xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 6

ขณะนั้น หนานไตรเดินออกมาจากห้อง สีหน้าร้อนรนใจ อยากจะออกจากบ้านพักไปหาเนื้อนาง ดาวเด่นมองแล้วตัดสินใจ ลุกพรวดขึ้น

“ตายๆๆ ดาวลืม”
ทุกคนหันมามอง
“เมื่อกี๊ นายควาญช้างฝากให้มาถามพี่ณไตร”
เทพทัตมองดาวเด่นงงๆ ว่าไปเจอแสงคำตอนไหน แต่ก็ไม่ขัด
“แสงคำให้ถามเรื่องอะไรครับ” หนานไตรสบตาดาวเด่น จึงรู้ว่าดาวเด่นพยายามช่วย “ขนไม้ค่ะ มีปัญหาเรื่องขนไม้ ตายแล้ว...ดาวลืมได้ยังไง”
หนานไตรขยับจะลงจากเรือน เสียงแม่นายดังขึ้น
“ให้ธรรพ์ไป” หนานไตรหันมามอง แม่นายสั่งย้ำ “ไปทำงานแทนพี่ชายแกที่ป่วยอยู่สิ ธรรพ์”
ธรรพ์ลุกขึ้น หนานไตรมองแม่นายด้วยสายตารู้ว่านายแม่จงใจขวาง
“ไม่ต้อง ธรรพ์ หน้าที่ผู้จัดการปางเป็นของฉัน”
“ไม่เห็นต้องขยันทั้งๆ ที่ยังเจ็บอยู่เลยนี่คะ” แขไขแย้ง
“ต่อให้ใกล้ตาย ผมก็ไม่มีวันทิ้งปางของผม”
“มาครับ พี่ ผมไปกับพี่เอง”
ธรรพ์เข้ามาประคองหนานไตร คล้องแขนพาดไหล่พากันเดินออกไป แม่นาย กับแขไขมองแต่ไม่ห้าม กลับยิ้ม สบตากัน
ดาวเด่นมองพี่สาวที่ดูหน้าตาสบายใจจนผิดสังเกต

ทางด้านคำฝายกำลังต้มจานชามอยู่ หลังจากต้มมานานแล้ว มองไปเห็นสร้อยฟ้ายกจานชามมาอีกกอง คำฝายสุดทนลุกขึ้น
“นี่อีสร้อยฟ้า จานชามที่แกยกมาเนี่ย มันไม่ใช่ของเรือนพักรับรองแล้วนะ”
“ใช่สิ” สร้อยฟ้าบอก
“ใช่ตรงไหน” คำฝายคว้าจานมาใบหนึ่ง “ดู ผุพังกาละมังสังกะสีแบบนี้ แกอย่ามาขี้จุ๊” สาวดอยจอมแก่นคิดปราดเดียว “แก...พวกแกรวมหัวกันทำอะไร แล้วนังป้ารัญจวน นังกำปุ้งแมงมุมพิษอยู่ที่ไหน”
รัญจวน กับกำปุ้งทำเป็นเดินนวยนาดใจเย็นเข้ามา
“ฉันก็ทำงานสำคัญ ทาเล็บให้คุณพี่รัญจวนขาอยู่น่ะสิยะ” กำปุ้งจีบปาก ลอยหน้าว่า
“อย่าให้ฉันจับได้นะว่าแกรังแกเนื้อนาง”
คำฝายมองจ้องแล้ววิ่งจู๊ดออกไปด้วยความเป็นห่วงเนื้อนาง สามคนกรีดหัวเราะไล่หลังอย่างสะใจ
“รีบตามไปช่วยเพื่อนแกเลย นังคำฝาย ดูสิคราวนี้มันจะเหลือหน้าสวยๆ ที่ไหนไว้มองคนอีก”
สามคนหัวเราะสะใจให้กันอย่างพร้อมเพรียง

หนานไตรที่มีธรรพ์ประคองเดินมาตามทางในปาง เห็นคำฝายวิ่งมาจากอีกทาง หนานไตรเห็นก็รีบเรียก
“คำฝาย...เนื้อนางล่ะ”
“เนื้อนางซักผ้าอยู่ที่ลำธาร”
หนานไตรกับธรรพ์สบตากันอย่างไม่สบายใจ ธรรพ์รีบประคองพี่ออกไปกับคำฝายทันที

สามคนเดินมาถึงริมลำธารช่วยกันมองหา คำฝายร้องขึ้น น้ำเสียงตื่นตกใจมาก
“เนื้อนาง”
หนานไตรกับธรรพ์หันตามไป เห็นร่างเนื้อนางนอนสลบ สภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยอยู่ริมลำธาร แทบจะทันทีทันใด หนานไตรผละจากธรรพ์ รีบเข้ามาแกะผ้าปิดตา ช้อนร่างเนื้อนางขึ้นมากอดแนบอก คำฝายมองสภาพแล้ว ตกใจจนตัวสั่น
“เนื้อนาง...เนื้อนาง”
“พาเนื้อนางกลับเรือนก่อน”
หนานไตรเอ่ยขึ้น แล้วจะอุ้มเนื้อนาง แต่ลำบากด้วยความเจ็บที่แผลตรงท้อง ธรรพ์เข้าไปช้อนร่างเนื้อนางแทน
“ผมเอง”
ธรรพ์อุ้มเนื้อนางขึ้นรีบพาไป คำฝายมาช่วยประคองหนานไตรแทนธรรพ์ตามไปติดๆ

ธรรพ์อุ้มเนื้อนางมา หนานไตรกับคำฝายเดินตามมาใกล้ๆ ม่อนดอยกับแสงคำเดินมาจากอีกทาง
แสงคำตกใจ “เนื้อนาง”
สองคนมองตกใจสภาพเนื้อนางในอ้อมอกธรรพ์ หนานไตรมองแล้วบอกเร็ว
“อย่าเพิ่งถามอะไร ไปที่เรือนเนื้อนางก่อน”
ขณะที่ทุกคนกำลังจะไปที่เรือนเนื้อนาง รัญจวน กำปุ้ง และสร้อยฟ้าที่ดักรออยู่แล้วหลังพุ่มไม้ พรวดออกมา สร้อยฟ้าจงใจแหกปากร้องเรียกให้ชาวบ้านมาดู
“ว้าย ตายแล้ว เนื้อนางไปทำอะไรมา เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย”
หนานไตรตวาด “เงียบนะ สร้อยฟ้า”
“ใครทำอะไรเนื้อนาง เจ้าข้าเอ้ย มาดูเร็ว เนื้อนางเป็นอะไรไม่รู้” รัญจวนร้องเสริม
ชาวบ้าน 4-5 คนที่เดินผ่านมา วิ่งมาดู หนานไตรสีหน้าไม่ดี
“เนื้อนางเป็นอะไร ดูสิ ดูสภาพเหมือนกับ หรือว่า...เนื้อนางโดนข่มขืน” รัญจวนพูดกำกวมชวนคิด
คำฝายแว้ดใส่ “หยุดนะ นังป้าปากชั่ว”
ชาวบ้านได้ยืนเสียงเอะอะ กำลังเดินมาสมทบอีก 3-4 คน กะเทยกำปุ้งรีบแหกปาก
“ถูกข่มขืนแน่ๆ อ่อยผู้ชายไม่เว้นแต่ละวัน ดูสิ เสื้อผ้าถูกฉีก ป่นปี้ ป่นปี้หมดเลย”
“ใครไม่หุบปาก กูเตะกลิ้งอยู่ตรงนี้” แสงคำตะโกนก้อง
สามดาวยั่วรีบถอยห่างแสงคำ
“พวกเธอไม่ต้องยุ่ง จะไปไหนก็ไป” ธรรพ์ออกปากไล่
ธรรพ์สั่งเฉียบขาด หนานไตรมองน้อง ธรรพ์รีบพาเนื้อนางออกไป หนานไตรมีคำฝายประคองเดินตาม ม่อนดอย แสงคำรีบตามไปติดๆ
พอพ้นร่างกลุ่มหนานไตร รัญจวนรีบหันไปพูดให้ร้ายเนื้อนางกับกลุ่มชาวบ้านทันที
“เห็นมั้ยน่ะสภาพมัน เสื้อผ้าถูกฉีก เนื้อตัวมันก็ไม่มีทองสักเส้น โจรมันจะขโมยอะไร นอกจาก ความสดความสาว”
กำปุ้งทำเป็นกลัว “กำปุ้งกลัว...กลัวถูกข่มขืนเหมือนเนื้อนาง”
ชาวบ้านพากันหันหน้ามาพูดกันด้วยสีหน้าตกใจ สามคนยิ้มร้ายให้กันทันที

แม่นายกับแขไขกำลังดูผ้าไหมผืนสวยกันอย่างสบายใจ รัญจวนรีบขึ้นเรือนมาหา ทุกคนมอง รัญจวนรีบรายงาน
“เกิดเรื่องอีกแล้วค่ะ เนื้อนางค่ะ เนื้อนางถูกข่มขืนที่ลำธาร”
ดาวเด่นสวนขึ้น “เป็นไปไม่ได้”
“เป็นไปแล้ว ไม่เชื่อถามหนานไตรกับคุณธรรพ์สิคะ หนานไตรกับคุณธรรพ์ เป็นคนไปช่วยเนื้อนางมา”
ดาวเด่นหันไปทางเทพทัต แววตาขอร้อง “พี่หมอ”
“ผมจะไปดูอาการเนื้อนาง”
แม่นายห้ามด้วยสายตา “เป็นหมอรักษาคนงานตั้งแต่เมื่อไหร่ เทพทัต”
“ผมเป็นหมอ ต้องไม่เลือกคนไข้ครับ” เทพทัตบอกด้วยท่าทีนุ่มนวล แต่แววตาจริงจัง “เกิดเรื่องร้ายแรงในปางอย่างนี้ เรานิ่งเฉยไม่ได้นะครับ แม่นาย”
“ดาวจะไปดูให้เห็นกับตา ว่าเรื่องมันเป็นยังไง แล้วจะรีบมารายงานพี่แขกับ” ดาวเด่นจงใจเน้นคำตอนท้าย “คุณแม่นายไงคะ”
เทพทัตออกไปกับดาวเด่น
รัญจวนยิ้มสะใจ จันตาหยิบผ้าไหมบนโต๊ะส่งให้รัญจวน
“รางวัลของแก จากแม่นาย”
รัญจวนก้มลงกราบแม่นาย “ชั่วชีวิตนี้รัญจวนเต็มใจ มอบกายถวายชีวิต ทำทุกอย่างเพื่อแม่นายเจ้าค่ะ”
“ไปได้แล้ว รีบไปโพนทะนาเรื่องเนื้อนางถูกข่มขืน ให้รู้กันกระฉ่อนทั้งปาง” จันตาบอก
รัญจวนคลานออกไปพร้อมผ้าไหมในมือ
แขไขหันมาถามแม่นาย
“ทำไมถึงไม่ให้คนงานจับตัวเนื้อนางไปข่มขืนจริงๆ ซะเลยละคะ”
“ว้าย...หน้าสวยใจเสือ จันตาชอบเจ้าค่ะ”
“ใครจะลงมือให้เรา คนงานที่นี่เป็นพวกมันทั้งนั้น จะกำจัดศัตรูก็ต้องใช้คนที่เกลียดมันสิ”
แม่นายเยื้อนยิ้มมองแขไข
“แล้วน้าก็ไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกนะ หนูแข เราต้องไม่ใช่คนที่ทำลายเนื้อนางเดี๋ยวมันจะเป็นบาปเป็นกรรมตกกับเรา ปากคนที่นี่ต่างหากที่จะฆ่าเนื้อนางให้ตายทั้งเป็น ทีนี้ลูกชายน้าก็จะได้เลิกหลงผู้หญิงมีราคีอย่างนั้นสักที”

แม่นายยิ้มมีความสุขที่ทำลายเนื้อนางได้อย่างที่วางแผน โดยยืมมืดสามดาวยั่วประจำปางที่เกลียดเนื้อนางเข้าไส้

ฝ่ายธรรพ์วางร่างเนื้อนางลงบนเสื่อ หนานไตร กับคำฝายมองดูอาการใกล้ชิด หมื่นหล้าวิ่งเข้ามา มีแสงคำตามหลัง

“หลานข้าเป็นอะไร”
ทุกคนมองสภาพเสื้อผ้าฉีกขาดของเนื้อนางแล้วไม่กล้าพูด คำฝายรีบเอาผ้าห่มปิดให้เนื้อนาง
“ข้าถามว่าใครทำอะไรหลานข้า”
“เราไปเจอเนื้อนางที่ลำธาร ฉันกับหนานไตรช่วยพาเนื้อนางมาที่นี่” ธรรพ์บอก
หมื่นหล้ามองสภาพเนื้อนางแล้วคำรามออกมา
“ใครที่มันทำหลานกู กูจะฆ่ามันทั้งโคตร”
หนานไตรกับธรรพ์ฟังด้วยสายตาวิตก กลัวว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับแม่นาย แสงคำมองไปด้านนอกเรือนแล้วเอ่ยขึ้น
“ชาวบ้านแห่กันมาทำไม”

ชาวบ้านผู้ใหญ่หลายคนพากันมามุงอยู่ที่หน้าเรือน ม่อนดอยกำลังโบกมือไล่
“ไป ไป กลับบ้านไป..มากันทำไม”
เทพทัต และดาวเด่นวิ่งมาสมทบ
“เนื้อนางเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ฟื้นเลย” ม่อนดอยบอก
“ให้หมอเข้าไปดูก่อน” ดาวเด่นว่า
ธรรพ์ หมื่นหล้า แสงคำก้าวออกมา ชาวบ้านหญิงวัยกลางคนพอเห็นหมื่นหล้าก็ตะโกนถาม
“เนื้อนางมันถูกข่มขืนจริงๆเหรอ ตาหมื่นหล้าW
ชาวบ้านฮือฮา หมื่นหล้าหน้าเสีย ดาวเด่น กับเทพทัตมองเห็นใจหมื่นหล้า
“ไม่จริง ใครวะปากหมา รู้เร็วยิ่งกว่าไฟลามป่าอีกนะ ไอ้เรื่องชั่วๆเนี่ย” แสงคำมองกราดไปยังชาวบ้าน
“เรื่องจริงก็ต้องบอกกันนะ เราจะได้ช่วยกันจับโจร เดี๋ยวมันจะมาข่มขืนลูกหลานเรา” หญิงชาวบ้านบอกอีก
“ไป ออกไปให้หมด กูบอกให้ไป” หมื่นหล้าตะเพิด
“ให้หมอดูอาการเนื้อนางก่อนเถอะนะ หมื่นหล้า” ดาวเด่นเอยขึ้น
เทพทัตบอก “ผมตรวจไม่กี่นาที ก็รู้แล้วนะครับ ว่าเนื้อนางถูกทำร้ายจริงหรือเปล่า”
“ไม่ต้อง อย่ามายุ่งกับหลานข้า ไม่ต้องตรวจอะไรทั้งนั้น แค่นี้เนื้อนางมันก็ย่อยยับ ไม่เหลือชิ้นดีเพราะปากคนแล้ว”
หมื่นหล้าแค้นจัด คว้ากระบวยน้ำที่หม้อดินปาลงไปใส่ เทพทัต ดาวเด่นกับชาวบ้านพากันถอย
“กลับกันไปก่อน”
ธรรพ์มองขอร้องทุกคน หมื่นหล้าหันกลับเข้าห้อง แสงคำมองดาวเด่นตาขวาง
“ไปซะ ไปจากที่นี่เลยยิ่งดี ตั้งแต่พวกเธอมา ปางนี้ก็มีแต่ความซวย”
“ฉันไม่เกี่ยวนะ นายควาญช้าง”
แสงคำไม่ฟังเข้าเรือนไป ดาวเด่นมองตาม เสียใจที่โดนแสงคำด่าไปด้วย

หนานไตรมองเนื้อนางตาไม่กะพริบ คำฝายกำลังเช็ดเนื้อตัวเนื้อนาง หมื่นหล้าเข้ามาใกล้หลาน แสงคำนั่งอยู่ด้านหลัง ธรรพ์ตามเข้ามา เนื้อนางรู้สึกตัวลืมตาขึ้น
“เนื้อนาง”
เนื้อนางมองไปที่ทุกคน แล้วบอกขึ้น
“มีคน 2 คน มันปิดตาเนื้อนาง”
คำฝายซัก “ผู้หญิงใช่มั้ย”
“ไม่เห็น ...เนื้อนางยังไม่ทันเห็น”
ทุกคนเงียบกริบจนเนื้อนางสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น พวกไหน พี่คำฝาย...ใครทำเนื้อนาง”
คำฝายบอกว่า “เรายังไม่รู้ แต่ชาวบ้านสงสัย”
หมื่นหล้าปราม “อีคำฝาย”
คำฝายหยุดไป เนื้อนางยิ่งสงสัย
“ชาวบ้านสงสัยอะไร”
เนื้อนางมอง ผู้ชายทุกคนไม่กล้าตอบ คำฝายทนไม่ไหว
“โอ๊ย จะเงียบทำไม ออกจากเรือนไป เนื้อนางก็ต้องรู้จากปากคนอื่น พวกชาวบ้านมันหาว่าเนื้อนางถูกข่มขืน”
เนื้อนางตกใจร้องปฏิเสธขึ้นมาทันที “ไม่จริง เนื้อนางต้องรู้ตัวสิ ... เนื้อนางไม่ได้ถูกข่มขืนนะจ๊ะ ตา”
“ช่างมัน เนื้อนาง ใครจะเข้าใจยังไง ก็เรื่องของมัน ความจริงอยู่กับตัวเรา” หมื่นหล้าปลอบหลาน
เนื้อนางมองหนานไตรหน้าเศร้า หนานไตรยิ้มให้โดยไม่มีความรังเกียจใดๆ
“เนื้อนางพักเถอะครับ อย่าเพิ่งออกไปไหน หมื่นหล้าใจเย็นๆ นะครับ เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เอง”
หนานไตรมองแสงคำ แล้วลุกขึ้น ธรรพ์พยุงหนานไตรเดินออกไปด้านนอกมี แสงคำเดินตาม ปล่อยให้เนื้อนางได้อยู่กับหมื่นหล้าและคำฝาย
เนื้อนางมองตามหนานไตรด้วยสายตาขอบคุณ

ธรรพ์พยุงหนานไตรออกมา แสงคำตามมาทางด้านหลัง ถามขึ้นเสียงขุ่น
“พวกแม่นายใช่มั้ยที่ทำร้ายเนื้อนาง”
หนานไตร และธรรพ์หันมองแสงคำทันที
“นายไม่มีหลักฐาน อย่าพาลถึงแม่นาย”
แสงคำย้อน “หลักฐาน! คนเมืองนี่มันเอาตัวรอดกันเก่งจริงๆ หลักฐานคือพอแม่นายเหยียบเข้าปาง ก็เกิดเรื่องทำร้ายเนื้อนาง”
“อย่าเดามั่ว แม่นายไม่เกี่ยว” หนานไตรปราม
“ไม่มีใครกล้าทำกับเนื้อนางขนาดนี้หรอก เรื่องคราวนี้มันต้องมีคนรับผิดชอบ” แสงคำบอก
“หยุด แสงคำ เรื่องทั้งหมดในปาง ฉันมีหน้าที่ดูแล” หนานไตรขึ้นเสียง
“แกจะดูแลใครได้ หนานไตร เนื้อนางถูกรังแกกี่ครั้งแล้ว รู้ไว้เลยนะ ใครรังแกเนื้อนาง ฉันยอมติดตาราง ข้อหาฆ่ามัน”
แสงคำจ้องตาหนานไตร แล้วเดินออกไปด้วยสีหน้าโกรธจัด หนานไตรกับธรรพ์มองแล้วยิ่งกังวลเป็นทวี

