สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 13
ตอนเย็น พันกรกับประภาพรรณเดินจับมือกันเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น ปทุมวดีนั่งให้น้ำบีบนวดอยู่ แกล้งลูบหัวน้ำอย่าง
แล้วพูดลอยหน้าลอยตากระทบกระเทียบประภาพรรณด้วยความหมั่นไส้
“น้ำมันยังทำตัวมีประโยชน์ รู้จักเอาใจ ไม่เหมือนคนบางคน”
พันกรเข้าไปกอดปทุมวดีอย่างเอาใจ
“ใครไปทำอะไรให้คุณแม่ไม่พอใจเหรอครับ”
ปทุมวดีมองประภาพรรณหัวจรดเท้า
“ก็เมียแกไง อยู่สมาคมก็ขี้เกียจ ไม่ยอมช่วยอะไร”
พันกรมองหน้าประภาพรรณด้วยความสงสัยตามที่ปทุมวดีบอก
“เลิกงานก็สะบัดก้นหายหัวไปเลย ปล่อยคนอื่นเขาทำงานกันงกๆๆ แล้วยังมีหน้าเรียกให้ผัวไปรับอีก หน้าไม่อาย ทำตัววุ่นวาย! เรื่องมาก น่ารำคาญที่สุด”
ประภาพรรณทนไม่ไหวต้องตอบโต้ปทุมวดีที่โกหกลูกชายหาเรื่องต่อว่าตัวเองเกินจริง
“คุณแม่สามีคะ ไปสมาคมเพื่อไปทำกุศล แต่ถ้าพูดโกหกมันก็ผิดศีลนะคะ”
“นี่หล่อนหาว่าฉันโกหกเหรอ ตากรดูเมียแกสิ ต่อหน้ายังขนาดนี้ ไม่มีสัมมาคารวะเลย”
พันกรเริ่มอึดอัด ส่ายหน้าไม่ให้ประภาพรรณพูดอะไรอีก ประภาพรรณเลยต้องเงียบ น้ำแอบมองสาแก่ใจ พันกรจูงมือภรรยาออกมาในสวน
“วันก่อนยังดีๆ กันอยู่เลยนี่นา ทำไมวันนี้ทะเลาะกันอีกแล้ว มิวมีอะไรอยากเล่าให้ผมฟังมั้ยครับ”
ประภาพรรณส่ายหัวที่โดนปทุมวดีใส่ร้าย แต่เปลี่ยนใจไม่อยากเล่าให้ฟัง กลัวพันกรไม่สบายใจ ได้แต่ฝืนยิ้มให้
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณแม่ชอบหยอกล้อลูกสะใภ้แรงๆ ถ้าท่านสบายใจ มิวก็โอเค.ค่ะ”
ประภาพรรณตอบแต่ดวงตาไม่ยิ้ม ไม่แสดงอาการยินดียินร้ายใดๆ พันกรดูออกว่าภรรยาต้องมีปัญหากับปทุมวดีแน่ พันกรมองหญิงสาวเป็นห่วงมาก และไม่เชื่อ พยายามมองจ้องตาเพื่อจะเค้นประภาพรรณต่อ
“มองตาผมหน่อย อย่าโกหก”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ หน้าจอเป็นเบอร์ของรองวิเชียร พันกรรีบรับสาย
“ครับท่านรอง ได้ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
พันกรวางสายไปอย่างเครียดๆ ใจหนึ่งก็อยากไปพบท่านรอง แต่อีกใจก็ยังพะว้าพะวงเรื่องประภาพรรณ หญิงสาวเห็นท่าทางเครียดๆ ของสามีก็รู้ทันที
“มิวว่าคุณกรรีบไปพบท่านรองดีกว่าค่ะ ให้ผู้ใหญ่รอนานมันไม่ดี”
“แต่ว่า”
ประภาพรรณยิ้ม พยายามทำตัวร่าเริงเข้มแข็ง จนชายหนุ่มเริ่มวางใจขึ้นมาบ้าง
“เรื่องมิวกับคุณแม่ คุณกรไม่ต้องเป็นห่วง เชื่อมิวนะคะ”
“เชื่อก็ได้ครับ งั้นผมไปก่อนนะครับ”
พันกรหอมแก้มภรรยาเป็นการส่งท้าย แล้วจ้ำอ้าวออกไปทันที ประภาพรรณเดินกลับเข้ามาผ่านห้องนั่งเล่น ได้ยินเสียงปทุมวดีดุๆ
“เบาๆ หน่อยสิยะนังแต้ว เดี๋ยวเพชรฉันก็หลุดหมดหรอก”
ประภาพรรณเห็นปทุมวดีสั่งแต้วและป้าม้วนทำความสะอาดเครื่องเพชรอยู่ในห้องนั่งเล่น เธอมองด้วยสายตามุ่งมั่น มีแผนการอะไรบางอย่าง
“เครื่องเพชรในงานการกุศลเหรอ ช่างเป็นของล่อตาล่อใจโจรจริงๆ แต่มิวซะอย่าง มีหรือจะยอมอยู่เฉย”
พันกรและลูกทีม 2 คน ประชุมกันอยู่ในบรรยากาศเคร่งเครียด
“สายรายงานว่าพรุ่งนี้เสี่ยเป้จะพาพวกผู้หญิงไปส่งให้เสี่ยชัย เจ้าพ่อคาเฟ่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ”
