เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 15
นกสองสามตัวนั้นบินร่อนไปทั่วห้อง พร้อมกับส่งเสียงร้องลั่นแถมกระพือปีกพรึบพรับ บิวตี้นั่งตัวแข็ง พักตร์พิมลรู้ดีว่าบิวตี้เกลียดกลัวนก พยายามสร้างความหวาดเสียว
“บิวตี้ นกจะเกาะเธอแล้ว อี๋ย”
นกบินโฉบมา บิวตี้นั่งนิ่ง
ธีภพห่วง กุมมือบิวตี้ไว้ “ใจเย็นๆ ไม่ต้องตกใจ”
พักตร์พิมลเห็นธีภพกุมมือบิวตี้ ทั้งหงุดหงิดและโกรธ กรเทพวิ่งไปเปิดหน้าต่าง
ชูชาติกับกรรมการอีก 3 คนโบกแฟ้มไล่นกวุ่นวาย แฟ้มเฉียดตัวนกไปมา เหมือนจะตีนก
บิวตี้ลุกขึ้น สั่งเสียงเข้ม “อย่าตีนก”
ชูชาติกับกรรมการอีก 3 ท่านยกมือค้าง
บิวตี้บอกต่อด้วยเสียงเรียบเย็นเฉียบ “เปิดหน้าต่างไว้ เดี๋ยวเขาก็บินออกไปเอง เราประชุมต่อเถอะค่ะ”
กรเทพพยักหน้า ชูนิ้วโป้งให้ว่ายอดเยี่ยม และยิ้มชมเชยบิวตี้ที่เลิกกลัวนก
บิวตี้ดึงมือออกจากมือธีภพ ธีภพทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น
“อาจจะมีบางคนรู้ว่าฉันกลัวนกเลยส่งมาเซอร์ไพร้ส์” พลางปรายตายิ้มเยาะมาทางพักตร์พิมล
กรรมการที่ไม่รู้เรื่องหัวเราะขำ พักตร์พิมลหน้าตึง คอแข็ง แต่ไม่ยอมสบตาบิวตี้
“แต่ฉันเลิกกลัวแล้วค่ะ สัตว์มันไม่รู้จักลอบกัดใคร แต่คนเนี่ยเผลอเป็นไม่ได้เลยจริงไหมคะคุณพักต์พิมล”
ธีภพตัดบท “เชิญท่านประธานแสดงวิสัยทัศน์ต่อดีกว่าครับ”
“ค่ะ ดิฉันตั้งใจจะให้ธนบวรก้าวไปข้างหน้าอย่างเฉิดฉาย สวยเริดจนฉุดไม่อยู่ค่ะ”
พักตร์พิมลขำ “ธนบวรผลิตเสื้อผ้าคุณภาพนะคะ ไม่ใช่บริษัทจัดอีเว้นท์แฟชั่น”
กรเทพชื่นชม “ผมเชื่อว่าท่านประธานต้องมีเหตุผลดีๆ สำหรับแนวคิดนี้แน่ ใช่ไหมครับ”
“ที่ผ่านมาเราเน้นแต่ความสวยงามของสินค้า แต่ไม่ได้เน้นความสวยงามของผู้ผลิต คือพนักงานทุกคน ทำไมเราถึงไม่พัฒนาควบคู่กันไป อย่าลืมว่าสโลแกนของบริษัทคือความงามจากภายใน ถ้าพนักงานของเราสวยเริดจากการดูแลตัวเองอย่างดี เขาก็ต้องมีกำลังใจผลิตสินค้าสวยๆมีคุณภาพได้อย่างแน่นอนค่ะ”
ทุกคนเงียบอึ้งไปทั้งแถบ ไม่รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบไอเดียของบิวตี้
ธนาเริ่มปรบมือเป็นคนแรก “ถูกต้อง ความงามจากภายในมันต้องเริ่มตั้งแต่ผู้ผลิต”
ทุกคนปรบมือตาม ทุกสายตามองมายังบิวตี้อย่างชื่นชม ยกเว้นพักตร์พิมลที่ฝืนใจตบมือตามไม่ให้แปลกแยก หน้างอ หงุดหงิด อยากไปให้พ้นจากตรงนั้น
ธีภพยิ้มกับบิวตี้ “ยินดีด้วย”
บิวตี้เชิดหน้า ยิ้มเย้ยพักตร์พิมลย่างสะใจ
อรวิภา กับเครือวรรณเข้ามาในสวนสวยโรงแรมฟอลคอน สถานที่จัดงานแถลงข่าว จัดเตรียมอาหารกล่องมาให้อดิศักดิ์ เจตน์ชาญและทีมออแกไนเซอร์
อดิศักดิ์ชี้สั่งการให้ทีมงานออกแบบตามที่ต้องการ เจตน์ชาญช่วยออกความคิด
“พักก่อนเถอะค่ะ ทานของว่างกัน” เครือวรรณเชื้อชวน
“เชิญ เชิญ คุณเจตน์” อดิศักดิ์ชวนเจตน์ชาญมาที่โต๊ะ
หัวหน้าทีมออแกไนซ์เข้ามาถาม “ท่านเจ้าสัวคะ ที่จะให้นักดนตรีอยู่ในกาซีโบ กลัวว่าจะมีปัญหาเรื่องเสียง เพราะมันอยู่ห่างไปหน่อยน่ะค่ะ”
“ไม่ห่างหรอก” อดิศักดิ์ชักลังเล “ไหนดูซิ” พลางเดินไปวัดระยะกับออแกไนเซอร์
เครือวรรณหยิบแก้วเครี่องดื่ม “หม่ามี้ตามไปดูแลก่อนนะ เดี๋ยวป่าป๊าเพลินไม่ยอมกินอะไร”
จากนั้นเครือวรรณตามสามีไป เหลืออรวิภากับเจตน์ชาญนั่งอยู่ที่โต๊ะตามลำพัง อรวิภาเริ่มอึดอัดใจ
“วันนี้ไม่มีนัดกับคุณธีภพหรือครับ”
อรวิภาตอบในท่าทีหมางเมิน “พี่ธีมีประชุมค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวคุณอรคงต้องรีบไปเตรียมตัวสินะครับ” เจตน์ชาญล้อที่อรวิภาชอบหาเรื่องปลีกตัว
อรวิภาค้อนขวับ “พี่ธีบอกแล้วว่ามาไม่ได้ค่ะ วันนี้มีงานเปิดตัวประธานร่วมของธนบวร”เจตน์ชาญแปลกใจ “เปิดตัวประธานร่วม คุณบิวตี้หรือครับ”
“ใช่ค่ะ”
เจตน์ชาญรู้สึกตื่นเต้น “นี่เป็นข่าวใหญ่ของวงการเลยนะครับ ธนบวรเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”
อรวิภาตกใจ “อุ๊ย ตายละ เป็นความลับหรือเปล่าเนี่ย คุณเจตน์อย่าเพิ่งบอกใครนะคะ” สาวโลกสวยนอยด์จะร้องไห้ “โอ้ย น้องอรนี่แย่จัง”
เจตน์ชาญแกล้งต่อ “ก็...อาจจะลับนะครับ ไม่อย่างงั้นคงจัดแถลงข่าวแล้ว”
“ฮือ...น้องอรไม่ได้ตั้งใจ คุณเจตน์ อย่าบอกใครนะคะ สัญญา ห้ามบอกนะคะ”
“ไม่บอกก็ได้ แต่ต้องมีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไรคะ”
เจตน์ชาญทำเป็นคิด “อืม ไหนๆ พระเอกก็ไม่มาแล้ว เย็นนี้คุณอรไปทานข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อย ตกลงมั้ยครับ”
“อย่าดีกว่าค่ะ” อรวิภาปฏิเสธ โดยไม่ต้องคิดมาก
“ไปกับคุณแม่ก็ไม่ได้หรือครับ...เพิ่งรู้ว่าคุณธีภพนี่ซีเรียสจัง”
“ถ้าไปกับแม่ก็คงได้มั้งคะ แต่คุณเจตน์ต้องรักษาสัญญาว่าจะไม่พูดนะคะ”
“คุณอรขอร้องขนาดนี้ ใครจะใจแข็งได้ละครับ”
เจตน์ชาญทำตาหวานฉ่ำใส่อรวิภาเมินมองทางอื่นแต่ใจสั่นไม่น้อย
ที่แท้เจตน์ชาญต้องการรู้เรื่องบิวตี้ และเรื่องธนบวรเพิ่มเติมจากอรวิภาและเครือวรรณ
เย็นจวนค่ำ ที่ธนบวร การประชุมจบแล้ว มีงานเลี้ยงเล็กๆ พบปะพูดคุย ดื่มชา กาแฟ ที่หน้าห้องประชุมกรรมการบริหารพูดคุยกันและผลัดเปลี่ยนกันมาพุดคุยกับบิวตี้ ธีภพอยู่ข้างบิวตี้คอยช่วยตอบข้อซักถาม
พักตร์พิมลคอยแอบมองธีภพกับบิวตี้ หน้าบูดบึ้ง ไม่สุงสิงกับใคร
ชูชาติเอ่ยกับบิวตี้ “ผมดีใจมากนะครับที่คุณหนู เอ่อ ท่านประธานมาดูแลด้านออกแบบโดยตรง งาน Thailand Fashion Week ปีนี้ ธนบวรต้องมีอะไรแปลกใหม่แน่ๆ ครับ”
บิวตี้มองธีภพ แล้วหันมาถามอย่างสงสัย “งานอะไรนะคะ”
ธีภพอธิบายกับชูชาติ “คุณบิวตี้เพิ่งเสร็จจากฝึกงานครับ ยังไม่ได้ประชุมเรื่องนี้กันเลย”
“อ้อ ครับๆ แต่ผมมันใจว่าปีนี้สนุกแน่ครับ ฝ่ายโรงงานพร้อมสนับสนุนเต็มที่ครับ” ชูชาติว่า
บิวตี้ยิ้มบางๆ ให้ แล้วค่อยๆถอยออกมาถามกับธีภพ “งานอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ก็เพิ่งผ่านโปร จะรู้หมดได้ยังไง”
ไฟที่โถงเปิดสว่างขึ้นเพราะข้างนอกเริ่มมืด
บิวตี้สะดุ้ง ดูนาฬิกา “เพิ่งสี่โมงกว่าเอง พระอาทิตย์หายไปไหน”
ธีภพดูนาฬิกา “ฟ้าครึ้ม ท่าทางฝนจะตก”
บิวตี้ตกใจ “ฉันกลับละ”
“เดี๋ยวสิ งานยังไม่เลิกเลย” ธีภพท้วง
ธนาเดินมาหาบิวตี้ “อากลับก่อนนะบิวตี้ ต้องพาอานีไปงานคืนสู่เหย้า วันนี้หลานเก่งมาก” ธนาจับบ่าบิวตี้ชื่นชม “อาภูมิใจแทนพี่บวรจริงๆ”
บิวตี้รีบไหว้ ร้อนรน “ขอบคุณค่ะอา”
“มีอะไรปรึกษาอาได้นะลูก” ธนาออกไป
บิวตี้กระวนกระวาย “ฉันกลับด้วยดีกว่า เดี๋ยวรถติด”
“คุณเป็นเจ้าของงานนะ จะหนีกลับได้ยังไง” ธีภพตำหนิ
“ก็คุยหมดแล้วนี่ ฉันมีธุระ ต้องรีบไป”
“เป็นผู้บริหารแล้ว ธุระของบริษัทต้องมาก่อนเรื่องอื่น”
กรเทพเข้ามาหาบิวตี้ “หลานรัก...”
