ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 5
บนโรงพักแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เหลียนฮัวกับเหมยฮัวกำลังทำเรื่องประกันตัวเสี่ยเต๊ก เบิ้ม และพล ตำรวจเวรโต๊ะข้างๆ มีชาย 1 แจ้งความคนหาย
“ลูกชายผมสติไม่ดี หายไปจากบ้านเมื่อ 2 วันก่อนครับ”
ตำรวจ 2 บอก “ลองดูรูปคนหลงทาง ที่ลงประกาศตามหาญาติไว้”
จากนั้น ตำรวจ 2 เปิดเว็บของกรมตำรวจหน้าเว็บที่ลงประกาศตามหาญาติ แล้วหันหน้าจอโน้ตบุ๊คมาให้ชาย 1 ดูรูปคนหายทั่วประเทศ หน้าจอขึ้นใบหน้าคนหายเรียงสลอน
ตำรวจ 3 พาเสี่ยเต๊ก เบิ้ม พล ออกมาจากห้องขังด้านใน เสี่ยเต๊กหันมาโวยใส่เมีย
“มาช้าชะมัด”
“รีบที่สุดแล้วเสี่ย”
เหมยฮัวหันมาทางตำรวจ 2 “ดิชั้นพาเตี่ยกลับได้เหรอยังคะ”
“ประกันตัวเรียบร้อยแล้ว ก็กลับได้ครับ”
ระหว่างนี้หน้าจอโน้ตบุ๊คตำรวจ มีรูปพงศ์เทพอยู่ในกลุ่มรูปคนประกาศตามหาญาติ เสี่ยเต๊กยืนอยู่ใกล้โน้ตบุ๊ค มองหน้าจอแว้บเดียว โดยมองผ่านๆ ไม่ได้ใส่ใจ เพราะรูปพงศ์เทพก็เล็กจิ๋วมาก เสี่ยจึงมองเห็นไม่ถนัด กลุ่มเสี่ยเต๊กเดินออกจากห้องโถงโรงพักไปเลย
ทั้งหมดออกมาหน้าโรงพักแล้ว เสี่ยเต๊กโมโหไม่หายโวยเสียงดัง
“จับอั๊วเข้าห้องขัง เดี๋ยวก็สั่งเผาโรงพักซะเลยนี่”
เหลียนฮัวปราม “เบาๆ เสี่ย”
เสี่ยเต๊กไม่สน “อั๊วไม่กลัว อั๊วจะไปงัดบ้านเฮียพงศ์อีก จับอั๊วได้จับไป”
เหมยฮัวเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง “เตี่ย อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย”
เสี่ยเต๊กฉุนขาด ตวัดสายตาหันมาโวยลูกสาว “เหมยนั่นแหละ ทำให้เตี่ยต้องงัดบ้านเฮียพงศ์ เตี่ยต้องตามลูกชายเฮียพงศ์มาแต่งงานกับเหมย”
เหลียนฮัวตัดบท “เจอกันที่บ้านนะเสี่ย”
“อั๊วจะไปเลาจน์! เบื่อบ้าน”
เสี่ยหุนหันขึ้นรถ เบิ้มกับพลขับรถพาเสี่ยเต๊กไป เหลียนฮัวกับเหมยฮัวมารถอีกคัน สองแม่ลูกมองหน้าด้วยความน้อยใจ ที่เสี่ยเต๊กไม่เคยเห็นความสำคัญของลูกเมีย
กลับถึงคฤหาสน์ พอเข้าห้องเหมยฮัวมา เหลียนฮัวก็รบเร้าลูกสาวให้บอกว่าพ่อของลูกในท้องตัวจริงเป็นใคร
“หม่าม้าสัญญาจะไม่บอกเตี่ย พ่อลูกในท้องเหมยเป็นใคร”
“พอเตี่ยบังคับให้พูด หม่าม้าก็ไม่กล้าขัดใจ หม่าม้ากลัวเตี่ย” เหมยฮัวรู้ทัน
“ที่เหมยไม่กล้าบอกหม่าม้า เพราะผู้ชายคนนั้นมีลูกมีเมียแล้วใช่มั้ย”
“เค้ายังโสดค่ะ แต่เค้าเจ้าชู้มาก มีผู้หญิงเยอะแยะ” เหมยบอกสั้นๆ
เหลียนฮัวฉุน “เหมยไปคบผู้ชายพรรณนั้นทำไม”
“ก็เหมยรักเค้านี่หม่าม้า รักมาก”
เหมยฮัวหันไปมองรูปถ่ายขนาดใหญ่ของนักร้องดังระดับซุปตาร์ ที่ติดอยู่ในห้อง มีลายเซ็นบนรูปนั้นเซ็นให้อาหมวยด้วยในฐานะ FC
“เค้าไม่ได้รักเหมย! ฮือๆๆ”
เหมยฮัวปล่อยโฮ วิ่งเข้าห้องน้ำปิดประตู ร้องไห้สะอึกสะอื้น เหลียนฮัวมองรูปนักร้องหนุ่มแล้วสะกิดใจ
“หรือว่า” เหลียนฮัวมองจ้องรูปนักร้องหนุ่ม “ไม่ใช่หรอก เหมยเป็นแค่แฟนคลับ”
เหลียนฮัวกลุ้มใจมาก ที่จนแล้วจนรอดลูกสาวไม่ยอมบอก ว่าใครเป็นพ่อของลูกในท้อง
คืนนั้นด้านเสี่ยเต๊กกำลังกระทืบลูกหนี้อยู่ในห้องทำงานที่เล้าจน์ ระบายอารมณ์ที่เสียเหลี่ยมโดนจับขึ้นโรงพัก กระทืบแบบเอาเป็นเอาตาย
“เฮียทำให้ผมถูกจับเข้าห้องขัง” เสี่ยคำราม
พลเอ่ยขึ้น “เสี่ยครับ นี่ไม่ใช่เฮียพงศ์นะครับ”
“มันอยากเบี้ยวหนี้ตอนอั๊วกำลังเดือด ช่วยไม่ได้”
เสี่ยเต๊กกระทืบต่อระบายอารมณ์โกรธที่มีต่อพร้อมพงศ์และพงศ์เทพ ใส่ลูกหนี้ดวงซวย
ทางฝ่ายพร้อมพงศ์พาไอ้เจ๋งมานอนโรงแรมม่านรูดในบางไทรเป็นนิจสิน
“สถานที่ลักษณะนี้ มากับสาวก็ดีหรอกนะ แต่...มากับ...” เจ๋งมองพร้อมพงศ์แล้วส่ายหัว “หมดอารมณ์”
พร้อมพงศ์ด่า “ไม่อยากนอน เอ็งก็ไปขอนอนวัด”
“นอนโรงแรมดีๆ บ้างดิลุง” เจ๋งบ่นไม่เลิก
“นอนโรงแรมแพงเว้ย ลุงต้องเก็บเงินไว้เติมน้ำมัน”
เจ๋งบ่นบ้าประชดตัวเอง “ไอ้เจ๋ง...ราชาม่านรูด”
จากนั้นก็ขนกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าห้องไป
ที่ห้องโถง บ้านครูเทียมเช้าวันนี้ จอมนางกับกระแตช่วยกันจัดชุดลิเกใส่กล่อง ด้วยคืนนี้มีงานจ้าง เล่นลิเกที่วัด
“นังตุ้มไปไหน ไม่มาช่วย” กระแตถามขึ้น
“เมื่อกี้เห็นเดินแว้บๆ ไปทางหน้าบ้านจ้ะ”
กระแตหงุดหงิด พาลหมั่นไส้ “นังนี่ ต้องให้ไปตามทุกที”
กระแตเดินออกมาตามตุ้มหน้าบ้าน เห็นตุ้มแต่งตัวสวยเช้ง เปิดประตูรั้วออกไป
“แต่งตัวซะสวย นัดผู้ชายไว้แน่ ๆ”
กระแตนึกถึงเหตุการณ์ที่ตุ้มบอกข่าวแต่งงานแก่ชาวคณะ
“ครูเทียม ทุกคน ชั้นมีข่าวดีมาบอกจ้ะ...ชั้นจะแต่งงาน”
ตอนนั้นชาวคณะถึงกับตาเหลือก “แต่งงาน”
กระแตอยากรู้มาก ว่าที่ผัวตุ้มเป็นใคร ?
