กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 14
ปริตาเดินนำพาปริเทพมาหาชาญวุฒิ
“น้องเทพมาแล้ว พี่มีข่าวเปลี่ยนแปลงอะ ตอนแรกพ่อเขาอยากให้จุดไฟเผาจริง แต่ดูสถานการณ์แล้ว อันตรายเกินไป พ่อเปลี่ยนใจทำซีจีภาพไฟไหม้ทั้งหมด”
“ผมว่ามันไม่สมจริงนะครับ”
ชาญวุฒิถอนหายใจ
“ก็ต้องยอม เพื่อความปลอดภัยของนักแสดง”
“ในบทที่พี่ให้ผมดู มีแค่มิ้นท์อยู่ในฉากคนเดียวนี่ครับ”
ปริตาแอบสังเกตเห็นว่าปริเทพอยากให้มีฉากนี้ จึงรีบช่วยพูดดักไว้
“จะกี่คนก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน”
ชาญวุฒิหันไปเห็นทีมงานถือถังน้ำมันสองใบผ่านมา ก็ตะโกนบอก
“ฝ่ายฉาก ขนน้ำมันไปเก็บไว้ในรถได้เลย ไม่ใช้แล้ว ขอบใจเทพมากนะที่มา เดี๋ยวพี่จัดการค่า
เสียเวลาให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจมาช่วย งั้นผมขออยู่ดูฉากสำคัญนะครับ น่าจะตื่นเต้น”
ปริตาแปลกใจที่ปริเทพดูตื่นเต้น แต่ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก ขณะที่ปริเทพแอบยิ้มอย่างมีแผนร้าย
ทีมงาน 2 คน กำลังขนน้ำมันออกมาวาง พลางยืนถกกัน
“น้ำมันจริงไม่ใช้ แล้วจะเอาอะไร?”
“น้ำสิวะ เอาแกลลอนว่างๆไปใส่น้ำ ให้นักแสดงใช้ราดแทนน้ำมัน”
“ไม่เร้าใจเลย ถ้าจุดเผาจริง คนดูอินกว่าเยอะ”
อีกคนรีบบอก “ไม่เผาก็ดีแล้ว เกิดอะไรขึ้นพวกเราซวยไปด้วย ไป เอาน้ำใส่แกลลอน”
จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันเอาแกลลอนเปล่าไปใส่น้ำ
ปริเทพเข้ามายืนมองแกลลอนน้ำมันที่วางอยู่ พลางยิ้มเหี้ยม
“ฉากนี้เป็นเหตุการณ์ที่รดาแย่งแฟนกลับมาได้ ทำให้เธอโกรธ พวกเธอจึงรวมหัวจับรดามาขังแล้วจะเผาไฟ”
ชาญวุฒิบอกเล่ารายละเอียดของฉากที่จะถ่ายทำ ปริตา รัญชิตา พริดา และดอกแก้ว ยืนฟังอย่างตั้งใจ ครั้งแรกชาญวุฒิจะให้ซักซ้อมบทก่อนการถ่ายทำจริง และสมภพติงว่าไม่มีเวลาแล้ว พ่ออู๊ดจึงลองหยั่งเสียงนักแสดงทุกคน ซึ่งทุกคนก็พร้อมถ่ายจริง ชาญวุฒิรีบตะโกนเรียกทีมงาน
“ ฝ่ายเสียงติดคลิปไมค์ได้เลย”
แต่พ่ออู๊ดห้ามไว้ “ไม่ต้อง ฉากนี้พ่อไม่ต้องการเสียงตัวละคร”
ปริตารีบแย้งขึ้นมาทันที “ตัวละครในฉากมีบทพูดนะคะ”
“ทุกคนพูดตามบทที่เขียนมา พ่ออนุญาตให้พูดเพิ่มตามอินเนอร์ตัวละครได้”
“ไม่เอาเสียงแล้วคนดูจะสนุกได้ไงคะ?” รัญชิตาย้อนถาม
“คนดูสนุกด้วยแอ๊คชั่นในภาพอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เสียง ตั้งกล้องไว้ห่าง พ่อขอภาพมุมกว้างไว้ฉากนี้เป็นฉากใหญ่ของเรื่อง รับ-ส่งอารมณ์ให้เต็มที่ พ่อขอเทคเดียว”.
นักแสดงทุกคนรับฟังเข้าใจแล้วเดินออกไป ชาญวุฒิรีบหันไปบอกปริตา
“อ้อมรอก่อนนะ จบฉากนี้แล้วต่อเนื่องเหตุการณ์ที่อ้อมเข้าไปช่วยรดา”
ปริตารับคำ พลางอ่านบทเตรียมตัวถ่ายในฉากต่อไป
ต้อยติ่งเตรียมถังดับเพลิงมาเตรียมพร้อม แต่ชาญวุฒิกลับสั่งให้ไปเก็บ เพราะจะไม่มีการจุดไฟอีกแล้ว ขณะที่ทีมงานก็ช่วยกันแบกแกลลอนใส่น้ำมันเดินออกไป ปริเทพแอบมองด้วยความพอใจ
ระหว่างที่รัญชิตายืนเตรียมพร้อมรอจะเข้าฉาก พริดากับดอกแก้วเดินเข้ามาหา
“ระวังตัวให้ดีนะ ฉันเอาเธอตายแน่”
รัญชิตายิ้มเยาะ “ยังไม่ได้ถ่าย ไม่ต้องสวมบทบาทนางร้ายในละครก็ได้”
“ก็ไม่รู้ ฉันอินมากฉันก็แยกไม่ออก ว่าร้ายในละครหรือร้ายจริง”
พริดามองจ้องอย่างเอาเรื่อง พลางคิดจะหาทางแกล้งรัญชิตาในฉาก
ปริตายืนมองดูการถ่ายทำอยู่ห่างๆ อีกมุมหนึ่ง จู่ๆ พ่ออู๊ด ก็เข้ามาบอก
“หนูอ้อม พ่อขอปรับคิว ถ้ารอจุดไฟแล้วเข้าไปช่วย มันไม่สมจริง ระหว่างที่รดาถูกลากเข้าไปในห้อง ยื้อยุดกัน หนูอ้อมเข้าไปช่วยเลย”
ชาญวุฒิฟังแล้วอดข้องใจไม่ได้ “อ้อมก็ติดอยู่ในกองไฟด้วยสิครับ”
“พ่ออยากให้คนดูรักและสงสารตัวนี้”
ชาญวุฒิพยักหน้าพอใจที่พ่ออู๊ดต้องการดันปริตาให้เด่นขึ้น
“ตอนลากมันเข้าไป เล่นมันให้หนักเลยนะ”
พริดาแอบกระซิบบอกกับดอกแก้ว เมื่ออยู่กันตามลำพังสองคน
“ถ้ามิ้นท์โกรธ มันจะวีนเอานะ”
“มันไม่กล้าหรอก เราก็อ้างว่าอิน นี่เป็นโอกาสดีได้เอาคืน”
ดอกแก้วยิ้มรับ พลางหันไปมองรัญชิตา
“มิ้นท์พร้อมถ่ายแล้วค่ะ”
จังหวะนั้นปริตาก็เดินเข้ามา รัญชิตาหันไปมองอย่างแปลกใจ
“ฉากนี้ไม่มีเธอ มาทำไม?”