“ถึงจะเป็นคาเฟ่ถูกกฎหมาย แต่มีการส่งตัวสาวๆ กันแบบนี้ แสดงว่าข้างในต้องลักลอบค้าเนื้อสดใช่มั้ยครับ”
“ใช่ พวกเราถึงต้องนำทีมออกไปจับเสี่ยเป้และพรรคพวก พร้อมหลักฐานให้ได้คาหนังคาเขา งานนี้ท่านรองโทรประสานกับทีมเอกราชให้คอยเป็นกำลังเสริมให้กับเราอีกแรงด้วย ผมรับรองว่างานนี้ เราได้ปิดคดีเสี่ยเป้แน่ๆ”
พันกรมองสบตากับรองวิเชียรด้วยสายตามุ่งมั่น ถึงเวลาที่ต้องกำจัดคนอย่างเสี่ยเป้เสียที
น้ำยืนรอแห้งอยู่มุมกำแพงบ้านพันกร ท่าทางกระวนกระวาย แห้งปีนกำแพงเข้ามาหา น้ำหันรีหันขวางเหมือนกลัวถูกคนจับได้
“ไอ้แห้ง ได้ของที่ฉันสั่งมั้ย”
“ได้สิเจ๊ มือฉัชั้นนี้แล้ว”
แห้งยิ้มร้าย หยิบถุงผ้าเล็กๆ ออกมาเทใส่มือ น้ำมองเครื่องเพชรชิ้นเล็กๆ เช่น ต่างหู สร้อยข้อมือ อย่างดีใจ
“โห สวยเหมือนของจริงมากๆ”
น้ำรีบคว้าเครื่องเพชรปลอมชุดนั้นมาส่องดูใกล้ๆ อย่างตื่นเต้น
“ว่าแต่เจ๊จะสั่งเพชรปลอมพวกนี้มาทำอะไร”
น้ำยิ้มร้าย มีแผนการ
“ก็เอามาหาค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ ก่อนงานใหญ่ที่ฉันจะให้แกกับลูกน้องทำไง”
แห้งเข้าใจ ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้น้ำอย่างหมายมั่น เสียงของแต้วดังขึ้นมาขัดจังหวะ
“โฮ้ย เมื่อยๆๆ”
น้ำและแห้งตกใจมาก เมื่อเห็นแต้วกับป้าม้วนกำลังเดินมา ต่างคนต่างหาที่ซ่อนของตัวเอง แห้งกระโดดข้ามกำแพงหนีออกไปได้พอดี น้ำหลบวูบ อาศัยเงามืดของมุมตึกเป็นที่พรางตัว ป้าม้วนและแต้วเดินเข้ามา น้ำรอดสายตาไปได้อย่างหวุดหวิด แต้วยังเดินบ่นกระปอดกระแปดต่อ
“กะอีแค่ขัดเพชรเนี่ย คุณหญิงจะอะไรนักหนาก็ไม่รู้นะป้า”
“สั่งให้เราขัดแล้ว ขัดอีก ขัดแล้ว ขัดอีก ขัดๆ จนมือจะถลอกอยู่แล้วเนี่ย”
“แล้วเอ็งจะบ่นหาอะไรวะนังแต้ว นี่เอ็งไม่ดีใจเหรอถ้าเครื่องเพชรของคุณหญิงจะวาววับจับตากว่าของคนอื่นๆ ในงานน่ะ”
“แวววับจับตากว่าของคนอื่นๆ อย่างนั้นเหรอป้า”
“ช่าย แล้วเอ็งนึกดูดีๆ สิ ว่าที่เครื่องเพชรของคุณหญิงวาววับได้เนี่ยเพราะใคร”
แต้วเคลิ้มตามคำพูดป้าม้วนมาก ยิ้มร่าออกมาอย่างตื่นเต้น
“ก็เพราะพวกเราไงล่ะจ๊ะป้า เออนี่ป้า แล้วถ้าพรุ่งนี้เครื่องเพชรของคุณหญิงโดดเด้งจนได้รับคำชมนี่คุณหญิงแกจะมีรางวัลให้เรามั่งมั้ยอะ”
“เอ อันนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ ไว้รอพรุ่งนี้แล้วเราค่อยไปถามกันดีกว่า”
ป้าม้วนและแต้วหัวเราะตีมือกันอย่างถูกใจ แล้วพากันเดินไป น้ำเดินออกมาจากที่ซ่อน ยิ้มร้าย
“ป้าม้วนกับพี่แต้วไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะ พรุ่งนี้เครื่องเพชรของคุณหญิงจะต้องเปล่งประกายวาววับ เหมือนกับเพชรลิเกล้อแสงไฟเลยล่ะ”
น้ำมองถุงเพชรปลอมในมืออย่างหมายมั่น
ปทุมวดีและปรีชาชาญใส่ชุดหรูออกงาน เดินมาขึ้นรถตู้ โดยที่มีน้ำและประภาพรรณเดินตามหลังมาต้อยๆ ปทุมวดี ปรีชาชาญขึ้นไปแถวที่สอง น้ำไปนั่งประจำที่ในแถวสาม เหลือประภาพรรณคนเดียวที่ยังไม่ขึ้นรถ ปรีชาชาญหันมาถาม
“อ้าวหนูมิวทำไมไม่ขึ้นรถ ลืมอะไรรึเปล่า”
“เอ่อ คือว่ามิวจะขออนุญาตไปทำธุระนิดหน่อยน่ะค่ะ คุณพ่อ เสร็จแล้วจะรีบตามไป”
ปทุมวดีไม่พอใจมาก หันมาแหวใส่
