xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 4

แสงคำปั่นจักรยานมาตามถนนในตลาดอย่างรวดเร็ว ขณะที่ดาวเด่นยังกอดกระเป๋ายืนเคว้งคว้าง มองไปรอบๆ อยู่ตรงริมถนน

มีรถโดยสารชาวบ้านจอดเรียกคนอยู่ฝั่งตรงข้าม ดาวเด่นมองเห็นคนทยอยขึ้นไป ก็จะข้ามไปถาม
แสงคำปั่นจักรยานมาเห็นดาวเด่นวิ่งข้ามถนน ก็รีบหักหลบ ดาวเด่นตกใจหยุดกึก แสงคำเสียหลัก จักรยานล้มกลิ้งไปกับพื้น ดาวเด่นตกใจ รีบวิ่งมากอดกระเป๋ายืนดู ตัวสั่น ทำอะไรไม่ถูก
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
แสงคำผลักจักรยานออกจากตัว กระชากเสียงใส่ด้วยความโมโห
“ข้ามถนนแบบนี้ อยากตายเร็วนักใช่มั้ย”
แสงคำกับดาวเด่นประจันหน้า ด้วยความรู้สึกไม่ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน
แสงคำลุกขึ้น ดาวเด่นจะช่วยยกจักรยาน แสงคำดึงกลับ แล้วปั่นออกไปเลย ดาวเด่นได้แต่มองตามงงๆ

ขณะเดียวกันหนานไตรมองขอสับช้างที่อยู่ตรงหน้าเขม็งท่ามกลางความตื่นใจของทุกคน เนื้อนางมองเห็น ยันตัวลุกขึ้น
“ตาจ๋า...อย่า...”
ทุกคนหันมามองเนื้อนาง คำฝายรีบประคองเนื้อนางนั่ง
หมื่นหล้าหันมาทางหลาน หนานไตรหันมามองเนื้อนางอย่างเป็นห่วง ม่อนดอยขยับเข้าไปยืนข้างๆ หนานไตร
“เนื้อนางเป็นยังไงบ้าง” ผู้เป็นตาถาม
“เนื้อนางตกน้ำเองจ้ะ ตา หัวฟาดกับหิน หนานไตรไปช่วยไว้”
เนื้อนางมองไปทางหนานไตรอย่างขอบคุณ
“เอ็งออกไปได้แล้ว หนานไตร หลานข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” หมื่นหล้าไล่
หนานไตรมองควาญช้างชรา รู้ว่าหมื่นหล้ายังโกรธเรื่องแขไขไม่หาย
“ผมขอโทษแทนทุกคนครับ หมื่นหล้า”
หนานไตรพูดได้แค่นั้น มองเนื้อนางด้วยแววตาห่วงใย แล้วลุกถอยออกไป ไม่อยากให้หมื่นหล้าหงุดหงิดอีก
เนื้อนางสงสัย “หนานไตรขอโทษทำไมจ๊ะ ตา”
หมื่นหล้าไม่อยากพูดถึง ถูกเนื้อนางถามซ้ำ
“มีอะไรหรือจ๊ะ ตา เล่าให้เนื้อนางฟังเถอะจ้ะ”
“คนของแม่นาย ผู้หญิงคนนั้น” หมื่นหล้าบอกสั้นๆ
“คุณแขไข” เนื้อนางรู้ทันที
“มันพูดไม่ดีตอนที่เห็นหนานไตรอุ้มเจ้ากลับมา”
เนื้อนางนึกรู้ว่าแขไขคงพูดด่าว่า จนหมื่นหล้าไม่สบายใจ เนื้อนางเข้าไปกอดหมื่นหล้าไว้
“ตาเคยบอกแล้วว่าอย่าเข้าใกล้หนานไตร”
“ตาจ๋า...เนื้อนางผิดเอง เนื้อนางขอโทษนะจ๊ะตา เนื้อนางทำให้ตาไม่สบายใจ”
คำฝายนั่งซึมสงสารน้อง เนื้อนางกอดหมื่นหล้าไว้ด้วยแววตาหมองเศร้า

หนานไตรสีหน้าเครียดเคร่ง เดินมาหยุดมองไปรอบๆ บึงน้ำในปาง พยายามสะกดอารมณ์เต็มที่ สักครู่หนึ่งแขไขเดินเข้ามาหา หยุดมองหนานไตรห่างออกมา
ธรรพ์ยืนข้างๆ แขไข เงียบๆ แขไขมองธรรพ์แล้วรีบพูดขึ้น
“ไม่ต้องห้ามแขเหมือนทุกครั้งหรอกค่ะ แขรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาไปรบเร้าพี่ณไตร”
“ดีครับ”
แขไขหันมามองธรรพ์ตาขุ่น แต่เขากลับยิ้มให้กำลังใจ จนแขไขถามด้วยความหมั่นไส้นิดๆ
“พี่ธรรพ์นี่ยิ้มได้ทุกเรื่องเลยนะคะ”
“บางทีใจผมก็ไม่ยิ้มหรอกครับ แต่เศร้าไป เราก็ยิ่งคิดอะไรไม่ออก”
แขไขมองรอยยิ้มของธรรพ์ แล้วเผลอยิ้มออกมาได้เหมือนกัน
“ถ้าไม่มีพี่ธรรพ์ แขคงไม่รู้จะทนอยู่ที่นี่ได้ยังไงนะคะ พี่ธรรพ์เป็นกำลังใจที่ดีที่สุดของแขเลยค่ะ”
ธรรพ์ฟังแล้วยิ้มกว้างออกมา สุขล้นๆ ที่ได้ยินแขไขเอ่ยชม

ทางด้านดาวเด่นปาดเหงื่อกลางแดดร้อน พิงกำแพงในตลาด สีหน้าเริ่มอ่อนแรง ขณะที่แสงคำเดินออกมาจากร้านขายยา
ดาวเด่นเวียนหัวจนทรุดลงกับพื้น แสงคำมองเห็นก็ตกใจ เข้ามาช่วยดึงดาวเด่น พอเห็นหน้าก็จำได้
“เธอคนเมื่อกี๊...มายืนทำอะไรตรงนี้”
“ฉันจะไปปางไม้หิมวัต”
แสงคำแปลกใจมาก “ไปทำไม”
ดาวเด่นตอบ ด้วยท่าทางอ่อนแรงลงเต็มที “ไปหา...พี่...” หล่อนมองแสงคำ หอบหายใจช้าๆ
“สภาพนี้จะไปได้ยังไง ทางมันไกล ฉันมีแต่จักรยาน”
“นายไปปางไม้หิมวัตเหรอ” ดาวเด่นดีใจฝืนลุก “ฉันไหว ไปไหว”
ดาวเด่นมองจักรยานแสงคำ แล้วรีบก้าวยาวๆ ไปคว้ามา แสงคำมองงง
“ไป ไปเลย...นายขี่ ฉันซ้อน เร็วๆ”
“จะไปหาใคร”
“เดี๋ยวค่อยเล่า ไปก่อน ไป”
ดาวเด่นรีบเอาจักรยานมาให้แสงคำ พอแสงคำนั่งเบาะ ดาวเด่นรีบขึ้นซ้อนทันที แสงคำหยิบหมวกเก่าๆ จากที่ใส่ตะกร้าส่งให้ดาวเด่นกันแดด
ดาวเด่นเอาหมวกมาใส่ แสงคำปั่นจักรยาน โดยมีดาวเด่นซ้อนท้ายออกไปโดยเร็ว

แม่นายศรีวัลลาไม่ได้ทุกข์ร้อนต่อการหนีไปของดาวเด่นเลยสักน้อย นั่งจิบชาอยู่ในบ้านหิมวัต มีจันตาคอยรอรับใช้ วันดีรีบเข้ามารายงาน
“คนงานโทรเลขบอกคุณหญิงมาลัยแล้วค่ะ ว่าคุณดาวเด่นหนีออกไปจากบ้าน”
“จันตาไปเตรียมจัดห้องรับแขก” แม่นายสั่ง
“รอรับคุณหญิงกับท่านนายพลใช่มั้ยคะ”
แม่นายบอกอีก “จัดห้องรับแขกทุกห้อง”
วันดีแปลกใจ “ไม่ใช่แค่ห้องเดิมหรือคะ”
“แกสองคนเกณฑ์คนงานทั้งหมด มาจัดบ้าน จัดห้องรับแขกทุกห้อง ไว้รอต้อนรับแขกของฉันที่จะมางานแต่งณไตรกับหนูแขไข”
จันตาฉงน “งานแต่งงาน”
“ใช่...หนูแขไขกลับจากปางคราวนี้ ฉันจะจัดงานแต่งให้ณไตรกับหนูแขไขเลย”

แม่นายพูดบอกกับบ่าวอย่างมั่นใจ

ทางฝ่ายหนานไตรเดินมาหยุดที่หน้าเรือนเนื้อนาง มองไปด้านใน อยากจะเห็นหน้าเนื้อนางเหลือเกิน

คำฝายเดินเก็บสมุนไพรมาจากด้านหลังบ้านเห็นเข้า เอ่ยขึ้นว่า
“เนื้อนางเป็นไข้”
หนานไตรหันไปเห็นคำฝายก็ดีใจ
“กินยาหรือยัง เลือดหยุดหรือยัง ผมไปพาหมอมานะ คำฝาย”
คำฝายบอกเป็นเชิงตำหนิ “เลือดหยุดแล้ว ไม่ต้องช่วยหรอกหนานไตร แค่นี้เนื้อนางก็โดนหนัก โดนรุมทุกทิศทุกทางแล้ว”
หนานไตรหน้าเศร้า “ผมรู้ว่า ผมเป็นต้นเหตุ อยากขอโทษเนื้อนางด้วยตัวเอง นะ คำฝาย ให้ผมได้พบหน่อย”
คำฝายมองเห็นสายตาเว้าวอนของหนานไตรก็นึกสงสาร
“พ่ออุ๊ยเพิ่งเข้าไปดูชักไม้ ตามมาสิ”
หนานไตรรีบเดินตามไปใกล้ตัวบ้าน จนถึงหน้าเรือน คำฝายหันมาหา
“รอตรงนี้”
หนานไตรยืนรอ มองคำฝายเปิดประตูเข้าเรือนไป ด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
สักพักประตูเรือนแง้มออก ให้เห็นเนื้อนางที่โผล่หน้าออกมาเพียงนิดเดียว แค่เห็นเสี้ยวหน้าหนานไตรก็ดีใจเหลือล้น รีบขยับไปใกล้
“เนื้อนาง”
หนานไตรกับเนื้อนางที่คุยกัน ต่างคนต่างเห็นหน้ากันผ่านรอยแง้มของประตู
“เป็นยังไงบ้าง”
“ขอบคุณมาก หนานไตรที่ช่วยฉันไว้”
“ผมต้องช่วยคุณ เนื้อนาง ผมกับคุณ...เรา...เป็น...”
เนื้อนางมองสายตามีทอดนุ่มมีความหมายลึกซึ้งของหนานไตร รู้สึกวาบหวามในใจ แต่ก็ต้องตัดใจ เอ่ยขึ้นว่า
“เพื่อนกัน”
คำฝายทำปากบอกว่า พอแล้ว แต่ไม่ออกเสียง เนื้อนางหันมาบอกหนานไตร
“เราไม่ควรเจอกันอีก”
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณเดือดร้อน แต่อย่าห้ามผมเลย เนื้อนาง”
เนื้อนางมองแววตาอ้อนวอนของหนานไตร สงสารจับจิต
“ผมจะถอยออกไปให้ห่างกว่านี้ แต่ขอให้ผมได้เห็นรอยยิ้มคุณบ้าง”
เนื้อนางมองนิ่ง หนานไตรยิ้มเศร้า
“เดี๋ยวผมจะให้ม่อนดอยเอายาแก้ไข้มาให้นะครับ”
เนื้อนางยิ้มขอบคุณหนานไตร หนานไตรมองรอยยิ้มนั้นเนิ่นนาน เนื้อนางค่อยๆ ปิดประตูลง หนานไตรมองจนประตูเรือนปิดสนิท
ส่วนด้านในเรือน เนื้อนางอมยิ้มกับตัวเองน้อยๆ คำฝายมองอยู่ด้านหลัง ยิ้มแล้วถอยกลับไปต้มน้ำร้อน
เนื้อนางอมยิ้มมองไปไกล เริ่มหวั่นไหวมีใจให้กับหนานไตรมากขึ้น

ฟากแสงคำปั่นจักรยานมา มีดาวเด่นคอพับคออ่อนซ้อนอยู่ด้านหลัง พอผ่านป้ายปางไม้หิมวัต ดาวเด่นเห็นเข้าก็ยิ้ม ดีใจ แสงคำปั่นมาแล้วหยุดลงตรงทางเข้า ดาวเด่นลงมา แสงคำมองจ้องแววตาสงสัย
“มาหาใคร”
“มาหาพี่”
แสงคำเร่ง “ชื่อ...บอกมา จะได้พาไปหา...เร็วๆ สิ เสียเวลามากแล้ว ฉันยิ่งรีบๆ”
ดาวเด่นตัดบท “ไม่ต้องก็ได้ จะรีบไปไหนก็ไปเถอะ เดี๋ยวฉันเดินไปเอง”
ดาวเด่นทำท่าจะเดินไป แสงคำดึงแขนไว้
“ไปไม่ได้ ที่นี่คนนอกเดินสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้”
ดาวเด่นดึงแขนตัวเองออก แสงคำจ้อง ซักใหญ่
“เป็นใคร มาจากไหน มาหาใคร”
ดาวเด่นค้อน “ซักยังกับเป็นเจ้าของปาง”
“เออ...ถ้าใช่จะทำไม”
ดาวเด่นด่าให้ “ตลก ขี้โม้ ไม่ต้องมาหลอก”
“ไอ้เด็กนี่” แสงคำยัวะนิดๆ
ดาวเด่นมองไปด้านหลังออกอุบาย
“อ้าว... พี่...หวัดดี เจอพอดีเลย
แสงคำหลงกลหันไป ดาวเด่นวิ่งไปคว้าจักรยานปั่นออกไปเฉยเลย
“เฮ้ย ไอ้เด็กแสบ กลับมาก่อน”
แสงคำวิ่งตามแต่ไม่ทัน ดาวเด่นหัวเราะ ปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปที่เรือนรับรองแขกที่เคยมาครั้งก่อนกับคณะแม่นาย แสงคำหยุดวิ่ง มองตามด้วยความโมโห

ดาวเด่นปั่นจักรยานมาตามทางจนหยุดลงหน้าเรือนพักของผู้จัดการปาง
“พี่แข...พี่แข”
แขไขได้ยินเสียงน้องก็รีบออกมาดู
“น้องดาว”
แขไขรีบลงมาหา จับไหล่ดาวเด่นด้วยความตกใจ
“มาถึงนี่ได้ยังไง”
ธรรพ์ตามลงมา พอเห็นสภาพดาวเด่นก็มองสงสัย
“คุณดาวเด่นออกมาจากบ้านมาคนเดียวหรือครับ ทำไมแม่นายไม่ให้คนมาส่ง”
ดาวเด่นไม่ตอบ “ขอขึ้นไปล้างหน้า กินอะไรก่อนได้มั้ยคะ ดาวจะได้มีแรงตอบทุกคำถาม”
เด็กสาวจอมแก่นยิ้มมองแขไขกับธรรพ์ แววตาสดใส

เย็นแล้ว เนื้อนางกำลังกินยาเม็ดลดไข้ที่หนานไตรให้คำม่อนเอามาให้ คำฝายมองกระปุกยาแล้วยิ้มเย้า
“หนานไตรนี่เค้าก็เป็นห่วงตั๋วมากนะ ดูสิให้ไอ้ม่อนดอยเอายามาให้ ตั๋วหายไวแน่ เพราะหนานไตรเค้าใส่หัวใจมากับยากระปุกนี้”
เนื้อนางอาย “พี่คำฝาย พูดดัง เดี๋ยวตาได้ยิน ก็ไม่สบายใจอีก”
คำฝายวางกระปุกยาลง ขยับหันมาทางเนื้อนาง
“ต่อไปนี้ ตั๋วต้องอยู่ใกล้พี่ อย่าไปไหนคนเดียว พวกคุณแขไขกับหมาบ้า 3 ตัวนั่นมันจะได้โอกาส”
เนื้อนางสงสัยขึ้นมาอีก “คุณแขไขเค้าจงเกลียดจงชังเนื้อนางเรื่องอะไรนักหนา”
จังหวะนี้แสงคำกำห่อยา ก้าวพรวดๆ ขึ้นเรือนมา เนื้อนาง คำฝายหันไปมอง
“อ้ายลงไปซื้อยามาให้ เนื้อนาง”
สองสาวกระอึกกระอัก คำฝายหันไปมองกระปุกยาที่เพิ่งวาง จะคว้าแต่ไม่ทัน แสงคำคว้ากระปุกยามามอง
“เอามาจากไหน”
คำฝายแก้ “เอ่อ...ฉันเพิ่งหาเจอ”
แสงคำมองคำฝายที่หลบตา ท่าทางมีพิรุธ แล้วหันมามองเนื้อนาง
“ของหนานไตรใช่มั้ย”
“ม่อนดอยเอามาให้”
แสงคำโกรธ วางกระปุกยา “ใครเอามาให้ไม่สำคัญ อ้ายถามว่าของหนานไตรใช่มั้ย”
เนื้อนางไม่ปฏิเสธ แสงคำยิ่งแน่ใจ ปาห่อยาของตัวเองลงพื้นอย่างน้อยอกน้อยใจ
สองสาวตกใจ แสงคำมองเนื้อนางด้วยแววตาผิดหวัง หันหลังเดินหุนหันออกไป
“พัง ๆ ๆ อีคำฝายเอ้ย...ไม่น่าวางไว้เลย กระปุกยาเจ้าปัญหา”

คำฝายบ่นบ้าด่าตัวเองไป เนื้อนางได้แต่มองสงสารแสงคำ

แสงคำหนีมานั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มควาญ อินเทสาโทในไหให้ แสงคำกรอกเข้าปากจนหมด

“คนอย่างไอ้หนานไตร มันจะมาแย่งทุกอย่างไปจากอ้าย ทั้งตำแหน่งผู้จัดการ ทั้งเนื้อนาง”
แสงคำได้ยินแล้วกำจอกเหล้าทำจากไม้ไผ่แน่น แววตาเจ็บใจ

ค่ำนั้น หนานไตรยืนกอดอกอยู่ตรงระเบียงเรือนพัก รู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว มองดาวเด่นที่นั่งอยู่ใกล้แขไข ธรรพ์มองพี่ชายอย่างรู้อารมณ์
“ธรรพ์ พรุ่งนี้ให้คนไปบอกแม่นายว่าคุณดาวเด่นปลอดภัย”
“ครับ พี่”
ดาวเด่นเอ่ยขึ้น “แม่นายเค้าคงอยากให้ดาวอยู่ที่นี่นานๆ ไม่กลับไปเลยยิ่งดี”
แขไขปรามน้อง “น้องดาว แม่นายท่านเป็นคนดี”
ดาวเด่นบอกอีก “ดีกับคนที่ควบคุมได้เท่านั้นแหละ”
ธรรพ์ตำหนิ “คุณดาวเด่นควรจะพูดถึงผู้ใหญ่ด้วยความเคารพนะครับ”
ดาวเด่นมองไปทางอื่นอย่างดื้อดึง หนานไตรไม่อยากฟังต่อ หันหลังจะลงเรือน แขไขรีบถาม
“พี่ณไตรจะไปไหน”
“ผมต้องรีบเข้านอน พรุ่งนี้ต้องไปลากไม้แต่เช้า”
หนานไตรหันมามองแขไข
“บอกน้องคุณด้วย อยู่ที่นี่ต้องทำตัวยังไง โดยเฉพาะเรื่องที่ผมสั่ง”
หนานไตรหันกลับ เดินลงเรือนไปเลย ดาวเด่นหันไปมองแขไขเห็นหน้าตางอนของพี่สาวก็ยิ่งอยากรู้เรื่อง

