อย่าลืมฉัน ตอนที่ 16
อัมพิกาใส่หูฟังนั่งดูละครออนไลน์ นั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์
เสียงละครจากหูฟังดังก้อง ในขณะที่คนขับรถวิ่งไล่จับไก่กับไข่ มาแต่งตัว คู่แฝดใส่กางเกงในตัวเดียววิ่งหนีอย่างสนุกสนาน ขนาดคนขับรถวิ่งหัวหกก้นขวิด ยังจับไม่ได้
ทันใดนั้นมีมือยื่นมาดึงหูฟัง ที่หูของอัมพิกาออก เสียงละครหายไป เสียงหัวเราะของไก่ ไข่ ดังขึ้น
แทน อัมพิกาหน้าหงิก หันขวับมาทางคนที่ดึงหูฟังออก
“บอกแล้วไง ถ้าแต่งตัวยังไม่เสร็จอย่ามายุ่งกับฉัน”
อัมพิกาหันขวับมามองต่ำ นึกว่าไก่กับ ไข่ แต่กลายเป็นเอื้อยืนอยู่ อัมพิกาชะงักกึก ตกใจนิดๆ แต่ยัง
วางท่าขรึม
“พี่อัมคิดจะทำอะไร? หรือว่าคิดจะเข้าทางเด็ก เพื่อหวังผลเรื่องมรดก “
อัมพิกา ลุกขึ้น เสียงดัง
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม? ทีนังสุริยงยังใช้เอื้อเป็นเครื่องมือบีบให้เราโอนหุ้นให้มันได้ ทำไมพี่จะใช้
ประโยชน์จากไอ้เด็กสองคนนี้เพื่อหาทางโอนหุ้นคืนกลับมาบ้างไม่ได้”
ไก่กับไข่ ที่กำลังวิ่งอยู่ ถึงกับหยุดกึกด้วยสัญชาตญาณบอกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ พลางหันมาทาง
เอื้อกับอัมพิกา สีหน้างงๆ
เอื้อหันมาทางเด็กๆ กับคนขับรถ พลางพยักหน้าให้ออกไปก่อน คนขับรถก้มหัวรับคำสั่งและรีบเดิน
ออกไป
เอื้อหันมาทางอัมพิกา
“หนูเล็กไม่ได้ใช้ผมเป็นเครื่องมือ และผมก็ไม่ยอมให้พี่อัมใช้ไก่กับไข่เป็นเครื่องมือเหมือนกัน ผม
จะพาเด็กๆกลับบ้าน นับจากนี้ต่อไปห้ามพี่อัมเข้าใกล้พวกเขาอีกเป็นอันขาด ไม่งั้นผมเอาเรื่องแน่”
อัมพิกายืนกัดฟันกรอด เอื้อหันหลังแล้วเดินมาหาไก่ กับ ไข่ พลางหยิบเสื้อผ้าแล้วจูงคู่แฝดเดิน
ออกไปเลย ไก่กับไข่เดินตามเอื้อไปแบบงงๆ
อัมพิกาโกรธจนแทบอยากลุกขึ้นกรี๊ด หากก็ทำอะไรเอื้อไม่ได้ ก็เลยหันไปปัดแจกันที่วางอยู่บนโต๊ะ
กลิ้งตกลงพื้นด้วยความแค้นใจ แป็นการระบายอารมณ์
“ทำไมต้องรีบกลับครับ?”
ไข่ถามเอื้อ หลังจากที่ถูกจังแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
ไก่เสริมต่อ
“ไก่ยังไม่ได้ทำบาร์บีคิว”
“ใช่ๆๆๆ พี่เกนให้ไก่ ไข่ ทำบาร์บีคิว”
เอื้อ รีบตัดบท
“พี่เอื้อว่า เรากลับไปทำที่บ้านพร้อมกับคุณตา คุณยายดีกว่านะครับ วันนี้เราต้องรีบกลับเพราะว่าพี่
เอื้อให้พี่เขาขับเฮลิคอปเตอร์มารับพวกเรา” พูดพลางหันไปทางคนขับที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
เด็กแฝดตาโต
“ว้าว เฮลิคอปเตอร์”
“ไก่จะได้นั่งจริงๆเหรอครับ”
เอื้อพยักหน้ารับ
“จริงครับ เดี๋ยวพี่เอื้อให้พี่คนขับพาไก่กับไข่ไปนั่งรอบนเครื่องเลย พี่เอื้อไปตามหาพี่เกนก่อน ถ้าเจอ
แล้วเราจะได้รีบกลับเข้ากรุงเทพกันเลย”
ไก่กับไข่กระโดดตัวลอย ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว
“เย้ ๆๆๆๆๆ คอปเตอร์ ๆๆๆๆ”
เอื้อ มองแล้วยิ้มๆ พลางหันมาทางคนขับ “ฝากด้วยนะครับ”
“ครับผม” คนขับรับคำ ก่อนจะหันมาทางไก่กับไข่ “เชิญทางนี้เลยครับ”
เด็กแฝดเดินตามคนขับไปด้วยความสุข เอื้อมองตามสักพัก แล้วก็หุบยิ้มหันกลับไปที่แคมป์ พลาง
คิดถึงเกนหลง
เกนหลงยืนโทรศัพท์อยู่ที่เดิม หน้าเครียด
“คุณวิบูลย์ไม่เคยขออนุญาตพาไก่กับไข่ไปเล่นน้ำที่สระบ้านเขมเหรอคะ ?”
วิบูลย์ตอบกลับมาทางสายโทรศัพท์
“ไม่เคยครับ จะมีก็แต่ผมไปรับไก่กับ ไข่มาตามเล่นน้ำตามคำสั่งของคุณเกนหลง”
เกนหลงอึ้ง
“คำสั่งเกน?”
“ ครับ ก็ที่คุณเกนอยากให้เด็กๆ มาเล่นน้ำที่บ้าน คุณเขมก็เลยให้ผมไปรับมาให้ ส่วนขากลับให้คุณสุ
มารับกลับเองครับ คุณเกนมีอะไรรึเปล่าครับ”
เกนหลงรีบตัดบท พลางพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“ไม่มีค่ะ แค่นี้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ”
เกนหลงวางสายไป แววตาครุ่นคิด ทั้งช็อก ทั้งอึ้ง ทั้งงง
ในขณะที่วิบูลย์ ก็วางสายตามไป แววตาครุ่นคิด
แววตาเกนหลง แข็งขึ้นเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่าง ในขณะที่เอื้อเดินมาหาแล้วพูดขึ้น
“ไก่ กับไข่พร้อมแล้ว พี่กำลังจะพาเด็กๆกลับบ้าน เกนจะกลับกับพี่หรือเปล่า?”
เกนหลงหันขวับมาตอบ
“ กลับค่ะ เกนอยากรีบกลับเข้ากรุงเทพ เพื่อเตรียมตัวไปสวิสโดยเร็วที่สุด ไปคืนนี้ได้ยิ่งดี”
เกนหลงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เอื้อถามเหมือนจะเตือนสติ
“ไปทำไม ?”
เกนหลง แววตาแข็งขึ้น
“ไปพิสูจน์ความจริง”
“อย่าบอกว่าเราเชื่อสองคนนั้น เรื่องเขมชาติกับหนูเล็ก” เอื้อหยั่งเชิง
“ไม่ใช่แค่คำพูดของสองคนนั้น แต่เกนโทร.ไปถามหุ้นส่วนที่อิตาลี่ เขาบอกว่าเขมยกเลิกนัด เขมไม่ได้
ไปอิตาลี่ !เขาโกหก เกนอยากรู้แค่ว่า ตอนนี้เขาอยู่ที่สวิสกับคุณสุหรือเปล่า ?”
คำพูดของเกนหลงทำเอาเอื้อถึงกับอึ้งตามไปด้วย แววตาเริ่มเครียด เกนหลงพูดเสียงสั่นด้วยความ
โกรธ เจียนอกจะระเบิด
“เขมวางแผนทั้งหมด ทำให้เกนต้องอยู่ที่นี่ไม่ได้ไปอิตาลี่กับเขา และเขมยังโกหกอีกมากมาย
ตอนนี้เกนไม่รู้แล้วว่าเขมชาติเป็นคนยังไงกันแน่ คำพูดของเขามีอะไรบ้างที่เป็นความจริง”
เอื้อมองหน้าเกนหลงด้วยความเข้าใจ และเห็นใจ
“ถ้าไปสวิสแล้วเห็นว่าเขมชาติโกหกทุกอย่างเพื่อไปอยู่กับหนูเล็กจริงๆ เกนจะรับได้หรือเปล่า?”
