รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 16
หลังจากจ่ายตลาดเรียบร้อยแล้ว คุณยายวรางค์กับหนุงหนิง ก็เดินออกมาที่หน้าตลาด ทันใดนั้นโจรที่ซุ่มรออยู่ ก็วิ่งมากระชากกระเป๋า จนคุณยายวรางค์เสียหลักล้ม หนุงหนิงรีบเข้าไปประคอง
“ช่วยด้วย โจรวิ่งราว”
โจรวิ่งหนีไปอีกทาง ทันใดนั้นก็ภาคย์วิ่งออกมาขวางหน้า
“หยุดนะ”
ภาคย์ดึงตัวโจรไว้
“ไม่ใช่เรื่องของแก อยากเป็นพระเอกนักเหรอ”
ทั้งสองบู๊กันอุตลุต จนโจรพลาดท่าเสียที คุณยายวรางค์กับหนุงหนิงตามมาทันเห็นเหตุการณ์ ภาคย์ทำทีเป็นมองไม่เห็นทั้งคู่ แล้วหันไปตวาดโจร
“เอากระเป๋าคืนมา”
“เขาเป็นอะไรกับแก”
“เปล่า แกเองก็ดูเป็นคนดี ถ้าฉันเดาไม่ผิด แกคงมีความจำเป็นใช่ไหมถึงต้องทำแบบนี้”
โจรก้มหน้า
“ใช่ ลูกฉันไม่สบาย หมอบอกถ้าอยากให้หายต้องใช้ยานอกบัญชี มันแพงมาก”
ภาคย์ตบบ่าโจร พลางหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา ส่งเงินทั้งหมดให้โดยไม่ได้สนใจนับ
“ฉันมีแค่นี้ เอาไปช่วยลูกแกเถอะ”
โจรมองภาคย์แบบไม่เชื่อสายตา น้ำตาคลอ
“คุณ”
“เอาไปเถอะ”
“ขอบคุณมาก”
โจรยกมือไหว้ขอบคุณ พลางคืนกระเป๋าให้ ภาคย์ทำทีเป็นเพิ่งเห็นคุณยายวรางค์
“อ้าว คุณยายตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย นี่ครับกระเป๋าคุณยาย”
ภาคย์คืนกระเป๋าให้ “คุณยายคงไม่โกรธผมนะครับ”
“จะโกรธเรื่องอะไรล่ะ ต้องขอบใจซะมากกว่า”
“ผมปล่อยคนร้ายไป”
คุณยายวรางค์ยิ้มอย่างใจดี “ฉันเห็นด้วยกับเรื่องที่เธอทำ”
ภาคย์ยิ้มให้
“ขอบคุณครับ งั้นผมไปก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวสิ เจ็บมากมั้ย ฉันเห็นเธอโดนไปไม่น้อยเหมือนกัน”
ภาคย์ส่ายหน้า“ไม่เป็นไรครับ ไกลหัวใจ”
หนุงหนิงเดินมาดูหน้าภาคย์ใกล้ๆ
“คุณยายขา เลือดเขาออกเต็มเลยค่ะ”
คุณยายวรางค์มองตาม เห็นที่มุมปากของภาคย์เลือดไหล
“ไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ”
“อย่าเลยครับแผลแค่นี้”
“งั้นไปที่บ้านฉันทำแผลก่อนนะ”
ภาคย์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
คุณยายวรางค์จัดแจงทำแผลให้ภาคย์จนเรียบร้อย
“ขอบคุณมากครับ”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบใจเธอ ถ้าไม่ได้เธอช่วยฉันคงไม่ได้กระเป๋าคืนแน่”
ภาคย์แกล้งตีหน้าซื่อ
“พ่อผมสอนเสมอครับว่าถ้าเจอคนเดือดร้อน อะไรที่เราช่วยได้เราก็ต้องช่วย”
“คนเดือดร้อนที่เธอช่วยในวันนี้น่ะไม่ใช่ฉันหรอกนะ แต่เป็นโจรนั่นต่างหาก เธอพูดให้เขากลับตัว กลับใจโดยไม่แก้แค้นเอาคืนทั้งที่เขาทำร้ายเธอ แสดงว่าเธอเป็นคนมีจิตใจดีน่าชื่นชม”
ภาคย์ก้มหน้าเขิน
“แหม คุณยายก็พูดจนผมเขินเลยครับ ผมไม่ได้อะไรมากหรอกครับ อาจจะปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เด็ก ธรรมะของพระพุทธเจ้าเลยซึมซับเข้าไปในจิตใจโดยผมไม่รู้ตัว”
คุณยายวรางค์มองภาคย์ ด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความชื่นชมมากขึ้น
“ว่าแต่เธอชื่ออะไรเนี่ย”
“ผมชื่อภาคย์ครับ”
“ฉันชื่อวรางค์ เธออยู่แถวนี้เหรอ”
“เปล่าครับ แวะมาทำธุระน่ะครับ”
คุณยายวรางค์ยิ้ม พลางยกถาดใส่ยาไปเก็บ ภาคย์ลุกขึ้นเดินดูของในตู้โชว์ คุณยายวรางค์เก็บของเสร็จ เดินออกมา เห็นภาคย์ยืนนิ่งตรงหน้ารูปถ่ายใบหนึ่งที่ติดที่ข้างฝา เป็นรูปคู่ของวรางค์กับวนิษา
