รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 7
จุ้มจิ้มนั่งเหม่ออยู่บนรถเมล์พลางคิดถึงคำพูดหมอ เธอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่โรงพยาบาล
“ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันครับ หมอลองตรวจดูแล้วพบว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดีด้วย” หมอบอก
จุ้มจิ้มกังวล “อันตรายแค่ไหนฮะ”
จู่ๆ หมอก็เดินมานั่งข้างๆ จุ้มจิ้มบนรถเมล์ จุ้มจิ้มผงะทั้งตกใจทั้งงง
“ถ้าทิ้งไว้ก็อันตรายครับ หมอแนะนำว่าผ่าตัดจะดีกว่า” หมอพูด
จุ้มจิ้มเครียด “เอ่อ..แล้วค่าผ่าตัดประมาณเท่าไหร่ฮะ”
หมอในชุดหมอยืนเกาะราวแล้วหันมาพูดกับจุ้มจิ้ม
“ก็น่าจะอยู่ราวๆแสนนึงนะครับ”
จุ้มจิ้มตกใจที่หมอไปยืนเกาะราว เธอกลับมามองหมอที่นั่งข้างตัวเองก็พบว่าหายไปแล้ว จุ้มจิ้มตกใจ 2เด้ง เธอเห็นหมอที่เป็นคนขับรถหันมาพูดว่าแสนนึง จุ้มจิ้มทำหน้าจ๋อย หมอกลายเป็นกระเป๋ารถแหวกคนโผล่มาพูดอีกว่าแสนนึง จุ้มจิ้มจ๋อยหนักขึ้นไปอีก
หมอทีกำลังลงบันไดรถก็หันมาพูดว่าแสนนึง จุ้มจิ้มเริ่มเครียด ผู้โดยสารทุกคนหันมาพูดว่าแสนนึง จุ้มจิ้มเศร้าจนน้ำตาคลอ
อาร์ตยืนชะเง้อมองไปที่โต๊ะจุ้มจิ้มแต่โต๊ะทำงานจุ้มจิ้มว่างเปล่าปราศจากเงาของจุ้มจิ้ม อาร์ตสงสัยว่าจุ้มจิ้มหายไปไหน เขายื่นหน้าเข้าไปดูอีกครั้ง ต๋อยยื่นหน้าออกมาแทบชนหน้าอาร์ต อาร์ตสะดุ้งโหยง
“หาอะไรจ๊ะ” ต๋อยถาม
อาร์ตมีพิรุธ “..เอ่อ..อ๋อ..เปล่าพี่”
“เปล่าอะไร...ก็เห็นด้อมๆมองๆโต๊ะจุ้มตั้งแต่เช้าแล้ว”
อาร์ตอึกอัก “อ๋อ..คือ..เอ่อ..คือ..คือผมจะมารับรูปไปแต่งน่ะพี่..คือพี่ลูกจันเค้าเร่งมา..รูปอยู่ที่ไอ้ทอมน่ะ”
“อ้าวเหรอ..งั้นทำไงดีล่ะวันนี้จุ้มเค้าลาป่วยซะด้วย”
อาร์ตตกใจจนลืมเก็บอาการ “ลาป่วย?!”
อาร์ตทำหน้าตาเป็นกังวลมากเพราะเขาห่วงจุ้มจิ้มโดยไม่รู้ตัว
จุ้มจิ้มเดินเข้าไปในร้านอุปกรณ์ก่อสร้างที่ข้างหน้าเขียนป้าย "รับสมัครพนักงานหลายตำแหน่งทำงานกะกลางคืน"
เวลาผ่านไป จุ้มจิ้มที่หน้าตาผิดหวังเดินออกจากร้าน เธอก้มลงอ่านกระดาษในมือซึ่งเป็นรายชื่อบริษัทที่รับสมัครพนักงาน
จุ้มจิ้มขึ้นรถเมล์ รถเมล์จอด จุ้มจิ้มเดินลง เธอเดินมองหาป้ายชื่อร้านตามใบโพย จุ้มจิ้มเดินไปที่หน้าบริษัทรปภ. เจ้าหน้าที่มองจุ้มจิ้มตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็ส่ายหน้า จุ้มจิ้มจ๋อย
เวลาผ่านไป จุ้มจิ้มเดินเข้าออกหลายร้านและเดินหน้าเศร้าออกมาทุกร้านเพราะยังไม่ได้งาน จุ้มจิ้มก้มดูโพยในมือ ชื่อร้านและบริษัทต่างๆที่จดมาประมาณ15ร้านถูกขีดทิ้งหมดแล้วทำให้เหลือที่สุดท้ายที่เขียนว่า...”Heaven bar”
ป้าย ”Heaven bar” ติดอยู่ที่บาร์สภาพเก่าโทรม จุ้มจิ้มยืนเงยหน้ามองป้ายชื่อบาร์ เธอกังวลแต่ก็ตัดสินใจผลักประตูเข้าไปในบาร์
จุ้มจิ้มมองไปรอบๆบาร์แล้วทำหน้าแหยๆ เพราะในบาร์สภาพเละมาก กระดาษทิชชู่ เศษถั่วและกับแกล้มเกลื่อนพื้น เบิ้มที่ใส่เสื้อกล้ามผ้าขาวม้ายืนกวาดร้านอยู่
เบิ้มถาม “ว่าไง”
จุ้มจิ้มยกมือไหว้ “สวัสดีฮะ..ที่นี่รับสมัครนักร้องใช่มั้ยฮะ”
“ใช่” เบิ้มมองจุ้มจิ้มหัวจรดเท้า “จะมาสมัครเหรอ”
“ฮะ”
เบิ้มพยักหน้า “รับ”
จุ้มจิ้มงง “อุ๊ย...รับง่ายไปมั้ย..ไม่ต้องเจอเจ้าของร้านก่อนเหรอฮะ”
“ฉันนี่แหละเจ้าของร้าน”
จุ้มจิ้มยิ้มแหยๆ เธอแอบเหลือบมองสภาพเบิ้มซึ่งไม่ค่อยเหมือนเจ้าของร้านเท่าไหร่
“เอ่อ..แล้วที่ลงประกาศในเว็บว่ารายได้อาทิตย์ล่ะเป็นแสน...จริงมั้ยฮะ”
“อ๊าว...ก็จริงสิ..เงินเดือนนักร้องน่ะไม่เท่าไหร่หรอก..แต่ติ๊บเนี่ยสิ....คืนนึงเป็นหมื่น”
จุ้มจิ้มยิ้มดีใจที่หาเงินค่าผ่าตัดได้แล้ว
ห้องนั่งเล่นว่างเปล่า เสียงลูกจันดังขึ้น
“พีท...พีท..อยู่ไหนอ่ะ..พีทท”
ลูกจันในชุดสวยเตรียมไปงานอีเวนท์โผล่เข้ามาในห้องนั่งเล่น
ลูกจันบ่นกับตัวเอง “ไปไหนของเค้าเนี่ย”
พอลขับรถพร้อมคุยโทรศัพท์ด้วยแฮนด์ฟรี
“ขอบใจนะเต้ย..เดี๋ยวพี่จะลองเข้าไปดูก่อน แล้ววันหลังเราค่อยไปเล่นพร้อมกัน”
พอลกดวางสายด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
ประตูฟิตเนสสุดหรูเปิดออก แฟรงกี้สะพายกระเป๋าเดินเข้ามาด้วยความร่าเริง
เสียงพอลเรียก “แฟรงกี้”
แฟรงกี้หันไปตามเสียงเรียก
แฟรงกี้มองพอลด้วยความตกใจ “พี่พีท..” แฟรงกี้ทักอย่างอึดอัด “มาทำอะไรครับ”
พอลจ้องแฟรงกี้อย่างจับผิด “จะมาฟิตหุ่นไง...หุ่นจะได้ดีเหมือนแฟรง”
แฟรงกี้หลบตาพอลอย่างมีพิรุธ
“เอ่อ..ผมนัดเทรนเนอร์ไว้...ขอตัวก่อนนะครับ”
แฟรงกี้รีบเดินจากไปอย่างมีพิรุธ พอลมองตามแฟรงกี้ด้วยความสงสัยในพิรุธที่ชัดมาก
แฟรงกี้อยู่ในชุดออกกำลังกายเล่นเครื่องออกกำลังกายอยู่ โดยมีเทรนเนอร์ยืนดูแลอยู่ข้างๆ แฟรงกี้รู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่จึงหันไปดู พอลกำลังเล่นเครื่องเล่นอยู่ไม่ไกล พอลยิ้มมุมปากโบกมือให้แฟรงกี้อย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า แฟรงกี้รีบหันกลับด้วยสีหน้าเครียด
แฟรงกี้พูดกับเทรนเนอร์ “วันนี้ปวดหัว...แค่นี้ก่อนนะ”
แฟรงกี้เดินออกไป เทรนเนอร์มองตามอย่างงงๆ พอลมองตามแฟรงกี้อย่างสะใจที่เห็นแฟรงกี้ร้อนตัว
แฟรงกี้เหลียวมองซ้ายขวาด้วยสีหน้ามีพิรุธ แฟรงกี้เดินจ้ำออกจากฟิตเนสพร้อมกดโทรศัพท์ในมือ
“ฮัลโหล..พี่พีทมาที่ฟิตเนส” แฟรงกี้ฟัง “ไม่ได้พูดอะไร...แต่ผมว่าเค้าต้องมีแผนแก้แค้นพวกเราแน่ๆ” แฟรงกี้ฟัง “ที่ไหนครับ” แฟรงกี้ฟัง “ได้ครับ เจอกัน”
แฟรงกี้ขึ้นรถแล้วขับออกไป พอลแอบฟังอยู่ไม่ไกล
พอลพูดกับตัวเอง “พวกเรา?”
พอลครุ่นคิดแล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถตัวเอง
ลูกจันยืนสั่งงานที่โต๊ะต๋อย อุ่นเรือนกับแซนดี้ยืนจดงานอยู่ด้วย
เสียงวิมาดาเรียก “ลูกจัน”
ลูกจันหันไปตามเสียง วิมาดาเดินยิ้มเข้ามาหา
“ฉันเห็นข่าวแล้ว เธอทำดีมาก..ฉลาดสมกับเป็นบก.เซเลบ”
ลูกจันยิ้มภูมิใจ “ขอบคุณค่ะ”
“ฉันจะรอดูยอดขายเล่มนี้...ถ้าเป็นไปอย่างที่เธอมั่นใจ...ฉันมีรางวัลให้”
วิมาดาเดินออกไป ปีโป้แอบค้อนด้วยความไม่พอใจ ต๋อย แซนดี้ และอุ่นเรือนยิ้มปลื้มในความฉลาดของลูกจัน
ลูกจันมองไปรอบๆ “อ้าว...จุ้มจิ้มไปไหนเนี่ย”
“เห็นว่าไม่ค่อยสบายค่ะ...ขอลาป่วย”
ลูกจันมีสีหน้าเป็นห่วงจุ้มจิ้ม
จุ้มจิ้มยืนอยู่หน้าห้องไอซียู
จุ้มจิ้มมีหน้าตาไม่สบายใจที่ต้องโกหกลูกจัน “แค่ปวดหัวนิดหน่อย ไม่เป็นไรมากหรอกฮะ”
ลูกจันเดินคุยโทรศัพท์กับจุ้มจิ้มมาตามทาง โดยที่อาร์ตเดินตามแอบฟังอย่างอยากรู้
“ถ้ากินยาแล้วยังไม่หายรีบไปหาหมอเลยนะ” ลูกจันบอก
“ฮะ...ขอบคุณพี่ลูกจันมากฮะที่เป็นห่วง..สวัสดีฮะ” จุ้มจิ้มวางสายอย่างรู้สึกผิด
ลูกจันวางสายจากจุ้มจิ้ม
อาร์ตรีบถาม “จุ้ม..เอ่อ..มันเป็นไงมั่งพี่”
“แค่ปวดหัว..พรุ่งนี้ก็กลับมาทำงานได้แล้ว”
อาร์ตยิ้มด้วยความโล่งใจ “เหรอครับ”
“ดีใจเหรอที่จุ้มไม่เป็นอะไรมาก”
อาร์ตเสียงสูง “..ปล๊าวว..เฉยๆพี่..ไม่ได้ดีใจ” อาร์ตยังยิ้มอยู่
ลูกจันจ้องหน้า “ไม่ดีใจแล้วยิ้มทำไม”
อาร์ตยังยิ้มอยู่แต่ไม่รู้ตัวว่ายิ้ม “ยิ้ม?...พี่ลูกจันตาฝาดแล้วพี่..ผมจะยิ้มทำม๊าย..ไม่ได้มีเรื่องอะไรให้ดีใจซักหน่อย..งั้นเดี๋ยวผมไปทำงานต่อก่อนนะครับ”
อาร์ตเดินออกไปด้วยท่าทางมีความสุข
ลูกจันพูดกับตัวเอง “ปากจะฉีกถึงหูขนาดนั้นเนี่ยนะ..ไม่ได้ยิ้ม!”
ลูกจันมองตามอาร์ตแล้วคิดว่าท่าทางจะป่วยไปอีกคนแล้วมั้งเนี่ย!
แฟรงกี้ขับรถมาตามถนนโดยไม่รู้ตัวว่าพอลตามมา พอลขับตามโดยมองรถแฟรงกี้ไม่วางตา แฟรงกี้เลี้ยวแล้วเหลือบดูกระจกก็เห็นรถพอลตามมา แฟรงกี้ขมวดคิ้วเพราะไม่แน่ใจ
พอลยังขับตามแฟรงกี้ แฟรงกี้แกล้งเลี้ยวซับซ้อน2ครั้ง พอลก็ยังเลี้ยวตาม แฟรงกี้เริ่มเครียด แฟรงกี้ลองชะลอรถ รถพอลก็ชะลอตาม แฟรงกี้เหงื่อแตกเพราะมั่นใจแล้วว่าโดนตาม แฟรงกี้เหยียบรถเต็มที่ พอลเหยียบตาม คุณยายคนหนึ่งกำลังจะเดินข้ามถนน แฟรงกี้ตกใจรีบหักพวงมาลัยหลบ
คุณยายถูกเฉี่ยวโดนตะกร้าจนล้มลงท่ามกลางเสียงร้องด้วยความตกใจของคนแถวนั้น แฟรงกี้มองทางกระจกหลังแล้วรีบเร่งเครื่องหนีไป พอลรีบจอดรถลงมาดูยาย ยายเป็นลมไปด้วยความตกใจ
ชาวบ้านคนหนึ่งเข้ามาดู “ช่วยด้วยค่ะคุณ..ช่วยพายายส่งโรงพยาบาลหน่อย”
พอลพะว้าพะวัง เขาหันไปมองดูรถแฟรงกี้ที่พุ่งหนีไปสลับกับดูยายแล้วก็ตัดสินใจอุ้มยายขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล
อาร์ตกำลังวางเลย์เอาท์คอลัมน์อยู่ เป็นคอลัมน์”จิ้มของอร่อย” by จุ้มจิ้ม อาร์ตชะงักเพราะนึกเป็นห่วงจุ้มจิ้มขึ้นมากะทันหัน อาร์ตตัดสินใจปิดคอมพิวเตอร์
ลูกหลานของยายกำลังไหว้พอล
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยค่ารักษาพยาบาลแม่”
พอลรีบรับไหว้ “ไม่เป็นไรครับ..แต่วันหลังอย่าให้คุณยายออกไปไหนไกลๆคนเดียวดีกว่านะครับ..หูตาคงไม่ค่อยดีแล้ว..อันตราย”
“ค่ะ..งั้นลาล่ะค่ะ” ลูกคุณยายไหว้อีกที
“ขอให้เจริญๆนะลูก” คุณยายอวยพร
พอลไหว้ลายายและลูกยาย ยายและลูกหลานประคองกันเดินไป พอลมองตามด้วยความสงสาร
พอลรีบเดินตามไป “เดี๋ยวครับ” พอลหยิบเงินทั้งหมดที่มีในกระเป๋ายื่นให้ซึ่งเป็นเงินประมาณหมื่นกว่าบาท “อันนี้ผมฝากไว้เป็นค่าตัดเฝือกนะครับ” พอลพูดกับยาย “หายไวๆนะครับคุณยาย”
คุณ ยายและลูกหลานรับเงินจากพอลรู้สึกซึ้งใจจนน้ำตาคลอก่อนจะเดินจากไป พอลมองตามแล้วยิ้มด้วยความสุขใจที่ได้ช่วยเพื่อนมนุษย์
อาร์ตกลอกตามองไปรอบๆอย่างหวาดระแวงเพราะกลัวคนเห็น เขาซุ่มตัวอยู่แถวหน้าบ้านจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มแต่งตัวหล่อเดินออกจากบ้าน มอเตอร์ไซค์รับจ้างวิ่งมาจอดรับ จุ้มจิ้มขึ้นมอเตอร์ไซค์ไป อาร์ตหมั่นไส้ปนแค้นที่แอบเป็นห่วง
“หนอย..บอกว่าป่วย..แต่แต่งหล่อออกไปเที่ยว...เดี๊ยะ..สวยแน่!”
