xs
xsm
sm
md
lg

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 10

ขั้นเทพนั่งเหม่ออยู่ในห้องพักคนไข้ ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึก เปิดประตูเข้ามา

“เป็นไงบ้างผู้กองวันนี้”
“ก็ดีขึ้น”
“หวัดดีค่ะ ผู้กอง หนูปึกซื้อโจ๊กกับปาท่องโก๋มาฝากค่ะ ทานเลยนะคะ เดี๋ยวหนูปึกแกะให้”
ปึกเดินไปแกะโจ๊กใส่ชาม ไมค์ โจ๊กเกอร์หันมาถาม
“แล้วเมื่อไหร่หมอจะให้กลับบ้านผู้กอง”
“ฉันว่าจะกลับเย็นนี้”
“พักอีกสักวันสองวันน่ะให้มันหายดีกว่านี้”
“นี่ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
ปึกเอาโจ๊กกับปาท่องโก๋เข้ามาให้
“ขอบใจหนูปึก”
“เห็นว่าเมื่อวานคุณเมมาเยี่ยมหรือคะ”
ขั้นเทพพยักหน้า
“เขามาขอโทษผู้กองใช่มั้ย”
ขั้นเทพไม่ตอบ ไมค์ โจ๊กเกอร์ หันไปบอกปึก
“เห็นมั้ยหนูปึก ถ้าเราไม่ด่าเขา เขาก็จะไม่รู้สึกตัว”
“ไม่เกี่ยวกับเราหรอกพี่ไมค์ คุณเมเขามาเยี่ยมก็เพราะว่าเขาคงเป็นห่วงผู้กอง ใช่มั้ยคะ”
“ฉันเองก็ไม่รู้”
“อ้าว แล้วเมื่อวานเขามา ไม่ได้คุยความในใจกันหรือ”
“เปล่า”
“แล้วยังไงเนี่ยผู้กอง อย่าบอกนะว่าผู้กองกับคุณเมเลิกกันแล้ว”
“มันก็คงต้องเป็นอย่างงั้นมั้ง
“จริงหรือคะ ผู้กอง ผู้กองจะเลิกกับคุณเมเพราะเรื่องนี้หรือคะ”
“ถึงไม่เลิก คุณเมเขาก็คงไม่กล้าที่จะกลับมาคบกับพวกเรา”
“แต่ก็น่าเห็นใจคุณเมนะคะ ที่เธอต้องทำไปก็เพราะพ่อแม่ หนูปึกว่าพวกเราควรจะให้อภัยคุณเมเถอะนะคะ”
“แต่พี่ว่าเรื่องแบบนี้มันให้อภัยกันไม่ได้นะหนูปึก”
“ทำไมจะอภัยไม่ได้”
“ก็สิ่งที่พ่อแม่เขาทำ มันสร้างความเสียหายให้กับพุทธศาสนานะ”
ปึกอึ้ง ถอนใจ
“อืม มันก็จริงนะ แล้วผู้กองล่ะคะ ผู้กองยังรักคุณเมอยู่รึเปล่าคะ”
ขั้นเทพถอนใจ
“รักแล้วจะให้ทำยังไง จะให้ฉันหลับตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในสิ่งที่เขาทำงั้นหรือ”

ปึก กับ ไมค์ โจ๊กเกอร์ อึ้งในคำตอบ

ปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินออกจากลิฟต์ของโรงพยาบาลมา

“ฟังเรื่องผู้กองขั้นเทพกับคุณเมแล้วกลุ้มใจจริง ๆ ยังไงหนูปึกก็สงสารคุณเม”
“แต่พี่สงสารผู้กองมากกว่า รักกันอยู่ดี ๆ ต้องมาเลิกกันเพราะพ่อแม่ผู้หญิง”
“แล้วเราสองคนจะช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้บ้างมั้ยอ้าย”
“จะช่วยยังไงหนูปึก ก็คุณเมเขาเลือกข้างพ่อแม่เขาไปแล้ว”
“ถ้างั้น อ้ายก็บอกผู้กองเถอะว่าให้อภัยคุณเมเขา”
“เมื่อกี้หนูปึกไม่ได้ยินหรือที่ผู้กองบอกหรือ ว่าเขาทำเป็นหลับหูหลับตาไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้ไม่ได้ อย่าว่าแต่ผู้กองเลย ถึงเป็นพี่พี่ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน”
“ผู้ชายเนี่ยใจร้ายจัง”
“มันไม่ใช่เรื่องใจร้ายนะ มันเป็นเรื่องของความถูกต้อง”
ทั้งสองเดินเลี้ยวเข้ามาที่ลานจอดรถ รถคันหนึ่งเปิดไฟหน้ารถพรึ่บขึ้น แล้วพุ่งเข้าชนทั้งสอง
“หนูปึกหลบ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ กระชากดึงปึกหลบล้มลง รถพุ่งผ่านไป
“ไอ้บ้า ขับรถประสาอะไรวะ เป็นอะไรรึเปล่าหนูปึก”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ทำไมมันขับรถอย่างนี้เนี่ย”
ปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์ โมโห รถคันเดิมกลับรถมา แล้วพุ่งมาหาทั้งสองคนอีก
“พี่ไมค์ มันกลับมาอีกแล้ว”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ คว้าแขนปึก
“หนีเร็ว หนูปึก”
ทั้งสองวิ่ง รถพุ่งตาม
“นี่มันอะไรกันเนี่ยพี่ไมค์”
“พี่ก็ไม่รู้”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ดึงปึกวิ่งไปตามช่องทางในลานจอดรถ รถยังไล่ตาม เขาดึงปึกวิ่งทะลุออกไปอีกช่อง รถอีกคันพุ่งเข้ามาหาทั้งสองด้วยความเร็ว ปึกหันมาเห็น
“พี่ไมค์”
“ทางนี้หนูปึก”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ พาปึกวิ่งหลบไปอีกทาง รถคันที่สองเบรก รถคันแรกขับพุ่งเข้ามาปิดทางด้านหน้า ทั้งสองวิ่งโผล่ออกมา เจอคนร้ายซึ่งใส่ถุงน่องสีเนื้อคลุมหน้ายกปืนจ่อ ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับ ปึก ชะงัก ขยับถอยหลัง คนร้ายอีกสองคน เดินมาประกบหลัง คนร้ายเข้ามากระชากปึก
“จะไปไหน”
“เฮ้ย นี่แกจะทำอะไร”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ จะเข้าไปช่วยปึก คนร้ายเข้ามาต่อยไมค์ โจ๊กเกอร์ ปึกจะถลาเข้าไปช่วย คนร้ายจับปึกไว้ ไมค์ โจ๊กเกอร์ ถูกคนร้ายต่อย จนเซเข้าข้างรถที่จอด เขาหันกลับมาตั้งหลักต่อยคนร้ายกระเด็น ปึกเอามือจิ้มตาคนร้ายอีกคน จนผงะ แล้วถีบท้อง ชกจนคนร้ายจนเซไป
ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึกจะวิ่งออกไป คนร้ายโดดเข้ามาสับคอไมค์ โจ๊กเกอร์ อีกคนตบปึกกระเด็น ไมค์ โจ๊กเกอร์ จะเข้าไปช่วยปึก คนร้ายลุกขึ้นมาได้ต่อยไมค์ โจ๊กเกอร์ ปึกจะเข้าไปช่วย คนร้ายต่อยท้อง ปึกทรุดลง ไมค์ โจ๊กเกอร์ ถูกต่อยจนทรุดลงข้างปึก ปึกเลือดไหลออกจมูก คนร้ายทั้งสามเดินเข้ามาล้อม ยกปืนจ่อ
“ฟังให้ดีนะ ถ้ามึงสองคนไม่อยากตาย ไปจากไอ้ผู้กองขั้นเทพซะ ถ้ากูยังเห็นพวกมึงยุ่งกับเรื่องนี้ คราวนี้มึงสองคนตายแน่”
คนร้ายเดินออกไปขึ้นรถ
“หนูปึก เป็นไงบ้าง”
“บ่เป็นหยังจ้ะอ้าย”
“ไป ขึ้นไปทำแผลก่อน”

