ญาติร้องสื่อ หลังสามีถูกรถชนตายแต่คดีไม่คืบ เชื่อเป็นการตั้งใจขับรถชน เพราะไม่มีรอยเบรก เผยระหว่างนำศพประกอบพิธีกรรมทางศาสนา มีกลุ่มชายวัยรุ่นบุกยิงปืนขู่ คาดอาจมีเอี่ยวในการตาย วอน ตร. เร่งตามคนร้ายคลี่คดี
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (5 ต.ค.) น.ส.กัลยา ป่าไม้ทอง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/3 ม.6 ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เดินทางเข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว จ.สมุทรปราการ กรณีสามีถูกรถชนเสียชีวิต แต่ตำรวจยังไม่สามารถติดตามจับกุมคนก่อเหตุได้
น.ส.กัลยา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.30 น. นายวิทูรย์ บุญกมล อายุ 36 ปี สามีของตนเองได้ถูกรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ สีขาว ไม่ทราบทะเบียน ชนได้รับบาดเจ็บขณะยืนอยู่ริมถนนใกล้กับรถยนต์ของตัวเอง เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านนิดหน่อยคาราโอเกะ ถ.สายวัดบางบ่อ ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จากนั้นมีพลเมืองดีนำส่ง รพ.บางบ่อ และได้ถูกส่งต่อไปรักษาตัวที่ รพ.สมุทรปราการ กระทั่งเมื่อวันที่ 30 ก.ย. แฟนได้เสียชีวิตลง ญาติจึงนำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่ ศาลา 7 วัดบางบ่อ เป็นเวลา 5 คืน ซึ่งทุกคืนหลังสวดพระอภิธรรมเสร็จ จะมีญาติมานอนเฝ้าศพในศาลากันกว่า 20 คน กระทั่งคืนสุดท้ายเวลาประมาณ 02.30 น. ได้มีชายวัยรุ่นจำนวน 4 คน เข้ามาที่วัด จากนั้นหนึ่งในนั้นได้เข้ามายิงปืนข่มขู่ลงพื้นจำนวน 10 นัด กระสุนกระเด็นไปถูกประตูเหล็กของศาลาที่ตั้งศพ และศาลาใกล้เคียง ทั้งนี้ ก่อนที่ชายทั้งหมดจะกลับออกไปได้พูดว่า “กูรู้ว่าพวกมึงใหญ่ เสียงเบาๆ กันหน่อยนะ” แต่ในช่วงนั้นไม่มีใครเสียงดัง จึงคิดว่าชายทั้งหมดอาจมีส่วนเกี่ยวของกับการตายของแฟน และสงสัยว่าเหตุที่แฟนถูกรถชนอาจเป็นการตั้งใจชน เพราะไม่มีรอยเบรกที่พื้นถนน อย่างไรก็ตาม ตนและญาติๆ ต่างรู้สึกหวาดกลัวจึงอยากให้ตำรวจเร่งจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
ญาติผู้เสียชีวิต กล่าวอีกว่า หลังจากสวดพระอภิธรรมสามีครบ 5 คืนแล้ว จะเก็บศพแฟนไว้ก่อน เพื่อรอให้ตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้ก่อนถึงจะทำการฌาปนกิจ
ด้าน พ.ต.ท.ประเมศฐ์ มหาศิรธนโรจน์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า คดีดังกล่าว ทางตำรวจได้ลงพื้นที่พร้อมฝ่ายสืบสวนตั้งแต่วันเกิดเหตุ เพื่อสอบสวนพยาน และหาภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว แต่เนื่องจากภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นเพียงว่ารถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ สีขาว เท่านั้น ไม่เห็นเลขทะเบียน และพยานในที่เกิดเหตุก็ไม่มีใครจำเลขป้ายทะเบียนของคนก่อเหตุได้เลย ทำให้ยากลำบากในการติดตาม แต่จากการสอบสวนพยานที่เป็นพนักงานเสิร์ฟของร้านนิดหน่อยคาราโอเกะ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ นายวิทูรย์ ได้มาซื้อเบียร์ที่ร้านกิน จากนั้นได้เข้าไปนอนในรถยนต์กระบะของตนเองที่จอดอยู่หน้าร้าน ต่อมาราว 1 ชม. ได้ลงมาจากรถยนต์เพื่อไปจ่ายค่าเบียร์ และกลับไปยืนอยู่ที่ด้านข้างรถ กระทั่งมีรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซขับสวนมาด้วยความเร็ว ได้เสียหลักคล้ายกับคนหลับใน พุ่งมา จะชนกลุ่มพนักงานเสิร์ฟของร้านที่ยืนอยู่ริมถนน แต่คนขับได้หักหลบไปชนนายวิทูรย์ดังกล่าว จึงคิดว่าเป็นอุบัติเหตุไม่น่าจะเป็นการตั้งใจชน เพราะนายวิทูรย์ไม่ได้มีปากเสียงกับใครภายในร้าน ซึ่งรถแจ๊ซคันดังกล่าวก็ขับมาตามปกติ
อย่างไรก็ดี จากการสอบสวนแล้วน่าจะเป็นอุบัติเหตุชนแล้วหนี ส่วนที่มีเหตุคนร้ายเข้ามายิงปืนข่มขู่ภายในวัดนั้น ขณะนี้ตำรวจทราบตัวคนก่อเหตุแล้ว และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ ส่วนสาเหตุที่มายิงข่มขู่นั้นไม่น่าจะเกี่ยวกับเหตุรถชน เพราะตำรวจยังไม่ทราบว่าคนก่อเหตุขับรถชนเป็นใคร ทั้งนี้ จะติดตามกุมคนที่ก่อเหตุยิงปืนมาสอบสวนก่อนถึงจะทราบว่ามายิงปืนข่มขู่เรื่องอะไร และเรื่องนี้ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด
