ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 17
ท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้นของใต้หล้า ผู้คนเรียงรายผ่านซุ้มประตูใหญ่เข้ามาภายในแต่งงานสุดอลังการ
หาญและบุษบาบรรณยืนเคียงกันหน้าโต๊ะบูชาฟ้าดิน หาญยืนด้านขวาและบุษบาบรรณยืนด้านซ้าย ซินแสเทียนบอกกล่าวนำทั้งคู่ให้ทำตาม
"คำนับฟ้าดิน คำนับพ่อแม่ บ่าวสาว คำนับกันและกัน"
เจ้าสัวแสนยิ้มดีใจกับพวงแก้ว เช่นเดียวกับจันทร์กับเจ้าคุณ กล้ายิ้มดีใจกับน้องชาย ส่วนบุหงากับสายฝนที่อยู่ร่วมในพิธีด้วยความหงุดหงิดรำคาญ แต่ก็ต้องนั่ง
แขกเหรื่ออื่นๆพลอยยิ้มดีใจกับงานมงคล ตะวันที่มองดูทั้งคู่ด้วยแววตาเศร้า
หาญรินน้ำชาใส่ถ้วย 2 ถ้วยที่บุษบาถือรออยู่แล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันยกส่งให้เจ้าสัวและพวงแก้วดื่ม เมื่อดื่มหมดก็วางแก้วลง
"ขอให้รักกันจนแก่จนเฒ่านะลูกนะ"
"แล้วก็มีหลานให้พ่อไวๆ"
เจ้าสัวหัวเราะร่า แล้วส่งถุงเงินถุงทองเล็กๆให้บ่าวสาวเป็นเงินขวัญถุงเก็บไว้ตั้งตัว ทั้งสองคนกราบไหว้พ่อและแม่จนเสร็จสิ้น
ซินแสเทียนยกขนมบัวลอย
"ต่อไปบ่าวสาวป้อนบัวลอยให้กันและกัน"
หาญรับถ้วยบัวลอยมา ผลัดกันป้อน บุษบาบรรณมีเขิน ตะวันพยายามยิ้มแย้มให้กับทุกคนที่อยู่รอบข้าง แต่ทุกครั้งที่เหลือบมองคู่บ่าวสาวก็รู้สึกแปล๊บๆที่กลางหัวใจ
มั่นเห็นตะวันปาดน้ำตา
"เฮ้ยอะไรกันแค่เจ้านายแต่งงานแค่นี้ถึงกับน้ำตาไหลเลยหรือวะ"
"ก็..คนมันดีใจนี่ขอรับ"
เอื้อยชื่นมองตะวัน
"น่าเอ็นดูจริ๊งๆพ่อคุณ ต่อไปนี้เราคงได้สนิทกันมากขึ้นนะ เพราะอย่างไรเสียเอ็ง ก็ต้องย้ายมาอยู่ในใต้หล้านี่ด้วยใช่ไหม" เอื้อยว่า
"เอ่อ..ขอรับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะขอรับ"
เอื้อยและชื่นยิ้มรับ
" ข้าจะถือซะว่าเอ็งเป็นลูกเป็นหลานอีกคนแล้วกันนะ"
แค่ชื่นพูดมานั้นตะวันก็น้ำตาปริ่มอีก
ตรงบันไดทางขึ้น ดาวชะเง้อชะแง้มองดูในงานด้วยความอิจฉามาก ตอนนี้เป็นได้แค่บ่าวไพร่ที่คอยเก็บรองเท้าให้แขกที่เดินขึ้นเรือน
ภายในงานแสนนั่งมองดูแขกเหรื่อมากมายรู้สึกว่างานเงียบๆจึงหันไปถาม
"ช่างเงียบเหงาเสียจริง แม่แก้วสั่งมโหรีบรรเลงเพลงหน่อยปะไร"
"เจ้าค่ะ แม่เอื้อยไปจัดการสิ"
"เอ่อ คือคนซอเพิ่งลงไปด้านล่าง เดี๋ยวบ่าวรีบไปตามให้นะเจ้าคะ"
เจ้าสัวไม่พอใจ บุษบาบรรณสังเกตเห็นรีบบอก
"ขอให้นายตะวันบ่าวของอิฉันสีซอแทนได้ไหมเจ้าคะ"
ตะวันอึ้ง เจ้าสัวกับพวงแก้วหันมองด้วย
เจ้าสัวหัวเรา
"เอาซิ ถ้าเจ้าเล่นได้ ก็ดีเหมือนกันนะแม่แก้ว"
บุษบาบรรณเข้ามาใกล้ กระซิบบอกตะวัน
"ที่เราแต่งงานในวันนี้ก็เพราะเจ้ายืนยันว่าคุณหาญเป็นคนดี แล้วอีกอย่างเมื่อเราย้าย เข้ามาอยู่ที่นี่เจ้าก็ได้มาอยู่ใกล้กับแม่ของเจ้า เพราะฉะนั้นเจ้าจะตอบแทนเราด้วยการสีซอให้เราฟังไม่ได้เชียวหรือ"
ตะวันจะปฏิเสธก็น้ำท่วมปาก ทุกคนมองสนใจ ตะวันไปเตรียมตัว
บรรยากาศงานแต่งงานถูกเปลี่ยนเป็นพิธีเป็นแบบไทยแล้ว ตะวันสีซอพร้อมกับวง ทุกคนซาบซึ้ง การรดน้ำสังข์ดำเนินขึ้น บ่าวสาวนั่งเคียงกันมีผู้ใหญ่รดน้ำ
ตะวันสีซอไปมองบ่าวสาวไป หาญรู้สึกคุ้นหูกับเพลงนี้มาก เลยกระสับกระส่ายมองตะวัน
ฝ่ายเอื้อย ชื่น ได้ยินเพลงซอก็ตกใจ บีบมือกัน มองหน้าตะวัน
มั่นคุ้นหู มองตะวัน
ตะวัน สีหน้ายิ้มแย้มแอบซ่อนน้ำตาที่กำลังจะเอ่ออยู่
เวลากลางคืน ชาวทาสต่างคึกคักเพราะมีงานใหญ่ เรือนทาสก็ได้รับอานิสงส์กินเลี้ยงไปด้วย
"นังดาวข้าเอาอาหารที่เหลือๆจากเรือนใหญ่มาเผื่อเอ็งด้วย เอาไปกินซิ"
เอื้อยยื่นอาหารในจานให้ ดาวปัดจานกระจายเกลื่อน
"ฉันไม่กินของเหลือเดน ใครจะกินก็กินไป"
"บ๊ะอีนี่นี่ มันจะมากไปแล้วนี่มันของดีนะโว๊ย"
ดาวลุกขึ้นจะเดินไป เอื้อยรีบคว้าข้อมือไว้
"เอ็งจะไปไหน"
ดาวมองตาขวาง
"เรื่องของฉัน"
เอื้อยชี้หน้าอย่างรู้ทัน
"ข้ารู้นะว่าเอ็งจะขึ้นไปที่เรือนใหญ่น่ะ อย่าหวังเลย คุณแก้วท่านสั่งให้ข้าคอยจับตาดูเอ็งไม่ให้เสนอหน้าขึ้นไปยุ่มย่ามบนเรือน ปะเดี๋ยวจะไปก่อ เรื่องทำให้เค้าเสียฤกษ์เสียพิธีอีก" เอื้อยดึงดาวให้นั่งลงที่เดิม "นั่งลงเลยห้ามไปไหนทั้งนั้น"
ดาวฟึดฟัดลงนั่งด้วยความไม่พอใจ เอื้อยหันไปบอกทาสอีกคน
"นังจงเฝ้ามันไว้ดีๆล่ะ"
ทาสจงนั่งพับดอกบัวไปจ้องมองดาวไป ดาวมองตาขวางใส่
เอื้อยถือถาดอาหารตรงไปทีกลุ่ม ชื่น มั่น ที่นั่งอยู่ เอื้อยเอาถาดมาวางแล้วลงนั่งข้างๆชื่น
ชื่นกับมั่นนั่งคิดถึงเพลงซอที่ตะวันเล่นบนเรือนใหญ่ เอื้อยเอ่ยถาม
"นี่นังชื่น ไอ้มั่น พวกเอ็งกำลังคิดอย่างที่ข้าคิดอยู่ใช่ไหมเนี่ย"
ตะวันถือถาดน้ำดื่มลงมาที่เรือนครัว
"เอาถาดนี้ไว้ตรงไหนดีขอรับ"
ทั้งสามเอื้อมมือรับถาดทันทีแทบจะแย่งกัน ตะวันมองงงๆ จนเอื้อยรีบพูดขึ้นมา
