พราว ตอนที่ 5
สมชายเดินมาส่งพราวที่เดินถือตะกร้าผลไม้มาที่หน้าบ้านพักด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุขทั้งคู่
จากนั้นก็คว้าชมพูมะเมี่ยวมาลูกหนึ่ง ก่อนจะใช้มือเช็ดๆปัดๆ ให้สะอาด แล้วใช้ปากกัดคาบไว้ข้างหนึ่ง แล้วยื่นหน้าเอาชมพู่ที่กัดอยู่จ่อไปที่หน้าพราว
“นึกว่าฉันไม่กล้าเหรอ”
พราวยื่นหน้าจะไปกัด แต่สมชายกลับปล่อยชมพู่ร่วงจากปาก จนปากของเธอกับเขาจ่ออยู่ใกล้กัน
ทันใดนั้นเสียงของอรชุมาก็ดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศ
“ชมพู่มะเหมี่ยวที่ไหนมาร่วงอยู่ตรงนี้นะ”
สมชายรีบผงะออกจากพราวอย่างเก้อๆ พราวเองก็เขินๆ ทำอะไรไม่ถูก
“อ้าว ชมพู่ของลูกเองเหรอชาย?”
อรชุมาทำเป็นถามหน้าตาย สมชายรีบคว้าชมพู่มาจากมืออรชุมามาถือแอบไว้ข้างหลัง
“แม่มาทำอะไรแถวนี้ครับ ไม่อยู่คอยเชียร์แขกอยู่ข้างหน้า ระวังนะแม่ จะเสียลูกค้า รีบไปเหอะแม่”
พูดพลางทำท่าจะจูงอรชุมาไป
“เดี๋ยวซิ ทีงี้ทำเป็นรีบ แม่จะมาเชิญคุณพราวทานข้าวเย็นกับเราวันนี้น่ะจ้ะ”
พราวยิ้มหน้าบาน
“ไม่ต้องเชิญหรอกค่ะคุณน้า พราวอยากจะทานด้วยจะแย่อยู่แล้ว”
“งั้นสัก 6 โมงเย็น เชิญที่ศาลาริมน้ำตรงโน้นเลยนะจ้ะ แต่งตัวให้สวยที่สุด เพราะวันนี้จะเป็นมื้อพิเศษของเราจ้ะ”
“มื้อพิเศษยังไงเหรอแม่ ?”
สมชายมองหน้าแม่งงๆ อรชุมายิ้มกรุ้มกริ่ม แต่ไม่ยอมตอบลูกชาย
สมชายเดินตามอรชุมา แล้วคาดคั้นถามด้วยความอยากรู้
“แม่ อย่าแกล้งกันน่า เย็นนี้เป็นมื้อพิเศษยังไง?”
“แล้วลูกชอบคุณพราวจริงหรือเปล่าล่ะ?”
อรชุมาย้อนกลับ ทำเอาสมชายหน้าเหวอ
“มันเกี่ยวกับมื้อเย็นของแม่ด้วยเหรอ ?”
“เกี่ยวซิ ถ้าลูกชอบคุณพราวจริงๆ เย็นนี้ก็ต้องบอกกับเค้าเลย ให้เป็นเรื่องเป็นราว จะมาทำเป็นแอบชอบ หลบๆซ่อนๆ ไม่ได้”
สมชายมองหน้าแม่ล้อๆ
“นี่แม่กลัวว่าผมจะหลอกคุณพราวให้เสียหายงั้นเหรอ”
“แม่รู้ว่าลูกแม่ไม่มีนิสัยหลอกผู้หญิง แม่รู้จักลูกชายของแม่ดี แม่ถึงไม่ได้ห่วงคุณพราวเลย แต่แม่ห่วงชายนั่นแหละ”
อรชุมามองหน้าลูกชายอย่างเป็นห่วง
“คุณพราวเป็นดารา เป็นซูเปอร์สตาร์ แล้วลูกเป็นอะไร ลูกเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนนึง ไม่ได้เด่นดังไม่ได้มีชื่อเสียง แม่อยากให้ลูกแน่ใจว่าถ้าสารภาพความในใจกับคุณพราวไปแล้ว คุณพราวจะยอมสารภาพความในใจของเธอเหมือนกัน ว่าคิดยังไงกับลูก จริงจัง หรือแค่แก้เหงาชั่วครู่ชั่วยาม แม่ไม่อยากเห็นลูกผิดหวังนะชาย แต่แม่ก็หวังจ้ะว่าคุณพราวจะมีใจกับลูกชายของแม่จริงๆ”
สมชายฟังแม่แล้วก็คิดตาม พลางยิ้มนิดๆ
“แม่ ทำไมแม่ต้องจริงจังขนาดนี้ด้วยเนี่ยะ”
อีกด้านหนึ่ง น้องนุชกับลุงจ่อยก็กำลังทำหน้ที่ตระเตรียมสถานที่สำหรับการสารภาพรักของสมชายในค่ำคืนนี้ ในบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ
รถของแฟรงค์แล่นเข้าเขตอัมพวามาแต่ไกล
“I’m here อัมพวา ชาลันลาลันล่า อิน ดิ อีฟนิ่ง”
เอมี่มองท่าทางลั้ลลาของแฟรงค์แล้วส่ายหัว
“อย่ามัวร้องเพลงปลุกใจอยู่เลยเจ๊ รีบหาอิงรักโฮมสเตย์ว่าอยู่ไหน”
แฟรงค์มองค้อน “ฉันไม่ใช่จีพีเอสน่ะยะ ทำไมหล่อนไม่ดูเองล่ะเนี่ยะ จะทิ่มตาอยู่แล้ว”
จากนั้นทั้งคู่ก็มุ่งหาทางที่จะไปอิงรักโฮมสเตย์ให้เร็วที่สุด
สมชายอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวหล่อเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นช่อดอกไม้วางอยู่บนโต๊ะ เขารีบเดินตรงมาดูใกล้ๆ เห็นมีกระดาษที่เป็นลายมืออรชุมาวางอยู่ข้างๆ ก็หยิบขึ้นมาอ่าน
“ช่อดอกไม้ฝีมือแม่ ไปบอกความในใจของลูกกับคุณพราวซะ แม่ขออวยพรให้ลูกสมหวังนะชาย แม่จะรอดูความสุขของลูก”
สมชายยิ้มขำ แต่แอบสุขใจ
พราวในชุดที่แสนเรียบง่าย หน้าตาเกลี้ยงเกลาปราศจากเครื่องสำอาง ปล่อยผมยาวสยาย
ทัดดอกลีลาสวดีที่หู ก้าวเข้ามาในศาลาริมน้ำ ทว่ากลับไม่พบใครอยู่เลย นอกจากโต๊ะ แจกัน ดอกไม้ เทียนหอมที่จัดไว้อย่างโรแมนติก
สมชายเดินถือช่อดอกไม้ กำลังเดินตรงไปที่ศาลาริมน้ำ เห็นพราวนั่งรออยู่ในศาลาแต่ไกล หัวใจก็เริ่มเต้นแรง จนต้องยกมือขึ้นจับอกซ้ายของตัวเอง ก่อนจะรวบรวมความกล้าเดินตรงไปที่ศาลาช้าๆ
ขณะที่แฟรงค์กับเอมี่ขับรถมาจอดเอี๊ยดที่หน้าโฮมเสตย์
จังหวะที่สมชายจะเดินถึงศาลาอยู่แล้ว เอมี่ดันเหลือบไปเห็นพราวนั่งอยู่ในศาลาเสียก่อน
“เจ๊ เจอแล้ว พราวอยู่นั่น ในศาลา”
แฟรงค์รีบวิ่งกระวีกระวาดนำเอมี่ไป สมชายอยู่อีกด้านหนึ่งถึงกับหุบยิ้ม ถือช่อดอกไม้ค้างอยู่กับที่
พราวลุกขึ้นยืนมองแฟรงค์กับเอมี่อย่างตกใจระคนแปลกใจ ทั้งคู่โผเข้าไปกอดเธอพลางส่งเสียง
กรี๊ดกร๊าดอย่างดีใจ
“พี่เจอพราวแล้ว อีแฟรงค์รอดตายแล้ว ต่อไปอย่าไปไหนอีกนะพราว พี่เหนื่อยแค่ไหนกว่าจะปั้นพราวให้เป็นดาวได้ เราเหนื่อยกันแค่ไหนกว่าจะมีวันนี้ด้วยกัน แล้วทำไมเราถึงจะมาทิ้งกันล่ะ ถ้าที่ผ่านมา พี่ผิด พี่พลาด พี่ดูแลพราวไม่ดี พี่ขอโทษ พี่ขอโทษฮือๆ ให้โอกาสพี่นะพราว”
แฟรงค์ฟูมฟายไม่หยุด
“พี่สาบานว่าต่อไปจะดูแลพราวให้ดีที่สุด เหมือนบุพการี เหมือนลูกในอกของพี่เลย ถ้าพี่ผิดคำพูด ขอให้พี่หัวล้าน อัปลักษณ์ ถูกผู้ชายหลอกฟันแล้วทิ้ง เป็นหญิงอาภัพ”
พราวยิ่งฟัง ก็ยิ่งเห็นใจ และรู้สึกผิดต่อแฟรงค์
“ไม่เอาน่าพี่แฟรงค์ หยุดแช่งตัวเองได้แล้ว ที่พราวหนีมา พี่ไม่ได้ผิด พราวผิดเองที่สู้กับตัวเองไม่ไหว รับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้ พราวผิดที่หนีปัญหา”
แฟรงค์จับมือพราวขึ้นมาบีบแน่น
“งั้นต่อไปนี้ เราจะจับมือกัน สู้กับปัญหาด้วยกันนะพราว การหนีไม่ใช่ทางแก้ มีแต่จะเพิ่มปัญหาให้หนูไม่รู้จบ หนูต้องกลับไปสู้กับมัน แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง เชื่อพี่นะจ๊ะ”
พราวถอนใจ เพราะยังอยากอยู่ที่อิงรักโฮมสเตย์ต่อไป
“พราวขอคิดดูก่อน พี่บอกพราวมาก่อน พี่ตามพราวมาถูกได้ยังไง เอมี่ ฉันมั่นใจว่าไม่มีใครรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่”
เอมี่หน้าเจื่อน “แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่พี่แฟรงค์กับฉันที่รู้ นักข่าวก็คงรู้กันไปหมดทุกสำนัก”
แฟรงค์พยักหน้าหงึก แล้วรีบพูดต่อ
“และกองทัพตะลุ่งตุ้งแช่ ก็กำลังแห่กันมาที่นี่แล้ว เพราะไอจีรูปนี้”
พลางเปิดรูปไอจีในมือถือยื่นให้ดู พราวอึ้งมองรูปอย่างตะลึง พลางมองชื่อ “นุชชี่” ที่เป็นคน
โพสต์รูปอย่างโกรธจัด
สมชายค่อยๆ เดินเลียงออกไปอย่างเศร้าสร้อย ตรงข้ามกับน้องนุช ที่กำลังจะเดินไปแอบดูทั้งคู่สารภาพรักกัน แต่กลับเห็นพราวเดินหน้าบึ้งมาแต่ไกล โดยมีแฟรงค์กับเอมี่รีบตามหลังมาติดๆ
พราวเห็นน้องนุชก็เดินปรี่เข้ามายื่นรูปไอจีในมือถือให้ดู
“น้องเป็นคนโพสต์รูปนี้ลงไอจีใช่ไหมคะ ?”
น้องนุชตกใจหน้าซีดเมื่อเห็นท่าทีมึนตึงของพราว
“พี่ถามว่าน้องเป็นคนเอารูปพี่ลงใช่ไหม ?”
“เอ่อ ใช่ค่ะ นุชเป็นคนเอาลง”
สมชายได้ยินเสียงเลยเดินมาหยุดฟังเงียบๆ อยู่ที่ข้างพุ่มไม้
“รู้ไหมว่าตอนนี้รูปนี้มันกระจายไปทั่วโซเชียลเน็ตเวิร์กแล้ว น้องแอบถ่ายตอนที่พี่ไม่รู้ตัว ทำยังงี้กับพี่ได้ไงคะ”
น้องนุชหน้าซีดจนขาว แล้วจู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมา “นุชขอโทษ นุชไม่ได้ตั้งใจทำให้พี่เสียชื่อเสียง”
“ไม่ได้ตั้งใจแล้วน้องทำทำไม พี่ขอร้องแล้วใช่ไหมว่าให้ปิดเรื่องที่พี่มาอยู่ที่นี่เป็นความลับ”
“นุชแค่เอาลงไอจีนุชอวดให้เพื่อนดู ว่าตอนนี้พี่สมชายโชคดีกำลังรักกับซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1ของประเทศ”
แฟรงค์กับเอมี่หันมามองหน้ากันอย่างช็อกๆ กับเรื่องที่ได้ยิน
“แล้วน้องมีสิทธิ์อะไรมาเปิดเผยเรื่องความรักของพี่ มันเป็นเรื่องส่วนตัว ขนาดตัวพี่เองก็ยังไม่มีความคิดจะเปิดเผยให้ใครรู้ แม้แต่รักหรือไม่รัก พี่ก็ยังไม่รู้เลยว่า..”