ไมค์ โจ๊กเกอร์ ประคองปึกเดินเข้าตึกขึ้นลิฟต์กลับไปภายในโรงพยาบาล

ขั้นเทพเห็นทั้งสองคนถูกทำร้าย ก็เครียด

“ต้องเป็นฝีมือของผู้การสถิตยุทธแน่ที่ต้องการขู่ให้เราหยุดเรื่องนี้”
“ใช่ ฉันว่าต้องเป็นฝีมือมันหรือไม่ก็ไอ้เควิน สมิธ”
“มันคงคิดว่าพวกเรากลัวมันนะพี่ไมค์”
“ใช่ คนอย่างพี่ไม่ยอมให้ใครมาขู่ง่าย ๆ หรอก”
“แต่ฉันคิดว่านายกับหนูปึกต้องหยุดนะ”
“ผู้กองว่าอะไรนะ”
“นายพาหนูปึกกลับไปบ้านนอกซะ แล้วนายก็เก็บตัวอยู่ที่นั่น เลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก”
“หนูปึกไม่คิดเลยนะคะว่าผู้กองจะกลัวพวกมัน”
“ฉันผิดหวังในตัวนายจริง ๆ”
“ฉันไม่ได้กลัวพวกมัน แต่ฉันไม่อยากให้นายกับหนูปึกตายฟรี”
“แต่หนูปึกไม่กลัวนะคะ ถ้าจะตาย แต่เราสามารถจัดการกับไอ้พวกทำลายชาติได้ หนูปึกยอมนะคะ”
“ใช่ เกิดมาแค่ชีวิตเดียว ทำเพื่อบ้านเมือง ฉันยอมตาย เชื่อเราเถอะ ถึงเราจะไม่ได้เป็นตำรวจเหมือนนาย แต่ในฐานะพลเมืองดี ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะช่วยชาติ”
ปึกพยักหน้ารับ เห็นด้วยกับไมค์ โจ๊กเกอร์
“ถ้าอย่างงั้นเราก็มาตายพร้อมกัน”
ขั้นเทพยื่นมือให้ ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึกเข้ามาแตะ

ที่ห้องจัดเลี้ยงงานประชุมตำรวจ สถิตย์ยุทธเดินมาเข้ามาทักเสวี
“ไม่ได้เจอกันนานนะ เสวี สบายดีหรือ”
“เรื่อย ๆ”
เสวีขยับจะเดินออกไป
“เดี๋ยวสิ คุยกันหน่อย”
“มีอะไรก็ว่ามา อั๊วมีธุระ”
“อั๊วพูดกับลื้อตรง ๆ นะ อั๊วอยากให้ลื้อหยุดเรื่องเควิน สมิธ ซะที”
“แล้วทำไมอั๊วต้องหยุดด้วย”
“เควิน สมิธ เป็นเพื่อนอั๊ว เราทำธุรกิจร่วมกัน”
“แต่ไอ้เควินมันทำธุรกิจผิดกฎหมาย อั๊วจำเป็นต้องจับมัน”
“ก็อั๊วบอกแล้วไง ว่าเขาเป็นเพื่อนอั๊ว”
“เพื่อนใครไม่สำคัญ”
“นี่หมายความว่าลื้อจะจับอั๊วเหมือนกันงั้นหรือ”
“แล้วลื้อทำอะไรผิดรึเปล่าล่ะ ถ้าลื้อทำ อั๊วก็ต้องจับ”
“แต่เสือมันไม่กินเนื้อเสือด้วยกันนะโว้ย”
“แต่อั๊วไม่ใช่เสือ อั๊วเป็นตำรวจ”
เสวีเดินออกไป สถิตย์ยุทธมองตาม
“ในเมื่อเอ็งไม่ใช่เสือ ข้าก็คงต้องกินเนื้อเอ็งแล้วล่ะ ไอ้เสวี”
สถิตยุทธมองแววตาโหดเหี้ยม

เสวีก้าวขึ้นรถ ลูกน้องขับรถออกไป มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับตาม มีมือปืนซ้อนท้าย มอเตอร์ไซค์ขี่เร่งขึ้นมาประกบรถเสวี คนซ้อนชักปืนออกมา เสวีเหลือบเห็นพอดี มือปืนกระหน่ำยิงใส่ เขาหลบ ชักปืนยิงสวนกลับไป มอเตอร์ไซค์ล้มลง เสวีถือปืนลงจากรถ มือปืนจะลุกขึ้นยิง เขายิงกระหน่ำใส่ คนขี่มอไซค์ขยับ
จะล้วงปืน เสวียิงใส่ แล้วเดินเข้าไปดูศพ ลูกน้องถือปืนวิ่งตามเข้ามา
“แจ้งโรงพักเลย”
“ครับ”

ลูกน้องกดวอพูดแจ้งโรงพัก เสวีแค้น รู้ว่าเป็นฝีมือของสถิตย์ยุทธ

วันรุ่งขึ้น ขั้นเทพรีบมาพบเสวีที่ห้องทำงาน

“นี่เขากล้ามากนะครับ ที่ส่งคนมาฆ่าท่าน”
“ตอนนี้ผมว่ามันทำได้ทุกอย่างเพื่อไม่ให้เราสาวไปถึงเรื่องของมัน”
“เมื่อสองวันก่อน มันก็ส่งคนมาข่มขู่ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับ หนูปึกให้เลิกยุ่งกับเรื่องนี้”
“ถ้าเรายิ่งช้า จะไม่เป็นผลดีกับเรา”
“นี่ผมก็กำลังเร่งหาหลักฐานอยู่”
“แล้วที่ผู้กองเมษาไปหาคุณ คุณได้พูดให้เธอเปลี่ยนใจมั้ย”
“ผมบอกเธอไปแล้ว แต่คิดว่าไม่เป็นผล”
“เฮ้อ ทุกอย่างอยู่ที่ผู้กองเมษาคนเดียว ถ้าเธอช่วยเหลือเรา ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น”
ขั้นเทพมองหน้าเสวีอย่างหนักใจ

เมษาเข้ามาในหน่วยวิหคเวหา เก็บเอกสารและของส่วนตัวใส่ลัง เพื่อนตำรวจมองอย่างแปลกใจ
“ตัดสินใจดีแล้วหรือผู้กองเม ที่ลาออกจากงาน”
“ค่ะ”
“แล้วมีเรื่องอะไร ทำไมถึงลาออก”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เมอยากเปลี่ยนงานใหม่”
“พูดจริง ๆ นะ พี่เสียดาย ไม่อยากให้ลาออกเลย”
“ใช่ น่าจะอยู่ด้วยกันนาน ๆ”
“ขอบคุณทุกคนนะคะ”
เมษาฝืนยิ้มให้ทุกคน หันมาหยิบของอีกชิ้นใส่ลัง สถิตย์ยุทธเดินออกมาจากห้องทำงาน
“เมษา มาพบผมหน่อย”
เมษาชะงัก ก่อนเดินไปที่ห้องสถิตย์ยุทธ
“มีอะไรหรือคะ”
“นั่งสิ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันว่าคุณมีอะไรก็พูดมาเถอะ ฉันมีเวลาไม่มาก”
เมษาบอกเสียงห้วน สถิตย์ยุทธจ้องหน้า
“ผมมีอะไรจะให้คุณช่วยหน่อย”
“ฉันคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว”
“แต่ผมว่าคุณต้องช่วยนะ เพราะไม่อย่างงั้นพ่อแม่คุณก็จะเดือดร้อน”
“อย่าเอาเรื่องพ่อแม่มาขู่ฉัน”
“ผมไม่ได้ขู่ ตราบใดที่ไอ้ขั้นเทพมันยังไม่เลิกรา พ่อแม่คุณก็อยู่ในอันตราย”
“แล้วเอาเรื่องนี้มาบอกฉันทำไม ไม่เกี่ยวกับฉัน”
“เกี่ยวสิ ก็ไอ้ขั้นเทพมันรักชอบพออยู่กับคุณ คุณเท่านั้นที่จะบอกให้มันเลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้”
“ถึงฉันบอกไปเขาก็ไม่คงเชื่อหรอก คุณมีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ย”
สถิตย์ยุทธไม่ตอบ เมษาจะเดินออก
“เดี๋ยว ถ้ามันไม่เชื่อ คุณก็ต้องฆ่ามัน”
“นี่คุณพูดเรื่องบ้าอะไร”
“ไม่บ้า เพราะตอนนี้เธอกับฉันเป็นพวกเดียวกัน”
“ฉันว่าคุณเสียสติไปแล้ว”
“ก็ตามใจ ถ้าเธออยากให้พ่อแม่ติดตะรางแล้วตายอยู่ในคุก”
เมษาหันเดินออก จะผลักประตู
“เธอคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยพ่อแม่ตัวเองได้”

เมษายืนนิ่งสะกดความรู้สึกโกรธและเกลียดชังสถิตย์ยุทธ ก่อนจะเปิดประตูออกไป
 
อ่านต่อหน้า 2

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 10 (ต่อ)

ขั้นเทพตัดสินใจมาพบวัฒนากับประไพพรรณที่บ้าน

“ผมชื่อขั้นเทพ เป็นเพื่อนกับผู้กองเมษา”
ทั้งสองมองขั้นเทพอย่างไม่ไว้ใจ
“คุณมีธุระอะไร”
“เมษาเป็นยังไงบ้างครับ”
“เราไม่ได้เจอเธอนานแล้ว”
“เธอคงเสียใจมากนะครับกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่คุณสองคนบีบบังคับให้เธอทรยศต่อหน้าที่ตัวเอง”
ประไพพรรณเหลือบมองหน้าวัฒนา
“ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้วก็เชิญ”
“มีครับ”
วัฒนาชะงัก
“ผมอยากขอให้คุณสองคนมอบตัวกับตำรวจ”
“อะไรนะ”
“ผมรู้ว่าคุณสองคนร่วมลักลอบขายเศียรพระให้กับเควิน สมิธ”
“คุณอย่ามาปรักปรำผมนะ”
“ผมไม่ได้ปรักปรำ และผมรู้ด้วยว่าผู้การสถิตย์ยุทธเป็นคนหนุนหลังคุณสองคน”
“ผมว่าคุณออกไปจากบ้านผมดีกว่า ก่อนที่ผมจะเรียกตำรวจมาลากคุณออกไป”
“ผมไม่รู้ว่าคุณสองคนรู้สึกยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ถ้าคุณยังรักลูกสาวคุณอยู่ ได้โปรดหยุดทำร้ายเธอ”
วัฒนากับประไพพรรณอึ้ง
“คุณรู้ใช่มั้ยครับ ว่าเธอเจ็บปวดแค่ไหนที่เธอต้องปกป้องคุณสองคน”
ขั้นเทพเดินออกไป ประไพพรรณร้องไห้สะอื้น วัฒนาทรุดลงนั่ง อึ้ง

