xs
xsm
sm
md
lg

ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู ตอนที่ 15 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู ตอนที่  15
เฮียหลอเข้ามาดูแลมิเชล ทั้งหมดยังคงอยู่ที่ลานจอดรถที่ถูกดัดแปลงให้เป็นลานประหาร

“ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เฮียหลอถาม
“ฉันไม่เป็นอะไร” มิเชลบอก
“พ่อนึกว่าจางซื่อมันจะฆ่าลูกซะแล้ว”
“ฉันเป็นศิษย์ทรยศ มันไม่มีทางปล่อยฉันไว้หรอก มันแค่ยังหาวิธีฆ่าฉันไม่ได้ มันต้องการให้ฉันตายอย่างทรมานและเป็นตัวอย่างแก่คนอื่น โชคดีที่พวกคุณช่วยฉันได้ก่อน”
เฮียหลอเงียบไปครู่หนึ่ง
“พ่อแค่อยากให้รู้ว่าพ่อดีใจจริงๆ ที่ลูกปลอดภัย”
มิเชลไม่พูดอะไร ลุกเดินออกไป เฮียหลอฝืนยิ้มกับตัวเอง
อีกด้านหนึ่งฮูหยินปลอบพายุอยู่
“พายุ ลื้อฟังอั๊วนะ คนเราไม่ว่าใครก็เดินผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น สำคัญที่เมื่อรู้ตัวว่าเดินทางผิดต้องรีบกลับหลัง ย้อนไปหาเส้นทางที่ถูก ลื้อเข้าใจไหม”
พายุร้องไห้โฮ
“อาจารย์แม่...อั๊วสำนึกผิดแล้ว อั๊วมันเลวที่สุด อั๊วขอบใจที่อาจารย์แม่ให้โอกาสอั๊ว แต่คนอย่างอั๊วไม่สมควรได้รับโอกาสอะไรทั้งสิ้น สิ่งที่อั๊วทำมันเลวบัดซบที่สุด อาจารย์แม่ ความผิดที่อั๊วทำร้ายอาจารย์แม่ อั๊วขอชดใช้ด้วยความตาย”
พายุทรุดตัวลงคุกเข่า เอาหัวโขกพื้นอย่างแรงดังปึ้งๆๆ ฮูหยินรีบห้าม
“พายุ อย่า อั๊วให้อภัยลื้อ ลื้ออย่าทำแบบนี้อีกเลย”
พายุเงยหน้าขึ้น หัวแตกเลือดไหลริน
“อาจารย์แม่”
“พายุ”
พายุโถมเข้ากอดฮูหยิน ร้องไห้ ฮูหยินกอดตอบ ลูบหลังปลอบโยนพายุอย่างอบอุ่น

กังฟูเดินกลับเข้ามา ติงลี่วิ่งเข้าไปถาม
“ไอ้เต๋าเป็นไงบ้าง”
“จางซื่อบอกเฮียเต๋าตายแล้ว ตายอย่างจอมยุทธ” กังฟูตอบ
ติงลี่อึ้งไป
“เสียใจด้วยนะครับ” กังฟูเอ่ย
ติงลี่พยักหน้าเศร้าๆ กังฟูเดินจากไป
“ไอ้เต๋า…”
ติงลี่เงยหน้ามองฟ้า ยิ้มเล็กน้อย
“ลาก่อน เพื่อนรัก”
กังฟูเดินเหม่อลอยเข้ามา เห็นพายุนั่งกอดกับฮูหยิน เขากำหมัด เดินเข้ามาหา
“พายุ ลื้อยังมีหน้าอยู่ตรงนี้อีกเหรอ” กังฟูเอ่ย
“ศิษย์น้อง อั๊วผิดไปแล้ว”
“อั๊วไม่ใช่ศิษย์น้องลื้อ”
“เอาน่า กังฟู อภัยได้ก็ควรให้อภัย” ฮูหยินเอ่ย
“อาจารย์แม่ ท่านเกือบถูกมันฆ่า ท่านยัง…” กังฟูพูดยังไม่จบ แต่ฮูหยินขัดขึ้นเสียก่อน
“อั๊วยังไม่ถึงที่ตาย ต่อให้มันพยายามยังไงก็ไม่สำเร็จหรอก”
“อาจารย์แม่วาสนาสูงส่ง มีเมตตาเปี่ยมบารมี อาจารย์แม่ของศิษย์ย่อมไม่เป็นอะไรง่ายๆ” พายุพูดประจบ
ฮูหยินหัวเราะชอบใจ
“ลื้อสองคนดีกันเถอะนะ พายุ ลื้อก็ควรฟังกังฟูไว้บ้าง จะได้ไม่ก้าวผิดทางอีก เข้าใจไหม” ฮูหยินเอ่ย
“เข้าใจครับ” พายุพูด
“อย่าลืมล่ะ จดจำคำพูดของกังฟูเอาไว้”
ฮูหยินพูดเน้นอีกครั้ง พายุยิ้มรับไปงั้นๆ ไม่ทันฉุกใจคิดอะไร
“ครับผม”
กังฟูสะกดใจให้สงบ
“พายุ...เมลดาอยู่ไหน”
พายุเงียบไปอึดใจหนึ่ง
“อั๊วก็ไม่รู้ จางซื่อเป็นคนดูแลเรื่องเชลยที่โดนจับตัวได้”
กังฟูกำหมัดแน่น
“จางซื่อ”

เนตรนภาถูกลูกน้องจางซื่ออุ้มเข้ามาวางในห้องประชุม แล้วก็ปิดประตูปัง เธอนอนนิ่งไม่ได้สติ

จางซื่อนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เมลดายืนอยู่เบื้องหน้า จางซื่อใช้สายตามองเมลดาอย่างพิจารณาละเอียดถี่ถ้วน
“แกเป็นผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์มาก มิน่า ทั้งกังฟูกับพายุถึงได้หลงรักเธอหัวปักหัวปำ” จางซื่อเอ่ย
“จะเอายังไงก็ว่ามา” เมลดาพูด
จางซื่อหยิบถ้วยกระเบื้องใบเล็กๆ ใบหนึ่งมีฝาครอบออกมา เขาเปิดฝา เห็นแท่งยาสีแดงขนาดประมาณหลอดยาดมแต่ยาวประมาณคืบหนึ่ง
“นี่คือยาถอนพิษงูที่กัดพี่สาวเธอ ภายในครึ่งชั่วโมง ถ้าพี่สาวแกไม่ได้ยานี่ พี่สาวแกจะต้องตาย” จางซื่อว่า
“แลกกับอะไร” เมลดาถาม
“แกต้องเป็นผู้หญิงของฉัน”
“อะไรนะ”
เมลดาดูงงและสับสนมาก เมลดาจ้องจางซื่อ
“แก...แกไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้น แกต้องการอะไรกันแน่”
จางซื่อหัวเราะเบาๆ
“ฉลาดดี มิน่าถึงไม่ชอบไอ้พายุ...ฉันต้องการอะไรเป็นเรื่องของฉัน แกไม่ต้องสนใจ เอาเป็นว่าถ้าแกปฏิเสธพี่สาวแกก็ต้องตาย”
เมลดาสับสน
“จะยอมเป็นผู้หญิงของฉันไหม” จางซื่อถามอีก
เมลดาอึ้ง

เมลดาเปิดประตูเข้ามาในห้อง เจอเนตรนภา เธออุ้มร่างเนตรนภาขึ้นมานั่ง จับมือที่โดนงูกัดขึ้นมา หยิบมีดกรีดแผลที่โดนงูกัด เลือดสีดำไหลออกมา เธอเอาแท่งยาวางแปะไว้ตรงปากแผล แท่งยาเหมือนถูกดูด ตั้งเด่ ติดแนบสนิท ก่อนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ สักครู่ก็เปลี่ยนเป็นสีดำหมดทั้งแท่ง แท่งยาก็หลุดออกจากแผลหล่นลงพื้น
“เนตร...เนตร…” เมลดาร้องเรียก
เนตรนภาครางเบาๆ มีสติรับรู้ แต่ยังไม่ตื่น เมลดาดีใจ
“เนตร เป็นไงบ้าง”
จางซื่อเดินเข้ามา
“ตอนนี้พิษถูกดูดออกมาหมดแล้ว อีกสักครู่เขาถึงจะฟื้น” จางซื่อว่า
เมลดาคลายใจ วางเนตรนภาลงนอน
“แกไม่ต้องห่วง ถ้าพี่สาวฉันปลอดภัย ฉันจะเป็นผู้หญิงของแก ถึงฉันจะเป็นผู้หญิง ฉันก็รักษาสัจจะเสมอ”
จางซื่อยิ้มพอใจ ยกนิ้วโป้งให้แสดงความชื่นชม

กังฟู เฮียเฉิน เฮียหลอ เฮียเก้าและโกวเล้ง กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โรงงิ้ว โกวเล้งถอนใจเบาๆ
“อาตมาเสียรู้จางซื่อซะแล้ว” โกวเล้งเอ่ย
“ไอ้จางซื่อสารเลว มันหลอกให้อาจารย์โกวรับปากจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยที่อาจารย์โกวไม่รู้เลยว่ายังมีคนอื่นเหลืออยู่อีก” เฮียหลอพูดอย่างโกรธเคือง
“มันจะจับตัวคุณเมไว้ทำไม คุณเมไม่มีประโยชน์อะไรกับมันเลย” กังฟูสงสัย
“แต่จางซื่อเป็นคนเจ้าเล่ห์ มันต้องวางแผนอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ” เฮียเฉินว่า
“กังฟู ลื้อไม่ต้องห่วง ยังไงพวกเราก็จะช่วยคุณเมออกมา” เฮียหลอบอก
“ศิษย์จะไปท้าสู้กับจางซื่อ” กังฟูบอก
“ฝีมือเจ้ายังสู้จางซื่อไม่ได้” เฮียเฉินว่า
“ถ้าใช้ค่ายกลดอกเหมยล่ะ” เฮียเก้าถาม
“เมียอั๊วยังไม่แข็งแรงขนาดนั้น” เฮียเฉินบอก
“เราสามคน กังฟู แล้วก็...ไอ้นั่น” เฮียเก้าเอ่ย แล้วมองไปที่พายุที่กำลังคุยกับฮูหยินอยู่ คนอื่นมองตามไป
“ลื้อไว้ใจมันได้เหรอ” เฮียหลอถาม
เฮียเก้าเงียบ ไม่มีคำตอบ

อีกด้านหนึ่ง ห่างออกมา พายุเดินคุยกับฮูหยิน
“ศิษย์คิดไม่ถึงเลยว่าพวกอาจารย์จะกลับมาอยู่ที่โรงงิ้วอีกครั้ง” พายุเอ่ย
“เพราะไม่มีใครคิดถึง พวกเราถึงมาอยู่ที่นี่ ที่นี่จะเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของพวกเราที่จะสู้กับอสูรเทวา” ฮูหยินบอก
“ครั้งนี้ศิษย์จะร่วมเป็นร่วมตายกับอาจารย์ ทุ่มเทด้วยชีวิต อย่างมากก็ขอสู้ตายเพื่อล้างความผิด” พายุว่า
“ดีมาก อย่างนี้สิ สมเป็นศิษย์ที่พวกเราเลี้ยงมากับมือ”
พายุมองไปที่พวกเฮียเฉิน
“แต่พวกอาจารย์ท่านอื่นๆ ท่าทางคงยังไม่ไว้ใจศิษย์แน่ๆ”
“ใจเย็นเถอะพายุ ของแบบนี้ต้องใช้เวลา แต่ลื้อไม่ต้องห่วง ยังไงพวกมันก็เลี้ยงลื้อมาตั้งแต่เด็ก ลึกๆในใจมันต้องมีความเอ็นดูลื้ออยู่แล้ว”
พายุถอนใจ สีหน้าเศร้าๆ ฮูหยินจับมือปลอบ

ช่วงเวลากลางดึก ขณะที่ทุกคนนอนหลับสนิท
พายุแอบตื่นขึ้น เขานอนรวมอยู่กับเฮียเฉิน เฮียหลอ เฮียเก้า กังฟูและเฮียติงลี่ เขาเห็นคนอื่นๆ หลับอยู่ก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วย่องออกไป

พายุก่อกองไฟที่ด้านหน้าโรงงิ้ว โรยผงชนิดหนึ่งลงไป พัดควันให้ลอยเข้าไปในโรงงิ้ว แล้วยิ้ม ก่อนจะรีบออกไปปล่อยให้ควันพัดเข้าไปในตัวอาคาร

พายุเข้ามาในห้องของเนตรนภาแต่ไม่เจอใครเลย และเมื่อเขาเห็นซากงูโดนเหยียบตายก็โกรธสุดๆ
“เนตรนภา ยัยชั่ว ใครสั่งให้ปล่อยเมลดาวะ แกบังอาจลองดีกับฉันเหรอ ถ้าฉันจับแกได้ล่ะก็ ฉันจะทรมานแกให้ตายอย่างทรมานที่สุด เมลดา เธอหนีไปที่ไหนของเธอ”
พายุหยุดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านลง ก่อนจะคิดขึ้นว่า
“เมลดาอาจจะกลับไปที่โรงงิ้ว..งั้นต้องรีบไปหาจางซื่อ..ถล่มโรงงิ้ว ฆ่าพวกมันทุกคน”