ปริตายังไม่ทันจะตอบ ต้อยติ่งก็ชิงตอบแทน
“มีการปรับคิวนิดหน่อยค่ะ พ่ออู๊ดให้น้องอ้อมเข้ามาช่วยคุณมิ้นท์ในฉากนี้เลย พอพอลลี่ลากน้องมิ้นท์เข้าไปจับมัด น้องอ้อมเข้าไปช่วย ทะเลาะยื้อกันแล้วค่อยจุดไฟ”
ขณะนั้นทีมงานถือแกลลอนน้ำเพื่อเข้าไปวางไว้ในห้องด้านใน ต้อยติ่งรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน ขอเปิดดูให้แน่ใจก่อนว่าเป็นน้ำ ไม่ใช่น้ำมัน”
รัญชิตาโวยวายขึ้นมาทันที “พี่ติ่งอย่าเรื่องมากน่า มิ้นท์รอจนหน้ามันแล้ว”
“แต่ถ้ามันพลาดเป็นน้ำมันจริงๆ น้องมิ้นท์จะแย่นะคะ”
ต้อยติ่งรีบจะเดินไปเปิดฝาน้ำมัน แต่กลับถูกรัญชิตาดึงมือออก
“มันไม่มีอะไรแย่กว่าการเผชิญหน้ากับคนที่มิ้นท์เกลียดอีกแล้ว”
พ่ออู๊ดมองในภาพจอมอนิเตอร์ เห็นทีมงานวางถังน้ำมันไว้ แล้วเดินออกไป จากนั้นจึงสั่งเริ่มต้นถ่ายทำ
“ห้า สี่ สาม สอง แอ็คชั่น”
ตรัยเข้ามายืนดูการถ่ายทำในฉากนี้ด้วย
พริดากับดอกแก้วกำลังจับรัญชิตาลากเข้าไปในห้อง
“ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย”
“ไม่ต้องร้อง ไม่มีใครมาช่วยแกได้ ลากมันเข้าไป”
พริดาหันไปสั่งตามบท ดอกแก้วจงใจบีบแขนจนรัญชิตาเจ็บ
“ฉันเจ็บนะ”
ดอกแก้วยิ้มสะใจแล้วก็บีบแรงขึ้นอีก พลางรีบแล้วลากเข้าไปในฉาก พ่ออู๊ดยิ้มพอใจ พลางปล่อยให้นักแสดงเล่นกันต่อ โดยยังไม่สั่งคัท
พริดากับดอกแก้วช่วยกันจับรัญชิตามัดไว้
“ฉันจะฆ่าแก เผาแกให้ตายในห้องนี้”
ทันใดนั้นปริตาเข้ามาในฉากตามบทที่พ่ออู๊ดสั่งปรับใหม่
“พวกเธอหยุดนะ ปล่อยรดาไป”
“เธอยังคิดช่วยมันอีกเหรอ? มันแกล้งเธอสารพัด”
“ฉันให้อภัยรดา ปล่อยรดาไป”
ปริตาเข้าไปช่วยรัญชิตา แต่กลับถูกพริดากับดอกแก้วจับตัวมัดไว้อีกคน
“มันรู้ความลับของเรา ก็จัดการมันด้วยเลย”
ตรัยยืนมองที่ภาพในจอมอนิเตอร์ เห็นดอกแก้วมัดปริตาอย่างแน่นหนา พลางรีบหันมาบอกชาญวุฒิ
“ดอกแก้วมัดเชือกแน่นไปนะครับ พอถึงฉากเผาไฟ จะแก้เชือกหนีออกมาไม่ได้”
“ไม่มีการเผาไฟจริงครับ เราใช้น้ำแทนน้ำมัน”
ดอกแก้วมัดปริตาอย่างแน่นหนา จนเธอดิ้นไม่หลุด ส่วนพริดาก็เดินไปที่แกลลอนน้ำมัน พลางเปิดฝา แล้วราดน้ำมันทั่วๆ ห้อง
ปริเทพเดินมาที่หน้าจอมอนิเตอร์ แต่ยังไม่เห็นภาพของปริตา เพราะตัดไปรับภาพพริดากับดอกแก้วที่ราดน้ำมัน เขาลอบยิ้มด้วยความพอใจ เพราะแอบเปลี่ยนแกลลอนน้ำมันแทนที่แกลลอนน้ำเรียบร้อยแล้ว
พริดากับดอกแก้วที่อยู่ในฉาก ได้กลิ้นน้ำมันก็เริ่มเอะใจ แต่ก็ตัดสินแสดงต่อ ปริเทพเข้ามายืนมองด้วยความพอใจ รัญชิตากับปริตาเอง ก็เริ่มได้กลิ่นน้ำมันเช่นเดียวกัน ขณะที่พริดาหยิบไฟแช็คออกมาเตรียมจุดไฟ
“พอลลี่ ฉันได้กลิ่นน้ำมัน”
รัญชิตาหันมาบอก แต่พริดาไม่ฟังเสียง รีบจุดไฟแช็คที่เศษผ้า
“อย่าจุดไฟนะพอลลี่”
ปริตารีบบอกพริดา ปริเทพมองในจอ เห็นน้องสาวถูกจับมัดอยู่ในนั้น ก็ตกใจ
“อ้อม พี่ชาญ ฉากนี้ไม่มีอ้อมนี่ครับ”
“ปรับบทให้อ้อมเข้ามาเร็วขึ้น”
ปริเทพตกใจที่ปริตาอยู่ในฉากด้วย พริดาจุดไฟแล้วโยนผ้าลงที่ห้อง ไฟลุกพรึ่บทันที ปริตาและ
รัญชิตาตกใจ
ตรัยและปริเทพมองภาพในจอ เห็นไฟลุกก็ตกใจ ปริเทพรีบวิ่งออกไปทันทีเพื่อช่วยปริตา ชาญวุฒิตกใจร้องตะโกนลั่น
“ไฟไหม้ ทีมงานเข้าไปดับไฟ”
พ่ออู๊ดตกใจกับเหตุการณ์ทีเกิดขึ้น สมภพหันมาต่อว่าทันที
“เกิดอะไรขึ้นกับนักแสดงผม ละครผมเจ๊งแน่”
รัญชิตาเห็นไฟลุกก็ตกใจ รีบตะโกนบอกพริดา
“พอลลี่มาช่วยแก้มัดพวกเราเร็ว”
พริดาหันไปมองปริตา กับรัญชิตา แล้วก็รีบวิ่งออกไปจากห้อง ดอกแก้ว รีบวิ่งตามออกไป
ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ปริตาและรัญชิตาเริ่มสำลักควันไฟ ขณะที่ตรัย ปริเทพ ชาญวุฒิ ต้อยติ่งและทีมงาน พยายามหาทางช่วยกันดับไฟ
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ตรัยรีบวิ่งเอาผ้าไปชุบน้ำ เพื่อมาคลุมตัว จากนั้นก็รีบจะเข้าไปช่วยทั้งคู่ ขณะที่รัญชิตาแกะเชือกจนหลุด พลางรีบลุกขึ้น
“มิ้นท์ ช่วยฉันด้วย”
รัญชิตาหันไปเห็นปริตา เธอพยายามจะเข้าไปช่วย แต่เกิดสำลักควันไฟ จนเริ่มหน้ามืด จึงรีบวิ่งหนีเอาตัวรอด
ปริตหน้าซีดเผือด เริ่มตกใจกลัว และหมดหวัง
ปริเทพเอาผ้าชุบน้ำ จะวิ่งฝ่าเข้าไปช่วยข้างใน รัญชิตาพยายามจะหนีออกมา แต่สำลักควัน จนล้มลง เขาจึงรีบช่วยอุ้มเธอออกมา
ส่วนตรัยที่วิ่งมาที่หน้าห้อง ก็เจอกับปริเทพที่อุ้มรัญชิตาออกมาพอดี
“คุณตรัยคะ”
ตรัยรีบหันถามปริเทพ “อ้อมล่ะครับ ?”
“อ้อมยังติดอยู่ข้างใน”
แต่จู่ๆ สมภพก็วิ่งเข้ามา พลางรีบเข้าไปช่วยประคองรัญชิตา ปริเทพส่งให้สมภพดูแลรัญชิตา
รัญชิตามองตรัยที่จะเข้าไปข้างใน พลางเห็นถึงความพยายามของเขา ที่ยอมเสี่ยงตายจะเข้าไปช่วยปริตา
ปริตาติดอยู่ด้านใน พยายามแกะเชือกออกจนสำเร็จ แต่แล้วก็กลับสำลักควัน จนล้มทรุดลงไป ตรัยรีบปราดเข้าไปประคอง
“อ้อม อ้อม”
จากนั้นก็อุ้มพาปริตาหนีออกจากกองเพลิงออกมาได้สำเร็จ
รัญชิตาเห็นตรัยตคอยดูแลปริตา ก็แอบผิดหวัง และไม่พอใจ ที่รู้ดีว่าเขามีใจให้ปริตาอยู่
ครู่หนึ่งปริตาก็ฟื้นคืนสติ ทุกคนดีใจจนน้ำตาซึม
ปริเทพยืนที่หน้าหิ้งภาพของพ่อและแม่ พลางมองภาพ แล้วก็น้ำตาซึม ครู่หนึ่งลัดดาวัลย์ก็เดินเข้ามาหา
“เทพ น้องตื่นแล้ว น้องเรียกหาเทพ”
ปริเทพรับคำก่อนจะเดินออกไป ลัดดาวัลย์มองอย่างแปลกใจในท่าที
ปริตานอนพักอยู่บนเตียง ปริเทพเดินหน้าเศร้าเข้ามาหาในห้อง พลางจับมือน้องสาว แล้วร้องไห้
“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ”
“พี่ไม่ได้ทำอะไรผิด พี่จะขอโทษอ้อมทำไม ?”
“พี่เกือบฆ่าอ้อม”
ปริตาฟังอย่างแปลกใจ
“พี่ตั้งใจทำให้มินท์กลัว หรือโดนไฟไหม้ ไม่คิดว่ามีการปรับบทให้อ้อมอยู่ในฉากด้วย”
“พี่ไม่น่าทำอย่างนี้เลย ถ้าสืบสวนมาถึงตัวพี่ พี่ต้องติดคุก แล้วอ้อมจะอยู่กับใคร อ้อมไม่มีใครแล้วนะพี่เทพ”...
ปริเทพมองหน้าน้องสาวอย่างสำนึกผิด
“อ้อมยกโทษให้พี่นะ”
“อ้อมให้อภัยพี่ชายของอ้อมได้เสมอ”
พูดพลางจับมือให้กำลังใจพี่ชาย
“อ้อมต้องให้อภัยพี่ทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องของดาว”
“เกี่ยวอะไรกับดาวคะ?”
“ดาวให้พี่ขอโทษมิ้นท์ แต่พี่ปลูกฝังให้อ้อมเกลียดชังมิ้นท์ พี่ผิดไปแล้ว อ้อมอย่าโกรธอย่าเกลียดพี่นะ”
ปริตามองหน้าปริเทพแล้วน้ำตาซึม
“พี่เทพ อ้อมจะโกรธจะเกลียดพี่ได้ยังไง พี่เทพเป็นพี่ที่อ้อมรักมากที่สุด”
ปริเทพโผเข้ากอดปริตา พลางร้องไห้โฮ
“มิ้นท์ อ้อมปลอดภัย ไม่มีใครเป็นอะไร พี่เทพต้องสัญญากับอ้อม พี่จะไม่ทำร้ายใครอีก สัญญากับอ้อมสิจ๊ะ”
“พี่สัญญา พี่ยินดีจะชดใช้ความผิดทั้งหมด”
รัญชิตายิ่งคิดถึงเหตุการณ์ที่เห็นตรัยเอาแต่เป็นห่วงปริตาก็ยิ่งเสียใจ และแค้นใจ พอลงมาด้านล่าง พลศิษฎ์ก็ออกปากชวนให้ไปเยี่ยมปริตาด้วยกัน แต่ชาลินีกลับเข้ามาแย่งกระเช้าแล้วจับโยนทิ้ง
“ฉันเป็นแม่แก ฉันสั่งให้แกเลิกคบกับมัน ไม่งั้นไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่”
ชาลินียื่นคำขาด พลศิษฎ์พูดไม่ออก จากนั้นก็หันไปทางรัญชิตา
“แล้วนี่แกจะไปไหน ?”
”มิ้นท์จะไปหาคุณตรัยค่ะ”
“ไม่ต้องไป แกไม่สบาย เขาต่างหากที่ควรมาแก รึว่าเขาไม่ได้รักแก ?”
รัญชิตาสะอึก แต่รีบแก้ตัว
“เขารักมิ้นท์ค่ะคุณแม่ แต่คุณตรัยได้รับบาดเจ็บ เขาช่วยชีวิตมิ้นท์ มิ้นท์จะไปเยี่ยมเขา”
“ไม่ต้องไป ถ้าเขารักแก ไม่ว่าเขาจะเป็นจะตายเขาต้องมาหาแก นอกเสียนอกเขาไม่ได้รักแก”
“มิ้นท์จะพาคุณตรัยมาที่นี่ค่ะ มากราบขอโทษคุณแม่ แล้วสู่ขอมิ้นท์ค่ะ”
พูดจบรัญชิตาก็รีบเดินออกไปทันที
“ยัยมิ้นท์ กลับมา แกไปเอารถ ไปกับฉัน”
ประโยคหลัง ชาลินีหันมาสั่งพลศิษฎ์ ที่มองมารดาอย่างแปลกใจ
ตรัยเตรียมดอกกุหลาบสีขาวจะไปเยี่ยมปริตา แต่จู่ๆ เสาวลักษณ์ก็โผล่เข้ามาท้วง
“ตรัย คนที่แกควรแคร์คือหนูมิ้นท์”
“ผมคิดว่าถ้าคุณแม่ได้รู้จักคุณมิ้นท์ เห็นพฤติกรรมของคุณมิ้นท์เหมือนผม คุณแม่จะเข้าใจผม”
เสาวลักษณ์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“ฉันไม่เข้าใจกับสิ่งที่แกทำ แกยอมเสี่ยงตายไปช่วยผู้หญิงคนนั้นเพื่ออะไรกัน ?”
“เพราะผมรักอ้อมครับ”
รัญชิตาเดินมาได้ยินคำพูดของตรัยก็ถึงกับอึ้ง
“ที่ผ่านมา ผมอาจลังเล ไม่แน่ใจ แต่ผมตอบตัวเองได้แล้ว ผู้หญิงที่ผมจะฝากชีวิตไว้ด้วย คืออ้อม”
เสาวลักษณ์ไม่พอใจคำตอบของตรัย ครั้นพอหันไป ก็เจอรัญชิตาที่ยืนอยู่
“หนูมิ้นท์”
รัญชิตาผิดหวังและเสียใจ รีบเดินออกไปทันที
“หนูมิ้นท์ หนูมิ้นท์กลับมาก่อน หนูมิ้นท์ฟังป้าก่อน ลูกชายป้าไม่ได้คิดอย่างที่พูด เขาพูดประชดป้า”
รัญชิตาหันไปมองทางตรัยที่เดินตามออกมา
“มิ้นท์เชื่อคุณป้าค่ะ ถ้ามันเป็นอย่างที่คุณป้าพูด คุณตรัยพูดกับมิ้นท์สิคะ ว่าคุณรักมิ้นท์ไม่อย่างนั้น คุณป้าคงต้องไปแก้ตัวกับคุณแม่ของมิ้นท์ค่ะ”
รัญชิตายกเรื่องธุรกิจมาขู่
“ตรัย ลูกบอกหนูมิ้นท์สิ”.
“ผมไม่ได้รักคุณ”
รัญชิตาผิดหวังและเสียใจมากที่โดนตรัยปฎิเสธ ขณะนั้นชาลินีกับพลศิษฎ์ก็เข้ามาพอดี
“คุณหญิงคะนี่มันหมายความว่ายังไง ? กี่ครั้งแล้วที่ลูกชายคุณหญิงทำร้ายจิตใจลูกฉัน ดิฉันต้องการความรับผิดชอบค่ะ”
เสาวลักษณ์หน้าเครียด พลางรีบตัดสินใจ
“ค่ะ ดิฉันพร้อมให้ตรัยรับผิดชอบหนูมิ้นท์ ดิฉันจะเชิญนักข่าวมาทำข่าวแล้วประกาศแต่งงานกันค่ะ หนูมิ้นท์ จะได้เลิกกังวลใจว่าลูกตรัยสักที”
รัญชิตายิ้มพอใจ ขณะที่ตรัยรีบปฏิเสธ
“ผมแต่งงานกับคุณมิ้นท์ไม่ได้ ผมรักอ้อม คุณก็รู้ดีว่าผมรักอ้อม”
รัญชิตาโวยวายใส่หน้าตรัย “หยุดได้แล้ว ฉันไม่อยากฟัง”
“ถึงเวลาที่คุณควรรับฟังความจริงได้แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะแต่งงานกับอ้อม”
“อ้อมก็โกรธเกลียดคุณ อ้อมไม่มีวันแต่งงานกับคุณ”
“ถึงอ้อมไม่รักผม ผมไม่มีใคร ผมก็ไม่ได้รักคุณ”
รัญชิตาตบหน้าตรัยด้วยความไพอใจ ก่อนจะหุนหันออกไปจากบ้านไป ชาลินีกับพลศิษฎ์รีบตามออกไป เสาวลักษณ์โกรธ หันมาตบหน้าตรัยอย่างแรง
“ผมขอโทษครับ”
“ขอโทษแล้วมันช่วยธุรกิจฉันได้ไหม? แกทำทุกอย่างพัง แกมันเห็นแก่ตัว”
“ผมพยายามดีที่สุดแล้วครับ แต่ผมฝืนใจตัวเองให้อยู่กับคนที่ผมไม่รักไม่ได้”
เสาวลักษณ์ร้องไห้เสียใจ หมดหวังกับธุรกิจ จนทรุดลงไปกองกับพื้น
ชาญวุฒิกับต้อยติ่งมาเยี่ยมปริตาที่บ้าน พลางยิ้มอย่างดีใจ และหมดห่วงที่ปริตาออกปากจะไม่เอาเรื่อง จู่ๆ ต้อยติ่งก็ยื่นช่อดอกกุหลาบมาให้ปริตา
“มีคนฝากส่งมาเยี่ยมน้องอ้อม”
ปริตารับช่อดอกกุหลาบสีขาวมา พลางมองอย่างแปลกใจ
“ใครส่งมาคะ?”