แสงคำเมาสาโท เดินเป๋ไปเป๋มาตามทางจะกลับเรือน หนานไตรเดินมาจากอีกทาง แสงคำเผชิญหน้ากับหนานไตร
“ไอ้หนานไตร มึง มึงแย่งของกู”
แสงคำพุ่งเข้าไป เหวี่ยงหมัดใส่หนานไตรด้วยความเมา หนานไตรไม่สู้ หลบถอยโดยไว แสงคำเซ
“นายเมามากแล้ว แสงคำ กลับไปนอน จะได้มีสติ มีแรงทำงานพรุ่งนี้เช้า”
“ไม่ต้องมาสั่งกู มึงคิดว่ามึงเป็นใคร...เฮอะ แค่ผู้จัดการ ที่นี่มันไม่มีใครอยู่ได้หรอกโว๊ย ผู้จัดการคนไหน มันก็อยู่ไม่ได้”
หนานไตรนิ่งฟังแสงคำ ด้วยสายตาคมกริบ
“ถ้ากูไม่ยอม ใครก็อยู่ไม่ได้”
แสงคำพุ่งเข้าชกอีก หนานไตรหลบแล้วจับข้อมือแสงคำบิดไปด้านหลัง แสงคำเจ็บ หนานไตรมองจ้องใกล้ๆ
“แล้วเราจะได้รู้กัน ว่าที่นี่ใครกันแน่ที่เป็นใหญ่”
หนานไตรผลักแสงคำหน้าทิ่มลงกับพื้น มองด้วยสายตารำคาญ แล้วเดินแยกไป
“มึงอย่าเดินหนีกูสิวะ กูไม่ให้มึงหรอก เนื้อนางเป็นของกู”
แสงคำโงนเงนลุกขึ้นแล้วล้มแผละลงกับพื้น ส้มปอยเดินผ่านมาเห็นรีบเข้ามาพยุง
“ใครวะ”
“ส้มปอยเองจ้ะ อ้ายแสงคำ”
แสงคำเมาจนแทบยืนทรงตัวไม่อยู่ ส้มปอยต้องพยุงไว้ทั้งร่าง

ส้มปอยปล่อยร่างแสงคำลงนอน แสงคำยกมือเปะปะ ดึงเสื้อออก
“ร้อนโว๊ย ร้อน”
ส้มปอยมองเรือนร่างกำยำของแสงคำด้วยสายตาหลงรัก แล้วเอนตัวลงไปนอนอิงบนอกแกร่งนั้น
“อ้ายแสงคำรักส้มปอยมั้ย”
“อือ” แสงคำส่งเสียงในลำคอ ฟังไม่ชัดนัก
“ส้มปอยรักอ้าย รักที่สุด ชีวิตส้มปอยก็ให้อ้ายแสงคำได้”
ส้มปอยเลื่อนตัวไปกอดแสงคำไว้แน่น โดยที่แสงคำไม่รู้สึกตัวโอบกอดตอบ ส้มปอยยิ้มในอกแกร่งของแสงคำที่หลับไปแล้ว

แสงแดดยามเช้าอ่อนส่องกระทบใบไม้ เสียงลม เสียงนกร้องเบาๆ ขณะหนานไตรเสียบดอกไม้ป่าไว้ที่เสาหน้าเรือน แล้วรีบหลบไปมองอยู่หลังพุ่มไม้
ประตูเรือนเปิดออก หนานไตรหลบมองจ้องไม่กะพริบตา เป็นเนื้อนางเดินออกมากับคำฝาย หนานไตรมองลุ้นว่าเนื้อนางจะเห็นดอกไม้ที่ตนเสียบไว้มั้ย พอหมื่นหล้าเดินตามออกมา หนานไตรก้มต่ำฉากหลบ กลัวหมื่นหล้าเห็น
“นังคำฝายดูเนื้อนางด้วยล่ะ”
“สั่งทุกวัน สั่งเหมือนเดิม สั่งตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เบื่อหรือไง พ่ออุ๊ย” คำฝายบ่น
“เบื่อเมื่อไหร่ ข้าจะใช้ขอสับสั่งเอ็งแทน ดีมั้ย”
คำฝายหน้าย่น เนื้อนางหัวเราะ เดินเข้ามากอดประจบตา
“ไปในปางเถอะจ้ะ ตา ไม่ต้องห่วง”
“จะให้ตาไม่ห่วงยังไง เนื้อนาง เจ้าเป็นดวงใจของตา”
เนื้อนางกอดตาแล้วหอมแก้มด้วยความรัก หมื่นหล้ากอดหลานตอบ คำฝายทำท่าจะกอดจะหอมบ้างบ้าง หมื่นหล้ารีบผละเดินหนีไปทำงาน คำฝายค้อนควัก
เนื้อนางหัวเราะขัน แล้วหันไปจะหยิบผ้าที่ตากไว้ แต่สายตามองไปเห็นดอกไม้ที่ปักอยู่ เนื้อนางหยิบออกมา
หนานไตรมองยิ้มดีใจ
“เอ๊ะ ทำไมเสาต้นนี้มันออกได้ ไม่ยักกะเคยเห็น”
เนื้อนางถือดอกไม้หันไปมอง คำฝายทำหน้าล้อๆ
“คนมาปลูกไว้คงอยู่แถวนี้”
เนื้อนางเขินใหญ่ “พี่คำฝาย ไหนว่าจะไปอาบน้ำ”
“ไม่ต้องไล่หรอก ไปก็ได้”
คำฝายเดินสะบัดสะบิ้งออกไป เนื้อนางมองหาไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นใครก็ก้มลงดมดอกไม้
หนานไตรที่หลบมองอยู่อมยิ้ม ตาวาวหวานด้วยความดีใจ

เนื้อนางมองดอกไม้ด้วยรอยยิ้มกิริยาน่ารัก แววตาเขินอายพอเดาออกว่าต้องมาจากหนานไตร

รัญจวนยกหม้อออกมาวางในโรงอาหารปาง กะเทยกำปุ้งตักอาหารแจก พอถึงคนงานหนุ่มหน้าตาดีก็ตักให้เยอะพิเศษ
“คนหล่อต้องกินเยอะๆ ขี้เหร่กินน้อยๆ โน่นไปนั่งไกลๆ”
คนงานพากันรับอาหารแล้วเดินไปนั่ง
คำฝาย กับเนื้อนางเดินเข้ามาในจังหวะนี้ กำปุ้งเห็นสองสาวมาก็แกล้งวางทัพพี รัญจวนกอดอกมอง
“รีบกิน แล้วก็รีบไปซักผ้าให้คุณแขไขด้วย”
“จะใช้งาน ก็รีบตักข้าวให้กินสิวะ” คำฝายบอก
กำปุ้งยกมือขึ้นมาดูสีเล็บอย่างกวนๆ รัญจวนยืนจังก้าข้างลูกน้อง
“มือไม่ว่าง แต่ตีนว่างนะ ดีดปากคนได้สักป๊าบสองป๊าบ” กำปุ้งว่า
คำฝายสวน “แหม ตีนข้าก็ว่างว่ะ กำปุ้ง กระทืบคนให้ลิ้นห้อยได้เลยล่ะ”
กำปุ้ง คำฝายมองแบบพร้อมปรี่เข้าหากัน เนื้อนางมองปรามคำฝาย หยิบทัพพีมาตักเอง
“โชคดีของแกมันไม่ได้มีบ่อยๆ หรอก เนื้อนาง นึกเหรอว่าหนานไตรจะเป็นเทพบุตรมาช่วยได้ทุกครั้ง” รัญจวนเยาะหยันแดกดัน
“ไม่ได้หวังว่าจะมีคนช่วยเหมือนกัน เพราะฉันก็มีสองมือ สองเท้า รึหน้าไหนมันอยากลอง”
เนื้อนางจ้องตารัญจวนโดยไม่เกรงกลัว
“ฉันไม่ใช่คนเจ็บไม่จำ ความอดทนของฉันมันก็มีวันหมด โดยเฉพาะกับคนที่มันทำให้ตาฉันเสียใจ”
เนื้อนางวางช้อน ยิ้มนิ่มนิ่ง รัญจวนรู้สึกหวาดหวั่นสายตาคู่นั้น
เนื้อนางเดินหันหลังออกไปหาที่นั่ง
คำฝายถือจานข้าว หัวเราะดังๆ ใส่หน้ารัญจวน แล้วสะบัดเดินไปนั่งข้างเนื้อนาง
กำปุ้งหมั่นไส้ “หมูไม่กลัวน้ำร้อน มันขู่เราค่ะ คุณพี่”
รัญจวนรีบบอก “ฉันไม่ได้กลัวมัน”
“ใจกล้า ขาสั่นหรือเปล่าคะ” กะเทยดอยสัพยอกลูกพี่
“สั่นสู้ย่ะ”

เนื้อนางกับคำฝายถือจานข้าวมาหาที่นั่ง ถูกส้มปอยเดินเข้ามาตัดหน้า มองเนื้อนางกวนๆ
เนื้อนางมองตอบงงๆ ส้มปอยเหยียดยิ้ม สะบัดหน้าพรืด
คำฝายยัวะ “นังส้มปอย สะบัดแรงขนาดนั้น ระวังคอหลุดจากบ่าไม่รู้ตัว”
“มันก็เรื่องของชั้น” ส้มปอยมองหยามเนื้อนาง “เสียใจด้วยนะ พี่เนื้อนาง”
“เสียใจเรื่องอะไร ส้มปอย”
“อย่าให้ชั้นต้องเป็นคนบอกเลย เดี๋ยวพี่จะน้ำตาตก กินข้าวไม่ลง”
ส้มปอยเชิดไปอีกคน เนื้อนางเดินมานั่ง คำฝายบ่นงงๆ
“ไม่ต้องกินแล้วมั้ง ข้าววันนี้ แดกดันกันซะจุกเลย ทางโน้นที ทางนี้ที อะไรของมันนะ”
“ช่างเค้าสิ พี่คำฝาย ความสุขของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับปากใคร”
เนื้อนางกินข้าว สายตามองตรงออกไปด้านนอก เห็นหนานไตรนั่งหลบมุมอยู่ไกลลิบ กินข้าวอยู่เงียบๆ ส่งยิ้มมาให้ เนื้อนางนึกถึงที่หนานไตรสัญญา
“ผมจะถอยออกไปให้ห่างกว่านี้ แต่ขอให้ผมได้เห็นรอยยิ้มคุณบ้าง”
เนื้อนางมองสบตาหนานไตร แล้วยิ้มอาย หนานไตรมองรอยยิ้มหวานของเนื้อนางด้วยสีหน้าชื่นใจ

เนื้อนางกับหนานไตรยิ้มบางๆ ให้กันโดยไม่มีใครรู้ ต่างคนต่างมีความสุข แม้ไม่ได้พูดกันสักคำ

อ่านต่อหน้า 2

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 4 (ต่อ)

ขณะเดียวกันที่โต๊ะอาหารเช้าบนเรือนรับรองแขกในปาง ธรรพ์กับแขไขรวบช้อน ดาวเด่นอิ่มตาม สร้อยฟ้ายกสำรับออกไป

“ทำไมเราไม่เปลี่ยนบรรยากาศ ไปกินที่โรงอาหารบ้าง” ดาวเด่นว่า
“โรงอาหารคนงาน! อย่าเชียวนะ น้องดาว ที่นั่นมันไม่เหมาะกับคนชั้นเรา” แขไขบอกในท่าทีเย่อหยิ่ง
“ปางไม้นี่ก็ไม่เหมาะกับพี่แขอยู่แล้วล่ะค่ะ ดาวยังงงว่าทำไมพี่แขถึงทนได้เพื่อผู้ชายคนเดียว” ดาวเด่นแย้ง
แขไขย้อน “ความรักไงล่ะ ความรักที่พี่มีให้พี่ณไตร มันทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้”
ดาวเด่นบอกอีก “ความรักหรือความหลง”
แขไขขุ่นเคือง หันมองดาวเด่นตาดุ ดาวเด่นลุกขึ้น
“ดาวจะไปหาคนงานเมื่อวานที่พาดาวมา ไปขอบใจเค้า”
ธรรพ์เอ่ยขึ้น “คนงานที่คุณดาวเด่นเล่าให้ฟัง ชื่ออะไรนะครับ”
“ไม่รู้หรอกค่ะ ดาวยังไม่ทันได้ถามชื่อ แต่เห็นปุ๊บ จำได้แน่นอน ท่าทางขี้โม้ ยโสแบบนั้น เห็นครั้งเดียวจำจนตาย”
ดาวเด่นมีแววตาระลึกถึงแสงคำที่เจอและไม่ชอบขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอ

แสงคำอยู่บนหลังช้างที่กำลังลากซุงท่อนกองใหญ่มา หมื่นหล้ากำลังยืนดูคนงานทำงาน
ดาวเด่นลัดเลาะมามองหา จนเห็นแสงคำบนหลังช้าง
“ที่แท้ก็เป็นควาญช้าง”
ดาวเด่นก้มๆ เงยๆ มอง เสียงช้างร้องแปร๋นจากด้านหลัง ดาวเด่นตกใจ หันไปมองเห็นลูกช้างที่แกว่งงวงไปมา ดาวเด่นออกอาการตื่นเต้น ค่อยๆ ขยับเข้าไปหา
“หวัดดี ชื่ออะไรน่ะ เราชื่อดาวเด่น เป็นเพื่อนกันนะ”
ลูกช้างแสนรู้ขี้เล่นเอางวงมาแหย่เอว ดาวเด่นหัวเราะลั่น
แสงคำได้ยินเสียงก็หันมามอง หมื่นหล้ามองเห็นดาวเด่นแล้วถามขึ้น
“ใครกัน ไม่เคยเห็นหน้า”
“เด็กเมื่อวานน่ะ พ่ออุ๊ย ฉันเจอในเมือง ขอตามมาด้วย บอกว่าจะมาหาพี่”
แสงคำ กะหมื่นหล้าพากันมอง เห็นดาวเด่นกำลังเล่นกับลูกช้าง หน้าตาเบิกบานสนุกสนาน
แสงคำยิ้มขำ “สงสัยเกิดมาจะไม่เคยเห็นช้าง”
“คนของแม่นายหรือเปล่า แต่งตัวไม่เหมือนพวกเรา” หมื่นหล้าว่า
แสงคำได้ยินแล้วหน้าบึ้งทันที

“จริงด้วย น่าจะเป็นพวกคุณแขไข ถึงได้พูดจาวางท่า น่าโมโห คราวหน้าเข้ามาใกล้อีก จะให้ไอ้น้อยเตะเล่นสักทีสองที”
น้ำเสียงแสงคำแสดงความไม่พอใจดาวเด่นชัดเจน บังคับพลายน้อยหันหลังไปทำงานทางอื่น
ดาวเด่นหันมามอง เห็นแสงคำที่หันกลับไปทำงานห่างออกไป จึงได้แต่มองตาม

ทางด้านเนื้อนาง และคำฝาย ยืนอยู่ริมลำธาร มีรัญจวนมองจ้อง กำปุ้งโยนตะกร้าผ้าลงตรงหน้า คำฝายมองเห็นผ้าเต็มตะกร้า
“เมื่อวานก็เพิ่งซัก เปลี่ยนชุดทุกชั่วโมงหรือไง คุณแขไขของแกเนี่ย ผ้าถึงมากมายเต็มตะกร้าอย่างงี้”
คำฝายคีบเสื้อตัวหนึ่งออกมา ลายดอกสีแปร๋น กะเทยกำปุ้งชักสีหน้า เพราะเป็นเสื้อของตัวเอง
“ชุดคุณแขไขเนี่ยะ เหมือนชุดที่ขายในงานปอยเลยเนอะ”
เนื้อนางเทตะกร้าผ้าออก เห็นเสื้อผ้าสีสันของกำปุ้งเกลื่อนพื้นปนอยู่กับเสื้อผ้าแขไข คำฝายคีบกางเกงเก่าขาดของกำปุ้งออกมาอย่างจงใจ
“ตายๆ ดูสิ เนื้อนาง เสื้อผ้าผู้ดีนี่เหมือนผ้าขี้ริ้วเลยเนอะ”
“ฉันจะซักผ้าคุณแขไขเท่านั้น ของคนอื่น ฉันไม่ซัก” เนื้อนางบอก
กำปุ้งแหลมขึ้น “คุณแขไขสั่งให้ซักให้หมด”
เนื้อนางบอกเสียงเข้ม “ก็บอกว่าไม่ซัก”
“กล้าขัดคำสั่งคุณแขไข มันก็ต้องได้รับโทษ”
รัญจวนฟาดมือตบหน้าเนื้อนางอย่างแรง เนื้อนางหน้าสะบัด หันกลับมา ก็ตบรัญจวนเข้าบ้าง
“อ๊าย มันตบคุณพี่”
กำปุ้งโผเข้าหา คำฝายยกตะกร้าฟาดหน้ากำปุ้งก่อน แล้วหันมาซัดสร้อยฟ้า
รัญจวนเข้าจะจิกหัวเนื้อนาง แต่เนื้อนางคว้าผมรัญจวนเข้าบ้าง สองคนไม่มีใครยอมใคร รัญจวนจะเหวี่ยงเนื้อนาง คำฝายโดดดึงรัญจวน รัญจวนเซ
เนื้อนางเหวี่ยงรัญจวนล้มลงกลางน้ำธาร น้ำกระจาย กำปุ้งเข้ามาผลักเนื้อนางกระเด็นล้มไปข้างรัญจวน รัญจวนพลิกขึ้นคร่อมบีบคอเนื้อนางทันที
“วันนี้มึงตายแน่ อีนังเนื้อนางคนสวย”
คำฝายจะเข้าไปช่วย ถูกกำปุ้ง กับสร้อยฟ้าจับแขนคำฝายคนละด้าน
“ศพที่สองคือมึง อีคำฝาย”
ม่อนดอยวิ่งมาเห็นเนื้อนาง และคำฝายโดนรุมก็วิ่งผ่าเข้าไป
“หยุด หยุด หยุดกัดกันก่อน”
กำปุ้ง และสร้อยฟ้า เหวี่ยงคำฝายพุ่งไปทางม่อนดอย คำฝายชนม่อนดอย ล้มกลิ้งกันไป เปียกมะล่อกมะแล่ก กำปุ้ง กะสร้อยฟ้ากรี๊ด หัวเราะสะใจ ส่วนเนื้อนางที่ถูกรัญจวนขึ้นคร่อม บีบคอ พยายามดิ้นให้หลุด