นักร้องคนหนึ่งเพิ่งสะบัดแปรงทาปากจุ้มจิ้มเสร็จ
“สวยจริงๆ!!”
จุ้มจิ้มในชุดเซ็กซี่แต่งหน้าสวยเป๊ะยืนไม่มั่นใจอยู่หน้านักร้องสองคน
จุ้มจิ้มดึงชุดลง “เอ่อ...ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะพี่...มันไม่ถนัดอ่ะ”
“อ้าว...เรามีหน้าที่ให้ความสุขกับแขกที่มาเที่ยว..นอกจากเป็นอาหารหูแล้วก็ต้องเป็นอาหารตาด้วย...ชุดนี้แหละรับรองติ๊บตรึม...ไม่อยากได้ติ๊บเยอะๆเหรอ”
จุ้มจิ้มเงียบเมื่อได้ยินเรื่องทิปเพราะเธอกำลังต้องการเงินมาก
จุ้มจิ้มกังวล “เอ่อ..แต่...แต่แค่โชว์เสียงกับโชว์หุ่นใช่มั้ย..ไม่ต้องทำอะไรมากกว่านี้แล้วแน่นะฮะ”
นักร้องทั้งสองแอบสบตากันอย่างมีเลศนัย
เบิ้มทำหน้ามีเลศนัยไม่แพ้นักร้องทั้งสอง
“ทำได้ทุกอย่างครับ..ล้วง แคะ แกะ เกา..น้องนักร้องที่นี่ใจกว้าง อารมณ์ดี ขี้เล่นทุกคนครับ” เบิ้มพูดกับอาร์ต
อาร์ตอึ้งก่อนจะพยักหน้ารับแกนๆ
“งั้นเดี๋ยวผมไปเรียกเด็กมารับออเดอร์เครื่องดื่มก่อนนะครับ..เฮียจะได้นั่งจิบสบายๆระหว่างชมนักร้อง..คืนนี้เพิ่งมีน้องใหม่มาคนนึงด้วย..รับรองไม่ผิดหวังครับเฮีย”
พูดจบเบิ้มก็เดินจากไป
อาร์ตเห็นความโทรมของสถานที่ มีเวทีเล็กๆพร้อมเครื่องเปิดดนตรี มีนักร้องสาวใหญ่แต่งตัววับแวมกำลังยืนร้องเพลงพร้อมส่งสายตายั่วยวนแขก แขกแต่ละคนดูหื่นโดยเฉพาะโต๊ะเสี่ยที่มากับลูกน้อง3 คนที่หื่นมากเป็นพิเศษ
อาร์ตเครียด “แกกำลังจะทำอะไรเนี่ย..ไอ้ทอม?”
จุ้มจิ้มที่อยู่บนเวทีกำลังหันหลังส่ายสะโพกกระดุ๊กกระดิ๊กตามจังหวะเพลง แขกในร้านชะงักมองตรงไปที่จุ้มจิ้ม เสี่ยหื่นห็นแค่ข้างหลัง ส่วนอาร์ตเพ่งมองอย่างไม่แน่ใจว่าจะใช่จุ้มจิ้มรึเปล่า จุ้มจิ้มหันหน้ามาด้วยใบหน้าที่สวยมาก
จุ้มจิ้มร้อง “ผู้ชายคนนั้น ที่ฉันแอบหลงรัก....”
อาร์ตตะลึงสุดๆดุจโลกหยุดหมุน เพราะจุ้มจิ้มบนเวทีสวยใสมีเสน่ห์มากมาย อาร์ตหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการ เขารู้สึกเหมือนกำลังโดนจุ้มจิ้มบอกรัก
จุ้มจิ้มร้องเพลงจบ แขกในร้านปรบมือชอบอกชอบใจ ผู้ชายทะยอยเอามาลัยพลาสติกติดแบ็งค์ต่างๆทั้ง20และ100มาคล้องคอจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มก้มรับมาลัยสีหน้ามีความสุข ผู้ชายหน้าหื่นคนหนึ่งคล้องมาลัยเสร็จก็ถือโอกาสจับแก้มจุ้มจิ้ม
“น่ารักอ่ะ”
จุ้มจิ้มปัดมือออกด้วยสีหน้าไม่พอใจ อาร์ตที่นั่งแอบดูอยู่ทำหน้าไม่พอใจกว่าเพราะแอบหวงจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มรับพวงมาลัยเสร็จก็ลงจากเวที
เบิ้มรีบเข้ามาหา “มีข่าวดีจะบอก...เสี่ยฮวกเค้าชอบเพลงที่น้องร้องมาก..เค้าเลยอยากติ๊บซักหมื่นสองหมื่น”
จุ้มจิ้มทำหน้าตกใจว่าอะไรจะติ๊บหนักขนาดนั้น
จุ้มจิ้มไหว้เสี่ยอย่างนอบน้อม
“เชิญนั่งเลยจ้ะหนู” เสี่ยบอก
จุ้มจิ้มนั่งลงห่างๆ
“นั่งห่างแบบนั้นจะคุยกันรู้เรื่องได้ยังไง..ขยับมาใกล้ๆหน่อยสิจ๊ะ”
จุ้มจิ้มมองหน้าเสี่ยอย่างไม่ไว้ใจ เธอเหลือบมองหน้าเบิ้ม
เบิ้มทำปากพะงาบๆ แบบไม่มีเสียง “เพื่อติ๊บๆ”
จุ้มจิ้มตัดใจขยับเข้าไปนั่งใกล้เสี่ย อาร์ตที่นั่งยืดคอมองเหตุการณ์จากโต๊ะตัวเองหงุดหงิดมาก เสี่ยมองจุ้มจิ้มด้วยแววตาหื่น
“ชื่ออะไรจ๊ะ”
“จุ้มจิ้มฮะ”
“ชื่อน่ารัก..เสียงก็เพราะ..เรียนจบรึยังจ๊ะ”
จุ้มจิ้มอึดอัด “จบแล้วฮะ”
“งั้นก็...” เสี่ยโอบไหล่จุ้มจิ้ม “ไม่ต้องกลัวข้อหาพรากผู้เยาว์”
จุ้มจิ้มมองเสี่ยอย่างไม่พอใจ เธอพยายามแกะมือเสี่ยออกจากไหล่ เสี่ยยื่นหน้าเข้ามาจะหอมแก้มจุ้มจิ้ม
จุ้มจิ้มเอามือดันหน้าเสี่ยไว้อย่างรังเกียจ
“อย่านะโว้ย”
เสี่ยไม่สนใจ เขายังพยายามจะหอมจุ้มจิ้มให้ได้ เบิ้มและลูกน้องเสี่ยมองหน้ากันยิ้มๆอย่างรู้กันแล้วหันไปกินเหล้าต่อเพื่อเปิดโอกาสให้เสี่ย จุ้มจิ้มมองเสี่ยอย่างโกรธจัดก่อนจะชกเบ้าตาเสี่ยเต็มแรง
เสี่ยร้องลั่น “โอ๊ย”
เบิ้มกับลูกน้องเสี่ยตกใจ “เสี่ย!!”
เสี่ยโกรธมาก “เอามันขึ้นไปบนห้อง”
ลูกน้องเสี่ยลุกขึ้นยืนแล้วหันมองจุ้มจิ้มอย่างเอาเรื่อง จุ้มจิ้มมองลูกน้องเสี่ยอย่างกลัวๆ ลูกน้องเสี่ยพุ่งเข้าไปจะจับจุ้มจิ้ม ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งมาคว้าแขนจุ้มจิ้มกระชากออกจากลูกน้องเสี่ยทัน จุ้มจิ้มหันไปมองฮีโร่ที่มาช่วยพบว่าคืออาร์ตนั่นเอง
อาร์ตร้องบอก “หนี!!!”
อาร์ตดึงจุ้มจิ้มวิ่งออกจากร้าน ลูกน้องเสี่ยมัวแต่ยืนตะลึง
“ไอ้โง่..ยืนบื้ออยู่ได้..รีบตามไปสิ”
ลูกน้องเสี่ยรีบวิ่งลนลานตามออกไป
อาร์ตพาจุ้มจิ้มวิ่งออกมาหน้าร้าน สาวเรียกแขกและคนที่มาเที่ยวมองอย่างงงๆ ลูกน้องเสี่ยวิ่งตาม
อาร์ตพาจุ้มจิ้มวิ่งแต่รองเท้าส้นสูงจุ้มจิ้มพลิกทำให้จุ้มจิ้มล้มลง
“โอ๊ย”
ลูกน้องเสี่ยเข้ามาจับตัวจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มมองด้วยความตกใจ อาร์ตตัดสินใจถีบลูกน้องและต่อยหน้าลูกน้องอีกคน ลูกน้องทั้งสองล้มไปกองอยู่ที่พื้น อาร์ตรีบดึงจุ้มจิ้มให้ลุกขึ้นแล้วพาวิ่งออกไปในซอยแถวนั้น ลูกน้องเสี่ยมองอย่างแค้นใจก่อนจะรีบลุกวิ่งตามไป
คนเดินไปมาบนถนน ลูกน้องเสี่ยวิ่งมาหยุดมองซ้ายขวาแต่ไม่เห็นอาร์ตกับจุ้มจิ้ม
ลูกน้องโมโห “มันไวจริงๆ!!”
เสียงมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์ดังกระหึ่มแหวกความเงียบบนท้องถนน อาร์ตกำลังบิดฮาร์เลย์ด้วยมาดขรึม ลมพัดโกรกหน้าอย่างเท่ จุ้มจิ้มในชุดนักร้องสวมเสื้อแจ็คเก็ตของอาร์ตกำลังเกาะเอวอาร์ตไว้ด้วยแววตาตื่นกลัว ผมจุ้มจิ้มยาวสยายพลิ้วไปกับสายลม
อาร์ตเหลือบมองไปทางจุ้มจิ้มด้วยแววตาห่วงใย จุ้มจิ้มทั้งกลัว ทั้งเครียดกับเรื่องแม่จนน้ำตาค่อยๆคลอเบ้า หยดน้ำตาจุ้มจิ้มที่หยดลงบนแผ่นหลังของอาร์ต อาร์ตเครียดเมื่อรับรู้ได้ถึงรอยเปียกของหยดน้ำตา เขาสงสัยว่าจุ้มจิ้มคงมีเรื่องไม่สบายใจมาก
จุ้มจิ้มน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ก่อนค่อยๆซบหน้าไปกับแผ่นหลังอาร์ตแน่นอย่างลืมตัว หลังและไหล่ของจุ้มจิ้มสั่นไหวอย่างคนกำลังสะอื้น อาร์ตมีแววตาที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน เขาแอบยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดูแล้วหันไปตั้งหน้าตั้งตาบิดฮาร์เลย์ต่ออย่างเท่มาก
“กริ๊งๆๆ”
เสียงกระดิ่งจักรยานดังแทรกขึ้นมา ป้าคนหนึ่งปั่นจักรยานตีคู่มากับฮาร์เลย์ของอาร์ต ป้าปรายตามองอาร์ต
ป้าพูดเสียงเบื่อๆ “รถช้าชิดซ้ายด้วยจ้ะ”
อาร์ตพยายามบิดคันเร่งแต่ก็มีแต่เสียงโดยที่ความเร็วไม่มาเลย ป้าปั่นจักรยานแซงหน้าฮาร์เลย์ของอาร์ตไป อาร์ตจ๋อย จุ้มจิ้มเซ็งมากก
“เดินเอาเร็วกว่าป่ะ???
ในความเป็นจริงที่อาร์ตบิดอยู่ไม่ใช่ฮาร์เลย์แต่เป็นแค่มอเตอร์ไซค์เล็กๆเก่าๆที่เอาไปแต่งอานแต่งที่บิดและแต่งเสียงให้เหมือนฮาร์เลย์เท่านั้น
อาร์ตชักฉุน “อย่ามาดูถูกลูกฉันนะ”
จุ้มจิ้มงง “ลูก?”
อาร์ตภูมิใจ “ใช่” อาร์ตเอามือลูบแฮนด์รถเบาๆ “ลูกสายฟ้าสลาตัน”
“ลูกสายฟ้าสลาตัน!!!....ฮ่าๆ...ความเร็วขนาดนี้...เปลี่ยนชื่อเป็นลูกเต่าดีกว่ามั้ย...ฮ่าๆ”
อาร์ตโมโห “หนอย..ดูถูก...งี้ต้องให้สายฟ้าสลาตันพาซิ่งซะแล้ว”
อาร์ตเตรียมบิดคันเร่ง
จุ้มจิ้มสงสัย “ซิ่งไปไหน”
อาร์ตยิ้มมุมปาก “ญี่ปุ่น”
จุ้มจิ้มช็อค “ห๊า!!”
อาร์ตบิดคันเร่งเต็มที่ ควันจากท่อไอเสียตลบอบอวล รถกระชากอย่างแรงจนจุ้มจิ้มเกือบหน้าหงาย
“ว๊าย”
ควันไอเสียคลุ้งเต็มถนน
ควันราเม็งร้อนๆ จากชามที่อยู่ในมืออาร์ตตลบอบอวล เสียงดนตรีญี่ปุ่นดังในบรรยากาศญี่ปุ่นมาก อาร์ตยื่นชามราเม็งให้จุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มรับชามราเม็งจากอาร์ตแล้วหันไปมองบรรยากาศรอบๆอย่างตื่นเต้น
อาร์ตถาม “สวยมั้ย?”
จุ้มจิ้มพยักหน้า “อืม...อยากพาแม่มาบ้างจัง”
จุ้มจิ้มหน้าเศร้าลงเมื่อนึกถึงแม่ อาร์ตสังเกตเห็นจึงพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“ถ้าจะพาแม่มา ก็น่าจะชิมดูให้หมดก่อนนะว่าเมนูไหนเด็ดๆมั่ง..จะได้พาแม่มาชิมถูก” อาร์ตบอก
จุ้มจิ้มจ๋อย “เอ่อ...ฉันทิ้งกระเป๋าตังค์ไว้ที่บาร์...เอาไว้วันหลังค่อยมาลองชิมก็ได้”
อาร์ตยิ้มๆ “วันนี้แหละ...ฉันเลี้ยงเอง”
จุ้มจิ้มอ้าปากจะปฏิเสธ “แต่...”
อาร์ตตัดบท “ให้ติดไว้ก่อน..วันไหนฉันอยากกินอะไรอร่อยๆก็....ค่อยพาฉันไปเลี้ยงกลับ”
อาร์ตยิ้มให้จุ้มจิ้มอย่างจริงใจ จุ้มจิ้มยิ้มตอบเพราะรู้สึกได้ถึงความมีน้ำใจของอาร์ตก่อนจะพยักหน้ารับ
อาร์ตเหลือบมองจุ้มจิ้มก็เห็นจุ้มจิ้มกำลังมีความสุขกับการกิน
“อร่อยมั้ย” อาร์ตถาม
จุ้มจิ้มพยักหน้า “อือ...” จุ้มจิ้มก้มหน้าหลบสายตาเศร้า “ขอบใจนะที่ช่วยทำให้ฉันได้ลืมเรื่องเครียดไปชั่วคราว”
“เครียดเรื่องไรอ่ะ”
จุ้มจิ้มเงียบ
“เรื่องเงินเหรอ”
จุ้มจิ้มเงียบ ไม่ตอบ แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินต่อ
“แล้วทำไมแกไม่บอกพี่ลูกจันตรงๆ..หลอกเค้าว่าป่วยทำไม”
“ฉันไม่อยากรบกวนพี่ลูกจันอีก...คราวก่อนตอนเอสดีการ์ดหายพี่ลูกจันก็เกือบต้องจ่ายเงินฟรีเพราะฉันไปทีนึงแล้ว” จุ้มจิ้มมองหน้าอาร์ตแล้วเปลี่ยนอารมณ์ “แกไม่ต้องถามอะไรแล้ว..มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันแก้ปัญหาเองได้...แต่แกอย่าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังก็แล้วกัน..ไม่งั้นฉันจะเกลียดแกไปตลอดชีวิต”
อาร์ตจำเป็นต้องพยักหน้ารับเพราะกลัวโดนเกลียด
“เออ..แล้วทำไมแกถึงโผล่ไปช่วยฉันได้ล่ะ”
อาร์ตอึกอัก “เอ่อ...ก็..คือ..อ๋อ...ฉันบังเอิญผ่านไปแถวนั้นพอดีน่ะ”
“บังเอิญผ่านเข้าไปถึงในร้านเลยเนี่ยนะ?”
อาร์ตชะงักตาล่อกแล่กไปไม่เป็น
“จะไปเที่ยวก็บอกเห๊อะ”
อาร์ตยิ้มแหยๆ เพราะจำเป็นต้องยอมรับ
“เอาเหอะ..เห็นแก่ที่แกช่วยฉัน..ฉันจะไม่ฟ้องพี่ลูกจันเรื่องแกมาเที่ยวคืนนี้”
อาร์ตพยักหน้าแหยๆ
“แต่ถ้าครั้งหน้าฉันเจอแกมาเที่ยวแบบนี้อีก..ฉันจะฟ้องพี่ลูกจัน”
“อ้าว!!”
