xs
xsm
sm
md
lg

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 4

ขั้นเทพนอนแช่น้ำในอ่าง พลางคิดถึงใบหน้าสวย ๆ ของเมษา

“ทำไมไอ้ชายไม่บอกเราว่าผู้กองเมษาเป็นตำรวจ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ มาเคาะประตูห้องน้ำเรียก
“ผู้กอง”
“อะไร”
“ฉันจะออกไปดื่มอะไรหน่อยที่ร้านข้าวต้มปลาปากซอยนะ ถ้าสนใจก็ตามไปนะ”
“อืม”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินออกไป เสียงโทรศัพท์มือถือของขั้นเทพที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น เขาชะงักหยุดมอง
“สงสัยแฟนโทรมา ขออำซะหน่อย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ กดรับทำเสียงเข้ม
“ฮัลโหล ผมผู้กองเทพพูดครับ”
“หวัดดีค่ะ นี่หนูปึกเด้อค่ะ จำหนูปึกได้บ่คะ อ้ายผู้กอง”
“ได้สิ ทำไมข้อยสิจำเจ้าบ่ได้”
“อุ๊ย ผู้กองเว้าลาวได้ด้วยหรือคะ”
“ได้สิ อ้ายคนกาฬสินธ์เด้อ”
“แม่นบ่”
“แม่นแล่ว”
“นี่ผู้กองทำอิหยังอยู่คะ”
“อาบน้ำ จ้ะ แล้วน้องปึกโทรมามีอิหยังล่ะ”
“หนูปึกคิดฮอดผู้กองน่ะค่ะ”
“ใจตรงกันเด้อ อ้ายอาบน้ำอยู่ก็คิดฮอดเจ้าหลาย ๆ”
“ผู้กองอย่ามาปากหวานให้หนูปึกดีใจเด้อค่ะ หนูปึกจะโทรมาบอกว่าหนูปึกมีโทรศัพท์แล้วนะคะ ผู้กองโทรหาได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงเด้อค่ะ”
“เบอร์นี้เลยนะ”
“ค่ะ แค่นี้ก่อนเด้อค่ะ ปึกแค่โทรมาบอกผู้กอง”
“จ้า แล้วโทรมาอีกเด้อ คิดฮอดจุ๊บจุ๊บ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ กดปิดโทรศัพท์ยิ้มขำที่คุยกับปึก ขั้นเทพเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ
“อ้าว นี่ยังไม่ไปไหนอีกหรือ”
“กำลังจะไป แหม มีแฟนเป็นสาวอีสานไม่บอกเลยนะ”
“ใคร”
“อย่ามาแอ๊บแบ๊วน่าผู้กอง”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินออกไป ขั้นเทพเช็ดผมงงๆ

เวลาต่อมา ขั้นเทพมาพบเสวีที่ห้องทำงานเพื่อปรึกษาเรื่องของเมษา
“คุณกำลังสงสัยว่าวิหคเวหาสอดแนมเรางั้นหรือ”
“ครับ”
“เขาจะสอดแนมเราเพื่ออะไร ในเมื่อหน่วยงานของเราได้รับภารกิจให้ติดตามจับเควิน สมิธ”
“นั่นสิครับ ผมถึงสงสัยแล้วมาปรึกษาท่าน เป็นไปได้มั้ยครับที่หน่วยวิหคเวหามีเบื้องลึกอะไรกับเควิน สมิธ”
“คุณจะบอกว่ามีตำรวจสมคบคิดกับโจรงั้นหรือ”
“ถ้าไม่ใช่ ทำไมหน่วยวิหคเวหาถึงต้องส่งผู้กองเมษามาสอดแนมผม”
“อืม มันก็น่าคิด เอาอย่างนี้ผมขอให้เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเราสองคน”
เสียงเคาะประตูดังขั้น ทั้งสองชะงัก ชายชาติเปิดประตูเข้ามา
“อ้าว ชายชาติมีอะไร”
“ผมจะมาเตือนท่านว่าบ่ายนี้ท่านมีประชุมที่กอรมน.นะครับ”
“ขอบใจ ผมไม่ลืมหรอก”
“ไงเทพ ท่าทางเครียดนะ”
“ก็นิดหน่อย”
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ”
“อืม ขอบใจ”
ชายชาติเดินออกไป ขั้นเทพนึกถึงเรื่องเมษา
“คุณเองก็ลองสืบเรื่องที่เราคุยกันดู ระวังอย่าให้หน่วยวิหคเวหาไหวตัวล่ะ เพราะถ้าเรื่องนี้เป็นจริงอย่างที่คุณสงสัย งานนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ”
“ครับ ผมรู้ว่าเป็นเรื่องยากและอันตราย เพราะตำรวจที่อยู่เบื้อง หลังคงไม่ยอมให้เราจับง่าย ๆ”
“แต่เพื่อเกียรติภูมิของตำรวจเราต้องทำให้ได้”
“ครับ ผมจะเปิดโปงขบวนการนี้ให้ได้”
“ผมคิดไม่ผิดที่เลือกคุณมาทำงานนี้”

เสวีจับมือขั้นเทพให้กำลังใจ

เมษานั่งครุ่นคิดถึงภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากสถิตย์ยุทธ อยู่ที่โต๊ะทำงาน

“ทำไมหัวหน้าถึงให้เราไปสอดแนมผู้กองเทพ ในเมื่อเขาก็เป็นตำรวจ หรือหัวหน้าอาจจะไม่รู้ ไม่น่าเป็นไปได้”
สถิตย์ยุทธเดินผ่านมา แล้วพยักหน้าทักทายเธอก่อนจะเดินผ่านไป เมษาตัดสินใจบางอย่าง
“เราต้องถามให้รู้เรื่อง ขืนเก็บไว้จะทำงานไม่ได้”
เมษาตามสถิตย์ยุทธไปที่ห้องทำงาน
“อ้าว มีอะไรผู้กองเม เมื่อกี้ผมเดินมาเห็นจ้องหน้าผมเหมือนมีเรื่องอะไรในใจ”
“เมอยากจะถามหัวหน้าว่าหัวหน้าทราบมั้ยคะว่านายเคนคนขับรถของไมค์ โจ๊กเกอร์เป็นตำรวจ”
สถิตย์ยุทธชะงัก ทำเป็นจิบกาแฟกลบเกลื่อน
“ผู้กองเทพน่ะหรือ”
“นี่หัวหน้ารู้หรือคะว่าเขาเป็นตำรวจ”
“รู้สิ ทำไมผมจะไม่รู้”
“อ้าว แล้วหัวหน้าส่งเมเข้าไปสอดแนมเขาทำไมคะ”
“สายของเรารายงานมาว่า ผู้กองเทพพัวพันกับขบวนการลักลอบค้าวัตถุโบราณ”
“จริงหรือคะ”
“นี่ไง จริงหรือไม่จริงผมยังไม่รู้ ผมถึงให้คุณเข้าไปสอดแนมเขา”
“แล้วทำไมหัวหน้าไม่บอกเมก่อนล่ะคะ”
“ถ้าผมบอกคุณก่อน คุณก็จะพุ่งความสนใจไปที่ผู้กองเทพจนเขาจับได้”
“อ๋อ เมเข้าใจแล้วค่ะ”
“แล้วที่คุณมาถามผมนี่ ผู้กองเทพรู้รึเปล่าว่าคุณเป็นตำรวจ”
“รู้ค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นตอนนี้ก็คงลำบากแล้ว เพราะเขาต้องระวังตัว ไม่ให้คุณเข้าใกล้เขาแน่”
“หัวหน้าไม่ต้องห่วงค่ะ เมคิดว่าเมมีทางที่จะเข้าถึงตัวเขา”
“คุณจะทำยังไง”
“คงต้องใช้แผนสวยร้ายสายลับน่ะค่ะ”
“แหม ผมชอบรหัสนี้จัง สวยร้ายสายลับ”
“งั้นเมขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่หัวหน้าให้ความกระจ่าง”
เมษาทำความเคารพแล้วเดินออกไป

สถิตยุทธกดโทรศัพท์หาชายชาติ หลังจากคุยกับเมษา
“ชายชาติหรือ”
“ครับ หัวหน้า”
“ตอนนี้ผู้กองเทพรู้แล้วว่าเราสอดแนมมัน”
“แล้วเราจะทำยังไงครับ”
“เป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องเก็บมันทิ้ง”
“ต้องถึงขั้นนั้นเลยหรือครับ”
“ถ้าขืนปล่อยไว้แล้วผู้กองเทพเปิดโปงเรื่องนี้ได้ คุณกับผมจะพัง แต่ถ้าคุณใจไม่ถึงไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะให้คนอื่นทำภารกิจนี้แทน”
“อ๋อ ไม่ครับ ผมทำได้”
“มันต้องอย่างนี้สิ ถึงจะอยู่กับผมได้ จัดการให้เร็วที่สุด อย่าให้เหลือหลักฐาน”
“รับรองครับ ผมจะไม่ให้เหลือซาก”
ขั้นเทพเดินเข้ามาหยุดมอง เห็นชายชาติพูดโทรศัพท์ ชายชาติมองขั้นเทพอย่างใจเย็น
“แค่นี้นะครับ”
ชายชาติกดปิดโทรศัพท์ ขั้นเทพเดินเข้ามาหา
“คุยกับใครหรือชาย”
“อ๋อ ญาติผู้ใหญ่น่ะ”
“ฉันมีเรื่องอยากถามนาย”
“เรื่องอะไร”
“ทำไมนายไม่บอกฉันว่าผู้กองเมเป็นตำรวจ”
ชายชาติอึ้ง แต่ควบคุมอารมณ์ได้
“อ๋อ น้องเขาขอไม่ให้ฉันบอกใคร”
“ทำไม”
“อ้าว ก็งานของเขาต้องแฝงตัวไปตามที่ต่าง ๆ เขาก็ไม่อยากเปิดเผยตัวให้ใครรู้”
“แต่นายก็รู้นี่ว่าฉันทำภารกิจเควิน สมิธอยู่”
“ใช่ ฉันรู้ แต่ฉันไม่รู้นี่ว่าภารกิจของน้องเมคืออะไร แล้วนายก็ไม่ได้บอกฉันว่านายรู้จักกับเธอ แล้วถ้าวันนั้นฉันไม่เจอนายกับน้องเมพร้อม ๆ กัน ฉันก็ไม่รู้ จริงรึเปล่า”
ขั้นเทพอึ้งกับเหตุผลของชายชาติ
“ก็จริงของนาย ฉันไม่ได้บอกนายเรื่องผู้กองเม”
“แล้วนายถามฉันทำไม”
“เปล่า ฉันแค่สงสัยว่าทำไมนายต้องปิดบังฉันเรื่องนี้ ขอโทษด้วย”
“ไม่เป็นไร”
ขั้นเทพพยักหน้าหันเดินลงบันไดไป แต่ชายชาติเรียกไว้
“เฮ้ยเทพ”
“อะไร”
“แกเองก็ระวังตัวแล้วกัน”
“ระวังตัวทำไม”
“ก็ภารกิจนี้มันอันตรายนะโว้ย”
“ขอบใจสำหรับคำเตือน”
“ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่หว่า”
ขั้นเทพพยักหน้ายิ้มให้ หันหลังเดินลงบันไดโบกมือให้ชายชาติ ชายชาติมองตามขั้นเทพไป