จางซื่อกำลังนั่งทำงานอยู่ สักพักลูกน้องคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหา
"เรียนเจ้าสำนัก พายุมาขอพบ"
จางซื่อเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงบอก
"ให้มันเข้ามา"
ลูกน้องเดินออกไป สักพักพายุก็เข้ามา
"คำนับเจ้าสำนัก"
จางซื่อมองพายุตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเขาก็ถอนใจ
"รู้ตัวไหมว่าแกโดนกังฟูเล่นงานจนภายในบอบช้ำ สู้กับใครไม่ได้ไปอีกนานเลย"
"รู้ครับ" พายุตอบ
"ทำไมไม่พักรักษาตัว แกอยู่ในสภาพนี้ช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก"
"ผมเอาความลับมาบอกเจ้าสำนักครับ ผมรู้ที่อยู่ของพวกโรงงิ้วแล้วครับ"
จางซื่องง
"พวกมันไม่กระทืบแกจมดินหรือไง"
"ฮูหยินเขารักผมมากครับ ผมอ้อนนิดเดียวเขาก็ให้อภัยผมแล้ว"
"แล้วแกยังทรยศเขาอีกเหรอ ฮ่าๆๆ ชั่วช้าเลวทรามที่สุด ดี ไม่มีพิษไม่ใช่ชาย ดีมาก"
"ขอบคุณเจ้าสำนัก"
"เล่ามา ว่าแกอ้อนฮูหยินยังไง แล้วแกหนีออกมาที่นี่ได้ยังไง เล่าให้ละเอียดนะ"
"ครับ"
พายุเล่าเรื่องให้จางซื่อฟัง

จางซื่อเดินมาส่งพายุที่หน้าสำนัก
"แกทำได้ดีมาก"
พายุยิ้มแก้มแทบปริ
"ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่ต้องรับใช้อสูรเทวาจนกว่าชีวิตจะหาไม่"
"พายุ แกรีบเรียกระดมคน ฉันให้แกเป็นแม่ทัพ นำกำลังบุกมันแบบสายฟ้าแลบ"
"ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก ผมจะไม่ทำให้ผิดหวัง ผมจะบดขยี้พวกมันไม่ให้เหลือซาก"
พายุเดินออกไป จางซื่อมองตามแล้วก็มีรอยยิ้มลี้ลับดูเจ้าเล่ห์

เนตรนภาเริ่มได้สติแล้วจึงทุบประตูพร้อมกับตะโกน
"ช่วยด้วย ช่วยฉันออกไปที ใครจับฉันมาขังเนี่ย ช่วยด้วย มีใครอยู่มั้ย ช่วยฉันที"
ประตูเปิดออก เมลดาเดินเข้ามา โดยมีจางซื่อเดินตามมาห่างๆ
"เม นี่เราอยู่ที่ไหน ใครจับฉันมาที่นี่" เนตรนภาถาม
"ไม่ต้องตกใจเนตร เธอโดนงูกัดจำได้ไหม ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว ตอนนี้เราอยู่ที่สำนักอสูรเทวา"
"อสูรเทวา...ไอ้พายุล่ะ มันอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ"
"ไม่ต้องกลัว พายุจะไม่ยุ่งกับแกอีกต่อไป"
เนตรนภาได้ยินคำว่า แก ก็ตาเขียวจึงหันมาหาจางซื่อ
"แล้ว"แก"เป็นใคร" เนตรนภาถาม
"นี่คือจางซื่อ หัวหน้าสำนักอสูรเทวา"
"หัวหน้าอสูรเทวา"
"ฉันกำลังจะแต่งงานกับเขา"
เนตรนภาตกใจยิ่งกว่า
"อะ...อะไรนะ แต่งงานกับมันเนี่ยนะ"
จางซื่อยิ้มเล็กน้อย
"เกิดอะไรขึ้น ผีเข้าเหรอ เม" เนตรนภาถาม
"เนตร...พ่อเราตายเพราะอะไร"
"เพราะมัน"
"ไม่ใช่ พ่อเราตายเพราะไม่มีอิทธิพล ถึงถูกคนอื่นรังแกได้ง่ายๆ ผู้ชายคนนี้คือคนที่ทรงอิทธิพลที่สุด มีบารมีที่สุด ไม่มีใครกล้ารังแกเขาและเมียของเขา มีแต่จะเทิดทูนและยกย่อง ถ้าเขาไม่เหมาะสมจะเป็นผัวฉัน ก็ไม่มีใครเหมาะสมแล้ว"
"เม...”
"ไปกันเถอะค่ะ"
เมลดาบอกจางซื่อแล้วก็เดินออกไป
"ขอตัวก่อนนะ คืนนี้ฉันกับเมลดาเพลียมาก อยากมีลูกกันเร็วๆน่ะ" ตางซื่อบอก
"นี่หมายความว่า แก...กับเม...” เนตรนภาตกใจ
จางซื่อขยิบตาแล้วยิ้มเป็นนัยก่อนจะเดินออกไปแล้วปิดประตู เนตรนภายังยืนงงอยู่เพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น


เมลดาคุยกับจางซื่อ
"ฉันทำตามที่ตกลงกันไว้แล้ว แกห้ามทำร้ายเนตรนะ" เมลดาบอก
"คนอย่างฉัน เคยตระบัดสัตย์มาก่อน แต่วางใจเถอะ แกยังไม่สำคัญพอที่จะทำให้ฉันผิดคำพูดได้ พี่สาวแกจะปลอดภัย" จางซื่อว่า
"ดี"
จางซื่อมองเมลดาด้วยสายตาแปลกๆ
"มองฉันแบบนั้นทำไม มีอะไรอีก" เมลดาถาม
"แกเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมาก ฉันกำลังคิดว่าไม่แน่...ฉันอาจจะอยากให้แกมาเป็นผู้หญิงของฉันจริงๆ"
"ฉันจะฆ่าตัวตาย"
"ถ้าฉันต้องการแกจริงๆ ฉันมีวิธีไม่ให้แกฆ่าตัวตาย"
จางซื่อกำลังจะเดินออกไป
เมลดาเรียกไว้ "เดี๋ยว"
"กังฟูเป็นยังไงบ้าง เขาอยู่ที่ไหน"
"ไม่ต้องห่วง มันแข็งแรงดี แกสองคนได้เจอกันแน่นอน"
จางซื่อหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป

บนถนนสายหนึ่งที่ห่างจากโรงงิ้วไม่มาก จางซื่อก้าวลงจากรถที่เพิ่งจอด พายุรีบเข้ามาหา
"เรียนท่านเจ้าสำนัก พี่น้องเราพร้อมบุกทำลายบดขยี้พวกมันแล้วครับ" พายุรายงาน
"ดี จัดการได้เลยพายุ" จางซื่อว่า
"ครับ"
พายุหันหน้าไปหาพวกลูกน้องจางซื่อ
"พี่น้องทุกท่าน วันนี้พวกสารเลวนั่นบังอาจหยามพรรคอสูรเทวา เราไม่เพียงแต่จะสั่งสอนมัน แต่เราต้องสั่งสอนคนอื่นด้วยว่าห้ามงี่เง่ากับอสูรเทวา ใครที่ทำแบบนั้นโทษของมันมีสถานเดียวคือ ตาย...พี่น้องทุกท่าน วันนี้เราต้องฆ่าพวกมันทุกคน...ลุย"
พายุวิ่งนำลูกน้องบุกไปที่โรงงิ้ว จางซื่อยืนดูแล้วก็ยิ้มหยันๆ

พายุนำพวกลูกน้องเข้ามาที่โรงงิ้วแต่แล้วเขาก็เหวอ เพราะโรงงิ้วเงียบกริบไม่มีใครอยู่เลย
"ค้น"
พวกลูกน้องบุกเข้าไปข้างใน สักครู่ก็ออกมารายงาน
"เฮียพายุ ที่นี่ไม่มีใครอยู่เลย"
พวกลูกน้องมองพายุด้วยสีหน้าเคลือบแคลง จางซื่อเดินเข้ามา พายุหน้าซีด
"ไหนล่ะพวกมัน" จางซื่อถาม
"คะ...คะ....คือว่า...คือว่า...” พายุอึกอัก

เฮียเฉิน หลอ เก้า ฮูหยิน กังฟู มิเชล และติงลี่โผล่หน้าออกมาจากตรอกเยื้องด้านหน้าของอสูรเทวาเพื่อดูลาดเลา
"ป่านนี้พายุมันคงพาจางซื่อไปถึงโรงงิ้วแล้วมั้ง" เฮียเฉินว่า
"หมากตานี้ของฮูหยินเด็ดขาดมาก ตอนแรกอั๊วนึกว่าลื้อจะหลงเชื่อมันจริงๆซะอีก" เฮียหลอบอก
"จางซื่อพอไปถึงไม่เจอพวกเรา คงฆ่าไอ้พายุแน่ๆ ฮูหยินร้ายกาจจริงๆ" ติงลี่พูด
"อั๊วแค่เสนอทางเลือกให้มัน ถ้ามันกลับตัวกลับใจจริงๆ ป่านนี้ก็คงอยู่ตรงนี้กับเราแต่หากมันยังทำตัวสารเลวแบบเดิม งั้นมันก็แส่หาจุดจบเอง ...หึ"

เหตุการณ์ในอดีต พายุเห็นคนอื่นๆหลับอยู่ พายุยิ้มชั่วร้ายแล้วย่องออกไป พอพายุเดินไปแล้ว พวกที่หลับอยู่ก็ลืมตาขึ้นมา ฮูหยินกับมิเชลย่องเข้ามา
"มันไปแล้วเหรอ" ฮูหยินถาม
"ไปแบบนี้ไปหาจางซื่อแน่นอน" เฮียหลอว่า
"ดูมัน ยังวางยาสลบเราอีก ไอ้ทรพีเอ๊ย" เฮียเฉินว่า
"พายุ...ไม่น่าเป็นคนเลวได้ขนาดนี้เลย" กังฟูบอก
"ช่างมัน เรื่องของมัน เราอย่ามัวเสียเวลาเลย รีบทำตามแผนเถอะ"
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับติงลี่

เหตุการณ์ปัจจุบัน เฮียเฉิน หลอ เก้า ฮูหยิน กังฟู มิเชล และติงลี่มองตรงไปที่สำนักอสูรเทวา
"อั๊วกับติงลี่เข้าไปลุยด้วยไม่ได้ จะเฝ้าดูอยู่ตรงนี้ ถ้ามีอะไรผิดปกติจะเป่านกหวีด พวกลื้อต้องถอยทันที เข้าใจไหม...ไปได้แล้ว" ฮูหยินพูด
เฮียเฉิน หลอ เก้า กังฟู มิเชล ออกจากที่ซ่อนแล้ววิ่งตะบึงตรงไปที่สำนักอสูรเทวา

ลูกน้องจางซื่อ 3-4 คนนั่งจับกลุ่มคุยกันตรงหน้าประตู เฮียเฉิน เฮียหลอ และเฮียเก้าทิ้งตัวลงมาตรงหน้า ลูกน้องจางซื่อไม่ทันตั้งตัว เฮียเฉิน เฮียหลอ เฮียเก้าชิงลงมือทันที ทั้งสามซัดพวกมันลงไปกอง เฮียหลอเปิดประตู มิเชลกับกังฟูพุ่งผ่านเข้าไป

กังฟู มิเชล เฮียเฉิน เฮียหลอ และเฮียเก้าบุกเข้ามาเล่นงานลูกน้องจางซื่อโดยถล่มเละจนไม่มีใครต้านทานได้ พวกลูกน้องจางซื่อหนีแตกกระเจิง แต่ส่วนใหญ่โดนเล่นงานจนน่วม กังฟูคว้าคอเสื้อลูกน้องคนหนึ่งขึ้นมา
"เมลดาอยู่ไหน"
"มะ..ไม่รู้จักครับ"
กังฟูเงื้อหมัดจะต่อย ลูกน้องรีบชี้ไปที่ห้องประชุม
"มีผู้หญิงถูกจับขังอยู่ในนั้นครับ"
กังฟูปล่อยลูกน้องแล้วรีบไปวิ่งไปที่ห้องประชุม ลูกน้องโล่งใจ
"เฮ้อ รอดตัว"
เฮียหลอผ่านมาพอดีก็ต่อยเปรี้ยงจนลูกน้องหงายหลังตึง

กังฟูถีบประตูเปรี้ยงเข้ามาจนเจอเนตรนภาอยู่ในท่าทางตื่นกลัว
"อย่านะ อย่าเข้ามานะ" เนตรนภาว่า
"ใจเย็นก่อนครับ ผมไม่ใช่คนร้าย" กังฟูบอก
เนตรนภากับกังฟูเพ่งมองอีกฝ่ายแล้วก็จำกันได้
"คุณเนตรนภา" กังฟูจำได้
"กังฟู"

พายุคุกเข่าร้องไห้
"ท่านเจ้าสำนัก โปรดให้อภัยด้วย ผมพลาดไปแล้ว แต่ผมไม่ได้โกหก พวกมันอยู่ที่นี่จริงๆ แต่ในหมู่พวกเราคงมีหนอนบ้อนไส้ ส่งข่าวให้พวกมันรู้ตัวแล้วก็หนีไปก่อน"
"พายุเอยพายุ ถึงตอนนี้แกยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ว่าไม่มีหนอนบ่อนไส้ ถ้ามี ก็มีแต่ควายที่ถูกหลอกใช้ตัวหนึ่ง" จางซื่อบอก
"ผมไม่เข้าใจ" พายุบอก
"พวกโรงงิ้วเขาหลอกใช้แก ตั้งใจให้แกเข้าใจว่าพวกมันอาศัยอยู่ที่นี่ เปิดช่องให้แกทรยศ ไปส่งข่าวให้ฉัน เพื่อให้ฉันยกกำลังมาที่นี่ ป่านนี้พวกมันคงกำลังถล่มสำนักอสูรเทวาอยู่"
"ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่ๆ พวกมันโง่งี่เง่ากันทั้งนั้น ไม่มีใครหลอกใช้ผมได้หรอก"
"แกถูกพวกมันกินแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ" จางซื่อว่า
"ถ้าเป็นอย่างที่ท่านเจ้าสำนักพูด แล้วทำไมท่านยังพาลูกน้องมาที่นี่" พายุถาม
"มันหลอกใช้แก ฉันหลอกใช้พวกมัน เกมส์นี้ฉันคือผู้ชนะ" จางซื่อบอก
พายุยิ้ม
"ท่านเจ้าสำนักเหนือล้ำกว่าคนทั่วไป ผมเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว ท่านเจ้าสำนักคือผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ"
"ฉันชนะ แต่แกน่ะจบสิ้นแล้ว" จางซื่อบอก
"ท่านเจ้าสำนัก...”
"ฉันรังเกียจคนอย่างแกมากที่สุด ดังนั้น อย่าหวังว่าฉันจะลงมือเอง..." จางซื่อสั่งลูกน้อง "กระทืบไอ้เศษสวะนี่ให้ตาย"
"ครับ" ลูกน้องรับคำ
"ท่านเจ้าสำนัก ท่านเจ้าสำนัก"
ลูกน้องรุมเข้ามาหา ลูกน้องคนหนึ่งเงื้อมือจะต่อย จางซื่อตวาดลั่น
"ฉันสั่งให้กระทืบ ห้ามใช้มือกับคนอย่างมัน จำไว้ ใครที่อกตัญญูกับพ่อแม่ อกตัญญูกับครูอาจารย์ มีแต่เท้าเท่านั้นที่เหมาะสมกับมัน"
จางซื่อเดินจากไป
"ท่านเจ้าสำนัก"
พวกลูกน้องรุมเตะรุมกระทืบ แรกๆพายุยังต้านทานไหว แต่ด้วยความที่บาดเจ็บสาหัส ในที่สุดเขาก็โดนเล่นงานลงไปกองกับพื้น ท่ามกลางเท้าที่รุมเหยียบรุมกระทืบ พายุนึกถึงเรื่องนึงได้จึงเปรยขึ้นมา
"อาจารย์แม่...ที่อาจารย์แม่พูดกับอั๊ว...”
อ่านต่อหน้าที่ 2


ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู ตอนที่ 15 (ต่อ)
เหตุการณ์ในอดีตหวนกลับมา

ฮูหยินพูโกับพายุ "…พายุ ลื้อก็ควรฟังกังฟูไว้บ้าง จะได้ไม่ก้าวผิดทางอีก เข้าใจไหม"
"เข้าใจครับ" พายุรับคำ
"อย่าลืมล่ะ จดจำคำพูดของกังฟูเอาไว้"

เหตุการณ์ปัจจุบัน พายุเริ่มน่วมเลือดทะลักแต่ก็ยังพอมีสติ
"อั๊วรู้แล้ว หมายถึงอะไร"

เขานึกถึงคำพูดของกังฟู
"มังกรโบราณกล่าวว่าคนที่ชอบคิดว่าคนอื่นเป็นคนโง่ตลอดเวลาจึงเป็นคนโง่ที่แท้จริง"

พายุใกล้ตาย พวกลูกน้องหยุดกระทืบหอบแฮ่ก
"อั๊วเข้าใจแล้ว...อั๊วหลอกคนอื่นมาตลอด สุดท้ายแล้ว อั๊วนี่แหละ ซีปังโต้ว...ไอ้ซื่อบื้อที่แท้จริง"
พายุหัวเราะเยาะตัวเองก่อนจะสิ้นใจตาย

จางซื่อกับลูกน้องกลับเข้ามาที่สำนัก ก็เห็นพวกลูกน้องจางซื่อทุกคนล้มกลิ้งเกลือกอยู่กับพื้น จางซื่อมองไปที่ห้องประชุมที่เปิดโล่งไม่มีใครอยู่ข้างในก็ยิ้ม

กังฟูฟังเรื่องจากเนตรนภา กังฟูเอาแต่ส่ายหน้า
"เป็นไปไม่ได้ ผมไม่เชื่อ" กังฟูบอก
"ฉันก็ไม่อยากเชื่อ แต่ฉันได้ยินจากปากเมเอง เขาจะแต่งงานกับจางซื่อ...แล้วยิ่งไปกว่านั้น...” เนตรนภาว่า
เนตรนภาเผลอหลุดปากทั้งที่ไม่อยากพูด
กังฟูถาม "อะไร"
เนตรนภาอึกอัก "เอ่อ...”
"บอกมา"
"นายอย่าสติแตกนะ ทำใจหน่อยนะ...เขากับจางซื่อ...เอ่อ...”
"ทำไม เมกับจางซื่อทำไม"
เนตรนภาพูด "เป็นผัวเมียกันแล้ว"
กังฟูอึ้งไปแล้วก็หัวเราะออกมา
"ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย เมลดาเนี่ยนะ ฮ่าๆๆ ไม่มีทางล่ะ บอกควายมีเขาผมยังจะเชื่อมากกว่า"
กังฟูทำเป็นตลก เนตรนภาสวนมาเรียบๆ
"กังฟู ควายมีเขาอยู่แล้ว" เนตรนภาว่า
"เอ้ย ผมพูดผิด อะไรก็ช่างเหอะ ถึงยังไงเรื่องนี้ก็เป็นไปไม่ได้หรอก"
กังฟูเงียบไปก่อนจะพูดขึ้นมา
"คุณเม...คุณเม...”
กังฟูพรวดพราดจะออกไป
เนตรนภาถาม "จะไปไหน"
"ผมจะไปตามหาคุณเม"
"ไปแบบนี้ไม่ได้นะ ... ช่วยด้วยค่ะ"
เนตรนภาดึงกังฟูไว้แล้วร้องบอกคนอื่น เฮียหลอกับเฮียเก้าอยู่แถวนั้นพอดีจึงช่วยกันจับกังฟูไว้


เนตรนภานั่งมองสวนในวัดอยู่คนเดียว มีคนเดินเข้ามา เนตรนภาหันไปเห็นติงลี่ก็ทำตาโตด้วยความตื่นเต้นยินดี
"เฮีย...”
เนตรนภาจะวิ่งไปหา แต่ก็ชะงักเท้าไว้เพราะรู้สึกละอายใจต่อติงลี่
"เป็นไงบ้างเนตร" ติงลี่ถาม
"เฮียผอมไปนะคะ" เนตรนภาทัก
"เนตรก็ดูตอบๆนะ"
เนตรนภาเงียบ
"เราสองคนไม่เจอกันไม่นาน ต่างคนต่างก็เจออะไรแย่ๆกันเยอะเลยนะ" ติงลี่พูด
"ค่ะ...เฮียคะ เนตรเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เนตรไม่คิดเลยว่า...”
"ช่างมันเถอะ เนตร อะไรผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป ดีไหม"
เนตรนภายิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะยกมือไหว้ที่อกติงลี่
"ขอบคุณมากค่ะ"

เฮียเฉิน เฮียหลอ เฮียเก้า ฮูหยิน มิเชล และกังฟูนั่งคุยกัน กังฟูสงบสติอารมณ์ได้แล้วแต่ก็ยังทุกข์ใจและกระวนกระวายอยู่
"จางซื่อเป็นคนเลว โหดเหี้ยม อำมหิต แต่เขาไม่ใช่คนบ้ากาม ไม่ได้หลงใหลในตัณหาราคะ ... ฉันคิดว่าเรื่องนี้มีพิรุธอยู่"
"ทางเดียวที่จะรู้ได้ คือเราต้องหาคุณเมให้พบ" กังฟูบอก
"ยิ่งเห็นลื้อร้อนใจแบบนี้ อั๊วยิ่งมั่นใจว่านี่เป็นหลุมพรางของจางซ่อแน่ๆ"
"นั่นสิ ตั้งสติหน่อยกังฟู ถ้าจางซื่อมันจะฆ่าเมลดา มันคงจะฆ่าไปแล้ว" เฮียเก้าว่า
"ถึงไม่ฆ่า แต่กว่าจะเจอ ไม่รู้คุณเมจะเป็นยังไงมั่ง" กังฟูบอก
"อย่างที่บอกว่าจางซื่อไม่ใช่คนบ้ากาม คนที่บ้ากามน่ะคือพายุ แต่ฉันรู้ว่าจางซื่อให้พายุฝึกลมปราณคล้ายๆวิชาระฆังทอง ซึ่งจะยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงไม่ได้ ดังนั้น คุณเมน่าจะยังปลอดภัยอยู่"
กังฟูดูใจเย็นลงเล็กน้อย
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ...” กังฟูพูด
"ถ้าลื้ออยากช่วยเมลดา เราต้องวางแผนให้ดีก่อนลงมือ ถ้าทำอะไรผลีผลาม ผลสุดท้ายจะยิ่งเลวร้าย เข้าใจไหม" เฮียหลอถาม
"ตอนนี้คือเราต้องสืบข่าวคราวความเคตลื่อนไหวของจางซื่อก่อน ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร" ฮูหยินบอก
"เราจะให้ใครไปสืบดี" เฮียเฉินถาม
"ลื้อต้องทำใจหน่อยนึงนะ งานนี้อาจจะอันตราย แต่ถ้าระวังตัวก็น่าจะปลอดภัย" ฮูหยินว่า
"ลื้อจะให้อั๊วไปเหรอ" เฮียเฉินถาม
"เปล่า ไม่ใช่ลื้อ"
"แล้วทำไมอั๊วต้องทำใจวะ" เฮียเฉินงง

หลินหลินกับบู๊ลิ้มเดินเต็ดเตร่อยู่ในย่านการค้า เวลาผ่านไป หลินหลินกับบู๊ลิ้มมานั่งในร้านข้ามต้ม เพื่อฟังพวกลูกค้าคุยกัน หลินหลินกับบู๊ลิ้มทำทีเดินเข้าไปในร้านขายของชำ เจ้าของร้านจ่ายเงินให้ลูกน้องจางซื่อ พอลูกน้องจางซื่อเดินออกไป เจ้าของร้านทั้งเซ็งทั้งโกรธและท้อใจ

หลินหลินกับบู๊ลิ้มเห็นลูกน้องจางซื่อลากเหม่ง พ่อค้ารถเข็นผลไม้มาซ้อมจนหนำใจ
"จำไว้ อย่าหือกับอสูรเทวาอีก" ลูกน้องขู่
ลูกน้องจางซื่อเดินจากไป เป๋งกุ่ยวิ่งเข้ามาหาเหม่ง
"อาเฮีย เป็นไงบ้าง" เป๋งกุ่ยถาม
"อั๊ว...”
เหม่งกระอักเลือดแล้วมีท่าทางคล้ายคนใกล้ตาย
"อาเฮีย อั๊วขอโทษ อั๊วผิดไปแล้ว ถ้าอั๊วไม่ช่วยพวกอสูรเทวา ป่านนี้พวกมันอาจจะแพ้พวกโรงงิ้ว อาเฮียก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้"
"เป๋งกุ่ย"
เป๋งกุ่ยเงยหน้ามาเจอบู๊ลิ้มกับหลินหลิน
"บู๊ลิ้ม หลินหลิน ฉันขอโทษ ขอโทษทุกคน ยกโทษให้ฉันด้วย" เป๋งกุ่ยบอก
"เอาเถอะ แกรีบพาพี่ไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ" บู๊ลิ้มบอก
"แต่ฉันไม่มีเงิน ไอ้พวกอสูรเทวามันเอาไปหมดเลย"
บู๊ลิ้มกับหลินหลินหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วก็หยิบเงินได้ปึกหนึ่ง
"เอานี่ไป"
เป๋งกุ่ยละอายมากแต่ก็ยื่นมือมารับเงินจากหลินหลิน
"ขอบคุณมาก"
บู๊ลิ้มกับหลินหลินสงสารเป๋งกุ่ยจับใจ


หลินหลินกับบู๊ลิ้มมานั่งคุยกับเฮียป้อและเจ๊ยี้
"ไอ้พวกพรรคอสูรเทวามันกร่างมาก ประกาศเก็บค่าคุ้มครองทั่วแผ่นดิน ใครเถียงมันมันก็ให้ลูกน้องมารุมกระทืบ" เฮียป้อบอก
"แถวบ้านอั๊วค้าขายกันไม่ได้แล้ว แค่จ่ายค่าคุ้มครองให้มันก็หมดตัวแล้ว พวกเรากำลังจะให้เฮียป้อเป็นผู้นำต่อต้านพวกมัน" เจ๊ยี้บอก
บู๊ลิ้มกับหลินหลินร้องห้าพร้อมกัน
บู๊ลิ้มพูดต่อ "เจ่กป้อเนี่ยนะ แกนนำมวลชน ทุกทีเจ่กป้อดูไม่ค่อยสู้ใครเขานี่นา"
"ไม่จำเป็นก็ไม่อยากมีเรื่องกับใคร แต่ตอนนี้ชาวบ้านถูกข่มเหง ต้องการแกนนำ อั๊วก็ต้องบอกตัวเองให้กล้าสู้กับความอยุติธรรม"
"แล้วเจ่กป้อจะสู้พวกมันไหวเหรอคะ" หลินหลินถาม
"ไหวสิ ของแบบนี้ไม่ได้อยู่ที่วิชาฝีมือ ลื้อดูมหาตมะคานธี ลื้อดูเหมาเจ๋าตุง ลื้อดูโฮจิมินห์ มีใครตัวใหญ่บ้าง แต่คนตัวเล็กๆพวกนี้สามารถนำมวลชนเอาชนะกองทัพมหึมามาแล้วทั้งนั้น มันอยู่ที่หัวใจ"
"นอกจากนี้ต้องมีแบ็คอั้พที่ดี อั๊วจะเป็นแบ็คอั้พให้เฮียป้อ"
เฮียป้อกับเจ๊ยี้กุมมือกันแล้วก็มองกันตาหวานฉ่ำปิ๊งๆ บู๊ลิ้มกับหลินหลินเห็นแล้วก็มองตากันก่อนจะยิ้มให้กัน
"เฮียป้อจะเป็นหัวหน้าคณะตัวแทนชุมชนทั้งสิบซอย บุกไปประท้วงมัน แต่เราจะใช้สันติวิธีนะ" เจ๊ยี้บอก
"แล้วเฮียป้อจะไปประท้วงเมื่อไหร่" บู๊ลิ้มถาม
"งานแต่งงานของมัน" เฮียป้อบอก
บู๊ลิ้มกับหลินหลินงง เฮียป้อส่งการ์ดสีแดงให้
"ไอ้จางซื่อมันนึกยังไงไม่รู้ จะแต่งงานตอนแก่" เฮียป้องง
บู๊ลิ้มกับหลินปิงรับการ์ดมาดู
"การ์ดแต่งงาน...เจ้าบ่าวจางซื่อ เจ้าสาว..อ๊ะ" บู๊ลิ้มเอะใจ
หลินหลินอ่าน "เมลดา...”
บู๊ลิ้มกับหลินหลินอ้าปากค้างด้วยอาการตกใจ
"ทำไมตกใจ รู้จักเค้าเหรอ" เจ๊ยี้ถาม
"ก็พี่เม เมลดาไง" หลินหลินบอก
"หา ใช่เหรอ คนเดียวกันเหรอ"
"อั๊วนึกว่าแค่ชื่อเหมือน ไม่คิดว่าจะเป็นคนเดียวกัน" เฮียป้อบอก