ต้อยติ่งทำท่านึก “คนส่งก็ไม่บอก ไม่มีป้ายติดด้วย ติ่งรู้ล่ะ คุณมาร์ทแน่ๆ”
“ไม่น่าใช่ พี่มาร์ทไม่เคยฝากใครส่งของให้อ้อม นอกจากมาส่งด้วยตัวเอง”
ปริตาหวนนึกถึงตรัย พลางแอบยิ้มอย่างดีใจ
“คุณหมอตรวจเสร็จรึยังครับ?”
พอยายน้อยเดินออกจากห้องนอนของเสาวลักษณ์ ตรัยรีบหันไปถามทันที
“เสร็จแล้วค่ะ กำลังเตรียมยาไว้ให้”
“คุณหมอว่าไงบ้างครับ ?”
“อาการปลอกประสาทอักเสบ กำเริบค่ะ”
ตรัยหน้าเครียด ด้วยความเป็นห่วงมารดา
ขณะที่พริดานั่งดื่มอย่างมีความสุขอยู่ในผับกับดอกแก้ว จู่ๆ รัญชิตาก็พุ่งเข้ามาตบตีไม่ยั้ง
“หยุดนะไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจมาจับเธอข้อหาทำร้ายร่างกาย”
รัญชิตาสวนกลับทันควัน “ฉันก็จะแจ้งจับข้อหาจงใจฆ่าฉัน”
“เอาสิ เธอต้องโดนข้อหาหมิ่นประมาทอีกคดีนึง ฉันไม่ได้ทำ”
“ตอนเธอเอาน้ำราด เธอต้องได้กลิ่นน้ำมัน ?”
พริดารีบแก้ตัว “ฉันคิดว่าทีมงานใส่กลิ่น ทำให้มันเหมือนจริง”
“นี่เธอแยกไม่ออกหรือว่าเป็นน้ำหรือน้ำมัน? เหมือนกับที่แยกไม่ออกว่าอะไรชั่วอะไรดี?”
จากนั้นรัญชิตาก็ประกาศกร้าวว่าจะเขี่ยพวกพริดาออกจากละคร พริดากับดอกแก้วไม่พอใจ แต่พอเห็นมีคนถ่ายคลิป ก็เล่นบทน่าสงสาร
“อย่านะมิ้นท์ พวกเราอยากเล่นละคร”
รัญชิตาไม่สนใจ สะบัดหน้าเดินออกไปทันที พริดากับดอกแก้วเห็นว่ารัญชิตาออกไป ก็ค่อยๆลุกขึ้น
“ขอบคุณค่ะ น้องคะ พี่กับเพื่อนผิดใจกันนิดหน่อย พี่ไม่อยากให้คลิปหลุดไปมันจะเสียเพื่อน....
ส่งให้พี่แล้วลบทิ้งนะคะ”
พริดาเปิดคลิปในมือถือ เห็นภาพตอนที่รัญชิตาทำร้าเธอกับดอกแก้วอย่างชัดเจน
“พอลลี่ เธอจะทำอะไรอะ?”
พริดายิ้มอย่างสะใจ
“ก็ทำให้มันเจ็บ เจ็บทั้งครอบครัว”
“เล่นถึงครอบครัว คุณอาพิชัยจะโกรธเธอนะ?”
“ฉันก็อยากรู้ระหว่าง ลูก เมีย ฉัน เขาจะเลือกใคร?”
พริดายิ้มร้าย
พิชัยกำลังจะออกไปทำงาน พลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พริดาที่อยู่ปลายสายยืนรออย่างร้อนใจ แต่พิชัยกลับตัดสายทิ้ง ชาลินีเข้ามาแย่งโทรศัพท์ไปดูชื่อ หน้าจอเมมว่า ”เพื่อน 1”
“ฉลาดนะคะ เมมชื่อว่าเพื่อน 1 ในมือถือคุณคงมีเพื่อนสองสามสี่ห้าหก ฉันอยากรู้นักว่าไอ้เพื่อนหนึ่งนี่ชื่อจริงว่าอะไร?”
“เสียมารยาทนะคุณ เพื่อนร่วมธุรกิจกันทั้งนั้น”
ชาลินีมองหน้าสามีอย่างจับผิด
“อย่าให้ฉันจับได้นะ ฉันหมดความอดทนแล้วที่ปล่อยให้คุณออกไปหากินนอกบ้าน”
ครู่หนึ่งรัญชิตาเดินลงมา พลางบอกว่าจะออกไปถ่ายละคร ชาลินีโวยวายขึ้นมาทันที
“แกยังกล้าไปเสนอหน้าที่กองถ่ายอีกเหรอ รู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรลงไป”
พูดพางเข้าไปหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาโยนใส่หน้า รัญชิตาพลิกดู ก็เห็นข่าวตอนที่ตัวเองกำลังทำร้ายพริดากับดอกแก้ว
“นักแสดงดาวรุ่ง อินละครนอกจอตบตีเพื่อนร่วมค่าย”
รัญชิตาตกใจ “ยัยพอลลี่ ดอกแก้ว”
พิชัยเอาภาพข่าวไปดู เห็นรูปพริดาโดนทำร้าย ก็กังวลใจ
“ภาพนางเอกของแกกำลังกลายเป็นนางร้าย ก่อนทำคิดบ้างไหม ?”
“ก็พวกมันยั่วโมโหมิ้นท์ ยัยพอลลี่ตัวดี มันตั้งใจจะราดน้ำมันเผามิ้นท์”
พิชัยไม่พอใจ เมื่อรู้ว่าพริดามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไฟไหม้ในกองถ่าย ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของพิชัยก็ดังอีกครั้ง พอเห็นชื่อเพื่อน 1 ก็จะกดปิด”
“ใครโทรมา? เพื่อน1 หรือเพื่อน 2 ?”
ยังไม่ทันที่พิชัยจะตอบ พริดาก็เดินหน้าเชิดเข้ามา รัญชิตาและชาลินีหันไปเห็นก็แปลกใจ
“เธอมาทำไม?”
พริดายิ้มเชิด “โทรหาสามีแต่สามีไม่รับสาย ก็ต้องมาคุยให้ถึงที่”
“ใครเป็นสามีของเธอ?” ชาลินีโวยวายกลับไป
“คุณอาคิดถึงพอลลี่ไหมคะ? พอลลี่คิดถึงคุณอานะคะ”
ชาลินีปราดไปเล่นงานพิชัยทันที
“คุณพิชัย มันพูดออกมาหมายความว่าไง?”