เกนหลงสะอึก พลางฉุกคิด แล้วตอบด้วยความมั่นใจ
“ตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งที่เกนไม่เคยวิ่งหนี คือความจริง ถึงแม้มันจะเจ็บปวดอย่างที่สุด เกนก็ต้องรับมัน
ให้ได้”
เอื้อถามย้ำ “แน่ใจนะ?”
เกนหลง ตอบอย่างมั่นใจ และมีสติ “ แน่ใจค่ะ”
เอื้อ คิดพลางตัดสินใจ
“โอเค ถ้าแน่ใจพี่ไปด้วย”
เกนหลงหันมามองหน้า เอื้อพูดนิ่งๆ ด้วยความมั่นใจ
“พี่จะให้เลขาหาตั๋วเครื่องบินไฟลท์ที่เร็วที่สุด เกนมีวีซ่าแล้วใช่มั้ย”
เกนหลง พยักหน้า
“มีค่ะ คุณสมคิด ทำเตรียมไว้ให้แล้ว”
“ดี เพราะพี่เกิดที่โน่น มีพาสปอร์ตอยู่แล้ว พร้อมเดินทางทันที ถ้าเกนมั่นใจ เราจะไปพิสูจน์ความจริง
ด้วยกัน”
เกนหลง น้ำตาซึม ด้วยความตื้นตัน “พี่เอื้อ ขอบคุณมากค่ะ”
เอื้อพยักหน้ารับ เกนหลงมองเอื้อด้วยความขอบคุณ หน้าต่างแห่งความเห็นใจได้ถูกเปิดกว้างสำหรับ
คนสองคน
หน้าโรงแรมที่พักที่ซูริค สุริยงเดินออกมาในชุดสบายๆ เก๋ๆ ก่อนที่จะมายืนมาหยุดที่หน้าโรงแรม
พลางมองหาเขมชาติ สักพัก พนักงานโรงแรมวิ่งออกมาพร้อมกับกระดาษโน้ต
“คุณสุริยงใช่มั้ยครับ?”
สุริยง หันมาตอบ “ค่ะ”
“มีคนฝากข้อความให้คุณครับ”
สุริยงรับมา “ขอบคุณค่ะ”
“ยินดีครับ”
พนักงานเดินกลับไป สุริยงเอากระดาษมาเปิดดู เห็นเป็นลายมือเขมชาติ วาดเส้นแผนที่น่ารักๆ
สุริยงยิ้มๆ
“สุริยาวดี เดินมาตามลูกศร คุณจะเจอผมรออยู่ที่ปลายทาง เขมชาติ”
สุริยงยิ้ม รู้สึกสนุก ที่ได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำมานานแล้ว พลางมองดูแผนที่แล้วเงยหน้าเดินไปตามทางใน
แผนที่
สุริยงเดินไปตามทางเดินเล็กๆ สวยๆ เก๋ๆ เดินไป ดูแผนที่ไป เข้าซอกโน้น ออกซอยนี้ ด้วยความสนุก
ตื่นเต้น
และในที่สุด สุริยงก็เดินมาจุดนัดหมาย ที่ในแผนที่เห็นเป็นรูปดาว สุริยงเงยหน้าขึ้นมา เห็นประตู
ให้เปิดเข้าไป สุริยงเดินเข้าไปช้าๆ และเมื่อเห็นสิ่งที่รออยู่ก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความพอใจ
เขมชาติยืนอยู่ในมุมหนึ่ง ข้างๆมีผ้าปูพื้นเก๋ๆ จัดอย่างเรียบง่าย มีหมอนสีๆ หลายใบ วางอยู่ให้
ความรู้สึกสบายๆ น่าเอนหลังนอนเป็นอย่างยิ่ง
สุริยงเดินมามองดูที่นั่งแล้วก็ยิ้ม
เขมชาติยิ้ม
“เซอร์ไพรส์มั้ย?”
“ก็นิดนึง อย่างน้อยก็ไม่เหมือนอย่างที่คิด”
เขมชาติทำตาเจ้าเล่ห์ “ยังมีเซอร์ไพรส์กว่านี้”
สุริยงหลิ่วตา ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่ในใจก็อยากรู้ เขมชาติผายมือมาที่ผ้าที่ปูไว้
“เชิญครับ”
สุริยงยกเท้าขึ้นจะถอดรองเท้า เขมชาติส่งมือมาประคองเอว
“ผมถอดให้” เขมชาติเอียงหน้ามากระซิบที่ข้างหู พลางถอดรองเท้าให้สุริยงทั้งสองข้างอย่างนุ่มนวล
จนเธอสะท้านเบาๆ เขมชาติหันมายิ้มอบอุ่น และส่งมือให้สุริยงจับเป็นหลักก่อนจะเดินก้าวเข้ามานั่งบนผ้า พลาง
มองวิวตรงหน้าด้วยความสบายใจ
เขมชาติรินน้ำแล้วส่งให้ สุริยงรับมา เขมชาติยื่นแก้วมาชน
“สำหรับการรอคอยที่ยาวนาน และช่วงเวลาดีๆ ก่อนการจากลา”
เขมชาติพยายามตีหน้าเศร้าเรียกความน่าสงสาร ก่อนจะย้ำว่างานนี้ไม่ยืดเยื้อ
สุริยงชะงักคิดนิดหนึ่ง ก่อนที่จะสลัดความคิดนั้นทิ้ง พลางทำตามความรู้สึกของตัวเอง สุริยงยื่นแก้ว
มาชนกับแก้วของเขมชาติ แล้วดื่มพร้อมกัน เขมชาติยิ้มพอใจ
“วดี ผมเตรียมอาหารสุดพิเศษไว้ให้คุณด้วยนะ”
เขมชาติหันไปหยิบชามแบบมีฝาปิดที่เตรียมไว้ใน ตะกร้า
“นี่ครับ เปิดดู”
เขมชาติส่งให้ สุริยงรับมาเปิดฝาออก เห็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำ มีปลากระป๋อโแปะหน้า หน้าตา
น่าทาน
“บะหมี่ต้มยำปลากระป๋อง”
เขมชาติ พูดต่อ “เส้นแข็งๆ แบบที่คุณชอบ”
สุริยงหันมามองหน้าเขมชาติ ชื่นชมที่จำได้
“ไม่ได้ทานมานานมาก ครั้งสุดท้ายก็ตอนไปค่ายมหาลัยปีสุดท้าย”
เขมชาติยิ้ม
“ผมก็เหมือนกัน หลังจากนั้นพอคุณหายไป ผมก็ไม่กล้าทำ ไม่กล้าเห็นมัน แต่วันนี้เป็นวันพิเศษของ
เรา มีคุณอยู่ด้วย ผมก็เลยคิดถึงมันขึ้นมา”
สุริยงมองด้วยความประทับใจ
“รีบทานกันดีกว่า ก่อนเส้นจะนิ่ม”
สุริยงพยักหน้า เขมชาติส่งตะเกียบ ช้อนให้ อย่างรู้ใจ สุริยงใช้ตะเกียบคีบบะหมี่เข้าปากอย่างมี
ความสุข และเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่
เขมชาติกินไป ชวนคุยไป
“คุณจำต้นกำเนิดของมันได้มั้ย?”
สุริยงตอบสวนทันที
“ค่ายวันเด็กสระบุรี”
เขมชาติยกนิ้วให้ “สุดยอด” สุริยงพูดต่อ
“ตอนที่ออกค่าย อาหารหมดทุกอย่าง ไม่เหลืออะไรเลย ข้าวก็หมด เหลือแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กับ
ปลากระป๋อง”
เขมชาติเสริม
“คุณก็เลยเอาบะหมี่มาต้ม ใส่เครื่องต้มยำ แล้วก็ใส่ปลากระป๋อง มันอร่อยมาก กินกันเกลี้ยงเร็วมาก
สุดยอดเลยอ่ะ ตั้งแต่นั้นมาจังหวะคับขันพวกเรา ไม่มีเงิน ไม่มีเวลา ก็ต้อง”
แล้วทั้งคู่ก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน “บะหมี่ต้มยำปลากระป๋อง”
พูดจบทั้งสุริยงและเขมชาติก็ขำพร้อมกัน สุริยงดูผ่อนคลาย และเป็นธรรมชาติขึ้นมากกว่าตอน
กลางวัน
“ผมดีใจจริงๆ ที่คุณจำมันได้”
สุริยงชะงักนิดๆ
“ผมคิดว่า จะมีแค่ผมคนเดียวที่ไม่ลืมมัน “พูดพลางมองชามบะหมี่ “ผมยังจำตอนที่ผมอ่านหนังสือ
สอบอย่างหนัก”
เขมชาติเริ่มดึงสุริยงเข้ามาความทรงจำในอดีต ตอนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้าย ขณะที่เขมชาติกำลัง
อ่านหนังสืออย่างหนัก เสียงเคาะประตูดัง เขมชาติเดินไปเปิด เห็นสุริยงยืนอยู่พร้อมชามบะหมี่
“วันนี้มาอ่านหนังสือกับเพื่อนที่หอ เดาว่าเขมคงยังไม่นอน เลยทำมาให้ ทานซะจะได้มีแรงอ่าน
หนังสือต่อ”
“ขอบคุณมากครับ”
เขมชาติยิ้มด้วยความซาบซึ้ง สุริยงยิ้มรับ
เขมชาติพูดต่อด้วยความซาบซึ้งใจ
“คุณเป็นคนทำให้ผมเรียนจบมาได้ ไม่ใช่แค่ทำบะหมี่เท่านั้น”
สุริยงยิ้มๆ เขมชาติมองหน้าแววตาซึ้ง
“ผมยังไม่เคยลืม ค่าหน่วยกิตเทอมสุดท้ายหลังจากการตายของพ่อแม่ผม”
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 16 (ต่อ)
เขมชาตินึกย้อนถึงตอนที่กำลังขนของออกจากหอ ทั้งที่ยังอยู่ในชุดไว้ทุกข์ แต่ต้องชะงักเพราะสุริยง
ยืนอยู่
“จะไปไหน?”
