกไป

ครู่หนึ่งรถของตรัยก็วิ่งเข้ามาจอด ตามด้วยรถของพลศิษฎ์ตามเข้ามาจอดด้านหลัง
 
“พวกพี่เห็นผู้หญิงสองคนอยู่แถวนี้รึเปล่า?”
โจรรีบส่ายหน้า “ไม่เห็น”
“แล้วพวกพี่มาทำอะไร?” ปริเทพย้อนถาม
“รถเสียน่ะ โทร. ตามให้เพื่อนมาซ่อมแล้ว ไม่ต้องห่วง ไปเถอะ”
ตรัยเหลือบเห็นรองเท้าของรัญชิตาตกอยู่ ก็เริ่มแปลกใจ
“ช่วยด้วย ปล่อยฉันนะ”
“อ้อม”
ตรัยจะเดินไป แต่พวกโจรเข้ามาต่อยขวางไว้ ปริเทพและพลศิษฎ์เข้ามาช่วย เขาจึงพาตัวเองหลุดออกมาได้
“ ผมจะไปช่วยอ้อมกับมิ้นท์”
พูดพลางรีบวิ่งไปช่วยปริตาและรัญชิตา ส่วนปริเทพกับพลศิษฎ์ ก็ปะทะกับโจรต่อ

จากนั้นตรัยก็รีบตรงเข้ามาช่วยปริตากับรัญชิตา ก่อนที่ปริเทพกับพลศิษฎ์จะตามมาสมทบทีหลัง
ตรัยพลาดท่าถูกหัวหน้าโจรเอาไม้มาฟาดร่วงลงไป หัวหน้าโจรเงื้อมีดจะแทง ปริเทพและพลศิษฎ์เข้ามาช่วย จนพวกโจรเสียท่า ล่าถอยไป
ตรัยค่อยๆ ค่อยลุกขึ้น พลางรีบเข้าไปดูแลปริตา
“เธอเป็นยังไงบ้าง?”
รัญชิตาไม่พอใจที่เห็นธิปไตยเป็นห่วงปริตามากกว่าเธอ
พลศิษฎ์รีบเข้าไปหารัญชิตา พร้อมกับพูดปลอบ
“มิ้นท์ไม่ต้องกลัวนะ มิ้นท์ปลอดภัยแล้ว”
“อ้อม เป็นไงบ้าง ?”
ปริตาโผเข้ากอดปริเทพด้วยความตกใจกลัว ตรัยรีบหันไปบอกทุกคน
“ผมจะโทร. แจ้งตำรวจให้สกัดจับพวกมัน”
ปริตาและรัญชิตาโล่งใจที่รอดจากการถูกข่มขืนมาได้อย่างหวุดหวิด

รัญชิตานอนอยู่บนเตียง คิดถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ ที่รู้สึกได้ว่าตรัยดูจะเป็นห่วงปริตามากกว่าเธอ พลางฉวยหยิบข้าวของมาขว้างปาดับโมโห พลศิษฎ์เดินเข้ามาเจอของตกพื้น ก็หยิบของขึ้นมา
“มิ้นท์ต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองบ้าง เราหนักขึ้นทุกวัน ทำอะไรไม่มีสติ ต่อไปจะแยกผิดชอบชั่วดีไม่ได้”
รัญชิตายังคงขว้างปาข้าวของไม่หยุด “พี่มาร์ท ก็มิ้นท์เกลียดมัน”

เมื่ออยู่กันตามลำพัง ลัดดาวัลย์ก็อดไม่ได้ ที่จะให้ปริตาช่วยปรามปริเทพ ที่ดูเหมือนจะตั้งแง่รังกียจ และหาทางที่จะแก้แค้นตรัยไม่เลิกรา
“น้าไม่อยากให้เทพเก็บความโกรธความเกลียด รอคอยที่จะล้างแค้น มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย มีอ้อมคนเดียวที่จะทานเทพเขาได้บ้าง น้าฝากด้วยนะ ช่วงนี้น้าไม่ค่อยเห็นอ้อมใส่บาตรทำบุญเลย อย่าทิ้งสิ่งดีงาม ที่แม่สอน อย่าทิ้งความเชื่อของเรา”