"นั่งก่อนสิพ่อหนุ่ม"
"เอ่อ...ขอรับ"
ตะวันลงนั่ง ชื่นจ้องมองตะวันพินิจพิจารณา มั่น เอื้อยต่างจ้องจนตะวันอึดอัด
"เอ่อ...ทุกคนมีอะไรกับผมหรือเปล่าขอรับ"
ชื่นสงสัยเต็มที่
"พ่อหนุ่มเล่นเพลงบุหลันลอยเลื่อนได้อย่างไรรึ"
"ไปเรียนมาจากที่ไหนรึ" เอื้อถาม
ตะวันอึกอักไม่ทันตั้งตัว
"เอ่อ...มีคนสอนน่ะขอรับ"
มั่นจ้องมองหน้าตะวัน
"หน้าเอ็งก็ละม้ายคล้ายคนที่ข้ารู้จักเสียด้วย ใครกันที่สอนเพลงซอให้กับเอ็งน่ะ"
ตะวันอ้ำอึ้งตอบไม่ถูก พอดีอ่ำรีบวิ่งผ่าเข้ามาที่เรือนครัวร้องเรียกหาตะวัน
"นายตะวัน นายตะวัน"
ตะวันได้ทีรีบรับปาก
"ขอรับ อยู่นี่ขอรับ"
อ่ำวิ่งเข้ามาบอก
"คุณบุษบาบรรณให้มาตาม ได้เวลาส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอแล้วรีบขึ้นไปเถอะ"
ดาวได้ยินที่อ่ำพูดในมือที่กำลังพับดอกบัวอยู่ ก็ขยำดอกบัวจนเละคามือก่อนที่จะลุกพรวดพร้อมเสียงกรี๊ดแล้วขว้างดอกไม้ลงพื้น
"อ๊าย...กูไม่ยอม"
ดาววิ่งผ่านหน้าทาสคนอื่นๆไปพร้อมโวยวายไปเรื่อย “กูเป็นเมียคุณหาญ”
ทาสจงที่นั่งอยู่ด้วยตกใจ
"นังดาว"
เหล่าทาสรีบวิ่งตาม
"อ้าวเฮ้ยนังดาว เฮ้ย นี่แหละน้า คุณท่านถึงให้มาคอยกันท่า อีพวกที่จะมีปัญหา เฮ้อ..!" อ่ำวิ่งตามดาว ส่ายหัว
เอื้อยผลักหน้าอ่ำ
"มัวแต่พูดอยู่นั่นล่ะ อีตัวปัญหามันวิ่งไปโน่นแล้ว เร้ว"
ทุกคนรีบวิ่งตามไป ตะวันยืนกังวลห่วงบุษบาบรรณรีบวิ่งตามไปอีกคน
พิธีส่งตัวเข้าหอ เจ้าพระยากับท่านหญิง เดินเข้าภายในห้องหอ มีแขกผู้ใหญ่ประปราย ตามมาด้วยแสน พวงแก้ว กล้า จันทร์ พ่อบุษบาบรรณ และคู่บ่าวสาว ทุกคนเข้ามาด้านในเกือบหมด
เสียงดาวโวกเวกโวยวายมาแต่ไกลเพราะเข้ามาด้านในไม่ได้ มีทาสในเรือนขวางไว้ไม่ให้เข้า
"หลีกไป ฉันเป็นเมียแรกฉันจะเข้าไป หลีกไปคุณหาญเจ้าคะให้เมียเข้าไปเถอะนะ เจ้าคะ บ่าวก็เป็นเมียเหมือนกัน"
แขกที่อยู่ด้านในมองไปยังที่มาของเสียง
พวงแก้วเดินเลี่ยงไปแอบเห็นดาวโวยวายอยู่
"งามหน้าแล้วไหมล่ะนังดาว" เอื้อยหันบอกมั่นกับชื่น
"ไอ้มั่น นังชื่นไปช่วยกันลาก คอนังดาวที ไปเร็ว"
ทั้งสามรีบตรงเข้าคว้าตัวดาวได้ ดาวดิ้นตะโกนโหวกเวก
"ปล่อยกูกูจะมาหาผัว...กู"
ยังไม่ทันที่ดาวจะพูดคำว่าผัวกู มั่นปิดปากดาวไว้ได้ทัน ตะวันมองตามเป็นกังวลกลัวว่าดาวเข้ามาทำลายพิธีจึงรีบเข้าไปดูในห้อง
บุษบาบรรณเห็นตะวัน ก็กวักมือเรียก
"ตะวัน....ตะวัน มานี่สิ"
"บัดนี้ถึงฤกษ์ส่งบ่าวสาวเข้าหอสักที ขอเชิญเจ้าพระยากับท่านหญิงลง นอนเคียงกันเพื่อเป็นศิริมงคลให้แก่บ่าวสาวด้วยขอรับ"
เจ้าพระยากับท่านหญิง เป็นคู่รักที่ดูเป็นผู้ใหญ่สง่างาม ขึ้นนอนบนเตียงพอเป็นพิธี ตะวันกลั้นความรู้สึกชอกช้ำไว้ในใจ มองดูพิธีด้วยความเศร้าหมอง กลั้นก้อนสะอื้นสุดความสามารถ
หาญและบุษบาบรรณนอนเคียงกัน ผู้ใหญ่จับมือทั้งสองวางทาบกัน ตะวันหลบซ่อนรอยคราบน้ำตาไม่ให้หาญเห็น
ดาวร้องกรี๊ดๆ ดิ้นพล่าน มั่นเอามืออุดปาก ดาวกัด
"โอ๊ย....นังดาวปล่อยเดี๋ยวนี้นะ"
มั่นทนเจ็บลากดาวออกมาจนพ้นเรือนใหญ่ เข้ามุมปลอดภัย มั่นเอามือออก ดาวร้องดังกว่าเดิม
"ไอ้มั่นปล่อยกูนะ กูจะไปหาผัวกู ปล่อยเดี๋ยวนี้"
ดาวถูกจับมัดติดกับเสา ดาวด่ากราด
"ปล่อยกูนะ กูเมียคุณหาญเหมือนกันนะ ปล่อยนะไอ้มั่น น้าเอื้อยบอกให้ไอ้มั่น ปล่อยฉันที น้าชื่น น้าอ่ำปล่อยฉันไปเถอะนะ"
"นังดาวนี่ฤทธิ์ขนาดนี้ อีกคนจะขนาดไหน ป่านนี้ไปราวีหรือยังไม่รู้" อ่ำบอก
"คุณฟ้าหยาด"
มั่นรีบวิ่งไปทันที เอื้อยเหลืออดคว้าถังน้ำที่อยู่ใกล้ๆ สาดโครมไปที่ดาว
"อ๊าย..มาสาดฉันทำไมน้าเอื้อย"
"น้ำเย็นๆมันจะได้ช่วยเอ็ง ดับร้อนอกร้อนใจ ดับไฟอิจฉาริษยาในตัวเอ็งยังไงล่ะ"
"หัดเจียมเนื้อเจียมตัวบ้างเถอะวะนังดาว" ชื่นบอก
"ทำไมต้องเจียมในเมื่อฉันเป็นเมียคุณหาญ น้าลืมไปแล้วรึ"
"ถุย.. เป็นทาสในเรือนเบี้ยก็ดีแค่ไหนแล้วอย่าใฝ่สูงนักเลยวะ พออายุยี่สิบเอ็ด
เอ็งก็จะเป็นไทแล้ว เอ็งจะยังต้องการอะไรนักหนาวะนังดาว" เอื้อยว่า
"เป็นไทแล้วไง ยังไงเสียฉันก็แต่งงานกับคุณหาญไปแล้ว จะทาสหรือไทฉันก็ ยังคงอยู่ที่ใต้หล้าแห่งนี้เช่นเดิม เพราะคุณหาญผัวฉันอยู่ที่นี่"
"คำก็ผัวสองคำก็ผัว เมื่อไหร่เอ็งจะมองเห็นเงาของตัวเองสักทีนังดาว ข้าเบื่อที่จะต้องมาทนฟังเอ็งพร่ำเต็มที" ชื่นว่า
ชื่นเดินออกไป
"เอ็งก็รู้อยู่เต็มอกว่างานแต่งงานระหว่างเอ็งกับคุณหาญนั้นทำขึ้นเพื่อเสริมดวงเท่านั้น มันเป็นงานแต่งจอมปลอม แต่ความจริงเอ็งก็ยังเป็นทาสในเรือนเบี้ยเช่นเดิม เอ็งไม่ใช่คนที่คุณหาญรัก ไม่ใช่คนที่คุณหาญเธอจะปักใจอยู่ด้วย เอ็งจะทู้ซี้เอาชนะไปเพื่ออะไรกันนังดาว ไม่มีใครเค้ายินดีไปกับเอ็งหรอกนะ"
