xs
xsm
sm
md
lg

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 14

วันใหม่ ซินแสเทียนนั่งกังวลใจ จิบน้ำชารอพวงแก้วอยู่ที่เรือนกลางใต้หล้า

"คุณแก้วเรียกอั้วมาแต่เช้าเลย เออ...มีเรื่องอะไรรึ"
ยังไม่ทันตอบ เอื้อยก็พาดาวเข้ามาที่เรือน
"นังดาวมาแล้วเจ้าค่ะ"
"มานี่สินังดาว"
"เจ้าค่ะ"
ดาวคลานผ่านหน้าซินแสไปนั่งลงข้างๆพวงแก้ว ซินแสมองหวั่นคิดว่า ดาวคงฟ้องแก้วเรื่องหยกกับกล้าแน่ๆ ซินแสประหม่าๆถือแก้วน้ำชามือไม้สั่น ซินแสพยายามควบคุมสติเอาแก้ววางลง
"เป็นอะไรรึท่านซินแส ไม่สบายรึเปล่า"
"อ่อ ไม่...อั้วไม่เป็นอะไร อากาศเช้าๆ ทำอั้วหายใจไม่ค่อยสะดวกนิดหน่อย"
"อิฉันมีเรื่องสำคัญ อยากจะถามท่านเจ้าคะ"
ซินแสร้อนตัวรีบพูดออกมา
"ห๊า... เรื่องอะไร... คุณแก้วไม่ต้องกังวลใจ อั๊วได้หาทางป้องกันตัดไฟแต่ต้นลม มิให้ใต้หล้าเกิดเรื่องเสื่อมเสียแล้ว ต่อแต่นี้จะมีแต่เรื่องดีๆ เกิดใน ใต้หล้า อั้วรับรอง"
ซินแสหัวเราะกลบเกลื่อน พวงแก้วมองงงๆว่าซินแสพูดเรื่องอะไร
"เรื่องอะไรรึท่านซินแส ทำไมต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยเจ้าคะ"
ซินแสเทียนชะงักกึก พวงแก้วไม่รู้เรื่องในเรื่องที่ซินแสพูด ดาวส่ายหน้านิดๆเชิงว่าไม่ได้พูดอะไรเลย ซินแสเลยรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
"อ๋อ อั๊วพูดไปอย่างนั้นเอง ไม่มีอาไร ฮาฮ่า ว่าแต่... เมื่อกี้คุณแก้วจะถามอั๊วเรื่องอะไรนะ"
"เรื่องพ่อหาญเจ้าค่ะ ท่านบอกว่า นังเดือนเป็นคู่ชะตาของพ่อหาญ แต่เพียงแค่ชั่วข้ามคืนนังเดือนก็มีราคีและออกไปจากใต้หล้า แม้ไม่มีนังเดือนแต่ดวงของพ่อหาญก็ยังดีอยู่ กาลนี้อิฉันจึงอยากให้ท่านช่วยรีบผูกดวงให้พ่อหาญใหม่อีกครั้งหน่ะเจ้าคะ"
"แสดงว่าคุณแก้วคิดว่า นังเดือนมิใช่คู่พ่อหาญจริงๆ"
พวงแก้วพยักหน้า
"อิฉันไปพบพระยาขรรค์ชัยเมื่อคราวก่อน และมีนังดาวร่วมไปด้วย จากนั้นพระยาขรรค์ชัยก็มีท่าทางจะรับพ่อหาญเข้าเป็นข้าราชการ เช่นนั้นแล้วท่านซินแสลองดูดวงชะตานังดาวอีกสักครั้งจะได้ไหม เจ้าคะ"
ดาวฟังแล้วดีใจ ทำก้มหน้าเอียงอาย ซินแสเทียนมองมาที่ดาวเห็นว่าแก้วเอนเอียงมาทางดาว ก็ถอนใจก่อนจะคำนวณฤกษ์อีกครา
"เอาล่ะ หากแม่ดาวมีบุญ มีดวงค้ำจุนพ่อหาญจริง เร็ววันนี้พ่อหาญน่าจะมีข่าวดี แต่หากว่ายังไม่มีข่าวดีเกิดกับพ่อหาญเลย เห็นควรเราอาจจะต้องหาแม่หญิงคนใหม่ที่เป็นคู่หนุนชะตาพ่อหาญ"
"นังดาว ข้าจะคอยดูซิ ว่าเอ็งจะเป็นคู่หนุนชะตาลูกข้าจริงไหม"
ดาวตาโตฟังเก็บจำทุกรายละเอียด คิดๆๆๆ

เวลาต่อมา ดาวมองหน้าตัวเองในกระจกยิ้มไปมา
"แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้"
ดาวยิ้มเยาะเย้ยในกระจก สีหน้ากลับกลายเปลี่ยนเป็นร้าย
"ฉันนี่แหละจะฝ่าดวงให้ตัวเองได้เป็นคู่บุญของคุณหาญให้ได้"
ดาวยิ้มร้าย แล้วค่อยๆปัดขี้เถ้าที่คิ้ว ลงน้ำมันที่ผม"

บ้านบุษบาบรรณ เดือนมองกระจก
"เจ้าพร้อมนะ"
เดือนหน้าจ๋อยๆพยักหน้า
"เจ้าค่ะ"
บุษบาบรรณยกกรรไกรขึ้นมาตรงหน้าบีบกรรไกรเข้าหากัน เดือนมองหวั่นๆ ท่านหญิงตัดผมที่แหว่งเว้าให้ ปอยผมตกร่วงลงพื้น แล้วปอยผมนั้นก็ถูกลมพัดไป

ดาวที่ก้มลงกราบพระยาขรรค์ชัย
"บ่าวมากราบท่านพระยาเพื่อขอความเมตตาเจ้าค่ะ"
พระยาขรรค์ชัยก้มลงจับมือดาวให้ลุกขึ้น

บรรยากาศภายในตลาดสำเพ็ง ผู้คนมากมายกำลังจับจ่ายใช้สอยเดินไปมา บุษบรรณกางร่มเดินอยู่ในตลาด เดินดูของอยู่ แล้วจู่ก็ได้เจอกับหาญโดยบังเอิญ
"ช่างบังเอิญเหลือเกินที่มาเจอคุณบุษที่นี่"
บุษบาบรรณยิ้มรับ
"คุณหาญ"
"คุณบุษช่างมั่นใจนัก มาเดินตลาดผู้เดียวได้"
บุษบาบรรณหัวเราะเบาๆ
"บุษมิได้มาผู้เดียวหรอก"
หาญมองบุษบาบรรณอย่างงงๆ
"บุษมีผู้ติดตามมาด้วยค่ะ"
บุษบาบรรณหันไปเรียกผู้ติดตาม
"นายตะวัน มานี่สิ"
เดือนปรากฎตัวในคราบของชายเป็นครั้งแรกใช้ชื่อว่า "ตะวัน" ตัดผมสั้นกุด
ตะวันเดินเข้ามาหาแม่หญิงบุษบาบรรณทันที หาญตะวันตะลึงไปพัก ก่อนจะประหม่าหลบสายตา
หาญจ้องมอง คุ้นตามาก แต่ยังไม่ได้ทันซัก อ่ำวิ่งเข้ามาบอก
"ข่าวดี ข่าวดีขอรับนายน้อย"
"ข่าวดีอะไรรึนายอ่ำ"
"ท่านพระยาขรรค์ชัยให้คนมาแจ้งว่า ท่านรับคุณหาญเข้าทำราชการแล้วขอรับ"
หาญดีใจ
"จริงรึ"
"จริงขอรับ พอรู้ความกระผมก็รีบแจ้นมาบอกนายน้อยนี่แหล่ะขอรับ"
บุษบาบรรณ ดีใจด้วย
"บุษดีใจกับคุณหาญด้วยคนนะเจ้าคะ"
ตะวันแอบยิ้มดีใจ อ่ำเผลอบอก
"ครานี้เห็นทีซินแสจะดูดวงคู่บุญของนายน้อยถูกสักทีนะขอรับ สงสัยดวงของหญิงคนนี้จะเป็นคู่ที่แท้จริง นายน้อยรีบตามกระผมกลับไปเร็วเถิดขอรับทุกคนรอนายน้อยอยู่ขอรับ"
หาญเริ่มหน้านิ่ง เมื่อพูดถึงคู่บุญ
"งั้นผมไปก่อนนะครับคุณบุษ"
" คะ"

หาญจำเดินออกไปกับอ่ำ ตะวันเศร้าใจเมื่อได้ยินอ่ำพูดถึงดวงของหญิงอื่น

หาญเดินดูนั่นนี่ที่ในตลาดไปเรื่อย อ่ำเดินนำหน้ามาไกลหันกลับไปดูนายน้อยที่เดินชมตลาดอยู่ อ่ำเดินย้อนกลับไปหานายน้อย

"นายน้อยขอรับ เร่งฝีเท้านิดเถ่อะขอรับ"
"ทำไมรึ"
"ป่านนี้ท่านเจ้าสัวกับคุณแก้วคงรอแล้ว อีกอย่าง ท่านซินแสจะดูดวงให้ด้วยว่าข่าวดีนี้เป็นเพราะ คู่ดวงคนใหม่ของนายน้อยหรือเปล่า เร็วๆเถอะขอรับ"
หาญยิ่งเซ็ง
" ข้ายังไม่อยากกลับ"
อ่ำตกใจ
"ห๊า"
หาญดูจริงจัง
"แม่หญิงที่มีดวงเกื้อหนุนคนใหม่นั้นจะเป็นใครข้าก็ไม่สน"
อ่ำเกาหัวมองเจ้านายงงๆ
"เอ็งกลับไปก่อนเถอะ"
"แต่ว่า..."
"ไปสิ"
อ่ำโดนไล่ออกไป หาญเดินชมตลาดไปเรื่อย สีหน้าเศร้าๆ