“ขอโทษด้วยว่ะเพื่อน มันจำเป็นจริง ๆ”

ขั้นเทพเดินลงบันไดเลี้ยวโค้งมาชนเข้ากับใครบางคน

“ขอโทษครับ”
“ขอโทษค่ะ”
ขั้นเทพมองชะงักเห็นเป็นเมษา
“อ้าวคุณ”
“ฉันไม่ทันมอง”
“ผมก็ไม่ทันมอง ชายชาติอยู่ข้างบน”
“ฉันไม่ได้มาหาผู้กองชายชาติ”
“แล้วคุณมาหาใคร”
“ฉันมาหาคุณ”
“มาหาผม อย่าบอกนะว่าคุณสนใจผม”
“มากไป คุณอย่าเพิ่งรีบสรุปอะไรง่าย ๆ”
“ถ้างั้นคุณมาหาผมเรื่องอะไร”
“ฉันอยากชวนคุณไปกินข้าวกลางวัน”
“กินข้าวกลางวัน”
“ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ”
“อ้อ แสดงว่าเรื่องงาน ผมก็นึกว่าเรื่องส่วนตัว”
“ฉันไม่มีเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว”
“งั้นก็เชิญครับ”
ขั้นเทพผายมือให้ เมษาเดินนำขั้นเทพออกไป

ไมค์ โจ๊กเกอร์ นุ่งผ้าขาวม้าแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำ เสียงออดดังขึ้น
“ใครวะ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ คว้าเสื้อมาสวม เดินออกไปหน้าบ้าน
“มีอะไรครับ”
ปึกยืนอยู่หน้าบ้าน ถือถุงส้มตำไก่ย่าง ทั้งสองต่างชะงัก
“สวัสดีค่ะ คุณพี่คือคนที่ซ่วยหนูปึกวันนั้นแม่นบ่คะ”
“ใช่จ้ะ”
“หนูปึกยังบ่ได้ขอบคุณคุณพี่เลย ขอบคุณหลาย ๆ เด้อจ้ะ”
“สำเนียงแบบนี้ เป็นคนบ้านไหน”
“อยู่ร้อยเอ็ดค่ะ”
“ใกล้กันน้อ อ้ายอยู่กาฬสินธุ์ มา เข้าบ้านก่อน เข้ามาก่อน”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินนำปึกเข้าไปในบ้าน
“อ้ายผู้กองเทพอยู่บ่ หนูปึกซื้อส้มตำไก่ย่างมาฝาก อยากจะขอบคุณอ้ายที่ซ่วยเหลือหนูปึกไว้”
“ผู้กองเขาไปทำงานน่ะ”
“ว้า เสียดายหลาย หนูปึกว่าสิโทรมาก่อนแล้วเด้อ”
“บ่เป็นหยังดอก เดี๋ยวอ้ายสิบอกให้ว่าอีหล่าเอาส้มตำมาฝากเพิ่น”
“ขอบคุณหลาย ๆ เด้อ แต่หนูปึกว่าถ้าเก็บไว้กินตอนเย็นมันสิบ่แซ่บ เอาจั่งซี้ วันหน้าหนูปึกสิเอามาฝากผู้กองใหม่ วันนี้หนูปึกให้อ้ายก่อน”
“ขอบใจหลายเด้อ”
ปึกมองยิ้มให้
“แล้วอ้ายซื่ออิหยัง หนูปึกยังบ่ฮู้”
“เรียกอ้ายว่า ไมค์”
“ไมค์ แหม ซื่อฝรั่งเสียด้วย”
“แต่อ้ายว่านะ ไหน ๆ เจ้าก็ซื้อของกินมาตั้งเยอะ เรามากินด้วยกันเลยดีบ่”
“ก็ดีเด้ออ้าย”
“งั้นเดี๋ยวอ้ายสิแกะใส่จานให้”
“หนูปึกซ่วยจ้ะ”

ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินไปหยิบจาน ปึกแกะของ

เมษามาที่ร้านอาหารกับขั้นเทพ พนักงานวางเครื่องดื่มให้ เธอหยิบขึ้นมาจิบ ขั้นเทพมองสำรวจ

“วันนี้คุณสวยกว่าทุกครั้งที่ผมเจอนะ”
“ถ้าคุณคิดจะจีบฉันล่ะก็ อย่าเลย เสียเวลาเปล่า เพราะฉันไม่ชอบผู้ชายอย่างคุณ”
“ผมว่าคุณพูดแรงไปนะ”
“ฉันเป็นคนพูดตรง คุณจะได้ไม่เสียเวลา”
“งั้นคุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผม”
“ฉันเอาเรื่องที่หัวหน้าให้ฉันสอดแนมคุณกลับไปคิดดู”
“แล้วไง”
“ฉันกำลังสงสัยว่าหัวหน้าฉันอาจจะเล่นไม่ซื่อ”
ขั้นเทพมองหน้าเมษา ไม่ไว้ใจ
“แล้วทำไมอยู่ ๆ คุณถึงสงสัยเขา คุณไปคุยกับเขามาหรือ”
“เปล่า ฉันจะไปคุยได้ยังไง ขืนคุยฉันก็ติดคุกฟรีสิ ฉันแค่ลองมาวิเคราะห์ดูว่าเขาต้องมีอะไรปิดบังแน่ ๆ ถึงให้ฉันมาสอดแนมคุณ”
“แล้วทำไมคุณถึงเอาเรื่องนี้มาคุยกับผม”
“ฉันก็อยากรู้ว่าคุณทำภารกิจอะไรหรือ หัวหน้าถึงให้ฉันมาสอดแนมเรื่องคุณ”
“เรื่องนี้ผมบอกคุณไม่ได้”
“คุณไม่ไว้ใจฉันหรือ”
“ถึงคุณจะสวยน่ารักแล้วก็มีเสน่ห์สำหรับผม แต่เรื่องงานผมต้องแยกให้ออก”
ขั้นเทพจ้องหน้าเมษา เมษาแอบสะเทิ้นแต่ควบคุมได้
“แล้วฉันต้องทำยังไงคุณถึงจะไว้ใจฉัน”
ขั้นเทพถอนใจกอดอกทำทีหนักใจ
“ว่าไง ฉันต้องทำยังไง คุณถึงจะยอมเล่าให้ฉันฟัง”
“ถ้าคุณยอมเป็นแฟนผม ผมอาจจะเล่าให้คุณฟังก็ได้”
เมษาเขิน แต่ทำวางมาด
“ฉันว่ามากไปนะ”
“อ้าว ก็คุณถามผมว่าต้องทำยังไง พอผมบอกไป คุณกลับมาว่าผมซะอีก”
พนักงานเอาอาหารเข้ามาเสิร์ฟ วางสปาเกตตี้ให้เมษา พล่าแซลม่อนและพอร์คชอพให้ขั้นเทพ
“ร้านนี้ สปาเกตตี้ที่คุณสั่ง อร่อยมาก”
เมษามองชายหนุ่มอย่างอึดอัดที่ทำเป็นจะจีบเธอ ขั้นเทพอมยิ้ม
“ผมว่าคุณกลับไปคิดดูดี ๆ ดีกว่านะ ผมเองก็ไม่ได้หน้าตาขี้เหร่อะไร นิสัยก็รักความยุติธรรม รักเด็ก ชอบไปวัดทุกวันพระ”
“พอ พอ พอได้แล้ว ไม่ต้องมาสาธยาย ฉันไม่อยากฟัง”
“ผมก็แค่บอกสรรพคุณตัวเองให้คุณรู้ เพื่อเป็นข้อมูลให้คุณตัด สินใจว่าเป็นแฟนผมดีรึเปล่า”
“ฉันบอกตอนนี้เลยว่าโนเวย์”
เมษาม้วนสปาเกตตี้เข้าปาก ขั้นเทพมอง หญิงสาวเคี้ยวทำเป็นไม่เขินอาย
“อร่อยมั้ยครับ”
“อืม”
ขั้นเทพตักพล่าแซลม่อนให้
“ลองนี่หน่อยครับ”
“ไม่ต้องตักให้ฉัน ฉันตักเองได้”
“ผมลืมบอกไปอีกข้อ ผมรักความสะอาดด้วยนะ ไม่เคยเที่ยวผู้หญิงที่ไหนเลยตั้งแต่เกิดมา”
“แต่ฉันว่าคุณเนี่ยมันจอมกระล่อนมากกว่า”
“ผมพูดจริง ๆ นะ ถ้าไม่เชื่อคุณไปถามชายชาติดู ว่าผมเคยมีแฟนมั้ยตั้งแต่เรียนจบนายร้อยมา”
“ทำไมฉันต้องถามด้วย”
“ก็คุณอยากรู้ไม่ใช่หรือว่าผมทำภารกิจอะไร”
ขั้นเทพมองเจ้าชู้ เมษาประหม่า
“ถึงวันนี้ฉันจะไม่รู้ แต่สักวันฉันต้องรู้ให้ได้”
เมษาลุกขึ้นคว้ากระเป๋า
“หวังว่าคุณจะมีเงินจ่ายค่าอาหารนะ”
“อ้าว เดี๋ยวสิ คุณเม”
เมษาโบกมือให้ ไม่หันมามอง
“นอกจากจะสวยแล้วยังร้ายจริง ๆ ผู้กองเมษา” ขั้นเทพยิ้มกริ่ม
เมษาเดินออกมา แล้วมองกลับไปในร้าน
“ตาบ้านี่ ท่าทางไม่โง่เหมือนนายไมค์”

