ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 1
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วทุกหัวระแหง ธุรกิจห้างร้านต่างๆ ล้วนประสบภาวะขาดทุน รวมทั้งธุรกิจ SME ของสองพ่อลูก พงศ์เทพ กับ พร้อมพงศ์ หลายครั้งที่ พร้อมพงศ์ และพ่อต้องใช้บริการเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยมหาโหด เพื่อมาเยียวยาสภาพคล่อง
แต่ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน พงศ์เทพ ชายหนุ่มอารมณ์ดี ขี้เล่น มองโลกในแง่งาม คิดบวก หน้าตาอยู่ในขั้นหล่อเหลา ก็ไม่เคยย่อท้อ
อย่างในวันนี้ เขากำลังขายของให้ลูกค้าที่ร้านสปาแห่งหนึ่งด้วยท่าทีแข็งขัน ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา แถมพูดจาคล่องแคล่ว คารมดีอีกต่างหาก
“น้ำมันมะพร้าวตราเทพประทานของผม ใช้หมักผม ผมก็นุ่มสลวย ทาผิว ผิวก็นุ่มชุ่มชื้น ใช้รับประทานก็ดีนะครับ ช่วยระบบ ขับถ่าย ทำให้รูปร่างดีเหมือนคุณพี่นี่เลย ผมขายส่งตามห้างร้าน”
ถัดจากนั้น พงศ์เทพ กับ ไอ้เจ๋ง ลูกน้องคู่หู เอาน้ำมันมะพร้าวมาส่งลูกค้าที่ร้านทำผม โฆษณาสรรพคุณคล่องปาก
“สินค้าผมขายดีมากครับ”
พงศ์เทพนับเงินค่าน้ำมันมะพร้าว หลายพันบาท
พงศ์เทพพาหน้าหล่อๆ ของเขา เข้ามาในร้านขายเครื่องสำอางในเวลาต่อมา ร้านนี้สั่งน้ำมันมะพร้าวหลายลัง
“ยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นทุกเดือน” พงศ์เทพบอก
พงศ์เทพนับเงินค่าน้ำมันมะพร้าว ได้อีกหลายพันบาท
ที่ร้านสปาอีกแห่ง พงศ์เทพส่งขวดน้ำมันมะพร้าวให้เจ้าของร้าน ใบหน้ายิ้มแย้มไม่มีหุบ
“ลองใช้ดูนะครับ จะสั่งซื้อก็โทร.มาเบอร์นี้” เขาส่งนามบัตรให้
เสร็จภารกิจจากร้านนี้ พงศ์เทพกลับขึ้นรถกระบะเก่าๆ มี เจ๋งนั่งรออยู่ในรถแล้ว
“น่าจะได้ลูกค้าเพิ่มอีกเจ้า” ชายหนุ่มพึมพำ
ระหว่างที่พงศ์เทพเริ่มนับเงินที่ได้มาวันนี้ มีสาวสวยนางหนึ่งเดินผ่านหน้ารถ
“ว้าวๆๆๆ ขาวเต็มตา” เจ๋งตาถลน สะกิดพงศ์เทพยิกๆ ให้ดู
แต่พงศ์เทพไม่มีแก่ใจเหล่สาว หงุดหงิดไอ้เจ๋ง “พี่นับเงินอยู่” เลยต้องเริ่มนับใหม่
เจ๋งคราง “อูย...ขาสวยชะมัด”
อนงค์นางนั้นนวยนาดขึ้นรถสปอร์ตคันหรูราคาแพงระยับ ไม่ไกลจากรถกระบะสองหนุ่ม
พงศ์เทพนับเงินเสร็จ เงยหน้ามองสาวเจ้ากับรถหรูของหล่อน พงศ์เทพกับเจ๋งหน้าเหี่ยวพอกัน เหมือนหมากำลังมองเครื่องบินเจ็ทยังไงยังงั้น
“ไม่อยากเป็นหมาเห่าเครื่องบิน ก็ต้องขยันทำงาน ได้รวยๆ”
พงศ์เทพบอกตัวเอง แล้วออกรถไปส่งของต่อ
สองหนุ่มมาส่งของที่สปาอีกแห่งหนึ่ง เจอสามีร่างบึ้กของสาวใหญ่ เจ๊เจ้าของร้าน ที่วางกล่องบรรจุน้ำมันมะพร้าวลงดังโครม ต่อหน้าพงศ์เทพ !
พร้อมกับที่เจ๊เปิดปากด่า “น้ำมันมะพร้าวของเทพ ผสมน้ำเปล่า”
พงศ์เทพแปลกใจ “เป็นไปได้ยังไงครับ”
“ไม่เชื่อเทพก็ลองกินดู” เจ๊บอก
พงศ์เทพชิมน้ำมันมะพร้าว จากขวดในลังที่ผัวเจ๊ถือออกมา ชิมแล้วหน้าเสีย เพราะมันผสมน้ำเปล่าจริง พงศ์เทพยกมือไหว้ ทันควัน
“ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับเจ๊ ผมไม่คิดเงินของล็อตนี้ แต่ยังไง ผมขอวางบิลของที่ส่งเมื่อ 2 เดือนก่อนครับ”
“เจ๊ไม่จ่าย”
“ของล็อตเมื่อ 2 เดือนก่อน ไม่มีปัญหานะครับ” พงศ์เทพพูดด้วยดีๆ
“ทางเราไม่เรียกค่าเสียหายก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไอ้ขี้โกง” ผัวร่างยักษ์ของเจ๊บอก
พงศ์เทพมียัวะ “พี่ไม่จ่ายเงินผม พี่นั่นแหละขี้โกง”
ผัวเจ๊โมโห ต่อยปากพงศ์เทพ เปรี้ยง !
“ทำกูพี่เหรอ”
เจ๋งแค้นจะเล่นงานผัวเจ๊เอาคืน แต่เพื่อนร่างบึ้กของผัวเจ๊ 2 คนออกมาช่วย
“เฮ้ย! มากันยิม” เจ๋งท้าเหยงๆ
เกิดการตะลุมบอนกันอุตลุด ไม่ต้องบอกก็คงพอรู้ว่าฝ่ายพงศ์เทพกับไอ้เจ๋ง โดนยำเละ!
ตอนกลางวัน วันเดียวกันนี้
บ้านพร้อมพงศ์หลังนี้ อาณาเขตขนาดย่อม แบ่งพื้นที่ทำเป็นโรงงานเล็กๆ ประกอบธุรกิจ SME
พร้อมพงศ์ บิดาผู้ให้กำเนิดพงศ์เทพ กำลังกรอกน้ำประปาจากก๊อก ใส่ลงในขวด น้ำก๊อกกทม. ปนกับน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ครึ่งขวด
พงศ์เทพกับไอ้เจ๋งหอบสังขารในสภาพสะบักสะบอมกลับมา
“เฮ้ย! ไปกัดกับหมาที่ไหนมาวะ” พร้อมพงศ์ทักขำๆ
พงศ์เทพเห็นคาตาว่าพ่อจอมกะล่อนนี่เองเป็นต้นเหตุ ร้องโวยวาย “พ่อเอาน้ำก๊อกผสม”
พร้อมพงศ์หน้าเจื่อน โดนจับได้คาหนังคาเขา
เจ๋งซ้ำ “ลุงทำพวกผมซวย”
“ลูกค้าเช็คของแล้ว โทร.มาด่าผม ให้ผมเอาเงินไปคืน เงินตั้งหลายหมื่นหายวับไปกับตา เพราะพ่อไม่ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า”
พร้อมพงศ์ทำเสียงดังข่มลูก “พ่อจำเป็นต้องทำโว้ย! พ่อต้องลดต้นทุนการผลิต ได้มีเงินใช้หนี้ 10 ล้าน”
พงศ์เทพแทบช็อก “10 ล้าน”
พร้อมพงศ์หน้าเจื่อน ที่ดันโมโหจนหลุดปาก
“ต้องโทษ อีหงส์ อีผี กับ อีปืน นู้น ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา พลิกล็อคตลอด เมื่อคืนอีผีก็แพ้อีก”
พงศ์เทพยัวะ “นี่...นี่พ่อเล่นพนันบอล”
พร้อมพงศ์แถ “พ่ออยากช่วยเอ็งหาเงินใช้หนี้ เห็นคนอื่นเค้าได้ทีเป็นแสนๆ”
“พ่อยังสร้างหนี้ให้ผมไม่พอรึไง!...ตั้งแต่ผมเรียนจบมา ไม่เคยมีช่วงไหนเลย ที่ชีวิตไม่มีหนี้! พ่อสร้างหนี้ให้ผม ผมถึงสร้างตัวไม่ได้ซะที พ่อรู้มั้ย ผมต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง”
พงศ์เทพระเบิดออกมาอย่างชอกช้ำระกำทรวง พร้อมๆ กับที่ความหลังครั้งอดีตโผล่ขึ้นมาหลอกหลอน
วันหนึ่งวันนั้นในอดีตพงศ์เทพถูก น้องออย แฟนเด็กหน้าใสบอกเลิกหน้าบ้าน
“พี่เทพไม่เคยมีเวลาให้ออย เอาแต่ทำงานใช้หนี้ให้พ่อ เราเลิกกันเถอะ”
น้องออยเดินหนีไป ทิ้งให้พงศ์เทพเศร้า
ไม่นานหลังจากนั้น จอย แฟนคนที่ 2 ของพงศ์เทพ เธอเป็นสาวเปรี้ยวแต่งตัวหรู กำลังตัดพ้อต่อว่าพงศ์เทพอยู่ในห้องโถง
“เทพไม่เคยพาจอยไปกินร้านอาหารดีๆ บอกต้องเอาเงินไปใช้หนี้ให้พ่อ เทพเอาเงินไปให้พ่อให้หมดเลยนะ เพราะจอยไม่อยู่แล้ว!”
