สุสานคนเป็น ตอนที่ 15
สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจเกาะกลุ่มรวมกันอยู่อย่างหวาดๆ นฤมลนั่งกระสับกระส่ายอีกมุมหนึ่ง หวานประคองรสสุคนธ์เดินเข้ามา ตามด้วยธารินทร์และอุษา ทุกคนในบ้านรีบวิ่งเข้ามาใกล้ๆ ทั้งสี่คนกลับมาจากสุสาน นฤมลปราดเข้าหารสสุคนธ์
“คุณชีพละน้องรส” นฤมลถาม
รสสุคนธ์สะอื้น “หาตัวไม่เจอ..ลั่นทมบังตาพวกเราทุกคนไว้”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทุกคนมอง รสสุคนธ์มีท่าทางหวาดกลัวมาก
“นังลั่นทมแน่..มันต้องโทรมาเยาะเย้ยฉันอีก อย่ารับนะอย่ารับ”
พวกสวาทถอยกรูด นฤมลสั่น หวานหน้าซีด
ธารินทร์เดินไปที่โทรศัพท์ “ผมรับเอง” ธารินทร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ฮัลโหล..”
เสียงประสงค์ดังจากปลายสาย “นั่นใคร คุณชีพหรือเปล่า”
ธารินทร์หันมามองรสสุคนธ์ก่อนตอบ “ผมไม่ใช่คุณชีพ คุณต้องการพูดกับคุณชีพเหรอ”
รสสุคนธ์ตกใจจึงรีบวิ่งมากระชากโทรศัพท์ไปจากมือธารินทร์
“บอกแล้วไงว่าคุณชีพไม่อยู่ เขาโดนผีจับตัวไปแล้ว ถ้าแกอยากเจอเขาก็ไปหาที่สุสานโน่น แล้วไม่ต้องโทรมาอีกเข้าใจมั้ย”
รสสุคนธ์กระแทกโทรศัพท์ลงแป้นแล้วก็หอบ พอหันมารสสุคนธ์ก็ชะงัก ธารินทร์มองกิริยาอาการรสสุคนธ์ไม่วางตา รสสุคนธ์สะดุ้ง
“ใครที่โทรมาหาคุณชีพ” ธารินทร์ถาม
รสสุคนธ์ลนลาน “ไม่รู้ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันไม่รู้เรื่อง”
รสสุคนธ์วิ่งหนีขึ้นไปชั้นบน ทุกคนมองตามอย่างงงๆ หวานพึมพำ
“นังรสเอ๊ยถ้าแกไม่มีอันเป็นไปแกก็ต้องสติแตกแน่ๆ”
รสสุคนธ์เข้ามายืนตัวสั่นอยู่ในห้องด้วยความกลัว หวานกับนฤมลเดินตามเข้ามา “น้าหวาน ฉันจะทำยังไงดี คุณชีพต้องตายแน่ๆ ทำไมลั่นทมมันร้ายกาจอย่างนี้นะ”
“ก็เพราะแกร้ายกับคุณผู้หญิงก่อน”
“แต่ฉันก็ไปขอโทษแล้วนี่ สาบานด้วยทำไมไม่ยอมปล่อยฉันละ มันจะเอาฉันไปอยู่กับคุณชีพในสุสาน บ้าฉันเป็นคน คนเป็นๆนะไม่ใช่ผี” รสสุคนธ์บอก
หวานอึ้งเพราะคิดหนัก ลั่นทมมายืนข้างๆหวาน “ไปนอนเถอะน้าหวาน น้าเหนื่อยมามากแล้ว อย่ายุ่งกับรสสุคนธ์อีกเลย น้าช่วยเขามามากแล้ว”
หวานพยักหน้าแล้วหันหลังเดินออกไปจากห้องดื้อๆ รสสุคนธ์ตะโกน
“เดี๋ยวน้าหวาน อย่าเพิ่งไปสิช่วยกันคิดก่อน โธ่เว้ยน้าหวาน”
ลั่นทมไปนั่งที่เตียงแล้วก็มองสองคนปรึกษากัน นฤมลกลัวสุดๆ
“น้องรสเราหนีไปกันเถอะ” นฤมลบอก
“หนีตอนนี้ก็ไม่พ้น” รสสุคนธ์ว่า
“แล้วเราจะทำยังไง พี่กลัวจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”
รสสุคนธ์ทั้งแค้นทั้งกลัวพร้อมทั้งเดินพล่านไปมาอย่างใช้ความคิดหนัก สุดท้ายเธอก็หยุดเดินแล้วหันมาพูดจริงจัง
“ยังไงก็ต้องกำจัดมันเป็นทางเดียวที่เราจะอยู่รอด”
ลั่นทมไปอยู่หน้ารสสุคนธ์อย่างรวดเร็ว ลั่นทมตบฉาดที่แก้มรสสุคนธ์จนหน้าหงาย รสสุคนธ์กุมหน้าถอยกรูดอย่างหวาดกลัว ลั่นทมพุ่งเข้าใส่ตบซ้ายขวา รสสุคนธ์หน้าหันไปตามแรงตบ ส่วนนฤมลตาเหลือก
“ว้าย..กลัวแล้วจ้ะกลัวแล้ว”
นฤมลวิ่งหน้าตื่นออกไป รสสุคนธ์ยกมือไหว้ละล่ำละลั่ก
“กลัวแล้วฉันจะไม่ทำอะไรแล้ว ไว้ชีวิตฉันเถอะนะลั่นทมฉันกราบล่ะ”
รสสุคนธ์กราบลงที่พื้นหลายที ทุกอย่างสงบเงียบ รสสุคนธ์มองไปรอบๆอย่างไม่วางใจก่อนจะวิ่งหน้าตาตื่นออกไปจากห้อง
หวานนั่งนิ่งๆอยู่ที่เตียง เสียงเคาะประตูแรงๆถี่ๆ หวานสะดุ้งมองรอบๆ ตัวอย่างงงๆ “อ้าวเอ๊ะ..นี่กลับมาห้องตั้งแต่เมื่อไร”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก หวานตะโกน “ใครเข้ามาสิ”
นฤมลเดินเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรนก่อนจะวิ่งมานั่งข้างๆหวาน “น้าหวานฉันอยู่ไม่ไหวแล้วน้า เมื่อกี้นังรสโดนเข้าอีกแล้ว”
“โดนอะไร”
“โดนคุณลั่นทมตบนะสิ ดันไปพูดว่าจะหาทางกำจัด พูดจบก็หน้าหันเลย น่ากลัวเป็นบ้า ฉันไม่เอาด้วยแล้ว”
เสียงประตูเปิดเข้ามาดังอย่างแรง หวานกับนฤมลหันไปมอง รสสุคนธ์วิ่งหน้าตื่นเข้ามากระโดดนั่งกลางระหว่างหวานกับนฤมล
“น้าหวานฉันนอนด้วยคน”
นฤมลพูดขึ้น “น้องรส..พี่ตัดสินใจแล้ว..พี่จะไป”
รสสุคนธ์ไม่พอใจ “แปลว่าจะทิ้งฉันไว้คนเดียว”
“เปล่า..พี่อยากให้รสไปด้วย ขืนดันทุรังสู้กับผีต่อไป เราจะตายทั้งเป็น ตัวน้องรสยังโดนสะกดเข้าไปขังในสุสาน เราไม่มีทางสู้แล้วหนีไปเถอะก่อนที่เราจะไม่ได้ไป”
“ถ้าพวกแกจะไปจริงๆ ข้าจะให้เงินทองทั้งหมดที่มี แต่จำไว้นะห้ามย้อนกลับมาอีกเด็ดขาด”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย ฉันเจอคุณชีพแล้ว ถ้าเราหาทางเอาเขาออกมาได้ ทุกอย่างจะเป็นของเรา”
“โดนขนาดนี้แกยังไม่เลิกอีกเหรอ”
รสสุคนธ์นิ่งคิดแล้วก็ตัดสินใจ “คิดให้ดีๆสิ ถ้าลั่นทมมันจะฆ่าฉันหรือคุณชีพมันคงฆ่าไปนานแล้ว ฉันจะเสี่ยง ฉันยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ถ้าฉันรอดฉันก็รวย”
น้าหวานได้ฟังก็เดือดดาลขึ้นมาทันที
“เป็นบ้าแล้วหรือนังรส แกสาบานแล้วนะ..”
“แต่พี่ไม่เอาด้วย พี่จะไป”
รสสุคนธ์โกรธและกราดเกรี้ยว
“อยากไปก็ไปเลย” รสสุคนธ์ว่า
รสสุคนธ์ผลักนฤมลจนล้มลุกคลุกคลาน “ไปให้พ้น ฉันรวยเมื่อไรอย่าเสนอหน้ามาขอความช่วยเหลือนะ สตางค์แดงเดียวฉันก็จะไม่ให้ ไป๊”
นฤมลไม่สู้ทำได้แต่ปัดป้องแล้วรีบออกไปจากห้อง หวานหันหลังให้รสสุคนธ์อย่างเกลียดชัง นอนหลับเฉย รสสุคนธ์นั่งอยู่คนเดียวได้แต่มองรอบๆอย่างระวังตัว
มอเตอร์ไซค์ของประสงค์จอดอยู่หน้าที่พัก ประสงค์เดินออกมาขึ้นขี่มอเตอร์ไซต์
“ไอ้ชีพคิดจะถีบหัวข้าส่งเหรอ ต่อให้เอ็งมุดหัวหลบอยู่ในสุสานข้าก็จะไปหาเอ็ง..วันนี้ต้องจัดการให้เด็ดขาด”
ประสงค์บิดมอเตอร์ไซค์ออกไป
เช้ามืด ลั่นทมนอนอยู่ข้างๆชีพแล้วลุกขึ้นแล้วหันมามองชีพที่นอนลืมตาโพลงด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
“ตำรวจกำลังจะรู้แล้วว่าคุณวางแผนตัดสายเบรก..ไม่ช้าเขาคงหาหลักฐานได้ คุณต้องถูกจับติดคุก”
ชีพหมดสิ้นเรี่ยวแรงหมดสิ้นกำลังใจ ชีพเหนื่อยอ่อน “ดี…ให้ฉันไปอยู่ในคุกยังดีกว่าอยู่ที่นี่”
ลั่นทมมองชีพแล้วก็นิ่งเงียบ “แต่ทมจะช่วยให้คุณพ้นผิด..คุณจะได้อยู่กับทมนานๆ”
ลั่นทมก้มลงมาจูบ ชีพพยายามผลักลั่นทมด้วยความขยะแขยง
“ไม่ ฉันไม่อยู่ในสุสาน..ปล่อยให้เขาเอาฉันไปติดคุกได้เลย ฉันอยากตาย..”