บุษบรรณพาตะวัน มาที่ร้านน้ำปรุงกลิ่นสุคนธ์ แม่หญิงเลือกดมน้ำปรุงพลางชี้ชวนตะวันให้ดมด้วย
"เจ้าว่ากลิ่นนี้เป็นเยี่ยงไร เจ้าลองดมดูสิ"
บุษบาบรรณส่งขวดน้ำปรุงให้ตะวัน แล้วก้มมาดมใกล้ๆกัน คนขายอึ้ง แม่หญิงเห็นหน้าคนขายก็อดขำไม่ได้
"งั้นลองกลิ่นนี้อีกกลิ่นนะนายตะวัน"
"เอ่อ...ขอร...รับ"
ที่หน้าร้าน บุษบาบรรณเห็นหาญเดินผ่านมา
"อ้าว คุณหาญ ยังไม่กลับอีกหรือคะ"
ตะวันรีบหันหลังหลบสายตาจากหาญ แต่แอบฟังสิ่งที่หาญคุย ใจเต้นแรงตลอดเวลา
"ผมยังไม่อยากกลับน่ะครับ"
"ป่านนี้ใต้หล้าคงรอฉลองขุนนางหนุ่มคนใหม่แย่แล้ว"
หาญหน้าเศร้าๆ
"ตำแหน่งที่ไม่ได้มาด้วยความสามารถของผมเอง ก็อาจจะหาความภูมิใจได้ยากหน่อย"
บุษบาบรรณรู้สึกดีกับหาญ ฝ่ายตะวัน รู้ตัวว่าหาญมองอยู่ เลยจะเลี่ยงไปทางหนึ่ง เลยแอบบอกบุษบาบรรณ
"กระผมขอตัวไปรอตรงโน้นนะขอรับ"
"เดี๋ยวสิ เจ้าเลือกน้ำปรุงสักกลิ่น ข้าจะซื้อให้" แล้วแม่หญิงก็กระซิบเบาๆด้วยความขำ "เจ้ายังเป็นแม่หญิงอยู่นะไปเลือกเดี๋ยวนี้"
ตะวันเขินไม่กล้าปฏิเสธ น้อมรับ
"เอ่อ...ขอรับ"
ตะวันรีบเลี่ยงไปอีกมุมของร้าน หาญมองตาม

บุษบาบรรณเดินไปยังมุมที่นั่ง หาญเดินตามไป
"คุณหาญไม่เชื่อเรื่องดวงรึค่ะ"
"พ่อของผมเป็นผู้ที่เชื่อถือเรื่องดวงยิ่งนัก ผมเองก็กึ่งจะเชื่อ แต่มิได้ลบหลู่"
"เช่นนั้นแม้กระทั่งเรื่องงานก็มีซินแสชี้ชะตา แล้วเรื่องความรักเล่า มิพักต้องพึ่งดวงหรอกหรือค่ะ"
หาญถอนหายใจเผลอคิดถึงเดือนขึ้นมา
"เรื่องนี้คงเป็นเรื่องเดียวกระมัง ที่ต่อไปนี้ผมจะปล่อยให้มันเป็นไปตามดวง"
บุษบาบรรณปลอบใจหาญ
"วันนึง บุษเชื่อว่าคุณหาญจะเจอคนที่ใช่"
"ขอบคุณที่ให้กำลังใจผมนะครับ"
ความรู้สึกสองคนตอนนี้ เป็นมิตรที่ดีต่อกัน แต่บุษบาบรรณชักจะหวั่นไหวเมื่อมองตาหาญ ตะวันแอบมองมาจากทางหนึ่งเห็นว่าทั้งคู่ดูเหมาะสม นึกน้อยใจในชะตาตัวเอง หน้าม่อยลงไป
" จริงสิเกือบลืม บุษยังไม่ได้เลือกน้ำปรุงให้คุณแม่เลยงั้นบุษขอตัวก่อนนะคะ"
หาญเห็นบุษบาบรรณเลี่ยงไปทางหนึ่ง หาญมองหาตะวันเพราะคุ้นหน้าคุ้นตา

อีกมุมหนึ่ง ตะวันแอบมองเห็นหาญเดินตรงมาก็มือไม้สั่น จะเลี่ยงหนี จนทำน้ำปรุงในมือร่วงลงพื้น"ว๊าย..!"
ตะวันรีบปิดปากเพราะเผลอร้องตกใจไป หาญแว่วได้ยินเสียงร้องแต่ไม่มั่นใจ เลยรีบเดินเข้าไปก้มลงเก็บทั้งคู่หัวชนกัน ตะวันมือไม้สั่น หน้าแดง เสียงหัวใจเต้นตึกตั่กๆๆ
"พ่อตะวัน ทำไมเจ้าถึงหน้าแดงนัก ไม่สบายรึ"
ตะวันตกใจ รีบปฏิเสธ
"เปล่าขอรับ"
หาญพยักหน้าแล้วหยิบขวดน้ำปรุงขึ้นมา ได้กลิ่นน้ำปรุง ซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกับที่หาญเคยซื้อให้เดือน
"กลิ่นนี้ เจ้าชอบรึ"
ตะวันรีบพยักหน้า ไม่อยากพูดมากกลัวจำเสียงได้
หาญสงสัย
"เจ้าเป็นชาย ใยจึงชอบน้ำปรุงกลิ่นนี้"
ตะวันอึกอัก กำลังเหวออยู่ หาญรำพึง
"น้ำปรุงกลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่เราเคยซื้อให้คนที่เรารัก"
ตะวันตะลึง จ้องหน้าหาญน้ำตาเอ่อ
"เจ้าเป็นอะไรรึ พ่อตะวัน"
หาญจะจับตัวถาม
"เจ้า....อ้าว!?"
ตะวันรีบวิ่งหนีออกจากร้านไป บุษบาบรรณเดินถือน้ำปรุงเข้ามาเห็นตะวันผลุนผันออกไปพอดี
"เกิดอะไรขึ้นค่ะ"
"ผมไม่รู้เหมือนกัน จู่ๆพ่อตะวันก็ทำท่าทางแปลกๆ แล้วก็รีบวิ่งหนีไป จะว่าไปผมก็รู้สึกเหมือน..เคยเห็นพ่อตะวันที่ไหนมาก่อนสักแห่ง"
แม่หญิงรีบกลบเกลื่อน
"เอ่อ..เดี๋ยวนี้คนหน้าตาเหมือนกันเยอะ บุษว่าคุณหาญคงรู้สึกไปเอง บุษคงต้องรีบกลับแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวคุณแม่จะกริ้วเอาได้ ลานะคะ"
บุษบาบรรณรีบออกไปตามตะวัน หาญสงสัย ถอนใจ
"เราคงคิดมากไปเองสินะ"
ตะวันแทรกผู้คนมามุมหนึ่งที่ผู้คนไม่พลุกพล่านนัก เสียงบุษบาบรรณแว่วมา
"ตะวัน...ตะวัน"
ตะวันรีบปรับอารมณ์ ปาดน้ำตา
"เจ้าเป็นอะไร"
ตะวันไม่กล้าตอบเรื่องที่อยู่ในใจ
"ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ"
"แล้วเหตุใดเจ้าถึงต้องหนีมาเยี่ยงนี้ หรือคุณหาญจำเจ้าได้"
ตะวันอ้ำอึ้ง คิดหาคำตอบอื่นเลี่ยงที่จะพูดเรื่องตัวเอง
"จำไม่ได้เจ้าค่ะ เพียงแต่...บ่าวได้ยินว่าแม่ชื่นไม่ค่อยสบาย เลยเสียใจน่ะเจ้าค่ะ และไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาก็เลย"
"เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ไว้ฉันจะหาทางพาเดือนในคราบของตะวันเข้าไปที่ใต้หล้านะ"
"คุณบุษ"

ตะวันซาบซึ้งในน้ำใจแม่หญิงที่งดงามยิ่งนัก
 
อ่านต่อหน้า 2

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 14 (ต่อ)

