กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 12
หลังจากที่หลับนอนกับพริดาเรียบร้อยแล้ว พิชัยก็ยื่นบัตรเครดิตส่งให้ พริดารับมาด้วยความ
ดีใจ ก่อนที่จะเปิดประตูส่งพิชัย บังเอิญเจอดอกแก้วที่หน้าประตูพอดี ฝ่ายนั้นมองด้วยความแปลกใจ รอจนสมภพเดินลับตาไป
“ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะกินพ่อของเพื่อน ?”
“หยุดพูดได้แล้ว ฉันไม่ได้เลือก แต่ฉันโดนบังคับ ฉันเตือนด้วยความหวังดี อยู่ห่างๆ คุณสมภพไว้แล้วกัน”
ดอกแก้วแกล้งรับคำ “จ้ะ ฉันเชื่อเธอ แล้วเธอจะคบกับพ่อมิ้นท์จริงๆ เหรอ?”
“ถ้าเขาให้ประโยชน์ฉันได้ มันก็คุ้ม แล้วอีกอย่าง พวกมันดูถูกฉันมานานแล้ว ฉันจะทำให้บ้านมันแตก”
ปริตาเมาจนแทบจะยืนไม่อยู่ สมภพพยายามพูดหลอกล่อจะไปส่งเธอ แต่จู่ๆ ตรัยก็ปราดเข้ามาขวางหน้า
“มาดื่มร้านนี้เหมือนกันเหรอครับ”
“ใช่ครับ เรากำลังกลับพอดี ขอให้สนุกนะครับ”
สมภพพูดพลางจะประคองปริตาไป แต่ตรัยกลับพูดขัดขึ้นมา
“บังเอิญผมนึกได้ว่าเมาไม่ขับ ผมกลับดีกว่า เดี๋ยวผมไปส่งอ้อมเอง คุณสมภพก็ดื่มหนัก ขับรถกลับผิดกฎหมายนะครับ บ้านผมอยู่ทางเดียวกับอ้อม ผมไปส่งเอง”
ปริตาได้ที เพราะไม่อยากกลับกับสมภพอยู่แล้ว
“ใช่ค่ะ อ้อมกลับกับคุณตรัยได้ แล้วเจอกันค่ะ”
ตรัยประคองพาปริตาออกไป สมภพหงุดหงิด รีบกดมือถือโทร. หาดอกแก้วทันที
“ดอกแก้ว เธออยู่ไหน ?”
“ค่ะ ได้ค่ะ จะรีบไปทันทีค่ะ”
พอดอกแก้ววางสาย พริดาก็ถามขึ้นมาทันที “ใครโทรมา?”
“พ่อนะ พ่อขึ้นมาเยี่ยมฉัน”
“พ่อเธอตายไปแล้วนี่”
“พ่อบุญธรรมน่ะ ฉันไปก่อน พ่อรอที่หมอชิต”
พุดจบก็รีบออกไปทันที พริดาเริ่มแปลกใจในพฤติกรรมของดอกแก้ว
ตรัยขับรถมาหยุดกลางทาง พลางหันไปมองปริตาที่นั่งหลับอยู่ ก่อนที่จะค่อยๆ เอี้ยวตัวมา
จู่ๆ ปริตาก็ลืมตา แล้วผลักอกเขาออก
“คุณจะทำอะไร ?”
“ฉันจะแกะสายรัดเข็มขัดออก เธอจะได้นอนพักสบายๆ”
พูดพลางยื่นขวดน้ำให้ “เอ้า ดื่มน้ำซะ จะได้ดีขึ้น เดี๋ยวไปหาอะไรร้อนๆ กินก่อนกลับ”
ปริตารับขวดน้ำมาดื่ม ก่อนจะส่งคืน จากนั้นก็ปลดเข็มขัด แล้วเปิดประตูออกไป จะไปเรียกแท็กซี่ แต่ตรัยรีบไปดึงตัวไว้
“ทำไมไม่กลับกับฉัน?”
“ฉันกลัวคนที่ประวัติไม่ดี”
ตรัยยิ้มเยาะ “แต่กับเสือผู้หญิงนั่นเธอไม่กลัว พร้อมจะนั่งรถไปด้วยกัน”
“เขายังไม่เคยทำอะไรฉัน”
“คนในวงการตกเป็นของเขาไม่รู้กี่คนแล้ว ไม่เคยได้ยินข่าวรึไง?”
ปริตาพยายามข่มความเจ็บปวดในใจ “ถ้าฉันตกเป็นเหยื่อเขา ฉันก็จะโทษว่ามันเป็นความผิดคุณ”
“เธอเดินเข้าไปเล่นกับไฟ เธอทำตัวเธอเอง ไม่เกี่ยวกับฉัน”
“คุณรู้ไหมฉันต้องทนดื่มกับเขาเหมือนผู้หญิงนั่งดริ๊งก็เพราะคุณ ฉันยอมก้มหัวเช็ดรองเท้าให้มิ้นท์ก็เพราะคุณ ฉันต้องทำทุกอย่างให้ได้เงินเร็วที่สุด ไปซื้อบ้านคืนมาจากคุณ ทีนี้คุณเข้าใจรึยัง ฉันไม่ได้อยากเอาตัวไปเสี่ยง แต่ฉันไม่มีทางเลือก”
“กลับไปขึ้นรถ ฉันไม่ยอมให้เธอกลับบ้านเอง เป็นอะไรไป จะได้ไม่ต้องมาโทษว่าเป็นความผิดฉัน”
ปริตาจำยอมเดินกลับไปที่รถ ตรัยยิ้มอย่างพอใจ
ตรัยขับรถมาส่งปริตาที่หน้าบ้าน ก่อนจะเปิดประตูออกมายืนส่ง จู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมา
“คุณตรัย เหลือเวลาไม่ถึงเดือนแล้ว ฉันมีแค่งานละคร ฉันคงหาเงินให้คุณไม่ได้ตามกำหนด คุณยืดเวลาให้ฉันอีกหน่อยได้ไหม?”
ตรัยส่ายหน้า “ฉันพูดคำไหนคำนั้น เร่งหาเงินมาให้ทัน ก่อนที่ฉันจะเผาบ้านหลังนั้นทิ้ง”
พูดจบก็เดินกลับเข้าไปนั่งในรถ ปริตาปราดเข้าไปทุบกระจก จนตรัยต้องกดเปิดกระจกลง
“คุณมันใจร้ายใจหิน คนไม่มีหัวใจ ชาตินี้ไม่มีผู้หญิงคนไหน รักคุณหรอก”
ตรัยยิ้มเย้ย แล้วกดปิดกระจก จากนั้นก็ขับรถออกไป ปริตาหน้าเครียด ที่จะต้องเร่งหาเงินให้ทันตามกำหนด
พอเข้าไปในบ้านปริตาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นพ่อนั่งร้องคาราโอเกะอยู่
“พ่อ พ่อมาทำอะไร ?”
พูดพลางรีบเดินไปปิดโทรทัศน์
“พ่อคิดถึงลูก ตั้งแต่ไม่มีแม่ลูกอยู่ บ้านมันเหงาขาดชีวิตชีวา พ่อคิดดูแล้ว พ่อจะมาอยู่กับลูก เราได้อยู่พร้อมหน้าครอบครัว”
ปริตาตกใจ “ไม่ได้นะพ่อ บ้านน้าลัดดาไม่ใช่บ้านของเรา”
“ลัดดามันก็น้องเมีย มันก็ต้องให้ข้าอยู่สิวะ ใครจะกล้าไล่”
“พ่อกลับไปที่สังขละ ไปอยู่กับเมียของพ่อเถอะ”
นายประกอบเริ่มไม่พอใจ
“เอะอะก็จะไล่ข้า ไปก็ได้ งั้นเอาเงินมา ข้าจะไปซะตอนนี้แหล่ะ เอาเงินมา”
ปริตาเปิดกระเป๋าหยิบแบงค์พันส่งให้
“พันนึง เอ็งเห็นข้าเป็นขอทานรึไงวะ นังลูกเนรคุณ”
ขาดคำก็ฟาดฝ่ามือใส่หน้าปริตา
“เอ็งมันได้ดีแล้วลืมคุณพ่อ ข้าเห็นเอ็งถ่ายโฆษณา เขายังคุยกันอีกว่าเอ็งได้เล่นละคร เอาเงินมาให้ข้า เอามา”
จังหวะนั้นปริเทพก็โผล่เข้ามาพอดี
“พ่อหยุดเดี๋ยวนี้นะ เมื่อไหร่พ่อจะเลิกตามล้างผลาญฉันกับน้องซะที เจอหน้าก็เอาแต่ขอเงิน
สร้างปัญหาไม่เคยจบ พวกฉันไม่ได้สุขสบายอย่างที่พ่อคิด ถึงเราจะอยู่บ้านหลังใหญ่ แต่ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเรา”
ปริตาน้ำตาคลอ
“บ้านของเราอยู่ที่สังขละจ้ะพ่อ มีคนซื้อไปแล้ว ฉันพยายามเก็บเงินไปซื้อบ้านคืน ฉันตั้งใจจะให้บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของเรา บ้านที่พ่อ พี่เทพและฉันกลับไปอยู่ด้วยกัน ฉันจะพาแม่กลับไปอยู่บ้านของเรา”
ขาดคำ นายประกอบก็รีบพุ่งเข้าไปเพื่อแย่งกระเป๋าเงิน แต่ปริตายื้อไว้
“เงินที่เก็บได้เท่าไหร่ เอามาให้ข้าก่อน แล้วเอ็งค่อยทำงานหาใหม่”
ปริเทพทนไม่ไหว ตะโกนเสียงดัง
“พ่อหยุดได้แล้ว ฉันจะพาพ่อกลับไปบ้าน อย่ามารังควานอ้อมอีก”
จากนั้นก็รีบลากตัวพ่อออกไปจากบ้าน ปริตามองด้วยความเป็นห่วง
ปริเทพยื้อยุดพ่ออยู่ที่หน้าบ้าน บังเอิญเผลอเอามือไปโดนที่ท้องของนายประกอบ จนถึงกับทรุด ปริตาตามเข้ามา มองพ่อด้วยความแปลกใจ
นายประกอบเลิกเสื้อขึ้น ที่ท้องมีผ้าคาดแผล มีรอยเลือดซึมออกมา
“พ่อเป็นอะไร”
ปริตาปราดจะเข้าไปจับมือด้วยความเป็นห่วง แต่อีกฝ่ายกลับสะบัดมือหนี
“พ่อไปโดนอะไรมา”
นายประกอบร้องไห้
“เมียของข้า มันไปมีชู้ มันยุให้ผัวใหม่แทงข้าให้ตาย มันจะได้เสวยสุขกัน ข้าไม่มีที่ไป คิดจะมาหวังพึ่งลูก ลูกมันก็ไม่รัก ขับไล่ยังกะหมูกะหมา ชีวิตข้ามันอาภัพจริงๆ เมียที่รักก็ตายไปแล้ว ไม่มีใครสนใจก็ไปตายดาบหน้า”
พูดพลางทำทีจะเดินออกไป ปริตาตัดสินใจรั้งไว้
“พ่ออยู่กับอ้อมนะ เราเหลือกันอยู่แค่สามคน อ้อมจะดูแลพ่อเอง”
นายประกอบยิ้มพอใจ พลางโผเข้ากอดปริตาแน่น
“ข้ารู้ จะดีจะชั่วเอ็งก็ยังรักพ่อ”
ปริเทพยืนมองด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าพ่อจะกลับมาสร้างปัญหาให้อีก
ตรัยเดินเข้ามาในห้องทำงานของเสาวลักษณ์ เห็นผู้เป็นมารดากำลังนั่งเครียดกับงานตรงหน้า เขามองด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะค่อยๆ เดินเลี่ยงออกไป พร้อมกับตัดสินใจอะไรบางอย่าง
หลังจากที่ปริตาดูแลปรนนิบัติ ทำแผล และพาพ่อเข้านอนเรียบร้อยแล้ว พอเดินออกมาก็เจอปริเทพยืนรอที่หน้าห้อง
“อ้อมแน่ใจนะจะให้พ่ออยู่ด้วย?”