แฟนสาวคนสวยปึงปังออกไป พงศ์เทพหน้าเหี่ยว โดนทิ้งอีกแระ
ครั้งไหนก็ไม่เท่าครั้งหลังสุด เมื่อ น้องก้อยแฟนคนนี้ของพงศ์เทพเป็นสาวออฟฟิศเรียบร้อยน่ารักจัด บอกเลิกในห้องนอนพงศ์เทพ
“ก้อยรอไม่ไหวแล้ว คุณต้องเลือกมา ระหว่างพ่อคุณ กับ ก้อย เราแต่งงานกันเมื่อไหร่ต้องแยกบ้านไปอยู่กัน 2 คน ก้อยไม่เอาพ่อคุณไปสร้างหนี้หรอก”
พงศ์เทพเงียบเป็นเป่าสาก เลือกไม่ได้ “นั่นพ่อเค้า เค้าก็รักนะ”
น้องก้อยดูออก ร้องไห้โฮ วิ่งเตลิดออกไป
พงศ์เทพนึกถึงแฟนสาวแต่ละคน ที่มีเหตุให้ต้องเลิกรากันไปเพราะพ่อ แล้วโคตรจะช้ำใจ ระเบิดใส่อีกลูก
“ผมลงหลักปักฐานไม่ได้ซะที ก็เพราะพ่อ”
“ไอ้ลูกอกตัญญู! เห็นผู้หญิงสำคัญกว่าพ่อ เอ็งมันไม่รักพ่อ ฮือๆๆ”
พร้อมพงศ์ตีบทเศร้า บีบน้ำตา แกล้งร้องไห้ฟูมฟาย หวังให้ลูกสงสาร แต่พงศ์เทพรู้ทัน
“จะชิงออสการ์เหรอพ่อ”
“ไอ้ลูกเวร หาว่าพ่อแกล้งร้องไห้ พ่อไม่อยู่ให้เอ็งเห็นหน้าก็ได้วะ”
พร้อมพงศ์ได้ทีชิ่งหนีลูกออกไปเลย
เจ๋งมองตามเซ็งๆ “ลุงพงศ์ก็อย่างนี้ทุกที สร้างปัญหาแล้วชิ่งหนี”
พงศ์เทพหน้าเครียด “จะทำยังไงดี”
เจ๋งงง “เรื่องไรพี่”
“วันนี้ต้องส่งดอกเสี่ยเต๊ก”
เจ๋งร้องนึกได้ “เออใช่”
พงศ์เทพกลุ้มหนัก ส่วนไอ้เจ๋งทำหน้าสยดสยอง ด้วยรู้กิตติศัพท์โหดเหี้ยมของเสี่ยเงินกู้นอกระบบคนนี้ดี
เลาจน์หรูแห่งนี้ เป็นของเสี่ยเต๊ก ที่ว่ากันว่ามีเงินจากธุรกิจมืดเป็นหลักพันล้าน ภายในเลาจน์ นอกจากมีเหล้าบริการ ยังรับแทงบอล โดยด้านหน้าเลาจน์ยังมีรถตู้บริการฟรี รับส่งลูกค้าเสี่ยไปคาสิโนของเสี่ยที่ชายแดนอีกต่างหาก
เสี่ยเต๊ก อยู่ในห้องทำงานชั้นบนของเลาจน์ และกำลังถีบลูกหนี้หงายตกเก้าอี้ ดังโครม !
“มึงหนีหนี้กู”
ลูกหนี้กลัวสุดๆ พยายามอธิบาย “ผม...ผมไม่ได้หนีครับเสี่ย ผมไปเยี่ยมพ่อที่ต่างจังหวัด พ่อผมป่วย”
เสี่ยเต๊กปาสัญญาเงินกู้ใส่ลูกหนี้
“มึงแหกตาดู! ในสัญญาเงินกู้ มีข้อไหนบ้าง อนุญาตให้มึง หนีหนี้เพราะพ่อแม่ป่วย”
เสี่ยเต๊กพยักหน้าสั่งลูกน้องให้ลงมือ
“อย่าครับเสี่ย”
เบิ้มกับพล จัดให้ตามสั่ง ซ้อมลูกหนี้ขาเบี้ยวชุดใหญ่
เป็นเวลาเดียวกับที่พงศ์เทพพาพ่อมาเข้าทางประตูหลังเลาจน์เพื่อจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้
พร้อมพงศ์บ่นอุบ “ไม่เข้าด้านหน้าวะ ได้จิบซักกรึ๊บสองกรึ๊บ”
“เราไม่ได้มาเที่ยวนะพ่อ” พงศ์เทพหงุดหงิด
“แหม ไหนๆ ก็มาแล้ว”
พงศ์เทพเคาะประตู เด็กเฝ้าเลาจน์เปิดประตูออกมาดู
“ผมมาคุยกับเสี่ยเรื่องหนี้”
เด็กเฝ้าเลาจน์ให้พงศ์เทพกับพร้อมพงศ์เข้าไป
พงศ์เทพกับพร้อมพงศ์ก้าวเข้ามาในห้องทำงานเสี่ยเต๊ก เห็นลูกหนี้เสี่ยคนนั้นถูกเตะกระเด็นมากองแทบเท้าพงศ์เทพ
พอลูกหนี้ประคองชีวิตเงยหน้าขึ้นมามอง สองพ่อลูกผงะ เมื่อพบว่าสภาพใบหน้าผู้ชายคนนี้ยับเยิน ตาบวมช้ำ จมูกมีเลือดไหลออกเต็ม ปากแตกยับ
เสี่ยเต๊กบอกเสียงดัง “จันทร์หน้า ไม่เอาเงินมาใช้หนี้ มึงตาย”
เบิ้มกับพลหิ้วปีกลูกหนี้ชะตาขาดขาลากพื้นออกไป
พงศ์เทพกับพร้อมพงศ์มองสภาพลูกหนี้ แล้วหันมองเสี่ยเต๊ก ในใจคิดตรงกัน...เสี่ยเต๊กแม่มม โคตรโหด
ไม่นานต่อมา เสี่ยเต๊กนั่งนับเงินสองหมื่นบาทที่พงศ์เทพเอามาส่งดอกเบี้ยเงินกู้ สีหน้าไม่พอใจนัก
“เสี่ยผิดหวังในตัวเราจริง ๆ เทพ ในบรรดาลูกหนี้ทั้งหมด เสี่ยให้เครดิตเราที่สุด พ่อเราขอกู้เท่าไหร่ เสี่ยก็ให้ เพราะเสี่ยรู้ เทพต้องใช้หนี้เสี่ย แต่นี่อะไร...2 หมื่นบาท เทพต้องเอาเงินมาส่งดอก...แสนนึง”
พงศ์เทพท้วง “ตามสัญญาเงินกู้ ส่งดอกเดือนละ 5 หมื่นนะครับเสี่ย”
“เฮียพงศ์ไม่ได้บอกลูกเหรอ เฮียเอาเงินไป 10 ล้านแล้ว รวมหนี้พนันบอลด้วย”
“บอกแล้วครับเสี่ย” พร้อมพงศ์พูดแค่เนี้ย หันมามองลูกชาย ให้รับหน้าเสี่ย
“เสี่ยครับ ผมขอจ่าย 5 หมื่นเท่าเดิมนะครับ แล้ว..อืม...อีก 3 หมื่น ผมจะรีบหามาให้ วันนี้ลูกค้าไม่จ่ายค่าของ ผมไม่มีจริงๆ”
เสี่ยเต๊กพูดหน้านิ่งๆ แต่แววตาน่ากลัว “เทพ วิธีการทำงานของเสี่ย เสี่ยเห็นใจ เวลาลูกค้ามา
ยืมเงิน แล้วพูดประโยค...ไม่มีจริงๆ แต่เสี่ยเกลียดว่ะ ถึงเวลาต้องส่งดอกเบี้ย แล้วมาพูด...ไม่มีจริงๆ” เสี่ยวางหน้าอย่างเหี้ยมปิดท้าย
พงศ์เทพกลัว ไม่กล้าขอร้องเสี่ยให้ผ่อนผันหนี้ให้
“เห็นแก่ที่เสี่ยรู้จักเทพมานาน เอางี้แล้วกัน เสี่ยให้เวลาเทพไปหาเงิน พรุ่งนี้เที่ยง เทพต้องเอาเงินมาให้เสี่ย แสนนึง...ห้ามขาดแม้แต่บาทเดียว”
พงศ์เทพกลุ้มหนักเลยทีนี้ มืดแปดทิศ จะไปหาเงินจากไหนมาให้เสี่ยฟระ?
พงศ์เทพ ขับรถพาพ่อกลับบ้าน สีหน้าเครียดมาตลอดทาง
ผ่านริมถนนซึ่งมีคัทเอ้าท์เด่นสะดุดตาด้วยข้อความเชิญชวนว่า “ขอเชิญชมงานประกวดลิเก”
“จอด.....” พร้อมพงศ์เสียงดัง
พงศ์เทพตกใจเสียงพ่อ จอดรถพรืด
“มีอะไรพ่อ”
“มีลิเก...พ่อจะลงตรงเนี้ย จะไปดูลิเก”
“พ่อยังมีแก่ใจดูลิเกอีกเหรอ เราต้องหาเงินส่งดอกเสี่ยเต๊ก ขาดอีกตั้ง 8 หมื่น”
“เฮ้ย ตั้งพรุ่งนี้เที่ยง เดี๋ยวเราก็หาได้ เทพ ขอตังค์ 2 ร้อยดิ เผื่อพ่อซื้ออะไรกิน”
พงศ์เทพฉุน “เมื่อวานผมเพิ่งให้พ่อไป 5 ร้อย”
พร้อมพงศ์เปิดฉากคร่ำครวญทันควัน “เดี๋ยวนี้ข้าวของแพง พ่อต้องจำกัดจำเขี่ยใช้เงิน เมื่อวานพ่อไปกินก๋วยเตี๋ยว ไม่กล้าสั่งพิเศษ ได้ลูกชิ้นมา 2 ลูก ให้เส้นนิ้ด...เดียว นี่ท้องพ่อยังร้อง...หิวๆๆๆ อยู่เลย”
“เอ้าๆ พ่อ วันนี้เอาให้เต็มคราบ” พงศ์เทพให้เงินพ่อไป 3 ร้อย
“ขอบใจมากลูก”
พร้อมพงศ์ลงรถ เดินยิ้มแต้ออกไป พงศ์เทพมองตามพ่อ ส่ายหัว ทั้งรักทั้งระอา
อ่านต่อหน้า 2
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 1 (ต่อ)
ค่ำลงแล้ว ผู้คนหน้าบริเวณจัดงานประกวดลิเกยามนี้ เดินกันขวักไขว่ งานจำลองรูปแบบงานวัด มีขนมสายไหม ขนมถังแตก และปาเป้าลูกโป่ง ตามมุมในงาน บรรยากาศครึกครื้น
พร้อมพงศ์มาถึงงาน หน้าตาเบิกบาน แฮปปี้!
