พายุเทวดา ตอนที่ 15
ฤทธิ์นอนหลับกระสับกระส่าย อยู่ในอาการเคลิ้มฝัน ผีชายหญิงสี่ตนปรากฏนั่งทับขา ทับตัว ฤทธิ์ดิ้นรน ทรมานจากการถูกผีอำ
“ไป...ไป โอย...ไป หายใจไม่ออก”
ผีชายที่นั่งทับอยู่ เอื้อมมือไปบีบคอฤทธิ์ดิ้นรน
“สายฟ้า...ข้าจะเอาสายฟ้าฆ่าพวกแก...ออกไป”
ผีชายหญิงหัวเราะเสียงตํ่าๆ ฤทธิ์พยายามภาวนาเรียกพลังสายฟ้าของตน แต่ก็ไม่สำเร็จ
“ทำไม...ทำไมไม่มีสายฟ้า...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
ฤทธิ์ดิ้นรน ผีหญิงชายหายไป ฤทธิ์ผุดลุกขึ้นหอบเหนื่อย วิญญาณมนต์ปรากฏขึ้นตรงหน้า ฤทธิ์ผงะไม่คิดว่าเป็นมนต์
“สติของพี่ฤทธิ์ไม่มีติดตัวเลยเหรอ...ก่อนนอนก็ไม่ไหว้ พระสวดมนต์ตามที่หลวงปู่เคยสอน...นับวันพี่ฤทธิ์ก็ตกบ่วงอบายมุขจนถอนตัวไม่ขึ้น บาปและกรรมที่ทำไว้กำลังตามเล่นงานพี่ฤทธิ์”
“ไม่…ออกไป ถ้าแกจะมาเทศน์สอนฉัน แกก็ไป...ไป...ไป ให้พ้นหน้าฉันซะ”
มนต์เลือนหายไป ฤทธิ์หอบเหนื่อย แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อมนต์ปรากฏขึ้นข้างหลังติดตัวเอง กระซิบที่ข้างหู
“ลาก่อนพี่ฤทธิ์”
ฤทธิ์สะดุ้งสุดตัว “เฮ้ย”
มนต์ไปแล้ว ฤทธิ์หอบเหนื่อย เสียงของหยาดฟ้าดังเข้ามา “นายคำรณคิดฆ่านาย นายต้องระวังตัวด้วยนะ...เขายิ่งมีวิชาไสยเวทย์อยู่ด้วย”
ฤทธิ์หน้าเสียไป “หรือว่าไอ้คำรณมันส่งผีมาลองดีเรา”
ฤทธิ์ออกมาที่ระเบียง หลับตาเรียกพลังสายฟ้า
“ไม่มีพลังสายฟ้า...นี่เราหมดพลังแล้วเหรอ เราไม่มีพลัง เทวดาแล้วเหรอไง...หลวงปู่...หลวงปู่...มนต์ แกอย่าทิ้ง ฉันนะ”
เงาร่างของหลวงปู่กับมนต์ปรากฏอยู่ที่ขอบฟ้าไกลๆ ฤทธิ์มองเห็น ฤทธิ์ทรุดตัวลงนั่งไหว้
“หลวงปู่คืนพลังสายฟ้าให้ผมเถอะ...ผมไม่มีพลังสายฟ้า แล้วผมจะสู้กับใครได้..หลวงปู่...ฮือๆๆ”
หลวงปู่กับมนต์เลือนหายไป ฤทธิ์เกาะขอบระเบียงหมดแรง
เช้าวันใหม่ เทวาตื่นมา เห็นสิงห์กินเหล้าเมามายแต่เช้า
“สิงห์ วันนี้จะเผาเปียแล้ว ทำไมเอ็งยังกินเหล้าอยู่วะ”
“เปียตายแล้ว แต่ข้ายังไม่ตาย อีกกี่ชาติกว่าข้าจะได้เจอ เปียอีก...หลวงปู่ไม่น่าช่วยข้าเลย”
เทวาตบไหล่สิงห์ “ไม่เอาน่า...อย่างน้อยข้ากับเอ็งก็เป็นเพื่อนกัน แล้วก็ไม่มี วันทิ้งกันด้วย”
สิงห์มองหน้าเทวา “เอ็งแน่ใจนะที่พูดน่ะ”
“ไม่มีอะไรมาทดแทนความเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้อง เป็น กลุ่มนักเลงเทวดาของพวกเราได้”
เดชกับก้องออกมาจากด้านหนึ่ง
“จริงอย่างเทวามันพูด ถ้าเราไม่แตกความสามัคคีกัน พลัง เทวดาของเราก็ไม่มีวันหายไป” เดชย้ำ
ก้องชวน “ไอ้สิงห์ ไปทำงานที่ท่าเรือกับข้ามั้ย เอ็งจะได้ไม่เหงา”
“ให้มันอยู่กับน้าบุญกู้นี่แหละ ใกล้เผาเปียแล้ว ข้าจะมารับ มันเอง” เทวาบอก
บุญกู้ด้อมๆ มองพวกเด็กๆ อยู่กลุ่มหนึ่ง ยิ้มบางๆ ดีใจ
“ถ้ารักกันยังงี้ พลังเทวดาไม่แตกแน่”
ฝ่าย พัน ธง ศร และ คำรณ เดินจากชายหาดขึ้นไปในป่า ก้าวตามทางเดินเป็นป่ารกชัฏ สุดท้ายเข้าไปในถ้ำ
พันกับศร ช่วยกันหยอดนํ้าผึ้งให้ร่างสังขารของคล้าม เมื่อนํ้าผึ้งเข้าไปในปาก ร่างของคล้ามก็ผุดลุกขึ้นนั่ง พัน ธง ศร ผงะ ครางออกมาด้วยความตกใจ
คำรณเอ่ยขึ้น “อาจารย์...ผมลองใช้วิชาอาจารย์แล้ว แต่ก็ยังสู้พวกมัน ไม่ได้ มันต้องมีของดีกว่าผม...อาจารย์ยังมีวิชาอะไรที่ เหนือกว่านี้หรือเปล่าครับ”
คล้ามถอนใจ “เจาะเจดีย์ก็ไม่สำเร็จ มันก็ต้องใช้วิธีแยกสลายพลัง เทวดาแล้วละ เชื่อข้าเถอะ เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ชนะ พวกมันได้”
“มันจะยอมหรือครับ พวกผมเข้าหน้ามันไม่ติด มันคง ไม่ฟังผมหรอก”
คล้ามบอก “ข้ามีวิธี แต่ว่าต้องพึ่งพาเจ้าฤทธิ์”
คำรณฟังแล้วหน้าเครียด แต่จำยอม “อาจารย์รีบจัดการให้เร็วที่สุดเถอะครับ ถ้าอาจารย์ ต้องการอะไรก็ขอให้บอก ผมจะจัดการให้ทุกอย่าง”
คล้ามหัวเราะเบาๆ แล้ววูบหายไปต่อหน้าต่อตา พัน ธง และศร กระโดดเข้าหากันทันที หวาดกลัวสุดขีด
คำรณยิ้มย่อง “ถ้าอาจารย์รีบไปอย่างนี้ ต้องสำเร็จแน่”
เย็นวันนี้ครบกำหนดเผาศพเปีย เทวาจับสิงห์อาบน้ำอาบท่าแต่งตัวหล่อ ขยับเสื้อผ้าสิงห์ให้เข้าที่ดูดี ดารินอยู่ไม่ไกลนัก แหงนมองปล่องเมรุ
ที่หน้าเมรุมีโลงศพตั้งอยู่รอเวลาเผา รูปของเปียติดอยู่ และมีดอกไม้ประดับพองาม
เดชเข้ามาหาเทวา “ได้เวลาแล้วนะ..เอาไง”
สิงห์มองหา “ไอ้ก้องยังไม่มา ข้าอยากให้ไอ้ก้องมาเผาเปียด้วย”
เทวาแปลกใจ “มันไปไหน”
“ไม่ยอมหยุดงาน ให้ข้าไปตามมั้ย”
นที แสงดาว แสงจันทร์ เดินเข้ามาสมทบ
หมอนทีถาม “มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าครับ”
“ก้องหายไป สิงห์อยากรอเพื่อน” เทวาบอก
“ผู้ใหญ่น่ะไม่เป็นไรหรอก เราก็คนกันเองทั้งนั้น แต่ท่านพระครูที่นิมนต์มาชักผ้าบังสุกุลสิ ให้ท่านรอ จะเป็นบาปนะคะ” แสงจันทร์ว่า
แสงดาวปากเสียตามเคย “พี่ก้องนี่ไม่รู้อะไรเลย...ให้คนอื่นรอ”
ทุกคนสีหน้ากังวลใจทั้งแถบ
อีกฟาก ปลาดุกเดินมา เห็นก้องแบกกระเป๋าผู้โดยสารที่เพิ่งขึ้นจากเรือ จึงร้องทัก
“พี่ก้องไม่ไปงานศพเหรอ”
“ไปสิ...แล้วเธอล่ะไม่ไปเหรอ”
“ฉันมาจองตั๋วเรือน่ะ จะกลับบ้านพรุ่งนี้”
ก้องยิ้มให้ “ไปก่อนนะ หนัก”
ปลาดุกยิ้มขัน “จ้ะ ไปเถอะ”
ปลาดุกเดินไปที่จอดมอเตอร์ไซค์ที่มุมหนึ่ง เห็นก้องวางกระเป๋า แล้วรับเงินจากผู้ว่าจ้างมา จังหวะนี้ฤทธิ์กับลูกน้องเดินมา โดยคล้ามสิงร่างของฤทธิ์
“ไอ้ก้อง...เป็นไงบ้าง”
“ข้าจะเป็นอะไร มันก็เรื่องของข้า” ก้องทำท่าจะเดินหนี ฤทธิ์ฉวยมือไว้ ก้องหันมาจ้องหน้า มีเงาร่างของคล้ามซ้อนอยู่
ฤทธิ์พูดออกมาเป็นเสียงคล้าม “มองตาข้าสิ”
ก้องเหมือนถูกสะกดจิต มองตาฤทธิ์ แล้วดวงตาของก้องก็อ่อนลง
ปลาดุกมองอย่างตะลึง สงสัย ฤทธิ์หันมาทางปลาดุก สั่งด้วยเสียงคล้าม
“ตามไป”
ปลาดุกรีบสตาร์ทรถ แล้วขี่ไปอย่างเร็ว ลูกน้องฤทธิ์วิ่งตาม แล้วเห็นคนขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดพอดี ลูกน้องฤทธิ์ผลักแล้วแย่งกุญแจมาทัน รีบขี่รถตามปลาดุกไป
เจ้าของรถโวยลั่นเรียกคนช่วย “ช่วยด้วย...ขโมย...ขโมย”
ฤทธิ์หันไปทางเสียง จ้องตาดุๆ แล้วคนขี่รถก็เป็นลมฟุบไปที่พื้นดิน จากนั้นคล้ามในคราบฤทธิ์เดินนำก้องมาที่รถของตน เปิดประตูรถ สั่ง
“เข้าไป”
ก้องเข้าไปอย่างว่าง่าย ฤทธิ์ปิดประตู คล้ามหลุดออกจากร่างของฤทธิ์
“เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว” คล้ามวูบหายไป ฤทธิ์มองก้อง แล้วเดินอ้อมไปที่ฝั่งคนขับ รถของฤทธิ์แล่นไปอย่างเร็ว
ทุกคนทยอยลงมาจากเมรุ เห็นควันไฟจากปล่องเมรุลอยสู่ฟ้า สิงห์ยืนร้องไห้อยู่ สน แสงจันทร์ยืนปลอบอยู่ข้างๆ เทวามองดูควันไฟจากปล่องเมรุหน้าเศร้า
ดารินเดินมาสมทบ “น่าสงสารนะคะ ฉันก็มีส่วนในการตายของแก...รู้สึก แย่จัง”
เทวาปลอบ “ทุกคนทำดีที่สุดแล้วครับ คุณริน...อย่าคิดมากเลย”
แสงดาวมองค้อนอย่างไม่พอใจที่เห็นทั้งสองคนคุยกัน เดินผ่านเฉียดๆ ไม่โดนตัว
“พี่แสงจันทร์กลับบ้านเถอะ”
แสงจันทร์ปรามด้วยสายตา ส่ายหน้า ส่งสายตาเตือนสติแสงดาว ประสิทธิ์ลงจากเมรุเดินมา แสงดาวมาหา
“ฉันอยากกลับบ้านแล้วล่ะพ่อ”
ประสิทธิ์แปลกใจ “จะรีบไปไหนวะ บ้านไม่หายหรอก”
สิงห์กับเทวา เดชอยู่ใกล้ๆ กัน สิงห์บ่นอย่างน้อยใจ
“ไอ้ก้อง...ทำไมเอ็งไม่อยู่เผาเปียวะ..งานอะไรของเอ็ง นักหนา ไหนเอ็งบอกว่าจะไม่ทิ้งข้าไง”
เทวาตบไหล่สิงห์ ปลอบใจ รถของปลาดุกเข้ามาที่กลางลาน ท่ามกลางผู้คน รถของลูกน้องฤทธิ์ขี่ตามมา เห็นเป็นงานศพเลยหันรถกลับ
ดารินถามทันที “ปลาดุก มีอะไรหรือเปล่า ดูรีบร้อนจัง”
“ก้อง...ถูกนายฤทธิ์จับไป”
ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ สิงห์คำราม “ไอ้ฤทธิ์ ชาตินี้เห็นจะดีกันไม่ได้แล้ว”
เทวากับเดชรีบไปที่รถสองแถวของเดช แล้วขับไปทันที ทุกคนต่างมารุมล้อมปลาดุก โดยปลาดุกกำลังเล่าให้ทุกคนฟังอย่างตื่นเต้น
เทวานั่งอยู่ข้างๆ เดชทำหน้าที่ขับรถ
“ไอ้ฤทธิ์ทำอย่างนี้ทำไม” เดชแปลกใจ
“ข้าไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าต้องเอาตัวไอ้ก้องกลับมาให้ได้ พวกมันต้องมีแผนอะไรสักอย่าง”
รถของเดชแล่นไปด้วยความเร็วแทบจะบิน
ไม่นานนักเดชกับเทวาจอดรถ แล้วลงมายืนที่หน้าบ้านพักกำนัน ลูกน้องของฤทธิ์ตะโกนถาม
“มาทำไม”
“เรามาหากํานันฤทธิ์”
ฤทธิ์ออกมาจากในบ้านตีรวน “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผู้ใหญ่มาเยี่ยม มาธุระอะไรสำคัญ หรือเปล่าขอรับ”
“ไม่ต้องพูดจาอ่อนหวานอย่างนี้หรอกกํานัน...ส่งตัวไอ้ ก้องมาให้เราดีกว่า” เดชโพล่งขึ้น
ฤทธิ์ทำไขสือ “ก้องไม่ได้อยู่ที่นี่”
“มีคนเห็นว่ากำนันฤทธิ์ไปรับตัวก้องมาจากท่าเรือ.. กํานันจะว่ายังไง”
ฤทธิ์หัวเราะ “ไม่ได้รับตัวมา...แต่มันมาขอเงินข้า...ท่าทางมันอดอยาก สิ้นดี...เลี้ยงดูกันยังไง ให้พี่ให้น้องอดอยาก ผู้ใหญ่เทวา น่าจะละอายใจบ้าง”
“ถ้ามันมาขอเงินพี่ฤทธิ์ แล้วเวลามันอยู่ไหน”
ฤทธิ์บอก “ให้เงินเสร็จ มันก็กลับไป นี่มันยังไม่ถึงวัดอีกเหรอ”
เดชไม่เชื่อ “ถ้าพี่ฤทธิ์บริสุทธิ์ใจจริง ต้องให้เราสองคนค้นบ้าน”
ฤทธิ์ผายมือท้าทาย “เชิญ”
ฤทธิ์พาเดชกับเทวาเข้าไปในบ้าน ลูกน้องสองคนเดินตามด้วยความไม่ไว้วางใจ
“เห็นแม้แต่เงาของมันมั้ยล่ะ ท่านผู้ใหญ่”
“ไม่มี...แต่ถึงยังไง ถ้าพยานยืนยันตรงกัน พี่ฤทธิ์ก็ต้อง รับผิดชอบ รวมถึงลูกน้องของพี่ที่ขี่รถตามพยานไป ถึงลานวัด ขณะที่มีคนเผาศพเปียมากมาย...ทุกคนพร้อม เป็นพยาน”
ฤทธิ์หน้าเจื่อนไป แล้วก็รีบกลบเกลื่อน “น่ากลัวจัง” พร้อมกับหัวเราะเบาๆ “จะให้ขึ้นศาลเมื่อไหร่ก็บอก ด้วยละกัน”
เดชหาจนทั่วแต่ไม่เจอรีบตามมาสมทบ “ไม่มี”
“เชื่อหรือยังล่ะทีนี้” เงาร่างของคล้ามปรากฏที่มุมหนึ่ง มองเทวากับเดชเขม็ง เทวากับเดชออกไป
ฤทธิ์บอกตามหลัง “หวังว่าจะไม่กลับมาค้นที่นี่อีกนะคุณผู้ใหญ่บ้าน”
ลูกน้องตามไปส่งเดชกับเทวา คล้ามปรากฏร่างชัดขึ้น
“ไอ้ก้องคนเดียวไม่พอ พลังของเทวายิ่งใหญ่มาก ไม่มี ใครปราบมันได้ ต้องเอาทุกคนมาเป็นพวกของเราให้ได้”
ฤทธิ์ถามคล้ามเสียงขุ่น “ทุกคนเลยเหรอครับ”
“ไม่งั้นในไม่ช้า ไอ้เทวาจะต้องมีอำนาจเหนือใครๆ โดย เฉพาะเจ้า”
สีหน้าฤทธิ์เครียดแค้นเทวาหนัก
ที่แท้ก้องถูกมัดไว้กับเสาในกระท่อมร้างแห่งหนึ่ง ถูกปิดปากปิดตาด้วยผ้า สักครู่หนึ่งลูกน้องที่เฝ้าอยู่เห็นฤทธิ์เข้ามา หันไปถาม
“เอาไงครับนาย”
“ข้าจัดการเอง” ฤทธิ์กระชากผ้าผูกตาก้องออก
ก้องส่งเสียงลอดผ่านผ้าปิดปากอย่างโกรธแค้น “เอ็งจะทำอะไรข้า”
“พี่สงสารเอ็งนะก้อง...อยากให้เอ็งมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องแบกหาม ไม่ต้องถูกคนเขาพูดจา ดูถูกดูหมิ่น...ดูอย่างพี่สิ สุขสบาย อยากได้อะไรก็ได้ เงิน ผู้หญิง ความสุข”
ก้องดิ้นรน ฮึดฮัด “ปล่อยข้า...ปล่อย”
ก้องดิ้นหนักฤทธิ์ตบหน้า แล้วกระชากผ้าปิดปากออก
“ต่อไปนี้ชีวิตเอ็งจะต้องตกเป็นทาสยานรกไปจนตาย”
ก้องตาเหลือก ลูกน้องถือเข็มยาเสพติดชูขึ้น ก้องส่ายหน้า ลูกน้องคนอื่นๆ ช่วยจับตัวก้องไว้แน่น เห็นลูกน้องที่ถือเข็มฉีดใส่ ก้องมีท่าทีอ่อนลงอย่างช้าๆ จนในที่สุดก็แน่นิ่งไป
ฤทธิ์กำชับ “อย่าเพิ่งปล่อยมัน จนกว่าจะแน่ใจว่ามันติดยาแน่นอน แล้ว...เสร็จแล้วเอาไปซ่อนตัวไว้ก่อน จนกว่าจะได้รับ คำสั่งจากเสี่ยคงคา”
“ครับ กำนัน”
ฤทธิ์เดินออกไป ก้องยืนคอพับหลับตา
ฟากดารินเข้าห้องมาตอนค่ำ พบว่าปลาดุกอยู่ในภาวะหวาดกลัว รีบปรี่มาหาดารินทันที
“ริน แกอย่าทิ้งฉันนะ...มันส่งสมุนมาคุกคามฉัน นี่ฉันต้อง ถอดสายโทรศัพท์ออก มาดูนี่สิ”
ปลาดุกให้ดารินมองไปที่ข้างล่างจากหน้าต่าง สองสาวเห็นลูกน้องของฤทธิ์อยู่ตามมุมต่างๆ มองขึ้นมาพอดี สายตาดุๆ
ดารินปลอบ “ไม่ต้องกลัว”
“ไม่กลัวได้ไง เดี๋ยวแกก็ไปทำงานแล้ว...ฉันอยู่คนเดียว นะ..ความจริงวันนี้ฉันต้องกลับบ้าน ก็ยังไม่ได้กลับ... แกต้องช่วยฉันนะ”
ดารินพยักหน้า “ฉันจะไปส่งแกที่ท่าเรือพรุ่งนี้เช้า ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวจะให้คนมารับแกที่ฝั่งพรุ่งนี้...รับรองว่าแกจะปลอดภัย”
ปลาดุกกังวลมาก “แกไม่หลอกฉันนะ”
“ฝากความคิดถึงพ่อนิลด้วย”
ปลาดุกยิ้ม “พ่อคงดีใจที่ฉันกลับบ้าน”
คืนเดียวกันนั้น เทวาบอกกับเดชและสิงห์ มีบุญกู้อยู่ด้วย
“ข้าหวังว่าเราจะไม่เหลือกันเท่านี้หรอกนะ...ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เตรียมยกเกาะมุกให้มันไปเลย”
เดชแปลกใจ “หมายความว่ายังไงวะ”
“หลวงปู่เคยบอกข้า ถ้าเรารวมตัวกันได้ พลังก็จะมีมาก เราก็จะทำงานได้สำเร็จ”
บุญกู้พยักหน้า “ใช่ ไอ้คล้ามมันต้องรู้เรื่องนี้ มันจึงพยายามแยกพวกเรา ออกจากกัน”
สิงห์ซึ่งยังไม่สร่างเมาพูดอ้อแอ้ “จะนั่งอยู่ทำไมกันวะ...ออกไปตามหามันเลยสิ”
“เอ็งเมา เอ็งก็อยู่กับน้าบุญกู้ไปก่อน”
สิงห์โวยลั่น “ข้าไม่เมา”
เดชส่ายหัว “น้าบุญกู้ดูมันด้วยนะครับ”
บุญกู้พยักหน้า “ไปเถอะ”
เดชกับเทวาเดินออกมา สิงห์ตาปรือมองบุญกู้
“น้า...มีเหล้ามั้ย”
ทั้งสองหนุ่มอยู่ในรถ เดชเป็นคนขับ
เทวามั่นใจ “ข้าเชื่อว่ากำนันฤทธิ์ต้องเอาไอ้ก้องไปซ่อนไว้ที่ไหนสัก แห่ง เราต้องหามันให้เจอ”
“ข้าว่ามันต้องการมากกว่าสลายพลังเทวดาของพวกเรา แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่ามันจะเอาไอ้ก้องไปทำอะไร”
ก้องลืมตาขึ้น มองเพดาน รู้สึกอึดอัด ก้องส่ายตัวไปมา ขยับตัวจึงรู้ว่าขาทั้งสองข้างถูกล่ามไว้ แขนถูกผูกติดไว้ด้วยกัน ก้องมองไปที่ลูกน้องของฤทธิ์ เห็นกำลังถือเข็มฉีดยาอยู่ในมือ มองยิ้มๆ มายังก้อง เหมือนยั่วให้ก้องอยากยา
“ยา...ยา...”
