เรือนริษยา ตอนที่ 15
ไฟในเรือนรัตนะปิด เงียบ มีเพียงแสงไฟจากโคมไฟตามเสา 2-3ดวง เหมือนไม่มีใครอยู่
นันทนัชก้าวเข้าบ้านมา มือล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองด้วยความเป็นห่วงกฤตพนธ์
"คุณกฤตมีเรื่องอะไรรึป่าว น่าจะโทร.มาบอกกันมั่ง"
อยู่ๆ เสียงรณฤทธิ์ก็พูดดังขึ้น
"บ้านหลังนี้ ไม่มีพ่อแม่หรือโคตรเหง้าของเธออีกแล้ว ยังจะด้านกลับมาอีก"
เธอสะดุ้งเฮือก ตัวเย็นวาบ หันขวับมามอง เห็นรณฤทธิ์ยืนพิงเสาอยู่ในแสงสลัวใกล้ทางขึ้นบันได กลิ่นเหล้าคลุ้ง แต่ยังทำใจกล้ารับมือ
"หึ ฉันน่าจะเป็นคนพูดว่าบ้านหลังนี้ไม่ใช่สมบัติของพ่อแม่หรือโคตรเหง้าของนายมากกว่า ยังจะด้านอยู่กันอีก"
เธอสะบัดหน้าเดินจะขึ้นบันได แต่รณฤทธิ์โผเข้ามาคว้าแขนเอาไว้
"งั้นเราก็มาทำญาติกันเลยดีกว่า"
"ไอ้เลว! ปล่อยฉันนะ"
เธอตบหน้ารณฤทธิ์เผี๊ยะ ผลักจนอีกฝ่ายผงะออก แล้วรีบเดินหนีขึ้นบันได แต่รณฤทธิ์กลับลูบแก้มหัวเราะก้องราวกับชอบใจ พลางวิ่งขึ้นบันไดตามมา
"รุนแรงแบบนี้ เร้าใจดีวะ ฉันชอบ วู้!"
รณฤทธิ์โถมเข้ากอด นันทนัชร้องกรี๊ด...ดิ้น ถีบหลุดจากมือมัน มันเสียหลักล้มลง แต่มือมันคว้าข้อเท้านันทนัชไว้ได้...ดึง ทำให้นันทนัชล้มลงไหล่ข้างซ้ายล้มกระแทกครูดเอากับราวบันได
"โอ๊ย"
ศรีกับเดือนได้ยินเสียง เดินออกมาดูที่ข้างล่างบันได
"ว้าย...คุณนัน"
ศรีจะขึ้นมาช่วย แต่เดือนจิกผมศรีดึงไว้
"อย่าสอดอีศรี!"
"แต่..."
"ดูเฉยๆ ปล่อยให้คุณรณจัดการนังนั่นไป"
เดือนยิ้มร้ายมองขึ้นบันไดไป ศรีได้แต่ยืนมองด้วยความตกใจ ทำอะไรไม่ได้ รณฤทธิ์ปล้ำจับเพราะความเมาทำให้นันทนัชที่สู้สุดฤทธิ์จนหนีเอาตัวรอดขึ้นชั้นบนไปได้
เธอหนีกระหืดกระหอบขึ้นบันไดมาได้ก็รีบตรงมาที่ห้องนอน แต่รณฤทธิ์ตามติด
โดยมีเดือนกับศรีรีบวิ่งขึ้นบันไดตามมาดูห่างๆ...
"แกจะหนีไปไหน"
รณฤทธิ์คว้าตัวเธอไว้ได้อีกครั้ง
"แกอยากตายใช่ไหม ฉันจะยิงแกให้ดิ้นเลย"
นันทนัชจะเปิดกระเป๋าคว้าปืน แต่ รณฤทธิ์จับล็อกแขนและมือไว้
"เอะอะก็จะชักปืน คิดเหรอว่าปืนอันเดียวของแก จะช่วยแกให้รอดจากเงื้อมมือฉันได้ตลอดไปน่ะ ฮ่ะๆๆ"
"ปล่อยฉันนะ"
"อย่าพยายามเลยน่า วันนี้แกไม่มีโอกาสได้ใช้ปืนหรอก ลืมเรื่องปืนซะดีกว่า แล้วเรามาสนุกด้วยกันฮ่ะๆๆ"
รณฤทธิ์พูดพลางยื่นหน้าเข้าหาอย่างเมามายได้ที่
"อย่านะ...ไอ้ชั่ว...ปล่อย...ช่วยด้วย"
ศรีทำท่าเหมือนจะเข้าไปช่วย แต่เดือนดึงมองหน้าห้ามไว้
ฤทัยกับกนกกรได้ยินเสียงก็ออกจากห้องมาดู
"ว้ายไอ้บ้ารณ...แกไปปล้ำมันทำไม...หื่นมาจากไหนเนี่ยะ"
แต่ฤทัยกลับดึงกนกกรไว้
"ปล่อยมัน! ให้น้องแกสนุกไป นั่งนี่มันต้องเจอของจริงแบบนี้ หึๆๆ"
กนกกรเลยเห็นดีเห็นงามกับฤทัย ยืนมองเฉย
"ช่วยด้วย"
เธอเหลือบมองขอความช่วยเหลือมาที่ฤทัยกับกนกกร...สุดแสนเจ็บปวดที่เห็นทั้ง 2 ยืนกอดอกมองเยาะอย่างสะใจไม่คิดที่จะช่วย เธอพยายามปกป้องตัวเองสุดกำลัง
"ไล่ไม่ไปใช่ไหม อยากอยู่ยั่วโทสะกู กูก็จะสนองความอยากให้ แล้วทุกคนที่ช่วยมึงกูก็จะเล่นมันให้หมดเลย...ฮ่ะๆ หลบไปไหนเล่า มามะ"
รณฤทธิ์กอดซุกไซ้พลางขู่ เธอกัดหมับไปที่ไหล่
"อ๊าก"
รณฤทธิ์กระชากผมเธอจนหน้าหงาย จับบีบคางนันทนัชอย่างโกรธ
"ชอบกัดนักเหรอมึง เดี๋ยวกูกัดมึงคืนมั่ง อย่าร้องก็แล้วกัน"
เธอไม่ปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือ สวนเข่าเข้าเป้ารณฤทธิ์ที่กำลังพล่าม
"นี่แน่ะ ไอ้ชาติชั่ว"
"โอ๊ะ!"
รณฤทธิ์เจ็บจุกปล่อยมือ เธอใช้กระเป๋าฟาดหัวซ้ำไปเต็มแรงอีกครั้ง จนรณฤทธิ์ล้มกองอยู่กับพื้น
"ว้ายๆๆ...ตารณ! อีนัน...แกทำลูกฉันทำไม...นังบ้า"
นันทนัชรีบวิ่งไปไขกุญแจเข้าห้องไปทันที
ฤทัยกับกนกกรรีบเข้ามาดูรณฤทธิ์
"เป็นยังไงบ้างลูก"
"สนุกเป็นบ้าเลยแม่ฮ่ะๆๆ อู๊ย"
รณฤทธิ์หัวเราะร่วนอย่างเมามาย แต่นอนจับเป้าจุก กนกกรยิ้มอย่างสมน้ำหน้านันทนัชสุดๆ
พอนันทนัชเข้าห้องมาได้ ก็เดินจับคอเสื้ออย่างอกสั่นขวัญแขวน ในชีวิตไม่คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์ถูกปลุกปล้ำอย่างงี้ เธอทรุดร้องไห้คนเดียวเงียบๆ อย่างน่าสงสาร
เวลาเดียวกันในคืนนั้น ที่ร้านอาหารของแฟนต้าที่ปิดร้านแล้ว ไม่มีลูกค้า เหล่าพนักงานกำลังเก็บโต๊ะ เช็ดพื้น ธีร์ยืนรออยู่อย่างร้อนใจ แฟนต้าเดินออกมาจากด้านหลังของร้าน
"พอร้านปิดปุ๊บ น้าทิพย์ก็แว๊บหายออกไปจากร้านทันที"
"แล้วไหนล่ะ สำเนาบัตรประชาชนที่ต้าไปเจอในห้องน้าทิพย์"
แฟนต้าล้วงสำเนาบัตรประชาชนออกมาสะบัดคลี่พรึ่บ
"จัดไป"
บริเวณย่านตลาดโต้รุ่งคลอง 5 ปทุมธานี เวลากลางคืนต่อเนื่องท่ามกลางบรรยากาศย่านตลาดขายอาหารที่มีร้านค้า รถเข็นขายอาหารอยู่ริมทาง
ธีร์กับแฟนต้าเดินข้ามถนนมา...ยื่นสำเนาบัตรปชช.ถามกับคนแถวนั้น
แฟนต้าถามเอากับลูกค้าหนุ่มสาววัยรุ่นคู่หนึ่ง ลูกค้าทั้งคู่ส่ายหน้า
แฟนต้ากับธีร์เลยเดินมาที่รถเข็นขายกับข้าว...
"รบกวนครับป้า บ้านเลขที่นี้อยู่หลังไหนครับ"
แม่ค้ารุ่นเกือบ60 พอดูสำเนาบัตรเห็นรูปทิพย์ก็จำได้
"นี่มัน...รูปนังทิพย์นี่"
ชิดที่กำลังยืนซื้อกับข้าวอยู่ร้านใกล้ๆ สีหน้าตกใจค่อยๆหันมามอง
ขณะที่แฟนต้ากับธีร์ดีใจ
"คุณป้ารู้จักเหรอคะ"
"รู้จักซิ ก็ฉันอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด เห็นนังทิพย์มันช่วยแม่มันขายกับข้าวอยู่แถวนี้ตั้งแต่เด็ก โน่นแน่ะคุณ บ้านมันอยู่เกือบสุดซอยโน่นน่ะ"
ชิดยืนหิ้วถุงกับข้าวมองตามอย่างรู้สึกกังวล ไม่รู้ 2 คนนั่นมาตามหาทิพย์ทำไม
บ้านหลังเก่าๆ บ่งบอกว่าเคยเปิดเป็นร้านขายกับข้าว แต่เลิกไปแล้ว ดูเงียบๆร้างๆ ทั้งคู่เดินเข้ามา แฟนต้ามองเลขที่บ้านในสำเนาบัตรเปรียบเทียบกับเลขที่หน้าบ้าน พยักหน้าบอก ใช่
"โทษครับ มีใครอยู่บ้างครับ"
เงียบ
"มีใครอยู่ไหมคะ"
ชิดเดินตามมาหยุดแอบดูอยู่ร้านข้างๆ หลังจากตะโกนเรียกอยู่สักครู่ก็มีเสียงตะโกนกลับออกมาจากบ้าน พร้อมเสียงเปิดกลอนประตู
"ใคร! ใครมาตะโกนวะ"
พ่อเลี้ยงทิพย์ในวัย70 กว่าแก่ ทรุดโทรม แต่หน้ายังร้ายเหมือนเดิมเปิดประตูออกมา
"สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ"
"พวกแกเป็นใคร? มาทำไม"
"เรามาหาน้าทิพย์น่ะค่ะ"
"ที่นี่ไม่มีอีทิพย์! มันหนีตามผู้ชายไปตั้งนานแล้ว"
"หนีตามผู้ชาย"
"ไอ้ลิตรไง...ไอ้แมงดาเกาะผู้หญิงกิน ไอ้พระยาเทครัว มันได้ทั้งนังคุณนายเรไร ทั้งนังรำเพยน้องสาวอีคุณนายมาเป็นเมีย ยังไม่พอ มันยังเอาอีทิพย์ไปเป็นเมียเก็บของมันอีกคน มันถึงตายไม่ดีไง ฮ่ะๆๆ"
แฟนต้ากับธีร์หันมองหน้ากัน ตกใจกับเรื่องราวที่ได้ยิน
"สะใจกูจริงๆโว้ย ที่กูยังอยู่ได้เห็นวันที่มันตายก่อนกูไอ้ลิตร ฮ่ะๆๆ โอะๆๆ"
พ่อเลี้ยงหัวเราะจนไอโขก บ่งบอกว่าสุขภาพไม่ดี เซ จะทรุด
ธีร์กับแฟนต้าจะเข้าไปดูว่าเป็นอะไรรึปล่าว แต่พ่อเลี้ยงหันมาตวาดทั้งคู่
"ไปให้พ้นบ้านฉัน! อย่ามาถามถึงอีทิพย์อีเนรคุณกับฉันอีก แล้วถ้าแกเจอมันนะ ฝากบอกมันด้วยว่า คนอย่างมัน ไม่ตายดีหรอก มันกับไอ้ลิตรทำชั่วอะไรไว้ มันต้องชดใช้กรรม ไอ้ลิตรชิงตายไปก่อนแล้ว อีทิพย์จะเป็นรายต่อไป ฉันจะไปรอมันอยู่ในนรก ฮ่ะๆๆ โอะๆๆ"
แฟนต้ากับธีร์ยืนอึ้งมองพ่อเลี้ยงที่ไอแทบขาดใจ ชิดยืนแอบฟังอยู่หายไปแล้ว
เวลาต่อมา ชิดผลักประตูรั้ว รีบเดินตรงไปที่บ้านกลางสวนที่ซ่อนด้วยต้นไม้รกทึบ อย่างร้อนใจ บรรยากาศโดยรอบลมพัดแรง ฟ้าแลบแปลบปลาบบ่งบอกว่า พายุฝนกำลังจะมา
ทิพย์เดินตัวปลิวไปถึงหน้าบ้าน ชิดตะโกนเรียก
"ทิพย์! ทิพย์"
ทันทีที่ทิพย์รับรู้เรื่องราวก็โกรธจัด
"ต้องเป็นคุณต้ากับคุณธีร์แน่ๆ"
"แล้ว2คนนั่นได้ที่อยู่บ้านเก่าทิพย์มาได้ยังไง"
ทิพย์นึกย้อนไป ถึงวันที่... หนังสือร่วงจากกอง ... และแฟนต้าตกใจ เมื่อเห็นทิพย์โผล่มายืนข้างหลัง
"หึ พอฉันเผลอ เค้าก็แอบเข้าไปรื้อค้นในห้องฉัน"
"ทิพย์ทำงานที่ร้านนั้นมาตั้งนาน ตั้งแต่รุ่นแม่เค้า อยู่ๆเค้าเกิดมาสงสัยทิพย์ในตอนนี้ได้ไง"
"ก็เพราะนายธีร์ตัวดี มันไม่เห็นด้วยที่คุณนันจะไปสู้รบปรบมือกับพวกนังฤทัย เพื่อแย่งชิงมรดกของคุณลิตรคืนมา ไอ้เด็กไม่มีหัวคิด มันคงคิดว่าความรักอย่างเดียวจะทำให้มันสามารถดูแลคุณนันได้ตลอดไป"
"ตอนนี้เด็ก2คนนั่นคงรู้เรื่องทิพย์จากปากพ่อเลี้ยงทิพย์หมดแล้ว"
"ช่างหัวมัน แต่อย่าให้มันตามมารู้ถึงบ้านหลังนี้ก็แล้วกัน"
ย่านตลาดโต้รุ่งบริเวณร้านขายน้ำแห่งหนึ่ง ทั้งคู่ถือกระป๋องน้ำอัดลมดื่ม
"น้าทิพย์ไม่ได้กลับมาค้างที่บ้าน งั้นก็ต้องมีที่อื่น ที่ที่เป็นความลับสุดยอด" ธีร์ว่า
"น้าทิพย์มีความลับเยอะไปป่ะ ยิ่งเราจับตามอง ยิ่งมีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ตลอดเลย"
"แล้วนันรู้เรื่องที่น้าทิพย์กับเป็นเอ่อ...เมียเก็บของพ่อลิตรรึปล่าวต้า"
"ไปรู้เหรอ แต่เราไม่ควรจะไปถามนันหรอกพี่ธีร์ เกิดนันยังไม่รู้เรื่องนี้ รู้เข้าอาจจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตก็ได้"
"โอเค เรา 2 คนจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วคอยจับตาดูน้าทิพย์ต่อไป"
ธีร์ยกมือขึ้นรอ แฟนต้ายกมือตบ
"โอเค!"
ทั้งจับมือกัน ยิ้มให้กัน ธีร์เริ่มรู้สึกอินๆกับความดีของแฟนต้ามากขึ้นทุกวัน จนต้องรีบปล่อยมือธีร์เดินนำไป
"เอ่อ กลับกันเถอะ พี่ง่วงแล้ว"
แฟนต้าเดินค้อนๆใส่ เดินตามไป
วันรุ่งขึ้น ภายในห้อง นันทนัชกำลังแปะพลาสเตอร์ยาแผลถลอกที่ข้อศอก พลางรู้สึกปวดระบมที่ไหล่ซ้าย จนพาลไข้จะขึ้น
"โอย"
เธอรู้สึกตัวรุมๆ เลยหันไปเปิดลิ้นชักข้างเตียง หมายจะคว้ายาพาราฯออกมา แต่เสียงมือถือดังขึ้นก่อน เธอรีบรับสายแล้วถามด้วยความเป็นห่วงกฤตพนธ์
"ฮัลโหล คุณไม่มีเรื่องอะไรนะ"
ภายในห้องทำงาน หน่วยข่าวกรอง กฤตพนธ์กำลังยืนพิงโต๊ะพูดสายกับนันทนัช ภานุทำเป็นเดินยื่นหูเข้ามา
"ผมควรจะถามคุณมากกว่า ว่ากลับบ้านไปแล้ว มีเรื่องอะไรรึป่าว"
กฤตพนธ์เดินหนี ภานุยังคงเดินตาม
เธอไม่อยากบอกกฤตพนธ์
"ฮัลโหลคุณนัน เงียบทำไม หรือคุณมีเรื่อง"
"เอ่อ...ปล๊าว! ฉันกำลังยุ่งน่ะ ถ้าคุณสบายดี งั้นแค่นี้นะ"
"เดี๋ยวซีครับ! ถ้าคุณวางสาย คุณจะต้องเสียใจ"
ภานุยกนิ้วหัวแม่โป้งชมว่าเรียกร้องให้นันทนัชสนใจได้ดีมาก ขณะที่เธอสนใจอยากรู้ทันที
"ฉันต้องเสียใจเรื่องอะไรไม่ทราบ"
"ผมมีข้อมูลใหม่ของคุณรณฤทธิ์ อยากให้คุณดู"
พอได้ยินว่าเป็นเรื่องของรณฤทธิ์ เธอมองที่แผลถลอกของตัวเองแล้วแค้น เธอพึมพำก่อนนัดหมาย
"นายรณ ฮึ่ม! ... เอ่อ ฮัลโหลๆ ก็ได้ค่ะ งั้นเราไปเจอกันที่ร้านต้า"
"ครับ เดี๋ยวเจอกัน"
กฤตพนธ์วางสาย ภานุทำเป็นพูดกับตัวเอง
"อย่างคุณนันนี่ไม่น่าจะนัดออกมาเจอได้ง่ายๆเลยนะ แต่ทำไมเพื่อนถึงทำได้แค่ยกหูกริ๊งเดียว โทรปุ๊บนัดปั๊บ! ไอ้นี่มันต้องเล่นของแน่ๆ ห้อยจิ้งจกมหาเสน่ห์รึปล่าววะ ขอดูหน่อยดิ"
ภานุหันมาจะแหวกอกเสื้อเพื่อนดู กฤตพนธ์ปัดมือ
"เฮ้ย...จิ้งจกมหาเสน่ห์บ้านแกซิ ที่ฉันนัดคุณนันเพราะเป็นห่วงเค้านะเว้ย ไม่ใช่คิดจะไปจีบเค้า
ออกอาการห่วงนันทนัชจริงๆเมื่อได้ข้อมูลรณฤทธิ์มา"
ภานุหยุดเล่น เมื่อเห็นกฤตพนธ์ซีเรียสกับเรื่องของนันทนัช...
"ชีวิตคุณนันดูเหมือนจะโชคร้ายมามาก แต่เธอโชคดี...ที่เจอแกว่ะ ชาติที่แล้วคงสร้างเวรสร้างกรรมร่วมกันมา"
กฤตพนธ์หันมามองหน้าประมาณ อ้าวไอ้นี่ปาก ภานุรีบพลิกลิ้นทันควัน
"โอ๋ๆๆ...สร้างบุญๆ...สร้างบุญด้วยกันมา ชาตินี้ถึงมาเป็นคู่กันไง แหะๆ"
"หึ ชาติที่แล้วแกก็คงเป็นปลาไหลมาก่อน"
ภานุไม่สลดแถมทำท่าปลาไหลใส่
ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าร้านแฟนต้า...พอลงจากรถ ล็อครถเสร็จ หันมาก็เจอเข้ากับนักเลง 2 คน คนหนึ่งถือมีดจี้มาที่เขา
"เฮ้ย!"
นักเลง1บอก
"ส่งกุญแจรถแกมา!"