บิวตี้ตัดบท “บิวตี้ต้องรีบไป ขอตัวก่อนนะคะอา” แล้วเดินหนีดื้อๆ
บิวตี้ก้าวเท้ายาวๆเดินหนีไปอย่างเร่งร้อน
ธีภพ กับกรเทพมองหน้ากัน ธีภพส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
พักตร์พิมลแอบจับตามองบิวตี้ตลอดเวลา เห็นบิวตี้รีบออกไป ก็สงสัย ค่อยๆ ตามไปไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น
บิวตี้เริ่มเจ็บปวดทั่วสรรพางค์ ก่อนแปลงร่าง เดินโซเซมาตามทางเดิน พักตร์พิมลตามมา แอบดูบิวตี้อย่างแปลกใจ และสงสัย
บิวตี้ลองเปิดประตูทุกห้องแต่ปรากฏว่าล็อกอยู่
บิวตี้โผเผมาจนถึงห้องหนึ่งไม่ได้ล็อก เดินโซเซเข้าไป แล้วล็อกห้อง
เห็นป้ายหน้าห้อง “รองประธานกรรมการ” ซึ่งเป็นห้องทำงานของกรเทพนั่นเอง
พักตร์พิมลตามมา เอาหูแนบประตูฟังเหตุการณ์
บิวตี้อยู่ในห้องกรเทพ ซวนเซด้วยความเจ็บปวด ชนเก้าอี้ ชนตู้โชว์ และทำของตกแตก บิวตี้หาที่ซ่อนเสื้อผ้าอย่างร้อนรน ถ้ามีคนเห็นเสื้อผ้ากองอยู่ต้องผิดสังเกตแน่
บิวตี้เอาเก้าอี้มารอง ปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ ต่อสู้กับความเจ็บปวด เริ่มถอดเครื่องประดับและเสื้อตัวนอก ยัดเข้าไปลึกๆ ที่ชั้นบนสุดของตู้ในห้องกรเทพ
มีเสียงเก้าอี้ล้ม ข้าวของตกแตก ดังมาจากในห้อง
“เค้าทำอะไรของเค้า” พักตร์พิมลค่อยๆ บิดลูกบิด แต่ติดล็อก พยายามเปิด
เสียงกรเทพดุดังขึ้น “ทำอะไรน่ะแพ็ต”
พักตร์พิมลสะดุ้ง เห็นพ่อนึกโกรธปนพาล “หลานรักของพ่อน่ะสิคะ เขาเข้าไปค้นห้องพ่อ”
กรเทพสงสัย “บิวตี้ จะค้นห้องพ่อไปทำไม”
“พ่อถามเขาเองสิคะ ตอนนี้เขาอยู่ข้างใน”
กรเทพเปิดประตู แต่ประตูล็อค นึกแปลกใจ หยิบกุญแจจากกระเป๋ามาไขเข้าไป
อ่านต่อหน้า 2
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 15 (ต่อ)
พักตร์พิมลถลันเข้ามาในห้องทำงานผู้เป็นบิดา แล้วมองตะลึง ด้วยในสายตาเห็นเก้าอี้ล้มระเกะระกะ กระดาษเอกสารหล่นลงจากโต๊ะ ของบางอย่างตกแตกก็มี พักตร์พิมลกระซิบเป็นเชิงถามกับกรเทพที่ตามมา
“เห็นหรือยังคะ เขาเข้ามาค้นของพ่อจริงๆ ด้วย”
กรเทพงง “แล้วบิวตี้อยู่ไหน”
พักตร์พิมลวิ่งไปดูข้างตู้ หลังโต๊ะ แต่ไม่มีบิวตี้สักที่จนหล่อนตกใจ
“เขาหนีไปแล้ว แต่แพ็ตเห็น ยัยบิวตี้เข้ามาในนี้กับตาจริงๆ นะคะ”
พักตร์พิมลวิ่งไปดูที่หน้าต่างที่เปิดอยู่ “หรือโดดหนีไป”
กรเทพแย้ง “เป็นไปไม่ได้ นี่มันชั้น 4 แล้วหน้าต่างก็ปิดอยู่”
พักตร์พิมลยืนยัน “แต่แพ็ตเห็นจริงๆ นะคะ นี่ไง เก้าอี้ล้ม ของแตก แพ็ตไม่ได้ตาฝาด”
“อาจจะเป็นขโมย” กรเทพกดโทรศัพท์สายในตรงโต๊ะทำงาน “รปภ. มาที่ห้องผมด่วนเลย”
พักตร์พิมลบอก “พ่อให้เขาเอาเทปจากกล้องวงจรปิดมาดูด้วยนะคะ”
“พ่อไม่ได้ให้เขาติดที่ห้องนี้”
“โธ่เอ๊ย น่าเสียดาย”
พักตร์พิมลฮึดฮัด ยังกวาดตามองหาบิวตี้ไปทั่วห้อง และเห็นนกบิวตี้เกาะอยู่ที่หลังตู้
พักตร์พิมลตกใจระคนแปลกใจจ้องนกเขม็ง “นกตัวนั้น...มาได้ไง”
“คงบินหนีมาจากห้องประชุมมั้ง”
พักตร์พิมลไม่คิดอย่างนั้น “ไม่ใช่ค่ะ ที่ห้องประชุมไม่มีสีนี้”
“แพ็ตรู้ได้ยังไง” กรเทพจ้องพักตร์พิมลเขม็ง “หรือว่าแพ็ตเป็นคนเอามา”
พักตร์พิมลตกใจโดนจับได้ แต่ทำเป็นดื้อใส่ “ถ้าใช่แล้วไงคะ พ่อจะไปฟ้อง ท่านประธานหลานรัก ให้ไล่แพ็ตออกหรือคะ” พักตร์พิมลจ้องหน้ากรอย่างท้าทาย
บิวตี้คนโมโห “นั่นไง นึกแล้วว่าต้องเป็นฝีมือของเธอ”
กรเทพโกรธ “พ่อไม่นึกเลยว่าแพ็ตจะทำเรื่อง...” กรเทพยั้งปากคำว่า...งี่เง่า ไว้
บิวตี้คนช่วยต่อให้ “งี่เง่า”
กรเทพลดเสียงลง “ทำแบบนี้ ถ้าใครรู้เข้า คนเสียคือแพ็ตนะ”
“ช่างเถอะค่ะ ทุกคนจะได้รู้เสียทีว่าประธานคนใหม่น่ะ เป็นโรคประสาทกลัวแม้กระทั่งนก คนแบบนี้จะบริหารงานได้ยังไง”
“แล้วมันเป็นอย่างที่แพ็ตคิดมั้ย”
พักตร์พิมลนิ่ง เชิดหน้าอย่างดื้อดึง
“หัดอดทนอดกลั้นบ้างสิ อีกไม่นานทุกอย่างก็จะเรียบร้อย”
กรเทพหมายถึงว่าบิวตี้คงจะปรับตัวเข้ากับงานได้
บิวตี้คนโกรธเข้าใจผิดไปใหญ่ “หมายความว่า อาจะฮุบบริษัทให้ยัยเฉิ่มเบ๊อะดูแลใช่ไหม”
“แพ็ตไม่ยอมทนให้คนอย่างยัยบิวตี้มาเป็นนายแพ็ตหรอกค่ะ”
“แพ็ตจะไปทำงานที่ใหม่ไหม พ่อจะจัดการให้”
กรเทพจัดการให้สองสาวแยกกันเสีย เพื่อจะได้ไม่ทะเลาะกันนั่นเอง
“ดี ไปเลย ไปให้หมด พวกคนทรยศ ออกไป ออกไป๊” บิวตี้โกรธจัดโผเข้าใส่สองพ่อลูก
นกบิวตี้พุ่งโจมตี พักตร์พิมล และกรเทพ อย่างน่ากลัว
พักตร์พิมลร้องกรี๊ดๆ “ว้าย นกจิก ไปนะ” พลางหยิบแฟ้มไล่หวดนกบิวตี้ “ไอ้นกเปรต”
รปภ.เข้ามา ตกใจ ยืนตะลึง
กรเทพช่วยพักตร์พิมลไล่นกสั่งรปภ. “ไล่นกออกไปซิ”
สามคนไล่นกพัลวัน นกบิวตี้บินหลบวัดเฉวียน ขี้ใส่หัวพักตร์พิมลดังแพรด แล้วบินหนีออกไปทางหน้าต่าง
“อ๊ายยย ไอ้นกบ้า” พักตร์พิมลจะตามไปที่หน้าต่าง “ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแกให้ได้คอยดูนะ”
กรเทพดึงตัวพักตร์พิมลไว้ “อย่าแพ็ต อันตราย พอแล้ว นกไปแล้ว”
ณ แดนสรวง ขีดมาตรวัดผลสัมฤทธิ์ของบิวตี้ ตกฮวบ มีควันสีดำขึ้นแทน
“แย่แล้ว มาตรวัดความดี ตกฮวบ”
ปรมะเทวีอ่านมาตร “ตกไป 6.73 หน่วย ราวกับหุ้นเมืองมนุษย์”
“แต่ลัลน์ลลิตไม่ได้ทำร้ายใครนี่คะ เอ่อ...ถึงจะปล่อยมูลบ้าง ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ใดบาดเจ็บ แม้แต่น้อย”
ปรมะเทวีเหนื่อยใจ “จิตของนาง มืดมน ด้วยความเคียดแค้น หากนางไม่ยอมปล่อยวางสิ่งนี้ ย่อมไม่มีทางผ่านเกณฑ์ไปได้”
นางฟ้าลลิตาเดินวนเวียนใช้ความคิด “จะทำอย่างไรดี จะทำอย่างไรดี”
“ทำความจริงให้ปรากฏ”
นางฟ้าลลิตาคิดตาม “ทำความจริงให้ปรากฏ”
“สภาพความเป็นนกของนางย่อมเข้าถึงความจริงได้ไม่ยาก เราเพียงนำมาความจริงมาให้ปรากฏแก่นาง โดยไม่ต้องบิดเบือนสิ่งใด”
“น้อมรับบัญชาจากเทวี ด้วยความเคารพ”
“เร่งลงมือเถิด เวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว”
ร่างนางฟ้าลลิตาเปล่งแสงเป็นสีทองแล้วกลายเป็นดวงไฟสีทอง ลอยออกไป
นกบิวตี้บินมาพักที่ต้นไม้ในสวนข้างทาง กลายเป็นบิวตี้คนนั่งบ่นอยู่บนกิ่งไม้
“โอ๊ย เหนื่อยปีกจะหลุดอยู่แล้ว” ถอนใจเฮือกใหญ่ “แต่เป็นนกก็ดีเหมือนกันได้รู้ธาตุแท้ของคน” พลางส่ายหัวแรงๆ “แต่ฉันไม่ยอมเป็นอย่างงี้ตลอดไปหรอก ต่อไปนี้จะตั้งใจ ถอนคำสาปให้ได้” บิวตี้ท่องงึมงำ “จุมพิตจากคนที่เจ้ารักยิ่งกว่าตัวเอง” แล้วถอนใจอีก “จะไปหาที่ไหนล่ะ”
แสงสีทองปรากฏขึ้นตรงหน้า บิวตี้คนสะดุ้งเกือบตกกิ่งไม้
“ว้าย ปีศาจหิ่งห้อย มาทำไมอีกล่ะ”
แสงสีทองลอยนำไปข้างหน้า
“ไม่ไปแล้ว เหนื่อย ตามไปทีไรไม่เห็นได้เรื่องเลย”
แสงสีทองวนรอบตัวบิวตี้เหมือนปลอบโยน บิวตี้หลับตาพริ้มรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด แสงสีทองลอยห่างออกไป บิวตี้คนถอนใจ
“ก็ได้ ก็ได้ ไปก็ได้”
นกบิวตี้บินตามแสงสีทองไป
ธีภพนั่งอ่านสมุดรายงานลายไทยของบิวตี้อยู่ในห้องทำงานที่บ้าน เขาใส่หูฟัง ฟังเพลงท่าทีผ่อนคลาย ยิ้มขำสำนวนของบิวตี้
พักตร์พิมลพรวดพราดเข้ามาท่าทางร้อนใจ
“พี่ธีคะ ยัยบิวตี้ก่อเรื่องอีกแล้ว” พักตร์พิมลเขย่าแขนธีภพใหญ่ “พี่ธี”
ธีภพสะดุ้งลืมตาเห็นพักตร์พิมลยืนหน้าตึงอยู่ เอาหูฟังออก “ว่าไงแพ็ต มีปัญหาอะไร”
“ยัยบิวตี้น่ะสิคะ”
ธีภพเหนื่อยหน่าย “มีเรื่องอะไรกันอีก”
“ไม่ได้มีเรื่องค่ะ แต่แพ็ตเห็นเขาเดินโซเซเข้าไปในห้องทำงานพ่อ แต่พอตามเข้าไปเขากลับหายตัวไปซะเฉยๆ”
“เขาอาจจะออกไปตอนที่แพ็ตไม่เห็น”
“ไม่มีทางค่ะ แพ็ตเฝ้าอยู่หน้าห้อง”
“ซ่อนอยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ แพ็ตดูทั่วแล้ว”
“ถ้างั้นเขาอาจจะออกไปตอนแพ็ตเข้าไปหาในห้องน้ำก็ได้”
“แต่พ่ออยู่ในห้องทำงานนะคะ”
“อากรอาจจะไม่ได้ดูตลอดเวลาก็ได้ เขาเคยหายไปแบบนี้ที่ปั๊มน้ำมัน ปล่อยให้พี่ห่วงแทบแย่”
พักตร์พิมลหูผึ่ง สะดุดกับคำว่าห่วง “พี่ธีไปไหนกับเขาหรือคะ”
“เปล่า ก็แค่ไปส่งที่บ้าน ช่วงที่เขาไม่มีคนขับรถ”
“พี่ธีอุตส่าห์ไปส่ง แล้วทำไมเขาต้องหนีด้วยคะ ประหลาด”
ธีภพหงุดหงิดเมื่อนึกถึง “คงมีคนโทร.มาตามมั้ง เขาเลยต้องรีบไปหา”
พักตร์พิมลจับน้ำเสียงไม่พอใจคล้ายหวงของธีภพได้ แอบมองสีหน้าธีภพอย่างสงสัย
แสงสีทองลอยนำนกบิวตี้เข้ามา บิวตี้คนยืนหลบอยู่มุมที่ซ่อนตัวได้ ต่อว่าแสงสีทอง
“พามาทำไมเนี่ย ฉันเบื่อตาอ้วนแว่นกับยัยเฉิมเบ๊อะจะแย่อยู่แล้ว”
แสงสีทองเลือนหายไป เสียงพักตร์พิมลดังขึ้น
“แพ็ตสงสัยว่าที่ยัยบิวตี้มีพฤติกรรมประหลาดๆ เนี่ย เพราะเขาเทคยาหรือเปล่าคะ”
บิวตี้คนเหลียวขวับไปมองตาขวาง โกรธมาก “ถือโอกาสนินทาใหญ่เลยนะ ฉันไม่เคยแตะต้องยาพวกนั้นเลยย่ะ”
พักตร์พิมลตกใจ “เสียงนกที่ไหน”
ธีภพมองหา เห็นนกบิวตี้ เดินมาประคองทีท่า ทะนุถนอม “บิวตี้ หายงอนแล้วเหรอ”
พักตร์พิมลตะลึงมองนกบิวตี้ “ไอ้นกบ้า”
ธีภพฉุน “พูดดีๆ สิแพ็ต นกตัวนี้ฟังรู้เรื่องนะ”
พักตร์พิมลออกอาการหวาดผวา “ไอ้นกตัวนี้ มันคอยตามเล่นงานแพ็ต”
“คงบังเอิญมากกว่ามั้ง นกหงส์หยกสีนี้มีเยอะ ก็ดูเหมือนๆกันไปหมด”
“ไม่ค่ะ...มันเป็นตัวเดียวกัน แพ็ตจำได้”
บิวตี้คนจ้องหน้าขู่ “จำได้ก็รีบไปซะ ก่อนที่ฉันจะฝากรักใส่หัวเธออีก”
พักตร์พิมลหวาดหวั่นอย่างประหลาด ค่อยๆ ถอยออกไป “แพ็ต ไปก่อนดีกว่า” แล้วเดินจ้ำหนีไป
ธีภพมองตามงงๆ หันมามองนก “บิวตี้ แกไปทำอะไรเขาหรือเปล่า”
บิวตี้คนเกาะแขนธีภพทำไม่รู้ไม่ชี้ “เปล่านี่ ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย”
สูงขึ้นไป แสงสีทองลอยเคียงกัน
ยินเสียงนางฟ้าลลิตา “เราพลาดไม่อาจทำความจริงให้ปรากฏ ลัลน์ลลิตใจร้อน ไม่ยอมฟังอยู่เงียบๆ”
เสียงปรมะเทวีดังตามมา “มันเป็นกรรมของเขา เราไม่อาจฝืน”
คืนนั้น ในร้านอาหารบรรยากาศหรูหราสวยงาม พนักงานยกจานของคาวออก เสิร์ฟของหวาน ตรงโต๊ะที่เครือวรรณ อรวิภา เจตน์ชาญ นั่งอยู่นั้น เจตน์ชาญเป็นคนเลือกร้าน
เครือวรรณชิมของหวาน พอใจ “อื้ม อร่อยค่ะ ชุ่มฉ่ำดีแต่ไม่เลี่ยนเลย”
อรวิภาก็ถูกปาก “อร่อยค่ะ คุณเจตน์รู้จักร้านนี้ได้ยังไงคะ”
เจตน์ชาญพูดเสียงอ้อน “ก็ผมไม่มีคนคอยทำอาหารอร่อยๆ ให้กินนี่ครับ เลยต้องเสาะแสวงหาไปเรื่อยๆ”
เครือวรรณสงสาร “โถ น่าสงสาร วันหลังเชิญที่บ้านสิคะ”
อรวิภาตกใจทำท่าเหมือนจะห้าม แต่ไม่กล้าพูดกลัวเสียมรรยาท
เจตน์ชาญดูออก นึกสนุกแกล้งอรวิภาต่อ “เสียดาย ถ้าไม่ต้องเตรียมงานแฟชั่นวีค ผมจะรีบคว้าคำเชิญของคุณเครือวรรณแล้วไปทานทุกวันเลยครับ”
“ได้นะคะ ถ้าวันไหนไม่ติดงานก็เชิญเลยค่ะ”
อรวิภาเคืองที่แม่เจ้ากี้เจ้าการ วางช้อนท่าทีกระเง้ากระงอดน่ารัก
“ระยะนี้คงยังรบกวนไม่ได้ครับ ต้องอยู่ดูแลลูกน้อง บริษัทผมเพิ่งทำเป็นครั้งแรกก็ต้องพยายามกันเต็มที่ แต่คุณธีภพของสบายมากเลยนะครับ นอกจากช่างชำนาญงานแล้ว ยังได้ประธานคนใหม่มาช่วยอีก”
อรวิภาถลึงตาใส่เจตน์ชาญ ไม่ให้พูดความลับ
เครือวรรณแปลกใจ “อ้าว ธนบวรมีประธานคนใหม่ เอ๊ะแล้วคุณธีล่ะจ๊ะ น้องอร”
“ไม่ทราบค่ะหม่ามี้ น้องอรไม่รู้เรื่องเลยค่ะ” สาวโลกสวยค้อนเจตน์ชาญวงใหญ่
“ผมได้ยินพรรคพวกเขาว่า เป็นประธานร่วมน่ะครับ”
“ประธานร่วม อ๋อลูกคุณบวรน่ะสิ จะไหวเหรอ คุณบิวตี้เขาออกจะเรื่องมาก เจ้าอารมณ์ น้องอรเคยเดินแฟชั่นโชว์ด้วยครั้งเดียวเข็ดไปเลย”
“น้องอรลืมไปแล้วค่ะหม่ามี้”
“เดี๋ยวจะถามท่านเจ้าสัวให้นะคะ ถ้าเป็นจริง แทนที่คุณธีจะได้พักกลัวว่าจะเพิ่มงานน่ะสิคะ”
“ท่านเจ้าสัวกับคุณเครือวรรณ สนิทกับคุณบวรอดีตประธานของธนบวรไหมครับ ผมนับถือผลงานของท่านมากเลยครับ”
“รู้จักค่ะ แต่ไม่ค่อยสนิทเพราะคุณบวรเขาเงียบๆ ขรึมๆ ไม่เหมือนคุณธนาพ่อคุณธีภพ”
เจตน์ชาญมองอรวิภาที่ไม่ยอมกินอะไรและทำหน้าเบื่อๆ “ไม่ชอบของหวานหรือครับคุณอร”
“เปล่าค่ะ” อรวิภาหันไปอ้อนแม่ “น้องอรง่วงแล้วค่ะหม่ามี้”
“อ้อ ครับ” เจตน์ชาญ ยกมือเรียกพนักงานเก็บเงิน “ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณอรเบื่อ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะน้องอรเขาติดนอนหัวค่ำ หม่ามี้เลี้ยงเขาแบบเด็กอนามัยน่ะค่ะ” เครือวรรณแก้ให้
“งั้นคราวหน้าผมเชิญคุณเครือวรรณกับคุณอร มื้อกลางวันดีกว่านะครับ” เจตน์ชาญไม่เลิกแกล้ง
“แต่อร...”
เครือวรรณขัดขึ้น “ดีเลยค่ะ คุณเจตน์จะได้ช่วยแนะนำร้านใหม่ๆ เผื่อน้องอรจะได้ไอเดียขยายร้านไงคะลูก”
“ยินดีเลยครับ” เจตน์ชาญยิ้มให้อรวิภาอย่างผู้ชนะ
อรวิภาโมโห ขัดใจแต่ไม่กล้าแสดงออก
เจตน์ชาญอยากรู้ความลับ และความเคลื่อนไหวของธนบวรจากสองแม่ลูก และอีกอย่าง เขาก็อยากแกล้งแหย่อรวิภาที่หมกมุ่นอยู่แต่ธีภพ
ฟากพักตร์พิมลนั่งเหม่อ จ้องไปข้างหน้าคล้ายคนช็อก เห็นภาพเหมือนกำลังจ้องเข้าไปในดวงตาของนกบิวตี้ พักตร์พิมลตกอยู่ในภวังค์ เหมือนถูกดูดดึงให้จมดิ่งลงไปในดวงตาของนกบิวตี้
เหตุการณ์ต่างๆ เกี่ยวข้องกับนกหงส์หยก ผุดเข้ามาในห้วงคิด ทั้งตอนที่พักตร์พิมลถูกนกบิวตี้โจมตี หลังโดนจับได้ว่าฉีดหมึกใส่ผ้า และอีกเหตุการณ์ ตอนถูกนกบิวตี้โจมตี และขี้ใส่ พักตร์พิมลต่อสู้ดิ้นรน กรีดร้อง ปัดนกอย่างรังเกียจ
พักตร์พิมลดิ้นรน แขนและมือกวัดแกว่งในท่าปัดป้อง เสียงอึกอักคล้ายคนฝันร้ายแล้วร้องไม่ออก
กรเทพเขย่าตัวพักตร์พิมลเรียกสติ “แพ็ต แพ็ต”
พักตร์พิมลผวาลุกขึ้น หวีดเสียง “ไปให้พ้น...”