“ธุระอะไรของหล่อนจะสำคัญกว่างานวันนี้ยะ คิดจะเบี้ยวล่ะสิ”
“ไม่เอาน่าคุณหญิง”
“คุณพี่ไม่ต้องมายุ่ง ไม่ว่าจะธุระอะไรฉันก็ไม่อนุญาตทั้งนั้น ขึ้นรถ แล้วก็ถือกล่องเครื่องเพชรของฉันดีๆ ด้วย”
น้ำได้ยินคำว่าเครื่องเพชรแล้วตาวาวโรจน์ รีบขันอาสา สร้างภาพเป็นเด็กขยันใส่ปทุมวดีทันที
“แต่ธุระของพี่มิวอาจจะสำคัญมากก็ได้นะคะ งั้นเดี๋ยวน้ำดูแลเครื่องเพชรของคุณหญิงให้เองระหว่างรอพี่มิวดีมั้ยคะ”
ปทุมวดีตกใจ พูดไม่ออกกับความขยันของน้ำ
“แต่ว่า”
“ก็ดีเหมือนกันนะหนูน้ำ เร็วเข้าเถอะคุณหญิง เดี๋ยวรถติด”
ปทุมวดีหันไปค้อนใส่ปรีชาชาญที่พูดขัดใจ แล้วมองประภาพรรณอย่างคาดโทษ
“รีบไปรีบมา แล้วอย่าทำให้ฉันขายหน้าล่ะ”
ประภาพรรณยิ้ม ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้ปทุมวดีอย่างกวนประสาท
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คุณแม่สามี มิวรับรองว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง”
ปทุมวดีหมั่นไส้ท่าทางของประภาพรรณมาก กางพัดขึ้นมาสะบัดพรึ่บๆ ไม่สบอารมณ์
“นายเดช ออกรถ”
เดชรับคำสั่งปทุมวดี รีบขับรถตู้ออกไปอย่างรวดเร็ว ประภาพรรณรีบออกไปทำภารกิจของตัวเอง
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 13 (ต่อ)
รถตู้ ปทุมวดีนั่งยุกยิกอยู่ข้างๆ ปรีชาชาญด้วยความหงุดหงิด
“คุณพี่นะคุณพี่ ปล่อยแม่มิวไปแบบนั้น ถ้ามันเบี้ยวไม่มาช่วยงานเพื่อนๆ น้องล่ะคะ จะว่ายังไง”
“คุณหญิงคิดมากไปแล้วน่า หนูมิวเขาโตแล้ว เขารู้อยู่หรอกว่าอะไรเป็นอะไร”
ปทุมวดีหันไปค้อนใส่สามีอย่างไม่พอใจ ยังคงบ่นเรื่องประภาพรรณต่อไป
“เข้าข้างกันเข้าไปเถอะค่า แม่ลูกสะใภ้คนโปรดเนี่ย”
ปทุมวดีกลอกตาไปมาอย่างงอนๆ แล้วหันหลังไปมองน้ำนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ที่เบาะอีกแถว เลยหาโอกาสพูดประชดปรีชาชาญ
“ในบ้านนี้คงไม่มีใครได้ดั่งใจน้องเท่ากับหนูน้ำอีกแล้วล่ะค่ะ”
น้ำสะดุ้งตกใจยิ้มแหยๆ ใส่ปทุมวดีอย่างนอบน้อม แล้วหันกลับไปพยายามเปิดกล่องเครื่องเพชรบนตักอีกครั้ง ปรีชาชาญเซ็งปทุมวดีพูดค่อนขอดเลยพยายามเบี่ยงประเด็น
“เอาล่ะ ผมว่าเราเลิกพูดเรื่องหนูมิวกันดีกว่า ว่าแต่คุณหญิงเถอะ ออกงานทั้งทีทำไมไม่ใส่แหวนแต่งงานล่ะ”
ปทุมวดีอึ้งตกใจ ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“เอ่อก็ ช่วงนี้นิ้วน้องผอมๆ แล้วมันใส่ไม่พอดี น้องก็เลยเอาไปให้ช่างแก้อยู่น่ะค่ะ”
ปรีชาชาญเข้าใจ ไม่ถามต่อ ปทุมวดีลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่รอดตัวมาได้ คิดในใจ “รอดไปได้หนึ่งครั้ง ก็ไม่ได้แปลว่าจะรอดได้ตลอด จะเอายังไงดีนะ”
ปทุมวดีเครียด คิดหาทางจะเอาแหวนแต่งงานคืนจากบ่อนเสี่ยเป้เลยหยุดบ่น ระหว่างที่ปทุมวดีและปรีชาชาญนั่งเงียบๆ อย่างใช้ความคิด น้ำอาศัยจังหวะนี้สลับเครื่องเพชรชิ้นเล็กๆ ของปทุมวดีออกไปได้สำเร็จ
เสี่ยเป้ยืนคุยโทรศัพท์กับบุหงาอยู่ภายในบ่อน ด้วยความหงุดหงิดมาก
“หนูแพนเป็นผู้จัดการประสาอะไร ปล่อยให้เด็กๆ ออกไปแคสงานเองแบบนี้”
“แหมเสี่ยอย่าเพิ่งโกรธแพนสิคะ พวกเด็กๆ ของเราน่ะไม่น่าเป็นห่วงหรอกค่ะ แพนคอนเฟิร์มว่าได้งานทุกคน”
“ให้มันจริงก็แล้วกัน นี่ถ้าไปแคสแล้วไม่มีใครได้งานกลับมา เสี่ยคงต้องตัดเงินเดือนหนูแพนแล้วล่ะ”