พราวกำลังจะพูดต่อว่า “สมชายจะรักเธอไหม ?” แต่คู่กรณีกลับเดินเข้ามาพอดี
“ผมต้องขอโทษแทนน้องสาวด้วย ที่คิดฟุ้งซ่านไปเองว่าเราจะรักกัน”
สมชายพูดออกมาอย่างมีทิฐิ พราวหันมามอง เห็นสีหน้าที่กลับมาเป็นสมชายคนเดิม น้องนุชโผเข้ากอดพี่ชายแล้วร้องไห้โฮ
“เอาล่ะ ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวพี่จะขอโทษคุณพราวให้เอง”
สมชายหันไปบอกพราว
“ผมขอคุยด้วยหน่อย แค่คุณกับผม ตามลำพัง”
สมชายเดินนำหน้ามาหยุดอยู่ใกล้ต้นชมพู่มะเหมี่ยว พราวที่อารมณ์เย็นขึ้นบ้างแล้วเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน
“เมื่อกี้ฉันกำลังโกรธ ก็เลยต่อว่าน้องคุณแรงไปบ้าง”
“คุณไม่ผิดหรอก น้องสาวผมสมควรโดนแล้ว ที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง ไปวุ่นวายกับชีวิตซูเปอร์สตาร์ ต่อแต่นี้ยัยนุชคงหูตาสว่างขึ้น ว่าบทบาทในจอกับชีวิตจริงของดารามันไม่เหมือนกันเลย”
พราวโดนสมชายพูดประชด ก็อารมณ์ขึ้นด้วยนิสัยไม่ยอมคน
“ไม่เหมือนยังไง คุณพูดมาให้ชัดๆ ในจอฉันแสนดี นอกจอฉันเป็นนังมารร้ายงั้นซิ”
สมชายหันมามองหน้าพราว ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด ผมไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคุณให้เสียเวลา เพราะเดี๋ยวนักข่าวก็คงแห่กันมาที่โฮมสเตย์นี่ ครอบครัวผมจะเดือดร้อน คุณรีบกลับกรุงเทพไปซะดีกว่า”
พราวตะลึง ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“นี่คุณกำลังไล่ฉันเหรอ ?”
“ถ้าคิดว่าไล่ ผมก็ไล่ คุณรีบๆไปซะดีกว่า โหมดดราม่าอยากเลิกเป็นดาราของคุณ มันหมดเวลาเล่นแล้ว”
“แล้วเรื่องของเรา?”
สมชายแค่นหัวเราะ “เรื่องของเรา มันก็แค่ความรักฉาบฉวย ที่อารมณ์พาไป คุณก็เปลี่ยว ผมก็เปลี่ยว อีกนิดเดียวเราอาจจะมีอะไรกัน”
พราวเจ็บใจ รีบพูดสวนกลับไป
“นั่นซินะ พี่แฟรงค์ไม่น่าตามมาเจอเสียก่อน ไม่งั้นคืนนี้ฉันอาจจะทำให้คุณหลงคิดว่าฉันพิศวาสคุณจริงๆ เสียดายไหม บอดี้การ์ดสมชาย คุณเกือบจะมีอะไรกับพราวแล้วนะ”
พูดพลางแกล้งโผซบเขา สมชายเจ็บไปทั้งใจ รีบดึงไหล่พราวออกจากอก
“กลับไปซะ ไป”
พราวปัดมือทั้ง 2ข้างของเขาที่จับไหล่เธอออก
“ฉันไปแน่ แต่ก่อนไป ต้องขอบใจคุณมากๆนะ ที่ช่วยทำให้ชีวิตของพราวหายเหงาได้มากตลอดเวลาที่อยู่ที่อิงรักโฮมสเตย์นี่ ฉันจะไม่ลืมอ้อมกอดห่วยๆของคุณเลย ลาก่อน”
พูดจบ พราวก็เดินสะบัดหน้าจากไป น้ำตาคลอหน่วยด้วยอารมณ์ที่ทั้งเจ็บ ทั้งรัก ทั้งแค้น
สมชายหันไปต่อยต้นชมพูมะเหมี่ยว เจ็บปวดไม่แพ้กัน
กองทัพนักข่าวมาถึงพร้อมๆ กันอย่างรวดเร็ว แฟรงค์กับเอมี่กำลังกันเอาไว้ อรชุมา น้องนุช กับลุงจ่อย ก็ออกมาช่วยกันด้วย
“ใจเย็นๆก่อนนะฮะทุกคน เดี๋ยวพราวพร้อมก็จะออกมาให้สัมภาษณ์เอง”
ส้มจี๊ดเข้าประเด็นทันที
“พราวหลบอยู่ข้างในใช่ไหม ให้พวกเราเข้าไปหน่อย ให้พวกเราเข้าไป”
ทุกคนพยายามกันอย่างสุดฤทธิ์ ขณะที่พราวเดินเช็ดน้ำตากลับมาเห็นนักข่าวก็ถึงกับชะงัก แต่ส้มจี๊ดตาดีหันไปเห็นพอดี
“นั่นไง พราวอยู่นั่น”
สุดเขตต์หันไปมองพราว เห็นสีหน้าที่ดูแกร่งพร้อมรับมือกับนักข่าว ผิดกับพราวคนที่เขาเห็นเมื่อ 2ครั้งก่อนที่เต็มไปด้วยความกังวลไม่มั่นใจ
นักข่าวรีบบุกเข้าไปรุมล้อมจ่อไมค์, กล้อง,มือถือรอบตัวพราวเต็มไปหมด
“ผู้ชายที่เห็นพายเรือเล่นอยู่ในรูปไอจีเป็นใครคะ” ส้มจี๊ดยิงคำถามทันที
“เพื่อนค่ะ”
“เพื่อนคนไหนคะ ถึงได้ดูสนิทสนม จนแอบมาพายเรือเล่นกัน 2 ต่อ 2 บอกชื่อได้ไหม ?”
พราวอึกอัก สุดเขตต์มองจ้องตาเธอ แต่พราวกลับไม่สนใจ หรือสื่อสารกับเขาเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา ไม่แม้แต่จะปรายหางตามองเขาด้วยซ้ำ
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ บอกได้ พราวบอกไปแล้วค่ะ เพื่อนคนนี้เค้าไม่อยากเป็นข่าวน่ะค่ะ ต้องเคารพในความเป็นส่วนตัวของเค้าด้วยนะคะ”
“เป็นเพื่อนหรือเป็นอะไรกันแน่คะ ทำไมต้องปิดบัง แอบมาเที่ยวกันหลบๆ ซ่อนๆ ตามโฮมสเตย์เปลี่ยวๆ แบบนี้”
ส้มจี๊ดยังซักต่อไม่หยุด
“โฮมสเตย์นี่เปลี่ยวตรงไหน แขกมาพักตั้งเยอะแยะ ดูถูกสถานที่เค้าแบบนี้ ใช้ไม่ได้นะคะนักข่าว
HOT SHOT เตือนไปกี่ทีๆก็ยังเป็นอย่างงี้ เก่งแต่ใส่ร้ายป้ายสี ทำข่าวไม่สร้างสรรค์”
ส้มจี๊ดโดนเหน็บเข้าจังๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้
“คุณพราวก็ตอบคำถามมาซิคะ อย่าคลุมเครือ ถ้าคิดว่าคุณเป็นซูเปอร์สตาร์ของประชาชนล่ะก็ อย่าทำตัวให้คนเคลือบแคลงสงสัย ตอบมาซิคะว่าผู้ชายพายเรือที่อยู่กับคุณในไอจีเป็นใคร? ว่าไงคะคุณพราว ทำไมถึงไม่ยอมบอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เค้ามีอะไรที่เปิดเผยตัวไม่ได้เหรอคะ”
สมชายที่อิบฟังอยู่มุมหนึ่ง มองไปที่พราว เห็นสีหน้าเธอกำลังตกที่นั่งลำบาก ก็รู้สึกห่วง พลางคิดตัดสินใจจะเดินเข้าไปแสดงความรับผิดชอบ แต่กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน
“ผมเองครับ”
กองทัพนักข่าวหันไปมอง เห็นติณห์เดินเข้ามาในชุดลำลองเหมือนมาเที่ยวพักผ่อน
“ผู้ชายพายเรือที่อยู่กับพราวในรูป คือผมเอง”
ติณห์เดินก้าวเข้ามายืนพร้อมให้สัมภาษณ์
“อยากทราบอะไร ถามผมดีกว่าครับ”
แฟรงค์กับเอมี่ฉวยจังหวะรีบเข้าไปดึงตัวพราวออกมาทิ้งให้ติณห์ยืนรับมือกับนักข่าวตามลำพัง
สมชายยืนมองอยู่ ไม่ได้รู้สึกยินดีเลยที่ติณห์มาสวมรอยเป็นเขา ขณะที่สุดเขตต์เหลือบเห็นสมชายยืนซุ่มอยู่
แฟรงค์กับเอมี่รีบช่วยพราวเก็บข้าวของ แฟรงค์เก็บของไป ก็สั่งการไป
“เก็บไปแต่ข้าวของที่สำคัญเอมี่ เสื้อผ้าช่างมันๆ ฝากไว้ที่นี่ก่อน ค่อยให้เค้าส่งไปให้ที่กรุงเทพทีหลัง ตอนนี้รีบพาพราวชิ่งไปจากที่นี่ ให้เร็วที่สุด แม้แต่คุณติณห์ก็ให้คุยกับพราวไม่ได้ เดี๋ยวโป๊ะแตก”
พราวส่าหน้าอย่างเหนื่อยใจ
“นี่ยังไม่แตกอีกเหรอพี่ ตอนนี้ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าพราวหลบมาอยู่ที่นี่เป็นเดือน”
เอมี่รีบแย้งทันที
“เป็นเดือนอะไรล่ะ เมื่อวานพวกนักข่าวทุกคน แม้แต่ไฮโซติณห์ยังเห็นเธออยู่ที่งานประมูลภาพการกุศลที่กรุงเทพอยู่เลย”
พอเห็นพราวทำหน้างง แฟรงค์ก็รีบพูดอวยตัวเอง
“แฟรงค์ซะอย่าง ทำไมจะไม่ได้ หนูน่ะมีผู้จัดการที่ไม่ได้สวยแต่รูป แต่มีสมองฉลาดล้ำที่ดาวแม่ประทานมาให้ติดตัว รู้ไว้ซะ อ่ะนี่กุญแจรถพราว หล่อนขับไปนะเอมี่ ฉันจะขับพาพราวไปเอง ไปๆ”
พราวยังไม่วายข้องใจ
“พี่บอกพราวมาก่อน พี่ทำยังไงทุกคนถึงเห็นพราวอยู่ที่ในงานได้”
แฟรงค์ยักไหล่ “ง่ายๆ เบๆ ก็ใช้สแตนด์อินไง”
พราวยิ่งงงหนัก
“สแตนด์อิน ให้คนอื่นมาแสดงเป็นพราวเนี่ยะนะ ? ”
พราว ตอนที่ 5 (ต่อ)
ติณห์กำลังตอบคำถามนักข่าวอย่างสุขุมใจเย็น
“เมื่อวานหลังออกจากงานประมูลภาพ คุณพราวรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะครับ อยากพักผ่อน ผมเห็นว่าที่นี่เงียบ สวยเป็นธรรมชาติดี ก็เลยพาคุณพราวมาพักผ่อน”
“มากันแค่ 2 คนเหรอคะ?”
ติณห์ยิ้มๆ เพราะเขาตั้งใจจะทำให้พราวติดกับอยู่กับความสัมพันธ์เขาอยู่แล้ว
“ครับ มากัน 2 คน คุณแฟรงค์กับคุณเอมี่ติดธุระ เลยตามมาวันนี้”
ติณห์ตอบพลางตาเหลือบมองไปเห็นสมชายมองอยู่ที่มุมไกลๆ อรชุมารีบดึงมือน้องนุช กับลุงจ่อยเดินผละไป เพราะทนฟังไม่ไหว
“แปลว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณพราวไปถึงขั้นลึกซึ้งแล้วอย่างงั้นเหรอคะ?”
“ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ คุณพราวเป็นซูเปอร์สตาร์ ผมให้เกียรติเธอครับ เราแค่ศึกษาดูใจกันมากกว่าเดิมครับ”
สมชายฟังคำตอบของติณห์ ก็ผลุนผลันเดินผละไปด้วยอารมณ์หึง ก่อนจะตรงรี่มาที่ศาลาที่จัดแต่งสถานที่โรแมนติกไว้เก้อ ทั้งเจ็บและเสียหน้าที่ติณห์เข้ามาออกหน้ารับเป็นผู้ชายที่พายเรือให้พราวแทนเขา
ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาไม่นานที่เขาได้ใกล้ชิดกัน พราวจะสามารถพิชิตใจหัวใจดิบๆของเขาไปได้
สมชายรู้สึกโกรธตัวเองที่พ่ายแพ้ต่อพราวซูเปอร์สตาร์ที่เขาเคยไม่ชอบขี้หน้า
ส่วนแฟรงค์ก็รีบพาพราวขึ้นรถออกไปทันที โดยไม่ทิ้งเวลาให้เธอได้ทันร่ำลาใคร
พราวหันมองไปที่โฮมสเตย์ นึกย้อนถึงความสุขเมื่อครั้งที่อยู่ที่นี่ แล้วก็น้ำตาไหล
“หนูร้องไห้ทำไมพราว อย่าบอกนะว่าหนูหลงรักนายสมชายสุดห่ามนั่นเข้าแล้ว มันไม่จริงนะพราว หนูต้องคิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นจริง มันแค่วูบนึงของหนู หนูกำลังเครียด พอเจอใครสักคน หนูก็คิดว่ามันใช่”
พราวรีบยกมือขึ้นห้ามแฟรงค์
“โอเค, พี่แฟรงค์ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว พราวแค่ร้องไห้อำลาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วคนอย่างพราวก็จะลืม คิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นจริง”
ก่อนจะย้ำทั้งน้ำตา
“ถ้าอยู่อย่างคนธรรมดามันยากนัก ก็ขอกลับไปเป็นพราวอีกครั้ง”
สมชายพยายามตัดใจ พลางหันจะเดินออกจากศาลา แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นติณห์ยืนอยู่ข้างหลัง
“ผู้ชายที่พายเรืออยู่กับคุณพราวในไอจี เป็นคุณใช่ไหม?”
สมชายมองหน้าติณห์อย่างนึกเคือง
“ก็คุณสมยอมกับนักข่าวไปแล้วว่าเป็นคุณ จะมาถามอะไรผมอีก”
“ที่ผมทำอย่างงั้นเพื่อต้องการจะปกป้องคุณพราว”
สมชายแกล้งยกหัวโป้งให้
“Very Good! คุณทำดีแล้ว ผมไม่แปลกใจหรอก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณทำตัวเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาว เพื่อช่วยยัยซูเปอร์สตาร์นั่น ผมแตกต่างกับคุณก็ตรงนี้แหละ ผมไม่อยากเป็นเจ้าชาย แต่ผมจะเป็นนายสมชายคนธรรมดาอย่างที่ผมเป็น แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องที่ผมเป็นผู้ชายพายเรือ แค่คุณพราวมาเที่ยวที่นี่ แล้วเจอผมเท่านั้นเอง มันก็แค่เรื่องบังเอิญ คุณสบายใจได้”
สมชายกำลังจะเดินผละไป แต่ติณห์กลับยิงคำถามต่อ
“คุณบอกผมได้ไหม คุณพราวมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“เรื่องนั้นคุณอยากรู้ก็ไปถามคุณพราวเอาเอง ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
พูดจบสมชายเดินออกไป ทิ้งให้ติณห์ยืนเคลือบแคลงในความสัมพันธ์ทั้งคู่ และที่สำคัญสมชายเป็นตำรวจ !!
สมชายมองหน้าสุดเขตต์ที่เดินปรี่เข้ามาดักหน้าเขาอย่างงงๆ ว่าเคยรู้จักกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่า ?
“เราเคยเจอกัน ตอนที่คุณกำลังจับแก๊งยาบ้าแล้วพราวถูกลูกหลงไงครับ”
สมชายพยักหน้า เมื่อนึกออก
“คุณเป็นนักข่าว?”
“จริงๆผมเป็นตากล้องฟรีแลนซ์น่ะครับ แค่มารับจ๊อบตามถ่ายรูปทำข่าวคุณพราวให้เพื่อนชั่วคราว ผมชื่อสุดเขตต์ครับ”
สุดเขตต์ยื่นมือไปให้ สมชายยื่นมาจับตอบ
“ผมสมชาย ไม่ต้องมาถ่ายรูปผมนะ ผมไม่ใช่ดารา ตามไปถ่ายซุปตาร์พราวโน่น หึ ป่านนี้คงเผ่นกลับกรุงเทพไปแล้ว”
“ผมไม่ถ่ายรูปทำข่าวคุณหรอกครับ แต่ผมมีอะไรจะถามคุณ คุณพราวมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
สมชายทำหน้าอ่อนใจ
“คุณกับนายไฮโซคนนั้นนัดกันมารึเปล่า ถามคำถามเดียวกันเลย คุณพราวมาที่นี่เมื่อไหร่ อยากรู้ก็ไปถามซุปตาร์พราวเอาเองซิครับ”
สมชายหันหลังจะเดินหนี สุดเขตต์รีบโพล่งออกมาทันที
“ที่ผมถามเพราะเมื่อวานผมยังเจอคุณพราวที่งานกุศลที่กรุงเทพอยู่เลย”
สมชายถึงกับชะงักเท้า ขมวดคิ้วฟังอย่างแปลกใจ
“คุณพราวไม่ค่อยสบายด้วย ผมเลยสงสัยว่าทำไมวันนี้ดูคุณพราวไม่เป็นอะไรเลย ดูแปลกๆ ไปด้วย แล้วก็มาอยู่ที่นี่”
“ไม่รู้ซิครับ ขอโทษ ที่ช่วยอะไรไม่ได้”
พูดจบ สมชายก็เดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซด์ของตัวเอง แล้วรีบขี่ออกไป ทิ้งให้สุดเขตต์ยืนคาใจอยู่
เพียงลำพัง
ต้อยติ่งช่วยถือข้าวของเดินนำพราว แฟรงค์ เอมี่เข้ามาในบ้าน มิกิกับมาร์ครีบเดินเข้ามาต้อนรับ ด้วยอารามดีใจ
พราวสังเกตเห็นมิกิหน้าบวม และปากแตก ก็รีบถามขึ้นทันที
“แล้วหน้าไปโดนอะไรมามิกิ ไหนดูซิ ทำไมแก้มบวม ปากแตกยังงี้”
มิกิยังไม่ทันตอบ มาร์คก็ชิงตอบแทน
“โดนจรีตบตีเอาน่ะครับ ผมยังโดนถีบเข้าเป้าจนจุกเลย”
แฟรงค์ส่ายหน้าอย่างระอา
“จะปั้นให้เป็นนางเอกมิชอบ อยากเป็นนางร้าย เดี๋ยวเจ๊จะจัดการให้มิกิ”
“พี่แฟรงค์ไม่ต้องจัดการให้มิกิหรอก จัดการให้คุณพราวเถอะค่ะ”
พราวเลิกคิ้วอย่างสงสัย “ทำไมเหรอมิกิ มีอะไร?”
มิกิเปิดคลิบในมือถือให้ดู เป็นภาพจันทร์จรีที่กำลังโทร. บอกนักข่าวอยู่ในห้องทำงานของแฟรงค์ทุกคนตกใจ พราวยืนนิ่ง แต่สีหน้าโกรธสุด ๆ
“แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะคะที่จรีโทรบอกนักข่าว ตอนที่พี่พราวออกจากบ้านไปคราวก่อน มิกิก็ได้ยินจรีโทร. ไปบอกนักข่าวค่ะ ว่าพี่พราวหนีพี่แฟรงค์ออกจากบ้าน”
แฟรงค์กัดฟันกรอด
“ข่าวหลุดเพราะนังจรีนี่เอง ฉันอยากจะกรี๊ดให้บ้านแตก นี่ฉันเลี้ยงไส้ศึกไว้ในบ้านเหรอเนี่ย”
ฝั่งผู้ที่กำลังถูกคาดโทษ กำลังนั่งยุแหย่ส้มจี๊ดอยู่ในร้านอาหาร
“เลอะเทอะ สะตอ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชายพายเรือในรูปไอจีจะเป็นคุณติณห์”
“งั้นน้องก็ตามไปด่าไฮโซติณห์เอาเองก็แล้วกันนะที่เลอะเทอะ สะตอ ออกมายอมรับหน้าตาเฉยว่าเป็นผู้ชายพายเรือของยัยพราว”
จันทร์จรียิ่งฟัง ยิ่งขัดใจ
“ไม่เข้าใจเลยจริงๆ หล่อ รวย เพียบพร้อมอย่างคุณติณห์ ทำไมถึงยอมเปลืองตัว เอาชื่อเสียงของตัวเองมาปกป้องยัยพราวถึงขนาดนี้ด้วยนะ เค้าต้องการอะไร ?”
ส้มจี๊ดหัวเราะขำ
“แหม คุณน้องขา ไฮโซติณห์คงไม่ช่วยเอาบุญหรอก ขาว สวย อึ๋ม เล่นตัว แถมพยศอย่างยัยพราว ผู้ชายก็คงอยากจะลองปราบพยศสักครั้ง”
“แต่ยังไงก็ไม่ใช่ พี่ดูซีว่าผู้ชายในรูป มันไม่ใช่คุณติณห์แน่นอน ต่อให้เห็นแต่กะโหลกด้านหลังก็เถอะ ยังไงก็ไม่ใช่”
จันทร์จรีหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูรูปในไอจีอีกครั้ง แต่กลับไม่พบรูปนั้นแล้ว
“ถึงไม่มีรูปพี่ก็ต้องตามจิกเรื่องนี้ต่อนะคะ จรีมั่นใจว่ายัยพราวกำลังแอบคั่วผู้ชายนอกวงการที่ไหนอยู่สักคน ไม่งั้นคงไม่แอบหิ้วไปพลอดรักกันไกลถึงอัมพวาหรอก พี่ต้องหาให้ได้ว่าผู้ชายพายเรือคนนี้เป็นใคร ?”
อรชุมากับน้องนุชรอสมชายอยู่หน้าบ้านอย่างเป็นห่วง พักใหญ่ๆ สมชายก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับเข้ามา
“ยังไม่นอนอีกเหรอแม่ ?”
อรุชุมาถอนหายใจเฮือก “คิดว่าแม่จะนอนหลับเหรอ ลูกขี่รถหายต๋อมออกจากบ้านไปแบบนี้”
น้องนุชก้มหน้า สำนึกผิด
“เพราะนุชคนเดียว ดันไปโพสต์รูป นุชทำให้คุณพราวเดือดร้อน ทำให้พี่กับคุณพราวต้องผิดใจกัน”
“เลิกพูดถึงผู้หญิงคนนั้นได้แล้วน่านุช เค้าไปแล้ว เค้าไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ลืมเค้าซะ”
สมชายกำลังจะเดินเข้าบ้าน แต่อรชุมาย้อนถามขึ้นมาก่อน
“แล้วชายล่ะ ลืมคุณพราวได้เหรอลูก ?”