ธีร์ยืนทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าจะโดนจี้กลางวันแสกๆ
"กูบอกให้มึงส่งมา"
นักเลง1จ้วงแทงมีดใส่ธีร์ทันที เขาเอี้ยวตัวหลบ มีดเฉี่ยวท้องไปแค่เส้นยาแดง ธีร์ถีบมันผงะออกไป แต่ถูกนักเลง 2เตะจนหน้าคว่ำไปชนรถอีกคัน มันตามมากระทืบหลังอัดธีร์ติดรถซ้ำ แต่ธีร์กำกุญแจรถเหวี่ยงหลังไปด้านหลังทิ่มขาที่ยันของมันเต็มแรง
"อ๊าก"
นักเลง 2 ร้องลั่น ธีร์เลยหันมาเสยอัพเปอร์คัทเข้าเต็มหน้า นักเลง1วิ่งปรี่เข้าจ้วงแทงธีร์ทางด้านหลัง
"มึงตาย"
กฤตพนธ์ไถลตัวผ่านกระโปรงรถข้างธีร์มาพร้อมขาถีบอกมันผงะออกไป จับอกที่จุก
"เสือกมาจากไหนวะ"
นักเลง1ควงมีดไปมา ถลาเข้าแทงกฤตพนธ์อย่างโกรธซ้ายขวา แต่เขาหลบได้อย่างคล่องแคล่ว
นักเลง2โผเข้ามาต่อย ธีร์ยกแขนกัน ต่อยมันคืน มันสวนมาอีกหมัดแล้วจับล็อกแขนงัดกันไปมา
กฤตพนธ์สวนหมัดเข้าหน้านักเลง1ได้ จับล็อคแขนที่ถือมีดของมันบิดพาดหลังศอกซ้ำเข้าหน้า จนมันปล่อยมีดร่วงจากมือ เขาเหวี่ยงมันผ่านหลังทุ่มลงกับพื้น
"อ๊าก"
นักเลง 2 ที่ปล้ำล็อคอยู่กับธีร์หันมามอง เห็นกฤตพนธ์ปรี่เข้าไปล็อคคอนักเลง1ขึ้น
"ลุกขึ้นมา ไปคุยกันที่โรงพัก"
นักเลง 2 กลัวโดนจับ เลยเหวี่ยงธีร์กลิ้งไป แล้วกระโดดเตะกฤตพนธ์กระเด็นไป จากนั้นก็ดึงนักเลง1พาวิ่งไป
"เฮ้ย...หยุดนะ...อย่าหนี"
กฤตพนธ์วิ่งตามมันไป ธีร์ออกวิ่งตามไปอีกคน
ทั้ง2 รีบกระโดดขึ้นหลังท้ายรถกระบะที่จอดติดเครื่องรออยู่ รถกระบะขับซิ่งออกไป
กฤตพนธ์วิ่งตามมาออกมาหยุดหอบมองที่ทะเบียนรถด้านหลัง แต่รถมันไม่ติดป้ายทะเบียน
ธีร์วิ่งตามาหยุดมอง เห็นรถกระบะซิ่งไปไกลลิบแล้ว
"พวกมันเป็นใคร"
"ผมไม่รู้จัก อยู่ๆมันก็โผล่มาจี้ จะปล้นรถผม"
กฤตพนธ์ไม่อยากปักใจเชื่ออย่างงั้น
"แน่ใจเหรอว่ามันแค่มาจี้เอารถ คุณไม่ได้ไปมีปัญหากับใคร จนมันส่งคนมาเล่นคุณ"
ธีร์ถึงกับอึ้ง
เรือนริษยา ตอนที่ 15 (ต่อ)
เชนกำลังนั่งพูดมือถืออยู่ที่โต๊ะเหล้า เบื้องหลังเป็นโต๊ะการพนันที่มีนักเล่นรุมล้อมเล่นกันอยู่
"อะไรวะ! พวกแกไปกันทั้ง 2 คน ไอ้หน้าอ่อนคนเดียวกระซวกมันไม่ได้ ห่ะ! มีใครมาช่วยมันไว้นะ? ไอ้กฤตเอ้อ มึงแน่ใจนะว่าเป็นมัน... เวรเอ้ย!"
เชนวางสายอย่างหัวเสีย
"ไอ้ผู้พันนั่นมันแส่ไปทุกเรื่อง แส่เรื่องนังนันไม่พอ มาแส่เรื่องไอ้นายแบบหน้าอ่อนนี่อีก"
"ให้ผมไปซ้ำมันมั้ยพี่เชน"สมหมายถาม
"อย่าเพิ่ง! ปล่อยให้มันตายใจไปก่อน คิดว่าถูกโจรจี้ปล้นธรรมดา แล้วค่อยหาโอกาสเล่นมันให้รากเลือดตามใบสั่ง"
"ผมหมายถึงไอ้กฤต เราน่าจะสั่งสอนมันซ้ำ ถ้าไม่ถึงตายหรือพิการ มันก็คงจะทำตัวเป็นพลเมืองนี้ช่วยคนโน้นคนนี้ไม่เลิก"
เชนคิดคิดหนัก
"ตอนนี้มันอยู่ที่ร้านเพื่อนนังนัน แกส่งลูกน้องไป จับตาตามติดมันไว้ ขอเวลาฉันคิดก่อน ว่าจะจัดหนักให้มันยังไงดี"
"ครับพี่"
สมหมายหันไปมองลูกน้อง 2คนที่ยืนอารักขาอยู่ใกล้ กระดิกนิ้วเรียกมา ทั้ง 2 ก้มลงฟังสมหมายสั่ง ก่อนพยักหน้าแล้วรีบเดินออกไป
กฤตพนธ์ใช้ผ้าเช็ดหน้าตัวเองหยิบมีดของคนร้ายขึ้นมามอง
"โทร.แจ้งตำรวจดีกว่า"
"อย่าเลยครับ ผมไม่เป็นไรมาก"
"งั้นก็แล้วแต่คุณ แต่ตอนนี้ ไปไหนมาไหน คุณระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน"
ธีร์คิดหนัก
"ผมเพิ่งกลับมาเมืองไทย ไม่มีปัญหากับใครหรอก แต่ถ้าจะมี..."
กฤตพนธ์มองหน้าธีร์อย่างสนใจ
"ก็คงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับนัน"
"ทำไมเหรอครับ"
"ผมไม่ไว้ใจน้าทิพย์ ผมก็เลย...แอบสืบเรื่องน้าทิพย์อยู่"
"แต่น้าทิพย์คนนั้นเลี้ยงดูคุณนันมาตั้งแต่เล็กๆไม่ใช่เหรอครับ ท่าทางแก"
"ผมมีเหตุผลของผมถึงทำอย่างงี้! ถ้าคุณหวังดีกับนันจริงๆ อย่างที่คุณแสดงให้เห็นตลอดเวลา คุณคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกนัน"
"ไม่ใช่กงการอะไรของผมที่จะต้องเอาไปพูด"
"เอ่อ...ยังไง ผมขอบคุณที่เข้ามาช่วยผม"
"ยินดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยอีกก็บอก"
กฤตพนธ์ล้วงนามบัตรออกมายื่นให้
ธีร์มอง...ก่อนจะรับมา แม้จะเป็นคู่แข่งหัวใจกันแต่ความเป็นมิตรกันเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ
นันทนัชเปิดประตูนำกฤตพนธ์เข้ามาในห้องวีไอพีของร้าน...ปิดล็อกประตู
"ทำไมจะต้องมาคุยกันมิดชิด ลึกลับ ขนาดนี้ด้วย"
"ขอโทษด้วย แต่เพราะผมไว้ใจใครไม่ได้เลย แม้กระทั่งกับน้าทิพย์ของคุณ"
"ค่ะ ฉันเข้าใจ คุณมีข้อมูลอะไรของนายรณมาบอกฉันคะ"
กฤตพนธ์หยิบมือถือออกมาเปิดรูปของเชนกับสมหมายที่ถ่ายจากเอกสารส่งให้นันทนัชดู
"คุณคุ้นหน้า 2 คนนี้บ้างมั้ย"
เธอดูแล้วส่ายหน้า
"ไม่ค่ะ ฉันไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้า 2 คนนี้มาก่อน"
"2คนนี้แหละครับที่เข้าไปทำร้ายผมในห้องน้ำ แล้วก็รู้จักกับคุณรณด้วย"
นันทนัชสีหน้าตกใจ นึกถึงคำพูดของรณฤทธิ์เมื่อคืนทันที
"ไล่ไม่ไปใช่ไหม อยากอยู่ยั่วโทสะกู กูก็จะสนองความอยากให้ แล้วทุกคนที่ช่วยมึง กูก็จะเล่นมันให้หมดเลย!! ฮ่ะๆๆ"
ภายในห้องพนัน รณฤทธิ์เดินเข้ามานั่งลงที่โต๊ะซึ่งเชนกับสมหมายนั่งอยู่ พร้อมวางมือถือที่เปิดรูปไว้ลงบนโต๊ะเลื่อนไปที่หน้าเชน
"เก็บมันให้ที"
เชนยกมือถือขึ้นมาดู รูปกฤตพนธ์ที่ถูกแอบถ่ายภายในเรือนรัตนะ เชนกับสมหมายมองสบตากัน ไม่แปลกใจ เพราะทำงานให้ทิพย์จนรู้ดีว่ากฤตพนธ์กำลังทำตัวเป็นผู้ช่วยนันทนัชแย่งสมบัติกับพวกรณฤทธิ์ เชนหัวเราะ รณฤทธิ์ช่างมาจ้างได้เหมาะเจาะพอดี
"เอาถึงตายเลยเหรอ"
"ใช่ เอามันไว้ไม่ได้แล้ว เก็บให้เงียบที่สุด เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี"
สมหมายได้โอกาสพูดเพื่อเพิ่มค่าจ้าง
"แต่ว่า....ไอ้นี่มันไม่ธรรมดานะครับคุณรณ จะฆ่ามันไม่ใช่ง่ายๆ"
"แต่ถ้าเงินดี งานก็เดิน" เชนบอก
"เรื่องเงินไม่มีปัญหา เท่าไหร่เท่ากัน ขอให้ส่งมันลงนรกเป็นพอ"
"ตกลง ฉันรับงานนี้"
เชนยิ้มพอใจ เพราะทิพย์ก็สั่งให้หาทางจัดการกฤตพนธ์อยู่แล้ว รณฤทธิ์มาจ้างอีก เท่ากับยิงปืนนัดเดียว ได้เงินทั้ง 2 ทาง
นันทนัชร้อนใจรีบบอก
"เมื่อคืนตอนที่นายรณปล้ำฉัน เค้าก็พูดขู่เอาไว้ค่ะ ว่าจะเล่นงานทุกคนที่ช่วยฉัน"
"อะไรนะ! ปล้ำเหรอ?
นันทนัชอึ้ง...ตัวเองดันหลุดปากออกไปทั้งๆที่ไม่อยากให้ใครรู้ ทั้งอาย ทั้งไม่อยากให้ใครห่วง
"เอ่อ..."
หน้าห้องวีไอพี ทิพย์แอบเดินตามมา พยายามจะแอบฟังว่าคุยอะไรกัน แต่ก็ไม่ได้ยินอะไร จนหงุดหงิด
ภายในห้อง...กฤตพนธ์ร้อนใจคว้า 2 ไหล่นันทนัชถาม
"บอกผมมา นายรณทำอะไรคุณ"
เขาถูกไหล่ซ้ายเธอที่เจ็บ
"โอ๊ย!"
"ห่ะ ไหล่คุณเป็นอะไร ไหนให้ผมดูซิ"
เขาจับแขนดูเห็นเป็นรอยถลอกแถวศอกซ้าย
"ฝีมือนายรณทำคุณใช่ไหม"
เธอรีบดึงแขนกลับ
"ฉันไม่เป็นไร แค่เคล็ดนิดหน่อย นายรณมันเมา มันคงคิดว่าใช้วิธีนี้แล้วจะทำให้ฉันกลัว ยอมถอยทัพออกจากเรือนรัตนะ มันคิดผิด ฉันสู้มันได้"
กฤตพนธ์ทั้งห่วง ทั้งโกรธรณฤทธิ์แทบบ้า
"โธ่คุณนัน แล้วถ้าเกิดคุณสู้มันไม่ได้ขึ้นมาล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น"
"อย่าห่วงเลยค่ะ ฉันจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด คุณเองก็ระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน บ้าเลือดอย่างนายรณ มันไม่ขู่เล่นๆหรอก ฉันว่ามันเอาจริง"
"ยังจะมาห่วงผมอีก ผมซิต้องห่วง คุณตัวคนเดียวในบ้านหลังนั้นนะ"
"ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงฉัน เราออกไปเถอะค่ะ"
เธอเดินผ่านเขาไปที่ประตู เขาจับมือเธอไว้
"สัญญากับผมก่อน ถ้าคุณไม่ไหวจริงๆ อย่าทนอยู่ คุณต้องบอกผม ผมจะช่วยคุณ"
นันทนัชยิ้ม แอบน้ำตาคลอ แต่กลับพูดตรงข้ามกับใจ
"ฉันไม่สัญญาค่ะ"
เธอดึงมือออกจากมือกฤตพนธ์เดินไปเปิดล็อคประตู...ทิพย์ได้ยินรีบหลบไปจากประตู ทิพย์แอบโผล่มามองตาม สงสัยว่าทั้ง2คุยอะไรกัน
"นับวันคุณนันจะเชื่อนายกฤตมากขึ้นทุกที ทำไงดี"
ทิพย์เดินคิด... ถ้าส่งใครสักคนไปเป็นมือที่3ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ อาจจะแยกทั้งคู่ออกจากกันได้
ไม้กำลังใช้ค้อนทุบๆกุญแจที่ล็อคหีบโบราณ ฤทัยกับกนกกรยืนลุ้นอยู่
"ล็อคกุญแจปิดตายแบบนี้ พินัยกรรมต้องอยู่ในนี้แน่ๆเลยแม่"
"สมพรปากเถอะยัยกิ๊บ ฉันหาจนจะพลิกบ้านหาอยู่แล้ว เอ๊า!ออกแรงหน่อยซิไม้"
ไม้ออกแรง...ครู่เดียวกุญแจก็หลุดออกมาทั้งยวง
"อ๊าย...หลุดแล้วๆๆ"
ไม้เปิดฝาหีบ แต่ฤทัยเข้ามาแย่งเปิด
"มาฉันเอง"
ฤทัยเปิดออกอย่างตื่นเต้น แล้วต้องหุบยิ้ม เพราะเป็นหีบผ้าไหมผ้าโบราณที่คงเก็บไว้ตั้งแต่สมัยเรไร
"อะไรกันเนี่ยะ! ผ้าเก่า เชย กิ๊กก๊อกแบบนี้มาเก็บอยู่ได้" ฤทัยรื้อผ้าโยนทิ้ง "ฉันยากจะกรี๊ด...พินัยกรรมอยู่ไหนเนี่ยะ นังเดือน นังศรี!"