ลั่นทมส่ายหน้าน้ำตาไหลพราก
“คุณไม่เคยรักทมเลยใช่มั้ยชีพ”
ฉ่ำออกมาดูแลสนามหน้าบ้านลั่นทมตามปกติ รถธารินทร์แล่นเข้ามา โดยมีผันกับต้อยติ่งนั่งมาด้วย ฉ่ำเดินเข้าไปรับ
“โห คุณรินทร์ นี่ไม่ได้นอนเลยมั้งครับ ก็เพิ่งกลับไปเอง” ฉ่ำว่า
“ก็แค่ไปอาบน้ำอาบท่านะ เป็นห่วงทางนี้ พวกตำรวจกลับไปหมดแล้วใช่มั้ย” ธารินทร์บอก
“ครับ เพิ่งไปกันได้สักพักเอง”
จรัลขับรถแล่นเข้ามา จรัลลงจากรถ ทุกคนรีบไหว้ยกเว้นผัน
“คุณอามาแต่เช้า” ธารินทร์บอก
“เมื่อคืนมีอะไรผิดปกติใช่มั้ย” จรัลถาม
ฉ่ำแปลกใจ “คุณรู้ได้ไงครับคุณจรัล บรื๊อ พูดแล้วขนลุก”
“แม่รสเขาว่าจะไป เลยเข้าไปสาบานกับคุณนายว่าจะเลิกยุ่งกับคุณชีพ ให้คุณนายปล่อยเขาไป แล้วยังไงก็ไม่รู้ถึงโดนสะกดเข้าไปอยู่ในสุสาน แม่รสเขาเห็นคุณชีพแล้วละครับ”
“แล้ว..รสสุคนธ์ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ” จรัลถาม
“ครับแต่คุณพี่สาวคงทนไม่ไหวเห็นว่าจะไปเช้านี้”
จรัลพูดจริงจัง “รสควรจะไปด้วย”
ทุกคนมองหน้าจรัล จรัลพูดเบาๆ “ผมสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับรส”
ทุกคนอึ้ง
หนุ่ยกับโหน่งแต่งตัวเรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง แถวกระเป๋าเสื้อผ้าของทั้งคู่ไม่มีข้าวของอะไรมากนัก นฤมลแต่งตัวเรียบร้อยกำลังจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าซึ่งก็ไม่มีข้าวของมากมายเช่นกัน
“แม่ แม่จะไปจริงๆเหรอ” หนุ่ยถาม “พี่อุษาเขาออกใจดีให้ผมเรียนหนังสือผมอยากเรียนนะแม่”
“ถ้าเรากลับไปอยู่ที่เก่าผมก็คงไม่ได้เรียนใช่มั้ยแม่” โหน่งบอก
“แล้วก็ไม่มีจะกินด้วย อยู่ที่นี่ของกินเยอะแยะ”
นฤมลเช็ดน้ำตามองลูกๆ ด้วยความสงสาร
“แม่ก็ไม่อยากไป แต่มันจำเป็นลูก เราไปตายเอาดาบหน้าเถอะนะลูก” นฤมลดึงลูกเข้ามากอด
“รู้แล้วน้ารสไม่ให้เราอยู่ใช่มั้ย น้ารสใจร้าย ใจดำ”
“ไม่ใช่หรอกลูก น้ารสเองก็จะแย่เหมือนกัน” นฤมลว่า
“งั้นทำไมไม่ให้น้ารสไปกับเราละแม่” โหน่งถาม
“แม่ชวนแล้ว แต่น้ารสเขาไม่ยอมไป เขาจะอยู่ที่นี่” นฤมลพึมพำเบาๆ “สุดท้ายก็ต้องตายที่นี่”
สีหน้านฤมลหวาดหวั่น
รสสุคนธ์มองสร้อยพระในมือนิ่งๆ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ
“ทางเดียวที่จะเอาตัวคุณชีพออกมาได้ เราต้องเข้าไปใหม่ เอาพระไปด้วย ท่านช่วยปกปักรักษา มีพระผีก็เข้าใกล้ไม่ได้ ทำไม ฉันถึงเพิ่งนึกออกนะ แกเสร็จฉันแน่นังลั่นทม”
รสสุคนธ์สวมสร้อยพระซ่อนไว้ในเสื้อก่อนจะเดินจะออกจากห้องผ่านกระจกเงา แต่เงาของรสสุคนธ์ในกระจกไม่มีหัวโดยที่รสสุคนธ์ไม่เห็น รสสุคนธ์เดินออกไปอย่างมั่นใจมาก
หวาน สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจกำลังช่วยกันจัดโต๊ะ อุษาเข้ามามองอย่างพอใจ
“วันนี้คนเยอะจัดอาหารเครื่องดื่มให้พอนะจ๊ะ”
“ค่ะ เรียบร้อยค่ะคุณษาไม่ต้องห่วง”
อุษาเดินไปหาจรัลที่นั่งอยู่กับธารินทร์ ผัน ต้อยติ่งที่ชุดรับแขก อุษารีบไหว้จรัล
“ ดีใจจริงๆที่คุณอามา...เชิญทานอาหารเช้าด้วยกันนะคะ”
“ขอบใจหนู แต่อาเรียบร้อยมาแล้ว ที่มานี่เพราะเป็นห่วงเห็นว่าเมื่อคืนยุ่งกันใหญ่” จรัลบอก
“ค่ะ”
อุษาชะงัก นฤมลหอบกระเป๋าเดินมากับหนุ่ยและโหน่ง
“ฉันจะมาลาค่ะคุณอุษา” นฤมลบอก
“คุณมลช่วยมาทางนี้กับษาหน่อย หนุ่ย โหน่งจ๊ะไปทานข้าวก่อน” อุษาพูดแล้วหันมาทุกคน “ทุกคนเลยค่ะเชิญที่โต๊ะเลย”
อุษาพยักหน้ากับนฤมลก่อนจะเดินนำไปหน้าบ้าน นฤมลเดินตามไป ทุกคนมองตามอย่างอยากรู้ว่าอุษาจะพูดอะไรกับนฤมล
อุษาเดินนำนฤมลมาถึงหน้าบ้านก่อนจะหันกลับมามองด้วยความสงสาร
“อยากไปจริงๆหรือคะ” อุษาถาม
“ฉันไม่มีทางเลือกค่ะอยู่ก็ตาย” นฤมลบอก
“คุณคิดร้ายกับคุณน้าเหรอคะ คิดจะช่วยรสสุคนธ์อีกเหรอ”
นฤมลก้มหน้าสำนึกผิดก่อนจะพูดเสียงเครือ “ฉันยอมรับว่าความโลภมันบังตา เลยหลงเชื่อน้องรสแต่พอฉันคิดได้ ฉันก็เตือนเขาแล้ว เตือนให้เขาเลิกคิดกำจัดคุณนายลั่นทม เสียที ที่จะไปนี่ก็ชวนให้เขาไปด้วยแต่เขาไม่ยอม”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็อยู่ได้ ษารับรองว่าคุณน้าไม่ทำร้ายคุณแน่”
นฤมลยิ้ม “จริงเหรอคะ”
“จริงค่ะ ษาอยากให้คุณคิดถึงลูกให้มากๆ ถ้าคุณอยู่ษาจะให้ทำงานที่โรงงาน คุณจะได้มีเงินเดือนของตัวเอง ส่วนที่พักจะยังอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้จะได้ประหยัดเงิน ไว้คุณยืนได้เมื่อไรค่อยขยับขยายดีมั้ยคะ”
นฤมลตกตะลึง “คุณอุษา..คุณ”
อุษาเข้ามาแตะบ่าเบาๆ “เข้าไปทานข้าวเถอะค่ะ”
อุษาเดินนำเข้าไปก่อน นฤมลร้องไห้ด้วยความดีใจมาก
หวาน จิ้มลิ้ม สวาท และยาใจช่วยกันดูแลเติมอาหารให้ทุกคน ทุกคนกินอาหารกันอย่างสบายใจ ธารินทร์สบตาอุษาด้วยความชื่นชม รสสุคนธ์ก้าวเข้ามาแล้วก็ชะงักมองนฤมลก่อนจะถามห้วนๆ
“ยังไม่ไปอีกเหรอพี่มล”
“พี่เปลี่ยนใจแล้ว..เพราะคุณอุษากรุณาให้เข้าทำงานที่โรงงาน”
รสสุคนธ์มองอุษาเยาะๆ“เชอะ..หาพวก”
“นังรส ..นังมลมันยังรู้จักคิดแล้วแกจะเป็นบัวใต้น้ำอยู่แบบนี้เหรอไง”
รสสุคนธ์โกรธ จรัลรีบพูด “ไปทำงานที่บริษัทผมมั้ย ผมว่าจะหาเลขาอยู่พอดี”
“ให้รสเดือนละแสนมั้ยละคะ ถ้าให้รสจะไป”
จรัลสะอึก ผันส่ายหน้า “จะละโมบโลภมากไปถึงไหน ทุกคนเขาพยายามจะช่วยเธอนะแม่รส”
รสสุคนธ์มองกราดทุกคนแล้วพูดเน้นๆ “ขอบใจแต่คนอย่างฉันยังไม่สิ้นท่าง่ายๆ”
ยาใจพูดขึ้นลอยๆ “ต้องให้สิ้นชีวิตก่อนถึงจะรู้สึก”
“นังใจ..แก”
รสสุคนธ์ปราดจะทำร้ายยาใจ หวานเข้ามาขวาง “จนจะตายยังไม่เลิกผยองอีกเรอะนังรส”
“คนอย่างฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก..ถ้ามันเก่งจริง ฉันตายไปนานแล้ว ทุกคนคอยดูกันต่อไป
รสสุคนธ์เดินออกไป ทุกคนเอือม จรัลมองตามแล้วพึมพำเบาๆ
“ชะตาคุณคงถึงฆาตจริงๆแล้วรสสุคนธ์”
อุษาเดินเข้ามาดูถาดอาหารเช้าสำหรับเซ่นลั่นทม สวาทตามเข้ามา
“เครื่องเซ่นคุณนาย สวาทจัดไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“เพิ่มอีกหน่อยจ๊ะทุกอย่างเลย” อุษาบอก
“คุณคิดว่าคุณผู้ชายกินด้วยจริงๆเหรอค่ะ”
อุษาพยักหน้า “ใช่ วันนี้พวกเราจะจับตาดูน้าชีพอีกครั้ง รีบจัดกันเถอะสวาทมาษาช่วย”
อุษาช่วยสวาทจัดของเพิ่มทุกๆถาดอย่างว่องไว
ธารินทร์ ผัน ต้อยติ่ง และจรัลลุกจากโต๊ะที่จิ้มลิ้ม ยาใจเข้ามาเก็บโต๊ะอาหาร นฤมลลุกอย่างว่องไว
“มาจ๊ะฉันช่วย..”
นฤมลลงมือเก็บ ทุกคนมองอย่างพอใจ ต้อยติ่งเข้าไปดึงแขนหนุ่ยกับโหน่ง
“พวกเราไปเล่นกันเถอะ”
หนุ่ยกับโหน่งมองนฤมล นฤมลมองผันด้วยความเกรงใจ ผันรีบพยักพเยิดกับต้อยติ่ง
“ชวนเขาไปเล่นแล้วเอ็งอย่ารังแกเขาล่ะนังต้อยติ่ง”
ทุกคนหัวเราะกัน ต้อยติ่งค้อนผัน เด็กๆ ทั้งสามคนพากันเดินออกไป
“นี่ถ้าไม่มีพวกคุณลุงหมอ หนูอุษาจะวุ่นวายมากนะครับ” จรัลว่า
“ก็สงสาร...หนูษาไม่มีใคร” ผันบอก
“สงสารลูกสะใภ้ว่างั้นเถอะ” ธารินทร์แซว
“ใช้ศัพท์ใช้แสงให้มันถูกต้องหน่อยไอ้หมวดว่าที่โว้ย” ผันว่า
ทุกคนได้หัวเราะกันอีก อุษายกถาดอาหารเครื่องเซ่นเข้ามากับสวาท ธารินทร์รีบเข้าไปรับมาถือเอง “ขออาตามไปไหว้คุณนายลั่นทมด้วยคนนะหนูษา” จรัลบอก
“เชิญค่ะ”
จรัลเข้าไปรับถาดจากสวาทมาถือไว้เอง อุษากับธารินทร์เดินนำ ผันกับจรัลเดินตามไปติดๆ พวกสวาทถอนใจโล่งอกที่ไม่ต้องตามไป
รสสุคนธ์มองซ้ายขวาแต่ก็ไม่เห็นใคร เธอรีบเข้ามาในครัวแล้วเดินไปที่ตู้ทึบๆ เพื่อเลือกเหล้าและไวน์ แล้วเธอก็สะดุ้งกับเสียงหวานที่พูดห้วนๆ
“ขโมยอะไรอีกนังรส”
รสสุคนธ์หันมามองอย่างไม่พอใจ “ตกใจหมดมาเงียบๆ”
หวานเข้ามามองเหล้า “แกจะเอาเหล้าไปทำอะไร อ๋อหรือจะกินย้อมใจให้ไม่กลัว”
“ไม่ใช่..ฉันจะเอาไปให้คุณชีพ น้ามีกับแกล้มอะไรบ้างมั้ย”
“เอาเหล้าไปให้คุณชีพ”
“ใช่ให้คุณชีพกินเยอะๆจะได้เมา แล้วจะได้สู้กับมัน..เวลาคุณชีพเมา เขาจะบ้าเลือดไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแม้นกระทั่งผี”
“แกจะเข้าไปอีกเหรอ ไม่กลัวหรือไง” หวานถาม
“ไม่กลัว ฉันมีของดีแล้ว” รสสุคนธ์บอก
รสสุคนธ์ดึงสร้อยพระออกมาอวดด้วยความมั่นใจมาก
“คอยดูนะคราวนี้ นังลั่นทมมันต้องร้องกรี๊ดๆแน่”
“พระท่านไม่คุ้มครองคนชั่วหรอกนังรส แกคิดผิดเสียแล้วไอ้คนที่ต้องร้องกรี๊ดๆนะข้าว่าเป็นแกเสียมากกว่า”
รสสุคนธ์ค้อนหวานก่อนจะคว้าเหล้าและกับแกล้มติดมือออกไป หวานส่ายหน้าเพราะไม่อยากยุ่ง เธอหยิบผ้ามาเช็ดโต๊ะในครัว แต่เช็ดไปได้นิดเดียวก็ต้องหยุด สุดท้ายเธอจำต้องเดินตามรสสุคนธ์เดินออกไปด้วยความเป็นห่วง
ประสงค์แอบเข้ามาจอดรถหน้าสุสานแล้วเดินไปที่ประตู ประสงค์หลบๆ ซ่อนๆ ในบรรยากาศน่ากลัว
“หลบอยู่ที่นี่เหรอไอ้ชีพ ! เดี๋ยวก็รู้”
ประสงค์เดินไปถึงจะผลักประตูแต่ประตูเปิดเอง ประสงค์อึ้งแล้วก็ตะโกนเข้าไป “คุณชีพ..ผมประสงค์..คุณอยู่ข้างในใช่มั้ย คุณชีพ ไม่ต้องหลบผมเมียน้อยคุณบอกหมดแล้วว่าคุณอยู่ที่นี่”
ทุกอย่างเงียบเชียบ ประสงค์โมโหแล้วก็เดินเข้าไป ประสงค์มองไปทั่วๆแล้วก็ชะงักเมื่อเห็นโลงศพลั่นทม
“เฮ้ยมีศะ..ศพด้วยเหรอ”
เสียงหัวเราะเยือกเย็นจนน่าขนลุกของลั่นทมดังก้องอยู่ในสุสาน ประสงค์ตาเหลือกเพราะใจไม่ดี เขารีบหันหลังกลับจะเผ่นออกไปแต่ประตูสุสานปิดดังปังสนิท ประสงค์พยายามจะเปิดประตู
“เอ้ยเปิดสิวะเปิด”
เสียงลั่นทมหัวเราะ ประสงค์หันกลับมาแล้วก็ถึงกับตาเหลือก
ฉ่ำ วิเวก และสมพรกำลังช่วยกันดูแลสนาม ตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามาทักทาย
“ตอนที่ผมยังไม่มามีอะไรผิดปกติมั้ยครับลุง”
“ไม่เห็นนี่ครับ” ฉ่ำชะงักมองอย่างตกใจ “เฮ้ย”
ประสงค์ขี่มอเตอร์ไซต์แล่นออกไปผ่านตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นาย คนหนึ่งรีบกวักมือเรียก
“เดี๋ยวคุณ...หยุดก่อน”
ประสงค์ไม่หยุด เสียงวิทยุมือถือที่ตำรวจซ่อนไว้ในเสื้อก็ดังขึ้น ประสงค์ขี่มอเตอร์ไซค์หนีทันที ตร.ทั้งสองวิ่งไปขึ้นมอเตอร์ไซค์แล้วขี่ตาม พลางพูดวิทยุรายงาน พวกฉ่ำมองอย่างตกใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
สุสานคนเป็น ตอนที่ 15 (ต่อ)
อุษา ธารินทร์ จรัล ผัน และฉ่ำมาถึงหน้าสุสาน วิทยุตำรวจของธารินทร์ดังขึ้น ธารินทร์ชะงักแล้วส่งถาดให้อุษากำลังจะหยิบวิทยุ ฉ่ำวิ่งหน้าตั้งเข้ามา
“หมวดครับหมวด มีคนน่าสงสัยขี่มอเตอร์ไซค์หนีไปครับพวกตำรวจกำลังตามไป”
ธารินทร์ไม่พูดอะไรก่อนจะรีบวิ่งไปที่รถอย่างรวดเร็ว ฉ่ำวิ่งตามกลับไป
“ใครหรือครับ”
“คนร้ายที่ร่วมมือกับน้าชีพค่ะ รินทร์คิดว่าเขาต้องย้อนมาเอาเงิน” จรัลพยักหน้าเข้าใจ “ขอให้จับได้ทีเถอะ คดีจะได้คลี่คลายซะที” ผันบอก
รถมอเตอร์ไซค์ของประสงค์แล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ลั่นทมยืนอยู่ริมถนน มอเตอร์ไซค์ตำรวจแล่นกวดตามมา ลั่นทมปราดออกมาขวางหน้าทันที ตำรวจตกใจ พยายามเบรกแต่ไม่ทัน มอเตอร์ไซค์แล่นทะลุผ่านร่างลั่นทมไป ตำรวจตกใจหยุดรถหันมามองตรงจุดที่ลั่นทมถูกชนแต่ก็ไม่มีลั่นทมอยู่บริเวณนั้นแล้ว
“เฮ้ย อะไรวะเมื่อกี้ ชนคนชัดๆนี่”
เมื่อมองไปรอบๆ แล้วตำรวจหันมาก็ต้องผวาเมื่อเจอลั่นทมยืนอยู่ใกล้ๆ
“ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
ตำรวจทั้งสองตาค้างแล้วก็สั่นพั่บๆ “คะ..คะ..คุณนาย”
ธารินทริ์ซึ่งรู้เรื่องจากวิทยุแล้วขับรถมาหยุดที่ตำรวจ
ธารินทร์กระโดดลงมารีบถาม “คนร้ายล่ะ”
ตำรวจพูดแทบไม่เป็นภาษาคน “ระ.เรากำลังจะจับ..มันได้แล้วครับหมวด”
“ตะแต่คุณนายลั่นทม..ขวางเราไว้ครับ”
ธารินทร์อึ้งและมีสีหน้าคาดไม่ถึง
ชีพนั่งซุกอยู่มุมหนึ่งในสุสานอย่างสิ้นเรี่ยวแรง อุษา จรัลและผันเข้ามา จรัลวางเครื่องเซ่นแล้วก้มกราบพร้อมอุษา
“คุณนายลั่นทมปล่อยคุณชีพเถอะ”
ชีพยันตัวขึ้นมองไปเห็นอุษาและจรัลก็ดีใจ เมื่อมองไปรอบๆ แล้วไม่เห็นลั่นทมก็ดีใจ
“มันไม่อยู่แล้ว ษาช่วยน้าด้วย” ชีพชะงัก
ชีพร้องไม่ออก เมื่อหันไปก็เห็นลั่นทมกำลังเดินเข้ามาจากทางหนึ่ง ลั่นทมยิ้มให้ชีพอย่างอ่อนโยน
“ทมมาแล้วค่ะ..ทมไปช่วยคนของคุณไงคะนายประสงค์มันมานี่.. ทมแค่ทำให้มันกลัว แต่ทมไม่อยากให้ถูกจับ ไม่งั้นมันจะ พาดพิงมาถึงคุณ..แล้วเราก็จะไม่ได้อยู่ในสุสานด้วยกันตลอดไป”
ลั่นทมเข้ามากอดชีพ แต่ชีพผลักไสแบบแทบไม่มีแรง ลั่นทมกอดชีพจนได้แต่แล้วจู่ๆ ลั่นทมก็ลุกพรวดขึ้นแล้วจ้องไปข้างหน้าด้วยสีหน้าดุร้าย
“นั่นตำรวจจะเอาแฟ้มคดีของคุณมาทำไม”
ลั่นทมหันไปทางอุษา จรัล และผันก่อนจะชี้มือสะกด “อยู่เฉยๆ นะ”
อุษา จรัล และผันนั่งนิ่งเหมือนถูกสะกด ลั่นทมหายไป
สารวัตรใหญ่ยื่นแฟ้มให้จ่า
“แฟ้มคดีคุณนายลั่นทม เอาไปเก็บได้แล้ว ตรวจสอบละเอียดแล้วคิดว่าสามีแกมีส่วนแน่”
ตำรวจรับแฟ้มแล้วนำไปเก็บใส่ตู้เอกสาร ลั่นทมปรากฏร่างขึ้นมองตามแฟ้มด้วยสีหน้าตกใจ
“หลักฐานว่าคุณฆ่าฉัน”
ลั่นทมจ้องไปที่แฟ้มในตู้ จ่ากำลังจะปิดตู้ ไฟออกจากดวงตาลั่นทม ทันใดก็เกิดไฟลุกพรึ่บขึ้นที่ตู้
จ่าผงะออกมา “เฮ้ย...”
สารวัตรใหญ่ลุกพรวดจากโต๊ะทำงานไปหยิบเครื่องดับเพลิงมาแล้วปลดสลักออกก่อนจะกดฉีดไปที่ตู้ ตำรวจมองตาค้างอย่างงุนงง เมื่อไฟดับสารวัตรใหญ่ก็หยุดฉีดน้ำยาเคมี
“ทำอีท่าไหนกันจ่า...เกือบไปแล้ว”
จ่างงมาก “มันพึ่บขึ้นมาเองครับ..สงสัยไฟช๊อต”
“ยังดีไม่ไหม้หมดไม่งั้นหมวดธารินทร์ปวดหัวตาย แฟ้มคดีคุณลั่นทมทั้งนั้น” สารวัตรใหญ่บอก
ขาดคำไฟก็ลุกพึ่บขึ้นอีกเฉพาะที่แฟ้มคดีลั่นทม สารวัตรใหญ่ตกใจจึงฉีดน้ำยาเคมีดับเพลิงอีก “เฮ้ย” สารวัตรใหญ่ฉีดน้ำจนไฟดับ พอหยุดฉีดไฟก็พึ่บขึ้นอีก สารวัตรใหญ่งงมาก
“อะไรของมันโว้ย”
ไฟไหม้แฟ้มคดี ลั่นทมไม่ยอมดับ ตำรวจในโรงพักวิ่งกันวุ่นเพื่อเข้ามาดับไฟ แล้วทุกคนก็ชะงักยืนตะลึงกันหมด ลั่นทมปรากฏร่างให้เห็นก่อนจะเดินทะลุผนังห้องออกไปดื้อๆ สารวัตรใหญ่กับตำรวจได้แต่อ้าปากค้างโดยไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คนเดียว
ซากรถเก๋งที่ถูกชนยับเยินหลายคันจอดอยู่หน้าโรงพัก ลั่นทมเดินมาหยุดที่ซากรถของเธอ อยู่ๆ ไฟก็ลุกท่วม ตำรวจบนโรงพักหลายคนวิ่งเอะอะลงมา สารวัตรใหญ่หิ้วถังน้ำยาดับเพลิงลงมาด้วยชะงักมอง
“รถคุณลั่นทม”
ตำรวจหิ้วถังน้ำยาดับเพลิงวิ่งเข้ามาจัดการฉีดรถที่ไหม้ไฟ พอไฟดับหมดก็หยุดฉีด พอหยุดไฟก็ลุกฮือขึ้นอีกสารวัตรใหญ่มองตาค้าง ลั่นทมปรากฏร่างอยู่ข้างๆ ซากรถให้สารวัตรใหญ่เห็นคนเดียว
สารวัตรใหญ่พึมพำเบาๆ “คุณนายลั่นทมต้องการมาทำลายหลักฐานงั้นเหรอ ทำไม”
จรัล ผัน และอุษายังนิ่งอยู่ในท่าเดิม ลั่นทมปรากฏร่างขึ้นแล้วมองไปที่สามคน ทั้งสามได้สติแต่ไม่รู้ตัวว่าถูกสะกด จรัลหันไปกระซิบผัน
“วันนี้มองไม่เห็นคุณลั่นทมเลย” จรัลบอก
“แกคงไม่ให้เห็น ผมก็ไม่เห็นเหมือนกัน” ผันบอก
รสสุคนธ์ถือเหล้า และจานกับแกล้มเข้ามากับหวาน รสสุคนธ์วางเหล้าแล้วไหว้ลวกๆ ก่อนจะมองหาชีพ
“คุณชีพ รสเอาเหล้ามาให้ คุณกินเข้าไปเยอะๆคุณจะได้กล้าสู้กับผีลั่นทม พยายามหนีออกไปให้ได้นะ”
“เธอทำอะไรของเธอรสสุคนธ์” อุษาถาม
“อิฉันห้ามมันแล้ว มันไม่ฟัง อิฉันเลยตามมากลัวมันก่อเรื่องค่ะ” หวานว่า
จรัลนั่งหลับตาทำสมาธิ อุษานั่งเงียบๆ ส่วนรสสุคนธ์เดินไปหาชีพ
“คุณชีพ..ส่งเสียงออกมาสิ ตอนนี้อยู่กันหลายคนพวกเราจะช่วยคุณ ชีพได้ยินรสมั้ย”
ชีพรู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงรสสุคนธ์ ชีพขยับตัวอย่างอ่อนแรงก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วเมื่อเห็นทุกคนก็รวบรวมกำลังเปล่งเสียง “รส..”
รสสุคนธ์สะดุ้งหันไปรอบๆ สุสาน “เหมือนได้ยินเสียงคุณชีพ น้าหวานได้ยินมั้ย”
“ไม่ได้ยินเลย”
ชีพดีใจจึงขยับจะลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมือยาวๆ ของลั่นทมยื่นมากดไหล่ให้นอนลงอย่างเดิม ชีพทิ้งตัวลงอย่างสิ้นเรี่ยวแรง รสสุคนธ์หันขวับมาทางลั่นทม พระที่ห้อยคอรสสุคนธ์ส่องแสงสว่างวาบออกมา ลั่นทมผงะ
“คุณชีพ...คุณอยู่ไหนคะชีพ ฉันมาช่วยแล้วไง”
อุษา หวาน และผันมองรสสุคนธ์ที่พยายามหาชีพ จรัลยังนิ่งเงียบอยู่ในสมาธิ ลั่นทมเข้ามาคุกเข่าข้างๆ จรัล
“คุณจรัลคะช่วยทมด้วย รีบให้รสสุคนธ์ออกไปเขามีพระ ทมสัญญาแล้วไงว่าจะไม่ทำร้ายชีพ ทมเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว กรุณาด้วยเถอะค่ะ”
จรัลลืมตา ลั่นทมกลับไปอยู่กับชีพ จรัลหันไปมองรสสุคนธ์
“พวกเราออกไปเถอะคุณชีพไม่ได้อยู่ในนี้”
ผันมองหน้าจรัล จรัลพยักหน้าให้แบบรู้กัน
“ไม่จริงคุณชีพอยู่ในนี้พวกคุณคิดจะช่วยนังลั่นทม ชีพคะ ชีพ” รสสุคนธ์ว่า
ชีพพยายามส่งเสียง “อยู่นี่ ฉันอยู่นี่ !”
“หยุดพูด !” ลั่นทมตวาด
รสสุคนธ์เดินไปข้างหน้าช้าๆ แล้วก็ใช้มือควานหาในอากาศ
“น้าหวาน อุษา หมอผัน คุณจรัล ช่วยกันสิเอามือควานๆแบบนี้เดี๋ยวก็เจอตัว คุณชีพอยู่ในนี้แน่ๆ แต่ลั่นทมมันบังตาไว้”
อุษากับหวานลุกขึ้นทำตาม รสสุคนธ์ใช้มือควานหาเฉียดเข้ามาใกล้ชีพ ชีพพยายามยกมือขึ้น แต่ลั่นทมจับตัวไว้แน่น
“รส..ฉันอยู่นี่ อีกนิดรส..เร็วเข้า”
รสสุคนธ์นึกได้แล้วก็ดึงสร้อยพระออกมาจากคอพร้อมทั้งชูพระมาข้างหน้า ส่วนมือหนึ่งควานหาจนเกือบจะถึงลั่นทม พระที่มือรสสุคนธ์เกิดประกายวูบตรงหน้าลั่นทมพอดี ลั่นทมผงะและเซไป จรัลที่ทำสมาธิเห็นพอดีก็ตกใจ เขารีบร้องบอกรสสุคนธ์
“หยุดก่อน รส”
รสสุคนธ์ชะงักหันมาที่พระหันไปทางจรัลทำให้ลั่นทมหายไป
“ทำไม ฉันจะต้องหาคุณชีพให้ได้ สังหรณ์ใจว่าจะอยู่แถวนี้”
รสสุคนธ์หันไปควานหาเกือบจะถึงชีพอยู่แล้ว ชีพดีใจมากแต่จู่ๆ พายุก็พัดประตูเปิดผางแล้วกวาดทุกคนที่อยู่ในสุสานจนเซแซดๆ ออกไปอย่างทุลักทุเล รสสุคนธ์ล้มกลิ้งออกไปนอกสุสาน ประตูปิด ทุกคนตะลึงจังงังแล้วก็รู้ด้วยสัญชาติญาณ
“คุณน้า”
“ผมขอร้องกลับเถอะทุกคนกลับไปก่อน ผมขอเตือน”
ผันดึงอุษา จรัลกับหวานดึงรสสุคนธ์ที่พยายามจะเข้าไปในสุสานอีกแต่ทนแรงจรัลกับหวานไม่ได้ จึงต้องตามกลับไปแบบฮึดฮัด
รสสุคนธ์โดนจรัลกับหวานลากกลับมา รสสุคนธ์พยายามสะบัดจนหลุด
“ใครจะกลับก็กลับสิมายุ่งกับฉันทำไม”
“แกเลิกบ้าทีนังรส อยู่ก็ตายเปล่าๆ คุณผู้หญิงโกรธแล้วเห็นมั้ย” หวานว่า
“ใช่รสสุคนธ์ พวกเรารบกวนคุณน้ามามากพอแล้ว” อุษาบอก
“ฉันไม่กลับ ฉันได้ยินเสียงคุณชีพชัดเจน นังลั่นทมมันพรางฉันไม่ได้เพราะฉันมีของดี” รสสุคนธ์บอก
รสสุคนธ์ชูพระให้ดูด้วยความมั่นใจ “มันต้องกลัวพระแน่ๆ มันถึงรีบทำพายุไล่พวกเราออกมาวันนี้ละ ฉันจะส่งวิญญาณนังลั่นทมไปลงนรกให้ดู”
รสสุคนธ์วิ่งกลับไปโดยที่ทุกคนห้ามไม่ทัน อุษา หวาน และผันเลิ่กลั่ก
“เอาไงจะไปตามมั้ย”
จรัลหลับตาทำสมาธิก่อนจะลืมตาแล้วพูดช้าๆ
“ไม่ต้อง คุณนายไม่ได้อยู่ในสุสานแล้ว”
ทั้งหมดมองหน้าจรัลอย่างงุนงง
รสสุคนธ์ถือสร้อยพระขึ้นชูไปที่หน้าประตูแล้วพึมพำ
“คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย”
รสสุคนธ์ผลักประตูสุสานเข้าไป รสสุคนธ์รู้สึกมั่นใจจึงชูพระไปทางโน้นทางนี้ ปากก็ตะโกนเรียก
“คุณชีพอยู่ใช่มั้ย คุณชีพตอบด้วย”
รสสุคนธ์ชูพระก่อนจะเอามือควานไปช้าๆ สูงบ้างต่ำบ้างจนทั่วสุสานจนเหงื่อโชก รสสุคนธ์นั่งลงด้วยความเหนื่อยมากๆ “คุณชีพ คุณชีพ คุณหายไปไหนเนี่ย”
ลั่นทมประคองชีพให้นอนพาดตักอยู่ริมคูน้ำมืดๆ ก่อนจะใช้มือลูบผมอย่างรักใคร่ ชีพหลับสนิท ลั่นทมร้องเพลงเห่กล่อมอย่างวังเวง เธอมองชีพที่หลับอยู่ด้วยความเอ็นดู
“หลบอยู่ที่นี่ก่อนนะคะชีพ”
ลั่นทมเงยหน้าขึ้นมองไปเห็นธรรมชาติของสวน ทำให้ลั่นทมนึกถึงตอนที่เธอมีชีวิตอยู่
ลั่นทมกับชีพเดินคล้องแขน ชีพถือตะกร้าปิกนิกมาด้วยกัน ทั้งสองคนชี้ชวนดูนั่นดูนี่แล้วก็ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ชีพชี้มาที่ริมคูน้ำแล้วก็พากันมานั่ง ชีพหยิบแซนด์วิชมาแกะกระดาษป้อนลั่นทม ลั่นทมทานเลอะ
ที่มุมปาก ชีพเช็ดให้อย่างอ่อนโยน ชีพนอนหนุนตักลั่นทมอย่างมีความสุข
ลั่นทมน้ำตาซึม “นึกถึงวันเก่าๆ แล้วทมมีความสุขมาก ถ้าไม่มีรสสุคนธ์เข้ามาในชีวิต เราคงไม่เป็นแบบนี้ ใช่มั้ยชีพ”
ลั่นทมลูบผมชีพแล้วเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเครียด ลั่นทมมีท่าทางดุร้ายขณะมองไปทางสุสาน
รสสุคนธ์เดินออกมาจากสุสานอย่างหมดเรี่ยวแรงจนต้องทรุดนั่งที่พื้นด้านหน้า รสสุคนธ์มีสีหน้าโกรธแค้น เมื่อนั่งอยู่ครู่หนึ่งเธอก็มีสีหน้าเหมือนนึกอะไรได้
“ฉันมีวิธีแล้ว แกนังลั่นทม !”