“ไง ตะลึงความสวยของฉันเหรอจ๊ะ”
“เอ่อ ครับ”
คุณยายวรางค์หัวเราะเบาๆ
“ทำเป็นเขิน จะบอกให้ว่าคนซื่อสัตย์มักจะได้รางวัลจากสวรรค์นะจ๊ะ”
ภาคย์จนอายหน้าแดง
“คือผมไม่ปิดคุณยายหรอกครับ ผมแค่ถูกใจในความสวยน่ารักของผู้หญิงคนนี้น่ะครับ ดวงตาของเธอ ทำให้ผมรู้สึกว่าโลกหยุดหมุนกะทันหัน ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยครับ”
“อยากรู้จักคนในรูปไหมล่ะ”
ภาคย์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปฎิเสธ “ไม่อยากครับ”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“แค่เห็นรูปถ่ายผมยังใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถ้าเจอตัวจริงมีหวัง หัวใจวายตายแน่”
“อะไรกัน ทำไมเธอถึงขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ ตอนสู้กับไอ้โจรยังดูกล้าหาญชาญชัยนี่”
“แต่ผมกลัวว่าเธอจะมีเจ้าของแล้ว”
คุณยายวรางค์มองภาคย์อย่างเอ็นดู “อ้อ ที่แท้ก็กลัวอกหักนี่เอง”
“ผมเคยอกหักมาแล้ว ตั้งแต่นั้นมาผมก็สาบานกับตัวเองว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก”
ภาคย์แกล้งตีหน้าเศร้า
ภาคย์ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป คุณยายวรางค์มองตาม พลางถอนใจเบาๆ หนุงหนิงได้โอกาสรีบเดินมาสมทบ
“คุณยายมองตามแบบนี้ คุณยายสงสารเขาเหรอคะ”
“แอบฟังคนอื่นคุยกันอีกแล้วใช่มั้ย”
หนุงหนิงหัวเราะแหะ
“เผอิญว่าต่อมเผือกของหนุงหนิงมันควบคุมไม่ค่อยอยู่น่ะค่ะ เออ ว่าแต่คุญยายไม่สงสัยอะไรเลยเหรอคะ”
“อะไร” คุณยายวรางค์ย้อนถาม
“ตอนที่คุณเขาช่วยจับโจร มันดูเตี้ยมๆกันเหมือนในละครยังไงไม่รู้นะคะ”
คุณวรางค์มองค้อนหนุงหนิง
“เธอนี่นิสัยไม่ดี คนเขามีน้ำใจ ยังไปเหน็บแนมเขาอีก ผู้ชายดีๆแบบนี้น่ะหายากออก”
คุณยายวรางค์พูดถึงภาคย์อย่างชื่นชม ในขณะที่หนุงหนิงดูคลางแคลงใจ
ภาคย์ขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาตามทาง จู่ๆ โจรที่กระชากกระเป๋าคุณยายวรางค์ ก็กระโดดกางแขน ขวางกลางถนน ภาคย์เบรกรถเอี๊ยด
“จะบ้าเหรอ แกโผล่มาทำไมวะ”
ภาคย์หันมองรอบๆ กลัวมีคนมาเห็น พลางรีบพาโจรเข้าข้างทาง
“ไม่ได้บ้าครับ แต่กลัวไม่ได้เงิน”
ภาคย์ส่ายหน้า
“ทุเรศ งกไม่เข้าเรื่อง ฉันไม่เบี้ยวแกหรอกน่า รอให้มันปลอดภัยก่อนสิวะ”
“นี่ก็ปลอดภัยแล้ว จ่ายมาเถอะครับ”
ภาคย์หยิบเงินออกมาสามพันส่งให้โจร
“เมื่อกี้ฉันให้ไปแล้วสองพัน นี่อีกสาม รวมเป็นห้าพัน ถูกต้องนะ”
“ขอบคุณครับ ลูกพี่”
“แพงว่ะแต่แอ็คติ้งขั้นเทพคุ้มราคา ไว้มีอะไรจะเรียกใช้ใหม่โว้ย ขอบใจมาก”
โจรยิ้ม แล้ววิ่งไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไป ภาคย์มองรอบๆอีกครั้ง เมื่อไม่มีใครเห็น ก็คลายใจลง
อ่านต่อหน้า 2
รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 16 (ต่อ)
วนิษา กับคุณยายวรางค์และหนุงหนิง มานั่งทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“เธอดูดีขึ้นเยอะเลยนะ เลิกใช้ยานอนหลับแล้วใช่ไหม”
“วนิไม่ได้ใช้อีกเลยค่ะ”
คุณยายวรางค์ยิ้ม
“ดีแล้วล่ะ เอ่อ ทำไมไม่ชวนหนูปลายฝนมาด้วยล่ะ”
“เขาบอกจะออกไปหาเพื่อนค่ะ”
“อีกหน่อยปลายฝนก็คงมีแฟน เหลือเธอคนเดียว ไม่เหงาบ้างเหรอ”
“ก็อาจจะเหงาบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องเล็ก”