“ก็ว่าจะไปหางานทำ”
สุริยงรีบท้วง
“แต่ยังเหลืออีกเทอมนึงนะ”
“กำลังจะไปดร๊อป”
“ดร๊อบทำไม?”
สุริยงข้องใจ
“วดีก็รู้ พ่อแม่ผมเขาเพิ่งเสียไป ตอนนี้ผมก็ต้องหาค่าเล่าเรียนเอง เทอมนี้ผมอาจจะหาไม่ทัน ดร็อปไว้
ก่อน พร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยมาเรียนต่อ”
“งั้นก็มาเรียนต่อได้เลย นี่ค่าหน่วยกิต”
สุริยงยื่นซองให้ เขมชาติมองอย่างงงๆ
“วดี”
สุริยงยัดซองใส่มือเขมชาติ
“รับไปไม่ต้องคิดมาก เงินของเราเอง เราไม่ได้ไปขอ หรือไปยืมใครมา เราเต็มใจให้ เราอยากช่วย แต่
เขมต้องตั้งใจเรียนนะ พ่อแม่ที่จากไปจะได้ไม่ห่วง”
เขมชาติน้ำตาแทบร่วง เงยหน้ามองสุริยง แล้วก็พูดไม่ออก ได้แต่ดึงสุริยงมากอดด้วยความรัก
“ขอบคุณมากวดี ขอบคุณมาก”
สุริยงยิ้มนิดๆ ด้วยความสบายใจ ที่เขมชาติยอมรับเงิน และฮึดสู้
สุริยงมองเขมชาติ เหตุการณ์ทุกอย่างยังคงกระจ่างในความรู้สึก และฉายชัดออกมาทางแววตา
เขมชาติได้โอกาสหันมาหยอด
“คิดถึงอดีตแล้วก็อยากกลับไป แล้วก็หยุดเวลาไปแค่นั้น”
เขมชาติพูดพลางมองหน้าสุริยง ที่มองกลับมา และโดยไม่ต้องพูด แต่ก็ดูออกว่าคิดเหมือนกัน
“เหมือนกับตอนนี้. ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ไม่อยากให้มันผ่านไปเลย”
สุริยงสะท้านเข้าไปในใจ เพราะในใจนั้นคิดไม่ต่างกัน แววตาเขมชาติเป็นประกาย เมื่อสัมผัส
ได้ถึงความอ่อนลงของสุริยง
สมคิดถามวิบูลย์ด้วยความตกใจ
“คุณเกนโทร.มาถามเรื่องคุณสุกับคุณเขม?”
“ใช่ครับ คุณเกนถามว่าผมเคยไปรับลูกคุณสุมาเล่นน้ำที่บ้านคุณเขมหรือเปล่า? ผมก็บอกว่าเคยครั้ง
เดียว ตอนที่คุณเกนหลงสั่ง”
สมคิด รีบถาม
“แล้วคุณเกนว่ายังไง?”
“ก็ทำเสียงแปลกๆ เหมือนไม่รู้เรื่อง ผมว่าคงลืม” วิบูลย์มองโลกในแง่ดี
สมคิดฟังแล้วอึ้งๆ พลางคิดๆ “คุณเกนโทรมาตอนไหน?”
“ก่อนผมจะเดินมาหาคุณสมคิด แล้วแกยังถามอีกว่าคุณเขมให้ผมดูแลคุณสุเรื่องอะไรอีกบ้าง ผม
แปลกใจจริงๆ ทำไมอยู่ๆถึงอยากรู้เรื่องนี้ขึ้นมา”
วิบูลย์เริ่มเอะใจขึ้นมาบ้าง ในขณะที่สมคิด คิดตาม เริ่มกังวล วิบูลย์เริมตั้งข้อสังเกตต่อ
“เออ อีกอย่างที่ผมสงสัย คุณเขมบอกว่าจะไปอิตาลี่กับคุณเกนไม่ใช่เหรอครับ แต่ตอนที่คุยกัน
เหมือนคุณเกนยังอยู่ที่ประเทศไทยอยู่เลย ทำไมไม่ได้ไปอิตาลี่กับคุณเขม”
สมคิดยิ่งฟังยิ่งเครียด ในใจคิดย้อนไปถึงตอนที่เกนหลงโทรหา
“เกนต้องการเบอร์ของคุณสุกิจหุ้นส่วนเขมที่อิตาลี่ค่ะ คนที่เขมจะไปพบน่ะค่ะ พอดีเขมบอกว่า
โทรศัพท์มีปัญหา ถ้ามีอะไรด่วนให้เกนติดต่อกับคุณสุกิจได้เลย พอดีเกนทำเบอร์หาย คุณสมคิดมีเบอร์มั้ยคะ?”
สมคิดคิดเครียด คิดถึงเขมชาติขึ้นมาทันที
รถตู้ของเอื้อจอดรออยู่ที่หน้าบ้านของเกนหลง เอื้อยืนข้างรถในชุดพร้อมเดินทาง ใบหน้านิ่งขรึม
พลางพยายามโทรหาสุริยง แต่ติดต่อไม่ได้ เอื้อกดวางสายไป หน้าตาไม่สบายใจ
ในขณะที่คุณพจน์เดินมาหาจากด้านหลัง
“คุณเอื้อ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ เกนถึงได้เลื่อนไฟล์ทกระทันหันแบบนี้”
เอื้ออึกอัก “เอ่อ”
พลันเสียงเกนหลง ก็ตอบแทรกเข้ามาแทน
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ เกนแค่ทำธุระเสร็จเร็ว ก็เลยอยากรีบไป จะได้มีเวลาเที่ยวมากขึ้น”
คุณพจน์มองหน้าลูกสาวอย่างไม่เชื่อ เอื้ออึกอัก เกนหลง รีบตัดบท
“ เกนพร้อมแล้ว เราไปกันได้เลยค่ะ” พลางหันมาทางบิดา “เกนไปก่อนนะคะคุณพ่อ ถึงแล้วจะ
รีบส่งข่าว สวัสดีค่ะ”
คุณพจน์รับไหว้ มองหน้าเกนหลงอย่างพยายามจับสังเกต เกนหลงเดินขึ้นรถไป
เอื้อหันมายกมือลาคุณพจน์ “สวัสดีครับ”
คุณพจน์ เอียงหน้าไปกระซิบกับเอื้อเบาๆ ได้ยินกันแค่สองคน “อาไม่เชื่อว่าเกนหลงจะรีบไปเที่ยว
และอาก็รู้ว่าคุณเอื้อรู้เหตุผลที่แท้จริง เอาเป็นว่า อาฝากดูแลลูกสาวอาด้วยก็แล้วกัน”
“คุณอาไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลเกนหลงอย่างดีที่สุด”
คุณพจน์ตบไหล่เอื้อเบาๆ ด้วยความไว้วางใจ เอื้อหันไปมองเกนหลงที่นั่งหน้าเครียดอยู่ในรถตู้ ด้วย
ความรู้สึกทั้งสงสาร ทั้งเห็นใจ พลางถอนใจเบาๆ แล้วเดินขึ้นรถตามไป
คุณพจน์มองรถตู้ที่แล่นออกไปด้วยความเป็นห่วง
เขมชาติเดินมาส่งสุริยง และหยุดยืนคุยกันอยู่ที่หน้าโรงแรมที่สุริยงพัก
“โรงแรมที่พักผมอยู่ห่างไป 2 ถนน ผมเลือกที่ไม่อยู่ใกล้คุณมากเกินไป คุณจะได้ไม่ต้องระแวงใน
ความบริสุทธิ์ใจของผม ผมขอส่งคุณแค่นี้นะ คุณจะได้ไม่คิดว่าผมอยากจะหาโอกาสทำลุ่มล่ามกับคุณ”
“ขอบคุณสำหรับวันนี้”
สุริยงยิ้มอย่างเชื่อใจเต็มที่
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณ วดี” พลางเอื้อมมือมาจับกุมเหมือนเพื่อนกับมือเพื่อน
“ขอบคุณที่คุณไว้ใจผม และให้โอกาสเราสองคนได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ถึงจะเป็นเวลาสั้นๆ แต่มัน
เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากสำหรับผม”
เขมชาติยิ้มจริงใจ สุริยงยิ้มรับนิดๆ ก่อนจะค่อยๆดึงมือออกอย่างสุภาพ และชวนเปลี่ยนเรื่อง
“พรุ่งนี้เรามีนัดลูกค้าตอนเช้านะคะ”
“ครับ จะมารอที่ล็อบบี้”
“ค่ะ” สุริยงรับคำพลางตั้งท่าหันหลังจะเดินไป เขมชาติรีบเรียกไว้
“วดี”
สุริยงหันมา
“ฝันดีนะครับ”
สุริยงยิ้มรับ และพูดตอบ “ฝันดีค่ะ”
สุริยงยิ้มให้ด้วยความเชื่อใจ และสบายใจ เขมชาติยิ้มตอบ