เอื้อยมองดาวสงสารและสมเพชในคราเดียวกันก่อนจะเดินออกไป
ในที่สุดดาวสะอื้นร้องไห้น้ำตาไหลท่วมพร้อมๆกับน้ำที่เอื้อยสาดมาให้รู้สำนึก
อ่านต่อหน้า 2
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 17 (ต่อ)
มั่นเดินเข้าไปตามกลุ่มแขกต่างๆ พยายามมองหาฟ้าหยาด เว่ยชิงเดินชะเง้อชะแง้มองหาฟ้าหยาดเช่นกัน บ่นพึมพำคนเดียว
"อาฟ้าหยาดลื้อไปไหนของลื้อน๊า รึว่าลื้อโกรธที่อั๊วห้ามไม่ให้ลื้อไปยุ่งเกี่ยวกับท่านเจ้าสัวและอาคุณหาญ..เฮ้อ..ไม่ว่าจะ เจ้าสัวรึคุณหาญยังไงซะมันก็เป็นไปไม่ได้ อั๊วช่วยลื้อได้เท่านี้จริงๆ"
มั่นเอะใจสงสัย
"ที่ท่านพูดนั้นหมายถึงคุณฟ้าหยาดใช่หรือไม่ขอรับ"
เว่ยชิงตกใจไม่คิดว่าใครจะมาได้ยิน รีบเปลี่ยนเรื่อง
"อ๊าย ข้าก็บ่นไปเรื่อยเปื่อยมิได้หมายถึงใครหรอก ลื้อมาจากไหนเนี่ย ยุ่งไม่เข้าเรื่อง"
เว่ยชิงเดินเลี่ยงไป มั่นเดินตาม
"เดี๋ยวสิขอรับ"
เว่ยชิงหันไปเห็นฟ้าหยาดอยู่มุมหนึ่ง มั่นและเว่ยชิงต่างนึกว่าฟ้าหยาดเศร้า
"อาฟ้าหยาด"
ฟ้าหยาดปาดน้ำตามองเว่ยชิงตาวาว
"โธ่ อั๊วเดินตามหาซะทั่ว มาหลบอยู่นี่เอง เอาน่าตัดใจซะเถอะนะ ยังไงๆลื้อก็ไม่ได้เป็น คู่ครองกับคุณหาญหรอก อย่าได้คิดมากเลย"
"ใช่ ฉันรู้แล้ว ฉันเข้าใจดีแล้ว"
"ได้ฟังแบบนี้อั๊วก็เบาใจ ดีแล้วนะ ดีแล้ว"
"ถูกขอรับ ต่อแต่นี้คุณฟ้าหยาดควรใช้ชีวิตอยู่ในใต้หล้าให้มีความสุขนะขอรับ หากมี อะไรที่กระผมพอจะช่วยคุณฟ้าหยาดได้กระผมจะเป็นคนช่วยคุณเองขอรับ"
"ช่วย...ช่วยอะไรได้ก็จะทำเหรอ"
ฟ้าหยาดมองที่มั่นอย่างวาดหวัง
ทั้งหมดออกมาจากห้องหอ ตะวันออกเป็นคนสุดท้ายแล้วปิดประตูลง หาญกับบุษบาบรรณนอนเคียงกันบนเตียงโรยกุหลาบ
ที่หน้าห้องตะวันยืนเศร้า จันทร์หันมาบอกกับตะวัน
"นายตะวันอยู่ที่นี่แหละคอยเป็นทนายหน้าหอ ยืนรอเผื่อสองคนในห้องมีอะไรจะ ได้เรียกใช้ได้"
แสนหันไปกระซิบกับท่านเจ้าคุณ
"คืนแรกเข้าหอ บ่าวสาวคงไม่เรียกใครหรอกมั้ง นอกจากขานชื่อกันและกันหน่ะ ฮ่าฮา"
"ก็นั่นน่ะสิ ฮ่าฮา"
ทุกคนพากันหัวเราะกันอย่างมีความสุขแล้วเดินออกไปยังกลุ่มแขกเหรื่อที่ยังคงเหลืออยู่ประปราย
ลับสายตาคน ตะวันยืนตัวชา น้ำตาเริ่มเอ่อ
ภายในห้องนอนหาญกับบุษบาบรรณยังคงนอนนิ่งที่เตียง หาญให้เกียรติเกรงว่าอีกฝ่ายจะกลัว
"การแต่งงานครั้งนี้เราทั้งสองอาจยังดูไม่ได้ผูกสมัครรักใคร่แน่นแฟ้นเหมือนคนอื่นๆที่พึงใจแต่งงานกัน เราทั้งสองตกกระไดพลอยโจนจนต้องมาลงเอยด้วยการแต่งงาน คุณบุษทำตัวตามสบายเถอะขอรับไม่ต้องกลัว ผมจะไม่หักหาญน้ำใจหรือใช้กำลังใดๆกับคุณบุษเด็ดขาดผมสัญญา"
บุษบาบรรณนอนนิ่งอยู่ที่เตียงคิดก่อนที่จะพูดออกไป
"ชายหญิงใกล้ชิดกันอาจนำมาซึ่งความใคร่ แต่บุษไม่ใช่คนอย่างนั้น บุษมีหัวใจและอยากให้ความรักเป็นสะพานแห่งความผูกพันมากกว่าคะ แต่วันนี้รักกันหรือเปล่าก็ยังไม่รู้... คุณหาญเองคงยังไม่ได้พึงใจในตัวบุษ บุษเองก็ยังไม่ได้พึงใจคุณหาญหรอกเจ้าค่ะ"
"คุณบุษช่างเป็นคนตรงและใจกว้างยิ่งนัก อย่างน้อยมิตรภาพของเราที่เริ่มจากเพื่อน ผมก็มีน้ำใจและให้เกียรติเพื่อนที่น่ารักคนนี้เสมอ"
หาญหันไปหยิบหมอนจะลงไปนอนที่พื้นข้างล่าง บุษบาบรรณดึงมือไว้
"คุณหาญไม่ทำอะไรบุษหรอก ฉะนั้นนอนบนเตียงนี่ก็ได้เจ้าค่ะ"
"แต่ว่า"
บุษบาบรรณเอื้อมหยิบหมอนข้างมาวางกั้นตรงกลาง
"เพื่อความสบายใจของคุณหาญใช้หมอนนี่คั่นกลางไว้ก็ได้เจ้าค่ะ ในเมื่อคุณหาญ ให้เกียรติบุษ บุษก็จะเชื่อใจคุณหาญ"
หาญและบุษบาบรรณยิ้มให้กัน อย่างบริสุทธ์ใจ ทั้งสองคนล้มตัวลงนอนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่สบายใจ
บริเวณเรือนทาส ทาสยังคงจับกลุ่มดื่มกินกันสนุกสนาน ฟ้าหยาดมาเปรี้ยวอยู่กับทาส ที่มีมั่น อ่ำ ชื่น เอื้อย ร่วมวงอยู่ ฟ้าหยาดยกไหเหล้าขึ้นชนกับทุกคน
"วันนี้เราขอสนิทสนมคุ้นเคยกับคนที่นี่หน่อย เพราะไหนๆก็เป็นคนของใต้หล้า แล้วเอาชน"
เว่ยชิงมองทุกคนยี้ๆ จะดึงฟ้าหยาดกลับ
"อาฟ้าหยาดกลับเรือนเถอะ ไป"
"ไม่ ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่ที่นี่"
"อาฟ้าหยาด ลื้ออย่าดื้อสิ ไปกันได้แล้ว"
เว่ยชิงพยายามดึงฟ้าหยาด แต่ฟ้าหยาดปัดมือออกแล้วชวนทุกคนดื่มเหล้าอีก
"ไม่ ฉันบอกแล้วไงอาเว่ยว่าฉันไม่ไป เอ๊า ทุกคน ชน ชน ชน"
ฟ้าหยาดยื่นไหเหล้าชนกับมั่น อ่ำ และชาวทาส เฮกัน
มั่นแอบมองฟ้าหยาดอย่างชื่นชม
เอื้อย ชื่น ที่ยืนมองอยู่ทำท่ารังเกียจฟ้าหยาดและเว่ยชิง
"ดู ดู นังชื่นดูสิ มาอยู่ที่ใต้หล้ายังเอากริยานางโลมมาใช้ที่นี่อีก อี๊"
ฟ้าหยาดหันมาทางเอื้อย
"มองข้าแบบนี้เหรอ รู้ไหมข้าเป็นใคร ฮ่าๆๆ"
เอื้อยลอยหน้าลอยตาตอบ
"ก็เป็นนางโลมไง นางโลมที่ถูกเผาไล่ที่ทำตัวเหมือนเจ้าไม่มีศาลเที่ยวเร่ร่อนไป เร่ร่อนมา๐