กรเทพจับบ่าทั้งสองข้างของพักตร์พิมล “แพ็ต เป็นอะไร ทำไมมานอนตรงนี้”
พักตร์พิมลยังอยู่อาการครึ่งหลับครึ่งตื่น “นกผี นกผี” พร้อมกับดิ้นหนี
กรเทพแปลกใจมากกว่าตกใจเขย่าตัวพักตร์พิมลแรงขึ้น “แพ็ต ตื่น นี่พ่อนะ”
“พ่อ” พักตร์พิมลรู้สึกตัวเต็มที่ “บอกแพ็ตมาตามตรงสิคะ ว่าพ่อเห็นยัยบิวตี้อยู่ในห้องหรือเปล่า”
“ไม่เห็น นี่แพ็ตยังไม่เลิกคิดเรื่องนี้อีกเหรอ”
“ก็แพ็ตยังไม่ได้คำตอบว่ายัยบิวตี้หายไปได้ไง แล้วนกตัวนั้นมาจากไหน พ่อรู้มั้ยคะ ไอ้นกผีตัวนั้นมันตามแพ็ตไปถึงบ้านพี่ธี”
“มันคงไม่ใช่ตัวเดียวกันหรอก”
พักตร์พิมลยืนกราน “ใช่ค่ะ แพ็ตจำได้”
“แพ็ตเครียดเกินไปหรือเปล่า ไปหาหมอดีมั้ย” กรเทพเป็นห่วง
พักตร์พิมลโกรธ “แพ็ตไม่ได้บ้านะคะ”
“พ่อไม่ได้ว่าอย่างงั้น ก็แค่ลองไปปรึกษาดูเผื่อจะสบายใจขึ้น พ่อยังมีงานที่จะให้แพ็ตช่วยอีกเยอะ ดูแลสุขภาพให้ดี อย่าป่วยไปเสียก่อน”
“งานอะไรคะ”
“เอาเถอะ พอถึงเวลาก็จะรู้เอง พ่อไปนอนก่อนนะ แพ็ตก็พักซะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงไปทำงาน” กรเทพเดินขึ้นข้างบนไป
“ฮึ ที่แท้ก็ห่วงแต่งาน”
พักตร์พิมลโมโห ฮึดฮัดเอากับบิดา
อ่านต่อหน้า 3
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 15 (ต่อ)
ธีภพเข้า ธนบวร ตอนเช้า ด้วยมีนัดประชุมฝ่ายออกแบบเสื้อผ้า แผนกพรีเมี่ยม แบรนด์ ลาลิต้า เป็นชุดสำหรับลูกค้าไฮ เอ็นด์ สไตล์ โอต์ กูตูร์
บิวตี้ แต่งตัวจัดเต็ม กระตั้ว จ้า เก้ง ปอย รอประชุม ดื่มน้ำ จิบกาแฟ เช็คไลน์ เล่นเฟส อินสตาแกรม ตามประสา ปีวรา ทำหน้าที่เลขาการประชุม มีพักตร์พิมลคนเดี่ยวที่ยังมาไม่ถึง
ธีภพดูนาฬิกา ถามปีวรา “คุณพักตร์พิมลถึงไหนแล้ว”
“เมื่อสักครู่บอกว่าอยู่บนทางด่วนแล้วค่ะ”
บิวตี้ตำหนิลอยๆ “แปลว่าเพิ่งออกจากบ้าน”
“งั้นเริ่มประชุมก่อนก็แล้วกัน เพราะผมมีมีนัดต่อ” ธีภพบอก
ทุกคนนั่งเข้าที่พร้อมประชุม ธีภพเปิดประชุม
“คงไม่ต้องแนะนำแล้วนะครับว่าคุณลัลน์ลลิตได้รับตำแหน่งประธานร่วมอย่างเป็นทางการแล้ว”
“เรียกฉันว่าท่านประธานบิวตี้ก็ได้ เฉพาะในบริษัทนะ”
ธีภพเรียกประชด “ท่านประธานบิวตี้ จะศึกษางานบริหาร และช่วยงานฝ่ายออกแบบ ควบคู่กันไป เพราะในงานไทยแลนด์ แฟชั่นวีค ปีนี้แบรนด์ลาลิต้าของเราได้รับเชิญให้จัดแฟชั่นโชว์ระดับโอต์กูตูร์”
กระตั้ว จ้า เก้ง ปอย กรี๊ด หวีดร้อง ฮือฮา ปรบมืออย่างตื่นเต้นดีใจ
“โอต์กูตูร์เลยหรือคะ ตายแล้ว กระตั้วฝันไปหรือเปล่าเนี่ย”
“แต่อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะปีนี้ในกลุ่มอุตสาหกรรมไม่ได้มีแต่เราที่ได้จัดแฟชั่นโชว์” ธีภพมองหน้าบิวตี้ขณะบอก “เจดการ์เม้นท์ กับ ซาซ่า ก็ได้รับเชิญด้วย”
กระตั้วว่า “แสดงว่าผู้จัดจงใจ ให้สามบริษัทพ่นไฟใส่กันเลยนะคะเนี่ย”
“ใช่ แต่เราจะต้อง” บิวตี้ทำท่าประกอบด้วย “หรู เลิศ ล้ำหน้าคนอื่นไปสักยี่สิบปี”
กระตั้ว จ้า เก้ง ปอย ถูกจริต ปรบมือกรี๊ดกร๊าดอย่างชอบใจ
พักตร์พิมลเข้ามา หน้าเครียด “ประชุมหรือเล่นงิ้วกันเนี่ย”
บิวตี้ย้อนเจ็บ “มาสายแล้วยังตำหนิคนอื่นได้อีกหรือคะคุณพักตร์พิมล”
ธีภพบอกกับพักตร์พิมล “ผมแจ้งเรื่องไทยแลนด์แฟชั่นวีคให้ทุกคนทราบแล้ว ต่อไปขอให้คุณประชุมวางแผนกันต่อได้เลย” ธีภพมองทุกคน “คุณพักตร์พิมลจะเป็นคนดูแลโครงการนี้ ในฐานะ Project Manager”
ทุกคนเงียบกริบ แปลกใจเป็นแถบ โดยเฉพาะบิวตี้
“มอบหน้าที่ให้คุณพักตร์พิมลต่อเลยนะครับ ผมขอตัวไปพบลูกค้าก่อน” ธีภพออกจากห้องไป
“เดี๋ยว” บิวตี้ตามธีภพออกไป
บิวตี้ตามมาเคลียร์ธีภพ วิ่งมาดักหน้า “คุณจงใจแกล้งฉันใช่มั้ย”
“แกล้งเรื่องอะไร”
“คุณก็รู้ว่ายัยเฉิ่ม...กับฉันไม่ถูกกัน”
“ถ้าจะทำงานด้วยกัน ก็ต้องตัดเรื่องส่วนตัวออก เริ่มจากจากการให้เกียรติกันเลิกเรียกชื่อคนอื่นอย่างดูถูกได้แล้ว”
“ฉันไม่ได้ดูถูก มันแค่ติดปากเฉยๆ”
“นั่นแหละ หยุดเสียที แล้วก็กลับไปประชุมได้แล้ว”
“แต่ฉันเป็นประธานนะ ทำไมไม่ให้ฉันเป็นโปรเจ็คแมเนเจอร์”
“โดยตำแหน่ง คุณคือประธาน แต่ประสบการณ์คุณยังเป็นแค่ดีไซเนอร์ฝึกหัด”
บิวตี้บอกอย่างอวดเก่งถือดี “แต่ฉันเอาอยู่”
“ถ้าไม่ต้องแข่งกับบริษัทอื่นผมอาจจะให้ลอง แต่คราวนี้ยังเสี่ยงไม่ได้ คุณเข้าใจไหม”
บิวตี้รับ แต่ไม่เต็มใจ “ก็ได้”
ธีภพเดินไปแล้วหันกลับมา “อ้อทุกอย่างที่เป็นไอเดีย คือความลับของบริษัท ระวังอย่าให้หลุดไปถึงเจดการ์เม้นท์ ถึงคุณจะสนิทกับเขาแค่ไหน ก็อย่าลืมว่าเขาคือคู่แข่ง”
บิวตี้หมั่นไส้ ย้อนกลับ “แล้วไม่คิดเหรอว่าฉันจะเป็นคนล้วงความลับจากเขามาให้บริษัทเราได้”
“ไม่จำเป็น ธนบวรไม่ชอบขโมยของใคร” ธีภพโกรธ เดินออกไป อย่างขุ่นเคืองใจ
บิวตี้สะใจ ยั่วให้ธีภพโกรธได้
ขณะเดียวกัน ภายในห้องประชุมเจด การ์เม้นท์
รอน ผู้จัดการฝ่ายขาย กับ มินตรา หัวหน้าฝ่ายออกแบบ เสนองานแผนที่จะร่วมงานไทยแลนด์ แฟชั่นวีค ให้เจตน์ชาญดู
“ผมได้วางไทม์ไลน์ ของการทำงานไว้แล้วครับท่านประธาน” รอนส่งเอกสารให้
เจตน์ชาญดู “ละเอียดดี คุณมินตราช่วยดูให้ดีไซเนอร์ทำตรงตามกำหนดด้วยนะ”
“ค่ะ ตอนนี้ก็นับว่าทำได้เร็วกว่ากำหนดพอสมควร”
“เก่งนะ ปกติต้องเร่งกันไม่ใช่เหรอ”
“งานนี้ดีไซเนอร์ไฟแรงมากค่ะ ดีใจที่จะได้ทำโชว์ใหญ่ขนาดนี้”
“ฝากขอบคุณทุกคน บอกด้วยว่าถ้าเต็มที่กับผม ผมก็เต็มที่กับทุกคนแน่นอน”
มินตรายิ้มหวาน “ได้ยินท่านพูดแบบนี้รับรองว่าทุ่มเทกันสุดใจเลยค่ะ”
รอนเอ่ยขึ้น “ท่านครับ ผมได้ทีมงาน ระดับมืออาชีพมาร่วมงานนี้โดยเฉพาะ อยากจะขออนุญาตพามารายงานตัว ตอนนี้รออยู่ข้างนอกแล้วครับ”
“ได้สิ เชิญเข้ามาเลย”
รอนออกไปตาม เลขาอวบ ช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพ ลูกน้องเก่าที่ถูกบิวตี้ไล่ออกยกโขลงเข้ามา ไหว้อ่อนช้อย
“สวัสดีค่ะท่านประธาน” / “สวัสดีครับท่านประธาน”
ทุกคนยิ้มแย้มประจบประแจง เต็มที่
พักตร์พิมลยังประชุมไม่เลิก บิวตี้อดทนฟังอย่างเบื่อหน่าย
“ทุกคนออกแบบได้เต็มที่เลยนะ แต่จำไว้ว่าห้ามทิ้งธีมของงาน คือ ...”