ปึกกับ ไมค์ โจ๊กเกอร์ คุยกันเรื่องที่ขั้นเทพไปพบพ่อแม่ของเมษา
“อ้ายไมค์ว่า พ่อแม่คุณเมเขาจะยอมมอบตัวมั้ย”
“พี่ก็ไม่แน่ใจนะ ถ้าเขารักตัวเองมากกว่าลูก เขาก็คงไม่”
“เจ้าประคู้นขอให้เขายอมมอบตัวด้วยเถอะ”
ขั้นเทพเปิดประตูเข้าบ้านมา
“อ้าว ผู้กอง เป็นไง พ่อแม่คุณเมเขาว่าไงบ้า”
“เขายอมช่วยพวกเราใช่มั้ยคะ”
“ยังไม่รู้”
“หมายถึงเขาไม่ยอมช่วยหรือ”
“ก็อาจจะเป็นอย่างงั้น”
“คุณนายกับคุณผู้ชายเป็นพ่อแม่ประสาอะไรเนี่ย ทำไมถึงทำร้ายคุณเมขนาดนี้”
เสียงออดดังขึ้น ทั้งหมดชะงัก
“เดี๋ยวหนูปึกไปดูให้ค่ะ”
ปึกเดินไปหน้าบ้าน เห็นเมษายืนอยู่
“คุณเม”
“ฉันมาหาผู้กองขั้นเทพ”
“เชิญค่ะ”
เมษาเดินเข้าไปในบ้าน บอกกับขั้นเทพ
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“เชิญ”
ขั้นเทพเดินนำเมษาเข้าไปในห้องด้านใน ต่างฝ่ายต่างนิ่ง จ้องหน้ากัน แล้วพูดขึ้นพร้อมกัน
“ผมอยาก”
“ฉันอยาก”
ทั้งสองชะงักมอง
“ขอโทษ คุณพูดก่อนแล้วกัน”
“คุณพูดก่อนก็ได้”
“คุณพูดก่อนดีกว่า”
“ฉันอยากให้คุณหยุดเรื่องนี้ ยกเลิกภารกิจทุกอย่าง”
ขั้นเทพมองนิ่ง
“ฉันเข้าใจความรู้สึกคุณดี แต่ที่ฉันมาบอกคุณ เพื่อเตือนให้คุณรู้ว่าถ้าคุณไม่หยุด คุณอาจจะต้องตายก็ได้”
“ผู้การสถิตย์ยุทธให้คุณมาบอกผมงั้นหรือ”
“ใช่”
“แล้วถ้าผมตอบว่าไม่ล่ะ”
“นี่ ขั้นเทพ มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ เขาต้องฆ่าคุณแน่”
“คุณคิดว่าถ้าผมตายไป เรื่องทุกอย่างจะจบใช่มั้ย พ่อกับแม่คุณก็จะไม่มีความผิด เควิน สมิธ กับผู้การสถิตย์ยุทธก็จะร่วมมือกันตัดเศียรพระอีกต่อไปใช่มั้ย”
เมษาอึ้ง
“ตัดไปจนเศียรพระในประเทศไทยไม่มีอีกต่อไปเลยใช่มั้ย”

ขั้นเทพย้อนถามด้วยความโกรธ เมษาหลบตาก้มหน้าละอายใจ

ขั้นเทพเดินเข้าไปหา

รวบตัวเมษาขึ้นมาด้วยความโกรธ
“คุณรู้มั้ย ผู้ชายกับผู้หญิงที่อยู่ข้างนอกนั่น”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึกยืนอยู่หน้าห้องได้ยินเสียงขั้นเทพ ทั้งสองมองหน้ากัน
“เขาบอกผมว่าเขายินดีที่จะตายเพื่อแลกกับการจับผู้การสถิตย์ยุทธ แล้วคุณ คุณเป็นใคร คุณเป็นตำรวจ แต่คุณกลับปล่อย แล้วทิ้งมันไว้ข้างหลัง เพียงเพื่อปกป้องพ่อแม่คุณงั้นหรือ”
เมษาน้ำตาไหล ขั้นเทพผลักเมษาลงไปที่เก้าอี้
“ผมผิดหวังในตัวคุณจริง ๆ ผมไม่น่ารักคุณเลย”
เมษาร้องไห้ ขั้นเทพมองอย่างผิดหวัง
“คุณกลับไปได้แล้ว”
ขั้นเทพหันหลังให้ จะเดินเข้าห้องน้ำ
“ขั้นเทพ”
ขั้นเทพหันมามอง เมษายกปืนจ่อทั้งน้ำตา เขาชะงัก
“ฉันจำเป็น”
ขั้นเทพอึ้ง
“ถ้าฉันไม่ฆ่าคุณ พ่อแม่ฉันก็ต้องตาย”
“คุณทำถูกแล้วล่ะ ยิงผมเลย”
ปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์ ตกใจ
“หา พี่ไมค์ นี่มันอะไรกัน”
“ไม่รู้สิ”
ทั้งสองขยับมาใกล้ประตู เมษามองขั้นเทพ น้ำตาไหลริน
“อย่าบังคับให้ฉันต้องทำ ขอแค่คุณหยุดติดตามเรื่องนี้ ทุกอย่างก็จะจบ ฉันสัญญาว่าพ่อแม่ฉันจะไม่ทำเรื่องนี้อีกต่อไป”
“ก็ผมบอกคุณแล้วไง ว่าผมทำอย่างงั้นไม่ได้ ถ้าคุณจะหยุดผม มีทางเดียว คุณต้องยิงผมเดี๋ยวนี้”
ปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์ เข้ามาในห้อง
“ใช่ค่ะ แล้วยิงเราสองคนด้วย”
“เราสองคนยอมตายพร้อมกับผู้กอง”
เมษาอึ้ง
“ผมบอกคุณแล้วไง ถึงผมตายก็ต้องมีคนขึ้นมาแทนผม”
เมษาลดปืนลง ทรุดลงร้องไห้ ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึกมองอย่างเห็นใจ ขั้นเทพจับไหล่เมษา
“ผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยาก แต่เราต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามกฎระเบียบของสังคม”
เมษาร้องไห้สะอื้น
“ผมให้สัญญา ผมจะอยู่กับคุณ เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน”
เมษาเงยหน้าขึ้นมองขั้นเทพ เขาพยักหน้าให้
“ฉันขอโทษ”
เมษาสะอื้นโผเข้ากอดขั้นเทพ ไมค์ โจ๊กเกอร์ ถอนใจ หันมองปึก ปึกโผเข้ากอดไมค์ โจ๊กเกอร์ ร้องไห้

วัฒนามาหาสถิตย์ยุทธ ที่เซฟเฮาส์
“ลูกสาวคุณเป็นไงบ้าง กลับมาคืนดีกันรึยัง”
“ยัง เขายังโกรธผมกับแม่เขาอยู่”
“ฮึ เด็กผู้หญิงก็อย่างนี้ ปล่อยไปสักพักเดี๋ยวก็หายโกรธ”
“แต่ผมว่าท่าทางจะยาก ลูกสาวผมคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น”
“แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นลูกคุณวันยังค่ำ ลูกที่ดีไม่ทำร้ายพ่อแม่หรอก”
ลูกน้องสถิตย์ยุทธเปิดประตูเข้ามา เควิน สมิธ เดินเข้ามา
“สวัสดีครับทุกคน”
“เชิญนั่ง คุณเควิน”
“เป็นไงคุณวัฒนา ไม่เจอกันเลยนะ”
“สบายดีครับ”
“นี่ ผมได้ออเดอร์มาใหม่ ลูกค้าที่ยุโรปเขาอยากได้สินค้าพวกนี้”
เควิน สมิธ เปิดไอแพดจะโชว์ของให้ดู วัฒนาชิงพูดขึ้น
“ผมคิดว่าผมจะเลิกแล้ว”
สถิตย์ยุทธชะงัก
“หือ เลิกงั้นหรือ”
“ใช่”
“อ้าว แล้วเราจะทำยังไงต่อไปผู้การ ถ้าคุณวัฒนาไม่ทำ เราจะหาพระจากไหน”
“แต่ผมว่าคุณยังเลิกไม่ได้นะวัฒนา”
“ทำไมผมจะเลิกไม่ได้”
“เพราะถ้าคุณเลิก ผมก็ไม่สามารถรับรองความปลอดภัยให้คุณได้”
“นั่นสิวัฒนา เราร่วมทำงานกันมาตั้งหลายปี อยู่ ๆ มาทิ้งกันแบบนี้ ตอนนี้คดีก็ไม่ได้สาวมาถึงเราแล้วนี่ใช่มั้ยผู้การ”
“ใช่ คุณกลัวอะไร หรือกลัวผู้กองขั้นเทพ”
วัฒนานิ่งไม่ตอบ
“ไม่ต้องกลัว อีกไม่ช้ามันก็จะหายไปจากโลกนี้แล้ว”
“ผมไม่ได้กลัวอะไรทั้งนั้น เพียงแต่ผมไม่อยากทำร้ายลูกผมมากไปกว่านี้ ผมขอยุติแต่เพียงเท่านี้ ผมขอตัว”
วัฒนาขยับเดินออก
“เดี๋ยวคุณวัฒนา”
วัฒนาหยุดหันมามองสถิตย์ยุทธ
“ผมว่าคุณกำลังเครียดนะ เอาอย่างนี้ กลับไปคิดสักคืนสองคืน อย่าลืม คุณถอนตัวคนหนึ่ง พวกเราก็เดือดร้อนกันหมด”
“ใช่ ยังไงเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้ามันจะจมก็ต้องจมด้วยกัน”
วัฒนามองเควิน สมิธ กับสถิตย์ยุทธ์อีกครั้งก่อนจะเดินออกไป เควิน สมิธ หันมาถามสถิตย์ยุทธ
“ผู้การคิดว่าไง”
“ถ้าวัฒนาจะไปก็คงไปได้ทางเดียว คือตายจากเราไป”
“ถูกต้อง”