เมษาถอนใจ หงุดหงิด
 
อ่านต่อหน้า 2

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 4 (ต่อ)

ในบ้านขั้นเทพ ไมค์ โจ๊กเกอร์ หยิบข้าวเหนียวจิ้มลาบใส่ปาก ปึกนั่งตรงข้ามกัน

“อ้ายฟังเรื่องของเจ้าแล้ว อ้ายก็เห็นใจเจ้าหลายเด้อ เฮามันคนจน นายทุนมันก็เอาเปรียบ”
“อีหลีจ้ะ มันยึดที่นาของพ่อแม่ข้อย แล้วก็เก็บดอกเบี้ยทบต้นทบดอก หนูปึกก็เลยต้องเข้ากรุงเทพมาหางานทำ”
“อ้ายก็บ่ต่างจากเอ็งเด้อ แม่อ้ายก็ทำนา อ้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพตั้งแต่สิบห้าสิบหก เฮ็ดงานมาทุกอย่าง ทั้งก่อสร้าง ล้างส้วม อยู่ปั๊ม จนมาเป็นบ๋อยแล้วได้เป็นตลกนี่ล่ะ”
“อีหลีบ่ ข้อยสินึกว่าอ้ายเป็นลูกฝาหรั่ง”
“ฝรั่งนิดหน่อย ปู่อ้ายเป็นทหารอเมริกัน”
“แต่อ้ายมาอยู่กรุงเทพหลายปี อ้ายคงเก็บเงินได้หลายนะ”
“อ้ายมันคนจน บ่มีเงินเก็บ ได้มามันสิต้องใซ้”
“แล้วอ้ายมีลูกมีเมียบ่”
“ฮ่วย ลำพังตัวเองยังเอาบ่รอด มีลูกมีเมียสิเอาอิหยังให้มันกิน แล้วเจ้าล่ะมีแฟนบ่”
“บ่ ที่ข้อยมากรุงเทพก็ตั้งใจมาหาผัวฝรั่งนี่ล่ะ”
“อ้ายสิเตือนเจ้าเด้อ ฝรั่งมันบ่ได้ดีเหมือนที่เจ้าคิดดอก ดูอย่างปู่อ้าย พอสงครามเวียดนามจบก็กลับไปอเมริกา บ่เคยส่งเงินมาให้ย่าอ้ายซักดอลลาร์”
“แต่ฝรั่งดี ๆ ก็มีเด้อ แถวหมู่บ้านข้อย สาว ๆ ที่ได้ผัวฝรั่ง ผัวเขาก็เอาเงินมาปลูกบ้านให้ตั้งหลายล้าน”
“แต่อ้ายว่าเอ็งหาซ่องทางเฮ็ดงานให้ได้เงินดีกว่า อย่าไปคิดฮอดเรื่องผัวฝรั่งเล้ย เฮามีมือมีตีน ใซ้สองมือสองตีนออกไปทำกิน อย่าให้คนเขาดูถูกว่าเจ้าต้องเอาความสาวเข้าไปแลกกับเงิน”
ปึกอึ้ง มองหน้าไมค์ โจ๊กเกอร์
“เจ้าจ้องหน้าอ้ายทำหยัง”
“มันก็อีหลีอย่างอ้ายเว่าเนาะ ขอบใจอ้ายหลาย ๆ เด้อ ที่ให้คำแนะนำข้อย”
“เออ เฮามันคนอีสานบ้านเดียวกัน บ่รักกันแล้วไผสิมารักเฮา”
ปึกน้ำตารื้นด้วยความซึ้งใจ
“ข้อยขอกอดเจ้าได้บ่”
ปึกโผเข้ากอดไมค์ โจ๊กเกอร์ ร้องไห้สะอื้น
“แล้วเจ้าร้องไห้ทำหยัง”
“ข้อยคิดฮอดอีผ่อ อีแม่ บ่ฮู้ว่าป่านนี้เพิ่นสิเป็นจังใด๋”
“เอาน่ะ อดทนไว้ ถ้างวดนี้อ้ายถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง อ้ายสิให้เงินเจ้าไปไถ่หนี้ เอาบ่”
ปึกยิ้มทั้งน้ำตา
“ขอบใจอ้ายเด้อ อ้ายไมค์ดีกับข้อยหลาย ๆ”
“อย่าร้องไห้ ซีวิตมันก็เป็นจั่งซี่ ท่องไว้ เฮาสิบ่จนไปตลอดซีวิต สักวันโอกาสต้องเป็นของเฮา”
“ข้อยสิจำคำของเจ้าไว้ อ้ายไมค์”
“เอาล่ะ เดี๋ยวอ้ายเก็บจานล้างก่อนเด้อ”
“มา ข้อยซ่วย”
“บ่เป็นหยังดอก เอ็งเป็นคนซื้อมา เดี๋ยวอ้ายเฮ็ดเอง”
“ให้ข้อยซ่วยดีกว่า มา”
ทั้งสองคนช่วยยกจานไปล้างในครัว สนิทสนมกันมากขึ้น
เวลาต่อมา ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินมาส่งปึกที่หน้าบ้าน ปึกโผเข้ากอดด้วยความตื้นตัน ไมค์ โจ๊กเกอร์ ตบไหล่ให้กำลังใจ

ขั้นเทพขับรถอยู่ ชายชาติโทรศัพท์เข้ามา เขากดรับ
“ฮัลโหล”
“นี่นายอยู่ไหน”
“กำลังจะกลับบ้าน มีอะไรหรือ”
“นึกว่าอยู่ออฟฟิศ จะชวนกินเหล้า”
“ไว้วันหลังแล้วกัน นี่จะถึงบ้านแล้ว”
“โอเค”
ขั้นเทพปิดโทรศัพท์ นึกแปลกใจ
“ทำไมอยู่ ๆ ไอ้ชายชวนกินเหล้าแต่วัน”
ชายชาติกดโทรศัพท์หาเด็กส่งพิซซ่าที่นัดแนะกันไว้
“ครับ”
“ไปที่บ้านมันได้เลย”
“ครับ”
ชายชาติกดปิดโทรศัพท์

“ขอโทษด้วยว่ะเพื่อน”

เด็กส่งพิซซ่าขับรถมาจอดหน้าบ้านขั้นเทพ แล้วเดินเข้าไปในบ้าน เห็นไมค์ โจ๊กเกอร์ หลับสนิทอยู่ จึงวางกล่องพิซซ่าไว้

เวลาต่อมา ขั้นเทพเปิดประตูเข้าบ้านมา เห็นไมค์ โจ๊กเกอร์หลับ จึงเดินไปห้องน้ำ ไมค์ โจ๊กเกอร์ ขยับตัวตื่น ลืมตามอง
“อ้าว ผู้กองกลับมาแล้วหรือ”
“อืม”
ขั้นเทพเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำดื่ม ไมค์ โจ๊กเกอร์ เห็นกล่องพิซซ่า
“ผู้กองนี่รู้ใจจริงๆ ซื้อพิซซ่ามาพอดี กำลังหิวอยู่เลย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เอื้อมมือจะหยิบ ขั้นเทพร้องลั่น
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อน”
“อะไรผู้กอง ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย”
“ฉันบอกว่าอย่าหยิบ อย่าแตะต้องกล่องพิซซ่า”
“ทำไม อย่าบอกนะว่าจะไม่ให้ฉันกินพิซซ่า ขอกินแค่ชิ้นเดียวไม่ได้หรือไง”
“ฉันไม่ได้ซื้อพิซซ่ามา”
“อ้าว ผู้กองไม่ได้ซื้อแล้วใครซื้อ”
ขั้นเทพชะงักเอะใจ
“ฉันเองก็ไม่ได้สั่ง แล้วพิซซ่ามันมาอยู่ในบ้านเราได้ไง”
“นั่นน่ะสิ ฉันถึงไม่ให้นายแตะต้องมัน นายถอยออกไปก่อน”
“ทำไมหรือ”
“ฉันไม่แน่ใจว่ามันเป็นระเบิดรึเปล่า”
“หา! ระเบิดหรือ”
ขั้นเทพก้มหน้าลงแนบฟังข้างกล่อง ได้ยินเสียงสัญญาณระเบิด
“หนีเร็ว”
ขั้นเทพกระชากไมค์ โจ๊กเกอร์ โดดออก เสียงระเบิดดังสนั่น ไมค์ โจ๊กเกอร์ มองช็อค เข้ามากอดขั้นเทพ
“นี่มันอะไรกันผู้กอง ใครเอาระเบิดมาไว้ที่บ้านเรา”
“ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ มีคนพยายามจะฆ่าเรา”
ขั้นเทพหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดโทรหาตำรวจให้ส่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาที่บ้านเขา เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง ขั้นเทพก็ชวนไมค์ โจ๊กเกอร์ ที่ยังนั่งช็อคอยู่ออกไปข้างนอก ไมค์ โจ๊กเกอร์ คุกเข่าลงยกมือไหว้เทพ
“ผู้กองผมไหว้ล่ะ ให้ผมกราบเท้าก็ได้ ผมขอลาออกจากงานนี้”
“นายจะบ้าหรือ”
“ผมทำงานนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ผมยังไม่อยากตายตั้งแต่ยังหนุ่มนะผู้กอง เข้าใจผมนะ”
“ฉันเข้าใจความรู้สึกนายดี แต่ตอนนี้ถึงนายจะไปจากฉัน ไอ้พวกที่มันวางระเบิดเรามันคงไม่ปล่อยนายแน่”
“ทำไมล่ะ ผมไม่เกี่ยวอะไรนี่”
“มันไม่สนใจหรอกนะ ว่านายเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว แต่ตอนนี้มันรู้แล้วว่านายเป็นหนึ่งในทีมของฉัน”
“ไม่ ถึงยังไงฉันก็ไม่ทำกับผู้กองอีกต่อไปแล้ว”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินหนี ขั้นเทพเดินตามไปดึงแขนไว้
“ฟังให้ดีนะไอ้ไมค์ พวกมันไม่ปล่อยแกไว้แน่”
“ฉนไม่เชื่อผู้กองหรอก เพราะเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับฉัน มันเป็นเรื่องของผู้กอง”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ จะไป ขั้นเทพดึงแขนไว้ ไมค์ โจ๊กเกอร์ หันมาต่อยตูมเข้าที่ปลายคางขั้นเทพ
“พอกันที”
ไมค์ โจ๊กเกอร์เดินออกไป ขั้นเทพขยับจะเรียกแต่เปลี่ยนใจ