ลูกน้องของฤทธิ์หัวเราะ สายตาก้องพร่าเลือนเริ่มหลอนด้วยอาการเสี้ยนยา ยินเสียงหัวเราะก็เป็นเสียงเอคโค่กึกก้อง
“อยากได้ก็ลุกมาเอาสิวะ”
ก้องลุกขึ้น ความบ้าพลัง ทำให้ก้องกระชากเชือกออกจากกันได้ ลูกน้องตกใจ
“แรงม้าแรงควายหรือไงวะ”
ก้องตรงมาที่ลูกน้อง คว้าเข็มฉีดยาไป ลูกน้องถอยหลังกรูด เห็นก้องทำท่าปักเข็มฉีดยาให้ตัวเอง ร่างของก้องเริ่มหอบน้อยๆ แล้วก็ยิ้ม ค่อย ๆ ทรุดลง
ฤทธิ์อยู่ที่บ้านพูดโทรศัพท์กับลูกน้อง พร้อมกับหัวเราะ
“ถึงกับแย่งเข็มจากเอ็งเลยเหรอวะ...ดีแล้ว ถ้ามันตื่น ขึ้นก็ดูมันไว้ให้ดี เดี๋ยวฉันจะโทร.แจ้งให้เสี่ยคงคารู้ บางทีเสี่ยอาจมาบัญชาการเองว่าจะเอายังไงกับมันดี”
รถของเดชแล่นมา มีเสียงแตรรถดังมา เดชมองจากกระจกมองข้างก็เห็นรถเก๋งสองคันขับตามกันมา
“นักเที่ยวจากฝั่งมั้ง” เดชว่า
“เกาะมุกเปลี่ยนไปไวจริงๆ”
รถของคำรณขับตีคู่ พอเห็นเป็นเดชก็ขับปาดหน้า เดชเบรกรถเสียงดัง รถของคำรณผ่านไป เดชหงุดหงิดฮึดฮัด
“มันหยามกันชัดๆ”
“ใจเย็นๆ บางทีพวกมันมาที่นี่ อาจเกี่ยวกับการหายตัว ไปของก้องก็ได้”
“เอาไงวะ”
“ตามไปห่างๆ” เทวาบอก
รถของคำรณและพวกขับเข้าซอยเปลี่ยวไป รถของเดชตามมาห่างๆ เดชจอดรถที่หน้าปากทางเข้าซอยเปลี่ยว
เดชถาม “ตามมั้ย”
“ข้าว่าจอดรถไว้ที่นี่ แล้วเดินเข้าไปซุ่มดูมันดีกว่า มันจะได้ไม่ไหวตัวก่อน”
“ดีเหมือนกัน”
คำรณใช้เท้าเขี่ยก้องที่นอนไม่ได้สติ
ลูกน้องฤทธิ์บอก “เมายาครับนาย”
คำรณหัวเราะเบาๆ สะใจ “ขนาดนี้เลยเหรอ...หมดสภาพเลยนะไอ้ก้อง...ต่อไป เอ็งจะเป็นยิ่งกว่าหมาขี้เรื้อนข้างถนน”
ฝ่ายทั้งสองหนุ่มค่อย ๆ เดินเลียบมาตามราวป่า แสงไฟไล่หลัง ทั้งสองรีบหลบ แลเห็นรถของฤทธิ์แล่นไป
เทวายิ่งมั่นใจ “เรามาถูกทางแล้ว”
“ไอ้ก้องต้องถูกขังอยู่ที่นี่แน่”
ทั้งสองพยักหน้าให้กันแล้วรีบลัดเลาะไปตามแนวป่า
ฤทธิ์บอกกับคำรณ “เรือมาพร้อมแล้วครับ ห่างจากนี้สักแค่ร้อยเมตร”
“งั้นก็ช่วยกันหน่อย วันที่ไอ้ก้องเป็นขี้ยาสมบูรณ์แบบ แล้ว เราจะส่งตัวมันกลับมา”
ลูกน้องฤทธิ์ช่วยกันพยุงร่างของก้องออกไปทางหนึ่ง
“คุณคำรณจะกลับเลยหรือเปล่าครับ”
“แกไม่มีหน้าที่ถามเรื่องส่วนตัวของฉัน”
ฤทธิ์หน้าจ๋อยไปถนัด
อ่านต่อหน้า 2
พายุเทวดา ตอนที่ 15 (ต่อ)
ที่หน้ากระท่อม รถของคำรณแล่นออกไปก่อน มีลูกน้องติดตามขับตามไปอีกคัน จากนั้นตามด้วยรถฤทธิ์ รถทั้งหมดผ่านหน้าเดชกับเทวา ทั้งสองรีบเข้าไปในกระท่อม ท่าทีระแวดระวัง พบว่าในกระท่อมว่างเปล่า
“เรามาช้าไป...มันคงเอาใส่รถไปแล้ว หรือไม่ก็…”
ทั้งสองหันขวับไปทางทะเล
เดชร้อนใจ “รีบไป”
คำรณจอดรถริมหาด แสงไฟจากหน้ารถ ฉายไปที่รถของเดช ฤทธิ์ขับตามออกมาจอดต่อท้าย แล้วลงจากรถมาหาคำรณ
“รถใคร”
“ผมไม่แน่ใจครับ”
คำรณมองฤทธิ์อย่างจับผิด “หวังว่านายจะไม่ซ้อนแผนอะไรกับฉันนะ”
“รับรองครับคุณคำรณ...ผมเห็นตั้งแต่ผมผ่านมาแล้ว ถึงเป็นพวกมันก็ไม่ทันหรอกครับ ไอ้ก้องขึ้นเรือแล้ว”
เทวากับเดชมาถึงก็เห็นเรือเร็วลำหนึ่งแล่นออกไปในทะเลแล้ว
เทวาโมโห “โธ่โว้ย ช้าไปอีกจนได้”
ลูกน้องของฤทธิ์ซุ่มอยู่ เงื้อไม้จะฟาดที่ต้นคอ เทวาเห็นเงาไม้ที่จะใช้ฟาดเป็นเงาจากแสงจันทร์ส่องมาทางตน เทวาหลบทัน แล้วหันไปเล่นงาน ลูกน้องฤทธิ์ออกมารุม เทวากับเดชจัดการกับลูกน้องของฤทธิ์อย่างไม่ยากเย็น
ทั้งสองหนุ่มกลับวัด เดินคุยกันมา
“ข้าต้องเอาไอ้ก้องกลับมาให้ได้”
“เอ็งจะทำยังไงต่อไป”
“ข้ากลัวว่ามันจะลักพาคนอื่นอีก โดยเฉพาะไอ้สิงห์ คืนนี้เอ็งอยู่กับไอ้สิงห์ได้มั้ย ส่วนข้าคงนอนไม่หลับหรอก เห็นไอ้ฤทธิ์กับไอ้คำรณมันร่วมมือกันยังงี้ยิ่งคิดหนัก”
“ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมันมารวมกันก็บรรลัย หมด”
“แล้วเอ็งจะไปยังไง”
ไม่นานต่อมา เทวาขี่รถมอเตอร์ไซค์มาตามถนนรอบเกาะ
ดารินแต่งตัวไปทำงาน ปลาดุกเก็บของลงกระเป๋าพลางถาม “ไม่กลัวเหรอ...ต้องอยู่คนเดียว”
“ฉันเคยกลัวอะไรล่ะแก”
สองสาวมองหน้ากัน แล้วก็หลุดหัวเราะออกมา
ดาริน อย่างน้อยคืนนี้ก็คงต้องผจญภัยอะไรสักอย่าง
“แกสังหรณ์...”
“เปล่า...แต่ไอ้เฮียเม้งมันโทร.มาบอกฉันแล้ว”
ปลาดุกส่ายหน้า “ฉันชกมวยบนเวทีว่าเสี่ยงแล้วนะ แกทำงานเสี่ยงมากกว่า ฉันอีก”
กระท่อมที่ใช้ขังก้องปิดไฟมืด เทวาจอดรถไว้ในที่ลับตาแล้วย่องมาที่กระท่อม เปิดไฟจากโทรศัพท์มือถือ มองไปรอบๆ แต่ไม่มีเงาของก้อง มีเสียงกุกกักดังมา เทวารีบหลบ ลูกน้องฤทธิ์สองคนเดินผ่านไป
ฟากดารินทำงานเสิร์ฟอยู่ เต้นไปตามจังหวะเพลง แขกในร้านดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน เม้งเดินมาบอก
“วันนี้ลื้อไม่ต้องทำงาน แต่ขึ้นไปต้อนรับแขกวีไอพี ข้างบน”
“ฉันไม่ได้มาขายตัวนะเฮีย ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
“อั๊วก็ไม่ได้ให้ลื้อขายตัว แต่ก็ไม่แน่หรอก บางทีพอเห็น เงินก็ตาโต” เม้งแดกดัน
“นั่นมันเฮีย ไม่ใช่ฉัน”
เม้งส่ายหน้า “ลื้อไม่ต้องพูดมาก ยกเหล้าไป...แล้วลื้อไม่ต้องไปใส่ยา ให้เขากินอีกนะ”
“ฉันไม่เคยทำอย่างที่เฮียพูดเลย จริงๆ นะ”
เม้งตัดรำคาญ “เออๆ ไปได้แล้ว”
ดารินเดินปะปนกับคนในร้านไปทางหนึ่ง
ดารินถือถาดเครื่องดื่มอยู่ ประตูปิดอยู่ ดารินมองอย่างไม่พอใจ ที่ขาของดารินเตะประตู ประตูเปิดออก คำรณยิ้มกว้างสดใสที่เห็นเป็นดาริน
“เข้ามาสิ” คำรณเบี่ยงตัวให้ดารินเข้าไป ทันทีที่ดารินวางถาดเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ คำรณก็เข้ามากอดจูบ ผลักดารินไปที่เตียง
“คืนนี้ฉันไม่ปล่อยเธอแน่...ไม่ต้องลวงให้ฉันกินเหล้า อีกแล้วนะ”
ดารินเบี่ยงตัวหลบ ผลักดันให้คำรณออกห่างตัว คำรณโมโห ผลักดารินอย่างแรง ดารินเสียหลัก แต่ก็เบี่ยงตัวหลบได้อีกครั้ง เมื่อยืนได้ ดารินก็ใช้แจกันเปล่าที่ตั้งอยู่ฟาดหัวคำรณ
“โอ๊ย...นังบ้า” คำรณตบหน้าดาริน จนดารินล้มลง คำรณกุมหัวออกไปตะโกนลั่น
“เฮียเม้ง...เฮียเม้ง... เฮียเม้งขึ้นมา”
“อะไรครับคุณคำรณ”
“ขังนังนี่ไว้ในห้อง อย่าให้มันออกมาได้ จนกว่าฉันจะสั่ง”
ดารินถลามาที่ประตู แต่ไม่ทัน เม้งปิดประตูแล้วลั่นกุญแจทันที
“เจ็บมากมั้ยครับ”
“เห็นดาวเลย...ฤทธิ์มากนัก ฉันไม่ปล่อยไว้แน่”
คำรณลงบันไดมา กุมแผลที่ศีรษะด้วยผ้าเช็ดหน้า เลือดไหลเป็นทาง เม้งเดินตามติดๆ ประจบเอาใจสุดๆ เพราะกลัวคำรณโกรธ
“ยังไม่ซี้ ลื้อบอกนังดารินด้วยว่า งานนี้ฉันเอาคืนแน่... มันไม่อยากเป็นเมียอั๊ว จะได้สุขสบายไปทั้งชาติก็ช่าง หัวมัน...ลื้ออย่าให้หลุดออกมาจากห้องได้นะ ไม่งั้น ลื้อจะไม่มีที่ทำกินบนเกาะนี้”
ลูกน้องคำรณมองกราดไปทั่ว บรรดานักเที่ยวต่างหลบตา ลูกน้องคำรณตามคำรณออกไป
เม้งสั่งลูกน้อง “เฮ้ย พวกลื้อไปเฝ้าประตูไว้ อย่าให้มันออกมาได้”
เม้งหันมาก็เห็นนักเที่ยวมองมาที่ตนอย่างสนใจ “ไม่มีอะไรนะครับ เชิญสนุกกันต่อเลยครับ”
ดารินนั่งนิ่ง หน้าเครียด “ถ้าเราไม่ออกไปตอนนี้...พวกมันจะต้องแห่มามากขึ้น เราจะยิ่งแย่”
ดารินนั่งสมาธิ รวบรวมพลัง ลมพัดตึงๆ อยู่ด้านนอก ฝนตกลงมาอย่างหนัก
เม้งงง “ฝนตกได้ไงวะ”
ดารินอยู่ในห้อง นั่งสมาธิอยู่ ขณะที่ในร้าน มุมต่างๆ ก๊อกนํ้าทุกจุดมีนํ้าพุ่งออกมาอย่างแรง นํ้าทะลักไหลนอง บนโต๊ะแขก ขวดแตกเอง บ้างก็ล้มลง นํ้าไหลนอง แขกในร้านพากันตะลึง ผุดลุกขึ้น แล้วพากันวิ่งออกไป
มีนํ้าหยดจากเพดาน เหมือนนํ้าที่ห้องนํ้าไหลนอง ซึมมาเบื้องล่าง
เม้งงงหนัก “ใครเปิดนํ้า แล้วไม่ปิด อย่าให้อั๊วรู้นะ อั๊วไล่ออกแน่”
พื้นร้านนํ้าไหลเหมือนหลากมาจากที่มุมต่างๆ นํ้าที่เจิ่งนองเพราะฝนตกก็ไหลเข้ามาในร้าน
เม้งร้องลั่น “เฮ้ย ที่อื่นทำไมไม่ไป มาอยู่ที่ร้านอั๊วที่เดียว”
ดารินยังคงนั่งสมาธิอยู่ท่าเดิมในห้องที่ถูกปิดล็อกแน่นหนา
ทางด้านเทวาขี่มอเตอร์ไซค์จะกลับวัด เห็นฝนตกอยู่ห่างๆ โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เทวาจอดรถ มองดูสายฝนที่ตกอยู่มุมหนึ่ง
“ฝนหลงฤดูแบบนี้ น่าจะเกิดจากพลังเทวดา หรือว่า...น้องเล็กคนที่เราสงสัยว่าอยู่ที่ไหน ต้องการความ ช่วยเหลือ”
เทวาหลับตา เพ่งกระแสจิตไปยังบริเวณฝน เห็นลมปั่นป่วน พัดพาสิ่งต่างปลิวว่อน
ดารินนั่งอยู่ในห้อง แล้วลุกมาที่ประตู เขย่าประตู แต่เปิดไม่ได้ ดารินถอยห่างออกมา กำหนดจิตแน่วแน่ พนมมือ ด้านนอกเห็นฝนตก ลมสลาตันพัดแรง ปะทะประตู จนกระทั่งกุญแจที่คล้องอยู่ กระทบกับประตู ลมแรงปะทะประตูจนประตูพังลง เห็นลมแรงปะทะใบหน้าดาริน ผมปลิวไปตามแรงลมอยู่ในกรอบประตูที่เพิ่งพังลง เม้งขึ้นมาพอดี ตาเหลือก ตกใจ
“อะไรวะ”
ดารินเห็นประตูเปิดแล้วก็ก้าวออกไป เดินลงบันไดอย่างไม่เกรงกลัว ผลักเม้งให้หลีกทางไป
เม้งวิ่งตามดารินลงบันไดมา “ลื้อกลับไปเลยนะ กลับขึ้นห้อง”
ดารินมองดูนํ้าที่เจิ่งนอง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นนํ้าที่เกิดจากพลังเทวดาของตน ดารินเดินฝ่าสายฝนออกไป
เทวาขี่มอเตอร์ไซค์มา เห็นดารินรีบเร่งเดินกลับที่พัก ชะลอรถเทียบรถข้างดาริน
“ขึ้นรถ” ดารินขึ้นซ้อน เกาะเอวเทวา
เทวาขี่รถออกไป ดารินเอนศีรษะซบกับหลังของเทวาอย่างเหนื่อยล้า ดวงตาเศร้าสร้อย
ปลาดุกยืนยิ้มรออยู่แล้ว เมือเห็นดารินลงมาจากรถของเทวา
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“รอแกไง ...พรุ่งนี้ฉันก็ไม่อยู่แล้ว เป็นห่วงแก”
เทวาถามขึ้น “กลับแน่เหรอ แล้วมาใหม่หรือเปล่า”
“ไม่รู้ว่าพ่อนิลจะว่าไง ถ้าพ่อไม่ว่า ฉันก็จะกลับมาใหม่ ฝากรินด้วยนะเทวา”
เทวายิ้มหันมาสบตาดารินซึ้งๆ
กลางดึกเสี่ยคงคากับหยาดฟ้านอนกกกันอยู่บนเตียงเดียวกัน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คงคาผวาขึ้นกดรับ หยาดฟ้าตื่นขึ้นมา
“ฮัลโหล มีอะไรเหรอเฮียเม้ง” คงคานิ่งฟัง หน้าซีดเผือด “แน่ใจ เหรอ...ถ้าเป็นอย่างที่เฮียเม้งเล่า เท่ากับว่ายังมีพลังเทวดา คนใหม่ซ่อนอยู่บนเกาะ” คงคายิ้มพอใจ ปิดโทรศัพท์
หยาดฟ้าถามทันที “ใครเหรอคะเสี่ย”
“เฮียเม้งสงสัยว่านังดารินที่ชงเหล้าอยู่ที่ร้าน มีพลังเทวดา ขนาดถูกขังอยู่ในห้องแน่นหนา มันยังรอดออกมาได้”