“อ้าวทำไม?..ก็แกเป็นคู่แข่งฉันอ่ะ..ฉันก็ต้องหาทางตัดคะแนนแกดิ” จุ้มจิ้มยักคิ้วกวน
อาร์ตเหล่มองจุ้มจิ้มอย่างหมั่นไส้พลางคิดในใจว่ามันน่าช่วยมั้ยเนี่ย
จุ้มจิ้มรวบตะเกียบ “อิ่มแล้ว..ฉันกลับล่ะ”
“เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ไม่ต้อง!!!...เรื่องอะไรจะให้แกรู้จักบ้านฉัน..เผื่ออีกหน่อยพี่ลูกจันยอมเป็นแฟนฉันแล้วแกแค้น..แกก็ต้องมาเผาบ้านฉันแก้แค้นดิ”
อาร์ตทำหน้าเอือมที่จินตนาการของจุ้มจิ้มช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน จุ้มจิ้มเดินจากไปได้ 3ก้าวก็หันกลับมา
จุ้มจิ้มยิ้มแหยๆ “เอ่อ..ลืมไปว่าไม่มีตังค์...ขอยืมค่าแท็กซี่ซักสามร้อยได้มั้ย?”
อาร์ตขำก๊าก จุ้มจิ้มค้อนขวับ
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 7 (ต่อ)
แท็กซี่ขับมาบนถนน จุ้มจิ้มนั่งอยู่บนแท็กซี่ ในขณะที่อาร์ตขี่มอเตอร์ไซค์ขับตามมาห่างๆ
แท็กซี่จอดหน้าโรงพยาบาล จุ้มจิ้มก้าวลง จุ้มจิ้มเดินไปแวะคุยกับพยาบาลที่เคาเตอร์เพื่อถามไถ่อาการของแม่แล้วเดินเลี้ยวไปทางห้องผู้ป่วย สักพักอาร์ตก็เดินเข้ามาที่เคาเตอร์แล้วคุยกับพยาบาล
อาร์ตพูดกับพยาบาล “ขอบคุณครับ”
อาร์ตเดินไปหยุดมองทางห้องผู้ป่วยที่จุ้มจิ้มเดินไปด้วยสีหน้าเห็นใจและห่วงใยจุ้มจิ้ม
เสียงโทรศัพท์ออฟฟิศดังพร้อมๆกันทุกเครื่อง พนักงานทั้ง5 รวมทั้งต๋อยและแซนดี้วิ่งสลับกันรับสายมือเป็นระวิง
“ค่ะ..อีก50เล่มนะคะ..ค่ะๆ”
“ร้านอยู่แถวไหนคะ”
“ต้องขอเช็คก่อนนะคะว่าจะยังเหลือกี่เล่ม”
“ไม่ทราบจะพิมพ์เพิ่มทันรึเปล่า..ยังไงลองโทรมาเช็คดูอีกทีนะคะ”
มินตรากับปีโป้เพิ่งเดินเข้ามาในห้องมองความวุ่นวายตรงหน้าอย่างงงๆ
มินตรากระซิบกับปีโป้ “กองเธอมีเรื่องไรน่ะ..ดูวุ่นวายเชียะ”
“นั่นสิ...เอ๊ะ..รึว่าบก.ของฉันถูกไล่ออก...กองเลยป่วน” ปีโป้ว่า
มินตรากับปีโป้ประสานเสียงหัวเราะกันอย่างนางร้าย พนักงานคนหนึ่งเดินผ่านไปอย่างเร่งร้อน
ปีโป้พูดกับพนักงาน “เดี๋ยว...เกิดอะไรขึ้นน่ะ..ทำไมดูยุ่งกันจัง”
“ไม่ยุ่งได้ไงล่ะพี่..หนังสือเพิ่งวางไปเมื่อเช้าตอนนี้เกลี้ยงแผงแล้ว..เนี่ย..ลูกค้าโทรมาสั่งเพิ่มเต็มเลย..ไม่รู้จะพิมพ์เพิ่มทันมั้ย..เดี๋ยวต้องรีบไปเช็คก่อน”
พนักงานคนนั้นเดินจากไป ปีโป้และมินตรามองหน้ากันแบบอึ้งปนจ๋อย
ลูกจันนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะ ในมือของเธอถือเช็คอยู่ใบหนึ่ง
“ได้รับแล้วค่ะบอส ขอบคุณมากค่ะ...ได้ค่ะ..จันจะบอกพีทให้นะคะ..ค่ะ..สวัสดีค่ะ”
ลูกจันวางสายโทรศัพท์แล้วมองเช็คในมือ เช็คเขียนจำนวนเงิน 1 แสนบาทถ้วน ลูกจันจุ๊บเช็คเบาๆ ยิ้มอย่างภูมิใจ แล้วลูกจันก็เหมือนคิดอะไรได้จึงทำหน้าเจ้าเล่ห์
ณัฐยืนคุยโทรศัพท์หน้าเครียด
“ก็ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรมากนี่ครับ...ก็แค่โพสต์ท่ามวยไทย” ณัฐบอก
ณัฐจ๋อยไปที่ถูกสาโรจน์ด่ากลับว่าแล้วมีปัญญาคิดอย่างเค้ามั้ย แล้วสาโรจน์ก็ด่าเรื่องปกไลม์ที่นางแบบดูง่อยมาก
ณัฐแก้ตัว “ก็พยายามแก้เต็มที่แล้วนะครับ..แต่นางแบบเราเล่นฉีดโบท็อกซ์ซะจนปากเบี้ยวขนาดนั้น..มันก็ได้เท่าที่เห็นแหละครับ”
ณัฐเงียบฟังปลายสายด่าแล้วก็เครียดขึ้นเรื่อยๆ เขาพยายามกัดกรามไว้เพื่อไม่ให้ส่งเสียงเถียงออกไป
ณัฐข่มอารมณ์ “ครับ...ผมจะพยายามให้มากกว่านี้ครับ”
ณัฐวางสายหน้าเครียด เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ณัฐตวาด “มีอะไร”
เมโผล่เข้ามาอย่างหวาดๆในมือของเธอถือกล่องของขวัญผูกโบว์ไว้อย่างสวยงาม
“เอ่อ..มีคนส่งของขวัญมาให้คุณณัฐค่ะ”
เมเดินเข้ามาในห้องก่อนจะรีบยื่นกล่องของขวัญให้ณัฐ ณัฐกระชากเอาไปโดยยังอารมณ์เสีย เมรีบเดินลนลานออกไปจากห้อง ณัฐมองกล่องของขวัญด้วยความสงสัย ณัฐแกะกล่องของขวัญ
ของขวัญที่ถูกแกะออกเป็นหนังสือเซเลบเล่มใหม่ที่พอลขึ้นปก โดยมีการ์ดเล็กๆแปะไว้ที่ปก ณัฐหน้าโกรธมากจึงกระชากการ์ดมาอ่าน ข้อความในการ์ดเขียนเป็นลายมือลูกจัน
“ส่งมาให้...เพราะคิดว่าคุณคงไปแย่งซื้อไม่ทัน...ขอบคุณมากที่ช่วยทำให้ยอดขายเล่มนี้พุ่งปรี๊ด!!! จันทร์เคียงดาว มันตรากุล”
ณัฐหน้าแค้นมาก เขาเขวี้ยงหนังสือในมือลงบนพื้น
“โธ่เว๊ยย!!”
นิตยสารเซเลบถูกเขวี้ยงทิ้ง หน้าปกเป็นพอลที่โพสต์ภาพอย่างเท่อยู่
พอลกำลังตักอาหารให้หมาข้างถนน พอลแต่งตัวเซอร์ๆ ใส่หมวก ใส่แว่นดำพรางตัวเอง หมามารุมกินอาหาร พอลหน้าตามีความสุข เขาถอยออกจากกลุ่มหมาเล็กน้อยก่อนจะยกกล้องขึ้นถ่ายภาพหมากำลังกินอาหาร2 - 3 รูป พอลทำท่าจะเดินไป ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หน้าจอขึ้นว่า ”Look Jun”
“ฮัลโหล”
ลูกจันพูดเสียงดี๊ด๊ามาก “เพื่อนร๊ากกก”
พอลเซ็ง “ว่าไง”
“ไม่ว่าไงหรอก..แค่จะบอกว่าคืนนี้ฉันไม่กลับบ้านนะ..จะอยู่เคลียร์งานที่ออฟฟิศเนี่ยแหละ..ไม่ต้องห่วงน้า”
พอลตอบเฉยๆ “อืม”
“แล้วฉันก็อยากโทรมาขอบใจแก..ที่ช่วยทำให้ยอดเซเลบเล่มนี้พุ่งกระฉูดรูดม่าน”
พอลพูดเฉยๆ “อืม”
“ตอนนี้ฉันมีความสุขม๊ากมาก”
“อืม”
“นี่ฉันเพิ่งได้เช็ครางวัลจากบอสมาแสนนึงด้วยล่ะ”
พอลยังเฉยอยู่ “อืม”
“นี่พีท..พรุ่งนี้วันหยุดพอดี...เราไปเยี่ยมลูกกันดีกว่านะ”
พอลลืมตัว “อืม...” พอลนึกได้ก็ตกใจมาก “ห๊า...ลูก”
จุ้มจิ้มนั่งคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางตื่นเต้น
“ห๊า...แสนนึง???...ว่างฮะ...ได้ฮะ...วันเดียวเองเหรอฮะ..ฮะ...งั้นรบกวนเอามาส่งที่โรงพยาบาลได้มั้ยฮะ..วันนี้คงอยู่ที่นี่ทั้งวันฮะ...เดี๋ยวจะแมสเสจบอกทางนะฮะ...ฮะ..ขอบคุณฮะ”
จุ้มจิ้มวางสายแล้วยิ้มด้วยความดีใจก่อนจะเดินไปกอดนันทาที่นอนอยู่บนเตียง
นันทาอ่อนเพลีย “ใครโทรมาจ๊ะ..หน้าบานเชียวลูก”
“มีงานติดต่อเข้ามาจ้ะ เค้าจะให้ไปถ่ายภาพนิ่งโปรโมทรีสอร์ทที่ต่างจังหวัด”
นันทานิ่วหน้าด้วยความเป็นห่วง “ต่างจังหวัด?”
“ไม่ต้องห่วงจ้ะแม่..ไปเช้าเย็นกลับ..เค้ามีตั๋วเครื่องบินให้ด้วย...แต่ต้องไปพรุ่งนี้เลย..เดี๋ยวเค้าจะเอาตั๋วเครื่องบินกับเช็คมาให้”
“ทำไมเค้าให้เช็คเร็วนักล่ะ..ยังไม่ทันได้ทำงานเลย”
“เค้าคงกลัวจุ้มเบี้ยวมั้งจ๊ะเลยรีบจ่ายเงินผูกมัดไว้ก่อน...ดีใจจัง เดี๋ยวจุ้มจะได้รีบเอาเงินไปให้โรงพยาบาล...แม่จะได้ผ่าตัดมะรืนเลย”
นันทาน้ำตาคลอ “ขอบใจนะจุ้ม”
จุ้มจิ้มน้ำตาไหล “ขอบใจทำไมจ๊ะ..มันเป็นหน้าที่ของจุ้มอยู่แล้ว...ส่วนหน้าที่ของแม่ก็คืออย่าดื้อกับหมอ..จะได้หายเร็วๆ..เราจะได้กลับบ้านกันซักทีเนอะ”
“จ้ะ”
จุ้มจิ้มกับนันทากอดกันอย่างอบอุ่น
พอลกำลังพยายามกดโทรศัพท์มือถือไปหาพีทโดยเปิดเป็นสปีคเกอร์โฟนไว้
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
พอลปิดสปีคเกอร์โฟน
พอลเครียด “หายไปไหนกันหมดเนี่ย”
พอลหันไปมองรูปพีทยิ้มหวานที่ประดับไว้ในห้อง
พอลเคือง “ไหนบอกว่าชอบผู้ชาย...แล้วไปแอบมีลูกด้วยกันตอนไหนวะ”
พอลโกรธ
พีทกำลังนั่งสมาธิหลับตาพริ้มหน้าอิ่มสุข ป้าภาและคนอื่นๆกำลังเดินจงกรมอย่างสงบอยู่ไม่ไกลพระจันทร์กลมโตสวยงามอยู่บนฟ้า
พระอาทิตย์ยามเช้า จุ้มจิ้มกำลังเอากล้องส่องไปหลายมุมพร้อมกดชัตเตอร์ด้วยสีหน้าชื่นชมบรรยากาศของรีสอร์ต
จุ้มจิ้มพูดไปถ่ายไปโดยไม่ได้มองหน้าหวิน “สวยมากเลยฮะ นายหัวหาซื้อที่ดีๆแบบนี้ได้ยังไงฮะ” ไม่มีเสียงตอบจากหวิน “นายหัวฮะ” จุ้มจิ้มลดกล้องลง
จุ้มจิ้มกับหวินยืนอยู่หน้ารีสอร์ตบนเกาะแห่งหนึ่งในบรรยากาศที่สวยมาก
หวิน ผู้ชายวัยกลางคนหน้าตาชาวบ้านมากอยู่ในสูทที่ดูไม่พอดีตัวกำลังยืนมองซ้ายขวาหน้าตาล่อกแล่กปนแหย
จุ้มจิ้มเรียก “นายหัวฮะ”
หวินสะดุ้ง “ห๊า..อะ..เอ่อ..ครับๆ” หวินพูดสำเนียงทองแดง “อะไรนะครับ”
“คือจุ้มถามว่านายหัวหาซื้อที่นี่ได้ยังไงฮะ...มันสวยมากเลย”
“อ๋อ..มันเป็นมรดกตกทอดของต้นตระกูลนายหัว...เอ๊ย..เอ่อ..ต้นตระกูลผมเองครับ..แหะๆ”
จุ้มจิ้มมองไปรอบๆ
“สงบดีจังเลยนะฮะ...ถึงจะอยู่ไกลไปซักหน่อยแต่ก็ดีตรงที่ได้ความเป็นส่วนตัว”
หวินยิ้มภูมิใจ “ครับ..คือนาย...เอ๊ย...เอ่อ..ผม..ผมอยากให้ชาวบ้านบนเกาะนี้เค้าได้อยู่แบบรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมเอาไว้ให้มากที่สุดน่ะครับ นักท่องเที่ยวที่มาพักรีสอร์ตก็ต้องเคารพกฎข้อนี้แล้วก็ใช้ชีวิตบนเกาะนี้ให้กลมกลืนกับวิถีชาวบ้านด้วย..รีสอร์ตเราเลยเป็นรีสอร์ตแบบคัดคนจิตสำนึกดี..ไม่ได้เน้นที่ปริมาณ”
จุ้มจิ้มทึ่งมาก “โห...ดีจังเลย...เป็นแนวคิดที่แจ๋วมากเลยฮะ”
จุ้มจิ้มเดินถ่ายรูปต่อ หวินเดินตามมาเรื่อยๆ ด้วยท่าทางเกร็งๆ
“เอ๊..แต่ถ้าถ่ายภาพโปรโมทออกไปคราวนี้..แล้วคนแห่กันมาเที่ยว..รีสอร์ตก็จะคัดคนลำบากรึเปล่าฮะ”
หวินเผลอพูดออกมา “ไม่เป็นไรหรอก..รูปก็ไม่ได้เอาไปใช้อยู่แล้ว”
จุ้มจิ้มงง “ฮะ?”
หวินสะดุ้งเพราะเพิ่งรู้สึกตัว
“เอ่อ...คือ..หมะหมายถึง...คือ..เอ่อ”
“อ๋อ...คือนายหัวจะไม่เอารูปไปใช้โปรโมทสื่อทั่วไป..แต่จะเลือกไปออกโปรโมทแค่บางสื่อที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย แบบพวกที่ชอบเที่ยวอีโค่อะไรทำนองนี้..ใช่มั้ยฮะ” จุ้มจิ้มพูด
หวินรีบพยักหน้าระรัว
“อ่า...ใช่ๆ..นั่นแหละๆ...แหะๆ”
หวินยิ้มแหยๆ
“แล้วทำไมถึงเลือกจ้างจุ้มล่ะฮะ...จริงๆค่าจ้างขนาดนี้..จ้างตากล้องดังๆกว่าจุ้มยังได้เลย”
หวินหลุด “ก็นายหัวสั่ง”
จุ้มจิ้มงง
“เอ๊ย...เอ่อ..ผมสั่งเอง..คือ..เอ่อ..ผมชอบฝีมือคุณมากกว่า..แหะๆ”
จุ้มจิ้มยิ้มปลื้ม “ขอบคุณฮะ”
จุ้มจิ้มเดินถ่ายภาพไปเรื่อยๆ
หวินเดินเหลียวหน้าเหลียวหลังเหมือนมองหาใคร ชายชาวบ้านคนหนึ่งเดินสวนมาแล้วหันมามองหวินหัวจรดเท้า
ชาวบ้านทัก “อ้าว...ไอ้...”