ชายชาติมาหาสถิตย์ยุทธที่บ้านด้วยความรู้สึกผิด
“ผมขอโทษครับ ไม่คิดเลยว่าไอ้เทพมันจะรอดไปได้ ผมขอโอกาสอีกครั้ง คราวนี้มันจะไม่มีทางรอดเป็นครั้งที่สองแน่”
“แต่ฉันว่ามันไม่ง่ายแล้ว เพราะตอนนี้ผู้กองเทพคงรู้ตัวแล้วว่ามีคนตามเก็บมัน มันต้องระวังตัวแน่”
“แต่ถึงยังไงผมก็จะต้องฆ่าผู้กองเทพให้ได้ครับ”
“อย่าช้าแล้วกัน เพราะถ้าขืนปล่อยไว้ผู้กองเทพจะทำให้เราเดือดร้อน”

“ครับ ผมจะรีบลงมือ” ชายชาติรับคำมั่นใจ

โตนำพระพุทธรูปมาให้วัฒนาและประไพพรรณดูที่บ้าน วัฒนาพอใจมาก

“เยี่ยม คุณนี่ร้ายจริง ๆ ออเดอร์ไปไม่ถึงเดือนได้ของมาเลย”
“ก็พี่วัฒน์บอกด่วน ผมก็รีบเต็มที่เลย แต่ครั้งนี้ต้องขอพิเศษนะ”
“นี่ คุณโต คำก็พิเศษสองคำก็พิเศษ ที่นี่จ่ายเงินสดนะ”
“ผมทราบดีครับ แต่พี่พรรณอย่าลืมนะครับ ระยะหลังตำรวจตอมพวกผมยังกะยุง”
“ไม่ต้องคุยกันมาก ครั้งนี้ผมเพิ่มให้ห้าแสน”
“ขอบคุณมากครับพี่วัฒน์”
“แล้วที่ให้ตามเรื่องเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงว่าไง”
“ตอนนี้ยังไม่รู้เลยครับว่าอยู่กับใคร”
เสียงเคาะประตูดังปัง ปัง วัฒนากับประไพพรรณชะงักมองหน้ากัน
“ใคร”
“สงสัยนังปึกจะเอาของว่างมาให้ค่ะ นังนี่เคาะซะดัง”
ประไพพรรณเปิดประตูห้องออกไป เห็นเมษายืนอยู่หน้าประตู เธอชะงักตกใจ
“ลูกเม”
ประไพพรรณดันประตูไว้ วัฒนาได้ยิน จึงบอกโตให้รีบเก็บของ
“หวัดดีค่ะแม่ พ่ออยู่ข้างในหรือคะ”
เมษาจะผลักประตูเข้าไป ประไพพรรณเอามือดันไว้
“พ่อเขามีแขกอยู่น่ะลูก”
“อ้าว หรือคะ ขอโทษค่ะ งั้นหนูไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นนะคะ”
“จ้ะ เดี๋ยวแม่ตามไป”
ประไพพรรณปิดประตูกลับเข้ามาในห้อง
“เกือบไปแล้วคุณ อยู่ ๆ ยัยเมดันมา”
“แต่ผมว่าถึงคุณหนูจะรู้ แกก็ไม่กล้าจับพี่วัฒกับพี่พรรณหรอกครับ”
“เอาล่ะ ฉันว่านายโตกลับก่อนแล้วกัน”
“รีบไปเร็ว เดินเลี่ยงออกไปหน่อยแล้วกัน ลูกสาวฉันอยู่ในห้องนั่งเล่น”
“ผมลาล่ะครับพี่วัฒน์”
โตเดินออกไป วัฒนากับประไพพรรณหันไปเก็บของเข้าตู้

เมษาเปิดท้ายรถหยิบของจากหลังรถส่งให้ปึก โตเดินออกมา เมษาชะงัก โตก็ชะงักตกใจ หลบตาเดินเลี่ยงไป
“ทำไมเรามาบ้านทีไร เจอเพื่อนพ่อคนนี้ทุกที”
เมษาเดินเข้าไปในบ้าน วัฒนากับประไพพรรณเดินออกมาเจอ
“อ้าว แม่นึกว่าลูกอยู่ในห้องนั่งเล่นซะอีก”
“หนูไปเอาของที่รถให้แม่น่ะค่ะ เมื่อกี้หนูเจอเพื่อนพ่อที่หน้าบ้าน ครั้งที่แล้วหนูก็เจอเขา เขามายืมตังค์อีกแล้วหรือคะ”
“อ๋อ เปล่าหรอกลูก เขาเอาตังค์มาคืนน่ะ”
“แต่แปลกนะคะ เมื่อกี้เขาเจอหนู ทำไมเขาทำหน้าเหมือนตกใจ”
ประไพพรรณเหลือบมองหน้าวัฒนา
“แกเป็นคนขวัญอ่อนน่ะลูก ไม่มีอะไรหรอก”
“ไปลูก ไปทานของว่างกัน แม่ให้ปึกทำของว่างไว้เยอะเลย”

ประไพพรรณเดินกอดเมษาเข้าบ้านไป วัฒนามองลูกสาว เริ่มกังวลนิดๆ

ปึกกวาดใบไม้อยู่ในสวน เมษาถือแก้วน้ำหวาน เดินเข้ามาหา

“ปึก”
“ขา มีหยังคะคุณเม”
“เธออยู่ที่นี่สบายดีมั้ย”
“ก็ดีค่ะ”
“ก็ดี หมายความว่ายังไม่ชอบงั้นหรือ”
“บ่ค่ะ บ่ใช่อย่างงั้น หนูปึกหมายถึงว่าอยู่ที่นี่ก็สบายน่ะค่ะ แต่หนูปึกก็อยากหางานที่มันได้เงินหลาย ๆ กว่านี้”
“แล้วเธอเรียนจบอะไรล่ะ”
“จบมอสามค่ะ”
“จบแค่มอสามมันก็หางานยากนะ”
“นั่นสิคะ ตอนแรกที่หนูปึกมากรุงเทพก็เลยตั้งใจจะมาหาผัวฝรั่ง”
“ทำไมต้องเป็นฝรั่ง”
“ใคร ๆ ที่บ้านนอกเขาก็บอกว่าฝรั่งรวยค่ะ หนูปึกอยากได้เงินไปไถ่นาให้พ่อกับแม่”
“ฉันเข้าใจที่เธอคิดนะ แต่เธอจะอยู่กับคนที่เธอไม่รักได้หรือ”
“ทำไงได้ล่ะคะ ไม่งั้นที่นาของหนูปึกก็จะถูกยึด”
“เธอเป็นคนดีนะ กตัญญูต่อพ่อแม่ ฉันเชื่อว่าวันนึงเธอจะต้องได้ดี”
“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณเมล่ะคะ หนูปึกเห็นคุณมาหาคุณแม่ทีไร บ่เคยพาแฟนมาด้วยเลย”
“ฉันยังไม่มีแฟนหรอก”
“อีหลีบ่คะ คุณเมออกสวยแล้วก็เก่งบ่มีแฟน เป็นไปได้จั๋งใดคะ ปึกบ่เซื่อ”
“เชื่อเถอะ ฉันยังไม่เจอใครที่ฉันชอบเลย”
“ถ้างั้นปึกจะแนะนำผู้บ่าวให้คุณเมคนหนึ่ง”
“ไม่เอาหรอก ฉันไม่ชอบฝรั่ง”
“คนนี้บ่ใช่ฝรั่งเด้อค่ะ เป็นตำรวจเหมือนคุณเมด้วยนะคะ หล่อ สูงใหญ่ หน้าตาคมเข้มยังกะพระเอกละคร”
“ขนาดนั้นเลยหรือ ชักน่าสนแล้ว เขาเป็นใคร แล้วเธอไปรู้จักเขาได้ยังไง”
“คือจั่งซี่ค่ะ”
ประไพพรรณเดินเข้ามา
“คุยอะไรกับนังปึกลูก”
“ปึกเขาจะแนะนำผู้ชายให้ลูกค่ะ”
“อุ๊ย นี่ นังปึก แกไม่ต้องมาสาระแนนะ ลูกฉันมีแฟนอยู่แล้วนะยะ เดี๋ยวแฟนเขาได้ยินเขาจะจับแกไปติดตะราง”
“แม่พูดถึงใครคะ”
“ก็นี่ไง ผู้กองชายชาติ เขามาหาลูก”
เมษาเห็นชายชาติเดินเข้ามา
“พอดีพี่ผ่านมาทางนี้ก็เลยซื้อของมาฝากคุณแม่”
“แหม บังเอิญจังเลยนะคะแม่”
เมษามองตำหนิ รู้ว่าแม่โทรบอกชายชาติ ประไพพรรณยิ้มให้
“แฟนคุณเมหล่อคั่กคั่กเด้อค่ะ”
“ไม่ต้องปากไวเลยนังปึก ไปเอาน้ำมาให้ผู้กองชายเร็ว”
“ค่ะ”
“โชคดีของพี่จริง ๆ ที่วันนี้ได้เจอน้องเมที่บ้าน”
“พี่ชายมาก็ดีแล้วค่ะ วานพี่อยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนแม่ด้วยล่ะกัน”
“อ้าว แล้วน้องเมจะไปไหน”
“พอดีหัวหน้าเรียกตัวด่วนน่ะค่ะ”
“ไหนเมื่อกี้ลูกบอกว่าจะอยู่กินข้าวเย็นกับแม่ไงจ๊ะ”
“หัวหน้าเพิ่งโทรมาเมื่อกี้นี้เองค่ะ ขอตัวก่อนนะคะพี่ชาย หนูไปล่ะค่ะแม่”
เมษาเดินออกไป ปึกถือน้ำเข้ามา เดินสวนกับเมษา
“อ้าว คุณเมจะไปไสล่ะคะ”
“ฉันมีงาน”
เมษาผละไป ปึกเอาแก้วน้ำเข้ามาให้ชายชาติ
“นี่ค่ะผู้กอง น้ำเย็นค่ะ”
“แม่ต้องขอโทษด้วยนะ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขามีงาน”
“น้องเมคงไม่อยากเจอผม”
“ไม่จริงหรอก ลูกอย่าคิดมากไป ไป ไปสวัสดีคุณพ่อก่อน เอ้า นังปึก รับน้ำซิ”
ชายชาติส่งน้ำคืนให้ แล้วเดินตามประไพพรรณเข้าบ้านไป ปึกมองตาม
“แสดงว่าคุณเมบ่ชอบผู้กองชาย งั้นต้องหาทางแนะนำคุณเมให้กับอ้ายผู้กองเทพซะหน่อย”