ทั้งสองสบตากัน

ประไพพรรณนั่งเหม่อครุ่นคิด วัฒนาเดินกลับเข้าบ้านมา

“คุณบอกพวกเขาแล้วใช่มั้ยคะ”
วัฒนาพยักหน้า
“แล้วผู้การสถิตย์ยุทธว่าไง”
“เขาไม่ยอมให้เราเลิก บอกให้คิดดูให้ดีก่อน”
“แต่ถึงยังไงเราก็จะไม่ทำนะคุณ บอกฉันสิว่าคุณจะเลิกจริง ๆ”
“แต่มันคงไม่ง่าย ผู้การสถิตย์ยุทธคงไม่ปล่อยเราไป”
“แล้วเราจะทำยังไง”
“ผมยังคิดไม่ออก”
“ฉันว่าเรามอบตัวเถอะนะคุณ”
“มอบตัวงั้นหรือ”
“ใช่ มอบตัวเถอะนะคะ”
“แต่เราต้องติดคุกนะ”
“ฉันยอม ให้ฉันติดคุกดีกว่าที่จะปล่อยให้ลูกต้องเจ็บปวดและเสียใจไปตลอดชีวิต”
วัฒนาอึ้ง
“เราเป็นพ่อแม่เขานะคะ เราควรจะปกป้องลูก เราไม่ควรจะทำร้ายลูกอีกต่อไปแล้วนะคะคุณ”
ประไพพรรณร้องไห้
“บอกฉันสิคะ ว่าคุณจะทำเพื่อลูก คุณจะมอบตัวกับตำรวจ”
“ถูกของคุณ เราไม่ควรจะทำร้ายลูกอีกต่อไป เราทำผิดเราก็ต้องชดใช้”
ประไพพรรณโผเข้ากอดวัฒนา

เมษานั่งมองครุ่นคิดเรื่องพ่อกับแม่อยู่ที่บ้านขั้นเทพ ขั้นเทพถือชาร้อนเดินออกมาจากในบ้าน ปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์ นั่งอยู่ในบ้าน มองเมษาอย่างเป็นห่วง ขั้นเทพเอาชาร้อนเข้ามาให้เมษา เมษารับแก้วมาถือ
“ฉันคิดว่าฉันจะไปพูดกับพ่อแม่ให้ท่านมอบตัว บางทีโทษหนักอาจจะเป็นเบาก็ได้”
“ผมเห็นด้วย บอกท่านว่าผมจะช่วยเหลือท่านเท่าที่ผมจะช่วยได้ แต่ขออย่างเดียว ขอให้ท่านเป็นพยานยืนยันว่าผู้การสถิตย์ยุทธอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้”
“ค่ะ ฉันจะบอกท่าน”
“ขอบคุณคุณมากนะ”
“ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณมากกว่า ถ้าไม่มีคุณ ฉันคงไม่รู้จะทำยังไง”
“ผมรู้ว่าจริง ๆ แล้วคุณไม่ได้อยากทำแบบนั้น”
“ขอบคุณอีกครั้งนะที่คุณเข้าใจฉัน”
ขั้นเทพกุมมือเมษา เธอยิ้มให้อย่างซึ้งใจ เขาจูบที่หน้าผากเมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ หันมาจูบแก้มปึกหนึ่งที ปึกตีแขนเบาๆ
“พี่ไมค์ เขากำลังซีเรียสกันอยู่นะ”
“ก็พี่ดีใจที่เขาเข้าใจกันได้”
ปึกมองค้อน ขั้นเทพมองหน้าเมษา
“แล้วคุณคิดว่าคุณจะไปหาพ่อแม่เมื่อไหร่”
“วันนี้”
เสียงโทรศัพท์มือถือของขั้นเทพดัง เขากดรับ
“ฮัลโหล”
“ผมวัฒนานะ”
ขั้นเทพชะงักมองเมษา เมษามองสงสัย
“ผมจะบอกคุณว่าผมกับภรรยาจะมอบตัว”
“มอบตัวหรือครับ นี่คุณพูดจริงนะครับคุณวัฒนา”
“พ่อหรือคะ”
“ใช่ ท่านบอกว่าท่านจะมอบตัว”
เมษาน้ำตารื้น ดีใจ
“เดี๋ยวคุณพูดกับลูกสาวคุณนะครับ”
ขั้นเทพส่งโทรศัพท์ให้เมษา
“พ่อ นี่พ่อจะมอบตัวจริง ๆ หรือคะ”
“จริงลูก พ่อตัดสินใจกับแม่แล้ว พ่อขอโทษที่พ่อทำร้ายลูกมาตลอดเวลา”
“ไม่หรอกค่ะพ่อ พ่อไม่ได้ทำอะไร”
“ทำสิลูก พ่อทำร้ายเกียรติและศักดิ์ศรีของลูก”
“ขอฉันพูดกับลูกหน่อย”
ประไพพรรณคว้าโทรศัพท์มา
“เม แม่รักลูกนะ”
“หนูก็รักแม่ค่ะ”
เมษาร้องไห้
“แม่ขอโทษนะลูก ยกโทษให้แม่นะ”
“เดี๋ยวหนูจะไปหาพ่อกับแม่นะคะ”
“จ้ะลูก แม่รอนะ”
ประไพพรรณปิดโทรศัพท์หันมากอดวัฒนาทั้งน้ำตา

เมษาปิดโทรศัพท์หันมองขั้นเทพ เขาพยักหน้ายิ้มให้
“ในที่สุด ท่านก็เลือกที่จะรักคุณมากกว่ารักตัวเอง”

เมษาโผเข้ากอดขั้นเทพ ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึกอยู่ในบ้าน มองออกมา ทั้งสองหันมายิ้มให้กัน ไมค์ โจ๊กเกอร์ จูบแก้มปึกอีกหนึ่งที

เมษารีบมาหาพ่อแม่ที่บ้าน โผเข้ากอดประไพพรรณ ประไพพรรณน้ำตาคลอ วัฒนาเข้ามากอดลูกสาวกับภรรยา ขั้นเทพยืนมองอย่างตื้นตัน ประไพพรรณเดินมาหาขั้นเทพ

“ต้องขอบคุณผู้กองมากนะคะ ถ้าไม่ได้ผู้กอง เราคงต้องเสียลูกไปตลอดชีวิต”
“ผมต้องขอบคุณจริง ๆ ที่ผู้กองยังให้โอกาสผมกับภรรยา”
“แต่ผมก็ยังไม่สัญญานะครับว่าจะช่วยเหลือคุณสองคนได้มากน้อยแค่ไหน”
“เรื่องนั้นฉันเข้าใจค่ะ เราทำผิดเราก็ต้องได้รับโทษ ขอแค่ให้ยัยเมได้กลับมาเหมือนเดิม ฉันก็พอใจแล้ว”
“หนูรู้ค่ะว่าแม่กับพ่อรักหนู หนูก็รักพ่อกับแม่ค่ะ”
เมษากอดพ่อกับแม่ วัฒนาหันมาถามขั้นเทพ
“แล้วขั้นตอนต่อไปเราต้องทำยังไงครับ”
“พรุ่งนี้ผมนัดหมายท่านผู้การเสวีไว้เก้าโมงเช้า ผมเรียนให้ท่านทราบแล้วว่าคุณสองคนจะเข้ามอบตัวกับท่าน”
วัฒนากับประไพพรรณพยักหน้ารับรู้
“พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องที่พ่อกับแม่จะให้การกับตำรวจ มันจะถูกเก็บเป็นความลับ”
“ส่วนเรื่องความปลอดภัย ผมจะจัดเจ้าหน้าที่คุ้มกันให้ตลอด 24 ชั่วโมง”
“ขอบคุณมาก”
“ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ พรุ่งนี้ผมจะมารับท่านตอนแปดโมงเช้านะครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันจะพาพ่อกับแม่ไปเอง”
“ให้ผมมารับด้วยดีกว่า จะได้วางใจ”
“คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณทิ้งลูกน้องไว้ที่นี่แล้วนี่คะ แล้วอีกอย่าง ฉันก็เป็นมือปราบเหมือนกับคุณนะ”
“งั้นก็ได้ พรุ่งนี้เก้าโมงเจอกันที่ออฟฟิศผมนะ”
“ค่ะ”
“งั้นผมลาล่ะครับ”
“ขอบคุณมากนะผู้กอง”
“ขอบคุณผู้กองอีกครั้งนะคะ”
“เดี๋ยวหนูออกไปส่งผู้กองขั้นเทพก่อนนะคะ”
“ไปเถอะลูก”
วัฒนากับประไพพรรณมองตามลูกสาวไป
“เราตัดสินใจถูกแล้วล่ะคุณ”
“ใช่ ผมดีใจจริง ๆ ที่เห็นลูกกลับมามีความสุขอีกครั้ง”