ฉ่ำ วิเวก สมพรรออยู่ที่หน้าบ้านลั่นทม ธารินทร์ขับรถเข้ามาลงจากรถสีหน้าไม่ดี
“จับได้มั้ยครับหมวด”
“มันรอดไปได้” ธารินทร์บอก
“แต่ตำรวจตามไปติดๆเลยนะครับ” สมพรบอก
“ใช่ แต่เขารายงานว่าเห็นคุณน้าลั่นทมมาขวางไว้”
พวกฉ่ำตกใจ สมพรพูด “ทำไมคุณนายต้องไปขวาง ที่จริงน่าจะช่วยจับมากกว่า”
“ก็เพราะคุณนายไม่อยากให้คุณชีพต้องถูกซัดทอดไง”
“เป็นไปได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณนายแกคงอยากให้คุณชีพอยู่กับแกในสุสานนะครับหมวด”
“เหลวไหลใหญ่แล้ว ว่าแต่ษากลับมาจากสุสานหรือยัง”
“อยู่ข้างในแหนะครับหมวด แต่คุณจรัลขอตัวกลับไปแล้ว” ฉ่ำบอก
ผันอยู่กับเด็กๆ ในบ้าน ผันพูดกับต้อยติ่ง
“จะไปวุ่นวายกับเขาทำไม พี่ษาจะพาหนุ่ยกับโหน่งไป ฝากโรงเรียน เอ็งกับพ่อก็กลับบ้านซะที”
“ไม่เป็นไรค่ะให้ต้อยติ่งไปกับษาก็ได้ ไม่เกะกะอะไรหรอกค่ะ” อุษาว่า
“เห็นมั้ยพี่ษาใจดีจะตาย อ้าวพี่รินทร์มาพอดี”
ธารินทร์เดินเข้ามา อุษาถาม “เป็นไงคะรินทร์”
“จับคนร้ายไม่ได้ครับ ที่แย่กว่านั้นสารวัตรโทรมาบอกว่าแฟ้มคดีของคุณน้าโดนไฟไหม้ รถก็โดนเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ผมละงงไปหมดแล้ว”
“ไหม้ได้ยังไง” อุษาพึมพำอย่างงงๆ
“แบบนี้ก็ไม่ต้องได้ตัวคนร้ายกันพอดี”
รสสุคนธ์เดินเข้ามา ทุกคนหันไปมอง “เจอมั้ยละคุณชีพนะ”
“ไม่เจอคุณชีพ อุษาฉันอยากจะคุยอะไรกับเธอหน่อยมันจะได้จบๆไปซะที”
“พูดมาได้เลย”
“ฉันขอยื่นข้อเสนอ..เผาศพลั่นทมซะแล้วฉันจะแบ่งทรัพย์สินทั้งหมดที่คุณชีพจะได้ให้พวกเธอครึ่งหนึ่ง”
หวานตวาด “นังรสแก”
รสสุคนธ์หันขวับกลับมาแล้วตวาดกลับ
“เงียบได้ไหมน้าหวาน..ไปทำงานบ้านโน่น อย่ามายุ่ง”
“ไม่ไป..ถ้าแกขืนคิดเลวๆ คราวนี้ไม่รอดแน่” หวานว่า
“ตายเป็นตาย..มีใครอยู่ค้ำฟ้ามั่ง”
อุษาหันหลังกลับมาพูดกับนฤมล หนุ่ย โหน่ง และต้อยติ่ง
“ไปกันเถอะ”
อุษาเดินออกไป นฤมล ต้อยติ่ง หนุ่ย และโหน่งเดินตาม
“ไอ้รินทร์ไปส่งพ่อหน่อยเถอะ” ผันบอก
ผันเดินออกไป ธารินทร์เดินไปด้วย หวานมองรสสุคนธ์อย่างเหนื่อยใจเต็มที
“นังรส...คนอื่นเขาโผล่พ้นจากปลักมีดวงตาเห็นธรรมกันแล้วทำไมแกยัง...”
“คนที่ไม่พ้นจากปลักคือน้า..ดูซิป่านนี้ยังเป็นขี้ข้าเขาอยู่เชิญเถอะ เชิญแก่ตายอยู่กับกองผ้าขี้ริ้วนี่แหละ”
รสสุคนธ์ผลุนผลันเดินออกไป หวานตกใจจึงตะโกนถาม
“นั่นแกจะไปไหนอีก”
“ฉันจะไปเอาหมอผีมากำจัดมัน !”
หวานเซไปเกาะผนังเหมือนจะเป็นลม
สัปเหร่อเก็บดอกไม้แห้งๆ ในโกดังเก็บศพแล้วหันมาก่อนจะชะงักมองรสสุคนธ์ที่ยืนอยู่ สัปเหร่อมองอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“มีอะไรอีกล่ะ คุณนาย”
“ฉันอยากให้ช่วยพาไปหาหมอผีที่เก่งๆ”
สัปเหร่อรำคาญ “ก็บอกแล้วไง ว่าถ้าจะเอาไปทำร้ายคุณนายลั่นทมฉันไม่ทำ”
สัปเหร่อหันกลับมาทำงานต่อ รสสุคนธ์ครุ่นคิดและพยายามต่อรอง
“แกไม่ต้องไปก็ได้ แค่บอกที่อยู่ก็พอ นะฉันไหว้ล่ะช่วยหน่อยเถอะ”
รสสุคนธ์ไหว้ส่งจริงๆ สัปเหร่อหันมาหรี่ตามองอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนถาม “เท่าไร”
รสสุคนธ์ก้าวเข้าหาสัปเหร่อ “ตอนนี้ฉันยังไม่มีเงิน แต่ถ้าฉันตามพบคุณชีพ ฉันจะให้แก่ห้าพัน”
สัปเหร่อมองแล้วส่ายหน้ารสสุคนธ์โกรธ “อะไร แค่บอกที่อยู่หมอผีเท่านั้นให้ตั้ง 5 พันยังไม่เอา”
“ฉันไม่ชอบหวังน้ำบ่อหน้า ถ้าจะให้พาไปต้องมีอย่างอื่นแลกเปลี่ยน”
“แกจะเอาอะไรล่ะ ของมีค่าที่ตัวฉันก็ไม่มีอะไรเหลือเลย”
สัปเหร่อมองรสสุคนธ์ด้วยสายตาโลมเลียและหื่นๆ “มีสิ”
“ก็บอกไม่มีจริงๆ พูดไม่รู้เรื่อง”
รสสุคนธ์ชะงักที่เห็นสายตาสัปเหร่อ เธอเริ่มเข้าใจจึงถอยห่าง
“ไอ้บ้านี่แกอย่ามาคิดบ้าๆกับฉันนะ”
“ไม่เป็นไรไม่ให้ก็ไม่ว่ากัน ไปล่ะ”
สัปเหร่อจะเดินไป รสสุคนธ์ลังเลและมีสีหน้าขยะแขยงแต่ก็ตัดสินใจเรียกไว้
“เดี๋ยว..”
สัปเหร่อหยุด รสสุคนธ์วิ่งเข้าไปหาด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“พาฉันไปเจอหมอผีก่อนแล้วฉันจะยอม”
“ไม่..ต้องเป็นเมียฉันก่อนแล้วฉันจะพาไป”
รสสุคนธ์อึ้ง สัปเหร่อได้ทีจึงเอื้อมมือมากระชากรสสุคนธ์เข้าไปในโกดังเก็บศพ
“ว้าย... ที่นี่เลยเหรอ นี่มันโกดังเก็บศพนะยี๊....”
ประตูปิดพร้อมเสียงสัปเหร่อหัวเราะอย่างย่ามใจ
บ้านหมอผีเป็นกระต๊อบหลังเล็กๆ ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว รสสุคนธ์ที่ผมเผ้ายุ่งมีสีหน้าบึ้งตึงและมีท่าทางรังเกียจตัวเองเดินมากับสัปเหร่อที่มีสีหน้ายิ้มกริ่ม ทั้งสองมาหยุดที่หน้ากระต๊อบหมอผี รสสุคนธ์พยายามเช็ดแก้มและปากตัวเองอย่างรังเกียจตัวเอง สัปเหร่อหันมาบอกรสสุคนธ์ยิ้มๆ
“ถึงแล้ว”
สัปเหร่อเอื้อมมือมาจับตรงก้น รสสุคนธ์โวยวายและกระโดดหลบ
“ไอ้บ้า อย่ามายุ่งอีกนะ ฉันร้องแน่”
สัปเหร่อหัวเราะ “เมื่อกี้ก็ร้องนี่นา”
รสสุคนธ์แทบเต้น “ไอ้บ้าไอ้ทุเรศไอ้เลวไอ้ลามก”
“โธ่เอ๊ยฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรสักหน่อย เห็นฝุ่นมันเลอะอยู่ที่ก้นก็จะปัดออกให้เดี๋ยวคนเขาจะสงสัยว่าไปคลุกอะไรมา”
สัปเหร่อยิ้มทะเล้น รสสุคนธ์ผลักสัปเหร่อออกไปอย่างขยะแขยงก่อนจะรีบเดินหนีไปที่หน้ากระต๊อบหมอผี
“ไม่ต้อง..ไหนล่ะ อาจารย์ที่ว่าเก่งนักเก่งหนา” รสสุคนธ์ถาม
“ก็นี่แหละ” สัปเหร่อร้องเรียก “จารย์ครับ จารย์ จารย์..”