ลัดดาวัลย์ให้สติ ปริตายิ้มรับ

กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 13 (ต่อ)

“พี่คิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะทำให้มิ้นท์คืนดีกับอ้อมแล้ว”
 
รัญชิตาส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ “มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกค่ะ มิ้นท์ไม่มีวันให้อภัย”
“อ้อมเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ ช่วยไขกุญแจให้เราออกมานะ”
“มิ้นท์ไม่เคยคิดว่ามันเป็นบุญคุณ มิ้นท์ต้องติดอยู่ในนั้นก็เพราะอ้อม มิ้นท์จะโดนข่มขืนก็เพราะอ้อม”
พลศิษฎ์ถอนหายใจ “เอาเถอะ พี่คงเปลี่ยนความคิดมิ้นท์ไม่ได้ มิ้นท์จะคิดไงก็ช่าง แต่อย่าทำให้อ้อมหรือใครต้องเดือดร้อนอีก”
รัญชิตาไม่พอใจหยิบตุ๊กตาปาใส่พลศิษฎ์
“พี่มาร์ท พี่มาร์ทจะไปไหน?”
“พี่จะไปหาอ้อม”
รัญชิตารีบหยิบของปาใส่หลัง “อย่าไปหามันนะ มิ้นท์เกลียดมัน”

ปริเทพเดินเข้ามาพร้อมถุงใส่ผลไม้ เข้าไปหาพัชรินทร์ ซึ่งกำลังนั่งพับดอกไม้จันทน์อยู่ในบ้าน ขณะที่พลศิษฏ์ก็พาปริตามาเยี่ยมตรัยถึงที่คฤหาสน์
“อาการเป็นยังไงบ้างครับ?”
พลศิษฏ์รีบถามไถ่อาการ
“ไม่เป็นอะไรมากครับ พอทนได้ครับ มาที่นี่มีธุระอะไรครับ ?”
“อ้อมอยากขอบคุณคุณเรื่องเมื่อวานนี้”
ปริตารับกระเช้าจากพลศิษฎ์ มอบให้ตรัย
“ทำเหมือนผมเป็นคนอื่นไปได้”
“แม่อ้อมสอนไว้ค่ะ ยิ่งรู้จักกันก็ต้องเกรงใจกันให้มาก”
ตรัยรับกระเช้าจากปริตาทียื่นให้แล้วทำท่าจะกลับ
“เดี๋ยวก่อนจ้ะ”
พลศิษฎ์พุดรั้งไว้ ก่อนจะหยิบเช็คออกมาใบหนึ่ง
“ผมขอซื้อบ้านคืนให้อ้อมครับ”
ปริตามองหน้าพลศิษฎ์อย่างแปลกใจ “พี่มาร์ท”
“ผมให้ราคาที่คุณน่าจะพอใจ ผมจะมอบบ้านหลังนั้น เป็นของขวัญให้อ้อมครับ”
พลศิษฎ์ยื่นเช็คให้ ตรัยยืนมองนิ่งๆ ก่อนจะยื่นมือไปรับมา ปริตารีบคว้าเช็คคืนให้พลศิษฎ์
“บ้านของอ้อม อ้อมซื้อเองค่ะ”
“พี่ไม่อยากให้อ้อมต้องเหนื่อย และมันก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด อ้อมไม่ต้องมากวนคุณตรัย ไม่ต้องผิดใจกับมิ้นท์อีก”
ปริตาเอาเช็คคืนพลศิษฎ์แล้วเดินออกไป พลศิษฎ์จึงยื่นเช็คให้
“รับเช็คของผมเถอะครับ ทุกอย่างมันจะง่ายขึ้น”
ตรัยส่ายหน้า “คุณควรเคลียร์กับอ้อมก่อนดีกว่าผมไม่อยากมีปัญหาตามมา”