พริดาหันไปมองเย้ยชาลินี
“คุณอาเข้าใจอะไรยากจริงนะคะ พอลลี่ก็เป็นเมียอีกคนของสามีคุณอา แล้วก็เป็นว่าที่แม่ของเธอ”
รัญชิตาโกรธจนมือไม้สั่น “ออกไป ออกไปจากบ้านฉัน”
พิชัยรีบลากพริดาให้ออกไป
“เธอหยุดใส่ร้ายฉันได้แล้ว ออกไป”
“งั้นพอลลี่ก็ขอเคลียร์ให้ชัดเจนไปเลย พอลลี่เป็นเมียของคุณพิชัย คุณพิชัยสัญญาจะซื้อคอนโดให้พอลลี่ มันติดตรงที่คุณอาไม่โอนให้สักที พอลลี่ก็มาทวงสิทธิ์ที่พอลลี่พึงได้ค่ะ”
“คอนโดอะไร?” ชาลินีย้อนถาม
“คอนโดที่คุณอาเป็นคนร่วมสร้างไงคะ ดีนะคะ เมียสร้างคอนโดให้ผัวเอาไว้มั่วเมียน้อย คุณอาเป็นเมียหลวงที่ใจกว้างมาก คอนโดมีสามร้อยกว่าห้อง คุณอาก็คงมีเมียร่วมก๊วนอีกสามร้อยกว่าคน”
ชาลินีเหลืออด ปราดเข้าไปตบตีพริดา
“คุณพ่อพูดมาสิคะ ว่ามันไม่จริง มันกำลังสร้างเรื่องทำร้ายคุณแม่”
“เธอโกรธเกลียดลูกสาวฉัน ทำไมต้องเอาฉันกับภรรยาไปเกี่ยวกับเรื่องนี้”
พริดายิ้มอย่างเป็นต่อ “คุณอาไม่เกี่ยว แล้วผู้ชายในรูปนี้เป็นใครกัน”
พูดจบก็หยิบรูปถ่ายปาใส่หน้าพิชัย ชาลินีและรัญชิตารีบก้มเก็บภาพขึ้นมาดู
“พอลลี่ปริ้นต์มาจากมือถือ เอาไปให้ใครดูก็รู้ว่ามันไม่ได้เมค”
พิชัยมองภาพที่กอดจูบอยู่กับพริดาก็หน้าซีด ตกใจ
“พอลลี่ไม่โง่ให้กินฟรีหรอกค่ะ ถ้าคิดว่าภาพนี้ไม่จริง พอลลี่ระบุให้ก็ได้ค่ะว่าสามีของคุณมีไฟมีปานตรงไหน? มีรสนิยมทางเพศเป็นยังไง คุณคงจะตอบคำถามได้ดีเพราะเราใช้ผู้ชายร่วมกัน”
“ออกไป”
ชาลินีกรีดร้องจนเป็นลมฟุบไป พลศิษฎ์เดินเข้ามา เห็นชาลินีล้มลง ก็รีบมาดูแล ขณะที่รัญชิตาตรงเข้าไปกระชากตัวพริดาออกมา
“ออกไปจากบ้านฉัน ออกไป”
“อย่าทำอย่างนี้กับแม่คนใหม่ของเธอ”
พิชัยรีบลากพริดาออกไป
“อย่ามายุ่งกับคนของฉัน”
พูดพลางเงื้อมือจะตบ อีกฝ่ายกลับยื่นหน้าท้าทาย
“ตบฉัน ฉันก็จะแจ้งความเอาเรื่องคุณ”
“เธอต้องการอะไร? ถ้าจะเอาคอนโด ฉันให้ไม่ได้”
พริดายิ้มเหยียด
“พอลลี่รู้ค่ะว่าคำตอบจะออกมาเป็นยังไง แค่มาสั่งสอนค่ ของฟรีไม่มีในโลก”
“จบเรื่องก็ไปได้แล้ว ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
พริดาจ้องหน้าพิชัยอย่างเอาเรื่อง
“คุณจะไม่เห็นหน้าพอลลี่อีก ถ้าคุณโอนเงินเข้าบัญชีพอลลี่สามล้าน”
“ฉันไม่ให้”
“คุณจะแลกกับชื่อเสียงทางธุรกิจร้อยล้านพันล้านก็แล้วแต่คุณ แล้วมันก็กระทบกับชื่อเสียงลูกสาวคุณ ข่าวและคลิปที่ลูกคุณตบฉันมันว่อนเน็ต ฉันให้ข่าวว่าเข้าใจผิด แต่ถ้าฉันให้ข่าวเป็นอย่างอื่น ลองคิดสิคะว่าจะเกิดอะไรขึ้น? ละครโดนดอง ลูกสาวไม่ได้เกิด ฉันเปลี่ยนใจแล้ว โอนมาห้าล้านบาท แลกกับความย่อยยับของครอบครัวคุณ”
พูดจบพริดาก็เดินเชิดออกไปอย่างผู้ชนะ ตรงข้ามกับพิชัย ที่รู้สึกแย่ที่ตัวเองกลายเป็นเหยื่อ
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ปริตากำลังจะใส่บาตรพระ จู่ๆ ตรัยก็เดินเข้ามาขอร่วมใส่บาตรด้วย
“ขอบใจเธอมาก ที่ให้ฉันร่วมทำบุญด้วย”
ปริตายิ้มอย่างจริงใจ
“ขอบคุณคุณมากนะคะ ที่ช่วยฉันในวันนั้น ไม่ได้คุณเข้าไปช่วย ฉันอาจไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้”
“ฉันยินดีช่วยเธอเสมอ”
“คุณมาเจอฉัน มาที่นี่ มันคงไม่ดีกับความรู้สึกมิ้นท์และแม่ของคุณ”
ตรัยยิ้มเศร้าๆ “ฉันขอทำตามความต้องการของตัวเองบ้าง เพราะชีวิตเป็นของฉันแต่ชีวิตใหม่ที่ฉันเลือก อาจทำให้เราไม่ได้เจอกัน”
“คุณหมายความว่าอะไรคะ? ฉันจะถามคุณอยู่เชียว ทำไมวันนี้ถึงได้ใส่สูทผูกไท?”
ตรัยไม่ตอบ แต่กลับมองนาฬิกา
“สายแล้วฉันต้องไปแล้วล่ะ มีโอกาสเราคงได้เจอกันอีก”
พูดจบตรัยเดินออกไป ปริตามองตามอย่างแปลกใจ
เมื่อตรัยจะต้องเข้าไปช่วยงานที่บริษัทของเสาวลักษณ์ เขาจึงมอบหมายหน้าที่ในการดูแลบริษัทโฆษณาให้ศิโรจน์ช่วยดูแลแทน ซึ่งฝ่ายหลังก็น้อมรับด้วยความยินดี
ขณะที่รัญชิตา ก็โดนชาลินีอาละวาดใส่ ทั้งเรื่องของพริดา และเรื่องที่เธอโดนตรัยปฏิเสธงานแต่งงาน
“คุณแม่อย่ามาพาลใส่มิ้นท์สิคะ”
“ก็แกทำให้ฉันขายหน้า รวมทั้งเรื่องคุณตรัยเลิกคบแก ใครถามถึงเรื่องนี้แล้วฉันจะตอบยังไง ฉันจะสู้หน้าใครได้”
รัญชิตาโวยวายกลับไปบ้าง “คุณแม่ก็ห่วงแต่หน้าตาชื่อเสียงตัวเอง เคยห่วงมิ้นท์บ้างไหมคะ?”
“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉัน ไม่มีใครสอนเรื่องมารยาทรึไง?”
“ค่ะ ไม่มีคนสอน คุณแม่มัวเอาแต่ออกงานสังคมแล้วก็ไล่จับคุณพ่อ ไม่เคยมีเวลาอยู่กับมิ้นท์แล้วจะมาเรียกร้องอะไรจากมิ้นท์คะ?”
ชาลินีตบหน้ารัญชิตาอย่างแรงด้วยความโกรธจัด
“แกพูดอย่างนี้ได้ไง ฉันเป็นแม่แกนะ”
“มันถูกแล้วเหรอคะ อะไรไม่ดีก็มาลงที่ลูก? แล้วทำไมคุณแม่ไม่โทษตัวเอง ลูกเลวลูกชั่วก็เกิดจากแม่ไม่ดี”
รัญชิตาพูดย้อน
“แกจะมาโทษฉันคนเดียวไม่ได้ ถ้าพ่อแกไม่สำส่อน ฉันคงไม่ต้องออกไปวิ่งวุ่นอยู่นอกบ้าน พ่อแกมันตัวปัญหา”
พิชัยเดินเข้ามาได้ยินพอดี ก็ยิ่งไม่พอใจ
“คุณพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก ผมต้องออกไปนอกบ้านทุกวันก็เพราะคุณเอาแต่บ่นตามจับผิดใครจะทนได้”
จากนั้นทั้งคู่ก็ทะเลาะโต้เถียงกัน โดยไม่มีใครยอมรับว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด จนรัญชิตาทนไม่ไหว
“พอเถอะค่ะ มิ้นท์เบื่อ เบื่อที่จะฟังอีกแล้ว ไม่รักกันก็หย่ากันไป อย่ามาสร้างปัญหาให้ลูกเลย ที่มิ้นท์เป็นแบบนี้ก็เพราะคุณพ่อคุณแม่”
ทั้งพิชัยและชาลินีอึ้งที่รัญชิตาโวยวายต่อว่า ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะปราดเข้าไปตบหน้ารัญชิตาเต็มแรง
“อย่ามาโทษเป็นความผิดของฉัน กี่ครั้งแล้วที่ฉันต้องคอยตามแก้ปัญหาให้เธอ แล้วสิ่งดีๆ ที่เคยพูดเคยสอน ทำไมไม่จำ? เอาแต่วิ่งไล่จับผู้ชาย”
รัญชิตาตอกกลับทันที
“มันคงเป็นกรรมพันธุ์มั้งคะ มิ้นท์โตมาก็เห็นคุณพ่อไล่จับคนใช้ ออกไปหิ้วโคโยตี้ แล้วมิ้นท์จะจับผู้ชายดีๆสักคนมันผิดตรงไหนคะ ?”