เด็กชายตัวสกปรกคนหนึ่งโผล่ออกมาจากบ้าน
“ไม่อยู่”
“อ้าว ไปไหนล่ะ” สัปเหร่อถาม
“ไปเขมรโน่น เขาเชิญไปทำพิธี”
รสสุคนธ์ผิดหวังมาก “แล้วเมื่อไรกลับ”
“ไม่รู้ไปทีก็เป็นเดือน” เด็กชายบอก
“เป็นเดือน” รสสุคนธ์มองสัปเหร่อ “ว่าไง”
สัปเหร่อยิ้มๆ “ไม่ว่าไงหรอก ให้พามาก็พามาแล้ว อยู่ไม่อยู่ไม่ใช่เรื่องของฉันนี่ ไปล่ะ”
สัปเหร่อพูดแล้วก็หันกลับเดินไป รสสุคนธ์วิ่งตาม
“แก..หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
สัปเหร่อหยุดมองเฉย รสสุคนธ์ตะคอกต่อ “ฉัน..” รสสุคนธ์ชี้ที่ตัวเอง “ให้แกไปแล้ว แกก็ต้องช่วยสิ”
สัปเหร่อพูดกวนๆ “ก็ช่วยแล้วไง ที่อยู่หมอผีคุณก็รู้แล้ว ก็คอยจนกว่าหมอจะกลับมา แล้วก็มาติดต่อกันเอง ส่วนฉันสบายแล้ว”
สัปเหร่อหัวเราะแล้วเดินไปอย่างสบายอารมณ์ รสสุคนธ์ทั้งโกรธทั้งแค้นมากแต่ก็พูดไม่ออก
อ่านต่อหน้าที่ 3
สุสานคนเป็น ตอนที่ 15 (ต่อ)
ธารินทร์และอุษาเกี่ยวก้อยเดินคุยกันใต้ต้นไม้วิวสวย อุษาถอนใจ ธารินทร์หยุดเดินหันมามอง
“ไม่สบายใจเรื่องคดีคุณน้าเหรอษา”
“ค่ะดูท่าทางคดีจะไม่คลี่คลายง่ายๆ คุณคิดเหมือนษามั้ยคะว่าคุณน้าไม่อยากให้เราเข้าไปยุ่งกับคดีของท่าน เพราะท่านต้องการจะเล่นงานคนที่ทำร้ายท่านเอง” อุษาบอก
“ถ้าผมไม่โดนเขากับตัวเองหลายๆเรื่องผมก็ไม่อยากจะเชื่อ”
“ษากลัวว่าคุณน้าจะทำเรื่องน่ากลัวไปมากกว่านี้นะคะ”
“ผมก็หนักใจไม่น้อยไปกว่าษา จนป่านนี้เรายังหาตัวคุณชีพไม่เจอ ทั้งๆที่มั่นใจว่าเขาอยู่ในสุสาน จริงสิ ตั้งแต่มานี่ผมยังไม่เห็นรสสุคนธ์เลย เขาไปวุ่นวายที่สุสานอีกหรือเปล่า” ธารินทร์บอก
“เปล่าค่ะ น้าหวานบอกว่าออกไปข้างนอก”
“เขาคิดจะทำอะไรต่อไป” ธารินทร์สงสัย
“ไม่รู้สิคะ แต่ที่รู้ๆเขาไม่หยุดความโลภแน่ๆ” อุษาบอก
อุษาถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ธารินทร์จับมืออุษามากุมไว้
“เรื่องบางเรื่องถ้าเราแก้ไม่ได้ เราก็จำเป็นต้องปล่อยวาง เขาทำอะไรเขาก็ต้องได้รับผลอย่างนั้น เราพยายามช่วยเขาเต็มที่แล้ว”
รสสุคนธ์เดินเข้ามาในบ้านเงียบๆ ด้วยท่าทางอ่อนแรงและผมยุ่ง หวานที่ยืนชะเง้อคอยอยู่ดีใจจึงรีบเข้าไปดึงมือหลานสาวมาที่มุมสงบ
“กลับมาแล้วเรอะนังรส..ไปไหนมาจนค่ำมืด..” หวานจ้องมอง “แล้วดูสารรูปซี ดูไม่ได้เลย ต๊าย แล้วนั่นไปคลุกฝุ่นอะไรมานี่ ผมเผ้ายุ่งเหยิงยังกะไปฟัดกับหมามา”
รสสุคนธ์แค้นน้ำตาคลอ จ้องหวานอย่างเกลียดชัง”
“ไม่ต้องมายุ่ง..น้าคงสะใจละสิที่ฉันไม่มีปัญญาจ้างหมอผีมาเล่นงานนังลั่นทมนะ”
“ถึงมีเงินก็ไม่มีใครเขาเล่นด้วยหรอก คุณผู้หญิงเป็นคนดี ใครเขาจะมาทำร้ายท่าน ดีแล้ว แกจะได้เลิกคิดอะไรร้ายๆ ซะที”
รสสุคนธ์เจ็บใจ “ไม่มีวันหรอก ฉันไม่มีทางยอมแพ้”
“นังรสเอ๊ยนี่แกเป็นอะไรไป จิ้งจกทักเขายังต้องหยุดแต่แกคนทักไม่รู้กี่คนแต่แกไม่ฟังบ้างเลย ที่แกยังไม่เป็นอะไรอาจจะเพราะบุญเก่ายังพอมีอยู่ แต่บุญกุศลใหม่แกไม่เคยสร้าง ..ระวังถ้าแกหมดบุญ แกจะตายโหง” หวานว่า
“โฮ้ย..เลิกแช่งชักหักกระดูกฉันซะที รำคาญ”
พูดจบรสสุคนธ์ก็ผลุนผลันไป หวานรีบถาม
“แล้วนั่นแกจะไปไหนอีก”
รสสุคนธ์ไม่ตอบแต่เดินดุ่มๆไปทางสุสาน หวานตกใจ
“ค่ำมืดแล้วนะนังรส ไปทำไมที่สุสาน บ้าไปแล้วรึไงนังรสอย่าไป”
รสสุคนธ์ไม่หยุดเดิน หวานมองด้วยความเป็นห่วง
รสสุคนธ์เข้ามาฮึดฮัดอยู่ในสุสานโดยใช้มือจับพระตลอด รสสุคนธ์ชูคอขึ้นแล้วเหลียวมองไปรอบๆ เพื่อร้องเรียกชีพ
“ชีพ..ชีพ..” รสสุคนธ์เอามือควานหา “รสรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่แน่ ให้เสียงหน่อย อีกไม่ถึงหกเดือนเราจะเผาศพมัน..แล้วจะอยู่ด้วยกัน”
ชีพพยายามตะเกียกตะกาย “รส”
รสสุคนธ์ชะงักหันไปตามเสียงแล้วก็ตกใจ ลั่นทมยืนจ้องมองรสสุคนธ์ตาแดงก่ำ รสสุคนธ์ผงะ
“ว้าย..ลั่นทม”
รสสุคนธ์ถอยหลังไปทางประตู ลั่นทมเคลื่อนตามไปช้าๆ
“เธอยังคิดจะลองดีฉันอยู่อีกหรือรสสุคนธ์ได้ ได้เลย”
รสสุคนธ์ชูพระไปข้างหน้าด้วยมือที่สั่นเทิม
“มาเลยนังผีบ้า ฉันไม่กลัวแกแล้ว”
ลั่นทมชะงักนิดหนึ่งแล้วเหมือนตัดสินใจ ลั่นทมมีสีหน้าดุร้าย นัยน์ตาแดงราวกับเลือดก่อนจะค่อยๆ เลื่อนเข้ามาหารสสุคนธ์ต่อ
“ไม่เคยได้ยินบ้างเหรอ ที่ว่าพระไม่เข้าข้างคนผิดไม่คุ้มครองคนชั่ว”
ลั่นทมเอื้อมมือที่มีเล็บแหลมยาวมา รสสุคนธ์ตาหูเหลือก หวานเปิดพรวดเข้ามาโดยไม่เห็นลั่นทม หวานเข้ามากระชากตัวรสสุคนธ์
“รส..นังรส..ออกมา”
หวานดึงร่างของรสสุคนธ์ออกไป ลั่นทมมองด้วยท่าทางดุร้าย
หวานดึงรสสุคนธ์ออกมาพยายามจะลากกลับบ้าน
“บอกแล้วว่าอย่ามาทำไมไม่ฟังกันบ้าง” หวานว่า
รสสุคนธ์ตาเหลือก “น้า..น้าไม่เห็นมันเหรอ มันจะฆ่าฉัน มันจะฆ่าฉัน”
“ฉันว่าคงต้องส่งแกไปโรงพยาบาลบ้าแล้ว เลิกมารบกวนศพท่านที ไปกลับบ้าน”
ลั่นทมปรากฏร่างขึ้นให้หวานเห็นด้วยเสียงดุร้ายจนน่าขนลุก “ฉันไม่ให้ไป”
ทั้งหวานและรสสุคนธ์สะดุ้งแล้วหันไป หวานตาค้างแล้วสั่นเป็นเจ้าเข้าไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว
“คะ..คุณ.. คุณผู้หญิง”
ลั่นทมตวาด “ฉันหมดความอดทนแล้ว !”
หวานเป็นลมหงายหลังตึง รสสุคนธ์ทำอะไรไม่ถูก
“น้าหวาน..น้า....อย่าพึ่งเป็นลมซี ลุกขึ้นมาน้า..น้า”
ลั่นทมจ้องรสสุคนธ์เขม็ง รสสุคนธ์ยังคงจับพระที่คอไว้ทั้งที่ปากสั่น ลั่นทมทั้งกลัวทั้งอาฆาตแค้น
“มานี่รสสุคนธ์”
“ไม่ไป..ไม่..” รสสุคนธ์ถอดสร้อยพระออกมายื่นให้ลั่นทม “นี่ไงพระแกกลัวใช่มั้ยล่ะ”
ลั่นทมผงะตาเบิกกว้างด้ายความกลัว ลั่นทมปากคอสั่น ตัวสั่นและมีท่าทางเจ็บปวดจนต้องกัดฟันแต่ก็ทนก่อนจะค่อยๆ เดินเข้ามาท่ามกลางเปลวไฟ
“ฉันเจ็บปวดแค่ไหน เธอต้องเจ็บกว่า โอ๊ย...” ลั่นทมคุกเข่า ทรุดลง รสสุคนธ์ตาวาววับหัวเราะย่ามใจ
“แกเสร็จฉันแน่นังลั่นทม ฉันจะฆ่าแกอีกครั้ง แกจะไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด”
รสสุคนธ์ชูพระเดินเข้ามาหาลั่นทมเกือบติดชูพระที่หน้าลั่นทม ลั่นทมร้องอย่างเจ็บปวดแต่ในใจพึมพำ
เสียงลั่นทมดังขึ้น “หลวงพ่อเจ้าขายกโทษให้ลูกด้วย ลูกไม่ได้คิดล่วงเกินแต่ลูกต้องการกำจัดคนชั่ว
ลั่นทมมองรสสีหน้าเจ็บปวดมาก รสตื่นเต้น”
“แกตายแน่นังลั่นทม แกตาย”
รสสุคนธ์ยื่นพระเข้ามา ลั่นทมข่มความเจ็บปวดแล้วกระชากพระจากมือรสสุคนธ์จนตกกระเด็นไป ไฟลุกไหม้ลามมือลั่นทม ลั่นทมกรีดร้อง รสสุคนธ์ผงะด้วยความตกใจอย่างมากเพราะคาดไม่ถึง ลั่นทมลุกขึ้น
จ้องที่มือแล้วไฟก็ดับ ลั่นทมแบมือก็เห็นฝ่าดำเกรียม ลั่นทมเงยหน้ามองรสสุคนธ์อย่างดุร้าย
“ฉันยอมเจ็บปวดเพื่อแลกกับตัวแกต้องชดใช้” ลั่นทมสะกด “เข้าไปในสุสานเดี๋ยวนี้”
รสสุคนธ์พยายามฝืน “ไม่..ฉันไม่ไป”
รสสุคนธ์ถูกผลักจนถลาเข้าไปในทางสุสาน แล้วประตูก็ปิด
“ไม่..ไม่..”
รสสุคนธ์ซมซานเข้ามาในสุสานในสภาพน้ำตาไหลพรากด้วยความหวาดกลัว รสสุคนธ์เหมือนรู้ชะตากรรมเพราะไม่มีพระแล้ว เธอรีบยกมือไหว้
“ลั่นทมฉันขอโทษ..ฉันสำนึกแล้ว อย่าทำฉัน ฉันกลัว”
ลั่นทมเดินตามเข้ามาแล้วยิ้มเยาะ
“สำนึกเร็วจริงทั้งที่เมื่อกี้เธอยังคิดจะเล่นงานฉันอยู่ ฉันปล่อยเธอไม่ได้อีกแล้ว เธอต้องอยู่ในสุสาน”
“ไม่..ฉันกลัว”
“กลัวอะไร..สุสานนี้ เมื่อแรกสร้างไว้สำหรับคนที่ตายทั้งเป็นอย่างฉัน..แต่ตอนนี้ฉันตายไปแล้วก็ควรจะเป็นที่สำหรับคนชั่วคนเลวอย่างเธอ..สุสานคนเป็นไง”
“ไม่ลั่นทม..ปล่อยฉัน แล้วฉันจะไปจากบ้านเธอ ฉันพูดจริงๆฉันไม่คิดจะเอาทรัพย์สมบัติของเธออีกแล้ว”
“ถามคุณชีพสุดที่รักของเธอดูสิ..ว่าเขาจะยอมให้เธอออกไปมั้ย ฉันตกลงกับเขาแล้วว่าถ้าเขาไปเธอต้องอยู่”
รสสุคนธ์สะดุ้งตกใจ แต่ก็ยังหวังว่าชีพคงเสียสละ รสสุคนธ์เหลียวมองไปรอบๆ แล้วทันใดก็เห็นชีพ รสสุคนธ์ถลันเข้าหาชีพแล้วฉุดชีพไว้
“ชีพ..คุณอยู่ก่อนนะ ฉันจะไปหาคนมาช่วย”
ชีพรวบรวมกำลังสะบัดรสสุคนธ์ ชีพปฏิเสธ
“ไม่ ! ดูฉันซิ ! ฉันกำลังจะบ้า ต้องคลุกน้ำเลือดน้ำหนองต้องกินเครื่องเซ่นศพ..ต้องอยู่ในสุสานทั้งที่มีชีวิต ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
ชีพผลักรสสุคนธ์แล้วซมซานไปที่ประตู
“ถ้าคุณไปรสสุคนธ์ต้องอยู่”
รสสุคนธ์ปราดเข้าไปฉุดรั้งชีพไว้อีก “ไม่ ฉันไม่อยู่ อย่าทิ้งฉันนะชีพ..อย่า..”
ชีพดิ้นรนและผลักรสสุคนธ์อีก รสสุคนธ์ไม่ยอมปล่อย ทั้งสองคนยื้อยุดปล้ำกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อตัวเองรอด
“ปล่อยกูนังรส” ชีพว่า
ชีพรวบรวมกำลังทุบตีเตะรสสุคนธ์ รสสุคนธ์ร้องโอดโอย “โอ๊ย.ชีพ..ทำไมทำกับฉันอย่างนี้”
รสสุคนธ์ถลาไปฟุบเพราะจุกอยู่ ชีพเซออกจากสุสาน ลั่นทมยิ้มเยาะ รสสุคนธ์ถลาตามไปแต่ประตูสุสานปิดเสียก่อน รสสุคนธ์ตาเหลือก เธอรีบตะกายทุบประตูให้เปิด แต่ประตูร้อนมากจนเธอต้องผงะออกมา
“โอ๊ย..โอ๊ย..ร้อน”
ลั่นทมหัวเราะเยาะ “ทีนี้ก็รู้แล้วละซีว่าเขารักเธอขนาดไหน..คงเท่ากับที่เธอรักเขานั่นแหละนะ”
รสสุคนธ์ยกมือไหว้แล้วพูดอย่างน่าสงสาร
“คุณนายลั่นทม..ไว้ชีวิตฉันเถอะ ฉันจะทำบุญให้เธอ..ไปผุดไปเกิดเสียเถอะเธอตายแล้วนะ”
“ฉันต้องตายก่อนเวลาอันควรเพราะพวกเธอมาฆ่าฉัน..ฉันถึงยังไปไหนไม่ได้ ฉันต้องทนทุกข์ทรมานเพราะเธอสองคน”
“แต่ฉันไม่ได้ฆ่า..คุณชีพต่างหากเป็นคนวางแผนเป็นคนลงมือ”
ลั่นทมดุ “เธอนั่นแหละเป็นตัวการยุยงเขา..ความผิดของเธอสองคนก็เท่ากัน เพราะฉะนั้นเธอต้องอยู่ในสุสานเหมือนชีพ”
“ไม่..ไม่....ชีพ..ช่วยด้วย”
ลั่นทมหายไป รสสุคนธ์ร้องไห้คร่ำครวญด้วยความกลัวก่อนจะซมซานคลานไปทั่วเพื่อหาทางหนี
สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจช่วยกันโบกพัดหวาน นฤมลประคองให้หวานนอนเหยียดยาวอยู่ที่ชุดรับแขก ฉ่ำ วิเวก และสมพรนั่งอยู่ด้วย
“น้าหวาน น้าหวานฟื้น ฟื้น..”
ธารินทร์กับอุษาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกใจ สวาทรีบรายงาน
“พวกนายฉ่ำไปเจอนอนอยู่หน้าสุสานค่ะ”
“สงสัยเจอ เอ้อ..” จิ้มลิ้มเสียงสั่น “คุณผู้หญิงแน่ๆ”
“น้าหวาน น้าหวานจ้ะ แกสลบไปนานหรือยัง” อุษาบอก
อุษาเข้าไปจับหวานเขย่าเรียกแต่หวานเฉย
“แก้ไขกันซักพัก ใหญ่ๆ แล้วครับคุณษา” ฉ่ำบอก
“พาไปหาหมอดีกว่ามั้ย” ธารินทร์ถาม
หวานค่อยๆ ลืมตาแต่ยังไม่ลุกขึ้น “นั่นไงครับ ฟื้นแล้วๆ”
หวานมองทุกคนอย่างงงๆ อุษารีบถาม “เป็นไงน้าหวาน”
“เจออะไรเหรอน้าหวาน เจออะไรๆ”
สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจเกาะกลุ่มกันแน่น หวานพยายามนึกแล้วก็ตาเหลือกตกใจ
“คุณผู้หญิง....โอย...ท่าทางท่านน่ากลัวมาก ท่านจะเล่นงานนังรส” หวานนึกได้ก็รีบลุกขึ้นมาหา “รสล่ะ นังรส..ตายแล้วนังรสตายแน่แล้ว”
ธารินทร์รีบเข้าไปถาม “รสสุคนธ์ทำไมหรือครับน้าหวาน”
ทุกคนชะงักมองไปด้วยความตกใจที่เห็นชีพอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้กำลังเดินเปะปะเข้ามา หวานเห็นก็แผดร้องสุดเสียง “ว้ายย..”
สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจร้องออกมาพร้อมกัน “คุณผู้ชาย”
ชีพอยู่ในสภาพครึ่งคนครึ่งศพ “ช่วยด้วย..ช่วยด้วย”
ชีพซวนเซจะล้ม พวกผู้หญิงร้องเอะอะวี้ดว้าย ฉ่ำ วิเวก และสมพรจะเข้ามาประคองชีพแต่ก็ต้องผงะ
ถอยออกมาออกมาปิดปากปิดจมูกด้วยความเหม็น ทุกคนท่าทางรังเกียจ ชีพทรุดฮวบลงกับพื้นแล้วคร่ำครวญ
“ฆ่ามัน..เผามัน..เผาศพลั่นทม..เผาเรือนไทยซะไม่งั้นมันจะฆ่าทุกคน..พวกเราทุกคนจะต้องตายกันหมด”
ชีพร้องไห้เหมือนคนเสียสติ ทุกคนมองชีพอย่างงงๆ ลั่นทมมองปรากฏร่างขึ้นที่มุมหนึ่งแต่ไม่มีใครเห็น
ลั่นทมมองชีพด้วยความร้าวรานและเจ็บช้ำใจ
น้ำจากฝักบัวสาดซ่าใส่หน้าชีพ ชีพแหงนหน้ารับน้ำพลางร้องไห้สะอื้นอย่างคุมสติไม่อยู่
“ช่วยด้วย..ฮือ..ช่วยด้วย”
ลั่นทมมองอย่างนิ่งสงบอยู่ที่มุมหนึ่ง ชีพโซเซออกจากห้องน้ำแล้วไปที่เตียงนอนโดยเดินผ่านหวานที่
คอยอยู่กับนฤมล จิ้มลิ้ม และยาใจ ชีพโซเซไปล้มแผ่บนเตียงแล้วหลับไปทันที หวานกับนฤมลเข้าไปดู
“คงหมดแรง” หวานก้มลงไปเรียก “คุณผู้ชายคะแล้วนังรส อยู่ไหนคะ คุณผู้ชาย”
“สลบเหมือดแบบนี้คงจะเช้าแหละ” นฤมลบอก
“แล้วจะสอบถามเรื่องนังรสได้ยังไง” หวานสงสัย
“ฉันว่ารสต้องอยู่ในสุสานแน่ๆ” นฤมลบอก
ธารินทร์กับอุษามาตามหารสสุคนธ์ ฉ่ำ วิเวก และสมพรเดินถือฉายไฟตามมาด้วยท่าทีกลัวๆ ตำรวจคนอื่นๆ เดินตามมาด้วย ธารินทร์กับอุษามาหยุดที่หน้าประตูสุสาน
“ผมว่าคุณไม่ต้องเข้าไปหรอกษา กลับไปกับนายฉ่ำดีกว่า”
ฉ่ำเสียงสั่น “ดีครับ ให้ผมพากลับเถอะคุณอุษา”
สมพรกับวิเวกแย่งกันเพราะกลัว “ผมก็ได้ๆ”
“ไม่เป็นไร ฉันอยากเห็นกับตาว่ารสสุคนธ์เป็นอะไรหรือเปล่าอีกอย่าง (กับธารินทร์) ถ้ามีอะไรร้ายแรง ษาคิดว่าษาพูดกับคุณน้าได้”
สมพรสะดุ้ง “พูดกับใครนะครับ”
วิเวกสั่น “กับผีคุณนายไง”
“จะคุยกันรู้เรื่องเหรอครับ” ฉ่ำสงสัย
กลุ่มฉ่ำกลัวแต่ธารินทร์รู้สึกว่ามีเหตุผล “งั้นก็ตามใจ” ธารินทร์พูดกับตำรวจลูกน้อง “เดี๋ยวพวกคุณช่วยกันดูคุณรสด้วย คิดว่าต้องอยู่ในสุสานนี่ละ”
“ครับผม”
ธารินทร์เปิดสุสานเข้าไป ภายในสุสานมืดสลัว อุษาเปิดไฟ คนอื่นๆ เดินตามเข้ามามองหารสสุคนธ์
“คุณรสสุคนธ์ คุณอยู่ในนี่หรือเปล่า”
“รสได้ยินเสียงตอบด้วย”
ทุกคนมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่มีเสียงใครเลย อุษาเดินไปทรุดตัวนั่งหน้าโลงศพแล้วพนมมือ
“คุณน้าขา อย่าทำร้ายรสนะคะ ษาไม่อยากให้คุณน้ามีบาปเพิ่มขึ้น ปล่อยตัวเขาเถอะค่ะ”
ธารินทร์เดินไปคลำบนเตียง ตำรวจและพวกฉ่ำหาจนทั่ว
“ไม่มีวี่แววเลยครับ”
“คุณรสสุคนธ์อาจไม่ได้เข้ามาในนี้ เพราะคุณผู้ชายยังออกมาแล้ว”
“นั่นซีนะอุษา”
“น้าชีพก็ยังไม่พูดอะไรเสียด้วย ไว้รอคุยกับน้าชีพอีกทีดีมั้ยคะ”
“ในนี้คงไม่มีแน่”
ธารินทร์พยักหน้าให้ทุกคนเดินออกไป ทุกคนเดินตาม ใต้แท่นที่ตั้งโลงศพมีรสสุคนธ์นอนตัวแข็ง ตาเบิกโพลง หยดน้ำเหลือง หยดลงใบหน้าพอดี รสสุคนธ์ร้องอย่างขยะแขยงแต่ไม่มีเสียง ลั่นทมมองด้วยสายตาน่ากลัว เสียงประตูปิดดังปัง รสสุคนธ์แหกปากร้องลั่น
ชีพในชุดเรียบร้อยเดินโซเซ หวานกับนฤมลประคองชีพลงมานั่งที่โต๊ะอาหาร มีอาหารอ่อนตั้งอยู่หลายอย่าง อุษาอยู่กับธารินทร์อยู่ที่มุมหนึ่ง ไกรเดินเข้ามาหา ชีพลงมือตักซุปกินด้วยมือที่สั่นพร้อมกับพูด
“คุณไกรมาแต่เช้าเลย”
“ษาเป็นคนโทรไปเรียนเชิญคุณน้าไกรมาเองค่ะ” อุษาพูดกับไกร “คุณน้าเชิญรับอาหารเช้าก่อนมั้ยคะ”
“ไม่เป็นไร..ผมเรียบร้อยแล้วครับ”
ไกรเข้ามานั่งตรงข้ามชีพ เขามองชีพกินข้าวมือที่สั่น
“คุณไปอยู่ไหนมาครับคุณชีพ” ไกรถาม
ชีพชะงักแล้วพูดช้าๆเหนื่อยๆ “ในสุสาน นังผีลั่นทม..มันขังฉันไว้ ที่พวกคุณเข้าไปฉันเห็นหมดฉันร้องจนไม่มีเสียง แต่พวกคุณไม่ได้ยิน”
ธารินทร์รีบถาม “แล้วคุณรสละครับ ตอนนี้เธอหายไป เธออยู่ในสุสานหรือเปล่า”
“ใช่ มันปล่อยฉันออกมาแล้วเอาตัวรสไว้แทน”
หวานร้องไห้โฮ “นังรส..โธ่เอ๊ย น้าเตือนแล้วไม่เชื่อ”
“ผมกับเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจดูทั้งคืนก็ไม่เห็น”
“มันไม่ให้เห็นน่ะสิ มันพรางตาพวกคุณเหมือนที่ฉันเคยโดน”
ชีพอิ่มข้าวนิ่งนึกแล้วเหมือนคิดได้ เขาโซเซไปที่สิ่งของมีค่าในบ้านก่อนจะหยิบเครื่องลายคราม
“คุณจะเอาไปไหนคุณชีพ” ไกรถาม
“ขาย..ฉันต้องการเงิน..ฉันจะไปอยู่ที่อื่น..ครบ 6 เดือนแล้วฉันจะกลับมา คงไม่มีอะไรขัดข้องนะ” ชีพว่า
“แต่คุณจะมีความผิดฐานลักทรัพย์และผมสามารถจับคุณได้ทันที”
ชีพโกรธจึงวางของดังโครม “อะไรวะ นี่ของของเมียฉัน”
“แต่คุณลั่นทมเขียนไว้ในพินัยกรรมหมดแล้ว”
ชีพผิดหวังจึงทุบตู้ดังโครม “พินัยกรรม อะไรๆ ก็พินัยกรรม ฉันจะบ้าอยู่แล้ว”
หวานยืกมือไหว้ทุกคนแล้วพูดทั้งๆ ที่สะอื้น
“ตอนนี้หาทางช่วยนังรสมันก่อนได้มั้ยคะ อิฉันกลัวมันจะตาย”
ชีพอึ้งเพราะคิดหนัก อุษากับธารินทร์ครุ่นคิด ส่วนหวานร้องไห้
สัปเหร่อกำลังรินน้ำร้อนกินอยู่ที่ศาลา ชีพวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา สัปเหร่อชะงักมองชีพด้วยสีหน้ามีพิรุธ
“อ้อ คุณชีพ..มีอะไรหรือครับ” สัปเหร่อถาม
“ช่วยหาหมอผีเก่งๆ ให้คนได้ไหม ?” ชีพว่า
“ถ้าจะให้ไปกำจัดคุณนายละก็ ผมทำไม่ได้ คุณนายมีบุญคุณกับวัดนี้”
ชีพควักปืนออกมาจ่อสัปเหร่อทันที “นึกแล้วว่าแกต้องตอบแบบนี้ รสบอกฉันหมดแล้ว”
สัปเหร่อผงะด้วยความตกใจ “บอกหมด..แล้ว..” เขาคิดว่ารสสุคนธ์บอกว่าโดนขืนใจ
“ใช่ ฉันจะฆ่าแก ถ้าแกไม่..”
