xs
xsm
sm
md
lg

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 15

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 15

หลังจากฟังเงื่อนไขของระรินแล้ว ศึกรบ ที่ยังไม่หายเครียด ก็กลับเข้ามาที่ออฟฟิศ พลางรีบกดโทรศัพท์หามีนา

“ฮัลโหล มีนา”
มีนาหลบออกมาคุยกับศึกรบ ที่หน้าร้าน
“ค่ะ ว่ายังไงคะคุณ”
“ผมมีเรื่องจะขอร้องให้คุณช่วย”
ศึกรบเสียงเครียด ในขณะที่มีนายิ้มกริ่ม แกล้งถามอ้อมๆ
“ขอร้อง? เป็นเรื่องสำคัญหรือเปล่าคะ”
“สำคัญสิ”
“โลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของฟรี ถ้าอยากได้ ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า”
ศึกรบถอนหายใจ นึกรู้อยู่แล้วว่ามีนาจะมาไม้นี้

จากนั้นศึกรบก็เดินออกมาจากห้องอย่างร้อนใจ พลางเดินมาหาแสงดาวที่โต๊ะทำงาน
“ผมอยากให้คุณดาวช่วยหาตั๋วเครื่องบินไปโตเกียวให้ผมกับคุณสู่ขวัญออกเดินทางวันศุกร์นี้”
แสงดาวตกใจ “ศุกร์นี้? ก็อีกสามวันสิคะ”
“ใช่ จองโรงแรมให้ผมด้วย”
“ได้ค่ะ” พลางรีบจดคำสั่งของศึกรบลงในสมุด “ไปทั้งหมดกี่วันคะ”
“15 วัน ผมอยากไปพักที่ฮอกไกโดซัก 5 วันด้วย”
แสงดาวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “นานขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“จะไปฮันนีมูนรอบสองน่ะ ฝากด้วยนะ ขอบคุณมาก เดี๋ยวผมออกไปธุระบ่ายๆ ค่อยกลับ”
ศึกรบรีบออกไป แสงดาวมองตามเพ้อๆ
“ฮันนีมูนญี่ปุ่น ถ้าได้ไปบ้างก็ดีสิ เฮ้อ”

ปองฤทัยออกจากโรงพยาบาล กลับมานั่งรอคนที่จะมาเจรจาซื้อร้าน ครู่เดียวก็มมีผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้าน ปองฤทัยแปลกใจ เพราะไม่ใช่อานนท์ ที่คุยค้างไว้เมื่อวาน
“สวัสดีครับคุณปองฤทัย”
“สวัสดีค่ะ มาพบใครคะ?”
“ผมชื่อศุภชัย เป็นทนายครับ มาจัดการเรื่องสัญญาซื้อขายร้าน” ศุภชัยแนะนำตัวเอง
ปองฤทัย พยักหน้ารับ “อ๋อค่ะ”
“ผมเอาเอกสารสัญญามาด้วย ผมอยากให้คุณอ่านก่อนที่จะตกลงซื้อขายกัน”
ศุภชัยเปิดกระเป๋าหยิบสัญญาออกมาส่งให้ปองฤทัย
“คุณศุภชัยคะ นี่มันไม่เหมือนกับที่ตกลงไว้เมื่อวานนี่คะ”
ปองฤทัยแปลกใจ กับข้อตกลงที่เปลี่ยนไป
“ยังไงครับ”
“สัญญาแบบนี้ฝ่ายผู้ซื้อเสียเปรียบมากนะคะ ตกลงซื้อขาย แต่ว่าร้านยังดำเนินกิจการต่อได้ เงินทั้งหมดเป็นของฉันอีก คุณอานนท์ต้องการแบบนี้จริงๆเหรอคะ”
“สัญญานี้ถูกร่างตามที่ตกลงกับผู้ซื้อทุกประการครับ”
ปองฤทัย ยิ่งงงหนัก “แต่มันไม่เหมือนที่คุยเมื่อวานเลยนี่คะ”
“คุณศุภชัยพูดถูกแล้วครับ มันถูกร่างตามที่ผมต้องการทุกอย่าง”
ปองฤทัยตกใจ หันไปเจอศึกรบเดินเข้ามา
“คุณรบ?”
“เงื่อนไขในสัญญาผมเป็นคนให้ศุภชัยร่างขึ้นมาเอง เพราะผมเป็นคนขอซื้อร้านนี้ ดังนั้น ถูกต้องทุกอย่างแน่นอน”
ปองฤทัยมองสัญญาสลับกับศึกรบ ด้วยความแปลกใจ

ขณะที่สู่ขวัญกำลังเดินตรวจดูความเรียบร้อยภายในร้าน มีนาก็กลับเข้ามาในร้าน พลางทำท่าทางเหมือนร้อนใจ
“ขวัญ ฉันมีเรื่องลูกค้าอยากคุยกับเธอ”
“อื้อ บอกมาสิ เรื่องอะไร”
“คืองี้แก มีลูกค้าไฮโซมาก โทรมาหาฉัน เขาบอกอยากได้ผ้ากิโมโนญี่ปุ่นแท้ แต่ฉันพยายามหาที่สั่งซื้อแล้วไม่มี”
มีนาปั้นเรื่องหน้าตาเฉย
“แล้วทำไงดี ถ้าสั่งไม่มี ก็ต้องบินไปซื้อที่ญี่ปุ่นน่ะสิ”
“ฉันถึงอยากให้แกบินไปซื้อที่ญี่ปุ่นไง ไหนๆก็จะไปยุโรปแล้ว บินไปญี่ปุ่นก่อนก็ได้นะๆ แกนะ”
สู่ขวัญ ส่ายหน้าเบาๆ
“ถ้าไม่แน่ใจว่าสั่งซื้อได้รึเปล่าแล้วเธอจะรับปากเขาไปทำไม”
“โหย รายนี้เขาจ่ายไม่อั้น แถมตำแหน่งใหญ่โต ไม่กล้าปฎิเสธหรอก”
“ใครกัน?” สู่ขวัญถามด้วยความสนใจ
“เขาชื่อ เอ่อ คุณไอริณลดา”
“ไม่เห็นเคยได้ยินชื่อเลย”
“เป็นพวกคุณนายทูตน่ะ ไปอยู่เมืองนอกนาน นี่เพิ่งกลับจากอเมริกา เธออาจจะไม่เคยได้ยิน”
มีนาโกหกตาใส
“งั้นเหรอ?”