สุริยงหันหลังให้เขมชาติ และเดินเข้าโรงแรมไป เขมชาติมองตามหลัง จนแน่ใจว่าสุริยงเข้า
โรงแรมไปแล้ว ก็ค่อยเปลี่ยนจากยิ้มสุขใจ เป็นยิ้มร้ายด้วยความพึงพอใจ
“เป็นไปตามแผน”
ในขณะที่สุริยง ที่เดินเข้ามาในโรงแรม พอพ้นสายตาของเขมชาติก็ยิ้มออกมานิดๆ เป็นรอยยิ้มที่
โล่งๆ เบาๆ และสุขใจ
เพียงหนึ่งวันที่เขมชาติใช้ความเป็นมิตรขุดคุ้ยอดีตขึ้นมาท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และที่แปลก
ถิ่นไม่มีคนรู้จัก ทำให้สุริยงเผลอตัว ปล่อยให้อดีตที่ตัวเองพยายามกดไว้ได้เติบโตขึ้น เปิดใจให้เขมชาติเข้ามาโดยไม่
รู้ตัว
เขมชาติยิ้มร้ายแฝงความเจ้าเล่ห์นิดๆ เขมชาติหันหลังให้โรงแรมสุริยง แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ตัวเองมา
เปิดเครื่อง
ทันใดนั้นเสียงข้อความดังเข้ามาหลายครั้ง เขมชาติรีบกดดูเป็นชื่อสมคิดขึ้นมากมาย พอกดอ่านเป็น
ข้อความเหมือนกันคือ
“คุณเขม โทร.กลับด่วนครับ..ดึกแค่ไหนก็ต้องโทร.กลับนะครับ”
“คุณสมคิดเป็นอะไรของเขา ?” เขมชาติรำพึงกับตัวเอง
สมคิดกำลังนอนหลับสนิท นาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะบอกเวลาประมาณตีสามกว่า เสียงมือถือดังขึ้น
สมคิดสะดุ้งตื่น รีบลุกขึ้นมารับทันที
“คุณเขมครับ!”
ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง เขมชาติเดินไป คุยโทรศัพท์ไป ยังอารมณ์ดีอยู่
“คุณสมคิดส่งข้อความมาเป็นชุด ผมไม่อยู่บริษัทแค่วันเดียว คิดถึงผมขนาดนี้เลยเหรอ?”
สมคิดหน้าเครียด ไม่ขำด้วย พลางถามเสียงขรึม
“คุณเขม ตอนนี้คุณเขมไม่ได้อยู่อิตาลี่ใช่มั้ยครับ ?”
เขมชาติหุบยิ้ม สมคิดพูดต่อ
“ ผมโทรไปเช็คกับคุณสุกิจ เขาาบอกว่าคุณเขมยกเลิกการประชุม บอกว่าติดธุระสำคัญ ธุระอะไร
ครับ? ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
เขมชาติอึกอักๆ แต่พยายามทำเนียนๆ
“ ก็ธุระส่วนตัวนิดหน่อย”
สมคิดหน้าเข้ม ส่ายหน้า พูดเสียงเครียด
“จริงๆผมก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย แต่ผมแค่อยากจะเตือนว่า ถ้าคุณเขมไม่ได้บอก
เรื่องนี้กับคุณเกน จากธุระนิดหน่อยมันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะคุณเกนโทรเช็คกับคุณสุกิจ และเธอก็รู้แล้ว
ว่าคุณเขมไม่ได้ไปอิตาลี่”
เขมชาติอึ้ง หน้าเหวอ พูดอะไรไม่ออก
สมคิดพูดต่อ
“และเธอก็โทรหาวิบูลย์ถามเรื่องระหว่างคุณกับคุณสุ รวมทั้งเรื่องที่พาลูกคุณสุไปเล่นน้ำ ผมไม่รู้คุณ
เกนถามทำไม? แต่คุณเขมคงรู้ดีกว่าผม”
น้ำเสียงสมคิดจริงจัง
“ที่สำคัญตั้งแต่หัวค่ำผมติดต่อคุณเกนหลงไม่ได้ เลยลองติดต่อไปที่บ้านคุณพจน์ แล้วก็ทราบว่า
คืนนี้คุณเกนหลงกำลังเดินทางไปสวิสพร้อมกับคุณเอื้อ”
เขมชาติช็อกหนักกว่าเดิม
“เกนกำลังมาสวิส แล้วมาลงที่เมืองไหน ? ถึงเมื่อไหร่รู้หรือเปล่า”
“ถ้าให้ผมเดา น่าจะลงที่ซูริค แล้วก็น่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า”
เขมชาติช็อก เครียดหนัก สมคิดพูดต่อด้วยความเป็นห่วง
“ถ้าคุณเขมกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่กับคุณสุที่ซูริค และไม่อยากให้คุณเกนทราบ คุณเขมก็ระวังตัวไว้
ด้วย”
เขมชาติรีบตอบกลับด้วยความกังวล
“ขอบคุณมาก เออ คุณสมคิด ถ้าคุณมีอะไรคืบหน้ารีบรายงานผมทันที”
สมคิดคิดหนัก แต่ก็ต้องจำใจรับคำ
“ได้ครับ คุณเขม โชคดีนะครับ”
สมคิดวางสายไป พลางส่ายหน้า ด้วยความเป็นห่วง
ในขณะที่เขมชาติพูดจบก็วางสายไป คิดหนักเอาไงดี?
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 16 (ต่อ)
เช้ารุ่งขึ้น เขมชาตินั่งคุยโทรศัพท์อยู่ที่ร้านอาหารในโรงแรม ที่สุริยงพัก
“คุณสมภพ ผมเขมชาตินะครับ คือที่วันนี้เรานัดประชุมเพื่อเลือกผ้าสำหรับซ่อมแซมโรงแรมที่ลูเซิร์น
ถ้าผมจะขอยกเลิกแล้วไปเจอกันทีเดียวที่ลูเซิร์นในวันพรุ่งนี้ได้มั้ยครับ เพราะเราต้องไปดูหน้างานอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้อง
เสียเวลาเจอกันสองรอบ”
สมภพตอบกลับมาทางปลายสาย
“ดีครับ ตอนแรกที่ผมนัดเจอสองรอบเพราะเห็นว่าคุณเขมส่งเลขามาคนเดียว ก็เลยอยากจะเจอ
ก่อนหนึ่งรอบ ก่อนจะดูโรงแรมจริง แต่คราวนี้คุณเขมมาเอง ผมว่าเจอกันที่ลูเซิร์นเลยก็ดีครับ เพราะเจ้านายผมก็รออยู่
ที่โน่นอยู่แล้ว จะได้คุยกันทีเดียว”
เขมชาติยิ้มพอใจ “ดีเลยครับ งั้นก็ตามนี้นะครับสวัสดีครับ”
เขมชาติวางสาย พร้อมๆ กับที่สุริยงเดินมายืนที่ข้างโต๊ะ
“รถลิมูซีนพร้อมแล้วนะคะ ไปกันเลยมั้ยคะ ใกล้เวลาประชุมแล้ว”
“ไปครับ แต่ไม่ใช่ไปประชุม”
สุริยงชะงัก ขมวดคิ้ว เขมชาติรีบบอก
“คุณสมภพผู้ประสานงานโรงแรม เขาโทร.มาขอยกเลิกนัดเมื่อกี๊นี้เอง เขาบอกว่าพรุ่งนี้เราก็ต้องไป
เจอกันที่โรงแรมที่ลูเซิร์นอยู่แล้ว ก็เลยยกเลิกวันนี้แล้วไปเจอกันพรุ่งนี้ทีเดียว”
“อ้าว งั้นฉันจะไปยกเลิกรถลิมูซีนก่อนนะคะ”
เขมชาติ รีบบอก
“ ไม่ต้อง ไหนๆวันนี้เราก็ไม่ต้องทำงานแล้ว ผมว่าเราใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ดีกว่า เวลาของเรามี
ไม่มาก ผมอยากใช้ให้คุ้มค่ามากที่สุด”
สุริยงหยุดคิด เริ่มลังเลนิดๆ เขมชาติอ้อนต่อ
“เมื่อวานคุณรับปากว่าเราจะใช้เวลาตอนอยู่ที่นี่ด้วยกันอย่างเต็มที่ ก่อนจะจากกัน ห้ามคุณเปลี่ยนใจ
นะ”
สุริยงเริ่มใจอ่อน “แล้วคุณอยากทำอะไร?”