กลุ่มแม่ยก นำทีมโดยเจ๊ทรงงามเดินมาทางเวทีด้านในงาน แต่ละคนถือพวงมาลัยเงินสด พวงมาลัยของเจ๊ทรงงาม เป็นแบงก์ 5 ร้อยล้วน ๆ
พร้อมพงศ์มองแบงก์ 5 ร้อยในพวง “ถึงหมื่นมั้ยวะนั่น”
แบงก์ 5 ร้อย 1 ใบ เริ่มหลุดจากพวง
พร้อมพงศ์ลุ้นสุดขีด “หล่น...หล่น....หล่น...” พร้อมกับเพ่งกระแสจิตให้แบงก์หล่น
ในที่สุดแบงก์ 5 ร้อยก็ลอยหล่นลงพื้น พร้อมพงศ์ตาลุกวาว เสร็จกรู
เจ๊ทรงงามเดินคุยเพลิน ไม่รู้แบงก์ 5 ร้อย ร่วงไปใบ
พร้อมพงศ์รอจนเจ๊ทรงงามเดินห่างออกไป รีบวิ่งไปที่แบงก์ 5 ร้อยที่ตกอยู่ แต่ถูกเด็กมาตัดหน้า คว้าแบงก์ 5 ร้อยไปต่อหน้า
“ลุงเห็นก่อน”
“ถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อนลุง” เด็กเถียง
“ลุงจะเอาไปคืนเจ้าของ”
“คิดว่าเด็กสมัยนี้โง่เหรอลุง”
เด็กผีทำหน้ากวนตีนใส่ แล้วโกยแนบไปในพริบตา
“พ่อแม่มันเลี้ยงลูกยังไงวะ ให้ขี้ขโมย”
พร้อมพงศ์หงุดหงิด ลาภลอยไปต่อหน้าเห็นๆ
พร้อมพงศ์นั่งแถวสองหน้าเวที คนดูเริ่มมาจับของที่นั่ง เจ๊ทรงงามกับก๊วนแม่ยกมานั่งแถวหน้าพร้อมพงศ์ เตรียมป้ายไฟมาเชียร์
พร้อมพงศ์มองแล้วนึกเสียดาย “ตอนหนุ่มๆ เราน่าหัดลิเก เงินก็ได้ มีคนรุมรักด้วย”
บนเวที คนดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงสาธุการ โหมโรง ถวายพ่อแก่
ส่วนด้านหลังเวที ยินเสียงเพลงสาธุการดังมาจากหน้าเวที
ครูเทียม ชายสูงวัย หัวหน้าคณะลิเกเทียมฟ้าสุวรรณศิลป์ หนึ่งในผู้แข่งขัย กำลังตั้งกำนน ถวายเงินพ่อแก่ 12 บาท
เมื่อเพลงสาธุการขึ้น คนลิเกไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทุกคนต่างหยุด นั่งลง หันหน้าไปไหว้พ่อแก่
โดยเป็นที่รับรู้กันว่าห้ามผู้หญิงนั่งใกล้ หรือ นั่งตรงหน้าพ่อแก่ เด็ดขาด
คนลิเกทุกคนในคณะไหว้พ่อแก่ พลางทำปากขมุบขมิบขอพรพ่อแก่ให้คืนนี้แสดงได้ดี
ครูเทียมจุดธูปไหว้พ่อแก่
“ขอครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา ช่วยให้พวกเราแสดงออกมาดี ขอให้ท่องบทร้องแม่นยำ ท่ารำก็สวยสม ถูกใจผู้ชมทุกคน
กล้องแพนมาจบที่พ่อแก่ ควันธูปลอยฟุ้ง หน้าพ่อแก่
การประกวดลิเกชิงแชมป์ประเทศไทย รอบรองชนะเลิศ จัดขึ้นในหอประชุมแห่งนี้ ด้านหน้าเวทีมีโต๊ะคณะกรรมการ 3 คน
พิธีกรเจื้อยแจ้วทำมาหากินออกมาว่า “ลิเกคณะแรกที่จะขึ้นทำการแสดง คือ...คณะเทียมฟ้า
เจ๊ทรงงาม กับบรรดาแม่ยกส่งเสียงกรี๊ด...รับสนั่น ป้ายไฟ ทำงาน
บนเวที วงดนตรีคณะเทียมฟ้าเริ่มบรรเลง ครูเทียมตีฉิ่ง โก่งตีตะโพน คนระนาดประจำวงตีประโคม
กำจายออกมาจากหลังเวที ร้องออกแขกอย่างเชี่ยวชาญ
พร้อมพงศ์และคนดู สนุกสนานครื้นเครงไปกับลีลาร้องรำของกำจาย
หลังเวทีวุ่นวายได้ที่ คนลิเกแต่งองค์ทรงเครื่อง
นางลิเกหน้าหวานหยด นามว่า จอมนาง ยกยอดชฎาขึ้นเหนือศีรษะจบไหว้ยอด
“ขอครูช่วยให้ร้องรำงดงาม ตามแบบนาฏศิลป์ ใครได้ยลได้ยินเป็นหลงรักเดินไปไหนใครก็ทัก มีมหาเสน่ห์ลิเกเอย”
จอมนางค่อยๆ บรรจงสวมยอดตัวนางบนศีรษะ
ถึงเวลาแสดง ฟ้าประทานกับจอมนาง ในบทพระเอกนางเอกลิเก ทั้งคู่ร่ายรำลีลาอ่อนช้อยงดงามออกมาจากหลังเวที ร้องบทเข้าพระเข้านาง ในบท “เงี้ยวรำลึก”
ฟ้าประทานร้องนำว่า “รุ่งแสงทอง แสงสาดส่องอาบนภา อาบผิวหน้า กลิ่นแก้มนวล ชวนโลมลูบ ลมโชยฉิว กลิ่นแก้มปลิวหวิววูบ รังสีจูบนวลปรางค์ หอมสร้างอารมณ์”
จอมนางร้องแก้ “ช่างสรรเสก เหมือนพระเอกในนิยาย อวดลวดลาย ใช้เชิงชาย หมายเชยชม หล่อลากดิน ใช้ลมลิ้นคารม ใจหมายข่ม อารมณ์ให้สมอุรา”
พระนางคู่ขวัญร้องเกี้ยวกันไปมาเข้าขา น่าดูชม สมอุราแม่ยก
“โลกเขาสร้าง มวลดอกไม้คู่ภมร”
“ฟ้าอัมพร ทินกรคู่จันทรา”
“จมูกแหลมๆ คู่พวงแก้ม เจ้างามตา”
“ใจกล้าๆ ขอเพชรเม็ดเท่ามือ”
“หนุ่มเอ๋ยหนุ่ม ต้องกลุ้มใจ ไม่เคยเจอ”
“ซื่อแสนเซ่อ มาจุมพิต คิดไม่ซื่อ”
“จูบจุมพิต คิดยังไง”
“อาย...คนลือ”
“ยอมเสียชื่อ อย่านะเดี๋ยวจะอายแฟน”
พอพระนางเล่นจบฉาก เจ๊ทรงงามกับบรรดาแม่ยกก็ลุกไปคล้องพวงมาลัย
ไม่บอกก็รู้ว่า ฟ้าประทานได้พวงมาลัยเยอะกว่าจอมนาง
ชาวคณะเทียมฟ้าเล่นอีก 1 ฉาก ซึ่งในฉากนี้มีครบทั้งฟ้าประทาน จอมนาง กำจาย กระแต ตุ้ม โก๊ะ โดย กำจาย กระแต และตุ้มรับบทเด่น เล่นเข้ามากันดีมาก
พอเล่นจบ คนดูปรบมือสนั่นหอประชุม คณะเทียมฟ้าแสดงได้อย่างประทับใจมากพ่อยกแม่ยก
ครูเทียมมองไปในกลุ่มคนดู สีหน้าปลาบปลื้ม ที่ลิเกทรงเครื่องของครูยังมีคนชื่นชอบ
เวลาผ่านไป มีลิเกคณะอื่นผัดกันขึ้นแสดงตามคิว คนดูชื่นชม