แม่นายศรีวัลลา และแขไขกำลังดูกำไลเงิน เครื่องประดับ หัวเราะชอบใจกันอย่างมีความสุข มีจันตาคอยเสิร์ฟน้ำชา
ดาวเด่น เทพทัตมองอยู่อย่างไม่สบายใจ หนานไตรที่มีธรรพ์พยุงก้าวขึ้นเรือนมา พูดเสียงเข้ม
“อย่าคิดว่าคนที่นี่จะไม่รู้นะครับ ว่าแม่นายสั่งให้ทำอะไรกับเนื้อนาง”
“ฉันสั่งอะไร” แม่นางย้อนเสียงขุ่น
“แม่นายสั่งคนไปทำร้าย ตบตี พูดจาใส่ร้ายเนื้อนางหรือเปล่าครับ”
จันตาตอบแทน “แม่นายไม่เกี่ยว คุณแขก็ไม่เกี่ยว ถ้าไม่มีพยาน ก็อย่าหาเรื่องกันสิคะ”
“คนที่นี่ไม่ต้องการพยาน เค้ามีสองมือ สองเท้า พร้อมจะเอาคืนทุกคนที่ทำเค้าเจ็บ” หนานไตรบอก
“บ้านเมืองมีขื่อมีแป เรามีตำรวจนะคะ” จันตาโต้
“ตำรวจอาจจะมาถึงตอนที่เราตายไปแล้ว” หนานไตรว่า
แขไขนึกฉุน “พี่ไตรไม่ต้องมาขู่”
“นี่ไม่ใช่คำขู่ของผม คิดว่าเนื้อนางเค้าไม่มีหัวจิตหัวใจ ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีคนในปางรักเอ็นดูเค้าเลยหรือครับ ถึงได้ทำเหมือนเค้าไม่ใช่คน...เราเป็นนายแต่เราไม่มีสิทธิ์ทำร้ายคนงานเพราะความโกรธ เกลียด”
แม่นายลุกขึ้นด้วยความโกรธ “แกเห็นผู้หญิงต่ำต้อยคนนั้นดีกว่าแม่หรือไง”
“ผมไม่เคยเห็นใครดีกว่าแม่ ไม่เคยเลยที่จะไม่เคารพรักแม่ แต่คนอื่นที่นี่เค้ากำลังเห็นแม่นายเป็นนายจ้างที่เหี้ยมโหด ไร้เมตตา แล้วถ้าความอดทนของพวกเค้าสิ้นสุดลงวันไหน”
แม่นายแหวขึ้นมา “ใคร! บอกมา ชั้นจะไล่มันออก”
“นายจ้างที่หมดลมหายใจ จะไล่คนงานคนไหนออกได้อีกหรือครับ”
หนานไตรพูดนิ่ง แววตาจริงจัง แม่นาย แขไข และจันตากลืนน้ำลายเริ่มหวาดกลัว

ตกตอนเย็น เนื้อนางมองคำฝายกับหมื่นหล้า ยืนยันหนักแน่น
“เนื้อนางไม่ได้ถูกข่มขืนนะจ๊ะ”
หมื่นหล้ามีสีหน้าวิตก เนื้อนางกุมมือตา
“เชื่อเนื้อนางเถอะ”
“ถึงตาเชื่อเจ้า แต่คนทั้งปาง...ป่านนี้ มันคงนินทากันสนุกปาก”
“ใครนินทา ฉันจะไปตบปากมันเรียงตัว”
คำฝายพูดด้วยความแค้นเคือง เนื้อนางเสียใจที่ตนสร้างปัญหาอีกแล้ว
“เนื้อนางหาแต่เรื่องให้ตาเสียใจ”
“ไม่ใช่เจ้าหรอก เนื้อนาง ไอ้คนเมืองที่มันใจโหดใจเหี้ยม ไม่เห็นใจพวกเราต่างหาก ใช่ว่าตาจะนิ่งเฉย ไม่รู้ไม่เห็นว่ามันเกลียดเจ้าแค่ไหน แต่ก่อนแต่ไรอยู่กันมา รัญจวนมันไม่เคยกำแหง กล้าทำร้ายเจ้า จนกระทั่งพวกแม่นายเข้ามาในปาง”
เนื้อนางมองหมื่นหล้าเห็นแววตาเจ็บแค้น แล้วนึกหวั่นใจความโกรธของผู้เป็นตา

บนเรือนรับรองตอนนี้ แม่นายหันมาสั่งธรรพ์ด้วยเสียงเด็ดขาด สีหน้าเดือดดาล ต่อหน้าทุกคน
“ไล่ควาญช้างพวกนี้ ออกไปให้หมด อย่าให้มันอยู่ที่นี่อีก”
“ถ้าไล่มันตอนนี้ เกิดพวกมันทำเหมือนที่คุณณไตรบอก...พากันยกพวกมาฆ่าเราก่อนละคะ”
จันตาพูดด้วยความกลัว แม่นาย แขไขหน้าตาตื่น
“พวกเค้าทุกคนไม่ใช่คนโหดเหี้ยมนะครับ” ธรรพ์แย้ง
แขไขก็คิดแบบเดียวกับจันตา “ไว้ใจได้ที่ไหน เกิดพวกมันล้อมเราจริงๆ เราแค่ 5-6 คน มือเปล่าจะสู้กับไอ้คนป่าเถื่อนพวกนี้ได้ยังไง”
ดาวเด่นเอ่ยขึ้น “อย่าตื่นตูมนักเลย พวกเค้าไม่ทำอะไรเราหรอก”
“อย่าประมาทนะครับ หมื่นหล้าเป็นหัวหน้าควาญที่นี่ แล้วเนื้อนางก็เป็นหลานสาวคนเดียวของเค้า วันนี้เราก็เห็นว่าหมื่นหล้าโกรธมาก” เทพตัตพูดชวนคิด
“เกิดมันเอาช้างมาเหยียบพวกเรา ว้าย ไม่เอานะคะ ลิ้นห้อย ตับแตก ศพไม่สวย” จันตาว่า
แม่นายมีสีหน้าเครียด วิตกขึ้นมาทันที
“จันตา ไปเก็บของ ธรรพ์ ไปตามพี่ชายแกมา เราจะออกจากปางวันนี้ แล้วค่อยไล่ เฉดหัวพวกควาญช้างออกไปให้หมด”

จันตาลนลานเข้าห้องไป

สองพี่น้องคุยกันอยู่ หนานไตรหันขวับมองธรรพ์ที่มาตาม

“ไล่ควาญช้างที่เค้าไม่มีความผิดอะไรเลย”
“ค่อยคิดแก้ปัญหานั้นอีกทีแล้วกันครับ ตอนนี้พี่กลับไปกับพวกเราก่อน”
“ฉันไม่กลับ”
ธรรพ์กล่อม “พี่ครับ อย่าขัดใจแม่นายอีกเลยนะครับ แค่นี้เรื่องมันก็บานปลายเลยเถิดเกินไปแล้ว”
“บานปลายเพราะใคร แขไขกับแม่นายใช่มั้ย แล้วแกก็จะให้ฉันกลับบ้าน ไม่รับผิดชอบในสิ่งที่แม่นายกับแขไขก่อไว้กับคนที่นี่ ก่อไว้เนื้อนางเลยเหรอ ธรรพ์” หนานไตรย้อนแย้ง
“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะพี่ขัดใจแม่นายมาตั้งแต่แรก”
หนานไตรเสียงแข็ง “ไม่ใช่ แม่นายไม่มีความยุติธรรม ไม่เคยมองเห็นความดีของเนื้อนางแกกลับไปซะธรรพ์ รีบพาผู้หญิงออกไปก่อน”
ธรรพ์จนปัญญาที่จะขอร้องพี่ชายอีกต่อไป
“นี่คือปางที่คุณปู่สร้างมากับมือ ฉันต้องแก้ไขปัญหาที่แม่นายก่อไว้ ฉันจะไม่มีวันทิ้งปางนี้ไปไหนทั้งนั้น”

ขณะนั้น แสงคำเดินขึ้นเรือนมา เนื้อนางกำลังกินข้าวต้มที่คำฝายป้อน แสงคำมองเนื้อนางสงสารจับใจเอ่ยขึ้นว่า
“อย่าอยู่ที่นี่อีกเลย เนื้อนาง”
หมื่นหล้าเดินออกมาได้ยินก็ถามขึ้น
“เอ็งเป็นอะไร แสงคำ ถึงมาชวนหลานข้าออกไปจากปาง”
“จะอยู่ให้พวกมันรังแกทำไม ไปทำงานที่ปางอื่นก็ได้ ฉันจะพาทุกคนออกไปเอง”
“อ้ายแสงคำ เนื้อนางรู้ว่าอ้ายเป็นห่วง แต่เราอยู่ที่นี่มานานแล้ว”
“ที่เนื้อนางไม่ไปเพราะไอ้หนานไตรใช่มั้ย”
คำฝายฉุน “ถ้าจะมาพูดจากวนโมโห ก็ไว้วันหลังนะ เนื้อนางเพิ่งจะหายตกใจ”
แสงคำมองหมื่นหล้า “ฉันไม่อยากเห็นเนื้อนางถูกรังแกอีก ฉันสัญญา ฉันจะดูแลทุกคนอย่างดี ถึงเนื้อนางจะไม่รักฉัน”
ท้ายคำนี้ แสงคำทอดสายตามองไปที่เนื้อนางนัยน์ตาหมองจัด เนื้อนางนึกสงสาร
“แต่ฉันก็ยังรักเนื้อนาง รักทุกคนที่นี่ ฉันกำพร้า ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ มีแต่พ่ออุ๊ยหมื่นหล้าที่ให้วิชา สอนฉันให้เป็นคน มีเนื้อนาง มีคำฝาย ฉันทนไม่ไหวอีกแล้วถ้าใครจะมารังแกคนที่ฉันรัก”
แสงคำมองทุกคนแล้วหันหลังออกไป หมื่นหล้า กับเนื้อนางมองตามด้วยความสงสาร
“ไอ้แสงคำมันก็พูดถูก” หมื่นหล้าหันมามองเนื้อนาง นึกสะท้อนใจ “เจ้าถูกรังแกไม่หยุดไม่หย่อน วันไหนถ้ามันลงมือหนักหนาถึงชีวิต ตาจะทนอยู่ได้ยังไง”
“เนื้อนางดูแลตัวเองได้จ้ะ ตา เนื้อนางจะระวังกว่านี้”
“ฉันจะช่วยดูแลเนื้อนาง ไม่ห่างไปไหนแล้ว ฉันสัญญา สาบานเลย อย่าไปไหนเลยนะ พ่ออุ๊ย อยู่ที่นี่เถอะ” คำฝายก็ไม่อยากไป
หมื่นหล้าลุกขึ้น มองอย่างตัดสินใจ “ข้าก็ไม่อยากไปหรอกนะ ข้ารับใช้ บุกเบิกปางนี้มาตั้งแต่รุ่นพ่อเลี้ยงอินถา นึกแต่ว่าคงได้ตายอยู่ที่นี่ แต่ในเมื่อมีนายที่ใจไม่เป็นธรรม”
หมื่นหล้าหันมามองเนื้อนางอย่างแสนรักและหวงแหน
“ข้าก็ขอไปตายเอาดาบหน้า ดีกว่าจะต้องเห็นหลานถูกรังแกอีก เริ่มเก็บของได้แล้ว ข้ากับแสงคำได้งานที่ปางใหม่เมื่อไหร่ เราจะไปจากที่นี่”
หนานไตรเดินออกไป คำฝายทิ้งตัวหมดแรง เนื้อนางใจหายวาบ รำพึงออกมา
“ไปจากปางหิมวัต”

หลังมื้อเช้าวันนี้ หนานไตรเรียกคนงานมารวมตัวกันที่โรงอาหารในปาง หนานไตรยืนอยู่ท่ามกลางคนงานทั้งหมด ประกาศด้วยเสียงดังฟังชัด
“ต่อไปนี้ถ้าใครในปาง มีเรื่อง ก่อเรื่องทะเลาะกัน” หนานไตรเหลียวมองไปยังกลุ่มรัญจวน แววตาคมกริบ “ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง”
ทั้งสามคนหนาวๆ ร้อนกับสายตาเอาเรื่องของหนานไตร
“โทษสถานเดียวคือ ไล่ออก”
ทุกคนเงียบกริบ มองหนานไตร

ขณะที่เนื้อนางกับคำฝายกำลังพับผ้าที่ราว แสงคำกับหมื่นหล้าที่ออกไปหางานแต่เช้ามืด เดินเร็วรี่เข้ามาหา
“เนื้อนาง แสงคำมันมีข่าวดีมาบอก” หมื่นหล้ายิ้มบอกหลาน
“พ่ออุ๊ยกับฉันได้งานที่ปางใหม่แล้ว” แสงคำบอกใบหน้ายิ้มแย้ม
เนื้อนางใจหายวาบ ผ้าที่ถือหล่นจากมือ พอหมื่นหล้า แสงคำมองมาเนื้อนางรีบก้มเก็บ
“เจ้าสองคนรีบเก็บข้าวของซะ เดี๋ยวบ่ายเราจะไปจากที่นี่”
เนื้อนางมองหน้าคำฝายด้วยสีหน้าตกใจพอกัน

ทางฝ่ายหนานไตรกำลังกวาดตามองคนงานทุกคน
“คนงานที่นี่ทุกคนต้องรัก สามัคคีกัน อย่าให้ใครมายุแหย่ แบ่งฝักแบ่งฝ่ายจนแตกแยก ถ้าผมรู้ .. ผมจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”
สร้อยฟ้าเย้ยเยาะ “หนานไตรเป็นแค่ผู้จัดการปาง”
รัญจวนเสริม “ถ้าแม่นายสั่ง เราก็ต้องทำตาม เพราะแม่นายเป็นเจ้าของปาง ใหญ่กว่าผู้จัดการอย่างหนานไตร”
ชาวบ้านแบ่งเป็นสองกลุ่ม ทั้งพยักหน้าเห็นด้วยและส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับรัญจวน หนานไตรกอดอกมองใจเย็น ปล่อยให้พวกรัญจวนพูดพล่ามกันไป
กะเทยกำปุ้งเอ่ยขึ้น “ไหน...ใครรับเงินเดือนจากหนานไตร ไม่มี๊..เพราะหนานไตรก็รับเงินเดือนมาจากแม่นายอีกที”
กำปุ้ง และสร้อยฟ้าหน้าเชิดตามลูกพี่ หนานไตรมองจ้อง
“พวกเรารับคำสั่งจากแม่นาย แม่นายเกลียดใคร เราก็เกลียดด้วย” รัญจวนบอก
“แม่นายมาลากไม้ ทำไม้กับพวกแกด้วยหรือเปล่า อีป้า” ม่อนดอยยัวะ
ถูกเรียกป้า รัญจวนโกรธ “ไอ้ม่อนดอย ฉันไม่ใช่พี่สาวแม่แก แหม...คิดตีสนิทกับผู้จัดการ หวังจะได้ขึ้นเงินเดือนเร็วๆ ล่ะซี้ เอ็งมันเข้าผิดทางแล้วล่ะเว้ย”
สามดาวยั่วขี้อิจฉาหัวเราะร่า รัญจวนขยับเดินมาใกล้หนานไตร อย่างท้าทาย
“จะบอกให้นะ หนานไตร อย่าคิดจะมาสั่งคนของแม่นายอย่างชั้น”
“และชั้น” สร้อยฟ้าบอก
กำปุ้งปิดท้าย “และชั้น”
หนานไตรยังยิ้มอดทน
“เพราะเราจะเชื่อฟังคำสั่งเจ้าของปางเท่านั้น” รัญจวนบอกอีก

2 สาวแท้ 1 สาวเทียมหัวเราะเยาะ เดินลอยหน้า เท้าสะเอวออกไป

คนงานที่เหลือมองหนานไตรเป็นตาเดียวกัน

“มีใครจะตาม 3 คนนั่นออกไปอีกมั้ย”
คนงานหลายคนมองกัน แล้วตัดสินใจไม่ไป
“ที่เหลือแสดงว่าทุกคนยอมรับคำสั่งของผมใช่มั้ย ใครมีปัญหา ก้าวออกมาเลย”
คนงานทุกคนยืนอยู่กับที่ หนานไตรยิ้มมองทุกคน
“ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานกันเหมือนเดิม วันนี้ขอบคุณมาก ไปทำงานกันได้เลยครับ”
คนงานพากันแยกย้าย หนานไตรมองม่อนดอยที่เดินมาใกล้
“แล้วจะเอายังไงกับแก๊งผีก๊ะ 3 ตัวนั้น” คำฝายถาม
หนานไตรหันไปมองทางที่รัญจวนเพิ่งเดินออกไป

บนเรือนสำนักงานไม่นานต่อมา ม่อนดอยส่งซองเงินให้ตรงหน้ารัญจวน สร้อยฟ้า และกำปุ้ง หนานไตรที่ยืนอยู่ด้วย พูดขึ้น
“เงินเดือนเดือนสุดท้าย รับแล้วก็รีบออกไปจากปางซะ”
รัญจวนโกรธมาก “ไอ้หนานไตร แกกล้าไล่ฉัน”
สร้อยฟ้าว่า “และชั้น”
กำปุ้งบอก “แล้วก็ชั้น”
ม่อนดอยบอก “ต้องให้ไล่ซ้ำมั้ย”
รัญจวนรีบคว้าเงิน “เงินน่ะเอา แต่ไม่ไปโว๊ย ฉันคนของแม่นาย ผู้จัดการไม่มีสิทธิ์ไล่”
“ที่ปางนี่ผมเป็นใหญ่ ผมมีสิทธิ์ไล่คนงานที่ทำความเดือดร้อน ก่อกวน ขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของปาง” หนานไตรว่า
ม่อนดอยเสริม “อยากรับใช้แม่นาย ก็ไปทำงานที่บ้านแม่นายสิวะ”
“ไปซะ อย่าให้ผมต้องสั่งคนงานจับตัวโยนออกไป”
หนานไตรว่า พลางจ้องหน้าครู่หนึ่ง แล้วเดินห่างไม่อยากเข้าใกล้ รัญจวนเต้นเร่าๆ
“ฉันจะฟ้องแม่นาย”