เขมชาติ ยิ้มกว้าง
“ผมอยากพาคุณออกจากซูริคเพื่อไปที่ที่นึง”
“ที่ไหน?”
สุริยงถามด้วยความอยากรู้ เขมชาติยิ้มนิดๆ แต่ยังไม่ยอมบอก
เอื้อกับเกนหลงเดินออกมาจากสถานีรถไฟ ที่เมืองซูริค เกนหลงมองซ้ายมองขวา หน้าเครียด เอื้อหัน
มาถามด้วยความเป็นห่วง
“ซูริคไม่ใช่เมืองเล็กๆ ถ้าเราตามหาแบบมั่วๆ คงไม่ได้เจอง่ายๆ คิดไว้หรือเปล่าว่าจะไปตามหา
ที่ไหน ?”
“เกนจะไปตามตารางนัดหมายของคุณสุ ถ้าเขาสองคนอยู่ด้วยกันจริงๆ เจอคุณสุ ก็ต้องเจอเขม”
เกนหลงหน้าเครียด เอื้อเห็นแล้วทั้งสงสารเกนหลง ทั้งเป็นห่วงสุริยง
“โอเค แล้วเรามีตารางงานของหนูเล็กหรือเปล่า?”
“ตอนนี้ไม่มี แต่เกนรู้ว่าจะหาได้จากใคร?”
เกนหลงคิดถึงสมคิด
“คุ คุณเกนต้องการอะไรนะครับ ?”
สมคิดรับสายจากเกนหลง พลางระล่ำระลักถาม
“เกนต้องการตารางงานที่สวิสของคุณสุค่ะ”
สมคิดปราดสายตาไปเห็นแฟ้มงานเขียนว่าตารางนัดหมายที่สวิส
“เอ่อ...เอ่อ...คุณเกนจะเอาไปทำอะไรเหรอครับ ?”
เกนหลงพยายามทำเสียงปกติ
“คือ เกนเคลียร์ธุระเสร็จเร็ว ก็เลยได้มาสวิสก่อนกำหนด เลยอยากจะเจอคุณสุ เผื่อจะช่วยงานอะไร
ได้บ้าง แต่เกนติดต่อมือถือคุณสุไม่ได้ ก็เลยอยากได้ตารางงาน จะได้ตามไปหาถูก”
สมคิดอึ้ง พลางคิดว่าจะทำอย่างไรดี
“เอ่อ...”
“คุณสมคิดส่งตารางงานของคุณสุให้เกนหน่อยนะคะ”
“เอ่อ ได้ครับ” สมคิดตอบอย่างลืมตัว แต่เมื่อนึกถึงได้ ก็รีบเปลี่ยนคำตอบ “เอ่อ ไม่ได้ครับ”
เกนหลงขมวดคิ้ว
“ทำไมคะ?”
“คือ พอดีผมไม่มีน่ะครับ เพราะคุณสุแพลนของเธอเอง แล้วก็ไปเองผมก็ไม่ได้ถามไว้ซะด้วย ไม่
รู้ว่าเธอเก็บเอกสารไว้ที่ไหน”
สมคิดรีบหาทางเอาตัวรอด
“เอาอย่างนี้นะครับ ผมจะไปหาให้ ถ้าหาเจอ จะรีบส่งให้คุณเกนทันที”
“ขอบคุณมากค่ะ งั้นเกนจะรอข่าวจากคุณสมคิดนะคะ สวัสดีค่ะ”
“คะ ครับๆ สวัสดีครับ”
สมคิดวางสายไปด้วยความไม่สบายใจ และรู้สึกผิด
“เฮ่อ คุณเขมนะคุณเขม โยนเผือกร้อนมาให้ผมจนได้ ทำไงหล่ะ ถ้าคุณเกนได้ตารางงานคุณสุ มีหวัง
ความแตกแน่ เฮ่อ คุณเกนครับ ผมขอโทษนะครับผมบอกไม่ได้จริงๆ”
สมคิดตัดสินใจเปิดลิ้นชัก และยัดแฟ้มไว้ในลิ้นชักก่อนจะปิดไว้อย่างแน่นหนา พลางถอนหายใจ
อย่างหนักด้วยความไม่สบายใจ
เกนหลงวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ พลางเอามือกุมขมับ หน้าเครียด เอื้อเดินมาพร้อมถาดกาแฟหนึ่งแก้ว
โกโก้หนึ่งแก้ว และขนมปัง 2-3 ชิ้น
ทันทีที่เห็นอาการของเกนหลง เอื้อก็รีบวางถาด แล้วจับมือที่กุมขมับอยู่ออก
“สำเร็จหรือเปล่า ?”
เกนหลงส่ายหน้า
“คุณสมคิดไม่มี แต่บอกว่าจะหาให้ ถ้าเจอจะรีบส่งมาทันที”
“โอเค งั้นระหว่างรอ ก็นี่โกโก้ร้อนกับขนมปังรองท้อง”
เกนหลงส่ายหน้า “เกนไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องทาน ตั้งแต่ออกจากประเทศไทย พี่ไม่เห็นเกนทานอะไรเลย เดี๋ยวก็เป็นลมกันพอดี”
“ท้องไส้มันปั่นป่วน เกนทานไม่ลง”
เกนหลงพูดพลางเลื่อนถาดออก เอื้อส่ายหน้าแล้วก็ดึงถาดมา หั่นขนมปัง ใช้ช้อนส้อมจิ้ม แล้วยื่นมา
ที่ปากเกนหลง เกนหลงส่ายหน้า เอื้อเอามาทิ่มที่ปากอีกเหมือนยั่ว เกนหลงก็ส่ายหน้าอีก เอื้อเลยเอามือมาบีบปาก
เกนหลงให้อ้าออก เกนหลงตกใจ จับมือเอื้อออกจากหน้าตัวเอง
“พี่เอื้อจะมาบังคับเกนแบบเด็กไม่ได้นะคะ เกนโตแล้ว “ เกนหลงพูดทั้งที่มือยังจับมือเอื้ออยู่
“ถ้าโตแล้วจริงๆ ก็ควรจะรู้ว่าร่างกายต้องการอาหาร ถึงไม่หิว ก็ต้องทาน ก่อนที่จะย่ำแย่ไปทั้ง
ร่างกาย ทั้งจิตใจ ที่มันเครียดอยู่แล้ว จะยิ่งเครียดหนักเข้าไปอีก”
เกนหลงเริ่มจะได้สติกลับมา เอื้อพูดต่อ
“ถ้าเกนไม่กินก็กลับบ้าน ไม่ต้องตามหาแล้ว เตือนอะไรก็ไม่ฟัง ถ้าดื้อแบบนี้พี่รับผิดชอบไม่ไหว
ถ้าเกนเป็นอะไรไป พี่คงมองหน้าคุณอาไม่ติด เอายังไง จะกินหรือจะกลับ”
น้ำเสียงของเอื้อ ทั้งดุ ทั้งเข้ม อย่างที่เกนหลงไม่เคยเจอ
“กินก็ได้”
เกนหลงเสียงอ่อย พลางเอามือเอื้อที่มีส้อมจิ้มขนมปังที่ตัวเองจับอยู่ยื่นเข้ามาที่หน้าตัวเอง แล้วก็กิน
ขนมปัง
เกนหลงปล่อยมือเอื้อ แล้วก็เคี้ยวด้วยความจำใจ เอื้อหั่นชิ้นต่อไปแล้วก็ป้อนอีก เกนหลงก็ยอมกินแต่
โดยดีเอื้อส่งโกโก้ให้ เกนหลงรับมา ยกดื่ม พลางปรายมองอยู่ที่โทรศัพท์รอสมคิดอย่างใจจดจ่อ เอื้อเห็นแล้วก็สงสาร
สมคิดนั่งกดส่งข้อความหาเขมชาติ
“คุณเกนถึงซูริคแล้วถ้าคุณเขมได้ข้อความรีบโทร.กลับผมด้วย”
สมคิดกดส่งข้อความแล้วก็ถอนใจ..