ชาวคณะเทียมฟ้าที่แสดงจบแล้ว กำลังรอลุ้นผล
ครูเทียมพูดไปยิ้มไป ยิงมุขกระจาย อารมณ์ดี “วันนี้พวกเอ็งแสดงดีมาก ผลจะเป็นยังไง ช่างมัน ข้าถือคติ แพ้เป็นพระเอก ชนะเป็นตัวโกง ฮะๆๆ
“งั้นชั้นก็ชนะสิจ๊ะครู ชั้นเป็นตัวโกง” กำจายว่า
ฟ้าประทานบอก “ผมไม่อยากเป็นตัวโกง แต่ผมอยากชนะ คณะเราได้มีงานเยอะขึ้น”
คำพูดของฟ้าประทานทำเอาชาวคณะเทียมฟ้าหุบยิ้มแทบไม่ทัน
ครูเทียมเองก็เงียบไป
จอมนางหมั่นไส้ พูดยียวนฟ้าประทาน “อยากมีงานทุกวัน ก็ไปรับจ้างดายหญ้าดิ”
โก่งผสมโรง “เออๆ พอหน้านานะ เอ็งก็ไปรับจ้างเกี่ยวข้าว เผลอ ๆ รวยกว่าเป็นพระเอกลิเก
อีกนะเว้ย”
ฟ้าประทานหงุดหงิด โดนรุม หัวหน้าคณะลิเกอีกคณะ เข้ามาไหว้ครูเทียม
“อีกเดี๋ยวคณะชั้นจะขึ้นแสดง มาขอพรครูจ้ะ”
“ข้าขอให้คณะเอ็งแสดงได้ดี ไม่มีสะดุด คณะกรรมการชื่นชอบ”
ฟ้าประทานกระซิบกับตุ้มเบาๆ
“ครูเทียมมีแต่เกียรติ แต่ไม่มีเงิน”
ตุ้มรับฟังเฉยๆ ไม่เออออตามฟ้าประทาน
ทางด้านพงศ์เทพอยู่ในโถงบ้าน เที่ยวโทร.ไปหยิบยืมเงินคนรู้จัก
“2 หมื่นเองเถ้าแก่ เดือนหน้าผมใช้คืน...ครับๆ ไม่เป็นไรครับ”
พงศ์เทพวางสาย เจ๋งมองสงสาร
“เลิกโทร.เหอะพี่ ไม่มีใครให้พี่ยืมเงินซักคน”
“พี่เชื่อในความดีเว้ยเจ๋ง ต้องมีซักคนที่เห็นความดีของพี่ ช่วยพี่”
“เกิดช่วงนี้มีแต่คนใจบอด ไม่เห็นความดีของพี่ล่ะ พี่จะทำยังไง เสี่ยเต๊กให้เวลาพี่ถึงเที่ยงพรุ่งนี้ เงินตั้ง 8 หมื่นเชียวนะพี่”
พงศ์เทพคิดปราดเดียว “จนปัญญาจริงๆ พี่ก็ต้อง ตากหน้าไปให้เหมยช่วย”
พงศ์เทพมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อรู้ว่ายังมีเหมยฮัว ลูกสาวสุดหวงของเสี่ยเต๊กที่พอช่วยเหลือกันได้
อ่านต่อหน้า 3
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 1 (ต่อ)
ครอบครัวเสี่ยเต๊กกินข้าวมื้อค่ำพร้อมหน้า เหลียนฮัว เมียแก่ของเสี่ย และเหมยฮัว ลูกสาวคนสวย มีอาจงแม่บ้านยืนรอรับใช้
ทานได้ไม่นาน เหมยฮัวออกอาการพะอืดพะอมจะอ้วก
“เหมยอิ่มแล้ว เหมยขึ้นห้องนะ”
เหมยฮัวรีบลุก
เสี่ยเต๊กดุ หน้าเข้มมาก “กินให้หมดก่อน”
เหมยฮัวกลัวเตี่ย นั่งลง แต่เหม็นอาหาร จะอ้วกอีก
เหลียนฮัวสงสัย “เป็นอะไรน่ะเหมย เดือนสองเดือนมานี่ หม่าม้าเห็นเหมยโอ้กอ้าก โอ้กอ้ากทุกเช้า”
เสี่ยเต๊กจ้องเหมยฮัวเขม็ง
เหมยฮัวกลัวเตี่ยมาก หน้าตาตื่น “เหมย...เหมย...แพ้อาหารน่ะเตี่ย เหมยปวดท้อง ไปเข้าห้องน้ำนะ”
เหมยฮัวรีบลุกหนีไป
“หรือเหมย...”
เสี่ยเต๊กพูดไม่ทันจบ เหลียนฮัวสวนออกมา “ไม่ใช่หรอกเสี่ย เหมยไม่มีแฟน จะท้องได้ยังไง”
เสี่ยเต๊กกับเหลียนฮัวกังวล เพราะอาการเหมยฮัวเหมือนคนแพ้ท้อง
อาจงเองก็สงสัย ว่าคุณหนูเหมยฮัวอาจตั้งท้อง
ฝ่ายพงศ์เทพจอดรถที่ปากซอยบ้านเสี่ยเต๊ก โทร.หาเหมยฮัว
“เหมย นี่พี่เทพนะ”
เหมยฮัวอยู่ในห้องน้ำ อ้วกไปแล้วหลาบรอบ แต่ยังกำลังพะอืดพะอม คุยโทรศัพท์กับพงศ์เทพ
“มีอะไรคะพี่เทพ”
พงศ์เทพกับเหมยฮัว โทรคุยกัน
พงศ์เทพกระดากปาก เกรงใจสุดๆ “ในบรรดาลูกสาวเพื่อนพ่อ เหมยเป็นน้องที่พี่รักที่สุด พี่...อืม...พี่มีเรื่องให้เหมยช่วย เหมยออกมาหาพี่ได้มั้ย พี่อยู่ปากซอยบ้านเหมย”
“ให้เหมยช่วยอะไรคะ...แหวะ” เหมวยฮัวอ้วกแตกอีก
พงศ์เทพแปลกใจ ที่ได้ยินเสียงอ้วก “เหมยไม่สบายเหรอ”
“พี่เทพ” เหมยฮัวปล่อยโฮออกมา
พงศ์เทพตกใจ “เป็นอะไรเหมย”
“เตี่ยเริ่มสงสัยแล้ว เหมยต้องหนี”
พงศ์เทพงง “หนีอะไร”
“คืนนี้ตี 1 พี่เทพขับรถมารอที่หลังบ้าน ช่วยพาเหมยหนีทีนะพี่”
“เดี๋ยวๆ เหมย บอกพี่มาก่อน ทำไมเหมยต้องหนี”
“สัญญานะพี่ พี่จะมารับเหมย งั้นเหมยจะเดินไปออกคนเดียว”
พงศ์เทพรีบรับปาก “ได้ๆ พี่สัญญา ตี 1 คืนนี้ พี่ไปจะรับเหมยที่หลังบ้านเหมย”
เหมยฮัววางสาย แล้วเกิดคลื่นไส้อีก หันไปอ้วกต่อแทบหมดไส้
ที่ปากซอยบ้านเสี่ยเต๊ก พงศ์เทพวางสาย งงกับคำพูดแปลกๆ ของเหมยฮัว
“คุณเหมยฮัวไม่ช่วยเหรอพี่” เจ๋งถาม
“เหมยให้พี่ช่วย..พาหนีออกจากบ้าน”
ไอ้เจ๋งตาปลิ้น “ห๊ะ”
ไม่นานต่อมาเหลียนฮัวรับที่ทดสอบตั้งครรภ์จากอาจง
“อั๊วเห็นคุณหนูแอบเอาไปทิ้งหลังบ้านเมื่อคืนก่อน”
โดยกลางดึก คืนก่อน เหมยฮัวแอบเอาที่ทดสอบตั้งครรภ์ มาทิ้งถังขยะหลังบ้าน อาจงเอาขยะมาทิ้ง บังเอิญเห็น และอาจงค้นถังขยะ หาถุงกระดาษใบที่ต้องการเจอ สุดท้ายเจอที่ทดสอบตั้งครรภ์ในถุง
เหลียนฮัวตกใจจนพูดไม่ออก ที่รู้ว่าลูกสาวท้อง! อย่างที่สงสัย
“คุณหนูเริ่มอาเจียนมาได้เดือนกว่า อั๊วเลยคอยสังเกต สงสัยว่าคุณหนู...”