เอื้อยแทบลากจูงซินแสเทียนมาที่ศาลาท่าน้ำ ซินแสเดินตามไม่ทัน

"อ๊ายหย่า ๆเบาๆก่อน อั๊วเดินตามลื้อไม่ทันแล้วน้า ทำไมลื้อต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย"
"คุณแก้วต้องการพบท่านซินแสเป็นการส่วนตัว ก่อนที่ท่านจะต้องขึ้นไปบนเรือนน่ะเจ้าค่ะ"
ซินแสงง
"รีบไปเถ่อะเจ้าค่ะ คุณแก้วรออยู่นานโขแล้วเจ้าค่ะ"
เอื้อยรีบนำซินแสเดินไปจนถึงศาลาท่าน้ำ ดาวเดินกลับเข้ามาจากบ้านพระยาขรรค์ชัย เห็นซินแสกำลังเดินตรงไปหาพวงแก้วที่ศาลาท่าน้ำ ดาวตามไปแอบฟังทันที พวงแก้วรีบแจ้งเรื่อง
"รับข่าวดีแล้วท่านซินแส ท่านพระยาขรรค์ชัยรับพ่อหาญเป็นข้าราชการแล้วเจ้าคะ"
ซินแสดีใจ
"บ๊ะ ช่างเป็นข่าวดีเสียจริงๆ เพียงชั่วข้ามคืนดวงพ่อหาญก็กลายเป็นเจ้าคนนายคนเสียแล้วรึนี่"
"ใช่เจ้าคะ อย่างที่ท่านว่าน่าจะเป็นเพราะดวงของแม่ดาวที่มีส่วนช่วยหนุนส่งเสริมดวงของพ่อหาญเป็นแน่เชียวเจ้าค่ะ"
ซินแสได้ยินชื่อดาวถึงกับอึ้ง
ดาวได้ยินทุกอย่าง แต่แกล้งทำทีเป็นมาเก็บใบเตยเดินผ่านมา พวงแก้วเห็นพอดีก็รีบเรียกไว้
"โอ๊ะ แม่ดาว แม่ดาวมาพอดีเลย เข้ามานี่ซิ"
ซินแสสะดุ้ง
"เจ้าค่ะ คุณแก้ว"
พวงแก้วบอกกับซินแส
"ดวงที่หนุนนำพ่อหาญ อิฉันมั่นใจเจ้าคะ ว่าน่าจะเป็นแม่ดาว"
ซินแสอึ้ง ดาวก้มหน้าก้มตาแต่แอบดีใจ
"อยู่ที่ท่านซินแสแล้ว ที่จะช่วยหนุนดวงชะตาแม่ดาวอีกที ว่ายังไงเจ้าคะ ท่านซินแส"
ซินแสหนักใจแต่ก็จำใจตรวจ ดาวเข้าไปนั่งใกล้ซินแส ไม่ทำพิรุธ ไม่มีแววข่มขู่
"ขอมือหน่อยสิ แม่ดาว"
ดาวยื่นมือออกไปแล้วกระซิบทวนย้ำกับซินแส
"เอ่อ...เรื่องความลับของคุณกล้ากับคุณหยกนั้นบ่าวมิได้บอกใครดอกนะเจ้าค่ะ ต่อให้เอาบ่าวไปฆ่าไปแกง บ่าวก็ไม่บอกเพราะบ่าวรักแล้วก็หวังดีต่อใต้หล้า จริงๆเจ้า ค่ะ"
"ว่ายังไงเจ้าคะ ท่านซินแส" พวงแก้วถาม
ซินแสลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจ
"เออ แม่ดาวนังก็มีบุญ ถือว่ายามเวลาเกิดยังคงเป็นคู่หนุนนำพ่อหาญได้...แต่"
ยังไม่ทันที่ซินแสจะพูดต่อ แก้วก็แสดงอาการดีใจ
"นั่นไง..เป็นอย่างที่อิฉันคิดไว้ไม่มีผิด... ไปแม่ดาว ขึ้นเรือนไปพร้อมกับฉัน ถึงเพลาที่ฉันจะเปิดตัวคู่หนุนดวงของพ่อหาญเสียที ไปเถอะเจ้าค่ะท่านซินแส ป่านนี้ท่านเจ้าสัวคงรอแย่แล้ว"
"หากเรื่องใดไม่ดีก็ไม่ควรพูด จริงไหมเจ้าคะ"
ดาวยิ้มให้ซินแสก่อนออกไป แต่รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยเลศนัย จนซินแสเป็นกังวล
"ไม่ควรพูดงั้นรึ"
แม้ว่าในใจซินแสจะตะหงิดๆดาวอยู่บ้าง แต่ยังไม่นึกไม่ออกว่าเรื่องอะไร

บุหงารินสุราลงในจอกส่งให้ เจ้าสัวดื่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเพราะดีใจมากที่หาญได้รับราชการ
"ในที่สุดตระกูลของข้าก็ได้เป็นขุนน้ำขุนนางกับเค้าเสียที เจ้าทำให้ข้าสมหวังจนได้นะพ่อหาญ" แสนพูดพลางหัวเราะร่วนดีใจ
หาญคำนับรับ ไม่ได้ยินดีใดๆ กล้ามองที่หาญยิ้มๆ
"คำทำนายของท่านช่างแม่นเหมือนตาเห็นจริงๆ ท่านซินแส" เจ้าสัวบอก
ซินแสแบ่งรับแบ่งสู้
"คำทำนายเป็นเพียงการพิจารณาตามพื้นดวง ส่วนการที่ได้เป็นดั่งนั้นดั่งนี้ อาจเพราะชะตาส่วนหนึ่งและการกระทำส่วนหนึ่งน่ะท่านเจ้าสัว"
" แต่งานนี้ยังไม่มีใครทำอะไรเลยนี่หน่า...เอ๊ะ หรืออาจจะเป็นเพราะดวง ของแม่หญิงที่เสริมดวงให้พ่อหาญมีโชคกระมัง"
ทุกคนนิ่งงัน ซินแสเบือนหน้าหนี
"แม่แก้ว หล่อนบอกว่าคู่เสริมชะตาของพ่อหาญอยู่ในใต้หล้านี้มิใช่รึ"
แสนมองไป ตรงที่ทาสสาวๆ ก็มีแค่ เอื้อย เจียม หรือแม่ชื่นหรือพวกเรือนครัวก็เหี่ยวราวผักสลดแดด แสนมองมาหยุดที่ดาว ดาวยิ้มอายๆ แสนมองเลยไปหาใครบางคนแล้วเอ่ยถาม
"นังเดือนไปไหน"
พวงแก้วอ้ำอึ้งยังไม่ทันจะพูด บุหงาชิงตอบก่อน
บุหงามองขำพวงแก้ว
"นังเดือนมันหนีไปกับคู่บุญของมันแล้วล่ะเจ้าคะ"
"ต๊ายล่ะ นังเดือนที่เป็นทาสในกำกับของคุณแม่แก้วนี่เจ้าคะ คุณพ่อ ทำไมปล่อยให้หนีไปได้"สายฝนว่า
หาญหน้าเศร้า แสนไม่พอใจแก้ว พวงแก้วไม่พอใจบุหงา
"หมายความว่ากระไรแม่แก้ว บ่าวในเรือนหายไปหล่อนไม่คิดจะรายงานอะไรฉันเลยรึ" แสนถาม
"เอ่อ...คือ"
"คุณพี่คงไม่อยากให้ท่านเจ้าสัวเป็นกังวลกระมังคะ จึงไม่กล้าบอก ใจเย็นๆนะคะท่านเจ้าสัว วันนี้เป็นวันดีนะเจ้าคะ"
เจ้าสัวแสนลงยกจอกเหล้าดื่มพรวดลงคอไป แก้วมองสองแม่ลูกอย่างหมั่นไส้
"ถ้างั้นแม่แก้วจะบอกเราได้รึยังว่าหญิงที่เป็นคู่บุญ หนุนนำให้พ่อหาญน่ะตกลงเป็นใครกัน"
"อิฉันพร้อมที่จะบอกแล้วเจ้าค่ะ ท่านเจ้าสัว"
พวงแก้วหันไปทางซินแส
"สตรีนางนี้วนเวียนอยู่ในใต้หล้า คอยค้ำจุนดวงพ่อหาญ เกิดชะตาจันทร์เต็มฟ้าเป็นคืนเดือน.. เดือน"
"อ้าว ท่านซินแส ข้าลุ้นอยู่คืนเดือนอะไรท่าน"
ความจริงๆดาวเกิดคืนเดือนมืด
"เออ คืนเดือนหงายปีระกา สตรีนางนั้นบัดนี้อั๊วขอแจ้งให้ทุกคนทราบว่า นางผู้นั้นก็คือ แม่ดาว"
หาญ กล้าต่างตะลึง หาญหมองลง กล้าแอบตบบ่าน้องชายอย่างให้กำลังใจ
เอื้อยสบตาชื่น มั่นไม่อยากเชื่อ เพราะพวกทาสรู้นิสัยไม่ดีของดาว และรู้ว่าจริงๆเป็นเดือน
บุหงาลอบแสยะยิ้มกับสายฝนและเจียม
"ไหนเข้ามาใกล้ๆข้าสินังดาว"
ดาวขยับมาใกล้ แสนเพ่งมองดาวอย่างไม่อยากเชื่อ
"ใครเลยจะเชื่อเจ้าเป็นทาสแท้ๆ แต่ทำให้ลูกชายข้ามีวาสนาสูงขึ้น ใต้หล้าก็จะพลอยรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นด้วยแสดงว่าดวงเจ้าดีจริงๆ"
ดาวน้อมรับ
" ต่อไปนี้ เจ้าต้องคอยขึ้นมาปรนนิบัติลูกข้านะ แม่ดาว ฮาฮาฮ่า"

"เจ้าค่ะ" ดาวแอบหน้าร้ายก้มหน้าพึมพำคนเดียว “ดวง งั้นรึ"

ย้อนอดีตกลับไป เมื่อดาวไปที่บ้านของพระยาขรรค์ชัย เธอจงใจทอดเรือนร่างเพื่อให้ได้ซึ่งจุดหมาย

พระยาขรรค์ชัยลูบไล้ช่วงไหล่ของดาวแล้วเอาหน้ามาคลึงนัวเนียอยู่ตรงช่วงไหล่ไล่ไปจนเกือบถึงแก้ม ดาวผละออกเล็กน้อยใส่มารยา
"อุ๊ย...ท่านเจ้าคะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้าเจ้าค่ะ"
พระยาขรรค์ชัยยิ้มหื่น ดึงดาวหันหน้ามาเชยคางขึ้น
"ไม่มีใครกล้าขึ้นมาบนเรือนนี้หรอก"
พระยาขรรค์ชัยเอื้อมมือหมายจะกระชากผ้าแถบ ดาวรีบคว้ามือพระยาไว้เพื่อต่อรอง
"ประเดี๋ยวเจ้าค่ะ ท่านต้องรับปากก่อนว่าจะจัดการให้คุณหาญรับราชการทันที อิฉันถึงจะยอมเป็นของท่าน"
พระยาขรรค์ชัยเขี่ยที่แก้วดาวเบาๆ
"ของบรรณาการจากใต้หล้าดีเยี่ยงนี้ เหตุใดข้าจะไม่ช่วยเล่า"
"อิฉันมิได้ทำเพื่อใต้หล้า แต่อิฉันทำเพื่อคุณหาญเจ้าค่ะ เมตตาอิฉันด้วยนะเจ้าคะ"
"ขอข้าชื่นใจสักหน่อยเป็นไร"
พระยาขรรค์ชัยจู่โจมหอมแก้ม
"อุ๊ย...ท่านเจ้าคะ เอ่อ...อิฉันไม่เคยน่ะเจ้าค่ะ"
พระยาขรรค์ชัยมอง ยิ้มด้วยความกระหายมากกว่าเดิม
"ข้ามิทำให้เจ้าบอบช้ำดอกแม่ดาว ข้าพึงใจในตัวเจ้าตั้งแต่เมื่อแรกเห็น"
พระยาขรรค์ชัยรวบตัวดาวอุ้มมาวางลงที่เตียง ดาวตกใจ แต่ปล่อยตัวให้กระทำตามอำเภอใจ ดาวหวาดกลัวปัดป้องนิดๆ พระยาขรรค์ชัยปลดเสื้อตัวเอง แล้วโถมทับร่างของดาวอีกครั้งอย่างหื่นกระหาย
"เจ้าช่างงามหมดจดไปทั้งตัวจริงๆ"
ดาวแอบมีน้ำตาเพราะต้องพลีกายให้กับชายที่ตนไม่ได้รัก