“เฮ่อ คุณเขมนะคุณเขมหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ”
สมคิดบ่นด้วยความไม่เข้าใจ และเป็นห่วง
เขมชาติพาสุริยงเดินทางมาถึงยอดเขาติสลิส ในเมืองแองเกิลเบิร์ก ทั้งสองคนเงยหน้ามองขึ้นไป
เขมชาติหันมาพูดด้วยความมั่นใจ
“นี่คือยอดเขาติสลิส เป็นยอดเขาที่มีหิมะตลอดปี ผมเคยมาตอนเปิดโรงงานใหม่ๆ ต้องมาหาลูกค้า
แถวนี้ ก็เลยได้แวะมาเที่ยว ข้างบนนอกจากวิวจะสวยแล้ว ยังมีอะไรสนุกๆให้เล่นอีกเยอะเลย”
“บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ชอบเล่นสกี”
สุริยงรีบออกตัว
“ใครบอกว่าผมจะพาไปเล่นสกี มีอย่างอื่นที่สนุกกว่านั้นเยอะ “
สุริยงขมวดคิ้ว “อะไร?”
“อยากรู้ต้องขึ้นไปดูเอง”
เขมชาติยิ้มกริ่ม แล้วจับข้อมือพาสุริยงไปเลย
เขมชาติพาสุริยงขึ้นกระเช้าขั้นที่ 1 ซึ่งเป็นกระเช้าเล็ก ขึ้นไปถึงสถานี Trübsee ที่มีทะเลสาป สุริยง
จะเดินออกเขมชาติจับมือไว้ และพาขึ้นกระเช้าต่อไปชั้นที่ 2 แล้วก็ต่อขึ้นไปชั้นที่ 3 ก่อนที่จะคว้าข้อมือพาเดินไปต่อ
อีกเล็กน้อย
“นี่จะพาฉันไปไหนเนี่ย?”
“เดี๋ยวก็รู้”
เขมชาติพาสุริยงเดินฝ่าหิมะไปด้วยความกระตือรือร้น
สุริยงมองดูเด็กฝรั่ง เล่นเครื่องเล่นไหลลงมาจากลานสโลปอย่างเร็ว พลางส่งเสียงกรี๊ดด้วยความสนุกสนาน แล้วก็หันหลังให้เลยจะเดินหนี เขมชาติคว้าข้อมือไว้
“จะไปไหน?”
สุริยง หันกลับมา “ ไปนั่งรอ อยากเล่นก็เล่นไปคนเดียวก็แล้วกัน”
เขมชาติรีบดึงไว้
“เอ้ย ไม่ได้ ผมไม่ได้อยากเล่นคนเดียว ผมอยากจะเล่นกับคุณ”
“แต่ฉัน ไม่กล้าเล่น”
“จะเล่นไม่เล่น” เขมชาติทำเสียงขู่
“ไม่เล่น”
“เล่นไม่เล่น”
“ไม่”
สุริยงตอบด้วยความมั่นใจ
สุริยงนั่งอยู่แถวหน้าในถาดที่ต่อกันเป็นแถวๆ พลางส่งเสียงร้องกรี๊ดด้วยความหวาดเสียว ในขณะที่
เขมชาตินั่งประกบอยู่ด้านหลังคอยบังคับทิศทางอย่างชำนาญ
“ระวังๆ ซ้ายๆๆๆ ขวาๆๆๆ”
เขมชาติหัวเราะชอบใจ พลางยิ่งแกล้งสุริยงด้วยความสนุก สุริยงร้องลั่นด้วยความตื่นเต้น
-ทั้งสุริยงและเขมชาติ เหมือนได้ย้อนกลับไปเล่นกันเหมือนเป็นแฟนกัน ตอนอยู่มหาวิทยาลัย ทั้งแววตา และการแสดงออก ดูสนิทสนม และไม่มีการวางฟอร์มใส่กันเหมือนที่ผ่านมา
ในขณะที่เกนหลงกับเอื้อนั่งอยู่ที่เดิม พลางคุยโทรศัพท์ ด้วยสีหน้ากังวล
“คุณสมคิดยังหาตารางงานไม่เจอเหรอคะ? ถ้าคุณสมคิดเจอแล้ว รบกวนส่งให้เกนด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ”
เกนหลงวางสายไป แล้วตัดสินใจบอกกับเอื้อ
“เกนไม่นั่งรอเฉยๆแล้วนะคะ เกนจะออกไปเดินตามหา ถ้าพี่เอื้อไม่อยากไป นั่งรออยู่ตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
เอื้อมองหน้าเกนหลง
“จากประเทศไทยพี่ยังไม่ปล่อยให้เกนมาคนเดียวเลย เดินแค่นี้พี่จะปล่อยได้ยังไง ไปไหนไปกัน”
เอื้อรีบลุกตาม เกนหลงมองเอื้อด้วยความตื้นตัน แล้วก็ถามตรงๆ
“พี่เอื้อ เกนขอถามตรงๆนะคะ พี่เอื้อเคยสงสัยในความสัมพันธ์ของเขมกับคุณสุบ้างหรือเปล่า? หรือ
ว่าที่พี่เอื้อดีกับเกน เพราะรู้สึกผิดที่รู้แต่ไม่เคยบอกเรื่องนี้”
เอื้อหันมาตอบ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่ไม่ได้มาด้วยความรู้สึกผิด แต่พี่มาด้วยความเป็นห่วง ห่วงทั้งเกน และห่วงทั้งหนูเล็ก ถ้าเขาสอง
คนอยู่ที่นี่ด้วยกันจริงๆ พี่เชื่อว่ามันไม่ใช่ความตั้งใจของหนูเล็กแน่นอน”
เกนหลงมองหน้าเอื้อ เห็นแววตาหนักแน่น และมั่นใจในตัวสุริยง เกนหลงเบี่ยงตาหลบ แล้วตอบกลับ
เสียงแข็ง
“ตอนนี้เกนไม่เชื่อใครทั้งนั้น ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว มันคือความสมัคร
ใจของทั้งสองฝ่าย และทั้งสองคนต้องรับผิดชอบ”
เกนหลงสรุปด้วยความคุกรุ่น แล้วก็เดินหน้าบึ้งตึงออกไปตามหาทันที เอื้อมองตาม ทั้งเห็นใจและ
เป็นห่วง
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 16 (ต่อ)
เอื้อกับเกนหลงเดินตามหาสุริยงกับ เขมชาติตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เกนหลงหน้าค่อนข้างเครียด
ขรึม พลางกวาดสายตามองหาด้วยความร้อนใจ ในขณะที่เอื้อเดินประกบ ทั้งคอยมองหา และมองเกนหลงด้วย
ความเป็นห่วง
ส่วนอีกด้านหนึ่งเขมชาติ และสุริยง กำลังเล่นหิมะกันอย่างสนุกสนานที่ลาน Balancerและ Slide
tubes เขมชาติและสุริยงหัวเราะปลดปล่อยเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง
ช่างเป็นภาพที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
ในขณะที่เมืองไทย ในขณะที่อาทิตย์กับนภากำลังทำขนม เสียงเครื่องปั่นดังจนไม่ได้เสียง
โทรศัพท์มือถือที่ว่างอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้าน
สุริยงยืนอยู่ที่เคาท์เตอร์รอคนรับสาย อาทิตย์ปิดเครื่องปั่น เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามา
“ใครโทรมาดึกๆดื่นๆ”
นภาดูนาฬิกา แล้วสันนิษฐาน “หนูเล็กหรือเปล่าพ่อ?”