ทุกคนรับเบื่อๆ “โอ๊ต กูตูร์ เจิดจรัส พัสตราภรณ์ไทย”
บิวตี้แขวะ “พูดวนจนทุกคนจำได้ขึ้นใจแล้ว”
พักตร์พิมลเสียงขุ่น “กรุณาให้เกียรติกันด้วย ฉันเป็นโปรเจ็ค แมเนเจอร์ มาสามปีแล้ว สร้างชื่อเสียงให้ธนบวรมาตลอด”
“ใช่แล้วค่า” กระตั้วปรบมือเชียร์เว่อร์ออกนอกหน้าอยู่คนเดียว รู้ตัวค่อยๆ หยุดตบไป
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แต่เลิกประชุมได้หรือยัง จะได้เริ่มงานเสียที”
“ยัง เราควรทำงานเป็นเอกภาพ ก่อนเริ่มงานต้องมีการสัมมนากันก่อน เพื่อแนวคิดจะได้ไม่กระจัดกระจาย”
กระตั้วออกไอเดีย “ขอเสนอให้เราไปสัมมนา หา อินสปายเรชั่น กันที่ต่างจังหวัดค่ะ”
“เห็นด้วยค้า” จ้าเห็นด้วย
เก้ง ปอย สนับสนุน “ไปค่ะๆ” / “เมื่อไหร่ดี”
บิวตี้ออกอาการหวาดหวั่น “ไปต่างจังหวัด ค้างคืนหรือเปล่า”
“ค้างสิคะ อินสไปเรชั่น ไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ นะคะ” กระตั้วฉอเลาะ...น่าตบ
จ้าเสริม “ต้องค้นกันทุกซอกทุกมุม”
เก้งว่า “หาแล้วหาอีก หาแล้วหาอีก”
บิวตี้แย้ง “แต่ฉันว่าไม่จำเป็นนะ อินสไปเรชั่นมันอยู่ในใจของแต่ละคน ไม่เห็นต้องไปหาที่ไหนเลย”
“ที่นี่ เราเน้นเรื่องการทำงานเป็นทีมค่ะ ท่านประธาน”
บิวตี้นิ่งไป คิดหนักหาทางออกว่าจะทำอย่างไร
ธีภพเงยหน้าขึ้นดูคนที่เลขาพาเขาพบ ยิ้มเผล่ต้อนรับ “รถติดมากมั้ยครับ”
“แทบไม่ขยับเลยค่ะ ต้องขอโทษที่ทำให้พี่ธีคอยนะคะ” อรวิภานั่นเอง สาวโลกสวยไหว้อ่อนช้อย
“ไม่เป็นไรครับ แค่ห่วงกลัวน้องอรจะเหนื่อย”
ธีภพเชิญอรวิภาไปนั่งที่ชุดรับแขกในห้อง “วันนี้คุณแม่ไม่มาด้วยหรือครับ”
“หม่ามี้แยกสายไปส่งการ์ดเชิญแขกผู้ใหญ่ค่ะ อุ๊ย น้องอรรีบให้พี่ธีก่อนดีกว่า เดี๋ยวลืม” อรวิภาส่งการ์ดเชิญให้ 2 ซอง “ป่าป๊าให้เชิญพี่ธีกับประธานคนใหม่ ไปงานTea Party ครบรอบ 20 ปีของเครือฟอลคอน แล้วก็เปิดตัวแขกรับเชิญ วีไอพี ค่ะ”
“ขอบคุณครับ ฝากน้องอรเรียนท่านว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
“ค่ะ” อรวิภาอึกอัก ตัดสินใจพูด “พี่ธีคะ น้องอรมีเรื่องจะสารภาพ”
“เรื่องอะไรครับ”
อรจะร้องไห้ “คือ น้องอร...เผลอพูดกับคุณเจตน์ ว่าธนบวร ตั้งพี่บิวตี้เป็นประธานคนใหม่ น้องอรลืมไปว่าเป็นความลับ น้องอรขอโทษ” คุณหนูฟอลคอนร้องไห้สะอึกสะอื้น
ธีภพหยิบกระดาษทิชชูส่งให้ ปลอบ “ไม่เป็นไรครับน้องอร ไม่ต้องร้องไห้”
“น้องอรทำบริษัทพี่ธีเสียหายหรือเปล่าคะ” อรวิภาจับมือธีภพเขย่า “พี่ธีจะให้น้องอรทำยังไง บอกมาเถอะค่ะ”
ธีภพจับมือ ปลอบใจ “ไม่เป็นไรครับ ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร”
ประตูเปิดออก บิวตี้เดินเข้ามาอย่างร้อนใจ กลัวต้องไปค้างต่างจังหวัด
“นี่คุณ” เห็นธีภพจับมืออรวิภา ก็ชะงัก “ช่างเหอะ” ยักไหล่พรืดแล้วออกไป
ธีภพปล่อยมืออรวิภา “เดี๋ยว บิวตี้”
บิวตี้ออกไปแล้ว ธีภพดูหงุดหงิด เหมือนไม่อยากให้บิวตี้เข้าใจผิด อรวิภาทำเขิน เอียงอาย
ป้าจัน ศรีนวล กับ พร ทำความสะอาดบ้านจัดนู่นนี่กันอยู่ ศรีนวล ยกของประดับห้องขึ้น เพื่อจะได้เช็ดข้างใต้
ป้าจันดุ “มือเจ็บอยู่ ไม่ต้องยกหรอก เดี๋ยวข้าวของตกแตก”
“ฉันระวังอยู่ค่ะ”
ป้าจันท่าทีอ่อนลง “เมื่อไหร่จะถอดเฝือกออกได้ล่ะเนี่ย”
“หมอนัดวันจันทร์ค่ะ”
“ก็ดี จะได้ทำงานให้คุณหนูได้เต็มที่หน่อย”
“หมอบอกว่าถอดเฝือกออกแรกๆ นิ้วจะแข็ง คงอีกสักพักกว่าจะกลับมาเหมือนเดิม”
พรสงสัย “อ้าวทำไมล่ะจ๊ะ”
“เส้นเอ็นขาด” ศรนวลบอก
พรทำหน้าสยอง “ว้าย หวาดเสียว”
“เธอนี่โชคดีนะ ที่คุณหนูรับมาดูแล”
“ค่ะถ้าคุณหนูไม่ช่วย ฉันคงบ้านแตกสาแหรกขาด ป่านนี้องุ่นคงจะแย่ไปแล้ว”
ป้าจันถามไถ่ “แล้วพ่อของเด็กเขาหายไปไหนล่ะ หรือว่าเสีย”
“ไม่ได้ตายหรอกค่ะ มันทิ้งฉันไปตั้งแต่องุ่นไม่ถึงขวบ ลูกเจ็บออดๆ แอดๆ เข้าโรงบาลตลอด ส้มเช้งกับฝรั่งก็กำลังเรียน มันบอกว่ามันหาเลี้ยงไม่ไหว แต่คนเขาบอกว่ามันไปอยู่กับเมียน้อย”
ป้าจันเห็นใจ “ไปเสียได้ก็ดี ผัวแบบนี้ไม่มีเสียดีกว่า”
“ฉันก็คิดอย่างงั้นค่ะ น้ำตาสักหยดฉันไม่เคยเสียให้มัน น่าแปลกนะคะพ่อแท้ๆ ทิ้งลูกได้ลงคอ แต่คุณหนูเป็นถึงเจ้านายกลับมาช่วย ชาตินี้ฉันจะไม่มีวันลืมบุญคุณ”
ป้าจันรู้สึกถูกชะตาชอบนิสัยศรีนวลขึ้นมาอีกนิด
“คุณหนูน่ะใครๆ ก็ว่าร้าย แต่จริงๆ แล้วใจอ่อนขี้สงสารที่สุด”
ฝรั่งในลุค ชุดฮาร์ดคอร์จัดเต็ม เปิดประตูถือแฟ้มงานของบิวตี้เข้ามา
ป้าจันร้องลั่น “ว้าย โจรปล้น”
ฝรั่งยิ้ม “ฉันเองจ้ะป้า”
บิวตี้ตามเข้ามา หน้าบึ้งตึง
ป้าจันรีบไปรับ “อ้าว คุณหนู ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะคะ”
“เอางานมาทำที่บ้าน ขี้เกียจอยู่ออฟฟิศ รำคาญคนบางคน” บิวตี้กระแทกตัวนั่งเต็มแรง
“ดีค่ะ ทำงานที่บ้านเหมือนคุณผู้หญิง งั้นเดี๋ยวป้าจัดโต๊ะที่สวนให้นะคะ”
“ป้าดูแลคุณหนูเถอะ ที่สวนฉันกับฝรั่งทำเอง”
ป้าจันพยักหน้า ยิ้มให้ศรีนวล “ขอบใจนะแม่นวล”
โต๊ะสนามในสวนสวย บิวตี้นั่งเหม่ออยู่ที่นั่น เหมือนคิดงาน ปนเปกับคิดหาทางแก้ไขไม่อยากไปสัมมนา แต่ภาพของธีภพกับอรวิภา รบกวนจิตใจ
ภาพนั้น ธีภพคุกเข้าต่อหน้าอรวิภา ในมือมีแหวน ตาหวานฉ่ำ
“น้องอร แต่งงานกับพี่นะครับ”
อรวิภาตอบรับ มองหวานซึ้ง “ค่ะพี่ธี”
ทั้งคู่จับมือสบตากันหวานปานจะกลืน
บิวตี้ดึงตัวเองกลับมาสู่ชีวิตจริง สะบัดหน้าโกรธๆ
“ช่างเหอะ ไม่เห็นจะแคร์เลย ไม่คิด ไม่คิด” พลางหลับตาทำสมาธิ
ธีภพเข้ามาหยุดดูบิวตี้ที่นั่งหลับตา
“อย่าคิดว่าเป็นประธานแล้วจะหนีงานกลับมานั่งหลับที่บ้านได้”
บิวตี้สะดุ้งลืมตา ดีใจ “นายธี” รีบทำเป็นโกรธกลบเกลื่อน “ดีไซน์ทำที่บ้านได้ แล้วนาย มาทำไม”
“เอาการ์ดเชิญมาให้” ธีภพส่งการ์ดเชิญที่อรวิภาเอามาให้
บิวตี้เปิดอ่านผ่านๆ “งานของห้างฟอลคอน ฉันไม่ไปหรอก”
“ถ้าเป็นเรื่องส่วนคุณจะไม่ไปก็ได้ แต่ในฐานะประธานของธนบวร คุณต้องไป”
“ทำไมฉันต้องไปด้วย”
“เพราะห้างฟอลคอนเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ของงานไทยแลนด์แฟชั่นวีค และงานนี้จะมีการเปิดตัวแขกวีไอพีของงาน”
บิวตี้ฉงน “ใคร”
“ยังไม่มีใครรู้ แต่คิดว่าต้องเป็นคนสำคัญมากในวงการแฟชั่น”
“ไปก็ได้ เพื่อบริษัท”
“งั้นผมจะมารับคุณก่อนเวลางานสักชั่วโมงนึง”