มีนาพยักหน้ารัวๆ สู่ขวัญยิ่งมอง ยิ่งแปลกใจ

ปองฤทัยเดินถือกาแฟมาให้ศึกรบ หน้าตาเคร่งเครียด

“คุณรบคะ”
“ครับ?”
“ปอง ขายร้านให้คุณไม่ได้หรอกค่ะ”
ศึกรบมองหน้าปองฤทัย อย่างแปลกใจ
“ทำไมขายไม่ได้ครับ”
ปองฤทัย ถอนหายใจ “เงื่อนไขที่คุณให้ปอง มันเอาเปรียบคนซื้อเกินไป ปองยอมไม่ได้หรอกค่ะ”
“งั้น ถ้าคุณไม่ขายผมก็มีวิธีอื่นเสนอ”
“วิธีอะไรคะ” ปองฤทัยย้อนถาม
“คุณต้องยอมรับเงินของผม เพราะว่าผมไม่อยากให้คุณปิดร้าน”
“แต่มันมากไปจริงๆนะคะ”
ศึกรบสวนกลับทันที “การที่คุณขายร้านทิ้ง ก็มากไปเหมือนกัน”
ปองฤทัย ยิ่งเครียดหนัก
“โธ่ คุณรบ”
“อย่าขายร้านเลยนะครับ”
ศึกรบส่งสายตาเป็นเชิงอ้อนวอน ปองฤทัยพูดอะไรไม่ออก
“ถ้าคุณขาย ผมจะไปซื้อดอกไม้สวยๆ กาแฟอร่อยๆแบบนี้ได้จากไหน”
ปองฤทัยนิ่งไปสักพัก ก่อนที่น้ำตา จะค่อยๆไหล
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ”
ปองฤทัยพยายามปาดน้ำตาทิ้ง ศึกรบลุกเดินเข้าไปกอดปลอบใจ

ปองฤทัย กลับมาจัดการจ่ายเงินค่ายาและค่ารักษาแม่ที่โรงพยาบาล ด้วยท่าทีที่สบายใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“คุณปองครับ”
เสียงชโยดมทักมาจากด้านหลัง ปองฤทัยรีบหันกลับไปทันที
“คุณหมอ”
ปองฤทัยยิ้มให้ชโยดม ชโยดมยิ้มตอบ พลางรู้สึกแปลกใจ ที่ปองฤทัยดูไม่เครียดอย่างเคย

จากนั้นปองฤทัย ก็พาชโยดมเข้ามาเยี่ยมประนอมในห้อง
“แม่จ๊ะ ปองพาคุณหมอมาเยี่ยม”
ปองฤทัย พูดพลางประคองประนอมให้ลุกขึ้นนั่ง ประนอมดีใจ ที่ชโยดมมาเยี่ยม
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
ปองฤทัยไปนั่งข้างเตียงประนอม จับมือประนอมไว้ พลางน้ำตารื้น
“ปองร้องไห้ทำไมลูก เรื่องค่ารักษาแม่ใช่ไหม”
ปองฤทัย ยิ้มให้มารดา
“เปล่าหรอกจ้ะ ปองดีใจน่ะ ปองหาทางออกเรื่องนี้ได้แล้วนะแม่”
“จริงเหรอ แล้วเราเอาเงินมาจากไหน?” ประนอมถามอย่างแปลกใจ
“ปองเอาของในร้านไปขายลดราคา ก็เลยได้เงินมา แม่ไม่ต้องห่วงแล้วนะ”
ชโยดมเดินเข้าไปหาประนอม พลางแจ้งข่าวดี
“ผมไปถามหมอเจ้าของไข้มา อีกไม่กี่วันคุณป้าก็จะกลับบ้านได้แล้วนะครับ”
“จริงเหรอคะคุณหมอ”
ชโยดมดมพยักหน้า ปองฤทัยกับประนอมจับมือกัน พลางยิ้มด้วยความดีใจ

ไอวี่เดินเข้ามาที่ตึกเรียน เจอป้อมระหว่างทาง ป้อมรีบเดินเข้ามาทัก
“อ้าว ไอวี่”
“เจอกันอีกแล้วนะ”
ป้อมยิ้มกวนๆ “บังเอิญมั้ง”
“ก็คงงั้น มีอะไรเหรอ ยังไม่เข้าไปเรียนอีก จะสายแล้วนี่”
“ก็ช่างมันเถอะ ยังไงก็ทัน ว่าแต่เธอ งานใหม่เป็นไงบ้าง” ป้อมถามความเป็นห่วง
“ก็ดี แต่เงินมันน้อย ไม่ค่อยพอยาไส้หรอก” ไอวี่บ่นอย่างเซ็งๆ
“อ้าว แล้วสรุปว่าดีไหม”
“พอได้ ฉันทำไปงั้นๆแหละ หวังอย่างอื่นมากกว่า”
ป้อมมองหน้าไอวี่งงๆ
“อย่างอื่น ความก้าวหน้าอะไรแบบนี้น่ะเหรอ? ก็ดีออกนะ ไม่ชอบก็ลองทำไปก่อน อย่างน้อยก็มีเงินใช้”

ไอวี่ไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มหวานให้ป้อม
 
อ่านต่อหน้า 2

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 15 (ต่อ)

ชโยดมเดินเข้ามาในร้านของสู่ขวัญ สู่ขวัญเห็นน้องชาย ก็ร้องทักด้วยความดีใจ ระคนแปลกใจ

“โย”
ชโยดมรีบเดินเข้าไปหา สู่ขวัญโผเข้าไปกอดชโยดม
“โห กอดแน่นเลย คิดถึงผมเหรอ”
สู่ขวัญคลายมือออก พลางส่งยิ้มให้น้องชาย
“คิดถึงสิ ใครจะไม่คิดถึงน้องชายสุดที่รักกันล่ะ
“ประชดรึเปล่าเนี่ย”
“ไม่มีทาง พี่สาวนายไม่เคยโกหกหรอก”
ชโยดมหัวเราะขำ
“โอเค เชื่อแล้วพี่สาว”
มีนาได้ยินเสียงสองพี่น้องคุยกัน ก็เดินเข้ามาสมทบ
“สองพี่น้องคะ เกรงใจกันนิดนึง เจอกันทีไรเสียงดังตลอดๆ”
สู่ขวัญ แกล้งมองเพื่อนค้อนๆ
“ก็มันดีใจนี่ นานๆจะเจอ เมื่อไหร่จะมาอยู่กรุงเทพก็ไม่รู้”
ชโยดมยิ้ม “ที่มาหาเพราะเรื่องนี้แหละ”
“หืม? หมายถึงอะไรโย”
“ผมกำลังจะทำเรื่องย้ายกลับมาประจำที่กรุงเทพ”
สู่ขวัญ ยิ้มหน้าบาน ด้วยความดีใจมาก “จริงเหรอ โยจะมาอยู่ที่นี่แล้วเหรอ”
“ครับ เดี๋ยวก็ได้เจอกันบ่อยๆแล้วเนอะ”
มีนารีบพูดแทรกขึ้น
“ดีแล้ว จะได้มาอยู่ด้วยกัน” พลางแกล้งมองหน้ามองชโยดม แล้วยิ้มเขิน “ใกล้ๆ”
“ใกล้สาวอื่นน่ะสิมีนา” สู่ขวัญพูดแหย่น้องชาย
“หา ยังไง สาวคนไหน”
“ปกติถ้าไม่มีแรงจูงใจ โยคงไม่มาง่ายๆ สงสัยจะมีคนที่อยากอยู่ใกล้ๆแล้วใช่ไหม”
ชโยดมก้มหน้าเขิน
“เฮ้ย พี่ขวัญ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น รอให้แน่ใจก่อนแล้วจะบอกนะ”
สู่ขวัญหันมาพักเพยิดกับมีนา
“พูดแบบนี้ สงสัย ฉันคงใกล้เจอน้องสะใภ้จริงๆแล้วละมีนา อยากเห็นจังว่าที่น้องสะใภ้คนนี้จะสวยน่ารักสักแค่ไหน”
ชโยดมยิ้มเขินๆ ในขณะที่มีนาแอบหน้ามุ่ย