"น้าเอื้อย" มั่นปราม
"เอะอีนี่ พูดดีๆนะ" เว่ยชิงว่า
"ทำไม ก็ข้าพูดจริง"
"ใช่ เขาพูดจริง แต่อย่างน้อยก็มีคนเชิญข้ามาสถิตที่นี่นี่นา ฮ่าๆๆๆ"
เว่ยชิงปวดหัวที่เห็นฟ้าหยาดเมามากจึงพยายามลากฟ้าหยาดกลับ
"โว้ย ลื้ออยากขลุกกับพวกทาสให้พวกมันเหน็บเอาก็ตามใจแล้วกัน อั๊วไม่สนแล้ว"
เว่ยชิงมองค้อนแล้วออกไป ชื่นมองเว่ยชิงหมั่นไส้แอบนินทากับเอื้อย
"เชอะ เป็นทาสอาจเพราะถูกขาย แต่ขายแรงงานเว้ยไม่ได้ขายตัวเป็นพวกนางโลมเนอะ นังเอื้อย"
ฟ้าหยาดได้ยินแอบเจ็บปวด ดื่มอั้กๆ หันไปบอกเอื้อยชื่นว่า
"เป็นทาสหรือเป็นนางโลม มันก็แค่ถูกขาย แต่การเป็นคนที่ถูกปล่อยทิ้งให้ตายทั้งเป็นนั้น มันเจ็บ ที่สุด รู้ไหม" ฟ้าหยาดยกไหดื่มทั้งน้ำตา
เอื้อยชื่นคิดว่าฟ้าหยาดเมา อีกมุมหนึ่ง มั่นมองเป็นห่วงฟ้าหยาดไม่รู้ว่าเจออะไรมา
ดาวเสียใจหลบมาเลียแผลใจ ข้างๆตัวมีเชือกที่ถูกมัดก่อนหน้านี้วางอยู่ เมฆเดินยกไหเหล้าดื่มผ่านมา เจอดาวนั่งเศร้าอยู่คนเดียว ตาวาวตรงเข้าไปหา
"น้องดาว"
เมฆทิ้งไห ตรงเข้าจู่โจมดาวกอดจากด้านหลังซุกไซร้
"มารอข้ารึน้องดาวของพี่เมฆ"
ดาวตกใจพยายามขัดขืน
"ปล่อยนะ ปล่อยข้า"
"พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกินมาให้ไอ้เมฆเชยชมสักคืนจะเป็นไรเล่า ไปรังรักของเราเถอะนะน้องดาว"
เมฆกอดรัดพยายามดึงตัวดาวไปที่กระท่อม เพื่อเสพสุขอีก ดาวขัดขืน
กล้าแอบออกไปจากใต้หล้า ดาวและเมฆแอบมองเห็น
"คุณกล้านี่ จะไปไหนของเค้านะ"
ดาวจะตามไป เมฆคว้าแขนไว้
"ไปไหน อย่าไป"
"ไม่ ข้าจะตามไปดู" ดาวสะบัดมือเมฆออก
เมฆโมโหที่พูดไม่เชื่อดึงแขนมาอีกครั้งแล้วตบฉาดเข้าให้
"กูบอกว่าอย่าไม่ได้ยินรึไง อย่าลืม มึงได้ดีเพราะกู อย่ารีบถีบหัวกูส่ง กูกำลังเก็บค่าช่วย
เหลือที่กูลงทุนช่วยมึงเรื่องนังเดือนและกูจะเรียกเก็บไปเรื่อยๆแบบที่มึงปฏิเสธไม่ได้เลยเชียวล่ะ"
ดาวมองเมฆด้วยความโกรธเครียดแค้นชิงชัง
มั่นแบกฟ้าหยาดซึ่งมีท่าทางเมามาก จะมาส่งที่เรือนเล็ก ฟ้าหยาดทำทีซบ เบียด แนบ ตรงนั้นตรงนี้ มั่นหายใจไม่ทั่วท้อง
มุมหนึ่ง ฟ้าหยาดสะดุดเซ
"ว๊าย"
มั่นจับตัวไว้ แล้วถลาลงด้วยกัน ฟ้าหยาดออเซาะทันที มั่นกลืนน้ำลาย มีสาวงามในฝันที่แอบชอบกอดอยู่กับอก จะทำยังไงดี
"ที่เจ้าบอกว่ามีอะไรจะให้ช่วย เจ้ายินดีจะช่วยเหลือข้า เจ้าพูด จริงรึ"
"ขอ... ข..ขอรับ"
ฟ้าหยาดมองยิ้มๆด้วยจริตหลอกถามความมีใจของมั่น
"ข้ารู้ว่าเจ้าพึงใจในตัวข้ามิเช่นนั้น เจ้าคงไม่มาส่งข้าเยี่ยงนี้แน่จริงไหม ถ้าเจ้าอยากให้ข้าอยู่ที่นี่ต่อ เจ้าก็ต้องช่วยข้า ไม่ว่าข้าจะให้เจ้าทำอะไรกับใคร แม้แต่นายของเจ้า เจ้าจะทำตามที่ข้าบอก ใช่หรือไม่"
มั่นเอะใจกับคำถามของฟ้าหยาด
"หากจะให้กระผมช่วยแล้วเป็นการทำร้ายคนในใต้หล้า กระผมคงไม่ทำขอรับ กระผมไม่ อกตัญญูกับนายผู้มีพระคุณขอรับ"
ฟ้าหยาดยิ้มยั่วยวนอ่อยเหยื่อ
"แต่ข้ามิได้ใช้เจ้าฝ่ายเดียวหรอกนะ นายมั่น ข้ามีบางอย่างแลกเปลี่ยน" ฟ้าหยาดเข้าไปกระซิบ ข้างหูมั่น "หากเจ้าอยากได้ข้าเชยชมข้าก็จะยอมเป็นของเจ้า"
มั่นอึ้งไม่คิดว่าฟ้าหยาดจะพูดเยี่ยงนี้ มั่นโกรธ
"ถึงกระผมเป็นทาส แต่กระผมก็ไม่ได้หน้ามืดจนยอมขายวิญญาณ กระผมไม่รู้หรอกขอรับว่า คุณฟ้าหยาดจะมาที่นี่ด้วยเรื่องใดหรือมาเพื่อจะเป็นใครสักคนในใต้หล้านี้ก็ตามใจ แต่หากคุณคิดทำร้ายทำลายนายของกระผม กระผมก็ไม่ยอม น้ำใจกระผมยังคงมีให้คุณเสมอ แต่ไม่ใช่ในทางที่ผิดขอรับ"
ฟ้าหยาดเด้งตัวขึ้นทันที ปราศจากอาการเมา กระหยิ่ม มั่นตะลึง
"เชอะ ข้าเป็นนางโลม คิดเหรอแค่นี้ข้าจะเมา บัดนี้ข้ารู้แจ้งว่าเจ้าเป็นคนเช่นใด"
ฟ้าหยาดสะบัดหน้าเดินออกไป มั่นเหวอ คิดไม่ถึงว่าจะถูกฟ้าหยาดหลอก
แสงไฟจากตะเกียงของอ่ำกำลังเดินสำรวจที่ร้านด้วยอาการเมาไปบ่นไป
"หูย...ทำไมท่านเจ้าสัวต้องให้มาตรวจยามคืนนี้เนี่ย กำลังสนุกเลย เสียดายจัง วันฤกษ์งามยามดีแบบนี้นานทีปีหนแท้ๆ"
อ่ำเดินเรื่อยมาหยุดมองที่ประตูยืนงงอยู่ที่หน้าห้องเก็บของ แล้วนึกได้
"เอ๊ะ ตอนนั้นประแจใส่ไว้ข้างนอกนี่หว่า ทำไมวันนี้ไม่มีประแจล่ะ"
ด้านใน หาญและหยกเปลือยท่อนบน กึ่งนั่งกึ่งเอนพิงกัน ทันใดนั้นได้ยินเสียงกุกกัก
อ่ำเหวอ
"หรือว่าขโมย"
อ่ำลองเอามือผลักแบบกล้าๆกลัว แต่กลับเปิดไม่ออก
"อ้าว ทำไมเปิดไม่ได้"
อ่ำจัดการถีบ ประตูโครม กล้าและหยกรีบคว้าเสื้อผ้า
"ลั่นดานจากข้างใน ก็แสดงว่าไม่มีขโมย"
หยกและกล้าหน้าซีดเหงื่อตกอยู่มุมหนึ่ง อ่ำอึ้งๆ กวาดตามอง เห็นห้องมีแสงสลัว พลันได้ยินเสียงครางฮือ
"ประตูลั่นดาลข้างใน แสดงว่าผีลั่นแน่นอน ไม่นะ ผ..ผ....ผ...ผี"
อ่ำเหวอ วิ่งตาเหลือกออกไป
หยกทำเสียงครางฮือ กล้ามอง ตะลึงเห็นอ่ำเผ่นแน่บไปแล้วกล้าหันมาขำหยก