ทั้งคู่ขานรับ
"ขา!"
2สาวใช้รีบวิ่งแจ้นออกมาจากคนละมุมของบ้านที่ไปรื้อค้นหาพินัยกรรมอยู่
"พวกแกหาพินัยกรรมเจอหรือยังห่ะ!"
"ยังไม่เจอเลยค่ะ" ศรีบอก
"มีแต่ใต้ดินกับบนหลังคาเท่านั้นแหละค่ะที่เดือนยังไม่ได้หา นอกนั้นหาจนเนียน
แล้วค่ะคุณนายขา ไม่เห็นแม้แต่เงา" เดือนว่า
"แกไม่ต้องมาสาธยายนังเดือน ฉันเครียด หาไม่เจอแล้วไงเนี่ยะ ฉันมิต้องมานั่ง
แบ่งสมบัติกับนังนันคนละครึ่ง แบ่งบ้านกันอยู่คนละฟากกับมันเหรอ"
ฤทัยเซ็งทิ้งตัวลงนั่ง
"เรื่องอะไรจะแบ่งกับมันล่ะแม่!"
กนกกรลุกขึ้นเดินขึ้นบันไดไป
"นั่นแกจะทำของแกห่ะยัยกิ๊บ"
"มีอีกห้องนึงที่เรายังไม่ได้หา"
กนกกรตั้งใจจะไปลุยห้องนันทนัชให้เละเพื่อระบายอารมณ์
ประตูห้องถูกไม้ถีบเปิดเข้ามา...ฤทัยกับกนกกรเดินเข้ามาในห้องแล้วสุดโมโห
"สบายเกินไปแล้วนังนัน! ดูมัน มายึดครองห้องนอนใหญ่โตของพ่อมัน อยู่ยังกับคุณนาย"
"ก็จะให้มันอยู่สบายทำไมล่ะแม่ รื้อค้นมันให้เละเลย"
กนกกรพูดพลางดึงลิ้นชักข้าวของออกมาเท
"อ้าวนังเดือนนังศรี ยืนเซ่ออยู่ได้ มาช่วยกันรื้อซิ เผื่อจะโชคดีเจอพินัยกรรม"
"แล้วถ้าไม่เจอล่ะคะ" เดือนถาม
"หึ โชคร้ายก็เป็นของนังนัน"
ฤทัยพูดพลางกระชากผ้าปูที่นอน...หมอนกระจาย เตียงเละ
เดือนสนุก เข้ามาช่วยรื้อขน โยนข้าวของทิ้ง ศรีจำเป็นต้องเข้ามาช่วยรื้อหา ขณะที่ไม้เปิดตู้เสื้อผ้าค้น ดึงเสื้อผ้าออกมาโยนทิ้งเกลื่อน
ยามบ่าย นันทนัชกลับมากำลังจะเข้าบ้าน มีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน นันทนัชหยุดหันไปมอง เห็นเป็นไกรภัทรก้าวลงจากรถ ถอดแว่นกันแดด เดินส่งยิ้มเข้ามาหา
"อ้าวคุณไกรภัทร! ไปไหนมาคะเนี่ยะ"
"ก็มาหาคุณนันนั่นแหละครับ เห็นไม่ไปที่โรงสีเลย ผมก็เลยเป็นห่วง คุณนันสบายดีนะครับ มีใครเอ่อ...ทำอะไรให้คุณไม่สบายใจ ก็บอกผมได้นะครับ ถ้าผมช่วยอะไรได้ ผมยินดีช่วยคุณเต็มที่"
"นันดีใจแทนพ่อลิตรจริงๆค่ะ ที่ได้คนมีน้ำใจอย่างคุณมาทำงานด้วย"
"อย่าเข้าใจผิดนะครับ ว่าที่ผมเป็นห่วงคุณเพราะเห็นว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้านาย ผมเป็นห่วงคุณนันด้วยความจริงใจนะครับ ไม่ได้หวังอะไรทางการงาน"
ไกรภัทรมองส่งสายตาจริงใจ ดูเป็นคนดีมากๆ จนนันทนัชรู้สึกมีหวัง
"ค่ะ นันขอบคุณมาก มีคุณอีกคนนึงที่คอยเป็นห่วงนัน แต่ตอนนี้คุณก็กำลังช่วยนันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ" เธอมองซ้ายขวาก่อนพูดเบาๆ "บัญชีที่โรงสีตรวจสอบพบอะไรผิดปรติ เพิ่มอีกรึปล่าวคะ"
ไกรภัทรตอบเบาๆ
"มีครับ ขอเวลาผมรวบรวมอีกสักหน่อย"
"โอเคค่ะ นันรอได้ ตราบใดที่ยังไม่พบพินัยกรรมของพ่อ น้าฤทัยก็ยังแตะต้องสมบัติพ่อไม่ได้ เอ่อ...เข้าไปคุยในบ้านดีกว่าไหมคะ"
ไกรภัทรจะตอบ แต่มองไปเห็นฤทัยและไม้เดินออกมาหยุดยืนมองหน้า
"ไม่ดีกว่าครับ ผมหมดธุระกับคุณนันแค่นี้แหละครับ"
นันทนัชมองตามสายตาไกรภัทรก็เข้าใจ
"งั้นขอตัวนะคะ แล้วเจอกัน"
ทั้ง2ส่งยิ้มให้กัน นันทนัชเดินเชิดเข้าบ้านไป ฤทัยเหล่มองตามยิ้มๆพลางคิดว่าเดี๋ยวขึ้นห้องไปนันทนัชต้องช็อกแน่ แล้วหันกลับมามองไกรภัทร
ภายในห้องรับแขก ไกรภัทรบอกกับฤทัย
"ผมเป็นห่วงลูกสาวนายจ้าง ไม่ได้เหรอครับ"
"ฉันก็ภรรยานายจ้าง ไม่ห่วงฉันบ้างเหรอคุณไกรภัทร...อุ้ย!ลำเอียงนี่"
"แบบนี้เค้าเรียกว่าแบ่งฝักแบ่งฝ่ายครับคุณผู้หญิง" ไม้บอก
"อ๋อเหรอ ทำตัวไม่เป็นกลางแบบนี้ก็แย่น่ะซิคุณไกรภัทร พ่อคุณเป็นทนาย
ของบ้านนี้นะลืมไปแล้วเหรอ"
นันทนัชยังไม่ได้ขึ้นห้องไป แต่ยืนแอบฟังอยู่ที่บันได
"ผมไม่ลืมหรอกครับ ความจำผมยังดีอยู่"
"ถ้างั้นช่วยจำไว้ด้วยว่า ถ้าฉันแพ้เรื่องแบ่งมรดกให้ยัยนันล่ะก็ ฮึ่ม..."
ฤทัยมองไกรภัทรอย่างขู่ๆ แต่ไกรภัทรกลับไม่ตื่นตระหนกใดๆ
"อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมช่วยให้คุณฤทัยได้มรดกไม่ได้หรอก คุณลิตรทำพินัยกรรมยกให้ใคร คนนั้นก็ได้มรดกไป ผมว่ารีบเอาเวลาไปหาพินัยกรรมให้พบเร็วๆดีกว่ามาขู่ผมนะครับ"
ฤทัยปรี๊ดแตก
"แล้วฉันไม่หาหรือไง นี่ฉันก็หาจะตายอยู่แล้ว แต่มันหาไม่เจอ!"
"อ๋อครับ งั้นผมจะรีบกลับไปเรียนให้คุณพ่อทราบ ลาล่ะครับ"
ไกรภัทรยกมือไหว้ฤทัยแล้วเดินออกไป ฤทัยมองตามอย่างหัวเสีย นันทนัชแอบยิ้มสะใจ ก่อนเดินขึ้นไป
ฤทัยชักไม่ไว้ใจไกรภัทร
"ไอ้นี่มันชักไว้ใจไม่ได้"
"นั่นซิครับ...มันมาแปลกๆ" ไม้ว่า
นันทนัชเดินขึ้นบันไดมาที่ห้อง ล้วงกุญแจจะไขประตู กลับพบว่าประตูห้องเปิดแง้มอยู่ เธอรีบเปิดเข้าไปดู.... ช็อกกับสภาพที่เห็น ห้องนอนถูกรื้อกระจุยกระจาย เละไปหมดทั้งห้อง
"ห่ะ!"
กระเป๋าที่สะพายอยู่ถึงกับร่วงลงกับพื้น เธอเดินเข่าอ่อนมองข้าวของในห้อง สะดุดของล้มฟุบลง น้ำตาเริ่มไหลริน สะอื้นเงียบๆ เริ่มหมดแรงที่จะสู้แล้ว
ภานุเดินฮัมเพลงอารมณ์ดีออกมาจากห้องจะกลับบ้าน เห็นกฤตพนธ์ยืนรออยู่ก็ตกใจ
"เฮ้ย! ตกใจหมดเลย"
"หึ หน้าอย่างแกนี่ไม่น่าจะขวัญอ่อนเลยนะ"
"ก็เห็นแกออกจากหน่วยไปแล้ว อยู่ๆก็โผล่มายืนอยู่ตรงนี้ กลับทำไมอีก"
"กลับมาพาแกไปเลี้ยงข้าว"
"เลี้ยงข้าว! ฮ่ะๆๆ อย่าบอกนะว่าที่ฉันช่วยสืบโน่นสืบนี้ให้คุณนันหวานใจแก แกแค่จะเลี้ยงข้าวตอบแทนฉัน"
"เรื่องมาก ไม่อยากกินก็ไม่เป็นไร ฉันจะได้กลับ"
ภานุรีบดึงไว้
"เฮ้ยๆๆเดี๋ยว ยังไม่ได้พูดเลยว่าไม่กิน อยู่ๆวันนี้ก็ลาภปาก แกจะพาฉันไปเลี้ยงที่ไหนล่ะ"
"อ่า..."