สัปเหร่อรีบพูดอย่างเร็ว “เดี๋ยวเมียคุณเสนอตัวแลกกับผมเอง บอกยอมเป็นเมียผมให้ผมตามหมอผีให้ ผมไปตามให้แล้วแต่หมอไม่อยู่ จะให้ผมทำยังไง”
ชีพชะงักและตกใจ “นี่รส..เป็นเมียแก”
“ก็แลกกันไงคุณ เมียคุณใจถึงจะตาย เป็นคนเสนอผมก่อน”
ชีพโกรธจนลืมตัว “แกตาย”
สัปเหร่อพุ่งเข้ามาปัดป้องก่อนจะปราดเข้าไปทำร้ายชีพ ชีพซึ่งอ่อนแรงอยู่แล้วล้มก้นกระแทก สัปเหร่อ หันไปคว้าปืนชีพจ่อไปที่ชีพ
“ผมจะไม่ทำอะไรคุณแต่คุณอย่ามายุ่งกับผมอีก ไม่งั้นคุณเจ็บ”
ชีพถอยหลังโซเซออกไปอย่างสุดแค้น สัปเหร่อมองตามแล้วลดปืนลงก่อนจะถอนหายใจ แล้วเมื่อหันมาเขาก็ต้องชะงักตะลึงเมื่อเห็นลั่นทมยืนอยู่ สัปเหร่อถอยกรูดก่อนจะโยนปืนทิ้งยกมือไหว้สั่นๆ
“คะ..คุณนาย”
ลั่นทมเดินทื่อเข้ามาหา “ไม่ต้องกลัว ฉันแค่จะขอบใจที่ไม่ทำร้ายคุณชีพ”
สัปเหร่อได้สติก็ร้องโหยหวนแล้ววิ่งหนีไป “หลวงพ่อ..หลวงพ่อช่วยด้วย ผีหลอก”
ธารินทร์กับอุษาจับมือกัน ทุกคนจับมือยืนเรียงกันไปเพื่อเดินกวาดหารสสุคนธ์ ธารินทร์กับไกรไม่ค่อยแน่ใจเรื่องวิญญาณลั่นทมนัก
ไกรกระซิบบอกธารินทร์ “จะเสียเวลาเปล่านะครับ”
“ในเมื่อหลายเสียงยืนยันผมก็จนปัญญาจะทัดทานครับ” ธารินทร์บอก
สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจคอยแต่จะรวมตัวเข้าหากันอยู่เรื่อยจนฉ่ำกับสมพรที่จับมือโยงประกบสองด้านจนต้องดึงกลับ
“กระจุกเข้าไปตรงอื่นก็โหว่ซี” สมพรว่า
“แม่รส..แม่รส”
ผันมองหารสสุคนธ์ไปทั่วสุสานแล้วก็แปลกใจที่ไม่เห็นใครเลย แต่เขาก็ไม่ได้บอกใคร อุษาใช้มือคลำบนเตียง บนเก้าอี้
หวานเดินมาหน้าโลงศพยกมือไหว้ “คุณผู้หญิงขายกโทษให้มันด้วยเถอะคะ”
รสสุคนธ์นอนสงบนิ่งเคลื่อนไหวตัวไม่ได้อยู่ใต้โลงศพด้วยสีหน้าหวาดกลัวทุกข์ทรมาน ก่อนจะพยายามส่งเสียงแต่เปล่งออกมาแต่ก็ได้เพียงแหบแห้ง และยังมีหยดน้ำเลือดน้ำหนองจากใต้โลง
ศพหยดใส่ตัวรสสุคนธ์นานๆ หยด แต่สม่ำเสมอ รสสุคนธ์แทบจะคลั่งด้วยความกลัวและขยะแขยง
“ยี้ ช่วยด้วย..ฉันอยู่นี่..อยู่ตรงนี้ ขยะแขยง ช่วยด้วย”
รสสุคนธ์เห็นขาธารินทร์และทุกคนออกเดินกวาดไปทั่วห้อง ลั่นทมชะโงกเข้ามาหารสสุคนธ์
“ร้องให้ตายก็ไม่มีใครได้ยิน” ลั่นทมบอก
รสสุคนธ์จะร้องไห้ด้วยความกลัว
“ปล่อยฉันไปเถอะลั่นทม ขอร้องล่ะ เอาคุณชีพมาขังไว้แทนซี่ เขาเป็นคนฆ่าเธอ ฉันไม่ได้ทำ”
“ไหนว่ารักกันปานจะกลืน พอมีเรื่องเดือดร้อนกลับโยนกันวุ่นวาย”
พวกธารินทร์มองไปรอบๆ เหมือนได้ยิน แต่ทุกอย่างสงบนิ่งและเงียบกริบ
“ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ..” ไกรบอก
“คงหนีออกไปได้แล้วมังครับ” ตำรวจบอก
ธารินทร์พยักหน้า ทุกคนพากันกลับออกไปท่ามกลางความผิดหวังทุกข์ร้อนของหวาน
“ไปเถอะน้าหวาน”
หวานมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นใคร เธอพยักหน้าแล้วหันกลับ รสสุคนธ์ตกใจร้องเสียงดัง “อย่าไป ..เอาฉันไปด้วย ฉันอยู่นี่ อย่าเพิ่งไป”
รสสุคนธ์เห็นขาทุกคนค่อยๆ เดินออกไปจนหมด ประตูสุสานปิด รสสุคนธ์ร้องไห้โฮแล้วคร่ำครวญ ลั่นทมหัวเราะก้องสุสาน
“ลั่นทม เธอจับฉันมาขังไว้คนเดียว ปล่อยชีพลอยนวลมันไม่ยุติธรรมเลย” รสสุคนธ์ตะโกน “ชีพคุณต้องมารับผิดชอบ”
ชีพเดินอย่างเหนื่อยอ่อนเข้ามานั่งพักที่มุมหนึ่ง เขาคิดหาทางเล่นงานลั่นทม ลั่นทมเอื้อมมือมาจับข้อมือชีพ
ชีพทะลึ่งพรวดด้วยความตกใจ “ลั่นทม”
ลั่นทมยึดข้อมือชีพไว้แน่น “เมียคุณเรียกหา..ไปอยู่กับสุดที่รักของคุณในสุสาน ไป”
“ไม่ ไม่เข้าไปอีกแล้ว..ปล่อยให้มันตายไปเลย”
ชีพพยายามสะบัดแต่โดนแรงสะกดของลั่นทมทำให้อ่อนแรง ลั่นทมจูงชีพเดินไป ชีพพยายามขัดขืนแต่ไม่สำเร็จ
“ไม่ไปฉันไม่ไปไม่เอา”
กลุ่มธารินทร์เดินกลับมา ชีพเห็นก็ดีใจ
“อุษา ธารินทร์ช่วยด้วย มันจะพาฉันไปสุสานอีกแล้ว”
กลุ่มธารินทร์เดินคุยกันไปตามปกติโดยสวนกับชีพ
ชีพตะโกนบอก “คุณไกร ไอ้ฉ่ำ ไอ้พรไอ้เวก อะไรวะแค่นี้ไม่ได้ยิน ไม่เห็นไอ้บ้า”
กลุ่มธารินทร์เดินผ่านไปทางหน้าบ้าน ลั่นทมหัวเราะ “ร้องให้ตายก็ไม่มีใครได้ยิน ไป”
“นังผีร้าย ปล่อยฉัน..จะจองเวรจองกรรมไปถึงไหนวะ”
“ฉันจะให้คุณไปอยู่กับรสสุคนธ์ไง รักกันนักไม่ใช่เหรอ คุณจะได้อยู่ในสุสานด้วยกันตลอดไปไง ฮ่ะๆๆ”
เสียงหมาหอนรับกันเกรียวกราว
อ่านต่อหน้าที่ 4
สุสานคนเป็น ตอนที่ 15 (ต่อ)
รสสุคนธ์ยังถูกบังคับให้นอนอยู่ใต้แท่นที่ไว้ศพ เธอพยายามดิ้นรนที่จะถีบตัวออกมาแต่ก็ออกไม่ได้
“อีผีร้าย..แน่จริงปล่อยฉันสิ”
เสียงประตูสุสานเปิด รสสุคนธ์หยุดชะงักแล้วมองเห็นลั่นทมพาชีพเข้ามา ชีพโกรธจัดแต่ทำอะไรไม่ได้ ชีพพยายามแข็งขืนแต่ก็ต้องเข้ามา
รสสุคนธ์รีบเรียก “ชีพ..รสอยู่นี่”
ชีพได้ยินหันขวับมาทางรสสุคนธ์ ก้มลงพูด
“แกบอกให้มันไปเอาตัวฉันมาเหรอนังรส”
รสสุคนธ์ละล่ำละลัก “ก็รสกลัวนี่คะ..ฮือ..มันเอารสไว้ใต้โลงน้ำเหลืองทั้งนั้น”
หยดน้ำเหลืองเปื้อนหน้าเปื้อนตัวรสสุคนธ์ “รสเหม็นจนหายใจไม่ออกแล้ว เอารสออกไปที”
ชีพโกรธ “แล้วเธอจะให้ฉันมาตายทั้งเป็นอยู่ในนี้ด้วยงั้นเหรอ”
“แล้วคุณจะปล่อยให้รสตายอยู่คนเดียวหรือไง” รสสุคนธ์ว่า
“อยู่ข้างนอกฉันยังหาทางช่วยได้..เธอมันโง่..โง่..ตลอด”
ชีพเดินไปเคาะประตูแล้วตะโกนสุดเสียง “ช่วยด้วย”
รสสุคนธ์หมดแรงจึงร้องไห้สะอึกสะอื้น “ชีพ..ฮือ..เอารสออกไปก่อน”
ลั่นทมมองรสสุคนธ์กับชีพเยาะๆ
ธารินทร์ ผัน ไกร และอุษานั่งประชุมกันอยู่ที่โต๊ะ
ไกรมีสีหน้าเครียด “ตกลงจะเอาแบบนั้นแน่หรือหนูอุษา”
อุษาน้ำตาไหล “ถ้าไม่เอาไปเผาน้าชีพกับรสสุคนธ์อาจต้องตายแน่ๆแล้วคุณน้าก็จะมีบาปติดตัวไปอีก”
“เผาก็ดีจะได้ทำบุญแผ่ส่วนกุศลไปให้คุณนาย ท่านจะได้ไปผุดไปเกิด”
นฤมลเดินเข้ามากับหวานด้วยสีหน้าทุกข์ร้อน
“คุณชีพหายไปไหนไม่รู้ค่ะ” นฤมลบอก
“หาจนทั่วก็ไม่มีค่ะ หรือโดนคุณผู้หญิงสะกดไปที่สุสานอีกก็ไม่รู้”
ธารินทร์มองไกรแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมว่าคุณไกรคงต้องตัดสินใจแล้วละครับ”
“ผมต้องไปเรียนปรึกษาท่านผู้ว่าก่อน ท่านเป็นพยานอยู่ด้วย”
“อธิบายทุกอย่างให้ท่านเข้าใจคงไม่น่ามีปัญหา” ธารินทร์บอก
จรัลคุยโทรศัพท์แล้วก็ตัดการติดต่อ ก่อนจะยืนนิ่งด้วยสีหน้าไม่ดี ครู่หนึ่งเขาก็ตัดสินใจมานั่งรวบรวมสมาธิ
“คุณนาย ลั่นทม..ได้ยินผมไหม..คุณกำลังจะมีอันตราย..คุณนายลั่นทม”
จรัลพยายามใช้ฌานสมาธิติดต่อกับลั่นทม
รสสุคนธ์ยังอยู่ที่เดิม ชีพบ้าคลั่งจนขาดสติ ชีพเขย่าประตูเพื่อจะเปิดแต่ก็เปิดไม่ได้ ชีพร้อนรน
“โว้ย! นังผีบ้า..ฉันขอสาปแช่งแก” ชีพมองไปรอบๆ “ขอวิญญาณแกจงจมอยู่ในห้วงทุกข์..ถ้าไปผุดไปเกิดขอให้เจอแต่เรื่องเลวร้าย ยิ่งกว่าชาตินี้ที่แกถูกขังอยู่ในโลงทั้งยังเป็นๆ”
ลั่นทมมองชีพอย่างดุร้ายเพื่อสะกดชีพ ชีพเซซังเข้าไปหารสสุคนธ์
“งั้นก็ไปอยู่กับคนที่คุณพอใจ..ไป ยื่นมือไป..” ลั่นทมบอก
“แกจะทำอะไรฉันอีก”
ชีพถูกลั่นทมบังคับให้ยื่นมือเข้าหารสสุคนธ์ เขาเอาข้อมือเทียบข้อมือรสสุคนธ์ทันใดนั้นก็มีเชือกพันธนาการข้อมือของทั้งสอง
“โอ๊ย..มัดฉันทำไม”
“เราจะไปหาที่อยู่ใหม่..ฉันจะไม่ยอมถูกเผา” ลั่นทมว่า
ชีพร้องตะโกนอย่างยินดี “พวกเขาจะเผาแกใช่มั้ย นังผีร้าย ดี..ดี..ไชโยเผามันเลย เผามัน”
ชีพหัวเราะอย่างร่าเริงเหมือนคนบ้าทุกที ลั่นทมมองออกไปข้างนอก แล้วหันมาอย่างกราดเกรี้ยวดุร้าย “ดึงเมียสุดที่รักของคุณออกมา”
ชีพดึงร่างรสสุคนธ์ออกมา รสสุคนธ์ร้องโอดโอย
“โอ๊ย เจ็บ ค่อยๆ หน่อย”
รสสุคนธ์ออกมาพ้นใต้ฐานโลงศพแล้วก็ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ชีพแสดงท่าทางรังเกียจเพราะเหม็นรสสุคนธ์แต่จะผละออกก็ไม่พ้นเพราะมือติดกัน
ชีพกับรสสุคนธ์พยายามขัดขืน แต่ก็อ่อนแรงเต็มที จึงจำต้องเดินไปตามแรงบังคับของลั่นทมที่เดินนำหน้ามา
“ไหนๆ ก็อยากร่วมหัวจมท้ายกันนัก ก็ไปใช้ชีวิตที่มีกันสองคนให้สะใจเถอะ”
ชีพกับรสสุคนธ์พากันไปด้วยแรงบังคับของลั่นทม สัปเหร่อเดินเตร่อยู่ ชีพกับรสสุคนธ์เดินเข้ามาชน
“ช่วยด้วย..”
สัปเหร่อผงะออกมาแต่มองไม่เห็นใคร “อะไร ยังกะใครมาชน”
สัปเหร่อหน้าตาตื่นก่อนจะหลบฉากออกมาจากบริเวณนั้นโดยไม่เห็นอะไร ลั่นทมยิ้มเยาะ เสียงหมาหอนดังจากที่ไกลๆ
ประตูโกดังเก็บศพอนาถาในวัดเหนือเปิดออก แสงสว่างสาดเข้ามาเล็กน้อย ชีพกับรสสุคนธ์เซเข้ามา
ด้วยแรงบังคับของลั่นทม ลั่นทมตามเข้ามา ประตูโกดังปิด ลั่นทมยืนตระหง่านอยู่ในโกดัง
“ที่นี่เป็นโกดังเก็บศพไม่มีญาติ จะมีคนมาพบพวกคุณตอนมาเอาศพพวกนี้ไปเผา..ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่..ฮะๆๆ ขอให้อยู่ด้วยกันตลอดไป”
“อยู่ในโกดังเก็บศพนี่น่ะเรอะ..นังผีบ้า..นังผีวิปริต..โอ๊ย”
ลั่นทมจ้องดุร้ายจนหน้าชีพหันไปมา เสียงตบซ้ายขวาดังขึ้น ชีพชะงักตาเหลือกแล้วก็เงียบกริบ ลั่นทมเดินทะลุประตูโกดังออกไป ทั้งชีพและรสสุคนธ์ต่างบ้าคลั่งแล้วก็ผวาเข้ามาที่ประตู แต่ก็ต้องผงะออกไปด้วยความร้อนที่ปรากฏขึ้น “โอ๊ย..”
รสสุคนธ์ร้องไห้โฮ “ชีพ..เราต้องตายใช่มั้ย”
รสสุคนธ์มองไปรอบๆ ก็เห็นศพในโกดังวางซ้อนกัน รสสุคนธ์กลัว ชีพหายใจหอบสะท้านและตาเริ่มขวาง
“ก็เพราะแกนังรสสุคนธ์ ตั้งแต่มีแกชีวิตฉันก็เลวร้ายลงทุกวัน” ชีพว่า
เช้าวันใหม่ อุษา ธารินทร์ ไกร และผันพากันออกมาจากจวนผู้ว่าฯ
“พยานคนแรกคือท่านผู้ว่าไม่มีปัญหาแล้ว..ต่อไปก็ท่านสารวัตรใหญ่” ไกรบอก
“ผมนัดท่านไว้แล้ว ท่านกำลังรออยู่”
“รีบไปกันเถอะจะได้เสร็จเรื่องซะที” ผันว่า
ทุกคนพากันขึ้นรถ
พระอาทิตย์ร้อนแรงปะทะหลังคาโกดัง รสสุคนธ์กับชีพสิ้นเรี่ยวแรงอยู่ในโกดังเก็บศพที่มืดทึบมีแต่แสงสว่างจากรูสังกะสีส่องลอดเข้ามา เห็นโลงศพเป็นเงาตะคุ่มๆ
“มันต้องการให้เราตายทั้งเป็น” รสสุคนธ์สะอื้น
ชีพพูดอย่างเคียดแค้นแต่ก็ไม่ดังมาก
“ขอให้บาปนี้ย้อนสนองมัน..โอ๊ย หิวน้ำ..”
ถ้วยตะไลเล็กๆ ใส่น้ำอยู่เหนือโลงศพ ชีพถลันเข้าไปพลางรสสุคนธ์เข้าไปด้วย เขาคว้าถ้วย
“ขอรสบ้าง”
ชีพไม่ฟังเสียง เขาดื่มน้ำจากถ้วยเล็กๆ จนหมด
“แล้วรสล่ะ”
“หาเอาใหม่ซี..”
ทั้งคู่ช่วยกันหาถ้วยตะไลแต่ไม่พบ รสสุคนธ์ร้องไห้อย่างอัดอั้นตันใจ
“คุณใจร้าย..เห็นแก่ตัวที่สุด”
“หุบปากเลย..ฉันก็ไม่อยากกินซักหน่อย..ไม่รู้กินไปได้ยังไง..จะอ้วก”
ชีพอาเจียนออกมา ทั้งคู่ลงไปนอนอย่างสิ้นเรี่ยวแรง
อุษาจุดธูปไหว้อยู่หน้าโลงศพลั่นทมพร้อมเครื่องเซ่นสองถาดซึ่งมีจำนวนมากมาย
“ษาปรารถนาดีต่อคุณน้า..กรุณาอย่าถือโทษโกรธเคืองษานะคะ น้าชีพก็หายไปอีกแล้ว ใครๆก็คิดว่าคุณน้าเอาคนเป็นๆ มาอยู่ในสุสาน ษาจำเป็นต้องทำตามประเพณี ษาขออนุญาต”
อุษาปักธูปแล้วก้มลงกราบ วิญญาณลั่นทมเข้ามาลูบผมอุษาด้วยความเมตตาแล้วโอบกอด “น้ารู้ว่าหนูปรารถนาดีต่อน้าเสมอมา..ทำไปเถอะน้าอนุญาต”
จรัลนั่งสมาธิอยู่มุมหนึ่ง โดยมีผันนั่งอยู่ข้างๆ ผันกระซิบจรัลเบาๆ
“เห็นคุณนายแล้วใช่มั้ยคุณจรัล”
จรัลลืมตาพยักหน้า “กำลังกอดอุษาอยู่..”