“พ่อไม่มีที่ไปแล้วนะพี่เทพ แล้วอีกอย่าง พ่อก็คงสำนึกผิดแล้วจริงๆ พี่เทพต้องให้อภัยพ่อด้วยนะ”
ปริเทพถอนหายใจ “หวังว่าพ่อจะไม่สร้างเรื่องอีก พี่สงสารอ้อมเหลือเกิน”
ปริตาฝืนยิ้ม “อ้อมไหวจ้ะ พี่เองก็พักเถอะ”
พูดจบก็เดินเลี่ยงออกไป ปริเทพมองน้องสาวอย่างเป็นห่วง
ปริตาเข้ามาในกองถ่ายละคร เห็นกลุ่มนักข่าวที่นั่งรออยู่บริเวณกองถ่าย
“นั่น ดาราคนดังมาแล้ว”
อิสเบลล่านำทีมนักข่าววิ่งตรงมา ปริตายิ้มเขิน แต่แล้วกลุ่มนักข่าวกลับวิ่งผ่านไปรุมถ่ายรูปและสัมภาษณ์รัญชิตา ถึงเรื่องผลงาน และการโกอินเตอร์
“ตัวเลขเจ็ดหลักรึเปล่าคะ?”
“เรื่องเงินมิ้นท์ไม่ทราบจริงๆ คงต้องถามพี่ชาญ แต่เรื่องบินไปถ่ายที่สิงคโปร์คอนเฟิร์มแล้วค่ะ”
“โกอินเตอร์ด้วย ดังแรงแซงเพื่อนๆไปเลยนะคะ”
รัญชิตาแอบหันไปยิ้มเย้ยปริตา ก่อนที่จะเดินนำนักข่าวตรงมา
“พี่ๆ ก็คงพอทราบว่ามิ้นท์กับอ้อมเป็นเพื่อนรักกัน ฝากช่วยเชียร์เพื่อนมิ้นท์ด้วยนะคะ ในบทลูกคนใช้ผู้น่าสงสาร”
นักข่าวส่ายหน้าปฎิเสธ รัญชิตาแสร้งทำหน้าเห็นใจ
“ไม่เป็นไรนะอ้อม สักวันต้องเป็นวันของเธอ ไว้เธอดังเมื่อไหร่แล้วเราค่อยมาสัมภาษณ์คู่กัน”
จากนั้นนักข่าวก็รุมถ่ายรูปรัญชิตา ทิ้งให้ปริตายืนมองอย่างน้อยใจ จนพ่ออู๊ดเดินเข้ามา
“ ชีวิตก็งี้แหล่ะลูก มีขึ้นมีลง มีเกิดมีดับ ทุกอย่างไม่แน่นอน แต่ท่องไว้ให้ขึ้นใจ ทำดีก็ต้องได้ดี”
ปริตายกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนที่ต้อยติ่งจะเข้ามาตามให้ไปแต่งตัว
“ฉากที่จะถ่ายวันนี้จ้ะ”
ต้อยติ่งพูดพลางยื่นบทให้ ปริตารับมาอ่านอย่างแปลกใจ
“บทใหม่เหรอคะ?”
“บทแทรกจ้ะ อ้อมรำได้ ไม่ยากนะ”
ปริตาพยักหน้ารับ “ค่ะ พ่ออู๊ดสั่งให้เขียนแทรกเหรอคะ?”
ยังไม่ทันที่ต้อยติ่งจะตอบ สมภพก็เดินเข้ามาพอดี
“ฉันบอกแล้วไง ฉันทำให้เธอได้ทุกอย่างที่ต้องการ”
ต้อยติ่งสังเกตสายตาสมภพที่มองปริตา ก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร ?
ต้อยติ่งวิ่งเข้ามาหาชาญวุฒิ โดยไม่ทันเห็นว่ารัญชิตายืนอยู่ด้วย
“บอสคะ เสร็จแล้วค่ะ สวยมาก สวยเว่อร์ สวยจับใจสวยกว่า..”
ครั้นหันไปเจอหน้ารัญชิตา ก็รีบหุบปากทันที ชาญวุฒิรีบสั่ง
“เธอไปเรียกนักข่าวเข้าไปถ่ายทำข่าวด้วย ฉากนี้โปรโมทได้”
ต้อยติ่งหันไปตะโกนเรียกนักข่าว รัญชิตารีบเดินตามไป พร้อมๆ กับที่ตรัยเดินเข้ามาพอดี
พ่ออู๊ดสั่งเริ่มถ่ายทำ ปริตาในชุดกินรีบูชายัญร่ายรำอย่างสวยงาม ชดช้อย ตรัยมองอย่างตะลึงลาน นักข่าวรีบกดชัตเตอร์รัว จนรัญชิตานึกเขม่น
พอถ่ายทำเสร็จ พ่ออู๊ดก็เดินตรงเข้าไปหาปริตา พลางเอ่ยชม
“หนูอ้อมสวยงามและมีพรสวรรค์มาก ครบรส มีความสามารถทางการแสดงและมีรากเหง้าทางวัฒนธรรมติดตัว พ่อบอกได้เลย ลูกไปได้อีกไกล นี่แหล่ะ เป็นเพชรเม็ดงามที่จะประดับวงการ พ่อการันตี”..ปริตายิ้มดีใจ พร้อมกับยกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ”
จากนั้นนักข่าวก็กรูเข้าไปรุมสัมภาษณ์ปริตา รัญชิตาหันขวับไปถลึงตามองชาญวุฒิทันที
“ฉากรำเมื่อกี๊ไม่มีในบท แล้วทำไมถึงมีถ่าย? พี่ชาญตอบมาสิคะ?”
รัญชิตาที่ถือบทอยู่ในมือ ตะคอกถามชาญวุฒิอย่างเอาเรื่อง
“มีจ้ะ เป็นบทแทรก” ชาญวุฒิรีบยื่นบทแทรกให้ดู
“ใครสั่งเขียนเพิ่มคะ ?”
ชาญวุฒิอึกอัก พ่ออู๊ดรีบเข้ามาช่วยพูด
“ใครจะสั่งแทรกสั่งเพิ่ม อย่าไปสนใจเลยลูก มันไม่ใช่หน้าที่ของนักแสดง ปล่อยให้เป็นงานของผู้จัด คนเขียนบทและหน้าที่พ่อเถอะ”
“มิ้นท์ไม่ได้เรื่องมากนะค่ะ มิ้นท์แค่อยากรู้เหตุผลค่ะ ทำไมต้องมีฉากนั้นด้วย?”
พ่ออู๊ดพยายามอธิบายอย่างใจเย็น
“มันช่วยเล่าคาเรกเตอร์ของตัวละครเดือนให้ชัดขึ้น คนดูเห็นว่าเดือนเป็นเด็กที่อยู่ในกรอบไทย โตมากับสังคมไทย รู้จักเคารพนอบน้อมผู้ใหญ่ ใครเห็นใครก็รัก ไม่ใช่คนก้าวร้าว”
รัญชิตาย้อนถามกลับ “คงไม่มีบทแทรกตัวประกอบให้โดดเด่นมาฆ่าตัวละครหลักอีกใช่ไหมคะ?”