ทั้งสองยิ้มสบายใจ
 
อ่านต่อหน้า 3

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 10 (ต่อ)

ขั้นเทพกับเมษาเดินมาหยุดคุยกันอยู่หน้าบ้าน

“คืนนี้คุณจะค้างที่นี่ใช่มั้ย”
“ค่ะ ฉันอยากอยู่กับพ่อแม่ให้นานที่สุด”
“ถ้ามีอะไรโทรหาผมนะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณดีกับฉันและพ่อแม่”
“ผมบอกแล้วไงว่าเราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน”
ขั้นเทพยื่นมือให้ เมษายื่นมือมาจับ
“ผมรักคุณนะ”
“ค่ะ ฉันก็รักคุณ”
ทั้งสองมองสบตายิ้มให้กัน ขั้นเทพขึ้นรถขับออกไป เมษาโบกมือให้จนลับตา ก่อนเดินเข้าไปหาพ่อแม่ข้างใน
“มานั่งนี่สิลูก แม่กับพ่ออยากจะขอโทษลูก ที่เราสองคนทำร้ายลูกมาตลอด”
“อย่าพูดอย่างงั้นสิคะ แม่กับพ่อไม่ได้ทำร้ายหนูหรอกค่ะ ที่หนูทำไปทั้งหมด เพราะมันเป็นหน้าที่ของลูกที่ต้องตอบแทนพระคุณของพ่อกับแม่มากกว่า”
“นี่ไงลูก พ่อกับแม่ถึงต้องขอโทษ ที่เราสองคนทำให้ลูกต้องอับอายและเจ็บปวดกับเรื่องที่ทำลงไป”
“จะทำยังไงได้ล่ะคะ ถ้าหนูปล่อยให้พ่อกับแม่ติดคุก หนูก็ต้องเจ็บปวดพอ ๆ กัน”
ประไพพรรณมองลูกสาว น้ำตาไหลริน
“แม่ขอบใจนะที่ลูกยังคงเป็นลูกที่ดีของพ่อกับแม่ตลอดมา”
“ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น พ่อขอให้ลูกของพ่อเข้มแข็ง ไม่ต้องห่วงพ่อและแม่ เรายินดีที่จะชดใช้ในสิ่งที่เราทำ”
“ใช่จ้ะ ไม่ต้องห่วงแม่กับพ่อนะลูก”
เมษามองแม่กับพ่อน้ำตาไหล
“หนูทำอย่างงั้นไม่ได้หรอกค่ะ เพราะถึงยังไงพ่อกับแม่ก็ยังคงเป็นพ่อและแม่ของหนูตลอดไปค่ะ”
ทั้งสามโอบกอดกัน

คืนนั้น ปึก ไมค์ โจ๊กเกอร์ และขั้นเทพนั่งคุยกันถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
“ถ้าพรุ่งนี้พ่อแม่คุณเมเข้ามอบตัว ทุกอย่างก็เรียบร้อยใช่มั้ยคะผู้กอง”
“ใช่”
“เฮ้อ โล่งอกไปที ตอนแรกฉันคิดว่าพวกเราจะไม่มีทางออกซะแล้ว”
“แล้วอย่างนี้พ่อแม่คุณเมต้องติดคุกกี่ปีคะ”
“อาจจะถึงสิบปี”
“โอ้โห นานขนาดนั้นเลยหรือ”
“ใช่ แต่ระหว่างนั้นก็อาจจะได้ลดหย่อนโทษบ้าง”
“สงสารคุณเมจังเลยนะคะ บอกตรง ๆ หนูปึกไม่โกรธเธอเลย ที่ตอนแรกเธอหักหลังพวกเราเพื่อปกป้องพ่อแม่”
“แต่ฉันก็นับถือน้ำใจคุณเมนะ เพราะสุดท้ายเธอก็เลือกความถูกต้อง”
“ใช่ เพราะความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึกพยักหน้าเห็นด้วย
“เอาล่ะ ฉันขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อน คืนนี้จะได้นอนหลับสนิทสักคืน”
“อ้าว แล้วไม่กินข้าวก่อนหรือผู้กอง”
“ไม่ล่ะ อยากนอนให้เต็มอิ่มมากกว่า พรุ่งนี้มีเรื่องต้องทำอีกเยอะ”
ขั้นเทพเดินออกไป
“หวังว่าพรุ่งนี้ทุกอย่างคงจะเรียบร้อยนะพี่ไมค์”
“ต้องเรียบร้อยสิ ทำไม หนูปึกกลัวอะไรหรือ”
“ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก แต่มันหวั่น ๆ ใจยังไงก็ไม่รู้”
“พี่ว่าไม่มีอะไรหรอก คืนนี้คุณเมเขาก็อยู่กับพ่อแม่ แถมผู้กองก็ทิ้งตำรวจไว้ที่นั่น ไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอก”
“ก็ขอให้เป็นอย่างงั้นเถอะ”
“ไป กินข้าวกันเถอะ พี่หิวแล้ว”

ทั้งสองกินข้าวด้วยกัน

คืนนั้น สถิตย์ยุทธฟังโทรศัพท์จากใครบางคน หน้าเครียด ดุดัน ลูกน้องเข้ามาหา 3 คน สถิตย์ยุทธพูดสั่งการบางอย่าง แล้วลูกน้องก็เดินออกไป

เช้าวันรุ่งขึ้น ขั้นเทพเข้ามาที่ทำงาน และถืออกาแฟเข้าไปหาเสวีในห้องทำงาน
“กาแฟครับหัวหน้า”
“ขอบใจขั้นเทพ”
“ในที่สุดเราก็ทำสำเร็จนะครับ”
“ต้องขอบใจคุณมากที่พูดจนพ่อแม่ผู้กองเมษายอมมอบตัว”
“ผมว่าเขาสองคนคงเห็นแก่ความสุขของลูกสาวมากกว่า เพราะถ้าเขาไม่ยอมมอบตัว ผู้กองเมก็ต้องตรอมตรมไปตลอดชีวิต”
“แต่ถึงยังไงคุณก็อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้”
“ขอบคุณครับ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าแบคอัพคอยส่งเสริม ผมก็ทำไม่สำเร็จหรอกครับ”
เสวียิ้มรับคำ ยกกาแฟจิบ
“แล้วหัวหน้าจะเดินแผนต่อไปยังไงครับ”
“เราต้องเก็บพ่อแม่ผู้กองเมษาไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่สุด เพราะถ้าสถิตย์ยุทธรู้ว่าเขาสองคนยอมมอบตัวกับเรา พวกเขาไม่ปลอดภัยแน่”
ขั้นเทพพยักหน้ารับรู้