“ตุ้มต้องไปหาแฟนลึกลับคนนั้น”
กระแตแอบตามตุ้มไป
กระแตแอบตามตุ้มมาตามละแวกถนนแถวบ้านครูเทียม คอยหลบตามหลังเสาไฟบ้าง หลังพุ่มไม้ ไม่ให้ตุ้มเห็น
ฝ่ายตุ้มเดินมาถึงถนนใหญ่ ตรงมาหาผู้ชายคนหนึ่งที่รออยู่ ผู้ชายคนนั้นยืนหันหลังให้ กระแตแอบหลังพุ่มไม้พยามเขม้นตามอง
“ดูสิ แฟนตุ้มหล่อขั้นเทพหรือเปล่า”
ผู้ชายคนนั้นค่อยๆ หันหน้ามา กระแตลุ้นอยู่ไกลๆ แต่ผลออกมาว่าเป็น
“พี่โก่ง” กระแตตกใจ หลุดปากอุทานออกมา
โก่งได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองแว่วๆ เหลียวมองหา
“ใครเรียกชื่อพี่”
“ชั้นไม่เห็นได้ยิน” ตุ้มว่า
“สงสัยพี่หูแว่ว ไปกันเลยนะตุ้ม”
“จ้ะพี่”
โก่งกับตุ้มเดินเลาะไปตามถนน กระแตอึ้ง เข้าใจผิดนึกไปเองว่าแฟนตุ้มคือ ไอ้พี่โก่ง นั่นเอง
พร้อมพงศ์กับเจ๋งช่วยกันเข็นรถกระบะออกไป โดยไม่ยอมสตาร์ทเครื่อง เพื่อไม่ให้เสียงดัง เพราะพร้อมพงศ์กะชิ่งหนีโกงค่าห้องม่านรูด โชคซวย ที่พนักงาน 1 ดันเดินมาเห็น ร้องโวยวายดังลั่น
“ลูกค้าหนี!”
“ขึ้นรถเร็วไอ้เจ๋ง”
พร้อมพงศ์กับเจ๋งหนีขึ้นรถไม่ทัน โดนพนักงาน 2 คนมาจับล็อกตัว สู้กันชุลมุน
“จ่ายก็ได้วะ” พร้อมพงศ์บอก
พนักงานเลยยอมปล่อยตัวทั้งคู่ พร้อมพงศ์ควักเงินจ่ายค่าโรงแรมไป 300 บาท อย่างไม่ค่อยจะเต็มใจ
พร้อมพงศ์กับเจ๋งเลยต้องมากินข้าวฟรีที่วัดแห่งนี้ โดยไม่รู้ว่าเป็นวัดที่ครูเทียมและชาวคณะจะมาเล่นลิเกคืนนี้ สองคนกินอย่างเอร็ดอร่อย อิ่มเต็มคราบ พร้อมพงศ์เรอ เอิ้กออกมา
“ข้าวก้นบาตรอร่อยอย่างนี้นี่เอง คนถึงมาเป็นเด็กวัดกันเยอะ หลวงพี่อยากได้เด็กวัดเพิ่มมั้ยครับ” พร้อมพงศ์อยากนอนวัดฟรีๆ
“ไม่ล่ะโยม แค่นี้ก็เต็มวัดแล้ว” หลวงพี่บอก
พร้อมพงศ์ตีหน้าเศร้า พยายามขอร้องต่อ “ผมมีเงินติดตัวมาไม่กี่พันบาท ต้องเก็บเอาไว้จ่ายค่าน้ำมันรถขับตามหาลูกชาย จะนอนในรถ ก็กลัวดึกๆ โจรมาปล้น”
“คนสมัยนี้ร้ายจริงนะโยม” หลวงพี่ว่า
เจ๋งรำคาญลุง “บอกไปตรงๆ เลยลุง หลวงพี่ครับ ลุงผมอยากขอมานอนวัดฟรีครับ”
“โยมก็ ชักแม่น้ำห้าอยู่นั่นแหละ ไม่มีที่นอน มานอนวัดก็ได้” หลวงพี่บอก
“ขอบคุณมากครับหลวงพี่”
พร้อมพงศ์ยิ้มแต้ เจ๋งส่ายหัวดิก
บรรยากาศงานแสดงลิเกที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ เป็นงานวัดเล็กๆ มีพ่อค้าแม่ค้าขายของกิน คนดูพอประมาณ
ช่วงหัวค่ำชาวคณะเทียมฟ้ามาถึงวัด รถจอดอยู่แถวหลังเวที หลงช่วยแบกกล่องบรรจุเครื่องทรง ชุดลิเก หลงไม่รู้ธรรมเนียมจะก้าวขึ้นเวทีคนแรก
จอมนางจับแขนหลงไว้ “ให้ปู่ขึ้นก่อน”
หลงหยุด ให้ครูเทียมเชิญ “พ่อแก่” ขึ้นเวที
จอมนางอธิบาย “ตามธรรมเนียม ต้องอัญเชิญพ่อแก่ขึ้นเวทีก่อน
หลังอัญเชิญพ่อแก่ขึ้นเวที ชาวคณะก็ทยอยขึ้นตาม พอขึ้นเวทีแล้ว ครูเทียมก็ตั้งพ่อแก่ จุดธูปบูชา
“จอมครับ พี่ได้ยินคำว่า พ่อแก่ มานานแล้ว พ่อแก่คือใครครับ” หลงถาม
“พ่อแก่ คือ พระฤาษี ผู้ถ่ายทอดนาฏศิลป์ การร้อง การร่ายรำ รวมถึงศิลปะทุกแขนงให้มนุษย์รู้จักความงดงาม ความอ่อนช้อย ศิลปินทุกแขนง จึงเคารพบูชาพ่อแก่”
หลงเหลียวมองไป เห็นควันธูปลอยฟุ้งหน้าพ่อแก่ดูเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์
ลิเกเริ่มเล่นแล้ว จอมนางกับฟ้าประทานออกเล่นก่อน เจ๊ทรงงามกับพวกแม่ยกจับจองแถวหน้า คนดูส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เก้าอี้ไม่เต็ม ชื่อเสียงลิเกคณะเทียมฟ้าอยู่ในช่วงโรยรา ไม่เป็นที่นิยมเหมือนเมื่อ 10 กว่าปีก่อน
ฟ้าประทาน จอมนาง ร้องลิเก อยู่บนเวที ฟ้าประทานยังร้องไม่จบ เจ๊ทรงงามก็นายนาดมาหน้าเวที คล้องพวงมาลัยเงินสดให้
กำจาย กระแต ตุ้ม โก๊ะ อยู่หลังเวที เตรียมออกแสดง เสียงฟ้าประทานกับจอมนางร้องลิเกอยู่หน้าเวทีดังเข้ามา โก๊ะร้องขึ้น
“อู้ย..ไม่ไหวแล้ว ข้าศึกบุก”
กำจายบ่นเซ็งๆ “มาบุกอะไรเอาตอนนี้วะ”
“ประตูเมืองใกล้แตกแล้ว ชั้นต้องไปกอบกู้เมืองด่วน”
โก๊ะวิ่งจู๊ด เอามือปิดตูดลงเวทีไป
“นั่นไอ้โก๊ะไปไหน” ครูเทียมมองงงๆ
“ห้องน้ำจ้ะปู่ ท้องเสีย” กระแตบอก
“แล้วใครจะเล่นแทนมัน” ครูหันรีหันขวาง จนมาเห็นหลง “หลง เอ็งเล่นแทนไอ้โก๊ะ”
หลงตกใจ “ผมเล่นลิเกไม่เป็นครับครู”
“บทมหาดเล็กเล่นไม่ยาก ไม่มีบทร้อง พูดธรรมดา” ครูบอก
“ผมไม่รู้ต้องพูดอะไรบ้าง”
“เอ็งรับส่งมุกกับกำจาย เล่นมุกตลกไปเยอะๆ ให้คนดูขำ” ครูไกด์ให้
“ให้เล่นมุกตลกเหรอครับ”
“ใช่ มหาดเล็กเป็นตัวตลก เอ็งทำยังไงก็ได้ ให้คนดูหัวเราะเอ็ง”
“ครับๆ”
ครูเทียมสั่ง “กระแต ตุ้ม แต่งหน้าแต่งตัวให้หลงเร็ว”
กระแตกับตุ้มวิ่งวุ่น หาชุดมหาดเล็กให้หลงใส่