ภานุจะตอบ แต่มือถือดังขึ้นเสียก่อน กฤตพนธ์ยกมือถือขึ้นมาดูเห็นเป็นนันทนัชโทร.มา
"ไงอ่ะ...ตกลงจะพาฉันไปเลี้ยงที่ไหน"
กฤตพนธ์ยกมือห้าม ก่อนรับสาย
"ฮัลโหลคุณนัน"
เรือนริษยา ตอนที่ 15 (ต่อ)
นันทนัชนั่งปาดน้ำตาพูดมือถือท่ามกลางข้าวของที่กระจัดกระจายรอบตัว
"ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะแพ้"
เสียงท้อแท้ของเธอ ทำให้เขาเป็นห่วงมาก
"เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณอีก"
"พวกนั้นรื้อทำลายข้าวของในห้องฉันหมดเลย"
"งั้นคุณออกมานะ อีกครึ่งชั่วโมงออกมารอผมที่หน้าบ้าน ผมจะไปหาคุณ"
กฤตพนธ์กดวางสายแล้วรีบเดินไป
"อ้าวเฮ้ย...ไหนว่าจะพาฉันไปเลี้ยงข้าว"
"อดเปรี้ยวไว้กินหวานก่อนนะแก วันนี้ฉันไม่ว่างซะแล้ว ทำเรื่องลาพักร้อนให้
ฉันด้วย3วัน"
กฤตพนธ์รีบเดินไป
"เดี๋ยวไอ้กฤต! ดูมัน...ไม่เลี้ยงข้าว แล้วยังจะมาใช้ฉันอีก"
ภานุยืนส่ายหน้ายิ้มๆมองกฤตพนธ์ที่กำลังรีบร้อนไป
เธอเดินลงมาจากชั้นบน ฤทัย กนกกร ไม้ เดือนสุมหัวกันนั่งหัวเราะ
"อุ้ยๆ...ลงมาแล้วค่ะ ระวังจะมาเอาคืนนะคะ น่ากลัวฮิๆๆ" เดือนว่า
"เอาซี้...ฉันก็รอรับมือมันอยู่เนี่ยะ" ฤทัยบอก
"1ต่อ4 สูสีมากเลยนะแม่ ฮ่ะๆๆ" กนกกรว่า
นันทนัชปรายตามอง แล้วก็เดินผ่านไป ทำเอางงกันทั้งแถบ
"อุ้ยตาย! ด่าสักคำยังไม่มี ยัยนันตัวแสบหายไปไหนเนี่ยะ"
"เป็นไรยะ อยู่ๆวันนี้ก็กลัวหัวหดขึ้นมา"ฤทัยบอก
"ท่าทางรีบร้อนจะออกไปไหนไม่รู้"
กนกกรผลักหัวเดือน
"ไปซี่อีเดือน ตามไปดู"
"ค่ะๆ"
เดือนลุกเดินลูบหัวไป
นันทนัชเดินออกจากประตูรั้วบ้านมาด้วยสีหน้าเหนื่อยๆ ไร้เรี่ยวแรง
ชายในชุดแจ๊คเก็ตหนังสวมหมวกกันน็อคขี่มอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์แล่นมาแต่ไกล เดินมาหยุดยืนรอที่ถนนหน้าบ้าน ไม่เห็นกฤตพนธ์แม้แต่เงา นันทนัชเดินช้าๆห่างออกมาจากประตูรั้วบ้าน
เดือนค่อยๆเปิดประตูรั้ว แอบโผล่หน้าออกมามองอย่างแปลกใจที่เธอเดินไปคนเดียว ขณะที่เดือนจะหันกลับเข้าบ้าน ก็ได้เสียงมอเตอร์ไซด์แล่นมาแต่ไกล เดือนโผล่หน้ากลับมาดูอีกครั้ง
มอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์คันนั้นขี่เข้ามาเบรกเอี๊ยด แล้วเลี้ยวฟาดหางหมุนจอดเทียบเบาะท้ายรถรอรับ เธอตกใจหยุดชะงักมองอย่างไม่ไว้ใจ เดินหนี แต่มอเตอร์ไซด์ก็ขี่ตามแล้วเบรกเอี๊ยดๆตามตลอด เธอฉุนหันมาจะด่า
"เอ๊ะนี่! เป็นใคร มาตามฉันทำไม"
ชายขี่บิ๊กไบค์เลยเปิดหน้ากากหมวกออก เห็นเป็นหน้ากฤตพนธ์ยิ้มๆ
"คุณ!"
"ผมบอกให้คุณยืนรอผมอยู่หน้าบ้าน คุณจะเดินไปไหนล่ะคร้าบ"
เธอหน้าเครียดไม่มีแก่ใจจะต่อปากต่อคำ เขารีบตัดบท
"ขึ้นรถเถอะ"
"เอ่อ...คุณจะพาฉันไปไหน"
"เดี๋ยวคุณก็รู้เอง มันอยู่ที่ว่า คุณอยากจะไปกับผมรึปล่าว"
นันทนัชมองหน้ากฤตพนธ์อย่างชั่งใจ ก่อนตัดสินใจขึ้นซ้อนท้ายเขา
มุมไกล สมุนของเชน 2 คนแอบขับรถตามมา แล้วจอดซุ่มดูทั้งคู่อยู่
กฤตพนธ์เร่งเครื่องขี่พาเธอออกไป เดือนอ้าปากค้าง แล้วรีบกลับเข้าบ้านไป รถของสมุนเชนรีบขับตามกฤตพนธ์ไป
เดือนรีบวิ่งกลับเข้ามาในบ้าน
"คุณกิ๊บขา คุณกิ๊บ"
"แหกปากไรของแกห่ะนังเดือน"
"ยัยนันไปแล้วค่ะ"
"สมพรปากเถอะนังเดือน ขอให้มันไปจากบ้านนี้จริงๆเถอะ อย่าได้กลับมาอีก" ฤทัยว่า
"ไปจริงรึปล่าวไม่รู้ค่ะ รู้แต่ว่าไปกับคุณกฤต"
"ห่ะ แกเอาบ้าอะไรมาพูดนังเดือน นังนันมันจะไปกับคุณกฤตได้ยังไง ก็มันเพิ่งเดินออกจากบ้านไปเมื่อกี้"
"ก็คุณกฤตขับแมงกาไซด์มารับที่หน้าบ้านน่ะซีคะ อุ้ย...ซ้อนท้ายกอดเอวซิ่งกันไปเลย"
กนกกรกรี๊ดลั่น
"แอร๊ย...ฉันไม่ยอม...ฉันไม่ยอม"
ฤทัยกับไม้อึ้งค้าง มองหน้ากัน
กฤตพนธ์ขี่มอเตอร์ไซด์พานันทนัชออกนอกกรุงเทพ เธอรู้สึกหายใจโล่งขึ้นเมื่อห่างออกมาจากพวกฤทัย ด้านหลัง...รถของลูกน้องเชนทั้ง 2 8oขับสะกดรอยตามมาห่างๆ
ป้ายบอกทางอยู่ข้างหน้า ทางไปเขาใหญ่
สมุนคนหนึ่งยกโทรศัพท์
"ฮัลโหลพี่เชน"
ณ ถนนเลียบเขาสลับซับซ้อนสายยาวของเขาใหญ่ นันทนัชยิ้มออกเมื่อมองเห็นวิวทิวทัศน์สวยงามสบายตา หลับตาสูดอากาศสดชื่น ทั้ง 2หัวเราะ ยิ้มให้กัน
นันทนัชลืมความเครียด ทิ้งความกังวลไว้เบื้องหลังชั่วคราว
กฤตพนธ์ขี่มอเตอร์ไซด์ขึ้นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพักตากอากาศของตระกูลอัศวัติ ที่สร้างด้วยไม้ตั้งอยู่บนเนินมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบ
"ถึงแล้วครับ"
เธอลงจากรถ มองไปรอบๆบ้านด้วยสีหน้าถูกอกถูกใจกับบรรยากาศ
"บ้านใครคะเนี่ยะ น่าอยู่จังเลย"
"บ้านพักตากอากาศของครอบครัวผมเอง น่าอยู่ก็อยู่ซีครับ"
กฤตพนธ์ลงจากรถมายืนนั่งกอดอกพิงรถมองนันทนัช
"ผมไม่ได้เจตนาลักพาตัวคุณหรือบังคับคุณมานะครับ แต่ในเมื่อคุณเหนื่อยล้า จะจมอยู่กับปัญหาทำไม ในเมื่อคุณก็หาทางออกไม่เจอ ทิ้งปัญหาไว้ซะบ้างเถอะครับ แล้วหลบมาพักผ่อนให้สบายใจ คุณจะได้กลับไปอย่างแข็งแรง รับมือกับปัญหาได้อีกครั้ง"
นันทนัชนิ่งอึ้งฟังเขา
"แต่ถ้า...คุณอยากกลับก็ได้นะครับ ผมจะไปส่ง"
กฤตพนธ์ทำท่าจะกลับขึ้นรถ
"ฉันอยากอยู่ค่ะ!"
กฤตพนธ์ชะงัก... นันทนัชยิ้มตอบอย่างเขิน
แล้วลุงคนดูแลบ้านก็เดินออกจากบ้านมาขัดจังหวะพอดี
"อ้าวคุณกฤตมาแล้วเหรอครับ หวัดดีครับ"
"หวัดดีลุง"
"ผมจัดการทำความสะอาด เตรียมข้าวของในบ้านไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะครับ ขาดเหลืออะไรก็โทร.เรียกผมได้ พักผ่อนให้สบายนะครับ ผมไม่กวนล่ะ"
ลุงแอบมองนันทนัช แล้วเดินผละไป
"ขอบคุณมากนะลุง"
สมุนของเชนงแอบซุ่มดู เห็นกฤตพนธ์เดินนำนันทนัชเข้าบ้านไป
ภายในบ้านพักตากอากาศ กฤตพนธ์บอก
"เชิญตามสบายนะครับ"
เธอมองไปรอบๆบ้านอย่างถูกใจ
"คุณนี่โชคดีมากนะคะที่มีบ้านพักตากอากาศสวยๆแบบนี้"
"คุณพ่อคุณไม่ซื้อบ้านพักตากอากาศไว้บ้างเลยเหรอครับ"
นันทนัชส่ายหน้า
"ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อไม่เคยพาฉันไปเที่ยวพักตากอากาศที่ไหน ชีวิตฉันโตมาในบ้านหลังเดียว ที่เรือนรัตนะ"
กฤตพนธ์อึ้งฟังอย่างเห็นใจ
ขณะที่เธอมองไปที่นอกระเบียง เธอยืนเกาะระเบียงมองวิว ทิวเขาเบื้องล่างอย่างตื่นตาตื่นใจ เขาเดินตามมายืนมองข้างๆ
"แปลกนะครับ เย็นวันนี้วิวสวยกว่าทุกครั้งที่ผมมา"
กฤตพนธ์พูดชมวิว แต่ตาแอบมองไปที่นันทนัช
"ค่ะสวยมาก เหมือนมองเห็นสวรรค์อยู่บนดิน"
"แต่จริงๆแล้ว สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจของเรานะครับ คุณคงได้ยินประโยคนี้มาจนชิน"
"ค่ะ ฉันรู้จักประโยคนี้ดีที่สุด เพราะทุกวันนี้เหมือนฉันกำลังตกนรก กำลังชดใช้กรรม ที่ไม่รู้ฉันไปสร้างไว้ตั้งแต่ชาติปางไหน"
"เอ่อ...ผมว่าเราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลยนะครับ คุณมาพักผ่อน ก็พักให้สบายใจดีกว่านะครับ อยากอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ผมไม่คิดตังค์"
เธอยิ้ม
"ถึงคุณคิด ฉันก็ไม่มีจะให้หรอกค่ะ ตอนนี้ฉันยังจนอยู่"
กฤตพนธ์จะพูดต่อ แต่เสียงมือถือของเขาดังขึ้น กฤตพนธ์ยกขึ้นมาดูเห็นเป็นกนกกรโทร.มา
"เอ่อ...คุณรออยู่ตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้ทาน"
เธอยิ้ม พยักหน้า เขาเดินผละมา มองมือถือในมือที่โทร.มาไม่หยุด แต่ก็ไม่ยอมรับยัดมันไว้ในกระเป๋าแล้วเดินเข้าครัวไป
กนกกรเดินไปเดินมารอสายจากกฤตพนธ์
"รับซีคุณกฤต...มัวทำอะไรกับนังนันอยู่ ถึงไม่ยอมรับสาย รับซี...บอกให้รับได้ยินไหม พานังนนไปกกกันถึงไหน"
กนกกรคลั่งอยู่คนเดียว กดโทร.ไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ศรีแอบมองอยู่อย่างห่วงนันทนัชอยู่ที่มุมหนึ่ง
"คุณนันกลับมา ต้องมีเรื่องแน่ๆ"
ฤทัยเดินนำไม้เข้ามาในห้องด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน ล็อกประตู
"มีอะไรเหรอครับพี่"
"ฉันคิดอะไรออกแล้ว นังนันมันไม่อยู่ก็ดีเหมือนกัน เราจะได้จัดการเรื่องพินัยกรรมให้เรียบร้อย ก่อนที่มันจะกลับมา"
"จัดการยังไงเหรอครับพี่"
"มัวแต่หาพินัยกรรมกันอยู่ ไม่ทันกินหรอก ปลอมมันขึ้นมาซะก็สิ้นเรื่อง"
"ปลอมพินัยกรรม"
ฤทัยพยักหน้
"พอหาใครทำได้ไม๊ ไม้ เราต้องรีบลงมือกันเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลย"
ไม้คิดแล้วก็นึกออก
"มีครับ พวกนี้มันเก่งปลอมแปลงเอกสารทุกชนิดทั้งพาสปอร์ต บัตรเครดิต บัญชีธนาคาร แม้แต่ดอลลาร์ปลอม"
"งั้นก็รีบไปเดี๋ยวนี้เลย ออเดี๋ยว!"