“ ฆ่าหรือไม่ฆ่า มันก็อยู่ที่ความสามารถของเราเอง ต่อให้ได้บทเด่น แต่เล่นไม่ถึง มันก็เท่ากับว่าเราฆ่าตัวตาย”
พ่ออู๊ดตอบกลับนิ่งๆ แล้วเดินออกไป รัญชิตาหน้าเจื่อน ที่ถูกว่ากระทบ
สมภพพาปริตา ที่ให้สัมภาษณ์นักข่าวเสร็จเรียบร้อยจะพาเดินออกไป แต่ไม่วายหันมามองเย้ยตรัยที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“วันนี้ผมไม่ได้เมา ผมไปส่งคุณอ้อมได้ครับ ทีมงานช่วยเคลียร์ด้วย ใครไม่ใช่นักข่าวหรือทีมละคร อย่าให้เข้ามาจุ้นจ้านในกอง”
พูดจบก็ประคองพาปริตาเข้าไปเปลี่ยนชุด ตรัยมองด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่จะเดินออกไปจากสตูดิโอ
รัญชิตานั่งอ่านบทหน้าเครียด เพราะยังหงุดหงิดเรื่องปริตา ครู่หนึ่งตรัยก็เดินเข้ามา พร้อมกับยื่นแก้วน้ำให้
“คุณควรเอาไปเสิร์ฟดูแลนักแสดงหน้าใหม่นะคะ ใครๆ ก็เห่อของใหม่”
“มันไม่ใช่หน้าที่ผม หน้าที่ของผมคือดูแลคุณ วันนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ ช่วยดูแลคุณได้ทั้งวัน”
“เป็นหน้าที่ทางธุรกิจ หรือความสมัครใจคะ? “ รัญชิตาพูดเหน็บยิ้มๆ “คุณแม่บอกว่าติดต่อให้หนังสือถ่ายเราสองคนขึ้นปก คุณรู้ข่าวรึยังคะ?”
“เพิ่งทราบจากคุณนี่แหล่ะครับ”
“มิ้นท์ดีใจนะคะที่เราจะได้ถ่ายลงหนังสือด้วยกัน”
ปริตาเดินเข้ามา เห็นภาพรัญชิตาจับมือตรัย ก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจ
“พี่ติ่งค่ะ อ้อมพร้อมแล้วค่ะ ถ่ายกันรึยังคะ อ้อมอยากเล่นละครแล้วค่ะ”
รัญชิตารู้ว่าอีกฝ่ายจงใจพูดกระทบ ก็รีบหันมาบอกตรัย
“มิ้นท์เข้าฉากก่อนนะคะ”
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 12 (ต่อ)
ปริตาในบทเดือน อยู่ในชุดนักศึกษา ถือห่อขนมมายื่นให้รัญชิตา ในบทรดาซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ
“รดา ฉันทำขนมมาให้เธอ อร่อยมากนะ ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบหวานมาก ฉันอบมาให้เธอ ลองกินสิ”
เดือนส่งขนมให้ แต่กลับถูกรดาปัดทิ้ง
“ฉันบอกไม่กินก็ไม่กิน อย่าคิดว่าเอาขนมมาให้ แล้วฉันใจอ่อนยกโทษให้เธอ”
“เธอโกรธฉันเรื่องอะไร?”
รดาจ้องหน้าเดือนอย่างเคียดแค้น
“เลิกเล่นละครสักที เขาบอกฉันว่าเมื่อคืนเขาไปกับเธอ เขารักเธอ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตนักศึกษา แล้วมันก็จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะเป็นเพื่อนกับเธอ”
รดาจะเดินหนีไป เดือนรีบคว้าข้อมือไว้
“ฉันจะบอกไม่ให้เขามาหาฉันอีก ฉันจะไม่คุยไม่เจอเขาอีก เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะ”
รดายิ้มเยาะ “แก้วที่มันร้าว มันประสานอีกไม่ได้ ต่อให้ทุบแตกเอามาหลอมใหม่ มันก็ไม่เหมือนเดิม”
พูดจบก็หยิบขนมปาใส่หน้าแล้วเดินออกไป เดือนทรุดตัวร้องไห้เสียใจ
พอลลี่และดอกแก้ว ในบทจ๊อยส์กับเพื่อนเข้ามาพูดเหยียดซ้ำ
“ไม่มีใครอยากกินขนมลูกคนใช้หรอก”
จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันเหยียบขนมที่ตกพื้น แล้วเดินออกไป
“รดา เชื่อใจฉันเถอะ ถ้าต้องเลือกระหว่างเพื่อนกับคนรัก ฉันขอเลือกเพื่อน”
ปริตานั่งร้องไห้เสียใจอย่างโดดเดี่ยว
พ่ออู๊ดสั่งคัท ทีมงานน้ำตาซึม
“ยอดเยี่ยมมาก พ่อภูมิใจในทุกคน โดยเฉพาะหนูอ้อม หนูทำให้พ่อเชื่อว่าหนูเป็นเดือน คุณสมภพต้องจัดหาละครให้อ้อมลงต่อเลยนะ พ่อกล้าพูดได้เลยว่าละครเรื่องนี้ออนแอร์ตอนแรก กระแสเรียกร้องอ้อมทันที”
สมภพยิ้มรับ
“ผมสั่งให้นักเขียนหาพล๊อตดราม่าเจ้าน้ำตาเตรียมไว้แล้วครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ เรื่องหน้าอ้อมจะได้เล่นกับเพื่อนๆ อีกใช่ไหมคะ?”
ปริตาพูดพร้อมกับหันไปทางรัญชิตากับพวกพริดา
“ผมดูบทให้อีกที ต้องวางตัวตามความเหมาะสม”
นักข่าวเข้ามาขอถ่ายรูปคู่ปริตากับรัญชิตา แต่ฝ่ายหลังรีบชิงออกตัว เพราะไม่อยากเป็นตัวเสริมให้อีกฝ่ายเด่นกว่า
“ขอโทษด้วยนะคะ มิ้นท์มีงานถ่ายแบบต่อ ขอตัวก่อนค่ะ ไปค่ะคุณตรัย”
ปริตามองเย้ยรัญชิตาอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ขณะที่พริดามองนักข่าวที่รุมสนใจปริตาด้วยความไม่พอใจ
“คืนนี้ยังเหลือฉากของฉัน ฉันจะชิงพื้นที่ข่าวคืนมา”
ปริตาถือห่อใส่อาหารมาที่บ้าน เจอกับสิงห์และพวกที่เข้ามาพอดี
“น้าสิงห์ น้ามาทำอะไรที่นี่จ๊ะ ?”
“พ่ออยู่ที่นี่ใช่ไหม ?”
ปริตาทำหน้าแปลกใจ “น้ามีเรื่องอะไรเหรอจ๊ะ?”
“พ่อเอ็งไปยุ่งกับเมียข้า พอข้าจับได้ มันก็ไล่ฟัน มันอยู่ไหน ข้าจะเอาให้ตาย”
พูดพลางจะพาพวกเข้าไปในบ้าน ปริตารีบห้ามไว้
“พ่อไม่ได้มาที่นี่จ้ะ”
“เอ็งโกหก แม่ค้าที่เพิง เขาบอกว่าเห็นพ่อเอ็งแวะมาเมื่อวันก่อน ไปเว้ย เข้าไป”
นายประกอบที่อยู่ในบ้านเห็นพวกสิงห์จะบุกเข้ามาก็ตกใจ ปริเทพเข้ามาช่วยกันไว้
“เดี๋ยวก่อนน้า ใช่จ้ะ พ่อมาที่นี่ แต่พ่อไม่อยู่แล้ว พ่อไปแล้ว”
“พวกเอ็งโกหกช่วยพ่อเอ็ง”
ปริเทพยกมือไหว้
“ฉันกับอ้อมรู้เรื่องที่พ่อไปก่อไว้ พวกฉันให้พ่อไปอยู่กับญาติที่ประจวบแล้ว ฉันไหว้ล่ะน้า ฉันขอโทษแทนพ่อ ฉันสัญญาพ่อจะไม่กลับไปก่อเรื่องอีก”
ปริตาซึ้งใจที่ปริเทพช่วยปกป้องพ่อ
“ข้าเห็นแก่ความดีของแม่เอ็ง และพวกเอ็ง ฝากบอกมันด้วย อย่าให้ข้าเจอหน้าอีก ไอ้พวกเล่นชู้ ข้าไม่ปล่อยไว้แน่”
สิงห์และพวกพากันกลับออกไป ปริตาหันไปมองในบ้านด้วยความไม่พอใจพ่อ
“พวกมันกลับไปแล้วใช่ไหม? ไอ้นี่แหล่ะที่มันเป็นชู้เมียพ่อ มันไล่แทงพ่อ”
พอเห็นลูกทั้งสองเข้ามาในบ้าน นายประกอบก็รีบปั้นเรื่องโกหกทันที
“พ่อเลิกโกหกได้แล้ว ฉันเหนื่อยแล้วนะพ่อ อ้อมขอเถอะ พ่อก็อายุมากแล้ว ไอ้กิเลสตัณหาลดละเลิกสักที”
นายประกอบโมโห จะตบปริตา ปริเทพเข้ามากันไว้
“พ่อกลับเข้าห้องไปนอนเถอะ ถ้าพวกน้าสิงห์กลับมาอีก ฉันก็ช่วยพ่อไม่ได้”
นายประกอบชี้หน้าด่า
“เอ็งเป็นลูก อย่าทำตัวเป็นแม่”
คล้อยหลังที่พ่อเดินกลับเข้าห้องไป ปริตาก็ถึงกับทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง
“อ้อมจะไม่ไหวแล้วนะพี่เทพ”
“พี่เข้าใจ พี่จะไม่ให้อ้อมต้องเหนื่อยใจอีก เรื่องพ่อพี่จะจัดการเอง”
ปริเทพเข้ามากอดปลอบใจ
พริดาในบทขอบจ๊อยส์เอื้อมมือหยิบหมวกว่ายน้ำสวม เพื่อจะไปว่ายน้ำเล่น ทันใดนั้น