พิชัยจะเข้าไปตบตีรัญชิตาซ้ำ พลศิษฎ์รีบเข้ามาห้ามไว้ แต่กลับถูกพิชัยโยนความผิดให้
“แกนั่นแหล่ะที่ต้องหยุด ให้ท้ายน้อง น้องเสียคนก็เพราะแก”
“แล้วคุณพ่อคุณแม่เคยถามผมสักคำไหมครับ? ว่าทำไมผมต้องทำอย่างนั้น ที่ผ่านมาทุกคนเอาแต่สนใจเรื่องตัวเอง ผมต้องทำหน้าที่แทนคุณพ่อคุณแม่ อยู่เป็นเพื่อนน้อง ปลอบน้อง ให้กำลังใจน้อง
ทำให้น้องรู้ว่าบ้านหลังนี้ยังมีคนในครอบครัวอยู่ บางทีมันน่าเจ็บปวดนะครับ บ้านหลังใหญ่ ที่ใครๆ ก็อิจฉา
แต่ผมกลับหาใครไม่เจอ มันกลายเป็นบ้านที่เหงาที่สุด วันนี้ขอให้ผมได้พูดเถอะครับ ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเราจะมีโอกาสได้อยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้รึเปล่า?”
รัญชิตา ชาลินี และพิชัย ยิ่งฟังก็ยิ่งสะเทือนใจ
“ผมต้องทนทำในสิ่งที่ผมไม่ได้รัก แล้วเมื่อไหร่ครับ เมื่อไหร่ที่ผมจะได้ทำตามความต้องการของตัวเอง?”
“แกกำลังจะบอกให้ฉันยอมรับยัยอ้อมเป็นสะใภ้ ไม่มีทาง รอให้ฉันตายไปก่อน”
ชาลีนีรีบพูดดักทาง พิชัยพยักหน้าเห็นด้วย
“แกจะแต่งงานกับใครก็ได้ แต่ไม่ใช่คนที่น้องเกลียด”
“คุณพ่อไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอครับ? คุณพ่อยังร่วมเตียงกับคนที่น้องเกลียดได้ แล้วทำไมผมถึงทำไม่ได้ครับ ?”
พิชัยฟาดฝ่ามือใส่หน้าพลศิษฎ์อย่างแรง ก่อนจะเดินออกไป ชาลินีรีบตามไปทันที พลศิษฎ์ยืนน้ำตาซึม
“เป็นคนดีมันเหนื่อยนะ หรือบางทีถ้าพี่เป็นคนเลว ที่ไม่แคร์ใคร พี่อาจมีความสุขมากกว่านี้”
“พี่มาร์ทคะ มิ้นท์รักพี่นะ”
รัญชิตาหันมาบอกพลศิษฎ์ แต่สุดท้ายก็วกกลับมาเรื่องเดิม
“พี่ต้องเลิกยุ่งกับอ้อม ไม่งั้นไม่ต้องเรียกมิ้นท์ว่าน้อง”
“พี่อยากอยู่คนเดียว ไม่ต้องรับภาระใครอีกแล้ว”
พลศิษฎ์หมดความอดทนกับรัญชิตา รีบเดินกลับเข้าไปที่ห้อง ขณะที่ทางกองถ่ายส่งข้อความไลน์มาเตือนรัญชิตา ว่าทุกคนรออยู่
เมื่อรัญชิตาตัดสินใจไปกองถ่าย ก็เผชิญหน้ากับปริตาที่มาถึงกองถ่ายก่อนแล้ว
“อย่าคิดว่าเธอชนะฉัน ถึงเขาไม่รับรักฉัน ไม่ได้หมายความว่าฉันแพ้เธอ”
“ เธอพูดอะไร ?” ปริตาย้อนถามอย่างนึกแปลกใจ
“นิสัยแอ๊บแบ๊วแบบนี้ใช่ไหม ถึงมัดใจคุณตรัยอยู่ เธอใช้มารยาเข้าหาคุณตรัย คุณตรัยถึง
ปฎิเสธฉัน แต่มันไม่จบง่ายๆ หรอก”
“เขาจะทำอะไร พูดอะไรก็เป็นเรื่องของเขา ฉันไม่รู้ มันเป็นเรื่องของเธอกับเขา แต่ฉันอยากพูดกับเธอ เรื่องระหว่างเรา มิ้นท์ ทำไมเธอถึงทิ้งฉัน? ทำไมเธอไม่ช่วยฉัน?”
ปริตาหมายถึงตอนที่ไฟไหม้ และรัญชิตาชิงหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว
“ก็เพราะฉันเกลียดเธอ”
“ความผูกพันที่ดีระหว่างเรา มันไม่อยู่ในจิตใต้สำนึกเธอบ้างเหรอ? ต่อให้เราโกรธเกลียดกันแต่อย่างน้อย สัญชาติญาติของความเป็นเพื่อนมนุษย์มันก็ควรมีอยู่บ้าง”
รัญชิตาไม่พอใจที่ถูกต่อว่า แต่พยายามข่มอารมณ์
“อ้อม ถ้าฉันย้อนเวลาไปได้ ฉันจะไม่หนีเอาตัวรอดอย่างนั้น แต่ฉันจะผลักเธอให้เข้ากองไฟ ไม่ให้เธอมายืนด่าฉันอย่างนี้”
ปริตามองหน้ารัญชิตาด้วยความผิดหวัง ที่เธอไม่สำนึกผิด
“ฉันบอกไว้เลยนะ ถ้ามีเหตุการณ์อย่างนั้นอีก ฉันจะไม่ลังเลที่จะฆ่าเธอให้ตายซะ”
ปริตายิ่งฟังก็ยิ่งตกใจ
“มิ้นท์ เธอจะฆ่าฉันจริงๆ เหรอ?”
ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ เสียงของพริดาก็ดังแทรกขึ้นมา
“คุณสมภพทำอย่างนี้กับพอลลี่ไม่ได้”
รัญชิตาและปริตา รีบวิ่งออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“พอลลี่ต้องการคำตอบค่ะ”
“เธอมีอะไรก็ว่ามา?” สมภพพูดพลางส่ายหน้าอย่างระอาใจ
“ บทสามตอนสุดท้าย มีพอลลี่ไม่ถึงสิบฉาก ทำอย่างนี้หมายความว่าไงคะ?”