อีกฟาก ที่มุมหนึ่งในบ้านหิมวัต แม่นายยืนหน้าตาเคร่งเครียดอยู่ตรงนั้น มีแขไขยืนข้างๆ
“เรากลับมาแบบนี้เท่ากับเปิดโอกาสให้เนื้อนางมันเข้าใกล้พี่ไตรหรือเปล่าคะ”
“หรือเธอกล้าอยู่ให้พวกควาญช้างมันมาทำมิดีมิร้าย”
“แขแค่เป็นห่วง เนื้อนางมันเจ้าเล่ห์ ชอบทำมารยาสาไถย เกิดพี่ไตรอยู่ที่นั่น พลาดพลั้งให้มันจับเอาได้ คุณน้าต้องมีลูกสะใภ้เป็นผู้หญิงจนๆ นะคะ”
แขไขแหย่ แล้วเดินออกไป แม่นายฟังแล้วยิ่งโมโห
วันดีเดินเข้ามา จันตายืนกร่างประกบ
“แม่นายให้ตามฉันเหรอคะ”
“อินถามันใกล้ตายหรือยัง” แม่นายถาม
“พ่อเลี้ยงอาการทรงๆ ค่ะ”
“ทำไมแกไม่ปล่อยให้มันตาย ให้ข้าวให้น้ำ ให้ยามันทำไม”
“แม่นาย...คุณณไตรฝากให้ฉันดูแลพ่อเลี้ยงนะคะ”
แม่นายบันดาลโทสะพุ่งเข้าไปตบหน้าวันดีทันที วันดีตะลึง จันตายิ้มสะใจ
“แกไม่ต้องเอาลูกชายฉันมาอ้าง ต่อไปนี้นี่คือคำสั่งของฉัน ไม่ต้องไปดูแลอินถามันอีก”
วันดีทักท้วง “ไม่ได้หรอกค่ะ ท่านต้องกินยาทุกมื้อ”
จันตาเข้ามาจับวันดีมือไพล่หลัง แม่นายจ้องตาวันดี
“ฉันอยากให้ไอ้แก่นั่นมันตายๆ ไปซะ ลูกชายฉันจะได้เลิกสนใจไอ้ปางไม้บ้า แล้วกลับมาอยู่บ้านหลังนี้”
จันตาสอพลอ “สงสัยนังวันดีมันอยากไปอยู่ที่ปางไม้นั่นแทนละมั้งคะ แม่นาย คงจะอยากอยู่กลางป่ากลางดอย มีผัวเป็นควาญแก่ๆ ทั้งโขยง”
วันดีมองเห็นแม่นายเหยียดยิ้ม แววตาวาววับร้ายกาจแล้วนึกกลัว
“อย่าส่งฉันไปทำงานที่อื่นเลยนะคะ แม่นาย”
“แกก็ต้องเชื่อฟังฉัน นังวันดี ฉันคนเดียวที่จะชี้เป็นชี้ตายคนบ้านนี้ทุกคน”
แม่นายผลักหัววันดี จันตาเหวี่ยงร่างวันดีไถลไปกับพื้น
แม่นายยิ้มเยาะเดินออกไป จันตาเดินตามหน้าเชิด วันดีลุกขึ้นทั้งน้ำตา

วันดีเดินออกมาหลบสะอื้น เช็ดน้ำตาอยู่มุมหนึ่ง ธรรพ์เดินผ่านมาเห็น ก็ตรงเข้ามาใกล้
“ใครทำอะไรป้าวันดีครับ”
วันดีหันมาเห็นธรรพ์ที่มองห่วงใยก็รีบเช็ดน้ำตา
“ไม่มีค่ะ ไม่มีอะไร”
“มีสิครับ ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยเห็นป้าวันดีร้องไห้เลยสักครั้ง”
“โถ...พ่อคุณของป้า”
วันดีจับแขนธรรพ์ มือสั่นเทาด้วยความดีใจ ธรรพ์แตะมือวันดี ยิ้มอ่อนโยน
“มีอะไร ป้าบอกผมสิครับ”
“คุณธรรพ์พอจะช่วยอะไรป้าสักอย่างได้มั้ยคะ”
วันดีมองธรรพ์เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนระบายเต็มหน้า

ธรรพ์ถือถาดข้าวต้มเข้ามาในห้องปู่ วันดีแอบมองอยู่หลังประตูที่เปิดแง้มอยู่ พออินถาหันมาเห็นธรรพ์ก็ชักสีหน้าใส่
“วันดีไปไหน”
“ผมขอมาดูแลคุณปู่แทนป้าวันดีเองครับ”
ธรรพ์นั่งลง จะป้อนข้าวปู่ อินถาโบกมือไล่
“ฉันไม่กิน”
“สักนิดนะครับ คุณปู่ วันนี้ข้าวต้มกุ้งน่าทานมาก”
“บอกว่าไม่กิน แกออกไปให้พ้นๆ หน้าฉัน ไอ้ธรรพ์”
อินถาปัดชามข้าวอย่างแรง ข้าวต้มหกรดเสื้อ กระเด็นใส่หน้าธรรพ์ วันดีที่แอบมองอยู่ตื่นตกใจ
“แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
“ครับ คุณปู่”
อินถาหันหลังให้ทันที ธรรพ์ตอบรับด้วยสีหน้าเศร้า

ธรรพ์เดินออกมายืนพิงผนัง แววตาหม่นหมอง วันดีรีบเข้ามาหา
“โธ่ คุณธรรพ์ ป้าทำให้คุณเดือดร้อนแท้ๆ”
วันดีปัดข้าวที่ติดเสื้อให้ ธรรพ์จับมือวันดีออก ยิ้มเศร้า
“ไม่เป็นไรครับป้า ผมชิน คุณปู่ท่านไม่ค่อยชอบหน้าผมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“คุณธรรพ์อย่าโกรธพ่อเลี้ยงเลยนะคะ”
ธรรพ์ฝืนยิ้ม “ไม่หรอกครับ ผมจะโกรธคุณปู่ได้ยังไง”
“พ่อเลี้ยงท่านฝังใจแต่เรื่องให้คุณณไตรไปทำงานในปางแทนท่าน ทั้งๆ ที่ป้าว่าคุณธรรพ์ก็ทำได้เหมือนกัน”
“ไม่จริงเลยครับ ป้าวันดี ใครๆก็รู้ ผมไม่เก่งเท่าพี่ไตร ผมทำงานในปาง ไม่ได้แน่ๆ คุณปู่ท่านก็คงผิดหวัง เลยไม่ค่อยอยากเห็นหน้าผม”
ธรรพ์ยิ้มเศร้าๆ วันดียิ่งมองด้วยสายตาสงสาร
“คนที่จะสืบทอดทุกอย่าง เป็นความหวังของคุณปู่ได้ คือพี่ไตรคนเดียวเท่านั้น”

ส่วนในปางตอนนี้ หนานไตรมาดูคนงานกำลังลับเครื่องไม้เครื่องมือ เตรียมไปตัดไม้ เหลียวมองหาแต่ไม่เห็นแสงคำ
“แสงคำหายไปไหน” หนานไตรเดินเข้าไปถามคนงานคนหนึ่ง “เห็นแสงคำมั้ยครับ”

ตามทางเดินทอดยาวด้านหน้าปาง เนื้อนาง คำฝาย แสงคำ และหมื่นหล้า เดินถือข้าวของแค่ห่อผ้าติดตัวกันมา เนื้อนางเดินรั้งท้าย หันหลังทอดสายตามองกลับไปในปาง
หมื่นหล้าหันมาเห็น รู้อารมณ์หลานสาวว่าคงกำลังคิดถึงหนานไตร ก็พูดขึ้น
“เดินเร็วๆ ไม่มีอะไรที่นี่ต้องอาลัยอาวรณ์กันอีกแล้ว”

เนื้อนางเหลียวไปมองหมื่นหล้ากับแสงคำที่หยุดรออยู่ ด้วยสายตาหมองเศร้า โศกศัลย์สุดจะประมาณ

อ่านต่อหน้า 2

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 6 (ต่อ)

หนานไตรมาหยุดยืนอยู่หน้าเรือนเนื้อนาง ตะโกนเรียกหาแสงคำ โดยคิดว่าควาญหนุ่มอยู่ที่นี่

“แสงคำ...แสงคำ” ในเรือนเงียบ หนานไตรตะโกนซ้ำ “คำฝาย...เนื้อนาง...เนื้อนางครับ”
ไม่มีใครตอบ หนานไตรจะเดินขึ้นบันไดเรือน ม่อนดอยวิ่งกระหืดกระหอบมา บอกลิ้นห้อยว่า
“หน้าปาง”
“อะไร ม่อนดอย... หน้าปางมีอะไร”
“เนื้อนางกำลังจะออกไปจากปางแล้ว”
หนานไตรได้ยินก็โลดแล่นออกไปทันที

เนื้อนางยืนสีหน้าเศร้า จนคำฝายอดรนทนไม่ไหว หันไปทางหมื่นหล้า
“เราจะไม่บอกหนานไตรหน่อยเหรอ”
“บอกสิ” เนื้อนางใจชื้นหันมามองตา ชายชราบอกว่า “แต่ข้าจะกลับมาบอกเองวันหลัง ตอนนี้ออกจากปางกันก่อน”
“ไปเถอะ อ้ายนัดรถไว้ที่ทางสามแพร่งข้างหน้า”
เนื้อนางทอดสายตามองกลับไปในปางอีกที คำฝายเดินมากุมมือเนื้อนางอย่างเข้าใจ เนื้อนางกลั้นน้ำตาตัดใจพูดขึ้นว่า
“ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว...ไปกันเถอะ พี่คำฝาย”
เนื้อนางหันหลังเดินออกไป แต่คำฝายยังเดินอ้อยอิ่ง หมื่นหล้าเร่ง
“นังคำฝาย เอ็งจะคลานไปใช่มั้ย ข้าจะได้ทิ้งไว้ที่นี่”
คำฝายสะบัดหน้า ไม่พอใจแต่พูดอะไรไม่ได้
เนื้อนางกำลังก้าวไปข้างหน้าทางออกปางแล้ว กลั้นน้ำตาที่ปริ่มเต็มตา ตัดใจทิ้งภาพปางไว้เบื้องหลัง

หนานไตรวิ่งทะยานมาจนแผลถูกยิงกระเทือน เขาเอามือกุมท้อง เห็นเลือดซึมจากแผลไหลออกมาผ่านเสื้อติดบนฝ่ามือ หนานไตรสูดลมหายใจ อดทนเจ็บ
“เนื้อนาง”
หนานไตรกัดฟันวิ่งไปอีกแค่สองสามก้าว ก็เจ็บจนล้มลง คลุกฝุ่น หนานไตรกุมท้อง เลือดซึมออกมาอีก
หนานไตรมองทางแล้วลุกขึ้น เดินโซเซ เลือดทะลักออกมาเลอะเสื้อ แต่หนานไตรไม่ยอมหยุด
วิ่งไปตามทางคลุกฝุ่นอย่างไม่ยอมแพ้

เนื้อนางเดินห่างจากหน้าปางออกไปทุกทีแล้ว หนานไตรวิ่งมาทางด้านหลัง เจ็บแผลจนเอ่ยเสียงออกมาได้เพียงแผ่วเบา
“เนื้อนาง”
เนื้อนางชะงัก ยินเสียงเรียกแผ่วๆ ลอยมาตามลม แต่เนื้อนางก็ได้ยิน หันหลังไปมองทันที
“หนานไตร”
แสงคำ คำฝาย และหมื่นหล้าหันไปมองเห็นหนานไตรที่ฝืนความเจ็บ พยายามทรงตัวยืนอย่างยากลำบาก เนื้อนางมองหนานไตรน้ำตาคลอ
“อย่าไป” หนานไตรรวบรวมแรง ร้องบอก
เนื้อนางละล้าละลัง หันมามองหมื่นหล้า แล้วเบือนหน้าจากหนานไตร ตัดสินใจเด็ดขาด ต้องไปกับตา
“เนื้อนาง”
หนานไตรก้าวตามมาได้แค่ก้าวสั้นๆ ก็ล้มแผละลง
เนื้อนางหันกลับไปเห็น หนานไตรฝืนจะลุกขึ้น แต่เจ็บจนทรงตัวไม่ไหว ล้มลงกลิ้งไปกับพื้น
ม่อนดอยวิ่งตามมาจนทัน รีบเข้ามาพยุง หนานไตรปัดม่อนดอยให้ถอยห่าง หนานไตรกัดฟัน ทรงตัวยืนขึ้นท่ามกลางสายตาเป็นห่วงที่สุดของเนื้อนาง
ม่อนดอย กับคำฝายมอง สงสารหนานไตรจับใจ
หนานไตรฝืนความเจ็บ เดินทีละก้าวเข้าหาเนื้อนาง หมื่นหล้า กับแสงคำมองหนานไตรที่ไม่ยอมแพ้
อดทึ่งไม่ได้ เนื้อนางมองหนานไตรที่เลือดเลอะเสื้อเป็นวงใหญ่แล้วน้ำตาร่วง
หนานไตรใกล้ถึงตัวเนื้อนาง หมื่นหล้ามองสภาพหนานไตรแล้วร้องห้าม
“หยุดได้แล้ว หนานไตร กลับไปซะ”
หนานไตรร้องร่ำ “ไม่ ...หมื่นหล้า...อย่าพาเนื้อนางไปจากผม”
หนานไตรยืนมองเนื้อนางที่อยู่ห่างกันอีกแค่ไม่กี่ก้าวตาละห้อย

ทางด้านธรรพ์เดินเข้ามาในโถงบ้านหิมวัต เห็นแขไขนั่งหลับอยู่ในเก้าอี้สวย มีหนังสือวางในตัก แดดส่องใบหน้าแขไขสวยงาม
ธรรพ์เดินมาใกล้ มองแขไขแล้วหักห้ามใจไม่ได้ ก้มลงใกล้ วันดีเดินผ่านมาเห็นรีบฉากหลบหยุดมอง
ธรรพ์ก้มลงเกือบถึงหน้านวลของแขไข แล้วหยุดก่อนจมูกจะจรดลงแก้มเพียงคืบ วันดีมองจ้องสุดท้ายธรรพ์ตัดสินใจถอยห่างแขไขออกมาอย่างละอายใจ

วันดีจ้องแววตาเรียบนิ่ง มองภาพตรงหน้า เห็นสายตาธรรพ์ทอดมองไปยังแขไขด้วยความรัก

หนานไตรมองจ้องเนื้อนางด้วยแววตาเว้าวอน เนื้อนางมองสภาพหนานไตรแล้วเอ่ยขึ้น

“หนานไตรเป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ กลับไปทำแผลซะ”
“ให้ผมตายตรงนี้ก็ได้ เนื้อนาง แต่อย่าไล่ผมอีก"
แสงคำเอ่ยขึ้น “หนานไตร ฉันบอกแล้ว ฉันจะไม่ให้เนื้อนางถูกรังแกอีก”
เนื้อนางยังลังเล หมื่นหล้าพูดซ้ำขึ้น
“ตาเคยบอกแล้วใช่มั้ย หนานไตรมันเป็นคนเมือง มันไม่เหมาะกับเรา”
“ถึงผมไม่ใช่คนที่นี่ แต่ผมก็รักเนื้อนาง รักจากหัวใจของผม”
เนื้อนางมองตกตะลึงที่หนานไตรสารภาพรักออกมา ทุกคนอึ้ง หนานไตรมองตรงไปที่เนื้อนางอย่างไม่สนใจใครอีกแล้ว
“คุณอยากวางชีวิตไว้ในหัวใจผมมั้ยครับ เนื้อนาง”
หนานไตรก้าวไปใกล้อีก ยื่นมือไปหาเนื้อนาง
“ฝากชีวิตคุณไว้กับผม ผมสัญญา ต่อหน้าทุกคน ต่อหน้าหมื่นหล้าคนที่รักคุณที่สุด ผมจะดูแลปกป้องคุณ...ดวงใจของผม”
เนื้อนางน้ำตาร่วงพรู ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
หมื่นหล้ามองเห็นน้ำตาของหลานก็สะเทือนใจ
“ฉันรักคุณไม่ได้ หนานไตร” เนื้อนางบอกออกมา
“ไม่มีใครห้ามหัวใจคุณได้ เนื้อนาง” เนื้อนางน้ำตาไหลพรากด้วยความอัดดั้น หนานไตรยื่นมือไปหา “ขอแค่คุณรักผม เหมือนที่ผมรักคุณ”
เนื้อนางสะอื้นไห้ น้ำตาหลานสาวบีบหัวใจหมื่นหล้าเต็มที
หนานไตรคุกเข่าลง หันหน้ามาหาหมื่นหล้า
“วันไหนถ้าผมทำให้เนื้อนางเสียใจ” ชายหนุ่มเงยหน้ามองหมื่นหล้า “หมื่นหล้าเอาชีวิตผมไปได้เลย”
“หนานไตร”
หมื่นหล้าคิดไม่ถึงว่าหนานไตรจะกล้าให้สัญญาขนาดนี้ เนื้อนางสะอื้นแรงจนตัวโยน หมื่นหล้ามองหน้าหลานสาวแล้วตัดสินใจ
“ตอบตามาคำเดียว เนื้อนาง...เจ้ารักหนานไตรมั้ย”
เนื้อนางมองตา หมื่นหล้ามองรอคอยคำตอบจากหลาน
น้ำตาเนื้อนางไหลอาบแก้มจนหมื่นหล้าไม่อาจทนเห็น หมื่นหล้าน้ำตาซึม ตัดสินใจเดินมาจับมือเนื้อนางวางลงในมือหนานไตร
“จำไว้ว่า หัวใจของข้าอยู่ที่เจ้าแล้ว หนานไตร จงรักษาไว้ยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง”
หนานไตรมองหมื่นหล้าอย่างขอบคุณ หมื่นหล้ายิ้มกับหลานสาวแล้วถอยออกไป
แสงคำหันหลังหนี ซ่อนน้ำตาลูกผู้ชายที่ต้องทนเห็นภาพบาดใจที่สุด
หนานไตรกุมมือเนื้อนางไว้
“แต่งงานกับผมนะครับ เนื้อนาง”
หนานไตรกุมมือยิ้มมองเนื้อนางที่ยิ้มทั้งน้ำตา
ม่อนดอยดีใจ วิ่งมากระโดดกอดคำฝาย ถูกคำฝายดีดลูกแปใส่ ม่อนดอยกระเด็นถอยหลังไป
หนานไตรกุมมือเนื้อนางไว้แน่น สบสายตาถ่ายทอดความรักที่มีต่อกัน

อีกฟากหนึ่ง แขไขเดินไปเดินมาอยู่ในสวน ท่าทางวุ่นวายใจ ดาวเด่นเดินมาใกล้
“ฉันจะส่งคนไปที่ปาง ฉันอยากรู้ว่าพี่ไตรอยู่ใกล้เนื้อนางหรือเปล่า”
“แล้วถ้าเค้าอยู่ใกล้กัน พี่แขจะทำอะไรได้”
แขไขหันขวับมามองน้องสาว แววตาขุ่นเคือง ดาวเด่นบอกย้ำอีก
“คนไม่รัก ให้ใกล้แค่ไหนก็คือไม่รัก แต่ถ้ารัก ต่อให้ไกลกันสุดฟ้า ก็ยังรัก ยังคิดถึงกัน”
แขไขยิ่งฉุน “เป็นเด็ก อย่าสู่รู้เรื่องของผู้ใหญ่”
“บังเอิญว่าเด็กอย่างดาวมีตา มีความคิด พี่ณไตรเค้าไม่รักพี่เลย” ดาวเด่นเดินเข้ามาใกล้ “ทำไมไม่เปิดใจ มองคนอื่นที่เค้าอาจจะรักพี่บ้าง”
“เพราะชาตินี้ชั้นไม่มีวันรักใคร ต่อให้ต้องตาย วิญญาณชั้นก็จะรักพี่ไณตรคนเดียว”
แขไขเดินเชิดหนีไป ไม่อยากคุยกับน้องสาวอีก ดาวเด่นได้แต่มองตาม
ระหว่างนี้ธรรพ์พิงผนังมองอยู่อีกด้าน แววตาเศร้ามากที่ได้ยินทุกคำพูดตอกย้ำของแขไข