"อะไรครับ"
"เรื่องนี้เป็นความลับของเรา 2 คน อย่าให้ยัยกิ๊บกับรณรู้เป็นอันขาด เข้าใจไหม"
"ครับ ผมจะรูดซิบปากให้สนิท"
"น่ารักที่สุดไม้ของพี่ เธอนี่เป็นคู่คิดของพี่จริงจริ๊ง"
ฤทัยโอบแก้มไม้ แล้วทั้ง2ก็รีบออกจากห้องไป
กฤตพนธ์ถือถาดใส่แก้วน้ำส้มออกมาจากครัว
"น้ำส้มครับคุณนัน อ้าว!"
เธอไม่ได้ยืนอยู่ที่ระเบียงแล้ว เขาเดินกลับเข้าไปในบ้าน
"คุณนันครับ"
แต่ไม่พบ กฤตพนธ์ วิ่งขึ้นไปบันไดไปหาบนห้อง
"คุณนันครับ! คุณนัน! อยู่บนนี้รึปล่าวครับ"
เขารีบวิ่งลงบันไดมายืนตะโกนร้อนใจ
"คุณนัน!"
เขามองออกไปนอกระเบียงที่ทิวเขาเบื้องล่างซึ่งเป็นป่าที่โอบรอบบ้านพัก...
ป่าเขียว ต้นไม้สูงเรียงเป็นทิว อุดมสมบูรณ์ มีหมอกจางๆ นันทนัชเดินเล่นทอดน่องมาตามทางเดินบนพื้นป่าที่ถูกย่ำจนเห็นพื้นดินเป็นทางเดินยาวลึกเข้าไปในป่า
นันทนัชสดชื่นสัมผัสกับอากาศหนาวเย็น ล้วงมือถือขึ้นมายกถ่ายรูปตามมุมต่างๆ เพลินจนเหยียบเนินดินบนทางเดินแล้วลื่น
"ว้าย!"
เธอล้มหงายหลัง ร่างลื่น ก้นครูดไถลลงไปยังเนินด้านเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
"อ๊าย"
พลั่ก! ก้นเธอกระแทกกองอยู่กับพื้น
"อู้ย"
เธอนั่งบิด คว้ามือถือที่กลิ้งตกอยู่ใกล้ตัวก่อนจะยันตัวลุกขึ้นอย่างเคล็ดยอก แล้วต้องหยุดนิ่งเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังตัวเอง...ซ๊วบ! เสียงร่างมันปะทะกิ่งไม้และย่ำป่า
ท่ามกลางหมอกที่ห้อมล้อมทิวไม้หนากว่าชั้นบน เห็นอะไรบางอย่างหลบวูบเข้าหลังต้นไม้ที่มุมไกลอย่างรวดเร็ว นันทนัชใจหายวาบ ก้าวถอยหลังช้าๆตามสัญชาตญาณ แต่กลับมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังอีก ซ๊วบ! มองไปทางไหน ก็เห็นแต่ความเคลื่อนไหวแล้วหลบแว๊บเข้าหลังต้นไม้ ทั้ง 4 ด้าน ก่อนที่จะ วิ่งกรู ท่ามกลางสายหมอก...ซ๊วบๆๆๆ....ใกล้เข้ามา….
เธอทำใจกล้ามองจ้องไป...แล้วก็เห็นจุดแดงสว่างวาบขึ้น ราวกับดวงตาของสัตว์ร้าย เธอวิ่งหนีในทันที ... ซ๊วบๆๆๆ เสียงพวกมันวิ่งตาม
เธอวิ่งหนีเตลิดเข้าป่าลึกมา โดยไม่รู้ทิศทาง ชายในชุดดำโพกหัวด้วยผ้าดำพันปิดปากและจมูกกำลังวิ่งกระโจนข้ามดงไม้ไล่ตามเธอมา ในมือไอ้โม่งทั้ง 4 ถือหน้าไม้ท้ายไรเฟิลติดลำกล้องเลเซ่อร์ เธอ สาวเท้าวิ่ง แล้วอยู่ๆก็มีใครคนหนึ่งโผล่ออกมาจากดงไม้ข้างหน้าคว้าตัวเธอไว้
"แอร๊ย...ปล่อยฉันนะ"
"ผมเอง"
นันทนัชหยุดร้อง ดีใจที่เป็นกฤตพนธ์
"คุณกฤต พวกมัน...."
เธอไม่ทันได้พูดอะไร เขาเห็นไอ้โม่ง เชน กำลังยกหน้าไม้เล็งมา
"หลบคุณนัน"
เขาโอบเธอเข้าหลบหลังต้นไม้ ซ๊วบ! ลูกดอกเหล็กขนาดใหญ่ถูกยิงมาปักที่ต้นไม้ที่ทั้งคู่หลบอยู่เธอพูดอย่างมั่นใจ
"มันตามมาเก็บฉัน"
"คนที่มันอยากจะเก็บอาจจะเป็นผมก็ได้"
เขาพูดพลางชักปืนที่เหน็บเอวออกมาเตรียมพร้อมสู้ เมื่อเห็นพวกมันทั้ง 4 รุกคืบ
เธอล้วงกระเป๋า ชักปืนออกมาถือกระชับไว้ กฤตพนธ์มองอย่างอ่อนใจ
"นี่มากับผม คุณก็พกปืนมาด้วยเหรอเนี่ยะ"
นันทนัชยักไหลทำนอง...แล้วไงล่ะ?
กฤตพนธ์คว้ามือนันทนัชขึ้นมาจับกระชับพลางสั่ง
"วิ่งตามผมนะ อย่าให้มือหลุดจากผม"
นันทนัชพยักหน้า
กฤตพนธ์โผล่ไปยิงสกัดใส่พวกมันเป็นชุดปังๆๆๆ พลางดึงมือนันทนัชวิ่งไป
พวกมันทั้ง4หลบกระสุนเข้าหลังต้นไม้ เห็นว่า กระสุนของกฤตพนธ์ยิงแม่นเจาะเข้าต้นไม้ระดับอก เศษเปลือกไม้กระจุย สิ้นเสียงปืน พวกมันโผล่ออกมามอง เห็นหลังกฤตพนธ์พานันทนัชวิ่งหนีไปลิ่วแล้ว
ชายที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้า เห็นว่าเป็นตาเชน ขบกรามอย่างเหี้ยม
"ฝังไอ้กฤตในป่านี้ให้ได้"
"แล้วนังผู้หญิงล่ะ" สมหมายถาม
"ให้มันปางตายอีกรอบ"
เชนดึงลูกดอกเหล็กจากซองเก็บมาง้างใส่ในหน้าไม้เตรียมพร้อมพลางสั่ง
"ไปเว้ย! ไปตามล่ามัน ให้เหมือนล่ากระทิงตัวนึง ฮ่ะๆสนุกจริงโว้ย ไป"
เชนวิ่งนำลูกน้องลุยป่าตามล่าไป
เรือนริษยา ตอนที่ 15 (ต่อ)
กฤตพนธ์จูงมือพานันทนัชวิ่งหนีมาในป่า…นันทนัชสะดุดล้มลง
"ว้าย!"
เขาดึงนันทนัชลุกขึ้น พวกเชนไล่ตามมาหลังยิงทั้งลูกดอกและลูกเหล็กใส่ราวห่าฝน ปุๆๆ
ทั้งสองหลบพลางยกปืนยิงสวนไปปังๆๆ แต่ลูกดอกลูกหนึ่งยิงเฉี่ยวแขนกฤตพนธ์ไป
"โอ๊ะ!"
"คุณกฤต!"
เธอมองไหล่เขาที่ถูกคมลูกดอกเป็นแผลปริราวมีดบาดเลือดแดงฉานก็โกรธ กำปืน2มือหันไปยืนจังก้ายิงใส่พวกเชน 3-4นัดซ้อน ปังๆๆๆ
พวกเชนต้องหลบพัลวัน ลูกหนึ่งยิงถูกขาสมุนคนหนึ่งล้มลง
"อ๊าก"
ทำเอาสมหมายทึ่ง ที่นันทนัชยิงปืนเป็น
"ห่ะ มันยิงปืนเป็น อีเวรเอ้ย แสบนักเหรอมึง"
สมหมายฉุน ยิงกระสุนเหล็กสวนไป
กฤตพนธ์ดึงนันทนัชหลบกระสุนเหล็กลงมานอนกอดกับพื้นไว้ มองกระสุนเหล็กของสมหมายที่พลาดเป้าไปเจาะอยู่ที่ต้นไม้เหนือหัว แล้วดุนันทนัช
"ไปยืนยิ่งสู้ประจันหน้ากับมันทำไมห่ะ!"
"ก็มันยิงคุณ"
"ห่วงผมเหรอ"
"ก็ห่วงน่ะซิ ถามได้! เอ่อ..."
นันทนัชชะงักที่ดันหลุดปาก กฤตพนธ์ยิ้ม แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อมองไปที่ด้านหลังเห็นไอ้โม่งทั้ง 4 ตามเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
"มึงเสร็จกูล่ะ" เชนบอก
"ห่ะ!"