หวินตกใจมากจึงรีบเดินไปฉุดชาวบ้านไปคุยซุบซิบด้วยอีกมุมหนึ่ง ชาวบ้านทำหน้างงๆ แต่ก็พยักหน้ารับ ก่อนเหลือบตามองจุ้มจิ้มแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง
หวินเดินกลับมาหาจุ้มจิ้ม เขาเห็นจุ้มจิ้มมองไปทางชาวบ้านอย่างสงสัย
หวินมีพิรุธมาก “เอ่อ..ชะชาวบ้านแถวนี้น่ะ..คุ้นๆกัน..ก็..แวะมาทัก..แหะๆ”
จุ้มจิ้มพยักหน้าเข้าใจ
หวินมองซ้ายขวาด้วยท่าทางเครียด “เอ่อ..เราไปถ่ายกันในรีสอร์ตเลยมั้ย..เอ่อ..จะได้ไม่ต้องเจอคนมาก..เอ๊ย..จะได้เสร็จซักที”
“เดี๋ยวขออีกนิดเดียวฮะ”
จุ้มจิ้มยกกล้องขึ้นเล็งไปที่มุมต่างๆ จุ้มจิ้มถ่ายวิวสวยงามไปเรื่อยๆ จุ้มจิ้มเห็นชายในชุดชาวประมงหลบอยู่หลังต้นไม้กำลังชะเง้อมองมาที่จุ้มจิ้มโดยชายคนนั้นมีบางอย่างคุ้นตามาก
“เอ๊ะ!”
จุ้มจิ้มลดกล้องลงแล้วชะเง้อมองไปทางที่เพิ่งเล็งกล้องไป
หวินล่อกแล่ก “อะ..อะไรเหรอครับ”
จุ้มจิ้มยังมองไปทางที่เห็นชาวประมงปริศนา “ใครไม่รู้ค่ะ..แต่งตัวเหมือนชาวประมง..แต่คุ้นๆเหมือนจะเป็นคนรู้จัก...”
หวินรีบไปยืนบังทางที่จุ้มจิ้มหันไปมอง “โอ๊ย.... คงตาฝาดแล้วล่ะ...คือ..ที่นี่เป็นเกาะส่วนตัว...คนที่จะเข้ามาได้ต้องมีเรือของทางเราไปรับเท่านั้น..ไม่งั้นถือว่าบุกรุก..คนที่คุณรู้จักคงมาไม่ได้หรอก”
“เหรอฮะ” จุ้มจิ้มพยายามชะเง้อมอง
“เอ่อ..ปะไปในรีสอร์ตกันเถอะ...ข้างนอกพอแล้วล่ะ”
“ฮะ”
จุ้มจิ้มกับหวินเดินกลับเข้าไปในรีสอร์ต ชายปริศนาหลังต้นไม้โผล่ออกมาซึ่งก็คืออาร์ตในชุดชาวประมงที่กำลังมองไปทางจุ้มจิ้ม อาร์ตยิ้มมุมปากอย่างเท่
พอลมองหน้ายิ้มแฉ่งของเด็กๆที่มารายล้อมรอบตัว พอลทำหน้างงๆ ในขณะที่หอบของพะรุงพะรังอยู่ข้างลูกจัน รอบๆตัวของเขามีเด็กๆยืนรายล้อม
“หายไปนานเลยนะคะ..เด็กๆบ่นคิดถึงกันใหญ่เลยค่ะ”
“ยุ่งค่ะ...เลยไม่มีเวลาแวะมา แต่คิดถึงลูกๆทุกคนตลอดเลย” ลูกจันพูดกับเด็กๆ “คิดถึงแม่มั้ยคะ?”
“คิดถึงค่ะ/ครับ” เด็กๆ ตอบ
เด็กน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินเข้ามาจับมือพอลพร้อมเงยหน้าขึ้นพูดกับพอล
“คิดถึงพ่อด้วยค่ะ”
พอลก้มลงมองมือเล็กๆที่จับมือตัวเองพร้อมสบตาไร้เดียงสาของเด็กแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน พอลคุกเข่าลง แล้วโอบหนูน้อยมากอดและหอมอย่างเอ็นดู ลูกจันอมยิ้มมองความอ่อนโยนของพอลอย่างชื่นชม
“วันนี้แม่กับพ่อจะอยู่เล่นกับลูกๆยาวเลยจ้ะ..เอาให้หายคิดถึงกันไปเลย..ดีมั้ยคะ?”
“ดีค่ะ/ครับ”
เด็กๆเฮกันเข้ามารุมกอดลูกจันกับพอล ลูกจันกับพอลหันมาสบตากันแล้วยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
เวลาผ่านไป ลูกจันและพอลทำกิจกรรมกับเด็กๆ..มีทั้งแจกของใช้ ป้อนอาหาร ตักไอติมเลี้ยง และเล่นเกมส์ต่างๆด้วยกัน
ลูกจันนั่งเล่านิทานให้เด็กๆฟังอย่างใส่อารมณ์มาก เด็กๆ มีสีหน้าสนุกสนานไปกับนิทานของลูกจัน พอลถ่ายรูปลูกจันกับเด็กๆ ลูกจันเรียกให้พอลมาถ่ายรูปด้วยกัน พอลเดินเข้าไปหาลูกจันและเด็กๆ โดยฝากให้เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปให้แทน เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปให้
เวลาผ่านไป ลูกจันกำลังเอนเตอร์เทนเด็กโดยการร้องเพลงแมงมุมด้วยเสียงที่เพี้ยนมาก!!!
“แมงมุ๊มลายตัวน๊าน ฉั่นเห็นมันยู๊บนหลังค่า”
เด็กๆทำหน้าแหย บางคนเอามือปิดหู ลูกจันหน้าจ๋อยหันมาสบตากับพอลอย่างขอความช่วยเหลือ พอลขำ
เวลาผ่านไป พอลกำลังร้องเพลงให้เด็กๆฟังด้วยเสียงหล่ออบอุ่นและไพเราะมาก พอลเห็นเด็กๆแต่ละคนนั่งฟังเพลงตาแป๋วจนมาถึงคนสุดท้ายคือลูกจันที่นั่งยิ้มแฉ่งตาแป๋วไม่แพ้เด็ก
เวลาผ่านไป พอลยังนั่งร้องเพลงกล่อมเด็ก แต่เด็กนอนหลับกันเกลื่อนโดยมีหมอนและผ้าห่มห่มเรียบร้อย
พอลยิ้มกับภาพเด็กๆที่เห็นตรงหน้าแล้วหันกลับมาหาลูกจัน แต่ก็ไม่เจอ พอลก้มลงมองเห็นลูกจันหลับกลิ้งอยู่ใกล้ๆพอล พอลส่ายหัวอย่างขำๆ ก่อนจะหยิบเอาหมอนและผ้าห่มจัดท่าให้ลูกจันนอนสบายๆ ด้วยท่าทางอ่อนโยน
พอลมองลูกจันที่เวลาหลับดูไร้พิษสงน่ารักดี เขาเผลอยิ้มเอ็นดูไม่รู้ตัว ลูกจันหลับสนิทอย่างมีความสุขโดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกพอลแอบมองอยู่
เวลาผ่านไป ลูกจันงอนๆ
“แกก็น่าจะปลุกฉันสิ..ปล่อยให้ฉันตื่นหลังลูกๆได้ไง..เสียลุคส์แม่หมดเลย”
ลูกจันกำลังขับรถโดยมีพอลนั่งอยู่ข้างๆ
พอลขำๆ “ไม่เป็นไรหรอก..ลูกๆคงเข้าใจว่าแม่เหนื่อยมาก”
ลูกจันหันมาค้อนพอล แล้วเหลือบดูนาฬิกา
“จะทันมั้ยเนี่ย”
พอลงงๆ “ทันอะไร”
“ทันนัดหมอไงยะ”
พอลงงว่าหมอไหนอีกเนี่ย
พอลนอนเกร็งอยู่บนเตียงด้วยความเครียด ส่วนลูกจันยืนคุยกับหมออยู่ข้างเตียง
“เล่นเจ็ทสกีซะจนหน้าดำเลยค่ะหมอ..คงต้องบำรุงชุดใหญ่แล้ว”
หมอเดินมาพินิจผิวหน้าพอล
หมอเครียด “โห...กร้านไปเยอะเลยค่ะ..ยังกับคนไม่เคยบำรุงหน้ามาก่อน..แสดงว่าตากแดดหนักจริงๆ...งั้นเดี๋ยวคงต้องทั้งทรีทเมนต์ ทั้งเลเซอร์เลยดีกว่าค่ะ”
“จัดไปเลยค่ะหมอ” ลูกจันพูดกับพอล “แกนอนทำหน้าเด้งไปก่อนนะ..วันนี้ฉันก็นัดหมอจัดชุดใหญ่เหมือนกัน”
ลูกจันเดินออกไปจากห้อง พอลนอนหน้าเกร็งอย่างหวาดระแวงอยู่บนเตียง
เวลาผ่านไป ทั้งหมอและผู้ช่วยมารุมทำหน้าเด้งให้พอล หมอเปิดเครื่องเลเซอร์ สักพักก็มีไฟแปล๊บๆน่าขนลุก พอลกลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยความกลัว หมอเอาเลเซอร์จี้ไปทั่วหน้าพอล เสียงดังฉ่าๆ
พอลนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เขาพยายามลุกขึ้นแต่โดนหมอและผู้ช่วยกดไว้กับเตียง หมอหมุนปุ่มเพิ่มความแรงของเลเซอร์ พอลเจ็บขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดกัดกรามกรอด พอลจิกเตียงแน่นด้วยความเจ็บ
พอลพอกหน้าเอาไว้และเริ่มแห้งกรัง เขานอนกลอกตาล่อกแล่กอยู่ใต้ครีมพอกหน้า ผู้ช่วยหมอเข้ามาเช็ดครีมพอกหน้าออก หน้าพอลใสปิ๊ง
“เรียบร้อยค่ะ”
พอลยิ้มกว้างที่จบซะทีความทรมาน เขากำลังจะลุกขึ้น
หมอกดบ่าพอลลงไปใหม่ “เดี๋ยวค่ะ”
พอลชะงักด้วยความงง
หมอหน้าเครียดมาก “สิวค่ะ”
ที่ซอกเล็กๆข้างขมับมีสิวเม็ดเล็กมากซ่อนอยู่
หมอพูดกับผู้ช่วย “ต้องฉีด...เอาเข็มมา”
พอลสะดุ้งจนตาเหลือก “เข็ม?”
พอลกระเด้งตัวลงจากเตียงอย่างอัตโนมัติ หมอและผู้ช่วยมองพอลงงๆ พอลยืนหลังพิงฝา ตาจ้องไปที่เข็มฉีดยาในมือหมออย่างหวาดหวั่น
บรรยากาศในคลีนิคหมอเงียบสงบ ทันใดนั้นเสียงพอลก็ดังแหวกความเงียบขึ้นมา
“ม๊าย”
ตามด้วยเสียงฝีเท้าคนวิ่งนำและวิ่งตาม
พอลวิ่งตาตั้งออกมาจากห้องทำหน้า ตามมาด้วยผู้ช่วยและหมอที่มีเข็มฉีดยาอยู่ในมือ พอลวิ่งผ่านเคาเตอร์ที่พนักงานนั่งอยู่
พอลพูดกับพนักงาน “ลูกจันอยู่ห้องไหนครับ”
พนักงานชี้มือไปห้องหนึ่งอย่างงงๆ พอลรีบเลี้ยวไปตามมือชี้
พอลเรียก “ลูกจัน.....”
พอลเอามือกระชากม่านที่ปิดอยู่แล้วก้มหน้ามองลูกจัน เข็มทิ่มขึ้นมาเฉียดหน้าพอลในระดับสายตาพอดี พอลเห็นลูกจันหน้านองไปด้วยเลือดเพราะหมอเพิ่งเสียบเข็มและดึงไหมขึ้นพอดีชนิดที่เฉียดตาพอลไปนิดเดียว
พอลช็อคมากแล้วโลกก็มืดไปกะทันหัน พอลเป็นลมล้มพับไป
พอลนั่งในท่าปรับเบาะเอนกำลังดมยาดมอยู่ด้วยสีหน้าซีดเซียว
“แกเป็นอะไรของแกห๊าอีเจ้...ทำเอาป่วนกันทั้งคลินิก” ลูกจันถาม
ลูกจันขับรถอยู่ในสภาพหน้าเขียวเป็นหย่อมๆ เพราะเพิ่งร้อยไหมเสร็จ พอลเหลือบตามองหน้าลูกจันด้วยความสยดสยองพร้อมสูดยาดมเข้าปอดแรงกว่าเดิม
“มาแต่ละทีแกจัดหนักกว่าฉันตลอด แล้วคราวนี้ยังไงอ่ะ..เห็นหมอบอกว่าแกไม่ยอมให้หมอฉีดสิวเหรอ”
พอลยังดมยาดมอยู่ “ก็..ก็..เม็ดมันยังเล็กอยู่..ยังไม่อยากฉีด”
ลูกจันปรายตามองพอลด้วยความสงสัย “ป่วยรึเปล่าเนี่ย..ปกติแค่แกสงสัยว่าสิวจะขึ้น แกต้องขอให้หมอฉีดกันไว้ก่อนแล้วนะ”
“ก็..อือ..ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายด้วยอ่ะ...เลยยังไม่อยากฉีด” พอลเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่ที่แกทำอ่ะ”
“ร้อยไหมเหรอ”
พอลทำหน้าหวาดเสียว “อืม..ไม่เจ็บเหรอ”
“ก็นิดหน่อยนะ..แต่ทนได้เพื่อความเด้ง”
ลูกจันจับหน้าตัวเองเบาๆ
ลูกจันเจ็บ “อูย”
พอลเบ้หน้าพลางคิดว่าผู้หญิงช่างน่ากลัว เขาสูดยาดมต่อ
ไฟแดง ลูกจันจึงจอดรถส่องกระจกดูหน้าตัวเอง
“พีท..หยิบกรรไกรเล็กในลิ้นชักให้หน่อย”
พอลก้มลงเปิดลิ้นชักแล้วหยิบกรรไกรเล็กส่งให้
“หมอตัดไหมไม่หมดอ่ะ..แกเล็มออกให้หน่อยดิ”
ลูกจันเอียงหน้าเข้ามาหาพอล
พอลเห็นไหมเส้นเล็กๆโผล่แพลมออกมานอกเนื้อหน้าลูกจันดูน่าสยดสยองมาก พอลหน้าซีดและเหมือนจะเป็นลมอีกรอบ
จุ้มจิ้มขึ้นรถสองแถวเล็กที่หน้ารีสอร์ทเพื่อไปสนามบินโดยมีคนมาส่ง อาร์ตแอบดูอยู่ไกลๆ จุ้มจิ้มนั่งเหงาๆเพราะเป็นห่วงแม่บนเครื่องบิน เธอมองออกไปนอกหน้าต่างดูเมฆเคลื่อนอย่างช้าๆ แต่ก็ภูมิใจที่ทำงานสำเร็จ
อ่านต่อหน้าที่ 3
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 7 (ต่อ)
แม่ของจุ้มจิ้มนอนหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วย จุ้มจิ้มนั่งเฝ้าแม่อยู่ข้างๆ เตียง จุ้มจิ้มกังวลปนเศร้า ดวงตาของเธอจับอยู่ที่ใบหน้าของแม่
จุ้มจิ้มพูดเบาๆ “อย่าเป็นอะไรนะจ๊ะแม่จ๋า เรามีกันอยู่แค่สองคนเท่านั้นนะแม่”
จุ้มจิ้มในวัย5 ขวบใส่ชุดสีดำกำลังมองไปข้างหน้าอย่างงงๆ เธอเห็นแม่ในชุดสีดำนั่งร้องไห้อยู่หน้าโลงศพ ที่มีภาพพ่อของจุ้มจิ้มอยู่หน้าโลง แม่เดินสะอึกสะอื้นเข้ามาหาจุ้มจิ้ม
“เราเหลือกันอยู่แค่สองคนแล้วนะลูก” แม่ร้องไห้
จุ้มจิ้มกับแม่กอดกันร้องไห้
แม่จุ้มจิ้มในวัยสาวยืนขายข้าวแกงอยู่หน้าปากซอย จุ้มจิ้มในวัยเด็กใส่กระโปรง คาดผมหวานสมเป็นเด็กผู้หญิงนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ใกล้ๆ ลูกค้าแวะเวียนเข้ามาซื้อข้าวแกง แต่ละคนลูบหัวทักทายจุ้มจิ้มด้วยความเอ็นดู จุ้มจิ้มยิ้มหวานให้กับทุกคน
ป้าเมี้ยนลูกค้าปากมากที่กำลังยืนซื้อแกงหันมามองทางจุ้มจิ้ม
“หน้าตาดีนะลูกแม่จิตเนี่ย”
แม่จุ้มจิ้มยิ้มรับอย่างปลื้มใจ
“หน้าตาดีแบบนี้ ระวังน๊า....”