สองคนอยู่ที่ระเบียงผา หนานไตรนั่งมองเนื้อนางที่กำลังพันแผลให้ หนานไตรกุมมือเนื้อนางไว้
“แต่งงานกันให้เร็วที่สุดนะครับ เนื้อนาง”
เนื้อนางสะเทิ้นเขินอายจะดึงมือออก หนานไตรไม่ยอมเอามือเนื้อนางวางทาบลงที่อกข้างซ้าย
“แค่นาทีเดียว ผมก็ไม่อยากรอแล้ว”
เนื้อนางอายมาก “หนานไตรจะไม่พาแม่มาสู่ขอกับตาก่อนเหรอ”
หนานไตรหน้านิ่งลง เนื้อนางมอง
“เนื้อนางยังไม่เคยเจอแม่หนานไตรเลย”
“ถ้าผมไม่มีผู้ใหญ่มา เนื้อนางจะไม่แต่งงานกับผมเหรอครับ”
“หนานไตร...พูดอย่างนี้ มีปัญหาอะไรกับแม่อยู่หรือเปล่า”
หนานไตรเหมือนถูกจี้จุดด้วยคำถามซื่อๆ ของเนื้อนาง
“แม่ผมยังไม่สะดวกมา”
“เนื้อนางรอได้”
“แต่ผมไม่อยากรอ เนื้อนางครับ ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ให้เกียรติหมื่นหล้ากับเนื้อนาง แต่ผมอยากให้เราแต่งงานกันที่นี่ ให้ทุกคนในปางรับรู้ แล้วผมจะพาเนื้อนางไปกราบแม่ ไปพบครอบครัวผม ถึงตอนนั้นผมจะจัดงานเลี้ยง...”
เนื้อนางรีบเอานิ้วปิดปากหนานไตร “เนื้อนางไม่ได้ต้องการงานเลี้ยงใหญ่โต”
หนานไตรมองเนื้อนางด้วยความชื่นใจ
“แค่ความรัก ความซื่อสัตย์ของหนานไตรเท่านั้นที่เนื้อนางขอ”
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หนานไตรเป็นของเนื้อนาง หนานไตรคนนี้จะรัก จะซื่อสัตย์กับเนื้อนางคนเดียว”
หนานไตรโอบกอดเนื้อนางแผ่วเบา นุ่มละมุน เนื้อนางซุกในอกหนานไตรด้วยสีหน้ามีความสุข ไม่ทันเห็นแววตาหนานไตรที่กังวลเรื่องสำคัญ

เย็นลงมากแล้ว ขณะที่ดาวเด่นเดินออกมาในสวน เห็นธรรพ์นั่งเล่นกีตาร์เหงาๆ ก็เดินมานั่งใกล้ๆ
“พี่ธรรพ์น่าจะไปเล่นกีตาร์ให้พี่แขฟังบ้าง” เด็กสาวบ่นบ้า “เผื่อจะได้หายบ้า หายคลั่ง”
ธรรพ์มองดาวเด่นยิ้มๆ “คุณแขคงไม่อยากฟังเพลงจากผม”
“ทำไมละ พี่แขก็ผู้หญิงคนนึงนะ ผู้หญิง เสียงเพลง ดอกไม้ เข้ากันจะตาย” เด็กสาวบอก
“คุณแขชอบฟังเพลงแบบไหนครับ”
ธรรพ์ถามด้วยน้ำเสียงกะตือรือร้น อยากรู้
“ก็พวกเพลงรัก พี่แขน่ะเค้าชอบฟังเพลง ชอบเต้นรำ ชอบความโรแมนติก”

ขณะฟังดาวเด่นเล่า ธรรพ์มีแววตาสดชื่น ได้ความคิดเอาใจแขไขขึ้นมาทันที

หนานไตรยืนอยู่ต่อหน้าคนงานทั้งหมด ในโรงอาหารหลังทานมื้อเย็น ทุกคนรับรู้ข่าวที่หนานไตรจะแต่งงานกับเนื้อนางแล้ว

“ตั้งแต่วันนี้ไปทุกคนที่เข้าออกในปาง ต้องรายงานผม”
รัญจวน กำปุ้ง และสร้อยฟ้าโผล่หน้ามา หนานไตรหันไปเห็น
“รัญจวน”
รัญจวนสะดุ้ง กำปุ้ง กับสร้อยฟ้าผลักรัญจวนออกหน้า
“ทำไมยังไม่ออกไปจากที่นี่” หนานไตรถามน้ำเสียงเข้ม
รัญจวนกระอึกกระอัก “ฉัน...ฉัน”
“พวกเรายังไม่มีที่ไปค่ะ”
ขาดคำ กะเทยกำปุ้งถลาเข้าไปกอดขาหนานไตรทันที
“กำปุ้งขออยู่งานแต่งหนานไตรก่อนนะคะ ที่จริงกำปุ้งไม่อยากไปจากที่นี่เลย หนานไตรไล่คุณพี่รัญจวนใจไปคนเดียวเถอะ”
รัญจวนโกรธ แว้ดใส่ “อีกำปุ้ง นังแมงมุมพิษ เลี้ยงไม่เชื่อง”
“สร้อยฟ้าเตือนแล้ว แม่นายน่ะเค้ามาประเดี๋ยวประด๋าว หนานไตรสิ ถึงจะเป็นที่พึ่งของเราได้” สร้อยฟ้าก็ปันใจอีกคน
รัญจวนโกรธจัด “อีสร้อยแสล๋นสองหัว สามหัว”
หนานไตรดันกำปุ้งออกห่าง มองทั้งสามคนแล้วตัดสินใจ
“ถ้าจะอยู่ที่นี่ ห้ามทำร้ายเนื้อนางอีก ห้ามแม้แต่จะเข้าใกล้”
“สาบานค่ะ ถ้าทำขอให้ฟ้าผ่าอีสร้อย” กำปุ้งรีบรับคำ
“อ้าว...นังกำปุ้ง เวรแล้วมั้ยล่ะ
“ตกลงมั้ย รัญจวน” หน่นไตรจ้องหน้ารัญจวนเขม็ง
กำปุ้ง กับสร้อยฟ้ารีบไปยืนข้างหนานไตร รัญจวนมองซ้ายมองขวา เหลือตัวคนเดียว
“ตกลง ฉันจะสงบศึกกับเนื้อนาง”
“ยอมง่ายๆได้ยังไง อีป้ารัญจวน ใครๆ เค้าก็อยากเห็นแม่ครัวมีเรื่องกับเมียผู้จัดการ ทีนี้จะตบซ้ายตบขวาให้หน้าบวมฉึ่ง หนำใจข้าล่ะ”
คำฝายหัวเราะยั่ว รัญจวนเงื้อมือ หนานไตรจ้อง รัญจวนจำใจลดมือ
“ทีใครทีมันนะ อีคำฝาย”
หนานไตรมองรัญจวนแล้วหันมาสั่งทุกคน
“เพื่อความปลอดภัยก่อนวันงาน ผมขอประกาศปิดปาง ห้ามใครเข้าออกโดยไม่จำเป็น จนกว่าจะถึงวันแต่งงานของผมกับเนื้อนาง”
คนงานทุกคนรับฟัง หนานไตรหันไปทางม่อนดอย
“ม่อนดอย พาคนงานผู้ชายมา ห้าหกคน ฉันมีงานด่วนให้ทำ”
ม่อนดอยกับคนงานร่างกายกำยำ 5-6 คน เดินตามหลังหนานไตรที่นำออกไป
รัญจวนเหลียวขวับไปที่คำฝายอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ถูกคำฝายร้องท้า
“ว่ายังไง อีผีสามป่าช้า ไหนลองเรียกข้าว่าแม่นายคำฝายซิ หรือว่าอยากมีเรื่องให้โดนโยนออกจากปางก่อนงานแต่งมั้ยล่ะ ข้าจะสมนาคุณให้หนักๆ มือเลย...เอามั้ย ฮ่าฮ่าฮ่า”
คำฝายวางท่าเบ่งใส่รัญจวนที่ทำท่าอยากจะปรี่ใส่ แต่ก็ยังไม่กล้าเหมือนก่อน

ทางด้านเนื้อนางกำลังนั่งเย็บหมอนใบใหม่ หันไปดุคำฝายพอรู้เรื่องที่โรงอาหาร
“พี่คำฝายก็อย่าไปหาเรื่อง ยั่วพวกรัญจวนเค้านักสิ”
“เรื่องที่มันทำร้ายตั๋วที่ลำธาร ยังไม่ได้เอาคืนเลย” คำฝายไม่ฟัง
“เราก็ไม่รู้ว่าใช่เค้าหรือเปล่า ขอให้เลิกแล้วต่อกันสักทีเถอะ”
“ใช่ซี้ ตั๋วกำลังม่วนอกม่วนใจ๋ จะได้แต่งงานกับหนานไตร โลกมันก็สีชมพู้ชมพู อภัยได้หมด วันๆเอาแต่นั่งเย็บมุ้งเย็บหมอนใหม่ รอเจ้าบ่าว”
เนื้อนางหมั่นไส้ เอาหมอนจะตี คำฝายลอยหน้ายั่วล้อ
“เดี๋ยวจะฟ้องหนานไตร”
หมื่นหล้าเข้ามาได้ยินก็ยิ้ม
“นังคำฝาย เอ็งก็อย่ามัวพูดมาก ช่วยเนื้อนางเย็บที่นอนหมอนมุ้งใหม่ด้วย”
“เย็บไป หนานไตรเค้าจะใช้เหรอพ่ออุ๊ย เค้าไม่ได้มาอยู่ที่นี่สักหน่อย เค้าก็พากันไปอยู่เรือนผู้จัดการ”
หมื่นหล้าฉุน “วะนังนี่ ทำตามประเพณีสิวะ ไปอยู่เรือนผู้จัดการ แล้วมันไม่ต้องใช้หมอนมุ้งใหม่หรือไง เย็บเข้าไปสิ เผื่อมีใครจะชายตามาแลเอ็ง ให้ได้กินแขกเหมือนเนื้อนางบ้าง”
“ของชั้นน่ะรอเจ้าจากคุ้มหลวงเอาราชรถมารับ” คำฝายบอก
“งั้นเอ็งก็รอจนแก่ตายคาเรือนนี้แหละ”
“ดี ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนพ่ออุ๊ย แก่ตายไปพร้อมๆ กัน”
เนื้อนางหัวเราะเหมือนหมื่นหล้า บรรยากาศในเรือนเต็มไปด้วยความสดชื่น

บรรยากาศในสวนบ้านหิมวัตค่ำคืนนี้ วิบวับไปด้วยแสงไฟ แขไขเดินมาเห็นโต๊ะกินข้าวเล็กที่จัดแต่งไว้อย่างน่ารัก ก็มองด้วยสีหน้าแปลกใจ สักพัก เสียงเพลงดังขึ้น แขไขมองไปเห็นธรรพ์ที่ถือกีตาร์ ร้องเพลง แขไขนั่งลงที่เก้าอี้ หลังพุ่มไม้ใกล้ๆ ดาวเด่นยื่นหน้ามามองอยู่ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นธรรพ์เอาใจให้แขไขสดชื่น
ส่วนอีกด้าน วันดีแอบมองธรรพ์ ดูเขาเล่นกีตาร์ร้องเพลงให้สาวฟัง ด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม
แขไขมองธรรพ์ที่ร้องเพลงเพราะ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางผ่อนคลาย มีความสุขขึ้นมาบ้าง

หนานไตรเดินกลับมาในปาง ท่าทางเหนื่อยอ่อนกับม่อนดอยและพวกคนงาน
“นอนพักเอาแรงกันก่อน พรุ่งนี้รีบไปทำต่อแต่เช้า”
“จะทันเหรอวะ หนานไตร”
“ต้องทัน”
หนานไตรยิ้มมีความหวังให้ทุกคน

ธรรพ์เล่นกีตาร์จบเพลงลง แขไขตบมือยิ้มให้ วันดีค่อยๆ หลบออกไปเงียบๆ ธรรพ์วางกีตาร์เดินมานั่งใกล้แขไข
“ขอบคุณนะคะ พี่ธรรพ์ เพลงไพเราะมากเลย”
“ผมดีใจนะครับที่คุณแขชอบ”
“ไปอยู่ปาง เงียบเหงามานานมั้งคะ”
“ถ้าคุณแขอยากไปเที่ยวในเมือง…”
แขไขรีบตอบ “ไม่ค่ะ แขอยากไปที่ปาง”
ธรรพ์หน้าเจื่อนลง ดาวเด่นที่แอบดูอยู่มองขัดใจพี่สาวบ่นขึ้นมาเบาๆ
“พี่ธรรพ์เค้าอุตส่าห์เอาใจ หัดถนอมน้ำใจคนอื่นบ้างสิพี่แข”
ฝ่ายธรรพ์มองแขไขแล้วถามทั้งรอยยิ้ม
“คุณแขคงคิดถึงพี่ไตร”
“ค่ะ ถ้าไปได้ แขก็อยากไปพรุ่งนี้เลย ที่แม่นายให้ไล่ควาญพวกนั้นละคะ ไล่พวกมันไปหรือยัง”
“ยังไงปางไม้ก็ต้องมีควาญ ถ้าเรายังหาคนใหม่ไม่ได้ ไม่งั้นงานส่งไม้จะชะงัก เราจะถูกปรับจากลูกค้า”
“ตระกูลหิมวัตมีเงินตั้งเยอะ ทำไมต้องง้อพวกคนงาน”
ธรรพ์ยิ้มใจเย็น พยายามหาเรื่องชวนคุย
“วันนี้ดาวสวยนะครับ”
“ค่ะ...ก็สวยดี แต่จริงๆ แขไม่ชอบดูดาวหรอกค่ะ มีตั้งเยอะ ไม่รู้ดวงไหนเป็นดวงไหน ไม่รู้ทำไมคนชอบดูดาวกันนักนะคะ”
แขไขตอบตรงๆ อย่างที่คิด ธรรพ์ยิ้มเจื่อนที่แขไขไม่ชื่นชมบรรยากาศไปด้วย
ดาวเด่นที่แอบดูอยู่ ทำหน้าเซ็ง หมดอารมณ์

รุ่งเช้า เนื้อนาง กับคำฝายกำลังจะตักอาหาร รัญจวน และกำปุ้งโผล่ออกมาจ้องเนื้อนาง คำฝายมองเห็นก็ชี้หน้า
“อ๊ะอ๊ะ เมื่อวานหนานไตรสั่งว่ายังไง”
รัญจวน และกำปุ้งถอยกลับออกมาสองก้าว คำฝายมองเยาะ
“นี่ละน้า... เค้าถึงว่า ปลาหมอตายเพราะปาก”
“ผิดย่ะ ปลาหมอมันตายเพราะมันไม่หายใจ”
คำฝายประชด “ฉลาดมากนะแก นังแมงมุม”
เนื้อนางตักอาหารแล้วจะเดินไป รัญจวนมองหมั่นไส้ พูดแดกดัน
“ชูคอไปเถอะ อีกไม่นานข้าจะรอดูคางคกตกจากวอ”
เนื้อนางหันกลับมา รัญจวนเดินสะบัดหนีไป กำปุ้งลอยหน้า
“ชั้นไม่เกี่ยว ไม่ได้พูด เห็นด้วยในใจเฉยๆ”
กำปุ้งสะบัดหน้าเดินหนีไป กลัวมีเรื่อง
เนื้อนางเดินมานั่งลงที่โต๊ะกับคำฝาย เหลียวมองไปรอบๆ
“วันนี้ม่อนดอยไปไหน ทำไมไม่มากินข้าว”
“แหม ที่จริงจะถามถึงว่าที่เจ้าบ่าวล่ะสิ”
“ไม่เห็นทั้งสองคนเลยนะ”
“นั่นสิ หายไปไหน”

คำฝายหน้าตาสงสัยเช่นเดียวกับเนื้อนาง

ไม่นานต่อมา ที่สะพานไม้ริมบึงในปาง เนื้อนางเดินมาใกล้ๆ แสงคำที่กำลังปาหินลงน้ำอยู่ตรงนั้น

“จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ทำไมไม่รู้ล่ะว่าคนรักหายไปไหน”
“เนื้อนางมาถามดีๆ ถ้าอ้ายแสงคำไม่อยากตอบ เนื้อนางก็ขอโทษ”
“อ้ายรู้แค่ว่ามันเอาคนงานเข้าป่าไปกับไอ้ม่อนดอย ถ้าห่วง ก็ถามมันเอง อย่ามาถามอ้าย”
แสงคำหันหลังเดินไป เนื้อนางเรียกไว้
“อ้ายแสงคำ...เรายังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“อ้ายไม่เคยอยากเป็นพี่น้องกับเนื้อนาง”
แสงคำตอบแล้วเดินไปเลย เนื้อนางได้แต่มองสงสารแสงคำที่ผิดหวัง

แขไขกำลังคุยอยู่กับแม่นาย
“พี่ไตรไม่ติดต่อกลับมาเลย แม่นายให้คนไปตามพี่ไตรสิคะ”
“ไม่ต้องสั่งหรอก หนูแข น้ารู้ว่าควรทำอะไร”
แขไขจ๋อยลงเมื่อโดนแม่นายดุ ธรรพ์เดินเข้ามากับดาวเด่น แม่นายมอง
“พี่ชายแกจะกลับมาเมื่อไหร่ ธรรพ์ แม่มีเรื่องที่ปางต้องสะสาง”
“พี่ไตรบอกว่า ขอจัดการปัญหาที่นั่นให้เรียบร้อยก่อนน่ะครับ”
ดาวเด่นเอ่ยขึ้น “ปัญหาที่มีคนไปทำไว้ แล้วก็วิ่งหนีมา”
“ถ้าหนูพูดดีๆ ไม่ได้ ก็ควรจะเงียบที่สุดนะ ดาวเด่น” แม่นายด่า
ดาวเด่นย้อน “ค่ะ หนูก็พยายามอยู่ แต่มันอดปากไม่ไหวจริงๆ”
แม่นายฉุน “อบรมญาติของเธอซะบ้าง แขไข ไหนๆ ก็ต้องร่วมครอบครัวกัน”
ดาวเด่นยอกย้อนไม่ลดละ “เมื่อไหร่หรือคะ แม่นาย รอนานแล้ว อยากจะได้ร่วมครอบครัวกันสักที แต่ก็ยังไม่เห็นวี่เห็นแววเลยสักกะนิด”
แม่นายมองเข่นเขี้ยวดาวเด่น เด็กสาวยิ้มฮัมเพลงเดินกวนๆ ออกไป ธรรพ์มองรู้อารมณ์แม่นาย ก็ถอยออกไปอีกคน แม่นายโมโหสุดขีด เพราะไม่ได้ดั่งใจ
“ทุกอย่างมันเริ่มต้นที่ไอ้อินถาคนเดียว”

อินถานอนหายใจแผ่วๆ อยู่บนเตียง ได้ยินเสียงที่จันตาลอบเปิดประตูเข้ามามอง
“ใคร”
จันตาหลบเงียบตัวติดผนัง อินถาไม่ได้ลืมตามามอง ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า
“วันดีหรือเปล่า”
จันตาไม่ตอบ อินถานอนหายใจแผ่วๆ แล้วหลับไป จันตามองสมเพช รีบออกไปจากห้องเงียบกริบ