สมชายหยุดกึก “ผมไม่เคยจำเค้า แล้วทำไมผมต้องลืม”
“งั้นก็อย่าไปโกรธคุณพราว แม่ไม่อยากเห็นลูกเป็นทุกข์ คุณพราวเค้าเป็นดารา บางครั้งเค้าก็ต้องทำอะไรเพื่อปกป้องตัวเอง”
“ปกป้องตัวเอง โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไงเหรอครับแม่”
อรชุมาได้แต่ถอนใจ น้องนุชเข้ามาเกาะแขนสมชาย พลางพูดขอร้อง แต่กลับถูกพี่ชายดึงแขนออกอย่ามีทิฐิ
“ฟังให้ดีนะทั้งนุชทั้งแม่ คนอย่างสมชายไม่มีทางญาติดีกับคนที่เห็นแก่ตัวอย่างผู้หญิงที่ชื่อพราวเด็ดขาด”
ขาดคำ สมชายก็เดินเข้าบ้านไป อรชุมาได้แต่โอบปลอบน้องนุชที่ยังร้องไห้เสียใจไม่หยุด
พราวเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนหรูหรา ก่อนจะปิดประตู พร้อมจะกลับมาสู่โลกของพราวอีกครั้ง ทว่าลึกๆ แล้วกลับยิ่งเปลี่ยว เหงา เหมือนลืมทิ้งหัวใจไว้ที่อัมพวา
น้ำตาของเธอค่อยๆ ไหลออกมา
สมชายก็คิดถึงพราวไม่แพ้กัน แต่ก็พยายามเรียกความเข้มของตัวเองกลับมาเพื่อเอาชนะ
“ผู้หญิงคนนี้ ไม่มีความสำคัญอะไรกับสมชาย จนต้องเก็บไว้ให้รกสมอง เขี่ยทิ้งซะ”
เสียงโทรศัพท์ไร้สายในห้องนอนของพราวดังขึ้น เธอรีบปาดน้ำตา ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มากดรับ
“ฮัลโหล ใครโทรมาคะ จะนอนแล้วค่ะ”
“ขอโทษครับ ถ้าผมโทรมารบกวนเวลานอนของคุณ”
พราวรีบลุกพรวดขึ้นมานั่งคุยทันที
“คุณติณห์เหรอคะ เอ่อ ไม่รบกวนเลยค่ะ พราวนึกว่าเป็นคนในบ้านน่ะค่ะ ปรกติเบอร์นี้จะมีเฉพาะคนในบ้านเท่านั้นที่รู้”
“ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง แล้วต้องขอโทษด้วยที่วันนี้พราวหนีกลับมาก่อน ทิ้งให้คุณรับหน้านักข่าวอยู่คนเดียว”
ติณห์ตอบกลับมา ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “เรื่องเล็กสำหรับผมครับ”
“แต่เรื่องใหญ่สำหรับพราวค่ะ คุณต้องเอาชื่อเสียงของตัวเองมาปกป้องชื่อเสียงของพราว พราวไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไงดีค่ะคุณติณห์”
ติณห์ยิ้มเยาะ ที่เห็นว่าพราวเกริ่มติดกับดักของเขาแล้ว
“สั้นๆนะครับ ผมเต็มใจที่จะช่วยคุณ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายสำหรับผม ที่จะบอกว่าผู้ชายที่อยู่ในรูปนั้นเป็นผม”
พราวตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับติณห์
“ฉันจะบอกความจริงก็ได้ค่ะ ผู้ชายที่พายเรืออยู่กับฉันในรูป เค้าคือ...”
แต่ติณห์กลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องบอกหรอกครับ ผมไม่อยากรู้เลย ผู้ชายคนนั้นจะเป็นใคร ชื่ออะไร ผมไม่สนใจ ผมสนใจก็แค่คุณคนเดียวเท่านั้น นอนหลับฝันดีนะครับ กู๊ดไนท์”
ติณห์กดวางสาย ด้านหลังของเขาคือเตียงที่มีตรีนอนอยู่ เขาค่อยๆ วางมือจับไปข้อเท้าขาที่ซีดๆ นั้นเหมือนจะส่งใจไปบอกว่าเขากำลังตามแก้แค้นพราวให้แล้ว
พราววางสาย แล้วก็อมยิ้ม คิดว่าติณห์นี่แหละ จะทำให้ตัวเองลืมสมชายได้
จันทร์จรีเดินควงกุญแจรถกลับเข้าบ้านมา ก็เจอแฟรงค์ ที่สวมเสื้อคลุมทับชุดนอนนั่งตะไบเล็บรออยู่ที่โซฟา ด้วยมาดราวกับนางพญา
“จรีไปงานมีตติ้งเพื่อนเก่าที่เคยเป็นมิสมอเตอร์โชว์มาด้วยกันน่ะค่ะ ก็เลยกลับดึก”
แฟรงค์มองหน้าอย่างเอาเรื่อง
“ฉันไม่แคร์เรื่องนั้น แต่ที่ฉันแคร์ก็คือ นี่ใช่เธอรึเปล่า”
พูดพลางกดรีโมตเปิดทีวี จันทร์จรีตะลึงเมื่อเห็นภาพตัวเองกำลังโทร. บอกนักข่าวในห้องทำงาน
ของแฟรงค์
“ใครเป็นคนถ่ายแบล็คเมล์ฉัน”
จันทร์จรีหันมามองทางต้อยติ่ง มิกิ มาร์ค ที่มายืนแอบฟังอยู่
“แปลว่าเธอยอมรับใช่ไหม๊จรี ว่าที่ผ่านมา เธอนั่นแหละเป็นคนคาบข่าวของพราวไปฟ้องนักข่าวให้โจมตีพราวมาตลอด”
จันทร์จรีจำนนต่อหลักฐาน ก็เปลี่ยนมาแว้งกัด เหมือนหมาจนตรอก
“ใช่ ฉันทำเอง ก็มันสมควรจะโดนไหมล่ะ เป็นพราวแล้วไง นึกว่าจะดังค้ำฟ้า ไม่มีวันตกหรือไง ถึงได้ทำตัวยโสโอหัง ไม่เห็นหัวดาราคนอื่น คอยดู ฉันจะต้องดังกว่านังพราวให้ได้”
“งั้นก็ไปดังที่อื่น หล่อนน่ะมันเนื้อร้าย ยิ่งกว่ามะเร็ง มะเส็ง เป็นงูอนาคอนด้า ใครเลี้ยงไว้มีหวังถูกหล่อนรับทานเนรคุณสักวัน”
แฟรงค์ตะคอกใส่ พลางหยิบสัญญาณขึ้นมาฉีก
“ฉันขอยกเลิกสัญญาหล่อน ต่อแต่นี้ หล่อนไม่ใช่เด็กในสังกัดของมิสแฟรงค์อีกต่อไป เชิญไปหาผู้จัดการคนใหม่”
จันทร์จียืนกำมือแน่น แค้นใจ จนน้ำตาคลอ
“ส่วนละครเรื่องอโยธยา ที่ยังถ่ายทำไม่เสร็จ หล่อนก็เล่นต่อไป ติดต่อเอง รับเงินเองฉันจะไม่ยุ่ง หรือหล่อนจะไม่เล่นต่อ ก็ไปบอกกองละครเค้าเอาเองนะ”
จันทร์จรีกัดริมฝีปากตัวเองแน่น
“ฉันจะเล่น เล่นต่อให้เด่นให้ดังกว่านังพราวเลย”
แฟรงค์ยกมืขึ้นทาบอกอย่างมีจริต
“อุ้ยตาย กล้าพูดนะยะ ขอให้ทำได้เนอะ จะคอยดู แล้วก็ช่วยเก็บข้าวของออกไปจากบ้านพราวแสงของฉันด้วย คืนนี้มันดึกแล้วฉันอนุโลมให้ไปพรุ่งนี้เช้าก็ได้”
จันทร์จรีสะบัดเสียงตอบกลับมาทันควัน
“ไม่ต้อง ฉันไม่อยากอยู่แล้ว ฉันจะไปคืนนี้ เดี๋ยวนี้”
มีนกำลังเล่นเป่าพุงปอนด์ปอนด์ ขณะที่เปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดโรงพยาบาลมาเป็นชุดกลับบ้านให้ แม่แก้ว ที่เก็บข้าวของอยู่ หันมามองทั้งคู่อย่างมีความสุข
จากนั้นมีนก็เดินออกมาจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลที่เคาน์เตอร์ พลางมองเงินทอนในมือที่เหลืออยู่ไม่ถึงพันด้วยสีหน้ากังวล ก่อนจะเหลือบไปหันไปเห็นหนังสือพิมพ์ที่มีคนอ่านวางไว้ที่เก้าอี้ เห็นนรูปพราวกำลังยืนให้สัมภาษณ์นักข่าวที่อัมพวาและรูปติณห์ให้สัมภาษณ์ในกรอบใหญ่หน้าบันเทิง เธอรีบหยิบมาอ่าน
“ไฮโซติณห์ยอมรับภาพหลุดในไอจี แอบไปสวีตอัมพวาด้วยกัน”
มีนถอนหายใจ อย่างยอมรับสภาพ
“คุณพราวกลับมาแล้วซินะ ตกงานแล้วซิมีน”
แต่พอเดินกลับมาที่ห้องคนป่วยของปอนด์ปอนด์ ก็ฝืนทำหน้าร่าเริง
“จ่ายเงินเรียบร้อย ทีนี้ก็กลับบ้านกันได้แล้ว”
ปอนด์ปอนด์ยิ้มดีใจ แต่แม่แก้วกลับเป็นห่วง
“จ่ายไปทั้งหมดเท่าไหร่เหรอมีน ?”
มีนอึกอักไม่กล้าตอบ แม่แก้วเข้าใจทันที
“ไม่เหลือเลยเหรอลูก ?”
“ก็เหลือนิดหน่อยน่ะแม่แก้ว ไม่เป็นไรหรอกน่า เงินเดี๋ยวก็หาใหม่ได้ ปอนด์ปอนด์หายดี มีนก็ดีใจแล้ว”
จังหวะนั้นเองที่เสียงมือถือของเธอดังขึ้น
“ฮัลโหล มีนพูดค่ะพี่ ให้มีนไปหา เดี๋ยวนี้เหรอคะ?”
พราว ตอนที่ 5 (ต่อ)
มีนกดกริ่งที่หน้าห้องพราว ก่อนที่เอมี่ก็เปิดประตูออกมารับ แล้วพาเธอเข้ามาในห้อง แฟรงค์ที่นั่งกรีดกรายจิบชารออยู่ รีบเดินกระวีกระวาดไปยังส่วนของห้องนอน
“อ้าวหนู ออกมาเร็วๆซิจ๊ะ นี่ไง สแตนด์อินของเธอ”
มีนมองตามไป แล้วก็อึ้ง เมื่อเห็นพราวสวยสง่าอยู่ในชุดเกาะอกกางเกงขาสั้นเดินออกมาจากห้อง ขณะที่กำลังใส่ต่างหูข้างหนึ่งอยู่
พราวเองก็มองมาที่มีนอย่างตะลึงงัน จนต่างหูในมือร่วงลงพื้น เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า หน้าตาเหมือนกับตัวเอง แต่สะดุดตาที่ปานแดงตรงแก้ม
พราวเดินเข้ามาหามีนช้าๆ ใบหน้าของผู้หญิง 2 คนที่มองจ้องกัน มีหน้าตาเหมือนกันราวกับพิมพ์เดียว แต่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
คนหนึ่งใบหน้าแต่งเติมสวยเกลี้ยงเกลา แต่อีกคนมีปานแดงอัปลักษณ์ที่หน้า
สมชายสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย สีหน้าเครียด คิดเรื่องเจ๋งที่ยังลอยนวลอย่างค้างคาใจ จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิด ทันทีที่เครื่องเปิด เสียงเตือนว่าข้อความส่งเข้ามา ก็ดังขึ้น พอเปิดดูแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นข้อความที่ผู้กำกับสหวุฒิส่งไว้ในเครื่องเขา
“ได้เบาะแสไอ้เจ๋งแล้ว หลังหลบไปกลบดานที่อื่นพักใหญ่ ตอนนี้มีข่าวมันกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรุงเทพ”
เลือดตำรวจของสมชายเดือดพล่านจนร้อนรุ่มขึ้นในกายอีกครั้ง
เจ๋งนั่งซดเบียร์ขวดอยู่บนซากรถเก่าที่จอดทิ้งร้างอยู่ในอู่แต่งรถเถื่อน พร้อมกับเปิดดูหนังสือบันเทิง
เห็นข่าวติณห์ที่ยอมรับพาพราวไปสวีตที่อัมพวา โดยมีรูปพายเรือจากไอจีอยู่ในกรอบเล็กๆ แม้จะเห็นรูปไม่ชัด แต่เขาก็จำได้แม่นว่าคนที่นั่งหันหลังพายเรือให้พราว คือสมชาย
มันขยำหนังสือแล้วเขวี้ยงทิ้งด้วยความแค้นใจ มืออีกข้างที่ถือขวดเบียร์ก็โยนขึ้นฟ้า แล้วลุกขึ้นชักปืนพกที่เหน็บเอวออกมายิงไปที่ขวด จนแตกกระจาย สีหน้ามุ่งมั่นพร้อมจะแก้แค้นให้พี่ชาย
พราวนั่งไขว่ห้างอย่างมีมาด มองมาที่มีนที่นั่งตัวลีบอยู่ตรงข้าม
“พี่แฟรงค์เล่าเรื่องสแตนด์อินแปลงโฉมมีนให้เป็นพราว ให้ฉันฟังหมดแล้ว บอกตรงๆ เห็นอย่างงี้แล้วฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีนจะปลอมตัวเป็นฉัน ออกงานแทนฉัน รับมือกับนักข่าวแล้วก็แฟนคลับของฉันได้ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นตัวปลอม มันเซอร์ไพรส์มากอ่ะ”
พราวพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีเจตนาดูถูกดูแคลน มีนยิ้มน้อยๆ อย่างถ่อมตัว
“ตอนแรกมีนก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ ต้องขอบคุณพี่แฟรงค์ กับคุณเอมี่ค่ะ ที่ช่วยมีนปลอมตัวเป็นคุณพราวได้อย่างแนบเนียน”
ทั้งแฟรงค์ ทั้งเอมี่ ยืดอกรับอย่างภาคภูมิใจ แต่พราวกลับขัดขึ้น
“ไม่ใช่ ที่เธอทำได้ ไม่เกี่ยวกับพี่แฟรงค์กับเอมี่เลย ที่มีนทำได้ เพราะอะไร?