ปึกยิ้มพยักหน้ากับตัวเอง
 
อ่านต่อหน้า 3

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 4 (ต่อ)

ประไพพรรณพาชายชาติเข้ามานั่งคุยกับวัฒนา

“ผู้กองก็เลยไม่ได้คุยกับยัยเม”
“ครับ น้องเมบอกว่ามีงานด่วนเข้ามา”
“ไอ้ลูกคนนี้มีแต่งาน งาน งาน”
“ฉันล่ะกลุ้มใจกับยัยเมจริง ๆ นี่ผู้กอง แม่อยากให้ผู้กองช่วยกล่อมยัยเมให้ลาออกจากตำรวจทีเถอะ”
“ผมว่าคงยากนะครับคุณแม่ ผมเคยพูดกับน้องเมไปแล้ว น้องเมบอกว่าเธอรักอาชีพตำรวจ”
“เฮ้อ ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเกิดวันหนึ่งยัยเมรู้เรื่องงานที่เราทำขึ้นมา แกจะว่ายังไง”
“แล้วผู้กองได้คุยเรื่องแต่งงานกับยัยเมบ้างรึยัง”
“คุยแล้วครับ แค่ผมเกริ่นขึ้นมาน้องเมก็โกรธไม่พูดกับผมไปตั้งหลายวัน”
“ผู้กองอย่าโกรธน้องเลยนะ ยัยเมคงยังสนุกกับงาน”
“ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจ”
“เป็นเพราะคุณน่ะชอบตามใจลูกคุณพรรณ”
“อ้าว มาว่าฉันได้ยังไง คุณต่างหากที่ไม่เคยบังคับลูก ตอนลูกจะไปเป็นตำรวจฉันก็บอกคุณแล้วว่าอย่า แต่คุณดันสนับสนุน”
“ก็ผมไม่คิดว่ายัยเมมันจะจริงจังขนาดนี้นี่นา”
“ผมว่ารอไปอีกสักพักเถอะครับ ตอนนี้น้องเมยังไฟแรง พอทำงานไปอีกสักปีสองปีเดี๋ยวก็ล้าครับ”
“ขอให้เป็นอย่างงั้นเถอะจ้ะ”
“อ้อ นี่ครับคุณอา”
ชายชาติหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดรูปเศียรพระให้วัฒนาดู
“วันก่อนมีคนส่งมาให้ผมดู เผื่อคุณอาจะสนใจ”
วัฒนามองรูป ประไพพรรณชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วย

ตอนค่ำ ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินเข้ามาในคาเฟ่ พนักงานเปิดประตู เข้ามาทัก
“อ้าว หวัดดีครับ พี่บุญเลิศ”
“หวัดดีไอ้ต๋อง”
“นี่พี่หายไปไหนมา”
“เพิ่งกลับจากแอลเอ”
“นี่พี่ไปเล่นตลกที่อเมริกาเลยหรือ”
“อืม แล้วก็ไปโชว์ที่ลาสเวกัส”
“โอ้โห งั้นก็รับเละเลยสิ ใจคอจะไม่ให้น้องซื้อบุหรี่ซื้อเบียร์เลยหรือพี่เลิศ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ หยิบเงินส่งให้
“เอา เอาไป ยี่สิบ”
“โธ่ นึกว่าสองพัน”
“เดี๋ยวออกมาจะให้อีกพันเก้าร้อยแปดสิบ”
“พี่เลิศนี่เคี่ยวจริง ๆ เลย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินผละเข้าไปด้านใน สาวบาร์เดินเข้ามาหา
“พี่เลิศ คิดถึงจะแย่ หายไปไหนมาเนี่ย”
สาวอีกคนเข้ามาล้อม
“จะกลับมาเล่นตลกที่นี่หรือพี่”
“ดูก่อน ถ้าน้อง ๆ ต้องการพี่ พี่ก็จะกลับมาเล่น”

“งั้นนั่งก่อนจ้ะ ต้อมเอาเครื่องดื่มเย็น ๆ มาให้พี่เลิศหน่อย”

ไมค์ โจ๊กเกอร์ ลงนั่งที่โต๊ะ มีคณะตลกเล่นอยู่บนเวที สองสาวดูตลกแสดงแล้วขำ

“พี่ฟูนี่มุกเยอะจริง ๆ”
“ไม่เห็นขำตรงไหนเลย ฝืดจะตาย ดังเอี๊ยด ๆ ไม่เห็นหรือ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ยกแขนขึ้นมาทำท่าฝืดขัด
“แหม พี่เลิศเนี่ย ไม่ให้กำลังใจลูกน้องเก่าเลย”
“เดี๋ยวดูลีลาพี่ดีกว่า พวกเธอจะหัวเราะจนขาดใจ”
“ก็ใช่สิ พี่บุญเลิศเก๋ากว่าอยู่แล้วนี่”
“ติ๋ม เรียกไอ้ฟูกับไอ้เหยินมาหาพี่หน่อยซิ”
“ได้จ้ะ”
ติ๋มลุกออกไป พนักงานเอาเครื่องดื่มเข้ามาวางให้ กลุ่มตลกกำลังลงจากเวที ติ๋มเข้าไปบอกฟูกับเหยิน ทั้งสองมองมาทางไมค์ โจ๊กเกอร์ แล้วส่ายหน้าเอือมระอา
“หวัดดีพี่เลิศ มาเที่ยวหรือ”
“จะมาดูพวกเอ็งปล่อยมุกซะหน่อย”
“แล้วเป็นไง สู้พี่ได้มั้ย”
“ข้าว่ายังห่าง พวกเอ็งยังจังหวะไม่ดี”
“แหม พี่เลิศ สมัยนี้ตลกเขาไม่ต้องรอจังหวะแล้ว”
“ใช่ ถ้าต้องรอจังหวะปล่อยมุกอย่างพี่เลิศล่ะก็ เที่ยงคืนพอดีกว่าจะขำ”
“เฮ้ย มึงพูดจาให้ดีหน่อยนะไอ้เหยิน กูรุ่นไหนมึงรุ่นไหน”
“แต่ไอ้เหยินมันก็พูดถูกนะพี่เลิศ”
“ไอ้ฟู มึงก็อีกคนหรือ ถ้าไม่ใช่เพราะกูสอนพวกมึง พวกมึงจะมีกิน ได้ยืนอยู่ตรงนี้หรือ”
“แต่ถ้าไม่ใช่พวกเรา พี่เลิศก็ไม่ได้มายืนตรงนี้เหมือนกันนะ”
“มึงนี่ปากดีนะ เดี๋ยวปั๊ด”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ทำท่าจะชกเหยิน เสี่ยซ้ง เจ้าของคาเฟ่เดินเข้ามา
“ถูกของไอ้เหยินมันนะไอ้บุญเลิศ”
“อ้าว หวัดดีครับเสี่ย ผมกลับมาแล้วนะ จะกลับมาทำให้ร้านเสี่ยดังอีกครั้ง”
“เอ็งจะกลับมาเล่นตลกอีกหรือ”
“ก็ใช่สิ ผมดูไอ้พวกนี้มันเล่นแล้ว ไม่ไหวนะ”
“แต่อั๊วว่ามันตลกกว่าลื้อนะ แล้วแขกเขาก็ชอบ”
“นี่เสี่ยพูดเล่นใช่มั้ย”
“อั๊วไม่ได้พูดเล่น อั๊วพูดจริง แล้วอั๊วจะบอกให้ลื้อรู้นะ วันนี้ที่ลื้อกิน ลื้อต้องจ่ายเงินนะ ถ้าติดอีกอั๊วจะเอาตำรวจมาลากลื้อเข้าคุกแน่ ไอ้ฟูไอ้เหยิน รีบไปกินอาหารไป เดี๋ยวจะได้ขึ้นอีกรอบ”
“ครับ”
เสี่ยซ้งเดินออกไป ไมค์ โจ๊กเกอร์ โกรธ
“โธ่ ไอ้เสี่ยเนรคุณ”
เสี่ยซ้งหันมามอง
“มึงพูดอะไร”
“กูบอกว่ามึงน่ะเนรคุณ มึงมีวันนี้ร่ำรวยได้เก็พราะกู คนเขามาเที่ยวที่นี่เพราะอยากดูกู ไม่ใช่มาดูไอ้พวกนี้”
แขกในร้านเข้ามามุงดู
“ไอ้บุญเลิศ กูจะไม่ถือโทษโกรธมึง มึงออกจากร้านกูไปเลย”
“กูไม่ไป กูมิสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่เพราะกูเป็นผู้มีพระคุณกับมึง กูทำเงินให้มึงเยอะแยะ นี่หรือคือสิ่งที่มึงตอบแทนกู”
ยามสามคนใช้กระบองรุมฟาดไมค์ โจ๊กเกอร์ จนสลบเหมือด เสี่ยซ้งเดินเข้ามาดู
“ลากมันออกไป”
ยามลากไมค์ โจ๊กเกอร์ โยนไปบนกองขยะหน้าคาเฟ่แล้วเดินกลับไป ไมค์ โจ๊กเกอร์ เลือดอาบ ค่อย ๆ พยุงตัวยืนเกาะรั้วมองไปที่คาเฟ่
“นึกหรือว่าคนอย่างกูจะง้อพวกมึง”

ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินโซซัดโซเซออกไป

ตอนเช้า ขั้นเทพเปิดประตูบ้านออกไป เห็นไมค์ โจ๊กเกอร์ นอนหลับอยู่บนฝากระโปรงรถ ใบหน้ามีเลือดกรัง