พร้อมพงศ์ขับรถกลับจากตระเวนหาลูกชายเข้ามาในวัด ได้ยินเสียงลิเกดังมา มองไปเห็นโรงลิเกอยู่ไกลๆ พร้อมพงศ์จอดรถ หน้าตาเบิกบาน
“เจ๋ง เอ็งไปนอนก่อน”
“จะไปดูลิเกดิลุง” เจ๋งรู้ทัน
“ของชอบลุงเว้ย”
พร้อมพงศ์ลงรถ เดินลิ่วๆ ไปทางโรงลิเก
ฟ้าประทานกับจอมนางเล่นบทเข้าพระเข้านาง อย่างเข้าคู่เข้าขา พอร้องจบ ระนาดรัวไปหลายตับ แต่กษัตริย์กับมหาดเล็กไม่ออกมา
ฟ้าประทานเลยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า “ยอดรักจ๋า สงสัยกษัตริย์ยังไม่ตื่นบรรทม เมื่อคืนนางสนมใหม่ถวายตัว คงยังโงพระหัวไม่ขึ้น”
เจ๊ทรงงามกับพวกแม่ยกชอบอกชอบใจ หัวเราะร่วน พ่อฟ้าประทานสุดหล่อพูดอะไรก็น่ารักไปโหม้ดดด
กำจาย ในบท กษัตริย์ กับ หลง ในบทมหาดเล็กออกโรงมา
หลงเขียนคิ้วดำหนา จอมนางขำคิก ฟ้าประทานเองก็หัวเราะ แต่ออกแนวหัวเราะเยาะ
คนดูแค่เห็นคิ้วหลง ก็ฮาไปล่วงหน้าแล้ว
ลุงกำจายร้องบทกษัตริย์เนเมียวตามถนัดไม่มีผิดเพี้ยน พอร้องจบ ก็ส่งบทให้หลงเล่น
“มหาดเล็ก วันนี้ข้ามีหมายกำหนดการไปแห่งหนใด”
หลงส่ายหน้า ไม่รู้ต้องพูดอะไร
กำจายป้องปาก เอียงตัวระซิบบอกบทหลง “พระองค์จะทรงไปเดินป่า”
หลงกระซิบตอบ “จะฮาเหรอลุง ครูเทียมให้ผมเล่นมุกตลก” สุดท้ายหลงใช้ไหวพริบด้นสดเอาเองว่า
“พระองค์จะทรงไป...ที่ชอบที่ชอบ พะย่ะค่ะ”
คนดูชอบใจฮาครืน
กำจายถูกใจกระซิบหลง “เออๆ เอาอย่างนี้แหละ”
จากข้างเวที ครูเทียมโผล่หน้าดูหลงเล่นลิเก หัวเราะร่า “ไอ้หลงมันฮาดีเว้ย”
ห่างเวทีลิเกออกไปเล็กน้อย พร้อมพงศ์กำลังรีบร้อนเดินมา อยากดูลิเกตัวสั่น
บนเวทีกำจายเล่นต่อ “มหาดเล็ก เจ้าวาดคิ้วมาจากบ้านรึไง”
“คิ้วหม่อมฉันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ออกจากท้องพระมารดาแล้วพะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่ได้คิ้วหนาอย่างเดียวนะ อวัยวะอื่นหม่อมฉันก็หนาด้วย”
กษัตริย์กำจายตีหน้างวยงงสงสัย “อวัยวะส่วนไหน”
“ใบหน้า” มหาดเล็กหลงว่า
จอมนางฮาหลง หัวเราะไปกับคนดู ครูเทียมชอบใจยิ่งนัก หัวเราะฮ่าๆๆ
พร้อมพงศ์ สืบเท้าเดินใกล้ถึงเวทีลิเกแล้ว
หลงเห็นคนดูชอบการแสดงครั้งแรกก็ยิ้มแต้ โดยหารู้ไม่ ว่าภัยร้ายกำลังจะมาถึงตัว
อ่านต่อหน้า 2
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ที่หน้าเวทีลิเกตอนนี้ หลงกลายเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าแม่ยก ได้รางวัลความฮาเป็นแบงค์ร้อยหลายใบ หลงยิ้มแป้นไหว้แม่ยกงามๆ ห่างเวทีออกไปพร้อมพงศ์เดินลิ่วๆ จะมาดูลิเก
“เฮ้ย!” พร้อมพงศ์หยุดชะงัก ตาโต จ้องบางสิ่งบนพื้น เบื้องหน้า เป็นกระเป๋าสตางค์ตกอยู่บนพื้น
พร้อมพงศ์หันรีหันขวาง ทำหน้าลอกแลกอย่างกับโจร มีคนเห็นป่าววะ ไม่มี แล้วรีบหยิบกระเป๋าสตางค์ฉากหลบไปจากตรงนี้ก่อนเจ้าของกระเป๋ามาเดินหา
ด้านหลงโดนแม่ยกรุมหยิกแก้มอย่างเอ็นดู
หลงทำหน้าทะเล้น “หน้าผมไม่ใช่คันเร่งมอเตอร์ไซค์นะครับ บิดเอาๆ ปรื๊น ปรื๊น...”
เจ๊ทรงงามหัวเราะชอบใจ ควักแบงก์ 5 ร้อยจะให้หลง ฟ้าประทานหน้าตึงเปรี๊ยะ จ้องตาขวางไม่พอใจอย่างแรง เจ๊ทรงงามเกรงใจฟ้าประทานเลยเปลี่ยนใจไม่ให้เงินหลง
ฟ้าประทานเล่นลิเกต่อ “พระองค์พะยะค่ะ เสด็จได้แล้วพะยะค่ะ”
กำจายร้องลิเกสั้นๆ แล้วทั้งหมดก็เข้าหลังโรงไป
ฝ่ายพร้อมพงศ์หลบอยู่ตรงมุมลับตา ค้นกระเป๋าสตางค์ทุกซอกทุกมุม จนแทบจะปลิ้นดู
“ไรวะ มีแค่ร้อยเดียว” พร้อมพงศ์สุดเซ็ง
เสียงครูเทียมประกาศใส่ไมโครโฟนดังขึ้น “ขอคั่นความบันเทิงซักแป๊บนะจ๊ะ ใครเจอกระเป๋า
สตางค์สีดำ ข้างในมีรูปถ่ายผู้หญิง กรุณาเอามาคืนที่เวทีลิเก”
พร้อมพงศ์ดูกระเป๋า สีตรงกัน แถมมีรูปผู้หญิงในนั้น คิดว่าน่าจะเป็นกระเป๋าใบเดียวกับที่ประกาศ
ครูเทียมประกาศอยู่บนเวทีต่อว่า “ใครเอากระเป๋าสตางค์มาคืน จะได้รางวัลดูลิเกคณะเทียมฟ้า....ฟรีตลอดชีพ”
พร้อมพงศ์ได้ยินตาลุกวาว เบิกโต อาการออกยิ่งกว่าตอนเจอกระเป๋าสตางค์เมื่อกี้อยากดูลิเกฟรีตลอดชีพ
ทันทีทันควัน พร้อมพงศ์ส่งกระเป๋าสตางค์คืนเจ้าของบนโรงลิเก ได้ทีโม้ใหญ่
“ผมไม่ชอบเอาของ ๆ ใครน่ะครับ เก็บของมีค่าได้ ผมส่งคืนเจ้าของทุกที แบบว่า...เป็นพลเมืองดี”
ครูเทียมออกปากชม “ดีแล้วครับ สมัยนี้คนดีหายาก”
“อย่าลืมของรางวัลผมนะครับ ที่ดูลิเกฟรีตลอดชีพ”
“คุณชื่ออะไรครับ จะบอกคนในคณะ อย่าคิดค่าตั๋วคุณเวลาคณะปิดวิกเล่น”
“ผมชื่อพร้อมพงศ์ครับ”
“ปรบมือให้พลเมืองดี คุณพร้อมพงศ์หน่อยจ้า”
คนดูปรบมือ พร้อมพงศ์ยิ้มแต้ หน้าบานสุดๆ
หลังอยู่เวทีได้ยินชื่อพ่อ...พร้อมพงศ์ คิดหนัก ใช่พ่อเปล่าหว่า?