หยาดฟ้าส่ายหน้าไม่เชื่อ “หยาดไม่อยากเชื่อเลย”
เช้าวันนี้ ดารินกับปลาดุกรอเรืออยู่ ปลาดุกมีกระเป๋าใบใหญ่อยู่ข้างตัว
“แล้วอย่าลืมส่งข่าวมานะ” ดารินกำชับ
“แน่นอนอยู่แล้ว” ปลาดุกยิ้ม
“ไปถึงฝั่งโน้นแล้วจะมีคนรอรับเธออยู่ ไม่ต้องกลัวอะไรนะปลาดุก”
ปลาดุกยิ้มขอบใจ ทั้งสองกอดกัน
ปลาดุกลงเรือ ดารินโบกมือให้แล้วรีบผละไป สาวเท้ายาวๆ มองตรงไปข้างหน้า
คงคาออกอาการหงุดหงิดบอกกับทุกคน
“ทุกอย่างเสียหมด จับไอ้ก้องก็มีคนรู้เห็น ทำอะไรกัน ไม่ระวัง หรือว่าไอ้ฤทธิ์มันตั้งใจให้เกิดเรื่อง”
หยาดฟ้าสะกดอารมณ์ พันบอก “เก็บมันเลยสิครับ...พยานจะได้พูดไม่ได้”
“ดี งั้นพวกเอ็งไปทำ...สายทางโน้นบอกมาว่ามันขึ้นเรือ ออกจากเกาะแล้ว”
พัน ธง ศรโค้งน้อย ๆ แล้วออกไป
หยาดฟ้าเอ่ยขึ้น “หยาดจะไปเกาะมุกค่ะ”
คงคาจ้องหน้า “ไปทำไม”
“ถ้ามั่นใจว่านังดารินเป็นนักเลงเทวดาคนใหม่ หยาดจะ ไปพิสูจน์...จะได้หาทางสลายพลังมันซะ”
ปลาดุกขึ้นเรือมาบนฝั่ง เนตรทรายมายืนรออยู่ เห็นคนอื่นๆ เดินสวนไปมา
เนตรทรายเข้าไปทัก “คุณปลาดุกหรือเปล่าคะ”
“ใช่”
“ฉันมารับคุณกลับบ้านค่ะ”
ไม่นานต่อมาปลาดุกนั่งข้างๆ เนตรทรายขับรถมาตามทาง
“ต้องมารับถึงท่าเรือด้วย” ปลาดุกเกรงใจ
“นี่ยังน้อยไปค่ะ...พวกเรากลัวมันฆ่าปิดปากคุณ”
ปลาดุกจ๋อยเลย “ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“พวกมันเป็นแก๊งใหญ่มาก ไม่ใช่โจรธรรมดา แต่ว่า เป็นเครือข่ายยาเสพติดแทรกซึมไปหลายประเทศ ไอ้ยานรกนี่ ใครติดเข้าก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น... ขจัดขบวนการยาเสพติดไม่ได้ ก็เท่ากับขจัดต้นตอไม่ได้”
ปลาดุกอึ้ง “ยาเสพติด...ฉันชักเป็นห่วงรินแล้วล่ะ...ฉันมารินก็อยู่ คนเดียว”
เนตรทรายบอก “ห่วงตัวเองดีกว่า...รินเขาเอาตัวรอดได้ เชื่อสิ”
รถแล่นไปอย่างเร็ว
เนตรทรายขับรถมาบนไหล่เขา เห็นรถของพัน ธง ศรจากกระจกมองหลัง เนตรทรายหยิบวิทยุมาพูด
“เมขลาเรียกรามสูร...เมขลาเรียกรามสูร รับทราบแล้ว ตอบด้วย...เมขลาถูกติดตาม ขอกําลังสนับสนุนด้วย”
ปลาดุกมองงงๆ แล้วหันไปทางด้านหลัง เห็นรถของพัน ธง ศรติดตามมาอย่างกระชั้นชิด
ปลาดุกตื่นๆ “จะรอดมั้ยเนี่ย”
เนตรทรายเร่งเครื่องมิดไมล์ เห็นเข็มบอกความเร็วขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
ธง ขับรถอยู่ เร่งเครื่องตาม
พันบอก “ข้าว่ารีบจัดการดีกว่า ขืนตามอยู่อย่างนี้ ไม่ทันแน่”
กระจกรถลดลง พันกับศรต่างยิงไปที่รถคันหน้า กระสุนกระทบถนน หวุดหวิดจะถูกรถของเนตรทราย
เนตรทรายขับฉวัดเฉวียน ทั้งสองสาวหลบกระสุนเท่าที่จะทำได้ พอรถผ่านช่องเขา เนตรทรายขับพ้นช่วงที่วางแผนไว้ รถของพัน ธง ศรขับตามมา ถูกกระสุนสาดมาจากช่องเขาสองข้างทาง รถหักหลบจนพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง พัน ธง ศรรีบเปิดรถ แล้ววิ่งออกไปอย่างเร็ว กำลังตำรวจตามไปติดๆ
ดารินเดินหน้าเศร้าเข้ามาในวัด บุญกู้เห็นรีบเดินมาหา
“หน้าตาเศร้าเหมือนไม่ได้นอนเลย...เป็นอะไรหรือ หนูริน”
“น้าบุญกู้ หนูอยากไหว้พระ”
ดารินนั่งอยู่หน้าพระประธานในโบสถ์แล้ว
“หลวงปู่ขา...รินไม่มีโอกาสได้ฟังธรรมะจากหลวงปู่ เลย แต่รินก็เชื่อว่าหลวงปู่ดูแลรินตลอด ตอนนี้รินมี อันตรายรอบด้าน หลวงปู่ช่วยรินด้วยนะคะ”
ดารินหน้าเศร้า นํ้าตาคลอ เทวาฟังอยู่ด้านนอก ค่อย ๆ โผล่หน้าเข้ามา ดารินลุกขึ้น เทวาผละออก ไม่ให้ดารินเห็น ดารินออกมา เทวาดึงตัวมากอด ดารินตกใจ ผลักออก
“อย่าค่ะ อย่าทำอะไรแบบนี้นะ”
“ผมไม่ได้กอดคุณเพราะรักแบบเดิม แต่วันนี้ขอให้ พี่ชายนักเลงเทวดาได้กอดน้องสาวที่ตามหามาชั่วชีวิต”
ดารินตกใจ มองหน้าเทวา “นายรู้”
“ได้แต่สงสัย แต่ไม่กล้าสรุป แล้วทำไมไม่บอกผม”
“ให้ฉันช่วยนายอยู่ห่าง ๆ ดีกว่า...แค่นี้ก็โดนสงสัยจะแย่ แล้ว”
“ถามจริง คุณเป็นใครกัน”
ดารินตัดสินใจบอก “ร้อยตำรวจเอกหญิงดารินแห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาเกาะมุกก็เพื่อแก้แค้นให้พ่อสุชาติที่ถูกพวกมันสังหาร ทารุณ เพียงเพื่อทำลายหลักฐานไม่ให้สาวถึงตัวการค้า ยาเสพติด”
สีหน้าดารินจริงจังมาก
เทวาอึ้งไปนิด “ผมสัญญาว่าจะไม่บอกใคร...แต่เรื่องเมื่อคืน มีคนพูดกัน มาก...เขามองว่าคุณเป็นนักเลงเทวดาเหมือนผม คุณจะ ว่ายังไง”
ดารินส่ายหน้า ไม่รู้จะตอบยังไง
“ผมจะบอกว่าผมเป็นคนใช้พลังเทวดาช่วยคุณเอง... ตกลงมั้ย”
ดารินยิ้มดวงตาเป็นประกาย ซาบซึ้งในความมีนํ้าใจของเทวา
กลางทะเลลึก เรือลำเล็กมีก้องนอนหงายอยู่ มีเรือลำใหญ่ขึ้นมา ผูกติดกับเรือเล็กที่ก้องนอน ฤทธิ์กับลูกน้องอยู่ในเรือลำใหญ่ แสงแดดแยงตาก้อง เขาพยายามยันร่างขึ้น
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ”
ก้องหันมา มองไปโดยรอบ เห็นแต่ผืนนํ้าทะเลกว้างใหญ่ กระเสือกกระสนจะหนีออกจากเรือ แต่ก็จนปัญญา
“ไปไหนไม่ได้หรอก นอกจากโดดนํ้าหนี...อยากได้ยา หรือเปล่าล่ะ”
ก้องตาเป็นประกาย ฤทธิ์โยนเข็มฉีดยาให้ เรือของคำรณแล่นมา มีคนติดตามมาสองคน
“เข้าใจหาที่ขังมัน”
“ลูกทะเล ก็ต้องคิดแต่เรื่องทะเลครับคุณคำรณ ไม่มี อะไรเหมาะสมเท่าที่นี่ เพราะเป็นคุกที่ไม่ต้องมีกำแพง”
คำรณมองหน้าฤทธิ์ “ตั้งใจจะทำยังไงกับมัน”
“ไอ้พวกติดยา ถ้ามียาให้มัน มันก็เป็นทาสเราไปตลอด จัดการไม่ยากหรอกครับ”
ฟากหยาดฟ้ายืนมองดูความเสียหายในร้านเฮียเม้ง
“มันต้องมีพลังเทวดาจริง ๆ ด้วย...นี่เราไม่รู้เลยว่าอีนัง ผู้หญิงสาวเสิร์ฟบ้าใบ้คนนี้มันคือคนที่ใคร ๆ ตามหากัน”
“แล้วจะทำยังไง บอกผมเลย ผมร่วมมือเต็มที่”
“เอาตัวมันมารีดความจริงให้ได้ คืนนี้มันมาทำงานหรือ เปล่า”
“มันโทร.มาลาป่วย...คงกลัวว่าผมจะขังมันอีก”
หยาดฟ้าตาวาววับ “ฉันอยากเจอหน้ามัน”
ทางฝ่ายเทวา เดช และสิงห์ กำลังปรึกษากันเรื่องก้อง อยู่ที่วัด
“ข้าว่ามันไม่ตายหรอก แต่ไม่รู้ว่าไอ้ฤทธิ์มันเอาไอ้ก้อง ไปทำอะไร” เดชบอก
“ถ้าไอ้ก้องเป็นอะไรไป ข้าจะฆ่ามันล้างแค้นให้ไอ้ก้อง” สิงห์แค้น
“ที่แน่ๆ เราต้องตอบโต้มันด้วยการกวาดล้างสิ่งชั้วร้าย ที่เป็นผลประโยชน์บนเกาะนี้ของมันให้หมด”
หยาดฟ้าขับรถเข้ามาในวัด เปิดประตูรถ มองมาที่กลุ่มของเทวา
สิงห์ฉงน “มาทำไมวะ”
หยาดฟ้าลงรถเป็นฝ่ายเดินมาหา เดชพยักหน้าให้เทวาออกไปรับ
“มีธุระอะไรหรือคุณหยาด”
“คนรู้จักมักคุ้นกัน ถ้ามาหากัน จำเป็นต้องมีธุระด้วยหรือ คะเทวา”
“เพื่อนผมหายไป ถูกกำนันฤทธิ์จับตัวไป เรากำลังตามหา”
หยาดฟ้าทำไก๋ “กำนันฤทธิ์จะทำอย่างนั้นทำไมคะ”
“ผมว่าเรื่องนี้คุณน่าจะรู้ดีกว่าผม...พูดธุระของคุณมา ดีกว่า”
หยาดฟ้ามองหน้าเทวา “เขาลือกันว่าดารินมีพลังเทวดา จริงหรือเปล่า”
เทวาหัวเราะเหมือนขำสุดๆ หยาดฟ้าแปลกใจ
“ถ้าเป็นพลังที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จนทำให้ร้านเฮียเม้งแตกตื่น กันหมดน่ะ ผมเองครับ...นักเลงมันตีกัน ผมห้ามมันก็ ไม่ฟัง แถมยังเอาปืนมายิงผมอีก ผมก็เลยต้องใช้พลัง เทวดา แต่ไม่ยักรู้ว่ากลับทำให้คุณดารินถูกมองอย่างนั้นไป โธ่เอ๊ย ถ้าเขามีพลังเทวดาจริง ผมก็ต้องรู้สิครับ ถามไอ้สองคนนี้ดูก็ได้”
เดชรับลูก ตลกสุดๆ เลยครับ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ” สิงห์บอก
หยาดฟ้าเริ่มสับสน “แน่นะ”
“ครับ...ว่าแต่ทำไมถึงสงสัยเรื่องนี้ล่ะ เขาเกี่ยวอะไร กับคุณเหรอ”
“ก็เปล่า” หยาดฟ้าจะเดินออกไป สิงห์กระโดดมาหาแล้วคว้าข้อมือ ตะคอกถาม
“คราวนี้ธุระของฉันบ้าง...พวกแกเอาไอ้ก้องไปไว้ไหน”
หยาดฟ้าชักโกรธ “ไม่รู้...ถ้านายฤทธิ์จับไป ทำไมไม่ไปถามนายฤทธิ์ล่ะ”
“สักวันพวกฉันจะทำให้พวกแกอยู่บนเกาะนี้ไม่ได้”
หยาดฟ้าสะบัดมือ หัวเราะใส่หน้าสิงห์
“หาเงินให้ไอ้พวกชาวบ้านที่มันเอาที่ทางมาจำนองไว้ กับฉันสิ...มาไถ่ไปให้หมดก่อน ถ้าไม่มี ที่ดินบนเกาะ นี้ต่างหากล่ะที่เป็นของฉัน...อาศัยวัดอยู่อย่าทำสู่รู้ จำไว้”
หยาดฟ้าเดินไป เดชยืนขึ้น พูดตามหลังไป
“อย่าลืมจับจองที่ดินไว้ล่วงหน้าว่าตรงไหนจะใช้ฝังศพ ด้วยล่ะ จะช่วยสงเคราะห์ให้”
หยาดฟ้าหยุดหันมา จ้องหน้าดุๆ แล้วสะบัดหน้าเดินกลับไป
สารวัตรกำลังคุยกับปลาดุก มีเนตรทรายนั่งอยู่ด้วย
“ผมฟังเรื่องราวบนเกาะมุกแล้ว เป็นห่วงดารินมากเลย หมวดว่าไง ถ้าเราจะส่งกำลังไปช่วยเสริม”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีค่ะ เพราะดารินทำงานต่อต้านพวกมัน ตามลำพัง มีพวกผู้ใหญ่บ้านกับพรรคพวกเท่านั้นที่คอย ช่วยเหลือดาริน”
“เราคงต้องสนับสนุนในทางลับค่ะสารวัตร”
สารวัตรพยักหน้า “บอกดารินด้วยว่าต่อไปนี้จะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป ขอให้ ทำงานเดินหน้าเต็มที่”
เนตรทรายน้อมรับ “ค่ะ ดิฉันจะส่งข่าวให้รินทราบ”
ปลาดุกพุ่งมาหาพ่อที่ค่ายมวย ไม่ต้องบอกว่านิลดีใจมากเพียงใด ชายสูงวัยกอดปลาดุก นํ้าตาคลอ
“เอ็งนึกยังไงถึงกลับมา ข่าวคราวก็ไม่ส่งมาเลย ข้านึกว่า ข้าเสียลูกสาวไปแล้ว”
“ฉันคิดถึงพ่อ...แต่ว่าอีกไม่นานก็คงกลับไปใหม่”
“ได้งานการที่นั่นทำเหรอ แล้วไม่ชกมวยแล้วหรือไง” นิลแปลกใจ
“ยิ่งกว่าชกมวยอีกพ่อ ฉันเข้าไปอยู่ในแดนเถื่อน มีแต่ พวกมิจฉาชีพ ตอนนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังพิจารณาติดยศร้อยตรีให้ฉันอยู่นะพ่อ”
นิลมองปลาดุกอย่างทึ่งๆ “พ่อไม่คิดเลยว่าเอ็งจะมาไกลขนาดนี้...ทำดีต่อแผ่นดิน ไม่ต้องกลัวตายนะลูก...เพราะเรายังมีแผ่นดินไว้ฝังศพเรา”
ปลาดุกยิ้มให้พ่อแล้วอ้อน “ฉันอยากกินแกงส้มฝีมือพ่อ ปลาดุกย่างกับสะเดาด้วยก็ ดี พ่อทำให้ฉันกินหน่อยนะ”
“เออ ได้ๆๆ”
ห้องพักของดาริน ที่ดารินพูดโทรศัพท์อยู่
ดาริน ขอบใจมากนะเนตร...ฉันดีใจที่สารวัตรเห็นความสำคัญ ของงานนี้
ตัดสลับไปที่เนตรทราย เนตรทราย เห็นสิ สารวัตรพูดตลอดนะว่าเป็นห่วงเธอ บางทีฉันอาจ จะต้องไปช่วยเธออย่างลับๆ ที่เกาะมุก...
ดาริน ดีสิ...เราคงได้พบกันที่เกาะมุกนะ...
เนตรทราย แน่นอนจ้าริน...