“แล้วเธอทำอะไรไว้ล่ะ?” สมภพย้อนถาม พลางนึกถึงคำพูดของพิชัย
“เด็กเก่าของคุณล้ำเส้นผม คุณช่วยสั่งสอนให้ผมด้วย”พอพริดารู้ว่าเป็นคำสั่งของพิชัยก็ตกใจ
“ฉันเมตตาเธอมากแล้วนะที่ยังมีบทให้เล่น อย่าเรื่องมากกับฉัน”
รัญชิตาตรงเข้ามาหาสมภพ พลางมองเย้ยพริดา
“คุณสมภพคะ มิ้นท์อยากให้ตัวละครตัวนี้ ตายในตอนนี้เลยค่ะ”
สมภพรีบบอก “ผมขอล่ะครับ ให้ตายตอนนี้ไม่ได้ คนดูจะงง”
พริดายิ้มพอใจที่อย่างน้อยสมภพช่วยเธอไว้
“ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องตาย ให้โผล่มาแค่ฉากจบฉากเดียว”
พูดพลางปราดเข้าไปตบพริดาอย่างแรง
“แล้วขอตบแบบนี้ ตบตีจนตัวละครตัวนี้สลบ ถือเป็นฉากปิดจบตัวละครนี้ค่ะ ขอโทษนะพอลลี่ ฉันแค่ซ้อมฉากสุดท้ายของเธอ”
พริดาหันมาโวยวายใส่สมภพ
“คุณสมภพ คุณยืนดูมันตบพอลลี่ได้ยังไง พวกคุณรวมหัวแกล้งพอลลี่ พอลลี่ไม่เล่นแล้ว ขาดตัวละครสำคัญอย่างพอลลี่ ละครจบไม่สมบูรณ์ ทางช่องไม่ให้งานต่อ”
พูดจบพริดาก็สะบัดหน้าเดินออกไป ดอกแก้วรีบฉวยโอกาสพุดอ้อนสมภพ
“ดอกแก้วโผล่มาตอนจบฉากเดียวได้ค่ะ”
“เธอสองคนเป็นตัวละครคู่กัน ฉันจะเขียนให้ตายไปด้วยกัน ไปได้แล้ว”
ดอกแก้วโกรธที่โดนตัดบททิ้ง รีบเดินออกไป รัญชิตายิ้มสะใจ
“คุณคงพอใจแล้วนะครับ ผมทำในสิ่งที่คุณต้องการแล้ว”
“ฉันจะพอใจกว่านี้ ถ้าคุณทำมากกว่านี้ พ่ออู๊ดอยู่ไหนคะ?”
“เชิญครับ”
สมภพรีบเดินนำรัญชิตาไป
ดอกแก้วรีบวิ่งตามพริดาออกมา พลางพูดอ้อนวอนให้เธอเข้าไปขอโทษสมภพกับรัญชิตา แต่
พริดาไม่ยอม
“แต่เธอทำให้ฉันซวยไปด้วย เขาตัดบทฉันก็เพราะเธอ ทุกครั้งที่เธอแผลงฤทธิ์ ฉันก็ต้องติดร่างแหไปด้วย เธอทำให้เส้นทางบันเทิงของฉันพังหมดแล้ว”
“อ๋อ เป็นความผิดของฉันคนเดียว เธอไม่เกี่ยว?”
พูดพลางจิกหัวดอกแก้วด้วยความโกรธ
“แล้วทีเธอแย่งคุณสมภพล่ะ? ทำไมไม่คิด รู้ไว้ซะด้วย ฉันไม่ได้ถ่ายละครเรื่องนี้ก็ไม่มีวันอดตาย ฉันจะได้เงินก้อนจากคุณพิชัย คิดจะรวยทางลัดก็อย่าเอาแต่ศัลยกรรมใบหน้า ให้หมอผ่าเอาขี้เลื่อยในสมองออกซะด้วย”
จบประโยค พริดาก็เดินเชิดหน้าออกไป ดอกแก้วเจ็บใจที่โดนเย้ย
“แกมันเห็นแก่ตัว เอาตัวรอด แกต้องได้เจอกับฉันอีกแน่”
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ขณะที่พิ่ออู๊ดกำลังคุยอยู่กับปริตา ชาญวุฒิ และต้อยติ่ง สมภพก็พารัญชิตาเข้ามา เมื่อมาถึง เธอก็ออกคำสั่งทันที
“มิ้นท์อยากให้ตัดบทของอ้อมออกค่ะ”
ปริตามองหน้ารัญชิตาอย่างแปลกใจ
“ตัดออกในฉากไหน?”
“ทุกฉากทุกตอนค่ะ”
สมภพรีบหันกลับมาถาม “คุณมิ้นท์หมายถึงไม่มีอ้อมจนถึงตอนจบด้วย?”
“คุณสมภพคงไม่มีปัญหานะคะ?”
รัญชิตามองสมภพเชิงขู่ ฝ่ายหลังรีบโยนให้พ่ออู๊ดตัดสินใจแทน
“พ่ออู๊ดคิดเห็นยังไงครับ ?”
“ตัวละครที่หนูอ้อมเล่น ต้องอยู่คู่กับบทที่หนูมิ้นท์เล่น ตัดออกไม่ได้หรอกครับ”
ปริตาแอบยิ้มพอใจ ที่พ่ออู๊ดคอยปกป้อง
“มิ้นท์ไม่อยากร่วมงานกับอ้อมค่ะ”
ปริตาไม่อยากทำให้ทุกคนไม่สบายใจ จึงตัดสินใจพูดออกมา
“พ่ออู๊ดคะ ตัดบทของอ้อมออกเถอะค่ะ”
ชาญวุฒิกับต้อยติ่ง รีบเดินเข้าไปกระซิบกับปริตา
“ถ้าตัดบทออก น้องอ้อมก็ได้เงินค่าตอนไม่ครบ”
“เงินไม่พอซื้อบ้านนะ”
ปริตาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง กอ่นจะหันกลับไปบอกสมภพ
“คุณสมภพคะ อ้อมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าคืนให้นะคะ”
รัญชิตายิ้มสะใจ แต่พ่ออู๊ดกลับท้วงขึ้นมา
“หนูอ้อมไม่ต้องเปลี่ยน พ่อตัดบทออกไม่ได้”
รัญชิตามองพ่ออู๊ดอย่างไม่พอใจ
“ผู้กำกับก็รู้ว่าคุณแม่มิ้นท์เป็นสปอนเซอร์หลักของละครเรื่องนี้”
“พ่อทราบดีลูก แต่พ่อก็ไม่เห็นด้วยกับการทำลายกันด้วยวิธีนี้ อย่าเอางานศิลปะมาเป็นเครื่องมือทำร้ายกัน ถ้าหนูมิ้นท์ไม่เห็นด้วยกับความคิดของพ่อ ก็สั่งให้คุณสมภพเปลี่ยนผู้กำกับเถอะ พ่อรักทุกตัวละครที่พ่อปั้น จะให้พ่อสร้างด้วยมือลบด้วยเท้าพ่อ พ่อทำไม่ได้จริงๆ”
สมภพถอนหายใจ ก่อนจะพยายามอธิบาย
“เราต้องปิดกล้องภายในเดือนนี้ ถ้าพักกองหาผู้กำกับใหม่ ก็จะกระทบกับค่าใช้จ่ายคุณชาลินี ผลงานของคุณมิ้นท์ก็ต้องเลื่อนออนแอร์ไปอีกปีนะครับ”
รัญชิตาไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือก
“ก็รีบถ่ายสิคะ จะได้ปิดกล้องไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีก”
พูดจบรัญชิตาก็เดินสะบัดหน้าออกไป ปริตารีบยกมือไหว้ขอบคุณพ่ออู๊ด
“พ่อคะ อ้อมขอบคุณพ่อมากค่ะ”
“มันเป็นหน้าที่ที่พ่อต้องทำ พ่อต้องปกป้องนักแสดงที่ดี”
ปริตามองพ่ออู๊ดอย่างซาบซึ้ง
ปริตานั่งหน้าเครียด มองตัวเลขในสมุดบัญชี เพราะยอดเงินไม่พอที่จะจ่ายค่าบ้านให้ตรัย ครู่หนึ่งปริเทพก็เดินเข้ามา พร้อมกับยื่นซองเงินให้
“พี่ขอเบิกล่วงหน้า ได้มาเท่านี้”
ปริตาถอนหายใจ “เงินเก่าที่เก็บไว้รวมกับก้อนนี้ ยังไม่พอจ่ายเลยค่ะ จะถึงกำหนดแล้ว”
“พี่จะไปคุยกับคุณตรัย ไปขอให้เขายืดเวลาให้เรา”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่เทพไปเขาอาจเล่นแง่ อ้อมจัดการเรื่องนี้เองค่ะ”
ปริตาพูดพลางพยายามคิดหาวิธีที่จะไปต่อรองกับตรัย
ปริตาไปหาตรัยที่บริษัท แต่กลับเจอศิโรจน์นั่งอยู่ในห้องทำงานของตรัย
“คุณตรัยล่ะคะ?”