“นี่มันไปฟัดกับหมามาหรือไง ไมค์ ไอ้ไมค์”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ขยับตัวตื่น เจ็บระบมปวดแผล
“โอ๊ย อ้าวผู้กอง”
“นี่นายไปทำอะไรมาถึงหน้าตาเละเทะอย่างนี้”
“เรื่องมันยาว”
ขั้นเทพพยักหน้ารับรู้ขี้เกียจซักถามต่อ
“นี่จะกลับมาเอาเสื้อผ้าใช่มั้ย ฉันใส่กระเป๋าไว้ให้แล้ว อยู่ในบ้าน”
ขั้นเทพจะเดินเข้าไปหยิบให้
“เดี๋ยวผู้กอง”
“ถ้านายจะขอยืมเงิน ฉันไม่มี”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น”
“แล้วเรื่องอะไร”
“คืออย่างนี้ ฉันมาคิด ๆ ดูแล้ว ฉันว่า ถ้าฉันไปจากผู้กอง แล้วปล่อยให้ผู้กองทำงานคนเดียว งานนี้มันคงไม่สำเร็จ”
ขั้นเทพมองแสยะ
“นายก็เลยกลับมาหาฉัน เพื่อช่วยงานต่อไป”
“ถูกต้อง คนอย่างฉันเป็นลูกผู้ชายพอ เมื่อรับปากทำงานให้ใครแล้ว ก็ต้องทำให้สำเร็จ”
“แต่ฉันว่านายไม่มีที่ไปมากกว่าถึงกลับมาหาฉัน”
“นี่ผู้กอง ผู้กองอยากให้ฉันมาช่วยผู้กองรึเปล่า ถ้าไม่อยากฉันจะได้ไป พูดมาเลย พูดมาแค่คำเดียว ไอ้ไมค์คนนี้จะไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีกต่อไป”
“เอาล่ะ ฉันว่านายเข้าไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาซะ ฉันจะรออยู่ข้างนอก”
“ฮี่โธ่ ในที่สุดผู้กองก็ขาดชั้นไม่ได้”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ หัวเราะเยาะแล้วเดินเข้าบ้านไป
“ในที่สุดมันก็ไปไหนไม่รอด”
ขั้นเทพมองสมเพช

ขั้นเทพพาไมค์ โจ๊กเกอร์ มากินอาหารเช้า ที่ร้านกาแฟ
“แล้วผู้กองรู้ตัวรึยังว่าใครที่วางระเบิดเรา”
“ยัง”
“แล้วผู้กองสงสัยใคร”
“มันคงเป็นใครสักคนที่ไม่อยากให้ฉันสืบเรื่องเควิน สมิธ”
“หรือว่าไอ้เควิน สมิธ มันจะรู้ตัวว่าเราหาทางเข้าใกล้มัน”
“ไม่น่าจะใช่ หรือถ้าใช่ก็ต้องมีคนกลางที่รู้เรื่องของฉันแล้วเอาข่าวนี้ไปบอกมัน”
“แต่คนที่รู้เรื่องนี้ก็มีแค่ฉันกับหัวหน้านาย แต่สำหรับฉันไม่ใช่แน่ เพราะฉันคงไม่เสี่ยงวางระเบิดตัวเอง ฉันว่าต้องเป็นหัวหน้านาย”
“บ้า ถ้าหัวหน้าฉันเป็นคนร้าย เขาจะสั่งให้ฉันตามเควิน สมิธ ทำไม”
“เออ ก็จริงนะ หรือว่าจะเป็นตำรวจคนอื่น”
“ฉันก็กำลังคิดเรื่องนั้นอยู่”
“ใคร”
“ก็บอกแล้วไงว่ายังไม่รู้”
“แล้วเราจะรู้จากไหน”
“สวยเสมอ”
“หา น้องสวยเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”
“เดี๋ยวนายเจอเขานายก็จะรู้เอง”
“บอกฉันก่อนได้มั้ย”
“บอกก่อนก็ไม่สนุกสิ ฉันว่านายรีบกินเถอะ แล้วตามฉันไปที่รถ”

ขั้นเทพเดินออกไป ไมค์ โจ๊กเกอร์ เซ็ง

เมษานั่งอยู่ในร้านอาหาร ขั้นเทพเดินนำไมค์ โจ๊กเกอร์ เข้ามา

“คุณสวย”
เมษาชะงัก
“คุณสวย ผมดีใจจริง ๆ ที่เจอคุณ ทำไมไม่รับสายผมครับ ผมโทรหาคุณทุกวัน แล้ววันนั้นทำไมไม่ไปตามนัดผมล่ะครับ”
“ฉันไม่ว่าง”
เมษาบอกเสียงห้วนไม่สนใจ แล้วหันมามองขั้นเทพ
“ฉันนึกว่าคุณจะมาคนเดียว พาเขามาทำไม”
“เขาอยากเจอคุณ”
“แต่ถ้าคุณอยากคุยเรื่องส่วนตัวกับฉัน คุณควรจะมาคนเดียว”
“เดี๋ยวนะครับคุณสวย ทำไมคุณสวยถึงพูดอย่างนี้กับไมค์ล่ะครับ คุณพูดเหมือนไม่อยากเจอผม”
“ฉันมีธุระต้องคุยกับเขา”
“หมายความว่าไง”
“หมายความว่า นายควรจะหุบปากแล้วฟังฉันคุย”
“ถ้าคุณจะคุยกับฉัน เราควรจะคุยส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับเขา”
“คุณสวย ผมน้อยใจแล้วนะ ทำไมถึงพูดเหมือนผมเป็นส่วนเกิน”
เมษามองไมค์ โจ๊กเกอร์ รำคาญ ก่อนหันมาบอกขั้นเทพ
“เอาล่ะ ฉันว่าเราไปนั่งโต๊ะนั้นดีกว่า”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ คว้ามือเมษา
“เดี๋ยวครับ คุณสวย”
“ปล่อยมือฉัน”
เมษาจ้องพร้อมจะเล่นงาน ไมค์ โจ๊กเกอร์ มองงง ปล่อยมือออก เมษาเดินไปที่โต๊ะด้านใน ขั้นเทพหันมาสั่ง
“นายนั่งอยู่ตรงนี้ก่อน”
“แต่ว่า”
“เดี๋ยวฉันจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง”
ขั้นเทพเดินตามเมษาไปที่โต๊ะ
“อะไรวะ อยู่ ๆ น้องสวยไปกิ๊กกะผู้กองงั้นหรือ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ชะเง้อมอง ไม่เข้าใจ

ขั้นเทพลงนั่งจ้องมองเมษา เมษาหลบตา ประหม่า
“มีอะไรก็ว่ามา ฉันมีงานต้องทำ”
“ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงส่งคนไปวางระเบิดผม”
“คุณพูดเรื่องอะไร”
“ผมรู้ว่าเป็นฝีมือคุณ”
“ฉันไม่ได้ทำ”
“โกหก”
“คุณอย่ามากล่าวหาฉันโดยไม่มีหลักฐาน ฉันเป็นตำรวจนะ ฉันจะเอาระเบิดไปวางฆ่าคนได้ยังไง”
“ถ้าคุณไม่ได้ทำก็ต้องเป็นหน่วยงานของคุณ บอกผมมาดีกว่า ว่าทำไมหัวหน้าคุณต้องการเก็บผม”
“ฉันว่าคุณควรจะรู้ตัวนะว่าคุณทำอะไรอยู่ พวกคุณอาจจะหักหลังกันเองก็ได้”
“นี่คุณพูดเรื่องอะไร”
“ถ้าคุณไม่รู้ว่าฉันพูดเรื่องอะไร ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เมษาลุกขึ้น ขั้นเทพคว้าแขนไว้ ไมค์ โจ๊กเกอร์ มอง
“อะไรวะถึงกับกระชากเลยหรือ”
ขั้นเทพกระชากแขนเมษา
“คุณยังไปไม่ได้ ถ้าคุณไม่บอกว่าทำไมหัวหน้าคุณต้องการฆ่าผม”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้”
เมษาเงื้อหมัดจะทุบมือขั้นเทพ ขั้นเทพคว้า เมษาสะบัดบิดข้อมือหลุด เงื้อสันมือจะซัด
ขั้นเทพเอามือขวางรับ ไมค์ โจ๊กเกอร์ มองตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ขั้นเทพจับมือเมษาไว้ทั้งสองข้าง
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ”
“ถ้าคุณไม่บอกผม ผมจะบีบให้เลือดคุณไม่เดินเลย”
เมษาพยายามจะยกขาเตะ
“อย่าพยายามเลย ผมจะบอกก่อนนะ ว่าผมไม่อยากทำร้ายผู้หญิง”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ชะเง้อมอง ก่อนเดินเข้าไป
“ไอ้เคน ฉันว่าแกพอได้แล้วนะ ปล่อยมือคุณสวยเสมอได้แล้ว ไม่เห็นหรือว่าเขาหน้าซีดจะเป็นลมอยู่แล้ว”
ขั้นเทพยังมองจ้องหน้าเมษา เมษาพยายามอดกลั้นความเจ็บ แล้วตาเกิดพร่า เห็นหน้าขั้นเทพเบลอๆ
“ไอ้เคน นี่แกกำลังบังคับให้คุณสวยรักแกงั้นหรือ”
เมษาเจ็บมือและเริ่มจะเป็นลม
“ไอ้เคนปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ”
เมษาเป็นลม ขั้นเทพปล่อยมือ ไมค์ โจ๊กเกอร์ เข้าไปประคอง เมษาสลบไม่ได้สติ
“นี่ผู้กองทำอะไรลงไป ทำไมเธอถึงเป็นอย่างนี้”
“เธอแค่สลบ เลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง”
“ผู้กองไม่ควรทำแบบนี้กับเธอนะ เธอเป็นผู้หญิงนะ”
“นายไม่ต้องห่วงหรอก เธอไม่ใช่ผู้หญิงหน่อมแน้มอย่างที่นายคิด เธอเป็นคนวางระเบิดเรา”
“หา ผู้กองพูดเรื่องอะไร”
“ดูที่เอวเธอ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เปิดเสื้อแจ๊คเก็ตเมษาขึ้นมา เห็นเธอพกปืนที่เอว
“เธอเป็นตำรวจ”
“ตำรวจงั้นหรือ”

ไมค์ โจ๊กเกอร์ งง
 
อ่านต่อหน้า 4

สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 4 (ต่อ)

เมษาหลับอยู่บนโซฟาในร้านอาหาร ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินไปเดินมามองสำรวจ

“เดี๋ยวผู้กอง ผมยังเง็งอยู่นะ ถ้าเธอเป็นตำรวจ แล้วทำไมถึงวางระเบิดเรา”
“ก็นี่ไงฉันถึงเรียกเธอมาถาม”
“แล้วเธอว่าไง”
“เธอไม่ยอมตอบ ฉันถึงเล่นงานเธอ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินไปมองจ้องหน้าเมษา
“มิน่า วันก่อนที่มีเรื่องที่บาร์ เธอถึงซัดลูกน้องเฮียฮงซะหมอบ แสดงว่าเธอไม่ได้รักฉันนี่หว่า เธอหลอกฉันซะเปื่อยเลย”
“ก็ฉันเคยบอกนายแล้วไง ว่าผู้หญิงสวย ๆ เขาไม่มีทางชอบนายหรอก”
“ทำไม ฉันเสียหายตรงไหนหรือ”
“ถ้านายไม่รู้ตัวก็ช่วยไม่ได้”
เมษาลืมตาขึ้น
“นั่นไง เธอฟื้นแล้ว นายอยากรู้อะไรก็ถามเธอสิ”
ขั้นเทพเดินเข้าไป เมษาลุกขึ้นจะกระชากปืน ขั้นเทพยกปืนจ่อ
“ปืนคุณอยู่นี่ ตอนนี้คุณจะบอกได้รึยังว่าหัวหน้าคุณมีแผนอะไร”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้เรื่องระเบิดบ้าบออะไรนั่น ถ้าคุณจะฆ่าฉัน คุณก็ฆ่าได้เลยเพราะฉันไม่มีอะไรจะบอกคุณ”
“คุณสวยเสมอ ผมว่าคุณบอกผมมาตรง ๆ ดีกว่านะ”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย”
“เกี่ยวสิ ผมต้องการให้คุณบอกผม ว่าทำไมถึงต้องมาหลอกให้ผมรัก”
“มันเป็นงานของฉัน”
“งานของคุณคือการหลอกให้ผู้ชายรักแล้วก็หลงงั้นหรือ ผมว่างานนี้มันร้ายเกินไปนะ”
“หุบปากได้แล้ว ว่าไงผู้กอง ฉันไปได้รึยัง”
ขั้นเทพมองครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้า
“ก็ได้ ครั้งนี้ผมจะปล่อยคุณไป แต่ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าหัวหน้าคุณทำไมถึงพยายามขัดขวางงานของผม”
“ขอปืนฉันคืนด้วย”
ขั้นเทพส่งปืนให้เมษา เมษารับปืนแล้วเอามือกระทุ้งเข้าที่ท้องเขา
“โอ๊ย”
เมษาฉวยจังหวะนั้นเอามือทุบไหล่ขั้นเทพซ้ำ จนเขาทรุด
“นี่สำหรับที่นายทำให้ฉันสลบ”
เมษาเงื้อมือจะกระทุ้งคอขั้นเทพ ไมค์ โจ๊กเกอร์ เข้ามาคว้ามือเมษา
“พอเถอะคุณสวย ผมว่ามันจะมากไปแล้วนะ”
เมษาบิดมือไมค์ โจ๊กเกอร์ แล้วสับเข้าที่กระเดือก ไมค์ โจ๊กเกอร์ ผงะ
“นายก็อีกคน อย่าคิดว่าผู้หญิงจะใจง่าย เจอหน้าใครก็ชวนเขาไปนอน เดี๋ยวปั๊ด”
เมษากำหมัดจะซัดหน้าไมค์ โจ๊กเกอร์ เขายกมือขึ้นปิด เธอเหลือบตามองขั้นเทพ แล้วเดินออกไป
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะหมัดหนักขนาดนี้ โชคดีนะที่วันนั้นฉันไม่พาเธอเข้าโรงแรม”
“ฉันต้องหาความจริงเรื่องนี้ให้ได้ ผู้กองเมษา”
“เธอชื่อเมษาหรือ เขาถึงว่าผู้หญิงสวย ๆ ไว้ใจไม่ได้”

ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินตามขั้นเทพออกไป

วัฒนาฟังรายงานจากชายคนหนึ่งทางโทรศัพท์

“ผมว่าคุณวัฒนาต้องระวังนะครับ เพราะตอนนี้มีนายหน้าหลายสาย พยายามติดต่อเสนอขายหลวงพ่อคำเกลี้ยงกับคุณเควิน สมิธ”
“ขอบใจนายมากที่โทรบอก”
“ไม่เป็นไรครับ”
“วันหลังจะส่งของขวัญไปให้”
“ขอบคุณมากครับ”
วัฒนาปิดโทรศัพท์ถอนใจ ประไพพรรณเดินเข้ามา เห็นวัฒนาเครียด
“มีเรื่องหนักใจอะไรหรือคะคุณ”
“ตอนนี้มีพวกนายหน้าเข้ามารุมเควิน สมิธ กันใหญ่”
“ไม่ได้นะคะคุณ เราปล่อยให้เควิน สมิธ หลุดมือไม่ได้นะ”
“แล้วจะให้ทำไง นี่ผมก็ยังหาหลวงพ่อคำเกลี้ยงไม่ได้ หวังว่านายหน้าคนอื่นคงจะหาไม่ได้เหมือนเรา”
ประไพพรรณครุ่นคิด
“แต่ฉันว่าเราควรจะหาอะไรล่อใจไม่ให้เควิน สมิธ ไปซื้อของกับคนอื่น”
“ผมก็ให้ของที่เขาอยากได้หลายอย่างแล้วนะ คราวที่แล้วก็แถมไปตั้งเยอะ”
“ฉันไม่ได้หมายถึงวัตถุ”
“อ้าว ไม่ใช่ของพวกนี้แล้วเป็นอะไร”
“คนเป็น ๆ “
“หือ คุณจะหาผู้หญิงให้เควิน สมิธ งั้นหรือ”
“ผู้ชาย มีใครปฏิเสธผู้หญิงบ้างล่ะ”
“แต่เควิน สมิธ มันไม่ชอบเที่ยวผู้หญิงนะ”
“ฉันรู้ค่ะ ที่ฉันพูดฉันหมายถึงจะหาผู้หญิงให้ไปเป็นเมียเก็บไง”
“แล้วเราจะไปหาที่ไหน”
ปึกถือน้ำชาและจานแตงโมเข้ามา ประไพพรรณมองหน้าวัฒนา
“นังปึกไง”
“มีอะไรหรือคะคุณนาย”
“เปล่า ฉันเพียงแต่เห็นว่าวันนี้แกดูสวยเป็นพิเศษนะ”
“ขอบคุณค่ะที่ชม”
ปึกยิ้มให้แล้วเดินออกไป
“แล้วนังปึกมันจะยอมเป็นเมียเก็บเควิน สมิธ หรือ”
“ฉันว่ายอม มันเคยบอกฉันว่าอยากมีผัวฝรั่ง”
“ถ้างั้นก็เข้าล็อคพอดี”
วัฒนายิ้มพอใจ

หลังจากตัดสินใจแน่นอน ประไพพรรณจึงลองมาคุยกับปึก
“คุณนายจะหาผัวฝรั่งให้หนูจริง ๆ หรือคะ”
“ก็จริงน่ะสิ แกเคยบอกไม่ใช่หรือ ว่าที่แกมากรุงเทพเพราะอยากหาผัวฝรั่งรวย ๆ”
“แม่นค่ะ แล้วใครหรือคะที่คุณนายจะหาให้หนู”
“เขาเป็นเพื่อนคุณผู้ชาย”
“ว้าย แก่เท่ากับคุณผู้ชายเลยหรือคะ”
“ไม่ถึงหรอก อ่อนกว่า”
“แล้วหล่อสู้คุณผู้ชายได้บ่คะ”
“หล่อน้อยกว่าหน่อย”
“แต่รวยจริงนะคะ”
“แกจะเอาหรือไม่เอา ซักอยู่นั่นล่ะ ทำยังกะแกมีดีอะไร มีแต่ตัว”
“หนูถามย้ำเพื่อความมั่นใจน่ะค่ะ”
“แต่แกต้องไปอยู่กับเขานะ แล้วที่สำคัญต้องทำให้เขาพอใจ”
“หมายความว่าคุณนายจะให้หนูแต่งงานเลยหรือคะ”
“ก็คงไม่ได้แต่งหรอก ฉันจะให้แกไปเป็นเมียเขาเลย”
ปึกลังเล
“ว่าไง จะเอาหรือไม่เอา”
“หนูขอคิดดูก่อนได้บ่คะ”
“แกนี่เรื่องมากจริงๆ ฉันบอกก่อนนะถ้าแกมัวแต่ช้า แล้วคนอื่นได้ไป แกจะมาเสียใจไม่ได้นะ”
“ค่ะ ค่ะ หนูขอเวลาคิดแค่คืนเดียว”
ประไพพรรณรำคาญ ลุกออกไป
“เอาไงดีน้อเรา พอจะมีผัวฝรั่งจริง ๆ ชักไม่มั่นใจ”

ปึกถอนใจ กลุ้ม

ภายในบ้าน ไมค์ โจ๊กเกอร์ ชงกาแฟเดินถือมาส่งให้ขั้นเทพ

“ขอบใจ”
“คิดแล้วก็ยังแค้นเรื่องน้องสวยเสมอไม่หายนะผู้กอง หนอยมาหลอกตบตาทำเป็นอ่อยเรา จนฉันเชื่อสนิทถึงขั้นคิดจะแต่งงานด้วยเลยนะ”
“นายอย่าเวอร์ ก็ฉันบอกนายแล้วไงว่าผู้หญิงสวย ๆ แบบนั้นไม่มีทางมาชอบคนอย่างนาย นายไม่เชื่อฉันเอง”
“ทำไม ฉันเป็นยังไง แหม จะบอกว่าเขาเหมาะกับผู้กองมากกว่าว่างั้นเถอะ”
“เรื่องนี้นายก็ต้องคิดเอาเอง”
“แล้วผู้กองรู้รึยังว่าใครให้เธอมาวางระเบิดเรา”
“ยัง แต่วันนี้ฉันต้องรู้ให้ได้”
“ผู้กองจะจับเธอมาเค้นอีกใช่มั้ย”
“ไม่ คนอย่างเธอเค้นให้ตายไม่มีทางบอกเราหรอก”
“แล้วจะทำยังไง”
“นายอย่ารู้เลย”
“แต่ฉันเป็นคู่หูผู้กองนะ ถ้าฉันไม่รู้แผนฉันจะช่วยได้ไง”
“งานนี้ฉันจะทำคนเดียว”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ขืนนายไปด้วยจะแผนแตก”
“เฮ้ย แต่ว่า”
“วันนี้ฉันให้นายพักวันหนึ่ง นายอยากไปไหนทำอะไรตามสบาย เจอกันตอนเย็น”
ขั้นเทพจะเดินไป ไมค์ โจ๊กเกอร์ ขวาง
“เดี๋ยวผู้กอง”
“อะไรอีก”
“งั้นก็ขอเงินติดตัวสักสองพันสิ”
“เอาไปพันเดียวพอ”
“เฮ้ย พันนึงมันจะพออะไร”
“ถ้าแกไม่เอาไปเลี้ยงสาวที่ไหน ฉันว่ายังเหลือนะ”
ขั้นเทพเดินออกไป ไมค์ โจ๊กเกอร์ เซ็ง
“ไอ้ผู้กองนี่มันงกจริง ๆ”
เสียงโทรศัพท์มือถือไมค์ โจ๊กเกอร์ ดังขึ้น เขาหยิบมาดู กดรับ
“ฮัลโหล”
“อ้ายไมค์ นี่หนูปึกเองเด้อ”
“อ้าว อีหล่า มีหยัง โทรหาอ้าย”
“วันนี้อ้ายว่างบ่ หนูปึกมีเรื่องอยากปรึกษาอ้าย”
“ได้เลย วันนี้อ้ายว่างทั้งวัน”
“งั้นเดี๋ยวหนูปึกไปหาอ้ายเด้อ”
“โอเช”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ปิดโทรศัพท์