หนุงหนิง รีบพูดแทรกทันที
“ค่ะ เหงาเรื่องเล็ก แต่เปล่าเปลี่ยวน่ะเรื่องใหญ่”
“ทะลึ่งอีกแล้ว” คุณยายวรางค์ทำเสียงดุใส่หนุงหนิง พลางหันมาทางวนิษา “แต่หนุงหนิงพูดก็มีส่วนถูกนะ”
หนุงหนิงพูดต่อ
“ยิ่งถ้าปล่อยให้เปล่าเปลี่ยวนานๆ มันอาจจะกลายเป็นหิวโหยและโหยหา”
“ไหนบอกว่าหิว เอาข้าวตักใส่ปากไปซะ จะได้ไม่ต้องพูดมาก”
หนุงหนิงทำกระฟัดกระเฟียด “คุณยายอ่ะ”
วนิษายิ้ม เพราะเดาใจคุณยายวรางค์ออก
“คุณยายห่วงกลัวหนูจะไม่มีแฟนเหรอคะ”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แค่อยากให้เธอคิดเรื่องนี้บ้าง คือเมื่อก่อนยายเห็นเธอจมอยู่กับเรื่องดวงร้ายๆของตัวเองจนไม่กล้าคิดเรื่องความรัก แต่ตอนนี้วนิก็รู้ความจริงแล้วนี่ ว่าเรื่องแย่ๆมันเกิดจากดวงตัวซวยของคนอื่น
ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอควรจะเรียกความมั่นใจในตัวเองกลับมามีความสุขได้แล้ว”
วนิษาพยักหน้าช้าๆ ดวงตาเริ่มมีประกาย
“มีใครเข้ามาในชีวิตมั่งหรือเปล่าล่ะ”
วนิษาหัวเราะกลบเกลื่อน
“ไม่มีหรอกค่ะ หรือคุณยายมี”
“ยังไม่มีเหมือนกัน แต่เดี๋ยวจะดูให้ ยังไงเธอก็เอาที่ยายพูดไปคิดด้วยล่ะ วนิ เปิดตัวเปิดใจหน่อยนะ
ยายอยากเห็นหลานมีความสุข”
“ค่ะ”
วนิษารับคำ ในใจคิดไปถึงใครบางคน
วนิษาขับรถมาส่งวรางค์กับหนุงหนิง แล้วขับรถออกไป
“คุณยายทำไมไม่บอกตรงๆล่ะคะว่าจับคู่คุณวนิกับคุณภาคย์คุณแพร่ดอะไรนั่น”
คุณยายวรางค์ยิ้ม “ของอย่างนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป”
“ตอนแรกหนุงหนิงนึกว่าคุณยายจะเชียร์นักสืบที่ชื่อโจซะอีก”
“เอาจริงๆแล้วฉันก็จะไม่เชียร์ใครหรอกนะ แค่แนะนำผู้ชายดีๆให้เขา ส่วนเขาจะเลือกใครก็แล้วแต่เขา”
“งั้นหนุงหนิงคอยเก็บตกแล้วกันค่ะ ถ้าเป็นไปได้ หนุงหนิงขอคุณภาคย์แล้วกัน”
“ทำไมล่ะ ไม่ชอบโจเหรอ” คุณยายวรางค์ย้อนถาม
“หนุงหนิงชอบโจมากกว่า ไม่ชอบคนชื่อภาคย์ แต่หนุงหนิงยอมเสียสละเอาของอร่อยให้คุณวนิ
หนุงหนิงกินของเน่าๆเองค่ะ”
“ว่าแต่ของเน่าๆเขาจะยอมให้เธอกินรึเปล่าเถอะ”
หนุงหนิง ยักไหล่
“ถ้าหยิ่งนักไม่กินก็ได้ค่ะ หนุงหนิงไม่ง้อ แต่ไม่รู้คุณวนิจะเลือกใครนี่น่ะสิคะ”
ป๋องเข้ามาในบ้านโจ ใส่ชุดดำรัดกุม มีขีดดำทาหน้า ในขณะที่โจสวมชุดธรรมดาๆ กำลังเตรียมตัวอยู่
พอหันมาเจอป๋อง ก็ถึงชะงัก พลางมองหัวจรดเท้า
“แกจะไปไหนเนี่ย”
“อ้าว ก็บุกสลัมอันตรายไงครับ”
โจหัวเราะขำ
“แกดูหนังมากไปรึเปล่า แต่งตัวแบบนี้คงโดนกระทืบตั้งแต่ลงจากรถแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ แต่งธรรมดาๆแบบฉันนี่แหละ”
ป๋องหน้าเหวอ “อ้าว ผมจะไปรู้เหรอ”
ป๋องบ่นพึมพำ พลางถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงขาสั้น รื้อๆแถวนั้นหยิบเสื้อผ้าที่กองๆไว้ออกมา ยังไม่ทันสวม ปลายฝนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ป๋องเห็นก็ตกใจ รีบหยิบหนังสือใกล้ตัวมาบังเป้าไว้ก่อน
“เฮ้ย”
ปลายฝนมองป๋อง
“เป็นอะไรของนาย นี่เห็นฉันเป็นผีหรือไง”
“ก็ฉันโป๊อยู่ เธอหันไปทางอื่นก่อน”
ปลายฝนมองที่เป้าป๋องตาเขม็ง
“มองอะไรของเธอ”
“อ่านหนังสือแบบนี้ด้วยเหรอ”
ป๋องก้มลงมอง เห็นหน้าปกหนังสือ เป็นสาวแต่งหวิว ก็รีบโยนทิ้ง
“ไม่ใช่ นั่นของพี่โจ”
โจหันขวับมาทันที