“พร้อมพงศ์ เอากระเป๋าตังค์มาคืน ไม่ใช่พ่อหรอก พ่อไม่เคยคืน”
หลงไม่คาดคิดว่าเป็นพ่อ เลยเฉยๆ เติมคิ้วให้หนาขึ้น เตรียมเล่นมุกฮาฉากต่อไป
ต่อมาหลงกับกำจายเตรียมตัวออกโรง จอมนาง ฟ้าประทาน กระแต และตุ้ม เล่นอยู่หน้าเวที ครูเทียมให้คิว
กำจายกับหลงออกโรงได้กำจายรำป้อออกไปก่อน หลงตาม พอโผล่ไปหน้าเวที หลงก็ตกใจ เห็นจังๆ เต็มตาว่า พ่อนั่งยิ้มแป้นแล้นสีหน้าเบิกบานชิดติดขอบเวที หลงหมุนตัวย้อนกลับหลังเวที กำจายงง อ้าว...ไอ้หลง ไม่ตามกรูออกมา
หลงหน้าตาตื่น ที่เห็นพ่ออยู่หน้าเวที หันไปบอกครู
“ฉากนี้ผมขอไม่ออกนะครับครู”
“อะไรวะ เพิ่งมาตื่นเต้นเอาตอนนี้ เอ็งเป็นมหาดเล็ก ต้องประหารชีวิตพระเอก ไม่ออกไม่ได้”
ครูคิดว่าหลงตื่นเวที หลงชะเง้อมองพ่อหน้าเวที พร้อมพงศ์นั่งดูลิเกอย่างเพลิดเพลิน
ครูเทียมเร่งใหญ่ “ออกไปเร็วหลง จวนถึงบทเอ็งแล้ว”
“เปลี่ยนบททันมั้ยครับครู”
“เอ็งไม่ออก เรื่องก็จบไม่ลง”
หลงเครียด ยังไงก็ต้องออกไป เขาคิดปราดหาทางเอาตัวรอด ทำยังไงถึงออกไปเล่นลิเก แล้วพ่อไม่เห็น
ฟ้าประทานในบทพระเอก กำลังอินอยู่ในบทบาทยอมตายเพื่อรับโทษ ที่ทำรถม้ากษัตริย์ล้ม กำจายสั่งประหารชีวิตฟ้าประทาน
“มหาดเล็ก ประหารมัน”
มหาดเล็กหลงยังไม่ออกโรงสักที
กำจายเสียงดังขึ้น “มหาดเล็ก”
จอมนางด้นบทสดๆ ถ่วงเวลา รอหลง “ขอพระองค์โปรดเมตตา อย่าประหารสามีหม่อมชั้น”
ที่สุดหลงออกโรง แต่พันขาวม้าปิดบังใบหน้า เห็นแต่ลูกกะตากับคิ้วหนาๆ คนเล่นและคนดู เง็งเป็นแถบ
พร้อมพงศ์เพ่งมองหน้ามหาดเล็ก ดวงตาคุ้นๆ หน้า คล้ายตาพงศ์เทพ
“ตาเหมือนไอ้เทพ”
กำจายกระซิบถาม “เล่นบ้าอะไรวะหลง”
หลงปรายตามองพ่ออย่างระแวง หลงบีบเสียงเล็กขึ้นจมูก “เพื่อจรรยาบรรณของเพชฌฆาต หม่อมชั้นไม่สามารถเปิดเผยใบหน้าได้พะย่ะค่ะ”
พร้อมพงศ์กับแม่ยกฮาครืนกับมุกหลง
พร้อมพงศ์พึมพำกับตัวเอง “ไม่ใช่ไอ้เทพ เสียงไม่เหมือน” ดูลิเกต่ออย่างสำราญ โดยไม่จับผิดอีก
“รีบประหารหม่อมชั้นเถิดพะย่ะค่ะ หม่อมชั้นสมควรโดนลงทัณฑ์” ฟ้าประทานเล่นต่อ
กำจายสั่ง “มหาดเล็ก ประหารมัน”
หลงหยิบดาบ โก่งรัวตะโพน เร้าอารมณ์ หลงรำถือดาบหมุนตัวไปมา ทำเอาผ้าขาวม้าคาดผ้าจะหลุดมิหลุดแหล่ ดีที่คว้าไว้ทัน
ฟ้าประทานคุกเข่า ให้หลงฟันดาบลงคออย่างสมบทบาท พอฟ้าประทานตาย หลงก็รีบเผ่นกลับเข้าหลังโรงไปก่อนคนอื่น
พอลงมาหลังเวทีได้ หลงถอดผ้าขาวม้าพันหน้าออก ถอนหายใจเฮือก โล่งอกที่ใช้ไหวพริบเอาตัวรอดจากพ่อมาได้
ลิเกเลิกแล้ว หลงโดนเหล่าแม่ยกรุมขอถ่ายรูป หลงมองรอบๆ สีหน้าระแวง กลัวพ่อยังอยู่
แม่ยก 1จ๊ะจ๋า “ลบคิ้วออกแล้วหล๊อหล่อนะพ่อคุณ”
แม่ยก 2 ฉอเลาะ “เจอกันข้างนอก ก็ทักทายกันบ้างนะจ๊ะ”
“ครับผม”
ฟ้าประทานมองอิจฉาหลง เล่นครั้งแรกแม่ยกก็ดันชอบมัน รุมล้อมมันซะแล้ว มีเจ๊ทรงงามคนเดียวยืนอยู่กับฟ้าประทาน พูดเอาอกเอาใจ
“ไม่เห็นหล่อตรงไหน สู้ฟ้าประทานของเจ๊ไม่ได้”
“เจ๊ไม่ต้องพูดให้ผมสบายใจ”
ฟ้าประทานหงุดหงิด กลัวหลงขึ้นมาทาบรัศมีพระเอกเลิเกทรงเครื่องขวัญใจแม่ยก
ระหว่างนี้ครูเทียมมองหลงอย่างพินิจพิเคราะห์
หลงดูหล่อเหลา มีเสน่ห์ แม้จะอยู่ในเครื่องเคราธรรมดา ราศีจับออร่ากระจาย เล่นลิเกหนแรกแม่ยกก็ติดตรึม
กลับถึงบ้านครูเทียมจ่ายเงินค่าตัวชาวคณะตามธรรมเนียม เริ่มที่โก๊ะ ได้ 200 บาท
“คืนนี้ไอ้หลงขึ้นแทนเอ็ง ข้าให้ค่าแต่งหน้าแต่งตัวเอ็ง”
โก๊ะหน้าจ๋อย ไหว้ขอบคุณครู
“ของเอ็ง” ครูให้หลง 500 บาท
“ผมเล่นไม่ได้เรื่อง ขอไม่รับครับครู”
ฟ้าประทานสอดขึ้น “เอ็งรู้ตัวก็ดีแล้ว”
หลงหันมองฟ้าประทาน รู้ทันว่าอิจฉา แต่ไม่อยากทะเลาะด้วย
“ครูครับ ผมอยากแบ่งเงินที่แม่ยกให้ผม ให้ทุกคนในคณะครับ”
ครูเทียมบอกอีกธรรมเนียมของคนลิเก “แม่ยกให้เงินใคร คนนั้นก็เก็บไว้ ไม่ต้องแบ่งชาวคณะ ถือเป็นความรักความชอบส่วนตัว”
“แม่ยกชอบคณะเทียมฟ้าต่างหากครับ ไม่ได้ชอบผม”
หลงแย้ง หันมายื่นเงินให้จอมนาง
“ไม่เอาจ้ะพี่”
หลงให้เงินกำจาย โก่ง โก๊ะ ตุ้ม ทุกคนต่างส่ายหน้าไม่เอา หลงเลยให้เงินกระแต
“เอาไว้เป็นค่ากับข้าวครับ พี่ไม่อยากอยู่ฟรีกินฟรี อยากช่วยเท่าที่ช่วยได้”
กระแตยิ้มยอมรับไว้ “ชั้นรับไว้ก็ได้จ้ะ”
หลงแบ่งเงินค่าตัวลิเกเก็บไว้ให้ตัวเอง 500 บาท ที่เหลือร่วมพันบาทของแม่ยก หลงให้กระแตหมด ชาวคณะทุกคนยกเว้นฟ้าประทานมองหลงอย่างรู้สึกดี ที่เขาเป็นคนมีน้ำใจ
คืนเดียวกันฟ้าประทานหงุดหงิดอารมณ์เสียเข้ามาในห้อง
“ฮีโธ่เอ๊ย ทำเป็นมีน้ำใจ ก็ให้แค่วันนี้แหละวะ”
ฟ้าประทานเก็บเงินค่าตัว 2 พันบาท ใส่กระเป๋าสตางค์ บ่นบ้าอารมณ์เสีย
“ได้ค่าตัว 2 พัน ค่าน้ำมันยังไม่ได้”
ฟ้าประทานเซ็ง อยากได้ค่าตัวมากกว่านี้ ที่สำคัญอยากรวย
เช้าวันถัดมา จอมนางยกจานกับข้าวจากในครัวมาวางกลางโต๊ะกินข้าว ทุกจานเป็นเมนูผักล้วนๆฟ้าประทานกำลังบ่นอยู่กับกำจาย และ โก่ง ไม่ไกลนัก
“น้ากำจายได้ค่าตัว 800 พี่โก่งได้ 600 ถามจริงเหอะ พอยาไส้มั้ย
“ค่าตัวน้อยก็จริง แต่ครูก็ให้ที่อยู่ที่กิน” ลุงกำจายบอก
“ลิเกทรงเครื่องมันตกยุคแล้ว เหมือนโทรเลขน่ะ ไปรษณีย์ประกาศเลิกใช้ คนสมัยนี้ใช้ ไอแพด ไอโฟน มือถือ”
โก่งท้วง “คนที่ไม่บ้าไอโฟน ไม่บ้ามือถือก็มีนะเว้ย ข้าคนนึง”
“คนอย่างพี่โก่งมีซักกี่คน คณะเราน่ะ คนดูน้อยลงทุกวัน เหลือแต่ขาประจำรุ่นเก่าๆ คนรุ่นใหม่เค้าไปดูลิเกประยุกต์ ลิเกเธคกัน”
จอมนางหน้าตาเบื่อหน่ายฟ้าประทาน พล่ามแต่เรื่องเดิมๆ
“เลิกเล่นลิเกทรงเครื่องเมื่อไหร่ พวกเรา...รวย”
ครูเทียมเดินเข้ามา ฟ้าประทานที่วิจารณ์ลิเกทรงเครื่องอยู่ หยุดพูดทันที ไม่กล้าปากเสียต่อหน้าครูครูเทียมพอได้ยินตอนท้ายๆ ว่าฟ้าประทานพูดอะไร แต่ทำเป็นไม่สนใจ ลงนั่งหัวโต๊ะ
“จอมเอ๊ย วันนี้มีผักอะไรกิน”
จอมนางภูมิใจนำเสนอ “สารพัดผักเลยจ้ะปู่ น่ากินทั้งน้าน...”