แม่นายรออยู่ในสวน มองจันตาที่กำลังรายงานอาการพ่อเลี้ยง
“พ่อเลี้ยงน่ะหมดเรี่ยวหมดแรง เหมือนคนใกล้จะสิ้นลมเต็มทีแล้วล่ะค่ะ แสดงว่าวันดีมันไม่กล้าขัดคำสั่งแม่นาย พ่อเลี้ยงอินถาถึงทรุดลงขนาดนี้”
“ฉันอยากให้ตายซะวันนี้ หนานไตรจะได้กลับมา”
แม่นายมองไปไกลแววตาวาดหวังว่าจะบังคับหนานไตรให้ได้สักทาง

หนานไตรเดินปาดเหงื่อที่โทรมกายมาหยุดลงที่ระเบียงผา เนื้อนางที่รออยู่แล้ว รีบตรงเข้ามาถาม
“หนานไตรไปไหนมา”
“ผมไป…”
เนื้อนางมองจ้องอยากได้คำตอบ
“ไปไหน อย่าโกหกนะ”
“ดุขนาดนี้ ผมไม่กล้าโกหกหรอก”
เนื้อนางเดินเข้าหา หนานไตรแกล้งถอยจนหลังชนต้นไม้
“ก็บอกมาสิ หายไปไหน ทำไมต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ ด้วย”
หนานไตรรวบตัวเนื้อนางพลิกให้เป็นฝ่ายเนื้อนางหลังติดต้นไม้ หนีไปไหนไม่ได้
“หนานไตรขี้โกง”
หนานไตรรวบเนื้อนางมากอดไว้ ทอดเสียงนุ่มบอกว่า
“รับรองว่าผมไม่ได้แอบไปทำอะไรไม่ดี...เชื่อผมนะครับ เนื้อนาง”
หนานไตรกอดเนื้อนางแน่น
“ผมกำลังทำทุกอย่างเพื่อวันของเรา”
หนานไตรเอาแก้มแนบแก้มเนื้อนาง กอดกระชับไว้ด้วยแววตามีความสุขทั้งสองคน

เช้าวันแต่งงาน ขบวนแห่ขันหมาก อันมีสะล้อบุญน่าน บัวตองรำกันหน้าขบวน ม่อนดอยถือกล้วยอ้อยมากับคนงาน รัญจวน กำปุ้ง สร้อยฟ้ารำกันมา ตามด้วยหนานไตรที่แต่งตัวหล่อเหลาอยู่บนหลังช้างกลางขบวน
หมื่นหล้ากับคนงานมีอายุยืนรออยู่หน้าบ้าน
ขบวนขันหมากของหนานไตรมาถึงหน้าบ้านเจ้าสาว หมื่นหล้ามองหนานไตรด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
บุญน่าน บัวตอง และพวกรัญจวนรำกันสนุกสนาน หนานไตรมองไปยังบนเรือน เห็นเนื้อนางที่คำฝายพาออกมาจากในห้อง หนานไตรมองเนื้อนางที่งามหยดในชุดสวยพื้นถิ่นไม่วางตา
คำฝายล้างเท้าให้หนานไตรตามประเพณี แล้วพาขึ้นเรือนมานั่งข้างเนื้อนาง
หมื่นหล้านั่งตรงกลาง มองเนื้อนางที่ก้มลงกราบในตักหนานไตร
“ฝากทะนุถนอมดวงใจของข้าด้วย หนานไตร ขอให้รักกัน อยู่กันจนแก่เฒ่า อย่าทอดทิ้ง อย่าพรากจากกัน ให้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันจนวันตาย”
หนานไตรกับเนื้อนางก้มลงกราบหมื่นหล้า ที่อวยพรจากใจ แววตาเปล่งประกาย ด้วยความสุขท่วมท้น

ที่โรงอาหารในเวลาต่อมา เสียงวงสะล้อเล่นจังหวะสนุก ทุกคนกำลังกินอาหารที่ทำเลี้ยงในงานอย่างแช่มชื่น แสงคำนั่งเงียบปลีกตัวห่างจากทุกคนออกมา ม่อนดอยกับคำฝายรำป้อ
บุญน่านเอ่ยขึ้น “ดีนะรอบนี้มาไม่เสียเที่ยว ได้เล่นงานกินแขกจริงๆ สักที”
แสงคำฟังแล้วเสียดแทงใจ ลุกออกไป คำฝาย กับม่อนดอยได้แต่พยักเพยิดมองกัน
“นี่ๆ วันนี้เป็นเศรษฐีแล้ว หนานไตรให้เงินค่าจ้างมาเป็นฟ่อน”
บัวตองกรีดแบงค์ร้อยหลายใบต่อหน้าทุกคน
“โห...หนานไตรนี่ที่จริงก็รวยเนอะ ผ้าขี้ริ้วห่อทองชัดๆ สบายแล้วเนื้อนาง” คำฝายยิ้มดีใจ
รัญจวนแดกดันขึ้นว่า “เป็นแค่ผู้จัดการทำไมรวยนักวะ หรือว่าโกงเงินเดือนพวกเรา”
“หยุดคิดอัปมงคลเลย นังป้าสามป่าช้า คนอย่างหนานไตรเค้ารู้จักเก็บหอมรอมริบ” คำฝายโต้
“เก็บยังไงถึงรวย ไม่ใช่ว่ายักยอกแม่นายนะเว้ย” รัญจวนยอม
“อย่างนี้เค้าเรียกปากอัปรีย์ ชอบหาเรื่อง” ม่อนดอยด่าอีก
“ก้อข้าคิดของข้า ใครไม่ได้ทำ ก็อย่าเดือดร้อนแทน” รัญจวนไม่สนใจ
“มันน่าตบฉลองงานแต่งจริงๆ” คำฝายฮึ่มฮ่ำ
บุญน่านรำคาญด่าเอา “พวกเอ็งนี่ จะกัดกันทุกเทศกาลหรือไงวะ เว้นๆ วันสักวันได้มั้ย”
“ไม่ได้”
สองคู่ปรับตอบพร้อมกัน มองสู้ตากัน ชนิดที่ไม่มีวันลงรอยได้เลย

เย็นใกล้ค่ำ แสงอาทิตย์ยามอัสดงใกล้เวลาตกดินงดงามเย็นตา หนานไตรเอามือปิดตาเนื้อนาง ก้มลงกระซิบใกล้หู
“พร้อมหรือยังครับ”
เนื้อนางยิ้มตื่นเต้น
“อะไรน่ะ หนานไตร”
หนานไตรเปิดตาออก เนื้อนางเหลียวมอง พบว่าตัวเองอยู่บนเรือนหอที่ปลูกอยู่บนต้นไม้ มองไปเห็นป่าทั้งหมดด้านล่างสุดลูกหูลูกตา
“เรือนหอของเรา” หนานไตรมองไปด้านล่าง “ทั้งหมดนั่น...อาณาจักรหิมวัต
“สวยเหลือเกิน”
“ของขวัญสำหรับคุณครับ เนื้อนาง”
หนานไตรยิ้มมองเนื้อนาง
“ที่ผมหายไป เพราะมาสร้างเรือนหอไว้รอเจ้าสาวของผม”
เนื้อนางยิ้มอาย หนานไตรโอบเนื้อนางไว้ มองไปที่อาทิตย์ยามเย็นที่กำลังส่องทาบไปทั่วทั้งหุบเขา
“ที่ตรงนี้...ที่ๆ เราจะไม่แยกจากกัน”
หนานไตรมองสบตาเนื้อนางหวานซึ้ง ท่ามกลางแสงสวยงาม

ในเรือนหอต้นไม้ค่ำคืนนั้น มุ้งปลิวไหวด้วยแรงสายลมอ่อนเอื่อย ที่พัดพาเข้ามา หนานไตรนั่งอยู่ตรงหน้าเนื้อนาง ลูบมือสัมผัสใบหน้าเนียนสวย เนื้อนางเขินอาย หนานไตรโน้มหน้าลงหอมแก้มในอุ้งมืออย่างแผ่วเบา ทะนุถนอม เนื้อนางสบตาหนานไตรนิ่ง สะท้านกับสัมผัสอบอุ่น เรียกร้อง หนานไตรขยับเข้าใกล้ โอบประคองเนื้อนางไว้ในอ้อมกอด

แรงลมทำให้มุ้งปลิวไสว แลเห็นเงาของสองร่างแนบชิดเป็นเนื้อเดียวกันด้วยแรงรัก

อ่านต่อหน้า 3

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 6 (ต่อ)

ธรรมชาติอันสวยงามของปางหิมวัตในเช้าวันนี้ ยิ่งสวยงามมากขึ้น สายน้ำในลำธารไหลเอื่อยลงสู่เบื้องล่าง ดอกไม้ปลิวหล่นร่วงมาตามสายน้ำ

ร่างของหนานไตรกับเนื้อนางเริงเล่นน้ำอย่างสดชื่นในนั้น เนื้อนางว่ายหนีหนานไตรพุ่งตัวไปรวบมากอดไว้ เนื้อนางดิ้นหนานไตรไม่ยอมปล่อย
หนานไตรช้อนดอกเอื้องดอยมาเหน็บผมให้ แล้วก้มลงกระซิบคำรัก ก่อนจะหอมแก้มนวล เนื้อนางอาย หนานไตรโอบไว้ สองร่างหมุนวนปล่อยกายปล่อยใจภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ
หนานไตรโอบร่างบางไว้ ก่อนจะดึงเนื้อนางไปทางม่านน้ำตก เนื้อนางมองสายตาวิบวับของหนานไตรแล้วต้องหลบตาด้วยความวาบหวิว หนานไตรอุ้มเนื้อนางขึ้น เดินผ่านม่านน้ำตกที่บดบังสองร่างไว้มิดชิดจากสายตาภายนอกทั้งมวล

เช้าวันเดียวกันนี้ ดาวเด่นมีผ้าคลุมไหล่ ยืนสูดอากาศบริสุทธิ์อยู่ในสวนแล้ว ธรรพ์เดินเข้ามายืนใกล้
“ที่นี่สวย สงบ จนดาวไม่อยากกลับบ้าน”
“อยู่ซะที่นี่สิครับ อีกหน่อยคุณแขก็ต้องแต่งงานกับพี่ไตร เป็นเจ้าของหิมวัตทั้งหมด”
“เฮ้อ...ไม่อยากจะฝัน...จะมีวันนั้นจริงๆ เหรอ พี่ธรรพ์” ดาวเด่นบอก
“เราก็ต้องช่วยกันให้คุณแขได้แต่งงานกับพี่ไตรสิครับ”
ดาวเด่นฟังแล้วถามขึ้นตรงๆ อย่างเด็กขี้สงสัย
“ถามจริงๆ นะคะ พี่ธรรพ์คิดว่าพี่แขเหมาะกับพี่ณไตรจริงๆ เหรอ”
ธรรพ์มองไปไกล ฝืนยิ้มบดบังความเศร้าเหมือนเช่นทุกครั้ง
“คุณแขรักพี่ไตรมาก เหตุผลแค่นี้ก็พอแล้วล่ะครับ ที่เราต้องช่วยให้คุณแขสมหวัง”

ในเรือนหอต้นไม้
หนานไตรกอดเนื้อนางที่อยู่ในตัก จูบเบาๆ ลงที่เรือนผม เนื้อนางแนบหน้าลงในอกหนานไตร
“ผมอยากหยุดทุกอย่างไว้ที่นี่ แค่ตอนนี้” หนานไตรกอดกระชับเนื้อนางไว้แนบแน่น “อยากให้โลกนี้มีแค่คุณกับผม”
“แต่เนื้อนางอยากให้เรามีคนอื่นๆ ด้วย มีตา มีพี่คำฝาย แล้วก็แม่ของหนานไตร”
“เนื้อนาง...ผมอยากจะบอกบางอย่างกับคุณ...อยากให้คุณรู้ก่อนทุกคน”
หนานไตรคิดจะบอกเรื่องตนเป็นทายาทปางหิมวัต แต่พอเห็นแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ของเนื้อนาง ก็ยิ่งลำบากใจ
เนื้อนางยิ้มหวาน “บอกสิ หนานไตร เนื้อนางอยากรู้”
“สัญญาได้มั้ยครับว่าจะไม่โกรธ ไม่เกลียดผม”
เนื้อนางกุมมือหนานไตรอย่างให้กำลังใจ
“เนื้อนางจะโกรธคนที่รักที่สุดได้ยังไง”
หนานไตรตื่นเต้น “คุณรักผม...คุณบอกแล้วว่ารักผม”
เนื้อนางเขินอาย หนานไตรลูบใบหน้าเนื้อนางอย่างแสนปลื้ม
“พูดอีกครั้งได้มั้ยครับ ว่ารักแค่ไหน”
“ไหนว่ามีเรื่องจะบอก”
“เรื่องนั้นเอาไว้วันหลัง...ตอนนี้ผมอยากฟังคุณบอกว่า รัก”
หนานไตรเลื่อนหน้าไปใกล้แก้มเนื้อนาง กระซิบแผ่วเบา
“นะครับ บอกผมอีกที เนื้อนางรักหนานไตรแค่ไหน”
เนื้อนางขยับไปกระซิบใกล้ๆ หู หนานไตรฟังแล้วยิ้มชื่นใจ กอดแน่นกว่าเดิม หนานไตรกุมมือเนื้อนางวางลงที่หัวใจ
สองคนมองไปไกล แววตามีความสุขสมหวังในความรักที่เป็นของกันและกันหมดทั้งกายและใจ

ส่วนในโรงครัวตอนนี้ รัญจวนสับหมูแรงอย่างมีอารมณ์ เคืองแค้นเนื้อนางถึงขีดสุด
“ฉันล่ะอยากเห็นหน้าคุณแขไข ตอนรู้ว่าหนานไตรแต่งงานกับเนื้อนาง”
“ทำไมละคะ คุณพี่ ยังไงคุณแขเค้าก็ไม่เลือกเจ้าบ่าวจนๆ อย่างผู้จัดการหนานไตร”
“แกนี่สมองกลวงโบ๋ มีแต่ขี้เลื่อยไปสุมกันอยู่จริงๆ ถึงไม่ได้แต่งงานกับหนานไตร แต่คุณแขไขกับแม่นายเค้าเกลียดเนื้อนาง ไม่อยากเห็นเนื้อนางมันมีความสุข”
“ก็ต้องแล่นไปฟ้องถึงบ้านแม่นาย”
“รู้เหรอว่าบ้านแม่นายอยู่ไหน” สร้อยฟ้าถาม
“อย่าง่าวนักสิวะ แม่นายเป็นคนรวย บ้านช่องต้องใหญ่โต ถามใครก็ต้องรู้จัก”
“แต่เรื่องนี้ถ้าหนานไตรรู้ มีหวังคอขาด กระเด็นเด้งๆๆๆออกไปจากปางเลยนะคร๊า” กำปุ้งว่า
“ก็ถ้ามันไม่มีใครตรงนี้ ปากสว่างคาบข่าวไปบอก หนานไตรก็ไม่มีทางรู้ หรือพวกแกจะยอมเห็นนังเนื้อนางมันได้ดีกว่าพวกเรา”

แววตารัญจวนวาววับ ด้วยแรงอิจฉาริษยา ที่ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ

หญ้าในทุ่งปลิวไสวตามแรงลมอ่อนๆ หนานไตรกับเนื้อนางในชุดใหม่ กำลังเดินเล่นอยู่ในทุ่งหญ้าสวยแห่งนี้ หนานไตรเด็ดดอกไม้ป่า แล้วแกล้งยื่นสองมือให้เนื้อนางทายว่าดอกไม้อยู่ที่มือข้างไหน
เนื้อนางชี้มือซ้าย หนานไตรแบออกไม่เห็นอะไร พอเนื้อนางแบมือขวาของหนานไตรออก ก็ไม่เห็นมีอะไรอีก เนื้อนางตีอกหนานไตรเบาๆ ว่าหนานไตรขี้โกง
หนานไตรเบี่ยงตัวไปมา เนื้อนางจับคลำตามตัวดู และหมุนหาว่าหนานไตรซ่อนดอกไม้ไว้ที่ไหน
สุดท้ายหนานไตรเอี้ยวหลบแล้วเอามืออ้อมไปลูบผมเนื้อนาง เห็นดอกไม้ติดอยู่ที่ผมนั่นเอง เนื้อนางตื่นเต้น เขย่าแขนให้เขาบอกความลับ หนานไตรไม่ยอมบอก แกล้งถอยหนี เนื้อนางวิ่งตาม สองคนวิ่งหยอกล้อกันในทุ่งหญ้าสวย
หนานไตรอุ้มเนื้อนางกางแขน หมุนไปรอบๆ ทุ่งหน้าด้วยสีหน้าสุขล้น

ที่ระเบียงผา หนานไตรให้เนื้อนางนั่งในตัก อ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้ฟัง ตัวเองซบลงที่ไหล่เนื้อนางฟังเพลิน
“ฮาโหล ฮาโหล” เสียงคำฝายดังขึ้น
สองคนหันไปมอง เห็นคำฝายเดินมากับม่อนดอย
“สวีทหวีวี่วีกันเหลือเกิน” คำฝานมองค้อนหมั่นไส้
ม่อนดอยผสมโรง “มดถึงวิ่งเรี่ยราดทั้งปาง”
หนานไตรถาม “มีอะไรกัน”
“จะมาขออนุญาตผู้จัดการปางและศรีภรรยาออกไปนอกปางหน่อย จะไปซื้อผ้าห่มมาให้คนงาน”
“เนื้อนางไปด้วยสิ”
หนานไตรห้าม “ไม่ต้องหรอก คำฝายไปคนเดียวก็ได้ เนื้อนางยังอ่านหนังสือให้ผมฟังไม่จบเลย”
คำฝายมองค้อนอีกที “เชิญอ่านกันไปเลยจ้ะ ฉันจะออกไปกันประสาสาวๆ ไอ้ม่อนดอยไม่ต้องตามไปอยู่ทำงานสอดส่องแทนทั่นผู้จัดการที่นี่แหละดีแล้ว ช่วงนี้ทั่นไม่ค่อยว่าง”
ม่อนดอยเย้า “ต้องคอยเอาใจเมีย”
สองทโมนไพรหัวเราะคิกคัก หนานไตรเอาหินก้อนเล็กขว้างไปที่ม่อนดอย
“จะไปไหนก็ไป คนจะอยู่กับเมีย”
เนื้อนางตีแขนหนานไตรท่าทีเขินอาย คำฝายแกล้งทำท่าตีแขนม่อนดอยล้อเลียน
“ไปกันเถอะตั๋ว เดี๋ยวมดทั้งรังจะรุมกัดเราตาย”
คำฝายควงแขนม่อนดอยออกไป เนื้อนางมองค้อนหนานไตร แต่หนานไตรไม่สนกอดเนื้อนาง
“อ่านต่อสิครับ ผมอยากฟังเสียงเนื้อนาง”

เนื้อนางอ่านหนังสือต่อ หนานไตรซบหน้าลงอิงแอบเนื้อนาง โดยไม่เหลือที่ว่างระหว่างเขาและเธอ