เช้านี้หยาดฟ้ากับฤทธิ์หารือกันอยู่ในบ้านพักกำกัน ทั้งสองมีสีหน้ากังวล
“เทวายืนยันว่านังดารินไม่ใช่นักเลงเทวดา แต่ฉันยัง ไม่หายสงสัย ผู้หญิงตัวคนเดียว ทำงานชงเหล้า วุ่นวายสอดรู้สอดเห็น มันเข้ามาทำงานที่เกาะมุกทำไม”
“อาจารย์คล้ามเคยเตือนผมแล้วว่าพลังเทวดาคนที่เหลือ อยู่ใกล้ๆ แต่ผมก็ยังคิดว่าไม่ใช่ดาริน”
“มันต้องพิสูจน์ เราต้องร่วมมือกัน”
ในตอนกลางวัน ขณะที่ดารินขี่มอเตอร์ไซค์มา ลูกน้องของฤทธิ์ล้วนฝีมือดีขี่มอเตอร์ไซค์มาตีขนาบข้างแล้วปาดหน้าจนรถของดารินเสียหลัก
“หมาหมู่หรือไงวะ...แน่จริงเข้ามาทีละคนสิ”
ดารินตั้งท่าการ์ดมวย ลูกน้องฤทธิ์เข้าไปสู้ ดารินใช้ลีลามวยเอาชนะด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่า ลูกน้องฤทธิ์ร่วงลงทีละคน
หยาดฟ้ากับฤทธิ์ซุ่มดูอยู่ที่มุมหนึ่ง “นายฤทธิ์เห็นหรือยังว่ามันไม่ได้ธรรมดา”
ฤทธิ์บอก “ไม่แปลก”
หยาดฟ้าฉงน “ทำไม”
“เห็นเฮียเม้งเล่าว่ามันเป็นนักมวยหญิงมาก่อน...เคยควํ่า แชมป์จากพัทยามาแล้วนะ”
“ถ้างั้นก็ใช้พลังเทวดาของนายจัดการมันเลยสิ”
ฤทธิ์หน้าเศร้าไป “ผมทำไม่ได้”
หยาดฟ้าตกใจ “ทำไม”
“พลังสายฟ้าหายไปจากผมนานแล้ว...เหลือแต่วิชาที่ อาจารย์คล้ามสอนผม”
“นายก็เอามาใช้สิ”
ฤทธิ์ส่ายหน้า ดวงตาเศร้าไป “ตั้งแต่วันนั้น อาจารย์ก็ไม่เคยช่วยผม ไม่มาปรากฏให้ เห็นอีกเลย คุณหยาด พูดมาก็ดีแล้ว ช่วยผมหน่อยนะ”
หยาดฟ้างงอีก “อะไร”
“ยอมให้อาจารย์แฝงร่างผม เพื่อเราจะได้กลับมามีอำนาจ เหมือนเดิม เราจะทำงานด้วยกัน”
“ให้มันหลับนอนกับฉันน่ะเหรอ”
“คิดเสียว่านอนกับผม...คุณหยาดรักผมไม่ใช่เหรอ”
หยาดฟ้าอึ้งไป เสียงของฤทธิ์เว้าวอนสำทับมาอีก
“นะครับ...ผมเชื่อว่าอาจารย์จะช่วยเรา เราจะได้เลิกอยู่ ในอำนาจของเสี่ยคงคาเสียที”
หยาดฟ้าอึ้งนิ่งงันไป
ดารินจัดการสมุนฤทธิ์ลงไปกอง แล้วขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป เห็นบรรดาสมุนนอนอยู่ที่พื้น ท่าทางต่างๆ กัน
หยาดฟ้าออกมา ตวาดแว้ด “พวกแกนี่ไม่ได้เรื่องสักคน...แพ้กระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แล้วจะมีปัญญาทำอะไรได้..ฟังให้ดีนะ ใคร ก็ตามที่ฆ่ามันได้ ฉันจะให้รางวัลอย่างงาม”
ฤทธิ์ตะลึงในความโหดร้ายของหยาดฟ้า หน้าซีดไป
หยาดฟ้าหันมาหาพูดกับฤทธิ์
“ต้องฆ่าสิ...จะเอามันไว้ทำไม ถ้ามันเป็นนักเลงเทวดา จริง เราก็หมดเสี้ยนหนาม”
“แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะ”
“หมูหมากาไก่ ตายวันละเป็นล้านตัว ทำไมนายฤทธิ์ ไม่ตั้งคำถามบ้าง...ทำไมต้องหาเหตุผลกับคนอย่างนัง ดารินด้วย...หรือว่าหลงรักมัน”
หยาดฟ้ามองจ้อง ฤทธิ์ส่ายหน้า “เปล่า...ถ้าคุณคิดว่าทำได้ ก็เชิญตามสบาย”
“ยังไม่อยากพูดจาประชดประชันกันตอนนี้ แต่อยากจะบอกนายว่า เสี่ยคงคาเริ่มสงสัยเรื่องของเรามานาน แล้ว ระวังว่าเขาจะฆ่าเราก่อนที่เราจะลงมือทำอะไร”
ฤทธิ์อึ้งไป สีหน้าเครียดเคร่งถนัดตา
อ่านต่อหน้า 3
พายุเทวดา ตอนที่ 15 (ต่อ)
ในวันต่อมา คงคากับคำรณคุยกันหน้าเครียดหลังรู้ข่าว คงคาถามลูกน้องทั้งสามคน
“แน่ใจนะว่าไอ้ที่มันยิงถล่มเอ็งน่ะเป็นพวกตำรวจ”
พันบอก “แน่ใจครับ...ถ้าผมไม่วิ่งหนีออกมานอกรถ มีหวังรถระเบิดไฟท่วมแน่”
คำรณเครียด “ไม่อยากเชื่อเลยว่างานของเราอยู่ ในสายตาของพวกมันตลอด”
“โดยเฉพาะนังดาริน...พ่อเตือนแกนะคำรณ ถอนตัวออกจากมันซะ...อย่าไปติดกับมัน มันกําลังใช้เสน่ห์ลวงให้ แกกับฉั นพินาศ ร้านเฮียเม้ งพังคราวก่อนก็น่าจะเป็นฝีมือมัน”
คำรณหงุดหงิด พูดอย่างย่ามใจ “พ่อคิดมากไปได้ ถึงรินจะเป็นตำรวจหรือเป็นพวก นักเลงเทวดาอย่างที่พ่ อสงสัยก็ไม่น่าเป็นปัญหา เพราะ วันไหนที่รินเป็นเมียผม รินก็ต้องเป็นพวกของเรา”
คงคาส่ายหน้าเอือมๆ “แกแน่ใจ”
“รินยังไม่น่าเป็นปัญหาเท่ากับคุณหยาดฟ้าของพ่อหรอก ป่านนี้ยังไม่กลั บบ้าน สงสัยอยู่ บ้านไอ้ ฤทธิ์มั้ง”
คงคาไม่พอใจมาก “แกไม่ต้องยุ่ งเรื่องของฉัน”
“พ่อก็อย่ายุ่งเรื่องผู้ หญิงของผมด้วยเหมือนกัน”
คงคาจ้องหน้าลูกชาย
“แกเห็นนั งงูเห่าดีกว่าพ่อเหรอ คำรณ”
คำรณไม่ตอบ เมินหน้าไม่กล้าสบตาดุดันของพ่อ คงคาเดินออกไปนอกห้องอย่างฉุนเฉียว
คงคาเดินไปทางหนึ่งก็เห็นกานดากับพร้อมยืนอยู่ กานดาจ้องมองมาที่คงคาเขม็ง
“หงุดหงิด เมียไม่กลับบ้านเหรอ...พาลด่าลูกเสียงดังลั่น บ้าน...คำรณมันพูดถูก นังหยาดฟ้าน่ะไว้ใจไม่ได้”
“พูดยังกะว่าผู้หญิงของเจ้าคำรณมันวิเศษนักนี่ สารพัด พิษพอตัวเลยละ ถ้าไม่มีนังนี่ นังเปียก็คงไม่หนีไปได้ สมนํ้าหน้า ตายซะก็ดี”
กานดานิ่งอึ้ง เช่นเดียวกับพร้อม “คุณพูดเหมือนชีวิตคนเป็นผักปลา จะฆ่าจะแกงจะทำ อะไรก็ได้ ระวังกรรมจะตามสนอง”
คงคาไม่พอใจ เดินหนีไป
คำรณขุ่นใจ หันไปบอกลูกน้อง “ไอ้พัน เตรียมเรือเร็ว ไปเกาะมุกกัน..เอ็งสองคนจะตาม ไปด้วยมั้ย”
“ไปสิครับ ผมสองคนจะได้อ้างได้ว่าไม่ต้องไปหยอดนํ้าผึ้งให้ศพอาจารย์คล้ามที่เกาะหัวสิงห์” ธงว่า
ศรบอก “จริงด้วยครับ คุณคำรณ”
“งั้นก็ไปกัน ข้าเบื่อบ้านเต็มทีแล้ว เอ็งโทร.บอกเฮียเม้ง ด้วยว่าคืนนี้ข้าจะไปที่ร้าน ให้ดารินอยู่ต้อนรับด้วย”
ศรน้อมรับ “ครับผม”
ที่สำนักงานที่ทำการผู้ใหญ่บ้านคืนนั้น เทวาเดินไปมาท่าทางครุ่นคิด หันมาบอกเดชกับสิงห์
“ถ้ายังหาไอ้ก้องไม่เจอ ข้าว่าจะกดดันมันด้วยการตรวจ ค้นสถานบันเทิงของพวกมันทุกคืน ปิดบ่อน ปิดทุกอย่าง ที่เป็นผลประโยชน์ของมันบนเกาะมุก”
สิงห์บอก “ได้ยิงกันแน่...พวกมันคงไม่ยอมให้เราทำอะไรได้ สะดวกหรอก”
“แต่ก็น่าลองดู...เริ่มคืนนี้เลยเป็นไง หรือว่าเอ็งปอดวะไอ้สิงห์ สิงห์ ไม่ได้ปอด แค่เมานิดหน่อย...แต่ก็ไปได้...มีเราแค่สาม คนมันจะทำอะไรได้วะ” เดชว่า
เทวายิ้ม “ใครบอกล่ะ ครูประสิทธิ์แจ้งตำรวจ และทำเรื่องให้ เป็นผลงานร่วมระหว่างผู้ใหญ่บ้านกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ”
เดชเอ่ยขึ้น “ครูใหญ่นี่ สมกับเป็นที่ปรึกษาของเราเลยนะ”
ที่ด้านนอกดารินขี่รถมาจอด เทวารีบออกมาต้อนรับ เดชกับสิงห์มองดู
“ไอ้เทวาคิดยังไงนะ ถึงชอบผู้หญิงอาชีพแบบนี้” สิงห์แปลกใจ
“ระวังจะมีคนถามว่าทำไมเอ็งถึงชอบนังเปีย” เดชย้อน
สิงห์ย้อนเจ็บ “เออ แล้วทำไมเอ็งชอบนังแสงดาว”
ดารินกับเทวาหารือกัน
“มันลอบทำร้ายฉัน...ดีว่ารอดมาได้”
“พวกไหน”
“พวกกำนันแหละ ฉันจำหน้าลูกน้องบางตัวของมันได้ นายต้องระวังตัวไว้บ้างนะ เทวา เช่นกัน...อย่าประมาทนะ แล้วตอนสู้กับมันได้ใช้พลัง เทวดาบ้างหรือเปล่า”
“เปล่า...มวยไทยล้วนๆ”
“ดี ถ้าจำเป็นต้องใช้พลังเทวดา ผมจะบอกเองว่าเป็นฝีมือ ของผม อย่าบอกเรื่องที่คุณเป็นหนึ่งในพลังเทวดากับใคร...รับปากได้มั้ย”
ดารินค้อน “ค้า...คุณเทวดา สลาตัน”
เทวายิ้มชื่น ดารินขึ้นรถขี่ออกไป
ฟากคำรณก้าวเข้ามาในบ้าน พัน ธง ศรตามติด ลูกน้องของฤทธิ์ไม่กล้าทำอะไร ได้แต่คุมเชิงอยู่รอบๆ ฤทธิ์กับหยาดฟ้าออกมาจากในห้อง
คำรณแขวะดักคอ “อยู่ห้องเดียวกันด้วย คงไม่ได้นอนด้วยกันนะคุณแม่เลี้ยง”
ฤทธิ์แก้ตัว “คุณคำรณ ผมกับคุณหยาด...เอ้อ...”
คำรณสวน ท่าทีวางอำนาจ “ข้าไม่ได้ถามเอ็ง”
ฤทธิ์สีหน้าสลดไป
“เราไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคำรณเข้าใจหรอกค่ะ” หยาดฟ้าบอก
คำรณไม่เชื่อนัก “อย่าให้รู้ละกันว่าร่วมกันสวมเขาให้พ่อฉัน ฉันไม่เอาแก สองคนไว้หนักโลกแน่...รีบกลับบ้านไปขอขมาพ่อฉัน ซะ ก่อนไปปีนต้นงิ้วในนรก”
ฤทธิ์โกรธ แต่ระงับไว้
หยาดฟ้าแก้ให้ “ที่หยาดอยู่ที่นี่ เพราะช่วงนี้ต้องเอาสินค้าส่งลูกค้าทางเรือ ขืนไม่อยู่คุมสิ เสี่ยคงคาจะหาประโยชน์จากที่ไหน”
“ผมจะเชื่อใจคุณหยาดได้ยังไง” คำรณประชดในที
ฤทธิ์บอก “ไม่ครับ...ถ้าคุณคำรณว่าง ผมจะเชิญไปที่กระท่อม ท้ายเกาะ ไปดูหน้าคนระบายสินค้าส่งเอเยนต์”
คำรณพยักหน้าพอใจ “ก็ดี จะได้เอาไปเล่าให้พ่อฟัง หวังว่าคงเป็นข่าวที่ทำให้ ฉันกับพ่อตื่นเต้นจนแทบระงับไว้ไม่อยู่”
ในเวลาต่อมาที่กระท่อมในซอยเปลี่ยว ก้องนั่งอยู่มุมหนึ่ง ฤทธิ์กับคำรณยืนคุมอยู่ ลูกน้องทั้งสองฝ่ายต่างคุมเชิงกันและกัน
คำรณบอก “ถ้าเอ็งทำงานสำเร็จ ข้าจะให้ส่วนแบ่งจากการขายยา ให้เอ็งด้วย เอ็งจะได้มีเงินซื้อยาเสพให้มีความสุขไป ตลอดชีวิต”
ก้องมองคำรณ สีหน้าหวาดๆ “คะ...ครับ นายไม่หลอกผมนะ”
“ไม่หลอก...ขออย่างเดียว เอ็งอย่าทรยศข้าก็แล้วกัน”
ฤทธิ์สั่งการ “คืนนี้เอ็งคุมยาไปส่งเรือประมง จอดอยู่กลางทะเล เรือตกหมึกที่อยู่รอบๆ นั่น เป็นพวกของเราทั้งหมด.. ไม่ต้องกลัวอะไร”
ก้องมองหน้าฤทธิ์ ดวงตาหวาดหวั่น
คำรณหยัน “ท่าทางมันตาขาว...เฮ้ย ถ้าเห็นท่าไม่ดี เอ็งก็ยิงมันทิ้ง กลางทะเลเลยนะโว้ย”
พัน ธง ศรหัวเราะเหี้ยม มองไปที่ก้อง
กลางดึก เรือตกหมึกลอยลำอยู่กลางทะเล เปิดไฟสว่างไสว เห็นเรือประมงลำหนึ่งแล่นมา คนรับยาที่อยู่ในเรือตกหมึกส่องกล้องดู เห็นคนขับเรือโบกธงเป็นสัญญาณ คนรับยากระโดดไปที่เรือสปีดโบ้ตลำหนึ่ง แล้วขับออกไป ก้องส่งกระเป๋ายาเสพติดให้มือสั่นๆ
คนรับยาถามหมิ่น “เพิ่งทำเหรอวะ ท่าทางปอดเชียว เดี๋ยวก็ชินไอ้น้อง”
ก้องหน้าเสีย สำนึกผิดชอบชั่วดีทำให้เขารู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
พอเสร็จงานก้องกลับมาที่กระท่อม ฤทธิ์บอกกับก้องอารมณ์ดี
“งานแรกผ่านไปสวย งานต่อไปก็ต้องทำได้อย่างนี้นะ น้องพี่...รางวัลวันนี้ พี่จะให้เต็มที่เลย”
ฤทธิ์ล้วงกระเป๋ากางเกงกำหลอดผงสีขาว บรรจุไว้ในหลอดพลาสติกเล็กๆ หลายหลอด ฤทธิ์โปรยใส่หัวของก้อง ก้องรับไปด้วยความลนลานดีใจ
หลอดผงขาวกลิ้งไปที่มุมธงกับพันยืนอยู่ ทั้งสองใช้เท้าเหยียบไว้
คำรณพอใจ “ดี...ต่อไปจะได้ให้มันเป็นหัวหน้าส่งยาให้ลูกค้า...เป็น พี่น้องนักเลงเทวดาอย่างนี้สิวะ พวกมันคงไม่กล้าฆ่า ไอ้ก้องหรอก...จริงมั้ยนายฤทธิ์”
“ไม่ทราบครับ” ฤทธิ์ว่า
คำรณฉุน “ถุย....ไม่ทราบ ฝีมืออย่างเอ็งน่ะ ไม่ได้ขี้เล็บไอ้เทวา ถ้า มันจะฆ่าเอ็ง ก็ทำเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ที่มันไม่ทำก็เพราะเอ็ง เคยเป็นพวกเดียวกับมัน...ข้าจะเอาพวกมันมาเป็นพวก ให้หมดทุกคน”
ก้องหันมองหน้าคำรณแล้วก้มลง
“คุณหยาด กลับบ้านไปก่อน...ถ้าผมยังเห็นคุณหยาดอยู่ บนเกาะนี้ ผมฆ่าคุณหยาดแน่” คำรณวางอำนาจเต็มที่
หยาดฟ้านิ่ง แค้นเคือง แต่ไม่กล้าแสดงออก
เวลานั้น พันกับธงคุยกันอยู่ มีหลอดผงสีขาวอยู่ในมือทั้งคู่
พันเอ่ยขึ้น “เอาไปขายกับไอ้พวกขี้ยาคงได้เป็นร้อย”
ธงเห็นด้วย “ใช่...ไอ้ศรเอ็งได้มาหรือเปล่าวะ”
“มันไม่กลิ้งมาทางข้านี่หว่า” ศรบอกในจังหวะที่คำรณออกมาพอดี
“ไปร้านเฮียเม้ง” ธงเข้านั่งที่ ศรเปิดประตูให้คำรณนั่งหน้า คำรณเข้าไป ศรปิดประตู
หยาดฟ้าหงุดหงิดสุดขีดหันมาระเบิดใส่ฤทธิ์
“ได้ยินมั้ยมันขู่ฆ่าฉัน...นายต้องคิดทำอะไรบ้างแล้วนะ นี่มันเข้ามายุ่มย่ามกับการส่งยาของนายแล้ว ต่อไปมัน ก็คงทำเอง อำนาจนายก็คงไม่เหลือ...แถมยังไม่มีรายได้ อีกด้วย”
“เสี่ยคงไม่ใจร้ายกับผมหรอกน่า ผมทำทุกอย่างเพื่อเสี่ย”
“นายฤทธิ์ยังไม่รู้จักมันดี...รูปร่างหน้าตาเป็นคน ก็ไม่ได้ หมายความว่าจิตใจมันจะเป็นคนหรอกนะ...ทุกวันนี้ฉัน คิดอย่างเดียวว่าจะปลดแอกจากมันได้ยังไง...นายฤทธิ์ อย่านิ่งเฉยนะ มันฆ่าฉันแน่ เผลอๆ มันก็ฆ่านายด้วย นายไม่ได้ยินเหรอว่ามันพูดจาดูถูกนายตะกี้นี้”
ฤทธิ์แค้น สีหน้าเหี้ยม “ผมไม่ยอมหรอกคุณหยาด แต่ตอนนี้คุณกลับไปก่อน ผมจะให้ลูกน้องไปส่งคุณ”
หยาดฟ้าโผกอดฤทธิ์ ขณะที่ก้องนอนหมดสติอยู่ในอาการเมายาตรงมุมห้อง มีคนคุมนั่งก้มหน้า เมายาเช่นกัน
ดารินทำงานอยู่ กำลังบริการแขกโต๊ะหนึ่ง คำรณ พัน ธง และศรเข้ามาพอดี เฮียเม้งปราดไปต้อนรับ
“เชิญครับ...เชิญครับ...เชิญคุณคำรณทางนี้เลยครับ” เม้งนำคำรณนั่งที่โต๊ะหนึ่ง พัน ธง ศร นั่งลง
“เฮียเม้งคงเข้าใจนะว่าผมมาที่นี่ ผมต้องการอะไร”
ทั้งหมดมองไปก็เห็นดารินพูดคุยกับแขกโต๊ะนั้นอยู่ มีชายคนหนึ่งในโต๊ะนั้นเป็นลูกค้าใหม่ ส่งสายตาและพูดจาเป็นเชิงจีบดาริน
“นี่ถ้ารู้ว่าพนักงานเสิร์ฟสวยยังงี้นะ พี่มาร้านนี้แต่เมือวาน แล้ว...ชื่ออะไรจ๊ะคนสวย”
ดารินมองไปทางคำรณก็เห็นจ้องมองมาด้วยความหึง เลยแกล้งยั่วโทสะ
“ชื่อไม่สำคัญหรอกพี่ วันนี้ชื่อดอลลี่ วันพรุ่งนี้ชื่อดอลล่า ก็ได้...สำคัญที่ใจมากกว่า”
ดารินเอามือแตะหัวใจแขก แขกตะปบมือปับ จ้องตาดาริน
“คืนนี้ไม่อยากนอนคนเดียว พี่กลัวผี.. ขาดคำ”
คำรณเอะอะขึ้น พัน ธง ศรเตรียมพร้อม
“แล้วเอ็งจะได้ไปอยู่ในเมืองผี”
ดารินแสร้งทำเป็นตกใจ ผงะถอยหนี เม้งหน้าเสีย กลัวร้านพัง พัน ธง ศรเดินหน้าต่อยพวกแขกกลุ่มนั้น คำรณตรงเข้ากระชากคอเสื้อแขกที่จีบดาริน
“ออกไป รู้ไว้ด้วย ผู้หญิงคนนี้ ของข้า”
คำรณต่อยหน้าแขกจนล้มลงไป แขกโต๊ะอื่นกระเจิงลุกฮือหนี
หน้าร้านตำรวจหลายนายเข้ามา สะกัดไม่ยอมให้กลุ่มคนในร้านออกไปได้
พันบอก “นาย...ตำรวจ”
คำรณหันมา “ไม่ใช่ตำรวจท้องที่นี่...มาจากไหนกัน”