ตรัยไม่ยอมรับเช็ค พลศิษฎ์จึงออกไปตามปริตา

ปริตาเดินออกมา พลศิษฎ์รีบเดินตาม
 
“พี่คิดว่าอ้อมจะดีใจที่พี่ช่วยซื้อบ้านให้อ้อม”
ปริตาส่ายหน้า “อ้อมไม่อยากให้พี่มาร์ทกดดันอ้อมด้วยวิธีนี้”
“พี่ไม่เคยคิดจะเรียกร้องอะไรจากอ้อม พี่ให้ด้วยใจ
“เพราะความดีของพี่นั่นแหล่ะ ที่มันกดดันอ้อม ทำให้อ้อมรู้สึกผิดที่ใจร้ายกับพี่มาร์ท”
“แค่ความดีมันไม่พอเหรออ้อม?”
พลศิษฎ์เข้าสวมกอดปริตาไว้แน่น ตรัยเดินออกมา เห็นพลศิษฎ์กอดปริตา ก็เดินกลับเข้าไป ปริตาค่อยๆ เอาตัวพลศิษฎ์ออก
“เรากำลังคุยเรื่องความรักค่ะ ความรักกับความดี มันคนละเรื่องกัน กลับกันเถอะค่ะ”
พลศิษฎ์เดินตามออกไปอย่างเศร้าใจตามออกไป

ปริเทพนั่งมองพัชรินทน์นั่งพับดอกไม้จันทน์นิ่งๆ
“ฉันอาสาทางวัดทำดอกไม้จันทน์ มันช่วยเตือนสติเรา สุดท้ายเราก็ต้องตาย แต่ก่อนตาย เราควรทำเพื่อคนอื่น บางทีถ้าเรามัวแต่คิดถึงตัวเอง คิดแต่เรื่องการแก้แค้น เหมือนคำที่เขาว่า ตาต่อตาฟันต่อฟันแล้วใครได้? มีแต่เสีย คนที่เราสู้ด้วยอาจเสียใจ เสียหาย หรือเสียชีวิต แต่เราเองก็เสีย เสียเวลา เสียความรู้สึกหรืออาจต้องเสียชีวิตด้วย”
“คุณอาต้องการบอกอะไรผมครับ ?” ปริเทพมองหน้าพัชรินทร์อย่างพยายามค้นหาคำตอบ
“ฉันรู้ว่าเธอรักและจริงใจกับดาว เธอทำทุกอย่างเพื่อดาว แต่หยุดเถอะ”
“ผมกำลังทำตามความต้องการของดาวนะครับ ดาวให้ผมแก้แค้นให้ดาว”
พัชรินทร์ส่ายหน้าช้าๆ “ลูกฉันไม่ใช่คนอาฆาตแค้น เธออย่าหลอกตัวเองเลย”
ปริเทพถึงกับพูดไม่ออก