ศึกรบออกมาเจอระริน ที่ร้านอาหารเดิม
“ผมได้คำตอบให้คุณแล้ว”
ศึกรบพูดเสียงเครียด ในขณะที่ระรินรอฟังคำตอบ ด้วยความตื่นเต้น
“ตกลงว่ายังไงคะ”
“ผมจะรอให้คุณคลอดเด็กออกมาก่อน”
“ทำไมต้องรอด้วยคะ?”
ระรินย้อนถามอย่างร้อนใจ
“ผมอยากตรวจดีเอ็นเอ ถ้าเขาเป็นลูกผมจริง ผมจะรับเขาเป็นลูก ส่วนค่าใช้จ่ายระหว่างที่คุณกำลังท้องผมจะจัดการให้เอง”
“ตรวจดีเอ็นเอ?” ระรินทวนคำด้วยความโมโห “นี่คุณหาว่ารินโกหก ไปท้องกับใครไม่รู้แล้วมาอ้างว่าเป็นลูกคุณเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่อยากทำให้มันแน่ใจ ระหว่างนี้คุณก็ไปพักผ่อนเมืองนอกก่อน ผมออกค่าใช้จ่ายให้ จะคลอดที่นั่นเลยก็ได้ คุณไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น”
ระรินลุกขึ้น ตบโต๊ะ ด้วยความไม่พอใจ
“คุณพูดจาดูถูกริน รินยอมไม่ได้หรอกค่ะ รินไม่ไปไหนทั้งนั้น”
ศึกรบ ถอนหายใจ พลางลุกยืนขึ้นเผชิญหน้ากับระริน
“ผมให้ได้เท่านี้ ถ้าคุณไม่ยอม คุณจะไม่ได้อะไรจากผมอีก”
“ไม่ให้ก็ไม่ให้ รินแค่ต้องการความรับผิดชอบ ถ้าอีกฝ่ายไม่เต็มใจ รินก็ไม่อยากรับเหมือนกัน”
พูดจบ ระรินก้าวพรวดๆออกจากร้านไป ศึกรบยิ่งหัวเสีย พลางรีบเดินตามออกมาดึงระรินไว้ ระรินสะบัดออก
“ริน คุณต้องคุยกับผมให้รู้เรื่องนะ”
“รินไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” ระรินตอบเสียงสะบัดๆ
“แต่คุณต้องคุย ผมไม่ได้บอกว่าผมไม่เต็มใจรับผิดชอบ ผมแค่ต้องการความแน่ใจ”
ระริน กัดริมฝีปากตัวเองแน่น ก่อนจะเชิดหน้า แล้วพูดตอกกลับไป
“มันก็แสดงว่าคุณไม่ไว้ใจริน รินจะบอกคุณว่ารินทำได้ทุกอย่าง รินจะเอาข่าวนี้ป่าวประกาศบอกใครก็ได้ ถ้าคุณอยากทำแบบนี้กับริน เราจะได้เห็นดีกัน”
“คุณอยากทำอะไรแตกหักกับผมก็ตามใจคุณ แต่คุณคิดให้ดีๆ ชื่อเสียง เงินทอง งานของคุณ ถ้าข่าวนี้มันออกไป มันจะเป็นยังไง”
ระรินถึงกับชะงัก ศึกรบหยิบสมุดเช็คออกมาเซ็น ยื่นให้ระริน
“ผมให้คุณเท่านี้ ลองคิดดูดีๆก่อนที่จะทำอะไร เพราะผมก็ทำได้ทุกอย่างเหมือนกัน”
ศึกรบพูดเสียงเข้ม ระรินรู้ว่าศึกรบเอาจริงแน่ รีบรับเช็คไปพิจารณาดู พลางครุ่นคิด
ระรินหน้าเครียดกลับมาที่คอนโด แจ๊สเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง
“สีหน้าไม่ดีเลยนะเธอ ไปคุยมาเป็นไงเนี่ย”
“เขาบอกจะรอหลังฉันคลอด แล้วค่อยตรวจดีเอ็นเอ ให้นี่มาด้วย” ระรินยื่นเช็คให้แจ๊สดู
“ตายแล้ว นี่เขาเหมือนจะไม่รับเลยนะเนี่ย”
“มันก็แค่เหมือนจะ แต่เจ๊ฉันจะไม่ยอมแพ้หรอก ฉันจะต้องได้ทุกอย่าง ทั้งเงินทั้งตัวของเขา คอยดู”
ระรินพูดอย่างมั่นใจ
“แล้วเธอจะทำยังไง ขนาดท้องแล้วเขายังพูดแบบนั้น”

“ฉันมีวิธีก็แล้วกัน”

ศึกรบกลับมาที่บ้าน เจอสู่ขวัญรออยู่แล้ว

“รบคะ ขวัญมีเรื่องจะบอก ด่วนมาก”
“เรื่องอะไรครับ?”
“ขวัญต้องไปญี่ปุ่นมะรืนนี้”
ศึกรบแกล้งทำเหมือนว่าแปลกใจ ทั้งที่จริงๆ รู้อยู่แล้ว
“อ้าว แล้วแผนฮันนีมูนยุโรปเดือนหน้าของเราล่ะ”
สู่ขวัญ หน้าเครียด
“เลื่อนไปก่อนได้ไหมคะ อันนี้ด่วนมากจริงๆค่ะ ขวัญต้องไปดูผ้ากิโมโนให้ลูกค้า สั่งซื้อไม่ได้ ต้องไปหาเอง รบจะว่าอะไรไหม”
ศึกรบแกล้งทำหน้าเศร้า
“แล้วผมล่ะ”
“โธ่ ขวัญขอโทษ ขวัญสัญญาว่าจะรีบกลับ โอเคไหม”
“ไม่โอเค. ครับ”
ศึกรบแกล้งทำเสียงเข้ม สู่ขวัญเริ่มหน้าเสีย ศึกรบเลยหัวเราะออกมา
“ยังไงคะเนี่ย หัวเราะทำไม”
“ไม่โอเค. เพราะว่า ผมไม่ยอมให้คุณไปคนเดียวหรอก บังเอิญดีนะ ผมจะไปประชุมกับลูกค้าที่ญี่ปุ่นพอดีเลย”
สู่ขวัญ มองหน้าสามีอย่างแปลกใจ
“จริงเหรอคะ บังเอิญจัง”
ศึกรบยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ที่บังเอิญแบบนี้ สงสัยเจ้าตัวเล็กคงอยากมาเกิดไวๆแล้วมั้ง เลยอยากให้คุณกับผมไปเที่ยวกันเร็วๆ งั้นเราถือโอกาสฮันนีมูนต่อเลยนะ”
สู่ขวัญตีแขนสามีเขินๆ ศึกรบหัวเราะชอบใจ