"พี่หยกคิดได้ไงว่าต้องเป็นผี"
หยกยิ้มโล่งอก
"พี่ไม่รู้เหมือนกันมันจวนตัวคิดอะไรไม่ออกน่ะ"
สองคนขำกัน หยกจับแก้มกล้าเบาๆ
"น้องกล้ารีบกลับเถอะนะ แล้วใส่ประแจไว้ตามเดิมด้วยล่ะ พี่ว่าพี่จะหาที่ทางขยับ ขยายไปอยู่ที่อื่นจะได้ไม่มีเรื่องแบบนี้อีก"
กล้าโผกอดหยก
"ขอแค่มีพี่อยู่ด้วยจะใกล้ไกลแค่ไหนผมก็ยอม"
สองคนกอดกันมีความสุข
อ่านต่อหน้า 3
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 17 (ต่อ)
เวลากลางคืนต่อมา เอื้อยและชื่น ต่างแยกย้ายตรวจตราความเรียบร้อยของใต้หล้า
เอื้อยดับตะเกียง จะปิดหน้าต่างลงกลอน เห็นตะวันนอนคุดคู้อยู่หน้าห้อง เอื้อยหันไปเรียกชื่น
"นังชื่น มาดูนี่แน่ะ"
ชื่นเดินมาดูมองเห็นตะวันที่นอนตากยุงอยู่ เลยปัดยุงให้
"แม่จ๋า"
เอื้อยและชื่นมองหน้ากัน ตะวันนอนหลับน้ำตาไหลพราก
"แม่จ๋า ช่วย..ลูก...ด้วย"
ชื่นจึงช่วยเข้าไปดู
ในฝันของตะวัน ... เดือนกำลังวิ่งหนีหน้าตากลัวสุดขีด เดือนวิ่งสะเปะสะปะในป่า เห็นใบหน้าดาวอยู่มุมหนึ่ง เดือนวิ่งมาล้มต่อหน้าดาว
"อย่า... อย่าทำฉันนะดาว"
เดือนลุกขึ้นจะหนี อีกทางเจอเข้ากับเมฆ
" ไม่นะพี่เมฆ"
ตะเกียดตะกายวิ่งหนีไป
" แม่จ๋าช่วยเดือนด้วย น้าเอื้อยจ๋า....แม่จ๋า"
ตะวันฝันร้าย ละเมอ
"แม่ชื่น น้าเอื้อย ช่วยเดือนด้วย"
ชื่นพึมพำ
"เดือน"
ชื่นตกใจที่ได้ยินตะวันเรียกแทนตนว่าเดือน เอื้อยก็ตกใจเช่นกัน
ตะวันผวาคว้ามือชื่น
"แม่จ๋า ช่วยฉันด้วย"
ชื่นเอ่ยเบาๆ
"เดือน"
ตะวันผวาตื่น ลืมตัว เห็นหน้าชื่นก็ผวาเข้ากอด
"แม่จ๋า"
ชื่นลูบผมเบาๆน้ำตาตกใส่ตะวัน ตะวันได้สติถอนตัวออกจากอ้อมกอดมองเห็นชื่นที่จ้องมองด้วยสายตาเมตตาและหันไปเห็นสายตาปนสงสัยของเอื้อยมองมา
"เดือน...นังเดือนใช่ไหม" เอื้อยถาม
ตะวันถลาออกจากตัวชื่น แอ๊บเป็นตะวันทันที
"เอ้อ เอ่อ กระผมคงฝันร้ายน่ะขอรับ"
เอื้อยกับชื่นมองหน้ากัน เอื้อยไม่เชื่อที่ตะวันพูด เอื้อยจึงเปิดเสื้อดูด้านหลัง
"จะทำอะไรขอรับ"
เอื้อยมองเห็นรอยแผลเป็น อึ้งๆ หันไปบอกชื่น
"นังเดือน นังชื่น นังเดือนจริงๆ"
ชื่นตกใจ
"นังเดือน เอ็งหรือนี่ เอ็งจริงๆด้วย"
"แม่"
"เกิดอะไรขึ้นกับเอ็ง หือ นังเดือน"
ชื่นมองลูกสาวไม่วางตา ทำนบน้ำตาของเดือนพังทลาย ปราศจากคำพูด ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น น้ำตาที่ไหลหลั่งนั้นดังยิ่งกว่าใดๆในโลก แทนคำตอบ ทั้งหมดกอดกันกลม
วันใหม่ เดือนเอาดอกมะลิกราบชื่น ชื่นรับดอกไม้ไว้ทั้งน้ำตา
" เดือนขอโทษนะจ๊ะแม่ ที่ต้องทำแบบนี้"
ชื่นน้อยใจ
"จะบอกจะกล่าวอะไรให้ข้ารู้บ้างไม่ได้เชียวหรือ ว่าเอ็งหนีไปอยู่กับไอ้ผู้ชายคนไหน หรือว่าเอ็งไม่เห็นหัวข้าอย่างที่ใครๆเค้าว่ากัน"
"ไม่ใช่นะจ๊ะแม่ ฉันไม่ได้หนีไปกับผู้ชายที่ไหนทั้งนั้น"
"แล้วเอ็งหายไปไหนมานังเดือน แล้วยังโผล่ในสภาพแบบนี้จะให้พวกข้าคิดยังไง"
" มีคนทำร้ายฉันและจับตัวฉันไปจ้ะ"
เอื้อยกับชื่นตกใจ
"ใครกันที่ทำกับเอ็งแบบนี้"
"ฉันยังบอกตอนนี้ไม่ได้หรอกจ้ะ"
เอื้อยกับชื่นเป็นห่วง เอื้อยคิดขึ้นได้
"จริงสิ นังดาวมันเป็นคนมาโพนทะนาว่าเอ็งหนีไปกับผู้ชาย มันจะต้องรู้เรื่องนี้แน่ๆ ข้าจะไปถามมันให้รู้เรื่อง"
เอื้อยจะออกไป แต่ตะวันรั้งไว้
"เดี๋ยวจ้ะน้า อย่าเพิ่งโทษดาวหรือทำอะไรดาวเลยจ้ะน้าเอื้อย ฉันอยากจะสืบดูให้แน่ใจก่อน แม่กับน้าเอื้อยช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ไหมจ๊ะ ฉันขอร้องนะจ๊ะ"
"ทำไมยังจะต้องปิดเรื่องนี้อีก"
มั่นโผล่เข้ามาจะมาตามตะวัน กำลังจะเอ่ยปากเรียก เอื้อยหันมาจุ๊ปากห้ามพูด มั่นยืนมองงงๆ
"คนพวกนั้นจับตัวฉันไปขายซ่อง แต่โชคดีที่แม่หญิงบุษบาบรรณมาช่วยไว้ได้ ฉันคิดว่าสิ้นวาสนาจะได้กลับมาใต้หล้าแล้ว จึงขอเป็นคนใหม่เพื่อหลบให้พ้นเรื่องร้าย กลายเป็นชายใช้ชื่อว่าตะวัน แต่ไม่นึกฝันว่าจะได้กลับมาที่นี่อีก"
มั่นตกใจเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดหลุดพูดเสียงดัง
"นังเดือน นังเดือนจริงๆด้วย"
เอื้อยรีบเอามือปิดปากมั่น มั่นวิ่งเข้าหาเดือนไปกอดเดือน ถามสารทุกข์ยาวมาก
"ข้านึกอยู่แล้วว่าต้องเป็นเอ็ง แต่ไม่กล้าพูดไป เอ็งไม่เป็นอะไรใช่ไหมใครมันทำ กับเอ็งถึงเพียงนี้ข้าจะลากคอมันมาลงโทษให้ เอ็งเล่ามาซิว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอ็งบ้าง ข้าอยากรู้"
เอื้อยมองมั่นรำคาญ
"พอแล้วไอ้มั่น เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังเอง เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเรากลับมาอยู่ด้วยกัน แล้วให้นังเดือนกับแม่อยู่ด้วยกันให้หายคิดถึงก่อนนะ เอ็งอย่าเพิ่งเข้ามาแทรกเลยถอยๆ"