ปริเทพเดินเข้ามาในบ้าน พลางคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่ปัทมาศฝากให้เขาขอโทษรัญชิตา ปริเทพสับสนกับความคิดของตัวเอง
“ชีวิตหลังความตายของฉัน มันสอนให้ฉันรู้ว่า ชีวิตที่มีค่า ไม่ได้อยู่เพื่อการแก้แค้น แต่อยู่เพื่อให้ความรัก ให้อภัย ท่านพุทธทาสเคยกล่าวไว้ว่า ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดคือตัวเราเองการกระทำที่โง่เขลาที่สุด คือการหลอกลวง”
คำพูดเตือนสติของพัชรินทร์ยังก้องอยู่ในหู ปริเทพหยุดคิดตัดสินใจ ครู่หนึ่งปริตาก็เดินเข้ามา
“พี่เทพ พี่หยุดเถอะนะ เมื่อวานตอนที่อ้อมติดอยู่ในนั้น อ้อมต้องเผชิญหน้าอยู่กับมิ้นท์สองคน.อ้อมเห็นแววตามิ้นท์ ความโกรธที่มิ้นท์มีต่ออ้อม แต่มันก็มีความกลัวซ่อนอยู่ในนั้น”
“มันก็ดีแล้ว มิ้นท์ต้องรับรู้ถึงความกลัวตาย”
ปริตาหน้าเครียด “อ้อมก็กลัวนะพี่เทพ ช่วงเวลาที่เราสองคนไม่มีทางออก มันก็เหมือนคนที่ใกล้ตาย พอใกล้ตายแล้วมันกลัว การทำร้ายคนอื่นเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากนะพี่เทพ อ้อมไม่อยากเล่นเกมเหมือนที่ผ่านมา อ้อมไม่อยากให้ใครต้องเจ็บอีก”
ปริเทพส่ายหน้าอย่างขัดใจ “อ้อมก็เป็นซะอย่างนี้ ใจอ่อนเกินไป”
“พี่เทพ อ้อมขอนะ หยุดเถอะพี่”
ปริเทพครุ่นคิดตัดสินใจ “คุณอาก็ขอร้องให้พี่หยุด”
ปริตาโผเข้ามาสวมกอดพี่ชายไว้แน่น
“เราทุกคนล้วนเรียนรู้กับความสูญเสีย เราต้องไม่สร้างมันอีก แล้วเราจะอยู่อย่างมีความสุข”
ปริเทพพยักหน้ารับคำ ปริตายิ้มรับสีหน้าเริ่มคลายความกังวลขึ้นมาได้บ้าง
แต่เมื่ออยู่ในห้องคนเดียว ปริเทพก็กลับพูดต่อหน้ารูปของปัทมาศว่า

“ดาว ถ้าไม่มีใครทำเพื่อดาว พี่จะทำเอง”

เช้าวันรุ่งขึ้น ทันทีที่พริดามองเห็นรัญชิตาเดินอยู่ด้านหน้าโรงงานร้าง ก็รีบปราดเข้าไปทักทายทันที
 
“มิ้นท์ เธอเป็นยังไงบ้าง ฉันรู้เรื่องก็ตกใจแทบแย่ นึกว่าเธอโดนขังตายไปแล้ว”
ขาดคำ รัญชิตาก็ฟาดฝ่ามือใส่หน้าเธออย่างแรง
“เธอตบฉันทำไม?”
“ยังมีหน้ามาถาม เธอทำอะไรไว้”
ขณะเดียวกันดอกแก้วก็โผล่เข้ามาช่วย
“พอลลี่ เธอแกล้งฉัน เธอหลอกให้อ้อมเข้ามาในห้องแล้วล็อกขังพวกฉัน”
พริดาแกล้งทำหน้าซื่อ “ใครบอกว่าฉันบอกให้อ้อมไปหาเธอ?”
“อ้อมเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว”
“อ้อมใส่ร้ายฉัน”
รัญชิตายิ้มเยาะ “อ้อมคงไม่โง่ให้ตัวเองโดนขัง แล้วใครเป็นคนล็อกห้อง?”
“ฉันไม่รู้นะว่าใครทำวางแผนยังไง แต่ฉันยืนยันว่าฉันไม่ได้พูด อ้อมหาทางใส่ความฉัน เพราะรู้ว่าฉันอยู่ข้างเธอ”
“แล้วเธอจะอธิบายว่าอ้อมเข้าไปติดในห้องกับฉันเพื่ออะไร ?”
“เพื่อแก้แค้นไง” พริดาจงใจพูดใส่ไฟ “คนเราน่ะ ถ้าโกรธเกลียดกัน ก็ทำได้ทุกอย่าง แม้ตัวเองต้องเจ็บตัว เราควรจะร่วมมือกัน ก่อนที่อ้อมจะเด่นกว่าเธอ”