แม่จุ้มจิ้มสงสัย “ระวังอะไรจ๊ะป้า”
“อ๊าว...ก็ระวังจะมีปัญหาเรื่องผู้ชายไง๊”
แม่จุ้มจิ้มหุบยิ้มและมีสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็พยายามระงับความรู้สึกแล้วตักแกงต่อ
ป้าเมี้ยนพูดต่อ “ฉันเห็นมาหลายคนแล้วนะแม่จิต มีลูกสาวหน้าตาดีแบบนี้ เผลอแป๊บเดียวมันก็ใจแตก หนังสือหนังหาไม่เรียนหรอก เอาแต่ติดผู้ชาย สุดท้ายก็เสียคน พ่อแม่ก็ช้ำใจไปเถ๊อะ...เนี่ย..ดูอย่างลูกนังชุ่มสิ...มันนะ...” ป้าเมี้ยนกำลังจะเมาท์ต่อ
แม่จุ้มจิ้มตัดบทด้วยการยื่นถุงแกงให้แล้วพูดเสียงเรียบๆ “งั้นป้าก็โชคดีสินะที่ไม่มีผัว จะได้ไม่ต้องมีลูกสาวให้ต้องเดือดร้อนใจทีหลัง”
ป้าเมี้ยนโดนกระตุ้นต่อมจิ๊ดถึงกับหน้ากระตุกด้วยความโกรธ เธอรีบควักเงินออกมาจ่ายค่าแกงแล้วกระชากถุงแกงเดินจากไป แม่จุ้มจิ้มมองไปทางป้าเมี้ยนด้วยสีหน้าไม่สบายใจ จุ้มจิ้มมองไปทางป้าเมี้ยนอย่างโกรธๆเพราะได้ยินทุกอย่าง เธอมองไปที่แม่อย่างครุ่นคิดแล้วก้มลงมองตุ๊กตาในมือก่อนจะตัดสินใจผลักออกจากตัวตุ๊กตาที่จุ้มจิ้มผลักออกนอนเดียวดายอยู่บนพื้น
จุ้มจิ้มวัย 8 ขวบกับเด็กผู้ชายร่วมเตะบอล9 คน มีเด็กผู้หญิง 5-6 คนกำลังนั่งผลัดกันทำผมถักเปียให้กันอยู่ใต้ต้นไม้ เด็กผู้ชายกำลังวิ่งไล่ลูกบอลที่มีเท้าเล็กๆคู่หนึ่งของจุ้มจิ้มกำลังเลี้ยงนำอยู่ก่อนจะยิงบอลเข้าโกลไปพร้อมเสียงเฮ
เด็กชายทำหน้าเซ็ง “ไอ้จุ้มยิงได้อีกแล้ว”
จุ้มจิ้มในชุดนักเรียนหญิงพับแขนเสื้ออย่างทะมัดทะแมง เธอรวบผมเก็บไว้อย่างไม่สนใจความสวยงาม แถมยังมีหน้าตามอมแมม จุ้มจิ้มยืนกอดอกอย่างภูมิใจในฝีเท้าตัวเองท่ามกลางนักเรียนชายคนอื่นๆในสนาม
จุ้มจิ้มพูดกับเด็กชาย “เอ้าๆ...เห็นใจ..ต่อเวลาให้อีก10นาทีก็ได้”
เด็กชายคนนั้นและเพื่อนร่วมทีมดีใจ “เฮ!!”
จุ้มจิ้มถกกระโปรงวิ่งไล่บอลตัวปลิวข้างในกระโปรงมีกางเกงขาสั้นสวมอยู่อีกชั้น
จุ้มจิ้มในวัย 17 ปีกำลังตักแกงใส่ถุง ลูกค้ายืนรอซื้อแกง โดยมีจุ้มจิ้มยืนตักแทนแม่ ในขณะที่แม่ยืนรับเงินอยู่ แม่มองจุ้มจิ้มอย่างรักใคร่และภูมิใจ จุ้มจิ้มอยู่ในเสื้อยืด กางเกงยีนส์หลวมๆ รวบผมใส่หมวกในลักษณะที่ดูเป็นทอมมากกว่าผู้หญิงและขยันทำงานมือเป็นระวิง
จุ้มจิ้มวัย 20 ปีอยู่ในชุดนอนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนพื้น แม่กำลังนั่งหวีผมสลวยให้เธอ
“ผมลูกแม่สวยขนาดนี้ ทำไมเอาแต่รวบไว้ล่ะลูก น่าจะปล่อยบ้างจะได้ดูเป็นผู้หญิงหน่อย”
จุ้มจิ้มวางหนังสือแล้วหันมาคุยกับแม่ “จุ้มไม่อยากเป็นผู้หญิงหรอกจ้ะแม่...เป็นแบบนี้ดีกว่าจะได้ไม่ต้องมีใครมากวนใจ”
แม่ขำ “ตั้งแต่จุ้มต่อยเด็กผู้ชายที่มาจีบหนูตอนม.5 จนฟันร่วง แม่ก็ไม่เห็นจะมีใครกล้ามาวอแวหนูอีกนี่ลูก” แม่จับหน้าจุ้มจิ้มแล้วมองอย่างพิจารณา “อือ...ว่าไปแล้วเจ้าหนุ่มนั่นก็ตาถึงนะ ขนาดหนูทำตัวมอมๆเป็นเด็กผู้ชายก็ยังมาจีบ..แสดงว่าดูออกว่าถ้าแต่งเป็นผู้หญิงเมื่อไหร่ ลูกแม่สวยไม่แพ้ใครแน่....แล้วเมื่อไหร่หนูจะถอดรูปมาเป็นลูกสาวจริงๆให้แม่ชื่นใจซะทีล่ะ”
จุ้มจิ้มกอดแล้วหอมแม่
“เอาไว้ก่อนนะแม่จ๋า..ไว้ให้จุ้มเรียนจบเลี้ยงแม่ให้ได้ก่อน..แล้วค่อยสวยก็ได้เนอะ”
แม่ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายกับประโยคผลัดวันประกันพรุ่งของจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มทำหน้าประจบ
แม่กำลังเตรียมข้าวต้มให้จุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มในชุดเสื้อผ้าหน้าผมสุดพังค์วิ่งมาที่โต๊ะอย่างเร่งรีบ
“ไม่ทันแล้วแม่จ๋า..จุ้มขอแค่3 คำพอ..เดี๋ยวสายจะโดนพี่ลูกจันดุ”
จุ้มจิ้มรีบกินข้าวต้ม แม่มองจุ้มจิ้มอย่างเอ็นดูปนระอา
“ไหนเคยสัญญากับแม่ว่าถ้าทำงานเลี้ยงแม่ได้เมื่อไหร่จะกลับมาแต่งตัวเป็นผู้หญิง..แล้วนี่อะไรกันฮึ..แม่ว่าดูไม่ได้หนักกว่าเดิมอีก“
“โธ่...แม่จ๋า จุ้มไปทำงานแบบนี้มันต้องคล่องตัว..ขืนมาแต่งเป็นผู้หญิงก็ทำงานไม่ทันเค้าพอดีสิจ๊ะ”
แม่ค้อนเบาๆ “อ้างไปเรื่อยแหละเราน่ะ”
จุ้มจิ้มยิ้มให้แม่อย่างประจบ
ที่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่นาน จุ้มจิ้มกังวลใจในขณะที่จ้องหน้าหมอรอคำตอบ
“ทุกการผ่าตัดมันก็มีความเสี่ยงเป็นธรรมดา แต่หมอจะทำให้ดีที่สุด อย่าห่วงเลยหนู” หมอบอก
จุ้มจิ้มยังคงมีสีหน้ากังวล หมอมองจุ้มจิ้มอย่างเอ็นดู
“ในห้องผ่าตัดน่ะ หมอจะดูแลแม่หนูให้ดีที่สุด แต่หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของหนูที่จะต้องดูแลแม่ต่อแล้วล่ะ...ลองกลับไปคิดดูว่ายังมีอะไรที่เรายังไม่ได้ทำให้แม่บ้าง... รีบทำซะ....วันเวลามันผ่านไปเร็วนะหนู เราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่”
จุ้มจิ้มน้ำตาคลอในขณะที่คิดตามคำพูดของหมอ
จุ้มจิ้มกำลังถือธูปอยู่ในมือ จุ้มจิ้มมุ่งมั่น
“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องแม่ให้ปลอดภัยจากการผ่าตัดพรุ่งนี้ด้วยเถอะเจ้าค่ะ...จุ้มสัญญาว่าต่อไปนี้จุ้มจะทำทุกอย่างที่แม่ต้องการ เพื่อให้แม่มีความสุขที่สุด”
จุ้มจิ้มปักธูปแล้วกราบพระก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพระอย่างหวังเป็นที่พึ่ง ควันธูปลอยช้าๆขึ้นไปจนถึงใบหน้าพระพุทธรูป โอษฐ์พระพุทธรูปยิ้มละไม
พระอาทิตย์ส่องฟ้าตอนเช้าตรู่ พอลกำลังยืนคุ้ยหาอาหารในตู้เย็น สักพักก็มีมือคนมาวางบนไหล่พอล
พอลสะดุ้งแล้วหันกลับไปมอง
พอลเห็นแล้วก็สะดุ้งหนักกว่าเดิม “เฮ้ย”
พอลเห็นลูกจันหน้าเขียวช้ำกำลังจ่อหน้าอยู่ที่ปลายจมูกในสภาพน่ากลัวมาก
“ตกใจไรยะ...ร้องซะแมนเชียะ”
พอลไม่กล้ามองหน้าลูกจันเต็มๆตา “หนะ หน้า...เป็นไรอ่ะ”
ลูกจันเฉยๆ พูดอย่างไม่ตื่นเต้น “อ๋อ..ก็ที่ไปร้อยไหมเมื่อวานไง..ช้ำนิดหน่อย”
พอลรำพึงหน้าแหย “นิดหน่อย?”
ลูกจันพยักหน้ารับ “อือ..เออ..แล้วแกลงมาทำอะไรแต่เช้าเนี่ย”
พอลหยิบของกินแล้วเดินเลี่ยงไปเพราะไม่อยากเห็นหน้าลูกจันเต็มตา “ก็..หิวอ่ะ..เลยมาหาอะไรกิน”
“หิวตั้งแต่ป่านนี้เนี่ยนะ?”
พอลคาบแซนวิซที่เพิ่งทำตะกี้ “อือ”
ลูกจันรี่เข้าไปหาพอล
ลูกจันจ้องหน้า “พีท..ฉันว่าแกแปลกๆนะ..หมู่นี้ทำไมแกหิวบ๊อยบ่อย กินก็จุยังกะผู้ชาย แป้งเปิ้งของทอดของมันฟาดหมด แกไม่กลัวอ้วนแล้วเหรอ”
พอลชะงัก “เอ่อ..ก็..ก็กลัว..แต่..ก็...ก็ช่วงนี้ฉันทำงานหนักไง..กินเข้าไปมันก็เบิร์นแหละ..เลย..กินได้เยอะหน่อย”
ลูกจันยังจ้องหน้าพอลอยู่ในระยะที่ใกล้มาก
“เอ่อ..ช่วยเอาหน้าออกไปห่างๆได้มั้ย..กลัวอ่ะ”
ลูกจันค้อนขวับ
“ชิส์...เดี๋ยวพอฉันหน้าเด้งอย่ามาขอร้อยตามก็แล้วกัน”
พอลหน้าเบ้คิดในใจว่าฝันไปเหอะ ลูกจันหยิบน้ำเย็นเดินดื่มกลับขึ้นข้างบน พอลเดินไปชงกาแฟแล้วเดินไปนั่งจิบกาแฟชิลล์ๆ
เวลาผ่านไป พอลยังนั่งชิลล์อยู่กับธรรมชาติ
“พีท..ฉันไปทำงานก่อนนะ วันนี้มีประชุมเช้า” เสียงลูกจันบอก
พอลหันไปตอบรับ
“อืม...ห๊า” พอลตกใจมาก
ลูกจันในชุดสวย ใบหน้าปิ๊งเป๊ะเว่อร์และไร้ร่องรอยเขียวช้ำ
พอลงง “ทำไมหายช้ำเร็วจัง”
ลูกจันส่ายหน้าด้วยความเบื่อหน่าย
“นี่อีเจ้...ฉันว่าแกชักจะห่างหมอมากไปแล้วนะยะ..เมื่อก่อนเทคโนโลยีใหม่มาแกต้องพุ่งไปลองก่อน..แต่เดี๋ยวนี้ฉันต้องมาคอยอัพเดทให้แกแทน...เฮ้ออ”
พอลหลบตาเพราะกลัวลูกจันเอะใจในความเปลี่ยนแปลง
ลูกจันก็ยังไม่ได้เอะใจจึงพล่ามต่อ “เมคอัพสิยะช่วยได้..เรื่องอะไรฉันจะให้โลกรู้ล่ะว่าฉันไปร้อยไหมจนหน้าเขียวหน้าม่วง ฉันก็ต้องให้คนเค้าคิดว่าฉันสวยเองตามธรรมชาติเส่ะ” ลูกจันหลิ่วตาทำหน้าเจ้าเล่ห์ให้พอลแล้วดูนาฬิกา “ว๊าย..เดี๋ยวรถติด..ไปก่อนนะแก”
ลูกจันรีบเดินออกไป พอลมองตามแล้วอ้าปากค้างเพราะช็อคกับความลวงโลกของสตรีเพศ
พอลรำพึง “ผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ!”
จุ้มจิ้มยืนกุมมือแม่ที่นอนอยู่บนเตียงเตรียมเข้าห้องผ่าตัด
จุ้มจิ้มพยายามยิ้ม “จุ้มถามหมอให้แล้ว..หมอบอกว่าไม่เจ็บเลย..แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว เดี๋ยวจุ้มนั่งรอแม่ตรงนี้น้า..แม่ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ”
แม่พยักหน้าแล้วยิ้มให้จุ้มจิ้ม พยาบาลเข็นเตียงเข้าไปในห้องผ่าตัด จุ้มจิ้มน้ำตาร่วงเผาะด้วยความกลัว
เสียงอาร์ตดังขึ้น “อะแฮ่ม”
จุ้มจิ้มสะดุ้งก่อนจะหันกลับไปดูแล้วน้ำตาก็แห้งโดยอัตโนมัติ อาร์ตเดินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เข้ามาใกล้จุ้มจิ้ม
“แกมาทำอะไรที่นี่” จุ้มจิ้มถาม
“นัดเพื่อนไว้”
“นัดหน้าห้องผ่าตัดเนี่ยนะ”
“อือ...หากันง่ายดี” อาร์ตทำหน้าซื่อ “แล้วแกล่ะมาทำอะไร”
จุ้มจิ้มอึกอัก “เอ่อ..ฉัน...”