กังฟูดูการ์ดแต่งงานที่หลินหลินกับบู๊ลิ้มเอามาให้
"ล้อเล่นใช่ไหม นี่มันของเก๊ใช่ไหม" กังฟูว่า
"เจ่กป้อบอกว่าพ่อค้าแม่ค้าแทบทุกคนได้การ์ดแบบนี้ มันไม่ใช่ของเก๊หรอกค่ะ" หลินหลินบอก
"ไม่มีทาง คุณเมไม่มีทาง...”
กังฟูพูดไม่ออก
บู๊ลิ้มปลอบใจ "ศิษย์น้อง ศิษย์พี่เสียใจด้วย"
บู๊ลิ้มนั่งข้างๆเป็นเพื่อนกังฟู กังฟูคอตกเพราะพูดอะไรไม่ออก

เฮียเฉิน เฮียหลอ เฮียเก้า ติงลี่ ฮูหยิน และมิเชลนั่งคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่ง
เฮียเฉินพูด "ถ้าเฮียป้อกับชาวบ้านจะลุกฮือขึ้นในวันแต่งงานของจางซื่อ เราก็ควรใช้วันนั้นในการดวลกับมันให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย"
"แต่ว่าในวันงาน จางซื่อต้องเตรียมรักษาความปลอดภัยเต็มที่ เผลอๆอาจมีกับดักรอเราอยู่" ติงลี่บอก
"แต่วันนั้นเป็นโอกาสดีที่สุดที่เราจะถล่มมัน"
"เรื่องกับดักมีหรือไม่มีก็ช่างมัน ยังไงซะการโจมตีพรรคอสูรเทวาก็เป็นเรื่องเสี่ยงตายอยู่แล้ว" เฮียหลอบอก
"อย่ากังวลเรื่องกับดักมากนัก อย่าลืมว่าตอนนี้จางซื่อไม่มีลูกน้องเก่งๆเหลืออยู่เลย" มิเชลว่า
"ถ้างั้น สรุปว่าเราจะใช้วันแต่งงานของจางซื่อบุกฆ่ามัน" ฮูหยินบอก
"อ้ะ บุกก็บุก แต่ว่าพวกเราเป็นคู่ต่อสู้มันได้ใช่ไหม" ติงลี่ถาม
"ตอนนี้ค่ายกลดอกเหมยมีคนครบแล้ว อั๊ว ไอ้เก้า ไอ้หลอ มิเชล แล้วก็กังฟู ... ถ้าเราตั้งใจ ถ้าโชคเข้าข้าง เราเอาชนะมันได้...แต่ถ้าเราแพ้ ก็คงตายกันหมด" เฮียเฉินบอก
ทุกคนเงียบและมีสีหน้าเคร่งเครียดเอาจริง

ลูกน้องจางซื่อยืนเป็นบอดี้การ์ดอารักขา ในร้านที่มีลูกค้าเพียงโต๊ะเดียวคือโต๊ะที่จางซื่อนั่งคู่กับเมลดา เมลดาถือการ์ดแต่งงานอยู่ในมือ
"แน่ใจเหรอที่ทำแบบนี้ แกเป็นถึงหัวหน้าสำนักอสูรเทวา เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นได้ด้วยเหรอ" เมลดาว่า
"ใครล้อเล่น ฉันให้เกียรติแก ตกแต่งแกเป็นเมียไม่ใช่นางบำเรอ" จางซื่อบอก
"แกจะแต่งงานกับฉันจริงเหรอ" เมลดาถาม
จางซื่อยิ้มเล็กยิ้มน้อยแทนคำตอบ
"แกมีแผนอะไรกันแน่" เมลดาถาม
"ฉันจะเล่าแผนของฉันให้แกฟัง...ในคืนวันแต่งงาน กังฟูต้องมาแน่ๆ ในคืนนั้น แล้วฉันจะฆ่าแก"
เมลดาอึ้ง
"เข้าใจไหมว่าฉันต้องการอะไร" จางซื่อถาม
"แกต้องการให้กังฟูแค้นแกเหรอไง" เมลดาย้อนถาม
"เมลดา ยิ่งวันฉันยิ่งชื่นชมเธอ...ใช่ ฉันต้องการให้กังฟูแค้นฉัน เกลียดฉัน สาบานว่าจะไม่ยอมอยู่ร่วมโลกกับฉัน เค้นพลังสุดยอดของมันออกมา"
"แล้วก็...ฆ่าแก"
"ใช่"
เมลดาเงียบไปครู่หนึ่ง
เมลดาถาม "เพื่ออะไร แกทำแบบนั้นเพื่ออะไร"
จางซื่อถอนหายใจ
"ฉันต้องการให้มันเป็นมาร"
"ฆ่าแกแล้วเขาจะเป็นมารได้ยังไง"
"การฆ่าคนทำให้คนเป็นมาร ศาสนาถึงห้ามฆ่าคน"
"ฆ่าคนเลวๆอย่างแกจะเป็นมารได้ไง ได้ขึ้นสวรรค์สิไม่ว่า"
"แกเคยฆ่าคนไหม"
"เอ่อ...ไม่"
"งั้นแกไม่มีสิทธิ์วิจารณ์เรื่องนี้ ถ้าสงสัยก็ลองไปฆ่าคน ฆ่าคนที่เลวชั่วช้าที่สุดในโลกก็ได้"
"อย่านอกเรื่อง ต่อให้กังฟูฆ่าแกจนเป็นมาร แล้วไง แกจะได้ประโยชน์อะไร"
"ที่ฉันอยากให้มันเป็นมารเพราะฉันต้องการให้กังฟูเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักอสูรเทวา"
"แล้วถ้ากังฟูไม่ฆ่าแกล่ะ หรือพลังสุดยอดของเขาฆ่าแกไม่ได้ล่ะ"
"ฉันจะฆ่ามัน"
เมลดาอึ้งไป
"แกบ้าแล้ว...ใช้วิธีแบบนี้เนี่ยนะ"
"ฉันจนตรอกแล้ว ฉันไม่เหลือใครให้สืบทอดดูแลสำนักอสูรเทวา"
"แล้ว...ทั้งหมดนี้ แกเล่าให้ฉันฟังทำไม"
"เพราะฉันต้องการความร่วมมือจากแก"
"ฝันไปเถอะ"
"ฉันไม่ได้ขอเปล่าๆ เรื่องนี้มีเดิมพัน เดิมพันสูงมาก ถ้าแกอยากเล่นเกมส์นี้กับฉัน แกต้องร่วมมือกับฉัน"
เมลดามองจางซื่อด้วยความหวาดระแวงว่าจางซื่อจะมาไม้ไหน

เมลดายืนมองวิวข้างนอกด้วยท่าทางสับสนและกังวลอยู่ที่ระเบียงของร้านอาหาร
"กังฟู...ปกติฉันไม่ค่อยเล่นพนัน แต่เกมส์นี้ฉันต้องเล่น นี่เป็นเกมส์ที่ตัดสินชะตาชีวิตของเรา...และของคนอื่นด้วย ... อย่าแพ้นะกังฟู"
เมลดากำหมัดแน่น จางซื่อโผล่หน้าออกมา
"ได้เวลาแล้ว"
เมลดาพยักหน้ารับรู้แล้วเดินกลับเข้าไป

จางซื่อกับเมลดาเดินลงมายังด้านล่างที่นักข่าวหลายคนรออยู่ พอเห็นทั้งสองนักข่าวก็รีบหยิบกล้องขึ้นมา
"คุณจางซื่อครับ ขอพวกเราถ่ายรูปคุณกับว่าที่เจ้าสาวนะครับ ตอนนี้ทุกคนสนใจข่าวนี้มาก"
"สนใจอะไร พวกคุณล้อผมเล่นแล้ว" จางซื่อว่า
"ไม่นะครับ คุณจางซื่อเป็นนักธุรกิจที่กำลังมาแรง ทุกคนสนใจเรื่องนี้ครับ ขออนุญาตินะครับ"
จางซื่อหันมาหาเมลดา
"ว่าไงที่รัก"
เมลดายิ้มกับนักข่าว
"รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ"
เมลดาขยับเข้าไปใกล้จางซื่อแล้วเอนกายอิง จางซื่อยิ้มแล้วโอบเมลดาเอาไว้ นักข่าวถ่ายรูปพรึ่บพรั่บ

เช้าวันต่อมา เฮียเฉินรำไทเก็กอยู่ กังฟูเดินออกมานั่งดูอย่างซึมเซา เฮียเฉินหันมาเห็นก็เอ่ยถาม
"ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจังวะ"
"ผมนอนไม่หลับครับ" กังฟูบอก
"หา ไม่ได้นอนทั้งคืนเลยเหรอ"
"ครับ ผมคิดถึงแต่เรื่องคุณเม"
"มองโลกในแง่ดีดิ เรื่องของเมลดากับจางซื่อ ยังไม่มีหลักฐานอะไรแน่ชัด มีแค่คำบอกเล่าของคนอื่นแค่นั้นเอง จริงๆอาจจะไม่มีอะไรก็ได้"
กังฟูมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น
"จริงสิครับ อาจารย์พูดถูก ผมไม่ควรตื่นตูมเกินไป"
"ใช่แล้ว ถ้ามีหลักฐานค่อยฟูมฟายก็ยังไม่สายนะ"
เฮียเฉินดีใจที่ปลอบกังฟูได้
คนส่ง นสพ.ขี่มอเตร์ไซค์ผ่านมาแล้วก็โยน นสพ.จีนเข้ามาในวัด นสพ.ตกลงแทบเท้าเฮียเฉิน เฮียเฉินหยิบ นสพ.ขึ้นมา
"ไหน วันนี้มีข่าวอะไรบ้างเนี่ย...ชิบ...”
เฮียเฉินอุทานด้วยอาการตกใจทันทีที่เห็นรูปถ่ายของจางซื่อคลออเคลียกับเมลดาขึ้นหน้าหนึ่ง
"มีข่าวอะไรเหรอครับ" กังฟูถาม
เฮียเฉินรีบซ่อน นสพ.
"ไม่มีอะไร หนังสือพิมพ์จีนมีแต่ข่าวจีนๆ ไม่มีอะไร้"
เฮียเฉินรีบเดินจากไป กังฟูมองตามด้วยความสงสัย
มอเตอร์ไซค์อีกคันวิ่งมาแล้วก็โยนหนังสือพิมพ์เข้ามาอีกฉบับ กังฟูจะเดินไปหยิบ เฮียเฉินพุ่งมาหยิบได้ก่อนก็พบว่าเป็น นสพ.ไทย ที่ลงรูปเมลดากับจางซื่อบนปกเช่นกัน
"เฮ้อ หนังสือพิมพ์ไทยก็มีแจ่ข่าวไทยๆ ไม่มีอะไร้"
กังฟูไม่เชื่อ "ขอดูหน่อย"
เฮียเฉินรีบบอก "ไม่ให้ดู"
เสียงมอเตอร์ไซค์วิ่งมาอีก ทั้งสองมองไปเห็นว่าเป็นรถมอเตอร์ไซต์ส่ง นสพ.อีกคัน
"เฮ้ย นี่วัดหรือศูนย์ข่าววะ ทำไมมันรับหลายฉบับอย่างงี้" เฮียเฉินว่า
คนส่งโยน นสพ.เข้ามา คราวนี้กังฟูพุ่งไปรับตัดหน้า กังฟูหันมายิ้มอย่างผู้มีชัย
"อันนี้ผมขออ่านนะ"
เฮียเฉินร้องบอก "อย่า...”
กังฟูก้มลงดูก็เห็นว่าเป็น นสพ.ฝรั่งที่ลงรูปจางซื่อกับเมลดาแถมรูปยังใหญ่กว่า นสพ.จีนกับไทยอีก
กังฟูตะลึงลาน
เฮียเฉินรีบบอก "กังฟู ใจเย็น...”
กังฟูปล่อยมือทำให้หนังสือพิมพ์ร่วงลงพื้นโดยไม่รู้ตัว

กังฟูอยู่ในอาการอกหัก เขาวิ่งเซไปกระแทกผนังซ้ายทีขวาที
กังฟูนั่งเหม่อมองหยาดฝนอยู่ริมกระจก
กังฟูระบายความอัดอั้นด้วยการร้องตะโกนและรัวกำปั้นต่อยผนังจนเหนื่อยหอบ ผนังล้มโครม
กังฟูนอนขดตัวร้องไห้อยู่ที่มุมห้องสกปรกและอับชื้น


ฮูหยินคุยกับโกวเล้ง
"กังฟู ตอนนี้หมดสภาพสุดๆแล้ว อย่าว่าแต่จะให้ร่วมค่ายกลดอกท้อเลย เอาแค่ให้มันนั่งกินข้าวเฉยๆมันยังทำไม่ได้เลย สามวันนี้ข้าวไม่กิน น้ำไม่กิน ไม่ต้องเดนหมัดจางซื่อมันก็ต้องตายแน่ๆ" ฮูหยินบอก
โกวเล้งถอนใจ
"อมิตพุทธ"
"พวกเราจนปัญญาแล้ว ปลอบมันด่ามันยังไงมันก็เอาแต่อกหัก ไม่ดีขึ้นเลย ท่านอาจารย์ช่วยมันด้วยเถอะค่ะ คิดซะว่าช่วยลูกหมาตัวนึง"
โกวเล้งพยักหน้า
ฮูหยินพูด "ขอบคุณมากค่ะ"