ดอกแก้ว ที่รับบทเป็นเพื่อน ก็เดินตามเข้ามาในชุดว่ายน้ำ พร้อมกับชี้หน้าด่าจ๊อยส์
“เธอมันร้ายกาจ ยุยัยรดาว่าเดือนแย่งแฟน แต่เธอนั่นแหล่ะ ที่แย่งแฟนรดา”
“ช่วยไม่ได้ คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อคนฉลาด”
ทั้งคู่เริ่มยื้ดยุดกันตามบท แต่พริดากลับอาศัยจังหวะกระซิบบอกดอกแก้ว
“ตบฉัน”
ดอกแก้วเห็นนักข่าวกำลังมองมา จึงตบพริดาเต็มแรง ชาญวุฒิมองบทในมือ พลางหันไปบอกพ่ออู๊ด
“นอกบทอีกแล้วครับพ่อ”
พ่ออู๊ดทำหน้านิ่ง แล้วก็เหลือบมองที่มอนิเตอร์ ด้วยความอยากรู้ว่าทั้งคู่จะทำอะไรอีก
พริดาจงใจจับมือดอกแก้วมากระชากสายรัดชุดว่ายน้ำของตัวเองหลุด แล้วก็รีบเอามือปิดหน้าอก พร้อมกับแกล้งกรีดร้องตกใจ นักข่าวรีบถ่ายภาพรัว พ่ออู๊ดสั่งคัททันที ต้อยติ่งรีบวิ่งเอาผ้าขนหนูบังไว้ไม่ให้ถ่าย
พ่ออู๊ดหันมาบอกนักข่าว
“พ่อขอความร่วมมือลบภาพออกให้หมด พ่อทำละครแรง แต่ไม่เคยใช้เรื่องเซ็กส์เรื่องเสื่อมๆ
โปรโมทงาน งานจะดังมันก็ต้องดีด้วยตัวมันเองนะพ่อขอ”
บรรดานักข่าวจำใจต้องทำตาม แล้วเดินออกไป พริดากับดอกแก้วรีบผลักต้อยติ่งให้ออกไป พร้อมกับพยายามเรียกนักข่าวให้กลับมา แต่กลับเป็นพ่ออู๊ดเดินเข้ามาแทน
“เชื่อพ่อเถอะลูก ใช้ความสามารถไต่เต้า มันอยู่ได้นาน แต่ถ้าใช้เต้าไต่ อีกไม่นานมันก็ยานมันก็เหี่ยว”
จากนั้นพ่ออู๊ดก็สั่งเลิกกอง ทุกคนเดินเก็บของออกไป โดยไม่มีใครสนใจพริดากับดอกแก้ว
ปริเทพบอกกับปริตาว่าจะพานายประกอบไปอยู่ญาติที่ประจวบ ไม่ต้องกลับไปที่สังขละอีก รอจนซื้อบ้านคืนจากตรัยได้ แล้วจึงจะรับพ่อกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีก ปริตายิ้มอย่างมีความหวัง
จังหวะนั้นเสียงมือถือของปริตาก็ดังขึ้นมาพอดี
“ค่ะพี่ชาญ ตอนนี้เลยเหรอคะ? ได้ค่ะ ค่ะ”
เมื่อกดวางสาย ก็หันมาบอกพี่ชาย
“มีงานถ่ายแบบด่วน อ้อมต้องไปแล้วจ้ะ อ้อมฝากดูแลพ่อด้วยนะพี่”
ปริเทพยิ้มรับ ปริตารีบเดินออกไป
ทางด้านรัญชิตาก็แต่งตัวเตรียมอกจากบ้านไปถ่ายแบบ แต่พลศิษฎ์รีบรั้งไว้
“ไม่ต้องไปแล้ว พี่ชาญเขาติดต่อมิ้นท์ไม่ได้ เลยโทรหาพี่”
รัญชิตาหยิบโทรศัพท์มาดู ก็ตกใจ
“ว้าย มิสคอลสิบกว่าสาย มิ้นท์ปิดเสียงไว้ค่ะ”
“พี่ชาญฝากบอกว่า ทางหนังสือขอยกเลิกถ่ายทำ แล้วพี่ชาญจะอธิบายรายละเอียดให้ฟัง”รัญชิตายิ้มดีใจ “ไม่ถ่ายก็ดี มิ้นท์จะได้พักบ้าง”
พูดจบก็ขยับตัวจะออกไปอีก
“จะไปไหน ?”
“คุณตรัยต้องถ่ายคู่กับมิ้นท์ เขายกเลิก คุณตรัยก็ว่าง มิ้นท์จะชวนคุณตรัยออกไปดูหนังค่ะ”
“พี่ไปด้วย”
รัญชิตายิ้มอย่างรู้ทัน “พี่มาร์ท พี่เลิกกันท่าคุณตรัยได้แล้ว”
“ถ้าเราไม่เลิกคบกับเขา พี่ก็จะตามประกบอย่างนี้แหล่ะ”
“ไปก็ได้ มีคนขับรถให้”
จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากบ้านไปพร้อมกัน
ปริตาเดินเข้ามาในสตูดิโอ ก็เจอกับตรัยที่เดินมาจากคนละด้าน ทั้งคู่ต่างมองกันอย่างแปลกใจ
“เธอมาทำอะไร ?”
ปริตายิ้มกวนๆ “ฉันก็มาทำงานสิ แล้วคุณล่ะ?”
“ฉันก็มาทำงานของฉัน”
“อ๋อ มากำกับโฆษณา ดีจัง ไม่ต้องใช้สตูดิโอร่วมกัน”
ปริตาพูดประชดแล้วเดินไปทางหนึ่ง แต่ตรัยกลับเดินมาตามทางเดียวกัน.
“เอ๊ะคุณ ฉันมีงานที่สตูดิโอนี้”
ตรัยชี้ไปที่ห้องเดียวกัน “ฉันก็มีนัดที่นี่”
ยังไม่ทันที่ปริตาจะพูดอะไรต่อ ชาญวุฒิก็เดินตรงเข้ามา
“สวัสดีครับ นายแบบนางแบบพี่มาแล้ว”
ตรัยปรายตามองปริตา “นางแบบ? แล้วคุณมิ้นท์ล่ะครับ ?”
ปริตาก็แปลกใจไม่แพ้กัน
“เกี่ยวอะไรกับมิ้นท์คะ?”
รัญชิตากับพลศิษฎ์เข้ามาถามหาตรัยที่บ้น แต่เสาวลักษณ์กลับบอกว่าเขาออกไปถ่ายปกหนังสือที่จะเป็นภาพคู่รักโปรโมทคอนโด
รัญชิตาขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ พลศิษฏ์เป็นฝ่ายชิงบอกเสาวลักษณ์
“คุณชาญโทรมายกเลิกมิ้นท์นะครับ”
“แต่ไม่ได้ยกเลิกลูกตรัย? แล้วตรัยไปถ่ายคู่ใคร ?”
รัญชิตาเริ่มไม่พอใจ “มิ้นท์ลาคุณป้าก่อนนะคะ”
ขาดคำก็รีบออกไปทันที พลศิษฎ์ไหว้ลาเสาวลักษณ์แล้วรีบตามไป
“จุดเปลี่ยนมันเกิดขึ้นตอนที่ภาพข่าวน้องอ้อมในชุดไทยเผยแพร่ออกไป ทางหนังสือสนใจน้องอ้อมมาก ขอเปลี่ยนคอนเซ็ปต์เป็นนางในวรรณคดี”
ชาญวุฒิอธิบายให้ตรัยกับปริตาฟัง
“คุณมิ้นท์รู้เรื่องนี้รึยังครับ ?”
“พี่ติดต่อน้องมิ้นท์ไม่ได้ พี่ก็เลยโทรบอกคุณมาร์ท คงจะรู้แล้ว”
“แล้วมิ้นท์รู้เหตุผลรึเปล่าครับ ?” ตรัยถามต่อ
“พี่ยังไม่ได้พูดอะไรมาก ตั้งใจว่าถ่ายเสร็จ พี่จะเดินทางไปหาน้องมิ้นท์ อธิบายที่มาที่ไปแล้วก็ขอโทษด้วยตัวเอง”
“ที่ผมถามเพราะเป็นห่วง กลัวคุณมิ้นท์จะไม่พอใจ”
ตรัยนึกเป็นห่วง เกรงจะเกิดเรื่อง จนปริตาหมั่นไส้
“พี่ชาญบอกว่างานด่วน อ้อมว่าอย่าเสียเวลาคุยเลยค่ะ เราควรเริ่มงานกันได้แล้ว”
ชาญวุฒิพยักหน้ารับคำ
รัญชิตารีบจ้ำอ้าวมาที่รถ พลศิษฎ์วิ่งตามมาติดๆ
“มิ้นท์จะไปไหน ?”
“มิ้นท์จะไปสตูดิโอค่ะ มิ้นท์อยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มีเหตุผลอะไรถึงต้องเปลี่ยนตัวมิ้นท์”พลศิษฎ์พยายามปราม
“อย่าไปรบกวนการทำงานเขาเลย พี่โทร. ถามคุณชาญให้”
แต่รัญชิตาไม่ยอม “มิ้นท์ต้องการเห็นกับตา และฟังคำอธิบายจากปากพี่ชาญค่ะ”
“มีความสุขมากสินะ ที่ได้มาแทนที่คุณมิ้นท์”
ตรัยแกล้งพุดประชด ขณะที่อยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องแต่งตัว
“สุขมากค่ะ”
“สะใจแล้วใช่ไหมที่เอาชนะได้ ?”
ปริตายิ้มหยัน “ไม่ได้สะใจ แต่สะใจมากๆค่ะ”
“เธอภูมิใจรึไงที่ได้มายืนบนที่ของคนอื่น ?”
“แย่งที่ของคนอื่นไม่มีความสุขเท่ากับที่ของเพื่อนอ้อมหรอกค่ะ”
ตรัยปรายตามองเหยียดๆ
“เป็นผู้หญิงนั่งดริ้งมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง ดื่มไม่กี่แก้ว ก็ได้งาน นี่ถ้าฉันไม่ขวางเธอคืนนั้น เธอคงเขี่ยคุณมิ้นท์
ออกจากละครไปแล้ว”
ปริตาเชิดหน้าท้าทาย
“ถ้ามันเป็นไปได้ก็คงดีค่ะ แต่น่าเสียดายที่คุณสมภพยังเกรงใจพ่อแม่มิ้นท์ เกิดเป็นคนรวยมันดีนะคะ
ทำอะไรได้ดั่งใจ เกิดเป็นคนจนก็ต้องทนและต้องสู้ ยิ่งจนมากก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด”
“ถึงกับเอาตัวเข้าแลก”
ตรัยพูดเหน็บ จังหวะนั้นสมภพก็เข้ามาให้ห้อง
“คุยอะไรกันครับ ?”