ดารินจำสารวัตรกับเนตรทรายได้ เนตรทรายแต่งนอกเครื่องแบบเป็นชุดทะมัดทะแมง
ดารินพึมพำ “เนตร...สารวัตร”
สารวัตรเอ่ยขึ้น “ท้องที่ไหนก็ไม่สำคัญหรอก ผมได้รับรายงานว่าเกาะนี้ มียาเสพติดมาก ขออนุญาตตรวจค้นทุกท่านครับ”
ตำรวจเริ่มปฏิบัติการตรวจค้นแขกอื่นๆในร้านตามขั้นตอน เนตรทรายช่วยตรวจค้นแขกผู้หญิง โดยมีตำรวจหญิงเพิ่มอีกหนึ่งคน เทวา สิงห์ เดชเข้ามา
คำรณ “อ้อ ฝีมือพวกเอ็งเหรอวะ ไอ้เทวา”
“เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านครับ”
คำรณบอกกับสารวัตร ท่าทางไม่ยำเกรง “ถ้าผมไม่ยอมให้ค้นล่ะ”
“ก็ต้องถือว่าคุณขัดขืนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ”
“โทษแรงมากมั้ย ช่วยบอกหน่อยว่ามาจากหน่วยงานไหน ผมจะได้เช็คบิลได้ถูก”
สารวัตรมองหน้าคำรณ พูดยิ้มๆ “คุณอาจจะเจอกับคนที่สยบกับเงินและอำนาจที่คุณมีมา มาก...แต่สำหรับพวกผมแล้ว คุณคิดผิดถนัดครับ...เงินซื้อผมไม่ได้” สารวัตรหันไปบอกกับตำรวจ “ปฏิบัติงาน”
เทวาบอกสองเพื่อน “สิงห์ เดช ในฐานะที่นายเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ช่วย เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วย”
“ได้เลยครับผู้ใหญ่” เดชรับคำทันที
สิงห์หันตัวพันเข้าข้างฝา ค้นที่กระเป๋ากางเกง เจอผงขาวหลอดหนึ่ง
“เจอ แล้วครับ...ผงขาว”
เดชก็พบที่กางเกงของธง “ไอ้นี่ก็มี” ศรหน้าเสียไป สบตากับคำรณ
คำรณขู่ “อย่าคิดว่าจะออกไปจากเกาะนี้ได้”
คำรณเปิดฉากยิงใส่กลุ่มตำรวจ กลุ่มแขกพากันกรีดร้องแล้ววิ่งหนี เม้งสับคัทเอาท์ ไฟดับทันที ทั้งร้านตกอยู่ในความชุลมุน
สารวัตรตะโกน “อย่ายิง ระวังจะโดนผู้บริสุทธิ์”
จังหวะนี้มีเสียงปืนยิงกันดังขึ้น รับภาพด้านนอก เหตุการณ์ชุลมุนหนัก นักเที่ยวต่างแย่งกันขับรถหนี สาดไฟใส่กัน ในความมืดสลัวมีแสงไฟจากภายนอก
เทวาจับตัวเม้งไว้ได้ เม้งขัดขืนโวยลั่น
“ปล่อย ปล่อยอั๊ว ไอ้เทวา ปล่อย”
รถของคำรณแล่นไปท่ามกลางความชุลมุนของรถหลายคัน ดารินสับคัทเอาท์ ไฟเปิดขึ้น มีตำรวจนายหนึ่งถูกยิงบาดเจ็บที่หัวไหล่
สารวัตรรีบไปดูแลปฐมพยาบาลด่วน”
เทวาบอก “อนามัย พอจะช่วยได้ มีหมอเก่ง ผมจะโทร.บอกหมอนที ให้ครับ”
เทวาผลักเม้งไปหาสารวัตร “คนนี้เป็นเจ้าของร้านครับท่านสารวัตร”
สารวัตรพยักหน้า “ดี ผมจะได้กุมตัวไว้สอบปากคำ...เนตรเป็นธุระพาหมวด ไปทำแผลด้วย”
ดารินอาสา “ดิฉันพาไปเองค่ะ”
“ขอบใจ”
เม้งหันไปตวาดใส่ดาริน “ลื้อยุ่งอะไรกับเขาด้วย”
ดารินย้อน “รู้จักคำว่านํ้าใจมั้ยเฮีย...หรือว่าสะกดไม่เป็น”
เม้งทำหน้าแค้นๆ แต่ทำอะไรไม่ได้
ตำรวจคุมตัวนักเที่ยวชายวัยรุ่นสองคน “สองคนนี้ก็มียาอยู่ด้วยครับ”
สารวัตรสั่งการ “ดีจะได้สอบสวนไปพร้อมกันเลย”
เม้งขัดขืนไม่ยอมให้สารวัตรนำตัวไป คุยโตโอ้อวด
“จะสอบสวนอั๊วเรื่องอะไร พวกมันมียา แต่อั๊วไม่ เกี่ยวข้องด้วย ไอ้สองตัวนั่นมันลูกน้องของเสี่ยคงคา แล้วคนที่เป็นหัวหน้าน่ะ รู้มั้ย นั้นน่ะลูกชายของเสี่ย …พวกลื้อเดือดร้อนแน่”
.สิงห์ถ่มนํ้าลาย “ถุย”
เม้งแค้น “ไอ้สิงห์”
สิงห์พูดท้าทาย “จะลูกชายเสี่ยหรือพ่อเสี่ย ก็ถูกจับได้เหมือนกันโว้ย”
เดชเยาะ “ไอ้พวกนั้น น่าจะรับสารภาพว่าเอายามาจากที่ไหน ตำรวจสาวถึงต้นตอแน่”
นักเที่ยวสองคนหน้าเสียไป เช่นเดียวกับเม้ง
สารวัตรหันมาทางกลุ่มเทวา “ขอบคุณผู้ใหญ่มากครับ คราวหน้าคงมีโอกาสปฏิบัติ งานร่วมกันอีก”
“ครับ ผมจะไปส่งที่ท่าเรือ ผมไม่ไว้ใจหรอกครับ หากว่า ท่านสารวัตรยังออกไปไม่พ้นเกาะนี้ หน้าที่รับผิดชอบ ของผมก็ยังมีอยู่”
ไม่นานต่อมา รถสองคันขับตามกันไป มีรถที่ตำรวจใช้ขับนำตามด้วยสองแถวของเดช รถทั้งสองขับไปตามถนนบนเกาะมุมต่างๆ
รถจอดที่ท่าเรือ สารวัตร ตำรวจ เม้ง นักเที่ยวสองคนลงเรือ เรือเริ่มแล่นออกจากท่า เทวา เดช สิงห์ ยืนส่งอยู่
เลนส์ลำกล้องปืน เล็งตรงเห็นหัวของนักเที่ยวทั้งสองอยู่กลางกากบาท นักเที่ยวทั้งสองถูกยิงด้วยนักแม่นปืน คนละนัดล้มลง ตำรวจในเรือแตกฮือ เทวา เดช สิงห์มองอย่างตกตะลึง แล้วหันมาก็เห็น พัน ธง และศร วิ่งไปที่รถของคำรณซึ่งจอดอยู่
เทวาตะโกน “ตามไป”
เดชเหน็บ “มีพลังเทวดา แต่ก็เหาะไม่ได้นี่หว่า”
รถของคำรณแล่นไปแล้ว เทวานึกได้ “ไปอนามัย ข้ากลัวว่าพวกมันจะตามไปเก็บตำรวจที่บาดเจ็บ”
“ไอ้เดช รถเอ็งไง”
ทั้งสามวิ่งไป
คงคาพูดโทรศัพท์อยู่ในห้องนอนหน้าเหี้ยม
“มันหยามข้า ถึงขนาดเอาตำรวจนอกท้องที่มาจัดการ กับข้าเลยรึ”
เสียงหวานใจดังมา “คุณหยาดต้องระวังหน่อยนะคะ หมู่นี้เสี่ยอารมณ์ไม่ดี สงสัยว่าเป็นเพราะคุณหยาดไม่ได้อยู่บ้าน”
คงคาตวัดไปทางเสียง “มาแล้วรึ นังตัวดี”
หวานใจกระซิบกับหยาดฟ้า “เมื่อกลางวันก็ทะเลาะกับคุณคำรณค่ะ นี่คุณคำรณก็ไป ที่เกาะมุก”
“ฉันเจอเขาแล้ว...ขอบใจแกมากนะที่เป็นหูเป็นตาให้ฉัน หวานใจ”
“หวานมีเจ้านายคนเดียวนี่คะ...รักคุณหยาดเป็นที่สุดค้า” กะเทยถึกประจบ
หยาดฟ้ายิ้ม เปิดกระเป๋าส่งแบงค์พันให้หนึ่งใบ หยาดฟ้าเปิดประตูเข้าไป หวานใจจูบแบงค์พัน
“แค่ทำไร่สตรอเบอรี่แป๊บเดียวได้ตั้งพันบาท”
หยาดฟ้าโผเข้ากอดคงคา “เสี่ยขา” คงคาจับแขนของหยาดฟ้าออก “ทำไมล่ะคะเสี่ย”
“ฉันไม่แน่ใจ”
“เรื่องอะไรคะ”
“เนื้อตัวเธอไม่มีกลิ่นคาวผู้ชายอื่นแน่นะ”
หยาดฟ้าทำเป็นผงะตกใจ “หยาดไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้นนะคะ”
“วันนี้ไอ้ฤทธิ์ วันหน้าใครล่ะ ไอ้เทวาละมั้ง”
“หยาดทำตามความต้องการของเสี่ยนะคะ เสี่ยบอกให้ หยาดยั่วยวนนายฤทธิ์เพื่อให้มาเป็นพวกกับเรา แล้ว ทำไมวันนี้เสี่ยถึง...”
คงคาตวาดกลับมา “ก็ฉันไม่คิดว่าเธอจะหน้าด้านไปสานสัมพันธ์ต่อจน เป็นจริงน่ะสิ”
“เข้าใจผิดกันไปหมด หยาดไม่ได้เป็นอย่างนั้นซะหน่อย หยาดไปทำงาน อย่างน้อยวันนี้เราก็ส่งยาได้สำเร็จ มีคน มาทำหน้าที่นี้แล้ว”
“ฮึ แล้วที่พวกตำรวจไปตรวจค้นร้านเฮียเม้ง ยิงกันจน เจ้าคำรณเกือบตายล่ะ เธอจะบอกว่ายังไง”
หยาดฟ้าตกใจ ส่ายหน้า “เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ระหว่างที่เธอนั่งลอยหน้าอยู่ในเรือกลับมาที่นี่ละมั้ง ฮึ เราเริ่มทำงานยากขึ้นทุกที...มันกล้าเอาตำรวจนอก พื้นที่มาจัดการกับเรา”
“มันหยามเกียรติเสี่ยชัดๆ ไม่มีทางทำสำเร็จหรอกค่ะ หยาดยอมตายเพื่อเสี่ยค่ะ มีอะไรให้หยาดทำก็ใช้มาเลย ค่ะเสี่ย”
หยาดฟ้ากอดเสี่ยคงคา ซบหน้ากับแผ่นหลัง เสี่ยคงคาหันหน้ามา แล้วกอดหยาดฟ้า จูบด้วยความรักและคิดถึง
ที่เกาะมุกกลางดึก หมอนทีกับแสงดาวช่วยกันทำแผลให้ตำรวจ หันมาทางเนตรทราย
“คงต้องให้คนไข้อยู่รักษาตัวอย่างน้อยคืนหนึ่งนะครับ... คนไข้เสียเลือดมาก”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะอยู่เฝ้าเขาเอง”
ดารินต้องทำเป็นเงียบ เพราะไม่กล้าบอกว่าเป็นเพื่อนเนตรทราย
“ถ้าคุณผู้หมวดหญิงจะค้างที่นี่ ฉันนอนเป็นเพื่อนคุณ ก็ได้ค่ะ”
เนตรทรายยิ้มขำรู้กัน “อุ๊ย เรียกซะโก้เลย...ฉันชื่อเนตรค่ะ เรียกเนตรก็ได้”
ดารินแซว “ชื่อเพราะจังค่ะ คุณเนตร”
แสงดาวตวัดสายตามองดาริน “ไม่ทำงานเหรอวันนี้”
“อุ๊ย...ทำสิคะ แต่ยิงกันเปรี้ยงปร้างซะก่อน จะให้ทำต่อ ได้ไง คนบาดเจ็บ คุณพยาบาลก็เห็นอยู่นี่คะ”
แสงดาวทำงานอย่างไม่พอใจ แล้วก้มหน้าเย็บแผลไป
“โชคดีว่าอนามัยพอจะช่วยทำแผลให้ได้ เพราะกระสุน ไม่ฝังใน ถ้าต้องผ่าตัดก็ต้องส่งโรงพยาบาลที่ฝั่งอย่าง เดียว...อันตรายเลยละครับ” หมอบอก
“โชคดีจริงๆ ด้วยค่ะ… ตำรวจเก่งทุกคน ผู้ใหญ่บ้านก็เก่ง ลูกน้องผู้ใหญ่บ้านก็เก่ง” ดารินบอกอีก
แสงดาวหมั่นไส้ตวัดสายตามองดาริน แต่ดารินทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ที่ด้านนอกอนามัย เห็นสนยืนคอยต้อนรับเทวากับพวกอยู่
“ลุงสน”
“หมอเรียกให้แสงดาวมาช่วย ลุงก็เลยขี่รถพามันมาส่ง”
เดชบอก “ลุงกลับไปเถอะครับ ดึกแล้ว ผมไปส่งแสงดาวให้เองครับ ลุงไม่ต้องห่วง”
“เออ ดีเหมือนกัน งั้นข้าฝากมันด้วยนะเจ้าเดช”
“ครับลุง”
สนตรงไปที่มอเตอร์ไซค์ สตาร์ทรถแล้วขี่ออกไป
สิงห์แซว “อย่างนี้มีสิทธิ์โว้ยไอ้เดช”
เทวาเดินเข้าไปแล้ว เดชบ่น “ข้าไม่มั่นใจหรอก แสงดาวไม่เคยเปิดใจให้ข้า”
เทวาเข้ามา ขณะที่แสงดาวทำแผลเสร็จพอดี
“เป็นไงบ้างครับคุณหมอ”
“ปลอดภัยครับ พักผ่อนหลายวันอยู่ครับ คืนนี้คงต้องให้ ค้างที่นี่ คนไข้เสียเลือดมาก”
“ดีแล้วครับ ตะกี้มันก็ส่งมือปืนมาเก็บพยานตายคาที่เลย”
ทุกคนหันมา โดยเฉพาะดารินกับเนตรทรายหน้าซีด
“พวกเรามีใครเป็นอะไรมั้ยคะ” เนตรทรายถาม
“ไม่มีครับ”
ดารินถาม “แล้วจับไอ้มือปืนนั่นได้หรือเปล่าคะเทวา”
“ผมตามไม่ทัน”
แสงดาวมองหน้าดารินกับเทวา ไม่แน่ใจว่าทำไมดารินถึงแสดงท่าทางวิตกมากอย่างนั้น
เดชตามเข้ามาหันไปทางแสงดาว “แสงดาว ลุงสนกลับบ้านไปแล้ว ลุงให้ผมไปส่ง”
สิงห์เชียร์ “ดีกว่ากลับเองนะ หน้าสิ่วหน้าขวานยังงี้”
นทีแทรกขึ้น “หรือจะให้ผมไปส่งล่ะครับคุณแสงดาว”
สิงห์ขัด “หมอต้องอยู่ดูคนไข้สิ เกิดคืนนี้ไอ้หมอนี่ช็อกขึ้นมาจะว่า ไงล่ะครับ”
“เออจริงด้วย”
สิงห์จัดแจง “ไอ้เดช หน้าที่เอ็งแล้วละ เชิญครับคุณแสงดาว”
แสงดาวจำใจเดินออกแต่ก็ไม่วายหันไปมองเทวา
เห็นเทวาถามดารินท่าทีห่วงใย “คุณรินไม่เป็นอะไรนะครับ”
แสงดาวทนฟังต่อไม่ได้ รีบเดินออกไปทันที เดชก้าวตามออกไป
แสงดาวเดินมาที่รถเดชหน้าอนามัย พูดงอนๆ “ฉันนั่งข้างหลังก็ได้”
“นั่งข้างหน้าคู่ผม”
“ทำไม”
“ถ้าลุงสนรู้เข้า แกต้องว่าผมแน่...อีกอย่างคุณจะทนหนาว อยู่ทำไม ลมแรงจะตายไป เกิดคุณไม่สบายขึ้นมา ลุง สนก็ต้องว่าผม”
เดชรีบเปิดประตูรถให้แสงดาวเข้าไปนั่ง แสงดาวมองแล้วเมินไปทางอื่น
รถแล่นมาตามทาง แสงดาวนั่งหน้านิ่ง มองตรงไปข้างหน้า เดชขับรถช้าๆ
“ไม่พูดอะไรกับผมสักคำเลยเหรอ”
“จะให้พูดอะไรล่ะ”
“อะไรก็ได้”
แสงดาวหันมาพูดรัวไม่พอใจ “พระจันทร์สวยมั้ย ดาวสวยมั้ย ถนนสวยมั้ย ต้นไม้สวย มั้ย...อากาศเย็นมั้ย...พอใจหรือยัง”
“ยัง...เพราะที่คุณพูดมาผิดหมด”
“นายจะมาไม้ไหนเนี่ย...หาไอ้พี่เดช”
เดชลอยหน้าตอบบ้าง “ที่ถูกต้องพูดว่า แสงดาวสวยมั้ย แสงดาวสวยมั้ย แสงดาวสวยมั้ย”
“บ้า”
แสงดาวเขิน ค้อนควักมองไปนอกรถ หลบตาเดช เดชหัวเราะอารมณ์ดี เร่งเครื่องขึ้น
ฝ่ายสิงห์กับเทวาคุยกันอยู่ด้านนอก
“ไอ้สิงห์ เอ็งกลับวัด ถ้าไอ้เดชกลับมา ข้าจะให้กลับไป อยู่กับเอ็ง ข้าบอกตรงๆ ว่าข้าไม่ไว้ใจว่าพวกมันจะย้อน ไปเล่นงานพวกเราที่วัด หรือไม่ก็ที่นี่”
“แล้วเอ็ง”
“ข้าจะอยู่ที่นี่เอง...ไปสิ ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น”
“ก็ได้วะ”
เทวาเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นคนไข้ หมอนทีจัดการเรื่องสายนํ้าเกลือเรียบร้อยแล้วก็บอกทุกคน
“คืนนี้ผมจะพักในห้องทำงานของผม อยู่ด้านหลังอนามัย ถ้ามีอะไรก็โทร.ได้เลยนะครับ”
“ขอบคุณครับหมอ”
“ไม่เป็นไรครับ...เดี๋ยวผมจะเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้ครับ ว่าแต่ตั้งสามคนจะนอนกันยังไง”
“แค่สองก็พอ ผมคงไม่นอนหรอก...จะอยู่เฝ้าข้างหน้า กลัวมันย้อนมาเล่นงาน เห็นมันยิงพยานตายต่อหน้าต่อ ตา ผมก็ไม่ไว้ใจอะไรอีกแล้วละครับ”
ดารินมองเทวาด้วยความเป็นห่วง เนตรทรายมองหน้าเพื่อน เทวาออกไปข้างนอก
เนตรทรายพูดเบาๆ “ฉันว่าเธอน่าจะมีอะไรพูดกับพ่อนักมวยรูปหล่อนะ”
ดารินงง “นักมวย”
“นึกว่าฉันจำไม่ได้เหรอ เขาเคยเป็นนักมวยอยู่ที่ค่าย ลุงนิล พ่อของปลาดุก”
“จริงสิ...เธอเคยเจอเขา”
“ก็เขาคนนี้ไม่ใช่เหรอที่ทำให้เธอต้องมาตามหาหัวใจ ถึงเกาะมุก...ไปสิ...เรื่องอื่นไว้คุยกันพรุ่งนี้”
ดารินยิ้มขอบคุณเพื่อนรัก แล้วเดินออกไป
เนตรทรายถอนใจเฮือก “เฮ้อ...เมื่อไหร่นะจะเจอแบบนี้บ้าง”
เนตรทรายทำตาฝันๆ ไม่รู้ว่านทีเข้ามา หมอนทียื่นหมอนเข้ามาตรงหน้าเนตรทราย
“แบบนี้ใช้ได้มั้ยครับ” เนตรทรายมองหน้าหมอนที ยิ้มเก้อๆ รับหมอนมา
“ก็...ใช้...ใช้ได้ค่ะ”
เทวายืนกอดอกมองฝ่าไปในความมืดเบื้องหน้า ดารินออกมาจากข้างใน
“กลัวมั้ย”
เทวาหันมา “ผมน่าจะถามคุณมากกว่า”
ดารินส่ายหน้า “กลัวสิ...แต่ถึงตอนนี้ ต่อให้ตายก็ไม่กลัว”
“ผมดีใจที่ได้ยินจากปากคุณ...แต่อย่าให้เป็นตามที่พูด เลยนะ...ผมกลัวว่าถ้าเราตายไปคนหนึ่ง อีกคนจะอยู่ยังไง”
“ถ้าตาย แล้วคนชั่วหมดไปจากแผ่นดิน ก็ดีกว่าเราได้อยู่ ด้วยกัน แต่พวกมันยังอยู่เต็มแผ่นดิน”
เทวาจับมือดาริน “ผมรู้นะว่าตำรวจที่ผมทำงานด้วยคืนนี้คือหน่วยของคุณ ผมกลัวว่าเขาจะเอาตัวคุณกลับไป...สัญญากับผมนะริน ว่าคุณจะไม่ทิ้งผมไปไหน”
“ฉันไม่สัญญากับใครง่ายๆ ... ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกค่ะ”
“คุณจะว่าอะไรมั้ย ถ้าผมจะกลับไปดูแลน้าบุญกู้ รู้สึก สังหรณ์ยังไงก็ไม่รู้”
“ไปเถอะ ฉันอยู่ได้ ร้อยตำรวจโทหญิงเนตรทรายเพื่อนฉัน เป็นนักแม่นปืน เราสองคนดูแลตัวเองได้”
เทวาจับมือแล้วรีบฉวยมาจูบ ดารินดึงออก “ฉวยโอกาส”
เทวายิ้มแล้วฉวยมาอีก แต่คราวนี้กลับดึงตัวดารินมากอดไว้แน่น