กังฟูนั่งซึมอยู่ท่ามกลางกองขยะ คนเดินผ่านไปมาไม่ทันสังเกตว่ามีคน โยนขยะลงมา กังฟูก็ไม่สนใจที่จะปัด เขาปล่อยให้เศษขยะกองอยู่บนตัว
กังฟูเพ้อ "คุณเม...”
เสียงสวดมนต์ดังอย่างแผ่วเบาแล้วก็ค่อยๆดังขึ้นๆ จนกังฟูทนเฉยไม่ไหว เขามองซ้ายมองขวา
"หนวกหูโว้ย"
เสียงสวดมนต์ยังดังขึ้นจนกังฟูปวดหู ล้มตัวเกลือกกลิ้ง เขาต้องรีบนั่งสมาธิเพื่อโคจรลมปราณ สักครู่ก็ดีขึ้นจึงลุกขึ้นมาตะโกนสวนท่ามกลางเสียงสวดมนต์ที่ยังดังอยู่
"อาจารย์โกว ท่านอยู่แถวนี้ใช่ไหม ท่านมาแกล้งผมทำไม"
เสียงสวดมนต์หายไป สักครู่โกวเล้งก็ทิ้งตัวลงมาตรงหน้ากังฟู
"อาจารย์โกว ท่านทำแบบนี้ทำไม"
"ให้ประสกมีสติ" โกวเล้งบอก
"มาเดียวกับพวกอาจารย์แม่เลย ... อาจารย์โกว ท่านดูปากผมนะ ผมจะพูดช้าๆ..."ผมอกหัก" เข้าใจไหม คนอกหักก็ต้องเป็นงี้มั้งนั้น พวกอาจารย์แม่ไม่เข้าใจหรอก ของเขาเจอกันก็รักกันยาวเลย อาจารย์โกว ท่านเป็นพระท่านยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ ท่านไปไหนก็ไปเถอะ ปล่อยผมเป็นขยะอยู่ที่นี่แหละ"
กังฟูโบกมือไล่โกวเล้งแล้วนั่งลงท่ามกลางกองขยะต่อไป
โกวเล้งพูด "มันอึดอัดเจ็บแปลบอยู่ข้างใน ยิ่งคิดยิ่งเจ็บ ไม่คิดก็ไม่ได้...ใช่ไหม”
กังฟูหันมามองโกวเล้ง
"ใช่เลย เป็นแบบนั้นจริงๆ ผมทรมานมาก"
"ยิ่งฟังเพลงรักก็ยิ่งเจ็บแสบบาดลึก ใช่ไหม" โกวเล้งถามต่อ
"โฮ้ย นั่นแหละ ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว อาจารย์โกว ท่านเป็นพระ ท่านเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ยังไง"
"อาตมาเคยเป็นฆราวาสมาก่อน"
"อาจารย์โกว ท่านช่วยผมได้ไหม ผมทรมานสุดๆแล้ว ผมอยากตาย"
"เวลาคือยาที่ดีที่สุด" โกวเล้งบอก
"ครับ...แต่ว่าแต่ละวินาทีในตอนนี้มันช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน"
"อาตมาพอจะมีวิธีช่วย"
"ต้องทำยังไงครับ" กังฟูสนใจ
อ่านต่อหน้าที่ 3


ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู ตอนที่ 15 (ต่อ)
กังฟูนั่งสมาธิ
เสียงโกวเล้งดังในหัวของเขา "เปลี่ยนความเศร้าเป็นพลัง ใช้พลังสร้างวิทยายุทธ"
กังฟูนั่งสมาธิอย่างแน่วแน่
"ยิ่งเจ็บปวดยิ่งต้องมีสมาธิ สร้างสรรค์ตัวตนใหม่ขึ้นมาจากความเจ็บปวดนั้น"
กังฟูที่สะกดกลั้นความเจ็บปวดนั้นเอาไว้

ในจินตนาการ กังฟูคิดท่ามวย
เสียงโกวเล้งดังในหัวกังฟู "เวลาอกหัก นับเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะสร้างสรรค์ความเป็นตัวของตัวเอง จิตรกรเขียนรูป กวีแต่งกลอน นักร้องแต่งเพลง...จอมยุทธสร้างเพลงมวย"
กังฟูร่ายรำเพลงมวย

เฮียเฉิน เฮียหลอ เฮียเก้า ฮูหยิน มิเชล และติงลี่นั่งคุยกัน
"ไอ้กังฟูหายหัวไปไหนไม่รู้ตั้งหลายวัน ป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก" เฮียหลอว่า
"อาจารย์โกวบอกว่าต้องปล่อยมัน ของแบบนี้เร่งไม่ได้" ฮูหยินบอก
"แล้วเราจะเอาไง แผนการในวันพรุ่งนี้จะล้มเลิกไหม" เฮียเก้าถาม
"ไม่ ... พรุ่งนี้มีมวลชนร่วมก่อการด้วย พรุ่งนี้ดีที่สุด" เฮียเฉินยืนยัน
"แต่ถ้าไม่มีกังฟูก็ไม่มีค่ายกลดอกเหมย แล้วพวกลื้อจะเอาอะไรไปสู้กับจางซื่อ"
"อั๊วแทนที่กังฟูเอง" ฮูหยินบอก
"แต่ลื้อยังบาดเจ็บอยู่" ติงลี่ท้วง
"บาดเจ็บก็สู้ได้"
"ไม่ไหวมั้ง" ติงลี่ปราม
มิเชลจ้องติงลี่
"เฮียติงลี่มัวแต่ตินู่นตินี่ ไม่คิดจะลงมือสู้บ้างเหรอ"
"อั๊วเนี่ยนะ เฮอะๆ อั๊วฝึกมวยกระท่อนกระแท่น จะไปสู้อะไรกับใครได้"
"ต่อให้เป็นจางเหลียงคืนชีพขึ้นมา แต่ถ้าขี้ขลาดตาขาว ก็ไม่มีประโยชน์ ฮูหยินบาดเจ็บ แต่จิตใจห้าวหาญ ก็นับว่าอันตราย ฉันพูดถูกไหมคะ"
ติงลี่พูดไม่ออก
"เฮียติงลี่ค่อยๆคิดดูแล้วกัน" มิเชลว่า
มิเชลลุกเดินออกไป ติงลี่นิ่งเงียบ

คนงานและลูกน้องจางซื่อช่วยกันตกแต่งสำนักอสูรเทวาซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน

เฮียป้อกับเจ๊ยี้เตรียมพร้อมประท้วง
"พร้อมนะ" เฮียป้อถาม
"ถ้ามีลื้ออยู่ด้วย อั๊วพร้อมเสมอ" เจ๊ยี้บอก
"อายี้...ลื้อดูนี่"
เฮียป้อยื่นข้อมือที่มีปากกาวาดรูปดอกท้อให้เจ๊ยี้ดู
"รูปดอกท้อ"
เจ๊ยี้มีสีหน้าสลด
"อั๊วเขียนไว้เพื่อเตือนใจตัวเองไม่ให้ทรยศสิ่งที่อั๊วสาบานกับดอกท้อ" เฮียป้อบอก
"เฮียป้อ ลื้ออย่าพูดอีกเลย อั๊วเข้าใจ อั๊วไม่มีวาสนา หวังว่าชาติหน้า ลื้อจะไม่มีรูปนี้ที่ข้อมืออีก"
"ไม่ต้องรอชาติหน้าหรอก อายี้ ที่อั๊วจะบอกคือว่าถ้าวันนี้เราแพ้ เราคงตายอยู่ตรงนั้น แต่ถ้าเราชนะ อั๊วจะลบรูปนี้ และ...เราจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน"
"อะไรนะ...ลื้อพูดจริงเหรอนี่" เจ๊ยี้ถาม
"ใช่ อั๊วดึงตัวเองห่างจากความสุขมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่อั๊วจะต้องเดินหน้าต่อ"
"เฮียป้อ"
เจ๊ยี้ปลื้มสุดๆ จึงเดินมาข้างหน้าแล้วชี้ออกนอกประตูไปยังจุดหมายที่ไกลออกไป
"ไอ้จางซื่อ วันนี้ลื้อต้องแพ้แน่ๆ"


หลินหลินกับบู๊ลิ้มเดินมาที่หน้าบ้านเฮียป้อ หลินหลินชูป้าย "จางซื่อ GET OUT" ส่วนบู๊ลิ้มชูป้าย" อสูรเทวา ชิ้ว ชิ้ว " เฮียป้อกับเจ๊ยี้เดินออกมาแล้วมองที่บู๊ลิ้มกับหลินหลินด้วยความแปลกใจ
"บู๊ลิ้ม หลินหลิน พวกลื้อเอาด้วยเหรอ" เฮียป้อถาม
"แน่นอน เราขอเป็นหยดน้ำหยดเล็กๆที่จะร่วมสร้างสึนามิถล่มอสูรเทวา" บู๊ลิ้มบอก
เฮียป้อ เจ๊ยี้ และหลินหลินปรบมือกันเกรียว
"บู๊ลิ้ม เธอพูดเก่งมาก ยังกะพวกที่พูดบนเวที เธอทำได้ไงเนี่ย" หลินหลินชม
"ไม่รู้สิ อยู่ดีๆมันก็พูดได้เอง" บู๊ลิ้มเขิน
"สงสัยเธอจะเจอทางของเธอแล้วล่ะ" เจ๊ยี้ว่า
"ไป...ได้เวลาแล้ว ไปถล่มอสูรเทวากัน" เฮียป้อบอก
หลินหลิน เจ๊ยี้ และบู๊ลิ้มชูกำปั้นแล้วร้องเยส

ธูปที่ติดไฟลุกโชน ก่อนที่จะมีมือมาพัดไฟให้ดับจนกลายเป็นควันขโมง เหมยอิงกับสวยจุดธูปไหว้พระ
"สิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งหลาย ขอให้พวกเขาปลอดภัยด้วยเถอะ" เหมยอิงสวด
เหมยอิงปักธูปลงหน้าพระพุทธรูป ควันธูปลอยกลบใบหน้าพระพุทธรูป

สำนักอสูรเทวาถูกตกแต่งเป็นสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงาน แขกเหรื่อทยอยมาร่วมงาน เจ้าหน้าที่คอยต้อนรับ ข้างในจางซื่ออยู่ในชุดเจ้าบ่าวต้อนรับแขกเหรื่อที่มาแสดงความยินดี เจ้าหน้าที่ด้านหลังเตรียมเรื่องเครื่องดื่มอาหารกันอย่างวุ่นวาย ลึกเข้าไปอีก เมลดาในชุดเจ้าสาวสีแดงอยู่ในห้องทำงานจางซื่อ
"กังฟู...นายจะมารึเปล่า"

กังฟูยังนั่งสมาธิอย่างมั่นคง

เสียงอื้ออึงดังกึกก้องมาจากทางด้านหนึ่ง สักครู่ เฮียป้อ เจ๊ยี้ บู๊ลิ้ม และหลินหลิน นำคณะตัวแทน คน 20 คนเดินถือแผ่นป้ายโจมตีจางซื่อกับอสูรเทวา แต่ละแผ่นป้ายของแต่ละคนเขียนกำกับว่า ตัวแทนซอย 1 ตัวแทนซอย 2 จนถึงตัวแทนซอย 10
กลุ่มประท้วงประสานเสียง "จางซื่อ! ออกไป! อสูรเทวา! ออกไป! จางซื่อ! ออกไป! อสูรเทวา! ออกไป!”
เฮียเฉิน ฮูหยิน เฮียหลอ เฮียเก้า มิเชล และติงลี่เดินเรียงหน้ากระดานเรียงมาจากอีกทางหนึ่ง ทั้งสองขบวนมาเจอกันที่สี่แยกพอดี ทุกคนต่างชูกำปั้นให้กันแล้วรวมเป็นขบวนเดียวเพื่อเดินไปสู่สำนักอสูรเทวา

ลูกน้องจางซื่อจุดประทัดเสียงดังต่อเนื่องยาวนาน แขกเหรื่อเข้าไปในงานหมดแล้ว พิธีกำลังเริ่ม
เมลดาเดินออกมาสู่โถงจัดงานแล้วมองไปเห็นแขกเหรื่อมากมาย อาซ้อคนหนึ่งเห็นเมลดาเดินออกมาก็รีบออกมาห้าม
"เจ้าสาวยังออกมาไม่ได้นะคะ ยังไม่ถึงเวลา แล้วทำไมไม่สวมหมวก ห้ามให้คนอื่นเห็นหน้านะคะ"
เมลดาพูด "ถอยไป"
เมลดามองอาซ้อ อาซ้อเจอแววตาเมลดาก็ถึงกับหุบปากแล้วถอยออกไปทันที จางซื่อเดินมาหา
"หากังฟูเหรอ มันยังไม่มา"
เมลดากัดริมฝีปาก จางซื่อมองเมลดา
"แกรู้ไหม คืนนี้แกสวยมาก บางที ถ้ากังฟูมันไม่มาเลยก็ดีเหมือนกัน เราจะได้เป็นผัวเมียกันจริงๆ"
เมลดาไม่กล้ามองหน้าจางซื่อ แต่สีหน้าของเธอหวั่นไหว
จางซื่อกวักมือเรียกลูกน้องคนหนึ่งให้เดินเข้ามา
"บอกคนจัดงาน เริ่มพิธีได้เลย"
เมลดาตกใจก่อนจะหันไปมองจางซื่อ จางซื่อยกมือลูบแก้มเมลดา
"ผู้หญิงของฉัน"
เมลดาปัดมือจางซื่อ จางซื่อหัวเราะเบาๆ
ลูกน้องวิ่งไปบอกคนที่ทำหน้าที่พิธีกรซึ่งกำลังกินข้าวอยู่ พิธีกรรีบวางตะเกียบ กลืนข้าวกลืนน้ำ แล้วรีบเดินมาประจำตำแหน่ง
"แขกเหรื่อทุกท่าน กรุณาเงียบด้วยครับ พิธีมงคลสมรสกำลังจะเริ่มขึ้น ณ.บัดนี้แล้ว"
แขกเหรื่อในงานเงียบเสียงลง
"ขอเชิญคู่บ่าวสาวครับ"
คนในงานปรบมือ จางซื่อยิ้มแล้วจับมือเสลดาวางบนมือเขาก่อนจะพาลงบันไดไปที่กลางโถง เมลดาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอคอยมองไปที่ประตูตลอด จางซื่อกับเมลดาหยุดอยู่ตรงกลางโถง
"เจ้าบ่าวเจ้าสาวคำนับฟ้าดิน" พิธีกรบอก
จางซื่อคำนับ แต่เมลดายังยืนมองตรงไปที่ประตู พิธีกรกระซิบบอกเมลดา
"เจ้าสาว คำนับฟ้าดิน"
เมลดาตัดใจ หันมากำลังจะคำนับ ทันใดนั้นประตูก็เปิดผลัวะ เมลดาหันไปเห็นว่าเป็นลูกน้องจางซื่อคนหนึ่งที่มีหน้าตาตื่นตกใจ
"ท่านเจ้าสำนัก...แย่แล้วครับ...”
เสียงโห่ร้องจากข้างนอกดังเข้ามา จางซื่อหน้าเปลี่ยนสีแล้วก็กระโดดออกไปดู เมลดาตามจางซื่อไป เฮียป้อนำม็อบจำนวนมากมาร้องตะโกนด่าทออสูรเทวาอยู่ด้านหน้า พอเห็นหน้าจางซื่อก็ยิ่งตะโกนเสียงดังลั่น
"จางซื่อออกไป จางซื่อออกไป จางซื่อออกไป"
จางซื่อกำหมัดแน่น เขามองไปที่เฮียป้อกับเจ๊ยี้ซึ่งเป็นแกนนำ จางซื่อเกร็งกำลังภายในแล้วพูดเสียงดังกึกก้อง
"บังอาจ นี่เป็นงานแต่งงานฉัน ใครใช้พวกแกมาเสนอหน้า หา" จางซื่อว่า
จางซื่อกระโดดลงไปเพื่อจะจัดการกับเฮียป้อ
"เฮ้ย แกจะทำอะไร เรามามือเปล่า เราใช้สันติวิธี แกห้ามลงมือ เข้าใจไหม"
"อั๊วไม่สน ถ้าไม่กลับไป อั๊วจะกระทืบทุกคน"
ทันใดนั้น เฮียเฉิน เฮียหลอ เฮียเก้า มิเชล ฮูหยิน และติงลี่กระโดดออกจากม็อบมาล้อมจางซื่อทันที เฮียป้อรีบถอยออกไป
เฮียเฉินพูด "ค่ายกลดอกเหมย"
จางซื่อรู้ตัวว่าติดกับแล้วก็หัวเราะ
"วางแผนกันมาแล้วเรอะ แต่อาศัยค่ายกลของพวกแก ยังทำอะไรฉันไม่ได้หรอก" จางซื่อว่า
ฮูหยินสั่ง "ลงมือ"
ค่ายดอกเหมยรุมล้อมจางซื่อ

เฮียป้อเห็นจางซื่อกำลังวุ่นวายกับค่ายกลก็ตะโกนบอกม็อบ
"พวกเรา ถือโอกาสนี้ ถล่มสำนักอสูรเทวาเลย"
"เฮียป้อ บอกจะใช้สันติวิธีไม่ใช่เหรอ" บู๊ลิ้มท้วง
"หยวนๆน่า ตอนนี้มันกำลังเผลอ ลุยเลยโว้ย"
พวกม็อบร้องเฮแล้ววิ่งเข้าหาสำนักอสูรเทวา พวกลูกน้องจางซื่อดาหน้าเข้าลุยและปะทะกันอย่างอลหม่าน
จางซื่อสู้กับค่ายกลดอกเหมย เขาหัวเราะฮ่าๆ ก่อนจะถีบเฮียหลอ ฟาดฮูหยิน เตะติงลี่ ต่อยเฮียเก้า และเฮียเฉินจนกระเด็นออกมาทุกคน จางซื่อหัวเราะลั่น
"วันนี้ฉันจะใช้เลือดพวกแกต่างเหล้าเซ่นไหว้ฟ้าดิน"
จางซื่อง้างหมัดแล้วเล็งใส่ติงลี่
"ตาย!”
จางซื่อต่อยใส่แต่ทันใดนั้นก็มีคนกระโดดลงมาต่อยสวน จางซื่อหลบเลี่ยงแล้วลอยตัวกลับมาอยู่ที่เดิม จางซื่อเพ่งมองครู่หนึ่งจึงจำได้ว่าเป็นกังฟู
"กังฟู"
เมลดายิ้มดีใจ
"กังฟู"

กังฟูมีสภาพเส้นผมบนศีรษะเปลี่ยนเป็นสีขาวหมด เขาทำเป็นไม่ได้ยินที่เมลดาเรียกและไม่มองเธอ เมลดาเสียใจ กังฟูหันไปหาพวกเฮียเฉิน
"อาจารย์ ศิษย์ขอโทษที่มาช้า" กังฟูบอก
"กังฟู ลื้อมาเองหรือมีใครไปตามวะ" เฮียเฉินถาม
"ศิษย์คิดค้นเพลงยุทธสำเร็จ จึงกลับไปที่วัด พวกเขาบอกอาจารย์มาที่นี่ ศิษย์เลยรีบตามมา"
"คิดค้นเพลงยุทธเอง ประเสิรฐ ขอฉันเปิดหูเปิดตาหน่อย"
กังฟูตั้งท่ามวย
"เพลงหมัดหัวใจสลาย"
กังฟูบุกจู่โจมใส่จางซื่อ ทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด จางซื่อผลักกังฟูออกไปแล้วกระโดดลอยตัวมายืนข้างๆเมลดา
"เป็นเพลงมวยที่ดี แต่ยังต้องปรับปรุง" จางซื่อว่า
"ไม่ต้องสอน อั๊วไม่อยากได้คนอย่างลื้อเป็นอาจารย์" กังฟูบอก
"ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นของขวัญจากอาเขย...เพลงหมัดของลื้อขาดความดุดันไปหน่อย วิธีเพิ่มความดุดันต้องทำแบบนี้"
จางซื่อชักมีดแทงกลางอกเมลดา เมลดาตกใจแล้วหันมามองจางซื่อ
"จางซื่อ...”
ทุกคนตกตะลึง
กังฟูตกใจมาก "คุณเม"
กังฟูกระโดดไปหาเมลดา จางซื่อรออยู่แล้วจึงถีบเปรี้ยงกลางอากาศ กังฟูกระเด็นออกไปแต่เขาไม่ห่วงตัวเองแม้แต่น้อย
"คุณเม...”
จางซื่อชักมีดออกมาอีกเล่มแล้วปักเข้าที่กลางอกเมลดาอีกที จางซื่อลืมตาโพลง
"คุณเม"
เมลดาล้มฮวบแล้วมองกังฟู
"กังฟู"
จางซื่อชักมีดขึ้นมาอีกครั้ง
"จางซื่อ เจ้าเดรัจฉาน อั๊วจะฆ่าลื้อ" กังฟูโกรธมาก
จางซื่อปักมีดลงไปอีกเล่ม เมลดาสะท้านเฮือกแล้วแน่นิ่งไป กังฟูกระโดดมาหาจางซื่อ จางซื่อกระโดดสวนขึ้นไป ทั้งสองปะทะกันกลางอากาศก่อนที่จะตกลงมา ทุกคนเปิดพื้นที่ว่างให้จางซื่อกับกังฟูลุยกันเต็มที่ จางซื่อสู้กับกังฟู ในที่สุดกังฟูก็ปราบจางซื่อได้ จางซื่อแสยะยิ้ม
จางซื่อด่า "ไอ้ลูกไม่มีพ่อ"
"จางซื่อ แกฆ่าพ่อฉันแล้วยังฆ่าคุณเมอีก หนี้แค้นขอชำระวันนี้ แกตายซะเถอะ"
กังฟูกำหมัดแล้วต่อยไปที่จุดชีวิตของจางซื่อ แต่แล้วก่อนที่หมัดจะแตะตัวจางซื่อ กังฟูก็คิดอะไรบางอย่างได้ หมัดของกังฟูชะงักค้างกลางอากาศ

ภาพตอนที่จางเหลียงส่งเหมยอิงกับกังฟูแวบขึ้นมาในหัวของเขา
จางเหลียงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆกังฟู
"จำไว้ สิ่งสำคัญของจอมยุทธไม่ใช่แก้แค้น แต่เป็นพิทักษ์คุณธรรม"

เหตุการณ์ปัจจุบัน กังฟูดึงหมัดกลับมา
"จางซื่อ อั๊วจะไม่ฆ่าลื้อ"
"อะไรนะ" จางซื่องง
"ฆ่าลื้อไปไม่มีประโยชน์ วันข้างหน้ายังจะมีคนอย่างลื้อเกิดขึ้นมาอีก แต่อั๊วจะทำลายวิชาฝีมือของลื้อ ให้ลื้อตกต่ำและน่าสมเพช จนไม่มีใครคิดจะเป็นคนอย่างลื้ออีก"
จางซื่อหัวเราะ
"รู้มั้ยทำไมเมลดายอมแต่งงานกับฉัน เพราะฉันข่มขืนมันไงล่ะ ฮ่าๆๆ"
กังฟูกำหมัดแน่น
จางซื่อพูดต่อ "ดีเลย ที่แกไม่ฆ่าฉัน ต่อให้แกทำลายวิชาฝีมือฉัน ก็ไม่เป็นไร ฉันจะนอนหลับฝันหวาน ฝันถึงความสุขที่ฉันได้จากเมลดา ฮ่าๆๆ"
"จางซื่อ!”
กังฟูกำหมัดแล้วก็คลายหมัดลง
"แกทำได้แค่นอนฝันแค่นั้นแหละ ชีวิตแกจบสิ้นแล้ว"
กังฟูเดินผ่านจางซื่อไปหาเมลดา จางซื่อหันกลับมาหากังฟู
"ไอ้กังฟู ทำไมแกขี้ขลาดอย่างนี้ ฉันฆ่าพ่อแก ฉันข่มขืนแล้วฆ่าแฟนแก แกยังไม่กล้าฆ่าฉันอีกเหรอ ไอ้ขี้ขลาดตาขาว"
"ลื้อพูดผิดแล้ว อั๊วกล้าที่จะไม่ฆ่าลื้อต่างหาก เพราะอั๊วไม่ใช่มารเหมือนลื้อ"
จางซื่ออึ้งไป กังฟูเข้ามาหาเมลดา
"คุณเม...คุณเม...ผมขอโทษ ผมช่วยคุณไม่ทัน"
เมลดาลืมตาขึ้น
"กังฟู นายไม่รังเกียจฉันเหรอ" เมลดาถาม
กังฟูตอบ "ไม่เลย"
เมลดายิ้ม
"ฉันก็ขอโทษ"
"ขอโทษเรื่องอะไรครับ"
"ขอโทษที่หลอกนาย"
เมลดายืนขึ้นด้วยท่าทางแข็งแรงเป็นปกติ เธอดึงมีดปลอมออกมาโยนทิ้ง กังฟูตะลึง คนอื่นๆก็งง เมลดาเอานิ้วป้ายเลือดตัวเองไปป้ายปากกังฟูที่กำลังยืนงง
"หวานอ่ะ" กังฟูบอก
"ก็น้ำแดงนี่นา" เมลดาบอก
"ผมงง"
"นี่เป็นการเดิมพันระหว่างเราสามคน ฉัน จางซื่อ แล้วก็นาย" เมลดาเล่า

เหตุการณ์ในอดีต เมลดาคุยกับจางซื่อ
"เกมอะไรของแก" เมลดาถาม
"ฉันจะทำเป็นฆ่าแกให้กังฟูเห็น แกต้องแกล้งตาย ถ้ากังฟูแค้นจนฆ่าฉัน ถือว่าฉันชนะ ถ้ากังฟูไม่ฆ่าฉันถือว่าแกชนะ" จางซื่อว่า
"เดิมพันคืออะไร"
"ถ้ากังฟูฆ่าฉัน ฉันจะฆ่าแกให้ตายจริงๆ แล้วฉันจะรับมันเป็นศิษย์เพื่อให้เป็นหัวหน้าอสูรเทวาคนต่อไป"
"กังฟูฆ่าแกแล้วแกจะทำอะไรได้อีก"
"ต่อให้มันตั้งใจ มันไม่มีวันฆ่าฉันได้จริงๆหรอก ฉันมีวิทยายุทธสูงกว่ามันมาก"
"แล้วถ้ากังฟูตัดสินใจไม่ฆ่าแกล่ะ"
"ถือว่าฉันแพ้ สำนักอสูรเทวาไม่มีผู้สืบทอด ฉันจะยุบสำนักอสูรเทวา"
เมลดาเงียบไป
"ถ้าฉันไม่เล่นเกมส์กับแกล่ะ" เมลดาถาม
"ฉันจะฆ่าแก ฆ่ากังฟู ฆ่าอาจารย์ของพวกมันทุกคน แล้วจะยุบสำนักอสูรเทวาทางเลือกนี้มีแต่คนแพ้ ไม่มีคนชนะ"
เมลดาเงียบไปนานก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
"ตกลง ฉันจะเล่นเกมส์กับแก"
จางซื่อพอใจ "ดี"

หลังจากเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ให้กังฟูฟัง เมลดาก็ยิ้มให้กังฟู
"ฉันเล่นเพราะฉันมั่นใจในตัวนาย ฉันรู้ว่าในใจนายไม่มีมาร นายฆ่าใครไม่ได้หรอก"
"ขอบคุณมากครับ" กังฟูบอก
เมลดาหันไปหาจางซื่อ
"ทำตามสัญญาด้วยนะจางซื่อ แกต้องยุบพรรคอสูรเทวา"
จางซื่อหัวเราะ
"แกนี่มันโง่จริงๆ คิดหรือว่าฉันจะรักษาสัญญา ... กังฟู ในเมื่อแกโง่เหมือนพ่อแก เก็บแกไว้ก็รังแต่จะเป็นอันตราย ฉันจะฆ่าแก ฆ่าผู้หญิงของแก ฆ่าอาจารย์ของแก ให้หมดสิ้นในคราวเดียว"
"ตระบัดสัตย์เหรอจางซื่อ" เมลดาว่า
"ฉันเคยบอกเธอแล้วไงว่าฉันเคยตระบัดสัตย์มาก่อนถ้ามันสำคัญพอ"
"เพลงหมัดหัวใจสลาย"
"เข้ามาเลย อั๊วจะให้ลื้อได้รู้จักของจริง...ลมปราณย้ายสุริยัน"
จางซื่อผนึกฝ่ามือจนมีประกายเรืองรองออกมาจากฝ่ามือของเขา
"นี่เหรอ ลมปราณย้ายสุริยัน" มิเชล
"มันคือวิชาอะไร" มิเชลถาม
"วิชาลึกลับที่จางเหลียงคิดค้นขึ้น บันทึกอยู่ในป้ายประจำตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนที่จะฝึกได้มีแต่หัวหน้าพรรคอสูรเทวาเท่านั้น ฉันเคยได้ยินชื่อ แต่เพิ่งได้เห็นของจริงวันนี้"
กังฟูบุกเข้าไปสู้กันได้ไม่กี่กระบวนท่า กังฟูก็กระเด็นออกมาโดยมีท่าทางช้ำใน จางซื่อจะตามมาซ้ำ
"มวยไทยพหุยุทธ"
เมลดาเข้าขวางก่อนจะใช้มวยไทยสู้กับจางซื่อ เมลดาสู้จางซื่อไม่ได้จึงกระเด็นออกมา เฮียเฉิน เฮียหลอ เฮียเก้า ฮูหยิน มิเชล และติงลี่บุกเข้าไปช่วยสู้กับจางซื่อ สักพักทุกคนก็กระเด็นกันออกมาหมด
กังฟูลุกขึ้นมาได้ก็ตั้งท่า
"เพลงหมัดหัวใจสลาย"
"หาที่ตาย" จางซื่อว่า
จางซื่อจะบุกเข้ามา เมลดาลอบจู่โจมทำให้จางซื่อถอยไป เมลดาตั้งท่ามวยไทยพหุยุทธ์
"จางซื่อ แกเก่งเกินไป ขอเราใช้สองรุมหนึ่งได้มั้ย" กังฟูบอก
"หน้าด้าน เอาเถอะ ถ้าแกกล้าขอฉันก็กล้าให้ กี่คนก็เข้ามา" จางซื่อว่า
กังฟูกับเมลดาสบตากันแล้วจู่โจมจางซื่อพร้อมกัน กังฟูกับเมลดาจู่โจมแบบเข้าขามาก เล่นเอาจางซื่อปั่นป่วน กังฟูได้โอกาสปล่อยหมัดโจมตีจางซื่อไปหลายหมัด จางซื่อการ์ดตกจึงเจอเมลลาเตะก้านคอไปเต็มแข้ง จางซื่อถอยออกมาผนึกลมปราณจนมีแสงเรืองรองขึ้น สักครู่เขาก็หายเป็นปกติ
"พวกแกสองคนสมแล้วเป็นคู่รักกัน ลงมือพร้อมกันกลับเพิ่มอานุภาพหลายเท่าตัวไม่เคยมีใครเล่นงานฉันได้ขนาดนี้ แต่เสียดาย ลมปราณย้ายสุริยันรักษาอาการบาดเจ็บได้ ต่อให้แกสองคนเก่งกว่านี้อีกหลายเท่าก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก"
จางซื่อบุกเข้ามา กังฟูกับเมลดาร่วมมือกันซัดจางซื่อได้อีกแต่จางซื่อก็รักษาตัวเองได้จนกังฟูกับเมลดาหมดแรง จางซื่อเตะเมลดากระเด็นแล้วจึงซัดกังฟูจนล้มลง จางซื่อเดินมาหากังฟู
"โอกาสสุดท้าย แกจะมาเป็นศิษย์ของฉันไหม...ถ้าแกตกลง แปลว่าแกยังมีความหน้าด้านและสารเลวอยู่บ้าง ฉันจะรับแกเป็นศิษย์"
"ไม่"
"งั้นก็ตายซะเถอะ ตายด้วยลมปราณของพ่อแกนี่แหละ...ลมปราณย้ายสุริยัน"
เมลดาร้องลั่น "อย่า...”
"คุณเม...”
"กังฟู...”
จางซื่อกระแทกฝ่ามือลงที่ตัวกังฟู แต่แล้วจางซื่อกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไปแล้วตัวจางซื่อก็กระเด็นปลิวละลิ่วเหมือนว่าวที่สายป่านขาดตกลงไปกระแทกพื้นที่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร
จางซื่อตกใจ "กะ...เกิดอะไรขึ้น"
เสียงสวดมนต์ดังกระหึ่ม โกวเล้งเดินออกมาจากฝูงชน
"อมิตพุทธ"
"อาจารย์โกว ท่านมานานแล้วเหรอเนี่ย" เฮียเฉินถาม
โกวเล้งถอนใจ
"อาตมารับปากไม่ยุ่งเกี่ยว แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้"
จางซื่อหัวเราะไปกระอักเลือดไป
"หลวงจีนเจ้าเล่ห์ แกทำอะไรวะ ทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้"
โกวเล้งส่ายหน้าปฏิเสธ
"นี่เป็นฝีมือของจางเหลียง" โกวเล้งบอก
กังฟูงง "พ่อผมน่ะเหรอ"
"ก่อนเขาตายได้ถ่ายทอดวิชาลมปราณย้ายสุริยันให้ประสก ลมปราณนี้ข้อห้ามชนิดหนึ่ง คาดว่าประสกจางซื่อต้องไม่รู้แน่ๆ"
"ข้อห้ามอะไร"
"ห้ามทำร้ายผู้ที่ฝึกลมปราณสุริยันเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะโดนลมปราณของตัวเองย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง"
"จางเหลียงสุดยอด วางกับดักแบบนี้เพราะรู้ว่าจางซื่อต้องตามมาเล่นงงานลูกของเขาแน่ๆ"
"แต่ว่า...ถ้าเมื่อกี้กังฟูตั้งใจจะฆ่าจางซื่อ งั้นคนที่โดนเล่นงานก็คือกังฟูใช่ไหมคะ"
"ถูกต้อง ... โชคดีในใจประสกกังฟูไม่มีมาร"
"อ๋อ นี่สินะลิขิตสวรรค์ที่อาจารย์บอกว่าพูดไม่ได้ เพราะมันเป็นบททดสอบจิตใจของกังฟูกับจางซื่อ ใครคิดร้ายคนนั้นคือคนแพ้" ฮูหยินว่า
ทุกคนมองไปที่จางซื่อ จางซื่อกัดฟันลุกขึ้นยืน
"ดี...จางเหลียง แกตายไปเกือบสามสิบปีแล้ว นึกไม่ถึงยังทำร้ายฉันได้ นับถือยิ่งนัก"
จางซื่อล้มลงไปกับพื้น
"ผมไม่ตั้งใจฆ่าเขาเลย" กังฟูบอก
"เขาไม่ได้ตาย แค่สลบเท่านั้น ตอนนี้วิชาฝีมือของเขาถูกทำลายกลายเป็นคนไม่มีฝีมือแล้ว" โกวเล้งบอก
"จางซื่อ...”
ทุกคนมองจางซื่อด้วยความสมเพช
อ่านต่อหน้าที่ 4


ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู ตอนที่ 15 (ต่อ)
กองกำลังชาวบ้านของเฮียป้อเอาชนะลูกน้องจางซื่อได้อย่างเด็ดขาด

เฮียป้อพูด "พี่น้องทุกท่าน เราชนะแล้ว ไช...”
ชาวบ้านขานรับ "โย!”
เจ๊ยี้ดึงเฮียป้อเข้ามากอด
"ลื้อเก่งมากเฮียป้อ ทั้งเก่งทั้งเท่" เจ๊ยี้ชม
"อั๊วมาถึงจุดนี้ไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีมีลื้อ อายี้"
เฮียป้อมองเจ๊ยี้จนเจ๊ยี้เขิน เฮียป้อกอดเจ๊ยี้แล้วก้มลงจูบปากเจ๊ยี้ เจ๊ยี้เคลิ้มสะเทิ้นไปทั้งตัว ชาวบ้านปรบมือแล้วร้องเฮ

เมลดากับมิเชลยืนเผชิญหน้ากัน
"ก่อนที่เราจะเคลียร์กัน ฉันมีเรื่องอยากบอกกับเธอเรื่องนึง" มิเชลพูด
"ว่ามาเลย" เมลดาบอก
"ฉันขอโทษ...ฉันเสียใจจริงๆ ฉันสำนึกผิด เธอจะจัดการฉันยังไงก็ลงมือได้เลย ฉันจะไม่ตอบโต้"
เมลดาจ้องหน้ามิเชล แล้วกำหมัดแน่น มิเชลหลับตารอการลงโทษจากเมลดา แต่สุดท้ายเมลดาก็ไม่ทำอะไรแต่ร้องไห้
มิเชลงง "เม...”
"ไปเถอะมิเชล...ฉันยกโทษให้เธอ" เมลดาบอก
"เม...”
"เธอไม่ใช่คนเดิมที่ฆ่าพ่อฉัน ไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะทำร้ายเธอ มิเชลคนนั้นไม่อยู่แล้ว"
มิเชลกอดเมลดาร้องไห้ แล้วทั้งสองก็ร้องไห้ด้วยกัน

สำนักอสูรเทวาร้าง ติงลี่ยืนมองสำนักอสูรเทวาอยู่ที่ด้านหน้าตึก เขาถอนใจเบาๆ เนตรนภาเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ
"เฮียจะทำยังไงคะ เปิดไน้ท์คลับอีกมั้ยคะ" เนตรนภาถาม
"ไม่ล่ะ อั๊วเบื่อแล้ว อั๊วจะทำสิ่งที่อั๊วกับไอ้เต๋าเคยคุยกันว่าอยากทำแต่ไม่ได้ทำซักที" ติงลี่บอก
"อะไรเหรอ"
"มูลนิธิช่วยเด็กเกเร อั๊วกับไอ้เต๋าเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน เราเห็นจและเข้าใจเด็กพวกนี้ดี"
"ฉันจะช่วยเฮียค่ะ ฉันก็เข้าใจพวกเขาเหมือนกัน"
ทั้งสองจับมือและยิ้มให้กัน


ออดเลิกเรียนดังขึ้น หลินหลินเดินกลับบ้านพร้อมเพื่อนๆ บู๊ลิ้มยืนรออยู่หน้าโรงเรียนพร้อมดอกไม้ในมือ หลินหลินยิ้มเขิน เพื่อนแซวกันกิ๊วก๊าว หลินหลินเดินไปหาบู๊ลิ้มแล้วทั้งสองก็เดินไปด้วยกัน


เฮียเฉิน เฮียเก้า ฮูหยิน เฮียหลอ และมิเชลนั่งกินข้าวกันในโรงงิ้ว ในมือมิเชลมีลูกหมาน่ารักๆ อยู่ตัวหนึ่ง
"ไอ้ที่ลื้อบอกจะไปหาเมียที่ฮ่องกงเนี่ย อั๊วมานั่งคิดๆดู มันตีความได้สองอย่างนะ คือไปหาเมียเก่า อีกอย่างคือไปหาผู้หญิงคนใหม่มาทำเมีย อย่างไหงแน่วะ"
"ถ้าไปหาผู้หญิงคนใหม่จะพาลูกสาวไปทำไมวะ ไปตามหาเมียเก่าโว้ย"
"ถ้าเจอแล้วไงวะ ปักหลักที่นู่นหรือว่าจะพากลับมาที่นี่"
"อยากพากลับมาที่นี่ว่ะ อั๊วรักเมืองไทย รักคนไทย รักในหลวง ถึงจะเกิดที่อื่นแต่ตอนนี้อั๊วเป็นคนไทยทั้งตัวและหัวใจไปแล้ว"
เฮียเฉิน เฮียหลอ เฮียเก้ายื่นมือมาจับกัน ฮูหยินกับมิเชลคุยกัน
"ลูกหมาน่ารักจัง ได้มาไงเนี่ย" ฮูหยินถาม
"ป๊าเอามาให้ฉันค่ะ บอกว่าเป็นของวันเกิดย้อนหลัง" มิเชลบอก
"ป๊าเหรอ" ฮูหยินทวน
"ค่ะ... ป๊า"
ฮูหยินยิ้มให้มิเชล
ฮูหยินบอก "ดีใจด้วยนะ"
"ขอบคุณค่ะ"
เฮียเฉินลุกขึ้นยกจอก เฮียเก้ากับฮูหยินหยิบจอกขึ้นแล้วยืนตาม
"พวกเราขออวยพรให้ลื้อสองคนเดินทางปลอดภัยโชคดี" เฮียเฉินพูด
"ขอบคุณโว้ย" เฮียหลอบอก
"ขอบคุณทุกคนค่ะ" มิเชลบอก
เฮียหลอกับมิเชลยกจอกคารวะตอบ

เหมยอิงกับสวยใส่บาตรพระอยู่ที่หน้าบ้าน พระเดินจากไป เหมยอิงกับสวยเดินมาที่ต้นไม้ เหมยอิงเทน้ำรดลงใบไม้ที่โคนต้นไม้
"ขออุทิศส่วนกุศลให้อาเฮียและเมฆาด้วย ขอให้มีความสุขนะ"
เหมยอิงรดน้ำเสร็จ สวยก็ประคองเหมยอิงให้ลุกขึ้น แล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปในบ้าน