ผันมองไปรอบๆ “แล้วคุณชีพกับแม่รสล่ะเห็นบ้างมั้ย”
จรัลมองไปทั่วสุสาน “ผมไม่เห็น แปลกมาก สองคนนั่นไม่ได้อยู่ที่นี่หรือ”
จรัลกับผันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
แสงอาทิตย์จัดจ้าส่องหลังคาสังกะสีมีไอแดดระยิบระยับ ชีพกับรสสุคนธ์นอนสิ้นเรี่ยวแรงอยู่ในโกดัง
ในสภาพเหงื่อโทรมหน้าโทรมตัวเนื่องจากความร้อนที่เผาผลาญอยู่ภายนอก รสสุคนธ์ลุกขึ้น
“ลั่นทม..” รสสุคนธ์ยกมือไหว้ “ปล่อยฉันไป..แล้วฉันจะสารภาพผิดกับตำรวจ”
ชีพผวาลุกขึ้น “สารภาพว่าไง”
“ก็คุณเป็นคนฆ่าลั่นทม”
ชีพเค้นคอรสสุคนธ์ “อีทรยศ”
รสสุคนธ์พยายามเบี่ยงหนีชีพแต่ก็หนีไม่พ้นเพราะเชือกผูกข้อมืออยู่
“คุณนั่นแหละทรยศ คุณสัญญาว่าจะให้แต่ความสุข ให้รสอยู่สบายบนกองเงินกองทอง แต่นี่คุณนำนรกมาให้ชัดๆ มีแต่ทุกข์ทรมาน..ดูซิทั้งหิวทั้งร้อน”
ชีพแสดงสันดานที่แท้จริงออกมา “แล้วฉันไม่หิวไม่ร้อนหรือ เหม็นแกด้วยนังรส แกนั่นแหละตัวโลภมากอยากได้ทุกอย่างของลั่นทม..ลงทุนให้ท่าฉันมาแต่แรกยุยงทุกอย่าง อีบ้า..”
รสสุคนธ์เผยธาตุแท้ “แกนั่นแหละไอ้ฆาตกร แกทำให้มันตายโดยที่ฉันไม่ได้แตะต้องรถคันนั้น แกเป็นคนทำให้เบรกเสียเป็นคนสร้างสถานการณ์..ลั่นทม..อยู่ไหนปล่อยฉันไป..แล้วฉันจะเอามันเข้าคุก ฉันจะให้การความจริงทุกอย่างกับตำรวจ เธอจะได้หายแค้น”
ชีพตบรสสุคนธ์ด้วยมือข้างที่ไม่ได้ผูก
รสสุคนธ์ร้อง “โอ้ย..”
รสสุคนธ์ลนลานแก้เชือกที่ผูกข้อมือ แต่เมื่อจับเชือกก็ต้องกระตุกมือกลับ มือที่จับโชกเลือด
“โอ๊ย..มันบาดมือ..” รสสุคนธ์บ้าคลั่ง “ฮือ..ใครอยู่ข้างนอกเปิดประตูให้ที..ไอ้ฆาตกรฆ่าคนอยู่นี่”
“อีรส หุบปาก !”
“ไม่ เพราะแกไอ้ชีพ ไอ้สารเลวทำให้ฉันต้องเป็นอย่างนี้..ฉันอยากให้แกตาย..ได้ยินมั้ย..ตายตามกรรมที่แกก่อไว้”
ชีพเงื้อหมัดชกหน้ารสสุคนธ์หลายครั้ง
“กรรมของมึงด้วยนังรส นังเลว นังแพศยา”
รสสุคนธ์หน้าหงายไปตามแรงหมัดและหน้าตาเปรอะเปื้อนเลือด รสสุคนธ์จนตรอกสู้เข้าทำร้ายชีพโดยทั้งกัดทั้งทุบ ประตูเปิดออก รสสุคนธ์กับชีพชะงักตะลึงที่เห็นสัปเหร่อมองเข้ามา ชีพกับรสสุคนธ์ก็ตาเหลือก แล้วหันกลับวิ่งหนี รสสุคนธ์ถลันลุกขึ้นวิ่งตามชีพจำต้องตามเพราะข้อมือถูกผูกติดกัน
“ช่วยด้วย..ช่วย..”
“อย่าเพิ่งไป”
ธารินทร์ขับรถเข้ามาจอดที่มุมหนึ่งของลานจอดรถวัดเหนือ จรัลขับรถตามมา ทุกคนลงจากรถ
“หลวงพ่อท่านคงอยู่” ผันบอก
ทุกคนพากันเดินไปทางกุฏิหลวงพ่อ จรัลชะงักแล้วพูด
“เดี๋ยวครับทุกคน..ผมรู้สึกว่า มีอะไรผิดปกติ”
สัปเหร่อวิ่งหน้าตาตื่นมาเห็นธารินทร์ก็ดีใจจึงตะโกนเรียก
“หมวดครับ..หมวด..”
ชีพบีบคอรสสุคนธ์อย่างบ้าคลั่ง รสสุคนธ์ดิ้นรนเอาชีวิตรอด ใบหน้ารสสุคนธ์บอบช้ำและเปื้อนเลือดจากการชกของชีพ
“แกนังทรยศ..คิดจะเอาตัวรอดคนเดียวใช่มั้ย หนอยจะให้ผัวสัปเหร่อปล่อยคนเดียว นี่แน่ะ”
ชีพทุบรสสุคนธ์สุดแรง รสสุคนธ์พยายามดิ้นรน “ยะ..อย่า”
พวกธารินทร์วิ่งเข้ามา ทุกคนตกตะลึง รสสุคนธ์ตาค้างและดิ้นรนอย่างหนัก แล้วในที่สุดเธอก็แน่นิ่งไป ชีพยังทุบซ้ำแล้วซ้ำอีกจนรสสุคนธ์เลือดกลบดูน่าสังเวช ชีพละมือจากคอรสสุคนธ์โดยข้อมือยังถูกพันธนาการ
ติดอยู่กับข้อมือของรสสุคนธ์ ชีพเสียสติ
“ฮ่ะๆ มันตายแล้ว..ลั่นทมเห็นไหมมันตายแล้ว..ตายคามือฉันเลยฉันฆ่าให้เธอแล้วไง มาดูซิลั่นทม เธอยกโทษ ให้ฉันนะ..”
ชีพมองรสสุคนธ์ตาเหลือกค้าง ชีพกลัวจนลนลาน
“ช่วยด้วย..มันแหกตาหลอกฉัน ไล่มันไปๆ”
ชีพดิ้นรนจะหนีแต่ก็หนีไม่พ้น เขาลากร่างรสสุคนธ์ตามไปด้วย ธารินทร์รีบยกวิทยุขึ้นพูดแจ้งเหตุขอกำลัง คนอื่นๆ เบือนหน้าหนีอย่างเวทนา
ประตูสุสานเปิด ทุกคนเข้าไปนั่ง อุษาเดินเข้าไปคุกเข่าหน้าโลงศพ อุษาจุดธูปพนมมืออยู่หน้าโลงศพ
“รสสุคนธ์ตายแล้ว ษาขอให้คุณน้าอโหสิกรรมให้เธอด้วย ส่วนคุณน้าชีพก็ต้องรับผลกรรมของเขา คุณน้าได้โปรดอย่าเข้ามายุ่งอีกเลยนะคะ”
แสงสว่างจัดจ้าที่โลงศพ ทุกคนตะลึง ลั่นทมปรากฏร่างขึ้น
อุษาตกใจ “คุณน้า..”
ลั่นทมน้ำตาซึม “น้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรอีก เวลาของน้าหมดแล้วน้าจะไปตามทางที่น้าต้องไป อุษาใช้ทรัพย์สินทั้งหมดของน้าไปในทางที่ถูกที่ควรนะจ๊ะ” ลั่นทมมองทุกคน “ขอให้ทุกคนประสบแต่ความสุขความเจริญสมกับความดีงามที่ทุกคนพยายามทำไว้ ฉันขอลาทุกๆ คน ขอบใจที่คิดดีต่อฉัน”
ลั่นทมเลือนหายเข้าไปในแสงสว่างจัดจ้า อุษาร้องไห้สะอื้น “คุณน้า”
สวาทหงายหลังตึงเป็นลมตามด้วย จิ้มลิ้ม ยาใจ และนฤมล พวกฉ่ำสั่นพั่บๆ ราวกับจับไข้ หวานก้มกราบน้ำตาไหล
ควันไฟลอยอ้อยอิ่งออกมาจากปล่องเตาเผา ทุกคนยืนมองอย่างอาลัย อุษากับธารินทร์ร้องไห้สะอื้น
“ไปสู่สุขคติเถอะค่ะคุณน้า”
หวาน สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจพากันร้องไห้สะอื้นเบาๆ ฉ่ำ วิเวก และสมพรเกาะกลุ่มอยู่ด้วยมองดูควันไฟ น้ำตาซึม
ธารินทร์กระซิบบอกอุษา “ท่านไปสบายแล้ว”
อุษาน้ำตานองหน้า
ทุกคนจับกลุ่มคุยกัน หวานนั่งซึมอยู่มุมหนึ่งใกล้ๆ
“นี่ๆ เห็นอีตอนที่เค้าตัดเชือกข้อมือที่ผูกคุณชีพกับแม่รสมั้ย” ฉ่ำถาม
สวาทกับยาใจตอบพร้อมกัน “เห็นๆ..”
“ติดตาเลย..ตัดยังไงก็ไม่ออก แต่พอหลวงพ่อมาแก้ เชือกหลุดออกง้ายง่าย” จิ้มลิ้มว่า
“ศพแม่รสน่ากลัวนะ ตาค้างเชียว”
หวานน้ำตาไหล นฤมลเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ แล้วโอบไว้
“สาสมจริงๆ ทำกับท่านไว้มาก ท่านตอบแทนสะใจเลย” สมพรว่า
“ตอบแทนเมื่อไร คุณผู้ชายฆ่ากันเอง สยองจะตาย” วิเวกบอก
“เออๆ ไงๆ ก็ไปที่ชอบๆ เถอะเจ้าประคู้น อย่ามารบกวนกันเลย แม่รส” สมพรบอก
“จะได้ไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำเวรทำกรรมซะมากมายขนาดนี้”
หวานและนฤมลน้ำตาหยด ต่างคนต่างโอบกอดกันไว้
อุษากับธารินทร์เดินมาที่สนามหน้าโรงพยาบาลเพื่อมองหาชีพ ชีพในชุดคนไข้นั่งพูดคนเดียว เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและคนไข้คนอื่นเดินบ้างนั่งบ้างทั่วบริเวณ อุษาน้ำตาซึมจับมือธารินทร์ไว้แน่น ลั่นทมจูงชีพเดินไปในสนามโรงพยาบาลอย่างเป็นสุข ชีพพูดคุยพึมพำกับลั่นทมโดยที่ธารินทร์กับอุษาไม่เห็นลั่นทม อุษามองชีพด้วยความสงสารจนน้ำตาไหล ลั่นทมเดินจูงชีพเดินไกลออกไป
“เราจะไปอยู่สุสานด้วยกันนะชีพ” ลั่นทมบอก
ธารินทร์ประคองโอบอุษาเอาไว้ อุษาชะงักเมื่อเห็นลั่นทมจูงมือชีพ
“รินทร์คะษา..ษาเห็นคุณน้าอยู่กับน้าชีพ”
ธารินทร์ตกใจมองแล้วก็ตกตะลึงเพราะเห็นลั่นทมจริงๆ ครู่เดียวลั่นทมก็หายไป จู่ๆ ชีพก็ค่อยๆ ทรุดลงกับพื้น ธารินทร์กับอุษาวิ่งไปที่ร่างชีพด้วยความตกใจ ชีพนอนนิ่ง
“น้าชีพ..น้าชีพคะ” อุษาเรียก
ธารินทร์แตะชีพจรของชีพ ธารินทร์พูดเบาๆ อย่างอึ้งๆ
“น้าชีพเสียแล้วครับษา”
ชีพนอนนิ่ง
ธารินทร์กับอุษาแต่งชุดวิวาห์เนื่องจากทั้งสองเพิ่งกลับมาจากงานมงคลสมรส ทั้งสองเข้ามาในห้อง
ธารินทร์กอดอุษาไว้แล้วจุมพิตที่หน้าผากก่อนจะโอบกอดกระชับ อุษาร้องไห้สะอึกสะอื้นซบอกธารินทร์
“ษาร้องไห้ทำไมจ๊ะ...มีปัญหาอะไรหรือเปล่า..”
อุษาเงยหน้าขึ้นตอบเสียงเครือ
“คุณน้าน่าจะได้อยู่ร่วมงานแต่งงานของเรานะคะรินทร์”
ธารินทร์เช็ดน้ำตาให้อุษา
ชีพกับลั่นทมปรากฏร่างขึ้น “รักกันตลอดไปจนวันตายนะจ๊ะ ซื่อสัตย์ต่อกันและกัน..” ลั่นทมอวยพร
อุษากับธารินทร์ได้ยินก็เหลียวมอง
“ษาได้ยินเสียงคุณน้า...”
“ผมก็ได้ยิน...คุณน้าลั่นทมครับ...”
“อย่าคิดนอกใจกัน เหมือนกับที่น้าเคยทำผิดมาแล้ว” ชีพบอก
“น้าชีพ..”
อุษาร้องไห้แล้วก็เหลียวมองไปรอบๆ ทั้งน้ำตา
ในม่านน้ำตาพร่าเลือน อุษาเห็นชีพกับลั่นทมยืนคู่อยู่ด้วยกันโดยทั้งสองกำลังยิ้มให้อุษาและธารินทร์
“ษาขอบคุณคุณน้ามากค่ะ เราจะรักกันตลอดไป”
“ผมสัญญาครับ ผมไม่มีวันนอกใจษาเป็นอันขาด...”
ลั่นทมกับชีพยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานทั้งสองก่อนจะวูบหายไป อุษากอดธารินทร์ ธารินทร์ก้มลงจุมพิต แก้มนวลของอุษาอย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์