บุหงาหลบมุมแอบคุยกับเสี่ยเป้อยู่ที่สมาคมอนุรักษ์ช้างไทย
“เสี่ย เดี๋ยวสิคะ”
เสี่ยเป้ไม่ฟังคำทักท้วง รีบตัดสายทิ้ง จังหวะเดียวกับที่ลูกน้องขับรถพาทอมและสาวสวยเซ็กซี่ 2-3 คนเข้ามาจอดรับ
“อาร์ยูเรดดี้ พร้อมหรือยัง”
เสี่ยเป้เดินปึงปังขึ้นรถ ในใจยังขุ่นมัวเรื่องบุหงาอยู่
บุหงาและดวงแก้วแต่งตัวสวยงามพร้อมจะเข้างาน บุหงาหน้าเครียดที่เสี่ยวางสายไปแบบเคืองๆ ดวงแก้วอดถามไม่ได้
“เสี่ยเคืองเหรอ”
“ก็ช่วยไม่ได้ วางสายไปแล้ว”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดี”
“โฮ้ย โดดงานเสี่ยมาช่วยงานนังคุณหญิงปทุมวดีแบบนี้ มันคุ้มกันมั้ยวะเนี่ย”
บุหงาหงุดหงิดกังวลว่าตัวเองจะถูกตัดเงินเดือน ดวงแก้วคิดอะไรได้ รีบหันมาบอกลูกสาวอย่างอารมณ์ดี
“กะอีแค่ถูกตัดเงินเดือน จะไปเครียดอะไรนักวะนังแพน อย่าลืมว่าเรายังมีเครื่องเพชร 120 ล้านของนังปทุมวดีให้ฉกอยู่”
“ใครจะไปปัญญาอ่อนลืมล่ะแม่ ฉันมีแผนเด็ดๆ ที่จะขโมยเครื่องเพชรอย่างเนียนๆ รออยู่แล้ว”
“แม่เชื่อว่าเรื่องเลวๆ เนี่ยแกเจิด แต่ว่าตอนนี้แกจะต้องกลับเข้าไปในงานเตรียมตัวรอรับนังคุณหญิงหน้าโง่นั่นซะก่อน”
ดวงแก้วรีบจัดเสื้อผ้าหน้าผมของบุหงาให้เรียบร้อย แล้วดันหลังให้กลับเข้าไปในงาน เพื่อรอต้อนรับปทุมวดี บุหงายิ้มร้ายพร้อมเล่นละคร
ด้านในห้องจัดงานเลี้ยง สมาคมอนุรักษ์ช้างไทย บรรยากาศหรูหรา มีแขกหญิงชายแต่งตัวดีเข้ามาพบปะสังสรรค์กันมากมาย พร้อมสื่อถ่ายภาพและเจ้าหน้าที่จัดงานทำงานกันอย่างมืออาชีพ ปทุมวดีและปรีชาชาญเดินเฉิดฉายเข้ามา โดยที่มีน้ำเดินตามหลังอยู่ต้อยๆ น้ำมองบรรยากาศรอบๆ ตัวด้วยความตื่นเต้น ตะลึง บุหงาและดวงแก้วรีบถลามารับหน้าปทุมวดีและปรีชาชาญอย่างประจบประแจง
“สวัสดีค่ะ คุณหญิงป้า ท่านรัฐมนตรี”
“แหม วันนี้คุณพี่หญิงกับท่านแต่งตัวสวยหล่อสมกันมากๆ เลยนะคะ”
ปทุมวดีถูกชมก็เคลิ้มมาก รีบกางพัดสะบัดพรึ่บอย่างอารมณ์ดี
“คุณดวงแก้วก็ชมเกินไป นี่ดิฉันว่าแต่งเบาๆ แล้วนะคะ ชุดนี้แค่แปดแสนเอง โฮะๆ”
ปทุมวดีหัวเราะร่วนถูกใจ จนบุหงาและดวงแก้วมองหน้ากันเอือมๆ น้ำตกใจในราคาชุดของปทุมวดีมาก เผลอโพล่งออกมาอย่างลืมตัว
“โอ้โห ชุดของคุณหญิงแปดแสนเลยหรือคะ”
บุหงาและดวงแก้วมองท่าทางตื่นเต้นของน้ำอย่างรังเกียจ รู้สึกขวางหูขวางตาอย่างบอกไม่ถูก
“แหม คนเรานี่ก็แปลกนะคะคุณหญิงป้า เจ้านายคุยกันอยู่แท้ๆ ยังจะสอดเข้ามาอีก”
น้ำตกใจ รู้สึกเสียหน้าที่โดนบุหงาว่าตัวเองเป็นคนใช้
“แต่คุณแม่ว่าก็ไม่เห็นจะแปลกเลยนะคะลูก คนมันมาจากสลัม มันจะไปรู้ที่ต่ำที่สูงได้ยังไงกันล่ะคะ”
สองแม่ลูกหัวเราะคิกคักอย่างสะใจ น้ำได้แต่ยืนตัวลีบอย่างอึดอัด เก็บกดความไม่พอใจไว้ อมราและคุณหญิงอีก 4 คน เห็นปทุมวดี รีบเข้ามาทักทาย
“อ้าวคุณหญิง ท่านรัฐมนตรี สวัสดีค่ะ มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”
“เพิ่งจะมาได้สักพักเองค่ะ คุณหญิงอมรา พอดีเห็นคุณหญิงรับแขกอยู่ทางนู้นเลยไม่อยากรบกวน”
อมราเหลือบไปเห็นน้ำยืนตัวลีบอยู่รีบหันไปสั่งงานทันที
“หนูน้ำ ตอนนี้ในครัวกำลังวุ่นเลย รีบเข้าไปช่วยหน่อยนะจ๊ะ”
“ได้ ได้ค่ะคุณหญิง”