ณ ย่านชุมชน เด็กๆกับชาวบ้านมุงดูอะไรกันสักอย่างอยู่ที่หัวมุมฟุตบาทบริเวณสี่แยก จางซื่อถูกจับขังใส่กรงมีสภาพมอมแมม สกปรก มีข้าวเปล่ากับน้ำดื่ม บนกรงมีป้ายทั้งภาษาไทยและภาษาจีน
เด็กคนหนึ่ง อายุประมาณ 10 ขวบมายืนป้ายแบบอ่านออกเสียง
"นี่คือจางซื่อ ก่อนหน้านี้เคยเป็นคนเก่งมีความสามารถแต่เพราะความบ้าอำนาจละโมบทรัพย์สิน ทำร้ายแผ่นดิน สุดท้ายก็มีจุดจบแบบนี้ ขอให้ทุกคนโดยเฉพาะเด็กๆดูเป็นตัวอย่าง อย่าทำแบบมัน ไม่ว่าเก่งแค่ไหน ฉลาดแค่ไหน รวยแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ความยุติธรรม ไม่มีทางหนีพ้น"
เด็กมองจางซื่อแล้วเดินหนีไป ทุกคนมองจางซื่อด้วยสายตารังเกียจ บางคนถุยน้ำลายใส่ จางซื่อก้มหน้าด้วยความอดสูใจ

ยามบ่ายแก่ๆ แสงแดดสีทองจากภายนอกส่องเฉียงผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาทำให้ห้องดูอบอุ่นขึ้น
กังฟูนั่งซ่อมชุดงิ้วอยู่ เมลดาเดินเข้ามานั่งข้างๆกังฟู
"ทำอะไรอยู่อ้ะ" เมลดาถาม
"ซ่อมชุดงิ้วครับ" กังฟูบอก
"ท่าทางนายซ่อมเก่งจัง" เมลดาชม
"เป็นอาชีพของผมครับ ทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว...แล้วก็ เป็นอย่างเดียวที่ผมทำได้ด้วย"
กังฟูมองหน้าเมลดาแล้วยิ้มเศร้าๆ เมลดาเอะใจ
"ทำไมยิ้มแปลกๆ"
"ตอนนี้งิ้วเรื่องนี้ฉากจบลงแล้ว คุณเมก็คงกลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิมได้ ทำงานดีๆให้สมกับความรู้ความสามารถของคุณ ส่วนผมก็ยังเป็นเด็กโรงงิ้วอยู่ที่นี่ต่อไปเหมือนเดิม"
"นายไล่ฉันเหรอ" เมลดาถาม
"เปล่า ผมกำลังพูดว่า...นี่เป็นเวลาที่เรากลับสู่ชีวิตจริง เวลาที่เราต้องแยกจากกัน"
"ฉันไม่เคยคิดว่างิ้วเรื่องนี้จบลงแล้ว ทั้งฉันและนายยังต้องแสดงต่อไป"
"คุณยังอยากเล่นงิ้วเรื่องเดิมอยู่เหรอ"
"ใช่ ตราบใดที่ยังมีหลินหลิน มีอาจารย์แม่ มีอาจารย์หลอ อาจารย์เก้า อาจารย์เฉินตราบใดที่ยังมีนาย"
"คุณเม...”
"นายพูดว่าฉันมีความรู้ความสามารถ แต่สิ่งที่นายมีล่ะ ไม่ใช่ความรู้ความสามารถเหรอ ศิลปะการเล่นงิ้วเป็นศิลปะชั้นสูงนะ อย่าดูถูกตัวเองสิ"
"คุณเม...ผมซึ้งครับ"
"ฉันมาหานายเพื่อที่จะบอกนายว่าฉันอยากอยู่ที่นี่ ทำโรงงิ้วกับนาย...ถ้านายเห็นด้วยนะ"
กังฟูอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วก็ยิ้มดีใจสุดขีด
"ทำไมผมจะไม่เห็นด้วย ผมยอมตายให้คุณมาอยู่กับผม คุณเม ขอบคุณมากที่คุณยอมใช้ชีวิตร่วมกับผม คุณเม"
กังฟูทำท่าจะกอดเมลดา เมลดาไวจึงยกขายันก้านคอกังฟูไว้ทันแต่ก็เกือบโดนหน้า
"มั่วอีกแล้ว ฉันบอกอยู่ทำโรงงิ้วย่ะ ไม่ได้บอกว่าใช้ชีวิตร่วมกับนาย" เมลดาว่า
"ก็นั่นแหละครับ งิ้วคือชีวิตของผม ผมหมายความว่าอย่างนั้น" กังฟูบอก
เมลดาเอาขาลง "แล้วไป"
"ผมดีใจมากครับ แล้วเราก็จะช่วยกันเลี้ยงลูก"
กังฟูจะโผเข้ากอดอีกซึ่งเคลื่อนได้เร็วขึ้น เมลดายกเข่ากันเข้ากลางแสกหน้ากังฟู
"ว่าแล้วเชียว ใครบอกจะมีลูกกับนาย หา"
"อูย...ผมหมายถึงงิ้วแต่ละเรื่องที่เราจะช่วยกันทำออกมาแสดงไงครับ"
"ก็ได้...เอาล่ะ ถือว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ ฉันไปละ"
เมลดาลุกขึ้น กังฟูลุกตามมา
"แล้วก็มาเป็นภรรยาผมด้วยนะครับ"
"อันนี้หมายความว่าไงอีก"
"ตรงๆเลยครับ"
กังฟูโผเข้ากอดอีก เมลดาเตะก้านคอ กังฟูหลบและปัดป้องก่อนจะพยายามโผเข้ากอดให้ได้ เมลดายันไว้ ทั้งสองประมือกันคู่หนึ่งแล้วแยกออกจากกัน กังฟูจ้องเมลดาด้วยสายตาหื่นๆ
"ทำอะไรน่ะกังฟู อย่าเข้ามานะ ฉันเอาจริงนะ" เมลดาว่า
"ผมก็เอาจริงเหมือนกัน" กังฟูบอก
"มวยไทยพหุยุทธ์" เมลดาตั้งท่า
กังฟูตั้งท่าบ้าง "หมัดแปดทิศ"
กังฟูบุกเข้ามา เมลดาตอบโต้ ทั้งสองปะทะกัน ในที่สุดกังฟูก็ชนะจึงโอบกอดเมลดาไว้จนได้ เมลดาบ่นอุบอิบ
"ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ"
"คุณเม ... ความจริงถึงคุณไม่มาหาผม ผมก็จะไปหาคุณ ไปชวนคุณมาอยู่ที่นี่กับผม มาทำโรงงิ้วด้วยกัน มาใช้ชีวิตด้วยกัน สร้างครอบครัวด้วยกัน"
"อย่ามาพูดเลย ถ้าฉันไม่พูดก่อน คุณจะพูดเหรอ"
"ไม่เชื่อผมเหรอ เห็นชุดงิ้วที่ผมกำลังซ่อมไหมล่ะ ดูดีๆสิครับ"

กังฟูพาเมลดาไปดูทั้งที่ยังคงกอดเมลดาอยู่ เมลดาเห็นชุดงิ้วที่กังฟูปักตัวหนังสือลงไปกลางชุดซึ่งเกือบเสร็จแล้วเป็นคำว่า สามี กับ ภรรยา แล้วก็มีหัวใจคั่นกลาง
เมลดาอึ้งๆ "เอ่อ...”
"ชุดแต่งงานของเราสองคนไงครับ" กังฟูบอก
"ใครบอกนายว่าฉันจะใส่" เมลดาว่า
"แล้วใครบอกคุณว่าผมจะให้คุณใส่"
เมลดาหันขวับแล้วก็ดิ้นหลุดอย่างง่ายดาย มือหนึ่งของเมลดารวบคอเสื้อกังฟูส่วนอีกมือง้างหมัด
"แล้วจะให้ใครใส่ บอกมา"
กังฟูหายใจไม่ออก
"แค่กๆ...ผมหมายถึงชุดนี้ของผม ของคุณเสร็จแล้วอยู่นู่น"
กังฟูชี้ไป เมลดามองตามไปก็เห็นชุดงิ้วอีกชุดแขวนอยู่ มีตัวหนังสือตัวเบ้อเริ่มปักว่า " รักผัวหลงผัว"
เมลดาอาย "บ้า"
"ใส่นะครับ...นะ"
"ฮึ...ฉันไม่ค่อยชอบข้อความน่ะ เปลี่ยนได้มั้ย"
"ได้เลยครับ"
"งั้นใส่ก็ได้"
"ไชโย"
กังฟูกอดเมลดาแน่น เมลดายิ้มแป้น แล้วทั้งสองก็ก้มหน้าเข้าหากัน

กังฟูกับเมลดาอยู่ในชุดมงคลที่กังฟูปักข้อความแต่ข้อความถูกเปลี่ยนไป บนเสื้อเมลดาปักว่า " เมลดา รัก กังฟู " ส่วนบนเสื้อกังฟู มีปักคำว่า " เคารพเมีย" กังฟูกับเมลดาทำพิธียกน้ำชา มีเฮียเก้า เฮียหลอ เฮียเฉิน และฮูหยินรับคารวะ หลินหลินกับบู๊ลิ้มอยู่ที่มุมห้องด้วย กังฟูกับฮูหยินยกแก้วน้ำชาให้อาจารย์ทั้งสี่ ทั้งสี่รับมาดื่มแล้วต่างก็ให้พรแก่กังฟูและเมลดา
"เออดีๆๆ อั๊วก็อวยพรไม่เก่ง เอาเป็นว่าขอให้อยู่นานๆ อายุมั่นขวัญยืนอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร"
อาจารย์ที่เหลือร้องพร้อมกัน "เฮ้ย!”
"ไอ้เก้า ซี้ซั้วอีกแล้ว พวกมันไม่ใช่เตี่ยเรานะโว้ย ร่มโพธิ์ร่มไทรอะไรวะ"
"โทษทีโว้ย อั๊วตั้งใจจะบอกว่าขอให้รักกันนานๆ อยู่กันจนลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองน่ะ"
กังฟูกับเมลดาตอบพร้อมกัน "ขอบคุณครับ,ค่ะ"
"แต่อั๊วว่าไม่ต้องลูกเต็มบ้านหรอก เอาคนสองคนก็พอ แต่เลี้ยงให้ดีๆ ให้เวลาดูแลเอาใจใส่เขา อย่าสักแต่ใช้เงินเลี้ยง โตขึ้นมาเป็นเด็กไม่รู้จักแพ้ไม่รู้จักผิด กลายเป็นขยะสังคม สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ...” เฮียหลอบอก

เฮียเฉินพูดแทรก "ไอ้หลอ ลื้อจะซีเรียสไปไหนวะ เขาให้อวยพร ลื้อก็อวยพรตามพิธีก็พอ"
"คนอย่างอั๊วคิดยังไงก็พูดอย่างนั้น...อั๊วจบละ ตาลื้อ" เฮียหลอว่า
"ขอบคุณครับ,ค่ะ"
"อะแฮ่ม ... ขอให้รักกันให้นานๆนะ" เฮียเฉินอวยพร
"หา...จบแล้วเหรอครับ" กังฟูถาม
"ทำไมสั้นจัง" เมลดางง
"สั้นแต่มีความหมายโว้ย รักกันให้นานๆน่ะมันยากนะ ขอให้ทำให้ได้" เฮียเฉินบอก
"ขอบคุณครับ,ค่ะ”
กังฟูกับเมลดาหันมาหาฮูหยิน ฮูหยินน้ำตารื้น
"อั๊ว..." ฮูหยินจุกในลำคอ "อั๊วพูด..ไม่ออก อั๊วดีใจมาก"
ฮูหยินกอดกังฟูกับเมลดา กังฟูกับเมลดาก็ตื้นตันใจไปด้วย
"ขอให้พวกลื้อมีความสุขมากๆนะ" ฮูหยินอวยพร
ทั้งสามสวมกอดกันครู่หนึ่ง ฮูหยินก็กลับมานั่งตามปกติ
เฮียเฉินเรียก "บู๊ลิ้ม"
บู๊ลิ้มรับคำ "ครับ"
"อั๊วสั่งว่าไง พอยกน้ำชาเสร็จก็เปิดเพลงคำนับฟ้าคำนับดิน จะได้ทำพิธีต่อ"
"ขอโทษค่ะ เตรียมไว้ให้แล้วค่ะ" หลินหลินบอก
"ดีๆ จะได้ทำพิธีต่อ เอ้า ดนตรีมา"
หลินหลินกับบู๊ลิ้มหันมายิ้มให้กล้อง มือใครสักคนกดปุ่มเพลย์ อินโทรเสียงร้องโอว์โวโวโว้ว ลากเสียงยาวๆช้าๆ ทุกคนสะดุ้งเล็กๆ
"เฮ้ย คำนับฟ้าดินเวอร์ชั่นไหนวะเนี่ย" เฮียหลองง
"ผิดแผ่นรึเปล่าไอ้บู๊ลิ้ม" เฮียเก้าว่า
ทุกคนเงี่ยหูฟังจนจบท่อนอินโทร
“Everybody was gung fu fighting…”
"อาจารย์ ช่วยด้วย นิ้วก้อยอั๊วกระดิกอีกแล้ว พลังหยินกำเริบอีกแล้ว" กังฟูบอก
นิ้วก้อยกังฟูกระตุกไปตามจังหวะดิสโก้ แล้วกังฟูก็ลุกพรวดขึ้นมาเต้นดิสโก้ เมลดาโยกหัวตาม
"ฉันก็ด้วย"
เมลดาลุกขึ้นเต้นไปกับกังฟู
"อั๊วว่าไม่ใช่พลังหยินแล้วล่ะ นี่มันพลังดิสโก้นี่หว่า" เฮียหลอว่า
อาจารย์ทั้งสามกับฮูหยินลุกขึ้นเต้นด้วย บู๊ลิ้มกับหลินหลินเข้ามาร่วมด้วย ทั้งแปดคนลายเป็นแฟลชม็อบที่เต้นท่าเดียวกัน

ทั้งแปดคนยังคงเต้นแฟลชม็อบต่อเนื่อง และแล้วยุทธภพก็กลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
จบบริบูรณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น