“เหมยท้อง”
เสี่ยเต๊กเดินผ่านมา เห็นที่ทดสอบตั้งครรภ์ในมือเหลียนฮัว
“ถืออะไรอยู่น่ะอาเหลียน”
เหลียนฮัวรีบซ่อนข้างหลัง “ปากกาน่ะเสี่ย”
เสี่ยเต๊กไม่เชื่อ “เอามาให้อั๊วดู มันคุ้นๆ ชอบกล”
เหลียนฮัวกลัวผัว เลยต้องให้ที่ทดสอบตั้งครรภ์ไป
“นี่มัน...ที่ตรวจว่าท้องหรือไม่ท้องนี่หว่า”
เหลียนฮัวใจหล่นวูบ อึกอัก “เอ่อ...คือ...อั๊วให้อาจงซื้อมาให้อั๊วน่ะ”
เสี่ยเต๊กแผดเสียงลั่นบ้าน “ถ้าลื๊อท้อง ก็ท้องกับชู้แล้ว อั๊วไม่ได้แตะลื๊อมาเป็นชาติ…” เสี่ยคาดคั้นหนัก “ของใครกันแน่”
เหลียนฮัวกับอาจงไม่กล้าบอก
เสี่ยเต๊กรู้ทันที “ของเหมยใช่มั้ย”
เหลียนฮัวกับอาจงตกใจ ที่เสี่ยรู้
ด้านเหมยฮัวอยู่ในห้องกำลังรีบร้อนเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า จะหนีไปอุ้มท้องที่อื่น
เสี่ยเต๊กโมโหโทโสลูกสาวมา มาถึงหน้าห้องก็ก็ทุบประตูห้อง ปังๆๆๆ! เรียกด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“เหมย ออกมาหาเตี่ยเดี๋ยวนี้! เตี่ยรู้แล้วว่าเหมยท้อง”
เหมยฮัวแทบลมใส่ ลนลานใหญ่
“ทำยังไงดี”
เหมยฮัวสติแตก วิ่งพล่านทั่วห้องทำอะไรไม่ถูก
ที่หน้าห้อง เสี่ยเต๊กยังเอากำปั้นทุบประตูแรงๆ ร้องเรียก “เหมย เปิดประตู”
เหลียนฮัวพยายามบอก “เสี่ยอาละวาดอย่างเนีย เหมยก็ไม่กล้าออกมาสิ”
เสี่ยเต๊กโกรธมากหันมาเกรี้ยวกราดใส่เมีย “ลื๊อเงียบไปเลย เลี้ยงลูกสาวยังไงให้ท้องไม่มีพ่อ”
เหลียนฮัวหน้าซีด กลัวผัว
เสี่ยเต๊กแผดเสียงอีก “เหมย เปิดประตู”
เหมยฮัวไม่ยอมเปิดประตู
เสี่ยเต๊กหันมาทางแม่บ้าน “อาจง ไปเอากุญแจมา เร็วๆ สิ”
“ค่ะๆ”
อาจงรีบวิ่งไป
เหมยฮัวมือไม้สั่นกดโทร.หาพงศ์เทพ
พงศ์เทพกับเจ๋งกำลังเดินหาข้าวกินก่อนเข้าบ้านตรงตลาดปากซอยบ้านเสี่ยเต๊ก เหมยฮัวโทร.เข้ามาพอดีพงศ์เทพรับสาย
“เปลี่ยนใจไม่หนีออกจากบ้านแล้วใช่มั้ยเหมย”
เหมยฮัวบอกน้ำเสียงร้อนรนมาก “พี่มารับเหมยเดี๋ยวนี้เลย เหมยจะปีนระเบียงห้องนอนลงไป พี่เทพมารอรับเหมยด้วย เหมยไม่อยากตกลงไปตาย มาด่วนเลยนะพี่”
อาหมวยวางสายทันที
พงศ์เทพงงปนตกใจ “เดี๋ยวเหมย...เหมย...” หันมาบอกเจ๋ง “ไม่ต้องกินข้าวแล้ว ไปช่วยเหมยก่อน”
พงศ์เทพกับเจ๋งรีบย้อนกลับไปที่รถ
พริบตาเท่านั้นพงศ์เทพขับรถมาจอดพรืด... ริมรั้วบ้านเสี่ยเต๊ก เขารีบลงจากรถ กำลังจะปีนรั้ว
เจ๋งร้องห้าม “เฮ้ยพี่! เดี๋ยวเสี่ยก็ส่องให้หรอก”
พงศ์เทพไม่สน “พี่ต้องรีบเข้าไปช่วยเหมย”
จากนั้นพงศ์เทพก็ปีนข้ามรั้ว เข้าบ้านเสี่ยเต๊กไป
ไอ้เจ๋งสยอง หวาดเสียวแทน เสี่ยจะส่องด้วยปืนมั้ยวะ
เหมยฮัวหิ้วกระเป๋ารออยู่ที่ระเบียงหลังห้องนอน ชะเง้อมองหาพงศ์เทพข้างล่าง
พงศ์เทพวิ่งพล่านมองหาห้องเหมยฮัว
“พี่เทพ ทางนี้”
พงศ์เทพได้ยิน วิ่งมาหยุดยืนแหงนคอมองเหมยฮัว พบว่าเหมยฮัวเอาผ้าปูที่นอนผูกกับระเบียงไว้แล้ว จะไต่ผ้าลงไป
พงศ์เทพร้องห้าม “อย่าเหมย! เดี๋ยวตกลงมาแข้งขาหัก”
ที่หน้าห้องอาจงไขกุญแจประตูห้องเหมยฮัว มือไม้สั่น
เสี่ยเต๊กเร่ง “ไขเร็วๆ”
อาจงกลัวเสี่ยจนลนลาน มือไม้ยิ่งสั่นกว่าเก่า
ฟากเหมยฮัวกล้าๆ กลัวๆ เพราะระเบียงสูง ไม่กล้าไต่ลงมา
“พี่เทพรับกระเป๋าไปก่อน”
เหมยฮัวโยนกระเป๋าเสื้อผ้าให้พงศ์เทพ
เสี่ยเต๊กเข้ามาได้แล้วทันเห็นเหมยฮัวโยนของลงไปข้างล่าง
เหมยฮัวหันมาเห็นกลัวสุดๆ “เตี่ย”
เสี่ยเต๊กวิ่งไปก้มดูตรงระเบียง งงที่เห็นเป็นพงศ์เทพอยู่ด้านล่าง
“เทพ! มาทำอะไร”
พงศ์เทพหน้าตาเหรอหรา ไม่รู้จะตอบเสี่ยยังไง
เสี่ยเต๊กปะติดปะต่อเรื่อง คิดเองเออเอง “โยนกระเป๋าเสื้อผ้าลงไปให้ไอ้เทพ จะปืนลงมาหามัน จะหนีตามกัน ไอ้เทพมัน...ทำลื๊อท้อง”
เหมยฮัวได้แต่ส่ายหน้าไปมา ร้องไห้อย่างเดียว
เสี่ยเต๊กแค้นจัด “นังลูกไม่รักดี! ตอนทำเรื่องชั่วๆ นึกถึงหน้าเตี่ยบ้างมั้ย”
ขณะที่พงศ์เทพยืนงง ว่าบนระเบียงพ่อลูกเค้าด่าอะไรกัน เสี่ยเต๊กชะโงกหน้าลงไปอีก ชี้หน้าด่าพงศ์เทพเสียงดังลั่น
“มึง...ทำลูกกูท้อง”
พงศ์เทพตกใจมาก “เฮ้ย ไม่นะเสี่ย”
เสี่ยเต๊กไม่ฟัง “มึงชวนลูกกูหนีตาม”
พงศ์เทพอธิบายตามจริง “เหมยโทร.ให้ผมมาช่วย”
เหลียนฮัวคิดปราดเดียว ก็หาทางช่วยลูกสาวให้รอดจากสถานการณ์คับขันได้ รีบชะโงกหน้าไปด่าพงศ์เทพ แถมใส่อารมณ์สุดขีด
“อาเทพ อย่าคิดนะว่าอั๊วไม่เห็น ลื๊อแอบมาหาเหมยดึกๆ ดื่นๆ หลายครั้งแล้ว ที่อั๊วไม่เคยพูด เพราะเห็นแก่หน้าลูก”
พงศ์เทพตกใจกว่าเก่า “อาซ้อ! เอาอะไรมาพูดน่ะ”
เหมยฮัวเองก็หน้าเหวอ หม่าม้าพูดไรเนี่ย ไม่จริงเลย
เสี่ยเต๊กฟังแล้วแค้นมาก “ไอ้เทพ...มึงกล้าเข้ามาหยามกูถึงในบ้าน”
พงศ์เทพเถียง “อาซ้อโกหก ผมไม่เคยรังแกเหมยฮัว”
เหลียนฮัวจัดเต็ม ใส่อีกดอก “ลื๊อพูดอย่างนี้ จะไม่รับผิดชอบลูกอั๊ว ทำลูกอั๊วท้อง แล้วจะทิ้ง”
เสี่ยเต๊กคำรามลั่น “คนอย่างเสี่ยเต๊ก ใครหยาม มันต้องตาย กูจะฆ่ามึง ไอ้เทพ”
พงศ์เทพไม่อยู่ให้โง่ ทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าเหมยฮัว เผ่นแนบ
เสี่ยเต๊กรีบวิ่งไป จะไปจับตัวพงศ์เทพ
เหมยฮัวหันมาทางแม่ “หม่าม้าโกหกเตี่ยทำไม พี่เทพเดือดร้อน”
เหลียนฮัวดุ “ลื๊ออยากโดนตีตายรึไง เราต้องหาแพะรับบาปก่อน”
เหมยฮัวหน้าเสีย รู้สึกผิดจุงเบย
พงศ์เทพโลดลิ่ววิ่งหนีมาจากทางข้างบ้าน แล้ววิ่งเลยไปที่รั้ว ผ่านหน้าพลกับเบิ้มยืนคุยกันอยู่
เบิ้มหันไปมองงงๆ “มันเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
เสี่ยเต๊กวิ่งหน้าตั้งออกมาจากตัวบ้าน
“ตามไป จับมันมาให้ได้”
เบิ้มกับพลออกวิ่งตามพงศ์เทพทันที
พงศ์เทพกำลังปีนรั้วหนีออกไป เสี่ยเต๊กพุ่งไปขึ้นรถ จะเอารถออกไล่ตามไอ้หัวโขมย
พงศ์เทพปีนข้ามรั้วมา วิ่งมาขึ้นรถ ร้อนรนจนเจ๋งงง
“หนีอะไรมาพี่”
เบิ้มกับพลข้ามรั้วตามออกมาแล้ว พงศ์เทพรีบออกรถ เบิ้มชักปืนยิงเจาะยาง ปังๆ เจอไปสองดอก
เจ๋งตาเหลือก กลัวมาก “เฮ้ย”
รถแล่นไปต่อไม่ได้
พงศ์เทพหันมาบอก “เจ๋ง เอ็งอยู่นี่นะ”
ลงจากรถพงศ์เทพแสนดียังห่วงไอ้เจ๋ง หันไปบอกเบิ้ม “น้องผมไม่เกี่ยว จะยิงก็ยิงผม”
พงศ์เทพพูดจบ ก็วิ่งข้ามรั้วเข้าบ้านชาวบ้านแถวนั้นไป
เบิ้มยิงพงศ์เทพไม่ทัน เพราะพงศ์เทพข้ามรั้วไปโดยไว เสี่ยเต๊กขับรถมาพอดี
“ตามมันไป อั้วจะไปดักตรงถนน”
เบิ้มกับพลไล่ตามพงศ์เทพไป เสี่ยเต๊กขับรถไปตามถนน กะไปดักพงศ์เทพที่ปากซอย
เจ๋งนั่งสั่นอยู่ในรถ พนมมืออาราธนาหลวงพ่อทันที “หลวงพ่อทั่วประเทศ คุ้มครองพี่เทพด้วย”
พงศ์เทพวิ่งหนีเบิ้มกับพล เข้ามาในบ้านชาวบ้านอีกหลัง ผัวเมียกำลังจู๋จี๋กัน
เมียกรี๊ด “ว้าย...”