“อ้อมกำลังเล่าให้คุณตรัยฟังน่ะค่ะ ว่าคืนนั้นเราดื่มด้วยกันสนุกมาก คุณสมภพเอ็นเตอร์เทนเก่ง”
สมภพยิ้มพอใจ “โอกาสหน้าเราก็ไปสนุกด้วยกันอีกสิครับ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
จากนั้นสมภพก็ขอตัวเลี่ยงออกไปดูความเรียบร้อยด้านนอก ปริตาส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะหันมามองเยาะตรัย
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 12 (ต่อ)
ชาญวุฒิพยายามเร่งทีมงาน เพราะเกรงรัญชิตาจะบุกมาอาละวาด ขณะที่ที่รัญชิตาขับรถปาดซ้ายปาดขวาด้วยความเร็วสูง เพื่อตรงรี่ไปให้ถึงสตูโอให้เร็วที่สุด
ปริเทพถือกล่องยามาเคาะประตูห้องนอนของพ่อ เมื่อไม่มีเสียงตอบจึงไขกุญแจเข้าไป แต่กลับไม่เจอนายประกอบในห้อง จากนั้นก็รีบออกไปตามหาพ่อ บังเอิญเจอกับลัดดาวัลย์ที่กลับเข้าบ้านพอดี
“น้าลัดดาครับ น้าเห็นพ่อรึเปล่าครับ ?”
“เห็นสิ น้าเพิ่งกลับจากเซ็ทชุดถ่ายแบบให้พี่ชาญ เจอพ่อเราที่หน้าปากซอย พ่อเขาบ่นอยากเจออ้อม น้าก็เลยบอกแท็กซี่ให้ไปส่งที่สตูดิโอ”
ปริเทพหน้าเครียด
“ผมกลัวพ่อไปสร้างปัญหาให้อ้อม ผมจะไปหาอ้อมครับ”
“งั้นน้าพาไป”
พูดจบลัดดาวัลย์ก็รีบเดินนำปริเทพออกไปทันที
ต้อยติ่งเดินนำตรัยและปริตาที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วออกมาที่หน้าฉาก ทีมงานต่างตะลึงในความสวยและหล่อของทั้งคู่ ชาญวุฒิมองอย่างอึ้งๆ ก่อนจะรีบสั่งการ
“ทุกคน ประจำที่”
ชาญวุฒิเข้าไปจัดวางท่าทางให้ตรัยกับปริตา อีกด้านหนึ่งรัญชิตาก็พยายามเร่งฝีเท้าเพื่อเดินไปที่สตูดิโอ พลศิษฎ์รีบวิ่งไล่ตาม
“มิ้นท์ใจเย็นๆก่อน”
ชาญวุฒิส่ายหน้าอย่างขัดใจ
“ท่าโพสเหมือนจะรักกัน แต่ภายในมันไม่ใช่”
“เราสองคนไม่ได้รักกันนี่คะ”
ตรัยหันขวับมามองอย่างไม่พอใจ
“ใช่ ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับอ้อม”
“พี่เข้าใจ แต่มันเป็นงาน”
ตรัยได้ทีรีบพูดประชด “เธอเป็นนักแสดง เล่นละครเก่ง เรื่องแสดงหลอกๆ ไม่น่ายาก”
“ค่ะ ไม่ยาก แต่ได้คู่แสดงที่ไม่อยากแสดง อารมณ์มันก็ไม่มาค่ะ”
“งั้นต้องมีตัวช่วย”
ชาญวุฒิพูดพลางหันไปส่งสัญญาณให้คิวทีมงานเปิดเพลง เพื่อสร้างบรรยากาศโรแมนติก
“เรื่องมันมีอยู่ว่า สุเทษณ์เทพบุตรหลงรักนางมัทนาข้ามภพข้ามชาติ แต่นางมัทนาไม่เคยรับรักสักครั้ง”
ปริตาหันมามองเย้ยตรัย
"เทพบุตรก็โกรธ สาปให้นางมัทนากลายเป็นกุหลาบอยู่โลกมนุษย์ และจะกลายร่างเป็นคนได้เฉพาะวันเพ็ญ และโมเม้นท์ที่เราจะถ่าย สุเทษณ์เทพบุตรลงมาขอความรักจากนางมัทนาอีกครั้ง"
"พี่อยากเห็นความรักสุดใจของเทพบุตร และความรักของมัทนา ที่เห็นใจในความพยายามของเทพบุตร"
ปริตากับตรัยหันมามองหน้ากัน พลางคิดตาม
จากนั้นการถ่ายทำก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง จังหวะนั้น รัญชิตาก็เดินเข้ามาสตูดิโอ เห็นตอนที่ตรัยกำลังตระกองกอดปริตาพอดี
ปริตาอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นรัญชิตาเข้ามายืน เธอแอบยิ้มเย้ย แล้วค่อยๆ โน้มตัวไปหอมแก้มตรัย
รัญชิตากำมือแน่นด้วยความโกรธ ตรัยนึกแปลกใจที่ปริตาหอมแก้มเขา จึงเผลอสวมกอดเธอแน่น
“พี่ชาญคะ”
ตรัยหันไปมอง เห็นรัญชิตาเดินปรี่เข้ามา ปริตาเข้ามาจับตัวเขาไว้เพื่อยั่วต่อ ชาญวุฒิ,ต้อยติ่งตกใจที่
รัญชิตาบุกเข้ามา
“นี่มันยังไงกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ?”
“พี่อธิบายได้ครับ ไปครับ ไปคุยกันข้างนอก”
รัญชิตาโวยวาย
“คุยกันตรงนี้แหล่ะค่ะ มิ้นท์ต้องการคำอธิบายที่ฟังขึ้น ทำไมถึงเปลี่ยนตัวนางแบบ ?”
ชาญวุฒิรีบโบ้ยให้สมภพเป็นคนอธิบาย
“เดิมทีทางหนังสือจะถ่ายภาพปกโรมิโอกับจูเลียต แต่เขาขอเปลี่ยนคอนเซ็ปต์เป็นนางในวรรณคดี”
รัญชิตาย้อนถาม “คุณสมภพเปลี่ยน หรือทางหนังสือเปลี่ยนคะ ?”
“ผมไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายงานเขาหรอกครับ ผมเพียงช่วยประสานงานและจัดการให้ แล้วผมก็เห็นว่างานนี้ช่วยส่งเสริมนักแสดงในละครผม”
รัญชิตายิ่งไม่พอใจ
“แล้วมิ้นท์ล่ะคะ มิ้นท์เป็นนางเอกของคุณ คุณไม่คิดจะส่งเสริมนางเอก แต่กลับมาปั้นตัวประกอบนี่”
สมภพพยายามใจเย็น “ผมว่าคุณอารมณ์ไม่ดี เราค่อยคุยกันดีกว่า”
“ใช่ค่ะ มิ้นท์อารมณ์ไม่ดี ถ้าผู้หญิงที่ยืนตรงนี้ไม่ใช่อ้อม”
ปริตาไม่พอใจที่ถูกพาดพิง
“มิ้นท์ เธอพูดอย่างนี้หมายความว่าไง ?”
พลศิษฎ์พยายามพูดรัญชิตาออกไป แต่ปริตารีบพูดแทรกขึ้นมา
“พี่มาร์ทให้มิ้นท์พูดเถอะค่ะ อ้อมอยากฟัง อยากรู้ความคิดของนางเอกค่ะ”
รัญชิตารีบเดินตรงรี่เข้ามาประจันหน้ากับปริตา
“เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนตรงๆ ขอพูดตรงเลยแล้วกัน ฉันคิดว่าไม่เหมาะสมที่นักแสดงระดับตัวประกอบมาถ่ายขึ้นปก”
ปริตาสวนกลับทันที
“ฉันว่าเธอใจแคบไปนะ เธอควรจะให้โอกาสทุกคนได้มายืนแถวหน้า ตัวเธอเองก็เคยเป็นตัวประกอบ เล่นโฆษณาเป็นตัวประกอบ”
ก่อนที่จะเดินเข้ามากระซิบบอกที่ข้างๆ หู “และชีวิตรัก เธอก็เป็นได้แค่ตัวประกอบ”
รัญชิตาโกรธจัด ฟาดฝ่ามือใส่หน้าปริตาอย่างแรง พลศิษฎ์ตกใจเข้าไปดึงรัญชิตาออกมา
“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ผมขอโทษทุกคนด้วยครับ”
พลศิษฎ์รีบพารัญชิตาออกไป ตรัยกำลังจะเข้าไปหาปริตาด้วยความเป็นห่วง แต่สมภพเข้ามาถึงตัวเธอก่อน
“คุณเป็นยังไงบ้าง ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ อ้อมขอโทษด้วยนะคะ ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหายุ่งยาก”
“ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก”
ปริตาแอบสะใจ ที่ทำให้รัญชิตาโกรธและแสดงความก้าวร้าวออกมาได้
พลศิษฎ์พาตัวรัญชิตาออกมาออกมาด้านนอกสตูดิโอ แต่เธอยังโวยายไม่เลิก
“ปล่อยมิ้นทนะ พี่มาร์ทก็ได้ยินว่ายัยอ้อมพูดอะไรกับมิ้นท์ มันจงใจเย้ยมิ้นท์”
“มิ้นท์จะว่าอ้อมก็ไม่ถูก มิ้นท์ต่างหากเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ก่อนหน้านี้มิ้นท์ก็แกล้งอ้อมสารพัด”
“พี่มาร์ทยังจะเข้าข้างมันอีก ที่มันได้งานนี้มันคงยั่วหรือเอาตัวเข้าแลกคุณสมภพ”
พลศิษฎ์พยายามปราม “พอเถอะมิ้นท์”
“พี่นั่นแหล่ะพอได้แล้ว พี่ต้องอยู่ข้างมิ้นท์ ไม่ใช่เข้าข้างมัน”
“พี่เป็นพี่ชายมิ้นท์ แต่พี่ก็รักอ้อม”
“แต่มิ้นท์เกลียดมัน”
รัญชิตาผลักพลศิษฎ์ล้มลง แล้วรีบเดินกลับเข้าไปหาในสตูดิโอจะเอาเรื่องปริตา พลศิษฎ์พยายามจะตามไป แต่นายประกอบเข้ามาพอดี
“คุณพ่อน้องอ้อม”
“เอ็งรู้จักลูกสาวข้า? ช่วยพาไปหาหน่อย ข้าอยากเจอลูก คิดถึงมัน”
“เป็นไงบ้าง”
ตรัยถามด้วยความห่วงใย ขณะที่เข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า”
“ลืมไป แค่โดนตบไม่เจ็บหรอก เพราะหน้าเธอมันด้านชาแล้ว คราวนี้ก็คงสะใจถึงขีดสุดแล้ว ?”