คืนวันเดียวกัน ดาวโยนผ้าถุงลงพื้นเห็นรอยเปื้อนเลือด เอาน้ำราดพร้อมกับเอากาบมะพร้าวขัดตรงที่มีคราบอย่างแรง ด้วยความขยะแขยง
"ฉันจะขัดรอยคราบของแกออกไปให้หมด ไอ้พระยากักขฬะ อี๊ๆๆ"
สาวทาส 2 คนผ่านมาเห็นมองดาวที่ขัดถูอย่างเอาเป็นเอาตายก็แปลกใจ
ทาส 1 ถาม
"เอ้านังดาวเอ็งขัดผ้าขนาดนั้นมันจะขาดเสียเปล่าๆนะ"
"ขาดน่ะสิดี รอยเปื้อนมันจะได้หายไป"
ทาส 2เพ่งมอง
"รอยคราบแบบนี้ "
ดาวใจคอไม่ดีรีบปิดๆไม่ให้เห็น แกล้งใส่อารมณ์เพราะกลัวคนรู้
"ไม่มีอะไรทำกันรึไง ถึงได้มายุ่งกับข้าเนี่ย"
ทาส 2 บอก
"รอยเปื้อนระดูล่ะสิท่า ไม่ต้องเหนียมหรอกข้ากับอีจวงเปื้อนกันออกจะบ่อย เอ็งใช้ส้มที่เอ็งใช้ขัดผิวนั่นล่ะมาถูแล้วทิ้งไว้สักพักก็ออกละ"
ดาวค่อยโล่งอก หันไปทำตามที่ทาส 2 บอก
"ขอบใจ"
ดาวแช่ผ้าไว้แล้วเดินมานั่งอีกมุม เอาแป้งร่ำมาทาผิวเบาๆ สองสาวตามมานั่งคุย
ทาส 1 บอก
"แกนี่มันผิวพรรณผุดผ่องไปทั้งตัวเชียนะ"
ทาสสาว 2 คนลูบไล้แขนเกลี้ยงเกลาของดาว อิจฉาวาสนา
"บุญของแกนะนังดาว จู่ๆก็ได้ดิบจนตั้งเนื้อตั้งตัวแทบไม่ทันฉันสองคนอิจฉาแกจริงๆ"
ดาวแอบยิ้มชอบใจ
แข่งเรือแข่งพายมันพอจะแข่งกันได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาล่ะก็อย่า แม้นแต่จะคิด"
ดาวทาแป้งร่ำลูบไล้แขนไปเรื่อย เอื้อยที่กำลังเจียนใบตองอยู่กับชื่นอดเหน็บไม่ได้ เมฆผ่านมาจะกินข้าว ได้ยินเรื่องทั้งหมด แต่ไม่เชื่อ
"เป็นดวงบุญแน่รึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ดูๆไปน่าจะเป็นดวงบาปซะมากกว่าเนาะป้า ต่อให้ชะโลมเนื้อตัวจนหอมฟุ้ง คุณหนูก็ไม่แลหรอกจะบอกให้
เอื้อยหัวเราะเยาะ
"คอยดูนะถ้าฉันเป็นเมียคุณหาญเมื่อไหร่ฉันจะเฉดหัวน้าเอื้อยคนแรกเลย ตอนนี้ฉันก็กำลังจะขึ้นไปรับใช้คุณหาญตามคำสั่งของเจ้าสัว"
ดาวสะบัดหน้าเดินผละออกไป เมฆอึ้ง ไม่อยากเชื่อ ตามไปกระชากดาว
"ไม่จริงใช่ไหม เอ็งต้องเป็นของข้า เอ็งสัญญากับข้าแล้วว่าจะ ..." ดาวรีบอุดปากเมฆกลัวว่า เอื้อย ชื่นจะได้ยิน เอื้อยชื่นมองตามอย่างสงสัย ดาวดึงเมฆไปคุยทางอื่นอย่างร้อนรน

ดาวดึงเมฆมาในมุมลับตาคน เมฆสะบัดมือ ฮึดฮัด
" ไม่จริงใช่ไหมนังดาว ทำไมถึงเป็นเอ็งไปได้"
"ก็มันเป็นดวง จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ดวงมันมาอย่างนี้"
"คราวก่อนเอ็งอิจฉานังเดือน นังเดือนมันก็พูดว่าเพราะดวงมาอย่างนี้ เอ็งยังหัวเสียมากมาย ถึงตอนนี้เอ็งก็เชื่อดวงงั้นรึ"
ดาวเห็นเมฆโกรธจัดจึงเปลี่ยนท่าทีเย็นลงใช้น้ำเย็นปลอบใจ
"แหมพี่เมฆมันก็แค่ดวงน่า อย่าไปสนใจเลย"
เมฆมองและเดินมาหาดาวที่แสดงท่าทีไม่สนใจอะไร
"ข้าไม่ได้สนใจดวง ข้าสนใจเอ็งเท่านั้นแหล่ะนังดาว"
เมฆเข้าใกล้ แล้วสวมกอดทันที ดาวบ่ายเบี่ยง
"ปล่อยนะพี่เมฆ ปล่อย"
"ข้าไม่ปล่อยให้เอ็งไปเป็นของคนอื่นหรอกนังดาว"
เมฆกอดรัดหอมแก้มรวบเอวดาวมาชิดลำตัว
"อย่าจ้ะพี่ ระดูฉันยังไม่หายดี"
"อะไรกัน ทำไมมันนานนัก"
ดาวหาข้อแก้ตัว
"เอ่อ คงเป็นเพราะทำงานหนักมั๊งจ๊ะพี่"
ดาวแกล้งมองทางเรือนใหญ่เสมือนได้ยินเสียงพวงแก้วเรียก
" อุ๊ย...คุณแก้วเรียกหา"
เมฆพลอยตกหลุม
"ฉันต้องไปก่อนล่ะพี่"
ดาวรีบวิ่งไปเรือนใหญ่
"เอ้าดาว เดี๋ยวสิ... โธ่เว้ย"

เมฆเจ็บใจ
 
อ่านต่อหน้า 3

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 14 (ต่อ)

หาญไปอาบน้ำกลับมาจากห้องน้ำ ยังไม่ใส่เสื้อท่อนบน เจอดาวอยู่ในห้อง หาญตกใจ ดาวเตรียมเสื้อผ้าชุดนอน ผ้าขาวม้าสำหรับเช็ดตัว วางพาดดูแม่บ้านแม่เรือนมาก

"เจ้าเข้ามาในห้องเราได้อย่างไร"
ดาวทำเขิน มารยาไร้เดียงสา
"ท่านเจ้าสัวให้บ่าวปรนนิบัติคุณหาญ คุณหาญจะเมตตาบ่าวเยี่ยงไรก็สุดแท้แต่เจ้าค่ะ"
ดาวหมอบอยู่ตรงข้างเตียง
หาญอึดอัดใจ ไปดึงตัวดาวขึ้นมา ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง

เมฆแอบมองอยู่หลังพุ่มไม้ เห็นที่หน้าต่างห้อง เห็นแค่กำลังประคองกัน เมฆเจ็บใจมาก แท้ที่จริง หาญดึงมือ ของดาวที่หมอบกับพื้นขึ้นมา
"นังดาว"
เมฆผลุนผลันออกไป

หาญปฏิเสธดาวแบบสุภาพ นิ่มนวล
"แม่ดาว เราขอบใจที่แม่ดาวมีดวงที่ดีช่วยหนุนนำเรา แต่อย่างไรเสีย เรื่องการเสริมบารมีกันนั้นอาจจะเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกันแค่นั้นก็เป็นได้"
ดาวแอบไม่พอใจเล็กๆ แต่แสร้งทำเป็นแสนดี
"ถึงอย่างไรเสีย บ่าวก็อยากทำให้คุณหาญมีวาสนารุ่งเรืองมากยิ่งขึ้นไปเจ้าค่ะ"
"เราขอบใจในความมีน้ำใจของเจ้านะแม่ดาว แต่เพลานี้เห็นทีจะไม่เหมาะกระมัง "
ดาวทำสายตาอ้อนวอน
"เจ้ากลับไปเถอะ"
หาญพาดาวไปที่ประตู ให้ดาวออกไปจากห้องอย่างสุภาพ