“ไม่จำเป็น ฉันไปเองได้”
“มันจะได้เป็นเอกภาพ แล้วก็ได้ถือโอกาสแนะนำตัวคุณด้วย”
“ก็ได้ เรื่องมากจริง”
“แล้ววันนี้บุกไปที่ห้องผม มีเรื่องอะไร”
“ช่างเถอะ ฉันหาทางแก้เองได้แล้ว ไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ”
“งั้นทีหลังคุณหัดนัดล่วงหน้าด้วยนะครับ ไม่ใช่พรวดพราดเข้าไปแบบนั้น”
“คุณกับแฟนก็น่าจะไปเดตกันที่อื่นนะคะ ไม่ใช่ที่ออฟฟิศ”
“พูดจาเหลวไหล ไม่รู้จักให้เกียรติคนอื่น”
บิวตี้ ทำหน้าเยาะๆ แบบรู้ทันหรอกน่า
ธีภพส่ายหน้าระอาใจ คร้านจะทะเลาะด้วย เลยออกไป
ตกตอนเย็นวันนั้น ธีภพเข้ามาในห้องนอน วางกระเป๋า เบื่อๆ เจ้าเสือตามเข้ามาด้วย
กระเป๋าวางไม่ราบกับพื้นโต๊ะเพราะมีสมุดลายไทยของบิวตี้วางอยู่ ธีภพยกกระเป๋าขึ้น แล้วหยิบสมุดรายงานของบิวตี้ ไปอ่านที่เตียง
เสือถือโอกาสนอนคลอเคลีย บ่นบ้าตามประสา “คิดถึงกันบ้างมั้ยเนี่ยนาย”
ธีภพอ่านรายงานของบิวตี้ ทีละตัว ช้าๆ ราวกับมีเสียงบิวตี้มาอ่านให้ฟัง
“ในการออกแบบ ควรจะมีการย้ำให้ ดีไซเนอร์นึกถึงปรัชญาของบริษัทที่ว่า งดงามจากภายใน ใส่ใจคุณภาพ External beauty comes shinning from inside out”
ธีภพเผลอใจลอยนึกถึงบิวตี้ในอิริยาบถต่างๆ ทั้งภาพบิวตี้ที่ดูงดงามตอนไปสปาคู่ฮันนีมูนด้วยกัน / บิวตี้ตอนใส่ชุดหลวมๆ ล้าสมัยของโรงงานแต่ก็ยังดูสวย / บิวตี้ตอนป่วย หลับไปดูบริสุทธิ์เหมือนเด็กน้อย และ บิวตี้ตอนร้องไห้เสียใจ น่าสงสาร จนอยากจะจูบปลอบใจ
เจ้าเสือมองนายอย่างรู้ทัน “ฮั่นแน่นาย รู้นะคิดอะไรอยู่”
เสียงโทรศัพท์ดัง ธีภพสะดุ้ง รู้ตัวว่าเผลอตัวกำกระดาษหน้าที่กำลังอ่านจนยับ
เขารับโทรศัพท์ พร้อมกับพยายามรีดกระดาษหน้านั้นให้เรียบ
“ครับ แพ็ต”
“พี่ธีคะ ยัยบิวตี้เขาไปฟ้องเรื่องงานสัมมนาหาอินสไปเรชั่น ของที่แผนกว่ายังไงบ้างคะ”
เสียงธีภพดังลอดจากโทรศัพท์ “ไม่เห็นเขาพูดอะไรนี่ครับ”
“แพ็ตกำลังประชุมเรื่องนี้ อยู่ๆ เขาก็ทำท่าไม่พอใจ เดินออกไป เห็นลูกน้องแพ็ตบอกว่าเขาไปหาพี่ธี”
“พอดีพี่มีแขกมาพบ เขาเลยไม่ได้พูดอะไร”
“งั้นพี่ธีช่วยบอกเขาให้ด้วยนะคะว่าถ้าจะอยู่ในทีมก็ต้องไป และหัดมีมรรยาทบ้าง แพ็ตเป็นโปรเจ็คแมนเนเจอร์ เขาต้องให้เกียรติแพ็ต”
“ได้ พี่จะบอกให้”
เสียงพักตร์พิมลกดวางสายไป ธีภพต่อให้จบประโยค “แต่ไม่รู้เขาจะฟังหรือเปล่านะ
ชายหนุ่มถอนใจ เอาสมุดของบิวตี้ไปวางที่ชั้น แล้วลุกไปวิดพื้นออกกำลัง เหมือนจะให้ลืมภาพของบิวตี้
เจ้าเสือบ่นงึมงำถึงนกบิวตี้ กระโจนลงจากเตียงเดินออกไป
“ไปรอคนสวยดีกว่า ทำไมคืนนี้ไม่มานะ”
อ่านต่อหน้า 4
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 15 (ต่อ)
คืนเดียวกันนั้น นกบิวตี้เกาะอยู่ที่หน้าต่างห้อง มองออกไปท่าทีเหงาหงอย บิวตี้คนทอดถอนใจอยู่ที่หน้าต่าง ทำท่าจะโผบินไป
“ฉันไม่ได้จะไปหานายนะ ฉันแค่อยากเล่นกับเจ้าเสือ” สุดท้ายตัดใจทรุดตัวนั่ง ทำเป็นโกรธ “ไม่ไปดีกว่า ไม่อยากเห็นหน้า” แต่แล้วกลับนึกภาพตอนตัวเองเปิดประตูห้องทำงานไปเจอ ธีภพจับมืออรวิภา
บิวตี้คนดึงความคิดตัวเองกลีบมา สะบัดหน้าแรงๆ ไล่ภาพธีภพกับอรวิภาไปจากหัว
“ตาอ้วนแว่นกับยัยแอ๊บแบ้ว จะทำอะไรก็ช่าง ไม่เกี่ยวกับฉันซักหน่อย ก็รู้อยู่ว่านายก็ไม่ชอบฉัน” แต่สะเทือนใจกับการไม่ชอบของธีภพ จนต้องหยุด กลบเกลื่อนความรู้สึกด้วยความโมโห “แต่ฉันไม่ชอบนายมากกว่า ฮึ ต่อไปนี้ฉันจะไม่มีวันคิดถึงนายให้เสียเวลา ก่อนหมดเวลา 30 วัน ฉันจะตามหาคนที่ฉันรักยิ่งกว่าชีวิตให้เจอ แล้วฉันจะจูบเขาต่อหน้านายเลย คอยดูสิ” พูดไปแล้วรู้ตัวว่าความคิดยังวนเวียนอยู่กับธีภพ
“เฮ้อ จะไปคิดถึงทำไมอีกนะ ไม่เอาแล้ว ไม่คิด ไม่ คิด ไม่คิด”
บิวตี้เอาหัวโขกผนัง เจ็บจริงจนร้อง “โอ๊ย...”
ณ แดนสรวง สวรรค์
นางฟ้าลลิตากับปรมะเทวีตามติด จ้องมองบิวตี้อย่างใจจดใจจ่อ
“มีอาการคล้ายหึงหวงหงุดหงิด” ปรมะเทวีว่า
“เฝ้าแต่คิดถึงชายคนนั้น” นางฟ้าลลิตาเสริม
“ปากบอกตัดใจ แต่ยังวนเวียนผูกพัน”
นางฟ้าลลิตาสบตากับปรมะเทวี “หรือว่า...นั่น ...คือความรัก คะเทวี”
“ลัลน์ลลิต หวาดกลัวว่าจะเสียคนที่รักไป จนไม่กล้าจะยอมรับใจของตนเอง”
“หากนางยอมเปิดใจ ก็จะแก้คำสาปได้ทันที ใช่ไหมคะเทวี”
“การทะลายกำแพงที่ลัลน์ลลิตสร้างขึ้นมาล้อมใจตัวเองนั้นยากยิ่ง”
“แต่เทวีให้เวลาอีกเพียงน้อยนิด เราต้องช่วยนางนะคะเทวี”
“ไม่มีใครช่วยได้หรอก มีแต่ใจรักที่ตรงกันอีกดวงเท่านั้น ที่จะเป็นเสมือนกุญแจเปิดใจนางออกมา ได้”
อีกสามวันต่อมา บ่ายวันนี้ ธีภพผุดลุกผุดนั่งอยู่ในห้องรับแขก เพราะรอบิวตี้มานานกว่า 2 ชั่วโมงแล้ว
“ใจเย็นๆ นะคะคุณธี คุณหนูคงจะใกล้เสร็จแล้วล่ะค่ะ”
“บอกว่าใกล้เสร็จตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้วแล้ว”
ธีภพบ่น ระอาใจกับนิสัยแต่งตัวนานของบิวตี้
บิวตี้แต่งตัวอยู่ในห้องแต่งตัว มีพร ส้มเช้งที่เวลานี้ทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวแล้ว กับ สาวใช้อีก 3 นาง ช่วยแต่งตัวอยู่
ศรีนวล ดูแลให้องุ่นนำน้ำมาเสิร์ฟธีภพ ศรีนวลนั้นแม้ถอดเฝือกออกแล้วแต่ยังหยิบจับไม่ถนัด
ธีภพทักทายถามไถ่ศรีนวล “ถอดเฝือกออกแล้ว เป็นยังไงบ้างครับ”
“ยังหยิบจับไม่คล่องค่ะ คุณหมอบอกว่า ต้องทำกายภาพไปอีกสักระยะ”
“ถ้าต้องการให้บริษัทดูแลตรงไหนเพิ่มเติม ก็แจ้งไปได้เลยนะครับ”
“ขอบพระคุณค่ะ”
องุ่นมองสูงขึ้นไปบนหัวบันได ด้วยสีหน้าตื่นเต้น “โอ้โห คุณบิวตี้ สวยที่สุดในโลกเลย”
ทุกสายตามองตามไป แลเห็นบิวตี้แต่งตัว ชุดทีปาร์ตี้ สวยเด่น เฉิดฉายเดินลงมาจากบันไดมาช้าๆ มีพร ส้มเช้ง กับสาวใช้อีก 3 คน เดินตามลงมาด้วย
ธีภพเผลอไผลมองตะลึง แววตาชื่นชมปิดไม่มิด
บิวตี้เห็นแววตานั้นของธีภพ ก็เขินไปเช่นกัน เอ็ดกลบเกลื่อนความเขิน
“มองอะไร ฉันสวยมากเหรอไง”
ธีภพเบือนหน้าหลบสายตาวูบ องุ่นเห็นธีภพมองบิวตี้ ยิ้มอย่างรู้ทัน
“ต้องสวยแหงๆ อยู่แล้วล่ะค่ะ คุณธีภพมองคุณบิวตี้จนตะลึงเลย”
ทุกคนหัวเราะคิกคัก
ธีภพกับบิวตี้ต่างคนต่างเขินทำตัวไม่ถูก และต่างเฉไฉกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง
“จะไปกันได้รึยัง ผมเสียเวลาคอยคุณแต่งตัวเกือบสามชั่วโมงแล้วนะ”
ธีภพเดินนำออกไป