“เดี๋ยวโดนเตะ อ่านหนังสือโป๊ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่อ่านแล้วไม่กล้ารับเป็นเรื่องเลวทราม”
ปลายฝนหัวเราะคิก แล้วหยิบหนังสือขายหัวเราะหันมาทางป๋อง ก่อนที่จะปิดตา ยื่นหนังสือให้
“เอ้า ของนายน่ะเอาเล่มแค่นี้ก็ปิดมิดแล้ว”
“หยามกันนี่กว่า เล่มแค่นี้ไม่พอหรอกมันต้องกางด้วย”
ป๋องกางหนังสือออก ปิดเป้า ปลายฝนหัวเราะคิกๆ แล้วรีบวิ่งหนีออกไปนอกห้อง
ป๋องแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็โวยวายกับโจ
“พี่ยอมให้ปลายฝนไปด้วยได้ไงเนี่ย พี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่ามันอันตรายมากเลย”
“ก็เขาอยากไปด้วย อุตส่าห์มาหาฉันถึงที่นี่ ฉันปฏิเสธไม่ลงว่ะ”
“ทำไมอยู่ดีๆกลายเป็นคนใจอ่อนขึ้นมาซะงั้น เอาใจเขาอย่างนี้ จะให้เขาช่วยเชียร์ใช่มั้ย"
“เชียร์เรื่องอะไรเหรอ” ปลายฝนรีบถาม
“ก็พี่โจเขาชอบ”
ป๋องพูดไม่จบ โจก็ดีดยางลบบนโต๊ะเข้าปากพอดี ป๋องหันไปถุย
“ปลายฝนอย่าไปสนใจป๋องมัน” พลางหันมาพูดกับป๋อง “ที่ฉันให้ปลายฝนไปด้วยเพราะคิดว่า
จะเป็นประโยชน์กับการทำงาน ส่วนเรื่องอันตราย ฉันไปคุมเกมด้วย ไม่ต้องห่วง ถ้าแกไม่พอใจก็ไม่ต้องไป จะเอาไงไปมั้ยไป”
“ไปครับ”
“จบนะ”
“ยังค่ะ” ปลายฝนรีบท้วง “ป๋อง เมื่อกี้นายจะพูดว่าอะไร พี่โจชอบใคร เขาชอบฉันเหรอ”
“ไปกันใหญ่แล้ว บอกให้จบก็จบ”
ปลายฝนยังคาใจ โจรีบตัดบท “ไปๆ”
โจเดินมาเปิดประตูรั้ว แต่พอเห็นรถวนิษาวิ่งมาจอด ก็ตกใจรีบผลุบเข้ามาในบ้าน พลางรีบห้ามป๋องกับปลายฝนเดินออกไป
“หลบๆ”
“อะไรพี่”
“คุณวนิมา”
ปลายฝนตกใจ จนหน้าซีด
ในขณะที่วนิษาจอดรถเสร็จ ก็ยืนลังเล พลางมองเข้าไปในบ้านโจ สองจิตสองใจว่าจะเข้าไปดีหรือไม่เข้าไปดี
“เข้าไปแบบนี้มันจะดูแปลกๆไปไหมนะ”
วนิษากำลังจะลงจากรถ แต่แล้วก็นึกอะไรได้ รีบมองตัวเองในกระจกหลัง
“โทรมจัง ดูไม่ดีเลยอ่ะ”
จากนั้นก็รีบแต่งหน้า แต่งผมให้ดูดีแบบเร็วๆ แล้วลงจากรถ กำลังจะเดินไปก็เปลี่ยนใจ รีบกลับขึ้นมาบนรถ ดูกระจกอีกที
“สวยไปรึเปล่าเนี่ย เดี๋ยวจะกลายเป็นดูไม่ดี ให้มันโทรมๆนิดๆ ดูเป็นธรรมชาติหน่อยดีกว่า”
เมื่อแต่งหน้าเสร็จ ก็ค่อยๆ ลงจากรถ พลางเดินไปกดกริ่งที่หน้าบ้าน
ในขณะที่ป๋องกับปลายฝนกำลังวุ่นวายช่วยกันหาที่ซ่อน พลางมองซ้ายมองขวาด้วยความร้อนรน
“หลบที่ไหนดี”
ปลายฝนหันมาถาม
“ในห้องน้ำ”
พูดจบ ป๋องก็จับมือปลายฝนวิ่งเข้าห้องน้ำ
“แล้วถ้าเกิดเขาจะเข้าห้องน้ำล่ะ”
ป๋องพูดไม่ออก จนโจหันมาเร่ง
“จะเปิดประตูแล้วนะเว้ย”
“โอเค”
อ่านต่อหน้า 3
รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 16 (ต่อ)
โจเดินไปเปิดประตูบ้าน แล้วก็ถึงยืนตะลึงในความสวยแบบโทรมๆของวนิษา
“เป็นอะไรไป ไม่อยากคุยกับฉันเหรอ”
“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ แค่ตะลึงนิดหน่อย”
“ตะลึงเรื่องอะไรเหรอ”
“คุณสวยมากครับ คุณวนิรอแป๊บนึงนะครับ บ้านมันรกมาก เดี๋ยวผมจัดให้เรียบร้อยก่อน”
โจรีบวิ่งเข้ามาในบ้าน วนิษาไม่ฟังเดินตามเข้ามา
“ไม่เป็นไร ครั้งที่แล้วมาก็เห็นหมดแล้วล่ะ”
วนิษากำลังจะเข้ามา ป๋องรีบกระชากปลายฝนเข้าไปหลบหลังผ้าม่านตรงหน้าต่าง วนิษาเดินตามโจเข้ามา พลางมองไปรอบๆ โจเห็นเท้าของป๋องกับปลายฝนโผล่มาที่พื้น ก็รีบผลักโซฟาไปบังเท้าไว้
“เชิญนั่งครับ”
วนิษาเดินมานั่งที่โซฟา