อาทิตย์พยักหน่าเห็นด้วย
“เออใช่ ใช่ แล้วโทรศัพท์อยู่ไหนหล่ะเนี่ย”
อาทิตย์รีบเดินเข้าไปในบ้าน หาโทรศัพท์มือถือด้วยความรีบร้อน
ในขณะที่สุริยงยืนอยู่ที่เดิมรอสักพัก ดูนาฬิกาแล้วพูดกับตัวเอง
“สงสัยจะนอนกันหมดแล้วมั้ง”
อาทิตย์เดินมาถึงโทรศัพท์หยิบมา แต่ยังไม่ทันจะกดรับ สุริยงวางสาย ก็วางหูไปเสียก่อน
“อ้าว วางไปซะแล้ว”
อาทิตย์ส่ายหน้าเสียดาย พลางกดดูเบอร์
“เบอร์จากเมืองนอก สงสัยจะเป็นหนูเล็กจริงๆด้วย”
อีกมุมหนึ่ง เขมชาติกดเช็คอ่านข้อความที่สมคิดส่งมา
“เกนหลงอยู่ซูริค”
เขมชาติ กำลังคิด ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี จังหวะเดียวกับที่เจ้าหน้าที่เข้ามาบอก
“กระเช้าเที่ยวสุดท้ายจะออกอีกครึ่งชั่วโมงนะครับ”
“กระเช้าเที่ยวสุดท้าย”
เขมชาติยิ้มกรุ้มกริ่ม เมื่อคิดแผนร้ายได้
“อยากไปเดินเล่น?”
สุริยง ที่เพิ่งเดินเข้ามา ถามด้วยความแปลกใจ
“ใช่ เขาบอกว่าด้านโน้น เป็นป่าที่สวยมากเลยนะ แล้วก็มีโบสถ์เล็กๆ โรแมนติกมาก ผมอยากไปดู”
“แล้วจะกลับมาทันกระเช้าเที่ยวสุดท้ายหรือเปล่า ?”
“ทันสิ ผมเช็คตารางแล้ว ไปเดินเล่นไม่นานหรอกนะ ผมอยากพาคุณไปดูโบสถ์ ในรูปสวยมาก “
สุริยงคิดๆ แล้วก็พยักหน้า เขมชาติยิ้มดีใจ แล้วก็รีบจูงมือไป
“ไป จะได้รีบกลับมาให้ทันกระเช้าเที่ยวสุดท้าย”
เขมชาติพูดไปยิ้มไปเหมือนจะกลับมาทันแน่ๆ ในขณะที่ในใจไม่คิดจะกลับมา
เขมชาติเดินอยู่กับสุริยง พลางชวนคุยต่างๆนานา สุริยงฟังไปเดินไป เพลินๆ พาลนึกถึงเหตุการณ์
สมัยที่ทั้งคู่เป็นแฟนกัน
สุริยงมองเขมชาติ แล้วก็ยิ้ม รู้สึกปลอดภัย และไม่เอะใจสักนิดว่าเวลาล่วงเลยมานานขนาดไหนแล้ว
เขมชาติทำเป็นมองไปรอบๆ แล้วก็เดาๆ อย่างมั่นใจ
“ผมว่าโบสถ์น่าจะไปทางโน้นนะ เดินไหวมั้ย? เดินต่ออีกหน่อยนะ ผมว่าอีกแป๊บนึงก็น่าจะถึงแล้ว”
แล้วเขมชาติ ก็พาสุริยงเดินเข้าไปในป่าลึก
พนักงานประจำโรงแรม ยื่นกุญแจห้องให้เอื้อ พลางอธิบายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“นี่เป็นการ์ด และ บัตรรับประทานอาหารเช้า”
เอื้อรับมา “ขอบคุณครับ” พลางมองด้วยความงุนงง “แค่ห้องเดียว ? “
“ใช่ครับ”
เอื้อหันไปมองเกนหลงที่ยืนหมดสภาพอยู่ใกล้ๆ
เขมชาติยืนอยู่กลางป่ากับสุริยง แล้วทำทีเป็นแกล้งบ่นอย่างหงุดหงิด
“เอ๊ะ ทำไมยังไม่เห็นโบสถ์อีกนะ ที่ผมอ่านเขาบอกว่าเดินมาแค่ครึ่งชั่วโมงก็เจอ สงสัยผมจะพา
คุณหลงทางแล้วเนี่ย?”
สุริยงดูนาฬิกาแล้วตกใจ
“สองทุ่ม”
เขมชาติแกล้งทำเป็นตกใจไปด้วย
“สองทุ่มจริงๆด้วย นี่เราเดินมาชั่วโมงกว่าแล้วเหรอเนี่ย ? กว่าเดินกลับไปก็อีกชั่วโมง แบบนี้ก็ไม่ทัน
กระเช้าลงเขาแน่ๆ ผมขอโทษนะวดี”
“ไม่เป็นไรฉันก็เดินเพลินเหมือนกัน ก็ผิดทั้งคู่”
เขมชาติยิ้มรับ สุริยงพูดต่อ
“แล้วเราจะทำยังไงต่อ?”
เขมชาติทำเป็นคิด
“ผมนึกออกแล้ว”
ห้องพักอย่างหรูถูกเปิดเข้ามา พนักงานหิ้วกระเป๋าเข้ามาส่ง
“ขอบคุณมาก”
เอื้อเดินนำเกนหลงเข้ามาในห้อง
“พี่ต้องขอโทษด้วย เลขาพี่คงจะเข้าใจผิดเรื่องการจองห้อง เลยจองไว้แค่ห้องเดียว ห้องอื่นๆก็ดันมา
เต็มซะอีก แน่ใจนะว่าไม่อยากไปลองหาโรงแรมอื่น”
เกนหลงส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ เกนไม่ไหวแล้ว”
พูดพลางทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างหมดแรง มีกระเป๋าสะพายวางไว้ข้างตัว
“งั้นเกนก็นอนบนเตียงนะ พี่นอนที่โซฟาเอง”
เกนหลงพยักหน้าเหนื่อย “ขอบคุณค่ะ” พลางเปิดกระเป๋าหยิบอุปกรณ์ล้างเครื่องสำอางค์
ออกมาแบบเหนื่อยๆ
เอื้อดูนาฬิกา
“พี่จะลองโทรหาหนูเล็กอีกที เผื่อจะติด เกนก็ตามสบายนะ”
“ค่ะ”
เอื้อมองสภาพเกนหลงที่ดูหมดแรงด้วยความสงสาร แล้วก็หันไปกดโทรศัพท์ พลางรอสัญญาณ
ตอบรับ แต่ไม่มีอีก เอื้อถอนใจแล้วก็เดินกลับมาที่เกนหลง แล้วก็ชะงักกึก ที่เห็นเกนหลงนั่งหลับคอพับอยู่ที่โซฟา ใน
มือยังมีสำลีและขวดเช็ดเครื่องสำอางอยู่ในมือ
เอื้อยิ้มนิดๆ ด้วยความเอ็นดู แล้วเดินมาอุ้มเกนหลงมาวางไว้บนเตียงอย่างนุ่มนวล พลางหยิบสำลี
ออกมาจากมือของเกนหลง พลางตัดสินใจเทครีมใส่สำลี และเช็ดเครื่องสำอางให้อย่างแผ่วเบา จากนั้นก็หยิบ
ผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำอุ่นในห้องน้ำแล้วเช็ดหน้าให้เกนหลงอีกครั้งจนแน่ใจว่าสะอาด แล้วก็เช็ดมือ เช็ดแขนให้อย่าง
สุภาพ ก่อนที่จะหันมาถอดรองเท้า และจัดท่านอนให้สบายๆ
เกนหลงนอนหลับสนิทด้วยความเหนื่อย เอื้อเดินถอยมานั่งที่โซฟามองเกนหลงแล้วก็สงสาร
เอื้อยืนอยู่ที่ระเบียงในห้องพักที่โรงแรม พยายามกดโทรศัพท์หาสุริยง ทว่าก็ติดต่อไม่ได้อีกตาม
เคย
เอื้อถอนหายใจอย่างเหนื่อย และหนักใจ พลางเดินกลับมาที่ห้องนอน ได้ยินเสียงเกนหลงละเมอ
“เขมทำไม ทำไม ทำไมต้องโกหก ทำไม”
เกนหลงงึมๆ งำๆ แล้วก็นอนหลับต่อ คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความเครียด เอื้อเดินมาแล้วค่อยๆ ใช้
มือคลายคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอย่างอ่อนโยน พลางมองหน้าเกนหลงด้วยความสงสาร
เขมชาติ พาสุริยงมาถึงกระท่อมริมทะเลสาป เป็นกระท่อมที่มองไม่เห็นเมือง ไม่เห็นโรงแรม
“ถึงแล้ว ที่พักของเราคืนนี้?”
สุริยงมองหน้า “ถามจริง?”