ด้านดาวเด่นพยายามเดินมาใกล้มองแสงคำกับคนงานที่กำลังทำงานอยู่ แสงคำหันมาเห็น ดาวเด่นยิ้มให้ แสงคำไม่ชอบหน้า สั่งบังคับพลายน้อยให้ยกขา เหมือนจะกระทืบ ส่งเสียงร้องดัง
ดาวเด่นตกใจ ถอยกรูดจนเสียหลักล้มลง แสงคำมอง หัวเราะเยาะใส่
ดาวเด่นรีบยืนขึ้น “นายแกล้งฉัน”
“นี่ยังน้อย...ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็ไปห่างๆ ไปอยู่กับพวกเธอโน่น”
ดาวเด่นมองอย่างขุ่นเคือง แสงคำไม่สนใจ ดึงพลายน้อยให้เดินไปอีกทาง

ทางฝ่ายเนื้อนางถูกรัญจวนบีบคออยู่ริมลำธาร กำลังจะหายใจไม่ออก
“ปล่อยชั้น”
“ปล่อยก็โง่น่ะสิ เรื่องอะไรจะปล่อยให้แกสวยที่สุดในปาง”
คำฝาย กะม่อนดอย ลุกขึ้น วิ่งจะพุ่งเข้าไปช่วยเนื้อนาง ถูกกำปุ้ง และสร้อยฟ้าคว้าท่อนไม้เงื้อ จะฟาด สองทะโมนเบรคเอี๊ยด กำปุ้ง และสร้อยฟ้าไม่ยอม วิ่งไล่ฟาด พัลวัน ม่อนดอยเตะกำปุ้งตกน้ำดังตูม คำฝายตบมือชอบใจ
หนานไตรเดินมาเห็นเนื้อนางถูกบีบคอก็ตกใจมาก
“เนื้อนาง”
หนานไตรวิ่งพุ่งเข้ามาดึงรัญจวนออกจากเนื้อนาง เนื้อนางรีบลุกขึ้น หนานไตรเข้าไปประคอง
“นี่อะไร ทำไมต้องลงมือลงไม้กันด้วย” หนานไตรโกรธสุดขีด
ม่อนดอย กับคำฝายรีบมาอยู่ข้างเนื้อนาง หนานไตร
“ชั้นกำลังสั่งสอนเนื้อนาง มันขัดคำสั่งคุณแขไข คุณแขไขสั่งให้มันซักผ้า” รัญจวนตอแหล
“เนื้อนางไม่ต้องซักอะไรทั้งนั้น คุณธรรพ์สั่งให้พวกเธอรับใช้คุณแขไข พวกเธอก็ต้องซักผ้าพวกนี้เอง”
รัญจวนแย้ง “แต่คุณแขไขสั่งให้เนื้อนางมันซัก ผู้จัดการอย่างแกก็ขัดคำสั่งคนของแม่นายไม่ได้”
หนานไตรบอก “คำสั่งไร้ความยุติธรรม ฉันไม่ทำตาม”
“จะไปช่วยเนื้อนางมันทำไม หนานไตร เกิดคุณแขไขโกรธ ไล่แกออกขึ้นมา” สร้อยฟ้าฉุนมาก
“ไล่ก็ไล่สิ ปางไม้ต้องการคนงานที่รักษาความถูกต้อง ไม่ใช่คนงานที่ดีแต่ประจบสอพลอ”
หนานไตรตอกกลับจนสามดาวยั่วขี้อิจฉาอึ้งไป
“เอาผ้ากลับไปซักกันเอง ต่อไปนี้เนื้อนางไม่มีหน้าที่รับใช้คุณแขไข ไม่ว่าเรื่องไหนทั้งนั้น”
“แต่ว่า...” รัญจวนอิดออด
คำฝายด่า “หน้าด้าน หน้าทนจริงโว๊ย ผู้จัดการไล่ก็ยังไม่ไป”
กำปุ้งไม่ยอม “หนานไตร รู้หรือเปล่าทำแบบนี้ มันจะพาภัยเข้าหาตัว”
“ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไปบอกคุณแขไขด้วย ว่าเนื้อนางจะไม่ซักผ้าให้อีกแล้ว”
หนานไตรมอง สามสาวรีบเก็บเสื้อผ้าใส่ตะกร้า เดินสะบัดออกไป
หนานไตรหันมามอง เนื้อนางมีสีหน้าเหนื่อยใจ
“เค้าต้องไปฟ้องคุณแขไขเสียๆ หายๆ อีก ที่จริงเสื้อผ้าคุณแขไข ฉันซักให้ก็ได้”
คำฝาย ม่อนดอยมองหนานไตรกับเนื้อนางแล้ว แกล้งพูดขึ้นเปิดทาง
“โอ๊ยๆ เนื้อนาง สู้กับอีกำปุ้งแรงไปหน่อย เดี๋ยวพี่ไปเข้าป่าแป๊บนึงนะ อั้นไม่ไหวแล้ว ไป...ไอ้ม่อนดอย”
“เฮ้ย อะไรนังคำฝาย ชวนข้าเข้าป่า” ม่อนดอยโวยวาย
“ไปส้วม”
คำฝายบิดหูม่อนดอย แอบขยิบตาให้หนานไตร แล้ววิ่งเข้าป่าไปกับม่อนดอย หนานไตรมองเนื้อนางอย่างเป็นห่วง
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า เนื้อนาง”
หนานไตรจับแขนเนื้อนางมาดู เนื้อนางรีบดึงออก
“ไม่เจ็บเท่าไหร่ ขอบใจนะหนานไตร มาช่วยเนื้อนางไว้อีกแล้ว”

เนื้อนางยิ้มสวยหวานหยดย้อย จนหนานไตรยิ้มมองเพลิน

ที่โรงเรียนในปางตอนนี้ แขไขมองกำปุ้ง รัญจวน และสร้อยฟ้า ที่สะอึกสะอื้น เสื้อผ้าเปียกโชก สภาพยับเยิน ด้านหน้าคือธรรพ์ที่กำลังสอนเด็กๆ คัดลายมือ

“เนื้อนางมันปาเสื้อผ้าคุณแขไขใส่หน้าเราค่ะ” กำปุ้งเปิดฉากฟ้อง
“ตอนแรกมันจะฉีกทิ้ง แต่พวกเราแย่งไว้” สร้อยว่าว่า
กำปุ้งใส่ไฟต่อ “เนื้อนางมันบอกว่าต่อให้เป็นเสื้อผ้าของคุณแขไขมันก็ไม่ซัก”
แขไขเดือดปุดๆ
รัญจวนจี้จุด “ตอนนี้หนานไตรก็อยู่กับมัน คอยให้ท้าย ปกป้องมันเต็มที่ ขนาดเราบอกหนานไตรว่าอย่าลองดีกับคุณแขไข”
รัญจวนยังฟ้องไม่ทันจบ แขไขพุ่งปราดออกไป สามคนมองแล้วยิ้มทันที
“จุดติดไวยิ่งกว่าน้ำมันก๊าดอีกว่ะ”
กำปุ้งสะใจ “วันนี้แกตายยิ่งกว่าตายแน่ๆ อีเนื้อนาง”
สามสาวรีบแล่นตามออกไป
ธรรพ์ที่กำลังสอนเด็กเงยขึ้นมอง เห็นแขไขโลดลิ่วไป โดยมีสามคนตามติด ก็รู้เลยว่าต้องมีเรื่องกันอีกแน่

หนานไตรกับเนื้อนางยังยืนอยู่ที่เดิม เนื้อนางปัดเนื้อปัดตัว หนานไตรมองแล้วเลียบเคียงถาม
“เนื้อนางชอบดอกไม้หรือเปล่า ถ้าชอบ...ผมจะไปหามาให้ทุกวัน”
“ดอกที่หนานไตรเอามาให้เมื่อเช้า เราเรียกว่า...เอื้อง”
หนานไตรยิ้มอาย “ผมนี่ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เนื้อนางสอนผมด้วยนะ”
เนื้อนางอมยิ้ม และได้ยินเสียงร้องจากพุ่มไม้ ก็ถามขึ้น
“หนานไตร ได้ยินมั้ย...เสียงลูกนก”
หนานไตรกับเนื้อนางเดินมองหา
“ตรงนี้”
เนื้อนางเดินมาข้างๆ หนานไตร เห็นลูกนกเกิดใหม่ที่ตกจากรัง หนานไตรประคองลูกนกขึ้นมา
“คงตกลงมาจากกิ่งไม้”
“แม่มันคงบินหนีไปแล้ว หรือไม่ก็คงถูกงูกัด”
“โถ...เจ้านกกำพร้า เนื้อนางจะเอาไปเลี้ยงเอง”
เนื้อนางประคองมือออกไปรับ หนานไตรวางลูกนกลงในมือ เนื้อนางประคองลูกนกไว้ ลูกนกดิ้น หนานไตรรีบเอามือมาประคองมือเนื้อนาง กันลูกนกหล่นทันที ทำให้มือเนื้อนางสัมผัสกับมือหนานไตร สองสายตามองสบกัน
แสงคำเดินเข้ามาเห็น ก็ชะงักกึก หนานไตรยิ้มกับเนื้อนาง มือสองมือประคองกันไว้
อีกด้าน แขไขวิ่งมากับกลุ่มรัญจวน ทั้งแขไข ทั้งแสงคำ มองเห็นภาพหนานไตรกับเนื้อนางสัมผัสมือกัน

ขณะเดียวกันแม่นายศีวัลลา มองจันตา และวันดี ที่กำลังคุมคนงานปัดกวาดเช็ดถูบ้านหิมวัตกันอยู่อย่างพอใจ
“ทำให้สวยที่สุด รอรับลูกสะใภ้คนโตของชั้น”
วันดีมองไม่แน่ใจ ตรงข้ามกับแม่นายที่ยิ้มมีความสุข

ที่ริมลำธาร สองมืกอบกุมอยู่ มือหนานไตรสัมผัสมือเนื้อนาง มองสบตากัน ไม่ทันเห็นแขไขกับพวกรัญจวน และแสงคำที่เข้ามาเห็น
“เนื้อนาง”
แสงคำเรียกขึ้น เนื้อนาง และ หนานไตรหันไป เนื้อนางดึงมือที่อุ้มลูกนกออกมาก่อน แสงคำไม่สนใจไถ่ถาม พุ่งเข้าไปชกหนานไตรกระเด็น แขไขตกใจมาก วิ่งไปประคองหนานไตร ท่ามกลางสายตาตะลึงของทุกคน
แขไขมองแสงคำอย่างเข่นเขี้ยว “ฉันไล่แกออก”
เนื้อนางมองแขไขด้วยสายตาสงสัย ที่เห็นหล่อนออกอาการโกรธจัดประคองหนานไตร
“ไอ้หนานไตร มึง”
เนื้อนางร้องห้าม “อย่า อ้ายแสงคำ”
แสงคำง้างหมัดค้าง คำฝายได้ยินเสียงเอะอะวิ่งมาดูกับม่อนดอย ธรรพ์วิ่งตามมา รีบดึงแขไขออกห่างหนานไตร แขไขสะบัด ไม่ให้ธรรพ์จับ
หนานไตรลุกขึ้น ผละจากแขไขเอง คำฝายรีบมาข้างเนื้อนาง
แสงคำคำราม “มึงแอบจับมือเนื้อนาง”
เนื้อนางขึ้นเสียง “หยุด อ้ายแสงคำ”
แสงคำฉุน “จะปกป้องมันทำไม”
“เนื้อนางไม่ได้ปกป้องหนานไตร เห็นหรือเปล่าว่าอะไรอยู่ในมือเนื้อนาง”
เนื้อนางลดมือลงให้ทุกคนมองเห็นลูกนกตัวเล็กๆ
“หนานไตรเก็บลูกนกตัวนี้ให้เนื้อนาง”
แสงคำเถียงไม่ออก เนื้อนางมองแสงคำอย่างไม่พอใจ
“เนื้อนางไม่ได้แอบนัดแนะหนานไตร” คำฝายบอก
“เราเข้าป่าไปฉี่แป๊บเดียว” ม่อนดอยเสริม
คำฝายเอาลูกนกจากมือเนื้อนางมาถือไว้เอง
“ขอโทษ หนานไตรซะ อ้ายแสงคำ” เนื้อนางพูดบอกเป็นเชิงสั่ง
“ไม่”
“อ้ายแสงคำ”
แสงคำไม่ยอมขอโทษ เนื้อนางโกรธมาก หันไปทางหนานไตร แขไข ธรรพ์
“ขอโทษนะ หนานไตรที่ต้องมาเจ็บตัวเพราะคนพาล”
เนื้อนางพูดแล้วเดินออกไปทันที แสงคำมองแล้ววิ่งตามไป
แขไขดึงแขนหนานไตรรั้งไว้ทันที เพราะกลัวจะตามเนื้อนาง แต่หนานไตรสะบัดออก เหตุการณ์ทั้งหมดไม่รอดสายตาสามสาวกลุ่มรัญจวน
หนานไตรได้แต่มองตามเนื้อนางไปด้วยสายตาลำบากใจ

เนื้อนางเดินเร็วรี่มาตามทาง แสงคำวิ่งตามมาดักหน้า
“เนื้อนาง”
เนื้อนางนิ่งไม่มองหน้า แสงคำพยายามอธิบาย
“ทำไมต้องบังคับให้อ้ายขอโทษหนานไตร”
“ถ้าพาลแบบนี้ เนื้อนางจะไม่คุยด้วย”
เนื้อนางจะเดินหนี แสงคำคุกเข่าลงตรงหน้าเนื้อนาง
“ให้อ้ายขอโทษเนื้อนาง ยังดีกว่าให้อ้ายขอโทษหนานไตร อ้ายทนไม่ได้ เนื้อนางสนใจมัน”
เนื้อนางจะเถียงแต่แสงคำพรั่งพรูออกมาอีก “เนื้อนางอย่าบอกว่าไม่จริง สายตาเนื้อนาง ตั้งแต่มีไอ้หนานไตรเข้ามา เนื้อนางไม่เคยมองอ้ายอีกเลย”
“เนื้อนางยังมองอ้าย ยังรัก ยังนับถืออ้ายแสงคำเหมือนพี่ชายคนเดิม”
“แต่อ้ายไม่อยากเป็นพี่ชาย อ้ายอยากกินแขก อยากได้เนื้อนางเป็นเมีย”
เนื้อนางตะลึง “อ้ายแสงคำ”
แสงคำโผเข้ากอดเนื้อนาง
“อ้ายรักเนื้อนาง”
เสียงหมื่นหล้าดังขึ้น “ถ้าเอ็งรักหลานข้า”
เนื้อนาง และแสงคำหันไป เห็นหมื่นหล้าที่ก้าวเข้ามา
“เอ็งก็ต้องทำตามประเพณี”
เนื้อนางตกใจ “ตา”
แสงคำดีใจยิ่งนัก “ฉันจะทำทุกอย่างตามที่พ่ออุ๊ยต้องการ ขอให้ฉันได้กินแขกกับเนื้อนาง”
หมื่นหล้าออกปาก “ข้ายกเนื้อนางให้เป็นเมียเอ็ง แสงคำ”
เนื้อนางช็อก มองตาด้วยความตกใจสุดขีด หมื่นหล้าเดินมาตรงหน้าเนื้อนางกับแสงคำ
“เชื่อตาเถอะ เนื้อนาง ตาทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของเจ้า แต่งงานเป็นเมียแสงคำมันซะ”
เนื้อนางยังช็อกตั้งตัวไม่ติด หมื่นหล้าหันไปทางแสงคำ
“พรุ่งนี้ ยกขบวนมารับเจ้าสาวของเอ็งไปเลย”

แสงคำทรุดลงกราบแทบเท้าพ่ออุ๊ย หมื่นหล้าหันมามอง เนื้อนางตกตะลึง

หนานไตรยืนอยู่บนเรือนที่พัก แขไขเดินเข้ามาใกล้ ธรรพ์ กับดาวเด่นมองอยู่ห่าง

“แขไข ผมเคยขอร้องแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าไปรบกวนเนื้อนาง”
แขไขย้อน “รบกวน พี่ณไตรใช้คำว่ารบกวนกับผู้หญิงจนๆ อย่างเนื้อนาง”
“คุณค่าคนเราอยู่ที่ความดี ไม่ใช่ชนชั้น ไม่ใช่ใครต่ำใครสูง ใครรวยใครจน” หนานไตรหันไปทางน้องชาย “ธรรพ์ เอารถออก พาคุณแขไขกับคุณดาวเด่นกลับไป”
“แขไม่กลับ แขจะอยู่ที่นี่”
แขไขกรีดร้อง ดาวเด่นรีบเข้ามา
“พี่แข ไม่เอาน่า กลับเถอะ ที่นี่ไม่มีใครอยากให้เราอยู่”
“อย่ามายุ่ง”
แขไขแว้ดใส่น้องสาว ปัดมือออก ดาวเด่นโดนมือแขไขฟาดเข้าหน้าอย่างแรง
“โอ๊ย”
ดาวเด่นกุมจมูก ทุกคนหันไปมองตกใจ เห็นดาวเด่นเลือดกำเดาไหลออกมา
“น้องดาว พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
ดาวเด่นยืนโงนเงน จะเป็นลม
แขไขตกใจสุดขีด “ช่วยด้วย ช่วยน้องดาวด้วย อย่าให้น้องดาวเลือดออก”
หนานไตรพุ่งเข้าไปประคองดาวเด่นหงายหน้าไว้ ธรรพ์รีบเอาหมอนมาเรียงกันเป็นตั้ง หนานไตรอุ้มดาวเด่นไปวางลงนอน หนุนหมอนสูง แหงนหน้าขึ้น
“เงยหน้าไว้นะครับ คุณดาวเด่น เงยหน้าไว้”
แขไขทรุดไปนั่งข้างน้องสาว หน้าซีดขาว ตกใจมาก
“น้องดาว พี่ขอโทษ น้องดาวพี่ไม่ได้ตั้งใจ”
ดาวเด่นแหงนหน้า หนานไตรรับผ้าจากธรรพ์ซับเลือดให้อย่างเป็นห่วง

แสงคำดีใจจนเก็บไม่อยู่ วิ่งเข้ามาในโรงอาหารที่ทุกคนนั่งอยู่กันคนละมุม ชูมือตะโกนลั่น
“หมื่นหล้ายกเนื้อนางให้กินแขกกับไอ้แสงคำแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะแต่งงานกับเนื้อนาง เฮ้ย!! ทุกคนฟังข้า ข้าจะมีเมียแล้ว”
ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง แสงคำไชโยค้างอยู่คนเดียว ก่อนจะมีเสียงกรี๊ดของสามสาวดังขึ้น
“ไม่จริง นังเนื้อนางจะได้แต่งงาน ไม่จริง”
อินยินดีด้วย “ว่าไงนะ อ้ายแสงคำ แต่งพรุ่งนี้”
ม่อนดอยลุกพรวด ส้มป่อยที่เพิ่งเข้ามายืนตะลึง
“แต่งจริงๆ พ่ออุ๊ยหมื่นหล้าเพิ่งยกเนื้อนางให้ข้า” แสงคำย้ำ
อินกับคนงานชายพากันไชโย ส้มป่อยหน้าซีดเผือด
สามสาวดาวยั่วกรี๊ดดังอีกรอบ
ม่อนดอยด่า “โดนน้ำมนต์หรือไง นังผีเปรตผีก๊ะ”
กำปุ้งรับไม่ได้ “ไม่จริง ฉันฝันไป นังเนื้อนางจะได้แต่งงานก่อนฉัน ฉันฝันไป ใครช่วยปลุกฉันที”
รัญจวนตบหน้ากำปุ้งซ้ายขวา กำปุ้งแหกปากร้องลั่น
“ปลุกแรงไปมั้ยคะ คุณพี่”
“ปลุกเบา กลัวแกไม่ตื่น” รัญจวนด่า
แสงคำบอกว่า “พรุ่งนี้นะ ทุกคน พรุ่งนี้ ฉันจะแต่งงานกับเนื้อนาง”
อินร้องลั่น “เอ้า โว๊ย ฉลองให้ลูกพี่เรา”
อินกับคนงานแบกแสงคำตัวลอยออกไป ไม่มีใครสนใจส้มป่อยที่ยืนตะลึง
ม่อนดอยยังไม่อยากจะเชื่อ สุดท้ายหันหลังวิ่งออกไปทันที