ในขณะที่ปองฤทัยกับป้อม กำลังช่วยประนอมเก็บของกลับบ้าน ชโยดมก็เปิดประตูห้องเข้ามา
“เป็นไงบ้างครับ เสร็จหมดหรือยัง”
ปองฤทัยหันไปยิ้มให้ชโยดม
“เก็บเสร็จแล้วค่ะคุณหมอ”
“มาครับ งั้นผมช่วยถือ แล้วเดี๋ยวผมไปส่ง”
ชโยดมเสนอตัว
“รบกวนคุณหมออีกแล้ว”
“ผมเต็มใจครับ”
ชโยดมเดินไปช่วยหยิบของ ในขณะที่ประนอมนิ่งฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจถาม
“ปอง แล้วค่ารักษาล่ะ”
ปองฤทัยชะงักไปนิดหน่อย แล้วรีบตอบเลี่ยงๆ
“ปองจัดการแล้วจ้ะแม่”
“รู้แล้ว แต่ว่าทั้งหมดมันเท่าไหร่ เยอะไหม เราจ่ายไหวแน่เหรอ” ประนอมอดเป็นห่วงไม่ได้
“ไหวสิจ๊ะ ปองบอกแม่แล้วว่าจัดการได้”
“แล้วเราเอาเงินมาจากไหน ที่ขายของในร้านไป ขายอะไร”
ปองฤทัยนิ่งคิดชั่วครู่ พลางทำทีเป็นยิ้ม ก่อนจะตอบไปอ้อมๆ
“ก็พวกอุปกรณ์บางอย่างที่ไม่ค่อยได้ใช้น่ะจ้ะ ได้เงินมาเยอะเหมือนกันเลยเอามาจ่าย”
ประนอมตกใจ “ทำไมต้องควักเนื้อตัวเองขนาดนี้ด้วย”
“เงินทองมันของนอกกาย แค่ค่ารักษาแม่แค่นี้ ต่อให้ต้องจ่ายแพงกว่านี้ปองก็จะหามาให้ได้ แม่ไม่ต้องห่วงปองหรอกนะจ๊ะ ไป กลับบ้านกันดีกว่า”
ปองฤทัยหยิบของประนอม พลางพามารดาเดินออกากห้อง ป้อมหยิบของจะเดินตามออกไป ชโยดมรีบเรียกไว้
“ป้อม เดี๋ยวก่อน”
“ครับ?”
“พี่มีอะไรจะคุยด้วย”
ป้อมมองชโยดมงงๆ
“ป้อม พี่ถามป้อมตามตรงนะ พี่สาวป้อมมีปัญหาเรื่องค่ารักษาแม่รึเปล่า ถ้าไม่ไหวพี่จะช่วย แล้วค่อยมาคืนทีหลังก็ได้”
ป้อมตอบไปนิ่งๆ
“ไม่มีนี่ครับ คุณหมอก็เห็น พี่ปองจัดการหมดแล้ว”
“วันสองวันก่อนยังเห็นพี่สาวเราเครียดๆ คุณปองเอาเงินมาจากไหน”
“ผมขอไม่บอกแล้วกันครับ เอาเป็นว่าเรามีวิธีของเรา ที่คุณหมอไม่จำเป็นต้องรู้ แค่คุณหมอช่วยเราก็มากพอแล้ว”
ชโยดมจ้องหน้าป้อม แล้วพูดอย่างจริงใจ
“แต่พี่เต็มใจช่วย”
“พวกเรารู้ครับ แต่ถ้าเราเอาแต่พึ่งคุณหมอ วันที่เราจะยืนได้ด้วยตัวเองคงไม่มี จริงไหมครับ”
“การพึ่งตัวเองคือยอมขายอะไรในร้านออกไปน่ะเหรอ” ชโยดมย้อนถาม
“เรามีแม่คนเดียว ต่อให้เราต้องขายร้านเพื่อรักษาแม่ เราก็จะทำครับ”
ชโยดมอึ้งไป ป้อมทำท่าจะเดินผละออกไป ชโยดมชักเอะใจ
“พี่สาวนายคงไม่ได้ขายร้าน ใช่ไหม”
ป้อมถึงกับชะงักไป
“ว่ายังไง พี่สาวนายไม่ได้ขายของอะไรในร้าน แต่เขาขายร้านเพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าผ่าตัดใช่ไหม”
ป้อมหันกลับมา สีหน้าลำบากใจ
“ผมขอไม่บอกไงครับ”
“แล้วเงินนั่นมาจากไหน”
ชโยดมคาดคั้น แต่ป้อมยังยืนเงียบ
“บอกมาเถอะ พี่สาบานว่าจะไม่บอกคุณปอง”
“คุณหมอเดาเก่ง แต่ไม่ถูกทั้งหมดหรอกครับ ร้านยังเป็นของเรา พี่ปองยังได้สิทธิ์บริหารร้านอยู่ เหมือนแค่เอาร้านไปจำนองครับ”
“จำนอง? กับใคร?”
ชโยดมจ้องหน้าป้อมเขม็ง ป้อมถอนหายใจ พลางรีบพูดตัดบท
“ไปกันดีกว่าครับ เดี๋ยวพวกเขาจะรอ”

พูดพลางป้อมรีบเดินออกไปก่อนที่ชโยดมจะซักไซร้อะไรอีก
 
อ่านต่อหน้า 3

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 15 (ต่อ)

จากนั้นชโยดมก็พาปองฤทัย ป้อม และประนอมมาส่งที่ร้าน ปองฤทัยกบป้อม ช่วยกันพยุ่งมารดาไปนั่งพัก

“ได้ออกจากโรงพยาบาลซะทีนะครับคุณป้า”
ประนอม ยิ้มรับ
“นอนโรงพยาบาลซะเบื่อแล้ว ได้กลับก็ดีเหมือนกันค่ะ”
ปองฤทัยมองประนอม แล้วก็ยิ้ม ด้วยความสบายใจ
“แค่แม่ดีขึ้นปองก็สบายใจแล้ว ขอบคุณคุณหมออีกรอบนะคะ”
“คุณปองขอบคุณผมเป็นร้อยครั้งแล้วนะครับเนี่ย” ชโยดมพูดล้อๆ
“เป็นพันเป็นหมื่นครั้งปองก็จะขอบคุณค่ะ ปองจะขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือปอง ถ้าทำอะไรตอบแทนได้ก็จะทำ”
“ผมก็ไม่ได้หวังอะไรขนาดนั้นหรอกครับ”
“พวกเราพูดจริงนะครับ ใครทำอะไรให้ เราไม่มีทางลืม”
ป้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ประนอมมองหน้าชโยดม ด้วยความซาบซึ้งใจ
“คุณหมอคอยช่วยพวกเราตลอด บางทีเราก็เกรงใจนะคะ”
ชโยดม หันมายิ้มให้ประนอม
“ ถ้าทุกคนอยากตอบแทนผม ผมขอแค่คุณป้าดูแลตัวเองดีๆ กินยา ทำทุกอย่างตามหมอสั่ง อย่าโหมงานหนักอีก ได้ไหมครับ”
ประนอมอิดออด
“แหม คนมันทำงานทุกวันจนเคยแล้วนี่คะหมอ”
“เดี๋ยวก็ชินครับ ดูแลตัวเองสำคัญกว่านะ จริงไหมคุณปอง ป้อม”
สองพี่น้องพยักหน้า
“ก็ได้ค่ะ ถือว่าคุณหมอขอนะ”