“ขอโทษครับ”
พงศ์เทพวิ่งออกไป เบิ้มกับพลวิ่งไล่ล่าพงศ์เทพจี้ติด
พงศ์เทพวิ่งหนีเบิ้มกับพล ระหว่างวิ่ง ก็กดโทร.หาพ่อ
ที่หน้าเวทีประกวดลิเก ในหอประชุม
ถึงช่วงประกาศผลการตัดสิน ลิเกที่เข้าประกวดทั้งหมดยืนอยู่บนเวที ทุกคนตื่นเต้น ลุ้นระทึก
“ลิเกคณะแรกที่เข้ารอบ คือ...” พิธีกรเว้นจังหวะ กะให้คนดูลุ้นอุจจาระร่วง
เสียงสายเรียกเข้าเป็นเด็กร้อง กวนสุดๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เพราะแม่ยก คนดู รวมทั้งพร้อมพงศ์ ลุ้นผลอยู่
ทุกคนเม้ง มองหา ว่าเสียงมาจากไหน
พงศ์เทพวิ่งซิกแซกออกมาตามซอยแล้ว หนีเบิ้มกับพล แต่พ่อไม่รับสาย พงศ์เทพโทร.อีก
“รับสิพ่อ”
ในหอประชุมตอนนี้ เสียงเด็กร้องดังไม่เลิก คนนั่งข้างๆ หันมองพร้อมพงศ์ บอกด้วยสายตาว่าเสียงโทรศัพท์ลุงดัง
พร้อมพงศ์หน้าแหย “ขอโทษครับ” พ่อยกลิเกไม่ยอมรับแถมปิดเครื่องซะงั้น
เมื่อพ่อไม่ยอมรับสาย พงศ์เทพเลิกโทร. เก็บมือถือใส่กระเป๋า วิ่งหน้าตั้งหนีเบิ้มกับพลเข้าไปด้านในซอย
ที่หอประชุม พิธีกรประกาศต่อ
“ลิเกคณะแรกที่เข้ารอบ คือ...”
ดนตรีไทยบรรเลง เร้าใจสุดๆ ทุกคนลุ้นระทึกทั้งห้อง ทั้งคนลิเก และคนดู
“คณะสุวรรณภูมิ” พิธีกรประกาศ
ชาวคณะสุวรรณภูมิ เฮลั่น กอดกันด้วยความดีใจ
พิธีกรประกาศผลต่อ “คณะที่ 2 ที่เข้ารอบชิงชนะเลิศ ได้แก่ลิเกคณะ...วงศ์วาริน”
ชาวคณะวงศ์วาริน...เฮลั่น
คณะลิเกที่เหลือเริ่มใจเสีย เหลืออีกแค่ที่เดียว สำหรับคณะที่เข้ารอบชิง
ชาวคณะเทียมฟ้าตื่นเต้นกันมาก หน้าตาลุ้นสุดๆ
พิธีกรวางมาด ลีลาให้ชวนลุ้น “ลิเกคณะสุดท้ายที่ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ คือ ลิเกคณะ...เทียมฟ้า”
ชาวคณะเทียมฟ้าร้องลั่น กอดกันดีใจ
เจ๊ทรงงามกับเหล่าแม่ยกของฟ้าประทานแหกปากกรี๊ดเสียงแปดหลอด โดยไม่ต้องสงสัย
บรรยากาศบนเวที มีหลากหลายอารมณ์ คนเข้ารอบก็ดีใจ ที่ตกรอบก็เศร้าไปตามระเบียบ
รถตู้คณะเทียมฟ้า คันเก่ามากแล้ว แถมตอนนี้ดันเกิดเสีย กำจายกับโก่งช่วยกันซ่อม ชาวคณะรอขึ้นรถอยู่
เจ๊ทรงามเดินยิ้มเข้ามาที่ลานจอดรถ “เปลี่ยนรถได้แล้วจ้ะครู เก่าก็เก่า แอร์ก็ไม่เย็น”
ครูเทียมหน้าม้าน
จอมนางฉุน “เจ๊ไม่เคยนั่ง รู้ได้ไง แอร์ไม่เย็น” แล้วหันมาต่อว่าฟ้าประทาน “เอาเรื่องในคณะไปประจาน สนุกปากมากมั้ย”
ฟ้าประทานแถตามนิสัย “เค้าเรียกเล่าสู่กันฟังจ้ะจอม ครูครับ ผมกลับก่อนนะครับ”
เจ๊ทรงงามฉอเลาะ “ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะครูเทียม ชั้นจะส่งพ่อประทานให้ถึงบ้านเลย”
ฟ้าประทานยิ้มประจบ “ผมเป็นสารถีให้เจ๊นะครับ”
“ได้เลยจ้า” เจ๊ทรงงามยื่นกุญแจรถให้ฟ้าประทาน
ครู่เดียวเท่านั้น ฟ้าประทานควบรถเก๋งคันงามของเจ๊ทรงงามไป
กระแตโมโห “อยู่บ้านเดียวกัน มันจะมีน้ำใจ ชวนปู่นั่งไปด้วยก็ไม่ได้”
ตุ้มแก้ให้ “อย่าหาเรื่องฟ้าประทานเลยกระแต ถึงชวน ครูก็ไม่ไปหรอก ใช่มั้ยจ๊ะครู”
“ข้าน่ะ ชอบนั่งรถสะเทิ้นบกสะเทิ้นน้ำ รถเก๋งเบาะนิ่มๆ นั่งแล้วคันก้นเว้ย”
ครูเทียมว่า พลางเกาก้นเหยงๆ ชาวคณะขำกลิ้ง
พงศ์เทพวิ่งหนีมาไกลหลายกิโลมาก เหนื่อยโฮก เลยหยุดวิ่งหอบหายใจ ทิ้งระยะห่างเบิ้มกับพลพอควร
พงศ์เทพลิ้นห้อย หันบอกเบิ้มกับพล “ขอพักเดี๋ยว”
เบิ้มกับพลที่ไล่ตามจนเหนื่อย หยุดยืนลิ้นห้อย หอบแฮกๆ พอกัน
“มันแชมป์วิ่งมาธอนรึไงวะ” เบิ้มบ่น
พงศ์เทพฉวยโอกาสที่เบิ้มกับพล หยุดหอบพักเหนื่อย วิ่งหนีต่อ
“ไอ้กะล่อนเอ๊ย” พลโมโห ออกวิ่งไล่ตามพร้อมเบิ้ม
ที่หน้าหอประชุม กำจายสตาร์ทรถติดแล้ว
จอมนางร้องดีใจ “เฮ้ นึกว่าจะต้องนอนกินข้าวลิงที่นี่ซะแล้ว”
กระแตพูดแซวอย่างเอ็นดู “ลิงกินข้าวลิง”
จอมนางค้อน “พี่กระแตเนี่ย”
โก่งหันมาบอก “พวกครูล่วงหน้าไปก่อนนะจ๊ะ ไอ้โก๊ะไปห้องน้ำ ท่าจะอีกนาน มันท้องเสีย”
“วะไอ้นี่ ประจำ” ครูเทียมกับคนดนตรี “นั่งรถตู้ไปแล้วกัน ไม่ต้องรอ”
คนดนตรีขานรับ “จ้ะครู”
จอมนางทำตัวเป็นกระปี๋รถสองแถว “ก้าวไวๆ พี่ คนเต็มรถออก ขึ้นเลยๆ”
ชาวคณะขำมุกจอมนาง
ตุ้มว่า “ขอให้ได้เป็นกระเป๋ารถสองแถวจริงๆ เหอะจอม”
ครูเทียมขึ้นนั่งหน้าคู่กำจาย ที่ทำหน้าที่พลขับประจำคณะ
“สองแถวออกแล้วเพ่...ใครลงป้ายไหนบอก” กำจายทำทะเล้นใส่
“ข้าจะถีบเอ็งลงป้ายเนี้ย”
ชาวคณะฮาลั่น ลุงกำจายโดนครูด่า กำจายขับรถไป
พงศ์เทพวิ่งหนีเข้ามาในบริเวณจัดประกวดลิเกแล้ว พอร่างพงศ์เทพวิ่งหายไป รถตู้ชาวคณะเทียมฟ้าแล่นมา กำจายขับรถตู้ ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เบิ้มกับพลวิ่งตัดหน้ารถตู้
กำจายเบรกรถ เอี๊ยด ชาวคณะหัวทิ่มหัวตำไปตาม ๆ กัน
จอมนางร้องบอก “ขับดีๆ สิลุง”
กำจายลงไปเอาเรื่องไอ้คนที่วิ่งตัดหน้า
“อยากตายรึไงวะ”
เบิ้มโชว์ปืนให้ดู
“ดีใจที่ได้รู้จักครับพี่ กระผมลานะครับพี่”
กำจายเผ่นขึ้นรถ รีบขับหนี ท่ามกลางความงุนงง ของชาวคณะ
เบิ้มกับพลเข้างานมา โดยไม่รู้ว่าพงศ์เทพหายไปถึงไหนแล้ว
อ่านต่อหน้า 4
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 1 (ต่อ)
ด้านพงศ์เทพตามหาพ่อทั่วงาน แต่ไม่เจอ มองไป เห็นผู้คนในงานทยอยกลับไปเยอะแล้ว
“หรือพ่อกลับบ้านไปแล้ว”
พร้อมพงศ์กำลังซัดขนมจีนน้ำยาอยู่หันมาเห็นลูกชายพอดี
“เทพ...มาเร็ว เอ็งนี่มันมีลาภปาก แม่ค้าคนสวยให้กินฟรี จะเก็บร้านแล้ว”
พงศ์เทพอึ้ง กินฟรีก็เอาพ่อกรู