ดาวเดินหงุดหงิดจะกลับเรือน
"โธ่เว้ย...ทำไมถึงได้เล่นตัวนักนะ"
ดาวหันมองทางเรือนใหญ่สีหน้ามุ่งมั่น
" คอยดูนะคุณหาญ อีดาวคนนี้จะทำให้คุณหาญตกหลุมพลางให้ได้"
ดาวมุ่งมั่นหันกลับมาเดินกลับเรือนคนใช้
ทันใดนั้น เมฆโผล่มา ปิดปากดาว
"อื้อ..อือ...อือ" ดาวพยายามตะโกน
เมฆลากc]tดันดาวไปติดต้นไม้ใหญ่ด้วยความโมโห
"ถ้าเอ็งยอมคุณหาญได้ เอ็งก็ต้องเป็นของข้าได้เหมือนกัน"
ดาวปัดป้องทั้งปัดป้อง ทั้งถีบ เมฆหน้ามืดใช้กำลังต่อยท้องน้อยจนดาวทรุดลงกองกับพื้นประคองตัวไม่ได้แล้วเดินเข้ามาใกล้
"ชอบให้ใช้กำลังก็ไม่บอก"
เมฆกระหยิ่มด้วยความกลัดมัน ดาวกระถดตัวถอยด้วยความลำบาก

บุหงานั่งหวีผมอยู่ เจียมนั่งพับผ้าอยู่ไม่ไกล สายฝนเดินเข้ามานั่งที่เตียงถามด้วยความแคลงใจ
"แบบนี้อีกหน่อยพวกไอ้หาญได้ดีเป็นขุนน้ำขุนนางขึ้นมาแล้วเราสองคนล่ะคะคุณแม่"
บุหงายังคงไม่สนใจ สายฝนพูดต่อ
"ต่อไปพวกอีแก้วก็คงจะได้หน้าจากความเจริญของลูกชาย พวกเราคงต้องกลายเป็นหมาหัว เน่าแน่ๆเลยค่ะคุณแม่"
บุหงาอารมณ์เสีย กระแทกหวีวางที่โต๊ะเครื่องแป้ง เดินเข้ามาใกล้ลูกสาว เอานิ้วจิ้มที่หัว
"หัวแกนี่มันขี่เลื่อยจริงๆ"
"อ้าวแม่ก็เห็นมิใช่รึว่าไอ้หาญมันได้รับราชการจริงๆน่ะ"
บุหงาตวาดแว๊ดขึ้นมา
"อีลูกลูกโง่ ในเมื่อดวงมันเป็นนังเดือน ต่อให้เปลี่ยนมันก็ไม่ได้ดี แล้วสันดาน เลวอย่างนังดาวน่ะหรือจะส่งเสริมไอ้หาญได้ ไม่มีทาง"
สายฝนเยาะกลับ ก่อนเดินเชิดออกไป
"แต่ยังไงตอนนี้นังคุณแก้วคงได้ขึ้นหิ้งแล้ว ท่านพ่อคงเอาอกเอาใจ มิน่า คืนนี้คุณพ่อถึงไม่ได้มาหาคุณแม่ ปล่อยให้หงุดหงิดมาลงกับลูก"
บุหงาโมโห อารมณ์พุ่งขึ้นทันที เจียมคิดตามแล้วโพล่งออกมา
"คุณของบ่าวจะกลายเป็นหมาหัวเน่าจริงๆรึนี่"
เจียมปากเน่าพูดสะกิดต่อมปรี๊ดซ้ำอีก บุหงาตาขวาง ตบเจียมคว่ำก่อนออกจากเรือน

บุหงามาที่เรือนใหญ่มองหาเจ้าสัวแสน เห็นแต่พวงแก้วร้อยมาลัยเตรียมไหว้พระอยู่กับเอื้อย
พวงแก้วเหลือบมองเห็นทำทีไม่ใส่ใจ บุหงาเดินเข้ามาหา
"เจ้าสัวอยู่รึไม่"
"อะไรกัน เจ้าสัวมิได้อยู่กับเจ้าดอกรึ"
"ถ้าอยู่อิฉันจะถ่อมาถามคุณพี่ทำไมกัน"
"ท่านเจ้าสัวคงไปหาที่สำราญที่อื่นกระมัง"
บุหงาหันขวับ
"เจ้าสัวไปที่ใด"
" เมื่อแม่บุหงายังไม่รู้ว่าท่านเจ้าสัวไปสำราญที่ใด ข้าเห็นจะช่วยอะไรไม่ได้ แร่มาตามถึงที่ ถ้าไม่ได้มีเรื่องร้อน แสดงว่าหล่อนก็คงจะร้อน แต่เสียใจนะ ดับร้อนเองเถิด เจ้าสัวไม่อยู่"
บุหงาปรี๊ด
"ถ้าอิฉันร้อนคุณพี่ก็คงร้อนเช่นกัน ถึงได้มานั่งร้อยมาลัยดับทุกข์อยู่เยี่ยงนี้"
แก้วปรี๊ดเพราะถูกจี้จุดเหมือนกัน
"เมื่อถึงคราวตกต่ำจิตใจคนก็จะจ่อมจมอยู่กับเรื่องต่ำๆ แม่บุหงาคงไม่เป็นเยี่ยงนั้นกระมัง"
บุหงาเจ็บใจ ยิ้มสู้
"แลคุณพี่จะเข้าใจหัวอกคนตกต่ำได้ดีกว่าอิฉันนะคะถึงได้รู้ว่าคิดอะไร"
แก้วหน้าชาแสร้งทำเมินไม่ใส่ใจ
"นี่ถ้าหล่อนไม่มีธุระอะไรแล้วก็เชิญกลับเรือนเถ่อะ เจ้าสัวไม่ได้มาหาความสำราญอยู่ที่นี่ ถ้าหล่อนจะตามหาก็คงต้องไปหาในที่ที่ให้ความสำราญน่ะถึงจะเจอ"
บุหงาคิดๆ
"ที่ให้ความสำราญ ... หอจันทร์ฉาย"

บุหงาคิดได้หน้าเครียดขึ้นมาทันที รีบผลีผลามออกไป แก้วมองตามอย่างหมั่นไส้

คืนนี้ฟ้าหยาดประคบลูกประคบให้เว่ยชิงที่หน้าช้ำเพราะโดนบุหงายำเมื่อวันก่อน แล้วสั่งนางโลมในร้าน

"พวกเจ้าช่วยกันปิดโรงน้ำชาที วันนี้ไม่มีอารมณ์ให้บริการใครทั้งนั้น"
เว่ยชิงลุกพรวดขึ้นมา
"ไอ๊หยา... ลื้อจะปิดไม่ได้นะ"
ฟ้าหยาดประคองเว่ยชิงให้ลงนั่ง
"ใจเย็นๆสิอาเว่ย ปิดสักคืนคงไม่เจ๊งหรอกน่า อีกอย่างจะให้ฉันมานั่งบริการใครในขณะที่อาเว่ยหยอดน้ำข้าวต้มอยู่แบบนี้ฉันให้บริการใครไม่ลงหรอก"
เว่ยชิงซึ้งใจที่ฟ้าหยาดเป็นห่วง แล้วจับแก้มที่โดนตบด้วยความแค้นใจ
"อีบุหงานะ อีบุหงา"
"อีนั่นมันน่าตบนัก"
เว่ยชิงปราม
"อาฟ้าลื้อจะเรียกแม่นั่นว่าอีไม่ได้นะ"
"ทำไมจะเรียกไม่ได้ก็มันมาหาเรื่องเราก่อนนะอาเว่ย"
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราก็อยู่ส่วนเราไม่ยุ่งไม่เกี่ยวกันอีกแล้ว" เว่ยชิงพูดพลางลูบที่แก้มที่เจ็บ "อูย..ไม่เอาอีกแล้ว"
"อาเว่ยสอนให้ฉันสู้คนแล้วทำไมกับอีนังนั่นถึงจะให้ฉันยอมล่ะ"
เว่ยชิงตีปรามฟ้าหยาด
"เอ๊ะ...อั๊วบอกว่าไม่ให้เรียกอี ลื้อไม่เข้าใจรึไง"
"โอย ฉันเจ็บนะอาเว่ยมาห้ามอะไรไม่เข้าท่าเลย เราอยู่ของเราดีๆมันมาบุกเราถึงที่แบบนี้ยังจะให้พูดดีกับมันอีก"
เว่ยชิงคิดๆสีหน้าเครียดจริงจัง
"อาฟ้าหยาด อั๊วว่าเราย้ายไปอยู่ที่อื่นกันดีไหม"
"ถ้าจะย้ายก็ต้องย้ายไปยังที่ที่ฉันอยากอยู่"
"ย้ายไปที่ไหนก็ได้ที่ลื้ออยากไปอยู่น่ะ"
ฟ้าหยาดยิ้มมุ่งมั่น
"ใต้หล้าเท่านั้นที่ข้าอยากจะย้ายไปอยู่"
เว่ยชิงกุมขมับ
"เออ ไม่ต้องพูดแล้วอั๊วไม่อยากจะฟัง ลื้อจะไปไหนก็ไปไป๋"
"ฉันพูดจริงๆ ฉันก็จะทำให้ได้ด้วยคอยดูสิ"
ฟ้าหยาดเก็บอุปกรณ์พวกแก้วยาเดินออกไปสีหน้ามุ่งมั่นน่าหวั่นใจ เว่ยชิงเริ่มคิดย้ายไปที่อื่นเพื่อหนีปัญหา
"ท่าทางเราจะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว"

คนลากรถมาจอดที่หน้าโรงน้ำชา แต่โรงน้ำชาปิดเงียบ
อ่ำหัวเราะเสียงดัง
"ท่านเจ้าสัวขอรับคืนนี้ท่าจะเก้อแล้วล่ะขอรับ"
เจ้าสัวเซ็งจัด
"โธ่เว้ย มาปิดอะไรกันวันนี้วะ
"นั่นสิขอรับ ร้อยวันพันปีไม่ปิด จ้องจะมาปิดตอนที่ท่านมานี่แหล่ะ"
แสนเงื้อตีน
"ไอ้อ่ำ"
อ่ำหลบ แสนเซ็ง
"ไปกลับใต้หล้า"
เจ้าสัวมองโรงน้ำชาที่ปิดบริการ ไฟดับเงียบ ไปอย่างเสียดาย