ในขณะที่ด้านหลังผ้าม่าน โจกับปลายฝนยืนเบียดกัน ตัวเกร็งกลัวโดนจับได้ แต่ระหว่างที่กลัวๆเกร็งๆอยู่นั่นเอง ป๋องก็ได้กลิ่นหอมจากปลายฝน ป๋องสูดลมหายใจเข้าช้าๆ สีหน้าชื่นใจ ปลายฝนรู้ตัวหันมามอง พลางหยิกหมับเข้าที่ต้นขา ป๋องอ้าปากจะร้อง แต่แล้วก็รีบปิดปากตัวเอง ปลายฝนชี้หน้า ป๋องจ๋อย
โจเอาน้ำมาให้วนิษา
“ขอโทษนะครับ ไม่มีเก๊กฮวย มีแต่น้ำเปล่า”
“ขอบคุณค่ะ คุณรู้ได้ไงว่าฉันชอบน้ำเก๊กฮวย”
“เอ่อ เคยมีคนบอกน่ะครับ จำไม่ได้ละว่าใคร”
วนิษาจิบน้ำอึกหนึ่ง พลางทำจมูกฟุดฟิด หันดมซ้ายดมขวา
“หอม เหมือนกลิ่นน้ำหอมของปลายฝน กลิ่นอยู่แถวนี้”
“อ๋อ กลิ่นที่ทาเต่าของผมน่ะครับ ชอบเหรอครับ อ่ะ ให้ดม”
โจยกแขนขึ้น พลางเอียงรักแร้ให้ วนิษาร้องยี้
“แหวะ ไม่เอา ไปไกลๆ”
“อ้าว ไหนบอกว่าหอม”
“อย่าห่ามนักได้มั้ย หัดทำตัวเป็นสุภาพบุรุษมั่งสิ”
“แล้วคุณวนิ มาหาผมทำไมครับ” โจเปลี่ยนเรื่องปุบปับ
“เอ่อ รถฉันได้เวลาต่อภาษีแล้ว เลยแวะเอาสมุดทะเบียนมาให้ เดี๋ยวลืม”
พลางหยิบสมุดทะเบียนรถให้
“อ๋อ ครับ”
โจรับไป วนิษาดูนาฬิกา
“หิวจังเลย แถวนี้มีอะไรอร่อยๆกินมั้ย”
“เลยไปตรงสี่แยกครับ มีร้านดังๆอยู่ 3-4 ร้าน อร่อยมากครับ”
วนิษาแกล้งทำเป็นมองนู่นมองนี่ รอว่าโจจะพูดอะไรต่อ
“หิวไม่ใช่เหรอครับ”
“ใช่ งั้น ฉันไปก่อนนะ”
โจ พยักหน้า วนิษาฝืนยิ้ม โจลุกจะไปส่ง
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปส่งหรอก”
“ครับ”
วนิษาเดินออกไป โจรีบปิดประตูทันที ปลายฝนรีบพรวดออกมา หน้าตาโกรธมาก แต่พูดเสียงเบากลัววนิษาได้ยิน
“ออกไปเดี๋ยวนี้”
โจมองหน้าปลายฝนงงๆ “เธอพูดกับใคร”
“พูดกับพี่นั่นแหละ เขาชวนไปกินข้าวไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลยเหรอไง”
“เธอเป็นอะไรเนี่ย”
ปลายฝน ส่ายหน้าอย่างระอา
“เขาอุตส่าห์มาหาพี่ มาพูดซะขนาดนี้แล้ว ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ ผู้ชายอะไรวะ ทุเรศจริงๆ นี่เหรอสุภาพบุรุษ อ้วกแตก”
“เธอก็รู้ว่าฉันมีงานต้องทำ”
“อย่ามาอ้างงาน หนูดูออกนะว่าพี่ชอบเคขา แล้วทำไมทำแบบนี้ อย่าบอกนะว่ากลัวดวงกินผัวน่ะ”
โจส่ายหน้า “เปล่า”
“พี่ทำแบบนี้นะ เขาจะต้องเสียใจมาก หนูจะบอกอะไรให้ พี่พลาดแล้ว”
“พลาดเพลิดอะไร ไร้สาระน่ะ”
พูดจบ โจก็เดินเข้าไปในห้องทำงานแบบไม่ยี่หระ จากนั้นก็รีบปิดประตู แล้วก็รีบวิ่งจู๊ดมาเปิดหน้าต่าง ปีนหน้าต่างออกไป เห็นวนิษาตรงไปที่รถของเธอ
“เดี๋ยวครับ คุณวนิอย่าเพิ่งไปนะครับ”
ในขณะที่วนิษาเดินออกมาขึ้นรถ พลางนั่งก้มหน้า รู้สึกละอาย และเสียใจ
“วนิษา ยัยโง่เอ๊ย ทำอะไรลงไปเนี่ย”
วนิษาขับรถออกไป โจรีบวิ่งตามมา
“ไม่ทันจนได้ เฮ้อ”
โจได้แต่มองตามไปแล้วก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน รู้สึกใจไม่ดี พลางมองตามรถวนิษาไปอีกครั้ง
“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง”
ที่ชุมชนแออัดซอยกระดุม ที่ดูเงียบสงบ มีคนจับกลุ่มกันคุยกันเป็นกลุ่มๆริมทาง ท่าทางมีลับลมคมใน ป๋องกับปลายฝน ปลอมตัวเป็นพ่อค้าแม่ค้า เข็นรถขายไส้กรอกทอด เกี๊ยวไข่นกกระทาทอด ฯลฯ มาตามถนน
พลางหยุดมองชื่อหน้าปากซอย
ป๋องหน้าแหย
“ฉันว่าฉันเห็นรอยเลือดบนป้ายชื่อซอยอ่ะ”
“ช่างมันเถอะน่า เข็นเข้าไปเลย อย่ามีพิรุธ”
ป๋องกับปลายฝนเข็นรถเข้าไป พอเข้ามาก็ได้ยินเสียงปังๆๆดังออกมาเป็นระยะ ป๋องถึงกับสะดุ้ง