“รักนะ” ดารินก้มหน้า ใบหน้าของดารินซบอยู่กับแผ่นอกของเทวา
รถของคำรณจอดซุ่มอยู่ในวัดแล้ว พัน ธง ศรและคำรณอยู่ในรถ
ธงถามขึ้น “เอาไงดีครับนาย เราจอดตรงนี้นานมากแล้วนะครับ”
“ยังไงพวกมันก็ต้องกลับวัด ก็มันเกิดมาเป็นเด็กวัดจะไป ไหนพ้น”
พันกับศรพยักหน้า “ผมพอเข้าใจแล้วละครับ...ถ้างั้นเตรียมพร้อม”
พันเปิดรถออกไป ธงเปิดท้ายรถให้ พันหยิบอาวุธสงครามติดมือมา พันแจกจ่ายปืนให้ทุกคน
ศรบอก “ต่อให้พลังซูเปอร์เทวดาก็ทนอยู่ไม่ได้หรอกโว้ย”
เดชขับรถมา ผิวปากอารมณ์ดี คิดทวนหวนย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ ตอนที่รถของเขาจอดอยู่หน้าบ้านลุงสน แล้วเดชกับแสงดาวเปิดประตูออกมา
“พี่เดชกลับไปได้แล้ว ฉันถึงบ้านแล้ว ขอบใจนะ”
“พี่ต่างหากที่ต้องขอบใจแสงดาว” แสงดาวมองหน้า เหมือนมีคำถาม เดชบอกอีก “ถ้าแสงดาวไม่ยอมนั่งรถมากับพี่ พี่คงไม่มีความสุขอย่างนี้”
“ฉันรู้ว่าพี่คิดยังไงกับฉัน...แต่ฉันขอเวลา...ให้ฉันทำใจ ลืมใครบางคนได้ก่อน”
“ถึงแม้แสงดาวจะลืมคนคนนั้นไม่ได้ แต่ยอมให้พี่ดูแล พี่ก็ไม่ว่าอะไร...พี่พร้อมเสมอ”
แสงดาวมองหน้าเดชนิ่ง “ฉันกลัวว่าพี่จะเอาชีวิตมาจมปลักกับผู้หญิงอย่างฉัน... ฉันอยู่กับพี่ แต่หัวใจฉันอยู่กับคนอื่น พี่จะมีความสุข ได้ยังไง”
“มีสิ เพียงแค่แสงดาวให้โอกาสพี่”
แสงดาวผละไป เดชยืนมองตาม จนแสงดาวเข้าบ้าน ปิดประตูลง
เดชขับรถมาตามทาง แสงไฟสาดใส่ร่างของสิงห์ เดชจอดรถ สิงห์เปิดประตูเข้ามานั่ง
“ไปไหนวะ”
“กลับวัด ไอ้เทวาบอกว่าเป็นห่วงน้าบุญกู้ หารถไม่ได้ ข้า ก็เดินของข้ามาเรื่อย หนาวเป็นบ้า”
เดชแปลกใจ “แล้วทำไมมันไม่มาด้วย...หรือว่าเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น”
“ก็คงเป็นอย่างที่เราเข้าใจน่ะแหละ”
เดชขับรถออกไป
พอรถของเดชผ่านมาในวัด เสียงปืนก็ดังรัวใส่เป็นชุด รถเสียหลัก เดชกับสิงห์หลบกระสุนปืนพัลวัน
พัน ธง ศร คำรณ เดินอาดๆ ส่ายปืนยิง
คำรณคำราม “มันรอดได้ก็ให้รู้ไป”
เทวาวิ่งมาตามทาง มองไปข้างหน้า เห็นแสงสว่างพวยพุ่งฉาบขอบฟ้าบริเวณที่วัดเกาะมุกตั้งอยู่
“เกิดเรื่องแน่ๆ...พลังสลาตันช่วยนำผมไปที่นั่นที”
เทวาตั้งจิตมั่น บังเกิดลมพัดมา แล้วหมุนเป็นเกลียวหอบร่างของเทวาขึ้นไปในบัดดล
ฝ่ายบุญกู้วิ่งมาหน้าตาตื่นออกมา เห็นเจดีย์เป็นสีทองสาดประกาย ร่างของหลวงปู่หาญกับมนต์ปรากฏขึ้นแล้วหายไป บุญกู้ตกตะลึง
“หลวงปู่ มนต์” บุญกู้ทรุดตัวลงนั่ง ยกมือไหว้ปลกๆ สีหน้ายังตื่นๆ “ช่วยด้วยครับ...ช่วยด้วย”
เหล่าคนชั่ว คำรณ พัน ธง ศรกราดปืนยิงใส่จนมาถึงรถ ศรกระชากประตูเปิดรถ สิงห์ปล่อยหมัดตะบันไฟใส่ ศรกลิ้งไป พัน ธง และคำรณโกรธ กราดยิง แต่ร่างของหลวงปู่หาญและมนต์มาขวางไว้ตรงหน้า ทั้งสามตกใจ แต่ก็กราดยิงจนกระสุนหมด
เกลียวลมสลาตันของเทวามาถึง เทวาใช้พลังสลาตันทำให้ทุกคนกระเด็นไปคนละทาง
เดชกับสิงห์ออกมาจากในรถ ต่อสู้กับกลุ่มเหล่าร้าย มนต์กับหลวงปู่หาญวูบหายไป คำรณถูกหมัดของเทวาล้มกลิ้งลงไปไม่เป็นท่า พัน ศร ธงต่างเอาตัวแทบไม่รอด
คำรณวิ่งมาที่รถสตาร์ทเครื่อง ขับมารับ พัน ธง ศร ซึ่งต่างก็รีบเปิดประตูรถ เข้าไปนั่ง รถแล่นไป
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เทวาหันไปถามเพื่อนๆ
“ข้านึกว่าเอ็งทิ้งข้าซะแล้ว” สิงห์ว่า
“ข้าไม่ทิ้งเอ็งหรอก”
เดชบอก “หลวงปู่กับพี่มนต์มาช่วย ทำให้ข้าสองคนรอดตาย”
เทวามองไปบนฟ้า “หลวงปู่ไม่เคยทิ้งเรา...พี่มนต์ ผมดีใจนะที่พี่ยังอยู่ช่วย เราอยู่”
ทุกคนมองขึ้นไปบนฟ้า สิงห์ให้คำมั่น “ผมจะไม่ยอมทรยศต่อหลวงปู่เด็ดขาดครับ”...
“ผมด้วย” เดชบอก
ในวันต่อมา เหล่าคนชั่วสุมหัวกันอยู่ในโถงคฤหาสน์ เสี่ยคงคาโกรธจัดเมื่อรู้เรื่องจากลูกชาย
“สงสัยว่าทำไมหลวงปู่หาญถึงไม่ไปผุดไปเกิดกับเขา... นายฤทธิ์ ไหนว่าอาจารย์คล้ามไปสะกดวิญญาณมัน แล้วไง”
ฤทธิ์ก้มหน้า “ผมก็ไม่ทราบครับ”
คำรณตะคอกใส่ “ไม่ทราบ...แกรู้มั้ย ถ้าเมื่อคืนไอ้ผีสองตัวนั่นไม่มาช่วย พวกมัน ฉันกำจัดพวกเทวดาได้หมดแล้ว”
หยาดฟ้าหน้าซีด คงคาบอก “ฉันมอบหน้าที่ให้นายฤทธิ์ เจรจากับอาจารย์คล้ามให้ รู้เรื่องว่ายังช่วยเราอยู่หรือเปล่า ถ้าช่วย เขาก็ต้องจัดการ กับไอ้ผีนั่น”
“ครับ”
ฤทธิ์ขับเรือสปีดโบ๊ตไปในทะเลมุ่งหน้ากลับเกาะมุก สีหน้าเครียด
“ไอ้คงคา...ฉันจะร่วมมือกับอาจารย์คล้ามเล่นงานแกกับ ลูกต่างหากล่ะ...อย่าหวังเลยว่าแกจะชนะฉันได้”
ฤทธิ์เร่งเครื่องเรือ เห็นเรือสปีดโบ๊ตแล่นออกไปเรื่อยๆ
เทวาแวะมาที่อนามัยแต่เช้า เล่าเรื่องให้ดารินฟังอยู่มุมหนึ่ง
“ถ้าหลวงปู่กับมนต์ไม่มาช่วย ผมกับพวกคงตายไปแล้ว”
“ฉันอยากพบหลวงปู่สักครั้ง”
“น้าบุญกู้บอกว่าถ้านั่งสมาธิกําหนดจิตถึงหลวงปู่ เราก็ จะติดต่อกับท่านได้”
ดารินยิ้มพอใจ
เนตรทรายออกมาจากข้างใน กระแอม “ขอโทษนะ”
“เชิญครับ” เทวาหลบให้ทั้งสองสาวกัน
เทวาเดินมาทางหนึ่งก็เห็นแสงดาวแอบมองอยู่ เขามองตอบแสงดาวรีบหลบ เทวาเดินตามไป
เทวาเดินตามทันแสงดาว
“ตามมาทำไม”
“เธอแอบฟัง”
“เปล่า ฉันไม่ได้ยิน ฉันเลยไม่ได้แอบฟัง แต่ฉันแอบดูพี่ต่างหาก”
“แอบดูทำไม”
“ฉันถามจริงๆ พี่ไม่เคยรู้เหรอว่าฉันคิดยังไงกับพี่”
แสงดาวเดินหนีไป เทวาส่ายหน้าระอาเหลือ บ่นเบาๆ “มันเป็นไปไม่ได้หรอกแสงดาว”
แสงดาวกลับเข้าห้องทำงานร้องไห้ นํ้าตาไหลพราก คับแค้นใจ กลั้นก้อนสะอื้น มือหนึ่งส่งทิชชู่ให้ แสงดาวหันมาก็เห็นเป็นนที
“เช็ดซะ เดี๋ยวไม่สวย” แสงดาวรับไป เช็ดนํ้าตา “ผม เข้าใจความรู้สึกของคุณทุกอย่าง...คุณเจ็บปวดยังไง ผมก็ ยิ่งเจ็บปวดกว่าคุณอีกหลายเท่า”
นทีเดินไป แสงดาวมองตาม ถือทิชชู่ค้างไว้ในมือ
อ่านต่อหน้า 4
พายุเทวดา ตอนที่ 15 (ต่อ)
ส่วนสองนายตำรวจหญิงคุยกันอยู่
“ฉันคงต้องกลับวันนี้ ตำรวจที่บาดเจ็บก็คงต้องไปรักษา ตัวต่อที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่นี้ต่อไป หน่วยของเราจะทำงาน ประสานกับเธอตลอด ถ้ามีข่าวกรองว่ามีขนย้ายยาเสพติด...ฉันจะส่งข่าวมาถึงเธอนะ ให้เธอประสานทางนี้”
“นั่นมันหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว...ฝากดูแลแม่มณีด้วย...ได้ ข่าวว่าจะได้ผ่าตัดเปลี่ยนดวงตา”
“ใช่...ท่านมีคิว แต่ก็เลื่อนมาตลอด อยากให้ลูกสาวอยู่ ข้างๆ ท่านบอกว่าคนแรกที่ท่านเห็นคือเธอ ดาริน”
ดารินหน้าเศร้าไป นํ้าตาคลอ “ฉันจะรีบเคลียร์ทางนี้ให้เสร็จไวที่สุด เพื่อจะได้กลับไป ทำหน้าที่ของลูกที่ดี”
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะทำหน้าที่แทนเธอให้ดีที่สุด”
“ขอบใจ เนตร”
“แล้วพบกัน”
“แน่นอน...แล้วพบกัน”
ฤทธิ์อยู่ในถ้ำบนเกาะหัวสิงห์ กำลังหยอดนํ้าผึ้งให้ร่างของอาจารย์ คล้ามลุกขึ้นนั่ง
“ไอ้คงคามันใช้เจ้ามาหยอดนํ้าผึ้งให้ข้ารึ...ทำไมบริวาร ของมันไม่มาทำหน้าที่”
“ผมไม่ทราบ...ผมมาที่นี่ก็เพราะต้องการความช่วยเหลือ จากอาจารย์”
คล้ามตวัดสายตามองฤทธิ์ทันที “มีสองอย่างเท่านั้นที่ข้าจะช่วยเจ้าได้เต็มที่...ยอมตาย แล้ว สละร่างเจ้าให้ข้าสิงไปตลอด”
ฤทธิ์ผงะส่ายหน้า คล้ามยื่นมือมาบีบคอ ฤทธิ์ล้มลงไป คล้ามตามติด
“ถ้าเจ้าไม่ยอมตาย...ข้ายังมีทางเลือก” ฤทธิ์พยายามพยักหน้าด้วยความลำบาก “ให้ข้าได้เสพกามเพื่อเรียกพลังแห่งความเป็นมนุษย์ กลับคืนมา”
คล้ามปล่อยร่างของฤทธิ์ ฤทธิ์กระถดหนี “ผมช่วยได้ ผมจะจัดหาผู้หญิงให้อาจารย์ได้ทุกวันเลย ขอเพียงแค่อาจารย์อย่าทิ้งผม ต้องอยู่ช่วยผมตลอด”
“ไม่...ข้าไม่ต้องการหญิงอื่น..เจ้าก็รู้ว่าข้าพึงใจใคร”
ฤทธิ์หน้าซีดไป รำพึงเบาๆ “หยาดฟ้า”
ฤทธิ์กลับมารายงานเสี่ย คงคามองหน้าฤทธิ์รอฟัง
“อาจารย์รับปากว่าจะช่วย”
“แน่รึ”
“ครับ...ขอเพียงให้เสี่ยอย่าละเลยเรื่องส่งคนไปหยอด นํ้าผึ้งที่ร่างของอาจารย์อย่าได้ขาด”
“ผมจะกำชับไอ้สามตัวนั่นอีกที” คำรณว่า
หยาดฟ้ามีสีหน้าสบายใจขึ้นเยอะ “ว่าแต่นายฤทธิ์จะส่งยาอีกเมื่อไหร่ ลูกค้าเร่งมาแล้วนะ”
ฤทธิ์บอก “คืนนี้ก็ได้ครับ”
หยาดฟ้าหันไปอ้อนคงคา “ถ้างั้นคืนนี้หยาดขอไปกับนายฤทธิ์เลยนะคะ จะได้ ไปดูแลกิจการให้เสี่ยด้วยไงคะ”
คงคาพยักหน้า หยาดฟ้าแทบระงับความตื่นเต้นไว้ไม่ได้ แอบสบตากับฤทธิ์ คำรณแอบเห็นพูดดักคอ
“หวังว่าไปดูผลประโยชน์ของพ่อฉัน ไม่ใช่รวมหัวกันดู อย่างอื่นซะล่ะ”
“รับรองค่ะคุณคำรณ” คงคามองหน้าหยาดฟ้า หาพิรุธ ดวงตาไม่ไว้ใจ
ต่อจากนั้นไม่นาน ฤทธิ์ขับเรือมา แล้วหยุดเรือกลางทะเล หยาดฟ้าหันไปถาม
“เรือเป็นอะไรเหรอนายฤทธิ์”
“มันหลงเสน่ห์คุณหยาดจนวิ่งไม่ออกแล้ว”
ฤทธิ์ตรงเข้ากอดรัดหยาดฟ้า หยาดฟ้าแกล้งขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยินยอมผ่อนตามโดยยินดี
คำรณบอกพ่อ พัน ธง ศรอยู่ห่างๆ
“ถามจริงพ่อไว้ใจมันทั้งสองคนเหรอ”
“แล้วแกจะทำยังไง...ถ้ามันจะทรยศฉันด้วยการที่มันไป ทำอะไรกัน แต่ทำให้ผลประโยชน์บนเกาะมุกงอกเงย ขึ้นมา ฉันก็ยอม”
“คุณพ่อพูดเหมือนไม่ได้รักคุณหยาด”
“วันที่แกอายุเท่าพ่อ แกจะรู้จักการเลือก...ยังไงฉันก็ทิ้งแม่ แกไม่ได้หรอก...แต่แม่แกคอยขัดขวางงานของฉัน ทำให้ฉันต้องให้แม่แกไปอยู่ที่เรือนเล็ก”
คำรณถอนใจ “ถ้าเป็นผม ผมทำใจไม่ได้หรอกครับ...ผมว่าจะไปกําชับ มันสองคนบนเกาะมุกคืนนี้”
“แกห่วงฉัน หรือว่าห่วงแม่ดาริน ผู้หญิงสาวเสิร์ฟในร้าน เฮียเม้งกันแน่...แกอย่าเพิ่งไปเลย”
“ทำไมครับ”
“แกเพิ่งมีเรื่องกันมันมา การที่แกบุกไปที่วัด จนอาจารย์ของมันต้องมาช่วย มันต้องแค้นแกมาก คำรณ ถ้าไป ตอนนี้ละก็ เผลอๆ แกจะไม่ได้กลับมาให้ฉันเห็นหน้า”
“แล้วพ่อจะรอคอยอยู่อย่างนี้เหรอครับ...เซ็งตายเลย”
“ก็ต้องรอคอยจังหวะ...ไม่ว่าทำชั่วหรือทำดี ถ้าทำถูก จังหวะมันให้ผลดีแก่เราทั้งนั้น”
กานดากับพร้อมเข้ามา คำรณเห็น “แม่”
“คำรณวันนี้วันเกิดแม่...อยู่กินข้าวกับแม่สักมื้อได้มั้ยลูก”
“ไม่ได้หรอก ผมมีนัด...แม่กินข้าวกับพ่อสองคนเถอะ”
“หวังว่าลูกของแม่จะไม่ทำอะไรเสียหายในวันเกิดของ แม่นะลูก”
พร้อมมองคำรณแล้วรู้สึกเสียใจแทนกานดา
“แม่นี่น่าเบื่ออย่างที่พ่อพูดจริงๆ เลย...ผมไปก่อนนะครับ”
คำรณหุนหันออกไป พัน ธง ศรเดินตามไป คงคาพูดตามไป
“พวกเอ็งดูลูกข้าด้วยนะโว้ย”
กลุ่มของคำรณออกไป คงคาตะโกนตามอีก “แกต้องเชื่อพ่อนะคำรณ”
คำรณหันมามองแต่ไม่ตอบ
“เขาไปไหนกัน...คุณบอกฉันสิ”
“มันจะไปเกาะมุก...แต่ฉันห้ามมันไว้ คุณกลับไปอยู่เรือน เล็กเถอะ นังพร้อม ถ้าขืนให้คุณผู้หญิงมาบนนี้อีก แกถูก ไล่ออกแน่”
“ค่ะๆๆ คุณผู้หญิงขา กลับไปที่เรือนเล็กนะคะ”
กานดานํ้าตาไหลพราก พยักหน้า พร้อมประคองออกไป
เริงรักกันกลางทะเลจนเสร็จสม หยาดฟ้าแต่งตัวให้เรียบร้อย ฤทธิ์นั่งอยู่ข้างๆ หอมแก้มหยาดฟ้า
“ฉันให้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนะ..ต่อไปคุณต้องให้ฉัน บ้าง”
“อะไร”
“ฆ่านังดารินให้ฉันที...ฉันไม่อยากให้มันเป็นอุปสรรคต่อ งานของเรา”
ฤทธิ์รู้สึกหึงหยาดฟ้า “ไม่ใช่เพราะอยากฆ่ามันที่มันเป็นแฟนของไอ้เทวาหรอก นะคุณหยาด”
“ไม่ต้องถาม...ฆ่าก็คือฆ่า...เพราะไม่ว่าจะเหตุผลข้อไหน มันก็ต้องตายเหมือนกัน”
“ได้...ไหนๆ นังนั่นก็ต้องตายแล้ว...ไอ้เทวาก็ต้องตายด้วย” ฤทธิ์พูดจบก็ไปขับเรือ
หยาดฟ้านั่งหน้าบึ้ง มองออกไปที่ทะเล
สองคนกลับถึงบ้านในตอนค่ำ หยาดฟ้ากับฤทธิ์เปลี่ยนชุดใหม่กันแล้ว
“คุณจะฆ่านังดารินด้วยวิธีไหน”
“ผมจะใช้วิชาที่เคยเรียนกับอาจารย์คล้าม มันต้านได้ก็ให้ รู้ไป”
หยาดฟ้ายิ้มสะใจ
ฟากดารินหันขวับไปทางผนังห้อง เสียงดังเหมือนมีคนเคาะรัว ดารินมองไปที่หน้าต่างกระจก แล้วก็ต้องตกใจ เห็นนกหลายตัวบินชนหน้าต่างและผนัง บ้างก็ใช้ปากจิกกระจก เพื่อจะเข้ามาในห้อง
“ส่งไอ้นกปีศาจนี่มาเลยเหรอ”
ฤทธิ์กําลังร่ายเวทย์อยู่ที่ระเบียงบ้าน มีนกบินออกจากร่างฤทธิ์เป็นฝูงใหญ่ บินไปบนฟ้า หยาดฟ้ายืนมองอยู่ด้วยความทึ่งอยู่ห่างๆ สีหน้าสะใจ
“แกเสร็จแน่ นังดาริน”
ฤทธิ์หันมา “รอฟังข่าวได้เลย...มันอาจถูกนกอาคมจิกตายในห้อง”
“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ”
นกพยายามชนกระจกห้องพักดารินเหมือนเดิม
ดารินหลับตา “ขออานุภาพแห่งนํ้าในจักรวาลจนดลบันดาลให้ฝนตกลง มาผสานกับอัคคีธาตุทั่วจักรวาลบันดาลให้ฝนนั้นเป็น ฝนกรด ฝนไฟ ทำลายล้างนกปีศาจเหล่านี้ให้จงได้”
พลัน บังเกิดลูกไฟตกลงมาเป็นสายฝน นกถูกไฟเผามอดไหม้แล้วละลายหายไปในอากาศ ที่หน้าต่างกระจกไม่มีนกอยู่เลยสักตัว และที่ระเบียงหน้าบ้านฤทธิ์ ขนนกปลิวร่วงที่พื้นมากมาย นกตัวหนึ่งถูกไฟลุกท่วมตกลงมาตายต่อหน้า ฤทธิ์กับหยาดฟ้าตกใจ
“เป็นไปได้ไง...นังนั่นมีวิชาเหนือกว่าอาจารย์คล้าม อีกเหรอ”
เสียงโทรศัพท์เทวาดังขึ้น เขาพบว่ามันเป็นเบอร์ของดาริน
“ริน” เทสารีบกดรับ “ฮัลโหล” สิงห์มองหน้าเทวาทันที
“เกิดอะไรขึ้น” เทวานิ่งฟัง “คุณไม่เป็นอะไรนะ”
ดารินพูดโทรศัพท์อยู่ในห้องพัก “ไม่ ฉันปลอดภัย แต่…”
“อะไร”
“ฉันใช้วิชาเทวดาต่อสู้กับมัน....ป่านนี้มันคงรู้แล้วว่า ฉัน...เป็น...”