“อุ๊ยนี่ผักบุ้ง นี่ผักกาด หัวไชเท้าก็มี”
ครูเทียมมองกับข้าวสารพัดผัก แหมะ มันช่างน่ากินไปเสียทุกอย่าง
จอมนางกับกระแตเก็บกับข้าวที่เหลือเข้าตู้
“หลังๆ มานี่ ฟ้าประทานบ่นเรื่องค่าตัวบ่อย อยากรวย ก็ย้ายไปอยู่คณะอื่นสิ” จอมนางบ่น
“ฟ้าประทานไปจริงๆ เราจะลำบากนะจอม พระเอกลิเกเก่งๆ หายาก เอ้อ...จอม พี่รู้แล้ว แฟนตุ้มเป็นใคร”
“เป็นซุปตาร์ที่ไหนเหรอจ๊ะ ตุ้มถึงเก็บเงียบเป็นความลับ”
“ซุปตาร์อะไร้ ซุปหน่อไม้น่ะสิ วันก่อนพี่เห็นตุ้มลับๆ ล่อๆ ออกจากบ้าน เลยแอบตามไป ตุ้มนัดเจอ...พี่โก่ง”
จอมนางไม่อยากเชื่อ “ห๊ะ! พี่โก่งเนี่ยนะแฟนตุ้ม”
โก่งกับโก๊ะยกจานข้าวมาล้าง จอมนางกับกระแตเลยเลิกเม้าท์
กระแตหันไปแซวโก่ง “พี่โก่ง พรุ่งนี้ชั้นว่าจะต้มผักให้พี่โก่งจ้ะ โบราณว่า ยามรัก น้ำต้มผักก็
ว่าหวาน” พลางทำเป็นยิ้มหวาน ล้อโก่ง
โก๊ะเผือกขึ้น “พี่กระแตมีผัวเหรอ”
กระแตค้อนควัก “ไอ้ปากมอม พี่ยังไม่เคยต้องมือชายย่ะ”
“ก็เห็นยิ้มซะหวานเจี๊ยบ” โก๊ะว่า
ตุ้มเดินเข้ามา
กระแตหันไปเห็น “พวกเราไปกันเถอะจอม โก๊ะ อย่าอยู่เป็นกขค.เค้าเลย”
“จอม ครูให้ขึ้นไปหาบนห้องแน่ะ”
จอมนางหันไปเช็ดมือ แล้วเดินออกไป
กระแตมองตุ้มที มองพี่โก่งที วางท่าว่าข้าเหนือกว่า รู้นะแกสองคนมีอะไรกัน ตุ้มกับโก่งไม่เข้าใจ กระแตเป็นบ้าอะไร
จอมนางเข้ามาหาครูเทียมในห้อง
“ปู่เรียกหาชั้นมีอะไรจ๊ะ”
“ปิดประตูก่อนจอมเอ๊ย”
จอมนางปิดประตู ล็อคกลอน ปู่สั่งแบบนี้ แสดงว่าเป็นเรื่องสำคัญไม่ต้องการให้ใครมาได้ยิน จอมนางตั้งตารอฟังปู่
“ปู่จะปั้นหลงเป็นพระเอกลิเก”
จอมนางตกใจ “ฟ้าประทานก็โวยวายตายหรอกจ้ะปู่”
“ฟ้าประทานอยู่กับเราไม่นานหรอก มันอยากรวย เกียรติยศไม่ทำให้รวย แค่ทำให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง...เราต้องหาตัวตายตัวแทนฟ้าประทาน เอ็งห้ามบอกใครล่ะจอม กับกระแตก็ห้ามพูด”
จอมนางรับปาก “จ้ะปู่ ว่าแต่ปู่แน่ใจเหรอจ๊ะดันพี่หลงขึ้นเป็นพระเอกไหว หัดลิเก ต้องหัดแต่เด็กพี่หลงโตแล้ว รำมือแข็งอย่างกับบ้องข้าวหลาม”
“เอ็งต้องช่วยปู่ฝึกหลง ปู่มองไม่ผิด หลงฉายแววมีเสน่ห์ล้นเหลือออกโรงหนแรก แม่ยกก็ติด จอมเอ๊ยปู่ว่า...เรามาเจอเพชรในตม”
แววตาครูเทียมมั่นใจมากว่าหลงต้องขึ้นเป็นพระเอกได้ แต่จอมนางยังลังเล ไม่มั่นใจในความสามารถหลงนัก
อ่านต่อหน้า 3
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ขณะที่ตุ้มนั่งกรีดกรายทาเล็บอยู่ในโถงบ้าน ฟ้าประทานลงมาจากข้างบน ได้เสียงฉิ่งดังเข้ามาก็แปลกใจ
“วันนี้ครูให้พัก ใครซ้อมลิเก”
ตุ้มไม่กล้าบอก กลัวฟ้าประทานไม่พอใจ ฟ้าประทานสังหรณ์ใจ หรือครูเทียมหัดลิเกให้ไอ้หลง ขวัญใจแม่ยกเดินดุ่มๆ ไปทางลานซ้อมลิเก ตุ้มกลัวมีเรื่อง รีบตามไป
ฟ้าประทานมายังลานบ้าน มีเสียงฟันดาบ เสียงฉิ่งดังมา พอมาถึงลานบ้าน ฟ้าประทานก็เห็นกำจายตีฉิ่งให้จังหวะครูเทียมที่ฟันดาบอยู่กับหลง
ฟ้าประทานชักสีหน้าไม่พอใจครูเทียม หันมาพูดกับตุ้ม “ครูสอนมัน เหมือนที่สอนผม”
“ครูก็สอนน้ากำจายเหมือนกัน” ตุ้มว่า
“น้ากำจายก็เคยเป็นพระเอกลิเก”
ฟ้าประทานกลัวหลงจะขึ้นมาแทนที่ คิดปราดเดียวต้องสกัดดาวรุ่ง เดินเข้าไปวงซ้อม
“ผมช่วยสอนครับครู”
ฟ้าประทานไปหยิบดาบอีกเล่ม ไม่รอช้า ฟันดาบใส่หลงฉับ หลงตั้งดาบรับทัน ฟ้าประทานรุกไล่ ฟันดาบใส่หลงอย่างจริงจัง
“อย่าเล่นอย่างนี้ครับ” หลงบอก
“เล่นอะไร ข้าเอาจริง”
ฟ้าประทานฟันดาบไม่ยั้ง กะทำร้าย ไม่ใช่สอนหลง
จอมนางเห็นท่าไม่ดี ร้องขึ้น “หยุดนะฟ้าประทาน”
ฟ้าประทานไม่หยุด ไล่ฟันดาบใส่หลงจนดาบหลงหลุดมือ ฟ้าประทานแกล้งเงื้อมดาบจะฟัน
ครูเทียมโกรธมาก แผดเสียงดังลั่น “ฟ้าประทาน”
ฟ้าประทานเกรงครูเทียม เลิกแกล้งหลง ถอยไป
ครูเทียมตำหนิเสียงขุ่น “ดาบมีครู เอ็งลบหลู่ครู”
ฟ้าประทานหน้าเสีย “ผมลืมไปครับ”
“ใจเอ็งน่ะ คิดแต่เรื่องอกุศล เลยไม่ฉุกคิด อะไรเหมาะอะไรควร ไปให้พ้นหน้าข้า”
ครูเทียมจ้องหน้าฟ้าประทานเขม็ง ท่าทางโกรธมาก ฟ้าประทานน้อยใจครูรักไอ้หลงมากกว่าตัวเอง