เอื้อยดึงตะวันเข้าไปหาชื่น ชื่นกอดลูกยิ้มอย่างมีความสุข เอื้อยกับมั่นมองยิ้มดีใจ
บรรยากาศยามเช้า หาญค่อยๆลืมตาขึ้นมามองเห็นว่าบุษบาบรรณอยู่ตรงหน้า บุษบาบรรณก็ตื่นลืมตาขึ้นมาพอดีต่างคนต่างมองหน้ากัน ทั้งสองคนเผลอเขินกันไปนิดๆ หาญเก้อๆ
"เช้าแล้วครับ"
หาญแก้เก้อค่อยๆลุกขึ้น บุษบาบรรณแอบมองเขินๆ หาญเตรียมผ้านุ่งผ้าอาบน้ำกับผ้าเช็ดตัวให้
"ผ้าสำหรับอาบน้ำครับ"
"ขอบคุณค่ะ แต่ความจริงแล้วต้องเป็นหน้าที่ของบุษมากกว่าที่จะต้องปรนิบัติให้กับคุณหาญ"
"ผมว่าใครทำก็เหมือนกัน ในเมื่อเป็นสามีภรรยากันแล้ว จะให้ภรรยาทำให้ฝ่ายเดียวได้อย่างไรเล่า สามีก็ควรจะดูแลตอบบ้างมิใช่รึ"
"คือ..บุษเกรงใจน่ะคะ เกรงว่าจะมาเป็นภาระให้คุณหาญซะเปล่าๆ"
"ไม่หรอกครับ ผมเต็มใจ ผมขอตัวไปอาบน้ำประเดี๋ยวนะครับ"
หาญเดินออกไป บุษบาบรรณมองตามแอบยิ้มชื่นชมหาญ
หาญล้างหน้า สะบัดหัว มองตัวเองในกระจก
"เราควรจะอยู่กับเวลา ณ.ขณะนี้สินะ ต่อแต่นี้ไป เราจะลืมแม่เดือนให้ได้"
หาญมองนอกหน้าต่าง เห็นตะวันหอบต้นเตย มั่นเข้ามาช่วย ชื่น และเอื้อยถือใบตองตามมา หาญมองที่ตะวันที่ยิ้มแย้มอยู่กับมั่น หาญนึกถึงเดือนขึ้นมาทันทีรำพึงออกมา
"แม่เดือน"
หาญขยี้ตาอีกที มองไป
มั่นช่วยตะวันถือใบเตยหอบใหญ่ ตะวันเกรงใจมั่น
"พี่มั่นเดี๋ยวฉันถือเองก็ได้"
"เห่อะน่า ให้ข้าช่วยเถอะ"
ตะวันเข้ามาจะแย่งกลับ ชื่นกับเอื้อยเดินตามหลังมามองดูสองคนยิ้มๆ
"ป้ายิ้มอะไร" เอื้อยถาม
"ก็นังเดือนน่ะสิเล่นกันเป็นเด็กๆเลย"
เอื้อยตีแขนชื่นเบาๆ ชื่นตกใจ
"เอ็งมาตีข้าทำไม"
เอื้อยจุ๊ๆบอก
"เอ็งจะพูดถึงนังเดือนทำไม ก็มันบอกอยู่ว่าความลับๆ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าหรอก"
ชื่นเอามือปิดปากจ๋อยๆ
"เออข้าก็ลืมไป"
ตะวันเหนื่อยจะแย่งใบเตยจากมั่น ยอมแพ้
"ฉันเหนื่อยแล้วล่ะพี่มั่น"
มั่นเข้ามาทำท่าโบกๆ ให้ตะวันที่ยืนหอบเหนื่อยอยู่ เอื้อยกับชื่นเข้ามาพูดคุยยิ้มแย้ม ดาวผ่านมามองเห็นดูทุกคนคุยกันสนิทสนมเกิดอาการหมั่นไส้เดินตรงเข้าไปหา
ทุกคนเงียบลง แบบทำว่าไม่สนิทกัน
"มีความสุขกันจริงนะ"
ดาวเบ้ปากใส่ หาญวิ่งเข้ามาที่กลุ่มตะวันยืนอยู่ ดาวรีบเข้าไปเอาหน้า
"คุณหาญมาหาดาวใช่ไหมเจ้าคะ จะให้ดาวรับใช้ใช่ไหมเจ้าคะ"
หาญไม่ตอบยืนนิ่ง
"อาบน้ำหรือยังเจ้าคะ คงอาบแล้วกลิ่นน้ำปรุงที่คุณหาญใส่หอมเชียวเจ้าค่ะ" ดาวเข้าไป ดมใกล้ๆ "หอม...เอ้อ อ้าก"
ดาวขยักขย้อน ได้กลิ่นแล้วเวียนหัวเซไป ตะวันรีบประคอง
"เอ็งเป็นอะไรรึ"
ดาวสะบัด ไม่อยากให้ยุ่ง
"อี๊...อย่ามายุ่งออกไปนะ"
ดาวโผจะเข้าไปซบหาญ ได้กลิ่นอีกจะอ้วก รีบวิ่งเอามืออุดปาดไว้หายลับออกไป ทุกคนมองตาม งง เอื้อยหันไปคุยกับชื่นด้วยความสงสัย
" มันเป็นอะไรของมัน"
หาญไม่สนใจดาว มองหน้าตะวัน
"เจ้าชื่อตะวันแน่หรือ"
ตะวันตกใจอึ้งไป หาญยิงคำถามต่อ
"เจ้ามาจากไหน มาได้ยังไง ทำไมถึงมาอยู่กับแม่หญิงบุษได้"
"เอ่อ...คือกระผม"
ตะวันอึกอัก ชื่น เอื้อย มั่นมองหน้ากัน เอื้อยรีบหาทางแก้ต่างให้
"อุ๊ยตาย...คุณบุษบาบรรณคงเรียกหาเอ็งแล้วล่ะตะวัน"
"รีบไปไป๋เดี๋ยวคุณจะรอแย่ ไป" ชื่นบอกสีหน้าไล่ให้รีบๆออกไป
" เอ่อกระผมขอตัวก่อนนะขอรับ"
ตะวันรีบออกไป เอื้อย ชื่น มั่น ถอนหายใจมองหน้ากัน หาญมองตาม ครุ่นคิด
ดาวอ้วกอยู่ข้างตุ่มน้ำท้ายเรือนครัว แล้วจ้วงขันลงตุ่มตักน้ำบ้วนปากสุดฤทธิ์ เดินโผเผมาครัว ลงนั่งอ่อนแรง
เอื้อย ชื่น มั่น เข้ามา
"ไงวะ หมดแรงเลยรึนังดาว" เอื้อยถาม
ชื่นเมตตาตักข้าวให้
"เอ้ากินข้าวสักหน่อยเผื่อจะมีแรงขึ้น"
ชื่นยื่นจานข้าวให้ดาว ดาวผลักออกจานชามตก เคร้ง !
ชื่นว่า
"บ๊ะ นังดาว ดูสิ ข้าวหกเลอะเทอะไปหมดแล้ว นังนี่นี่"
"ก็มันเหม็นนี่ น้าแกล้งฉันรึไงเอากับข้าวเหม็นๆมาให้ฉันกินเนี่ย"
มั่นรีบเดินเข้ามามองข้าวที่หล่นพื้นแล้วมองหน้าดาว
"เหม็นเหมินอะไรกัน แกงนี่น้าชื่นเพิ่งจะทำเมื่อเช้าพวกเราทุกคนก็กิน กลิ่นหอม อร่อยจะตายไป"
ดาวหน้าง้ำไม่พอใจ
"ไม่รู้ล่ะ ก็ฉันเหม็นนี่นา"
"นังดาว เอ็งนี่ชักยังไงๆ อยู่นะ" ชื่นว่า
เอื้อยขบคิด
"เวียนหัวตอนเช้า ได้กลิ่นของหอมกลับเหม็น แล้วก็รากแตกรากแตน....ผู้หญิง มันจะมีอะไรนอกจาก..."
ทุกคนหันมองหน้ากันเพราะรู้คำตอบดีว่าเป็นอาการของคนท้อง
ดาว อึกอัก ตกใจ แต่จำต้องทำเชิด
"ก็ข้าเป็นเมียคุณหาญ ถึงผัวรักของข้าจะแต่งงานไปนอนกับคนอื่นก็เหอะ แต่ข้าก็ ..."
ดาวเอามือลูบท้องตัวเองคิดหนัก แต่ไม่ทันที่ดาวจะพูดต่อ เจียมเข้ามาพอดี อดปากเสียไม่ได้ เหน็บดาว
"กล้าเรียกคุณหาญว่าผัวรักรึ เท่าที่ข้าแอบดู เอ็งยังไม่เคยได้ค้างคืนกับคุณหาญ จริงๆสักครา มีแต่เอ็งเข้าหาแล้วคุณหาญแล้วก็ถูกไล่ตะเพิดออกมา เอ็งจะท้องได้ยังไง นอกจาก..."