หนานไตรเดินมาที่เรือนม่อนดอย เห็นม่อนดอยวิ่งสวนมาจากอีกทาง หอบแฮกๆ
“มัวเดินหล่อใจเย็นอยู่ได้ หนานไตร”
“ฉันเพิ่งกลับมาจากเรือนคุณธรรพ์ คุณดาวเด่นเธอเลือดกำเดาไหล แต่ตอนนี้หยุดแล้ว”
“ไม่ได้ถาม ไม่ได้อยากรู้ ไม่ต้องเล่า”
ม่อนดอยทำท่าเกาหัว แทบบ้า หนานไตรงงท่าทีนั้น
“มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า หน้าตาเหมือนฟ้าจะถล่ม”
“ฟ้าไม่ถล่มหรอก แต่ใจเอ็งน่ะสิ จะแหลก...เนื้อนางกำลังจะแต่งงานกับไอ้แสงคำ”
“เนื้อนางแต่งงาน ...ไม่จริง” หนานไตรร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ
“ไม่จริงอะไรล่ะ ไอ้แสงคำเพิ่งประกาศลั่น พรุ่งนี้เนื้อนางจะเป็นเมียมันแล้ว”
หนานไตรไม่รอ โลดลิ่วออกไปทางเรือนเนื้อนางทันที

เย็นแล้ว แขไขลุกขึ้นพรวดมองสามสาว ธรรพ์นั่งดูแลดาวเด่นที่กำลังนอนพักอยู่
“จริงเหรอ เนื้อนางจะแต่งงานกับแสงคำ”
กำปุ้งหน้าม่อย “มันเร็วไปค่ะ กำปุ้งทำใจไม่ได้”
สร้อยฟ้างง “แต่งกับแสงคำ ไม่ได้แต่งกับหนานไตร แกจะร้องไห้ทำไม กำปุ้ง”
รัญจวนตั้งข้อสังเกต “ตาหมื่นหล้าปุ๊บปั๊บยกให้แบบนี้ มันน่าสงสัยนะคะ”
แขไขสนใจ “เธอสงสัยอะไร รัญจวน”
“เนื้อนางมันป่องกลาง ท้องก่อนแต่งหรือเปล่า หมื่นหล้าถึงต้องรีบให้กินแขกกับแสงคำ”
กำปุ้งคิดปราดเดียว “งั้นลูกใครละคะ หรือว่าลูกหนานไตร”
“พวกเธอนี่มันผีเจาะปากมาตั้งแต่เกิด”
ดาวเด่นทนฟังไม่ไหว พูดขวานผ่าซากขึ้นมาทันที ทุกคนหันมามอง เห็นดาวเด่นค่อยๆยันตัวขึ้นนั่ง
“ทำไมพวกเธอไม่แสดงความดีใจกับเค้า หรือคิดเป็นแต่เรื่องอกุศล” ธรรพ์พูดเหน็บในที
“เนื้อนางมันตัวแสบนะคะ” กะเทยกำปุ้งว่า
“ฉันไม่รู้หรอกว่าเนื้อนางที่เธอพูดเป็นคนยังไง แต่ที่เห็นตอนนี้ คือพวกขี้อิจฉาสามคน นี่เหรอคะ คนที่พี่แขเลือกคบ”
แขไขไม่ค่อยพอใจกับคำพูดน้องสาว แต่ก็เห็นด้วย มองสามสาวแล้วขยับขาออกห่าง
“ขอบใจพวกเธอที่มารายงานเรื่องในปาง กลับไปได้แล้ว”
“แต่คุณแขไขยังไม่ได้สั่งเลยนะคะ ว่าจะให้เราทำลายงานแต่งเนื้อนางมันยังไง”
สร้อยฟ้าถามโพล่งออกมาประสาซื่อ
แขไขมองเห็นสายตาหมิ่นของธรรพ์กับดาวเด่น ก็นึกอาย ลุกพรวดเดินห่างทั้งสามคน
“อย่ามาพูดเพ้อเจ้อ คนอย่างฉันมีเกียรติ ไม่ลดตัวลงไปทำอะไรพรรค์นั้น”
รัญจวนไม่หยุด แฉต่อ “อ้าว...แล้วที่เคยใช้พวกเราไปแกล้งเนื้อนางล่ะคะ”
“ฉันบอกให้ไปได้แล้ว ไม่เรียก อย่าเสนอหน้าขึ้นมา” แขไขตะเพิด
สามสาวมองตาขุ่น แค้นจัด ทำปากขมุบขมิบ สะบัดหน้าพรืดลงเรือนไป
“เห็นมั้ยคะ โบราณเค้าถึงว่า ไม่มีสัจจะในหมู่โจร” กำปุ้งพูดทิ้งท้าย
แขไขหันมาเห็นสายตาตำหนิจากน้องสาว ก็เชิดหน้าไม่สนใจ

เนื้อนางนั่งหมดแรงพิงเสาหน้าเรือน แววตาหมองจัด คำฝายแตะไหล่อย่างสุดจะช่วยอะไรได้
“ถ้าตั๋วไม่อยากแต่งกับอ้ายแสงคำ มันก็พอมีวิธี”
“วิธีไหนหรือจ๊ะ พี่คำฝาย”
“หนีไปจากปาง คืนนี้เลย” คำฝายบอกขึ้น
“เนื้อนางหนีไป แล้วตาจะอยู่กับใคร ใครจะดูแลตา”
“งั้นตั๋วก็ต้องแต่ง” คำฝายแย้งอีก
“แต่งก็แต่ง เพื่อความสบายใจของตา” เนื้อนางปลงแล้ว
“ตั๋วรักแสงคำเหรอ พี่คิดว่าตั๋วรักหนานไตร”
“ไม่สำคัญหรอกจ้ะ ว่าเนื้อนางรักใคร ถ้าตาเห็นว่าเนื้อนางควรจะอยู่กับใคร เนื้อนางก็จะไม่ขัด อะไรที่เนื้อนางทำให้ตาสบายใจได้ เนื้อนางจะทำ”
“พ่ออุ๊ยใจร้าย แยกคนรักจากกัน มันบาปรู้มั้ย”
คำฝายบ่นออกไปอย่างไม่ค่อยชอบใจ
เนื้อนางพิงเสาแววตาเศร้า หนานไตรวิ่งเร็วมาหยุดลง เนื้อนางขยับมอง หนานไตรส่งแววตามองมา ทั้งร้อนรน และเจ็บปวด

“เนื้อนาง ไม่จริงใช่มั้ย เนื้อนางจะไม่แต่งงานกับแสงคำ”

เย็นจวนค่ำ แสงคำเมาเหล้าเต็มที่ สีหน้ามีความสุขล้น กำลังลุกขึ้นรำ อินกับพวกควาญตบมือ ร้องเพลงสนุก เป็นการฉลอง ส้มป่อยเดินเข้ามา อินหันไปเห็นก่อนใคร

“เอ้า มาๆ ส้มป่อย มาดีใจกับอ้ายแสงคำ จะมีเมียสวยๆ”
กลุ่มควาญเฮ แสงคำหันมายิ้มกับส้มป่อยที่ตาแดงก่ำ น้ำตาไหล
“ดีใจจนร้องไห้เลยเหรอ ส้มป่อย”
กลุ่มผู้ชายที่เมาหัวเราะเฮกันอีก
“อ้ายแสงคำ ทำไมทำอย่างนี้กับส้มป่อย”
แสงคำเมาแล้ว “ทำอาราย ข้าทำอะไรเอ็ง”
“อ้ายบอกว่ารักส้มป่อย”
ไม่มีใครเชื่อ โดยเฉพาะอิน “ฮ้า อ้ายแสงคำน่ะเหรอรักเอ็ง นังส้มป่อย ร้อยวันพันปีตั้งแต่ข้าอยู่ที่นี่ ก็เห็นมีแต่เอ็งที่วิ่งตามร้องเรียก” อินทำเสียงล้อเลียน “อ้ายแสงคำ อ้ายแสงคำจ๋า”
“ไอ้อิน”
แสงคำปรามหันไปทางส้มป่อย บอกด้วยเสียงจริงจัง
“ข้ารักเอ็งอย่างน้องนะ ส้มป่อย ไม่เคยรักแบบอื่น”
“ไม่จริง” ส้มป่อยรับไม่ได้
“พูดขนาดนี้ จริงยิ่งกว่าจริงแล้ว นังส้มป่อย หักใจซะเถอะวะ อ้ายแสงคำเค้ากำลังจะได้สาวงามที่สุดอย่างเนื้อนางเป็นเมีย เอ็งก็หาคนรักใหม่ เลือกเอาหล่อๆ ตรงนี้สักคน หรือจะเป็นหล่อสุดอย่างข้าก็ได้นะ...กำลังนอนหนาวอยู่พอดี” อินว่า
ส้มป่อยอับอายจนทนไม่ได้ วิ่งหนีออกไป แสงคำได้แต่ถอนใจ อินดึงแสงคำลงมากินเหล้าต่อ วงผู้ชายกินเหล้า เฮฮากันต่ออย่างเมามาย ไม่มีใครสนใจส้มป่อย

ส้มป่อยวิ่งปาดน้ำตามาตามทางในปาง เจอม่อนดอยที่กำลังเดินสะพายกระเป๋าเครื่องมือจะกลับเรือน
“ส้มป่อย ร้องไห้ทำไม”
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
“เสียใจที่แสงคำจะแต่งงานล่ะสิ”
ส้มป่อยเอาแต่สะอื้น ม่อนดอยเข้าไปใกล้ พยายามแหย่ให้ส้มป่อยยิ้ม
“น้องส้มป่อย...ถึงม่อนดอยจะไม่ดีพร้อม แต่พี่ก็พร้อมจะมีแฟนหน้าตาดีอย่างน้องส้มป่อยนะ”
“ฉันเกลียดแก”
ส้มป่อยตบผัวะม่อนดอยหน้าหัน ส้มป่อยวิ่งหนีไป ม่อนดอยลูบแก้ม ถอนใจเฮือก
“เสียงอะไรวะ อ่อ...เสียงอกข้าหัก ดัง เป๊าะ เป๊าะ เลย ไอ้ม่อนดอย”

ในแดดอัสดงกลางป่าสน หนานไตรยืนใกล้ มองเนื้อนางด้วยแววตาเศร้ามาก
“ทำไมคุณไม่บอกหมื่นหล้าว่า...ขอเวลาอีกหน่อย มันเร็วไป”
“เร็วไป”
“เร็วไป...ที่จะร่วมชีวิตกับผู้ชายที่คุณไม่รัก... เร็วไปที่จะให้…”
หนานไตรมองทอดสายตาไปที่เนื้อนาง อยากจะพูดคำว่า ให้ผมทำใจ แต่ก็พูดออกมาได้แค่
“ทำใจ”
“จะเร็วจะช้า ฉันก็ต้องแต่งงานกับแสงคำ”
“คุณรักแสงคำเหรอ เนื้อนาง”
หนานไตรมองจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่งาม
“บอกผมได้มั้ยว่าคุณรักแสงคำ”
“ตาบอกว่าวันนี้ไม่รัก อยู่ๆไป วันนึงก็รักกันไปเอง”
“แล้วถ้าอยู่ไป ไม่ว่านานแค่ไหน ก็ไม่รัก”
“อ้ายแสงคำเป็นคนดี ดูแลฉันมาตั้งแต่เด็กๆ เค้าเป็นห่วงฉัน”
หนานไตรไม่อยากฟัง รวบเนื้อนางมากอดไว้ในอ้อมแขน
“ผมไม่อยากฟังว่าแสงคำดียังไง ผมอยากรู้ว่า คุณรักแสงคำหรือเปล่า บอกผมเถอะ เนื้อนาง คุณรักแสงคำหรือเปล่า”
เนื้อนางไม่กล้าพูดความในใจออกมา พยายามดันตัวห่างจากหนานไตร
“อย่าถามฉันเลย หนานไตร”
“ถ้าคุณรักแสงคำ คุณก็บอกผมสิ เนื้อนาง บอกผมมา ผมจะได้ตัดใจจากคุณ”
เนื้อนางมองตะลึง หนานไตรมองนางผู้เป็นที่รักแล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่เจ็บปวด
“คุณรู้ ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ”
หนานไตรเอื้อมมือไปแตะแก้มนวลของเนื้อนางอย่างแผ่วเบา ทะนุถนอม สัมผัสจากมือและแววตาเปล่งประกายของหนานไตรทำให้เนื้อนางสั่นสะท้าน
“ผมทำทุกอย่าง...เพราะอยากเห็นคุณยิ้มให้ผมคนเดียว”
หนานไตรมองเนื้อนางเห็นแววตาสะท้านใจ
“หนานไตร ฉันกำลังจะแต่งงาน”
หนานไตรไม่อยากฟังเอานิ้วแตะริมฝีปากให้หยุดพูด
“ผมรู้แล้ว เนื้อนาง แต่ขอเวลาผมตรงนี้ ...แค่ตอนนี้ ก่อนที่คุณจะไปเป็นเจ้าสาวของคนอื่น”
หนานไตรประคองหน้าเนื้อนาง สองสายตามองกันถ่ายทอดความรู้สึก รัก ที่ไม่อาจจะพูดแก่กันออกมาได้ หนานไตรดึงเนื้อนางมากอดไว้แน่น เนื้อนางกลั้นน้ำตาไว้เต็มที่
หนานไตรกอดแน่นขึ้น เนื้อนางค่อยๆ ดึงตัวเองออกจากอ้อมอกเขา หนานไตรจำต้องปล่อย เนื้อนางมองหนานไตร สองสายตามองกัน ก่อนเนื้อนางจะเดินจากไป
หนานไตรอยากจะวิ่งไปรั้งเนื้อนางไว้ แต่ก็สุดจะทำได้ ได้แต่มองตามด้วยหัวใจแหลกสลาย

ธรรพ์เดินออกมาจากห้อง ตรงมายังแขไขที่กำลังชะเง้อมองไปทางเรือนพักคนงาน
“อาการคุณดาวเด่นยังไม่ค่อยดี เธอมีไข้ต่ำๆ ผมว่าเราควรจะรีบพาเธอไปโรงพยาบาล”
“แขอยากให้พี่ณไตรลงไปพร้อมกัน”
“พี่ณไตรไปไม่ได้หรอกครับ ในฐานะผู้จัดการ พี่ณไตรต้องอยู่งานแต่งแสงคำกับเนื้อนาง”

แขไขฟังคำนี้แล้ว ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจที่สุด

อ่านต่อหน้า 3

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 4 (ต่อ)

เนื้อนางนั่งกอดเข่ามองเหม่อมองพระจันทร์อยู่ตรงชานเรือน หมื่นหล้าเดินออกมานั่งข้างหลานสาว

“เจ้าจะโกรธเกลียดตาก็ได้นะ เนื้อนาง”
“โธ่ ตาจ๋า เนื้อนางจะโกรธเกลียดตาได้ยังไง ตารัก เป็นห่วงเนื้อนางทุกอย่าง”
เนื้อนางกอดตาไว้ หมื่นหล้ากอดหลานสาวที่เป็นดั่งดวงใจ
“แสงคำมันรักเจ้าเหลือเกิน มันจะดูแลเจ้าแทนตาได้”
“ไม่มีใครดูแลเนื้อนางได้เท่าตาหรอกจ้ะ”
หมื่นหล้าบอกปลงๆ “ตาก็เหมือนไม้แก่ มีแต่ผุพัง จะอยู่คุ้มภัยให้เจ้าได้อีกกี่ปี”
“ตาต้องอยู่กับเนื้อนางตลอดไป”
หมื่นหล้าลูบหัวเนื้อนางเบาๆ
“อยากให้ตาอายุยืน ก็รีบมีหลานให้ตาเลี้ยงสิ เนื้อนาง”
เนื้อนางก้มหน้า ไม่ยอมรับปาก หมื่นหล้ามองเนื้อนาง
“ตาเลือกแสงคำให้ดูแลดวงใจดวงนี้ของตา ต่อไปตาก็ตายตาหลับแล้ว”
เนื้อนางกอดหมื่นหล้าไว้แน่นด้วยความรัก ทั้งๆ ที่ในใจกำลังเศร้าเหลือเกิน

ฝ่ายหนานไตรยืนนิ่งอยู่ริมแอ่งน้ำตก นึกถึงวันที่ใกล้ชิดเนื้อนางที่ผ่านมาหลายครั้ง หนานไตรเจ็บปวดชอกช้ำ จนน้ำตาไหลซึมออกมา สุดจะเก็บกดความเสียใจ
สุดท้ายหนานไตรพุ่งลงแอ่งน้ำ อาละวาด ตีน้ำแตกกระจาย ตะโกนก้องด้วยความปวดร้าวไปทั้งใจ