พราวมองจ้องมีนอย่างวิเคราะห์หาคำตอบ
“ไม่รู้ซีคะ มีนรู้แต่ว่ามีนต้องทำให้ได้ เพราะมีนต้องการเงินค่ะ มีนต้องการค่าจ้างของพี่แฟรงค์”
มีนยอมรับออกมาอย่างจริงใจ แม้จะรู้สึกอายๆ แฟรงค์กับเอมี่หน้าเจื่อน คิดว่าพราวกำลังจะเล่นงานมีน
“ไม่ว่าจะให้มีนทำอะไร งานยากแค่ไหน ถ้าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย มีนก็จะทำเพื่อเงิน มีนขอโทษคุณพราวค่ะ ถ้ามีนถือวิสาสะปลอมตัวเป็นคุณ โดยที่คุณไม่เต็มใจ มีนขอโทษ มีนอยากได้เงินไปช่วยเหลือเด็กที่บ้านเด็กกำพร้า มีนไม่ได้คิดอาจเอื้อมที่จะเป็นคุณเลยจริงๆ”
พราวยิ้มอย่างพอใจในคำตอบ ที่มีนยอมรับว่าทำเพราะเงิน ไม่ได้หวังชื่อเสียง
“ฉันไม่ได้โกรธมีน อยากขอบใจด้วยซ้ำ ที่มาช่วยเหลือกัน ทั้งๆที่เราไม่เคยรู้จักหรือเกี่ยวข้องกันมาก่อนเลย”
แฟรงค์กับเอมี่ถอนใจโล่งอกพร้อมกันเฮือกใหญ่ พราวเปิดกระเป๋าหยิบซองใส่เงินจำนวนมากออกมายื่นให้มีน
“น้ำใจเล็กๆน้อยๆจากฉัน เงินอาจจะไม่มากมายอะไร แต่ฉันตั้งใจ อยากตอบแทนน้ำใจมีน ที่เข้ามาช่วยกู้สถานการณ์ให้ฉันกับพี่แฟรงค์ รับไปซิ”
มีนส่ายหน้า “ไม่ได้ค่ะ มีนรับไว้ไม่ได้ มีนจะรับก็ต่อเมื่อ เงินนี่เป็นค่าแรงที่มีนทำงานให้คุณพราวเท่านั้นค่ะ มีนจะไม่รับเงินมาฟรีๆ เด็ดขาด”
พราวรีบพูดต่อทันที
“โทษทีนะมีน ตอนนี้พราวกลับมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้สแตนด์อินอีก พี่แฟรงค์คงไม่รบกวนให้เธอปลอมตัวมาเป็นฉันอีกแล้วล่ะ”
มีนหันไปมองหน้าแฟรงค์กับเอมี่ ทั้งคู่ฝืนยิ้มให้ เธอจึงยิ้มตอบ
“ค่ะ มีนเข้าใจ ขอบคุณที่เคยให้งานมีนทำ งั้นมีนลานะคะ”
มีนยกมือไหว้ทั้ง 3 แล้วลุกเดินออกไป พราวมองซองเงินที่ถือค้างอยู่ในมือ รู้สึกมันไร้ค่าอย่างที่ไม่เคยเป็น
“ไม่น่าเชื่อว่าเงินนี่จะไร้ค่าสำหรับแม่สาวจากบ้านเด็กกำพร้านั่น”
ขณะที่มีนก็เดินหน้าเศร้าออกไป เพราะผิดหวังที่จะไม่ได้งานจากแฟรงค์อีกแล้ว
คล้อยหลังที่มีนเดินออกไป แฟรงค์ก็มาพูดตำหนิพราว
“พราวก็ไม่น่าเลยหนู ไปถามเจาะตับมีนเค้าอย่างงั้น มีนเค้าคงอาย ก็เลยไม่กล้ารับมันนี่”
“พราวผิดเหรอพี่แฟรงค์ ที่อยากจะรู้ว่าเค้าช่วยเราเพราะอะไรกันแน่”
“หนูก็ระแวงเกินไป”
พราวพยักหน้ายิมรับ “ใช่ พราวระแวง เพราะเมื่อไหร่ที่พราวไว้ใจคนแปลกหน้าพราวต้องเข้าเนื้อตัวเองทุกที”
จากนั้นก็รีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากคิดถึงเรื่องสมชาย
“พี่ติดต่อกองละครอโยธยาเลยนะคะ บอกเค้าว่าพราวพร้อมจะกลับไปเข้ากล้องให้เค้าแล้ว”
แฟรงค์กับเอมี่หัวเราะเริงร่า พราวหยิบบทละครอโยธยามาอ่านทวน แต่ตากลับเหม่อลอย ในใจอดหวนคิดถึงสมชายไม่ได้
สมชายวางปืนที่หยิบออกมาจากลิ้นชักวางลงบนโต๊ะข้างๆบัตรประจำตัวตำรวจ พลางคิดอย่างชั่งใจ ว่าจะอยู่ที่นี่หรือจะกลับไปเป็นตำรวจ ครู่ใหญก็ตัดสินใจลุกขึ้นคว้าปืนขึ้นเก็บใส่ปลอก พร้อมกับเก็บบัตรประจำตัว
น้องนุชเดินเข้ามาเห็น ก็หยุดยืนมอง
“พี่จะไปไหน ไปตามคุณพราวเหรอ?”
สมชายส่ายหน้า “ผู้หญิงคนนั้นสำคัญยังไงเหรอ พี่ถึงต้องไปตามพี่จะกลับไปทำงานต่างหาก”
น้องนุชฟังคำตอบ แล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะถลาเข้ามาหา
“จริงเหรอพี่ แม่รู้คงจะดีใจมาก ที่พี่จะกลับไปทำงานที่พี่รักซะที”
สมชายยื่นมือไปจับหัวน้องนุช “ไว้พี่จะหาเวลากลับมาบ้านบ่อยๆ นะ”
“พาคุณพราวกลับมาด้วยนะพี่ นุชจะได้แก้ตัว ที่ทำให้คุณพราวโกรธ”
สมชายหุบยิ้ม ดึงมือกลับมาเก็บของทันที
มีนเดินกลับเข้าบ้านด้วยอาการคอตก สิ้นหวัง แม่แก้วเงยหน้ามาเห็น ก็รีบทัก
“อ้าวมีน ไหนว่าพี่แฟรงค์ตามให้ไปทำงาน ทำไมกลับมาเร็วล่ะลูก ?”
มีนฝืนยิ้ม ทั้งที่แววตาเศร้า
“เมื่อกี้หนูเจอกับคุณพราว คุณพราวบอกว่าเค้ากลับมาแล้ว พี่แฟรงค์ก็คงไม่มีงานให้หนูทำอีกแล้วล่ะแม่แก้ว”
“เสียดายใช่ไหมลูก งานที่ได้ค่าจ้างเยอะๆแบบนี้ คงหาไม่ได้อีกแล้ว”
“ชีวิตคนเราถ้ามัวแต่มาเสียดาย ก็จะไม่มีกำลังใจทำอะไรพอดี หางานใหม่ดีกว่าแม่ เออนี่ แม่แก้วรู้ไหมคุณพราวสวยมากๆ เลยอ่ะ ชาติที่แล้วเธอคงทำบุญไว้มาก ชาตินี้ก็เลยเกิดมาสวยรวยรูปและทรัพย์ ไม่ต้องลำบาก ไปที่ไหนก็มีแต่คนชื่นชอบ”
แม่แก้วมองหน้ามีนอย่างเอ็นดู
“มีนเองก็ทำบุญไว้มากนะลูก มีนช่วยเหลือเด็กๆที่กำพร้าทำงานหนัก เสียสละชีวิตตัวเอง ยอมลำบากเพื่อให้เด็กได้กินอิ่มนอนหลับ ชาติหน้า หนูต้องสวยยิ่งกว่านางฟ้าซะอีก”
มีนยกมือไหว้ท่วมหัว “สาธุ สมพรปากนะแม่ งั้นมีนเข้าไปดูเด็กๆ นะแม่”
มีนเล่นอิเล็คโทนเก่าๆ ร้องเพลงอยู่กับเด็กๆ แม่แก้วเห็นแล้วถึงกับน้ำตาตก เพราะสงสาร
“มีนเอ้ย ชีวิตลูกจะได้สุขสบาย มีความรักกับเค้าบ้างไหมน้า”
สมชายที่เปลี่ยนมาใส่แจ็คเก็ตพร้อมเดินทางกลับกรุงเทพแล้ว เดินมาหยุดยืนที่หน้าประตูบ้านพักที่พราวเคยมาพักอยู่ หัวใจหวิวๆ อย่างห้ามไม่ได้ แต่ก็พยายามแข็งใจ
เขาดันประตูที่เปิดแง้มๆ อยู่ ก้าวเข้าบ้านไป แต่แล้วต้องชะงัก เมื่อตามองเห็นพราวกระโจมอกโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ
เขายืนอึ้งมองนิ่งอยู่กับที่ แต่แท้จริงแล้วคนที่ออกมาจากห้องน้ำกลับเป็นอรชุมา
“อ้าวชายมาแล้วเหรอลูก ชาย ชาย”
สมชายหลุดจากภวังค์ “แม่เองเหรอ ? แล้วแม่ให้นุชไปตามผมทำไม?”