ในขณะที่ระริน ก็ตกเป็นข่าวเม้าท์ในรายการบันเทิงช่อง 8 อีกครั้ง
“ข่าวของเธอคนนี้ยังร้อนแรงไม่เปลี่ยนนะคะ สำหรับ ระริน ดาราสาวสุดแซ่บที่มีข่าวกับหนุ่มมากหน้าหลายตา ล่าสุดคือข่าวที่ว่าเธอควงหนุ่มไฮโซอยู่คนหนึ่ง”
พิธีกรคนแรกเริ่มเปิดประเด็น ในขณะที่พิธีกรอีกคนช่วยเสริม
“แต่ว่าก็ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาเป็นตัวตนค่ะว่าเป็นใคร มีแต่ข่าวลือว่าเป็นคนนั้นคนนี้ แถมมีเจ้าของแล้วอีกต่างหาก”
“ล่าสุดค่ะ มีข่าวออกมาอีกแล้ว คราวนี้แรงกว่าเดิมด้วยค่ะคุณ” พิธีกรคนแรกทำสุ้มเสียงตื่นเต้น
“ยังไงคะ”
“กำลังโดนเม้าท์ให้แซ่ดในโซเชียลเน็ตเวิร์คค่ะ กับภาพหลุดระรินใส่แว่นดำใส่หมวกไปโรงพยาบาล”
“ไปออกรบเหรอคะ ถึงต้องพรางตัวขนาดนั้น”
“ออกรบหรือออกลูกก็ไม่รู้สิ ว่ากันว่าเจ้าตัวไปฝากครรภ์” พิธีกรคนแรกเม้าท์อย่างสนุกปาก
“ว้าย จริงอ่ะ”
“ท้องจริงรึเปล่าไม่รู้นะคะ แต่ว่ามีการสันนิษฐานกันไปต่างๆนานาแล้วว่าถ้าเกิดระรินท้องขึ้นมาจริงๆ ใครกันแน่ที่เป็นพ่อเด็ก”
“หลายชื่อก็เป็นชื่อคุ้นเคยกันในวงสังคมค่ะ อย่างเช่น ไฮโซที่ว่ากันว่าเป็นกิ๊กเก่าของระริน อย่าง ไฮโซชื่อย่อ ส.ค.”
“แล้วก็มีไฮโซ น. ดารา ป. ไปจนถึงไฮโซอีกคนหนี่งชื่อ ย่อว่า ศ.ร. ค่ะ”
“ใครกันคะเนี่ย ศ.ร.”
“ยังไม่รู้ค่ะ เอาเป็นว่าก็ต้องเดากันต่อไป ทั้งเรื่องระรินท้องไหม พ่อเด็กเป็นใคร ดูกันยาวๆเลยนะคะงานนี้”

ทรงยศกับภาวดีออกมาส่งศึกรบกับสู่ขวัญ ที่เตรียมเดินทางไปญี่ปุ่น ศึกรบมองกระเป๋าเดินทางของสู่ขวัญอดไม่ได้ที่จะกระเซ้าภรรยา
“ขนแบบนี้ผมนึกว่าจะไปซักปีนะเนี่ย”
สู่ขวัญหัวเราะ
“แหม ก็ของขวัญเยอะนี่”
“ผมแซวเล่น”
ทรงยศกับภาวดีมองทั้งคู่ ด้วยความปลื้มใจ
“มีความสุขจริงนะเรา”
ภาวดี ยิ้มหน้าบาน
“เห็นลูกๆรักกันดีก็นึกถึงสมัยเราแต่งงานใหม่ๆนะคะ ตอนนั้นมีความสุขม้ากมาก”
“อ้าว แล้วตอนนี้ล่ะ”
“ก็ดีมั้ง”
ทรงยศทำท่าจะเถียง ศึกรบรีบห้าม
“อย่าทะเลาะกันนะครับ”
ภาวดีมองค้อนลูกชาย “เปล่าซะหน่อย ตารบนี่ก้อ”
ศึกรบกับสู่ขวัญหัวเราะขำ ภาวดีเดินไปจับมือลูกชาย กับลูกสะใภ้
“เห็นเราทั้งคู่มีความสุขก็ดีแล้ว ไปเที่ยวไปพักผ่อนให้สนุก กลับมา อย่าลืมเอาหลานมาฝากแม่ซักคนนะ”
สู่ขวัญหน้าแดงระเรื่อ
“เรื่องนี้แล้วแต่รบเขาสิคะ”
“ระดับผมแล้ว ดีไม่ดีอาจจะมาทีเดียวเป็นลูกแฝดเลยก็ได้นะ”
“รบนี่อะไร ทะลึ่งแล้วนะ”
สู่ขวัญตีศึกรบแก้เขิน ทรงยศกับภาวดีหัวเราะมีความสุข
“โชคดีเดินทางปลอดภัยลูก”
ศึกรบกับสู่ขวัญยกมือไหว้ทรงยศกับภาวดี ทั้งสองรับไหว้ แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน ศึกรบกับ สู่ขวัญเตรียมจะขึ้นรถ ทันใดนั้นโทรซัพท์มือถือของสู่ขวัญ ก็ดังขึ้นก่อน สู่ขวัญรีบหยิบโทรศัพท์มาดู
“มีนาค่ะ”
“มีอะไรด่วนรึเปล่า”
สู่ขวัญรีบกดรับสายแบบงงๆ ในขณะที่มีนา โทรศัพท์อยู่ที่ร้าน น้ำเสียงร้อนใจ
“ขวัญ แกอยู่ไหน จะไปสนามบินแล้วรึยัง”
“กำลังจะไป ทำไมมีอะไร?” สู่ขวัญย้อนถามด้วยความแปลกใจ
“คือ คือ จะบอกไงดีเนี่ย”
“บอกมาเลย ฉันต้องรีบไปนะ”
มีนาอึกอัก
“ฉันรู้ว่าแกกำลังจะไปเที่ยวแฮปปี้กับคุณสามีนะ แต่แกเห็นข่าววันนี้หรือยัง”
“ข่าว? ข่าวอะไร” น้ำเสียงสู่ขวัญเริ่มร้อนรน
“เอ่อ เรื่องยัยระริน”
สู่ขวัญชะงักกึก พลางแกล้งทำเป็นหน้านิ่งๆไว้ เพราะเห็นศึกรบแอบมองอยู่
“เขาทำไม”
“ฉันเห็นข่าวยัยระริน ไปฝากครรภ์ แล้วเด็กอาจจะเป็นลูกคุณรบ”
สู่ขวัญหน้าเครียด เริ่มไม่พอใจ
“ไม่จริง”
“มันก็แค่สันนิษฐาน ฉันไม่อยากขัดบรรยกาศแกเล้ย แต่ไม่บอกก็ไม่ได้”
สู่ขวัญ ส่ายหน้าอย่างรำคาญใจ
“คราวนี้คงหาทางทำอะไรอีกแน่ๆ ยังไม่เลิกโกหกอีก คนอะไร”
“แล้วถ้าเกิดมันเป็นจริงขึ้นมาล่ะแก” มีนาย้อนถาม
“ฉันไม่เชื่ออยู่ดี”
“อือๆ ตามใจแกนะ แต่ระวังตัวด้วย”
“ได้ ขอบใจมาก”

มีนาวางสายไป สู่ขวัญเริ่มไม่สบายใจ

รถของศึกรบกำลังขับออกไปจากบ้าน แต่จู่ๆก็มีรถคันหนึ่งพุ่งมาจอดขวางไว้ ศึกรบกับสู่ขวัญตกใจมองไปข้างหน้า