“อ๋อ...มาสัมภาษณ์คนไปลงคอลัมน์ใช่มั้ย”
จุ้มจิ้มพยักหน้าไปมั่วๆ “อืมๆ”
จุ้มจิ้มเดินไปนั่งแถวหน้าห้องผ่าตัด อาร์ตเดินไปหาที่นั่งไม่ห่างกันนัก อาร์ตทำเป็นหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่เหลือบดูอาการจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มมองไปทางห้องผ่าตัดอย่างกระวนกระวาย อาร์ตมองด้วยแววตาอ่อนโยนและห่วงใย จุ้มจิ้มมีสีหน้าเป็นกังวล เธอหลับตาภาวนาให้แม่ปลอดภัย
จุ้มจิ้มรู้สึกแปลกๆ จึงลืมตาขึ้นก็เห็นแก้วช็อคโกแล็ตร้อนอยู่ตรงหน้า จุ้มจิ้มเงยหน้ามอง เห็นอาร์ตยื่นแก้วให้จุ้มจิ้ม โดยที่อีกมือของเขามีแก้วกาแฟของตัวเอง
“วันนี้ร้านเค้ามีโปรโมชั่นซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ฉันกินคนเดียวไม่หมด แกเอาไปแก้วนึงแล้วกัน”
จุ้มจิ้มมองตาอาร์ต
อาร์ตยิ้มทั้งปากทั้งตาด้วยความจริงใจ จุ้มจิ้มรับแก้วช็อคโกแลตจากมืออาร์ต
จุ้มจิ้มพูดเบาๆ เพราะเขินนิดๆที่ต้องรับของศัตรู “ขอบใจนะ...แล้วเพื่อนแกล่ะ..ยังไม่มาอีกเหรอ”
“ยัง” อาร์ตตอบแล้วก็เดินกลับไปนั่งที่เดิมโดยทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มนั่งจิบช็อคโกแลตแล้วก็มีสีหน้าดีขึ้น อาร์ตแอบยิ้มชื่นใจ
ห้องผ่าตัดเปิดออก จุ้มจิ้มรีบวิ่งไปหาหมอโดยเห็นแม่ยังนอนสลบอยู่
หมอยิ้ม “ปลอดภัยดีครับ”
จุ้มจิ้มยิ้มกว้าง เธอนึกได้ก็กลัวอาร์ตรู้ความจริงจึงรีบหันกลับไปมองอาร์ตเห็นว่าที่นั่งของอาร์ตว่างเปล่าจุ้มจิ้มงงว่าอาร์ตหายไปตอนไหน
“เดี๋ยวขอพาผู้ป่วยไปพักที่ห้องก่อนนะคะ” พยาบาลบอก
“ค่ะๆ”
พยาบาลเข็นเตียงแม่จุ้5มจิ้มกลับห้อง จุ้มจิ้มเดินจับมือแม่ไปตลอดทางด้วยสีหน้ามีความสุขที่แม่ปลอดภัย
อาร์ตยืนแอบมองอยู่อีกมุม เขายิ้มดีใจที่จุ้มจิ้มมีความสุข
พอลคุยโทรศัพท์ผ่านสมอลล์ทอร์ค
“นายสบายใจขึ้นก็ดีแล้ว..รีบๆรักษาตัวให้หายเร็วๆก็แล้วกัน” พอลฟัง “อ๋อ..ไม่ต้องห่วง...เราเจอวิธีคลายเครียดแล้ว” พอลยิ้มมุมปาก
พอลในชุดนักมวยกำลังวาดขาเตะกระสอบทรายในค่ายมวยดังป้าบๆ
ในห้องทำงานของสาโรจน์ สาโรจน์นั่งประชุมที่โต๊ะ เบื้องหน้าคือบก.หนังสือในเครือทั้ง 5 คนรวมทั้งณัฐ
“ผมยังไม่ได้ตั้งชื่อหนังสือ แต่จะเป็นหนังสือหัวใหม่ที่ส่งออกขายทั่วโลก ผมจะเริ่มจากในเอเชียและยุโรปก่อน คอนเทนต์จะเป็นแบบเดียวกันกับที่วางในไทยแต่แปลเป็นหลายภาษา เพราะฉะนั้นคนที่จะมาดูแลหนังสือเล่มนี้ต้องเป็นคนมีเทสต์สากลไม่ใช่จะจับตลาดไทยอย่างเดียว”
สีหน้าบก.แต่ละคนดูตื่นเต้นกับข่าวใหม่ที่เพิ่งได้รู้ สีหน้าณัฐมีความทะเยอทะยานปรากฏขึ้นมาในแววตา
“งานนี้เป็นความฝันสูงสุดในชีวิตของผม ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายเพราะฉะนั้นคนที่จะมาช่วยผมทำหนังสือเล่มนี้ก็จะได้ผลตอบแทนพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนปกติ...เป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย...คงพอนึกออกนะว่าถ้าส่งขายทั่วโลก ยอดขายจะมากขนาดไหน”
ณัฐตาลุกวาวยิ่งว่าเดิมเมื่อได้ยินเรื่องเงิน สาโรจน์กวาดสายตามองบก.แต่ละคนแล้วพูด
“ผมจะให้โอกาสพวกคุณได้พิสูจน์ตัวเอง ใครมีความสามารถพอก็จะได้ดูแลหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าฝีมือพวกคุณไม่ถึง..ผมก็คงต้องมองหาคนนอกที่มีความสามารถมากกว่า...เอาล่ะ วันนี้แค่นี้ก่อน แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองให้เต็มที่ แล้วผมจะรอดูว่าผลงานใครจะเข้าตาผมมากที่สุด”
สาโรจน์ก้มลงเซ็นต์เอกสารบนโต๊ะต่อ บก.แต่ละคนทะยอยกันออกจากห้อง สาโรจน์เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารแล้วทำหน้าแปลกใจ
“อ้าว!!?”
สาโรจน์เห็นณัฐนั่งยิ้มตาเยิ้มอยู่ที่เดิม
“คือ..ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องโปรเจ็คใหม่ของพี่เท่าไหร่ ขอตามไปคุยรายละเอียดเพิ่มเติมที่บ้านพี่ได้มั้ยครับ”
สาโรจน์มองณัฐอย่างรู้ทันจึงยิ้มหวานใส่ณัฐ
ร้านขายของมือสองอยู่ในตลาดไฟฉาย คนซื้อใช้ไฟฉายในมือส่องดูของ บ้างก็ต่อรองราคากับพ่อค้าอยู่ พอลในชุดกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดมอมๆพร้อมหมวกพรางตัวกำลังนั่งส่องไฟฉายดูของเก่าอย่างเพลิดเพลิน พอลถามข้อมูลเรื่องสินค้ากับพ่อค้า แล้วพอลก็จ่ายเงินให้พ่อค้า
เวลาผ่านไป พอลเดินดูของตามร้านต่างๆอย่างมีความสุข พอลเดินมาหยุดที่แผงริมถนน เขามองไปที่สินค้าที่วางอยู่ซึ่งเป็นเครื่องประดับเก่าๆหลายชิ้น สร้อยลูกปัดโบราณดูเก๋ปนเท่ของผู้หญิงโดเด่นจากสินค้าอื่นๆ พอลนั่งลงแล้วเอื้อมมือไปจะหยิบสร้อย ทันใดนั้นก็มีอีกมือหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาหาสร้อยเหมือนกัน
พอลและมือปริศนาจับสร้อยพร้อมกันจากคนละมุม พอลเงยหน้ามองเจ้าของมือแต่เนื่องจากรอบตัวมืดเขาจึงต้องใช้ไฟฉายส่อง พอลเห็นแสงไฟฉายสาดหน้าอาร์ต
“อาร์ต?”
อาร์ตเห็นแสงไฟฉายสาดหน้าพอลเพราะอาร์ตก็ยกไฟฉายส่องดูพอลเหมือนกัน
“พี่พีท?”
พอลและอาร์ตส่องไฟฉายใส่หน้ากันและกันค้างไว้ อีกมือก็กำสร้อยลูกปัดไว้แน่นทั้งคู่
แก้วชาเย็นกับกาแฟเย็นถูกยกขึ้นชนกัน พอลกับอาร์ตชนแก้วกันอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างถนน
“เต็มที่เลยพี่พีท เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง...แลกกับที่พี่อุตส่าห์สละสร้อยให้ผม”
พอลยิ้มรับแล้วก้มหน้าโซ้ยก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อย อาร์ตกินไปมองพอลโซ้ยก๋วยเตี๋ยวไป
“โห....ไหนพี่ลูกจันเคยบอกว่าพี่ไม่ค่อยกินอะไรเพราะกลัวอ้วนไง”
พอลชะงักก่อนแถ “อ๋อ..ก็..ก็ช่วงนั้นอ้วนไง..เลยต้องระวัง..แต่ตอนนี้ผอมลงแล้ว...เลยกินได้หน่อย”
อาร์ตเหลือบตามองบนโต๊ะ “ไม่หน่อยแล้วมั้งพี่”
อาร์ตเห็นชามอาหารที่พอลกินกองพะเนินเทินทึกอยู่ข้างพอล อาร์ตกับพอลหัวเราะพร้อมกันเพราะขำความกินจุของพอล
“ก็ของกินแถวนี้มันอร่อยทุกอย่างเลยนี่” พอลแก้ตัว
“พี่พีทมาแถวนี้บ่อยเหรอพี่” อาร์ตถาม
พอลพยักหน้า “สมัยเด็กๆมาเดินดูของกับพ่อบ่อยๆ แต่พอไปอยู่ต่างประ..” พอลกำลังจะหลุดพูดว่าต่างประเทศแต่นึกได้เลยชะงัก “เอ่อ...พอโต...ก็ไม่ได้มาเลย”
อาร์ตมองพอลอย่างแปลกใจ “ไม่น่าเชื่อเลยว่าพี่พีทจะชอบของเก่าเหมือนผม”
“ของเก่ามันมีประวัติ มีที่มา พี่ว่ามันมีเสน่ห์กว่าของใหม่นะ” พอลบอก
พอลยิ้มกว้างอย่างดีใจ “แหม..คอเดียวกันแบบนี้วันหลังไปเดินด้วยกันเลยดีกว่าพี่..ผมมีแหล่งลงของเก่าเด็ดๆเพียบ”
พอลยิ้มกว้างตาเป็นประกายที่เจอเพื่อนแล้ว
พอลกำลังไขกุญแจบ้าน ในขณะที่อีกมือถือถุงของเก่าที่เพิ่งซื้อมา ประตูเปิดออก พอลเดินเข้าบ้านที่มืดตึ๊ดตื๋อเข้ามา พอลหันไปล็อคประตูแล้วหันกลับมา
พอลตกใจมาก “เฮ้ย...ผี!!”
พอลเห็นใบหน้าลูกจันขาวว่อกลอยอยู่ในความมืด ลูกจันถือไฟฉายส่องเข้าหน้าตัวเองพอดี
ลูกจันตาถลนอย่างโกรธๆ แต่ไม่กล้าขยับส่วนอื่นของใบหน้าเพราะกลัวหน้าย่น “ชั้นเองย่ะ!!”
พอลสับคัทเอาท์ไฟขึ้น ไฟในบ้านติดพร้อมกัน พอลหันกลับมาแล้วก็สะดุ้งเล็กๆ ลูกจันพอกครีมขาวเต็มหน้ายืนอยู่ข้างหลังพอล
ลูกจันตีแขนพอล “หมั่นไส้..ทำเป็นขวัญอ่อน” ลูกจันพูดอ้าปากน้อยๆ
พอลยิ้มแหยๆ เพราะพอกซะขนาดนี้ไม่ต้องขวัญอ่อนก็กลัวได้
“แล้วไปไหนมาเนี่ยกลับซะดึกเชียะ” ลูกจันถาม
“ไปเดินเล่น” พอลตอบ
“เดินเล่น??..เดินเล่นที่ไหนอะ” ลูกจันสังเกตการแต่งตัวของพอล “อุ๊ยตายๆ แต่งตัวซะแมนเชียวนะยะ...ฮ่า” ลูกจันอ้าปากจะหัวเราะแล้วก็นึกได้จึงเปลี่ยนใจหัวเราะปากเล็กๆแทน “ฮุๆๆ”
พอลส่ายหน้าอย่างสมเพชในความบ้าสวยของลูกจันก่อนจะเดินกลับไปที่โซฟา ลูกจันเดินตามโดยตาเหลือบไปเห็นถุงของเก่าที่พอลซื้อมาวางอยู่ ลูกจันเปิดถุง หยิบของออกมาดู
ของเก่าที่พอลซื้อมาโทรมทุกชิ้น ลูกจันเบ้หน้า “อี๋...”
ลูกจันกรีดนิ้วหยิบของเก่าของพอลลงถุงเหมือนเดิม แล้วเดินหิ้วไปที่ถังขยะ พอลหันไปดูลูกจันแล้วต้องตาเหลือกกับสิ่งที่เห็นเพราะลูกจันกำลังเปิดถังขยะเงื้อมือเตรียมโยนถุงของเก่าลงถังขยะ พอลวิ่งพรวดมากระชากถุงออกไปจากมือลูกจันด้วยความโมโห
พอลกอดถุงของเก่าไว้แน่น “ทำอะไรน่ะ”
ลูกจันงง “อ้าว..ก็แกจะเอาไปทิ้งไม่ใช่เหรอ..โทรมขนาดนี้อย่าบอกนะว่าจะเก็บไว้ใช้ต่อ”
พอลชักฉุน เขาดึงถุงออกจากมือลูกจัน
พอลกอดถุงของเก่าไว้อย่างหวงแหนแล้วพูดห้วนๆ “เพิ่งซื้อมา”
ลูกจันงง “ห๊า...แกซื้อขยะมาทำไมเนี่ย”
พอลหงุดหงิดที่ลูกจันไม่เข้าใจหัวอกคนรักของเก่า
พอลรำคาญ “ช่างฉันเถอะ...แล้ว..นี่ทำไมยังไม่นอน”
ลูกจันพูดด้วยแววตาจริงใจ “ก็แกไม่กลับบ้านซะที..โทรไปมือถือก็ปิด...ฉันนอนไม่หลับหรอก..เป็นห่วงแก”
พอลอึ้งกับคำพูดของลูกจัน เกิดความรู้สึกอบอุ่นแปลกๆวูบขึ้นในใจของเขา แววตาพอลอ่อนลงทันที
พอลพูดเสียงอ่อนลง “แบตหมดน่ะ ไม่คิดว่าจะรอ...ขอโทษนะ”
ลูกจันยิ้มรับแต่ยังเกร็งหน้าอยู่
พอลพูดเสียงอ่อนโยน “ไปนอนเถอะ..ดึกแล้ว”
“อือ...แกก็อย่านอนดึกนะเดี๋ยวหน้าเหี่ยว”
ลูกจันเดินเข้าไปกอดพอล
“กู๊ดไนท์นะแก”
พอลกอดตอบอย่างอ่อนโยน “กู๊ดไนท์”
ลูกจันเดินขึ้นห้องไป พอลยืนมองลูกจันจนลับสายตา รอยยิ้มเอ็นดูผุดขึ้นที่มุมปากของเขาอย่างไม่รู้ตัว
อาร์ตกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ที่โต๊ะ ทันใดนั้นก็มีมือยื่นเงิน 500 บาทให้อาร์ต อาร์ตเงยหน้ามองเห็นจุ้มจิ้มยื่นเงินมาให้
“ค่าแท็กซี่ที่ยืมไปคืนก่อน” จุ้มจิ้มเขินๆที่ต้องขอบคุณคู่แข่ง “ขอบใจนะ”
อาร์ตรับเงินมาแล้วพยักหน้ารับคำขอบใจของจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มหันหลังจะเดินกลับ
“แล้วอย่าลืมล่ะ...ว่ายังติดเลี้ยงข้าวฉันมื้อนึงด้วย”
จุ้มจิ้มหันขวับกลับมาหาอาร์ต
“ก็คืนนั้นฉันเลี้ยงแกแล้วบอกว่าจะให้แกเลี้ยงฉันคืนทีหลังไง” อาร์ตพูดกวนๆ “แต่ไม่เลี้ยงก็ไม่เป็นไรนะ...ไม่ได้คาดหวังว่าแกจะรักษาคำพูดอยู่แล้ว”
จุ้มจิ้มโกรธ “แกจะกินอะไร..เอาเงินไปซื้อเองเลยไป” จุ้มจิ้มเปิดกระเป๋าจะหยิบเงิน
“คืนนั้นฉันพาแกไปเลี้ยงถึงที่ร้าน...ถ้าแกจะเลี้ยงฉันคืน..ก็ต้องพาไปเลี้ยงที่ร้านเหมือนกัน”
จุ้มจิ้มหงุดหงิด “แกจะกินร้านไหน”
อาร์ตทำท่าคิดอย่างจริงจังเว่อร์ “...อือ...ร้านไหนดีน้า...เอ๊....มีร้านไหนหร่อยๆ น้า”
จุ้มจิ้มพยายามสะกดอารมณ์พลางคิดในใจว่าไม่น่าพลาดให้มันเลี้ยงเลย
รู้แล้ว!!!” อาร์ตโพล่งออกมา
“ว่า?”
“ว่า...ยังคิดร้านที่อยากกินไม่ออก...เดี๋ยวคิดออกเมื่อไหร่จะบอก...แกสแตนด์บายรอไว้แล้วกัน”
อาร์ตยักคิ้วกวนๆ ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อเหมือนไม่สนใจจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มหมั่นไส้อาร์ตสุดๆ เธอสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้อง อาร์ตค่อยๆเงยหน้าขึ้นจากงาน เขามองไปทางที่จุ้มจิ้มเพิ่งเดินออกไป แล้วหน้ากวนๆ ของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นอ่อนโยน
อาร์ตพูดเบาๆ “ดีใจด้วยนะที่แม่ปลอดภัย”
อาร์ตยิ้มอบอุ่นแล้วหันหน้าจะมาทำงานต่อ แต่สายตาของเขาดันปะทะกับเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก อาร์ตหุบยิ้มทันควันเพราะสติกลับคืนมา
อาร์ตคิด “เฮ้ยย...เราเป็นไรไปวะเนี่ย..ยิ้มคนเดียว..พูดคนเดียว ห๊า...รึว่า...เราเป็นบ้าไปแล้ว!!”