เช้าวันแต่งงาน ได้ยินเสียงสะล้อของบุญน่าน บัวตองดังขึ้นบนเรือนกลางปาง คนงานแต่งตัวสวยงาม สะล้อเล่น คนงานพากันรำฟ้อนสนุก บุญน่าน บัวตอง ยืนยิ้มมอง รัญจวน กำปุ้ง สร้อยฟ้ามองหมั่นไส้
“หูผี จมูกมดเชียวนะ ตาบุญน่าน โผล่มาวันมีงาน” รัญจวนเปิดปากแขวะ
“คนอย่างข้า หูตากว้างไกลต่างหาก เผอิญมาเล่นแถวนี้ๆ ได้ยินว่าที่ปางกำลังจะมีงานมงคล ข้าก็แวะมาเยี่ยมเยียน”
บัวตองบอก “เดี๋ยวชั้นไปเก็บสตางค์กับหมื่นหล้าเอง งานแต่งหลานสาวคนสวยทั้งที ทุ่มหมดหน้าตักอยู่แล้ว”
สร้อยฟ้าแดกดัน “คงจะมีทุ่มหรอกนะ ตาหมื่นหล้า จนจะตาย”
บุญน่านด่า “นังสร้อยฟ้า จะอิจฉาอะไรก็ให้มันพองามเถอะวะ”
“แหม เรื่องมีผัวนี่ ผู้หญิงเค้ายอมกันไม่ได้หรอกตาบุญน่าน เออ...แล้วผู้จัดการคนใหม่ที่หนุ่มๆ หล่อๆ ยังอยู่ใช่มั้ย ข้าละคิดถึ้งคิดถึง” บัวตองดี๊ด๊า
“นังบัวตอง ผู้จัดการหนุ่มเค้าไม่เอาเอ็งไปเป็นขึ้นหิ้งบูชา กราบวันละสามเวลาหรอก เหนียงเอ็งฟาดหน้าเค้าสลบแล้ว”
บัวตองมองค้อนหมั่นไส้ผัว รัญจวนเดินออกมาประกาศ
“เอ้าๆ ฟัง ทุกคนฟัง”
สะล้อหยุดเสียง
“วันนี้วันดี วันที่คู่แข่งความสวยสดสาวสะพรั่งของข้า นังเนื้อนางมันจะมีผัวเป็นตัวเป็นตน ข้าซึ่งเป็นคนดีที่สุดในปางนี้ ก็จะให้ของขวัญแต่งงานมันสักหน่อย”
คนงานพากันเฮ สะล้อเล่นเพลงรับ
“แต่ข้ามันก็มีเงินน้อยนัก ต้องหาทุนรอน เอ้า ใครจะวางเงิน ก็วางมาเลย”
บุญน่านงง “วางเงินเรื่องอะไรวะ”
กะเทยดอย กำปุ้งบอก “เราพนันกันว่านังเนื้อนางมันรีบแต่ง เพราะอีก 5 -6 เดือน มันก็จะคลอดลูกปุ๊หล่นออกจากท้อง”
บัวตองร้อง “ฮ้า เนื้อนางมันท้องก่อนแต่งเหรอ”
ทุกคนพากันออกความเห็นเซ็งแซ่ จับสำเนียงได้ว่า “ท้อง - ไม่ท้อง” / “ท้องกี่เดือน” / “ท้องกับใคร”
“เอ้าๆ วางมา วางมา ลูกสาวหรือลูกชาย มีอะไรติดไม้ติดมือ ให้ลุ้นสนุกๆ กันหน่อย”
วงสะล้อเล่นรับ บุญน่าน กะ บัวตองนำวางเงินพนัน
คนงานที่เหลือพากันร้องรำ เอะอะ ด้วยความสำราญ เบิกบานใจ

ทางด้านแขไขกลับถึงบ้านหิมวัต โผเข้ากอดแม่นายที่รออยู่ สีหน้าเบิกบานกันทั้งคู่ ธรรพ์นั่งมองอยู่เงียบๆ
“ในที่สุด ก็ไม่มีใครชนะหนูแขไขของน้าไปได้”
“ที่จริงถ้าไม่พาน้องดาวมาโรงพยาบาล แขก็อยากจะอยู่ดูให้เห็นกับตาเลยนะคะ ว่าเนื้อนางมันแต่งงานกับควาญช้าง คนรักของมัน”
จันตาค่อนขอด “มันก็งานแต่งเล็กๆ น่ะแหละค่ะ ผูกข้อไม้ข้อมือล่ะไม่ว่า ปัญญาอย่างนั้นจนแสนจน จะแต่งกันใหญ่โตได้ยังไง”
ธรรพ์ไม่อยากได้ยินวงนินนทา ก็เลยขยับตัวถามเปลี่ยนเรื่อง
“คุณปู่อาการเป็นยังไงบ้างครับ ป้าวันดี”
“พ่อเลี้ยงอินถา ท่านกินข้าวได้น้อยลงค่ะ”
“ผมไปดูคุณปู่ดีกว่า”
“ถามปู่แกด้วยนะ ว่าเมื่อไหร่จะขี้เกียจหายใจ” แม่นายแดกดัน
ธรรพ์มองแม่อย่างอ่อนใจ เดินออกไป วันดีมองธรรพ์แล้วเดินตามไป
แม่นายหันมายิ้มชื่นกับแขไข
“น้าบอกแล้ว ยังไงณไตรก็ต้องเป็นของหนูแขไขคนเดียว”
แขไขดีใจ สวมกอดแม่นายอย่างมีความสุขที่สุด

ด้วยไม่ได้นอนเพราะความผิดหวังกัดกินใจ หนานไตรจึงมีหน้าตาทรุดโทรม และยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม ขณะพาตัวเองเดินมาหยุดหน้าเรือนเนื้อนาง
หนานไตรมองเข้าไปแล้วก้าวขึ้นเรือน ไปหยุดหน้าประตู
หมื่นหล้าร้องสุดเสียง “เฮ้ย หยุด หนานไตร หยุด”
หนานไตรหันไปเห็นหมื่นหล้ากับผู้เฒ่าผู้แก่ 4-5 คนที่แต่งตัวหล่อ หน้าตาไม่พอใจ

เนื้อนางแต่งตัวสวยงามพื้นถิ่น นั่งอยู่ในเรือนกับคำฝาย ได้ยินหมื่นหล้าดังเอะอะมาจากนอกบ้าน
“ออกมา เอ็งออกมาห่างๆ เรือนข้าเลย หนานไตร”
เนื้อนางตื่นตกใจ “หนานไตรมา”
“พ่ออุ๊ยจะฆ่าหนานไตรหรือเปล่า”
คำฝายตื่นเต้น เนื้อนางกลัวจนลุกไปที่ประตูเป็นคนแรก

หนานไตรยังยืนนิ่งอยู่หน้าเรือน ประตูเปิดออก เผยให้เห็นเนื้อนางในชุดสวยที่ก้าวออกมามอง ด้านหลังคำฝายยังอยู่ในเรือน
“หนานไตร”
หนานไตรมองเห็นเนื้อนางในชุดแต่งงานพื้นถิ่นสวยงามก็ถึงกับตกตะลึง
“คุณสวยมาก เนื้อนาง สวยสมเป็น...เจ้าสาว”
หนานไตรพูดแล้วยิ่งช้ำใจ เนื้อนางได้แต่มองสงสาร
เสียงสะล้อดังกันมา หมื่นหล้าที่ยังตกใจ หันไปมอง
ขบวนแห่ของบุญน่าน บัวตอง และกลุ่มรัญจวนที่ร้องรำกันมา ทุกคนมาหยุดหน้าเรือน
“ว๊าย พุทโธ ธัมโม สังโฆ” บัวตองร้อง
หนานไตรมองทุกคน คณะสะล้อหยุดเล่น ทุกอย่างเงียบกริบ
ทุกสายตาพากันจ้องหนานไตรเป็นตาเดียว
“มีอะไรหรือครับ ผมมาแสดงความยินดีกับเนื้อนาง”

ทางฝ่ายม่อนดอยในชุดหล่อ ถือดอกไม้ มายืนหน้าเรือนส้มป่อย
“น้องส้มป่อยจ๋า พี่ม่อนดอยคนหล่อ มารับส้มป่อยไปงานแต่งแล้วจ้ะ”
ด้านในเงียบ ม่อนดอยร้องเรียกซ้ำ
“แต่งตัวเสร็จหรือยัง พี่ม่อนดอยไปช่วยรูดซิปให้มั้ยจ๊ะ”
ม่อนดอยทำหน้าทะเล้น
“จะเข้าไปละน้า”
ม่อนดอยผลักประตูเรือนเข้าไป แสงสว่างที่ลอดผ่านประตูทำให้มองไปเห็นร่างตรงหน้า ม่อนดอยถึงกับตาค้างพูดไม่ออก ดอกไม้หล่นจากมือ

หนานไตรยังยืนงงต่อหน้าทุกคน หมื่นหล้าพุ่งเข้าไปกระชากหนานไตรลงมาจากเรือน
“เอ็งลงมานี่ ลงมาเลย”
หนานไตรไม่ทันตั้งตัว เซแซดๆลงมาที่พื้นดินหน้าเรือน เนื้อนางขยับมามองด้วยสายตาเป็นห่วงหนานไตร
หนานไตรมองหมื่นหล้า
“หมื่นหล้าครับ ผมมาแสดงความดีใจจริงๆ”
“เออ ...ข้ารู้แล้ว แต่เอ็งมาทำไมตอนนี้”
“ผมทำอะไรผิดหรือครับ”
หนานไตรมองทุกคนที่ต่างมีสีหน้าตกใจ เนื้อนางเองก็มองสับสน เพราะไม่รู้ว่าทุกคนโกรธอะไรหนานไตร
หมื่นหล้าหน้าตาฉุนจนพูดไม่ออก บุญน่านที่เป็นผู้ใหญ่รองลงมา ก้าวออกมาบอกหนานไตร
“โบราณเฮาถือ วันนี้เจ้าบ่าวต้องเป็นคนแรกที่เหยียบขึ้นเรือนเจ้าสาว...คนที่ยืนตรงนั้นต้องเป็นไอ้แสงคำ ไม่ใช่เอ็ง หนานไตร”

หนานไตรหันไปมองเนื้อนาง หน้าตื่นตกใจที่ไม่รู้ประเพณีนี้มาก่อน

ฟากแสงคำแต่งตัวหล่อเหลาชุดเจ้าบ่าวพื้นถิ่น นั่งยิ้มอยู่บนหลังช้างพลายน้อยที่ลูกร้องควาญประดับตกแต่งอย่างสวยงาม อินกับควาญช้างหนุ่มๆ ลูกน้อง แต่งตัวหล่อ เดินอยู่ข้างๆ ช้าง เป็นขบวนสินสอดเจ้าบ่าว

ส่วนที่หน้าเรือนเนื้อนางตอนนี้ หนานไตรถูกจ้องจากทุกสายตาที่ไม่พอใจที่ทำผิดประเพณี เนื้อนางเป็นคนเดียวที่มองสงสารหนานไตรเหลือเกิน
“ผมขอโทษนะครับ ผมไม่รู้จริงๆว่าห้ามขึ้นไปบนเรือนเจ้าสาว”
“ไม่รู้แล้วไม่มีปากถามหรือไงวะ” บุญน่านโมโห
บัวตองเข้าข้าง “เออน่า ตาบุญน่านเอ็งจะเอาอะไรกับเค้านักหนา คนเค้าไม่รู้ก็แล้วๆ กันไปคนหล่อก็ผิดน้อยหน่อย”
หมื่นหล้ามองแล้วยิ่งอารมณ์เสีย โบกมือไล่
“เอ็งไปให้พ้นๆ งานหลานข้า ไปซะ ไอ้หนานไตร”
หนานไตรหันมองเนื้อนาง เห็นแต่แววตาสงสารที่ส่งมาให้
รัญจวนประชด “ประหลาดละ ตาหมื่นหล้า หนานไตรเค้าเป็นผู้จัดการ มีน้ำใจมาอวยพร ทำผิดนิดผิดหน่อย ไม่เห็นต้องไล่เลย”
“คงกลัวหลานสาวขายไม่ออกล่ะซี้” สร้อยฟ้าแดกดัน
“หลานข้าขายออกแน่ มีแต่พวกเอ็งสามคนนี่แหละ เห่าหอน เต้นแร้งเต้นกา จนตายก็ไม่ได้เป็นเจ้าสาวอย่างเนื้อนางมันหรอกโว๊ย”
กำปุ้งกรี๊ด “อ๊าย เจ็บ คนอย่างนังกำปุ้งสวย โสดให้ผู้ชายตะลึงย่ะ”
สามดาวยั่วประจำปาง สะบัดใส่หมื่นหล้า บัวตองมองหาแสงคำ
“แล้วนี่เจ้าบ่าวล่ะ เจ้าบ่าวมาหรือยัง”
ทุกคนหันไป เห็นขบวนช้างแสงคำมาถึงหน้าเรือนพอดี แสงคำอยู่บนหลังช้างเห็นหนานไตรยืนอยู่หน้าเรือนก็ชักสีหน้าไม่พอใจ
“ไอ้หนานไตร มันมาทำไม”
แสงคำกระโดดลงจากหลังช้างโดยเร็ว คำฝายรีบยื่นหน้ามาใกล้เนื้อนาง
“มาแล้วเจ้าบ่าวตัวจริงของตั๋ว”
“อ้ายแสงคำจะหาเรื่องหนานไตรอีกหรือเปล่า”
เนื้อนางมองเห็นแสงคำก็กลัวมีเรื่อง รีบลงจากเรือน เดินมาทางหนานไตร คำฝายวิ่งตามมาด้านหลัง รัญจวนมองแล้วเปิดปากเม้าท์ดังๆ
“ตายแล้ว รักสามเส้า”
“อย่าฆ่ากันตายนะ เดี๋ยวเนื้อนางมันจะอดเป็นเจ้าสาว”
หมื่นหล้าสุดทน ถีบกะเทยกำปุ้งล้มทั้งยืนด้วยความหมั่นไส้
แสงคำพุ่งมาถึงหนานไตร เนื้อนางยืนใกล้หนานไตร
“ถอยไป เนื้อนาง” แสงคำหันไปทางหนานไตร “แกมาทำไม หนานไตร”
รัญจวนรีบตะโกน ยั่วโมโหแสงคำ “หนานไตรมันขึ้นไปบนเรือนเนื้อนางก่อนแก”
“หนานไตร แกขึ้นเรือนเนื้อนาง”
แสงคำไม่ฟังอะไรอีก ชกเปรี้ยง หนานไตรล้ม ชาวบ้านฮือ เนื้อนางจะเข้าประคองหนานไตร คำฝายรีบดึงไว้
“อย่า...เนื้อนาง อย่าช่วยหนานไตร ไม่งั้นอ้ายแสงคำมันจะเป็นบ้ายิ่งกว่านี้”
“หนานไตรไม่ผิดนะ พี่คำฝาย”
คำฝายไม่ยอม ลากเนื้อนางออกห่าง แสงคำตามไปกระชากหนานไตร อินจะเข้ามารุม แสงคำห้าม
“ไม่ต้องไอ้อิน ข้าคนเดียวก็พอแล้ว”
อินถอยมาคุมเชิง แสงคำจ้องราวกับจะกินเลือกินเนื้อหนานไตร
“แกจะแย่งเนื้อนางไปจากฉันให้ได้ใช่มั้ย ไอ้หนานไตร”
“ถ้าจะแย่ง ฉันทำไปนานแล้ว ไม่ต้องรอจนถึงวันแต่งงานของแก”
แสงคำโมโห เงื้อหมัด
หมื่นหล้าร้องขึ้น “พอ หยุด ไอ้แสงคำ วันนี้วันมงคลของหลานข้า อย่าให้มีเลือดตกยางออก”
แสงคำมอง เกรงใจหมื่นหล้า ผลักหนานไตรอย่างแรง เนื้อนางมองหนานไตรด้วยความสงสาร หนานไตรได้แต่มอง สายตาเศร้า
“เอ้า เริ่มๆ เริ่มพิธีแต่งงานได้แล้ว” ชายชราหันไปทางหนานไตร “ใครไม่เกี่ยวออกไปให้พ้น”
หนานไตรมองหมื่นหล้าที่ไล่แล้วถอยออกมาใต้ร่มไม้ แต่ยังไม่ออกจากบริเวณนั้น
“เอ้า สะล้อเล่นสิวะ หรือพวกเอ็งจะยืนตากแดด”
“เอ้าเว้ย รำ งานกินแขกสนุกๆ อย่างนี้ เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น เอารำเว้ย”
เสียงสะล้อซอซึงประสานดังขึ้น ทุกคนพากันร่ายรำ หมื่นหล้ากับผู้ใหญ่ในปางพากันมายืนใกล้เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเนื้อนาง
แสงคำกับอิน พวกควาญหนุ่มนั่งตรงข้าม
หนานไตรมองภาพคู่บ่าวสาวที่กำลังจะเริ่มทำพิธีด้วยแววตาเศร้ามาก ทนมองไม่ไหว ต้องเดินออกไปจากตรงนั้น
เนื้อนางหันมามอง เห็นหนานไตรเดินห่างออกไป ก็ทอดสายตามองตามด้วยความอาลัยอาวรณ์

ขณะเดียวกันแขไข ธรรพ์ ยืนข้างเตียงดาวเด่นที่นอนพักฟื้นอยู่ในห้องรับรองบ้านหิมวัต หมอเทพทัตที่มาจากโรงพยาบาลยืนดูแล ห่างไปคือป้าวันดีที่กำลังจัดผลไม้ มองดาวเด่นด้วยสายตาห่วงใย
“เสียดายนะคะ ถ้าน้องดาวไม่ป่วย เราก็ได้อยู่งานแต่งเนื้อนาง” แขไขเอ่ยขึ้น
หมอเทพทัตได้ยินว่าเนื้อนางก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เนื้อนางแต่งงานหรือครับ”
ธรรพ์ถามสีหน้าฉงน “พี่หมอรู้จักเนื้อนาง”
เทพทัตยิ้มกับธรรพ์ “พอดีพี่เคยไปตรวจคนไข้ที่ปาง”
แขไขซักไซ้ “ตรวจใครคะ เนื้อนางหรือเปล่า”
เทพทัตอึกอัก ดาวเด่นมองแล้วรำคาญพี่สาว พูดขึ้น
“อยากไปงานแต่งมากนักก็ไปเลยค่ะ พี่แข เดี๋ยวจะคาใจ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ลมหึงแตกซ่าน”
ธรรพ์ปราม “น้องดาว อย่ายั่วพี่สาวสิครับ”
“ก็เห็นเป็นห่วงเรื่องชาวบ้านมากกว่าห่วงน้อง”
“ถ้าไม่ห่วงเธอ พี่จะออกมาจากปางเหรอ ดาวเด่น”
“ขอบคุณค่ะ ที่ยังเห็นน้องอยู่ในสายตา”
ดาวเด่นกระแทกเสียงอย่างแง่งอน นอนลง หันหลัง คลุมโปง
“ฝากป้าวันดีเฝ้าคุณดาวทีนะครับ” ธรรพ์บอกวันดี
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ถ้าคุณดาวเด่นคิดจะหนีอีก ป้าจะร้องเรียกคุณธรรพ์กับคุณหมอดังๆ”
วันดีพูดยิ้มๆ ดาวเด่นเปิดผ้าห่มมาโวย
“ไม่ต้องมาเฝ้า ไม่หนีด้วย ใครอยากไปงานแต่งก็ไปเลย”

แขไขมองรำคาญน้องสาว ดาวเด่นเอาผ้าห่มคลุมไปตามเดิม

ที่ปางหิมวัต พิธีแต่งงานดำเนินไป เนื้อนางนั่งตรงข้ามแสงคำ มีหมื่นหล้ากับคนเฒ่าคนแก่นั่งอยู่ คำฝายมองหงอยๆ อยู่ในกลุ่มชาวบ้าน