น้ำตั้งท่าจะเดินออกไป แต่บุหงาเรียกรั้งไว้ด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ
“เดี๋ยวก่อน”
บุหงาคว้าเอากล่องเครื่องเพชรของปทุมวดีมาถือไว้เอง แล้วส่งสายตารังเกียจให้น้ำ
“ฉันจะดูแลเครื่องเพชรของคุณหญิงป้าเอง ของแพงขนาดนี้จะได้ไม่หมอง”
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 13 (ต่อ)
น้ำช็อกมาก รู้สึกหน้าชาที่ถูกบุหงาเหน็บแนมอย่างแสบสันต์
นึกถึงคำที่แต้วเคยบอกว่าปทุมวดีอยากได้บุหงามาเป็นสะใภ้แทนประภาพรรณ คำพูดของแต้วยังดังก้องอยู่ในหัวของน้ำ น้ำเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางกลายเป็นคนมุ่งมั่น ตั้งใจ เล่นละครยอมบุหงาทันที
“เข้าใจแล้วค่ะ คุณแพน งั้นน้ำขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
น้ำเดินไป บุหงายิ้มพอใจที่น้ำเชื่องและยอมทำตามที่บอก ในขณะที่น้ำแอบคิดในใจ
“ในเมื่อยัยคุณหญิงปทุมวดีไม่ชอบนังมิว ฉันก็จะใช้แกเนี่ยแหละเป็นบันไดสู่ความสำเร็จ นังแพน คุณหนูกำมะลอ”
น้ำเดินถือถาดเครื่องดื่มเข้ามาเสิร์ฟแขกในงาน ยิ้มแย้มตั้งใจ บุหงากับดวงแก้วรีบสะกิดกันแล้วหันมาบอกปทุมวดีอย่างรีบร้อน
“นี่ก็ใกล้เวลาจะเริ่มงานแล้ว เดี๋ยวดิฉันกับลูกแพนขอตัวไปเตรียมความพร้อมให้พวกนางแบบก่อนนะคะคุณพี่”
“จ้าไปเถอะ”
สองแม่ลูกรีบเดินออกมาจากกลุ่ม พอลับตาก็แอบกระซิบกระซาบกัน
“ฉากเปิดตัวเยินยอสตรอเบอรี่ผ่านไปแล้ว ทีนี้เอาไงต่อดี”
“เอาเครื่องเพชรไปเก็บในตู้เซฟก่อน ไว้จบโชว์แล้วเราค่อยแอบขโมยทีหลัง”
สองแม่ลูกพากันเดินเข้าไปด้านหลังเวที
ราตรีชะเง้อมองไปรอบๆ ปทุมวดีและปรีชาชาญด้วยความสงสัยเพราะไม่เห็นประภาพรรณ
“ท่านคะ เดี๋ยวดิฉันขอตัวคุณพี่หญิงปทุมแป๊บหนึ่งนะคะ”
ราตรีรีบลากปทุมวดีออกมามุมหนึ่ง โดยที่มีพวกคุณหญิงทั้งสี่ตามมาสมทบ
“คุณพี่หญิงคะ นังลูกสะใภ้ตัวแสบของคุณพี่หญิงอยู่ที่ไหนล่ะคะ”
“นั่นน่ะสิคะ ตั้งแต่เข้างานมานี่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเลย”
ปทุมวดีถูกจี้จุดทำหน้าเซ็งสุดชีวิต ระบายความหงุดหงิดออกมา
“จะไปเห็นได้ยังกันล่ะคะ ในเมื่อมันยังไม่มาเลย”
“อุตะ แล้วแบบนี้มันจะเบี้ยวเรามั้ยคะเนี่ย”
“ถ้ามันเบี้ยวจริงๆ แบบนี้แผนการที่เราเตรียมไว้แกล้งก็ล่มไม่เป็นท่าสิคะ”
ราตรีและผองเพื่อนเริ่มโอดครวญกันอย่างขัดใจ ปทุมวดีเครียด รีบปรามอาการวู่วามของพวกราตรี
“ดิฉันว่าเราอย่าเพิ่งวู่วามไปก่อนเลยค่ะ นี่ก็ยังไม่ถึงเวลาเปิดงาน เรารอกันอีกสักพักจะดีกว่านะคะ”
ราตรีและผองเพื่อนมองหน้ากันอย่างเซ็งๆ
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ แต่ถ้านังลูกสะใภ้ตัวแสบของคุณพี่หญิงมาถึงแล้ว คุณพี่หญิงต้องรีบบอกพวกน้องนะคะ”
ปทุมวดีพยักหน้ารับปากพวกราตรีอย่างมุ่งมั่น สายตาจับจ้องไปที่ทางเข้างานอย่างรอคอย
นิโรบลยืนอยู่ที่หน้าร้านเสริมสวยหรูในห้างสรรพสินค้า ประภาพรรณสะพายกระเป๋ารีบร้อนเข้ามา
“ได้ของมามั้ย มิว”
ประภาพรรณตบกระเป๋า
“ทุกอย่างพร้อม”
“แหม ตื่นเต้นเหมือนสมัยก่อนเลยเนอะ”
“ใกล้เวลาเปิดงาน ป่านนี้คุณแม่สามีฉันเริ่มเคืองแน่ๆ”
“งั้นจะรออะไร ภารกิจต่อไปสิเพื่อนรัก”
นิโรบลจูงมือประภาพรรณเข้าไปในร้านเสริมสวยร่าเริง