“มันยิงขู่เรา”
ปลายฝน หันมาทำเสียงดุ “ไม่เกี่ยวกับเราหรอกน่า เขายิงกันเอง”
จากนั้นทั้งคู่ก็เข็นรถต่อ เจอลวดขึงพาดกลางซอยเขียนขู่ไว้ว่า “ตำรวจห้ามเข้า ไม่งั้นตาย” ถัดมาอีกป้ายเป็นรูปคนหน้าตาเขียวช้ำ เลือดไหลยับเยิน มีข้อความใต้ภาพ “ สภาพสายตำรวจคนล่าสุด ” และป้ายสุดท้ายเขียนว่า “ไฟท์กันมั้ย 555”
ป๋องเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ในขณะที่เข็นรถไปเรื่อยๆ จนเจอบ้านไม้หลังหนึ่ง
“เจอบ้านพี่ชายสถาพรแล้ว”
ทันใดนั้น ก็มีคนขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาเห็น ก่อนที่จะรีบเข้ามาจอดประกบข้างๆ
“หน้าไม่คุ้นเลยนี่หว่า ไปไหนวะ”
“เอ่อ ไปบ้านครับ”
คนขี่มอเตอร์ไซค์มองหน้า ป๋องรีบหลบตา
“พูดจาซะเพราะเชียว มีพิรุธนะ บ้านไหนสอนมาวะเนี่ย หา บ้านไหน”
“ผมเป็นหลานน้ายุ้ยอ่ะครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยอ่ะครับ”
“ยุ้ยไหน” มันย้อนถาม
“ยุ้ยอ้วนครับ”
“อ๋อ ยุ้ยอ้วน เออ งั้นก็ไม่มีอะไร”
พูดพลางหันมามองปลายฝน แล้วยิ้มหื่น
“เฮ้ย เซ็กซี่ดีนะ ขอยืมไปเที่ยวหน่อยดิ”
ป๋องรีบยืนบังปลายฝน “ไม่ได้นะครับ”
“เฮ้ย นี่ข้า ปุ๊ ระเบิดถั่ว เอ็งกล้าปฏิเสธปุ๊ ระเบิดถั่วเหรอไง”
“เปล่าครับพี่ปุ๊” ป๋องระล่ำระลัก “แต่ว่า แบบว่า เอางี้มั้ยครับ พี่เอาผมไปแทนได้มั้ย ให้ผมเช็ดถูทำความสะอาดบ้านอะไรก็ได้ แล้วแต่พี่ปุ๊”
ปลายฝนมองป๋อง ด้วยความซาบซึ้งใจ
“ก็แหงสิ ต้องเอาแกไปอยู่แล้ว อ๋อ นี่นึกว่าข้าจะเอายัยชะนีนี่เหรอ ไอ้ที่ข้าชอบน่ะ แบบเอ็งโว้ย”
จากนั้นก็ตบก้นป๋องดังป้าบ ป๋องสะดุ้ง
“หา”
“เมื่อกี้บอกแล้วแต่ปุ๊ใช่มั้ย มาเลย เดี๋ยวจะรู้ว่าทำไมข้าได้ฉายาปุ๊ ระเบิดถั่ว”
มันพูดพลางเข้ามาคล้องแขน พลางทำท่าจะลากป๋องขึ้นมอเตอร์ไซค์ ปลายฝนเข้ามากระชากป๋อง กลับ เท้าสะเอว ชี้หน้าด่า
“เดี๋ยวโดนตบไอ้พี่ปุ๊ เรื่องอะไรมายุ่งกับผัวหนู ไปหาที่อื่นไป วอนโดนซะแล้ว”
ป๋องอึ้ง แต่เจ้าปุ๊กลับหัวเราะ
“ดุชะมัดเลยเอ็งนี่ เออ ไปหาผัวคนอื่นกินก็ได้วะ หวงจังเลยอีชะนีน้อยนี่”
จากนั้นก็ขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไป ป๋องถอนหายใจโล่งอก
“เมื่อกี้เป็นอะไรของนาย อึกอักๆ มีพิรุธมาก”
“มันตื่นเต้นน่ะ ชื่อคนชื่อสถานที่อะไรที่พี่โจให้ท่องน่ะ ลืมหมดเลย”
“ไม่ได้เรื่องเลย นายนี่”
ปลายฝนมองซ้ายขวา พอเห็นว่าถนนโล่ง ก็รีบเปิดฝาตู้ของรถเข็น
“ปลอดคนแล้วค่ะ”
โจกลิ้งตัวออกมา พลางมองซ้ายขวา แล้วรีบวิ่งลัดเลาะเข้าไปในบ้านไม้ ตรงไปที่รถญี่ปุ่นเก่าๆที่หมายตาไว้ ป๋องกับปลายฝนยืนลุ้นไปด้วย
โจใช้กุญแจผีไขเข้าไปในรถ ค้นหาของอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้น ปุ๊ก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับมา
“เฮ้ย ไอ้ปุ๊ ระเบิดถั่วกลับมาอีกแล้ว คราวนี้โดนระเบิดแน่ทำไงดี หนีเหอะ”
“อย่า”
ป๋องไม่ฟัง จับรถจะวิ่ง แต่ปลายฝนดึงไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้”
ปุ๊ขี่มอเตอร์ไซค์มาถึง ลงจากรถ เดินจ้องหน้าทั้งสอง ป๋องหน้าแหย ปลายฝนมองหน้าแบบไม่กลัว
“กลับมาทำไม จะเอาไงไอ้พี่ปุ๊”
“ขายหมดยังอ้ะ”
“ยัง”
“เอาไส้กรอกกับเกี๊ยวซัก 10 ไม้ดิ เดี๋ยวจะเอาไปกินกับเพื่อนซักหน่อย”
ปลายฝนยิ้มแฉ่งทันที “ได้จ้ะ รอแป๊บนะจ๊ะ”