ระหว่างนั้นคำฝายเดินซื้อของมาในตลาดกับคนงานหญิงวัยรุ่น 2 คน

“เดี๋ยวมาเจอกันตรงนี้นะ”
คนงานหญิงแยกไปอีกร้าน คำฝายเดินมาที่ร้านขายผ้ายืนมองชุดสวยในตู้โชว์ มองผ่านกระจกสะท้อนในร้าน เห็นรัญจวนกำลังลงจากรถรับจ้าง ด้วยสีหน้าแปลกใจ
“อีป้ารัญจวน ออกจากปางมาทำอะไรถึงนี่”
คำฝายหาที่หลบซุ่มมอง เห็นรัญจวนยืนที่ถนนแล้วยกมือพนม
“พุทโธ ธัมโม สังโฆ ขอให้หาทางไปบ้านแม่นายได้ทีเถิ้ด”
คำฝายเขม้นมอง สงสัยรัญจวนที่ยกมือท่วมหัว
รัญจวนหันไปมองหารถรับจ้าง แต่สายตามองไปยังฝั่งตรงข้าม
จังหวะนี้ ที่บริเวณหน้าร้านขายผ้าธรรพ์ กำลังถือถุงกระดาษที่แขไขซื้อของหลายอย่างเดินออกมา
“พระเข้าข้างรัญจวนแล้ว” รัญจวนแหกปากร้องเรียก “คุณแข...”
แต่รัญจวนยังไม่ทันเรียกจนสุดเสียง คำฝายกระโดดเข้ามาปิดปาก ลากรัญจวนที่ดิ้นรนขัดขืนไปทางซอยด้านหลัง
แขไขรู้สึกได้ยินเหมือนเสียงคนเรียก หันมามอง แต่ไม่เห็นใคร
“มีอะไรหรือครับ”
“แขได้ยิน เหมือนคนเรียก”
ธรรพ์มองหา “ไม่มีนี่ครับ”
หน้าตาแขไขยังติดใจสงสัย มองไปที่ซอยริมถนน

คำฝายเหวี่ยงหมัดเข้าท้องแล้วถีบรัญจวนเต็มแรง
“อีรัญจวน อยากตายนักใช่มั้ย”
“เออ กูยอมตาย แต่กูไม่ยอมให้เนื้อนางมันได้ดีกว่ากู”
คำฝายโมโห ถีบรัญจวนแล้วเข้าล็อคคอ
“งั้นวันนี้ กูจะสงเคราะห์ให้มึงไปเฝ้ายมบาลเร็วๆ เนื้อนางจะได้มีความสุขสักที”
รัญจวนดิ้นสู้ หายใจไม่ออก
เสียงแขไขดังเข้ามา “ปล่อยรัญจวนเดี๋ยวนี้นะ”
คำฝายหันขวับ เห็นแขไขวิ่งมา
“ชั้นสั่งให้ปล่อยรัญจวน”
แขไขเข้าไปเอากระเป๋าฟาดๆๆ ลงที่คำฝายจนต้องปล่อยมือจากรัญจวน
รัญจวนรีบคลานมากอดขาแขไข
“รัญจวนกำลังจะไปหาคุณแขไข จะไปบอกข่าวสำคัญ”
“หยุดนะ อีป้าปากนรก”
รัญจวนรีบบอก “เนื้อนางมันแต่งงานแล้วค่ะ”
แขไขสังหรณ์ใจวูบ “เนื้อนางแต่งงาน แต่งกับใคร”
คำฝายปรี่เข้าหา รัญจวนกอดขาแขไข แหกปากลั่น
“เนื้อนางมันแต่งงานกับหนานไตร”
คำฝายคว้ากระชากขารัญจวน แต่ถูกรัญจวนถีบ จนคำฝายหงายเงิบไป
แขไขยืนตะลึง ตัวชา

หนานไตรทำงานอยู่บนเรือนสำนักงาน จนเสร็จเก็บแฟ้มปิดลง ม่อนดอยมองแล้วแซว
“ตั้งแต่มีเมียนี่ ทำงานเสร็จเร็ว กลับบ้านไวเลยนะ”
“แกก็มีสิวะ จะได้รู้ว่ามีเมียแล้วดียังไง คำฝายไงล่ะ ไม่สนใจจะจีบเหรอ”
“คำฝายมันก็หน้าตาพอไปวัดไปวาตอนมืดๆ ได้น่ะนะ ไม่ได้ขี้เหร่อะไร แต่ไอ้ที่กลัวน่ะ...ปากมัน กลัวมันด่าสามวันไม่ซ้ำ แถมด้วยเรียกใช้ไม่หยุด” ม่อนดอยทำเสียงล้อคำฝาย “ไอ้ม่อนดอย ซักผ้า หุงข้าว ถูเรือน เลี้ยงลูก”
ม่อนดอยทำหน้าตาสุดสยอง หนานไตรมองแล้วเดินหัวเราะออกไป

เนื้อนางกำลังจัดเก็บทำความสะอาดห้องอยู่บนเรือน ยินเสียงคนขึ้นบันไดมา เนื้อนางถามขึ้น
“หนานไตรกลับมาเร็วจัง”
เนื้อนางหันไป เห็นจันตาก้าวมาจิกหัวเนื้อนางเต็มแรง เนื้อนางร้อง
“ปล่อยฉันนะ”
“มาเลย...ลงไปออดอ้อนออเซาะผัวข้างล่าง”
จันตากระชากลากเนื้อนางออกไปอย่างแรง

เนื้อนางถูกจันตาทึ้งผมลงบันไดมา ลากมาตามทาง พอถึงระเบียงผา จันตาเหวี่ยงเนื้อนางล้มกลิ้งไปหยุดหน้าปลายเท้าใครคนหนึ่ง
เนื้อนางเงยมองเห็นแม่นาย กับแขไขที่ยืนอยู่ด้วยกัน
“แม่นาย คุณแขไข ฉันทำอะไรผิดนักหนา ถึงจองเวร อาฆาตฉันแบบนี้”
จันตากระชากเนื้อนางให้ยืนขึ้น
“นี่แกยังไม่รู้อีกเหรอ ว่าความผิดของแกมันให้อภัยไม่ได้”
แม่นายตบหน้าเนื้อนางดังฉาด เนื้อนางตะลึง แขไขแว้ดใส่
“ใครให้แกแต่งงานกับหนานไตร”
“หนานไตรขอฉันกับตา”
แขไขตบหน้าเนื้อนางอีกฉาดด้วยความเกลียด
“หนานไตรไม่ใช่ของแก ได้ยินมั้ย หนานไตรเป็นของชั้น”
เนื้อนางตกใจ นึกไม่ถึง

ทางด้านหนานไตรกำลังปั่นจักรยานมาตามทางในปาง รถธรรพ์พุ่งเข้ามา หนานไตรรีบหลบข้างทางธรรพ์พอเห็นพี่ชายก็หยุดรถ กระโดดลงมาถาม
“ผมเห็นแม่นายออกมากับคุณแขไข จันตา ท่าทางรีบมาก”
ดาวเด่นตามลงมา “ดาวถาม พี่แขก็ไม่ยอมบอกว่าไปไหน”
“ผมคิดว่าต้องเกี่ยวกับที่นี่”
“เนื้อนาง”
หนานไตรใจหล่นวูบ ทิ้งจักรยาน กระโดดขึ้นรถที่นั่งคนขับ ธรรพ์รีบขึ้นนั่งข้าง หนานไตรพุ่งรถเร็วออกไปทันที

ที่ระเบียงผา เนื้อนางมองแขไขที่จ้องมองมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ฉันไม่รู้ว่าคุณชอบหนานไตร”
“แกไม่รู้ หรือแกจงใจจะแย่งของฉัน”
เนื้อนางงวยงง “หนานไตรเป็นของคุณ หมายความว่าอะไร คุณแขไข คุณเป็นคนของแม่นาย ทำไมถึงมาชอบผู้จัดการปางอย่างหนานไตร”
“ผู้จัดการปาง”
แม่นายสะดุดหู เดินเข้าหา จันตาล็อคแขนเนื้อนางแน่น
“แกคิดว่าลูกชายฉันเป็นแค่ผู้จัดการปางอย่างงั้นเหรอ นังขี้ข้า”
เนื้อนางตกใจกว่าเก่า “ลูกชาย”
รถธรรพ์แล่นมาจอดอย่างแรง หนานไตรโดดลงจากรถทันที ธรรพ์ และดาวเด่นตามลงมา
“ปล่อยเนื้อนาง”
หนานไตรพุ่งเข้ามาปัดจันตาออกจากเนื้อนาง หนานไตรมองแม่กับแขไขด้วยความโกรธ
“ผมเคยขอแล้ว อย่าทำร้ายเนื้อนางอีก เค้าไม่เกี่ยวอะไรด้วย”
“มันต้องเกี่ยว เพราะมันใช้มารยาดึงแกไว้ที่นี่”
“พวกคุณพูดเรื่องอะไรกัน”
เนื้อนางมองไล่ไปยังแม่นาย แขไข ธรรพ์ ดาวเด่น แล้วมาหยุดสายตาที่หนานไตร
“คุณแขไขบอกว่าคุณเป็นของเค้า”
หนานไตรบอกทันที “ไม่จริง”
“ไม่จริงแล้วเค้าจะมาตบตีหึงหวงฉันทำไม”
“เนื้อนางฟังผมก่อน”
แขไขเค้นคำออกไปด้วยความแค้น “บอกมันไปสิคะ บอกความจริงมันไป”
ดาวเด่นดึงแขนรั้งพี่ปราม แขไขปัดออกสุดแรงอย่างไม่ยอม
“ความจริงอะไร หนานไตร คุณกับคุณแขไขเป็นคนรักกันใช่มั้ย” เนื้อนางจ้องหน้าหนานไตร
“ไม่ใช่ เนื้อนาง ฟังผมก่อน”
“ก็บอกมันไปสิ ณไตร บอกว่ามันโง่ที่หลงเชื่อว่าแกเป็นแค่ผู้จัดการปาง”
เนื้อนางมองแม่นาย แล้วมองหนานไตร
“แม่ครับ ผมขอร้อง ขอให้ผมบอกเนื้อนางเอง”
“มันสายไปแล้ว ฉันบอกความจริงไปหมดแล้ว เพราะแกกล้าแต่งงานกับผู้หญิงที่ฉันเกลียด คนที่ฉันไม่ได้เลือกให้”
เนื้อนางมองแม่นาย น้ำตาคลอ
“แกกล้าขัดคำสั่งแม่”
เนื้อนางครางออกมา “แม่”
หนานไตรใจหาย “เนื้อนาง...ผม...”
“รู้ไว้นะ เนื้อนาง ผู้ชายที่ยืนตรงหน้าแกคือ ณไตร ลูกชายคนโตของชั้น ไม่ใช่แค่ผู้จัดการปาง แต่เค้าคือพ่อเลี้ยงณไตร ทายาทของอาณาจักรหิมวัต”
เนื้อนางมองหนานไตร น้ำตาร่วงพรูด้วยความผิดหวังที่ถูกปิดบังความจริง
“แม่ครับ พอเถอะครับ ปล่อยให้พี่ไตรคุยกับเนื้อนางเอง” ธรรพ์เอ่ยขึ้น
หนานไตรร้องขึ้นสุดเสียง “ออกไปให้หมด”
แขไขยิ้มเยาะ “ทีนี้แกรู้หรือยัง ผู้หญิงอย่างแก ไม่เหมาะกับตำแหน่งเมียพี่ณไตรเลยสักนิดเค้าไม่ใช่ของแก พี่ณไตรเป็นของชั้น”
หนานไตรตวาด “หุบปาก แล้วออกไป แขไข ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน”
ดาวเด่นกระชากพี่สาวสุดแรง ธรรพ์แตะดึงแขนแม่นาย ถูกแม่นายสะบัด มองหยามเนื้อนางทิ้งท้าย เนื้อนางน้ำตาร่วงพรู หนานไตรสงสาร ใจแทบขาดแล้ว
แม่นายเดินเชิดออกไปกับแขไข จันตาตามติด
ดาวเด่นกับธรรพ์มองเนื้อนางกับหนานไตรด้วยความสงสาร แล้วเดินออกไป

หนานไตรมองเห็นเนื้อนางน้ำตาอาบแก้มด้วยความปวดร้าวใจ

คำฝายกลับจากตลาด วิ่งเร็วมาตามทาง เจอม่อนดอยที่มาจากอีกทาง

“คำฝาย มีเรื่องอะไรกัน ฉันเห็นพวกแม่นายกลับมาที่นี่อีกแล้ว”
“มันเกิดเรื่องเพราะปากคน”
คำฝายโกรธจัด

สีหน้าหนานไตรยามนี้เต็มไปด้วยความยุ่งยากลำบากใจ เดินมาแตะมือเนื้อนาง
“เนื้อนาง ฟังผมก่อน”
เนื้อนางมองหนานไตรที่กุมมือขึ้นมา
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกคุณ”
เนื้อนางสะบัดมือหลุดจากมือหนานไตร แล้วตบผัวะเข้าหน้าหนานไตรสุดแรงเกิด
“แล้วคุณจะตั้งใจทำอะไรกับฉัน คุณปิดบังฉันทำไม คุณไม่ใช่หนานไตร ไม่ใช่ผู้จัดการปาง”
หนานไตรโผเข้าโอบ แต่เนื้อนางสะบัดเต็มแรง ถอยห่าง มองหนานไตรด้วยความรังเกียจ
“ใช่สิ ผมเป็นหนานไตร เป็นผู้จัดการปางที่นี่ ผมอยากรู้จัก อยากให้ทุกคนยอมรับที่งาน ที่ความสามารถของผม ผมไม่ต้องการมาอย่างนายชี้นิ้วสั่ง ผมต้องการเป็นเพื่อน”
เนื้อนางเย้ยหยัน “เพื่อนที่ปั้นหน้า หลอกเราทุกคนว่าเป็นแค่ผู้จัดการ รับใช้แม่นาย ทั้งๆ ที่คุณคือลูกชาย...คือเจ้าของปาง”
เนื้อนางสะอื้นไห้ หนานไตรมองขอความเห็นใจ
“พวกคุณหลอกเรา เห็นคนในปางเป็นตัวอะไร จะล้อเล่น จะหัวเราะเยาะลับหลังยังไงก็ได้ใช่มั้ย”
“ผมผิดเอง ผมบังคับทุกคนให้เรียกผมว่าหนานไตร”
“เพราะจริงๆ คุณไม่ใช่หนานไตร คุณแขไขถึงจ้องเกลียดฉัน”
“เนื้อนาง ผมไม่เคยรักแขไข ไม่เคยเลยสักนิด เรื่องนี้ผมไม่ได้ปิดบัง ไม่ได้หลอกคุณ”
“จะให้ฉันเชื่ออะไรคุณได้อีก คุณแต่งงานกับฉัน สนุกมากมั้ย ได้ปั่นหัวผู้หญิงโง่ๆ ที่หลงเชื่อคุณหมดใจ”
“เนื้อนาง ผมแต่งงานเพราะผมรักคุณ”
“ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่อยากฟังอะไรจากคุณอีกแล้ว”
เนื้อนางจะวิ่งหนีออกไป หนานไตรรวบตัวไว้ เนื้อนางดิ้นหนี
“เนื้อนาง ฟังก่อน”
“ไม่ ฉันเกลียดคุณ”
เนื้อนางผลักอกหนานไตรสุดแรง แล้ววิ่งออกไป
หนานไตรหันไปมอง แววตาเศร้า เจ็บปวดยิ่งนักที่ความสุขพังทลายลงในชั่วพริบตา

ฝ่ายรัญจวนกำลังหัวเราะสะใจอยู่กับกำปุ้ง และสร้อยฟ้า อยู่ที่โรงครัว
“ป่านนี้เนื้อนางมันคงโดนแม่นายตบซ้าย คุณแขไขตบขวา โทษฐานสะเออะแต่งงาน”
เสียงคำฝายดังขึ้น “แต่ปากสาระแนเห่าหอนอย่างแก มันต้องตบด้วยไอ้นี่”
รัญจวนกับพวกหันไป เห็นคำฝายถือไม้จังก้า ม่อนดอยอยู่ด้านหลัง คำฝายกระโดดเข้าตบรัญจวน ล้มลงบนกองข้าวของ กาละมัง เสียงดังโครมคราม
“อ๊าย อีคำฝาย”
กำปุ้งจะเข้าไปช่วย คำฝายเสยด้วยไม้ ฟาดจนกำปุ้งเห็นดาว เซมา ม่อนดอยชกแล้วถีบซ้ำ กำปุ้งหงายลงไปชักสองสามทีแล้วสลบเหมือด
คำฝายหันไปทางสร้อยฟ้า สร้อยฟ้ารีบยกมือไหว้
“ฉันไม่เกี่ยว”
คำฝายจะฟาด แต่สร้อยฟ้าวิ่งหลบออกไปอย่างไว คำฝายหันมาทางตัวต้นเรื่อง
รัญจวนคว้าสาก ลุกขึ้นมา เหวี่ยงสากปลิวหวังให้โดน แต่คำฝายหลบ เอาท่อนไม้ฟาดลงแขนรัญจวนเต็มแรง รัญจวนเจ็บจนแหกปากร้องลั่น
“บอกแล้วว่าปากหมาอย่างแก มันต้องเจอหมาบ้าอย่างฉัน”
คำฝายฟาดไม้เข้าหน้ารัญจวนหงายเงิบ ทีเดียวล้มคว่ำไปนอนสลบเหมือด
คำฝายมองสภาพรัญจวนที่นอนหมดสติท่ามกลางข้าวของระเนะระนาด ด้วยสายตาแค้นสุดๆ

เนื้อนางเดินสะอื้นขึ้นเรือนมา หมื่นหล้าก้าวออกมาจากในห้อง มองเห็นหลานสาวร้องไห้ก็รีบเข้ามาประคอง
“เนื้อนาง ใครทำอะไรเจ้า”
เนื้อนางมองหน้าตาแล้วยิ่งเจ็บช้ำ
“ตาจ๋า”
“ไอ้หนานไตรรึเปล่า มันทำอะไรให้เจ้าร้องไห้”
เนื้อนางเหมือนถูกจี้จุด ปล่อยโฮออกมา ร้องครวญคร่ำ
“เนื้อนางผิดเองที่ไม่เชื่อตา ตาจ๋า...หนานไตร...”
“ทำไม หนานไตรมันทำอะไร มันตบตี มันทำอะไรเจ้า”
“เค้าไม่ใช่หนานไตร ไม่ใช่ผู้จัดการปาง เค้าหลอกเรา เค้าเป็นลูกชายแม่นาย เค้าเป็นเจ้าของปางนี้”
หมื่นหล้าตะลึง สีหน้าตกใจที่ได้รู้ความจริงจากปากหลานสาว