“ใครกัน”
สู่ขวัญเปรยขึ้นมาอย่างแปลกใจ แต่พอเห็นว่าใครลงมาจากรถ ก็เปลี่ยนเป็นตกใจ
ระรินเดินลจากรถ พลางเดินเข้ามาขวางรถศึกรบไว้ สู่ขวัญรีบลงจากเดินไปหาระรินทันที ศึกรบรีบตามไป
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
“พวกคุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
ศึกรบเข้าไปหาระริน พูดเสียงเบาๆ
“ริน คุณมาทำไม กลับไปซะ”
ระรินไม่ฟังเสียง หันไปทางสู่ขวัญ พลางตะโกนเสียงดัง
“รินไม่กลับ แล้วคุณก็ไปไหนไม่ได้ด้วย จนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง”
“คุยเรื่องอะไร จะมาโกหกอะไรอีก” สู่ขวัญเสียงเข้ม
“ก็เรื่องที่เธอควรจะรู้ยังไงล่ะ ฉันไม่ได้โกหก เธอต่างหากที่น่าจะเลิกโง่ได้แล้ว”
“เธอว่าใครโง่มิทราบ” สู่ขวัญจ้องหน้าระรินแบบเอาเรื่อง “มาถึงแล้วก็ด่าเอาๆ ไม่มีความเป็นผู้ดีเอาซะเลย”
ระริน เชิดหน้า พลางปรายตมองสู่ขวัญแบบเหยียดๆ
“ผู้ดีอย่างเธอก็ดีแต่เก็บตัวอยู่ในบ้าน ไม่เคยรับรู้ว่าใครเขาไปถึงไหน สมควรแล้วที่โดนเขาทิ้งแล้วก็ไปคว้าไพร่อย่างฉันมาทำเมียอีกคน สมใจไหมล่ะ”
“ถ้าพูดแบบนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูดดีด้วยแล้วล่ะมั้ง”
จบประโยค สู่ขวัญก็พุ่งตัวเข้าไปตบระรินทันที ระรินสวนกลับทันควัน สู่ขวัญไม่ยอม เข้าไปตบซ้ำ ศึกรบรีบเข้าไปช่วยดึงสู่ขวัญออก ระรินหันมาทางศึกรบ น้ำตานองหน้า พลางตะโกนด่าอย่างไม่ไว้หน้า
“คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ทำไมคุณสนใจแต่มัน รินทำขนาดนี้แล้วทำไมคุณถึงไม่สนใจรินบ้าง รินยอมเสียศักดิ์ศรีให้เมียคุณทั้งด่าทั้งตบ ทั้งที่รินกำลังท้องลูกคุณอยู่นะ”
สู่ขวัญหันขวับไปทางศึกรบ “ลูกของคุณจริงเหรอ”
ศึกรบจะจับสู่ขวัญไว้ แต่สู่ขวัญสะบัดตัวออก พลางเดินเข้าไปผลักระรินจนเซล้ม ศึกรบตกใจเข้าไปประคอง สู่ขวัญมองศึกรบด้วยสายตาเอาเรื่อง
“เรื่องจริงใช่ไหม ยัยนี่พูดจริงใช่ไหม”
ศึกรบอึกอัก “ผมไม่แน่ใจ”
สู่ขวัญมองศึกรบอย่างผิดหวังสุดขีด แล้วหันหลังวิ่งหนีเข้าบ้านไป ศึกรบมองสลับไปมาระหว่างสู่ขวัญกับระริน ด้วยความรู้สึกสับสน
“ขวัญ เดี๋ยวขวัญ ฟังผมก่อน”
ศึกรบตัดสินใจวิ่งตามสู่ขวัญเข้าบ้าน ระรินมองตามอย่างสะใจ

ศึกรบวิ่งตามเข้ามาในบ้าน ก่อนที่จะรีบยื้อแขนสู่ขวัญไว้
“ขวัญ ฟังผมอธิบายก่อน”
สู่ขวัญหันมามอง ด้วยอามณ์ทั้งโกรธทั้งเสียใจ
“จะให้ฟังอะไรอีก คุณจะโกหกไปถึงไหน”
“ผมไม่ได้โกหก ผมรู้พูดไปก็เหมือนแก้ตัว แต่ผมไม่แน่ใจว่าลูกระริน จะเป็นลูกของผม”
“อะไรนะ?” สู่ขวัญตกใจ
“ผมรู้ว่าเขาไม่ได้มีผมคนเดียว เด็กนั่นอาจจะไม่ใช่ลูกผมก็ได้”
“คุณพูดจาไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ออกมาได้ยังไง”
“ผม”
ศึกรบพยายามจะแก้ตัว แต่สู่ขวัญชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ขวัญไม่อยากฟัง แค่ที่ได้ยิน ได้เห็นทุกวันมันก็เกินทนแล้ว”
“คุณต้องเชื่อผมนะ ใจเย็นก่อน”
“เชื่อจนยัยนั่นด่าว่าโง่นะเหรอ” สู่ขวัญจ้องหน้าสามีเขม็ง
“คุณต้องอดทนสิ คุณเชื่อแต่คนอื่น แต่คุณไม่ฟังผมแล้วเมื่อไหร่เราจะเข้าใจกัน”
“ใช่ ขวัญมันเข้าใจอะไรยาก งั้นคงไม่มีความจำเป็นต้องคุยกัน ปล่อย”
สู่ขวัญขยับตัวจะเดินหนี ศึกรบรีบยื้อไว้ สู่ขวัญเลยหันมาตบหน้าอย่างแรง
“เลิกยุ่งกับฉันซะที”
จากนั้นสู่ขวัญ ก็วิ่งหนีขึ้นไปบนห้อง ศึกรบถึงกับเหวอไป

ระรินยืนมองเหตุการณ์อยู่หน้าบ้านอย่างตามสาแก่ใจ ก่อนที่ศึกรบจะหันหลังเดินออกมา ท่าทางโมโห
“รินคุณไม่น่ามาที่นี่เลย ให้ตาย”
ศึกรบตวาดอย่างหัวเสีย
“ทำไมคะ ทำไมรินจะมาไม่ได้ รินมาเรียกร้องสิทธิ์ที่รินควรจะได้ รินทำอะไรผิด”
“แล้วทำไมต้องเป็นวันนี้”
“แล้วจะให้รินรอไปถึงเมื่อไหร่คะ” ระรินย้อนถาม “เดี๋ยวรอคลอด เดี๋ยวตรวจดีเอ็นเอ วันหนึ่งเขาก็ต้องออกมาลืมตาดูโลกอยู่ดี”
“ผมจะเห็นใจ ก็ต่อเมื่อผมแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นลูกของผม” ศึกรบเสียงเข้ม
“คุณพูดแบบนี้มันไม่สุภาพบุรุษเลยนะรู้ไหม”
“ใช่ ผมอาจจะพูดจาไม่ดี แต่ผมก็มั่นใจเหมือนกันว่าตอนที่ผมมีอะไรกับคุณ ผมป้องกันอย่างดี แล้วเราก็ตกลงแล้วว่าจะไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
ระรินแกล้งทำเป็นเหมือนจะร้องไห้
“แต่มันมีไงคะ แล้วมีที่ว่าคือชีวิตหนึ่งชีวิตเลยนะ คุณต้องเห็นใจรินบ้าง ข่าวก็ออกอยู่ทุกวัน รินยังไม่แต่งงาน คนที่คอยจ้องว่ารินก็จะหาว่ารินท้องไม่มีพ่อ คุณไม่สงสารริน สงสารลูกบ้างเลยเหรอ”
ศึกรบถอนหายใจ
“ผมว่าคุณพูดไม่รู้เรื่องแล้ว ผมยื่นข้อเสนอให้คุณแล้ว คุณทำเหมือนจะเข้าใจ แต่แล้วคุณมาเรียกร้อง มาทำทุกอย่างให้พังไปหมด”
ระรินน้ำตารื้น สักพักก็ร้องไห้ออกมา
“คุณก็ทำชีวิตรินพังหมดเหมือนกัน ทั้งๆที่รินรักคุณ ทั้งๆที่รินกำลังจะมีลูกกับคุณ”
ศึกรบอึ้ง พูดไม่ออก
“รินกลับก็ได้ แต่รินจะไม่ยอมแพ้ จนกว่าคุณจะยอมรับ”
พูดจบ ระรินก็หันหลังกลับไปที่รถ ศึกรบเดินหน้าเครียดกลับเข้าไปในบ้าน ภาวดีกับทรงยศออกมาดู พลางถามด้วยความเป็นห่วง
“มีอะไรกันตารบ เสียงดังเอะอะเข้าไปถึงในบ้าน”
ศึกรบ อึ้ง พูดอะไรไม่ออก
“แล้วนี่ยังไม่ไปกันอีกเหรอ”
“เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังครับ ขอไปคุยกับขวัญก่อน”