แขกในงานเริ่มหนาตา น้ำยังคงวิ่งเข้าออกในครัว ยกน้ำมาเสิร์ฟอย่างแข็งขัน ปรีชาชาญยืนคุยกับแขกคนอื่นๆ ในงาน เช่นเดียวกับอมรา ราตรีและผองเพื่อนที่ยืนจับกลุ่มเม้าท์กันไป หันมาส่งสายตาเชิงคำถามใส่ปทุมวดีเป็นระยะๆ ปทุมวดีเครียด เริ่มกังวลแล้วว่าประภาพรรณจะเบี้ยวไม่ยอมมาร่วมงานในคืนนี้ ปรีชาชาญเดินเข้ามาหาปทุมวดี
“นี่ก็ใกล้เวลาเปิดงานแล้ว ผมว่าคุณหญิงโทรตามเจ้ากรเถอะ”
“แล้วนัง”
“บางทีหนูมิวก็อาจจะอยู่กับเจ้ากรแล้วก็ได้”
ปทุมวดีค้อนใส่สามีอย่างไม่สบอารมณ์แต่ทำอะไรไม่ได้ จำใจกรีดนิ้วหยิบสมาร์ทโฟนมาโทรตามลูกชายอย่างเซ็งๆ พันกรคุยโทรศัพท์กับแม่
“ครับคุณแม่”
“ตากร นี่งานใกล้จะเริ่มแล้วนะ ลูกอยู่ไหน”
พันกรอมยิ้มน้อยๆ แล้วหันไปมองข้างๆ ซึ่งเป็นตึกของสมาคม เขาสวมชุดกัปตันห้องอาหาร ดักรอเสี่ยเป้อยู่ที่โรงแรมข้างๆ
“ผมอยู่ใกล้ๆ นี่แหละครับ ไปทันงานเริ่มแน่นอน คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
“แล้วนี่แม่มิว”
จังหวะเดียวกับที่เอกราชเดินเข้ามาหาพันกร พันกรเลยตัดบท
“แค่นี้ก่อนนะครับแม่ เดี๋ยวเจอกันในงานครับ”
พันกรรีบกดตัดสายปทุมวดีไป เอกราชเดินมาถึงพอดี
“รถของเสี่ยเป้ใกล้จะมาถึงแล้ว”
“โอเค งั้นคุณกับทีมเข้าประจำที่ได้เลย ส่วนผมกับลูกน้องจะเข้าไปดักรอด้านใน คราวนี้แหละเราต้องจับพวกเสี่ยเป้ให้ได้”
พันกรมุ่งมั่นมาก เอกราชเองก็เช่นกัน รถของเสี่ยเป้และทอม แล่นเข้ามาจอดที่หน้าโรงแรม ลูกน้องเสี่ยเป้รีบถลาเข้ามาต้อนรับแล้วพาทุกคนเข้าไปในโรงแรม พันกรจะเดินเข้าไปแอบสุ่มทำงานด้านในโรงแรมแต่ชนเข้ากับประภาพรรณ
“ว้าย”
ประภาพรรณทำท่าเซจะล้ม พันกรรีบคว้าตัวเธอเอาไว้ ประสานสายตากับหญิงสาวในชุดราตรีดูสวยสง่า เขาอึ้ง ตะลึง ตกใจมาก
“มิว”
“คุณกร”
ทั้งสองคนมองหน้ากันไปมาอย่างอึ้งๆ สับสน นิโรบลและภาณุ ยืนอยู่มุมหนึ่ง หันมาเรียกหาประภาพรรณ
“มิว”
ทั้งประภาพรรณและพันกรรู้สึกตัว ต่างฝ่ายต่างผละออกจากกันอย่างเก้อเขิน
“มิวต้องไปแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะคะ”
ประภาพรรณก้มหน้างุดๆ แล้วเดินไปสบทบกับนิโรบลและภาณุ พันกรมองตามภรรยาไปอย่างอึ้งๆ ยังตกตะลึงในความสวยของหญิงสาว เอกราชโผล่เข้ามา ตกตะลึงในความสวยของประภาพรรณไม่ต่างกัน
ปทุมวดียืนหน้าคว่ำ เพราะถูกพันกรวางสายใส่
“ฮึ่ย คุยยังไม่ทันจะรู้เรื่องก็วางสายไปแล้ว”
“ลูกอาจจะยุ่งก็ได้น่าคุณหญิง”
“แหม จ้า รู้ใจกันจริงๆ เลยนะพ่อลูกคู่นี้”
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 13 (ต่อ)
ปทุมวดีหัวเสียมาก ประชดปรีชาชาญด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
อมราและพวกคุณหญิงพามิสเจนนี่ นักสะสมเครื่องเพชร เข้ามา
“ท่านคะ คุณหญิงปทุมคะ มิสเจนนี่ ผู้สนับสนุนรายใหญ่ของสมาคมเรา มาแล้วค่ะ”
“สวัสดีค่ะ มิสเจนนี่ ดิฉันดีใจจริงๆ ที่คุณให้เกียรติมาร่วมงาน”
“งานทำบุญอย่างนี้ เจนนี่จะพลาดได้ไงคะ บอกตามตรงนะคะ เจนนี่อยากเห็นเครื่องเพชร 120 ล้านของคุณหญิงปทุมวดีที่เสียสละเอามาช่วยช้างไทยมากๆ ค่ะ”
ปทุมวดีเจอลูกยอของมิสเจนนี่ก็ยิ้มกว้างหน้าบาน
“เล็กน้อยค่ะ มิสเจนนี่”