ด้านเสี่ยเต๊กขับรถตามหาพงศ์เทพมาตามซอย พลางคุยโทรศัพท์กับลูกน้องสองคน
ซึ่งเบิ้มเป็นคนรับสาย “มันหนีเข้ามาในงานประกวดลิเกแถวบ้านเสี่ยครับ”
เสี่ยเต๊กขับไปคุยไป “อั๊วรู้อยู่ตรงไหน จะไปเดี๋ยวเนี้ย” เสี่ยวางสายคำราม “ไอ้เทพ...วันนี้มึงตาย”
สีหน้าแววเสี่ยเต๊กขณะบึ่งรถออกไป เหี้ยมยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แค้นทะลักจุดแตก
ส่วนพงศ์เทพลากพาพ่อมาคุยตรงมุมลับตาคน
“เราต้องหนีเสี่ยเต๊ก เสี่ยหาว่าผม...ทำเหมยท้อง”
พร้อมพงศ์ตกใจ “ห๊ะ”
“อาซ้อจะให้ผมรับผิดชอบเหมย”
พร้อมพงศ์ตาลุกวาว ว้าวๆๆ...เห็นทางรวยแล้วตู
“เอ็งก็แต่งสิวะ เสี่ยรวยเป็นพันล้าน เอ็งได้สบายไปทั้งชาติ”
พงศ์เทพเสียงดัง “ผมไม่ได้ทำเหมยท้อง”
พร้อมพงศ์กล่อมสมกับตำแหน่งบิดายอดแย่ “รับๆ ไปเหอะ บุญหล่นทับนะเว้ย เอ็งเป็นลูกเขยเสี่ย พ่อก็สบายไปด้วย เวลาพ่อเสียบอล เสี่ยก็ไม่เอาเงิน ไปคาสิโนเสี่ยที่ปอยเปต ก็ขอแลกชิปฟรี ชีวิตในฝันเลยลูก”
พงศ์เทพชักโมโห “พ่อคิดอย่างนี้ได้ไง จะเอาผมไปแลกชิป”
พร้อมพงศ์ฝันเฟื่อง โน้มน้าวต่อ “เทพเอ๊ย ยิ่งถ้าเอ็งทำหลานชายให้เสี่ย เสี่ยต้องตบรางวัลเอ็งอย่างงาม เสี่ยเต๊กแกอยากมีลูกชายมาก มีหลานชายก็ยังดี พอเสี่ยตาย เราก็เกาะหลานกินต่อ ฮ่าๆๆๆๆ เราสบายแล้วโว้ยเทพ”
พงศ์เทพอึ้งกิมกี่ กับความคิดแต่ละอย่างของบิดาบังเกิดเกล้า
“อะๆ อึ้ง คิดเรื่องนี้ไม่ออก เลยต้องมาให้พ่อชี้ทางสว่าง”
เบิ้มกับพลตามมาเจอ พงศ์เทพเห็นรีบบอก
“หนีเร็วพ่อ”
พร้อมพงศ์ไม่ขยับ “หนีทำไมวะ เงินทั้งนั้นนะเว้ย”
เมื่อพ่อไม่หนี พงศ์เทพไม่มีทางเลือก ต้องวิ่งหนีไปคนเดียว โดยหนีไปทางหอประชุม
พร้อมพงศ์ร้องเรียก “เทพ กลับมา ไอ้เทพ”
เสี่ยเต๊กลงรถมา หน้าถมึงทึงมหาโหดมาเลย
“เสี่ยคร้าบ เราจะได้ดองกันแล้วนะครับ”
พร้อมพงศ์ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย โดนเสี่ยเต๊กถีบ โครมก้นจ้ำเบ้า
พงศ์เทพหนีเข้ามาในหอประชุม ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว พร้อมพงศ์ เสี่ยเต๊ก เบิ้ม และพล ตามเข้ามาพงศ์เทพรีบก้มหลบหลังเก้าอี้ที่นั่งคนดู
เสี่ยเต๊กประกาศกร้าว “หามันให้เจอ กูจะฆ่ามัน”
พร้อมพงศ์ยังจุกลูกถีบเมื่อกี้รีบบอก “เสี่ยครับ ไอ้เทพตาย หลานเสี่ยก็กำพร้าพ่อนะครับ เสี่ยแค้นมันแค่ไหน ก็นึกถึงหลานตาดำๆ ที่อยู่ในท้องคุณหนูเหมยฮัวบ้าง”
เสี่ยเต๊กฉุกคิด เออ! จริงของมัน
พร้อมพงศ์ได้ที “เกลียดพ่อมันแค่ไหน ก็สงสารหลานเถอะนะครับเสี่ย ลูกในท้องคุณหนูเหมยฮัวอาจเป็นลูกชายก็ได้ เสี่ยจะได้มีหลานชายไว้สืบสกุลนะครับ”
เสี่ยเต๊กหันไปสั่งลูกน้อง “จับเป็นมัน”
พร้อมพงศ์ยิ้มย่อง “เสี่ยทำถูกแล้วครับ”
เบิ้มกับพลเดินหา ใกล้จะถึงตัวพงศ์เทพแล้ว พงศ์เทพคิดแผนหนี เล็งเห็นแผงสวิทช์ไฟตรงผนังใกล้ๆ รีบ คลานหลบหลังเก้าอี้ ไปสับสวิทช์ไฟ
ไฟหอประชุมดับพึ่บลง มืดไปหมด พงศ์เทพฉวยจังหวะนี้ หนีออกไป
ไอ้โก๊ะเดินหมดแรงมาที่รถกระบะ
“นึกว่าเอ็งตกส้วมตายแล้วซะอีก” โก่งด่า
“มันมากันหลายชุดน่ะพี่โก่ง”
“เอ็งขับ ข้าขี้เกียจ” โก่งสั่ง
“พี่โก่งขับเหอะ ชั้นยังขับไม่แข็ง”
“ไม่แข็ง ก็หัดซีวะ”
โก่งขึ้นนั่งเบาะข้างคนขับ บีบบังคับให้ไอ้โก๊ะต้องเป็นพลขับ โก๊ะหน้าแหย เกร็ง กลัว เพิ่งหัดขับรถไม่กี่เดือนเอง
พงศ์เทพวิ่งมาตามริมถนนหน้าวัด คอยชะเง้อมองหาแท๊กซี่ คิดในใจต้องหนีเสี่ยเต๊กไปให้ไกล ๆ โดยบนถนนไม่ไกลนัก ไอ้โก๊ะขับรถไม่คล่อง ขับช้าเป็นเต่า โดนรถคันหลังบีบแตรไล่หลัง เสียงดังลั่น
โก๊ะสะดุ้ง! เพราะเสียงแตรดังกระชั้น “อย่าดิวะ คนยิ่งขวัญอ่อนอยู่”
โก่งกลัวรถชน “ให้ข้าขับดีกว่า ชนไปไม่คุ้ม เอ็งเอารถจอดเข้าเลนซ้ายสุด”
พงศ์เทพเห็นแท็กซี่วิ่งมาเลนกลาง ไฟหน้าแท๊กซี่บอกว่า..รถว่าง
นาทีที่โก๊ะหักรถเข้าเลนซ้ายสุด อันเป็นจังหวะที่พงศ์เทพเดินล้ำเข้ามาในเลนรถ เพื่อโบกเรียกแท็กซี่
โก๊ะตาเหลือก “เฮ้ย”
พงศ์เทพมาเห็นรถ ก็ใกล้ตัวมากแล้ว หลบไม่ทัน ถูกรถชน!! สลบคาที่
พลเดินไปเปิดสวิทช์ไฟ หอประชุมสว่างดังเดิม ทุกคนช่วยกันมองหาพงศ์เทพ เสี่ยเต๊กขึ้นไปยืนกวาดตามองบนเก้าอี้
“มันหนีออกไปแล้ว! โธ่เว้ย”
“พวกผมไปจับมันกลับมาเองครับเสี่ย”
พลกับเบิ้มวิ่งออกไป
พร้อมพงศ์ตะโกนบอก 2 ลูกน้องเสี่ย “อย่าอัดลูกเฮียนะเว้ย มันว่าที่ลูกเขยเสี่ย”
โก่งกับโก๊ะกล้าๆ กลัวๆ ลงมาดูคนที่ถูกชน เห็นผู้ชายนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้นถนน
โก๊ะกลัวความผิดมากๆ “ตะ..ตะ..ตายเหรอเปล่าพี่”
โก่งก้มดูพงศ์เทพใกล้ๆ เห็นพงศ์เทพแน่นิ่ง ไม่มีขยับตัวเลย
“ตายแล้วว่ะ ไอ้โก๊ะ เอ็งต้องติดคุกหัวโต”
โก๊ะกลัวติดคุกมาก “ชั้นเห็นข่าว คนขับรถชนคนตาย ไม่ติดคุกซักคน”
“นั่นคนรวยโว้ย คุกน่ะ มีไว้ขังหมากับคนจน คนอย่างเอ็งนี่แหละ” โก่งคุยฟุ้ง
“ชั้นไม่อยากติดคุก”
โก๊ะประสาทแดก ลนลานเป็นการใหญ่ เอาไงดีวะ กรูไม่อยากติดคุก โก๊ะคิดหนี รีบกลับขึ้นรถ
“เฮ้ย ชนแล้วหนีไม่ได้นะโว้ย มันบาป” โก่งยังปากดีไม่เลิก
โก๊ะไม่ฟังอะไรแล้ว จะหนีอย่างเดียว ตั้งท่าออกรถ โก่งรีบขึ้นรถตาม โก๊ะสติแตกกอรปกับเป็นมือใหม่หัดขัด จึงปล่อยครัช ทำรถดับ
พงศ์เทพฟื้น สลัดหัวให้หายมึน เจ็บแขนเจ็บขา และตามตัวนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมาก มองดูรถกระบะที่ชนตัวเอง เห็นรถกระชาก ติดๆ ดับๆ เพราะโก๊ะกำลังสติแตกอยู่ในรถ