“ไอ้แสงคำข้าเห็นมันมาแต่เล็กแต่น้อย พ่อแม่มันตายไป ก็ฝากฝังข้าให้ช่วยดู ช่วยสอน จนมันโตเต็มหนุ่ม เป็นควาญที่เก่งกล้า ขยัน เอาการเอางาน” หมื่นหล้ามองปลื้มแสงคำ “วันนี้วันดี ข้าก็บอกให้รู้ทั่วๆ กันว่าข้าเต็มใจรับแสงคำมาเป็นหลานเขย เป็นคนที่จะดูแลเนื้อนางต่อจากข้า เอาละ ...เดี๋ยวพอผูกข้อไม้ข้อมือกันแล้วก็จะถือว่าแสงคำมันเป็นผัวของเนื้อนาง”
“ไม่ได้ ไอ้แสงคำแต่งงานกับเนื้อนางไม่ได้”
ม่อนดอยวิ่งตะโกนมาดังลั่น ในมือมีจดหมาย ทุกคนหันไปมอง ม่อนดอยวิ่งมาตรงหน้าทุกคน
หมื่นหล้าฉุน “อะไรกันอีกวะ วันกินแขกหลานสาวข้า ทำไมมันถึงได้วุ่นวายนัก”
ม่อนดอยบอก “ฉันจะไม่ยุ่งเลย พ่ออุ๊ย ถ้าไอ้แสงคำมันไม่ทำชั่วทำเลวไว้”
แสงคำงง “ข้าทำอะไร ไอ้ม่อนดอย”
อินยัวะ “พูดดีๆ นะเว้ย ตรงนี้รวมกันหลายตีน”
ม่อนดอยไม่สน “ต่อให้มึงเอาตีนช้างมาเหยียบ กูก็ไม่กลัว กูต้องพูดความจริง”
ทุกคนสนใจมอง ม่อนดอยชูจดหมายขึ้น
“นี่จดหมายของส้มป่อย จดหมายลาตาย”
กำปุ้งวี้ดว้าย “อ๊าย...จดหมายลาตาย นังส้มป่อยมัน...มัน...”
“ส้มป่อยตายแล้ว ผูกคอตายในเรือน ทิ้งจดหมายฉบับนี้ไว้”
ม่อนดอยพูดด้วยความเสียใจผสมความแค้น
คำฝายเข้ามาดึงจดหมาย แล้วรีบส่งให้เนื้อนางทันที เนื้อนางกวาดตาอ่าน
“ไอ้แสงคำมันหลอกขยี้ความสาวของส้มป่อย แล้วมันก็ทิ้ง มาแต่งงานกับเนื้อนาง” ม่อนดอยบอก
บัวตองคราง “พุทโธ ธัมโม สังโฆ”
บุญน่านนึกสนุก “เอาละวะ งานนี้ ยิ่งอยู่ยิ่งสนุก”
ชาวบ้านพากันวิจารณ์เซ็งแซ่ทันที เชื่อ / ไม่เชื่อ จริง /ไม่จริง
แสงเขาร้องขึ้น ปฏิเสธเสียงดัง “ไม่จริง ฉันไม่เคยแตะต้องส้มป่อย ใครๆ ก็รู้ฉันรักแต่เนื้อนาง”
เนื้อนางวางจดหมายลงหน้าสลด หมื่นหล้าหันมาถาม
“จดหมายส้มป่อยมันว่ายังไง เนื้อนาง”
“ส้มป่อยบอกว่า อ้ายแสงคำเมา แล้วก็พาส้มป่อยไปที่เรือน บอกว่ารัก ส้มป่อยถึงยอมเป็นของอ้ายแสงคำ”
แสงคำปฏิเสธอีก “ไม่จริง ฉันสาบาน ฉันเมาแต่ฉันไม่เคยมีอะไรกับส้มป่อย”
“มึงจะหาว่าคนตายโกหกหรือไง ไอ้แสงคำ มึงนั่นแหละที่ฆ่าส้มป่อย มึง ไอ้ชั่ว”
ม่อนดอยบันดาลโทสะ พุ่งเข้าไปชกแสงคำเต็มแรง แสงคำเซ อินกับพวกเข้ามารุมยำม่อนดอยทันที

กลางหว่างความเวิ้งว้าง เปล่าเปลี่ยว ริมหน้าผาในปาง หนานไตรพาตัวเองก้าวมายืนตรงนั้น มองไปรอบๆ ด้วยสายตาเศร้า สุดแสนเสียใจ เมื่อนึกถึงภาพเนื้อนางที่กลายเป็นเจ้าสาวของแสงคำเช้านี้

ด้านม่อนดอยโดนพวกอินกำลังรุม ม่อนดอยสู้ชกกลับ อินหน้าสะบัด อินถีบม่อนดอยล้มกลิ้งฝุ่นตลบ สามสาวดาวยั่วพากันกรี๊ด โวยวาย ชาวบ้านอลหม่าน คณะสะล้อพากันวิ่งไปเล่นดนตรีเร้าใจประกอบ
เนื้อนางลุกขึ้น ตะโกนก้อง “หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้หยุด”
ทุกอย่าง ทุกคนหยุด หันมามองเนื้อนางที่น้ำตาคลอ
แสงคำใจหาย พยายามอธิบาย “เนื้อนาง อ้ายไม่ได้มีอะไรกับส้มป่อย ให้อ้ายสาบานที่ไหนก็ได้ อ้ายรักเนื้อนางคนเดียว”
“พอแล้ว อ้ายแสงคำ คำว่ารักของอ้ายมันแลกกับชีวิตส้มป่อยไม่ได้”
“ไอ้แสงคำ ถ้าเอ็งยังไม่อยากตาย เอ็งไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้” หมื่นหล้าโกรธมาก
“ไม่ ฉันไม่ผิด ส้มป่อยมันหลงรักฉัน มันผิดหวังที่ฉันจะแต่งงานกับเนื้อนาง” แสงคำดึงดัน
หมื่นหล้าเข้าไปตบปากแสงคำทันที แสงคำถึงกับเลือดกบปาก
“ออกไป”
อินกับพวกรีบเข้ามาดึงแสงคำให้ห่างหมื่นหล้าด้วยความยำเกรง
แสงคำมองเนื้อนางตาละห้อย เห็นเนื้อนางสายตาเศร้ามาก
“เกิดเรื่องขนาดนี้ จะให้ฉันแต่งงานกับอ้ายได้อีกหรือ”
เนื้อนางวิ่งหนีเข้าห้องต่อหน้าทุกคน คำฝายตามไป แสงคำตะโกน
“เนื้อนาง อ้ายไม่ได้รักส้มป่อย อ้ายไม่เคยมีอะไรกับส้มป่อย อ้ายรักเนื้อนางคนเดียว”
กำปุ้งเอ่ยขึ้นกับลูกพี่ “ล่มใช่มั้ยคะคุณพี่ งานแต่งเนื้อนางมันล่ม”
“ทั้งล่มทั้งเละ รู้กันไปสามดอยแปดดอย” รัญจวนสะใจ
“จริงด้วย นี่ถ้าคุณแขไขรู้นะ คงหัวเราะสะใจ”
หมื่นหล้าตวาดตะเพิดไล่ “หุบปาก...อีสามคนนี่ แล้วไสหัวไปก่อนจะโดนกูกระทืบ ไป ไม่มีแล้วงานต่งงานแต่ง ไป จะไปไหนกันก็ไป”
รัญจวนกับพวกรีบวิ่งแจ้นออกไปก่อน หมื่นหล้าหันหลังเข้าเรือนไปด้วยความอับอาย ชาวบ้านพากันแยกย้ายสลายตัว ม่อนดอยเอ่ยขึ้น สภาพสะบักสะบอม
“มีใครไปช่วยฉันเรื่องศพส้มป่อยหน่อยเถอะ”
คนแก่ 2-3 คน กับชาวบ้านหญิงรีบเดินไปกับม่อนดอย
“แล้วค่าจ้างล่ะ ใครจะจ่าย บอกมาก่อนสิ ใครจะจ่าย” บัวตองเลิกลัก
“ไม่มีงาน ก้อไม่มีค่าจ้าง ไม่มีใครอยู่ให้เอ็งทวงแล้ว เห็นมั้ย นังบัวตอง ไป! กลับ”
บุญน่านลากเมียออกไป สะล้อลูกวงตามไปด้วย ทุกคนพากันออกไปจนหมด
แสงคำมองทุกคนที่พากันแยกย้าย ไม่เหลือใคร มองไปทางเรือนเนื้อนางด้วยสายตาผิดหวังอย่างรุนแรง

เนื้อนางอยู่ในห้อง ถอดเครื่องประดับเจ้าสาวออก คำฝายกับหมื่นหล้าตามเข้ามา
“ที่นังส้มป่อยมันหัวเราะใส่หน้าเราวันนั้น ก็คงเพราะเรื่องที่มันกับอ้ายแสงคำ...”
“ฉันไม่รู้หรอกว่า อ้ายแสงคำกับส้มป่อยใครพูดความจริงกันแน่ แต่จะให้ฉันแต่งงานในวันที่เด็กผู้หญิงคนนึงตาย” เนื้อนางหันมาเห็นหมื่นหล้ามองอยู่ “ตาจ๋า เนื้อนาง ทำใจไม่ได้จริงๆ”
หมื่นหล้าเข้ามากอดเนื้อนางด้วยความสงสาร
“เนื้อนางรู้ว่าอ้ายแสงคำเป็นคนดี ไม่เคยรังแกผู้หญิง แต่ในจดหมายส้มป่อยเขียนไว้แบบนั้น...มันก็ยากจะเชื่อว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง ต่อแต่นี้...ไอ้แสงคำมันต้องพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็น ว่ามันก็เป็นลูกผู้ชายคนนึง”

เนื้อนางกอดตาไว้ สีหน้าโล่งอก เบาใจที่หมื่นหล้าไม่เร่งรัดเรื่องแต่งงานอีก

หนานไตรยืนทำใจ มองเหม่อสายตาเศร้าจัดอยู่ที่ริมผาที่เก่า แสงคำเดินเข้ามาด้านหลัง หนานไตรหันมองเห็นสีหน้าโกรธจัดของแสงคำ

“สะใจมึงแล้วใช่มั้ย ไอ้หนานไตร แผนของมึงใช่มั้ยที่ไม่อยากให้กูได้กินแขกกับเนื้อนาง”
หนานไตรงง “เกิดอะไรขึ้น แสงคำ ทำไมไม่อยู่ในงานแต่ง”
“ไม่มีงานแต่งแล้ว เพราะมึง มึงให้ส้มป่อยเขียนจดหมายลาตาย แกล้งกู มึงจะขัดขวางไม่ให้กูได้กินแขกกับเนื้อนาง”
“แกรู้ไว้เลยนะ แสงคำ คนอย่างหนานไตรไม่มีวันเอาชีวิตคนอื่นมาแลกกับประโยชน์ตัวเอง”
“ไม่จริง มึงมันเจ้าเล่ห์ มึงทำได้ทุกอย่าง เพราะมึงอยากแย่งเนื้อนางไปจากกู”
แสงคำเหวี่ยงหมัด ชกหนานไตร แต่หนานไตรโยกตัวหลบ แสงคำตามไปซัดอีก หนานไตรยกขาถีบแสงคำกระเด็นล้มไปกับพื้น
แสงคำไม่ยอม ลุกขึ้นมาเหวี่ยงหมัด แต่หนานไตรจับแขนไว้ แล้วบิดแขนแสงคำพับไปข้างหลัง
“ฉันไม่เกี่ยวกับเรื่องส้มป่อย ถ้าจะแข่ง เราต้องแข่งกันอย่างยุติธรรม”
หนานไตรผลักแสงคำออกห่าง
“ถึงฉันจะเป็นผู้จัดการ แต่ฉันจะไม่เอาตำแหน่งซื้อใจผู้หญิง หัวใจกับความจริงใจต่างหากที่ฉันจะใช้แข่งกับแก แล้วให้คนตัดสินเป็นเนื้อนาง”
แสงคำกับหนานไตรมองจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมแพ้
แสงคำโมโหหันหลังเดินหนีไป หนานไตรหันกลับมามองไปรอบๆ ด้วยแววตาโล่งใจขึ้น

“เนื้อนาง คุณยังไม่ได้เป็นเจ้าสาวของใคร”

รัญจวนยืนสะใจ อยู่ท่ามกลางทุกคนในโรงอาหาร ที่มีสีหน้าฉงน งุนงง ทั้งแถบ
“สะใจนังเนื้อนางมันจริงจริ้ง จะมีผัวทั้งที ดั๊นได้ผัวสำรองมาจากนังส้มป่อย”
กำปุ้งพลอยพยักลูกพี่ “อย่างงี้ที่เราพนันว่าเนื้อนางมันท้อง ก็แสดงว่าไม่ท้อง เพราะมันไม่ง้อเจ้าบ่าว”
บุญน่านเอ่ยขึ้นทวงเงินพนัน “เก็บเงินเลยนะ ใครที่ลงพนันไว้เมื่อเช้า ข้าได้ค่ารถค่าน้ำมันก็ยังดีวะ”
รัญจวนฉุน “จะอยู่เล่นมั้ยล่ะ งานแต่งเปลี่ยนเป็นงานศพน่ะ”
“เล่นจ้า งานมงคล งานผี งานคลอดลูก งานผัวตาย งานแม่ยายเด๊ดสะมอเร่ งานไหนๆ คณะบุญน่านบัวตองเล่นไม่เกี่ยงจ้า” บัวตองว่า
“ฉันไม่มีเงินจ้างหรอกนะ ไปเอากับญาตินังส้มป่อยโน่น” รัญจวนบอก
“เราไปช่วยงานศพนังส้มป่อยกันก่อนมั้ยพี่” สร้อยฟ้าถาม
กำปุ้งเอ่ยขึ้น “เออๆ เปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนผ้าก่อนนะ ไปกันแบบนี้ เดี๋ยวผีนังส้มป่อยนึกว่ามางานแต่งมันกับไอ้แสงคำ ลุกพรวดขึ้นมา”
รัญจวนโมโห “นังบ้ากำปุ้ง เอ็งจะพูดทำไม ข้ากลัวผีนะเว้ย”
“แหม คุณนายรัญจวนใจขา เวลาส่องกระจก ทำไมไม่กลัวละคร๊า”
รัญจวนเงื้อมือ ตบผัวะเข้าหน้ากำปุ้งอัดติดเสา หน้าบิดหน้าเบี้ยว ทุกคนขำกลิ้ง

แสงคำเดินมาในปาง สีหน้าเจ็บช้ำ
“อ้ายไม่เคยมีใครนอกจากเนื้อนาง”
แสงคำยืนสีหน้าเศร้าปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา พลายน้อยมองเห็นนาย ก็เข้ามาเอางวงโอบไว้อย่างปลอบใจ
แสงคำน้ำตาหยดรินโอบพลายน้อยด้วยความผิดหวังที่ต้องเสียเนื้อนางไปในวันแต่งงานแท้ๆ

เนื้อนางเดินมาที่ริมหน้าผา เห็นหนานไตรยืนอยู่ และหันมามอง เนื้อนางดีใจที่เห็นหนานไตร
“ฉันรู้ว่าเวลาคุณไม่สบายใจ คุณจะมาที่นี่”
“แสงคำบอกผมเรื่องส้มป่อย”
เนื้อนางมองหนานไตรแล้วนิ่งงันไป หนานไตรมองอย่างเป็นกำลังใจ
“ฉันสงสารส้มป่อย เค้ารักอ้ายแสงคำ ถ้าไม่ใช่เพราะอ้ายแสงคำจะแต่งงานกับฉันส้มป่อยก็คงไม่คิดสั้น”
“ไม่ใช่ความผิดคุณนะ เนื้อนาง”
หนานไตรเดินเข้าใกลเนื้อนาง มองด้วยสายตาให้กำลังใจ
“ส้มป่อยควรจะรักชีวิตตัวเองให้มากที่สุด ความตายแก้ปัญหาไม่ได้ ม่อนดอยเองก็ชอบส้มป่อย ถ้าเปิดใจ...เราจะมองเห็นว่ายังมีคนอื่นที่รัก ที่หวังดีอยู่ใกล้ๆเรา”
“เวลาที่เสียใจ เราจะมองไม่เห็นอะไรหรอก นอกจากน้ำตาตัวเอง”
“แล้วหมื่นหล้าอยากให้คุณแต่งงานกับแสงคำอีกหรือเปล่า”
“ตอนนี้คงยัง แต่ต่อไป ถ้าอ้ายแสงคำพิสูจน์ความดีให้ตาเชื่อใจได้”
หนานไตรบอกต่อ “คุณก็จะแต่ง”
“ฉันมีตาคนเดียวที่เลี้ยงฉันมานะ หนานไตร ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อความสบายใจของตา”
เห็นเนื้อนางยิ้มได้เมื่อพูดเรื่องนี้ ยิ่งทำให้หนานไตรเศร้า

ที่ห้องรับแขกบ้านหิมวัตตอนนี้ แม่นายศรีวัลลามองแขไขที่กำลังเลือกผ้าไหมหลายผืนตรงหน้า
“ป้าน่ะทำให้หนูได้ทุกอย่างเลยนะจ๊ะ เพื่อความสุขของหนู เลือกสิจ๊ะ หนูแข ชอบผืนไหน ป้าจะให้เค้าตัดเป็นชุดเจ้าสาว”
จันตา บัวผุดยกหีบผ้าออกมาวางอีก และเปิดให้ดู แขไขมองแล้วยิ้ม
“สวยทุกผืน แขเลือกไม่ถูกเลยค่ะ แม่นาย”
“งั้นก็ตัดมาเลือกสัก 6 -7 ชุดแล้วกัน”
แขไขก้มลงกราบที่ตักแม่นายอย่างนอบน้อม
“แขขอบพระคุณแม่นายมากนะคะที่เอ็นดูแข”
“หนูแขน่ารัก เชื่อฟังผู้ใหญ่ ใครเห็นก็ต้องอยากได้เป็นสะใภ้จ้ะ”
แม่นายประคองแก้มแขไขด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น

ฝ่ายหนานไตรมองเนื้อนางที่ยิ้มอ่อนหวานมาให้
“หนานไตรล่ะ พ่อแม่หนานไตรทำอะไรเหรอ ทำไมไม่ชวนมาเที่ยวที่ปางบ้างละ”
หนานไตรฟังแล้วต้องฝืนยิ้มตอบไปอย่างปกติที่สุด
“ผมมีแต่แม่ครับ...พ่อจากเราไปนานแล้ว”
“แล้วมีพี่น้องมั้ย”
“มีครับ...ผมมีน้องชายคนนึง”
“พาน้องชายมาเที่ยวที่ปางสิ น้องชายหนานไตรกลัวความลำบากหรือเปล่า”
“ครับ ผมจะลองชวนดู”
หนานไตรมองมาทางเนื้อนาง
“ที่นี่มีแต่ความสวยงาม งามอย่างที่ไม่มีใครเทียบ เป็นความงามที่ต้องมาเห็นมาสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้น”
หนานไตรส่งสายตาหวานซึ้งมาให้จนเนื้อนางอาย หลบสายตามองไปไกล
หนานไตรมองใบหน้าสวยงามตรงหน้า ด้วยแววตาหลงรักจนถอนตัวไม่ขึ้น

ธรรพ์เดินออกมาเห็นแขไขกำลังเลือกผ้าตัดชุดเจ้าสาว ใบหน้ายิ้มระรื่น
“เรื่องแต่งงาน เรื่องใหญ่ เราจะไม่รอถามพี่ณไตรก่อนสักหน่อยเหรอครับ”
“จะถามทำไม ก็ฉันตัดสินใจให้แล้ว แกควรจะไปรับพี่ชายแกออกมาจากปางเตรียมงานแต่งกับหนูแขไขเค้าได้แล้วนะ ธรรพ์”
“พี่ณไตรยังติดงานแต่งเนื้อนางอยู่นะครับ”
“ก็พี่ชายแกไม่ใช่เจ้าบ่าวสักหน่อย หรือจะต้องอยู่ถึงตอนส่งตัวเจ้าสาวด้วย”
น้ำเสียงแม่นายเยาะหยัน แล้วหันมายิ้มชื่นกับแขไข
“แขว่าเราไปรับพี่ณไตรพร้อมๆ กันดีมั้ยคะ”
“อย่าเลยจ้ะ หนูแข เตรียมตัวที่นี่ดีกว่า ที่ปางแดดร้อน เดี๋ยวผิวจะเสีย”
“จริงด้วยค่ะ คุณแขจะต้องเป็นเจ้าสาวที่ง้ามงาม งามกว่าแม่หญิงทั้งจังหวัด” จันตาสอพลอ
“พูดเกินไปละ จันตา” แขไขเขิน
“ไม่เกินไปเจ้า...คุณแขงามเด่น งามปะหลำปะเหลือ แม่นายให้จันตากับบัวผุดช่วยกันขัดผิวให้คุณแขด้วยนะเจ้า”
แขไขมองแม่นายอย่างซาบซึ้ง โผเข้ากอดอีก “ขอบคุณมากค่ะ แขรักแม่นายที่สุดเลยค่ะ”