เช้าวันเดียวกัน วัฒนาเดินลงบันไดบ้านมากับประไพพรรณ เมษานั่งดื่มกาแฟรออยู่
“ไปได้แล้วลูก พ่อกับแม่เรียบร้อยแล้ว”
เมษาวางแก้วขยับลุกขึ้น เดินเข้ามาหาพ่อกับแม่
“พ่อกับแม่ไม่ต้องกลัวนะคะ”
“พ่อไม่กลัวหรอกลูก อย่างที่พ่อเคยบอก เราทำผิดเราก็ต้องรับผิด”
ประไพพรรณพยักหน้ารับคำของสามี
“เมื่อคืนหนูโทรคุยกับผู้กองขั้นเทพ เขาบอกว่าผู้การเสวีท่านรับปากว่าจะช่วยพ่อกับแม่จากหนักให้เป็นเบา”
“แม่เข้าใจทุกอย่างดี ถึงวันนี้ต้องโดนโทษประหารชีวิตแม่ก็ยอม ขอเพียงให้ลูกของแม่กลับมามีความสุขเหมือนเดิม แม่ยอมตาย”
“อย่าพูดอย่างงั้นเลยค่ะ”
“ไปกันเถอะลูก เดี๋ยวผู้กองขั้นเทพเขาจะรอ”
เมษากุมมือแม่พาเดินออกไป วัฒนาเดินตาม ตำรวจนอกเครื่องแบบเปิดประตูรถด้านหลังให้ วัฒนากับประไพพรรณจะก้าวขึ้นรถ
“ตายจริง หนูลืมโทรศัพท์มือถือไว้บนห้อง หนูขึ้นไปเอาแป๊บเดียวค่ะ”
“ไปเถอะลูก”
เมษาเดินออกไป แม่กับพ่อขึ้นนั่งบนรถ ตำรวจขึ้นด้านหน้าทำหน้าที่คนขับ ประไพพรรณบอกตำรวจคนขับ
“คุณตำรวจช่วยสตาร์ทรถแล้วเปิดแอร์ทีค่ะ”
“ครับ”
ประไพพรรณหันมามองหน้าวัฒนา ทั้งสองกุมมือ ยิ้มให้กัน ตำรวจเสียบกุญแจรถบิดสตาร์ท เสียงระเบิดดังสนั่น เมษาซึ่งอยู่ในบ้านตะลึง หันไปมอง ช็อค
“แม่ พ่อ!”
เมษารีบวิ่งมาที่หน้าบ้าน เปลวไฟลุกโชนท่วมรถ
“แม่ พ่อ”
เมษาจะวิ่งเข้าไปหารถ ตำรวจดึงตัวไว้
“อย่าเข้าไปครับ”
“ปล่อยฉัน แม่ พ่อ แม่ ปล่อย”

เมษาร้องตะโกนดิ้น ตำรวจดึงไว้

ขั้นเทพเดินพูดโทรศัพท์อยู่ที่หน่วยฉก. 911

“ว่าไงนะ นี่คุณพูดจริงหรือ โอเคเดี๋ยวผมตามไป”
ขั้นเทพกดปิดโทรศัพท์ผลักประตูเข้าไปในห้องเสวี
“หัวหน้าครับ”
“มีอะไรขั้นเทพ”
“พ่อแม่ผู้กองเมษาตายแล้วครับ”
เสวีช็อค มองหน้าขั้นเทพ ขั้นเทพส่ายหน้าผิดหวัง

เมษาเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล น้ำตานองหน้า ทรุดลงนั่งร้องไห้ ขั้นเทพวิ่งเข้ามาหา เมษาโผเข้ากอด
“ผมเสียใจด้วย”
“ทำไมคนเราถึงได้โหดร้ายอย่างนี้”
“ผมให้สัญญา ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมจะลากคอไอ้ผู้การสถิตยุทธมาลงโทษให้ได้”
เมษาร้องไห้สะอื้น กอดขั้นเทพ

ที่เซฟเฮาส์ของสถิตย์ยุทธ เควิน สมิธ กับ สถิตย์ยุทธชนแก้ววิสกี้กันอย่างพอใจ
“ตอนนี้ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี ไม่มีใครสามารถเอาผิดเราได้ พยานปากเอกทั้งหมดได้หายไปจากโลกนี้แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ผู้การนี่เหนือเมฆจริง ๆ จากนี้ไปเราก็ต้องหาเอเย่นต์ใหม่นะ”
“เรื่องนั้นไม่ยาก มีใครไม่อยากได้เงินบ้าง”
“แต่หวังว่าเอเยนต์ใหม่คงไม่กล้าหักหลังเราแบบคุณวัฒนานะ”
“วัฒนาไม่เท่าไหร่ เมียมากกว่า รักลูกไม่ลืมหูลืมตา กลัวลูกจะเสียหาย”
“แล้วตัวลูกสาวล่ะ ผู้การว่าเธอจะไม่หาทางเล่นงานเราหรือ”
“หึ ถ้ามันอยากตายตามพ่อแม่ก็ลองดู”
“ก็เหลือแต่ไอ้ขั้นเทพ”
“ตอนนี้มันยังแก้คดีของตัวเองไม่ได้ มันจะเอาอะไรมาเล่นงานเรา ว่าแต่คุณยังไม่ได้จ่ายเงินค่าปิดปากพยานปากเอกของเรานะ”
“ความจริง ผมไม่ต้องจ่ายนะ เพราะถ้าผู้การไม่จัดการคุณวัฒนา ผู้การก็ต้องไปพร้อมผมนะ”
สถิตย์ยุทธมองหน้าเควิน สมิธ อย่างไม่พอใจ
“ผมพูดเล่นน่ะ พรุ่งนี้ผมจะโอนเข้าบัญชีให้สองล้าน”
“ห้าล้าน ซื้ออิสรภาพคุณ ไม่แพงหรอก”
“ก็ได้”
เควิน สมิธ ยกแก้วดื่ม สถิตย์ยุทธมอง ยิ้มร้าย

เมษาแต่งชุดดำ ถือรูปพ่อกับแม่เดินเข้ามาในบ้าน ขั้นเทพเดินตามมา เธอวางรูปพ่อกับแม่ น้ำตาไหลริน
“ขอให้พ่อกับแม่ไปสู่สรวงสวรรค์นะคะ ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้ลูกได้เกิดเป็นลูกของพ่อกับแม่ทุก ๆ ชาติไป”
ขั้นเทพเดินเข้ามากอดไหล่เมษา
“คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ต้องห่วงเมนะครับ ผมให้สัญญาว่าผมจะดูแลเมและรักเมให้เท่ากับที่คุณพ่อคุณแม่รัก”
เมษาเอื้อมมือมาแตะที่รูปภาพพ่อกับแม่อีกครั้ง
“หลับให้สบายนะคะแม่ พ่อ ไม่ต้องห่วงหนู”

เมษาสะอื้น ขั้นเทพมองอย่างเห็นใจ

ปึกโยนอาหารปลาลงบ่อในบ้านขั้นเทพ แล้วหันมาถามไมค์ โจ๊กเกอร์

“แล้วอย่างนี้ผู้กองขั้นเทพจะทำยังไง ถ้าพรุ่งนี้ขึ้นศาลแล้วไม่มีพยานหลักฐานไปเอาผิดพวกมัน”
“ก็คงถูกไล่ออกจากตำรวจ”
“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ”
“เห็นผู้กองบอกอย่างงั้นนะ”
“นี่หมายความว่าพวกเราต้องยอมแพ้มันงั้นหรือ”
“ทำไงได้ ไอ้ผู้การสถิตย์ยุทธมันทำลายพยานหลักฐานหมดแล้วนี่”
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าธรรมะจะแพ้อธรรม คนดีต้องแพ้ภัยคนชั่วจริง ๆ หรือพี่ไมค์”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ มองหน้าปึก ถอนใจหมดหวัง

วันรุ่งขึ้น มีการอ่านคำวินิจฉัยของศาล ในห้องพิจารณาคดี เสวี ขั้นเทพ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก นั่งฟังคำวินิจฉัย เควิน สมิธ นั่งอยู่อีกฝั่ง
“เนื่องจากนายเควิน สมิธ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้มีเศียรพระหลวงพ่อคำเกลี้ยงอยู่ในครอบครอง”
เควิน สมิธ ฟังกระหยิ่มรู้ว่าตัวเองชนะคดีแน่
“จากหลักฐานที่ตำรวจและอัยการได้นำเสนอ ศาลได้วิเคราะห์และพิจารณาแล้วเห็นว่าร้อยตำรวจเอกขั้นเทพ นราดุล ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันเพิ่มเติมได้”
เควิน สมิธ มองศาลแสยะยิ้ม ก่อนหันไปมองกลุ่มของขั้นเทพ
“ศาลจึงขอตัดสินยกฟ้องนายเควิน สมิธ”
เควิน สมิธ ยกกำปั้นชูเป็นผู้ชนะ กลุ่มของขั้นเทพต่างสลดกับคำตัดสิน ศาลลุกเดินออกไป ทุกคนยืนเคารพศาล จากนั้น เควิน สมิธ ลุกเดินเข้ามาหากลุ่มของขั้นเทพ
“เที่ยวนี้ถึงตาคุณบ้างล่ะผู้กอง ผมจะเอาให้คุณออกจากราชการเลย”
เควิน สมิธ มองหน้าเอาเรื่องทุกคนก่อนจะเดินออกไป