อาร์ตกลืนน้ำลายเอื๊อก
อุปกรณ์กล้องมากมายวางอยู่บนเตียง พอลกำลังเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ทีละชิ้นพร้อมกับพูด
“Already received your payment . Thank you very much(ได้รับเช็คแล้ว ขอบคุณมากครับ)”
พอลนั่งทำความสะอาดกล้องอยู่บนเตียง พร้อมคุยโทรศัพท์โดยใช้สมอลล์ทอร์ค
“I'm still here in Bangkok. What!!? You want a new perspective of the city? That's interesting...i'll try...bye(อ๋อ.. ตอนนี้ผมอยู่ในกรุงเทพ...อะไรนะ..อยากได้ภาพ"ชีวิตในเมืองกรุง"มุมใหม่ๆเหรอ??..อืม..เป็นโจทย์ที่น่าสนใจ...ผมจะลองดูละกัน..บาย)”
พอลถอดสมอลล์ทอร์คออกจากหูแล้วครุ่นคิดเล็กน้อย พอลหยิบกล้องและอุปกรณ์จัดใส่กระเป๋าด้วยสีหน้ากระตือรือล้นและมีความสุขมาก
อ่านต่อหน้าที่ 4
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 7 (ต่อ)
อาร์ตเดินถืองานไปทางห้องลูกจัน ลูกจันเพิ่งแวะคุยงานกับแซนดี้และอุ่นเรือนแล้วเดินออกมาตามทางเดิน อาร์ตยิ้มกว้างและกำลังจะเดินเข้าไปหาแต่ก็ต้องชะงักที่เห็นจุ้มจิ้มเดินเข้าไปหาลูกจันแล้วยื่นหน้าเข้าไปกระซิบกระซาบบางอย่างกับลูกจันด้วยท่าทางเขินๆ
อาร์ตสงสัยในท่าทางของจุ้มจิ้ม ลูกจันยิ้มกว้าง ตาเป็นประกายและดูพึงพอใจ ลูกจันพยักเพยิดแล้วจูงมือจุ้มจิ้มออกไปจากออฟฟิศผ่านหน้าแซนดี้และอุ่นเรือน อาร์ตเหวอจนอ้าปากค้าง
พอลกำลังตระเวนถ่ายรูปทั่วกรุงเทพโดยย้ายสถานที่ไปเรื่อยๆ มีทั้งขับรถเอง นั่งรถเมล์ นั่งตุ๊กๆ นั่งมอเตอร์ไซค์..ไปจนถึงเดิน เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แสงค่อยๆเปลี่ยนจากสว่างไปจนถึงมืดและสว่างไสวด้วยแสงไฟยามราตรี พอลยังถ่ายไม่หยุดยั้งด้วยสีหน้ามีความสุขกับงานของตัวเอง
อาร์ตกำลังใช้นิ้วเคาะโต๊ะช้าๆ แล้วค่อยๆเร็วขึ้น..เร็วขึ้น..เร็วขึ้น..จนรัว...ทุบโต๊ะปัง อาร์ตผุดลุกขึ้นจากโต๊ะด้วยสีหน้าเครียด เขาเดินไปชะเง้อดูตรงทางเดิน
อาร์ตพูดกับตัวเอง “ทำไมยังไม่กลับอีกวะ?”
อาร์ตหันกลับมาแล้วก็สะดุ้ง เพราะหน้าอุ่นเรือนแทบจะจ่ออยู่ที่ปลายจมูก
“รอใครอ่ะ?” อุ่นเรือนถาม
อาร์ตแถ “เอ่อ...ก็..ก็..พี่ลูกจันไงพี่..เห็นออกไปกับไอ้ทอมตั้งแต่กลางวันแล้ว ทำไมยังไม่กลับซะที”
“อ๋อ..พี่ลูกจันโทรมาสั่งไว้แล้วว่าวันนี้จะออกไปธุระกับจุ้มทั้งวัน..ไม่กลับเข้ามาแล้วจ้ะ”
อาร์ตสงสัย “ธุระ?”
“อืม..” อุ่นเรือนคิด “เอ๊ะ..รึว่าจะพาจุ้มไปเลือกของขวัญ..พรุ่งนี้วันเกิดจุ้มนี่”
อาร์ตทำฟอร์มไม่สนใจ
อุ่นเรือนดูนาฬิกา “ว๊าย...จะ3ทุ่มแล้ว..พี่ไปก่อนนะอาร์ต”
อุ่นเรือนเดินออกไปอย่างเร่งรีบ อาร์ตครุ่นคิดแล้วพึมพำเบาๆ
“วันเกิด?”
อาร์ตถือสร้อยลูกปัดโบราณที่เพิ่งได้มาจากร้านของเก่า เขาเพ่งมองไปที่สร้อยในมืออย่างเคร่งเครียดเหมือนกำลังตัดสินใจเรื่องยิ่งใหญ่ในชีวิต อาร์ตตัดสินใจได้ก็หย่อนสร้อยลงในกล่องของขวัญและกำลังจะปิดกล่อง
แต่แล้วอาร์ตก็ชะงัก เขาตัดสินใจหยิบสร้อยออกจากกล่องมาวางไว้บนเตียง อาร์ตเหลือบตามองสร้อยบนเตียงแล้วหายใจแรงอย่างสู้กับความคิดภายในใจตัวเอง เหงื่อซึมทั่วหน้าอาร์ต อาร์ตพ่นลมหายใจออกปากอย่างแรงแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดหนักหน่วงอย่างตัดสินใจแน่วแน่แล้ว อาร์ตตัดสินใจหยิบสร้อยบนเตียงมาหย่อนลงไปในกล่องของขวัญอีกครั้ง แล้วฝากล่องก็ถูกครอบลงมาบนกล่อง
แม่จุ้มจิ้มที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆลืมตา แม่จุ้มจิ้มเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง แล้วเธอก็ยิ้มกว้างอย่างชื่นใจกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า
แซนดี้กำลังเดินก้มตาก้มตาเดินกินกาแฟพร้อมอ่านหนังสือพิมพ์ เสียงฝีเท้าที่ใส่ส้นสูงเดินสวนมา
“ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก”
แซนดี้เงยหน้ามองแล้วก็ช็อคโดยกาแฟยังยกคาอยู่ที่ปาก จุ้มจิ้มเดินเข้ามาในออฟฟิศแซนดี้ยังช็อคอยู่ในท่าเดิม แล้วแซนดี้ก็เหลียวมองตามอย่างงงๆ หนังสือพิมพ์ในมือตกลงพื้นไม่รู้ตัว
ปีโป้กับพนักงานหญิงสองคนที่กำลังนั่งเมาท์กันอยู่อ้าปากค้างนิ่ง พนักงานชายที่กำลังกดน้ำดื่มเผลอกดค้างจนน้ำไหลนอง พนักงานชายที่เดินนำอยู่ทำเอกสารหล่นพื้น จุ้มจิ้มเก็บเอกสารแล้วสะกิดพนักงานชาย พนักงานชายหันมามองแล้วก็ตาเหลือกและนิ่งไป จุ้มจิ้มยื่นเอกสารให้พนักงานชาย พนักงานชายค่อยๆยื่นมือมารับเอกสารแต่ตายังเหลือกและนิ่งเหมือนเดิม
เสียงก๊องดังขึ้น “ใครเห็นจุ้มมั่งเนี่ย”
ก๊องเดินเหลียวซ้ายแลขวาหาจุ้มจิ้ม
“น้อง..เห็นจุ้มมั่งมั้ย”
ก๊องทำหน้า"เอ๊ะ" ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปพินิจพิจารณา
ก๊องตกใจมาก “เฮ้ย” ก๊องอุทานแล้วนิ่ง
อาร์ตเดินมาจากด้านข้าง เขาก้มหน้าก้มตาผิวปากไปหาของในกระเป๋าไปจนชนกับใครคนหนึ่ง
“ขอโทษครับ.” อาร์ตเงยหน้ามองคนที่ชนในระยะประชิดแล้วก็ตกตะลึง “คุณ“
เสียงลูกจันดังขึ้น “จุ้ม!!”
ลูกจันยืนยิ้มแฉ่งมองจุ้มจิ้มอย่างปลาบปลื้ม อุ่นเรือนที่ยืนข้างหลังยิ้มค้างนิ่งไปอีกคน
ลูกจันเป็นคนเดียวที่ไม่นิ่ง “น่ารักมาก”
จุ้มจิ้มที่แต่งหน้าสวยใสในลุคส์หญิงแท้กำลังยืนยิ้มอายๆ และมีท่าทางไม่มั่นใจในตัวเอง
ทุกคนยืนออจุ้มจิ้มอยู่ นอกจากปีโป้ที่ทำเป็นไม่สนใจแต่สาระแนอยู่ไกลๆ ส่วนอาร์ตแกล้งทำเป็นยืนดูงานอยู่ใกล้ๆ ก๊องแต่ตาล่อกแล่กแอบเหลือบมองจุ้มจิ้มเป็นระยะ
แซนดี้ตื่นเต้น “พี่ลูกจันเป็นสไตลิสต์ให้เองเลยเหรอคะ”
ลูกจันยิ้มภูมิใจ “ช่าย...เมื่อวานเดินกันทั้งวันเลยเนอะจุ้ม” ลูกจันหันไปพยักเพยิดกับจุ้มจิ้ม
จุ้มจิ้มพยักหน้ารับยิ้มๆ “ฮะ”
“โอ๊ย...แต่งตัวเป็นผู้หญิงขนาดนี้แล้ว ยังจะมาฮะอะไรกันอี๊ก...ค่ะน่ะพูดเป็นมั้ย”
“เป็นฮะ..เอ๊ย..เป็นค่ะ”
แซนดี้กับอุ่นเรือนหัวเราะอย่างเอ็นดูจุ้มจิ้ม
“แหม...พอพูดคะพูดขาแล้ว....ดูสวยขึ้นกว่าเดิมอีกนะจุ้ม” อุ่นเรือนชม
จุ้มจิ้มเขิน “ขอบคุณค่ะ”
“แล้วเป็นไง ชินกับส้นสูงรึยัง” ลูกจันถาม
“ชินแล้วฮะ..เอ๊ย..ค่ะ..เมื่อคืนจุ้มหัดเดินทั้งคืนเลยค่ะ...ไม่ยากอย่างที่คิดนะคะพี่ลูกจัน”
ลูกจันหัวเราะ “นี่ไง..สัญชาตญาณผู้หญิงเริ่มมาแล้ว”
ทุกคนหัวเราะตามลูกจัน ปีโป้เบะปากแล้วเดินออกไป ก๊องจ้องลูกจันตาเป็นมัน
ก๊องรำพึงกับตัวเอง “โห..ไม่คิดเลยว่าไอ้..เอ๊ย..น้องจุ้มจะน่ารักได้ขนาดนี้...รู้งี้จีบไปนานแล้ว”
อาร์ตหันขวับไปหาก๊องแล้วทำหน้าโกรธแบบไม่รู้ตัว ก๊องหันไปเห็นอาร์ตก็สะดุ้ง
“อะ..อะไรอาร์ต...จ้องพี่ทำไม” ก๊องงง
อาร์ตเพิ่งรู้สึกตัว “เอ่อ..อ๋อ...คือ..จะถามว่า..แล้วรูปที่พี่บอกว่าจะให้เอาไปแต่งอ่ะ..อยู่ไหน” หน้าอาร์ตยังโกรธอยู่
“อยู่ที่ห้องพี่ไง..เดี๋ยวพี่เอาไปวางให้ที่โต๊ะอาร์ตแล้วกัน” ก๊องจ้องหน้าอาร์ต “เอ่อ..นี่ไม่ได้โกรธอะไรพี่ใช่มั้ย”
“เปล่า..ผมจะโกรธพี่เรื่องอะไร” แต่หน้าอาร์ตยังโกรธ
ก๊องพูดแหยๆ “เออๆ..ไม่โกรธก็ไม่โกรธ”
ก๊องเดินกลับห้องไปอย่างงงๆกับหน้าโกรธๆ ของอาร์ต
อาร์ตมองไปทางจุ้มจิ้มพอเห็นความสวยใสเปล่งประกายระยิบระยับก็ชักเครียด เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆอย่างหงุดหงิด
“ทำไมต้องสวยให้คนอื่นเห็นด้วยวะ!”
มินตราทำหน้าร้าย
“เฮอะ...นังทอมแผนสูง!!”
ปีโป้งง “ยังไงอะ?”
มินตราจ้องหน้าปีโป้ พร้อมถ่ายทอดข้อมูลอย่างมั่นใจ
“อ๊าว...ก็ถ้ายัยจุ้มยังมัวทำตัวเป็นทอมเหมือนเดิม ยังไงซะลูกจันก็ไม่เล่นด้วยเพราะลูกจันไม่ได้ชอบทอม...แต่ถ้าจุ้มเปลี่ยนมาแต่งตัวหญิงๆแบบนี้ลูกจันก็ต้องไว้ใจเพราะคิดว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกัน...ยัยจุ้มก็จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับลูกจันมากขึ้น..ความใกล้ชิดเป็นบ่อเกิดของความรัก...คราวนี้ล่ะกว่าจะรู้ตัวอีกที...ก็เบี้ยนกันไปซะแระ”
มินตราและปีโป้ประสานเสียงหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจในความคิดของตัวเอง อาร์ตนั่งกำแก้วกาแฟแน่นเพราะได้ยินทุกอย่าง เขามีสีหน้าครุ่นคิดและเคร่งเครียดว่าจริงรึเปล่าวะ
อาร์ตเดินครุ่นคิดเข้ามาในออฟฟิศ แล้วก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงแซนดี้
“ต๊าย..เก๋อ่ะ”
อาร์ตเห็นจุ้มจิ้มกำลังจับสร้อยบนคอด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม
ต๋อยชม “เหมาะกับจุ้มมากเลย”
อาร์ตแอบยิ้มดีใจ
“หนุ่มที่ไหนส่งมาให้น้า?” อุ่นเรือนสงสัย
อาร์ตหุบยิ้ม เขาชักร้อนตัวเพราะกลัวคนรู้
“ไม่รู้เหมือนกันฮะ..เอ๊ย..ค่ะ...เห็นร.ป.ภบอกว่ามีมอเตอร์ไซค์เอามาฝากไว้ตั้งแต่ตอนดึกเมื่อคืน” จุ้มจิ้มอาย “เอ่อ..บอกว่ามีผู้ชายจ้างให้เอามาส่ง..” จุ้มจิ้มลังเล “รึว่าเค้าจะส่งผิด?”
“จะผิดได้ไง ก็ร.ป.ภบอกไม่ใช่เหรอว่าเค้าระบุว่าฝากให้คุณจุ้มจิ้ม”
“ค่ะ”
“คงอยากให้เป็นของขวัญวันเกิดจุ้มเนอะ” ต๋อยบอก
จุ้มจิ้มยิ้มอายๆ แลดูอ่อนหวานน่ารัก
“เห็นมั้ย พอสวยปุ๊บ...มีหนุ่มส่งของขวัญมาปั๊บเลย..มัวทำตัวแมนอยู่ตั้งนาน” แซนดี้ว่า
“พี่ว่าไม่ใช่นะ...จุ้มเพิ่งเปิดตัวว่าเป็นหญิงเมื่อเช้า..แต่ของขวัญมารออยู่ตั้งแต่เมื่อคืน....แสดงว่าคนที่ส่งมาให้เค้าต้องรู้สึกดีกับจุ้มมาก่อนแล้ว....” ต๋อยมองหน้าจุ้มจิ้มล้อๆ “ขนาดจุ้มทำห้าวแบบนั้นเค้าก็ยังอุตส่าห์เห็นความน่ารักที่ซ่อนอยู่ได้...เอ๊..ใครกันน้า..ตาถึงจริงๆ”
จุ้มจิ้มเขินจนหน้าแดง ทุกคนหัวเราะอย่างเอ็นดูจุ้มจิ้ม ลูกจันโอบไหล่จุ้มจิ้มอย่างสนิทสนม อาร์ตมองความสนิทสนมระหว่างจุ้มจิ้มและลูกจันอย่างหวาดระแวง
พอลยืนอยู่หน้ากล้องพร้อมด้วยป้าอ้อยและกวาง ข้างๆเป็นพิธีกร ด้านหน้าเป็นโต๊ะวางอุปกรณ์วาดภาพ
พิธีกรพูดกับกล้อง “ค่ะ..และรายได้จากการประมูลรูปของพระนางและผู้กำกับจากละครเรื่อง"เกมร้ายเกมรัก"นี้ เราจะนำไปมอบให้กับองค์กรการกุศลต่างๆนะคะ...” พิธีกรพูดกับกวาง “วันนี้คุณกวางตั้งใจจะวาดรูปอะไรคะ”
กวางพูดแบบแอ๊บมาก “กวางจะวาดรูปเด็กๆค่ะ..เพราะกวางรักเด็ก พวกเค้าคืออนาคตของชาติและเป็นสีสันของโลกค่ะ”
พิธีกรฝืนยิ้ม “เอ่อ..ค่ะ..เป็นคำตอบที่ดู..มาจากใจจริงๆเลยนะคะ” พิธีกรประชดแล้วพูดกับป้าอ้อย “แล้วทางผู้กำกับล่ะคะ วันนี้จะถ่ายทอดเรื่องราวอะไรผ่านทางภาพวาดของตัวเองคะ”
ป้าอ้อยเก๊กแมน “ครับ...ลูกผู้ชายแท้อย่างผมก็คงจะไม่สนใจอะไรมากไปกว่าผู้หญิง รูปที่ผมจะวาดก็จะป็นรูปที่ถ่ายทอดหญิงสาวในจินตนาการของผมออกมาครับ”
พิธีกรกัดลิ้นกลั้นความรู้สึก “อืม..ค่ะ..น่าสนใจมากค่ะ..สำหรับรูปวาดจาก..เอ่อ..ลูกผู้ชายท่านนี้...และก็มาถึงท่านสุดท้ายซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่านอกจากจะมีฝีมือในการเล่นละครแล้ว....”