ป๋องกับปลายฝนช่วยกันจัดของให้ ระหว่างนั้น ปุ๊ก็มองไปรอบๆ แล้วก็เห็นเงาโจตะคุ่มๆอยู่ข้างรถ
“เฮ้ย นั่นใครทำอะไรอยู่วะ”
ปุ๊ชักปืนออกมา แล้งรีบเดินตรงไปที่ที่โจซ่อนอยู่ ปลายฝนกับป๋องสบตากัน ป๋องรีบจุดไฟแช็คจ่อที่หัวถังแก๊สตามแผน ไฟลุกพรึ่บ ปลายฝนร้องกรี๊ดเสียงดัง ปุ๊หันมาเห็นก็ตกใจ โวยวายลั่น
“เฮ้ย ปิดหัวแก๊สเดะ เดี๋ยวแก๊สระเบิด”
ปุ๊ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ขณะเดียวกัน โจก็ค้นเจอมือถือเครื่องหนึ่ง พลางรีบยัดใส่กระเป๋า แล้วปิดล็อกรถตามเดิม จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้ป๋องปลายฝน แล้วโจก็รีบหลบออกไปทางอื่น หายลับไป
ป๋องรีบปิดแก๊สที่หัว ไฟดับ ปุ๊หน้าซีด
“ทำอะไรของพวกแกวะเนี่ย”
“ขอโทษครับ”
“รอเดี๋ยวนะคะพี่ปุ๊ เมื่อกี้น้ำมันมันยังไม่เดือด ยังไม่ได้ทำไส้กรอกให้พี่เลย”
ป๋องทำท่าจะจุดแก๊สใหม่
“ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวระเบิดตูมตามขึ้นมาได้วอดกันหมด”
ปุ๊พูดพลางรีบขี่มอเตอร์ไซค์จากไป ป๋องกับปลายฝนมองหน้ากันอย่างโล่งอก
อ่านต่อหน้า 4
รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 16 (ต่อ)
ที่หน้าปากซอย โจนั่งอยู่ในรถ มองไป เห็นป๋องกับปลายฝนช่วยกันเข็นรถกลับออกมา กำลังจะออกมาจากซอย โจยกไฟสูงสองที ป๋องเห็นสัญญาณไฟจากรถของโจ ก็หันมาบอกปลายฝน
“พี่โจปลอดภัย รออยู่ในรถแล้ว”
ปลายฝน หันมายิ้มกับป๋อง “งานนี้ง่ายกว่าที่คิดเนอะ ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่”
ทั้งสองเข็นรถ กำลังผ่านกลุ่มวัยรุ่นที่นั่งกินเหล้ากันอยู่ ในขณะที่ปุ๊ขี่มอเตอร์ไซค์ซิ่งมา
“เฮ้ย จับพวกมันไว้”
ป๋องกับปลายฝนตกใจ พวกกลุ่มวัยรุ่นได้ยินก็หันมามองทั้งคู่
“หนี”
ป๋องหันรถเข็น ผลักใส่กลุ่มพวกมัน แล้วจับมือปลายฝนวิ่งหนี กลุ่มวัยรุ่นวิ่งไล่ตามมา โจเห็นเหตุการณ์ ก็รีบสตาร์ทเครื่อง ขับรถพุ่งมาหาทันที พวกมันวิ่งไล่มาคว้ามือปลายฝนไว้ได้ ปลายฝนร้องกรี๊ด ป๋องหันกลับมา พลางต่อยหน้าพวกมัน แล้วตะโกนบอกปลายฝน
“หนีไป”
ปุ๊ขี่มอเตอร์ไซค์ตามมา พลางลงจากรถ จับปลายฝนไว้ได้ ป๋องจะเข้าไปช่วยปลายฝน แต่พวกมันอีกคนยืนจังก้า ขวางไว้
โจขับรถมา เปิดประตูกระแทกจนพวกมันล้มกลิ้ง
“ไอ้ป๋องขึ้นมา”
ปุ๊เห็นโจ ก็รีบล็อกคอปลายฝน ลากกลับเข้าไปในซอย ป๋องละล้าละลัง
“ไอ้ป๋องขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
ป๋องหันมองโจ สลับกับมองปลายฝน แล้วตัดสินใจวิ่งไปหาปลายฝน โจมองกลับไป ในสลัมแตกตื่นกันใหญ่ มีเสียงตะโกนโวยวาย โจมองตามไป ป๋องจะเข้าไปช่วยปลายฝน แต่ก็โดนพวกมันกระโดดเข้ารุม ที่เหลือวิ่งตรงมาหาโจ
โจรีบขับรถหนีออกไปทันที
ป๋องกับปลายฝนถูกพามาไว้ในห้องเล็กๆแคบๆห้องหนึ่ง ปลายฝนร้องไห้โฮ
“ป๋อง ฉันกลัว”
ป๋องหันมาปลอบใจ
“ใจเย็นๆนะปลายฝน อย่าเพิ่งรีบกลัว ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“พวกมันจะทำอะไรเราอ่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าฉันจะปกป้องเธอด้วยชีวิตของฉัน”
ปลายฝนมองป๋อง ด้วยความซึ้งใจ จังหวะเดียวกัน ก็มีเสียงฝีเท้าดังตรงมาที่ห้อง ปลายฝนหลบไปอยู่ด้านหลัง ป๋องแอ่นอกบังปลายฝนไว้ ประตูห้องเปิดออก ปุ๊เดินเข้ามา
“พวกเอ็งโกหก ไอ้ยุ้ยอ้วนไม่มีหลาน เอ็งปลอมตัวเข้ามาทำไมบอกมา”