วันใหม่ ภายในกระท่อมเมฆ ดาวลืมตาตื่น มีเมฆนอนกอดก่ายอยู่ ดาวแค้นใจน้ำตาไหล
"ไอ้เมฆ"
เมฆข่มเหงดาวเป็นเมีย ดาวเห็นมีดเหน็บอยู่หัวนอน ขยับตัวเอื้อมมือหยิบมีดขึ้นมา
"ไอ้คนชั่วอย่าอยู่เลยมึง"
เมฆขยับตัว ดาวยั้งมือไว้ แล้วคิดจะหลอกใช้เมฆให้ถึงที่สุด
"คนชั่วอย่างมึงต้องได้เจอกับเรื่องชั่วก่อนถึงจะสาสมสินะ"
เมฆลืมตามาพอดี ดาวลดมีดลงจะลุกออกไป เมฆคว้ามือไว้ทันที
" จะรีบไปไหนล่ะเมียจ๋า ข้ายังไม่อิ่ม ยิ่งเช้าๆอย่างนี้ข้ายิ่งหิว"
เมฆดึงรั้งดาวให้กลับมาเหมือนเดิม ดาวปฏิเสธไม่ได้ ปล่อยมีดล่วงลงข้างเตียง

เช้าวันนั้น บุษบาบรรณก้าวลงจากรถลากหันมาเรียกบ่าวที่ติดตาม
"ตะวันช่วยเราถือของตามขึ้นเรือนที"
ตะวันก้าวเข้ามาใกล้บุษบาบรรณแบบเกร็งๆกับสถานที่
"เอ่อ..ขอรับ"
ตะวันแอบกระซิบถามด้วยความประหม่า
"บ่าวไม่ขึ้นไปไม่ได้รึขอรับ"
บุษบาบรรณยิ้มๆบอก
"ไม่ได้ อย่าลืมสิเจ้าเป็นนายตะวันคนของเรา ไม่ใช่คนที่นี่สักหน่อยจะกลัวอะไร"
ตะวันจำต้องเดินถือกระเช้าตามท่านหญิงไป

บนเรือนใหญ่ พวงแก้วลงนั่งที่ตั่ง เอื้อยตามออกมานั่งคอยรับใช้ บุษบาบรรณไหว้พวงแก้วอย่างนอบน้อม พวงแก้วรับไหว้ยิ้มต้อนรับ
"สวัสดีค่ะ คุณน้าแก้ว"
"ไหว้พระเถ่อะจ้ะ ไปไงมาไงถึงแวะมาที่นี่ได้ล่ะจ๊ะหนูบุษ"
"คุณแม่ฝากขนมจ่ามงกุฏมาให้คุณน้าแก้วน่ะค่ะ "
บุษบาบรรณหันไปทางตะวันที่ถือตระกร้าขนมอยู่
"นายตะวันส่งตระกร้ามาสิจ๊ะ"
ตะวันเกร็งๆไม่กล้าเงยหน้าสบตาใคร
"ขอรับ"
เอื้อยสะดุดตา ตะวันยื่นตระกร้าส่งให้บุษบาบรรณมือสั่นๆ พวงแก้วมอง
"คนงานใหม่รึ ป้าไม่ยักเคยเห็นหน้า"
"อ๋อ..เจ้าค่ะ"
หาญแต่งตัว เตรียมไปทำงาน ออกมา พวงแก้วหันไปทักลูกชาย
งานราชการของหาญนั้น อยู่กรมเวียง มีหน้าที่จัดการเกี่ยวกับความปลอดภัยในพระนคร
"จะออกไปทำงานแล้วรึ พ่อหาญ"
"ขอรับคุณแม่"
ตะวันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหาญ แอบปลาบปลื้มที่หาญได้รับราชการ หาญเดินเข้ามาหา บุษบาบรรณเห็นหาญแต่งตัวภูมิฐานก็แอบเขิน
"สวัสดีครับคุณบุษ"
"สวัสดีค่ะ"
พวงแก้วบอก
"หนูบุษเอาขนมจ่ามงกุฏมาให้ชิมแน่ะ พ่อหาญ"
แก้วเห็นหนุ่มสาวแอบยิ้มมองกัน ตะวันรู้สึกเป็นส่วนเกิน เลยค่อยๆถอยออก หาญหันไปทัก
"เจ้าจะไปไหนรึ"
"กระผมขอตัวลงไปรอด้านล่างนะขอรับนายหญิง"
บุษบาบรรณรู้ว่าตะวันคงอึดอัดอยากจะเจอแม่ชื่นจึงทำทีเป็นบอกกับตะวัน
"จริงสิเจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่หน่า เดี๋ยวเสร็จธุระแล้วเราจะรีบพากลับนะ"
"เอางี้หนูบุษ ปะเดี๋ยวให้นังเอื้อยพาคนของหนูไปหาอะไรที่โรงครัวกินน่าจะดีกว่า" พวงแก้วว่า
บุษบาบรรณยกมือไหว้
"ขอบพระคุณคุณแก้วมากค่ะ ... รบกวนแม่เอื้อยเป็นธุระให้ทีนะจ๊ะ"
เอื้อยยิ้มรับ
"มิเป็นไรเจ้าค่ะ ไปตามข้ามาสิ"

เอื้อยพาตะวันออกไป หาญมองตาม ตะวันแอบเหลียวหลังมอง ส่วนทางพวงแก้วและบุษบาบรรณก็เสวนากันต่อ
 
อ่านต่อหน้า 4

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 14 (ต่อ)

เอื้อยพาตะวันมาที่เรือนครัว ตะวันกลัวว่าใครจะจำได้ ตะวันอยากเข้าไปกอดแม่ แต่ทำไม่ได้ ได้แต่แอบปาดน้ำตา เอื้อยหันมาชวน

"เดินเข้ามาสิ เดี๋ยวก็เป็นลมไปหรอก"
อ่ำ ชื่น มั่นที่คุยกันอยู่หันไปมองงงๆ
"น้าเอื้อยพาใครมาด้วยแน่ะ" มั่นถาม
"คนงานของคุณหนูบุษบาบรรณน่ะ ชื่อตะวัน"
ตะวันยกมือไหว้ทุกคน ตั้งแต่อ่ำ มั่น สุดท้ายที่ชื่น ตะวันยิ้มดีใจที่ได้เจอแม่อีกครั้ง
ทุกคนมองที่ตะวันที่ยืนยิ้มอยู่หน้าชื่นนานสองนาน อ่ำเข้าไปเดินวนรอบๆตัว เพ่งมอง
" เจ้ามันหน้าตาเหมือนใคร ดวงตาของเจ้ามันช่างเหมือนแม่เดือนจริงๆผับผ่าสิ"
ชื่นเสียงแข็งขึ้น
"อย่าเอ่ยชื่อมัน นังลูกไม่รักดี"
อ่ำตีปากตัวเอง
"อุ่ย...งามไส้ล่ะทีนี้ นี่แน่ะไอ้ปากสวะพูดไม่คิด ฉันขอโทษนะแม่ชื่นที่เผลอเอ่ยถึงนังเดือนมันน่ะ"
อ่ำเผลอพูดชื่อเดือนรีบเอามือปิดปากตัวเองทันที
"ยังจะพูดถึงมันอีก ดูสิมันทิ้งข้าไปได้ลงคอ ใจมันไม่คิดจะกลับมาหาแม่หาเชื้อบ้างรึไงกัน ใจมันดำยิ่งกว่าอีกาซะอีก"
ตะวันก้มหน้าก้มตาถอยออกมาจากชื่น
มั่นแย้ง
"เดือนไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกน้าชื่น เดือนเป็นคนอดทน ฉันเชื่อว่าเดือนต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนี้"
"อืม...ใช่" อ่ำบอก
ตะวันซึ้งใจที่ทุกคนที่เรือนครัวคิดถึงตนและยังมองตนในแง่ดี
ชื่นบอก
"เอ็งก็เข้าข้างมันวันยันค่ำนั่นล่ะไอ้มั่น"
"พอก่อนอย่าเพิ่งเถียงกัน ตอนนี้แม่ชื่นช่วยหาข้าวหาปลามาให้พ่อตะวันกินก่อนเถอะ ดูสิ ยืนหน้าซีดไปหมดแล้ว"
อ่ำบอก
"จริงด้วย"
ชื่นเข้ามาใกล้ เพ่งมอง เห็นตะวันหน้าคล้ายกับเดือน
"รอประเดี๋ยวนะพ่อ เดี๋ยวข้าจะจัดสำรับให้"
ชื่นยิ้มให้ก่อนจะเดินไปจัดสำรับ ตะวันมองตามยิ้มดีใจ
แม่ชื่นยกสำรับอาหารมาส่งให้ ตะวันรับมาอยากจับมือชื่น เดือนใจแทบขาดแต่ทำไม่ได้เพราะตัวอยู่ในคราบของตะวัน ตะวันมองอาหารในสำรับรู้ว่าเป็นฝีมือของแม่ยิ้มดีใจลืมตัว มั่นเผลอเห็นสีหน้าตะวันที่มองชื่น พอตะวันรู้ตัวว่ามั่นมอง ก็ปรับสีหน้าปกติแถมทำแมนเสียงเข้มกวนส้นพี่มั่นทันที
"หลีกทางนิดขอรับพี่ชาย กำลังโมโหหิวอย่าขวางทางนะขอรับ"
"บ๊ะ ไอ้หมอนี่"

ดาวจัดผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง เดินออกมาจากบ้านจะกลับเรือนครัว เมฆรีบตามมาหน้าบ้าน รวบเอวล้วงควักโอบกอด
"เมียจ๋าอยู่กับผัวก่อนไม่ได้เชียวรึ จะรีบไปไหนล่ะจ๊ะ"
"หยุดอ้างความเป็นผัวกับฉันได้แล้ว ที่ผ่านมาฉันจะถือซะว่าให้ทานแล้วก็เลิกยุ่งกับฉันเสียที"
บุหงาเดินมาโผล่มาเห็นพอดีเลยแอบมอง
"ข้าเป็นผัวเอ็งแล้วทำไมจะยุ่งกับเอ็งไม่ได้ ข้าจะโพทนาให้ทั่วเลยว่าเอ็งเป็นเมียข้า"
"ก็เอาซี้ งั้นฉันก็จะโพทนาเหมือนกันว่าพี่น่ะปล้ำนังเดือนแล้วก็ปล้ำฉันด้วย ก็ลองดูสิว่า เจ้าสัวจะทำเยี่ยงไรกับพี่ ถ้าไม่อยากโดนผืนดินกลบหน้าก็เหยียบเรื่องนี้ให้มิด อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด"
บุหงาแอบยิ้มชอบใจ
"เอ็งไม่ได้ขู่ข้าใช่ไหม"
"จะลองดูก็ได้นะ"
ดาวรีบเดินออกไปจากเรือนของเมฆ เมฆยืนมองเสียดายของ
บุหงาโผล่มา
"ท่าทางเอ็งจะเสียดายของมิใช่เล่น"
เมฆตกใจ
"คุณบุหงา"
"ไม่ต้องตกใจหรอก ข้าไม่นำเรื่องที่ได้ยินไปบอกเจ้าสัวหรอก หากแต่เจ้าจะต้องทำงานให้กับข้า"
"คุณบุหงามีอะไรให้กระผมรับใช้หรือขอรับ"
บุหงายิ้มร้าย

ตะวันกินข้าวอยู่เรือนครัวอย่างมีความสุข
"อร่อยไหมล่ะ" ชื่นถาม
ตะวันลืมตัว "อร่อยจ้ะ"
ตะวันรู้สึกตัวรีบหันเหความสนใจแกล้งไอสำลักข้าวทำท่าติดคอ แค่กๆๆ อ่ำรีบส่งน้ำให้ ตะวันรับมาดื่ม ชื่น อ่ำ เอื้อย มั่น ตกใจ
"เอาๆ ดื่มน้ำก่อน"
มั่นส่ายหัว
"ก็ยัดเข้าไปขนาดนั้น ไม่รู้ไปตายอดตายอยากมาจากไหน" มั่นบอก
ตะวันหันขวับไปที่มั่นน้อยใจที่โดนมั่นว่า
"รสมือดีเยี่ยงนี้คงหาที่อื่นมิได้นอกจากที่นี่ที่เดียว"
ชื่นเอ็นดูตะวัน มั่นหมั่นไส้
"เออแน่ะ เอ็งนี่ช่างประจบเสียจริง"
ชื่นยิ้มแย้มแจ่มใส จนเอื้อย อ่ำ มั่นแปลกใจ
เอื้อยเมาท์กับอ่ำมั่น
"ดูสิ อีชื่นยิ้มได้แล้วโว้ย ดูท่าจะถูกคอกันเสียแล้วว่ะ"
"จะว่าไปฉันก็รู้สึกคุ้นเคยกับมันเหมือนกันแห๊ะ" อ่ำบอก
มั่นมองแอบหมั่นไส้นิดๆ
ดาวเดินเข้ามาในครัว แต่ ไม่มีใครสนใจเพราะทุกคนเอาใจตะวันอยู่ แม้ดาวจะ "อะแฮ่มๆ" เสียงดัง เพื่อให้ทุกคนหันมอง จนมีทาสคนอื่นทัก
"อ้าวนังดาวลงมาจากเรือนคุณหาญแล้วเหรอวะ"
"อืม... ฉันเพิ่งออกจากห้องคุณหาญมาตะกี้นี้เอง"
เอื้อย มั่น ชื่น อ่ำ หันมองดาว
"แกขึ้นไปรับใช้คุณอยู่ทั้งคืนเลยเหรอวะ" ทาสถามต่อ
"ก็ใช่น่ะสิ"
ดาวหันไปหาชื่น
"ป้ามีอะไรกินบ้างล่ะ เพลี๊ยเพลีย"
"ไม่มีโว้ยเทให้หมากินหมดแล้ว ตะวันโด่งแบบนี้เพิ่งจะมากิน" เอื้อยบอก
ดาวยิ้มเยาะคุยโว
"ฉันก็อยากจะลงมาแต่เช้าแต่คุณหาญไม่ยอมให้ออกมาน่ะสิ"
ทุกคนหันมองหน้ากันอึ้งๆ
"โกหกข้าไม่เชื่อเอ็งหรอก" เอื้อยบอก
"เมื่อคืนแทบจะไม่ได้หลับได้นอนเลยน่ะสิ"
ทุกคนตกใจไม่อยากจะเชื่อ ดาวรีบปั้นเรื่องต่อ
"ข้ารู้แล้วว่าสวรรค์เป็นยังไง คุณหาญพาข้าไปสัมผัสดาว อู้อ้า..."
เคร้ง ! ตะวันมืออ่อน ทำจานข้าวตกจากมือ
ดาวมองหน้าตะวัน
"มองหาอะไรวะ แกไม่ใช่คนใต้หล้านี่ แกเป็นใคร"
"พ่อตะวันคนของคุณหนูบุษบาบรรณโว๊ย ป่านนี้คงจะคุยกระหนุงกระหนิงอยู่กับคุณหาญบนเรือนแล้ว" ดาวปรี๊ด
"งั้นแกก็คงยังไม่รู้จักฉัน ฉันฝากไปบอกนายแกด้วยเลยนะว่าฉันชื่อ ดาวเป็นคู่บุญของคุณหาญ คนที่ซินแสเทียนทำนายไว้ว่าจะต้องได้ครองคู่กัน"
ตะวันอึ้ง
"แกควรจะยกมือไหว้ฉันเสียแต่บัดนี้นะ เพราะฉันนี่แหล่ะคือ เมียของคุณหาญ
ตะวันใจสั่นอย่างแรงพะอืดพะอมวิ่งพรวดออกไปอ้วกทันที ดาวหลบวี๊ดว๊าย
"อ๊าย...ไอ้บ้า" ทุกคนมองตาม ดาวอารมณ์เสีย
"อี๊...โสโครกที่สุด ป้าชื่นเตรียมข้าวปลาให้ฉันทีนะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำอาบท่าก่อน"
ดาวเลี่ยงไปอาบน้ำ เอื้อยหมั่นไส้ด่าไล่หลัง
"ดูมันไม่ช่วยหยิบจับอะไรสักอย่าง ยังไม่ทันไร ขี้ครอกก็ขึ้นวอซะแล้ว"
ตะวันกำลังอ้วกอยู่น้ำตาไหลลงอาบแก้มด้วยความเสียใจ ท่านหญิงบุษบาบรรณกางร่มเดินมาเห็น
"ตะวัน เจ้าเป็นอะไรรึ"
"ไม่เป็นเจ้าคะ คงจะกินข้าวมากไปเลยสำรอกออกมา"
"อืม..เรากำลังจะกลับก็เลยมาตามเจ้าที่นี่ ได้เจอแม่เจ้าแล้วใช่ไหม"
"เจ้าค่ะ ได้เจอทุกๆคนแล้วเจ้าค่ะ"
"งั้นก็ดีแล้วล่ะจ้ะ ไปเรากลับกันเถ่อะนะ"

"เจ้าค่ะ" ตะวันเดินตามออกไปด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

ท่ามกลางบรรยากาศของผู้คนเดินจับจ่ายอยู่บนถนนสำเพ็ง ห่างจากร้านแสนไม่ไกล บุหงาเดินเข้ามาหยุด

"แกเข้าไปที่ร้าน แล้วก็คอยจับตาดูเจ้าสัวให้ดี อย่าให้ออกจากร้านไปไหน" บุหงาบอก
"คุณแม่จะทำอะไรเจ้าค่ะ"
บุหงาอารมณ์เสีย
"ฉันบอกให้ทำอะไรก็ทำแค่นั้นเข้าใจไหมไม่ต้องรู้มาก เดี๋ยวเจ๊งกันพอดี"
"โหย...ลูกไม่ถามก็ได้เจ้าค่ะ"
"ไปได้แล้ว"
บุหงาดันสายฝนให้ออกไปยังร้าน เจียมกับเมฆเดินเข้ามาสมทบกับบุหงาแล้วพากันออกไปจากมุมนั้น
ภายในร้านแสน เจ้าสัวกำลังซดน้ำชาอยู่เหลือบเห็นสายฝนเดินเข้ามาก็แปลกใจ
"มาที่นี่ทำไมสายฝน"
"เอ่อคือ โดนสั่งให้มา..เอ้ย ไม่ใช่เจ้าค่ะ พอดีผ่านมาน่ะเจ้าค่ะ คุณพ่อ"
กล้าทำงานอย่างเหม่อๆ ของตก "เพล้ง" !
แสนและสายฝนหันมา
"อุ๊ย พี่กล้าเป็นไรรึเปล่าเจ้าค่ะ มือไม้อ่อนเชียว"
กล้ารีบเรียกสติกลับคืน
"อ๋อ ไม่เป็นไร"
"ระวังๆหน่อยนะ สินค้าเที่ยวนี้ราคาโขอยู่นะพ่อกล้า"
"ขอรับคุณพ่อ"
สายฝนมองหาหยกแต่ไม่เห็น จึงหันมาถามกล้า
"แล้วพี่หยกล่ะพี่กล้า พี่หยกของสายฝนไปไหน หมู่นี้ไม่มาให้สายฝนเห็นหน้าเลย"
กล้าอึกอัก เศร้าลง สายฝนยิ่งซัก
"สายฝนถาม ไม่ได้ยินรึพี่กล้า"
กล้าหงุดหงิดจะเดินหนี อ่ำวิ่งเข้ามาหากล้า ส่งสมุดบัญชีให้
"คนงานปากน้ำโพเอาของมาส่ง มีบัญชีสินค้ามาด้วยขอรับคุณกล้า"
กล้าไม่สนใจตรวจเช็คของต่อ
สายฝนเข้ามาดูๆ เห็นซอง จ่าหน้าว่า “กล้า” ก็กระชากมาจากอ่ำ แต่สายฝนอ่านภาษาไทยไม่แตก
"กอ...ลอ....นี่มันชื่อหรือเปล่า"
กล้าสะดุด ละมือจากสิ่งที่ทำอยู่ ดึงซองจากมือของสายฝนมาดู
"ลายมือนี้"
สายฝนเสนอหน้าเข้ามาถามกล้าด้วยความอยากรู้
"ใครเหรอพี่กล้า ลายมือใคร"
กล้ายิ้มเย้ย หัวใจเต้นตูมๆ แล้วเลี่ยงหนีไป
"พี่กล้า พี่กล้า โธ่เอ้ย..ไม่เห็นจะอยากรู้เลย"
สายฝนมองกล้าเดินออกไปอย่างไม่พอใจ