บริเวณหน้างานเลี้ยงต้อนรับ เกรซ มิลเล่อร์ จัดแต่งสวยงาม มีดอกไม้ประดับประดา จัดวางอย่างมีสไตล์
ป้ายดอกไม้ตรงแบ็คดร็อปเขียนว่า “ Falcon Group’s 20th Anniversary Tea Party” และ “ Welcome Our Honorable VIP ”
บิวตี้เดินสวยคู่กับธีภพเข้ามา ดูหล่อสวยเหมาะสมกันราวกับเป็นคู่รัก
ที่หน้าทางเข้างาน มีกรงนกหงหยกสีฟ้าสองกรงซ้าย ขวา ประดับด้วยดอกไม้รอบกรง บิวตี้หยุดยืนมองนก
ธีภพฉงน “มีอะไรเหรอ คุณหายกลัวนกแล้วนี่”
“ใช่ค่ะ ฉันไม่กลัวนกอีกแล้ว”
“มีนกหงส์หยกตัวนึง มาบ้านผมเกือบทุกวัน หน้าตาคล้ายๆ แบบนี้แหละ สีฟ้าเหมือนกันเลย” ธีภพว่า
“นกหงส์หยกหน้าตาก็คล้ายๆ กันหมดแหละ”
“ไม่นะ ตัวที่มาบ้านผม ไม่เหมือนตัวอื่น เห็นที่ไหนก็จำได้ ท่าทางมันไม่มีนกตัวไหนเลียนแบบได้แน่ๆ”
ธีภพนึกถึงนกบิวตี้อย่างสุขใจ พูดไปก็ยิ้มไปอย่างเอ็นดู
บิวตี้สะท้อนในอก คิดในใจ “ถ้าเขาจะรู้สึกกับเราเหมือนรู้สึกกับนกก็คงดี”
“ที่ว่าท่าทางเลียนแบบไม่ได้อ่ะ มันเป็นยังไงหรอ”
ธีภพพาบิวตี้หันหน้าไปทางกระจกเงา
“เป็นอย่างงี้ไง ท่าทางมันเหมือนคุณนี่แหละ”
บิวตี้เขิน รู้สึกถึงมือธีภพที่จับตัวเธอไว้
พูดกลบความเขิน “งั้นแปลว่ามันต้องสวยมากแน่ๆ เลยถึงได้เหมือนฉัน”
“ก็คงใช่” ธีภพหมายถึงบิวตี้สวย
ต่างคนต่างเขิน
“นายชอบมันมากมั้ย”
“ชอบมากเลยละ ถึงมันจะเจ้าอารมณ์ไปบ้าง แต่มันฉลาดมาก แล้วก็ขี้อ้อน ที่ตลกคือมันจะ มาเฉพาะกลางคืน กลางวันหายไปไหนไม่รู้ มันจะไปนอนกับผม ถ้าผมไม่นอนมันก็ไม่ยอมนอน นอนนี่ไม่ใช่นอนในกรงนะ นอนบนเตียงกับผมอย่างกับเป็นคู่รัก เลยละ”
ธีภพหัวเราะขำ
บิวตี้เขินเมื่อนึกถึงภาพนั้น “น่าเกลียด”
“น่าเกลียดตรงไหน” ธีภพเคลื่อนเข้ามามองหน้าใกล้ๆ “แล้วคุณหน้าแดงทำไม ผมพูดถึงนกนะ ไม่ได้หมายถึงคุณซะหน่อย”
บิวตี้หมั่นไส้ ทุบธีภพพัลวัน “บ้า”
“โอ๊ย เจ็บนะคุณ อยู่ดีๆ ก็มาทุบ เป็นอะไรเนี่ย” ธีภพขำ อารมณ์ดี “เข้าไปในงานกันเถอะ”
สองคนเดินเคียงเข้าไปในงาน
พอธีภพและบิวตี้เดินเข้างานมา ช่างภาพ สื่อมวลชน เข้ามารุมถ่ายรูปทั้งคู่ อรวิภามองธีภพและบิวตี้ด้วยใจร้อนรุ่ม อยากเข้ามายืนแทรกกลาง
ธีภพออกตัวกับสื่ออย่างสุภาพ “ขอตัวไปแสดงความยินดีกับท่านเจ้าภาพก่อนนะครับ”
บิวตี้กับธีภพตรงเข้าไปไหว้อดิศักดิ์ และเครือวรรณ เลขาธีภพที่ตามหลังมา ส่งแจกันดอกไม้สวย ให้ธีภพ
“คุณลัลน์ลลิต กับผม ในฐานะตัวแทนของบริษัทธนบวร มากราบอวยพรขอให้ห้างฟอลคอนเจริญก้าวหน้า เป็นหลักของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าตลอดไปครับ”
ธีภพกับบิวตี้ ไหว้คู่กัน อรวิภา สะเทือนซาง ถึงกับกลั้นสะอื้น เครือวรรณเห็นสะกิดลูกสาวให้ยิ้มสื่อมวลชนตามมาถ่ายรูป
อดิศักดิ์เยื้อนยิ้ม “คุณลัลน์ลลิต ขอบคุณนะครับ ให้เกียรติออกงานในตำแหน่งประธานเป็นงานแรก”
“ขอบคุณห้างฟอลคอนเช่นเดียวกันค่ะ” หล่อนฉีกยิ้มกับกล้องอย่างเชี่ยวชาญ
สื่อมัวแต่สนใจบิวตี้ เครือวรรณรีบดันอรวิภาไปยืนคู่ธีภพ
ธีภพหันมายิ้มทัก “ดอกไม้ในงานนี้ฝีมือน้องอรใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
“สวยมากครับ ดูรู้เลยว่าต้องเป็นฝีมือน้องอร เหนื่อยไหมครับ”
“นิดหน่อยค่ะ พี่ธีชมว่าสวย น้องอรก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ”
บิวตี้หันมาเห็นธีภพอี๋อ๋อกับอรวิภา ก็ให้นึกหมั่นไส้
“พี่ธีเข้าไปในงานก่อนไหมคะ พี่บิวตี้คงอีกนานเดี๋ยวให้พนักงานพาเข้าไปค่ะ” อรวิภาเอ่ยชวน
“รอเข้าพร้อมกันดีกว่าครับ”
เครือวรรณเข้ามาพอดี “ลูกอรพาคุณธีภพเข้าไปข้างในก่อนซิคะ เชิญค่ะคุณธีภพ”
ธีภพเดินเคียงอรวิภาเข้าไป บิวตี้เหลียวมองตาม เป็นจังหวะเดียวกับที่ธีภพมองมาพอดี ทั้งสองสบตากันแว้บหนึ่ง แล้วธีภพก็เดินควงอรวิภาเข้าไป
จังหวะที่บิวตี้มองภาพนั้นด้วยความน้อยใจโดยประหลาดนั้น เสียงคุ้นหูใครคนหนึ่งดังขึ้น
“สวัสดีครับ ท่านประธาน”
บิวตี้หันไปเจอเจตน์ชาญยิ้มอยู่ ทำเป็นยิ้มแย้มดีใจ ทักตอบ “คุณเจตน์ มานานแล้วเหรอคะ”
“ครับ มารอดูคนสวยที่สุดในงาน แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ” ประธานเจดการ์เม้นท์ทำตาหวานใส่
ธีภพหันมาเห็นบิวตี้คุยกับเจตน์ชาญอย่างสนิทสนม หึงหวงอย่างไม่รู้ตัว
“พี่ธีคะ พี่ธี”
ธีภพไม่ได้ยิน เสียงเรียกอรวิภา จนหล่อนต้องเรียกซ้ำ
“พี่ธีคะ”
“ครับน้องอร”
อรวิภามองตามสายตาธีภพ จึงพบความจริงว่าเขามองบิวตี้อยู่ อรวิภาสะเทือนใจอีก แต่เก็บอาการยื่นชากับขนมให้
“พี่ธีชิมขนมเค้กหน่อยค่ะ”
ธีภพรับขนมมา แล้วหันไปมองบิวตี้อีกครั้ง
บิวตี้หันมาสบตากับธีภพอีกเช่นกัน แล้วก็หันกลับไปด้วยท่าทีมึนตึง อรวิภามองอาการธีภพด้วยความน้อยใจ
ธีภพเดินเข้ามาตรงจุดที่บิวตี้คุยกับเจตน์ชาญ
“สวัสดีครับคุณธีภพ”
“สวัสดีครับ”
“ยินดีด้วยนะครับที่ธนบวรมีประธานร่วมที่ทั้งสวยและเก่งอย่างคุณบิวตี้” เจตน์ชาญเปิดฉากเชือดเฉือน
บิวตี้ยิ้มเย้า “ปากหวานจังนะคะคุณเจตน์”
“ถ้าผมมีประธานร่วมแบบคุณ ผมคงทำงานสุดตัวยิ่งกว่าเดิม คุณบิวตี้ไม่สนใจย้ายบริษัทบ้างเหรอครับ”
ธีภพพูดตอบโต้ยิ้มๆ “เสียใจด้วยนะครับ เธอคงย้ายไปไหนไม่ได้ เพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณบวร เป็นประธานรุ่นที่สองร่วมกับผมเท่านั้น แล้วอีกอย่าง เธอคงไม่ไปทำงานกับบริษัทคู่แข่งหรอกครับ”
อรวิภาเดินตามเข้ามา
“งานจะเริ่มแล้วนะคะ เชิญหน้างานเลยดีกว่าค่ะ”
อรวิภาเดินนำทุกคนเข้าไป
ผู้ร่วมงานทั้งหมดประจำที่ บิวตี้นั่งติดกับเจตน์ชาญ อรวิภานั่งติดกับธีภพ บิวตี้กับธีภพ ดูไม่ค่อยมีความสุข แต่ฝืนใจทำตามหน้าที่ อดิศักดิ์พูดประกาศต้อนรับแขกบนเวที
“ในโอกาสที่ฟอลคอนกรุ๊ป ครบรอบ 20ปี เราได้รับเกียรติให้เป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ของ ไทยแลนด์ แฟชั่นวีค ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับบริษัทของเราเป็นอย่างยิ่ง ผมอยากจะเห็นวงการแฟชั่นของเราก้าวหน้าไปสู่ระดับสากล จึงขอถือโอกาสอันนี้ เชิญบุคคลสำคัญผู้นี้มาร่วมงานกับเรา”
พิธีกรประกาศเป็นภาษาอังกฤษ “Ladies and gentlemen our honorable VIP. Executive Editor of Dazz Magazine. Please welcome” น้ำเสียงตอนนี้ตื่นเต้นสุดขีด “Miss Grace Mille.”