วันเดียวกันนั้น มีการประชุมของตำรวจในหน่วยฉก.911 เกี่ยวกับคดีของเควิน สมิธ เสวีและขั้นเทพนั่งอยู่ด้วย ประธานตำรวจนั่งหัวโต๊ะอ่านประกาศการประชุม
“จากคดีของนายเควิน สมิธ ที่ร้อยตำรวจเอกขั้นเทพ นราดุล เข้าจับกุม ในข้อหามีเศียรพระหลวงพ่อคำเกลี้ยงไว้ในครอบครอง บัดนี้คดีได้สิ้นสุดลงที่ศาลแล้ว และมีคำตัดสินให้ยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิด และนายเควิน สมิธ ได้ฟ้องกลับหน่วยเฉพาะกิจ 911 ทำให้หน่วยงานเสื่อมเสียชื่อเสียงจากการกระทำของร้อยตำรวจเอกขั้นเทพ นราดุล หน่วยเฉพาะกิจ 911 จึงมีมติให้ร้อยตำรวจเอกขั้นเทพ นราดุล ออกจากราชการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
เสวีลุกขึ้นทันที
“ขออนุญาตครับท่าน ผมอยากให้ทบทวนสักนิดนะครับ จากคดีที่เกิดขึ้นผู้กองขั้นเทพไม่ได้กระทำการยัดเยียดหลักฐานตามที่ถูกกล่าวหานะครับ เราสืบรู้ว่าเควิน สมิธ เป็นผู้ลักลอบค้าเศียรพระจริง ๆ ครับ”
“ผมเข้าใจนะผู้การเสวี แต่คุณไม่มีหลักฐานมายืนยัน ผมจำเป็นต้องปฏิบัติตามหน้าที่ เอาล่ะ แค่นี้นะ”
ประธานลุกขึ้น ทุกคนลุกยืนตามคำนับ พอประธานเดินออกไป ขั้นเทพทรุดลงนั่ง เสวีเข้ามาปลอบ
“ใจเย็นขั้นเทพ ผมจะทำเรื่องขออุทธรณ์ให้คุณ”
“ขอบคุณครับหัวหน้า”
“เดี๋ยวผมจะโทรหาท่านรองสมภพอีกที”

เสวีเดินออกไป ขั้นเทพนั่งคอตก
 
อ่านต่อหน้า 4

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 10 (ต่อ)

เวลาเดียวกันนั้น สถิตย์ยุทธนั่งฟังโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงาน พยักหน้าอย่างพอใจ

“ขอบใจมาก”
สถิตย์ยุทธกดปิดโทรศัพท์
“อย่าหวังเลยว่าแกจะได้เกิดอีกครั้งไอ้ขั้นเทพ ฉันจะกดหัวแกให้จมดินเลย” สถิตย์ยุทธแสยะยิ้ม

เมษากับขั้นเทพยืนคุยกันอยู่ในสวนสาธารณะ
“ในที่สุดเราก็แพ้พวกมันจริง ๆ”
“อย่าเพิ่งท้อ ผมสัญญากับคุณแล้วไงว่าผมจะต้องจับไอ้สถิตยุทธ กับ เควิน สมิธ ให้ได้”
“แต่ตอนนี้เราสองคนไม่มีอำนาจอะไรที่จะไปจับพวกมันแล้วนะคะ ฉันกับคุณ เราไม่ได้เป็นตำรวจแล้วนะ”
“แต่ถึงยังไงผมก็ไม่มีวันยอมแพ้หรอก คนอย่างผมมีแต่ความตายเท่านั้นที่จะหยุดผมได้”
เมษามองขั้นเทพด้วยความรักและศรัทธา
“ฉันคิดไม่ผิดเลยที่เลือกรักคุณ”
ขั้นเทพมองสบตาเมษา ทั้งสองยิ้มให้กัน

ปึกพูดโทรศัพท์กับแม่ เดินลงจากบันไดบ้านมา
“อีหลีบ่แม่ จ้ะ จ้ะ หนูปึกจะรีบกลับเด้อ”
ปึกปิดโทรศัพท์ ไมค์ โจ๊กเกอร์ มอง
“แม่โทรมามีอะไรหรือหนูปึก”
“แม่บอกว่าตอนนี้ตำรวจเขาเอาเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงกลับไปไว้ที่วัดแล้ว”
“อีหลีบ่”
“แม่นแล่ว ในที่สุดหนูปึกก็ทำสำเร็จ หนูปึกพาหลวงพ่อคำเกลี้ยงกลับบ้านเกิดได้แล้ว ไชโย”
ปึกเข้าไปกอดไมค์ โจ๊กเกอร์ เมษากับขั้นเทพเดินเข้าบ้านมา
“ดีใจอะไรหนูปึก”
“แม่โทรมาบอกว่าเขาเอาเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงกลับไปที่บ้านนอกแล้วค่ะ”
“จริงหรือ ดีใจด้วยนะ”
“แล้วมะรืนนี้เขาจะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญ แม่อยากให้หนูปึกกลับไปร่วมงานน่ะค่ะ”
“พี่ไปด้วยได้มั้ย”
“ได้สิ หนูปึกก็อยากให้พี่ไมค์ ไปรู้จักกับพ่อแม่ ผู้กองกับคุณเมไปเที่ยวบ้านหนูปึกด้วยกันมั้ยคะ”
ขั้นเทพกับเมษามองหน้ากัน
“ก็ดีเหมือนกันนะ ไปไหว้พระจะได้สบายใจขึ้น”
“ก็ได้ค่ะ ถึงยังไงตอนนี้เราก็ไม่มีงานทำแล้ว”
“งั้นก็ไปเก็บเสื้อผ้า ไปกันเลย”
“ไปเดี๋ยวนี้เลยหรือคะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันกับคุณเมตกงาน”
“ไชโย งั้นงานนี้หนูปึกขอเป็นเจ้าภาพพาเที่ยวเองค่ะ”
“งั้นเราไปเก็บเสื้อผ้าก่อนดีกว่าหนูปึก”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึกเดินออกไป ขั้นเทพหันมาบอกเมษา
“ไปเที่ยวต่างจังหวัดอาจทำให้เราสองคนคิดอะไรออกขึ้นมาบ้างนะ”
“ฉันก็หวังอย่างงั้นค่ะ”

เมษายิ้มให้ขั้นเทพ

ขั้นเทพขับรถมาตามทางในต่างจังหวัด ไมค์ โจ๊กเกอร์ นั่งหน้าคู่กับขั้นเทพ เมษากับปึกนั่งเบาะหลัง ขั้นเทพมองกระจกรถ สบตากับเมษา แล้วถามขึ้น

“เบื่อรึเปล่า”
“ไม่ค่ะ”
“ถ้าเซ็งมานั่งหน้าดีกว่าครับ มาช่วยผู้กองดูทาง ผมชักง่วงแล้ว”
“นายจะหลับก็หลับเถอะ ฉันขับได้”
“ผมก็อยากจะนั่งกับแฟนผมบ้าง”
“ก็พูดให้มันตรง ๆ หมดเรื่อง”
“นั่งกับผู้กองก็ดีแล้วน่ะ ไม่ต้องมานั่งข้างหนูปึกหรอก”
“แหม ก็คนเขาคิดถึงนี่”
ปึกมองค้อน ขั้นเทพหัวเราะมองเมษา เมษายิ้มให้

เวลาผ่านไป เมษามานั่งด่านหน้าข้างคนขับ ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึกหลับพิงกัน เมษายิ้มหันกลับมามองขั้นเทพ
“อิจฉาเขาสองคนจัง กินเสร็จก็หลับเลย คุณง่วงรึเปล่า เปลี่ยนให้ฉันขับบ้างมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก ผมขับได้ ถ้าคุณง่วงก็หลับได้นะ”
“ฉันไม่ง่วงหรอกค่ะ อยากดูข้างทางไปเรื่อย ๆ”
ขั้นเทพคว้ามือเมษามากุม เมษามองสบตายิ้มให้

ตอนเย็น รถของขั้นเทพขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน พ่อแม่ปึกยืนรออยู่ ปึกลงจากรถวิ่งเข้าไปหา
“อีพ่อ อีแม่ อีหนูปึกมาแล้วจ้ะ”
ปึกโผเข้ากอดพ่อกับแม่
“คิดฮอดพ่อกับแม่หลาย ๆ เด้อ”
“พ่อกับแม่ก็คิดฮอดเอ็ง แล้วนั่นไผ”
“เพื่อนหนูจ้ะ นั่นผู้กองนขั้นเทพกับผู้กองเมจ้ะ เขาเป็นคนวางแผนจนได้พระหลวงพ่อคำเกลี้ยงกลับคืนมา”
พ่อกับแม่พยักหน้ารับรู้ แล้วมองไมค์ โจ๊กเกอร์
“แล้วอีกคนหนึ่งล่ะ”
“ผมบุญเลิศครับแม่ หรือจะเรียกว่าไมค์ โจ๊กเกอร์ ก็ได้ครับ”
“เป็นตำรวจเหมือนกันหรือ”
“ไม่ใช่ครับผมเป็น”
“แฟนหนูจ้ะ”
“หา แฟน”
“ผัวงั้นหรือ”
“บ่ครับพ่อ ยังบ่ได้เป็นผัวเมียกันครับ”
“ใช่จ้ะ เราแค่รักกันเฉย ๆ พี่ไมค์ เขาอยากมาไหว้พ่อกับแม่”
“เอา เอา งั้นเข้าบ้านก่อน เชิญ เชิญครับผู้กอง”