อรชุมาลากกระเป๋าเดินทางใบย่อมของพราวออกมา
“กระเป๋าเสื้อผ้าของคุณพราวยังอยู่ที่นี่”
สมชายเหลือบมองนิดๆ ทำเหมือนไม่อยากเห็น
“เค้าคงไม่เอาแล้วมั้งแม่ เอาไปทิ้งเถอะ หรือไม่ก็เอาบริจาคให้ใครก็ได้ บุญกุศลจะได้แผ่ไปถึงเค้า”
“พูดอะไรอย่างงั้นชาย วันนั้นคุณพราวคงจะรีบหนีนักข่าวเลยเอาไปด้วยไม่ได้ ลูกจะกลับกรุงเทพเมื่อไหร่ แม่ฝากไปคืนให้คุณพราวด้วย”
สมชายลุกพรวดทันที
“ผมไม่มีเวลาหรอกแม่ ผมจะกลับไปทำงานวันนี้ เดี๋ยวนี้แล้ว พอดีหัวหน้าผมส่งข่าวเรื่องงานมา
ผมอยากกลับไปสะสางคดีเก่าให้จบ”
อรชุมายิ้มให้ลูกชาย
“ลูกตัดสินใจถูกแล้ว เป็นข้าราชการตำรวจ ลูกต้องทำงานให้คุ้มค่าภาษีของประชาชน ถ้าอย่างงั้น...” อรชุมาขยับกระเป๋าจะส่งให้ แต่สมชายขัดขึ้นมาก่อน
“ไม่ๆ แม่ ผมไม่เอากระเป๋าไปคืนยัยซุปตาร์นั่นเด็ดขาด”
แต่สุดท้ายก็จำยอมให้ลุงจ่อยนำกระเป๋าของพราวใส่ไว้ที่ท้ายรถจนได้ สมชายยกมือลาทุกคนแล้วขึ้นรถขับออกไป น้องนุชยิ้มเศร้าๆ
“อยากให้พี่สมชายกลับไปคืนดีกับคุณพราวจัง”
อรชุมาถอนหายใจ “มันก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณพราวยังรอพี่เราอยู่รึเปล่า”
พราวในชุดดินเน่อร์สวยหรู ยืนเหม่อๆ อยู่ที่บ้านพราวฟ้า ครู่หนึ่งต้อยติ่งก็เดินนำติณห์ในชุดสูทหรูเดินวางท่าเข้ามาราวกับคุณชาย พร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ให้เธอ จนพราวอดหวั่นไหวไม่ได้
“บ้านพราวแสงยินดีต้อนรับค่ะ”
ติณห์ยื่นช่อดอกกุหลาบสีชมพูจากมือที่ซ่อนไพล่หลังมาให้
“สำหรับซูเปอร์สตาร์ของผมครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
พราวยิ้มกว้าง พลางยื่นมือไปรับ แต่ติณห์กลับคว้ามือของเธอมากุมไว้
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณพราว ที่ให้เกียรติเชิญผมมาดินเน่อร์ที่บ้าน”
“แค่ดินเน่อร์มื้อเดียว เทียบไม่ได้กับที่คุณช่วยพราวที่อัมพวาหรอกนะ”
ติณห์ส่งสายตาหวานซึ้งส่งกลับมาให้
“อย่าคิดว่าเป็นการช่วยซิครับ แต่เป็นเพราะผมเต็มใจปกป้องคุณ”
พลางจับมือข้างหนึ่งของพราวมาจุมพิตแสนหวาน ทำเอาเธอถึงกับเคลิ้มไป
“คุณกำลังทำให้พราวอิ่ม ทานอะไรไม่ลงแล้วนะคะเนี่ย เชิญที่โต๊ะดีกว่าค่ะ”
พราวผายมือไปที่โต๊ะดินเน่อร์ที่จัดไว้อย่างสวยงาม ท่ามกลางแสงเทียน ติณห์ขยับเก้าอี้ให้เธอนั่ง ก่อนที่ตัวเองจะไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม พร้อมกับที่ต้อยติ่งถือถาดอาหารออกมาเสิร์ฟ
แฟรงค์ที่แอบมองไปอยู่ที่ระเบียงยิ้มพอใจ เห็นดีเห็นงามด้วยที่พราวจะคบหากับติณห์ แต่เอมี่กลับไม่คิดเช่นนั้น
“เจ๊แน่ใจเหรอว่าชัวร์? ว่าระหว่างคุณติณห์กับนายสมชาย พราวจะเลือกคุณติณห์”
แฟรงค์ยิ้มอย่างมั่นใจ
“ไม่ใช่ชัวร์ธรรมดา แต่ชัวร์ป้าบๆ ย่ะ พราวไม่ใช่สวยไก่กา แต่สวยมีหยักในสมอง พราวไม่มีทางเลือกพ่อสมชาย ตำรวจขวางโลกนั่น แล้วคิดสั้นเขี่ยเทพบุตรคุณติณห์ทิ้งหรอกหล่อน no way”
เอมี่ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“มันก็ไม่แน่นะเจ๊ ถ้านายสมชายนั่นไม่มีอะไรดี จากที่เกลียดๆ เข้าไส้ เข้ากระดูกดำ พราวจะเปลี่ยนใจไปปิ๊งนายสมชาย ณ อัมพวา ได้แบบสายฟ้าแลบแปล๊บๆเลยเหรอเจ๊”
แฟรงค์รีบแย้งว่าพราวก็แค่หลงทางไปชั่วครั้งชั่วคราว
“แล้วคุณติณห์นี่แหละ ที่จะเป็นคนจูงมือพราวกลับมาเดินอย่างถูกที่ถูกทาง แฟรงค์คอนเฟิร์ม”
เมื่อดินเน่อร์กันเรียบร้อยแล้ว ติณห์ก็ออกปากชวนให้พราวไปทานข้าวที่บ้านของเขาบ้าง
“บางที คุณอาจจะเป็นนางฟ้า นำปาฏิหาริย์ไปให้น้องชายผมก็ได้”
พราวหันมามองอย่างงงๆ
“น้องชายคุณ? แล้วปาฏิหาริย์อะไรเหรอคะ?”
“อ้าว ก็ที่คราวก่อน คุณไม่สบาย ผมพาไปนอนพักบ้านผมไงครับ คุณบอกผมว่า อย่ายอมแพ้ ให้รักษาน้องชายผมที่นอนเป็นเจ้าชายนิทราต่อไป ปาฏิหาริย์อาจจะกำลังเดินทางมาหาผมแล้ว จำไม่ได้เหรอครับ?”
พราวหันหน้ากลับไปคิดเดาเหตุการณ์ พลางนึกไปถึงมีนทันที
“อ๋อ จำได้แล้วค่ะ ถ้าสามารถ พราวก็อยากทำให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับน้องชายของคุณจริงๆ เค้าจะได้หาย ตื่นขึ้นมาเป็นน้องชายคนเดิมของคุณอีกครั้งนึง”
พราวทำเป็นพูดให้กำลังใจอย่างแนบเนียน พลางหันมามอง แต่ติณห์กลับไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
พราวอกเดินตามหา พลันก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีมือที่ถือสร้อยเพชรราคาแพงคล้องมาที่คอเธอทางด้านหลัง
“ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้กับผม”
ติณห์บรรจงใส่สร้อยให้ พลางเดินมายืนมองต่อหน้าพราว
“สวยมากครับ เพชรดูมีค่ามากเมื่ออยู่บนตัวคุณ”
พราวยิ้มเขิน “ชมแบบนี้ เดี๋ยวพราวก็ลอยได้หรอกค่ะ”
ติณห์ยื่นมือไปจับมือพราวไว้ทั้ง 2 มือ ก่อนจะพูดความในใจ
“ที่ผ่านมา ผมมีความสุขกับชีวิตหนุ่มโสดของผมมาก แต่มาวันนี้ ผมกลับรู้สึกมีความสุขมากกว่า เมื่อได้เจอคุณ ได้อยู่ใกล้ๆคุณ คุณพราวครับ....”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง โดยที่ยังจับมือพราวไว้
“ผมต้องการเป็นคนพิเศษของคุณ ให้โอกาสผมนะครับ”
พราวยิ้มตอบอย่างเอียงอาย “ค่ะ ฉันจะเป็นคนพิเศษของคุณเหมือนกัน”
ติณห์ยิ้มอย่างดีใจ ลุกขึ้นก้าวเข้าไปโอบกอดเธอไว้ พราวกอดตอบ แต่กลับรู้สึกว่าอ้อมกอดนี้ไม่อบอุ่นเหมือนอ้อมกอดของสมชาย
ติณห์แอบยิ้มอย่างสมใจ ที่สามารถเข้าถึงตัวพราวอย่างใกล้ชิดได้แล้วตามแผน
ที่จอขนาดใหญ่หน้าห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางเมือง กำลังฉายภาพของพราวในอิริยาบถต่างๆ ในฐานะพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ พร้อมกับเสียงบรรยาย
“หลีกหนีความจำเจ ชีวิตเลือกได้ หัวจดเท้ามีแต่อินไม่มีเอ้าท์ ต้องมาช้อปแอนด์ช้อปที่นี่ แล้วคุณจะสวย เลิศเลอ เพอร์แฟ็ก มีสไตล์เหมือนพราวพิชญาดา เชิญพบกับเธอได้เลยครับ“
สิ้นเสียงบรรยาย ก็ตามด้วยกรี๊ดของกลุ่มแฟนคลับ Power Proud นำทีมโดยม็อดดี้ กระติ๊บ หงอย ตั้ม ที่มาพร้อมป้ายไฟป้ายเชียร์อีกเช่นเคย
พราวปรากฏตัวขึ้นในชุดและหมวกสุดล้ำ ในฐานะตัวแม่ของวงการแฟชั่น ก่อนจะเดินออกมาจากมุมหนึ่งของห้าง บนทางปูพรมแดงที่ใช้ราวเชือกกั้นไว้ ไม่ให้คนเบียดเข้าถึง โดยมีบอดี้การ์ดนับ10 คน สวมชุดสูทใส่แว่นดำเดินประกบก้าวขาอย่างพร้อมเพรียงราวกองทหารพิทักษ์นางพญา เธอหันมาส่งยิ้มโบกมือให้ผู้คนรอบห้างที่พากันส่งเสียงกรี๊ดและใช้มือถือถ่ายรูป
แฟรงค์กับเอมี่เดินตามมาอยู่ข้างหลังกับกลุ่มทีมงาน ขณะที่กลุ่มนักข่าวที่รออยู่หัวแถวด้านข้าง มีสุดเขตต์กับส้มจี๊ดรวมอยู่ด้วย ทั้งหมดมองอย่างทึ่งกับการปรากฏตัวด้วยลุคใหม่ของพราว
พราว ตอนที่ 5 (ต่อ)
รถสมชายจอดอยู่ที่ริมฟุตบาทไม่ไกลจากห้าง สมชายสวมแว่นเรย์แบรนด์ ใส่หมวกนั่งซุ่มอยู่ในรถ คอยมองจับจ้องไปยังริมฟุตบาทที่มีตึกแถวร้านค้าและตรอกซอยลึกด้านในอย่าวระแวดระวัง
จังหวะนั้นเอง ผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนชาวบ้านแถวนั้น เดินล้วงกระเป๋าตรงมาที่รถของสมชาย พลางกลอกสายตามองซ้ายขวา จากนั้นก็เคาะกระจกอย่างรวดเร็ว
สมชายรีบเปิดล็อกประตูให้เปิดเข้ามานั่ง
“ไหนว่าเห็นไอ้เจ๋งโผล่ป้วนเปี้ยนอยู่ย่านนี้ ฉันซุ่มในรถมาตั้งแต่เช้าแล้ว ยังไม่เห็นหัวมันเลย”
ที่แท้ชายคนนั้นเป็นสายของตำรวจ
“ผมอาจจะจำคนผิดก็ได้สารวัตร โจรสมัยนี้มันหน้าคล้ายๆ กัน”
สมชายรีบล้วงเงินออกมาหลายพัน คีบส่งให้
“งั้นไปหาข่าวมาใหม่ เอาให้ชัวร์กว่านี้”
สายตำรวจยกมือไหว้ ก่อนจะรีบรับเงินแล้วเดินลงจากรถไป
จู่ๆ เด็กเดินแจกโบว์ชัวร์ใบปลิวโฆษณาห้าง ก็เดินผ่านมาแล้วแปะโบว์ชัวร์ใบหนึ่ที่หน้ากระจกรถตรงหน้า สมชายชะงักมอง เห็นเป็นโบว์ชัวร์โฆษณาห้างมีรูปพราวเป็นพรีเซ็นเตอร์ เขาก็มองเมินอย่างพยายามหักใจ รีบขยำโบว์ชัวร์เขวี้ยงทิ้งลงที่วางเท้าในรถให้มันสาแก่ใจ พลางสตาร์ทรถจะขับออกไป แต่พอหันไปมองที่ถนน กลับเห็นเจ๋งขับรถผ่านหน้าไป
“ไอ้เจ๋ง”
พราวเดินโบกมืออยู่ท่ามกลางขบวนติดตาม เสียงกรี๊ดและเรียกชื่อเธอดังสนั่นลั่นห้างไปหมด
สุดเขตต์ที่กำลังกดถ่ายรูปรัว ลดกล้องลงมองมา พลางส่งยิ้มให้ แต่เมื่อเธอมองเห็นเขายืนอยู่ข้างส้มจี๊ด สายตาคมกริบก็ตวัดมองอย่างไม่ญาติดีด้วย
ส้มจี๊ดเบะปากใส่ แต่สุดเขตต์ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะท่าทีของพราวในวันนี้ช่างแตกต่างจากพราวที่เขาเคยช่วยเหลือไว้อย่างสิ้นเชิง
สมชายขับรถตามหลังเจ๋งไป แต่เพราะรถเยอะมาก ทำให้คลาดกัน เขาหันมองหาอย่างหงุดหงิด จนจะขับเลยห้างไปแล้ว แต่เมื่อเหลียวมองไปอีกที ก็เห็นรถเจ๋งกำลังขับอยู่ด้านในทางเข้าตึกจอดรถของห้าง เขารีบเลี้ยวตามเข้าไปทันที
พราวหันมายิ้มโบกมือส่งจูบให้บรรดาแฟนคลับ Power Proud อย่างคุ้นเคย ประเสริฐที่ซุ่มรวมอยู่ในกลุ่มด้วย ทำท่าคว้าจูบของพราว มากำไว้อย่างสุดปลื้ม
สุดเขตต์เบียดคนจนเข้ามาอยู่แถวหน้าแล้วถ่ายรูปพราวในระยะใกล้ เธอมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร พลางพยายามปิดหน้าไม่ให้เขาถ่ายได้ถนัด สุดเขตต์ชะงัก มองพราวอย่างแปลกใจ
ประเสริฐจ้องไปที่พราว แล้วมองเสมือนว่าเธอส่งยิ้มเย้ายวนมาให้
“พราว รับของขวัญจากผมไปที พราว”
แฟรงค์กับเอมี่ที่เดินตามหลังขบวนต้องมารับข้าวของจากแฟนคลับแทน
“ให้พราวเปิดดูให้ได้นะ อย่าลืมนะ ให้พราวเปิดนะ”
ประเสริฐตะโกนสั่งตามหลัง ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของบรรดาแฟนคลับ จนฟังไม่ได้ศัพท์
สมชายเดินเข้ามาในห้าง ได้ยินเสียงกรี๊ดดังสนั่น ก็มองผ่านระเบียงลงไปด้านล่าง เห็นพราวกำลังเดินโปรโมทไปทั่วห้าง เขาพยายามหลอกตัวเองด้วยการทำหน้าเซ็ง
“ตะกี๊เจอรูป ตอนนี้มาจ๊ะเอ๋ตัวเป็นๆ เล๊ย จะตามหลอกหลอนไปถึงไหนไม่ได้อยากเจอเล๊ยซูเปอร์สตาร์”
ขาดคำ สมชายก็ต้องตะลึงงันเมื่อมองไปเห็นเจ๋งยืนอยู่บนบันไดเลื่อนชั้น 2 ท่ามกลางผู้คน กำลังเลื่อนลงไปยังชั้นล่าง ที่เห็นพราวกำลังเดินอยู่
“มันมาที่นี่ทำไม?”