ดาวถลึงตาโตใส่ เจียมแอบหัวเราะเยาะ ขำเดินออกไปแล้วหันมาตะโกนบอกดาว
"ถ้าหายคลื่นไส้แล้วไปพบคุณบุหงาบนเรือนด้วยล่ะนังดาว"
ดาวเครียดเจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้ จำใจเดินตามเจียมไป
อ่านต่อหน้า 4
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 17 (ต่อ)
ในเรือนเล็ก บุหงาหัวเราะเบาๆ ดาวนั่งกับพื้นมองด้วยสีหน้าสลดๆ
"เอ็งคิดว่าเอ็งตั้งท้องงั้นรึนังดาว"
ดาวก้มหน้างุด พยักหน้ารับเบาๆ
"เจ้าค่ะ"
"งั้นเอ็งก็มีทางเลือกอยู่เพียงสองประการ"
" ยังไงรึเจ้าคะ"
"เอาไอ้มารหัวขนนี่ออกไปซะ แต่ถ้าจะเอามันไว้ก็ต้องให้เกิดประโยชน์"
เจียมปากเปราะอีก
"อะโห... คุณบุหงาพูดง่ายเหมือนตัดมะม่วงทิ้งเลยนะเจ้าคะ ลูกไหนดีเก็บ ลูกไหนเสียตัดทิ้งไป คนทั้งคนนะเจ้าคะทำได้ลงคอรึเจ้าคะ"
บุหงาถลึงตา เจียมหุบปากเพิ่งรู้ตัวว่าพูดกระทบกระเทือนบุหงา ดาวครุ่นคิด
"ว่าอย่างไรนังดาว"
"ถ้าจะเรียกร้องหาพ่อ ก็คงจะยากซะแล้ว... เมื่อครู่ น้าเจียมดันปากเปราะไปแล้วว่า บ่าวไม่ได้นอนกับคุณหาญ หากมีคนสืบรู้ว่าเป็นไอ้เมฆล่ะเจ้าคะ"
ดาวเป็นกังวล บุหงาหัวเราะเยาะ ได้ทีจะถล่มบ้านแก้วเลยแนะแผน
"ไม่เห็นจะยาก ถ้าจะให้ตาหาญเป็นพ่อเด็ก แกก็ต้องทำให้มันเป็นจริงๆสิ คราวนี้นังแก้วได้งามหน้าแน่ สมน้ำหน้า เพิ่งแต่งสะใภ้ให้ลูกคนเล็กก็ดันมีเรื่องคาวๆ เกิดขึ้นจนได้"
บุหงาหัวเราะชอบใจกับแผนการตัวเอง ดาวพลอยยิ้มมีความหวังขึ้นมาด้วย
สายฝนเดินออกมาเห็นแม่หัวเราะอยู่กับดาวแปลกใจ
"มีเรื่องอะไรสนุกรึเจ้าคะคุณแม่ถึงได้หัวเราะเสียเสียงดังเชียว"
"น้อยไปสิ ถ้าฉันทำให้นังแก้วมันอกแตกตายเพราะลูกชายมันทั้งสองคนได้เมื่อไหร่ล่ะก็ ฉันจะหัวเราะให้ดังกว่านี้อีก ฮ่าๆๆ"
"คุณแม่คะเค้าเพิ่งจะมีความสุขที่ลูกชายแต่งงานลูกชายอีกคนก็ขยันทำมาหากินอย่างกับอะไรดี จะมาอกแตกตายอะไรกันล่ะเจ้าคะคุณแม่"
สายฝนดับความฝันของบุหงาซะเงียบกริบ บุหงาอารมณ์เสีย ดาวนึกขึ้นได้
"คุณบุหงาเจ้าคะ บ่าวว่าพักนี้คุณกล้าดูแปลกๆอยู่นะเจ้าคะ"
บุหงาขยับมาสนใจ สายฝนร่วมด้วย
"แปลกยังไงของหล่อน"
"คือบ่าวแอบเห็นคุณกล้าย่องออกจากบ้านตอนหัวค่ำ แล้วก็ชอบไปคลุกอยู่ที่ร้านเจ้าสัวจนดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้บ่าวว่าน่าสงสัยนะเจ้าคะ"
"สงสัยอะไร"
"คุณกล้าอาจจะยักยอกสินค้าหรือแอบโกงเบี้ยท่านเจ้าสัวก็เป็นได้นะเจ้าคะ"
บุหงาคิดตามที่ดาวพูด แต่ไม่อยากจะเชื่อ
"เงินทองรึก็มีถมเถไป จะมาปล้นบ้านตัวเองทำไม"
"คนมีแล้วก็อยากจะมีมากขึ้นมีให้เห็นมากมาย มันก็ไม่แน่หรอกนะเจ้าคะคุณแม่"
บุหงาคิดอีก
"เรื่องพี่กล้าเดี๋ยวสายฝนจัดการเองเจ้าค่ะ เผื่อจะได้เจอพี่หยกที่ร้านด้วย"
สายฝนยิ้มดีใจกระดี๋กระด๊าออกไป ดาวมองตามอย่างหมั่นไส้ บุหงามองคิดๆ
หาญนั่งซึมอยู่ตรงม้านั่งในสวนไม่ไกลจากครัว มั่นแบกทลายมะพร้าว เดินผ่านมาเห็นว่าหาญนั่งเศร้าซึมอยู่นาน จึงเดินเข้ามาหา
"นายน้อยขอรับ สีหน้าเยี่ยงนี้ไม่เหมือนเจ้าบ่าวที่เพิ่งแต่งงานมาหมาดๆ เลยนะขอรับ"
หาญถอนหายใจกับสิ่งที่ครุ่นคิดมาโดยตลอด ตัดสินใจสารภาพความจริงกับมั่น
"เรายังรักเดือนอยู่ รู้ไหมพี่มั่น ทุกครั้งที่เรามองเห็นนายตะวันเรากลับเห็นเป็นหน้าของแม่เดือนทุกทีไป พ่อตะวันใบหน้าละม้ายคล้ายแม่เดือนยิ่งนัก"
มั่นนิ่ง จุกอกเพราะไม่สามารถบอกหาญได้เรื่องของตะวัน
"เรารักแม่เดือนเหลือเกิน แต่เราคงตามหาแม่เดือนไม่เจออีกแล้ว ต่อให้ถามกับตะวันที่เหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง ตะวันก็ปกปิดความลับหนำซ้ำยังพูดเป็นนัยว่าแม่เดือนไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว"
"หากเจ้าตะวันพูดแบบนั้นก็คงจะจริงอย่างที่มันว่านะขอรับ"
หาญกลุ้มใจอย่างเห็นได้ชัด
"เราจะต้องทำอย่างไรถึงจะลืมแม่เดือนได้เล่า"
หาญเศร้า
"เพลานี้คุณหาญแต่งงานกับคุณบุษแล้วนะขอรับ หากแม่หญิงตัดสินใจร่วมหอลงโรง
กับชายใดนั่นหมายความว่า แม่หญิงนั้นรักและเทิดทูนชายคนนั้นอย่างหมดใจ คุณบุษจะเสียใจแค่ใหนหากรู้ว่าใจของชายคนที่เธอรักนั้นไม่ได้อยู่ที่เธอ แต่กลับไปอยู่กับแม่หญิงอีกคนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับคืน ใครกันเล่าที่ต้องทนทุกข์ มิใช่คุณบุษดอกหรือขอรับ"
หาญอึ้งนิ่งงันกับคำตอบและคำถามของมั่น
"ถูกของพี่มั่น เราคงเห็นแก่ตัวเองมากเกินจนลืมนึกถึงจิตใจคนอื่นซึ่งก็คือ คู่ชีวิตของเรา เราจะพยายามตัดใจจากแม่เดือนให้ได้ คุณบุษจะต้องไม่เจ็บปวดเพราะความเห็นแก่ตัวของเรา ขอบใจมากนะพี่มั่นที่ช่วยเตือนสติเรา แต่นี้ไปเราจะเปิดใจรักคุณบุษเราเชื่อว่าวันนึงเราจะรักคุณบุษได้ด้วยหัวใจของเรา ถึงวันนั้นเรา คงลืมแม่เดือนไปจากใจได้"
หาญพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแอบมีน้ำตาคลอตา มั่นยิ้มให้กำลังใจหาญ ตะวันโผล่มาจากหลังต้นไม้ใหญ่ น้ำตาค่อยๆเอ่อล้น มั่นอึ้งมอง ไม่มีคำพูดใดจากปาก มีเพียงน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสายกับใจที่แตกสลายไม่มีทางหวนคืน
ในห้องเก็บของกล้ากอดกับหยกก่อนจะถอนตัวออก หยกมองหน้ากล้า
"จากนี้พี่คงไม่ได้เจอหน้าน้องกล้าอีกนาน"
"ไม่สิ เราต้องได้เจอกันอีกทุกวันๆ พี่รีบหาที่อยู่ใหม่เร็วๆนะขอรับ แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกัน"
"พี่ไม่รู้ว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้เมื่อไหร่ ไว้พี่จะส่งข่าวให้น้องกล้าอีกทีนะ พี่ไปล่ะ"
หน้าห้องเก็บของ ทั้ง2คนออกแรงกดประแจดัง คลิ๊ก
"พี่ไปล่ะ เดี๋ยวนายอ่ำมาเปิดร้านจะเจอเข้า"
กล้ามองหยกด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ทั้งคู่โผเข้ามากอดกันอีกจนได้
กล้าและหยกรีบแกะประแจเลิ่กลั่กเพราะหัวใจเรียกร้อง กล้าดึงหยกกลับเข้าไปในห้อง หยกโผเข้ากอดกล้าห่อผ้าถูกทิ้งลงพื้น กล้าปิดประตูห้องลงอีกครั้ง ปัง !