เมื่อปริตามาถึงที่กองถ่าย ต้อยติ่งก็รีบคืนมือถือให้เธอ ส่วนชาญวุฒิก็รีบบอกว่าพ่ออู๊ดให้เพิ่มบทให้ด้วย ปริตารับบทมาอ่านอย่างแปลกใจ
“เพิ่มบทให้อ้อมเหรอคะ”
ชาญวุฒิพยักหน้า “เล่นให้ดีที่สุดล่ะ สมกับที่ทุกคนเชียร์อ้อม”
ปริตาพยักหน้า แต่แอบกังวลใจเล็กน้อย

ปริตาถือบทเข้ามาที่กลุ่มของรัญชิตา พลางพยายามพูดดีด้วย
“เธอเป็นยังไงบ้าง? เธอได้บทใหม่แล้วใช่ไหม ?”
เมื่อเห็นว่ารัญชิตาไม่ตอบ ปริตาจึงเดินเลี่ยงออกไป พริดารีบยุส่ง
“แกล้งถามด้วยความห่วงใย แต่ฉันเห็นสายตามันเย้ยเธอ”
ดอกแก้วรีบพูดเสริม “ยังมีหน้ามาถามว่าอ่านบทรึยัง มันจงใจเย้ยที่มีบทมันแทรกหลายฉาก”
รัญชิตาไม่พอใจ เดินออกไปทันที พริดากับดอกแก้วยิ้มสะใจที่ยุให้ทั้งสองตีกัน

ขณะที่ที่พ่ออู๊ดกำลังคุยงานกับสมภพ ปริตาก็เดินตรงเข้ามาไหว้ทั้งคู่
“สวัสดีค่ะพ่ออู๊ด คุณสมภพ อ้อมมีเรื่องขอปรึกษาค่ะ”
พ่ออู๊ดกับสมภพมองหน้ากันอย่างแปลกใจ

ครู่หนึ่งรัญชิตาก็เดินตรงเข้ามาอีกคน
“คุณสมภพคะ มิ้นท์อ่านบทใหม่แล้วค่ะ มันไม่สนุก มิ้นท์ขอให้ตัดบทที่แทรกออกให้หมดค่ะ”
พ่ออู๊ดรีบอธิบาย
“พ่อเขียนเสริมขึ้นเพื่อขยายให้คนดูเข้าใจตัวละครเดือน”
“มิ้นท์ทราบค่ะ แต่มิ้นท์คิดแทนคนดู คนดูไม่อยากดูตัวประกอบ ใครๆก็อยากดูนางเอกค่ะ”
สมภพถอนหายใจ “คุณมิ้นท์ครับ พ่ออู๊ดเขียนขึ้นมาเอง เราควรให้เกียรติผู้กำกับ”
“ไม่ต้องเกรงใจผม ผู้จัดว่าไงผมก็ตามนั้น ผมเข้าใจดี มันเป็นเรื่องของธุรกิจ”
“ คุณแม่มิ้นท์ก็คงเห็นด้วยกับมิ้นท์ค่ะ” รัญชิตาพูดขู่
“ครับ ตัดฉากที่เขียนเพิ่มทิ้ง”
รัญชิตามองเย้ยอย่างผู้ชนะ แล้วหันไปบอกปริตา
“เธอคงไม่เสียดายนะอ้อม ที่ฉันตัดบทของเธอทิ้ง”
“ไม่หรอก หนูอ้อมมาขอร้องให้พ่อตัดฉากพวกนั้นทิ้ง เพื่อให้หนูมิ้นท์โดดเด่นขึ้น”
รัญชิตาทั้งแปลกใจและผิดหวัง
“ถ้าทุกคนไม่เห็นแก่ตัว เสียสละได้ครึ่งของหนูอ้อม โลกนี้คงน่าอยู่”
พ่ออู๊ดพูดชื่นชมปริตาอย่างออกนอกหน้า ยิ่งทำให้รัญชิตาเสียหน้า
“อ้อมขอตัวไปเปลี่ยนชุดนะคะ”
พูดจบ ปริตาก็ออกไป พ่ออู๊ดหันมาถามรัญชิตา
“จะให้พ่อเพิ่มบทหนู หรือเพิ่มไดอะล็อกอีกไหม พ่อเขียนให้ได้นะ”
รัญชิตาส่ายหน้าด้วยความโมโห แล้วรีบเดินออกไป
“ผมขอโทษพ่อด้วยนะครับ ที่ก้าวก่ายหน้าที่”
พ่ออู๊ดส่ายหน้าอย่างระอา