ธรรพ์มองแขไขกับแม่นาย ที่เออออกันเองเรื่องงานแต่งงาน ด้วยสายตาไม่สบายใจเอาเลย

อ่านต่อหน้า 4

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 4 (ต่อ)

เย็นนั้น ดาวเด่นนอนซมอยู่บนเตียงที่ห้องพักในบ้านหิมวัต มองวันดีที่กำลังคะยั้นคะยอป้อนข้าวต้มให้จนถึงปาก

“ทานสักนิดนะคะ คุณดาว จะได้มีแรง”
“ฉันไม่หิวน่ะ ป้าวันดี อยากออกไปข้างนอก”
วันดีวางชามข้าวต้ม ยิ้มอย่างเอาใจ
“คุณดาวยังไม่ค่อยมีแรง ทานข้าวก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าไปขออนุญาตคุณธรรพ์ให้”
ดาวเด่นไม่รอช้า กระโดดผลุงลงจากเตียง
“ใครบอกว่าดาวไม่แข็งแรง เลือดจางไม่ใช่เป็นคนป่วยใกล้ตายสักหน่อย ดาวจะดูแลตัวเองค่ะ ป้า ดาวอยากออกไปฟังเสียงนกในสวน”
“คุณดาว อย่าวิ่ง เดี๋ยวหน้ามืดเป็นลมไปอีก”
ดาวเด่นไม่สนวิ่งไปเปิดประตู หมอเทพทัตก้าวเข้ามาพอดี ดาวเด่นเลยชนหมอเทพทัตเข้าให้ หมอรีบคว้าตัวไว้ไม่ให้ล้ม
“เด็กดื้อจะไปไหน”
“พี่หมอ ให้ดาวออกไปข้างนอกเถอะนะ ดาวเบื่อ วันๆ ต้องอยู่แต่ในห้อง”
ดาวเด่นเปลี่ยนท่าทีเป็นขอความเห็นใจ ทั้งเทพทัต ทั้งวันดี
“ชีวิตดาวไม่เหมือนคนอื่น หายใจทีก็มีแต่กลิ่นโรงพยาบาล กลิ่นยา อยากจะมาเที่ยวสูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอด”
“โถ น่าสงสาร”
เห็นวันดีมองด้วยสายตาสงสาร ดาวเด่นยิ่งแกล้งบีบน้ำตา
“ตอนอยู่ในปาง ดาวมีความสุขมาก ได้อยู่ที่โล่งๆ มีต้นไม้ มีช้างเป็นเพื่อน”
เทพทัตอมยิ้มขำ “ไม่ต้องเศร้ามากหรอกครับ พี่จะมาบอกว่า ออกไปข้างนอกบ้างก็ได้”
ดาวเด่นลืมตัว ดีใจสุดๆ “เย้ ขอบคุณคุณหมอสุดหล่อใจดีม๊ากมาก”
วันดีอมยิ้มขำดาวเด่น เทพทัตยิ้มมองดาวเด่นที่สดชื่นขึ้นทันตาเห็น

แทบจะทันทีทันใด ดาวเด่นยืนกางแขนรับอากาศสดชื่นในสวน เทพทัตก้าวมามอง ดาวเด่นวิ่งไปดูผีเสื้อ เทพทัตเดินมาใกล้
“พี่หมอได้กลิ่นมั้ยคะ”
เทพทัตสงสัย “กลิ่นอะไร”
“กลิ่นดอกไม้ กลิ่นใบไม้ กลิ่นดิน” เด็กสาวหันมายิ้ม “มันหอมกว่ากลิ่นโรงพยาบาล กลิ่นยาที่ดาวต้องดมมาตั้งแต่เด็กๆ”
ดาวเด่นยืนสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด
เทพทัตเห็นรอยยิ้มดาวเด่นที่สดใส ไม่ใช่เด็กขวางโลกเหมือนที่ทุกคนเห็น
ดาวเด่นก้มลงดมดอกไม้ แล้วหันมายิ้มให้เทพทัตด้วยแววตาแจ่มใสมาก

ยามเย็นวันนั้น ธรรพ์เดินถือกีตาร์มาในสวนจะหาที่นั่งเล่นเพลง เสียงหัวเราะของแขไขดังลอดมาจากพุ่มไม้
“เสียงคุณแข”
ธรรพ์มองหา ได้ยินเสียงแขไขคล้ายพูดคุยกับใครบางคนอยู่
“เบาๆ สิ”
ธรรพ์รีบเดินลัดเลาะไปที่ระเบียงหลังแนวพุ่มไม้ เขาเห็นแขไขนั่งอยู่ในถังไม้ใบใหญ่ มีจันตากับบัวผุดกำลังเอาใยบวบชุบน้ำมะขามเปียกสีจางขัดผิวให้ แขไขยิ้มสดชื่น
ธรรพ์มองจ้องอย่างตกตะลึง ในความผุดผ่องท่ามกลางธรรมชาติของแขไขที่ดูงดงามเหมือนนางไม้ แขไขเองรู้สึกแปลกๆ เหลียวมามอง ธรรพ์รีบหลบวูบ
“ใครน่ะ”
จันตา และบัวผุดหันไปมองตาม แต่ไม่เห็นใคร
“ไม่มีใครหรอกค่ะ เราสั่งคนงานให้ออกไปหมดแล้วใช่มั้ย บัวผุด”
“เจ้าค่ะ ใครเข้ามาบัวผุดจะเอาไม้จิ้มตา”
จันตา กับบัวผุดยิ้มระรื่นด้วยความมั่นใจ แขไขไม่ติดใจอีก ยื่นแขนให้บัวผุดขัดต่อ
“บ้านหิมวัตมีแต่ความสุข ฉันรักที่นี่มากเลยนะ”
“พวกเราก็รักคุณแขค่ะ อยากให้คุณแขเป็นนายหญิงอีกคนของเรา” จันตาประจบ
ธรรพ์หลบฟังอยู่ บอกเตือนตัวเองอย่างพยายามตัดใจ
“ไม่นะไอ้ธรรพ์ แกกำลังไม่เป็นสุภาพบุรุษ”
ยินเสียงแขไขหัวเราะ ทำให้ธรรพ์ห้ามใจไม่ไหว ตัดสินใจหันไปมอง เห็นแขไขกำลังลุกขึ้น ก้าวออกจากอ่างไม้ จันตาเอาเสื้อคลุมตัวสั้นมาคลุมร่างไว้
ธรรพ์จับจ้อง มองทุกอิริยาบถของแขไข ที่กำลังซับปลายผม ซับแก้มที่เปียกน้ำ ด้วยรอยยิ้มระบายทั้งหน้า
ธรรพ์มองด้วยแววตาหลงใหลในความสวยงามของแขไข

ทางฝ่ายหนานไตร กำลังนั่งมองความงามยามพระอาทิตย์ใกล้ตกอยู่กับเนื้อนาง
หนานไตรเหลือบมองเห็นสีหน้าเนื้อนาง หนานไตรค่อยๆเลื่อนมือไปใกล้ ให้มือสัมผัสมือเนื้อนาง
เนื้อนางมองหนานไตร หนานไตรค่อยๆเลื่อนนิ้วก้อยไปเกี่ยวนิ้วเนื้อนางไว้อย่างนุ่มนวล เนื้อนางอมยิ้มอาย เห็นสองนิ้วที่เกี่ยวกันไว้ ถ่ายทอดความรู้สึกแก่กันโดยไม่ต้องมีคำพูดใดในแสงอาทิตย์สีทองยามเย็นอันสวยงาม

คืนนั้นดาวเด่นเดินเข้ามามองแขไข ที่เยื้อนยิ้มแปรงผมด้วยสีหน้าสดชื่น
“วันนี้หน้าตาพี่แขมีความสุขมากเหลือเกิน”
“แม่นายรักพี่ คนที่นี่รักพี่ แล้วจะให้พี่เศร้าทำไมล่ะ”
“แม่นายเค้ารักพี่ เพราะพี่เชื่อฟังเค้า ยอมทำตามเค้า ผู้ใหญ่เผด็จการอย่างแม่นายน่ากลัวจะตาย โกรธใครทีแทบจะหักคอจิ้มน้ำพริกอ่อง”
แขไขวางแปรงลงอย่างแรง ไม่พอใจคำพูดน้องสาวมาก
“ครอบครัวเรากับบ้านหิมวัตกำลังจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน น้องดาวต้องรู้จักให้ความเคารพแม่นายเหมือนแม่ของเราคนนึง”
“ความเคารพควรจะมาจากความสมัครใจไม่ใช่หรือคะ” ดาวเด่นย้อน
แขไขมอง ดาวเด่นสีหน้าดื้อดึง เชื่อมั่นความคิดตัวเอง
“แล้วดาวก็ยังไม่เห็นว่าพี่แขจะได้แต่งงานกับพี่ณไตร ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองเราก็เห็นกันอยู่ พี่ณไตรเค้าเหม็นขี้หน้าพวกเราจะตาย” เด็กสาวตอกย้ำความจริง
“พี่มั่นใจว่าแต่งงานกันไป ความรักของพี่จะทำให้พี่ณไตรมีความสุขที่สุด”
ดาวเด่นมองเห็นแต่รอยยิ้มมุ่งมั่นมีความหวังของพี่สาว แล้วก็อดเตือนไม่ได้
“ดาวอยากให้พี่แขเผื่อใจไว้บ้าง”
“ไม่! คนอย่างพี่ สมบูรณ์ ดีพร้อมทุกอย่าง ไม่มีผู้หญิงที่ไหนแข่งกับพี่ได้หรอก”
แขไขหันกลับไปหวีผมด้วยสายตามาดมั่น

ดาวเด่นมองอย่างไม่สบายใจนัก กับความวาดหวังของพี่สาว

รุ่งเช้า หนานไตรจอดรถจี๊ปลงที่บริเวณลานในวัด แล้วลงจากรถ ม่อนดอยลงตามมา หนานไตรมองหา พักเดียวเนื้อนางเดินถือตะกร้าใส่อาหารคาว-หวานกับดอกไม้ เลี้ยวมากับคำฝาย หนานไตรเห็นก็ยิ้มแป้นทันที ม่อนดอยมองแล้วรีบหยิบดอกไม้ไหว้พระ ยัดใส่มือหนานไตรโดยไว

คำฝายเดินมากับเนื้อนาง พอเห็นหนานไตรกับม่อนดอยก็แกล้งถามขึ้น
“ทำไมมาเจอกันได้เนี่ย”
ม่อนดอยบอกว่า “ข้าอยากมาทำบุญให้ส้มป่อย หนานไตรมันเลยอาสาขับรถมาส่ง”
คำฝายมองม่อนดอยที่แอบยิ้มให้เป็นอันรู้กัน
เนื้อนางมองหนานไตรที่ยิ้มมาให้
“ผมไม่เคยมาวัดแถวนี้เลย”
“ไปไหว้พระด้วยกันสิ หนานไตร”
เนื้อนางชวนแล้วเดินนำไป หนานไตรรีบเดินตาม ทุกคนเดินไปทางโบสถ์

ภายในโบสถ์หลังงาม เนื้อนางกำลังเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันหน้าพระพุทธรูป หนานไตรคอยช่วยส่งดอกไม้ให้ เนื้อนางยิ้มหวาน
คำฝายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่สะกิดม่อนดอยให้ดู อยู่ด้านหลัง
หนานไตรก้มกราบพระประธานพร้อมๆ เนื้อนาง คำฝายกับม่อนดอยกราบด้วย

ฟากแสงคำดื่มสาโทจนเมามายตั้งแต่เมื่อคืน และหลับพับอยู่มุมหนึ่งในปาง ข้างตัวมีแต่ไหเหล้าหลายใบล้มกลิ้งเกลื่อน หมื่นหล้าก้าวเข้ามาหยุดมองสภาพตาขุ่น
“เมาเป็นหมาป่วยอย่างงี้ มันช่วยให้ชีวิตเอ็งดีขึ้นมั้ย”
หมื่นหล้ายกถังน้ำสาดเข้าหน้าแสงคำเต็มๆ หน้า แสงคำสะดุ้งเฮือกเพราะน้ำเย็นสาดเข้าเต็มหน้า มองเห็นหมื่นหล้าเต็มตา
“พ่ออุ๊ย”
“ที่ปางนี่ไม่ต้องการคนอ่อนแอ”
แสงคำหน้าสลดเห็นถนัดตา หมื่นหล้าหันไปบอกคนงาน
“ไปทำงาน คนขี้เกียจอย่าอยู่ที่นี่ เปลืองข้าวเปลืองน้ำ”
หมื่นหล้าเดินออกไป แสงคำรีบลุกขึ้นตรงไปที่ช้าง อินร้องทักขึ้น
“แสงคำ ทำงานไหวเรอะ”
แสงคำมองหมื่นหล้าแล้วบอกเสียงชัด
“ข้าทำได้ ข้าไม่ใช่คนขี้แพ้”
แสงคำขึ้นช้างไปทันที หมื่นหล้ามองรู้ว่าแสงคำกำลังพิสูจน์ให้เชื่อใจอีกครั้ง

หนานไตรเดินเคียงมากับเนื้อนางตามทางเดินในวัด มีคำฝายกับม่อนดอยเดินตามหลัง
“ได้เข้าวัด ทำบุญซะบ้าง จิตใจสงบดีนะครับ”
“ชอบทำบุญเหรอ หนานไตร วันหลังจะชวนมาอีกนะ”
คำฝายหัวเราะคิกคักเปิดทางเต็มที่ หนานไตรอมยิ้มมองเนื้อนาง
“เนื้อนางอนุญาตให้ผมมาด้วยหรือเปล่า”
“คนทำบุญ ใครจะไปขัดล่ะ บาปตาย” เนื้อนางว่า
“งั้นคำฝายต้องชวนผมทุกครั้งนะ” หนานไตรหันมาหา
คำฝายลากเสียงล้อ “ไม่ให้ขาดเลยล่ะเจ้า”
“กลับกันหรือยัง พี่คำฝาย”
ม่อนดอยเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวๆ พอดีว่าเราต้องลงไปในเวียง ไปซื้อใบเลื่อยใช่มั้ยหนานไตร”
“ใช่ๆ” หนานไตรหันไปชวนเนื้อนาง “ไปด้วยกันนะครับ ไปไม่นานหรอก”
“ไม่เป็นไร ฉันกลับก่อนดีกว่า”
จู่ๆ คำฝายร้องขึ้น “ตายๆๆๆ เนื้อนาง พี่ลืม”
เนื้อนางหันไปมองคำฝาย
“น้ำมันก๊าดหมด วันก่อนพ่ออุ๊ยบ่นว่าอยากได้เสื้อหนาวสักตัว ของเก่ามันขาด” คำฝายรีบหันไปทางหนานไตรทำเป็นกำชับ “ไปซื้อของเดี๋ยวเดียวใช่มั้ย อย่านานนะ ฉันรีบ”
หนานไตรรีบรับคำ“ครับๆ รับรองไปแป๊บเดียว”
เนื้อนางมองหนานไตรที่กุลีกุจอไปเปิดประตูรถข้างคนขับรอ เลยจำต้องขึ้นรถอย่างขัดไม่ได้ คำฝาย และ ม่อนดอยแอบยิ้มให้กัน ขึ้นไปนั่งด้านหลัง
หนานไตรมองเนื้อนางที่นั่งข้างๆ แล้วขับรถออกไปอย่างมีความสุข

ในขณะเดียวกัน ธรรพ์เดินมาในสวนสวยบ้านหิมวัตกับแขไขที่มีสีหน้าสดชื่น
“วันนี้ผมจะไปรับพี่ณไตรมาให้คุณแขนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ นี่ถ้าพี่ณไตรรู้ใจแขได้ครึ่งนึงของพี่ธรรพ์ก็ดีนะคะ แขจะได้เป็นผู้หญิงที่มีความสุขในโลก มีทั้งคนรักแล้วก็คนที่เข้าใจแข” แขไขยิ้มหวาน
“คุณแขไม่อยากให้คนที่รักแล้วก็เข้าใจ รวมอยู่ในตัวคนเดียวๆ เหรอครับ”
“โธ่ พี่ธรรพ์คะ ถ้าได้อย่างนั้น ก็วิเศษที่สุดเลยล่ะค่ะ แต่พี่ณไตรชอบอะไรไม่เหมือนแขเลยสักอย่าง ก็ยังดีที่มีพี่ธรรพ์คอยตามใจ เข้าใจแข”
“ครับ ผมจะคอยอยู่ข้างๆ ไม่ทิ้งคุณแขไปไหน
ธรรพ์มองรอยยิ้มสดชื่นของแขไขแล้วพลอยยิ้มไปด้วย
ดาวเด่นเดินออกมาหา ธรรพ์กับแขไขหันไปยิ้มให้
“จันตาบอกว่า วันนี้พี่ธรรพ์จะไปที่ปาง ขอดาวติดรถไปด้วยได้มั้ยคะ ดาวอยากไปหาช้าง”
แขไขค้อน “พิลึก น้องดาว”
“จริงๆ นะคะ ดาวอยากไปเล่นกับช้าง ดาวอยากหัดขี่ช้าง” ดาวเด่นว่า
“เอาแค่ไปเล่นด้วยดีกว่าครับ ขี่ช้างไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องให้พวกควาญหัดให้”
“อ๋อ เหรอคะ...ถ้ามีควาญช่วยหัด ดาวก็จะได้ขี่ช้าง”
“งั้นให้แขไปด้วยนะคะ พี่ธรรพ์ ไหนๆ น้องดาวก็ไป แขก็อยากไปด้วย”
แขไขยิ้มหวานจนธรรพ์ใจอ่อน
“คุณแขยิ้มแบบนี้ ผมจะขัดใจได้ยังไง...ไปก็ไปครับ ไปกันทั้งสามคน”
“รีบไปเลยค่ะ ดาวอยากหัดขี่ช้างเต็มทีแล้ว”
ดาวเด่นอมยิ้ม ตาเป็นประกายมีความหวัง มองไปไกล นึกถึงแต่แสงคำควาญช้างรูปร่างบึกบึน

ขณะนั้น แสงคำกำลังพาช้างไปอาบน้ำ อินกับพวกคนงานนั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้ แกะห่อข้าวออกกิน

หมื่นหล้ามองอยู่บนเนิน เห็นแสงคำถอดเสื้อ อาบน้ำให้ช้างอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ฝ่ายหนานไตรเดินเคียงมากับเนื้อนางตามถนนในเมือง สีหน้ามีความสุขทั้งคู่ หนานไตรส่งถุงใบหนึ่งให้