เทวารีบห้าม “โอเค ไม่ต้องพูด...ให้ผมไปหามั้ย” สิงห์มองหน้าเทวา
ไม่มีเสียงจากปลายสาย เทวาร้อนรน “คุณรออยู่ที่นั่นแหละ เดี๋ยวเจอกัน” เทวาปิดสาย
“จะไปไหน...เดี๋ยวนี้มีความลับกับข้าเหรอวะ”
“ไม่ใช่ความลับ แต่มันเกี่ยวกับงานของพวกเรา”
“นั่นแหละความลับ ...เอ็งมีอะไรปิดบังข้า”
เทวาไม่ฟัง ด้วยความเป็นห่วงดาริน จึงรีบออกไป
เทวาขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปอย่างเร็ว มีสิงห์มองตามด้วยสายตาที่ไม่พอใจ หันมาก็เห็นบุญกู้ยืนจ้องอยู่
“ใจเย็นๆ ไอ้สิงห์ อย่าทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ศัตรูมันจะใช้เป็นช่องทำร้ายเรากลับ”
“ไอ้เทวานี่มันเป็นเทวดาสมชื่อเลยนะน้าบุญกู้ มันทำ อะไรไม่เคยผิด...ทั้งน้า ทั้งหลวงปู่แล้วก็ใครๆ เทิดทูน มันไว้บนหัว ถามจริง พวกน้าเคยเห็นหัวฉันบ้างมั้ย...เซ็ง”
บุญกู้ส่ายหน้า สิงห์เดินไป บุญกู้เดินตาม “ไอ้สิงห์ ขาดสติยังงี้...ระวังจะแพ้พวกมัน เอ็งเคยรักกัน แล้วทำไมถึงไม่ไว้ใจกัน”
สิงห์หยุด “ถามมันแค่นี้มันก็ไม่บอก ความลับอะไรกันนักหนา”
“สักวัน ไอ้เทวามันคงบอกเอ็ง”
“นี่น้ารักมัน ถึงขั้นกล้ารับประกันให้มันเลยเหรอ...มันเก่งแค่ไหนพวกเราก็รู้ แต่แค่ตามเปียกลับมามันยังทำไม่ สำเร็จ...ไอ้เดชอีก หลงรักนังแสงดาว มันก็น่าจะช่วย แต่ไอ้เทวามันเห็นแก่ตัว อยากให้มีคนรุมรักมันมากๆ มันก็เลยไม่ช่วยไอ้เดช”
“น้าขอร้องไอ้สิงห์ เอ็งแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานเพื่อแผ่นดินได้มั้ย...ถ้าแยกไม่ได้ พวกเอ็งก็ต้องแพ้พวกมัน…หลวงปู่จะได้รู้ว่าคราวนี้ธรรมะต้องพ่ายแพ้อธรรม”
สิงห์ฮึดฮัด “น้าไม่ต้องมาเทศน์โปรดฉันหรอก...ถึงที่สุดน้าก็เข้าข้าง ไอ้เทวา”
บุญกู้อึ้งไป มองดูสิงห์ที่เดินจากไปอย่างหัวเสีย
คำรณกับสมุนเดินขึ้นมาที่ท่าเรือ พบว่าบรรยากาศวังเวง ธงเอ่ยขึ้น
“วันนี้ผู้คนมันหายไปไหนหมด”
“ไอ้กุลีก้องถูกจับไป พวกมันก็เลยรีบกลับบ้านมั้ง ไม่มี คนคุ้มกันมันแล้วนี่”
“นายจะไปที่ร้านเฮียเม้งเลยมั้ยครับ” ศรถาม
“ยัง ข้าอยากจะไปดูให้เห็นกับตาว่านังหยาดฟ้ามันสมคบ กับไอ้ฤทธิ์สวมเขาให้พ่อข้าหรือเปล่า”
“รถนาย จอดอยู่ทางโน้น...คนรับฝากรถมันดูแลอย่างดี ไอ้ธง ไปเอารถมาบริการนายสิ”
ธงมองพันอย่างไม่พอใจที่พันบังอาจใช้ตน แต่ก็เดินไป
“ถ้าพบว่าสองคนนั่นอยู่ด้วยกัน นายจะทำยังไง” ศรถาม
“ยิงทิ้งมันทั้งคู่เลย แล้วข้าจะพาพวกเอ็งมาดูแล ผลประโยชน์บนเกาะมุกแทนมัน”
หยาดฟ้าถามฤทธิ์เสียงดัง “แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ยังใช้วิชาทำร้ายมันไม่ได้ แล้วเราจะทำยังไงกัน อาจารย์คล้ามไม่ช่วยนาย..แบบนี้ เลิกนับถือไปเถอะ”
ฤทธิ์ไม่ตอบ หยาดฟ้าเข้ามากระชากตัวระบายอารมณ์ “จะให้ฉันยอมแพ้มัน ก้มลงกราบมันมั้ย...จะรอให้มัน มาฆ่าเราก่อนเหรอนายฤทธิ์”
หยาดฟ้าทั้งดึงทึ้งทั้งทุบไม่พอใจ ฤทธิ์ทนไม่ไหว ตวาดใส่หน้ารุนแรง “จะครํ่าครวญหาอะไรล่ะ...ก็เพราะคุณน่ะแหละที่ทำให้ อาจารย์ไม่ช่วยเรา..เพราะคุณรู้ไว้ด้วย”
“ฉันเหรอ”
“ก็อาจารย์ต้องการอะไรจากคุณล่ะ ทุเรศ ทำหวงตัวไปได้ ทีกับไอ้เทวา เห็นคุณระริกระรี้ใส่ อยากเป็นเมียมันจน ตัวสั่น”
หยาดฟ้าตบหน้าฤทธิ์ทันที “หยาบคาย”
“จริงมั้ยล่ะ ลืมแล้วเหรอว่าผมเป็นกำนันที่นี่ คุณทำอะไร อยู่ในสายตาผมหมด คิดดูเองก็แล้วกัน..ว่าคุณจะเลือก อะไร...ระหว่างยอมแพ้นังดาริน แล้วก็กลับไปนอนเลียแผลอยู่กับไอ้ผัวแก่ของคุณ หรือเอาชนะมัน เพียงแค่ ยอมนอนกับผี”
หยาดฟ้านิ่ง เม้มปาก เครียดจัด “ไม่ว่าเลือกแบบไหน ฉันก็ซวยอยู่คนเดียว”
เทวากับดารินอยู่ที่มุมลับตาคนหน้าบ้านพักดาริน
“ถ้ากลัวไม่ปลอดภัย ผมอยากชวนคุณไปอยู่วัด หรือไม่ก็ ...กลับไปกรุงเทพฯ”
“ฉันมุ่งหน้ามาที่นี่ ทั้งที่ไม่รู้ว่ามีอดีตเกี่ยวข้องกับเกาะมุก ยังไง จู่ๆ นายก็จะไล่ให้ฉันกลับงั้นรึ ไม่มีทาง อีกอย่าง ตอนนี้หน่วยเหนือก็ลงมาช่วยงานเต็มที่แล้ว ถ้าฉันถอย กลับก็เท่ากับฉันยอมแพ้พวกมัน”
“ก็ผมเป็นห่วงคุณ”
“ที่ฉันโทร.บอกนายก็เพื่อให้นายระวังตัว”
เทวาส่ายหน้าน้อยใจ “อ๋อ ที่ผมรีบมาหาคุณเนี่ย ผมผิด ผมใจร้อน ผมวู่วาม ผมไม่มีเหตุผล ผมประมาท ผมเป็นห่วงคุณมากไป ผมผิดใช่มั้ย”
“บ้าจริง นายจะเป็นอะไรก็เป็นเถอะ รู้ไว้แค่ว่า ฉันเป็น ห่วงนายก็แล้วกัน”
ดารินเดินหนี เทวาดึงมือไว้ ดารินหันมา
“งั้นสัญญานะว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ต้องบอกผมทุกครั้ง”
ดารินมองเทวา ซาบซึ้งนัก แต่สงวนท่าทีเหมือนเดิม พยักหน้าให้สัญญา
ใบหน้าเทวา จากหน้านิ่ง ก็ยิ้มกว้างสดใส แต่แล้วก็หุบยิ้มลง สีหน้าจริงจัง
“เพิ่งมีการส่งข่าวมาว่ายาเสพติดล็อตใหญ่จะส่งมาถึงมือ เสี่ยคงคาเพื่อหาทางระบายต่อไป...คืนนี้ นายจะทำยังไง”
เทวาพยักหน้า “ผมก็ต้องหาทางสะกัด ว่าแต่รู้มั้ยว่ามันส่งมาทางไหน”
ดารินส่ายหน้า “สุดวิสัย คนร้ายฉลาดขึ้นเรื่อย ถ้าเราโง่กว่ามัน เราก็แพ้ มัน...ฉันเชื่อว่าคุณทำได้ เทวา
ทั้งสองสบตากันลึกซึ้ง
เดชกับสิงห์ยืนปรับทุกข์กันที่ข้างรถใกล้ท่าเรือเกาะมุก
“ถ้าไอ้เทวามันไม่ยังมีความลับกับข้าอีก ข้าจะออกจากกลุ่มพลังเทวดา”
“ไอ้สิงห์ เอ็งมันขี้น้อยใจ มันคงไม่มีอะไรหรอกน่า”
“ข้ายังแค้นใจเรื่องเปียไม่หาย ต่อให้มันหาเหตุผลอะไร มาหักล้าง มันก็ลบจากใจข้าไม่ได้ว่ะ”
เดชตบไหล่สิงห์ปลอบใจ เสียงหวีดร้องของแสงจันทร์ดังมา เดชกับสิงห์หันไปก็เห็น ลูกน้องของฤทธิ์กำลังฉุดแสงจันทร์ อุปกรณ์การศึกษาที่แสงจันทร์เพิ่งไปซื้อมาหล่นเต็มพื้น
“เฮ้ย หยุดนะโว้ย” เดชกับสิงห์เตะต่อยจนลูกน้องฤทธิ์ลงไปกองที่พื้น
“ครูรีบกลับเถอะครับ ครูเอารถมาจอดไว้แถวนี้หรือเปล่า”
“จ้ะพี่สิงห์ ขอบใจนะ”
แสงจันทร์รีบวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งจอดไว้บริเวณที่จอด มีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่หลายคัน แสงจันทร์รีบขี่รถออกไป ไม่สนใจอุปกรณ์การศึกษาที่เรี่ยราดอยู่ที่พื้น
เดชกระชากตัวลูกน้องฤทธิ์คนหนึ่งขึ้นมา “เอ็งบอกมา ไอ้ก้องอยู่ที่ไหน”
“ข้าไม่รู้”
“เอ็งต้องรู้” เดชต่อยหน้ามันจนล้มไป “รู้หรือยังล่ะทีนี้”
สิงห์ต่อยลูกน้องอีกคน “เพื่อนเอ็งไม่บอก เอ็งจะบอกหรือไม่ หรือว่าอยากตาย อยู่แถวนี้”
ลูกน้องที่สิงห์ต่อย พยักหน้า
รถของเดชจอดอย่างเร็ว ทั้งสองออกมาด้วยท่าทีรีบร้อน เทวาออกมาจากข้างใน
“เทวาไปช่วยไอ้ก้องกัน” สิงห์บอก
“รู้เหรอว่าไอ้ก้องอยู่ที่ไหน”
“ข้าสองคนมีเรื่องชกต่อยกับลูกน้องไอ้ฤทธิ์ มันบอกว่า ไอ้ก้องอยู่ที่กระท่อมท้ายเกาะ...กระท่อมมีตั้งมาก เราจะ หาเจอได้ไงวะ” เดชบ่นๆ
“ข้ารู้” เทวาว่าเดชกับสิงห์ตกใจ
“ไอ้เทวา เอ็งรู้ แล้วทำไมเอ็งไม่ช่วยไอ้ก้องวะ เอ็งคิด อะไรอยู่ หา”
สิงห์ต่อยเทวา เทวาไม่ทันระวังตัว แรงหมัดของสิงห์ทำให้เทวาเซไป
“เฮ้ย...ไอ้สิงห์ อย่า”
สิงห์โมโห ตวาดใส่หน้าเดช
“เอ็งก็ได้ยิน มันบอกว่ารู้ แล้วทำไมมันไม่บอกเรา มันมี ความลับกับเราเอ็งเห็นมั้ย”
เทวาอธิบาย “ฟังข้าก่อนไอ้สิงห์...ข้าเคยสะกดรอยตามมันไป เจอแต่ กระท่อม แต่ตัวไอ้ก้องถูกย้ายไปที่อื่นแล้ว”
“ข้าไม่เชื่อ เอ็งต้องพาข้าสองคนไปเดี๋ยวนี้” สิงห์ผลักเทวาให้ขึ้นรถกระโดดขึ้นตาม สั่งเดชเสียงดัง
“เอ็งขับไปไอ้เดช ข้าจะคุมตัวไอ้เทวาเอง ถ้าต้องตาย เพราะมือมัน ข้าก็ยอม” หันมาสั่งเทวา “เอ็งบอกมาว่าไปทาง ไหน ข้าจะตะโกนบอกไอ้เดชเอง”
เดชประจำตำแหน่งคนขับ แล้วขับออกไปทันที
ทางด้านสนหน้าเครียดบอกกับลูกทั้งสองคน
“ต่อไปนี้ต้องระวังตัวให้มาก แสงดาวจะไปไหนก็ให้ไอ้เดชมาคอยรับส่ง จะได้มีคนคอยช่วยเหลือ”
แสงดาวย้อน “ทำไมต้องเป็นพี่เดช”
“ก็...” สนอึกอัก แสงจันทร์รีบพูดแทน “พี่เดชปกป้องเธอนะ อย่างน้อยเขาก็เป็นหนึ่งในพลังเทวดา”
“แต่ฉันไม่ชอบเขานี่พี่”
“หวังจะให้ไอ้เทวาช่วยเหรอ เลิกคิดเถอะแสงดาว เอ็งก็รู้ดี ว่ามันชอบพอกับใครอยู่”
แสงดาวหงุดหงิดเดินผละไป ไม่อยากฟัง
“ดื้อจริงๆ เลยลูกคนนี้...เอ็งก็ด้วยนะแสงจันทร์ ไปไหน มาไหนก็อย่าประมาท...บอกพ่อก็ยังดี”
แสงจันทร์มองออกไปหน้าเศร้า
“แสงดาวโชคดีกว่าฉันนะพ่อ อย่างน้อยก็มีพี่เดช มีหมอนที แต่ฉันสิ...พี่มนต์จากไปแล้ว ฉันก็ไม่เหลือใคร”
สนมองลูกสาว ระบายลมหายใจ ทั้งเห็นใจและสงสาร
คืนนี้ ดวงจันทร์สุกสกาวอยู่บนฟ้า ส่วนในห้องนอนฤทธิ์เห็นหยาดฟ้าสีหน้ากังวลกลัวมาก ฤทธิ์มองหยาดฟ้าทั้งสงสารและตื่นเต้นระคนกัน
“ไม่ต้องกลัวนะ”
“จะมีอะไรน่ากลัวกว่าการเป็นเมียผีอีกเหรอนายฤทธิ์” หยาดฟ้าเบือนหน้าหนี นํ้าตาคลอ รังเกียจทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
“ความเสียสละของคุณหยาดจะทำให้เราสองคนประสบ ความสำเร็จทุกอย่าง”
หยาดฟ้าหันมา “ยังไง”
“ทำให้อาจารย์คล้ามรักคุณ หลงคุณสิ...จากนั้นจะให้ เขาฆ่าเสี่ยคงคาก็ได้ เราจะได้ไม่อยู่ใต้อิทธิพลของมันอีก ถึงวันนั้นชีวิตก็เป็นของเราสองคนนะคุณหยาด”
หยาดฟ้านิ่งฟัง คล้อยตาม ถามเสียงเบาลง ปลายเสียงมีแววกังวลอย่างเห็นชัด
“นายฤทธิ์ต้องสัญญานะว่าจะไม่ทิ้งฉัน”
ฤทธิ์พยักหน้า แต่สีหน้าไม่เต็มใจ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่ากําลังโกหกหยาดฟ้า
ฤทธิ์ออกมายืนอยู่ที่ระเบียงเรียกหาคล้าม
“ผมเตรียมสิ่งที่อาจารย์อยากได้ไว้แล้ว อาจารย์ต้อง ช่วยผมนะครับ”
ลมเย็นปะทะหน้า คล้ามปรากฏร่างขึ้น ฤทธิ์ดีใจ “อาจารย์” เขาทรุดตัวลงนั่งตรงหน้า “คุณหยาดยอม แล้ว...อาจารย์ต้องสัญญานะครับว่าจะช่วยเราสองคน ทุกอย่าง”
สีหน้าคล้ามเจ้าเล่ห์เพทุบาย “ถ้าประโยชน์ของเอ็ง ไม่ขัดกับประโยชน์ของข้า ข้าก็ ช่วย”
ฤทธิ์พอใจ คล้ามวูบหายไปทันที ฤทธิ์ยิ้มกระหยิ่ม
คล้ามวูบผ่านประตูเข้ามา หยาดฟ้าหันไป ตกใจ กระถดร่างถอยหนี
“แก..เอ้อ...อาจารย์...อย่า” คล้ามวูบอีกทีก็ถึงตัวหยาดฟ้า กอดแล้วจูบหยาดฟ้า หยาดฟ้าดิ้นรน คล้ามถอนใบหน้าออกจากคอหยาดฟ้า แล้วตะคอกเบาๆ
“ไม่อยากมีความสุขกับข้าเหรอ...ข้าสัญญา ข้าจะให้ทุก สิ่งทุกอย่างแก่เอ็งสองคน...ข้าจะไม่บอกไอ้คงคาด้วย ว่าเอ็งสองคนทรยศมัน”