สมชายมองตามสายจาของเจ๋ง เห็นมันมองจ้องไปทางพราว ก็เริ่มร้อนใจ นึกห่วงเธอขึ้นมาทันที จากนั้นก็รีบวิ่งเบียดผู้คนลงบันไดเลื่อนไป
พราวเดินตามทีมจัดงานของห้างไปยังมุมที่จัดไว้สำหรับแจกลายเซ็นและลูกค้าได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แฟรงค์กับเอมี่ถือของขวัญจากเหล่าแฟนคลับตามพะรุงพะรังตามมาติดๆ เสียงมือถือแฟรงค์ดังขึ้น
“ฮัลโหล ว่าไงฮะคุณติณห์ ?”
ติณห์เดินพูดสายอยู่ในออฟฟิศ ขณะจะเดินไปที่ห้องทำงาน
“คุณพราวยุ่งอยู่เหรอครับ ?”
“ยังโชว์ตัวไม่เสร็จเลยฮะ คนล้นหลามเกิ้น แทบจะไม่ได้เดินเลยค่ะเรียกว่าไหลๆๆไปดีกว่า อุ้ยตาย มัวแต่เม้าท์ พราวเดินไปโน่นแล้ว คุณติณห์โทรมามีอะไรรึปล่าวฮะ”
“ไม่มีอะไรครับ แค่ห่วงน่ะครับ ว่าคุณพราวทำงานราบรื่นดีไหม เสร็จงานแล้ว ผมขอล็อกคิวทานข้าวกับคุณพราวนะครับ”
แฟรงค์ยิ้มหน้าบาน “อ่ะเคร นี่ถ้าไม่ซี้จริงไม่ให้คิวนะฮะ แล้วจะให้พราวโทรหานะฮะ”
ติณห์วางสาย แววตาวาวโรจน์ รอคอยฟังข่าวพราวอย่างใจจดจ่อ เพราะส่งคนไปเล่นงานให้เสียขวัญอีกรอบ ทันใดนั้น...
“สวัสดีค่ะคุณติณห์”
ติณห์ชะงักหันไปมอง เห็นจันทร์จรียืนคุยอยู่กับพนักงานของเขา ด้วยท่าทีที่สวยเฉี่ยว
“สวัสดีครับคุณจรี”
ติณห์มองไปที่หน้าพนักงานเป็นเชิงถาม
“คุณจันทร์จรีมาร่วมคัดเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์แป้งทูเวย์คอเล็คชั่นใหม่ของบริษัทเราน่ะค่ะท่านประธาน”
จันทร์จรียิ้มหวานส่งให้เขา
“หวังว่าคุณติณห์จะรับจรีไว้พิจารณานะคะ ถ้าคุณได้จรีเป็นพรีเซ็นเตอร์ คุณจะไม่ผิดหวังเลยค่ะจรีพร้อมจะพรีเซ้นต์สินค้าให้คุณน่าสนใจ น่าดูน่าใช้กว่าเป็นแค่แป้งตลับธรรมดาๆ”
ติณห์นิ่ง แต่แววตาฉายความพอใจชัดเจน
กลุ่มแฟนคลับ,นักข่าวและลูกค้าเบียดเสียดล้อมเข้ามาหาพราวแน่นไปหมด จนเธอถึงกับเซ และเริ่มรู้สึกอึดอัด แต่ก็ฝืนยิ้มสู้อย่างมืออาชีพ ส่วนแฟรงค์กับเอมี่ถูกจับแยกอยู่ข้างหลัง
พิธีกรที่รออยู่ตรงจุดคัทเอ้าท์ต้องประกาศผ่านไมค์มา
“รักคุณพราว ชื่นชอบคุณพราวใจเย็นๆครับ ขอทางให้คุณพราวมาที่มุมนี้ก่อนครับ เดี๋ยวได้จับมือได้ลายเซ็นกันทุกคน ตอนนี้ลูกค้าที่ช้อปรวดเร็วทันใจ ครบ 5 หมื่บบาทมารอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับคุณพราวทางนี้ 2 ท่าน
แล้วครับ ขอทางหน่อยครับ ขอทาง”
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะคนกลับยิ่งเบียดเข้ามา จนพราวต้องหันไปมองแฟรงค์ที่อยู่ไกลๆ อย่างจะขอความช่วยเหลือ
อีกด้านหนึ่งชายผมซอยยาวรากไทรเหมือนทรงเกาหลี สวมแว่นตาแฟชั่นกระจกดำสะพายเป้ปะปนมากับแฟนคลับพยายามเบียดเสียดเข้าไปหาพราว
สมชายเดินชะเง้อมองหาเจ๋ง พร้อมๆ กับสลับมองไปที่พราว
ประเสริฐพยายามเบียดแทรกยื่นมือไป กระทั่งคว้าแขนพราวจับไว้ได้
“พราว พราวของผม”
แฟนคลับคนอื่น เลยกรูตามเข้ามาจับตัวพราวไว้ จนเธอขยับตัวเดินไปไหนไม่ได้ พร้อมกับที่ชายผมรากไทรเบียดเข้าใกล้ๆ พร้อมกับล้วงเครื่องช็อตไฟฟ้าออกมา ช็อตไปที่บริเวณหลังของเธอ
พราวสะดุ้งค้างตัวแข็ง โชคดีดีที่สุดเขตต์ที่อยู่ใกล้สังเกตเห็นเสียก่อน
“เฮ้ย ไอ้นั่นทำอะไรคุณพราว”
สุดเขตต์กระโดดลงจากเก้าอี้พุ่งเข้าไป ชายผมรากไทรตกใจหันมามอง พร้อมๆ กับจะมุดหนี
พราวเซจะล้ม ทีมงานตกใจร้องลั่น
“คุณพราวเป็นอะไรไปคะ เป็นลมเหรอคะ คุณพราว”
ท่ามกลางคงามอลหม่านของผู้คน สุดเขตต์ปรี่เข้าไปกระชากคอชายผมรากไทรขึ้นมา สมชายเองก็ลืมความทิฐิ จะปรี่เข้าไปหาพราว แต่บังเอิญตาเหลือบไปเห็นเจ๋งปรากฏตัวขึ้นที่มุมด้านหลัง มือล้วงอยู่ใต้เสื้อ เขาจึงรีบเข้าไปคว้าแย่งตัวพราวมาจากทีมงาน
“ส่งคุณพราวมาให้ผม ผมเป็นตำรวจ ผมจะดูแลเค้าเอง”
พราวมองหน้าสมบายอย่างอึ้งๆ ที่จู่ๆ เขาก็โผล่มาช่วยเธอในยามวิกฤต
สุดเขตต์พลาดทำชายผมรากไทรสลัดหลุดมือ อาศัยฝูงชน วิ่งหลบไป พลางเหลียวไปมองพราว ก็เห็นสมชายกำลังคุ้มกันพาตัวเธอออกไปจากม็อบคนแล้ว เขาจึงรีบตามชายผมรากไทรไป แต่มันกลับเดินหลบไปตามทางเดิน ก่อนจะจัดการดึงวิกผม ถอดแว่นออก ถอดเสื้อยืดตัวนอกออกยัดใส่เป้ แล้วล้วงหมวกจากเป้มาใส่ พร้อมทั้งหยิบมือถือออกมาทำเป็นเดินกดๆ ด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างหิ้วเป้เดินออกไปทางเดิมปะปนผู้คนคนอื่นๆ สวนกับ
สุดเขตต์ที่เดินผ่านไปโดยไม่รู้ว่าเป็นมัน
สมชายประคองพราวที่เนื้อตัวอ่อนแรงเพราะถูกช็อตเดินหลบมาที่มุมปลอดคน พลางเหลียวมองไปด้านหลัง เห็นเจ๋งขบกรามเดินตามมาแต่ไกล พร้อมกับชักปืนออกมาถือแอบไว้ใต้เสื้อเชิ้ต ในท่าพร้อมยิงไม่เลี้ยง
สมชายทำท่าจะชักปืนออกไปลุยกับเจ๋ง แต่พราวขาอ่อนล้มลงขาพลิก เขาตกใจ รีบเก็บปืนไว้อย่างเดิม ก่อนจะถลามาคุกเข่าดูพราวที่ล้มอยู่กับพื้น ขณะที่เหลียวไปมองเจ๋ง อย่างชั่งใจ เพราะขืนดวลกับมันตอนนี้ พราวอาจเจอลูกหลงอีกแน่ คิดพลางตัดสินใจช้อนตัวเธอขึ้นอุ้ม แล้วพาออกจากประตูห้างที่เชื่อมกับตึกจอดรถมา
“ฟุบหน้าไว้ ถ้าไม่อยากให้ใครเห็น”
พราวทำตามคำสั่ง รีบซบไหล่กับไหล่ของเขา สมชายอุ้มเธอมาถึงรถ ก่อนจะพาเธอขึ้นนั่งที่เบาะหน้า แล้วรีบเดินอ้อมมาขึ้นรถ ขับออกไป
เจ๋งเดินออกมาจากห้าง มองตามอย่างแค้นใจ
ติณห์เชิญจันทร์จรีเข้ามานั่งคุยในห้องตามลำพัง
“ขอบคุณนะคะ ที่คุณติณห์ให้เวลาสัมภาษณ์จรีด้วยตัวเอง”
ติณห์ยิ้มรับ “อย่าเรียกว่าสัมภาษณ์เลยครับ เอาเป็นว่าเราคุยกันในฐานะที่คุณเป็นเด็กในความดูแลของคุณแฟรงค์”
“นั่นมันเรื่องเก่าแล้วค่ะคุณติณห์ จรีไม่ได้อยู่กับพี่แฟรงค์แล้ว ตอนนี้จรีดูแลตัวเอง รับงานเองทั้งหมดค่ะ”
“ไม่เห็นคุณแฟรงค์พูดถึงเรื่องนี้เลย”
จันทร์จรีรีบพูดใส่ไฟ
“เค้าคงไม่อยากให้จรีสาวไส้มังคะว่าเค้าดูแลจรีได้แย่ยังไงบ้าง พี่แฟรงค์น่ะ เค้ามีพราวเป็นตัวเงิน
ตัวทองอยู่แล้วทั้งคน เด็กในสังกัดของเขาคนอื่นๆก็เลยหมดความหมาย จรีถึงต้องออกมาดิ้นรนเอง หางานเองไงคะ”
“ถ้าคุณแฟรงค์รู้ว่าคุณมาเสนอตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับบริษัทผม คุณคิดว่าคุณแฟรงค์จะรู้สึกยังไงครับ ?”
จันทร์จรีโปรยยิ้มหวานอย่างมีจริต
“คุณคงไม่ได้แคร์พี่แฟรงค์หรอกมั้งคะ คุณแคร์พราวมากกว่า พราวอาจจะไม่พอใจก็ได้ แต่ระดับผู้บริหารอย่างคุณติณห์ คงไม่ต้องให้ใครมาชี้นำเรื่องงานหรอก จริงไหมคะ?”