ผลุนผลันออกไป
กำจายเข้าไปดูหลง “เป็นอะไรมั้ยหลง”
“ไม่ครับ”
ครูเทียมเก็บดาบขึ้นมาไหว้ครูในดาบ ขอขมาแทนที่ฟ้าประทานลบหลู่
ฟ้าประทานเดินหงุดหงิดตรงมาที่รถ ตุ้มวิ่งตามมาร้องถาม
“จะไปไหนจ๊ะ”
“เบื่อคนบ้านนี้ เข้าข้างไอ้หลงกันทั้งนั้น แม้แต่ครูเทียม ก็ลำเอียง”
“ว่าครูไม่ได้ ฟ้าประทานผิดจริงๆ นี่ เอาดาบมีครูไปแกล้งพี่หลง”
ตุ้มเองก็ไม่เข้าข้าง ฟ้าประทานยิ่งพาลใหญ่
“เข้าข้างมันนัก ก็เป็นไปเป็นเมียมันไป”
ฟ้าประทานโมโหขึ้นรถ ซิ่งทะยานออกไป
รถฟ้าประทานแล่นเร็วมาในซอย หงุดหงิดโมโห พาลพาโลไปหมด ที่ทุกคนในบ้านเข้าข้างหลง รวมทั้งตุ้ม ฟ้าประทานขับมาเจอรถคันหน้าขับช้าเป็นเต่า กดแตรไล่ปี๊นๆๆๆๆ
เป็นพร้อมพงศ์นั่นเองที่ขับรถมาช้าๆ มองดูตามบ้านริมถนนเผื่อจะเจอลูกชาย พอโดนรถคันหลังกระหน่ำบีบแตรไล่ก็ยัวะ
“ก็แซงไปสิวะ”
ฟ้าประทานโมโหที่รถไม่หลีก “ไม่ยอมหลบ”
ฟ้าประทานเลยแกล้งขับรถจี้ท้ายรถพร้อมพงศ์
พร้อมพงศ์มองกระจก เห็นรถคันหลังขับจี้ท้ายยิ่งยัวะ
“แน่จริงชนเลย”
เจ๋งไม่อยากมีเรื่อง “หลบเค้าเหอะลุง”
“มันอยากแกล้งให้มันแกล้งไป” พร้อมพงศ์ยั่ว
ฟ้าประทานแกล้งขับรถจี้ท้ายรถพร้อมพงศ์ แต่จี้ติดมากไปหน่อย เลยชนท้ายชนรถพร้อมพงศ์เบาๆ
พร้อมพงศ์จอดรถลงไปเอาเรื่อง
“เฮ้ย ทำรถพัง จ่ายค่าเสียหายมา”
ฟ้าประทานไม่ยอมลงมา ขับรถแซงขวาซิ่งหนีไป
พร้อมพงศ์โมโห “อย่าชนแล้วหนีดิวะ”ฃ
เจ๋งลงมาดูรอยชนท้ายรถ “บุบเลยลุง”
“กะเรียกเงินมันซักหมื่น ได้เอาเงินไปเติมน้ำมัน”
เจ๋งส่ายหัว ลุงพงศ์หากินได้ทุกทาง
พร้อมพงศ์มองรถฟ้าประทานที่แล่นไปไกล แต่มองไม่ทันเห็นป้ายทะเบียนรถ จำได้แต่ยี่ห้อและสีรถ
ทางด้านเสี่ยเต๊กยืนจังก้าอยู่หน้างบ้านพร้อมพงศ์ที่กรุงเทพฯ ประกาศกร้าว ข่มขู่เพื่อนบ้านพร้อมพงศ์อยู่
“อั๊วจะงัดบ้านเฮียพงศ์ ใครโทร.ไปบอกตำรวจอีก ดึกๆ ไฟไหม้บ้าน อั๊วไม่รับผิดชอบ”
บรรดาเพื่อนบ้านกลัวหงอ หดตัวเข้าบ้านกันหมด
เสี่ยเต๊กพยักหน้าสั่งลูกน้อง ให้ปฏิบัติการได้ เบิ้มกับพลทำการงัดบ้านพร้อมพงศ์
“เฮียหนีได้หนีไป ผมก็ยึดบ้านเฮีย” เสี่ยเต๊กคำราม ตาวาววับ
เบิ้มกับพลจัดการงัด และเปิดประตูรั้วบ้านได้แล้ว เสี่ยเต๊กเดินอาดๆ เข้าไป
เสี่ยเต๊กเข้าบ้านมา มองไปรอบๆ อย่างโกรธแค้น เลยระบายแค้น ด้วยการเตะข้าวของกระเด็นกระดอน
“ของๆ เอ็งเหรอไอ้เทพ นี่แน่ะ” พลางหันไปสั่งลูกน้อง “ทำลายโรงงานมัน ไม่ให้มันมีเครื่องมือทำมาหากิน”
เบิ้มกับพล จัดการทุบทำลายข้าวของในโรงงานน้ำมันมะพร้าวเล็กๆ ของพร้อมพงศ์ อุปกรณ์หากินมีพวกขวดแก้ว โหลแก้ว หม้อต้ม เครื่องขูดมะพร้าว เสี่ยเต๊กถีบเครื่องขูดมะพร้าวล้มโครม! พลเขวี้ยงฝาหม้อทิ้งโครม
เสี่ยเต๊กร้องลั่น “โอ๊ย”
พลหันไปดู เห็นเสี่ยเต๊กเอามือกุมหน้า ฝาหม้ออันที่พลโยนทิ้ง กลิ้งอยู่ข้างๆ เสี่ยนั่นเอง
“เต็มๆ เลยกู”
พลหน้าเสีย เสี่ยเต๊กเปิดหน้ามา หน้าแดงเถือก!
ขณะที่เหลียนฮัวกับอาจงคะยั้นคะยอให้เหมยฮัวกินยาหม้อสมุนไพรจีนอยู่ เบิ้มพาเสี่ยเต๊กกลับมา หน้าเสี่ยเต๊กเขียวช้ำไปข้าง
“โดนอะไรมาเสี่ย”
“ก็ไอ้ลูกน้องตัวดีน่ะสิ ทำอั๊วเจ็บตัว”
เหลียยนฮัวบอก “อาจง ไปหยิบยาทาแก้ฟกช้ำมา”
อาจงออกไป
“นี่อั๊วให้ไอ้พลอยู่โยงเฝ้าบ้านเฮียพงศ์ ไอ้เทพกลับมาเมื่อไหร่ ให้จับตัวมาส่งอั๊ว”
เหมยฮัวสยอง “เตี่ยคะ ปล่อยพี่เทพเค้าไปเถอะค่ะ”
เสี่ยเต๊กของขึ้น แผดเสียงด่าลูกสาว “จะบ้ารึไง มันทำเหมยท้องแล้วทิ้ง เตี่ยไม่ฆ่ามันหมกส้วมก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
เหมยฮัวหงอ กลัวเตี่ยขึ้นสมอง อาจงเอายาทาแก้ฟกช้ำมา
เหมยฮัวพยายามเอาใจเตี่ย “เหมยทาให้”
เสี่ยเต๊กโกรธอยู่กรุ่นๆ “ไม่ต้องมายุ่ง เค้าว่าไว้ไม่มีผิด มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน ลูกสาว
อั๊วไม่ใช่ส้วมธรรมดาเป็นส้วมแตก”
เหมยฮัวน้อยใจเตี่ยหนีขึ้นข้างบน เหลียนฮัวสงสารลูกสาว แต่ก็ไม่กล้าตำหนิเสี่ยเต๊ก กลัวผัวเหมือนกัน เหลียนฮัวทายาแก้ฟกช้ำให้ แต่โดนเสี่ยเต๊กดุอีก
“เบาๆ ซี่ อู้ย...”