เมษามาที่ร้านขายของเก่าในห้างสรรพสินค้า ขั้นเทพแอบสะกดรอยตามมา
“คราวนี้ฉันจะสอดแนมเธอบ้างล่ะ”
เมษาเลี้ยวเข้าไปในร้าน เจ้าของร้านออกมาทักทาย
“มีอะไรให้ช่วยคะ”
“ทานโทษค่ะ ฉันเป็นตำรวจ อยากจะสอบถามอะไรคุณหน่อย”
“มีอะไรหรือคะ”
เมษายกรูปขั้นเทพจากโทรศัพท์มือถือให้ดู
“เคยเห็นหน้าผู้ชายในรูปนี้มาติดต่อซื้อขายของที่นี่บ้างมั้ยคะ”
“อืม ฉันจำไม่ได้หรอกค่ะ วัน ๆ ก็มีคนเข้าออกเยอะแยะ”
“ขอบคุณมากนะคะ อ้อ แต่ถ้าเห็นเขามาที่ร้านอีกที โทรบอกฉันหน่อยได้มั้ยคะว่าเขามาทำอะไร”
เมษาส่งนามบัตรตำรวจให้
“อ๋อ ได้ค่ะ”
เมษาเดินออกจากร้านไป ขั้นเทพเดินเข้ามาหาเจ้าของร้าน เจ้าของร้านสะดุ้ง
“เอ๊ะ คุณ”
“ผมเป็นตำรวจ”
ขั้นเทพแสดงบัตรตำรวจให้ดู
“ตำรวจหรือคะ”
“ใช่ครับ ผมอยากรู้ว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้เขามาถามอะไรคุณ แล้วให้คุณดูรูปอะไร”
“คือ เขาให้ดูรูปคุณน่ะค่ะ”
“รูปผม”
“ค่ะ แล้วเขาก็ถามว่าคุณเคยมาซื้อขายของที่นี่รึเปล่า”
“แล้วคุณว่าไง”
“ฉันบอกว่าฉันจำไม่ได้”
“ขอบคุณมากนะครับ”
“แต่คนเมื่อกี้ก็เป็นตำรวจนะคะ แล้วเขาก็บอกว่าถ้าเห็นคุณมาให้โทรบอกเขา”
“อ๋อ คุณไม่ต้องโทรหรอกครับ ผมกำลังสืบดูพฤติกรรมว่าเขาเป็นตำรวจคอร์รัปชั่นรึเปล่า”
“แล้วทำไมเขาถึงมาถามเรื่องคุณล่ะคะ”
“เรื่องมันยาวน่ะครับ ขอบคุณมากนะครับ”
ขั้นเทพเดินออกไป
“ยุคนี้ไว้ใจใครไม่ได้จริง ๆ ตำรวจยังตามจับตำรวจด้วยกันเอง”

เจ้าของร้านส่ายหน้า ระอา

ปึกกับไมค์นั่งกินส้มตำไก่ย่างลาบข้าวเหนียวกันใต้ต้นไม้ ในสวนสาธารณะ

“อ้ายฟังเรื่องที่ข้อยเล่า อ้ายคิดว่าหนูปึกควรเฮ็ดจั๋งใด๋”
“เรื่องจั๋งซี่ถามพี่บ่ได้ดอก มันอยู่ที่เจ้า เจ้าต้องไปอยู่กินใช้ชีวิตกับฝรั่ง”
“แต่หนูปึกก็สองจิตสองใจเด้อ บ่ฮู้ว่ามันจะดีหรือบ่ดี ถ้าเผื่อไปเจอฝรั่งเลว ๆ อย่างที่อ้ายเคยบอก หนูปึกก็คงเหมือนตกนรก”
“เรื่องแบบนี้มันคงต้องเสี่ยงเด้อ ตาดีได้ตาร้ายเสีย”
“แต่ถ้าหนูปึกไม่เลือกเอาฝรั่ง หนูปึกก็คงต้องทำงานไปอีกนาน พ่อกับแม่ก็คงต้องเสียที่นาไป”
“งั้นเอ็งก็เลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดแล้วกัน”
“อ้ายอย่าว่าข้อยเด้อ”
“ข้าจะไปว่าเอ็งได้ยังไง ข้าไม่ได้เป็นอะไรกับเอ็งนี่”
ปึกมอง น้ำตาคลอ
“อ้ายอย่าเว้าจั๋งซั่นเด้ หนูปึกก็คิดกับอ้ายแบบ แบบว่า”
“แบบว่าอะไร”
“ก็ ก็ อ้ายไมค์เหมือนกับพี่ซายที่หนูปึกไว้วางใจมากที่สุดตอนนี้”
“ถ้าเอ็งเว้าจั่งซั่น พี่สิให้คำแนะนำว่า ไปเถอะ ถ้าฝรั่งมันบ่ดี แล้วเอ็งค่อยกลับมา ยังไงพี่ก็จะรอเอ็งอยู่ตรงนี้”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ยิ้มให้อย่างจริงใจ
“อ้ายไมค์ อ้ายพูดจั๋งซี่ ข้อยซึ้งน้ำใจอ้ายหลายเด้อ”
ปึกคว้ามือไมค์ โจ๊กเกอร์ มากุม น้ำตาคลอ
“ขอบใจอ้ายเด้อ ที่เข้าใจหนูปึก”
“เอาน่ะ กินต่อเถอะ เดี๋ยวลาบจะเย็นบ่แซบ เอ้าไก่”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ หยิบปีกไก่ให้ ปึกรับมาฉีกกิน มองเหม่อคิดถึงเรื่องตัวเอง

เมษาเดินเข้าร้านขายของเก่าหลายร้าน ขั้นเทพสะกดรอยตามตลอด เมษาคิดแปลกใจ
“เราระแวงไปรึเปล่า รู้สึกเหมือนมีคนตาม”
เมษาเดินต่อไป ขั้นเทพค่อย ๆ ตามไป

ปึกนั่งเหม่อมองสายน้ำ ไมค์ โจ๊กเกอร์ จ้องมองปึก เธอหันมาเห็น
“อ้ายแอบมองข้อยทำหยัง”
“เปล่า ไม่มีอะไร พี่เห็นเอ็งดูคิดมาก อย่าไปคิดอะไรเลย เมื่อเอ็งตัดสินใจแล้วก็ทำไปเถอะ”
“จ้ะ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ส่งข้าวเหนียวให้ ยิ้มอย่างจริงใจ ปึกมองซึ้งใจ สายฝนโปรยปราย ทั้งสองชะงัก
“อุ้ย ฝนตก”
สองคนลุกเก็บของ แล้วไปหลบฝนเบียดกันอยู่ใต้ต้นไม้ ปึกยกมือปิดบังสายฝน ไมค์ โจ๊กเกอร์ ดึงเสื้อตัวเองออกกางคลุมหัวให้ ปึกเหลือบมอง ขยับตัวเข้ามาซุกแอบใกล้อกไมค์ โจ๊กเกอร์ ทั้งสองสบตากัน
เมื่อฝนหยุดตก ทั้งสองเดินมาตามทาง ปึกบิดเสื้อไมค์ โจ๊กเกอร์ แล้วสะบัด เห็นละอองน้ำกระเด็นเป็นรุ้งกินน้ำ
“รุ้งกินน้ำ”
“เออ จริงด้วย”
ปึกสะบัดเสื้ออีกที สองคนไล่คว้าจับรุ้งกินน้ำในอากาศ ปึกเหยียบน้ำลื่นจะล้ม ไมค์ โจ๊กเกอร์ เข้าไปประคองกอด ทั้งคู่มองหน้ากัน ตกอยู่ในภวังค์ ต่างคนต่างเขิน
“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้มีเจตนาจะแต๊ะอั๋งเอ็งนะ พี่กลัวว่าเอ็งจะล้ม”
“ฉันรู้ แต่ตอนนี้ปล่อยฉันได้รึยัง”
“อุ๊ย ขอโทษ พี่มัวแต่กลัวว่าเอ็งจะคิดไม่ดี”
“ฉันบอกแล้วไงว่าพี่คือคนที่ฉันไว้ใจมากที่สุด”
“ขอบใจ”
“พี่ไมค์”
“หือ”
“เรามาผูกเสี่ยวกันดีมั้ย”
“พอเอ็งแต่งงานเอ็งก็ลืมพี่แล้ว”
“ฉันไม่มีวันลืมพี่หรอก เพราะฉันไม่ได้รักฝรั่งนี่ ที่ฉันไปอยู่กับเขา เพราะฉันต้องการเงิน”
ปึกยกนิ้วก้อยให้
“นะ เรามาสาบานเป็นพี่น้องกันไปตลอดชีวิตนะ”
“ถ้าเอ็งต้องการอย่างงั้นก็โอเค”

ไมค์ โจ๊กเกอร์ ยกนิ้วก้อยให้ ปึกยกมือขึ้นมาพันเกี่ยวแขนเขาแล้วเกี่ยวก้อย ทั้งสองยิ้มให้กัน ก่อนจะเดินจูงมือกันไป
 
อ่านต่อตอนที่ 5
กำลังโหลดความคิดเห็น