“นักแสดงมืออาชีพเขารู้จักหน้าที่ตัวเองดี แต่เขาไม่ใช่นักแสดง เขาแค่อยากเป็นดารา”

ปริตากำลังจะเดินไปเปลี่ยนชุด จู่ๆ รัญชิตาก็ปราดเข้ามาเข้ามาดึงบทในมือปริตาไปฉีกทิ้งจากนั้นก็โยนใส่หน้า
 
“สะใจเธอล่ะสิ สวมบทนางเอกแล้วโยนนางร้ายให้ฉัน”
“เลิกโทษคนอื่น เธอต่างหากที่ทำตัวเอง”
รัญชิตาเงื้อมือจะตบ แต่กลับถูกปริตาจับมือไว้ แล้วผลักออก
“ฉันจะไม่ยุ่งกับเธอแล้ว เธออยากได้อะไร อยากทำอะไรก็แล้วแต่เธอ เพราะกรรมมันจะเล่นงานเธอเอง แต่อย่ามายุ่งกับฉัน”
“หยุดทำไมล่ะ? เราแข่งกันยังไม่ถึงเส้นชัยเลย”
ปริตาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “ฉันขอสละสิทธิ์จากการแข่งขัน เธอบอกให้คุณสมภพสั่งให้
ตัวละครฉันตายไปเลยก็ได้ เราไม่ต้องมาปะทะกันอีก”
“ไม่ ฉันจะไม่ยอมให้เธอตายง่ายๆ ฉันจะทรมานเธอ ฉันจะแกล้งจนเธอต้องมาขอร้องให้ฉันหยุด”
รัญชิตาประกาศกร้าว แต่ปริตาไม่สนใจ รีบเดินเลี่ยงออกไปทันที