ปริตายิ้มสะใจ “ก็โอเคนะคะ ที่ทำให้ใครๆ เห็นตัวตนนางร้ายในคราบนางเอก ถ้ามิ้นท์เหวี่ยงวีนมากกว่านี้ก็คงสะใจกว่านี้”
“เธอมันก็ร้ายกาจไม่น้อยกว่านางร้าย”
“ฉันทำอะไรก็ผิด ไม่เหมือนแฟนคุณหรอกที่ทำอะไรก็น่าเห็นใจน่าสงสาร”
ตรัยรีบปฏิเสธ “มิ้นท์ไม่ใช่แฟนฉัน”
“ไม่ใช่แฟน แต่คอยดูแล ประกบเช้าสายบ่ายเย็น”
“ฉันมีเหตุผลของฉัน”
ตรัยไม่อยากบอกว่าทำเพื่อแม่ ปริตาเข้าไปยิ้มยั่ว
“คุณพูดอย่างนี้ก็แสดงว่าคุณไม่ได้รักมิ้นท์ แล้วคุณรักใครคะ?” ว่าไงคะ หรือว่าคุณรักนางมัทนา จนไม่มีใจเหลือให้ใครอีกแล้ว”
“ถ้าฉันรักเธอ เธอจะรักฉันไหม ? ถ้าเธอไม่รักฉัน ฉันก็จะสาปให้เธอเป็นดอกกุหลาบชั่วชีวิต”
ปริตาอึ้ง แต่พยายามทำปากแข็ง
“งั้นฉันก็ขอเป็นดอกกุหลาบชั่วชีวิต ฉันไม่ยอมใช้ชีวิตกับคนที่เห็นแก่ตัว”
ขาดคำก็ผลักตรัยออกไป พอดีกับที่ชาญวุฒิเดินเข้ามา
“ทางหนังสือเขาจะโอนเงินให้ อาจต้องรอทำเบิกอีกอาทิตย์นึงนะ แต่ไม่ต้องห่วงจำนวนเงินนะ.พี่เรียกให้เต็มที่อ้อมจะได้มีเงินไปซื้อบ้านคืน ว่าแต่ไอ้คนที่ซื้อบ้านตัดหน้าอ้อมมันเป็นใคร มันเลวจริงๆ”
ชาญวุฒิด่าโดยไม่รู้ว่าเป็นตรัย
“ค่ะ เลวมากด้วย”
ปริตาจงใจพูดประชดตรัย พลางไหว้ลาชาญวุฒิ แล้วเดินออกไป
ชาญวุฒิรีบเดินเข้าไปถามตรัย
“คุณตรัยพอจะทราบไหมครับว่าไอ้เลวที่ซื้อบ้านน้องอ้อมเป็นใคร ?”
ตรัยสะดุดกึก ก่อนจะรีบเดินเลี่ยงออกไป
ปริตาเดินผ่านบริเวณถ่ายทำ พลางหยุดมองด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นรัญชิตายืนอยู่ข้างกระโถงไฟด้วยอารมณ์โกรธ เธอพยายายามจะเดินออกไป เพราะไม่อยากมีเรื่อง แต่อีกฝ่ายกลับผลักกระถางไฟใส่ด้านหน้า ปริตาตกใจรีบกระโดดหลบ
“มิ้นท์ เธอทำเกินไปแล้วนะ”
รัญชิตายิ้มเหยียดๆ “แค่ขู่ก็กลัวซะแล้ว กลัวอะไร กลัวตาย? รึกลัวเสียโฉม? ถ้าฉันตั้งใจทำร้ายเธอ เธอไม่มีโอกาสมายืนอยู่ตรงนี้หรอก หรือว่าฉันควรทำ ไม่งั้นเธอจะมาแว้งกัดฉันอีก”
ปริตาสวนกลับ “เธอโกรธที่ฉันแย่งงานเธอ หรือว่าฉันได้คนรักของเธอ ?”
“อย่ามายุ่งกับคุณตรัยของฉัน”
“คุณตรัยของเธอ แต่อยู่ในอ้อมกอดของฉัน เธอเห็นแล้วนี่ ว่าเวลาเราสองคนอยู่ใกล้ชิดกัน เขาก็เผลอใจกอดฉัน เสียดายที่เธอมาขัดจังหวะ ไม่งั้นอาจได้ภาพเด็ดกว่านี้ ดังยิ่งกว่าคู่รักแบรนด์ แอมบาสเดอร์คอนโดหลอกๆ”
รัญชิตาเงื้อมือจะตบปริตา แต่กลับถูกปริตาจับมือไว้
“อย่าอินกับบทบาทที่ได้รับมากไป นางมัทนาในตำนานดอกกุหลาบ เธอกับเขาไม่มีวันได้รักกัน เธอต้องกลายเป็นดอกกุหลาบชั่วกัปชั่วกัลป์”
ปริตายิ้มเยาะ “ฉันชื่อปริตา ไม่ใช่มัทนา แล้วฉันก็รู้ว่าคุณตรัยคิดยังไงกับปริตา”
“อย่ามายุ่งกับเขา”
“คงจะยาก หลังจากหนังสือเล่มนี้วางแผง คงมีงานให้เราสองคนได้ควงออกงานอีเว้นท์ หรือทำงานร่วมกัน ใครๆ ก็คิดเหมือนกับฉัน เคมีเราสองคนเข้ากันมาก”
ปริตาปรายตามองเย้ยรัญชิตา แล้วจะเดินออกไป อีกฝ่ายหมดความอดทน เข้าไปกระชากตัวมาตบ ปริตา ตบกลับ
ตรัยเข้ามาในสตูดิโอ เห็นทั้งทั้งคู่กำลังตบตีกันก็ตกใจ
รัญชิตาฉวยจังหวะผลักเอากระถางไฟใส่อีก แต่ปริตาหลบได้ทัน
“หยุดได้แล้ว เธอมันเป็นบ้าไปแล้ว”
ปริตาเริ่มกลัว รีบวิ่งออกไปจากสตูดิโอ รัญชิตารีบตามออกไป ตรัยมองอย่างเป็นห่วง
ปริตาเดินออกมาด้านนอก นายประกอบก็รีบปราดเข้ามาแย่งกระเป๋า พลศิษฎ์ที่ตามเข้ามา ถึงกับตกใจ
“ไหนล่ะเงิน เงินอยู่ไหน ?”
“อ้อมบอกพ่อแล้ว อ้อมยังไม่มีเงิน”
“เอ็งโกหก ข้าถามลัดดามันแล้ว เอ็งได้มาเล่นละคร ได้ถ่ายแบบ มันต้องได้เงินเยอะสิวะ เงินอยู่ไหน ?”