มุมหนึ่ง กล้ามาเปิดซองอ่านจดหมายออกอ่าน
"น้องกล้าที่คิดถึงยิ่ง
ตอนนี้พี่อยู่ที่ปากน้ำโพ อาศัยอยู่กับคนรู้จักของซินแสเทียน อยู่ดีกินดี ไม่ลำบาก แต่คิดถึงน้องกล้าใจจะขาด อยากกอดไว้แนบอก พี่นั่งมองคุ้งน้ำ ยามอาทิตย์อัศดง..."
ภาพจินตนาการ หยกนั่งอยู่ที่ศาลาท่าน้ำช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกเป็นแสงสีส้ม หยกหน้าเศร้า
"มันเหงาวังเวงจนจับขั้วหัวใจ คงจะดีไม่น้อยหากน้องกล้าได้มานั่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้กับพี่"
หยกเงยหน้ามองเห็นเป็นกล้ามา หยกยิ้มเอื้อมมือออกไป
" แม้จะเป็นเพียงความคิดแต่พี่เองก็สุขหัวใจทุกครั้งเมื่อนึกถึงภาพที่น้องกล้าเดินเข้ามาหา"
หยกพากล้าลงมานั่งอยู่ข้างๆกัน ยิ้มให้กันอย่างอบอุ่น ทั้งสองคนสอดประสานมือราวกับเกรงว่าจะพรากจากกัน
"เราสองคนนั่งดูพระอาทิตยต์ตกดินร่วมกัน พี่หยกคิดถึงน้องกล้า ราวกับว่าหัวใจจะขาดรอนๆหากไม่ได้เห็นหน้า "
หยกกอดกล้า เชยคางขึ้นมาสบตากัน
"ขอให้ความคิดถึงของพี่หยกลอยไปตามลมเจ้าพระยา พัดสู่น้องกล้า ราวกับว่าพี่หยกกำลังกอดน้องกล้าแนบใจ"
หยกค่อยๆกอดกล้าแนบแน่น

กล้ากอดตัวเอง พลางอ่านจดหมาย ราวกับว่ากอดนั้นคือหยกกอด สายฝนเข้ามาชะงักอึ้งๆ
" พี่กล้าทำอะไรหน่ะ"
กล้ามีกำลังใจมากขึ้น ยิ้มและพูดเหน็บสายฝน
"มันเรื่องของพี่ ทำไมน้องสายฝนชอบยุ่งเรื่องคนอื่นนัก"
สายฝนอึ้งๆไป
"ว่าแต่ที่น้องสายฝนถ่อมาถึงที่นี่จะมาเฝ้าผู้ชายรึอย่างไร"
"แหม รู้ทันนะ ใช่ ทำไมเหรอ"
สายฝนจะเดินเข้าไปหา กล้ารีบห้าม
"โถ อย่าเข้ามาเลยเพราะตรงนี้หนอนร่านมันเยอะเดี๋ยวจะคันซะเปล่าๆ เอ๊ะ...แต่อย่างเธอคงจะไม่เป็นไรมั้ง เพราะเธอคงคุ้นเคยกับตัวร่านดี"
กล้าเดินผ่านหน้าสายฝนที่กำลังอึ้งๆกับคำด่าไป เมื่อคิดได้ก็กรี๊ดอยู่คนเดียว
" อ๊ายย...ไอ้กล้าแกว่าฉันร่านเหรอ...อ๊าย"

เสียงกรี๊ดของนางโลมในโรงน้ำชาดังเข้ามา
"อ๊าย ช่วยด้วยๆๆ"
นางโลมกระเด็นไปคนละทิศละทาง เมื่อกลุ่มนักเลงบุกเข้ามาล้มโต๊ะจับตัวนางโลมเหวี่ยงออกไป
"ใครไม่เกี่ยวไสหัวไป"
"อย่านะ อย่าทำฉัน ฉันกลัวแล้ว"
"ไปออกไป"
เหล่านางโลมหนีไปจนเหลือแต่ฟ้าหยาดกับเว่ยชิงที่ยืนหยัดต่อสู้
"ไอ้พวกหมาหมู่ แน่จิงมึงสู้กับกูตัวต่อตัวสิวะ"
"มึงท้ากูงั้นรึ"
เว่ยชิงถุยน้ำลายใส่
"ก็เออสิว่า"
นักเลงตรงเข้าไปจะตบ
"ฤทธิ์เยอะนักนะมึงอีแก่"
ฟ้าหยาดเข้ามายืนกันเว่ยชิงข้างหน้าไม่ให้ใครทำร้ายเว่ยชิง นักเลงชะงักเพราะเห็นว่าฟ้าหยาดสวย
"อย่าทำอะไรอาเว่ยนะ"
"ลื้อหลบไปดีกว่าคนสวย"
"ไม่"
เว่ยชิงมองฟ้าหยาดที่เด็ดเดี่ยวอย่างซึ้งใจ
ฝั่งพวกมาถล่ม คือบุหงา เจียม เมฆและนักเลง ทุกคนเอาผ้าคลุมใบหน้า เดินเข้ามา เมฆผลักโต๊ะล้มลง
กลุ่มนักเลงแหวกทางให้ทุกคนเข้ามา เว่ยชิงไม่เห็นหน้าว่าเป็นใคร เลยด่ากราด
"กูไม่กลัวพวกมึงหรอกโว้ย อีพวกเมียๆหึงผัวมาเที่ยวนางโลม อั๊วจัดการมานักต่อนักแล้ว"
บุหงาพยักหน้าให้เมฆ
"มาพูดกันให้รู้เรื่องสิวะ พยักหน้าส่งเดช เหมือนหมาผงกหัว เพราะสันดานแบบนี้ไงเล่าผัวเค้าถึงได้ถีบหัวส่ง คงจะแก่จนหนังยานไปถึงไหนต่อไหนก็เลย"
เมฆตบเว่ยชิงเข้าฉาดใหญ่จนล้มลงกับพื้น ฟ้าหยาดโผเข้าประคอง
"โรงน้ำชามึงแย่งลูกค้ากู พวกมึงต้องไปจากที่นี่ไม่งั้นพวกมึงอยู่ไม่เป็นสุขแน่" แล้วสั่งนักเลง "เฮ้ย จัดการ"
นักเลงทำลายร้าน เว่ยชิงจะไปห้าม
"อย่าทำ อย่านะ"
เว่ยชิงโดนเหวี่ยงออกมา
ฟ้าหยาดเข้าไปทุบตีนักเลง
"ไอ้คนชั่ว ออกไปนะ ไป"
นักเลงเหวี่ยงฟ้าหยาดลงไปกองทับเว่ยชิง ทั้งคู่กอดกันอยู่มุมหนึ่ง มองพวกนักเลงทำลายโรงน้ำชาจนเละเทะ
บุหงากับเจียมยืนหัวเราะสะใจภายใต้แววตาที่โหดร้ายที่มีผ้าคลุม

บุหงาหันไปพยักหน้ากับเมฆ อีกครั้ง เมฆจุดไฟขีดไฟโยนลงกับพื้น เว่ยชิงและฟ้าหยาดต่างหวาดกลัว
 
อ่านต่อตอนที่ 15
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 17
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 17
ท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้นของใต้หล้า ผู้คนเรียงรายผ่านซุ้มประตูใหญ่เข้ามาภายในแต่งงานสุดอลังการ หาญและบุษบาบรรณยืนเคียงกันหน้าโต๊ะบูชาฟ้าดิน หาญยืนด้านขวาและบุษบาบรรณยืนด้านซ้าย ซินแสเทียนบอกกล่าวนำทั้งคู่ให้ทำตาม คำนับฟ้าดิน คำนับพ่อแม่ บ่าวสาว คำนับกันและกัน เจ้าสัวแสนยิ้มดีใจกับพวงแก้ว เช่นเดียวกับจันทร์กับเจ้าคุณ กล้ายิ้มดีใจกับน้องชาย ส่วนบุหงากับสายฝนที่อยู่ร่วมในพิธีด้วยความหงุดหงิดรำคาญ แต่ก็ต้องนั่ง แขกเหรื่ออื่นๆพลอยยิ้มดีใจกับงานมงคล ตะวันที่มองดูทั้งคู่ด้วยแววตาเศร้า หาญรินน้ำชาใส่ถ้วย 2 ถ้วยที่บุษบาถือรออยู่แล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันยกส่งให้เจ้าสัวและพวงแก้วดื่ม เมื่อดื่มหมดก็วางแก้วลง
กำลังโหลดความคิดเห็น