ภาวดีกับทรงยศมองตามอย่างงงๆ ระรินอยู่ที่รถ มองไปที่ทั้งคู่ พลางฉุกคิดอะไรบางอย่าง
 
อ่านต่อหน้า 4

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 15 (ต่อ)

สู่ขวัญเข้ามาในห้องนอน พลางหยิบโทรศัพท์โทรหามีนา

“ อ้าว ขวัญ ทำไมโทรมาอีก ยังไม่ไปสนามบินเหรอ”
“มีนา ฮือ”
สู่ขวัญร้องไห้ออกมาสุดกลั้น มีนาตกใจ
“แกเป็นอะไรขวัญ บอกฉันมา”
“เรื่องข่าวนั่น ยัยระริน ยัยนั่นมาที่บ้านฉัน มันบอกว่าท้องกับรบ”
มีนา ตกใจ “ตายแล้ว เรื่องจริงเหรอ”
“รบปกป้องมัน ต้องเป็นเรื่องจริงแน่ๆ ฉันจะทำไงดี”
มีนาเริ่มโกรธแทน
“ยัยนี่มันอสรพิษจริงๆ กะใช้เด็กมัดมือชกคุณรบแน่ๆ ปล่อยไว้ไม่ได้”
สู่ขวัญเอาแต่ร้องไห้
ในขณะที่ศึกรบ เดินขึ้นมาที่หน้าห้อง พลางพยายามเรียกสู่ขวัญ
“ขวัญ ออกมาคุยกับผมเถอะ นะ”
สู่ขวัญเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมตอบ ศึกรบทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหน้าห้องอย่างหมดแรง

“เสียงเหมือนคนทะเลาะกันเลยคุณ”
ภารดีหันมาเปรยกับทรงยศ เมื่อได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากบ้านของศึกรบกับสู่ขวัญ
“หรือว่าไอ้รบกับเมียมันทะเลาะกันอีก?”
“ทะเลาะ? จะทะเลาะอะไรกัน เมื่อกี้ยังคุยหวานแหววกันอยู่เลย มันจะเป็นไปได้”
ยังไม่ทันที่ภารดีจะพูดจบระโยค เสียงเคาะประตู ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ
“ใครมาน่ะ”
ภาวดีเดินออกไปเปิดประตู แล้วก็ถึงกับอึ้งไป เมื่อเห็นระรินยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้าน
“เธอ ระรินที่เป็นดาราไม่ใช่เหรอ”
ภารดีมองระรินอย่างแปลกใจ ทรงยศรีบถามทันที
“มาทำไมที่นี่ แล้วร้องไห้ทำไม”
ระรินเข้ามากราบทรงยศกับภาวดี พลางบีบน้ำตา ร้องไห้ไปด้วย
“คุณพ่อขา คุณแม่ขา ช่วยรินด้วยนะคะ”
ภาวดี มองหน้าระรินงงๆ “ ฉันเป็นแม่เธอตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมต้องมาให้เราช่วย”
“ช่วยรินด้วยเถอะค่ะ รินกำลังท้อง ท้องกับคุณรบ”
ทรงยศกับภาวดีตกใจ
“ท้อง?! งั้นข่าวที่ออกๆอยู่นี่ก็จริงน่ะสิ”
“แสดงว่าข่าวที่เธอไปฝากครรภ์คือ ไปฝากครรภ์ลูกตารบเหรอ?”
ระรินพยักหน้า
“ใช่ค่ะ เด็กในท้องริน เป็นลูกคุณรบ”
ระรินพูดไป ก็ร้องไห้ไป
“รินไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ รินยอมทิ้งงานเพื่อมาหาเขา เพื่อบอกว่าเขากำลังเป็นพ่อคน แต่เขาไล่รินอย่างกับหมูกับหมา”
ระรินแกล้งร้องไห้หนักขึ้น ทรงยศเริ่มใจอ่อน เข้าไปปลอบ
“หยุดร้องก่อนเถอะหนู มีอะไรคุยกันได้ ใจเย็นๆ”
“งานรินชื่อเสียงริน รินไม่สนใจหรอกค่ะ รินแค่อยากให้ลูกคุณพ่อคุณแม่รับเขาเป็นลูก คุณพ่อคุณแม่ช่วยรินเถอะนะคะ”
“กินน้ำท่าก่อนมา แล้วค่อยคุยกัน รอเดี๋ยวนะ”
ทรงยศจะเข้าไปในบ้าน ภาวดีขวางไว้
“ไม่ต้อง”
“อ้าว ทำไมล่ะคุณ”
ทรงยศหันไปมองหน้าภรรยาพลางถามอย่างแปลกใจ ภารดีไม่ตอบ แต่หันไปพูดใส่หน้าระรินแทน
“คิดเหรอว่าดาราตุ๊กตาทองอย่างเธอ แกล้งเล่นละครบีบน้ำตาแล้วฉันจะเชื่อง่ายๆ”
ระรินอึ้ง แต่ก็แกล้งทำเป็นร้องไห้ต่อ
“คุณแม่พูดเรื่องอะไรคะ?”
“ไม่ต้องเรียกฉันว่าแม่” ภารดีขึ้นเสียง “คนที่ฉันอนุญาตให้เรียกมีคนเดียวคือหนูขวัญ ลูกสะใภ้ฉัน ยัยดาราร่านสวาท ควงผู้ชายไม่เคยซ้ำหน้าแบบเธอ ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเหยียบเข้าบ้านนี้ด้วยซ้ำ คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเธอท้องไม่มีพ่อ”
“ทำไมคุณแม่พูดแบบนี้ล่ะคะ” ระรินตีหน้าเศร้า
“ฉันจะพูด ทำไม ฉันจะด่าเธอมากกว่านี้อีก ถ้าเธอยังเล่นละครตลบแตลง เอาลูกใครไม่รู้มาเป็นหลานฉัน เลิกหน้าด้านซะที จะได้มีคุณค่าขึ้นมาบ้าง”
ระรินกำมือแน่น ด้วยความโกรธ กำลังจะอ้าปากตอบโต้ แต่ก็ยังช้ากว่าภาวดี
“มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ แล้วไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
“แล้วสักวันคุณพ่อคุณแม่จะเสียใจที่พูดกับรินแบบนี้”
ระรินเดินสะบัดกลับออกไปอย่างเจ็บใจ ภาวดีรู้สึกวูบขึ้นมาจนทรงยศต้องเข้ามาประคอง
“โอย จะเป็นลม มีเรื่องวุ่นวายได้ไม่เว้นวันเลย ให้ตายเถอะ”

ทรงยศมองตามระริน สีหน้ากังวล พลางรีบประคองภาวดีเข้าบ้าน

ทางด้าน ไอวี่อยู่ที่ทำงาน แอบเปิดอินเตอร์เน็ตดูข่าวไปเรื่อยเปื่อย จนถึงข่าวเรื่องระรินไปฝากครรภ์