หยาดฟ้าอึ้งไป คล้ามผลักหยาดฟ้าไปที่เตียง หยาดฟ้าตัวสั่น กลั้นสะอื้น นํ้าตาไหลพราก คล้ามเดินเข้าหาอย่างช้าๆ สายตาหื่นเต็มที่
คำรณกับสมุนเข้ามาในบ้าน ฤทธิ์อึกอัก กลัวรู้เรื่องหยาดฟ้า
“คุณหยาดฟ้าอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
“ไม่มีนี่ครับ เธอไม่ได้มา”
คำรณไม่เชื่อสั่งลูกน้อง “ค้น”
ฤทธิ์จะห้าม แต่นึกขึ้นได้ว่ามีอาจารย์คล้ามอยู่ ฤทธิ์บอกตัวเอง “อาจารย์คล้าม ช่วยด้วยนะครับ”
คำรณเข้ามาในห้อง เห็นเตียงว่างเปล่า เปิดตู้เสื้อผ้าใบใหญ่และก้มดูใต้เตียง ไม่เห็นใคร ก็ออกไป
ความจริงหยาดฟ้าอยู่ในอ้อมกอดของคล้ามบนเตียงนั่นเอง แต่ใช้วิชาพรางตัว “อยู่กับข้า ไม่ต้องกลัวอะไรคนสวย”
เมื่อไม่เจอคำรณออกมาขู่ฤทธิ์ “อย่าให้จับได้นะว่าเอ็งกับนังหยาดฟ้าเป็นชู้กัน ไม่งั้นละ ก็ ตายศพไม่สวยแน่”
คำรณกับสมุนออกไป ฤทธิ์แสยะยิ้มมองตามไป
ลูกน้องฤทธิ์บอก “กำนันครับ ไอ้ก้องกำลังมาที่นี่...ท่าทางเมายา กํานันจะ พูดกับมันรู้เรื่องหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“คนอย่างไอ้ก้อง ไม่จำเป็นต้องใช้ปากพูดหรอกวะ มัน ต้องรุนแรงกว่านั้น”
ร่างก้องถูกผลักมาที่เท้าของฤทธิ์ ลูกน้อง 1 บอก “มันเมายา ต้องรอมันฟื้นครับนาย”
“ดี” ฤทธิ์นั่งลงตรงหน้าก้อง “ทำงานให้พี่อีกครั้งนะ”
“ไม่” ก้องร้องไห้ “พี่ฤทธิ์ปล่อยผมไปเถอะ...อย่าให้ผม ทำงานนี้แบบนี้เลย ผมไม่อยากทำ”
“งานอะไรเหรอที่เอ็งไม่อยากทำ”
“ก็งานส่งยา...ผมว่ามันไม่ดี”
ฤทธิ์ตะคอกถาม “ไม่ดียังไง”
“ก็มันเป็นยาเสพติด”
ฤทธิ์ดึงตัวก้องมาตวาด ท่าทีไม่เป็นมิตร “แล้วเอ็งติดหรือเปล่า...ถุย ก็ติด...แล้วทำไมถึงว่ามันไม่ดี” ฤทธิ์เสียงดังขึ้น “ไม่ดีแล้วติดทำไม”
ก้องเถียงเสียงดัง “ก็พี่ทำอะไรกับผมล่ะ”
ฤทธิ์ตบหน้าก้องเบาๆ “กล้าขึ้นเสียงกับพี่เหรอก้อง” ก้องอัดอั้นจนร้องไห้ “พี่เห็นเอ็ง ลำบาก ไม่อยากให้ทำงานแบกหามเป็นขี้ข้าคนที่ท่าเรือ ความรักที่พี่มีต่อเอ็งนี่ มันไม่มีความหมายเลยใช่มั้ย ตอบให้พี่ชื่นใจหน่อยซิ”
ฤทธิ์ตบหน้า แล้วต่อยเตะจนก้องล้มไปที่พื้น ลูกน้องทำท่าจะซํ้า แต่ฤทธิ์ยกมือห้าม
“ไม่ต้อง นี่เป็นเรื่องของพี่น้องที่จะต้องตกลงกัน”
ฤทธิ์ดึงตัวก้องขึ้นมา “ไอ้ก้อง เอ็งจะไม่ส่งยาให้พี่ก็ได้ แต่เอ็งหนีไปจากพี่วัน ไหน...พี่ก็จะฆ่าคนที่ก้องรักมากที่สุด...ไอ้ค่อมบุญกู้”
ก้องส่ายหน้า ตาเหลือกลาน “อย่าทำน้าบุญกู้นะพี่...น้าบุญกู้เป็นทั้งพ่อและแม่ของเรา นะ..นะพี่นะ”
“ว่าไง...คนอย่างพี่ พูดจริงทำจริงนะ”
ก้องก้มหน้าไม่ตอบ คล้ามปรากฏวูบตรงหน้า ชี้หน้าก้อง
“ถ้ามันตาย ข้าจะสิงร่างมัน แล้วจะใช้ร่างมัน ฆ่าไอ้พวกเทวดาให้หมด”
ก้องตกใจ ลูกน้องของฤทธิ์ก็ตกใจ ฤทธิ์หัวเราะ
“เห็นมั้ยไอ้ก้องว่าพี่มีวิธีฆ่าเอ็งได้หลายวิธี ถ้าเอ็งไม่ทำ นอกจากไอ้ค่อมบุญกู้จะตายแล้ว ทุกคนก็ต้องตายด้วย”
ก้องตาเหลือกลาน มองดูร่างของคล้ามที่ค่อยๆ วูบหายไป
รถของเดชจอดซุ่มดูที่กระท่อมท้ายเกาะ ทุกคนลงมาจากรถ
“ซับซ้อนเป็นบ้า...เข้าไปเลยสิวะ...กลัวอะไร” สิงห์บ่น
“เอ็งอย่าเพิ่งวู่วามไอ้สิงห์” เดชปราม
เทวาพยักหน้า สิงห์ไม่สนใจ เดินนำไปก่อน ลูกน้องของฤทธิ์สองคนแอบดูอยู่ เมื่อสิงห์เข้าไปก็เข้าทำร้ายก่อน สิงห์ไม่ทันระวังตัว แต่เทวาช่วยไว้ได้ เดชเข้าช่วย เทวาจับตัวลูกน้องได้คนหนึ่ง
“ไอ้ก้องอยู่ไหน ข้ารู้ว่าไอ้กำนันขังมันไว้ที่นี่”
ลูกน้องบอก “ไปแล้ว...มันไปทำงานส่งยาให้กํานันแล้ว”
สิงห์กับเดชตกใจ เดชถาม “ไปที่ไหน เอ็งบอกมานะ...เร็ว”
ลูกน้อง 2 “ที่...ที่...”
สิงห์ร้อนใจ “เร็วสิวะ”
ฟากหยาดฟ้าออกมาจากห้อง ก้องตวัดสายตามอง ฤทธิ์ถลาเข้าไปหา
“คุณหยาด”
หยาดฟ้าเดินไปทางหนึ่ง ก้องมองตาม ลูกน้องฤทธิ์เข้ามาปราม
“เรื่องของนาย เอ็งอย่ายุ่ง”
ฤทธิ์กอดหยาดฟ้าไว้ หยาดฟ้าพูดเสียงเครือ “นายฤทธิ์สัญญากับฉันแล้วนะว่าจะไม่ทิ้งฉัน...แล้วนาย ฤทธิ์ก็ต้องหาทางเอาประโยชน์จากมันให้มากที่สุดด้วย อย่าให้ฉันเสียตัวฟรีๆ”
“เขาหลงคุณหยาดมาก...คุณหยาดก็ต้องช่วยผมด้วย”
“ส่งยาคืนนี้ ลูกค้าจะจ่ายเงินเลย นายฤทธิ์ไว้ใจไอ้ก้อง ได้แค่ไหน”
“มันไม่กล้าหรอกครับ คุณหยาดก็รู้ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ มันต้องการมากกว่ายา”
หยาดฟ้ามองหน้าฤทธิ์พูดเบาๆ “เงินมหาศาล ถ้าเราทำสำเร็จ เราหนีไปด้วยกันมั้ย”
ฤทธิ์อึ้งไป
บรรยากาศในร้านเหล้าเฮียเม้งคึกคัก ดารินอยู่ที่โต๊ะคำรณ พัน ธง ศรนั่งอยู่ด้วย
ดารินหน้านิ่ว มองไปที่หน้าร้าน เห็นลมหมุนวนอยู่
“เทวาส่งกระแสจิตมาทำไม”
ดารินบอกกับคำรณอย่างสุภาพ “ขอตัวแป๊บได้มั้ยคะ”
“จะไปไหนเหรอจ๊ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ดารินกระซิบที่ข้างหู “เกิดมีไฟแดงกระทันหันค่ะคุณคำรณ ขอตัวแป๊บนะคะ”
คำรณจับมือดารินมาจูบ ดารินยินยอม คำรณพยักหน้าอนุญาต
“ผมจะรอที่นี่นะครับ”
ดารินเดินออกไป แต่พอผ่านเม้งที่นั่งอยู่ เม้งโวยวายลั่น “ลื้อจะไปไหนอาดาริน”
“ฉันขออนุญาตคุณคำรณแล้ว เฮียกล้าขัดคำสั่งเหรอ อย่ามาขึ้นเสียงแบบนี้กับฉันนะ...วันไหนที่ฉันตกลงใจ แต่งงานกับคุณคำรณ ฉันจะมาคุมร้านนี้แทนลื้อ แล้วก็ ให้ลื้อคุมเด็กล้างจานหลังร้าน”
เม้งร้องลั่น “ไอ๊หยา” ดารินออกไป ตรงไปที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าร้าน
ดารินขี่รถมอเตอร์ไซค์มา
“มีอะไรเหรอ”
“คืนนี้จะมีการส่งยาล็อตใหญ่มาก...กลางทะเล...บริเวณที่ ชาวประมงตกหมึกกัน มันเคยทำที่สำเร็จมาแล้วก็เลย ย่ามใจ”
ดารินส่ายหน้า “ฉันจะรีบส่งข่าวไปยังหน่วยเหนือเดี๋ยวนี้”
“ผมว่าต้องมีการปะทะกันแน่...อย่าลืมส่งกระแสจิตช่วย ผมด้วยนะริน”
“กลัวตายกับเขาด้วยเหรอ”
“กลัวสิ...ถ้าตายก็คงไม่ได้กลับมาบอกรักคุณ”
ดารินทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ไม่แน่จริง”
“เลยอยากบอกคุณตอนนี้ไง”
“ถ้าต้องการความช่วยเหลือก็ส่งกระแสจิตมา..ฉันจะคอย คอยช่วยอยู่”
“ขอบใจ แล้วจะไม่ฟังผมบอกรักคุณเหรอไง”
“ฉัน” ดารินก้มหน้า ไม่กล้าสบตา “กลัวว่าจะเป็นลาง”
“บอกรัก ไม่ได้บอกลา”
“ดูแลตัวเองด้วยนะ” ดารินขี่รถเลยไป
เทวาตะโกนตาม “ผมรักคุณนะริน...รักมากด้วย”
ดารินกลับเข้ามามนร้านเฮียเม้ง มองไปที่โต๊ะก็เห็นพัน ธง ศรนั่งอยู่ แต่ไม่มีคำรณ
“นายพวกแกไปไหนแล้ว”
ศรบอก “ข้างบน”
เม้งปรี่เข้ามา “ลื้อไปดูแลคุณคำรณที่ห้องวีไอพีข้างบน”
ดารินทำไก๋ “ข้างบน”
“เออ แล้วอย่าทำร้านอั๊วพังอีกล่ะ คราวนี้แล้วซ่อมไป หลายตังค์”
ดารินผินตัวไป
ธงยิ้มมองตาม “ข้าว่าคืนนี้นายได้แต่งงานแน่ๆ เลยว่ะ”
“ตื่นเต้นแทนคุณคำรณว่ะ” พันว่า
ทุกคนหัวเราะกันครืน
คำรณนั่งรออยู่ ดารินขึ้นมา ในห้องมีเครื่องดื่มวางอยู่แล้ว แต่ไม่มีคนรินให้
“ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะยอมขึ้นมาบนนี้ง่ายๆ ไม่พยศ เหมือนครั้งก่อน”
ดารินไม่ตอบ แต่เริ่มจัดการผสมเหล้า บริการ “ฉันทำงานนี่คะ เจ้านายใช้ก็ต้องทำ”
“เฮียเม้งบอกหรือเปล่าว่าคุณต้องดูแลผมทุกอย่างที่ผม ต้องการ”
“ถ้านอกเหนือจากหน้าที่ของฉัน ก็คงไม่ได้”
คำรณยิ้มมองดารินอย่างแสนรัก “ทำไมนะ ผมถึงใจอ่อนทุกครั้งที่พบคุณ ทั้งที่มีคนห้าม ผมไม่ให้คบกับคุณ”
“คุณควรเชื่อคนที่แนะนำค่ะ เพราะฉันไม่มีอะไรดีสัก อย่าง...บางครั้งฉันยังนึกรังเกียจตัวเองเลย”
คำรณจับมือดาริน ดารินยอมให้จับ “เลิกทำงานนี้ แล้วไปอยู่กับผมมั้ย”
“ครอบครัวคุณมีเกียรติ จะยอมรับผู้หญิงไม่มีหัวนอน ปลายเท้าอย่างฉันได้เหรอ พ่อแม่เป็นใครก็ไม่รู้ โต มากับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ได้ทำงานมีเงินใช้ก็หรูแล้ว”
ดารินดึงมือออกอย่างนุ่มนวล “ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณอย่างดี”
กลางทะเลยามคํ่าคืน แสงสว่างของเรือตกหมึกเปิดไฟล่อปลาหมึกให้มาเล่นไฟ เรือประมงลำเล็ก ปิดไฟมืด แต่ได้แสงจากเรือตกหมึกจึงพอให้เห็นแสงสว่างบ้าง ก้องอยู่ในเรือลำนั้น มีกระเป๋าใบใหญ่วางอยู่ตรงหน้า คนในเรือตกหมึกเหมือนรู้ว่าก้องเป็นใคร พากันหันมอง แล้วก็ทำกิจกรรมของตนต่อไป
เรือตกหมึกลำหนึ่ง เคลื่อนเข้ามาใกล้ ชายที่มารับยา มองหน้าก้อง ส่งกระเป๋าเงินให้ก้องก่อน ก้องส่งกระเป๋าบรรจุยาด้วยมือสั่นๆ แต่ยังไม่ทันรับ เรือตำรวจหลายลำ พร้อมเรือของเทวาก็แล่นมาใกล้ ก้องตกใจ คนร้ายหันมาใช้ปืนยิงใส่เทวา เทวายิงตอบ
ก้องลุกขึ้นจะยิงใส่ สิงห์ตะลึง จำก้องได้
พอเทวาจะยิงใส่ สิงห์ปัดปืนไปทางอื่น “อย่ายิง”
เทวาโมโห ถามเสียงดัง “ทำไมวะ”
“ไอ้ก้อง”
เดชก็จำได้ “ข้าก็ว่าใช่”
คนที่ขับเรือก้องมา เบี่ยงเรือออกแล้วขับหนีไป ตำรวจจะตาม แต่เรือประมงยิงปืนใส่ เรือตกหมึกดับไฟพึ่บพร้อมกัน แล้วเคลื่อนเข้าปิดล้อมเรือของตำรวจและเทวา คนในเรือตกหมึกสาดกระสุนใส่ตำรวจและกลุ่มเทวา จนเห็นแสงไฟจากลำปากกระบอกปืนเป็นลูกไฟในความมืดเต็มไปหมด
ตำรวจถูกยิงตกลงไปในนํ้า ตำรวจกับพวกเทวาไม่อาจต้านไว้ได้ กลุ่มเทวดาหมอบ ตะโกนคุยกันแข่งกับเสียงปืน เรือตกหมึกเคลื่อนมาใกล้ แล้วล้อมเรือตำรวจกับเรือของเทวาไว้ ยิงปืนกระหนํ่าใส่ ตำรวจและเรือของเทวาตกอยู่ภายในวงล้อม ปืนยิงกระหนํ่าใส่ ตำรวจตายหลายคน ที่เหลือต้องหมอบอยู่
สิงห์ถาม “ไอ้เทวาทำไงวะ พลังเทวดาของข้าช่วยไม่ได้เลย”
“เอ็งทำได้ ขอหมัดสลาตันของเอ็งเป็นดั่งปืนไฟมหาศาล สิ พลังเทวดาบันดาลอะไรก็ได้ ถ้าตั้งใจอธิษฐาน”
“แล้วข้าล่ะ” เดชถาม
“พลังกายทองของเอ็งก็ขวางกระสุนมันได้ เชื่อข้า”
สิงห์ตะโกน “ลุย”
เทวาบอก “ข้าจะใช้พลังสลาตันช่วย”
เทวาหลับตา ที่ด้านนอกบังเกิดพายุพัดมา เรือตกหมึกถูกแรงลมเคลื่อนออกไม่เป็นขบวน เรือประมงของคนร้ายก็ถูกซัดออกไป แต่ทั้งหมดยังยิงปืนใส่ เดช ลุกขึ้นยืน สีร่างกายเป็นสีทองแดงสะท้อนใส่เรือของฝ่ายตรงข้าม เมื่อฝ่ายตรงข้ามยิงปืนมาจะถูกพลังกายทองซึ่งเป็นแสงสีทองสะกัดกั้นไว้หมด
สิงห์ลุกขึ้น ปล่อยหมัด เห็นลูกไฟถูกปล่อยจากหมัดสิงห์ลอยไปติดไฟที่เรือบางลำ คนร้ายเริ่มหวั่นไหว แต่ก็ยังยิงถล่มใส่
เทวาร้องส่งกระแสจิตไปลูกเทวดาน้องเล็ก
“ลูกไฟของสิงห์ไม่พอ...ดารินช่วยพวกเราด้วย”
อ่านต่อตอนที่ 16 อวสาน