เสี่ยเต๊กครางโอดโอยทั้งเจ็บหน้าและเจ็บใจ
เหมยฮัวเข้าห้องมา ตัดสินใจโทร.ไปตาม กิ๊ก ที่เป็นคนดูแลพ่อลูกในท้อง
“คุณดูแลคิวงานเค้า ไม่รู้ได้ยังไงคะ เค้าจะกลับเมื่อไหร่”
อาจงจะเข้ามาหาคุณหนู เอะใจ เค้าไหนหว่า? เลยแอบฟังหน้าห้อง
เป็นเสียงผู้หญิงดังลอดออกมา “ดิชั้นรับคิวงานมาจากผู้จัดการส่วนตัวอีกทีค่ะ”
“งั้น ขอเบอร์ผู้จัดการส่วนตัวค่ะ”
“ให้ไม่ได้ค่ะ”
“อะไรก็ไม่ได้ ชั้นเป็นแฟนเค้านะคะ...” พูดไม่ทันจบโดนทางโน้นวางสายใส่ “ใจร้ายจัง”
เหมยฮัวซึม ติดต่อผู้ชายที่ทำท้องไม่ได้ซะที
อาจงแอบฟังด้วยสีหน้าสงสัย เค้าที่ว่า อาจเป็นพ่อลูกในท้องคุณหนูเหมยฮัว
อาจงรีบนำความมารายงานคุณนายเหลียนฮัว ว่าคุณหนูโทร.ตามหาใครซักคน ซึ่งอาจเป็นแฟน
“อาจงฟังไม่ผิดแน่นะ เหมยพูดว่า...คิวงาน”
“ได้ยินเต็มสองหูเลยค่ะ”
เหลียนฮัวครุ่นคิด “มีผู้จัดการส่วนตัวด้วย”
“ค่ะ ไม่รู้แฟนคุณหนูทำงานอะไรนะคะ มีคิวงาน มีผู้จัดการส่วนตัว”
เหลียนฮัวนึกออก “มีไม่กี่อาชีพหรอก”
เหลียนฮัวเฉลียวใจ นึกทวนหวนย้อนถึงเหตุการณ์ในอดีต
วันนั้นเหลียนฮัวคุยอยู่กับอาจง เห็นเหมยฮัวหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ามาหา
“เหมยไปดูคอนเสิร์ตที่เชียงใหม่นะหม่าม้า”
เหลียนฮัวห่วงลูกสาว “ไปกี่วัน ไปกับใคร”
เหมยฮัวปด “อ่า.. ไปกับเพื่อนค่ะ เหมยไปนะ”
เหมยฮัวรีบออกไป ก่อนโดนซักไซ้
เหลียนฮัวกับอาจงรอเหมยฮัวอยู่ในห้องโถง ดึกมากแล้วเหมยฮัวยังไม่กลับบ้าน เสียงรถหน้าบ้าน เหลียนฮัวกับอาจงชะเง้อดู ไม่ทันเห็นรถ เห็นแต่ลูกสาวกำลังเดินเข้าบ้าน
“กลับดึกอีกแล้วนะเหมย แล้วใครมาส่ง”
เหมยฮัวโกหก “เพื่อนค่ะ ไปดูคอนเสิร์ตกันมา”
เหมยฮัวรีบขึ้นข้างบนไป กลัวโดนหม่าม้าซัก
“คอนเสิร์ตนี่เล่นทุกคืนเลยเหรอคะคุณเหลียนฮัว”
เหลียวฮัวเฉย รู้ทันว่าลูกสาวโกหก ไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ต
เหลียนฮัวนิ่งนึกทบทวนเหตุการณ์หลายเหตุการณ์แล้ว มันชักเข้าเค้า
“หรือนักร้องคนนั้นเป็นพ่อลูกในท้องเหมย”
“นักร้องไหนคะ”
“อั๊วยังไม่แน่ใจ”
เหลียนฮัวขบคิดหาวิธีจับผิดลูกสาว
เย็นนั้นหลงเทข้าวใส่ชามข้าวหมา กำจายเปิดไฟหน้าบ้าน
หลงตะโกนเรียก “หลงเอ๊ย มากินข้าว”
ไม่มีวี่แววหมาไอ้หลง
“ไอ้หลงมันยังเบื่อข้าวบ้านนี้ มีแต่ผัก”
จอมนางหน้าเข้มออกมาได้ยินน้ากำจายบ่น
“มีแต่ผักแล้วไงน้า ก็ยังดีกว่าไม่มีกิน” จอมนางเดินไปปิดสวิทช์ไฟหน้าบ้าน “ยังไม่มืดเปลืองไฟ”
“น้าไปขโมยเทียนพรรษาที่วัดมาให้มั้ยจอม ประหยัดไฟบ้าน”
“น้ากำจายอ่ะ ชอบประชดชั้น คิดเหรอชั้นไม่เหนื่อย ตอนเช้าชั้นต้องตื่นมาปิดไฟหน้าบ้าน มีใครคิดจะช่วยตื่นมาปิดบ้างมั้ย”
จอมนางค้อนกำจาย กำจายยิ้ม ก็ไม่ว่าอะไรนี่หว่า
หลงฟังแล้วนึกอยากช่วยผ่อนแรงจอมนาง
ขณะที่กระแตกำลังขึงผ้าบนสะดึงกรอบสี่เหลี่ยม จะปักสไบให้จอมนางใส่แสดง จอมนางเดินมาหา
“ไปตลาดกันพี่กระแต”
“พี่ไม่ว่าง จะปักสไบให้เรา ชวนโก๊ะไปสิ”
หลงตามจอมนางมา
“ผมไปเป็นเพื่อนครับ จะไปซื้อของด้วย”
จอมนางมองสงสัยหลงจะไปซื้ออะไรมิทราบ? หลงฟอร์มเฉย ไม่บอก ไม่พูด
เย็นมากแล้ว ตลาดบางไทรเริ่มวาย พ่อค้าแม่ค้ากำลังเก็บแผง จอมนางเดินพาหลงมาซื้อของ บอกเทคนิคหลง
“ตอนตลาดวาย ของถูกจ้ะ เวลาทองของชั้นเลย”
“พี่จะจำไว้ครับ ต้องมาซื้อเวลานี้ เวลาทอง” หลงอมยิ้ม จอมนางประหยัดเกิน
จอมนางแวะแผงส้ม เหลือส้มประมาณหนึ่งกิโล มีป้ายปัก “ส้มโลละ 120 ”
จอมนางบอก “เหมาหมดกอง 20 บาท”
แม่ค้ามักคุ้นกันประชด “เอาฟรีเลยมั้ยจอม”
“แหมพี่ก็ ชั้นช่วยซื้อนะเนี่ย เก็บไว้พรุ่งนี้ก็เน่า”
แม่ค้าพยักหน้า ขายก็ขาย จอมนางยิ้มแป้น ช่วยแม่ค้าหยิบส้มใส่ถุง
“พี่ไปซื้อของนะครับจอม”
“ชั้นไปด้วย”
“จอมต้องซื้ออย่างอื่นอีก เดี๋ยวพี่มา ไปแป๊บเดียว”
หลงเดินออกไปทางร้านขายของหน้าตลาด จอมนางสงสัยหลงแอบไปซื้ออะไร?
จอมนางหิ้วถุงส้ม เดินตามหาหลง จนเห็นหลงซื้อของอยู่ในร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า จอมนางแอบชะเง้อดู
“ซื้ออะไรน่ะ” แต่มองไม่เห็น
หลงจ่ายเงินเรียบร้อย ออกจากร้าน
“เดี๋ยวพี่หลงรู้ว่าเราแอบตามมา”
จอมนางรีบวิ่งจู๊ดกลับไปที่ตลาดถึงก่อนหลง ทำฟอร์มเลือกซื้อผัก หลงหิ้วถุงที่ซื้อจากร้านไฟฟ้า มาหาจอมนาง
จอมนางวิ่งมาเหนื่อย พูดไปหอบไป “ซื้ออะไรมาจ๊ะพี่”
“จอมทำอะไรเหนื่อยครับ”
“เลือกผักเหนื่อยจ้ะ ผักมันเยอะ”
จอมนางกลัวหลงสงสัย เลือกผักเป็นการใหญ่
หลงคิดในใจ “แอบตามพี่ไปอีกล่ะสิ”
หลงอมยิ้ม รู้ทันความแสบความจอมนาง
อ่านต่อหน้า 4
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 5 (ต่อ)
กลับถึงบ้านครูเทียมตอนเย็น หลงจัดการต่ออุปกรณ์กล่องไฟแสงจันทร์ ให้ไฟหน้าบ้านเปิดปิดเอง จอมนางเป็นลูกมือ ช่วยส่งไขควง น็อตให้
“กล่องอะไรจ๊ะพี่หลง”
หลงอธิบาย “ต่อเสร็จแล้วครับ ต่อไปนี้ จอมไม่ต้องตื่นมาปิดไฟตอนเช้า พอสว่าง ไฟจะปิดเองครับ”
จอมนางงง “ยังไงจ๊ะ”
“เค้าเรียกไฟแสงจันทร์ พอมืด ไฟจะเปิดเอง พอแสงสว่างพอ ไฟก็ปิดเอง ช่วยประหยัดไฟ”