ติณห์นิ่ง ขณะที่แอบคิดในใจว่าจันทร์จรีนี่แหละจะช่วยเขาเล่นงานพราวจนไม่มีความสุข ทันใดนั้นเสียงมือถือดังขึ้น เขารีบหยิบขึ้นมารับสาย
“ผมกำลังรอสายอยู่พอดีครับคุณแฟรงค์ คุณพราวเสร็จจากโชว์ตัวหรือยังครับ?”
ติณห์แกล้งทำเป็นตกใจ เมื่อรู้เรื่องจากแฟรงค์
“อะไรนะครับ คุณพราวหายตัวไป รออยู่ที่นั่นนะครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
จันทร์จรีฟังอย่างพยายามเดาเรื่องราว
“อยู่ๆ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พราวเป็นลมหรือว่ามีใครทำอะไรถึงได้ชุลมุนชุลเกกันแบบนั้น มีทีมงานสักคน ตอบมิสแฟรงค์ได้ไหม? ขอชัดๆ ซิ”
แฟรงค์มองจ้องทีมงาน พลางถามอย่างร้อนใจ
“เอ่อ เหมือนว่าจะเป็นลมน่ะค่ะ หนูก็ไม่แน่ใจ อยู่ๆ คุณพราวก็ทรุดลง แล้วก็มีคนมายื้อยุด เบียดกันไป ผลักกันมาวุ่นวายไปหมด แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาคว้าตัวคุณพราวไป บอกว่าเป็นตำรวจ เค้าจะดูแลเอง”
แฟรงค์ทำหน้าแปลกใจ “ตำรวจ ?”
สุดเขตต์เดินเข้ามาพอดี “สารวัตรสมชายครับ”
“คุณแน่ใจเหรอว่าพราวไปกับนายสมชาย” แฟรงค์ยังไม่หายข้องใจ
“ยิ่งกว่าแน่ใจอีกครับ ผมว่าคงไม่ต้องเป็นห่วงคุณพราวหรอกครับ เพราะว่า 2 คนนั่นก็คงคุ้นเคยกันดี ที่อัมพวา”
แฟรงค์หันมามองหน้าเอมี่อย่างอึ้งๆ ที่สุดเขตต์ดูเหมือนจะรู้เรื่องดี
สมชายขับมาจอดที่ริมถนนร่มรื่นไม่พลุกพล่านมุมหนึ่ง พลางหันไปมองพราวที่นั่งหน้าซีดหน้าเซียว หมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ข้างๆ แถมข้อเท้าก็เจ็บด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่วายแกล้งถามกวน ๆ กลบเกลื่อน
“หน้าซีดยังกับไก่ต้ม เป็นอะไรมากไหมคุณ ?”
พราวหันขวับมาตาเขียว แล้วพูดประชดใส่
“ไม่เป็นไรมั้ง มีคนช็อตฉันขนาดนั้น หัวใจฉันแทบจะหยุดเต้นอยู่แล้ว”
สมชายตกใจ “อะไรนะ? มีคนช็อตคุณเหรอ ช็อตด้วยอะไร ?”
“ฉันก็ไม่รู้ อยู่ๆมันก็เจ็บแปลบขึ้นมาตรงนี้ ยังกับมีไฟฟ้าสักหมื่นๆโวลต์วิ่งเข้าตัวฉัน”
พูดพลางเอี้ยวตัวหันหลังดึงชายเสื้อที่บั้นเอวด้านหลังขึ้นให้สมชายดู
“นี่มันแผลเขียวช้ำเหมือนถูกอะไรช็อต แล้วคุณเห็นหน้ามันไหม?”
พราวส่ายหน้า “คนเบียดฉันเข้ามาเยอะแยะไปหมด ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นใคร”
“สงสัยจะเป็นพวกโรคจิต”
“ไม่อ่ะ ต้องเป็นคนเดิมที่คิดจะฆ่าฉันด้วยน้ำกรดคราวที่แล้ว ต้องใช่แน่ๆ”
“ถ้าคุณมั่นใจอย่างงั้น งั้นไปแจ้งความกัน”
พูดพลางทำท่าจะขับรถออก แต่พราวแย้งขึ้น
“ฉันไม่ไปโรงพัก”
พราวลืมตัวกระทืบเท้าเลยเจ็บเท้าที่พลิกอยู่
“เอางี้ ไปหาหมอฉีดเท้าคุณก็แล้วกัน จะได้หาย”
“ฉันไม่ไปหาหมอ”
สมชายส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“อะไรของคุณ แม่ซุปตาร์ ไปแจ้งความก็ไม่เอา ไปหาหมอก็ไม่ไป ผมไม่ใช่พวกดูแลดาราที่คอยรองรับอารมณ์คุณนะ งั้นจะไปไหนก็เชิญ”
“ฉันเกลียดที่สุดเลยไอ้พวกที่เอะอะก็ชอบไล่ ฉันไปแน่ ไม่อยากอยู่ให้เหม็นขี้หน้านายหรอก นายเห่ยสมชาย”
ขาดคำ พราวก็เปิดประตู กระเผลกลงจากรถ แล้วปิดประตูรถโครม สมชายถอนหายใจอย่างเซ็งในอารมณ์
พราวเดินกระเผลกมา พร้อมกับรู้สึกเจ็บขามากขึ้น ซ้ำชุดก็พะรุงพะรัง แถมยังมึนๆ เพราะถูกช็อตมาหมาดๆ พลางพยายามชะเง้อมองหาแท็กซี่
สมชายขับรถถอยเข้ามาจอดเอี๊ยดที่ข้างๆ ก่อนจะกดรีโมตกระจกหน้าต่างลดลง
“ขึ้นมา บอกให้ขึ้นมา”
พราวมองจ้องหน้าเขาอย่างขัดใจ
“อย่ามาสั่งฉันนะ ฉันไม่ใช่ผู้ต้องหาของคุณ”
“ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ถ้าไม่ขึ้น ผมทิ้งคุณจริงๆ แถวนี้เค้าเรียกว่าดงล่าสวาท อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่งก็อยู่รอไอ้พวกหื่นก็แล้วกัน”
พูดพี้อมกับแกล้งทำทีจะขับรถออกไป
“เดี๋ยวๆ รอฉันด้วยซิ ฉันขึ้นก็ได้”
พราวเปิดประตูขึ้นมานั่งหน้ามุ่ย
ติณห์รีบเดินสาวเท้าเข้ามาอย่างร้อนใจ พลางตรงรี่เข้ามาหาแฟรงค์กับเอมี่ที่ยังคงรออยู่กับทีมงาน โดยมีสุดเขตต์ยืนรออยู่ด้วย
“เจอตัวคุณพราวหรือยังครับคุณแฟรงค์?”
แฟรงค์หน้าเครียด “เอ่อ ยังฮะ”
จากนั้นก็รีบเล่าเหตุการณ์ให้ติณห์ฟัง
“ตอนที่โชว์ตัวอยู่น่ะค่ะ คนมันเยอะก็เลยเบียดเสียดกันไปมากลายเป็นจลาจลย่อมๆ อยู่ๆ พราวเป็นไรขึ้นมาไม่รู้ ทรุดฮวบลงไปเหมือนจะเป็นลม เผอิ๊ญคุณตำรวจที่ชื่อสมชาย เขาก็มาในงานด้วย ก็เลยช่วยพาพราวหลบออกไปน่ะฮะ”
“อ้าว ก็ไหนคุณแฟรงค์บอกว่าคุณพราวหายตัวไปไงครับ”
ติณห์หน้าเครียดไม่ใช่เพราะหึงพราว แต่เพราะแผนทำร้ายพราวไม่เสร็จสมบูรณ์ แถมยังมีตำรวจอย่างสมชายเข้ามาจุ้นอีก
“แล้วทำไมไม่โทรตามล่ะครับ ?”
“มือถือพราวอยู่นี่ฮะ ส่วนนายสมชายไม่มีเบอร์”
สุดเขตต์รีบบอกขึ้นมาทันที
“ผมมีนามบัตรโฮมสเตย์ของคุณสมชาย คงถามเบอร์มือถือของเขามาได้ไม่ยาก”
พลางหยิบนามบัตรใบหนึ่งจากกระเป๋าออกมาส่งให้
“แต่ก่อนจะโทร ผมอยากบอกว่า คุณพราวไม่ได้เป็นลมร่วงลงไปเอง มีคนทำบางอย่างกับเธอ ผมพยายามจะคว้าตัวไอ้หมอนั่นเอาไว้ แต่ก็หลุดมือ มันหนีไปได้”
แฟรงค์ยกมือทาบอก ตกใจ “ว้าย จริงเหรอ”
ติณห์ทำเป็นตกใจไปด้วย “มันทำอะไรกับคุณพราวครับ ?”
“ผมก็ไม่รู้ ต้องถามจากคุณพราวเอาเองครับ”
เมื่อมาอยู่กับส้มจี๊ดตามลำพัง สุดเขตต์ก็โดนคาดคั้นถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะส้มจี๊ดยืนยันว่าเห็นเขากระโดดไปตะลุมบอนคว้าคอใครคนหนึ่ง ตอนที่พราวจะเป็นลม
สุดเขตต์รีบตอบเลี่ยงๆ
“ก็คนมันเบียดมา คุณพราวจะหายใจไม่ออก ฉันก็เลยไปช่วยดันออกไปก็เท่านั้น”
แต่ส้มจี๊ดไม่เชื่อ ยังคงเซ้าซี้ถามต่อ จนสุดเขตต์โมโห
“งั้นแกเลิกจ้างฉันดีกว่า ถ้าแกมาขี่คอทำตัวงี่เง่ากับฉันแบบนี้ ฉันจะได้หางานใหม่ ไม่มาทำกับแกอีก”
ส้มจี๊ดอึ้งไป “เรื่องอะไร ฉันไม่เลิกจ้างแกหรอก ฉันขี้เกียจหาคนใหม่เว้ย”
“แต่ถ้าแกยังทำตัวแบบนี้ ฉันนี่แหละจะไปเอง”
พูดจบสุดเขตต์ก็เดินผละไป ส้มจี๊ดยืนมองด้วยแววตาอาทร เพราะแอบมีใจให้สุดเขตต์มานานแล้ว
สมชายขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านเดี่ยว สภาพกลางเก่ากลางใหม่หลังใหญ่
“คุณพาฉันมาที่ไหน ?”
สมชายแกล้งตอบล้อๆ “บ้านล่าสวาท”
พราวตกใจ อ้าปากค้าง
“เชื่อคนง่ายเหลือเกินนะ อยากนั่งอยู่ในรถก็ตามใจนะ ผมเหนื่อยผมเพลียอยากจะพัก”
พูดจบก็คว้าแจ็กเก็ตลงจากรถเดินสะพายบ่า ไขกุญแจเข้าบ้านไปหน้าตาเฉย พราวนั่งมองอย่างเจ็บใจ
“ไม่เคยมีใครทำกับพราวแบบนี้เลยนะ ฉันเป็นซูเปอร์สตาร์นะ นายคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมากจากไหนห่ะนายสมชายแบกะดิน”
บ่นพลางหันมองเข้าไปในบ้าน ด้วยเยื่อใยที่มีต่อสมชายอย่างเต็มเปี่ยม
พราวค่อยๆ เดินกะเผลกเข้ามาในบ้า ก่อนจะพบว่าบ้านชายโสดไม่รกรุงรังอย่างที่คิด แต่กลับตกแต่งด้วยของเก่าและศิลปะร่วมสมัย แต่ดูง่ายๆ ไม่หรูหราเหมือตัวของสมชาย แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมองเข้าไปมุมใน เห็นสมชายกำลังถอดเสื้อยืดที่ใส่ออก พร้อมกับคว้าเสื้อกล้ามมาใส่ เธอรีบกะเผลกมานั่งลงที่โซฟา
สมชายเดินออกมาเห็นพราวนั่งอยู่
“อ้าว เข้ามาแล้วเหรอ จะให้ผมเริ่มตรงไหนก่อนดี”
พราวตกดต “เริ่ม เริ่มอะไร ?”
“ก็เริ่มรื้อฟื้นความหลังของเราไง”
สมชายพูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ๆ ทำทีเป็นก้มโน้มตัวเข้ามาหาพราว จนเธอใจเต้นแรง เขาเองจากที่ตั้งใจจะแกล้งเธอเล่นๆ แต่เมื่อได้อยู่ใกล้ ได้เห็นหน้าเธอแค่เอื้อมอีกครั้ง ก็กลับรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
จบตอนที่ 5