วินาทีนั้น เขาใช้มือข้างซ้ายโอบเอวเธอทันที ส่วนมือขวายิงสวนไปที่พวกไอ้โม่งปังๆ แล้วพาตัวนันทนัชกลิ้งลงเนินป่าดงไม้รก
"อ๊าย"
พวกเชนที่หลบกระสุน เงยหน้าขึ้นมอง ไม่เห็นร่างของทั้งคู่แล้ว เชนโมโหมาก
"อ๊าก"
เชนยิงลูกดอกระบายอารมณ์แล้วโยนทิ้ง ชักปืนออกมา
"วันนี้กูต้องเก็บมึงให้ได้ไอ้กฤต"
แล้วเชนก็กระโดดลงเนินตามไป
สมหมายเห็นอย่างงั้นก็โยนหน้าไม้ทิ้งชักปืน กระโดดตามลงไปด้วย สมุนทั้ง 2 วิ่งตามไป คนหนึ่งกระเผลกเพราะถูกยิงที่ขา
เชน สมหมายและสมุนทั้ง2 วิ่งไล่ตาม พอพ้นดงหญ้ามาก็เจอเข้ากับน้ำตกเตี้ยๆเป็นชั้นๆมีแอ่งลำธาร แต่ทั้งคู่หายไปแล้ว
"มันหายหัวไปไหนแล้ว"
"มันหลบอยู่แถวนี้แหละ เฮ้ย! แก2คนไปดูด้านโน้น" เชนบอก
สมุนทั้ง 2 พยักหน้ารับคำสั่งเดินผละไป เชนหันไปมองหน้าสมหมาย ชี้หัวแม้โป้งบอกให้ไปดูด้านโน้น...สมหมายไป...เชนเดินตรงไปที่บริเวณลำธาร
กฤตพนธ์กับนันทนัชนั่งซ่อนตัวอยู่ในซอกหินแคบๆ และแล้วได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ เธอตกใจ เขาโอบไหล่กระชับไว้ไม่ให้กลัว แต่อยู่ๆก็มีหน้าไม้ของสมุนคนหนึ่งจ่อมาใส่หน้าเขา
"ห่ะ!"
สมุน1บอก
"นึกว่าจะหลบกูพ้นเหรอ!"
มันเหนี่ยวไกยิงหน้าไม้ แต่กฤตพนธ์ใช้มือพันยกหน้าไม้ขึ้น ลูกดอกเหล็กเลยพลาดเป้าปักไปที่โขดหินเฉี่ยวคอนันทนัชไปแค่เส้นยาแดง นันทนัชอ้าปากค้าง
เขาจับล็อตแขนสมุนไว้ ถีบมันที่ท้อง แต่สมุนอีกคนที่ถูกยิงขาเจ็บโผล่เข้ามาจับกระชากผมนันทนัชไว้
สมุน2บอก
"มึงยิงกู ขอตบสั่งสอนให้หายแค้นทีวะ"
"อ๊าย!"
นันทนัชยก 2 แขนกันมือมันที่ตบใส่ ทำให้ปืนร่วงจากมือ
"คุณนัน"
เขาต่อยหน้าสมุน1หลายหมัด แล้วเหวี่ยงมันไปชนกับโขดหิน ทรุด แล้วกฤตพนธ์ก็วิ่งเข้าไปกระโดดถีบสมุน 2 ที่กำลังทำร้ายเธออยู่
"ปล่อยเธอ"
สมุน2 ถูกถีบล้มหงายหลังมือหลุดจากนันทนัช กฤตพนธ์กระโจนเข้าไปโครมต่อยมัน
ตอนนั้นเองที่สมหมายได้ยินเสียงเดินโผล่ขึ้นมาเหนือโขดหินเล็งปืนมาจะยิง นันทนัชอ้าปากค้างรีบกระโจนไปคว้าปืนตัวเองที่ตกอยู่แล้วพลิกตัวยิงส่งๆไปทางสมหมายปังๆ สมหมายผงะ กระสุนพลาดเป้า กฤตพนธ์กระแทกเข่าลอยปักอกสมุน2 นอนจุกแล้วชักปืนยิงสวนไปที่สมหมาย สมหมายเจอทั้งนันทนัชกับกฤตพนธ์ยิงใส่เลยพลาดท่าถูกยิงใส่เข้าที่แขน
"อ๊าก"
สมหมายก็ยังยิงสวนไม่ลดละ กฤตพนธ์กระสุนหมด แชะๆ ตัดสินใจวิ่งไปคว้าแขนนันทนัชดึงวิ่งไปที่ปลายน้ำตก
"กระโดด"
ทั้งคู่กระโดดลงไป สมหมายฉุน ปล่อยปืนร่วง คุกเข่าลงกับพื้นจับมือที่เลือดโชก คำรามออกมาทั้งเจ็บทั้งโมโหที่พลาดท่าถูกยิง
บริเวณธารน้ำตก...กฤตพนธ์ประคองนันทนัชขึ้นมาเหนือน้ำ
"คุณไม่เป็นไรนะ"
นันทนัชส่ายหน้า
"ไม่ต้องห่วง ฉันเป็นแชมป์กระโดดน้ำ"
เขาทำหน้าเอือมแกมเอ็นดู ที่นันทนัชมักจะสรรหาคำมากลบเกลื่อนความอ่อนแอของตัวเองเสมอ แต่แล้วเธอก็ร้องลั่นเมื่อเหยียบก้อนหินเบื้องล่างที่ลื่นจนตัวจมลงไปอีก
"ว้ายๆๆ"
กฤตพนธ์ต้องรีบคว้าตัวเอาไว้
"ไหนบอกเป็นแชมป์กระโดดน้ำไง ลื่นแค่นี้ร้องซะ"
"ก็ฉันยังไม่หายกลัวจากที่โดนโจรมันจับกดน้ำเลย แล้วนี่มันยังตามมาฆ่าฉันซ้ำอีก"
กฤตพนธ์สงสารโอบกอดนันทนัชไว้
"ไม่ต้องกลัว ผมจะไม่ให้มันทำอะไรคุณได้อีก"
"ขอบคุณค่ะ"
ตอนนั้นที่ไอ้โม่งเชนโผล่ขึ้นมาจากน้ำด้านหลังทั้งคู่....
เชนต่อยกฤตพนธ์คว่ำหงายลงกับน้ำ แล้วถลาจะตามไปซ้ำแต่นันทนัชร้องลั่นเข้ากระชากดึงเชนไว้
"แอร๊ย…อย่าทำอะไรเค้านะไอ้ชั่ว"
"อย่าแส่"
เชนตวัดหลังมือตบนันทนัชหน้าหงายล้มลงน้ำไป แล้วเชนก็ถลาไปหากฤตพนธ์ ยกปืนจะยิง แต่กฤตพนธ์สาวหมัดจากในน้ำต่อยเชนคว่ำ จับล็อกแขนที่ถือปืน เชนเหนี่ยวไก ปั๊งๆ กระสุนยิงลงน้ำหมด ทั้งสู้กอดรัดฟัดเหวี่ยงโดยที่มือข้างหนึ่งยังจับยื้อแย่งปืนกันไว้
แต่แล้วกฤตพนธ์ก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ จับเชนทุ่มผ่านไหล่ลงน้ำได้ แล้วหักแขนเหนี่ยวไก เสียงปืนดังขึ้นมานัดนึง
นันทนัชตกใจแทบช็อก คิดว่ากฤตพนธ์โดนยิง
"ห่ะ คุณกฤต"
เป็นว่า ไอ้โม่งเชนจับสีข้างที่ถูกยิง ปืนร่วงตกลงน้ำ ทางด้านบน...สมหมายตามมาเห็นอย่างนั้นก็ตกใจ แล้วยิงปืนใส่ กฤตพนธ์กระโจนลงน้ำหลบ ว่ายไปหานันทนัช
"หนีเร็ว"
เธอยื่นมือไปจับมือเขาแล้วก็ปล่อยให้สายน้ำพาทั้งคู่ไหลไปจากที่ตรงนั้น สมหมายกับสมุนทั้ง 2รีบเข้ามาหาเชน ประคองขึ้นจากน้ำ ทุกคนต่างสะบักสะบอมตามๆกัน เชนจับแผลที่สีข้าง ยกมือเปื้อนเลือดขึ้นมาดูอย่างแค้น
"ตอนนี้กูไม่สนเรื่องใบสั่งฆ่าแล้วเว้ย มันเป็นเรื่องระหว่างกูกับไอ้กฤตล้วนๆ ฮึ่ม!"
เชนอาฆาตกฤตพนธ์
ทั้งคู่ว่ายน้ำห่างมาไกลจากจุดที่ปะทะ... กฤตพนธ์เหลียวหลังมองไปดูผ่อนคลายมากขึ้น หันไปมองนันทนัชที่ยังดูรีบร้อนตะกุยน้ำหนีอยู่ เขาคว้าเสื้อดึงไว้
"มาดึงฉันไว้ทำไมคุณ รีบไปซี เดี๋ยวพวกมันก็ตามมาทันหรอก"
"มันถูกยิง คงไม่ตามแล้วล่ะ"
"คุณจะไปรู้ใจโจรได้ยังไง ไปดีกว่าน่า"
เขาคว้าไหล่ทั้ง 2 ข้างของนันทนัชให้หันมา
"นี่คุณ!ต่อให้หนีไปไกลแค่ไหน ถ้าคุณไม่มีสติ คุณก็สู้มันไม่ได้หรอก"
"เอ๊ะนี่! คุณกำลังว่าฉันไม่มีสติงั้นเหรอ"
"ใช่ คุณน่ะชอบใช้อารมณ์เหนือสติรับมือกับทุกๆเรื่อง"
"เป็นพระหรือไง มาเทศนาฉัน หึ"
เธอปัดมือเขาจะผละไป แต่เขาโอบกอดเธอไว้ที่ด้านหลัง
"ถ้าคุณไม่ยอมฟังที่ผมพูด งั้นก็ฟังนี่ ได้ยินไหม"
เธอแทบละลายอยู่ในอ้อมแขนเขา
"เอ่อ... ไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงน้ำ แล้วก็ เอ่อ..."
เสียงหัวใจของกฤตพนธ์เต้น เธอได้ยินจากอกของเค้าที่แนบหลังเธออยู่
"คุณได้ยินเสียงหัวใจผมใช่ไหม ถ้าไม่เชื่อที่ผมบอก ก็ช่วยฟังหัวใจของผมที่เป็นห่วงคุณ"
คำพูดของเขาทำให้เธอเขินอาย...อ่อนลง
"ฉันไม่รับปากนะ ว่าจะมีสติทุกครั้งที่เกิดเรื่อง แต่ฉันจะพยายามค่ะ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้การเสี่ยงตายของคุณทุกครั้งที่ช่วยฉันไว้ไร้ประโยชน์ แบบว่าช่วยไว้แล้ว ยังจะรนหาที่ตายอีก ยัยโง่เอ้ย"
"คุณไม่โง่หรอกแต่...เอ่อ..."