จอมนางทึ่ง “ที่พี่ไปซื้อของเนี่ย ไปซื้ออุปกรณ์ทำไฟแสงจันทร์ให้ชั้น”
“ครับ อ่ะ” หลงมองไปยังไฟหน้าบ้าน “เห็นมั้ย ไฟเปิดเองแล้ว”
“ขอบใจนะจ๊ะพี่หลง”
จอมนางยิ้มแป้น มองกล่องไฟแสงจันทร์ที่หลงซื้อมาติดให้ สีหน้าซาบซึ้งน้ำใจ เงินก็ไม่ค่อยมี ยังจุนเจือช่วยเหลืออีก
กระแตปักสไบมาตั้งแต่เย็นจนมืดค่ำ ต้องตั้งโคมไฟส่อง ให้เห็นลายชัดๆ จอมนางมานั่งคุยอยู่ข้าง ๆ เล่าเรื่องหลงติดไฟแสงจันทร์ให้กระแตฟังแล้ว
“พี่หลงเค้าก็เป็นคนดีใช้ได้เนอะ”
กระแตบอก “เลิกจับผิดเค้าได้แล้ว”
“ปู่สอนชั้น ไม่ให้ไว้ใจใครง่ายๆ ทำความดีหนเดียว ใช่ว่าจะดีหมดทุกอย่างยังไงชั้นก็ยังไม่ไว้ใจพี่หลงร้อยเปอร์เซ็นต์”
กระแตหมั่นไส้ “แล้วแต่จอมเถอะ...ปวดตา พรุ่งนี้ค่อยปักต่อ”
กระแตหันไปปิดโคมไฟ เก็บดิ้นเงินดิ้นทองใส่กล่อง
จอมนางยังครุ่นคิดเรื่องหลงต่อ ตกลงเป็นคนดีจริงเหรอเปล่า
คืนเดียวกันหลงอาบน้ำเสร็จ ออกจากห้องน้ำเจอครูเทียมรออยู่
“ครูจะเข้าทำไมไม่เคาะเรียกครับ ผมก็อาบน้ำซะนานเลย”
ครูเทียมกระซิบบอก “พรุ่งนี้เอ็งขับรถพาข้าไปโรงพยาบาลในตัวเมืองที หมอนัด”
หลงกระซิบถามกลับ “กี่โมงครับ”
“ออกจากบ้านซัก 6 โมง ไปถึงเช้าๆ ได้ได้คิวแรกๆ อย่าลืมล่ะ เอ็งห้ามบอกใครว่าข้าป่วย” ครูกำชับ
“ครับ”
ครูเทียมเดินกระย่องกระย่อง ท่าทีลับๆ ล่อๆ ขึ้นบ้านไป ทำตัวราวกับมานัดแนะวางแผนปล้นกับหลง
“จอมนางรู้ทีหลัง จะรู้สึกยังไงเนี่ย”
หลงหน้าหมองลง ไม่ใคร่สบายใจนัก ที่ต้องช่วยปกปิดความลับเรื่องการเจ็บป่วยของเสาหลักของคณะลิเกเทียมฟ้า
ตอนดึกคืนเดียวกัน พร้อมพงศ์ขับรถตระเวนตามหาลูกชายทั้งวัน หิวซ่ก ขับรถหาของกินมาที่ตลาดบางไทร พบว่าร้านรวงปิดหมดแล้ว
“อะไรวะ ปิดร้านนอนกันหมด” พร้อมพงศ์บ่น
“ก็มัน 5 ทุ่มแล้วนี่ลุง นี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ คนต่างจังหวัดเข้านอนไว”
พร้อมพงศ์โมโห “เพราะไอ้เทพคนเดียว ทำให้ต้องระหกระเหินกินอยู่ลำบาก เจอมันเมื่อไหร่นะ
จะเตะซักป้าบ”
พร้อมพงศ์ขับรถออกจากตลาดไปหน้าตาเซ็ง
เช้าตรู่ วันถัดมา หลงกำลังเอารถตู้คณะออก วันนี้หมอนัดครูเทียมไปตรวจ จอมนางตื่นมาปิดไฟหน้าบ้านตามความเคยชิน เห็นเข้า
“ปู่ พี่หลง จะไปไหนแต่เช้าจ๊ะ”
“เอ่อ” ครูเทียมไม่ทันตั้งตัว คิดไม่ออก โกหกยังไงดี
หลงช่วยโกหกเนียนๆ “ตอนครูพาพี่ไปทำบุญที่วัดในตัวเมือง พี่บนไว้ ถ้าได้เล่นลิเกจะไปแก้บน เราจะไปแก้บนกันครับ”
ครูเทียมยิ้มขอบใจหลง หัวไวดีมากเอ็ง
“ชั้นไปด้วย” จอมนางบอก
“เอ็งยังไม่ได้อาบน้ำ ปู่ขี้เกียจรอ ไปกันเลย หลงเอ๊ย”
หลงขับรถตู้คณะพาครูเทียมไปเลย
“ปู่นะ รอแป๊บนึงก็ไม่ได้”
จอมนางจะปิดไฟหน้าบ้าน เห็นไฟปิดแล้ว
“เอ้อลืมไป พี่หลงทำไฟแสงจันทร์ให้”
จอมนางมองกล่องอุปกรณ์ไฟแสงจันทร์ ยิ้มปลื้มน้ำใจพี่หลงไม่หาย
กระแตตื่นเช้า เพ่งสายตาปักดิ้นบนผืนผ้า ทำสไบผืนใหม่ให้จอมนาง ตุ้มมาก้มดูใกล้ ๆ
“ฝีมือไม่ตกนะแก ปักละเอียดเชียวปักให้ชั้นเหรอ”
“ฝันไปเหอะ ของจอม”
กระแตมองตุ้มแต่งหน้าแต่งตัวสวยเช้ง
“จะเดินไปอวดโฉมที่ศาลาการเปรียญไหนยะ”
“ชั้นจะไปไหน มันก็เรื่องของชั้น”
ตุ้มเม้ง เดินนวดนวยไป กระแตมองตามหมั่นไส้ อีนี่ทำสวยตลอด
พอตุ้มเดินพ้นเงาตัวบ้าน ก็กางร่มพรึ่บ ป้องกันผิวสวยจากแสงแดด
กระแตพึมพำ “ตุ้มต้องแอบนัดพี่โก่ง คราวนี้ต้องถ่ายคลิปมาแฉ !ทำเชิดดีนัก”
กระแตไม่ทันเก็บดิ้นใส่กล่อง รีบแอบตามตุ้มไป
กระแตสะกดรอยตามตุ้มมา เห็นโก่งรอตุ้มอยู่ที่เดิม ทั้งคู่ยืนคุยกันกระแตเอาโทรศัพท์มือถือ แอบถ่าย ตอนตุ้มกับโก่งคุยหัวเราะต่อกระซิกกัน
“แกเอาพี่โก่งไปได้ไงตุ้ม แก่คราวพ่อ”
เห็นกำจายแอบตามมาสมทบอีกคน
“น้ากำจายรู้ความลับตุ้มกับพี่โก่ง”
กระแตเล็งแล เห็นกำจายกระซิบกระซาบข้างหูตุ้ม ตุ้มหัวเราะคิกคักถูกใจ ตีต้นแขนกำจายเบาๆ
โก่งกระซิบข้างหูตุ้มมั่ง ตุ้มหยิกโก่ง โก่งหัวเราะร่า
กระแตเห็นภาพ 3 คนหยอกเอินกันแล้วอึ้ง !
“นี่มัน...มัน...”
เสียงจอมนางดังขึ้นจากข้างหลัง “เหมือนสามคนผัวเมีย”
กระแตหันขวับไปมองจอมนาง
“ชั้นเห็นน้ากำจายแอบออกมา ท่าทางมีพิรุธ เลยตามมาดูจ้ะ”
กำจาย ตุ้ม และโก่ง เดินคุย หัวเราะหัวใคร่กันออกไป
“ตามเร็ว !ไปดูให้ชัวร์”
“ทิ้งระยะห่างหน่อยจ้ะ เดี๋ยวสามคนนั่นไหวตัวทัน”
จอมนางยอดนักสืบกับกระแตรอจนพวกตุ้มเดินพ้นหัวโค้ง ถึงตาม
สุดท้ายจอมนางกับกระแตคลาดกับพวกตุ้ม
“พี่เห็นหลังตุ้มแว้บๆ หายไปแถวนี้นะ”
จอมนางมองบ้านหลังหนึ่ง เห็นทั้งหลังปิดประตูหน้าต่างหมดทุกบาน มีรองเท้าวางเต็มหน้าบ้าน
“มีคนมาเช่าบ้านนี้แล้วเหรอพี่กระแต”
“มีรองเท้า แสดงว่ามีคนอยู่...รองเท้าตุ้ม! ตุ้มอยู่ข้างใน มีรองเท้าตั้งหลายคู่อยู่กันหลายคน”
จอมนางอึ้ง “หลายคน...ชั้นเคยอ่านข่าวผัวเมียโรคจิต ชอบสวิงกิ้ง”
“บัดสีบัดเถลิง”
สองสาวอยากรู้อยากเห็น ย่องไปที่หน้าต่างในมาดนักสืบ
“ไม่ได้ลงกลอน”
จอมนางยอดนักสืบเปิดหน้าต่าง ผัวะ! ด้วยแววตามาดหมาย
อ่านต่อตอนที่ 5