ระหว่างนั้นแม่นายศรีวัลลานั่งหน้าเชิด ระเหิดระหง อยู่บนเรือนรับรอง ต่างจากแขไขที่คุมอารมณ์ไม่ได้
“มันเป็นการแต่งงานที่ฉันไม่มีวันยอมรับ”
“โอ๊ย แล้วป่านนี้พี่ไตรทำไมยังไม่มาอีกเนี่ย หืม...เนื้อนางมันต้องออเซาะ มารยาสาไถย สารพัดเพื่อดึงพี่ไตรไว้ ไม่ยอมให้พี่ไตรมาหาเรา”
“เลิกคิดเอง เออเองได้แล้วพี่แข ทำผัวเมียเค้าทะเลาะกัน มันมีความสุขมากใช่มั้ย” ดาวเด่นขัดขึ้น
แม่นาย กับแขไขหันไปมองดาวเด่นด้วยสายตาขุ่นมัว
“สงสารเนื้อนางบ้างเถอะครับ แค่พี่ไตรปิดเรื่องทั้งหมด เค้าก็เสียใจมากพออยู่แล้วให้พี่ไตรเคลียร์ปัญหาด้วยตัวเองก่อน เราไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง” ธรรพ์ว่า
แขไขโพล่งออกมาอีก “แสดงว่าแม่นายยอมได้ ถ้าพี่ไตรต้องถูกดึงให้จมปลักอยู่ที่ปางนี้ ต้องรับผิดชอบเมียจนๆ อย่างเนื้อนางไปชั่วชีวิต”
“จะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น”
แม่นายมองไปข้างหน้าด้วยสายตาเลือดเย็น สุดอำมหิต
“ฉันมีวิธีที่จะเอาตัวลูกชายชั้นกลับไปบ้านหิมวัต”

ฟากหนานไตรเดินคอตกมาตามทางด้วยสีหน้าเจ็บปวด หมื่นหล้าก้าวออกมาขวาง หนานไตรยังไม่ทันพูดอะไร หมื่นหล้าเตะหนานไตรสุดแรงเกิด แล้วตามไปชก หนานไตรไม่สู้ ยอมให้หมื่นหล้าชกจนกลิ้งล้มไปกับพื้น หนานไตรคุกเข่าลุกขึ้น ถูกหมื่นหล้าถีบอีก จนหนานไตรล้มไปกับพื้น
“มึงกลับไปที่มีๆ มึงมา กลับไปกับพวกหิมวัตของมึง อย่ามาให้กูกับเนื้อนางเห็นหน้าอีก”
“ผมจะไม่ไปไหน เมียผมอยู่ที่ไหน ตัวผม หัวใจผมก็ต้องอยู่ที่นั่น”
หนานไตรมองสู้ตาหมื่นหล้า เขามองเห็นแต่ความผิดหวังในแววตาชายชรา
“ผมก่อปัญหานี้ขึ้นมา ผมก็ต้องแก้ให้จบด้วยตัวผมเอง”
หนานไตรหันหลัง เดินออกไป
หมื่นหล้าเจ็บใจ อาการเจ็บหน้าอกกำเริบ รีบถอยมาพิงต้นไม้ น้ำตาไหล

“เนื้อนาง...ตาไม่ดีเอง ตาไม่ควรยอมให้เจ้าแต่งงานกับมัน”

ส่วนทางด้านเนื้อนางสะอื้นไห้อยู่ในห้องบนเรือน ภาพความหลังแสนหวานตอนที่หนานไตรพยายามเข้ามาใกล้ชิดต่างๆ ยิ่งทำให้เนื้อนางร้องไห้หนัก หนานไตรเดินมาหยุดมอง

“เนื้อนาง”
หนานไตรมองไปยังเนื้อนางในกรอบหน้าต่างเรือน แววตาเนื้อนางหมองจัด ไม่มีความสดใสอยู่เลย
“ผมจะอยู่ตรงนี้ จนกว่าคุณจะยอมพูดกับผมอีก”
หนานไตรนั่งลงคุกเข่าตรงหน้าเรือน
เนื้อนางมองผ่านหน้าต่าง เห็นหนานไตรคุกเข่าอยู่ด้านล่าง เนื้อนางปล่อยให้น้ำตาไหลด้วยความผิดหวังจากคนที่รักที่สุด

ฝ่ายแม่นายเดินเข้ามาในห้อง มองพ่อเลี้ยงอินถาที่หันมามองอย่างเกลียดชังในกันและกัน
“ศรีวัลลา”
แม่นายคว้าหมอนขึ้นมาถือ อินถามองสีหน้าหวาดหวั่น
“แกจะฆ่าฉันเหรอ”
“แกตายสักคน ฉันจะได้ลูกชายกลับมา”
“ใครอยู่ข้างนอก ช่วยฉันที”
“ไม่มีหน้าไหนเข้ามาช่วยแกได้ทั้งนั้น”
แม่นายกำลังจะกดหมอนลงไป อินถาหายใจแรง กระตุกขึ้นทั้งร่าง แม่นายมองจ้อง อินถามือไม้เกร็งแต่พยายามเอื้อมมือควานคว้าไปที่ขวดยาบนโต๊ะ
“ยา ขอยาฉัน”
มืออินถากำลังจะแตะถึงขวดยา แม่นายปัดขวดยาตกพื้น
“อย่ากินให้เปลืองอีกเลย มัจจุราชมารอรับตัวแกแล้ว”
อินถาเกิดภาวะช็อค กระตุก เกร็งทั้งร่าง แม่นายถือหมอนค้าง มองอินถาที่ลืมตา แน่นิ่ง ช็อคตาตั้ง
“ทีนี้ก็รอแค่แกหมดลมหายใจไปเอง”
แม่นายทิ้งหมอนลง หัวเราะออกมาอย่างสะใจ เดินออกไปจากห้อง

ขณะนั้นวันดีถือพวงมาลัยมาเตรียมไหว้พระ มองเห็นแม่นายกำลังก้าวออกมาจากห้องอินถา วันดีมองผ่านรอยแง้มประตูเข้าไปเห็นพ่อเลี้ยงนอนตัวเกร็ง
“พ่อเลี้ยงอินถา”
แม่นายกระชากประตูปิดเต็มแรง วันดีถามเสียงร้อนใจ
“พ่อเลี้ยงเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
แม่นายยิ้มน้ำเสียงเย็นเยียบ “คนใกล้ตาย มันก็อาการแบบนี้ทั้งนั้น”
วันดีใจหายวาบ “แม่นายคะ ขอฉันเข้าไปดูพ่อเลี้ยงสักนิดเถอะ”
“ไม่ต้อง อย่าสาระแน นังวันดี เกิดมาต่ำ ก็หัดอยู่แต่ในส่วนขี้ข้า”
แม่นายเหยียดหยันวันดีเต็มที่ แววตาวันดีเป็นประกายวาบ โกรธจัดขึ้นมาอย่างลืมตัว
“ถึงเป็นขี้ข้า ฉันก็ยังรู้คุณคน รู้ผิดชอบชั่วดี”
แม่นายโกรธจัด ตบวันดีจนหน้าหัน
“นังปากสามหาว แกอยากกระเด็นออกไปจากบ้านนี้นักใช่มั้ย”
วันดีกัดฟันก้มหน้าอดทน เพราะกลัวถูกไล่ออก
“จำใส่กะโหลกของแกไว้ อย่าเหิมเกริมกับฉัน ถ้าแกยังอยากจะอยู่ใกล้คนที่แกรัก”
แม่นายจิ้มลงไปที่หัววันดีแล้วผลักออกอย่างรังเกียจ
“คนอย่างแก โชคดีแค่ไหนที่ได้เกิดมาเป็นขี้ข้าชั้น ทิ้งไอ้อินถาไว้อย่างนั้น แล้วรีบให้คนไปบอกณไตร ว่าปู่กำลังจะตาย”
แม่นายมองจ้อง วันดีน้ำตาคลอ รับคำสั่งเหี้ยมโหด เลือดเย็นของแม่นาย

หนานไตรยังคงนั่งคุกเข่าอยู่หน้าเรือน สายตามองไปที่เนื้อนางไม่วางตา ม่อนดอย คำฝายที่ถือไม้ก้าวมามอง
“มันน่าตีให้ตายอีกคน”
“เสียแรงเชื่อว่าเป็นพวกเดียวกัน”
หนานไตรมองสบตาเนื้อนาง
“ไปเถอะ ไอ้ม่อนดอย ก่อนที่ฉันจะฆ่าคนได้”
คำฝายทิ้งไม้ในมือ หันหลังเดินไป ไม่อยากเห็นหน้าหนานไตร ม่อนดอยเดินตามออกไป
หนานไตรมองตรงแน่วไปที่เนื้อนาง เป็นจังหวะที่ธรรพ์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“พี่ไตร...คนที่บ้านเพิ่งมาบอก คุณปู่ทรุดหนัก”
“คุณปู่” หนานไตรมองไปด้านใน อย่างพะวักพะพวงทันที
“ไปก่อนเถอะพี่ไตร คุณปู่รักพี่ที่สุดนะครับ”
หนานไตรมองเนื้อนางนิ่งๆ แล้วตัดสินใจลุกขึ้น วิ่งออกไปกับธรรพ์ เนื้อนางหันหลังกลับมาน้ำตาหยดริน เสียใจซ้ำสองที่สุดท้ายหนานไตรก็จากไป

พ่อเลี้ยงอินถานอนใช้เครื่องช่วยหายใจ มีถังออกซิเย่นตั้งอยู่ข้างเตียง หมอเทพทัตคอยดูอาการใกล้ชิด หนานไตร กับธรรพ์เปิดประตูห้อง รีบเข้ามาข้างเตียงอินถา ทัตเทพหันไปหา
“ป้าวันดีโทร.ไปตามฉัน เราปั้มหัวใจท่านขึ้นมาได้ แต่ยังไม่รู้ว่าสมองท่านจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่”
หนานไตรกุมมือปู่ไว้อย่างมีความหวัง “ณไตรของคุณปู่มาแล้ว คุณปู่ฟื้นขึ้นมาเถอะครับ”

ขณะเดียวกันแม่นายยืนอยู่ริมหน้าต่าง เงามืดของพระจันทร์ทาบทับเสี้ยวหน้าแม่นายดูน่ากลัว แขไขยืนอยู่ด้านหลัง
“ณไตรต้องอยู่เฝ้าอินถาที่นี่ จนกว่าอาการจะดีขึ้น พรุ่งนี้เป็นโอกาสที่เราจะไปกำจัดเสี้ยนหนามเล็กๆนั่นให้หมดไปจากชีวิตหนูสักที”
แม่นายกับแขไขยิ้มร้ายให้กัน
อีกด้านดาวเด่นแอบลอบมองสองคนด้วยแววตาเป็นห่วงเนื้อนาง

เช้าวันนี้ เนื้อนางยืนอยู่ตรงระเบียงผามองเหม่อไปไกล น้ำตายังอาบแก้ม นึกถึงภาพหวานชื่นกับหนานไตรที่เพิ่งผ่านไปยิ่งช้ำใจ
แขไขก้าวเข้ามาทางด้านหลังอย่างเงียบกริบ เนื้อนางหันไป ถูกแขไขบีบคอ เนื้อนางดิ้นรน แต่แขไขบีบแรงขึ้น
แม่นายก้าวมามองด้านหลังแขไข
“ผู้หญิงอย่างแก มันก็เป็นได้แค่นางบำเรอของลูกชายฉัน ตายไปสักคน ณไตรก็หามาแทนได้...ไม่ซ้ำหน้า”
แขไขตบเนื้อนางซ้ายขวา จนเนื้อนางทรุด แขไขตามไปจับเนื้อนางกดหน้าลงไปกับพื้น เท้าแขไขที่ใส่ส้นสูงกดลงที่น่องเนื้อนางจังๆ เนื้อนางครางด้วยความเจ็บ แม่นายเดินเข้ามองอย่างใจเย็น
“แต่คนๆ เดียวที่ฉันจะยอมรับว่าเป็นลูกสะใภ้ คือหนูแขไข ไม่ใช่พวกลักกินขโมยกินอย่างแก”
แขไขกดร่างเนื้อนางโน้มไปนอกหน้าผา เนื้อนางมองเห็นความสูงจากเนินผาถึงด้านล่างก็กรีดร้องเสียงดังโหยหวน

“อย่า...”

อ่านต่อหน้า 4

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 6 (ต่อ)

หนานไตรนั่งเฝ้าอาการอินถาอยู่ สักครู่หนึ่งประตูห้องเปิดออก เห็นดาวเด่นก้าวเข้ามา เอ่ยบอกหนานไตรด้วยสีหน้าไม่ดีนัก

“ดาวเห็นแม่นายกับพี่แขออกไปข้างนอก พี่ธรรพ์ไม่ได้ไปด้วย ดาวกลัวว่าพี่แขกับแม่นายจะไปที่ปาง”
หนานไตรลุกขึ้นทันทีด้วยความเป็นห่วง
“เนื้อนาง”
หนานไตรหันไปมองปู่ที่ยังนอนนิ่ง สีหน้าลังเลหนัก จนดาวเด่นเสนอขึ้น
“ถ้าพี่ณไตรอยากไปที่ปาง ดาวเฝ้าคุณปู่ให้ก่อนก็ได้ค่ะ”
“ขอบใจมากนะครับ คุณดาว อีกเดี๋ยวเทพทัตก็คงมาถึงแล้ว”
หนานไตรพุ่งออกจากห้องไปโดยเร็ว ดาวเด่นมองตามด้วยสายตาเป็นห่วง

ด้านเนื้อนางถูกแขไขจิกผม มองลงไปด้านล่างหน้าผาอย่างหวาดกลัว แขไขก้มหน้าลงมาใกล้
“ผู้หญิงอย่างแก มันก็ดีแต่ใช้มารยายั่วยวน ดึงพี่ณไตรไว้ที่นี่”
“ฉันไม่ได้ยั่วยวน ไม่ได้อยากเข้าใกล้หนานไตรด้วยซ้ำ”
แขไขได้ยินแล้วยิ่งโกรธ กดหัวเนื้อนางแรงขึ้น
“แกจะอวดว่าพี่ณไตรเค้าหลงแกเองใช่มั้ย”
เนื้อนางเจ็บจนคราง แขไขระงับความเกลียดชังไว้ไม่ได้
“ไม่มีแกสักคน ป่านนี้ฉันกับพี่ณไตรก็แต่งงานกันไปแล้ว”
เนื้อนางย้อนถาม “ถ้าหนานไตรรักคุณ ทำไมเค้าถึงมาแต่งงานกับฉัน”
ถูกถามตรงๆ ยิ่งจุดความเกลียดชังให้แขไข
“เพราะแกปั่นหัว ออดอ้อนให้พี่ณไตรสงสาร แกทำให้ฉันดูเป็นผู้หญิงใจร้าย เพราะแก พี่ณไตรถึงเกลียดชั้น”
แขไขกดคอเนื้อนางแรงขึ้น เนื้อนางดิ้นรนด้วยความเจ็บ แม่นายมองด้วยสายตาเย็นชาน่ากลัว

ในรถ หนานไตรเร่งเครื่องขับ ทะยานไปข้างหน้าด้วยใจร้อนกว่าไฟ เพราะเป็นห่วงเนื้อนาง
ส่วนที่ระเบียงผาเนื้อนางเริ่มหายใจไม่ออก มองใบหน้าแขไขที่มีแต่ความชิงชัง
“ฉันอยากจะฆ่าแกให้ตายคามือ”
“อย่าให้บาปเปรอะเปื้อนมือเรา หนูแข”
แขไขมอง แม่นายปรามด้วยสายตา แขไขคลายมือที่กดคอเนื้อนางออก เนื้อนางรีบถอยตัว หนีห่างจากแขไขกับแม่นาย
“หนูแขจะเป็นสะใภ้คนเดียวที่ฉันยอมรับ”
“แต่ฉันก็เป็นเมียหนานไตร” เนื้อนางโต้
“เมียที่คว้ามาแก้ขัด แค่จัดงานแต่งงานกลางป่า ไม่ต้องให้สังคมรับรู้ ไม่มีกระทั่งแม่ที่จะมารดน้ำสังข์ อวยพร”
เนื้อนางน้ำตาคลอที่ถูกแม่นายจี้จุด
แขไขเหยียดยิ้ม หยามหยัน “ของชั่วคราว คั่นเวลา”
เนื้อนางฟังแล้วน้ำตาไหลพราก

หนานไตรขับรถเข้าปางมาแล้วอย่างรวดเร็ว

ฝ่ายเนื้อนางน้ำตานองหน้า มองแม่นายและแขไข ตอบกลับไปด้วยแววตาทรนง
“หนานไตรบอกว่ารักฉัน”
“แกอยากได้แค่นี้ไม่ใช่เหรอ คำว่า รัก จากปากผู้ชาย งานแต่งงานมีหน้ามีตา ให้แกกับตาชูคอในปางนี้ได้”
เนื้อนางเถียง “ไม่จริง พวกเราไม่ได้หวังสมบัติของคุณ ถึงจนแค่ไหน เราก็ไม่เคยตะเกียกตะกายอยากได้ของๆ คนอื่น”
แขไขคิดว่าเนื้อนางท้าทาย กระชากตัวขึ้นมาตบอย่างแรง จนเนื้อนางกระเด็นไป
“แกหาว่าฉันอยากได้พี่ณไตรเหรอ พี่ณไตรไม่ใช่ของแก พี่ณไตรเป็นของฉัน”
เนื้อนางล้มลงไป น้ำตานองหน้า แต่ยังหันมามองแม่นายกับแขไขด้วยแววตาเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีตัวเอง
“ต่อให้คุณตบตีฉันแค่ไหน ฉันก็ยืนยันว่าฉันไม่เคยคิดจะแย่งคนรักของใคร”
“ฉันมีทางเลือกให้คนดื้อด้านอย่างแก” เนื้อนางเห็นแววตาเลือดเย็นของแม่นายที่มองมา “แกเลือกเอา เนื้อนาง อยากมีลมหายใจอยู่ หรืออยากตายบูชาความรักโง่ๆ
แม่นายจ้องเนื้อนางด้วยความเกลียดชังแล้วหันหลังออกไป แขไขสะบัดหน้าตามออกไป ทิ้งเนื้อนางให้สะอื้นออกมาด้วยความเจ็บช้ำเพียงลำพัง

คำฝายกำลังตากสมุนไพรอยู่หลังเรือน ม่อนดอยวิ่งมาหน้าตาตื่น
“คำฝาย...คำฝาย! แม่นายมาที่ปาง”
“มาอีกแล้ว มาทำไม แล้วตอนนี้อยู่ไหน”
“ฉันหาจนทั่วปางแล้ว ยังไม่เจอตัว เหลือแต่...”
“บ้านต้นไม้...เรือนหอเนื้อนาง... ตาย ๆ ๆ เนื้อนางแย่แล้ว”
คำฝายทิ้งกระจาดสมุนไพร จะวิ่งออกไปกับม่อนดอย หนานไตรวิ่งมาโดยเร็ว
“ม่อนดอย คำฝาย! แม่นายอยู่ที่นี่”
คำฝายโมโห “อ๋อ.. รู้เหมือนกันใช่มั้ย รู้แล้วปล่อยแม่ตัวเองมาหาเรื่องเนื้อนางทำไม”
“ผมไม่ได้อยากให้มีเรื่องกันนะ คำฝาย ยังไงเนื้อนางก็เป็นเมียผม”
คำฝายประชด “เมีย! เมียชาวป่าชาวดอยมันไม่มีหัวจิตหัวใจหรอก มันซื่อ ซื่อจนโง่ที่หลงเอาหัวใจฝากไว้กับผู้ชายรวยๆ”
ม่อนดอยปราม “คำฝาย...เรื่องผัวเมียให้หนานไตรกับเนื้อนางเค้าคุยกันเอง”
คำฝายมองเจ็บใจ หนานไตรมองคำฝายด้วยแววตาจริงจังให้ความเชื่อมั่น
“ผมรัก เป็นห่วงเนื้อนางไม่น้อยกว่าคุณ เนื้อนางเจ็บ ผมก็เจ็บ เพราะเนื้อนางคือชีวิตของผม”
หนานไตรพูดจบก็วิ่งเร็วออกไปเลย ม่อนดอย กับคำฝายมองตาม หวังว่าหนานไตรจะผ่อนความทุกข์ของเนื้อนางลงได้บ้าง