“จริงครับ เพราะตอนนี้เห็นฟ้าสว่างๆ แต่มันก็เกือบสามทุ่มแล้ว กว่าจะเดินกลับไปที่รีสอร์ทก็เป็น
ชั่วโมง ผมกลัวว่า ถ้าฟ้ามืดระหว่างทางที่เราเดินกลับ จะยิ่งแย่ ผมเห็นรูปบ้านหลังนี้ในอินเตอร์เน็ต มีนักท่องเที่ยวที่
เดินป่า แวะมาพักอยู่บ้าง”
สุริยง พยักหน้ารับรู้ “ถ้ามีคนเคยมาพักได้ เราก็น่าจะพักได้”
เขมชาติยิ้ม พอใจ
“เราลองเข้าไปดูข้างในกันนะ”
สุริยงพยักหน้า เขมชาติเดินนำเข้าไป แล้วก็แอบยิ้มพอใจที่สุริยงยินยอม
ภายในบ้านพักไม่มีอะไรตกแต่งเลย เป็นบ้านไม้โล่งๆ มีอุปกรณ์เดินป่า หรืออุปกรณ์ช่วยชีวิตวางอยู่
บ้าง สุริยงเดินตามเข้ามา กวาดสายตามองไปรอบๆ
“พอจะนอนได้มั้ย?” เขมชาติหันมาถาม
“ก็ดีกว่านอนในป่า”
“คุณนี่ก็แปลกนะ บางเรื่องก็ทำตัวให้เข้าใจย้าก ยาก แต่บางเรื่องก็ง่ายจนน่าแปลกใจ”
สุริยงยิ้ม
“แล้วแต่สถานการณ์มั้งคะ แค่ผิดโปรแกรมท่องเที่ยว ไม่ได้นอนโรงแรมตามที่แพลนไว้ก็แค่นั้น ไม่ใช่
เรื่องใหญ่”
เขมชาติซ่อนสีหน้าพอใจไว้ “โอเคเยี่ยม งั้นผมจะเนรมิตที่นี่ให้หรูไม่แพ้โรงแรมจริงๆเลย”
สุริยงมองไปรอบๆ
“ที่นี่เนี่ยนะ?”
“คอยดูก็แล้วกัน”
พูดจบเขมชาติก็วางกระเป๋า แล้วก็ถอดเสื้อแจ็คเก็ต เหลือแค่เสื้อยืดตัวเดียว สุริยงเดินถอยไป ถอด
เสื้อคลุมออก แล้วยืนมอง เขมชาติมองไปรอบๆ แล้วก็เอาเรือเป่าลมมาปูที่พื้น จากนั้นก็หันมาหยิบผ้าพันคอของ
ตัวเองในกระเป๋า ก่อนที่จะก็เดินมาหาสุริยง พลางเอื้อมมือมาหยิบเสื้อคลุม ที่สุริยงคล้องไว้ที่แขน แล้วเอาเสื้อคลุม
มาปูบนเรือ จากนั้นก็จัดเอากระเป๋ามาวางไว้เหมือนเป็นหมอน แล้วก็หันมาทางสุริยง
“เรียบร้อยแล้วครับคุณผู้หญิง”
สุริยงมองแล้วก็ยิ้ม
“หรูมาก ไม่แพ้โรงแรมเลยจริงๆ”
เขมชาติหัวเราะออกมาเบาๆ รู้ว่าสุริยงแอบประชด สุริยงเห็นแล้วก็หัวเราะตาม บรรยากาศใน
กระท่อมหลังเล็กๆ เต็มไปด้วยความสุข
สุริยงเดินมานั่งลงบนที่นอน ถอดรองเท้าเตรียมนอน เขมชาติรีบตามมา เห็นสุริยงกำลังจะนอนก็ชวน
คุย
“เห็นแล้วก็นึกถึงคืนที่เราไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันครั้งแรก จำได้หรือเปล่า? คืนนั้นคุณทำอะไร?”
สุริยงชะงัก ยังคงจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้อย่างแม่นยำ
สุริยง จำได้ว่าครั้งนั้น เธอวางหมอนใบที่หนึ่งไว้ตรงกลางเตียง ตามด้วยหมอนใบที่สอง และใบที่สาม
ในขณะที่เธอกับ เขมชาตินั่งบนเตียง คนละข้างกับหมอน
“วดี ทำอะไร? ก่อกำแพงเมืองจีนเหรอ?”
สุริยง วางหมอนใบที่สี่แล้วก็เงยหน้าตอบ
“เพื่อความปลอดภัย”
เขมชาติกอดอก
“นี่ ผมบอกไว้ก่อนนะ ผู้ชายอย่างเขมชาติ ถ้าไม่มีคำว่า “ค่ะ” หลุดออกมาจากปากผู้หญิง อย่า
หวังเลยว่าผมจะยอม ถึงผมจะเป็นผู้ชาย ผมก็รักนวลสงวนตัวเหมือนกันนะครับ”
สุริยงหมั่นไส้เอาหมอนปาใส่หน้าอย่างแรง
เขมชาติร้องเสียงหลง “โอ้ย”
“หมั่นไส้ พูดมากกว่านี้จะไล่ออกไปนอนข้างนอก”
เขมชาติหัวเราะ ที่กวนประสาทสุริยงได้
สุริยงตอบหน้านิ่ง ๆ แต่แอบกวน
“เสียดาย ที่นี่ไม่มีหมอน ไม่งั้นจะเอามาก่อกำแพงเมืองจีน”
เขมชาติหันขวับมา “คุณจำได้ด้วย”
สุริยงยิ้มๆ ไม่พูดอะไรต่อ เขมชาติรีบถามต่อ
“แล้วจำได้หรือเปล่าว่าคืนนั้น สรุปแล้ว มันจบลงยังไง?”
สุริยงชะงักคิดถึงภาพที่ตัวเองนอนจับมือกับเขมชาติ มือของทั้งสองคนถูกวางไว้บนหมอน เขมชาติ
จับมือสุริยง และนอนหลับไปอย่างมีความสุข
สุริยงหน้าแดงซ่าน แอบอายนิดๆ ยามนี้ทั้งคู่ก็นอนอยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกับอดีต ต่างกันก็เพียงแต่
ไม่มีหมอนวางขวางอยู่
เขมชาติค่อยๆขยับมือมาวางอยู่ตรงกลาง แล้วก็พูดเสียงเศร้าๆ
“น่าเสียดาย ผมคงทำได้แค่นี้ วันนี้มันไม่ใช่วันนั้น ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิม”
เขมชาติทำหน้าเศร้าๆ สุริยงมองแล้วก็สงสารจับใจ พลางคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่นอนจับมือกัน
ในอดีต สุริยงและเขมชาตินอนยิ้มอย่างมีความสุข
สุริยงคิด จนสุดท้ายตัดสินใจยื่นมือตัวเองออกไป และจับมือเขมชาติไว้ เขมชาติอึ้ง ถึงจะเป็นแผน
แต่ก็อดตื่นเต้น จนใจเต้นแรงไม่ได้ พลางมองหน้าสุริยง คิดไม่ถึงว่าสุริยงจะยอมจับมือ
และในวินาทีนั้น เขมชาติก็ดึงมือสุริยงเข้ามาและกอดสุริยงไว้อย่างตั้งใจ สุริยงตกใจนิดๆ
“เขม”
เขมชาติกอดไว้ และกระซิบเสียงแผ่ว
“ไม่ต้องห่วง ผู้ชายอย่างเขมชาติ ถ้าไม่มีคำว่า “ค่ะ” หลุดออกมาจากปากผู้หญิง อย่าหวังเลยว่าผม
จะยอม”
สุริยงรีบพูดต่อ“ฉันรู้ว่าคุณรักนวลสงวนตัว”
แล้วทั้งสองคนก็ขำกันออกมาพร้อมกัน ก่อนที่เสียงหัวเราะจะจางหายไป เหลือไว้เพียงความ
เงียบที่อบอุ่น สองคนมองหน้ากัน เยื่อใยของความรัก ความคิดถึงที่ถูกเก็บกักไว้ แสดงออกอย่างชัดเจนในสายตา
ในจังหวะนั้นเองเขมชาติก็ค่อยๆเลื่อนริมฝีปากเข้ามาใกล้ใบหน้าของสุริยง ลมหายใจอุ่นๆ ละใบหน้า
สุริยงหลับตา แต่แล้วสติสุดท้ายก็ยั้งไว้ สุริยงเบี่ยงหน้าหลบเป็นการปฎิเสธ
เขมชาติชะงัก และเลื่อนใบหน้าออกมา กระซิบที่หู
“ฝันดีนะวดี”
สุริยงไม่ตอบอะไร แต่ยิ้มนิดๆ ดีใจที่เขมชาติเข้าใจ และยั้งไว้ได้เหมือนกัน
“ฝันดีค่ะ”
แล้วทั้งคู่ก็นอนจับมือกันเหมือนในอดีต เป็นภาพที่สวยงามและอบอุ่น จนเขมชาติเอง ยังถึงกับลืม
เรื่องแก้แค้นไปชั่วขณะ
จบตอนที่ 16