“อ้อมยังไม่ได้รับเงิน ถึงได้มาอ้อมก็ต้องเก็บไว้ใช้”
ปริตาพยายามจะแย่งกระเป๋าคืนมา
“พ่อกลับไปเถอะ”
นายประกอบโกรธจัด ตบลูกสาวจนหน้าหัน แล้วก็กระชากตัวปริตา พลางตะโกนลั่น
“ได้ยินไหม มันไล่ข้า มันไล่พ่อของมัน มาดูนังลูกอตัญญู มันเป็นวัวลืมตีน”
รัญชิตาที่เดินตามออกมารับเดินตรงเข้ามาหานายประกอบ
“คุณอาคะ เอาเงินจากมิ้นท์ก็ได้ค่ะ คุณอาอยากได้เท่าไหร่คะ? มิ้นท์จะให้เขียนเช็คให้คุณอา
ตามที่คุณอาอยากได้
นายประกอบคิดตัวเลขไม่ทัน
“มิ้นท์จะให้เงินคุณอาแสนนึงค่ะ เมื่อกี้อ้อมเขาแกล้งมิ้นท์ ทำให้มิ้นท์เสียใจ คุณอาให้อ้อมมากราบขอโทษมิ้นท์สิคะ แล้วเงินแสนจะเป็นของคุณอา”
ปริตาตกใจในเงื่อนไขของรัญชิตา พลศิษฎ์รีบเข้ามาต่อว่าน้องสาว
“มันเกินไปแล้วนะมิ้นท์”
“เรื่องนี้พี่มาร์ทไม่เกี่ยว คุณอาอยากได้เงิน ให้ลูกคุณอาทำสิคะ”
ตรัยเดินออกมาเห็นพฤติกรรมของรัญชิตาก็ไม่พอใจ
“อ้อมไปกราบเพื่อนสิลูก ทำผิดก็ขอโทษเพื่อน”
ปริตายืนนิ่ง นายประกบต้องพูดย้ำ
“ไปสิ ในเมื่อเอ็งให้เงินข้าไม่ได้ เพื่อนเอ็งเขามีน้ำใจ เอ็งก็ไปกราบเขา”
พูดพลางลากตัวปริตามาโยนกองที่หน้ารัญชิตา
“ข้าสั่งให้กราบ ทำเพื่อพ่อไม่ได้รึไง? นังลูกอตัญญู”
ปริตาขยับยกมือจะกราบ ตรัยทนดูไม่ได้ พุ่งเข้ามาดึงตัวเธอออกมา รัญชิตาไม่พอใจ ที่เขาเข้ามาช่วย
“ลุกขึ้นเถอะ คุณมิ้นท์ ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะใจดำทำอย่างนี้”
รัญชิตาเสียหน้า รีบแก้ตัว “มิ้นท์แค่แกล้งอ้อมน่ะค่ะ มิ้นท์แค่ลองใจอ้อมน่ะค่ะ”
นายประกอบมองหน้าตรัย แล้วก็นึกออก
“คุณผมจำได้แล้ว แฟนอ้อม”
ปริตาตกใจ ขณะที่รัญชิตาไม่พอใจ
“คุณอาเข้าใจผิดครับ ผมเป็นเพื่อนอ้อม”
ปริเทพและลัดดาวัลย์เดินเข้ามาพอดี
“เขาเป็นแค่เจ้านายเก่า ไม่ใช่เพื่อนด้วยซ้ำ”
นายประกอบมองหน้าตรัยยิ้มๆ
“ไม่ต้องอาย ถึงข้าจะแก่เมายังไง ข้าก็ความจำดีเว้ย ตอนเมียข้าตาย มันก็ให้เงินข้า แล้วตอนที่มันไปบ้านข้า มันก็ใจดีให้เงินข้า ไอ้คุณคนนี้แหล่ะที่เป็นผัวอ้อม”
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 12 (ต่อ)
รัญชิตารีบพูดสวน
“ไม่ใช่ค่ะ คุณตรัยไม่ได้เป็นอะไรกับอ้อม คุณตรัยเป็นแฟน เป็นคู่หมั้นมิ้นท์ค่ะ”
“เอ้า มันยังไงข้าล่ะงง เป็นคู่หมั้นคุณหนูมิ้นท์ แต่คืนก่อนไปนอนค้างกับอ้อมที่บ้าน อย่างนี้ก็เป็นผัวลูกอาสิ”
ปริตากับตรัยตกใจ พลศิษฎ์นึกไม่พอใจ แต่ก็พยายามช่วยพูดแก้ตัวให้ปริตา
“คุณตรัยไม่ได้เป็นอะไรกับอ้อมจริงๆครับ ผมเป็นแฟนกับอ้อมครับคุณอา”
ปริตาชะงักที่พลศิษฎ์พูดมัดมือชก
“โน่นก็ผัว นี่ก็แฟน ลูกข้ามันสวยจริง มีผัวตั้งสองคน เอาวะ เลือกเอาสักคน เอาที่มันรวยๆ แต่ถ้าเลือกไม่ได้ ก็เอาทั้งสองคนนี่แหล่ะ หล่อรวยทั้งคู่”
ปริเทพทนไม่ไหว รีบพูดแทรกขึ้นมา “พ่อ กลับไปได้แล้ว”
“ข้าไม่ไป ข้ายังไม่ได้เงิน ข้าไม่กลับ ใครอยากเป็นลูกเขยข้า เอาเงินมาเป็นสินสอดตอนนี้เลย ใครให้มากกว่าข้ายกให้”
ปริตาหันไปมองหน้าตรัยสลับกับพลศิษฎ์ ไม่อยากให้ทั้งคู่ให้เงินพ่อ
พลศิษฎ์รีบหยิบเงินส่งให้
“เอาเงินของผมไว้ใช้ครับ คุณอาต้องเลิก กินเหล้าด้วยนะครับ”
นายประกอบนับเงินแล้วยิ้มพอใจ ก่อนจะหันมาทางตรัย
“แล้วเอ็งล่ะ ให้ข้าเท่าไหร่ ?”
ปริเทพและปริตาทนดูไม่ได้ รีบดึงตัวพ่อออกไป ลัดดาวัลย์ควักเงินออกมาจ่ายคืนพลศิษฎ์
“น้าใช้คืนแทนพ่ออ้อม”
จากนั้นก็รีบเดินตามไป รัญชิตาหันไปมองหน้าตรัย ไม่พอใจที่รู้ว่าเขาไปนอนค้างกับปริตา
“พี่มาร์ทกลับค่ะ”
ตรัยรีบบอก “ให้ผมไปส่งคุณมิ้นท์นะครับ ผมมีเรื่องจะคุย”
“ไม่จำเป็นครับ”
พูดจบก็รีบพาน้องสาวออกไป ตรัยนึกกังวลใจที่รัญชิตาโกรธเขา
“พ่อกลับไปได้แล้ว ฉันจะพาพ่อไปส่งที่บ้านญาติ”
ปริเทพรีบบอกนายประกอบ เพื่อทั้งหมดพากันออกมาด้านนอกสตูดิโอ
“พวกเอ็งมันก็ดีแต่ไล่ข้า ไม่รักข้า”
ลัดดาวัลย์รีบพูดแทรกขึ้นมา
“ฉันทนเห็นพี่รังแกลูกไม่ไหวอีกแล้ว พี่เคยคิดถึงหัวอกลูกบ้างไหม ลูกพี่ทั้งสองคนรักและคอยช่วยเหลือพี่ตลอด แต่พี่ยังไปว่าร้ายลูก ทำลายชื่อเสียงของลูก พี่เป็นพ่อ ถ้าเป็นคนดีไม่ได้ ก็ขอให้เหลือความดีของพ่อบ้าง”
“พอเถอะพ่อ อ้อมจะให้เงินพ่อเอง ฉันให้พ่อได้เท่านี้จ้ะ”
นายประกอบรีบแย่งเงินมา แล้วยิ้มพอใจ
ตรัยเดินมาซุ่มดูอยู่ห่างๆ เห็นปริตายอมใจอ่อนกับพ่อ
“ก็ยังดี”
“พ่อเดินทางปลอดภัยนะ ในวันที่ฉันซื้อบ้านคืนมาได้ ฉันจะไปรับพ่อ รับพ่อมาอยู่ด้วยกัน”
นายประกอบซึ้งใจที่ปริตายังคงเป็นห่วง
“ตั้งใจทำงานให้ดี หาเงินมาให้ข้าใช้เยอะๆ”
ทุกคนส่ายหน้าผิดหวังที่สุดท้ายนายประกอบก็คิดแต่เรื่องของตัวเอง
หลังจากที่ปริเทพกับลัดดาวัลย์พานายประกอบขึ้นรถจะพาไปส่งที่ท่ารถ ตรัยก็เดินปราดเข้ามาดักหน้าปริตา
“พ่อใจร้ายกับเธอ เธอยังจะมีใจทำดีกับเขาอีกได้ยังไง? ฉันไม่เข้าใจ”
“ฉันเคยบอกคุณแล้วไงคะ ถ้าคุณรักใครสักคน คุณจะทำทุกอย่างได้โดยไม่มีเหตุผล ไม่มีข้อแม้”
“แต่เขาทำร้ายเธอมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยให้ความรักความห่วงใยเธอเลย”
ปริตารีบแย้ง “แต่อีกมุมหนึ่ง ฉันก็เชื่อว่าเขารักฉัน พ่อแม่ทุกคนรักลูก อยู่ที่ว่าเขาจะแสดงออกยังไง บางทีสิ่งที่ฉันทำ ฉันอาจไม่ได้ทำเพื่อพ่อ แต่ฉันทำเพื่อแม่ ตั้งแต่ฉันจำความได้แม่ย้ำสอนให้ฉันรักพ่อ ฉันเคยตั้งคำถามทำไมแม่ถึงรักเขา ทั้งๆ ที่เขาทำร้ายจิตใจแม่ตลอดเวลา แม่บอกว่า ความรักคือการให้ ให้คนที่เรารักมีความสุข”
พูดจบปริตาก็ขยับจะเดินเลี่ยงออกไป ตรัยพยายามหักห้ามใจ ทั้งที่อยากเข้าไปกอดปลอบใจ
“ฉันไปส่งเธอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“อย่าดื้อสิ”
ตรัยรีบพาปริตาไปที่รถ แล้วขับรถออกไปทันที
พริดาเปิดประตูคอนโดเข้ามา ดอกแก้วที่เดินออกจากห้องน้ำโดยนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวถึงกับตกใจ
“พอลลี่ เธอบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้เช้า แล้วให้ฉันมานอนค้างที่ห้อง”
“ว่าจะกลับต่างจังหวัด แต่เปลี่ยนใจแล้ว มีอะไร ? ทำไมต้องตกใจด้วย ?”
ดอกแก้วอึกอัก พริดาจับพิรุธได้ รีบพุ่งเข้าไปในห้องนอนทันที แล้วก็เห็นสมภพนอนอยู่บนเตียง
“คุณสมภพ นี่มันหมายความว่ายังไง ? เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่กับเขาในคืนนั้น ?”
ดอกแก้วหน้าซีด “ฉันขอโทษ”
พริดาตบหน้าดอกแก้วอย่างโกรธจัด
“เธอมันเลวมาก แย่งผู้ชายของฉัน ยังพามานอนเกลือกกลั้วในห้องของฉัน ออกไป”
สมภพรีบลุกเดินเข้ามาหาพริดา
“ไม่เอาน่า เธอสองคนก็เป็นเพื่อนรักกัน แบ่งกันกิน แต่ฉันว่าคืนนี้ เรามากินด้วยกันทั้งสามนี่แหล่ะ”
พูดพลางเข้ามาจะคว้าตัว แต่พริดาสะบัดใส่
“ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว”
“ห้องของคุณพิชัยต่างหาก ฉันจะค้างที่นี่ ถ้าไล่ฉันกลับ ฉันก็จะปลดเธอออกจากละคร”
พริดาโกรธจัด แต่ทำอะไรไม่ได้ รีบเข้าไปลากดอกแก้วออกไปจากห้องนอนแล้วตบตีไม่ยั้ง
“เอาสิ ตบฉันอีกที ฉันจะไปแฉให้รู้กันทั่ว ว่าดาราดาวรุ่งพุ่งแรงที่กำลังจะถูกเขี่ย หมดหนทางทำกิน ยอมเป็นเมียน้อยพ่อของเพื่อน”
พริดารีบสวนหลับ
“เอาสิ ถ้าแกไปแฉ ฉันดับ ฉันก็เอาแกตาย แล้วรีบเก็บของออกไปออกจากห้องฉัน”
พูดจบก็รีบเดินออกไป สมภพรีบเข้ามาโอบกอดดอกแก้ว
“อย่าหงุดหงิดให้เสียอารมณ์เลย มาสนุกกันต่อ”
พูดพลางก้มกัดดอกแก้ว ที่ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
ลัดดาวัลย์รีบเดินเข้าบ้านด้วยความร้อนใจ พลางรีบถามปริเทพ
“พ่อกลับมาที่นี่ไหม ?”