ราตรีรีบประกาศด้วยสีหน้าภูมิใจ
“แต่ที่ไม่เล็กน้อย มิสเจนนี่จะประมูลด้วยเงินสดค่ะ”
บุหงาและดวงแก้วเดินมาได้ยินว่ามิสเจนนี่จะซื้อเพชรของปทุมวดีด้วยเงินสด สองแม่ลูกได้กลิ่นของเงินทันที ต่างฉีกยิ้มหวานตั้งท่าจะเดินเข้าไปหาปทุมวดีและพวกคุณหญิงอื่นๆ แต่มีร่างระหงของหญิงสาวคนหนึ่งเดินปาดเข้าไปหาพวกปทุมวดีตัดหน้า บุหงาและดวงแก้วถึงกับหยุดชะงัก มองตามร่างนั้นด้วยความตกตะลึง ประภาพรรณพูดกับปทุมวดีและปรีชาชาญด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มั่นใจ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่ มิวขอโทษที่ให้รอนะคะ”
ประภาพรรณหันไปส่งยิ้มหวานให้มิสเจนนี่แล้วกล่าวทักทายออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ สำเนียงถูกต้อง
“Hello, Nice to meet you.”
มิสเจนนี่งงๆ แต่พอเห็นว่าประภาพรรณสวยดูดีก็ยิ้มให้แล้วทักตอบด้วยภาษาอังกฤษ
“Hello, and you are”
“My name is Mew, I’m her daughter in law.”
ปทุมวดี ปรีชาชาญต่างมองการปรากฏตัวของประภาพรรณด้วยความตกใจ บุหงาและดวงแก้วเองก็ตกใจมากเผลออุทานออกมาพร้อมกัน
“นังมิว”
นิโรบลกับภาณุมองประภาพรรณด้วยความชื่นชม พวกคุณหญิงต่างตะลึงไม่อยากเชื่อสายตา น้ำเดินมาได้ยินได้เห็นเข้า หันไปมองอย่างแปลกใจเช่นกัน แขกในงานเริ่มสนใจประภาพรรณที่สวยสง่า สื่อพากันกรูมาถ่ายภาพเหมือนเจอดารา นิโรบลกระซิบกระซาบกับภาณุภูมิใจในผลงานที่ช่วยเพื่อน
“มิว สวย สง่า ราวกับเจ้าหญิงหลุดออกมานิทานเลยเนอะ”
“คงต้องยกความดีความชอบให้คุณแม่กับนิดเลยนะครับเนี่ย”
นิโรบลหันมายิ้มเขินให้ภาณุ แล้วหันกลับไปมองประภาพรรณที่เดินเฉิดฉายอยู่ในงานอย่างภาคภูมิใจ ปทุมวดีและปรีชาชาญมองลูกสะใภ้มาดใหม่อย่างอึ้งๆ มิสเจนนี่พูดชื่นชมประภาพรรณกับปทุมวดี
“คุณหญิงโชคดีมากเลยนะคะ มีลูกสะใภ้สวยสง่าแล้วก็เก่งด้วย”
ปทุมวดีหน้าแห้ง ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ พูดไม่ออก
น้ำเดินปึงปังเข้ามาในห้องน้ำ แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“ที่แท้ก็หนีไปแต่งเนื้อแต่งตัวซะสวยเชี้ยะ ปล่อยให้เราทำงานงกๆ เป็นอีแจ๋วอยู่คนเดียว เจ็บใจนักนังมิว”
น้ำมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก กำหมัดแน่นอย่างเจ็บใจ มีเสียงคนเปิดประตูเข้ามา น้ำตกใจมากรีบเข้าไปซ่อนตัว บุงหาและดวงแก้วเดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาพอดี
“อีนี่มันร้ายกว่าที่เราคาด มาสายแล้วยังจะมาปาดหน้าเค้ก ดึงความสนใจจากทุกคนไปได้อีก”
“โฮ้ย ทำไมมันเป็นอย่างนี้ไปได้เนี่ย”
บุหงาเหมือนนึกอะไรได้ ยิ้มเจ้าเล่ห์
“คนอย่างบุหงา ณ น่านฟ้าไม่มีทางยอมให้ใครมาปาดหน้าเค้กแล้วได้อยู่อย่างสงบสุขหรอก”
“ถูกต้องแล้ว จัดไป เอาคืนให้แสบสันต์ ทิงเจอร์เรียกแม่เลย”
น้ำนึกสงสัยว่าสองแม่ลูกคิดจะทำอะไร สองแม่ลูกพากันมาที่ด้านหลังเวที พวกนางแบบกำลังแต่งตัวกันอยู่ ทั้งสองเดินเข้ามาที่ตู้เซฟ เปิดเอากล่องเครื่องเพชรของปทุมวดีออกมา
“ทีนี้ล่ะ จากดาวเด่น “
“จะได้กลายเป็นดาวดับในพริบตา”