“ไปทำงานให้คุณหญิงครับ คืองี้ เอาแบบรวดยอด บอสบอกเลิกคบคุณมิ้นท์อย่างเป็นทางการ คุณชาลินีก็ถอนหุ้นอย่างถาวร บริษัทของท่านประธานวิกฤติหนักครับ ท่านเครียดจนล้มป่วยอีกรอบ แต่คราวนี้หนักเลยครับ ล้มหมอนนอนเตียงขยับร่างกายไม่ได้”
ปริตาได้ฟังเรื่องราวของเสาวลักษณ์ ก็ยิ่งก็รู้สึกสงสารตรัย
“น้องอ้อมมาหาบอสมีธุระอะไร? ฝากบอกพี่ได้ พี่จะเอางานไปส่งให้บอส”
ตรัยพยายามปรนนิบัติเอาใจผู้เป็นมารดา แต่อีกฝ่ายยังคงมึนตึงใส่ จนเขาต้องรีบเดินผละออกจากห้อง จังหวะเดียวกับที่ศิโรจน์เดินนำหน้าปริตาเข้ามาพอดี
“อ้อมเอามาเยี่ยมคุณหญิงค่ะ”
“ฉันขออนุญาตรับฝากให้นะ เดี๋ยวจะให้ยายน้อยเอาไปให้คุณแม่ คุณแม่ยังโกรธไม่อยากเจอหน้าฉัน”
ปริตามองหน้าตรัยอย่างเป็นห่วง
“คุณควรจะบอกท่านนะคะ ว่าคุณทิ้งงานบริษัทมาช่วยดูแลงานของท่าน ท่านคงจะรู้สึกดีขึ้น”
“ฉันไม่อยากคุยเรื่องงาน กลัวท่านจะเครียดอีก ได้แต่เร่งทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ก่อนที่มันจะล้มละลาย”
ปริตายิ้มให้กำลังใจ “ไม่หรอกค่ะ คุณเก่ง ฉันเชื่อว่าคุณทำได้ วันก่อนฉันเจอมิ้นท์ที่กองละคร”
“คุณมิ้นท์คงบอกเธอเรื่องของฉันแล้ว คุณมิ้นท์เล่นงานเธอรึเปล่า? ฉันเองก็ผิด ฉันเคยให้ความหวังกับเขา แต่มันถึงเวลาที่ต้องพูดความจริง ฉันไม่อยากโกหกใครอีกแล้ว โดยเฉพาะตัวเอง อ้อม ฉันอยากบอกเธอ...”
ตรัยยังพูดไม่ทันจบประโยค ศิโรจน์ก็เดินถือโทรศัพท์เข้ามาขัดจังหวะ
“บอสครับ ทางธนาคารโทรมาเรื่องเงินกู้ของท่านประธานครับ”
“เธอมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันอีกรึเปล่า?”
ปริตาที่ตั้งใจจะมาคุยเรื่องขอยืดเวลาซื้อบ้าน รีบส่ายหน้า
“เปล่าค่ะ คุณทำงานเถอะ ฉันกลับนะคะ”
ปริตาค่อยๆ เดินเลี่ยงออกไป ศิโรจน์รีบส่งโทรศัพท์ให้ตรัย
“ผมตรัย ลูกชายคุณหญิงครับ ครับ คุณแม่ขาดส่งหลายเดือนแล้วเหรอครับ”
ปริตายืนแอบฟังอยู่ด้านนอก ก็ยิ่งนึกสงสารตรัย
ปริเทพเอง ก็ถึงกับตกใจเมื่อรู้ข่าวของเสาวลักษณ์จากปริตา
“คุณหญิงไม่สบาย ก็เหมือนเป็นโรคเวรกรรม ที่ทำไว้กับดาว”
ปริตายิ้มเศร้า
“อ้อมหวังว่าดาวจะให้อภัยคุณหญิง และคุณหญิงเองก็จะสำนึกในความผิดนั้น”
จากนั้นปริเทพก็หันมาถามปริตาเรื่องบ้าน
“อ้อมได้คุยเรื่องบ้านกับคุณตรัย คุณตรัยว่าไงบ้าง?”
“อ้อมยังไม่ได้คุยค่ะ ยิ่งรู้ว่าคุณตรัยมีปัญหาการเงิน อ้อมก็พูดไม่ออก คุณตรัยกำลังต้องการเงินไปใช้ในบริษัท”
“ไม่มีทางออกแล้วอ้อม เราปล่อยบ้านหลังนั้นไปเถอะ”
ปริตาส่ายหน้า “ไม่ค่ะ ยังไม่หมดทางซะทีเดียว อ้อมยังพอมีทางเลือก”
ปริตารีบเดินหลบออกมาคุยโทรศัพท์กับสมภพ
“ค่ะ เรื่องที่อ้อมเคยคุยกับคุณสมภพ ให้อ้อมไปหาที่ไหนคะ ค่ะ”
พอปริตาวางสาย ปริเทพก็เดินเข้ามาถาม
“อ้อมจะไปไหน?”
พิชัยนั่งดื่มเหล้าอยู่ในผับคนเดียว พลางคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่เขาคุยกับเพื่อนเรื่องธุรกิจ แต่ชาลินีกลับเช้ามาแย่งโทรศัพท์ไป
“คุยกับใคร?”
“เอาคืนมานะ ผมกำลังคุยเรื่องธุรกิจ”
“ธุรกิจหรือธุรกาม ?”
พูดพลางรีบกรอกเสียงกลับไปทางปลายสาย
“เลิกยุ่งกับผัวฉันได้แล้ว”
พอปลายสายตอบกลับมา ชาลินีถึงกับหน้าซีด
“คุณปราการ ขอโทษค่ะ”
พิชัยรีบแย่งโทรศัพท์มาคุยต่อ “คุณปราการครับ ผมขอโทษ”
แต่อีกฝ่ายกลับวางสายไปแล้ว พิชัยหันกลับมาต่อว่าชาลินี
“มันพังหมดแล้ว เพราะความงี่เง่าของคุณ”
“คุณจะไปไหน?”
“ไปไหนก็ได้ที่ไม่มีคุณ”
พิชัยเดินออกไปอย่างหัวเสีย ชาลินีคว้าแจกันปาไล่หลัง จนแจกันตกแตกกระจาย
ระหว่างที่พิชัยกำลังนั่งเซ็ง ดอกแก้วก็เข้ามานั่งข้างๆ แต่พิชัยไม่สนใจ เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมาอีก
อีกด้านหนึ่งของผับ รัญชิตาก็ดื่มเหล้าจนเมามาย เพราะเสียใจทั้งเรื่องตรัย และเรื่องครอบครัวจังหวะนั้นสมภพก็เดินเข้ามาหา
“พอเถอะครับ ผมเป็นห่วงคุณนะ”
“ไม่ต้องสนใจฉัน นี่ถ้ามิ้นท์ไม่ใช่ลูกคุณพ่อคุณแม่ คุณคงไม่เห็นหัวมิ้นท์ ไปเข้าข้างยัยอ้อม”
“อย่าคิดอย่างนั้นสิครับ ผมดูแลอ้อมในฐานะนักแสดง แต่สำหรับคุณ คุณพิเศษสำหรับผมเสมอ”
สมภพพูดพลางเข้าไปโอบดูแลรัญชิตา อีกฝ่ายปล่อยให้เขาโอบกอดชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆ
เอามือออก
“ฉันชื่อรัญชิตา ฉันมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งชื่อเสียงฐานะ ฉันไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคุณ”
“แต่สิ่งที่คุณขาดคือคู่ ผมพร้อมจะเติมในส่วนที่หายไป”
รัญชิตายิ้มเยาะ “คุณคงไม่ได้หมายถึงตัวฉัน ?”
“ผมหมายอ้อม ส่วนคู่ของคุณคือคุณตรัย ถ้าเราสองคนจับมือกัน มันก็ทำให้ความฝันของเราสองคน ลงตัวได้”
รัญชิตาเริ่มคิดตาม ขณะที่สมภพรีบพูดต่อ
“สนใจข้อเสนอของผม ก็เรียกใช้บริการได้ครับ”
รัญชิตาปรายตาไปเห็นปริตาเดินเข้ามา ก็นึกแปลกใจ
“ผมขอตัวไปเจรจาธุรกิจก่อนนะครับ”
สมภพรีบเดินเลี่ยงออกไป แล้วพาปริตาไปนั่งโต๊ะ รัญชิตามองตาม พลางรีบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูประหว่างที่ปริตากับสมภพนั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะด้วยกัน
ครู่หนึ่งภาพนั้นก็ถูกส่งเข้าไปที่มือถือของตรัยทันที
จบตอนที่ 14