“ไม่ได้กลับมาครับ”
ลัดดาวัลย์ถอนหายใจ “แล้วพ่อหนีจากขนส่งไปไหน? เทพลองโทรหาอ้อม เผื่อพ่อติดต่อไปที่อ้อมอีก”
ปริเทพรีบกดโทรศัพท์หาปริตาทันที
“อะไรนะพี่เทพ ? ได้ งั้นอ้อมจะดูแถวหน้าซอย”
ปริตากดวางสาย ตรัยรีบหันมาถามด้วยความเป็นห่วง
“มีอะไร ?”
“พี่เทพไปส่งพ่อที่ขนส่ง แต่พ่อก็หนีไปอีก พ่อมีเงินติดตัวพอสมควร ฉันเป็นห่วง”
“ฉันจะขับวนแถวบ้านเธอให้ เผื่อพ่อเธอจะกลับไปบ้าน”
ตรัยรีบขับรถพาปริตาไปที่ซอยละแวกบ้าน
ทางด้านนายประกอบ ที่กำลังเดินเมาอยู่ในซอยบ้านลัดดาวัลย์ พลางหยิบเงินออกมาดู
“ได้เงินมาตั้งเยอะ จะกลับไปอยู่บ้านนอกทำไมวะ มันต้องฉลอง หาความสุขที่เมืองสวรรค์ ไปหานางฟ้ามานอนกอดด้วย”
จู่ๆ นักเลง 3 คน ก็โผล่เข้ามา
“เงินเยอะก็แบ่งกันบ้างสิลุง”
พูดพลางพุ่งเข้าไปแย่งเงิน พร้อมกับผลักนายประกอบล้มลง ชายสูงวัยหยิบไม้ลุกขึ้นสู้
“เอาเงินข้าคืนมา”
ตรัยขับรถเข้ามา มองเห็นคนถูกทำร้าย ก็หยุดรถมอง ปริตาเห็นพ่อถูกทำร้ายก็ตกใจ
“พ่อ”
จากนั้นก็รีบวิ่งลงจากรถ ตรัยรีบลงจากรถตามไป แล้ววิ่งเข้าไปช่วยนายประกอบ แต่สู้แรงพวกนักเลงไม่ได้จังหวะนั้น ปริเทพกับลัดดาวัลย์ก็วิ่งเข้ามา
“พี่เทพ ช่วยพ่อด้วย”
ปริเทพพุ่งเข้าไปต่อสู้กับพวกนักเลง นักเลงได้เงินแล้วก็จะรีบหนีไป นายประกอบพุ่งเข้าไปกอดรัดไว้
“เอาเงินข้ามา”
ปริตารีบตะโกนบอก “พ่อให้มันไป”
นักเลงคนหนึ่งหันกลับมาพลางจ้วงมีดแทงที่ท้องนายประกอบหลายแผล จนร่างทรุดลงไปกองกับพื้น ปริตากับปริเทพตกใจ
จากนั้นพวกนักเลงก็รีบวิ่งหายไป ปริตารีบปราดเข้ามาดูพ่อ
“พ่อ พ่อ อ้อมจะพาพ่อไปส่งโรงพยาบาล”
“อ้อม เทพ ข้าขอโทษ”
พูดได้แค่นั้น นายประกอบก็ขาดใจตาย ปริตาและปริเทพกอดร่างพ่อ แล้วร้องไห้โฮ ลัดดาวัลย์มองด้วยความเศร้าใจ ตรัยเห็นแล้วก็ยิ่งสงสารปริตา
รัญชิตาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง พลางหยิบของในห้องโยนทิ้งเพื่อระบายอารมณ์ พลศิษฎ์เดินเข้ามาหา เห็นข้าวของกระจัดกระจาย ก็รีบถามน้องสาว
“มิ้นท์เป็นอะไร?”
“คุณตรัยรู้ว่าทำผิด แล้วทำไมไม่มาขอโทษมิ้นท์”
“ก็มิ้นท์ไม่ให้เขามาส่ง เขาจะกล้ามาหามิ้นท์ได้ไง”
รัญชิตายิ่งเคือง “รู้ว่ามิ้นท์โกรธไม่พอใจ เขาก็ควรมาง้อมิ้นท์สิคะ คนที่รักกันก็ต้องแคร์กัน”
“แล้วเรามั่นใจได้ไงว่าเขารักเรา ?” พลศิษฎ์ย้อนถาม
“พี่มาร์ท เขารักมิ้นท์ ได้ยินไหมคะว่าเขารักมิ้นท์”
รัญชิตายังคงเหวี่ยงวีนไม่เลิก พลศิษฎ์รีบเปลี่ยนเรื่อง
“เมื่อกี้พี่โทรหาอ้อม อ้อมอยู่ที่โรงพยาบาล พ่ออ้อมโดนคนร้ายชิงเงินแล้วทำร้าย พ่ออ้อมเสียชีวิตแล้ว”
รัญชิตาตกใจและถึงกับนิ่งลงในทันที
ปริเทพ กับปริตาช่วยกันเอาภาพ และโกฎิของนายประกอบวางไว้บนหิ้งคู่กับนางวา
ปริเทพยกมือไหว้ต่อหน้ารูปพ่อ
“พ่อครับ สิ่งใดที่ผมพูด คิด หรือทำไม่ดีกับพ่อ อโหสิกรรมให้ผมด้วยนะครับ”
ปริตายกหลังมือปาดน้ำตา
“พ่อจ๊ะ แม่จ๋า อ้อมจะรีบซื้อบ้านของเรากลับมา อ้อมจะพาพ่อกับแม่ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านนะจ๊ะ”
สองพี่-น้องโผเข้ากอดกัน เหมือนเป็นกำลังใจให้กันและกัน
ป้าอรถือกระเป๋ามาวางไว้ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาพัชรินทร์
“รินทร์ พี่ต้องกลับไปเยี่ยมญาติ รินทร์อยู่ได้ไหม?”
พัชรินทร์พยักหน้าๆ “พี่อรไปเถอะ ฉันอยู่ได้”
ป้าอรค่อยคลายกังวล
“พี่จะกลับมา พี่ทำกับข้าววางไว้แล้ว รินทร์ไปกินนะ”
ป้าอรเดินหิ้วกระเป๋าออกจากบ้าน โดยไม่ได้เฉลียวใจ
พัชรินทร์ถือขวดยาไว้ในมือ
ปริตาจะออกไปข้างนอก ปริเทพรีบเข้ามาถาม
“อ้อม อ้อมรักคุณตรัยรึเปล่า ?”
ปริตามองหน้าพี่ชายอย่างแปลกใจ “ทำไมพี่เทพถามอย่างนั้น ?”
“พี่เห็นเขายังตามอ้อม พยายามใกล้ชิดและช่วยเหลืออ้อม พี่คิดว่าเขาน่าจะชอบอ้อม”
“เขาจะคิดไงก็ช่างเขา อ้อมไม่สนใจ แต่อ้อมไม่ได้รักเขา”
ปริเทพยิ้มดีใจ “เขาคิดอย่างนี้พี่ก็สบายใจ พี่อยากให้อ้อมอยู่ใกล้เขา ใช้ความรักที่เขามีใจให้อ้อม ทำให้เขาเจ็บ เขารักอ้อมมากเท่าไหร่ พี่อยากให้เขาเจ็บปวดมากเท่านั้น เจ็บปวดเหมือนที่ดาวได้รับ”
ปริตาพยักหน้ารับคำ “ค่ะ อ้อมไปก่อนนะคะ อ้อมจะแวะไปเยี่ยมอาพัชรินทร์ กับป้าอร”
“พี่ไปส่งที่หน้าซอย อ้อมต่อรถไปนะ พี่ต้องเข้างานแล้ว”
พัชรินทร์เดินไปปิดประตู ใส่กลอน ก่อนจะเดินถือขวดยาตรงมาที่โต๊ะอาหาร ซึ่งมีอาหารที่ป้าอรทำวางไว้ จากนั้นก็หยิบขวดยาขึ้นมา เปิดฝา แล้วเทยาเม็ดลงใส่จานข้าว ใช้ช้อนคลุกข้าวผสมกับยา
ทางด้านปริตาก็ถือหอบถุงพะรุงพะรัง เดินมาถึงหน้าบ้าน พลางเคาะประตู
“คุณอาคะ ป้าอรคะ”
แต่กลับไม่มีคนเปิด “ออกไปข้างนอกกัน ?”
ปริตากำลังจะออกไป แต่แล้วเสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นมาก่อน
“ป้าอรว่าไงคะ อ้อมอยู่หน้าบ้าน แต่เข้าไม่ได้ค่ะ คุณอาอยู่เหรอคะ ค่ะ อ้อมจะดูแลคุณอาให้ค่ะ”
ปริตาวางสายเริ่มกังวลใจ พลางเคาะประตูรัว
“คุณอาคะ อาพัชรินทร์คะ”
จู่ๆ ตรัยก็โผล่เข้ามาพอดี
“มีอะไร ?”
“ป้าอรไปต่างจังหวัดบอกว่าคุณอาอยู่คนเดียว แต่คุณอาปิดบ้าน ฉันกลัวว่า...”
ตรัยกับปริตารีบช่วยกันผลักประตู แต่ไม่สำเร็จ
“งั้นอ้อมเข้าไปด้านหลังค่ะ เผื่อไม่ได้ล้อกประตู”
“เธอรีบนำทางไป”
ปริตารีบนำธิปไตยวิ่งอ้อมไปด้านหลังบ้าน.
ปริตาและตรัยวิ่งเข้ามาในบ้าน ทันเห็นร่างพัชรินทร์ร่วงลงพื้นพอดี
“คุณอา”
ทั้งคู่รีบวิ่งไปประคองร่างพัชรินทร์
“ผมจะรีบพาส่งโรงพยาบาล”
ตรัยรีบอุ้มพัชรินทร์ออกไป ปริตารีบตามออกไปด้วยความเป็นห่วง
จบตอนที่ 12