เพลงเปิดตัวดังกระหึ่มขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการ
บิวตี้ตื่นเต้นมาก “เกรซ มิลเล่อร์ ไอดอลของฉัน มาเมืองไทยเหรอ สุดยอด”
เกรซปรากฏตัว สวยสง่า ในอาภรณ์เด่นสะดุดตา สมกับเป็น แฟชั่นนิสต้า และผู้ทรงอิทธิพลของวงการแฟชั่น บิวตี้ยืนปรบมือให้ด้วยความชื่นชมจนออกนอกหน้า
ทุกคนยืนปรบมือต้อนรับกราวใหญ่
เกรซโค้งน้อยๆ รับการต้อนรับจากผู้คนที่ชื่นชม แล้วเดินไปที่ไมโครโฟน พูดไทยชัด
“สวัสดีค่ะทุกๆ ท่าน”
แขกและสื่อมวลชนในงานฮือฮา
“คุณยายของดิฉันเป็นคนไทยค่ะ” เกรซบอก
ทุกคนปรบมือ
“ดิฉันรู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาเยี่ยมเพื่อนเก่า คือคุณอดิศักดิ์ และครอบครัว ดิฉันตื่นเต้นที่จะได้เห็น Fashion ของเมืองไทย และตั้งใจว่า Dazz ฉบับ Summerนี้ จะได้แฟชั่นของไทยไปลงปกนะคะ”
ทุกคนปรบมือ ท่าทีตื่นเต้นดีใจ
เกรซลงจากเวทีมาจับมือกับอดิศักดิ์ /กอดเครือวรรณ และ กอด จูบแก้มอรวิภาอย่างสนิทสนม
ครอบครัวอดิศักดิ์ถ่ายรูปคู่กับเกรซ สื่อมวลชนตื่นเต้นแย่งกัน ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ
บิวตี้ถูกเบียด ไม่มีใครแยแส
บิวตี้ขยับมาหาธีภพ “เราต้องหาทางเข้าไปรู้จักเกรซให้ได้
“รอให้คนว่างหน่อยดีกว่า”
“มัวแต่รอพอดีเขากลับไปก่อน เกรซเขาไม่เคยอยู่งานไหนจนจบซักงาน ไปเถอะ ถ้าแบรนด์ของเราได้ลงปกแดซ เท่ากับเราก้าวกระโดดเลยนะ”
“เกรซเขาจะเลือกจากงานแฟชั่นวีคอยู่แล้ว”
“แต่เราต้องทำให้เขาจำเราได้ก่อน คุณไปบอกแฟนคุณสิ”
ผู้คนรุมล้อมเกรซ ทุกคนคิดอย่างบิวตี้
“บุกเข้าไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
บิวตี้โกรธ บุ้ยใบ้ให้ดู “คุณดูเจดการ์เม้นท์สิ”
สองคนที่ยืนห่างออกมา มองเห็นอดิศักดิ์แนะนำให้เกรซรู้จักกับเจตน์ชาญ
โดยเจตน์ชาญมอบพวงมาลัยร้อยอย่างงดงามให้ เกรซรับมาอย่างชื่นชม สนทนากับเจตน์ชาญอย่างใกล้ชิด ถูกคอกัน
เจตน์ชาญหว่านเสน่ห์ เกรซดูติดใจเจตน์ชาญไม่ใช่น้อย
ธีภพหงุดหงิด ขัดหูขัดตาเจตน์ชาญนัก “ทำได้ทุกอย่าง”
“ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไร” บิวตี้ประสานสายตากับธีภพอย่างท้าทาย
อีกมุมหนึ่งของงาน ตรงนั้นมีป้ายงาน ซุ้มดอกไม้ ซุ้มอาหาร อรวิภามาเตรียมความพร้อมของอาหารว่างเลี้ยงแขก
บิวตี้ดึงแขนเสื้อธีภพมาหาอรวิภา
อรวิภาเห็นเข้าก็ไม่พอใจที่สองคนอยู่ด้วยกัน “พี่บิวตี้ พี่ธีจะไปไหนคะ”
บิวตี้บอกกับธีภพด้วยเสียงสุภาพ “บอกน้องเขาสิคะ”
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“ไม่มีอะไรครับ คือ คุณบิวตี้ชอบงานจัดดอกไม้ฝีมือน้องอรมาก เลยพามาหาน้องอรครับ”
บิวตี้มองไป ออกอาการตื่นเต้น “เกรซมาแล้ว”
เกรซ ควงเจตน์ชาญ เดินมากับอดิศักดิ์ เครือวรรณและแขกในงาน สื่อมวลชนตามมาเป็นโขยง
“ขออนุญาตแนะนำตัวค่ะ ฉันชื่อลัลน์ลลิต หรือคุณจะเรียกว่าบิวตี้ก็ได้ ฉันเป็นประธานร่วมของบริษัทธนบวร ทำธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปและสิ่งทอรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยค่ะ”
“อ๋อ เหรอคะ”
เกรซบอกหน้านิ่งแล้วเดินต่อ บิวตี้ตาม
“ฉันชื่นชมคุณมานานแล้ว คุณเป็นไอดอลของฉันเลยค่ะ”
เกรซวางท่าเชิดหยิ่ง “ขอบคุณค่ะ”
“ฉันเคยพบคุณตอนเรียนแฟชั่นดีไซน์ที่ลอนดอนค่ะ คุณยังเคยไปดูแฟชั่นโชว์ของฉันตอนเรียนจบเลยนะคะ จำได้มั้ยคะ ชุดราตรีที่ทำด้วยกระจกทั้งชุด คุณเป็นคนมอบรางวัลให้ฉันเอง”
“งั้นเหรอคะ ฉันจำไม่ได้หรอก งานคุณคงไม่สะดุดตาฉันมากพอที่จะจำ ขอตัวก่อนนะคะ” เกรซเดินเชิดหยิ่งยโสไปหาอรวิภา
บิวตี้อับอายจนหน้าชา ทั้งเสียใจและผิดหวัง
ธีภพมองบิวตี้อย่างเห็นใจ แต่เปลี่ยนเป็นไม่สนใจเมื่อเห็นเจตน์ชาญเดินมาปลอบบิวตี้
“สมแล้วครับ ที่เกรซได้ฉายาว่า ไร้หัวใจ”
บิวตี้รักษาฟอร์ม เชิดหน้าท่าทีหยิ่ง “แก่แล้วก็อย่างงี้แหละค่ะ อัลไซเมอร์เริ่มถามหา”
ณ แดนสรวง ปรมะเทวีจ้องมองบิวตี้กับเกรซ ก่อนจะเหลียวมามองนางฟ้าลลิตา แล้วหันกลับไปมองเกรซอีกที
“นี่ถ้าเราไม่รู้มาก่อนว่าท่านเป็นมารดาของลัลน์ลลิต เราต้องคิดว่าเป็นลูกของมนุษย์ ที่ชื่อเกรซ มิลเล่อร์เป็นแน่”
“ลัลน์ลลิต ศรัทธาในตัวเกรซมาก จนเลียนแบบบุคลิกของนางมาโดยไม่รู้ตัว”
“รับมาโดยที่ไม่รู้ว่าเนื้อแท้นั้นเป็นเช่นไร จึงลอกเลียนแต่ความหลงตัว ยะโส เย่อหยิ่ง ไม่สนใจใคร ช่างเหมือนกันราวกับส่องกระจก”
นางฟ้าลลิตาจ้องมองเกรซอย่างครุ่นคิด ที่สุดนึกบางอย่างได้ “ส่องกระจกหรือคะ เช่นนั้น หากเราทำภาพในกระจกให้ปรากฏ...”
ปรมะเทวีคิดปราดเดียวก็ตามทัน “ลัลน์ลลิตย่อมมองเห็นตัวเอง เป็นเช่นนั้น” องค์เทวีดีใจ “ถูกแล้วนางฟ้า”
“อนุญาตให้เราได้ทำหน้าที่อีกสักครั้ง เราจะทำให้ลัลน์ลลิตได้รับบทเรียนว่า การโกรธเคืองผู้อื่นอย่างไม่มีเหตุผล คิดว่าตนเป็นฝ่ายถูกเพียงอย่างเดียว มันทำให้คนที่โดนกล่าวหารู้สึกเช่นไร”
“เอาเถิด แต่อย่างลืมว่าท่านทำได้เพียงจุดประกายเล็กๆเท่านั้น ที่เหลือย่อมเป็นไปตาม โชคชะตาของนาง”
“ข้าพเจ้าจะระมัดระวังอย่างที่สุด”
นางฟ้าลลิตากลายร่างเป็นแสงสีทองลอยวูบไปยังโลกมนุษย์
งานเลี้ยงดำเนินไป เกรซเดินมาหาอรวิภา โอบบ่าอย่างชิดเชื้อ “งานสวยงามมาก เหนื่อยไหมจ๊ะหลานรัก”
“ไม่เหนื่อยค่ะ อ๊านตี้เกรซ”
เกรซกระซิบถาม “แล้วคนไหนจ๊ะ ที่เป็นหวานใจของหลาน”
อรวิภาเขินอาย เหลือบตามองไปทางธีภพ
เกรซมองตาม รู้ทันที “โอ๋ว หล่อ เหมาะกับหลานมาก”
เสียงพิธีกรประกาศ “ขอเชิญคณะกรรมการงานThailand Fashion Week ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกร่วมกับคุณเกรซ มิลเลอร์ค่ะ”
อดิศักดิ์ เครือวรรณ ธีภพ เจตน์ชาญ บิวตี้ และแขกอีก 2-3 คนเดินไปเตรียมจะถ่ายรูปกับเกรซ
เกรซออกตัว “รูปแรกขอถ่ายกับครอบครัวคุณอดิศักดิ์ก่อนนะคะ”
อดิศักดิ์ เครือวรรณ อรวิภา เข้าไปจะถ่ายรูป คนอื่นถอย
เกรซดึงมือธีภพมา “คุณก็ถ่ายด้วยสิคะ จะเป็น family เดียวกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
ธีภพ กระดาก แต่เกรซโอบธีภพไว้ข้างหนึ่ง และโอบอรวิภาไว้อีกข้างหนึ่ง ธีภพไม่อยากปฏิเสธให้อรวิภาขายหน้า
เกรซจัดฉากดันให้สองคนยืนอยู่เคียงข้างกัน ตัวเองถอยออกมาให้อรวิภากับธีภพถ่ายรูปคู่กัน บิวตี้หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“คนนึงหล่อ คนนึงสวย เหมาะกันจริงๆ” เกรซ ยิ้มชื่น
บิวตี้เอ่ยขึ้น “สวยเหรอ ตรงไหน แอบแบ๊วล่ะซิไม่ว่า”
เกรซได้ยิน “รสนิยมความงามของคุณต่างจากฉันมาก ผู้หญิงที่เรียกร้องความสนใจจนน่ารำคาญอย่างคุณ ฉันก็ไม่เห็นว่าจะสวยตรงไหนเหมือนกัน”
บิวตี้โกรธมาก แต่นึกถึงที่ศรีนวลเคยสอนว่าให้ข่มอารมณ์ แต่ไม่วายตอกกลับ “ขอบคุณนะคะคุณมิลเลอร์ที่ทำให้ฉันตาสว่างสักที ฉันรู้แล้วว่าคุณดูถูกความชื่นชมที่คนอื่นมีต่อคุณว่าเป็นการเรียกร้องความสนใจ ต่อไปนี้ฉันจะไม่หลงผิดอีกแล้ว ส่วนที่คุณว่าฉันไม่สวย ฉันไม่ว่าหรอกนะคะ เพราะรสนิยมของคุณคงจะแปลกจริงๆ”
บิวตี้ถดตัวถอยหลังแล้วกลับตัวโดยไม่มอง จังหวะนี้เองมีแสงสีทองวูบมาดึงให้บิวตี้ล้ม เสียการทรงตัว คนอื่นดูคล้ายรองเท้าพลิก บิวตี้ดึงข้าวของใกล้ตัวเพื่อจับยึด เจตน์ชาญเห็นถลันเข้ามาประคองไว้ทัน บิวตี้ยืนขึ้นได้อย่างสวยงามอีกครั้ง
แต่ที่ไม่ทันก็คือข้าวของที่บิวตี้ดึงเมื่อครู่ ล้มเป็นโดมิโน ป้ายงานที่เป็นป้ายดอกไม้ ของชิ้นใหญ่สุดหล่นลงมาจะทับเกรซรอมร่อ เกรซตกใจหันไปดู กรีดร้องสุดเสียง ร่างเกรซซวนเซเสียหลักตกลงไปในสระน้ำดังตูม
บนสรวงสวรรค์ ปรมะเทวีสะดุ้ง ตกใจกับภาพที่เห็น ถึงกับยกมือทาบอก
“เทพรักษา เทวดาช่วย”
นางฟ้าลลิตาวาบกลับมาอย่างร้อนใจ “ได้ผลไหมคะเทวี”
ปรมะเทวีหน้าเครียด “มันลุกลามใหญ่โตเกินไป เราเตือนท่านแล้วว่าให้เป็นเพียงประกายเล็กๆ แต่นี่มันกลายเป็นเพลิงกองใหญ่ไปเสียแล้ว”
นางฟ้าลลิตาดูภาพที่เกรซตกลงไปในน้ำ ตกใจมาก “เทวดาช่วย! เราเพียงแต่ต้องการให้ลัลน์ลลิต เป็นฝ่ายถูกกระทำบ้าง เพื่อนางจะได้รู้สำนึก ไม่คาดเลยว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้”
ปรมะเทวีส่ายหน้า ด้วยความท้อแท้
“กรรม นี่มันเป็นกรรม ของนางเท่านั้น”
อ่านต่อตอนที่ 16