สองแม่ลูกพากันหัวเราะคิกคักอย่างชั่วร้าย น้ำแอบตามดูการกระทำของทั้งสอง ยิ้มร้าย ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ภายในงานเลี้ยง พวกคุณหญิงจอมจุ้นมองประภาพรรณเดินเฉิดฉายไปทักทายแขกในงาน นิโรบลกับภาณุก็อยู่ด้วย สื่อยังไม่หยุดตามขอถ่ายภาพประภาพรรณ ปรีชาชาญอมยิ้มภูมิใจ ตรงข้ามปทุมวดีที่ยิ้มเจื่อนๆ อย่างไม่เต็มใจ อมราและผองเพื่อนจับกลุ่มเม้าท์กันอยู่ด้วยแววตาริษยา เซ็งๆ
“สวย เด่น เป็นสง่า”
“ปังทุกท่วงท่า ทุกลีลา”
“อย่างกับนังซินที่มีรถฟักทองของเจ้าชายมารอรับ”
“แผนการที่พวกเราเตรียมมาล่มไม่เป็นท่า หน้าแตกยับ”
“ก็คงจะอย่างนั้นแหละค่ะ นางเล่นเปิดตัวอลังการแบบนี้ เราจะทำอะไรทีก็คงลำบาก วันนี้สื่อเพียบด้วย”
ราตรีเหมือนคิดอะไรได้
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องทำตัวให้เว่อวังอลังการกว่านางค่ะ”
“หมายความว่ายังไงคะคุณน้องราตรี”
ราตรีกระซิบแผนการกับอมรา อมราอึ้งตกใจ
“มันจะดีเหรอคะคุณน้อง”
“ฮู้ย ดีสิคะคุณพี่ คุณพี่เป็นถึงนายกสมาคมเชียวนะคะ คิดซะว่าเป็นการคืนกำไรให้แขกที่มางานไงล่ะคะ”
อมราถูกราตรีโน้มน้าวจนอ่อนใจ
“ก็ได้ค่ะ คุณพี่ยอมทำตามแผนของคุณน้องก็ได้”
ราตรีฉีกยิ้ม ดีใจ รีบหันไปสุมหัวซุบซิบกับผองเพื่อนถึงแผนการของตัวเอง
ประภาพรรณเดินออกมาสูดอากาศข้างนอก เธอเครียดมาก รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังคุกคามจากด้านหลัง รีบหมุนตัวกลับ ปล่อยหมัดออกไปเต็มเหนี่ยว แต่หมัดของเธอถูกล็อกเอาไว้ได้ ตกใจมาก
“เอะอะใช้กำลังแบบนี้ ไม่ดีเลยนะครับ คนสวย”
พอรู้ว่าเป็นพันกรซึ่งปลอมตัวเป็นกัปตันห้องอาหารโรงแรม ประภาพรรณทั้งอึ้งทั้งโล่งใจ
“คุณกร ทีหลังอย่ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงแบบนี้สิคะ มิวตกใจหมด”
“ขอโทษ ผมแค่อยากจะมองคุณใกล้ๆ แค่นั้นเอง”
ประภาพรรณมองชุดพันกร
“ชุดนี้ เดาว่าอยู่ในภารกิจลับแน่ๆ”
บุหงากับดวงแก้วเดินผ่านมาพอดี ต่างรีบหลบมุมแอบดู พันกรไม่ตอบคำถามภรรยา แต่ยิ้มหวานแล้วดึงหญิงสาวเข้ามากอดอย่างรักใคร่ สองแม่ลูกเห็นเต็มๆ ว่าประภาพรรณกอดกับผู้ชายแปลกหน้าที่เป็นแค่กัปตันร้านอาหาร พันกรคลายกอดจากประภาพรรณ แล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาเจ้าชู้มีความหมาย
“วันนี้คุณสวยมากเลยนะ สวยจนผมอยากจะอุ้มกลับบ้านตอนนี้เลย”
“อย่านะคะ แต่ก็ ขอบคุณค่ะ”
สองแม่ลูกยิ้มเยาะประภาพรรณ แล้วพากันเดินไป ประภาพรรณถามพันกรอีกครั้งเพื่อคลายความเขิน
“ว่าแต่คุณกรจะมาร่วมงานด้วยชุดนี้เหรอคะ”
“เอ่อ ผมมีงานนิดหน่อย เดี๋ยวเคลียร์เสร็จแล้วผมจะรีบมาครับ”
ประภาพรรณมองท่าทางอึกอักของพันกรอย่างสงสัย ดูท่าว่างานของพันกรจะไม่นิดหน่อยอย่างที่เขาบอก เสียงเพลงเปิดงานแบบอลังการดังขึ้นขัดจังหวะ ทั้งสองสะดุ้งตกใจ
“มิวต้องไปแล้วล่ะค่ะ คุณกรทำงานให้เสร็จแล้วรีบมานะคะ”
ประภาพรรณโผกอดหอมแก้มพันกรแล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปในงานอย่างเร่งรีบ ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนฉีกยิ้มจนหน้าบาน รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เอกราชมองประภาพรรณและพันกรกอดหอมแก้มกันอย่างปวดใจ
ทั้งที่เขาพยายามจะตัดใจจากหญิงสาวแล้วก็ตาม
จบตอนที่ 13