เบิ้มกับพลวิ่งมา เห็นพงศ์เทพแล้ว วิ่งตรงดิ่งมาหา พงศ์เทพวิ่งตามรถมา กระโดดขึ้นท้ายรถกระบะ โก๊ะคุมสติได้ ขับรถออกไป
ส่วนท้ายรถ เบิ้มกับพลวิ่งไล่ตามรถ ที่แล่นช้าๆ เบิ้มกับพลกำลังจะวิ่งตามทัน
“เร็ว ๆ ซี่” พงศ์เทพหันไปมองคนขับ เซ็งโครตๆ ขับช้าชะมัด
จู่ๆ รถกระบะเบรกกะทันหัน พงศ์เทพล้มบนท้ายรถ พลกับเบิ้มวิ่งตามมา เบรกไม่ทัน ชนท้ายรถกระบะโครม ลงไปนอนจุกแอ่ก ลุกไม่ขึ้น
ส่วนในห้องโดยสาร โก่งคลำหัวป้อยๆ
“เบรคเบาๆ สิวะ หัวข้ากระแทกเลย”
“ชั้นกลัวชนคนอีก พี่โก่งขับเหอะ” โก๊ะจะร้องไห้มิร้องแหล่
โก่งกับโก๊ะสลับที่กัน โก่งขับรถไป
พงศ์เทพมองลูกน้องเสี่ยจากท้ายรถ เห็น สองมันยังนอนจุกบนพื้นถนน พงศ์เทพหนีรอดชนิดหวุดหวิด
พลกับเบิ้มคอตกกลับมาหาเสี่ยที่รถ ตรงข้างอาคารหอประชุม
“มันหนีไปได้ครับ”
เสี่ยเต๊กยัวะสุดขีด ฟาดมือใส่หน้าลูกน้องสองคน เจ็บตัว
พร้อมพงศ์รีบแก้ “ลูกผมหนีเพราะตกใจ พอตั้งสติได้ ก็กลับมาเองครับ”
เสี่ยเต๊กโมโห “แต่ลูกสาวผม ท้องโตขึ้นทุกวัน”
พร้อมพงศ์ปะเหลาะ “พรุ่งนี้ผมจะพาเทพไปยกน้ำชา ขอขมาเสี่ยครับ”
“ให้มันแต่งงานเลยแล้วกัน” เสี่ยบอก
พร้อมพงศ์ตาเหลือก “ห๊ะ! แต่งเลย”
“ก็ลูกสาวผมท้องแล้วนี่ ผมไม่มีทางเลือก ไม่อยากขายขี้หน้าชาวบ้าน ทำพิธีง่ายๆ ยกน้ำชาไหว้พ่อแม่ จุดธูปไหว้ฟ้าดิน เชิญเฉพาะญาติๆ มาร่วมเป็นสักขีพยาน”
พร้อมพงศ์ยิ้มร่า เข้าทางสุดๆ “ยังไงก็ได้ครับเสี่ย”
“เฮียพงศ์พาลูกชายไปถึงบ้านผม 9 โมงเช้า แล้วเริ่มทำพิธีเลย ฤกษ์ยามไม่ได้ดูมันหรอก นังลูกไม่รักดีมันทำเสียฤกษ์ไปแล้ว”
“ผมจะเอาโบว์สวย ๆ ผูกรถกระบะ ทำเป็นรถเจ้าบ่าวครับ”
“เฮีย แต่ก่อนทำพิธีแต่งงาน ผมต้องกระทืบลูกเฮียซักที มันลูบคมผม” เสี่ยว่า
“ตามสบายครับเสี่ย ไอ้เทพมันสมควรโดนแล้ว”
พร้อมพงศ์ลั้นลามีความสุขล้น จะได้ดองกับเศรษฐีแล้วโว้ย
พร้อมพงศ์กลับเข้าบ้าน ชะเง้อชะแง้รอพงศ์เทพอยู่ที่ห้องโถง แต่ไม่มีวี่แววลูกรักจะกลับมาซะที
“เอ้อ...โทร.เข้ามือถือพี่เทพดิลุง มัวแต่รออยู่ได้”
พร้อมพงศ์บอก “เทพทิ้งมือถือไว้ในรถ”
เจ๋งเซ็งเป็นห่วงลูกพี่และเจ้านาย “อ้าว แล้วจะติดต่อพี่เทพยังไงล่ะ พี่เทพหนีไปไหนก็ไม่รู้ ซวยแท้พี่เทพ ไปโดนผู้หญิงใส่ร้ายว่าทำให้ท้อง ลุงก็ดันยกลูกให้เค้าหน้าตาเฉย”
“ไม่ดีเหรอวะ ไอ้เทพได้เมียรวย”
“พี่เทพไม่ได้หน้าเงินเหมือนลุงนะ” ไอ้เจ๋งย้อนแสบสันต์
“ไอ้เจ๋ง”
พร้อมพงศ์เตะไอ้เจ๋ง แต่ไอ้เจ๋งหลบทัน
“ผมพูดผิดซะที่ไหน ลุงน่ะ ขายลูกกิน”
“หึย...ไอ้ปากมอม”
พร้อมพงศ์ไล่เตะ ไอ้เจ๋งโกยอ้าว หนีขึ้นข้างบนไป
พร้อมพงศ์หันมาระบดระบายเอากับรูปถ่ายเมีย “พร ทำไมลูกไม่เข้าใจความหวังดีของชั้น ชั้นไม่อยากให้มันลำบากลำบน สร้างเนื้อสร้างตัวเหมือนชั้น ได้พ่อตารวย สบายไปยันชาติหน้า...พรก็ไม่น่าจากฉันกับลูกไปเร็วเลย ไอ้เทพมันได้มีใครซักคน ที่มันเชื่อฟัง กับชั้นนะ มันดื้อด้านอย่างกับม้าพยศ”
พร้อมพงศ์ชะเง้อมองลูกชาย ชักเริ่มเป็นห่วง
“เอ็งหนีไปไหนของเอ็งวะเทพ”
พงศ์เทพนั่งซึมกะทืออยู่ท้ายรถกระบะ ที่แล่นมาตามถนนวิภาวดีขาออก
“พ่อขายผมกินได้ยังไง ผมเป็นคนนะ ไม่ใช่สินค้า”
พงศ์เทพมองสองข้างถนน พบว่ารถแล่นออกนอกเมือง
“กลับบ้านก็โดนพ่อขายกิน ไปตายเอาดาบหน้าแล้วกัน”
พงศ์เทพทดท้อถอนหายใจเฮือก ปล่อยให้ชะตาพาไปโดยไม่รู้หน
รถกระบะแล่นเข้าสู่เขตจังหวัดอยุธยา พงศ์เทพมองป้ายต้อนรับเข้าสู่จังหวัด
“จะพาไปถึงไหนเนี่ย”
ในห้องโดยสารไอ้โก๊ะร้องไห้มาตลอดทางจากกรุงเทพฯ รู้สึกผิดมาก เสียใจมากที่ขับรถชนคนตาย
“พรรษาหน้า ชั้นจะบวชอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ชายคนนั้น ฮือๆๆๆๆ”
ลุงโก่งซ้ำเติมอีก “ทำคนตายนะเว้ยไอ้โก๊ะ ไม่ได้บี้มด เอ็งต้องตกนรก”
โก๊ะปล่อยโฮอีกชุดใหญ่
ที่ท้ายรถกระบะตอนนี้ พงศ์เทพมองด้านหลังผู้ชายสองคนในห้องโดยสาร อยากรู้ คนเหล่านี้ทำมาหารับประทานโดยอาชีพอะไรหนอ ถึงขนเครื่องดนตรีไทยเต็มคันรถ
ถนนแถวบ้านครูเทียม
รถลดความเร็ว แล่นมาช้าๆ เพราะเข้าเขตชุมชน พงศ์เทพเตรียมตัวกระโดดลงจากท้ายกระบะ เพื่อหนีต่อ จู่ๆ ดันมีหมาวิ่งไล่เห่าท้ายรถ
“ไป”
พงศ์เทพตะเพิด ก้าวขาข้ามที่กั้นท้ายรถ จะกระโดดลง
หมาเห่ากรรโชกไม่หยุด ถมแยกเขี้ยวใส่พงศ์เทพ จะงับขาอยู่หลายที
“เฮ้ย”
พงศ์เทพชักขากลับไม่กล้ากระโดดลงรถ โดนหมากัดไม่คุ้ม
จอมนาง กระแต ตุ้ม และชาวคณะหญิง กำลังเก็บผ้าที่ตากอยู่ตรงราวข้างบ้านพัก
“มาถึงบ้านก็ดันลืมเก็บ ชื้นหมดเลย”
ไฟระเบียงหน้าบ้าน ติด ๆ ดับ ๆ
“อีกแล้ว ชั้นไปเปลี่ยนหลอดก่อน”
จอมนางบ่น พลางส่งผ้าให้กระแต
รถกระบะของคณะแล่นเข้ามาพอดี ในจังหวะที่จอมนางเดินออกไปทางระเบียงนั้นเอง
พงศ์เทพกระโดดลงจากท้ายรถกระบะ ลงมายืนตรงหน้าจอมนางพอดี ห่างกันราว 1 เมตรเศษ
ไฟระเบียงก็ช่างรู้เห็นเป็นใจ เลิกติดๆ ดับๆ สว่างดังเดิม แสงไฟจากระเบียงส่องให้เห็นใบหน้าจอมนางชัดแหน๋ว
พงศ์เทพมองนิ่ง ผู้หญิงอะไร น่ารักโครตๆ ตาใสแป๋วเหมือนตุ๊กตา น่าเอ็นดู๊!
จอมนางแหงนหน้ามองผู้ชายตัวสูงตรงหน้า อุ๊ตะ หล่อจุงเบย... แววตาคู่นั้นที่มองมายังจอมนาง ก็ดูอบอุ๊บอบอุ่น
พงศ์เทพกับจอมนางสบตากัน นิ่ง นาน เหมือนโลกทั้งใบหยุดไปหมุนชั่วขณะ
สองหนุ่มสาวจะเกิดสปาร์คเป็นรักแรกพบของกันและกัน โดยไม่ต้องสงสัย
อ่านต่อตอนที่ 2