“คุณรบ”
ไอวี่ร้อนใจเป็นห่วงศึกรบรีบกดโทรศัพท์โทรหาทันที
“คุณรบ รับสิ รับ”

ไอวี่เดินมาที่โต๊ะแสงดาวด้วยความร้อนใจ
“คุณเลขาคะ คุณศึกรบอยู่รึเปล่า”
แสงดาวเงยหน้ามาเจอไอวี่ ทำเป็นแสร้งยิ้ม
“ไปญี่ปุ่นจ้ะ อีกนานกว่าจะกลับ มีอะไรฝากพี่ไว้ได้นะ”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ วี่แค่เป็นห่วงเขาเรื่องข่าวเลยอยากมาถามเฉยๆ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะเรื่องนั้น มันไม่ใช่หน้าที่ของน้องที่ต้องมาสนใจเรื่องนี้ของคุณรบไม่ใช่เหรอ เอาเวลาไปทำงานให้บริษัทดีกว่าไหม”
ไอวี่หมั่นไส้อาการเสแสร้งทำดีของแสงดาว
“ไม่ใช่หน้าที่หรอกค่ะ แต่มันเป็นอะไรที่คนสนิทกันเขาทำให้กันด้วยความจริงใจ”
“ไม่ทราบว่าคุณน้องไปสนิทกับคุณรบตอนไหนเหรอจ๊ะ” แสงดาวย้อนถาม
“ก็ตอนที่คุณเลขาไม่รู้ไงคะ อ้อ อีกอย่าง คุณรบเขาจะสนิทกับใคร จะคุยกับใครมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ส่วนกับคุณเลขา เขาก็คุยไปตามหน้าที่แค่นั้น”
แสงดาวเริ่มโกรธ “ฉันต่างหากคนสนิทของคุณศึกรบ”
ไอวี่หัวเราะเยาะเย้ย
“ว้าย อย่าของขึ้นสิคะ แต่แหม ช่วยไม่ได้ เผอิญว่าวี่มีสิทธิ์ชอบธรรมในการเป็นห่วงมากกว่าบางคน ของแบบนี้มันแล้วแต่บุญพาวาสนาส่งนะคะ ช่วยไม่ได้จริงๆ ไปล่ะค่ะ ทำงานดีกว่าเนาะ”
ไอวี่เดินหัวเราะคิกคักจากไป แสงดาว อามือจิกเสื้อกลั้นความโกรธไว้จนตัวสั่น

ภาวดีกลับเข้ามาในบ้านกับทรงยศ ด้วยความรู้สึกเหนื่อย ในขณะที่ทรงยศเองก็หน้าเครียด
“คุณไม่น่าไปไล่เขาแบบนั้นเล้ย”
“นี่ นึกจะใจดีเป็นพ่อพระอะไรขึ้นมาตอนนี้ยะ รู้ไหมว่ามันเรื่องใหญ่มาก”
ทรงยศ ถอนหายใจ
“แหม ทำไมจะไม่รู้ ออกข่าวโครมๆขนาดนั้น”
“พวกนักข่าวยิ่งพยายามขุดอยู่ว่าใครกันแน่ที่เป็นพ่อเด็ก แล้วหวยดันมาออกที่ตารบลูกเรา ฉันรับไม่ได้ที่จะมีเมียเป็นยัยระรินคนนี้”
“เป็นระรินแล้วทำไม?” ทรงยศแปลกใจ
“คุณไม่รู้เหรอว่ายัยนี่มันมั่วขนาดไหน ตารบมันพลาด พลาดมากๆที่ดันไปทำยัยระรินท้อง”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดี ป่านนี้หนูขวัญคงรู้เรื่อง จนโกรธไปถึงไหนต่อไหนแล้วมั้ง”
“เราก็ต้องช่วยตารบให้มันเคลียร์กับเมียได้ยังไงล่ะ”
“พูดน่ะง่าย แต่จะทำไงเล่า” ทรงยศย้อนถาม
“ยังไม่รู้ แต่ยังไงฉันไม่รับยัยดาราหน้าด้านนี่มาเป็นสะใภ้แน่ๆ”

ระรินสวมแว่นดำมาออกงานอิเวนท์ นักข่าวเห็นระริน ก็กรูเข้ามารุมสัมภาษณ์ทันที
“คุณระรินคะ เห็นรูปที่คนอ้างว่าเป็นคุณไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลหรือยังคะ”
“เห็นแล้วค่ะ”
“เรื่องนี้คุณระรินจะว่ายังไงบ้างคะ” นักข่าวอีกคนถามต่อ
“รินไม่อยากตอบเรื่องที่ทำให้ตัวเองไม่สบายใจ คงต้องขออนุญาตไม่ตอบนะคะ”
“เลี่ยงตอบแบบนี้แสดงว่าอาจจะเป็นคุณรินจริงๆเหรอคะ แล้วเรื่องที่ไม่สบายใจคืออะไร”
“รินยังไม่พร้อมจะพูดเรื่องนี้จริงๆ ค่ะ ต้องขอโทษทุกคนมากๆ ไว้พร้อมกว่านี้แล้วรินจะบอกทุกคนเองเนอะ ขอบคุณมากค่ะ”
ระรินแสร้งทำเป็นยิ้ม
“พอจะบอกได้ไหมคะว่าเมื่อไหร่”
“เร็วๆนี้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบ ระรินก็รีบชิ่งเดินหลบออกไปทางด้านหลังงาน จู่ๆ มีนาก็โผล่ออกมาดักหน้า
“เดี๋ยวก่อน”
ระรินตกใจจะเดินหนี มีนาพยายามขวางไว้
“จะไปไหน นังหน้าด้านแย่งผัวชาวบ้าน”
ระรินมองหน้ามีนาพยายามนึกว่าใคร
“อ๋อ นึกว่าใครเพื่อนยัยเมียหลวงนั่นเอง”
มีนาจ้องหน้าระรินด้วยความโกรธ
“เธอมันหน้าด้านที่สุด ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งเอาเด็กที่ไหนไม่รู้มาอ้างว่าเป็นลูกผัวเขา”
ระรินยิ้มเยาะ
“ยัยนั่นวิ่งร้องห่มร้องไห้ไปฟ้องเธอรึไง”ฃ
“เธอมันเห็นแก่เงินจนไร้จิตสำนึก แล้วจะบอกไว้ ต่อให้ขวัญไม่บอก ถ้าฉันรู้ฉันก็จะจัดการเธออยู่ดี”
“ไม่ทราบว่าคุณศึกรบนี่ผัวใครกันแน่ ถึงมีตัวแส่มาคอยยุ่งเต็มไปหมด”
ระรินปรายตามองมีนา พลางยิ้มเหยียดๆ
“แก”
มีนาโมโห พลางพุ่งตัวเข้าไปตบระริน ระรินไม่ยอม ตบคืน จนคนเริ่มมามุง แจ๊สแหวกฝูงชนเข้ามาเห็นทั้งคู่กำลังนังเนียแลกตบกันอยู่
“โอ๊ย ตบกันอีกแล้วค่า เอะอะตบ เป็นนักวอลเล่ย์กันรึไง โอ๊ย หยุดนะ”

แจ๊สจะเข้าไปแยกแต่ก็โดนผลักจนกระเด็น ไทยมุงเริ่มถ่ายรูปกันใหญ่
 
อ่านต่อตอนที่ 16
กำลังโหลดความคิดเห็น