พ่อเดินนำทุกคนเข้าบ้านไป

เควิน สมิธ มาหาสถิตย์ยุทธที่เซฟเฮาส์เช่นเคย

“เห็นข่าวพระหลวงพ่อคำเกลี้ยงแล้วเสียดาย ลูกค้าผมเพิ่งโทรมาบอก ว่าถ้ามีโอกาสเอามาได้ เขายังสนใจอยู่นะ ผู้การ”
“ผมว่ายากแล้วล่ะ ตอนนี้เขารักษาการแน่นหนา ถ้าอยากได้จริงต้องรอนานหน่อย ให้คนลืม ๆ เรื่องไปสักพัก”
เควิน สมิธ พยักหน้ารับรู้ สถิตย์ยุทธหยิบไอแพดมาเปิด
“ผมว่าคุณดูนี่ดีกว่า มีคนเขาส่งมาให้ผม บอกว่าเพิ่งได้มาสด ๆ ร้อน ๆ เศียรพระสมัยอู่ทอง สนใจมั้ย”
“ราคาเท่าไหร่”
“สำหรับคุณ ไม่แพงหรอก เขาคิดสามล้าน”
“ผมขอดูของจริงก่อน”
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมนัดให้”
เควิน สมิธ พยักหน้ามองรูปในไอแพดอีกครั้ง

คืนนั้น ดาวเต็มท้องฟ้า ขั้นเทพ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับ ปึก นั่งล้อมโต๊ะดื่มเครื่องดื่มอยู่กลางทุ่ง
“โอ้โห ที่นี่ดาวเต็มท้องฟ้าเลยนะ”
“ใช่ ถ้าอยู่กรุงเทพไม่เห็นดาวสักดวง”
“เห็นมั้ยล่ะ บ้านนอกมันดีอย่างนี้”
“ผมว่าผมย้ายมาอยู่บ้านนอกกับหนูปึกดีกว่า ผู้กองกับคุณเมสนใจมั้ยครับ”
เมษามองบรรยากาศรอบตัว
“ฉันก็ชอบนะ แต่ถ้าให้มาอยู่จริง ๆ ไม่รู้จะอยู่ได้รึเปล่า แล้วคุณล่ะคิดว่าอยู่ได้มั้ย”
“ถ้ามีคุณอยู่ด้วย ที่ไหนผมก็อยู่ได้”
ขั้นเทพทำหวานใส่ เมษามองค้อน
“โอ๊ย ทนไม่ได้” ไมค์ โจ๊กเกอร์โวย
“หวานเกินไปแล้วค่ะผู้กอง”
“นั่นน่ะสิ อย่ามาพูดหวานแบบนี้ ฉันก็อายเป็นนะ”
“อายอะไรกัน ผมพูดเรื่องจริงนี่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ต้องมีผมอยู่ด้วยทุกที่”
ขั้นเทพยังทำหวาน เมษามองยิ้ม
“ฟังแล้วซึ้งจริง ๆ ค่ะ พี่ไมค์น่ะไม่เห็นพูดจาหวานเหมือนผู้กองขั้นเทพเลย”
“ก็พี่มันคนจริงนี่ ไม่ใช่พวกปากหวานก้นเปรี้ยว รักก็บอกว่ารัก คำเดียวสั้น ๆ ไม่ต้องยืดยาวเหมือนเล่นลิเก”
“อ้าว ไอ้นี่ ปากวอนหาเรื่องจริง ๆ”
“ล้อเล่นน่า นี่พูดจริง ๆ นะ ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านนอกกับหนูปึก”
“ถ้านายคิดอย่างงั้นจริงฉันก็ดีใจกับหนูปึกด้วย”
“แล้วนายถามพ่อแม่หนูปึกรึยังว่าเขาต้อนรับนายรึเปล่า”
“ใช่ พ่อกับแม่เพิ่งถามอยู่เลยนะ ว่าพี่ทำมาหากินอะไร มีเงินมีทองมาขอหนูปึกรึเปล่า”
“จริงหรือ พ่อแม่หนูปึกพูดอย่างนั้นจริง ๆ หรือ”
“จริงสิ พ่อกับแม่เขากลัวว่าพี่จะมาหลอกหนูปึก”
“อย่างนี้ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวพี่จะไปคุยกับพ่อแม่ให้รู้เรื่องเลยดีกว่า ว่าพี่เป็นคนยังไง ไป หนูปึก”
“อย่าเลยพี่ไมค์”
“ไม่ได้ ถึงพี่จะมีเงินไม่มาก แต่พี่ก็รักหนูปึกจริง ไปพูดกันให้รู้เรื่อง ถ้าไม่ยกให้ล่ะก็ คืนนี้จะพาหนีล่ะ”
“จริงหรือพี่ไมค์”
“จริงสิ”

ไมค์ โจ๊กเกอร์ ลากแขนปึกออกไป

ขั้นเทพกับเมษามองตามยิ้มขำ

“ไอ้ไมค์ นี่มันลูกบ้าเยอะจริง ๆ”
“เขาสองคนคงรักกันจริง ๆ นะ”
“ผมก็รักคุณจริง ๆ”
ขั้นเทพจ้องตา เมษามองยิ้ม
“คุณบอกฉันเป็นครั้งที่ร้อยแล้ว”
“ก็ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมรักคุณทุกเวลา ทุกวินาที”
ขั้นเทพหอมแก้มเมษา เธอยิ้มให้
“หรือว่าเราจะย้ายมาอยู่ที่นี่กันดีมั้ย”
“ตอนนี้ฉันยังไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ตราบใดที่ฉันยังไม่สามารถจัดการกับผู้การสถิตย์ยุทธได้”
“หัวหน้าบอกให้ผมรออีกสักระยะหนึ่ง ให้ผู้การสถิตย์ยุทธตายใจ คิดว่าเราไม่กล้ายุ่งกับมันอีก แล้วเราค่อยเริ่มหาทางจัดการกับมัน”
“แต่ฉันว่าจากนี้ไปคงไม่ง่าย เพราะมันต้องระวังตัวมากขึ้น”
“แต่ผมเชื่อว่ามันต้องมีจุดอ่อนให้เราจัดการกับมันได้ เชื่อผม”
ขั้นเทพยกแก้วให้ เมษายกแก้วชน
“คุณดูนั่นสิ ดาวตก”
“จริงด้วย”
ทั้งสองชี้ชวนกันดูดาว

ตอนเช้า ทุกคนนั่งกินอาหารเช้า ล้อมโต๊ะ พ่อปึกส่งจานปลาแดกให้ขั้นเทพ
“นี่ผู้กอง ปลาแดก กินเป็นมั้ย”
“เป็นครับ สมัยผมเรียนจบใหม่ ๆ ผมเคยมาประจำการที่อีสาน”
“แล้วผู้กองหญิงล่ะไหวมั้ย ฉันดูจากหน้าตาท่าทางแล้วจะไม่รอดนะ สงสัยจะอ้วกซะก่อน”
“อย่าดูถูกผู้กองเมนะแม่ เห็นสวย ๆ ขาว ๆ อย่างนี้ แกอยู่กรุงขั้นเทพ กินส้มตำปลาร้าทุกวัน”
“มันต้องอย่างนี้สิ ลูกอีสานชัด ๆ” แม่พอใจ
“หนูทานได้ทุกอย่างล่ะค่ะ”
“แต่ผมว่ามีอย่างหนึ่งที่คุณเมทานไม่ได้” ไมค์ โจ๊กเกอร์ขัดขึ้น
“อะไร” ขั้นเทพแปลกใจ
“ก็อะไรที่ผู้กองตักป้อนให้ คุณเมเขาไม่กิน”
“นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้เขายอมให้ฉันป้อนแล้ว”
“น้อย ๆ หน่อย ฉันไม่เคยให้คุณป้อนนะ”
ทั้งกลุ่มหัวเราะขำกัน
“นี่หนูปึก เอ็งรู้มั้ย ตอนนี้พ่อกับแม่ดังใหญ่แล้วนะ”
“ดังยังไงพ่อ”
“ก็เอ็งเป็นคนนำเศียรหลวงพ่อกลับมาได้ ชาวบ้านเขาแซร่ซ้องสรรเสริญพ่อกับแม่กันยกใหญ่”
“ถ้างั้นตอนนี้หนูปึกก็ต้องเป็นดาราดังของหมู่บ้านน่ะสิพ่อ” ไมค์ โจ๊กเกอร์ ตื่นเต้น
“ไม่ใช่นะพ่อ พ่อกับแม่ต้องไปแก้ข่าวนะ ไม่ใช่หนูคนเดียว ผู้กองเมกับผู้กองขั้นเทพต่างหาก หนูเป็นแค่ผู้ช่วย”
“อ้าว งั้นหรือ เดี๋ยวต้องไปแก้ข่าวที่วัดนะแม่”
“ไม่ต้องไปแก้หรอกครับพ่อ”
“ใช่ค่ะ งานนี้ถ้าไม่ได้หนูปึกเราก็ไม่ได้เศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงกลับมาหรอกค่ะ”
“อ้าว คุณเม ลืมผมได้ไงครับ ถ้าไม่ได้ผมเข้าไปช่วยหนูปึก หนูปึกอาจจะมีอันตรายนะ”
“ใช่จ้ะพ่อ ถ้าไม่ได้พี่ไมค์ หนูต้องเสียสาวแน่”
“พูดแบบนี้ จะให้ข้ายกเอ็งให้ไอ้ไมค์ฟรี ๆ เลยดีมั้ย”
“ไม่ได้นะพ่อ”

แม่รีบขัด ทั้งหมดหัวเราะกัน หยิบอาหารกิน เฮฮา
 
อ่านต่อตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น