ประตูถูกเปิดออก เจ้าสัวแสนเดินเข้าร้านมา มีสายฝนตามเข้ามา
"นึกไงถึงได้มาดูร้านกับพ่อ"
"แหม สายฝนก็อยากช่วยงานคุณพ่อบ้างน่ะเจ้าค่ะ อีกอย่างอยู่บ้านก็เบื่อๆด้วยนะเจ้าค่ะ"
อ่ำตามเข้ามาในร้าน ท่าทางกลัวๆ หันหน้าหันหลังจนมาชนสายฝนเข้า
"อ๊าย...นายอ่ำ เดินยังไงมาชนฉันเนี่ย"
"เป็นอะไรวะไอ้อ่ำ ข้าเห็นเอ็งล่อกแล่กๆตั้งแต่มาถึงร้านแล้วเนี่ย"
อ่ำรีบเข้าไปใกล้เจ้าสัว
"เอ่อ..คือ มีผีที่ร้านเราขอรับท่านเจ้าสัว"
"แอร๊ย"
"ผีตรงไหน ผีที่ไหน ไหนว่ามาสิ"
"เอ่อ คือเมื่อคืนบ่าวมาตรวจร้านตามคำสั่ง แต่พอบ่าวมาถึงห้องเก็บของ กลับเห็นว่า
ห้องเก็บของล็อกจากด้านใน แล้วก็มีเสียง....คราง...ฮือ....ๆ อูย เล่าแล้วขนลุกขอรับนายท่าน"
"ผี ! แอร๊ยๆ"
"เป็นไปได้ยังไง ข้าไม่เชื่อว่าจะเป็นผี นำข้าไปซิไอ้อ่ำ"
อ่ำกล้าๆกลัวๆ "ขอ รับ"
หน้าห้องเก็บของ อ่ำหลับหูหลับตาชี้
"นี่เลยขอรับ ห้องนี้มีผีขอรับ อี๊"
"จะเป็นไปได้ไง กุญแจก็อยู่นี่ อ้าว แต่กุญแจปลดแล้ว หรือพ่อกล้าคงมาแล้วกระมัง"
ทั้งหมดผลักเข้าไป
ในมุมสุดของห้องเก็บของ กล้าและหยกนัวเนียสุดใจขาดดิ้น มีเสียงคราง ทุกคนได้ยิน
แสนกระซิบบอกอ่ำ
"ไม่ใช่ผีแต่ต้องเป็นคนแน่ๆ ไปเรียกคนงานมา"
"เสียงคนประหลาดๆนะเจ้าคะคุณพ่อ"
แสนและสายฝนมีสีหน้าประหลาด สายฝนตั้งใจฟังเสียงที่ได้ยินมากแล้วคิดว่าเสียงนี้เหมือนกับเสียงอะไรสักอย่าง อ่ำกับคนงาน 2-3 คนเขามา สายฝนนึกออกพอดี
"คุณพ่อคะ เสียงแบบนี้ มัน เหมือนวัวเป็น....เป็น.....เป็น...สัด"
แสนกังวลพยักหน้าสั่งอ่ำผลักประตูเข้าไป เมื่อทุกคนพรวดเข้าไปกับต้องตะลึงกับภาพที่เห็น ตึ่ง!
แสนผงะเฮือกกับภาพตรงหน้า หยกและกล้าตกใจ ร่างเปลือยทั้งคู่ สายฝนช็อกกรีดเสียงร้อง
"แอร๊ย"
สายฝน เอาแต่กรีดเสียงร้อง เอาหัวซุกหมอนนอนคว่ำหน้าอยู่ที่เตียง บางขณะก็ทุบตีหมอนไปมาเหมือนคนเสียสติ บุหงากับเจียมโผล่พรวดเข้ามาด้วยความตกใจ
"เกิดอะไรขึ้น นังสายฝน เป็นอะไร"
สายฝนร้องไห้โฮ
"ที่ร้าน พี่กล้า ฮื่อๆๆๆ กับพี่หยก ฮือๆๆ"
สายฝนพูดไม่ออก บุหงาร้อนใจ อยากรู้ความ
"มีใครเป็นอะไร ทำไม ยังไง เล่ามาซิ"
สายฝนไม่ตอบ ได้แต่กรี๊ดๆเหมือนคนสติเสีย ร่ำร้องคร่ำครวญ
"พี่หยกพี่กล้า ไม่จริ๊ง"
บุหงาร้อนใจอยากรู้เรื่องราว
ซินแสเทียนก้าวเข้ามาในร้านแสน พร้อมด้วยหาญ แทบเป็นลมและไม่อยากมองหน้าหยก หาญประคองซินแสลงนั่ง เจ้าสัวแสนโกรธจนเส้นเลือดปูด
"นี่ใช่ไหมเรื่องงามหน้าของดวงเจ้ากล้าที่ซินแสเคยว่าไว้ ทีนี้จะทำยังไง"
แสนทุบโต๊ะดังปัง ลงนั่งข้างๆ พวงแก้วเอาแต่ร้องไห้
ซินแสเทียนหันมองหน้าหยกและกล้าด้วยความโกรธ
ไอั๊วบอกแล้วใช่ไหม ให้พวกลื้อเลิกติดต่อกัน อั๊วอุตส่าห์จับลื้อทั้งสองคนแยกกันแล้ว ทำไมถึงยังทำเช่นนี้ ทำไมไ
แสนและพวงแก้วเลยรู้ว่า เทียนรู้ความสัมพันธ์ของสองคนนี้มาก่อน
"นี่ท่านซินแสรู้เรื่องบัดสีนี้มาก่อนรึ"
ซินแสเทียนก้มหน้ายอมรับแต่โดยดี
"แต่อั๊วพร่ำบอกให้แก้ไขแล้ว แยกทั้งสองคนออกจากกันก็แล้ว อั๊วไม่นึก ว่าสองคนจะขวนขวายกลับมาหากันเช่นนี้อีก"
ซินแสจะเป็นลมโกรธจนสั่นไปหมด หาญคอยประคองดูแล แสนอับอายเรื่องนี้มาก ด่ากราด
"ก็เป็นเพราะตัณหาราคะยังไงล่ ะถึงได้พาพวกมันสองคนมาจมอยู่ในตมด้วยกัน เยี่ยงนี้"
"มันเป็นความรักต่างหากขอรับ รักกันผิดตรงไหน" กล้าเถียง
แสนตบหน้าลูกชาย
"แกกล้าพูดว่าเป็นความรักได้ยังไงไม่อายปากห๊ะ ไอ้กล้า เล่นสวาท ชายกับชายเยี่ยงนี้มันน่าอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ไม่สิ แบบนี้เลวจนธรณียังไม่สูบด้วยซ้ำ"
คำพูดรุนแรงของแสน ทำให้พวงแก้วเป็นลมแล้วเป็นลมอีก อยากปกป้องลูกแต่ก็เจ็บปวดในความผิดเพศของลูก
หาญรีบเข้ามาดูแม่ มองกล้าและหยกอย่างสงสารจับใจ แต่ไม่สามารถช่วยได้ในยามนี้
"ใช่ เราทำผิดประเวณี แต่เราไม่ได้ฆ่าใครตายนะขอรับ"
แสนจ้องหน้ากล้าที่กล้าตอบออกมา
"ถ้าแกไปฆ่าคนตายฉันยังไม่เจ็บปวดเท่านี้ด้วยซ้ำ"
แสนสะบัดหน้าหนีหันเรียกอ่ำ
"ไอ้อ่ำ โบยจนกว่ามันจะสำนึกผิด"
กล้าและหยกมองหน้ากัน กล้ากัดฟันยอมรับสิ่งที่ทำ อ่ำลงแส่ฟาดลงหลังกล้า ฟั่บ ๆๆ!
พวงแก้วร้องไห้ทุรนทุราย หาญจับไว้
"พอแล้ว พอไอ้อ่ำพอได้แล้ว"
แสนตวาด
"เจ้าหาญ พาแม่แกออกไป"
"เออ..ขอรับ"
หาญดึงแก้วให้ถอยห่างออกมา หยกเอาตัวบังปกป้องกล้า
"น้องกล้าของพี่"
หยกมารับหวายแทน เลยโดนหวายก่อน ซินแสเทียนโกรธจัดที่ทั้งสองคนไม่สำนึกสิ่งที่ทำลงไป
"ปกป้องกันนักก็ให้มันรับโทษไปซะพร้อมๆกัน"
สองคนหลังเปลือย ตัวพาดอยู่บนไม้ ท่าคุกเข่า อ่ำฟาดแส้ลงหลังซ้ายหยก ขวากล้า สลับกัน
เทียนไม่ชายตาแลหยกแม้แต่น้อย แต่แอบปาดน้ำตา พวงแก้วร้องไห้สงสารลูกไป เจ็บปวดไป
เจ้าสัวแสนโกรธจนทรุด อ่ำตกใจจะรับนาย
"โบยต่อไปอย่าหยุด"
พวงแก้วจะช่วยประคอง แต่แสนสะบัดออก
"ลูกชายหล่อนนี่ หล่อนเลี้ยงมา ตัวเป็นชายแต่ใจสมัครรักชาย น่าสมเพชที่สุด"
อ่ำโบยต่อ กล้าและหยกจับมือกันรับโทษ
เหตุการณ์ทั้งหมด เกิดขึ้นในร้านแสนที่ปิดสนิท ได้ยินแต่เสียงโบยขวับๆ พร้อมกับเสียงร้องที่พยายามกัดฟันกลั้นไว้และเสียงสะอื้นเบาๆราวจะขาดใจ
อ่านต่อตอนที่ 18