“เราเป็นนักสืบเอกชน มาสืบเรื่องคนข้างนอก”
“ปากแข็งใช่มั้ย”
ปุ๊ตะคอกใส่ พลางดึงมีดพกออกมา ควงไปมา เฉียดหน้าป่องกับปลายฝน ที่กลัวจนร้องไห้
“ผมพูดจริงๆนะครับ แต่ถ้าพี่ไม่เชื่อแล้วจะซ้อมล่ะก็ ซ้อมผมคนเดียวเถอะครับ เพื่อนผมไม่เกี่ยว”
ปุ๊หัวเราะ แต่ไม่ทันไร ก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาอีก คราวนี้เป็นเป็นชายสูงวัย ท่าทางองอาจดูมีบารมี ปุ๊รีบหันมารายงาน
“ผมกำลังถามว่าพวกมันเป็นใคร”
“แกออกไปได้แล้ว ขอบใจมาก”
“แต่ว่า” ปุ๊อึกอัก
“สองคนนี้เป็นหลานฉันเอง”
ชายสูงวัย ที่ชื่อเบิ้มพยักเพยิดหน้า ปุ๊รีบเดินออกไป ปลายฝนกับป๋องงง โจเดินตามเข้ามา
“พี่โจ” ป๋องตะโกนด้วยความดีใจ
“พี่โจ ช่วยเราด้วยค่ะ”
“เออ ไม่มีอะไรแล้ว เอ้า นี่ลุงเบิ้ม เป็นขาใหญ่อยู่ที่นี่ แล้วก็เป็นรุ่นพี่ฉันเอง”
“รุ่นพี่?” ป๋องทวนคำอย่างแปลกใจ
“รุ่นพี่ศิษย์หลวงพ่อเดียวกัน” พลางหัมาทางเบิ้ม “นี่ไอ้ป๋อง ลูกศิษย์หลวงพ่อเหมือนกัน”
“พี่นี่ศิษย์รุ่นแรกเลยนะ จะบอกให้”
“ศิษย์หลวงพ่อ แล้วทำไมมาทำชั่วแบบนี้ล่ะครับ เป็นหัวหน้าพวกค้ายาเนี่ยนะ”
เบิ้มหัวเราะ โจรีบอธิบาย
“แกไม่รู้เรื่องอะไรไอ้ป๋อง ที่นี่เขาเลิกค้ายามานานแล้ว ไอ้ที่ลือๆกันน่ะมั่วทั้งนั้น ที่เห็นมีคนคนคอยตรวจตราน่ะ เขาป้องกันไม่ให้คนนอกเข้ามาขายยาเสพติดในชุมชนนี้”
“แล้วป้ายขู่ตำรวจล่ะคะ” ปลายฝนถามขึ้นมาบ้าง
“อันนั้นขำๆ ถึงเราจะเลิกยาเสพติด แต่ก็ยังมีพวกที่ชอบเล่นไพ่เล่นหวยอยู่เหมือนกัน”
ป๋องกับปลายฝนพยักหน้าเข้าใจ
จากนั้นโจ ป๋อง ปลายฝน และเบิ้ม ก็มากินข้าวต้มริมทางด้วยกัน
“นี่หมายความว่าไงคะ พี่โจรู้จักคุณอาแต่แรกแล้ว แล้วทำไมต้องให้เราเสี่ยงด้วย”
ปลายฝนไม่วายสงสัย
“พอซูซี่บอกว่ารถของสถาพรอยู่ที่นี่ ตอนแรกก็คิดว่ากินหมู แค่บอกพี่เบิ้มก็จบ แต่เห็นไอ้ป๋องมันปอดแหกเกินเหตุ ก็เลยจะถือโอกาสทดสอบแล้วก็สั่งสอนมันไปในตัว”
“เอ่อ แล้วผมสอบผ่านมั้ยพี่”
โจแกล้งทำหน้าเครียด
“ในฐานะนักสืบ แกสอบตก ไม่มีไหวพริบปฏิภาณอะไรเลย แต่ในฐานะลูกผู้ชาย แกสอบผ่าน”
เบิ้มยกนิ้วโป้งให้ป๋อง
“ไอ้น้อง เมื่อกี้พี่ได้ยินหมดแล้ว ที่น้องยอมเจ็บตัวคนเดียวน่ะ ลูกผู้ชายเรามันต้องอย่างงี้สิวะ”
พี่ภูมิใจในตัวน้องมาก
ป๋องยกไหว้ “ขอบคุณพี่เบิ้มมาก”
“ไม่มีปัญหา ว่าแต่โจได้ของที่ต้องการรึยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
เบิ้มพยักหน้า “โอเค งั้นหมดเรื่องละนะ จะได้ผ่อนคลายกันหน่อย”
“ได้ครับ แต่ปลายฝนคงไม่สะดวก” พูดพลางโจก็หันมาทางป๋อง “แกไปส่งปลายฝนก่อน แล้วกลับมากินน้ำผ่อนคลายกันด้วยกัน”
ป๋องพยักหน้ารับคำ
จากนั้นป๋องก็ขับรถมาส่งปลายฝนที่หน้าคอนโด
“ปลายฝน ขอโทษด้วยนะเรื่องวันนี้น่ะ”
“ขอโทษเรื่องอะไร” ปลายฝนย้อนถาม
“ที่พี่โจจะทดสอบผม แต่กลายเป็นทำให้เธอเดือดร้อนไปด้วย”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก นายดูแลฉันได้ดีมาก ฉันต้องขอบคุณนายด้วยซ้ำ ขอบคุณนะป๋อง”
“ไม่เป็นไร”
ป๋องพยักหน้าเขินๆ ปลายฝนมองป๋อง พลางคิดอะไรในใจ
“ป๋อง”
ปลายฝนกำลังคิดจะพูดอะไรซักอย่าง แต่บังเอิญมือถือดังมาขัดจังหวะ ปลายฝนรับสายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ว่าไงคะพี่เอ็ม”
ป๋องหน้าสลดทันที
อ่านต่อตอนที่ 17