พอปริตาเดินออกมา สมภพก็ปราดเข้ามาดักหน้าไว้
“อ้อมไม่ต้องเสียใจนะ ฉันจะบอกให้นักเขียนเพิ่มบทในตอนหน้าให้”
“ไม่ต้องค่ะ คุณสมภพช่วยอ้อมมามากแล้ว แค่นี้อ้อมก็มาไกลกว่าที่คิดไว้”
“ฉันสัญญาอะไรกับเธอ ฉันก็ต้องทำให้ได้ ส่วนเธอ ก็ต้องรักษาคำพูดกับฉันนะ”
ปริตาตัดสินใจเอ่ยปากตรงๆ
“คุณสมภพคะ อ้อมอยากรบกวนขอทำเรื่องเบิกค่าตัวล่วงหน้าทั้งเรื่องค่ะ อ้อมรู้ว่ามันเป็นเงินก้อนใหญ่ แต่อ้อมจำเป็นจริงๆค่ะ”
“ฉันขอคุยกับบัญชีก่อน แล้วเรานัดคุยเรื่องนี้โดยเฉพาะ”
ปริตายกมือไหว้ “ ขอบคุณมากนะคะ”
สมภพจับมือปริตา “แล้วเจอกัน”
พูดจบก็เดินออกไป ตรัยเข้ามาเห็น ก็เดินมาพูดประชดใส่หน้า
“เมื่อวานกอดผู้ชายคนนึง วันนี้โปรยเสน่ห์ผู้ชายอีกคน แล้วพรุ่งนี้จะเป็นใครล่ะ?”
ปริตาไม่อยากต่อปากต่อคำ รีบเดินหนีไป แต่อีกฝ่ายกลับเดินตาม
“เธอเข้าวงการเต็มตัวแล้วสิ พอตอบคำถามนักข่าวไม่ได้ก็เดินหนี”
“ สิ่งที่คุณพูด คุณคิดไปเอง”
ตรัยยิ้มเยาะ “อ้อ ต้องมีภาพมายืนยันเป็นหลักฐาน ดาราถึงจะยอมรับ?”
“คุณจะเอายังไงกับฉัน?” ปริตาย้อนถาม
“ฉันไม่ยอมขายบ้านให้เธอ ถ้าไม่ใช่เงินของเธอ”
“คุณต้องการอะไร ?”
“พิสูจน์อุดมการณ์ของเธอไง เธออวดเก่งอวดดีว่าจะซื้อด้วยตัวเอง ฉันก็จะดูว่าเธอยังยึดมั่นในอุดมการณ์ หรือลื่นไหลไปตามความทรัพย์สินของผู้ชาย ?”
ปริตาจ้องหน้าตรัยแบบเอาเรื่อง
“คุณไม่ต้องห่วง เงินทุกบาทต้องมาจากการทำงานของฉัน”
“ไม่ห่วงได้ไงล่ะ เหลือเวลาไม่ถึงสิบวัน เงินไม่มาบ้านก็ไม่มี กรรมสิทธิ์บางอย่างไม่ต้องซื้อก็ครอบครองได้ถ้าเป็นคู่สมรส”
ปริตานึกแปลกใจที่ตรัยพูดเรื่องนี้ แต่ยังไม่ทันจะตอบโต้อะไร รัญชิตาก็โผล่เข้ามาพอดี
“คุณตรัยคะ”
ปริตาหันไปเจอรัญชิตาเข้ามา ก็จะเดินเลี่ยงไป
“ไปไหนล่ะอ้อม ฉันเห็นเธอกำลังคุยกับคุณตรัยสนุกเลย ฉันก็ร่วมอยากคุยด้วย”
ปริตาอึดอัดใจ จังหวะเดียวกับที่ปริเทพเข้ามา
“อ้อม จะถ่ายรึยัง ?”
ปริตายิ้ม โล่งอก “พี่เทพ ใกล้แล้วค่ะ”
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว”
ปริตารีบเดินนำปริเทพออกไปทันที รัญชิตาหันมาทางตรัย
“มิ้นท์อยากคุยเรื่องบ้านของอ้อมค่ะ มิ้นท์ได้ยินที่คุณคุยกัน ทำไมคุณต้องซื้อบ้านของอ้อมไว้คะ?”
ตรัยพยายามแก้ตัว “ผมเสียดายมัน ผมกลัวเจ้าของเดิมจะขายให้คนอื่น”
“ไม่ใช่เพราะคุณเป็นห่วงอ้อม? ช่างมันเถอะค่ะ มิ้นท์ไม่อยากรู้เหตุผลแล้ว แต่มิ้นท์อยากให้คุณขายค่ะ”
“ละครจบ อ้อมก็คงเก็บเงินมาซื้อคืนได้”
รัญชิตาส่ายหน้า “ไม่ใช่ขายให้อ้อม ขายให้มิ้นท์ค่ะ มิ้นท์อยากได้”
“ผมว่าเราค่อยคุยเรื่องนี้ ใกล้เวลาแล้ว คุณควรไปเตรียมตัวได้แล้ว”
“คุณอย่าลืมที่รับปากมิ้นท์นะคะ คุณจะอยู่ห่างอ้อม คุณจะไม่ทำให้มิ้นท์ไม่สบายใจ เพื่อความสุขของคุณแม่คุณ”

รัญชิตาจงใจพูดเชิงขู่ ตรัยหน้าเครียด กังวลใจที่รัญชิตาจะซื้อบ้านปริตา
 
จบตอนที่ 13 
กำลังโหลดความคิดเห็น