ป้าอ้อยและกวางแอบเหลือบมองพอลแล้วเบือนหน้ามายิ้มแห้งๆให้กันเพราะจะประชดว่ามีฝีมือมากก!!!
พิธีกรพูดต่อ “เค้าคนนี้ยังมีพรสวรรค์ในการวาดรูปจนกระทั่งระดับอาจารย์ยังเคยเอ่ยปากชม...ใช่มั้ยคะคุณพีท”
พอลยิ้มแหยๆ เพราะรู้อยู่แก่ใจถึงฝีมือวาดภาพอันแสนห่วยของตัวเอง
“เอ่อ..คะ คะ ครับ..แหะๆ”
“แหมอยากเห็นรูปฝีมือคุณพีทไวๆซะแล้ว...ถ้างั้น..เราเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ”
ป้าอ้อยกับกวางกระตือรือล้นหยิบอุปกรณ์วาดภาพ พอลยืนอึ้งเหงื่อแตกพลั่กเพราะไม่รู้จะวาดยังไง
เวลาผ่านไป พิธีกรพูดกับกล้อง “เรายังอยู่กับรายการถ่ายทอดสด รวมใจคนบันเทิงเพื่อสร้างบุญบารมีนะคะ...หลังจากที่ตัดเข้าไปทางสถานีแล้ว ทาง 3 คนบันเทิงจากเกมร้ายเกมรักของเราก็ขะมักขะเม้นสรรค์งานศิลป์กันใหญ่..เพื่อจะได้ยอดประมูลสูงๆเข้าองค์กรการกุศลต่อไป...ตอนนี้พวกเค้าพร้อมแล้วค่ะที่จะโชว์ผลงานให้คุณผู้ชมได้รับชมและประมูลกันเข้ามา เริ่มจากงานของผู้กำกับก่อนเลยค่ะ”
ป้าอ้อยยืนยิ้มอย่างภาคภูมิใจก่อนจะหมุนรูปในมือเข้าหากล้อง “นี่ครับ”
ภาพฝีมือป้าอ้อยเป็นรูปนางในวรรณคดีที่หน้าเหมือนป้าอ้อยมาก พิธีกรเหวอไปเลย
“...เอ่อ......”
ป้าอ้อยฉีกยิ้มรอคำชมจากพิธีกร ตากล้องพยายามส่งซิกซ์ให้พิธีกรพูดต่อ
พิธีกรยิ้มแหยๆ “เอ่อ..เป็นภาพวาดผู้หญิงที่..สะ สวยมาก...นะคะ...” พิธีกรพูดกับกล้อง “เอ่อ..เราไปชมภาพของคุณกวางต่อเลยดีกว่าค่ะ”
กวางยิ้มหวานก่อนจะค่อยๆยื่นรูปไปที่หน้ากล้องเป็นรูปเด็กน่ารักๆต่างสีผิว
“โอ้โห..น่ารักมากเลยค่ะ..คิดว่าคุณผู้ชมทางบ้านหลายท่านคงเตรียมยกหูโทรศัพท์ประมูลภาพนี้แล้ว...แต่ใจเย็นๆค่ะ เพราะเรายังมีภาพวาดแสนสวยจากฝีมือของพระเอกชื่อดังอย่างคุณพีทรออยู่อีกภาพหนึ่งค่ะ”
พิธีกรหันไปฉีกยิ้มให้พอลเพื่อส่งสัญญาณให้หยิบรูปมาโชว์ พอลยังยืนนิ่งไม่ติงไหว เขาหน้าเจื่อน ไม่ยอมเอารูปขึ้นมาโชว์ พิธีกรส่งสัญญาณหนักขึ้น ทั้งใช้ตาจิก ทั้งพยักเพยิดให้เปิดรูปโชว์
พอลแอบส่ายหัวเบาๆ พร้อมส่งสายตาปฏิเสธพิธีกรก่อนจะกำรูปในมือแน่น พิธีกรทนไม่ไหวเอื้อมมือไปหยิบรูปจากมือพอล พอลยื้อไว้ พิธีกรยื้อกลับอยู่ไปมา พิธีกรกับพอลปากฉีกยิ้มแต่มือแย่งรูปกันอย่างหนักหน่วง
พิธีกรดึงอย่างแรงจนรูปหลุดติดมือมา
พิธีกรดีใจปนเหนื่อย “ได้แล้วค่ะ..และนี่คือภาพวาดจากฝีมือพระเอกค่ะ...สวยงา..” พิธีกรก้มมองภาพแล้วก็ตะลึงไป “.....เอ่อ...”
พิธีกร ป้าอ้อย กวาง และทีมงานตะลึงอ้าปากค้างเพราะภาพวาดฝีมือพอลห่วยมากก พอลยิ้มแหยๆ อย่างจ๋อยสุดตัว
รูปช้างฝีมือพอลถูกโยนไปที่ท้ายรถเพราะไม่มีใครประมูลเลย พอลนั่งหน้าตูมอยู่หลังพวงมาลัยด้วยความอับอายมาก
พอลรำพึงเสียงเกเร “แน่จริงให้ถ่ายรูปแข่งกันดิวะ!”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอลเอื้อมมือไปหยิบมาดูชื่อแล้วก็อมยิ้มเล็กๆ ก่อนกดรับ
พอลฟัง “เสร็จแล้ว...อือ...ได้..ร้านเดิมใช่มั้ย..โอเค”
พอลเข้าเกียร์แล้วขับรถออกไป
อาร์ตกำลังร้องเพลงอย่างเต็มที่ราวองค์พี่หนุ่ยลง
“เอาไปเลย เอาไป เอาไป เอาไปได้เลย....เอาไปเลย เอาไป ใจเราเอาไปได้เลย.....”
อาร์ตร้องไปแอบมองจุ้มจิ้มไป
“...เป็นเพราะรู้ว่าเธอจริงใจ ไม่เคยมีใครอย่างนี้...เอาไปเลยดวงใจเราเอาไปเลย...”
จุ้มจิ้มหันมาสบตากับอาร์ตพอดี อาร์ตสะดุ้งเพราะไม่ทันได้เตรียมใจ เขารีบเหวี่ยงสายตาหนีไปทางแซนดี้
“.....ให้ไปเลย....”
แซนดี้กรี๊ด “กรี๊ด...เท่มากอ่ะอาร์ต”
อาร์ตยิ้มหน้าหล่อใส่แซนดี้แต่ตาแอบเหล่ไปทางจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มหมั่นไส้จึงทำหน้าแหวะ แล้วหันไปเอาใจลูกจันต่อ
“พี่ลูกจันเติมน้ำอีกหน่อยนะคะ”
จุ้มจิ้มกุลีกุจอรินน้ำให้ลูกจัน แซนดี้ก็กุลีกุจอส่งแก้วเหล้าให้อาร์ต อาร์ตรับแก้วไปดื่ม แต่ตาเหลือบดูพฤติกรรมจุ้มจิ้มอย่างเครียดๆ เพราะมั่นใจว่าจุ้มจิ้มเป็นหญิงแค่เสื้อผ้าแต่ใจยังเป็นทอมอยู่ ยิ่งคิดยิ่งเครียดจนอาร์ตต้องลุกขึ้นยืน
แซนดี้ถาม “ไปไหนอ่ะอาร์ต”
“เอ่อ..ไปห้องน้ำครับ..เดี๋ยวมา”
อาร์ตเหลือบตามองไปทางจุ้มจิ้มอีกครั้งก่อนเดินออกจากห้องไป แซนดี้กับอุ่นเรือนและต๋อยช่วยกันร้องเพลง
“...ก็ความรักของเรายังดีอยู่ใช่ไหม...”
ลูกจันกับจุ้มจิ้มนั่งโยกตัวตามอย่างสนุกสนาน
พอลเดินเข้ามา ลูกจันลุกขึ้นไปจูงมือพอลมานั่งที่โต๊ะ
“วันนี้วันเกิดจุ้ม อวยพรเร็ว” ลูกจันบอก
พอลหันไปมองจุ้มจิ้มแล้วยิ้มเอ็นดู “โห..วันนี้เป็นสาวสวยซะเกือบจำไม่ได้เลยจุ้ม...แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะ”
“ขอบคุณค่ะ” จุ้มจิ้มยิ้มหวาน
จุ้มจิ้มชงเครื่องดื่มให้พอล “นี่ค่ะพี่พีท”
พอลรับแก้ว “ขอบคุณครับ....”
พอลเห็นสร้อยที่จุ้มจิ้มใส่อยู่ “..เอ๊ะ!!”
“เอ๊ะอะไรยะ?” ลูกจันถาม
“เอ่อ...สร้อยจุ้มสวยดีนะ”
จุ้มจิ้มก้มลงมองสร้อยที่คอแล้วยิ้มเขินๆ
“ขอพี่ยืมดูใกล้ๆหน่อยได้มั้ยจุ้ม”
“ได้ค่ะ”
จุ้มจิ้มแกะสร้อยออกจากคอแล้วส่งให้พอล พอลรับมามองอย่างพินิจพิจารณาแล้วขมวดคิ้วเพราะจำได้
“รีบดูแล้วรีบคืนจุ้มไปนะยะ นี่มันของพิเศษของจุ้มเค้าน้า” ลูกจันทำหน้าแซวจุ้มจิ้ม
จุ้มจิ้มหน้าแดงเพราะอายมาก
“ใครให้มาเหรอจุ้ม” พอลถาม
จุ้มจิ้มอาย “ก็..ไม่รู้เหมือนกันค่ะ..เค้าฝากไว้ที่ร.ป.ภ”
อาร์ตเดินกลับเข้ามาพอดี เขาเห็นพอลกำลังถือสร้อยอยู่ในมือก็ถึงกับหน้าซีด
“พี่พีท!!”
พอลพูดกับจุ้มจิ้มด้วยเสียงดังกว่าปกติเพราะจงใจให้อาร์ตได้ยิน “อ๋อ...สร้อยจากหนุ่มนิรนาม”
พอลหันหน้ามามองอาร์ตด้วยสายตาและรอยยิ้มบอกให้รู้ว่าจับได้
อาร์ตจ๋อยที่ถูกพอลจับได้ว่าแอบชอบทอม เขาพยายามส่งสายตาวิงวอนไม่ให้พอลแฉความจริง
จุ้มจิ้มกำลังนั่งยิ้มอย่างมีความสุขอยู่หน้าเค้กก้อนใหญ่ ท่ามกลางเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์จากทุกคนที่ยืนอยู่รายล้อมอยู่ข้างหน้า
“แฮ๊ปปี้เบิร์ธเดย์ทู๊ยู.....”
“อธิษฐานก่อนเป่าเค้กนะจุ้ม”
จุ้มจิ้มหลับตาแล้วรำพึง “ขออะไรดีน้า”
“เป็นสาวแล้ว...ขอให้เจอเนื้อคู่เล๊ย”
จุ้มจิ้มอมยิ้ม ในใจแอบขอให้เจอเนื้อคู่ตามคำแนะนำ พอลเหลือบตามองไปข้างหลังก็เห็นอาร์ตยืนอาศัยใช้พอลบังอยู่ พอลอมยิ้มเจ้าเล่ห์ จุ้มจิ้มอธิษฐานเสร็จ กำลังค่อยๆลืมตา พอลทำเป็นก้มตัวลงผูกเชือกรองเท้ากะทันหันกะเปิดทางให้หน้าอาร์ตเข้ามาแทนที่
จุ้มจิ้มเห็นอาร์ตยืนตาเยิ้มอยู่ตรงหน้าพอดีหลังจบคำอธิษฐาน จุ้มจิ้มและอาร์ตมองตากันอย่างตกตะลึง
อาร์ตซ่อนความรู้สึกไม่ทัน แววตาของเขาเปิดใจจนหมดเปลือก จุ้มจิ้มรู้สึกแปลกๆจนต้องหลบตาอาร์ต คนอื่นๆอลหม่านกับการตัดเค้กแจกจนไม่ได้สนใจอาการของอาร์ตและจุ้มจิ้ม พอลแอบดูอาการทั้งคู่แล้วแอบยิ้มอย่างภูมิใจ
ทุกคนกำลังยืนส่งต๋อย แซนดี้ และอุ่นเรือนขึ้นรถแท็กซี่ ต๋อย แซนดี้กับอุ่นเรือนบ๊ายบายก่อนรถออก จุ้มจิ้มทำท่าจะโบกแท็กซี่คันต่อไป
พอลถาม “ทำอะไรจุ้ม”
“เรียกแท็กซี่ค่ะ”
“อย่าเลย..วันนี้จุ้มแต่งตัวเป็นผู้หญิงขนาดนี้ กลับแท็กซี่คนเดียวอันตราย” พอลหันไปทางอาร์ต “อาร์ตอยู่ทางเดียวกับบ้านจุ้มไม่ใช่เหรอ”
อาร์ตมองพอลงงๆ พอลขยิบตาส่งซิกซ์ให้อาร์ต อาร์ตเพิ่งจะเก็ท
“อ๋อ....ใช่ครับพี่”
“งั้นฝากอาร์ตแวะไปส่งจุ้มที่บ้านด้วยนะ” พอลบอก
อาร์ตทำฟอร์มเฉยๆ ไม่กระตือรือล้น “ก็..ก็ได้พี่”
จุ้มจิ้มจะปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ..เดี๋ยว..”
ลูกจันขัดขึ้น “ไปเถอะจุ้ม พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง...รึจะให้พี่แวะไปส่งจุ้มเองก็ได้”
จุ้มจิ้มเกรงใจ “ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ลูกจัน จุ้มไปกับไอ้..เอ่อ..ไปกับอาร์ตก็ได้ค่ะ...ขอบคุณมากนะคะที่เลี้ยงวันเกิดให้จุ้ม”
ลูกจันยิ้ม “ไม่เป็นไร” ลูกจันดึงจุ้มจิ้มมากอดด้วยความเอ็นดูเหมือนน้องสาว “มีความสุขมากๆนะจุ้ม”
อาร์ตมองลูกจันกอดกับจุ้มจิ้มอย่างไม่ค่อยสบายใจ จุ้มจิ้มเห็นอาร์ตหน้าเครียดก็คิดว่าอาร์ตหึงลูกจันเลยยักคิ้วเย้ยทำนองถือไพ่เหนือกว่า อาร์ตหมั่นไส้เหลือเกิน
จุ้มจิ้มนั่งซ้อนท้ายฮาเลย์จิ๋วของอาร์ตเรียบร้อยแล้ว ลูกจันกับพอลยืนรอส่งอยู่
“บ๊ายบายค่ะ”
อาร์ตหันไปมองพอลแล้วยิ้มให้กันอย่างลูกผู้ชายที่เข้าใจกัน
“ขอบคุณมากครับพี่พีท”
พอลยักคิ้วให้อย่างอย่างรู้กัน “ไม่มีปัญหาน้อง”
อาร์ตยิ้มให้พอลและลูกจันก่อนสตาร์ทรถออกไป
ฮาเลย์แล่นไกลออกไป พอลอมยิ้มด้วยความดีใจที่ได้มีส่วนช่วยอาร์ต พอลหันกลับมาแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นลูกจันยืนเท้าสะเอวมองอยู่
ลูกจันทำหน้าจับผิด “ยิ้มไรยะ?”
พอลหลบตา “เปล๊า”
“ก็เห็นอยู่ว่ายิ้ม..ยังจะเปล่าอีก...” ลูกจันคิด “รึว่า...อย่าบอกนะว่าแกชอบอาร์ต”
พอลขำ “บ้า”
“ฉันก็ว่าอาร์ตไม่น่าใช่สเป็คแกนะ..” ลูกจันคาดคั้นต่อ “แล้วแกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทำไม”
“ก็..ก็คืนนี้สนุกดี..ก็มีความสุขก็ยิ้ม..ไม่ได้รึไงยะ?” พอลแกล้งทำแต๋วใส่
ลูกจันหัวเราะขำ “ฉันก็ว่าคืนนี้หนุกดี..วันหลังหาเรื่องมากันอีกบ่อยๆ เนอะ”
พอลหันไปพยักหน้ากับลูกจันยิ้มๆ
“เออ..ว่าแต่แกรู้ได้ไงอ่ะว่าอาร์ตกับจุ้มบ้านอยู่ทางเดียวกัน”
พอลหุบยิ้มกะทันหัน เขาคิดในใจว่าจะอยากรู้อะไรกันนักหนา???
“เอ่อ...ก็...เดาไง!!”
พอลรีบเดินนำไปที่รถก่อนที่ลูกจันจะสงสัยอะไรไปมากกว่านี้
ลูกจันรำพึงงงๆ “เดาแม่นเกิ๊น!”
อ่านต่อตอนที่ 8