“เนื้อนาง”
เนื้อนางมอง หนานไตรยื่นถุงให้ เนื้อนางรับมาเปิดออก เห็นเป็นซิ่นผืนสวย
“เอาไว้ใส่งานปอยนะครับ ผมซื้อมาให้คำฝายด้วย”
เนื้อนางรีบส่งถุงคืน “ไม่เอา หนานไตร มันแพง ฉันรับไว้ไม่ได้
หนานไตรยิ้ม “ผมนึกแล้วว่าคุณต้องไม่เอา ผมไม่ได้ให้ฟรีๆ นี่เป็นค่าแรงล่วงหน้า ผมจะให้คุณช่วยแปลจดหมายภาษาอังกฤษจากลูกค้า แล้วก็ดูแลเอกสารที่สำนักงาน ผมคนเดียวทำไม่ทันจริงๆ”
“ฉันก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษอะไรมากนะ” เนื้อนางแย้ง
หนานไตรอมยิ้มรู้ว่าเป็นข้ออ้าง “อะไรกัน ก็เห็นคุณอ่านหนังสือฝรั่ง ยังไงก็คงจะเก่งกว่าผม” เขาพูดขอร้องน้ำเสียงอ้อน “นะ เนื้อนาง นะครับ ช่วยผมหน่อย ผมไม่ถนัดเรื่องงานเอกสารเลยจริงๆ”
“ลองดูก็ได้ แปลผิดอย่ามาบ่นแล้วกัน”
“รับรองไม่บ่นสักคำ เดี๋ยวพอถึงปาง คุณไปทำงานที่เรือนสำนักงานเลยนะ”
เนื้อนางพยักหน้า ยิ้มให้เป็นคำตอบ หนานไตรยิ้มดีใจ เดินนำมายังรถที่จอดอยู่ริมถนนหน้าตลาด

รถบ้านหิมวัตที่ธรรพ์เป็นคนขับแล่นมาตามถนนหน้าตลาด แขไขมองผ่านกระจกออกไป เห็นหนานไตรกำลังเปิดประตูให้เนื้อนาง ตาลุกเป็นไฟ ร้องบอกทันที
“จอดค่ะ พี่ธรรพ์ จอด จอดเดี๋ยวนี้”
ธรรพ์กับดาวเด่นตกใจ
“แขบอกให้จอด”
ธรรพ์จอดรถพรึ่ด แขไขเปิดประตูพรวด วิ่งไปที่หนานไตรกับเนื้อนาง ดาวเด่นกับธรรพ์รีบลงตามมา
“หนานไตร”
หนานไตรกับเนื้อนางหันไป เนื้อนางเห็นแขไขก็ใจหายวาบ กลัวว่าจะต้องมีเรื่องอีก
“คุณแขไข”

คำฝายกำลังเลือกซื้อขนมกับม่อนดอย พอหันไปเห็นที่ถนน คำฝายสะกิดม่อนดอย
“แย่แล้ว นังผู้ดีตกมัน”
คำฝายร้อนใจวิ่งนำออกไปก่อน ม่อนดอยวิ่งตามทันที

แขไขเดินปรี่มาหยุดหน้าเนื้อนางกับหนานไตร ถามเนื้อนางเสียงขุ่น
“ไหนว่าแต่งงานไปแล้ว ทำไมถึงยังออกมาเที่ยวกับผู้ชายคนอื่น”
เนื้อนางตกใจท่าทีคุกคามนั้น ดาวเด่นกับธรรพ์รีบมาดึงแขไขออกห่าง
“พี่แข เสียงเบาๆ หน่อย อายชาวบ้าน” ดาวเด่นบอก
แขไขหันมาทางหนานไตร “หนานไตร นี่มันเวลางาน”
หนานไตรจ้องหน้านิ่ง “ผมไม่ได้ออกมาเที่ยว”
“ก็เห็นอยู่ว่ามากับผู้หญิง”
ธรรพ์ถามช่วย “นายออกมาธุระใช่มั้ย”
“ครับ ผมมาซื้อของ”
คำฝายกับม่อนดอยรีบวิ่งมา หนานไตรหันไปเห็นก็บอกทุกคน
“ม่อนดอยกับคำฝายก็มาด้วย”
“แล้วเนื้อนางล่ะ มีหน้าที่อะไรถึงต้องตามมา ทำไมถึงไม่อยู่ปรนนิบัติผัว”
“ฉันยังไม่ได้...” เนื้อนาง ตั้งใจจจะบอกว่าตนยังไม่ได้แต่งงาน
หนานไตรรีบขัดขึ้น “ไม่ต้องเนื้อนาง ผมชวนคุณมา ผมรับผิดชอบเอง” ชายหนุ่มหันไปมองแขไขเป็นเชิงตำหนิ “คุณแขไข ที่นี่ในเมือง ไม่ใช่ในปางที่คุณจะโวยวายยังไงก็ได้ ถ้าคุณยังมีความอาย ช่วยลดเสียง แล้วกลับไปขึ้นรถคุณธรรพ์”
แขไขมองจ้องหน้าหนานไตร “ฉันกลับแน่ แต่เธอต้องกลับไปด้วย”
“ผมไม่ไป”
“กล้าขัดคำสั่งแม่นายใช่มั้ย”
หนานไตรหันไปมองธรรพ์เป็นเชิงถาม
“แม่นายให้มาตาม มีเรื่องในปาง อยากคุยด้วย กลับไปกับฉัน หนานไตร”
หนานไตรหงุดหงิด มีสีหน้าไม่พอใจ จำใจส่งกุญแจรถให้ม่อนดอย
“พาเนื้อนางกับคำฝายกลับปางด้วย”
ม่อนดอยรับกุญแจรถมา เนื้อนางมองแขไขงงๆ แขไขกระชากแขนหนานไตรออกไปทันที เนื้อนางมองตาม หน้าตาสงสัยมาก
“อีกนิดเดียวก็จะถึงปางแล้ว อดขี่ช้างจนได้”
ดาวเด่นเซ็ง บ่นบ้าตามประสา ธรรพ์บอกเนื้อนาง
“เสร็จธุระกับแม่นายแล้ว หนานไตรก็คงรีบกลับไปที่ปาง”
คำฝายเหน็บ “ธุระเยอะเนอะ แม่นาย...คุยไม่จบไม่สิ้น ต้องให้คุณผู้ดีมาตามแต่หนานไตร”
เนื้อนางกระตุกแขนคำฝายให้หยุดพูดถึงแม่นายไม่ดี ดาวเด่นกับธรรพ์เดินกลับไปที่รถ เนื้อนางมองตามไปด้วยสายตาสงสัยในความสัมพันธ์ของแขไขกับหนานไตร

ในโถงบ้านหิมวัตตอนนี้ หนานไตรมองแม่นายศรีวัลลาที่จ้องมาด้วยสายตาเย็นเยียบ แขไขยืนประกบแม่นาย ธรรพ์กับดาวเด่นยืนห่างออกมา
“ขอให้นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่แกจะขัดขืนคำสั่งแม่”
“ผมกับเนื้อนางไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ”
“อย่าเถียง แกเห็นเนื้อนางดีกว่าหนูแข แค่ผู้หญิงชาวบ้าน จนก็จน แต่แกกลับไปให้ความสนิทสนมมัน แทนที่จะเห็นแก่หน้าคนรัก”
หนานไตรโพล่งออกมา “แขไขไม่ใช่คนรักของผม”
แขไขหน้าเสีย “พี่ณไตร เกินไปแล้วนะคะ”
“ขอโทษนะครับคุณแข ผมไม่เคยบอก ไม่เคยสัญญาสักครั้งว่าผมจะแต่งงานกับคุณ”
แม่นายขึ้นเสียง “ณไตร อย่าพูดทำร้ายจิตใจหนูแขอีก วันนี้แม่จะให้เวลาแกคิดทบทวนว่าควรจะทำตัวยังไง ถึงจะสมกับความเป็นทายาทของตระกูลหิมวัต” แม่นายจ้องหนานไตรเขม็ง “หวังว่าแกคงจะไม่สิ้นคิด ทำตัวตกต่ำ ไปยุ่งกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว”
จากนั้นแม่นายเดินเชิดออกไป แขไขมอง หนานไตรหันหลังให้แขไขทันที ดาวเด่นดึงมือพี่สาวให้ออกไป
“ไปก่อน พี่แข อย่าทำให้พี่ณไตรโกรธมากกว่านี้ จากโกรธมันจะกลายเป็นเกลียด”
ดาวเด่นดึงพี่สาวออกไป แขไขจำใจเดินสะบัดออกไปพร้อมกับน้อง
ทั้งห้องเหลือธรรพ์กับหนานไตร ธรรพ์เดินเข้าหาหนานไตร
“พี่ครับ แม่นายกับคุณแขไม่ยอมให้พี่สนิทกับเนื้อนางแน่ๆ ตัดใจจากเนื้อนางเถอะครับ ไหนๆเนื้อนางก็เป็นเมียแสงคำไปแล้ว”
“เนื้อนางยังไม่ได้แต่งงานกับแสงคำ”
คำพูดหนานไตร ทำเอาธรรพ์ตกตะลึง “ยังไม่ได้แต่ง! เกิดอะไรขึ้นครับ”
ธรรพ์มองพี่ชายด้วยความสงสัย หนานไตรไม่ตอบ มองสายตามองไปไกล ใจถวิลหาแต่เนื้อนาง

สามคนกลับถึงปาง เนื้อนางถือถุงซิ่นขึ้นเรือนมา สีหน้าไม่สบายใจ คำฝายตามมาติดๆ
“คุณแขไขเค้าเกลียดเนื้อนางเพราะเรื่องหนานไตรใช่มั้ย พี่คำฝาย”
“เชอะ นังผู้ดีตกมัน ทำยังกับหนานไตรเป็นผัวตัวเอง เห็นๆ อยู่ผู้ชายเค้าไม่สนใจตัวเองสักกะหน่อย”
“ยอมได้ก็ยอม เลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะพี่คำฝาย อย่าให้ตาต้องร้อนหูร้อนใจเพราะเรื่องคุณแขไขอีก”
เนื้อนางส่งถุงซิ่นให้ คำฝายเปิดถุง หยิบซิ่นออกมาดูสีหน้าตื่นเต้น
“หนานไตรซื้อให้ตั๋วเหรอ”
“ซื้อให้เราสองคน แต่หนานไตรเค้าไม่ได้ให้เราฟรีๆ นะจ๊ะ เนื้อนางต้องไปช่วยแปลจดหมาย แล้วก็ดูแลสำนักงาน”
คำฝายเอาซิ่นมาทาบตัวด้วยความดีใจ
“งานหมูๆ เดี๋ยวพี่ช่วย...อ้อ ช่วยแต่กวาดสำนักงานนะ แปลจดหมายตั๋วทำไปเลยคนเดียว”

เนื้อนางถอนใจเบาๆ มองเหม่อไปไกล ในใจนึกถึงแต่หนานไตร

ไม่นานต่อมา เนื้อนางกับคำฝายกำลังปัดกวาด เช็ดโต๊ะในสำนักงานปางไม้หิมวัต แสงคำเดินผ่านมาเห็นเนื้อนางอยู่บนเรือนสำนักงานก็ตาลุกวาว วิ่งพรวดๆ ขึ้นมา

“เนื้อนางขึ้นมาทำอะไรบนเรือนสำนักงาน”
“ก็ทำงานสิ อ้ายแสงคำ”
“ทำงานให้หนานไตรอีกใช่มั้ย”
แสงคำคว้ามือเนื้อนาง
“อ้ายแสงคำ ปล่อยนะ”
“อ้ายแสงคำ จะทำอะไร ปล่อยเนื้อนางก่อน” คำฝายไม่พอใจ
แสงคำชี้หน้า “หยุด ไม่ต้องตาม ข้ามีเรื่องจะคุยกับเนื้อนางสองคน”
แสงคำกระชากแขนเนื้อนาง ตัวปลิวออกไป คำฝายตะโกนไล่หลังไป
“อ้ายแสงคำ อย่าทำอะไรเนื้อนางนะ”

แสงคำดึงแขนเนื้อนางลิ่วๆ มาหยุดที่สะพานไม้ริมบึงในปาง เนื้อนางขืนตัว สะบัดออกอย่างแรง
“มีอะไรจะคุยก็รีบคุยเถอะ เนื้อนางมีงานต้องทำ”
“งานที่ทำให้ไอ้หนานไตร อ้ายไม่ให้ทำ”
แสงคำกระชากแขนเนื้อนางไว้ เนื้อนางสะบัดแรง แสงคำรวบตัวเนื้อนางมาชิด
“หนานไตรมาทีหลัง เนื้อนางเป็นของอ้ายมาก่อน”
เนื้อนางโกรธ “อ้ายแสงคำ พูดอะไร”
“อ้ายพูดความจริง ถ้าไม่มีหนานไตร เนื้อนางต้องเป็นเจ้าสาวของอ้าย เนื้อนางไม่เคยมีคนอื่น เนื้อนางต้องรักอ้าย”
แสงคำโมโหหึงดึงเนื้อนางมากอดจูบ เนื้อนางผลักออกสุดแรง แล้วตบหน้าแสงคำเต็มแรง แสงคำหน้าสะบัด
“อ้ายรักเนื้อนางนะ”
“อ้ายรักเนื้อนาง หรือว่าอ้ายรักตัวเองกันแน่ ถ้าอ้ายรักเนื้อนาง อ้ายต้องอยากเห็นความสุขของเนื้อนาง ไม่ใช่คิดแต่ให้ตัวเองสมหวัง มีความสุขอยู่คนเดียว นี่มันไม่ใช่ความรัก” เนื้อนางด่า
“อ้ายขอโทษ อ้ายทำทุกอย่างเพราะอยากอยู่กับเนื้อนาง”
“ทั้งๆ ที่เนื้อนางรัก เคารพอ้ายเหมือนพี่ชาย” เนื้อนางย้อน
แสงคำแย้ง “แต่เนื้อนางยอมแต่งงานกับอ้ายแล้ว”
“ยอมเพราะความสบายใจของตา ไม่ใช่ความรัก”
แสงคำเสียใจเหลือเกิน “เนื้อนาง”
“อ้ายแสงคำ อย่าพาล อย่าเข้าข้างตัวเอง ขอให้เนื้อนางได้รัก ได้เคารพอ้ายเหมือนพี่ชายเหมือนเดิมเถอะนะ”
เนื้อนางหันหลัง เดินเร็วรี่ ไม่หันหลังกลับมามองแสงคำอีก
แสงคำมองตาม เริ่มพาลและโกรธหนานไตรขึ้นมาอีก โดยไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัว
“หนานไตร เพราะแก เนื้อนางถึงได้เปลี่ยนไป”

หนานไตรเดินไปเดินมาอยู่ในสวน หมอเทพทัตยืนมองอยู่ ธรรพ์เดินถือแฟ้มเอกสารมายื่นให้หนานไตร
“จดหมายจากลูกค้าพวกนี้ มีสำเนาแปลเป็นภาษาไทยหมดแล้ว พี่จะเอาไปทำไมครับ”
“ฉันให้เนื้อนางเค้าช่วยฉันแปลเอกสาร” หนานไตรบอก
เทพทัตล้อ “เลขาสาวคนสวยกับผู้จัดการปางหนุ่มเลือดร้อน ใกล้ชิดกันทุกวัน”
“แกมาดูอาการคุณดาวไม่ใช่เหรอ ไอ้หมอ รีบเข้าไปข้างในสิ”
เทพทัตแซวอีก “ฉันอยากตรวจแกก่อน เชื้อบ้าท่าจะเยอะ...บ้ารักซะด้วย”
หนานไตรยัวะปนขำ “จะเดินไปเอง หรือให้ฉันเตะ”
“เดี๋ยวดูคุณดาวเสร็จ ฉันจะฝากยาให้พี่ชายแกนะธรรพ์ ท่าทางจะบ้าหนัก บ้าเรื้อรัง รักษาไม่หาย”
หนานไตรง้างเท้า ทำท่าจะเตะ เทพทัตหัวเราะเดินหนีไปทางตัวบ้าน ธรรพ์มองพี่ชาย
“พี่จริงจังเรื่องเนื้อนางไปหรือเปล่าครับ ถึงเค้าจะไม่ได้แต่งงาน แต่พี่อย่าลืมว่า แม่นายเตรียมงานแต่งของพี่กับคุณแขแล้ว”
หนานไตรไม่แยแส “ใครอยากแต่งก็แต่งไป หรือแกจะแต่งแทนฉันก็ได้นะ ธรรพ์”
พูดเท่านั้นหนานไตรก็คว้าแฟ้มเอกสารจะเดินออกไป ธรรพ์พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“พี่ไตรครับ คุณแขเธอก็มีหัวใจนะครับ พี่จะทิ้งขว้างเธอเหมือนสิ่งของไม่ได้”
“แล้วฉันไม่มีหัวใจเหรอ ธรรพ์ ฉันไม่เคยรักแขไข แต่งงานกันไป ก็ต้องหย่า” หนานไตรมองจ้องหน้าน้อง “แกเองก็เหมือนกัน วันนึงถ้าแกมีความรัก แกจะเข้าใจ ว่าทำไมพี่ถึงทำได้ทุกอย่าง”
หนานไตรสั่งสอนธรรพ์ในฐานะพี่ชาย โดยไม่รู้ใจน้องชายตัวเองสักน้อย

เย็นใกล้ค่ำ เนื้อนางมองม่อนดอยที่ถือปืนมาเดินวนอาสาเฝ้าเวรหน้าเรือนให้ คำฝายชะเง้อมอง
“ไม่รู้หนานไตรจะกลับมาเมื่อไหร่ คืนนี้ฉันมาเฝ้าหน้าเรือนให้แล้วกันเผื่อไอ้แสงคำมันบ้า มาวุ่นวายกับเนื้อนางอีก”
“ไม่ต้องหรอก ม่อนดอย เนื้อนางไม่อยากให้ตารู้”
“เกิดแสงคำมันเข้ามาฉุดตั๋วกลางดึก” คำฝายฮึดฮัด
“อ้ายแสงคำไม่ใช่คนเลวขนาดนั้น แล้วก็ห้ามใครพูดเรื่องนี้ให้ตารู้เด็ดขาด”
ม่อนดอยบอก “คนอกหักอย่างไอ้แสงคำ เวลาหน้ามืดมันก็ทำบ้าทำบอได้ทุกอย่าง”
“ขอบใจมากม่อนดอย ไม่ต้องห่วงหรอก เนื้อนางดูแลตัวเองได้ ถ้าอ้ายแสงคำจะเป็นผีบ้า ผีป่าเข้าสิง เราก็จะได้รู้กันไป”
เนื้อนางมองม่อนดอย และคำฝาย ด้วยแววตาอันเด็ดเดี่ยว

ในความมืดสลัวที่ริมลำธาร มีเพียงแสงจันทร์สาดส่องให้เห็น แสงคำมองออกไปไกล แววตาเจ็บแค้นคู่อริถึงขีดสุด
“ไอ้หนานไตร มึงต้องเจ็บมากกว่ากู”

เงาสลัวจากแสงจันทร์ ทาบทับบนใบหน้าช้ำรักหมองเศร้าของแสงคำจนเห็นถนัดตา

อ่านต่อตอนที่ 5
กำลังโหลดความคิดเห็น