"แต่อะไร"
"อย่ารู้เลย"
กฤตพนธ์ปล่อยแขนนันทนัช แล้วเดินผละจะขึ้นจากลำธาร
"จะไปไหน บอกมาเดี๋ยวนี้นะ แต่อะไร บอกมาๆๆ"
เธอกวักน้ำใส่ กฤตพนธ์ยกมือกันน้ำพัลวัน
"โอ๊ะๆๆ บอกก็ได้ แต่น่ารัก"
ทั้งคู่อึ้งมองหน้ากัน เขายื่นหน้ามาเหมือนจะจูบ แต่เธอหลบยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายปฏิเสธอย่างยียวน
"ถึงฉันน่ารักแต่ไม่ฟรีนะ"
เธอเดินขึ้นจากลำธารไป กฤตพนธ์รู้สึกว่า ไม่ง่ายที่จะเอาชนะใจผู้หญิงปากแข็งคนนี้ แต่เขาจะพยายาม
กลางป่า นันทนัชนั่งกอดอกมองกองไฟตาปรือ รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง หลังจากหนีตายกันมา
"แผลคุณเป็นยังไงบ้าง"
เขามองแผลจากลูกดอกหน้าไม้ที่พันไว้
"ผมเป็นทหารน่ะคุณ เคยถูกยิงยังรอด"
"ฉันรู้ค่ะว่าคุณถูกฝึกฝนมาดี ผ่านเหตุการณ์รุนแรงมาก็มาก"
"ตกดึกอากาศกลางป่าแบบนี้จะหนาวมาก"
นันทนัชกลับมาคิดหมกมุ่นเรื่องครอบครัว
"คุณเป็นไรรึปล่าว คิดอะไรอยู่"
"คิดผิด"
"คิดผิดที่มากับผมน่ะเหรอ"
นันทนัชยิ้มเนือยๆ
"คิดผิดเรื่องพ่อต่างหาก คิดมาตลอดว่าพ่อไม่เคยรักฉัน ฉันก็เลยทำตัวไม่รักพ่อ"
"แต่จริงๆแล้ว คุณรักพ่อมาก"
นันทนัชยิ้มเศร้าๆ
"ฉันมารู้ตัวว่าสิ่งนั้นมีค่า ก็ต่อเมื่อได้สูญเสียมันไปแล้ว และนี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่ฉันจะสามารถทำอะไรให้พ่อได้บ้าง"
"โอกาสสุดท้ายที่จะแย่งชิงมรดกกับคุณน้าฤทัยน่ะเหรอครับ"
"แล้วคุณจะให้ฉันนั่งเฉย มองทรัพย์สมบัติที่ครอบครัวของฉัน หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง ถูกผู้หญิงหิวโซคนนึงเอาไปผลาญจนหมดเหรอ"
"แต่ถ้าการแย่งชิงทำให้เสียเลือดเนื้อ คุณคิดว่าได้มรดกไปแล้ว จะมีความสุขเหรอ"
"ฉันรู้ว่ามันอาจจะฟังดูเหมือนฉันงกสมบัติ แต่ที่ฉันทำลงไปทั้งหมด ฉันต้องการแค่ทวงความยุติธรรมให้พ่อเท่านั้น เอาฆาตกรที่ฆ่าพ่อเข้าคุกได้แล้ว ฉันจะยกมรดกทั้งหมดให้น้าทิพย์ที่เลี้ยงฉันมา แล้วฉันก็จะกลับไปเรียนต่อ"
กฤตพนธ์อึ้งมองนันทนัช นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินความในใจของเธอ
"ท่องเที่ยวไปทุกๆ ที่ที่ฉันอยากไป เพราะชีวิตฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว"
นันทนัชฟุบหน้าลงกับแขนตัวเอง แล้วตัวก็หลับไปอย่างอ่อนแรง กฤตพนธ์มองหน้านันทนัชอย่างรู้สึกเอ็นดู
ท่ามกลางความเงียบสงัดกลางป่า เขามองเธอพิงต้นไม้หลับปุ๋ย เขาเอ็นดูเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนที่เธอจะมีอาการหนาวสั่นขึ้นเรื่อยๆ ทั้งปากและตัว มือทั้งสองข้างกอดอกแน่น
"คุณนัน!"
ชายหนุ่มตกใจและรีบเข้าไปอยู่ใกล้หญิงสาว และลังเลว่าจะตัดสินใจทำเช่นไรดี สุดท้ายเขาตัดสินใจดึงเธอมากอดไว้แน่นในอ้อมอกของเขา
"ผมจะปกป้องคุณเอง"
เธอละเมอพูดออกมา
"พ่อ....นันขอโทษ...นันไม่น่าทิ้งพ่อไปเลย...นันขอโทษ"
เขาจับมือเธอไว้ มองอย่างสงสาร มือลูบผม โอบปลอบ
"หลับเถอะครับคุณนัน อย่าห่วงอะไรเลย คุณไม่ตัวคนเดียวอีกแล้วล่ะครับตอนนี้คุณมีผม ผมตัดสินใจให้ใจกับคุณไปแล้ว ต่อจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณ"
กฤตพนธ์ยื่นหน้าไปจูบหน้าผากเธอ จับมือมองหน้าผู้หญิงที่เขาอยากร่วมชีวิตด้วย
เช้าวันใหม่ มานพเดินออกมาจากบ้าน มีนายธรรมถือถุงกอล์ฟตามหลังมา คนขับรถรีบเข้ามารับถุงกอล์ฟไปใส่ท้ายรถ มานพหันไปสั่งนายธรรมก่อนขึ้นรถไป
"ถ้าเจ้ากฤตกลับมา บอกให้โทร.หาฉันด้วยนะ"
"ครับท่าน!"
มานพจะก้าวขึ้นรถ แต่กนกกรขับรถเข้ามาจอดเอี๊ยด ก้าวลงจากรถอย่างร้อนใจ
"อ้าวหนูกิ๊บ ไปไหนมา"
"สวัสดีค่ะ คุณลุงทราบไหมคะว่าคุณกฤตหายไปไหน"
กนกกรถามเชิงประชด น้ำเสียงตั้งใจมาฟ้อง
"ก็เห็นว่าเสร็จภารกิจที่หน่วย ก็เลยลาพักร้อน"
"ไปกับยัยนัน 2 ต่อ 2 เนี่ยะนะคะพักร้อน!"
"อะไรนะ!"
มานพเครียดขึ้นมาทันที มองหน้านายธรรมที่ทำหน้าเหว๋อเพราะไม่รู้เหมือนกันว่า ทั้งคู่ไปด้วยกัน
ภายในห้องรับแขก บ้านอัศวัติ กนกกรบีบน้ำตาสะอื้นเบาๆ ฟ้องมานพที่นั่งฟังเครียด
"ตอนแรกกิ๊บคิดว่าคุณกฤตก็แค่สงสารยัยนัน แต่ถึงขนาดพายัยนันไปด้วยกันตามลำพังแบบนี้ กิ๊บชักหวั่นใจค่ะ ว่ามันจะมีเรื่องไม่งามเกิดขึ้น"
"ลุงเลี้ยงเจ้ากฤตมาตั้งแต่เล็กจนโต รู้จักนิสัยเค้าดี เค้าไม่ใช่คนนิสัยหยิบฉวยง่ายเรื่องผู้หญิง แต่กับแม่นันนี่ ทำไมเจ้ากฤตถึงยอมไปด้วยได้ง่ายๆ"
"ก็อย่างที่กิ๊บเคยบอกคุณลุง คุณกฤตกำลังถูกยัยนันหลอกใช้ ยิ่งตอนนี้ยัยนันรู้ตัวว่าคงจะหมดสิทธิ์ในมรดกของพ่อลิตรแน่แล้ว ก็เลยคิดจะจับคุณกฤต เพื่อหาที่พึ่ง เพราะรู้ว่าคุณกฤตเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลอัศวัติ"
"หึ คิดจะมาเป็นสะใภ้ของอัศวัติ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก หนูกิ๊บไม่ต้องเป็นห่วงเจ้ากฤต ไว้ลุงจะจัดการเรื่องนี้เอง"
กนกกรเดินกลับออกมาขึ้นรถ ปิดประตูแรงอย่างสุดแค้น นั่งกำพวงมาลัยแน่น
"ฉันรักของฉัน ทำไมแกต้องมาแย่งคุณกฤตของฉันด้วยนังนัน ฉันไม่ยอมหรอก ฉันไม่ยอม ฉันจะทำทุกอย่างให้คุณกฤตกลับมารักฉัน"
เธอร้อนไห้อย่างสุดแค้น
ท่ามกลางบรรยากาศรอบป่าที่แสนสดชื่นในยามเช้า น้ำค้างเกาะตามกิ่งไม้และยอดหญ้า
กฤตพนธ์นอนกอดนันทนัชด้วยสีหน้าที่มีความสุขทั้งสองคน เวลาผ่านไปสักพัก เธอค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมามา และต้องตกใจเมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของเขา และรีบผละตัวออก
การขัดขืนของนันทนัชทำให้กฤตพนธ์งัวเงียตื่นขึ้นมา แล้วรีบอธิบาย
"คือว่า...เมื่อคืนคุณนอนหนาวสั่นมาก ผมกลัวคุณจะเป็นไข้ ผมเลยจำเป็นต้องกอดเพื่อไออุ่นคุณ ผมไม่ได้คิดจะฉวยโอกาสคุณเลยนะ"
เธอเขิน
"เอ่อ...ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไรนี่ ขอบใจคุณมากที่ช่วยเหลือฉัน ฉันเป็นหนี้บุญคุณ คุณหลายเรื่องมาก"
"อย่าคิดว่าเป็นเรื่องบุญคุณเลย ผมบอกแล้วไงว่า ผมทำทุกอย่างเพื่อคุณ เพราะหัวใจผมมันสั่งให้ทำ หัวใจที่สั่งว่าต้องปกป้องคุณสุดชีวิตของผม"
คำพูดของกฤตพนธ์ทำให้นันทนัชยิ่งประทับใจในตัวเขาจนเผลอยิ้มหวานออกมา
"ผมว่าเรารีบกลับไปที่บ้านพักดีกว่า ไปเอาของแล้วเราจะได้กลับกรุงเทพกัน ที่นี่คงไม่ปลอดภัยสำหรับเราสองคนแล้ว"
เวลาต่อมา นันทนัชเดินออกจากห้องพักอย่างเร่งร้อนพร้อมด้วยกระเป๋าสัมภาระ เช่นเดียวกับกฤตพนธ์ที่เดินถือกระเป๋ามาเหมือนกัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินไปหยิบมือถือของตัวเองที่วางไว้ที่โต๊ะภายในห้องรับแขก แล้วเสียงมือถือจะดังขึ้นตามมาทันที...
"ฮัลโหล"
"ฮัลโหล...คุณกฤตเหรอครับ ท่านจะเรียนสายด้วยครับ สักครู่นะครับ"
ขณะที่นายธรรมเดินเอามือถือมาส่งให้มานพ
"โทร.ติดแล้วครับ"
มานพจงใจพูดเสียงดังให้กฤตพนธ์ได้ยินตามสาย
"บอกเค้าให้รีบกลับบ้านมาเดี๋ยวนี้"
เขาได้ยินอย่างนั้นก็คิ้วขมวดทันที
"เอ่อ...ฮัลโหล คุณกฤตได้ยินไหมครับ คุณท่านบอกให้รีบกลับ"
"ไม่ว่าจะอยู่กับผู้หญิงคนไหน ให้รีบกลับมา นี่เป็นคำสั่ง"
มานพสีหน้าโกรธมาก
เขาลดโทรศัพท์ในมือลง ถอนใจ มั่นใจว่าต้องมีใครเอาไปฟ้อง
"มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกครับ เรารีบกลับกรุงเทพกันเถอะครับ ก่อนที่ไอ้พวกคนร้ายมันจะย้อนกลับมาที่นี่อีกแล้วเราจะลำบาก"
จบตอนที่ 15