เนื้อนางในสภาพสะบักสะบอม นั่งสะอื้นอยู่ที่ระเบียงผา ด้านหลังหนานไตรวิ่งเข้ามา
“เนื้อนาง”
เนื้อนางหันมามอง หนานไตรตรงเข้ามาจับไหล่ประคองเนื้อนางลุกขึ้น
“แม่นายกับแขไขมาทำอะไรคุณหรือเปล่า”
“เค้าทำแล้วคุณจะช่วยอะไรฉันได้ หนานไตร” เนื้อนางตัดพ้อ
“ผมรักคุณนะ เนื้อนาง ไม่ว่าแม่นายกับแขไขจะพูดอะไร ผมขอยืนยันกับคุณ ความรู้สึก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเรา คือความรัก”
“คุณพูดให้ความหวังผู้หญิงมากี่คนแล้ว”
“เนื้อนาง ผมบอกคุณคนเดียว”
“โกหกฉันอีกใช่มั้ย หนานไตร”
“ผมผิดที่เคยโกหกคุณเรื่องเป็นผู้จัดการ แต่เรื่องของเรา ผมไม่เคยโกหกผมไม่เคยรักแขไข ผมรักเนื้อนาง ผมรักเมียของผมคนเดียว”
หนานไตรประคองใบหน้าเนื้อนางที่น้ำตาอาบแก้มไว้
“หลังงานแต่ง ผมตั้งใจจะบอกความจริง ตั้งใจจะพาคุณไปกราบแม่นาย”
หนานไตรใช้นิ้วปาดเช็ดน้ำตาให้เนื้อนางอย่างปลอบประโลม เนื้อนางเงยหน้ามอง
“ฉันไม่เคยต้องการเป็นสะใภ้หิมวัต ฉันรักคุณ แต่งงานกับคุณ เพราะคุณคือหนานไตร”
“ผมรู้ เนื้อนาง ความรักของคุณบริสุทธิ์เหลือเกิน”
หนานไตรจับไหล่เนื้อนางไว้ แล้วมองด้วยสายตาขอร้อง
“เนื้อนางครับ ผมไม่มีวันทอดทิ้งคุณ อดทนเพื่อผมได้มั้ย ตอนนี้คุณปู่ไม่สบายมาก ขอให้ผมได้ดูแลท่านอย่างดีที่สุด”
เนื้อนางเอาแต่สะอื้น หนานไตรยิ่งสงสาร
“รอผมอยู่ที่นี่นะครับ เนื้อนาง รอผมมารับ ให้ผมคุยกับแม่นายเรื่องของเรา คุณเชื่อใจผมนะ ยังไงผมก็ไม่แต่งงานกับแขไข”
เนื้อนางมองหนานไตรเห็นแววตาจริงจังของเขา หนานไตรบรรจงจูบหน้าผากและกอดเนื้อนางไว้แนบแน่น
“หัวใจผมเป็นของเนื้อนางคนเดียว ถ้าไม่มีคุณ ชีวิตผมก็ไม่มีความหมายอะไรอีก”

เนื้อนางสะอื้น กอดตอบหนานไตรแน่น

ขณะที่แขไขเดินเข้าบ้านหิมวัตมากับแม่นายศรีวัลลา จันตารีบออกมารายงาน

“คุณณไตรไม่ได้อยู่เฝ้าพ่อเลี้ยงค่ะ ไม่รู้หายไปตอนไหน”
แขไขสังหรณ์ใจ หันขวับไปทางแม่นาย
“พี่ณไตรไปหาเนื้อนาง”
จันตาบ่นบ้าเอาใจนาย “เนื้อนางนี่มันเสน่ห์ร้ายกาจจริงๆ นะคะ สงสัยจะเล่นคุณไสย มนต์ดำถึงดึงคุณณไตรให้กลับไปหาได้ทุกที”
แขไขร้อนใจ “แม่นายคะ”
“ไม่ต้องไปตาม ตราบใดที่อินถายังนอนพะงาบอยู่ที่นี่ ณไตรก็ต้องกลับมา”
“แล้วถ้าเกิดคราวนี้ พี่ณไตรพาเนื้อนางเข้ามาอยู่ที่บ้านหิมวัตด้วยล่ะคะ”
“ฉันก็จะตัดหางปล่อยวัดมัน ดูสิว่าณไตรยังจะกล้าเลือกเนื้อนาง มากกว่าแม่อีกมั้ย”
แม่นายเดินหน้าเชิดเข้าบ้านไป แขไขสีหน้ากังวล จันตามองแล้วจีบปากจีบคอปลอบ
“เมียกับแม่ นี่เลือกไม่ยากหรอกค่ะ ดูที่ผ่านๆ มาก็รู้นะคะว่าคุณณไตรจะเลือกใคร”
จันตาเดินเข้าไปอีกคน ทิ้งแขไขให้อยู่กับความว้าวุ่นสับสนในใจ

เนื้อนางนั่งมองเหม่ออยู่บนเรือนหอต้นไม้ ทอดสาตาไปไกลลิบ ส่วนที่ด้านล่าง แสงคำยืนอยู่กับม่อนดอย คำฝาย แสงคำมองตรงไปที่เนื้อนางด้วยอารมณ์คุกรุ่น
“อ้ายจะไปฆ่าหนานไตร”
คำฝายประชดส่ง “เออไปเลย แสงคำ รีบๆ ไป จะได้ถูกพวกแม่นายลากคอเข้าตะราง แทนที่จะอยู่ช่วยกันปกป้องเนื้อนาง”
เนื้อนางหันมามอง แสงคำถามขึ้นตรงๆ “อ้ายไม่เข้าใจ ทำไมเนื้อนางต้องรอมัน”
“อ้ายแสงคำ เนื้อนางเป็นเมียหนานไตรนะ”
“แต่มันหลอกเนื้อนาง”
“หลอกเรื่องเป็นพ่อเลี้ยงน่ะใช่ แต่ถ้าหนานไตรจะรับผิดชอบ มันต้องพาเนื้อนางเข้าไปอยู่บ้านหิมวัต” คำฝายว่า
ม่อนดอยบอกเสียงขุ่น “ก็ให้เวลาเค้าจัดการปัญหาหน่อยสิ หรืออยากให้ผัวเมียเค้าเลิกกันนัก”
“ลมปากคนเมือง ยังจะเชื่อมันได้อีกเหรอ”
แสงคำรำคาญ ก้าวพรวดๆ ไปเลย ม่อนดอยมองเนื้อนางเอ่ยขึ้นว่า
“เรื่องอื่นไม่รู้ แต่หนานไตร เอ่อ...คุณณไตร เค้ารักเนื้อนางจริงๆ นะ ฉันผู้ชายด้วยกันดูออก”
คำฝายพาล “วันหลังก็ดูเร็วๆ หน่อย ราศีพ่อเลี้ยงมันไม่แยงตาเอ็งมั่งเลยรึไง เนื้อนางจะได้ไม่ต้องมากินน้ำตาต่างข้าวแบบนี้”
เนื้อนางเอ่ยขึ้น “พี่คำฝาย ม่อนดอย ฉันไม่ได้รอเพราะอยากเป็นสะใภ้หิมวัต ฉันรอเพราะหนานไตรเค้าบอกว่าจะไม่แต่งงานกับคุณแขไข เค้าสัญญาว่าเนื้อนางจะเป็นเมียคนเดียวของเค้า”
คำฝายกับม่อนดอยฟังแล้ว ได้แต่สงสารเนื้อนาง

กลับจากปาง หนานไตรเดินเข้าบ้านมา เจอแม่นาย แขไขนั่งรออยู่ มีวันดีกับจันตากำลังเสิร์ฟของว่าง ธรรพ์หันมองพี่ด้วยสายตาอึดอัด แม่นายพอเห็นลูกชายก็พูดแดกดันขึ้นทันที
“น่าสงสาร พ่อเลี้ยงอินถา คิดจะฝากผีฝากไข้ แต่หลานรักกลับทิ้งปู่ไปหาผู้หญิง”
“คุณปู่เข้าใจดีครับว่า ผมต้องให้ความยุติธรรมกับทุกคน แล้วผมก็กำลังรักษาชื่อเสียงของหิมวัต ไม่ให้มัวหมองเพราะความใจแคบของคนที่นี่” หนานไตรย้อน
“ฉันไม่เคยใจแคบ แต่แกบีบให้ฉันทำเอง ถ้าแกไม่ขัดคำสั่งแม่ ไปเลือกเมียอย่างเนื้อนาง”
หนานไตรบอกย้ำ “แม่นายครับ ผมมองออกว่าผู้หญิงแบบไหนที่ควรจะอยู่เคียงข้างผม”
“หลงเสน่ห์มันจนไม่ลืมหูลืมตาต่างหาก แกอยากได้มันเป็นเมีย...ก็ได้แล้วนี่...เลิกเล่นสนุกได้แล้ว ณไตร”
“ผมไม่ได้เล่นสนุก ผมจริงจังกับเนื้อนางผมต้องการให้เนื้อนางเป็นสะใภ้ของหิมวัต”
“ถ้าแกเลือกเนื้อนาง ฉันจะไม่ยกสมบัติให้แกสักสตางค์แดงเดียว”
ทุกคนที่ได้ยิน ต่างพากันตกใจ
วันดีมองไปยังธรรพ์ที่สีหน้ายุ่งยากใจเมื่อเห็นแม่กับพี่ชายมีแต่ความบาดหมาง
“ไม่เป็นไรครับ เนื้อนางมีค่ากับผมมากกว่าสมบัติทั้งหมดของหิมวัต”
แขไขโมโห “พี่ณไตรกล้าเลือกเนื้อนางแล้วทิ้งทุกอย่างของหิมวัตเหรอคะ”
“แล้วถ้าผมทิ้งเนื้อนาง เพราะห่วงสมบัติ ผมยังจะเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายได้อีกหรือครับ”
หนานไตรพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ถ้าผมทำให้แม่นายผิดหวัง ยังมีธรรพ์อีกคนไงครับที่จะสืบทอดทุกอย่างของหิมวัตได้”
“พี่ไตร พี่ก็รู้ว่าพี่คือความหวังของตระกูล ไม่ใช่ผม”
“พี่ไม่ใช่ความหวังของใครอีกแล้ว ธรรพ์เป็นน้องรักของพี่ ธรรพ์มีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะครอบครองหิมวัตแทนพี่” หนานไตรหันไปมองแม่ “ผมจะเรียนคุณปู่เรื่องเนื้อนาง ถ้าแม่นายยังยืนยันจะให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมไม่รัก ผมก็มีทางเลือกเดียว ผมจะไปจากหิมวัตเอง”
หนานไตรประกาศท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน แล้วเดินออกไปทางห้องอินถา
แขไขมองตามตาขุ่นผิดหวังรุนแรงที่หนานไตรเลือกเนื้อนาง ส่วนธรรพ์นิ่วหน้ามีแต่ความยุ่งยากใจ วันดีมองธรรพ์ด้วยความสงสาร
ขณะที่แววตาของแม่นายยังกร้าวแข็ง และไม่ยอมแพ้

หนานไตรเดินเข้ามาในห้อง ดาวเด่นอยู่เฝ้าอินถา
“พี่หมอมาตรวจคุณปู่แล้ว เพิ่งกลับไปโรงพยาบาล ค่ำๆ จะมาใหม่ค่ะ”
หนานไตรนั่งลงข้างเตียงปู่ “ขอบใจมากนะครับ คุณดาว”
ดาวเด่นลุกขึ้น “ดาวไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับทุกอย่างที่พี่แขทำลงไปนะคะ”
หนานไตรหันมองดาวเด่น
“แต่ดาวรู้ว่า พี่แขรักพี่ณไตรจริงๆ”
“คุณแขก็คงเหมือนผม รักใครแล้วก็จะมีรักเดียว”
“งั้นพี่แขก็ต้องทำใจใช่มั้ยคะ เพราะพี่ณไตรจะไม่รักใครนอกจากเนื้อนาง”
ดาวเด่นเห็นสายตาหนานไตรแล้ว ออกไปจากห้องจ๋อยๆ
หนานไตรหันมาเห็นอินถาลืมตาอยู่ ได้ยินสิ่งที่หนานไตรคุยกับดาวเด่น
“เนื้อนางเป็นใคร”
“เมียผมครับ คุณปู่ หลานสาวหมื่นหล้า”
อินถาทวนชื่อ “หลานสาวหมื่นหล้า ฉันจำหมื่นหล้าได้ ควาญที่เก่งที่สุดของเรา”
ที่ประตูด้านนอก จันตาแอบแง้มประตู ลอบฟังอินถากับหนานไตรคุยกัน
“ผมทำให้แม่นายผิดหวัง ผมรักเนื้อนาง เรารักกันทั้งๆ ที่แม่นายไม่เห็นด้วย เนื้อนางเป็นคนดีนะครับ เธออดทน จริงใจ รักที่ตัวผม ไม่ได้รักเพราะผมรวย หรือที่ผมเป็นหลานตระกูลหิมวัต”
“แต่แม่แกก็ยังแข็งขืนที่จะยัดเยียดผู้หญิงที่เค้าเลือกมาให้”
“ครับ คุณปู่”
“ณไตร ปู่เลี้ยงแกมา ปู่รู้ว่าแกเป็นคนยังไง สิ่งที่แกเลือก มันจะต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด” อินถายิ้มท่าทีอ่อนแรง มองหนานไตร “พาเมียแกมาหาปู่”
หนานไตรตื่นเต้นดีใจ “คุณปู่จะยอมรับเนื้อนางใช่มั้ยครับ”
จันตาที่แอบฟังอยู่ตาลุกวาว
“ฉันคือประมุขของหิมวัต ถ้าฉันยอมรับสะใภ้คนไหน ทุกคนก็ต้องถือว่าเค้าเป็นคนในครอบครัว”
จันตารีบหลบออกไป ส่วนหนานไตรก้มลงกราบปู่ด้วยความสุขใจเป็นที่สุด

แม่นายหันขวับแววตากระด้าง จันตายืนรายงานอยู่ด้านหลัง

“ประมุขของหิมวัตไม่ใช่แก อินถา แกไม่มีวันได้เห็นหน้าสะใภ้ที่ฉันเกลียด”

เย็นลง เนื้อนางยังนั่งเศร้าอยู่บนเรือนหอต้นไม้ มองไปไกล แววตาหมองหม่น คำฝาย ม่อนดอย และแสงคำ ที่คอยอยู่เป็นเพื่อน มองหน้าปรับทุกข์กัน

“นี่มันเวรหรือกรรม อุตส่าห์ฝ่าฟันจนได้แต่งงาน ดันมาเจอแม่ผัวใจยักษ์ใจมารเข้าอีก”
“รักแท้มันก็ต้องมีอุปสรรคสิ” ม่อนดอยบอก
คำฝายหันไปมองทางแสงคำที่แววตาห่วงใยเนื้อนาง
“คนที่รัก ก็ดันไม่ใช่ ไอ้ที่ใช่ก็ดันมีแต่ปัญหา”
คำฝายถอนใจ ทุกคนมองไปที่เนื้อนางด้วยแววตาเห็นใจ

ฝ่ายหนานไตรนั่งอยู่กับธรรพ์ที่ศาลาในสวน วันดีกำลังเก็บจานชามที่สองพี่น้องกินเสร็จ
“พรุ่งนี้นายดูแลคุณปู่แทนฉันด้วยนะ ธรรพ์”
วันดีกับธรรพ์หันมองหนานไตร
“ฉันจะไปรับเนื้อนางมากราบคุณปู่”
“แล้วแม่นายล่ะครับ แม่นายต้องขวางสุดตัวแน่ๆ”
“ยังไงเนื้อนางก็ต้องเป็นสะใภ้ของหิมวัต”
“สงสารคุณแขนะครับ เธอรักพี่มาก”
“อีกหน่อยคุณแขก็คงได้เจอผู้ชายที่รักเธอมากเหมือนกัน คนที่พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้เธอมีความสุข”
“สายตาคุณแขไม่เคยมองคนอื่น นอกจากพี่ไตรหรอกครับ”
หนานไตรหันมองไปด้านนอก ไม่ทันสังเกต มีแต่วันดีที่มองเห็นความเศร้าในแววตาของธรรพ์

คืนนั้นแขไขเดินไปเดินว้าวุ่นใจอยู่ที่ระเบียงบ้าน ส่วนแม่นายนั่งใช้ความคิด จันตานั่งรอรับคำสั่ง
“แขไม่ยอมให้เนื้อนางเหยียบบ้านหิมวัตนะคะ”
ดาวเด่นกำลังจะไปห้องนอน ได้ยินแขไขพูดก็ทนไม่ได้ เดินตรงมาหาพี่สาว
“พอเถอะพี่แข ยิ่งดิ้นรน ก็มีแต่พี่ณไตรเค้าจะเกลียดพี่แขมากขึ้น” แขไขหันขวับมองน้องสาว “พี่ณไตรเค้ารักเนื้อนาง เพราะเนื้อนางไม่เคยทำตัวให้ใครดูถูก ไม่วิ่งไล่ตามหึงหวงผู้ชาย แค่นี้พี่แขยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
แขไขโมโหสุดขีด ตบหน้าดาวเด่นดังฉาดจนหน้าหัน จันตาถึงกับสะดุ้ง ตรงข้ามกับแม่นายที่ยิ้มเย็น
“แกกล้าดียังไง มาสอนฉัน”
ดาวเด่นหันมองแขไขด้วยความเสียใจ “พี่แขไม่รักน้อง”
“ก็แกไม่เคยช่วยฉันเลย แกเข้าข้างเนื้อนาง”
ดาวเด่นเถียง “ดาวไม่ได้เข้าข้างใคร ดาวเป็นห่วงพี่แขนะ ไม่อยากให้พี่แขเป็นบ้าไปมากกว่านี้”
“ไม่ต้องห่วง ฉันเป็นใคร แขไข วิชิตภูบาล ทำไมฉันต้องแพ้นังผู้หญิงชั้นล่างอย่างเนื้อนางด้วย”
ดาวเด่นน้ำตาคลอ แขไขมองเห็นยิ่งโมโห
“จันตาไปช่วยคุณดาวเด่นเก็บของ แล้วให้คนพาไปสถานีรถไฟคืนนี้เลย” แม่นายเอ่ยขึ้น
ดาวเด่นหันขวับมองแม่นาย
“ไม่ต้องไล่หรอกค่ะ แม่นาย ดาวไม่เคยอยากอยู่ที่นี่ ที่ดาวทนเพราะดาวห่วงพี่แข”
“ไม่มีอะไรที่เธอจะต้องเป็นห่วง แค่ญาติห่างๆ ที่คุณหญิงเค้าพามาเปิดหูเปิดตาด้วย หมดเวลาที่เธอจะเที่ยวเล่นในหิมวัตแล้ว กลับไปซะ”
ดาวเด่นหันไปทางแขไข “พี่แข”
“จันตา...จัดของดาวเด่นเอาแต่ที่จำเป็น ไปให้ทันรถไฟเที่ยวสุดท้าย”
ดาวเด่นน้อยใจ “พี่แขไล่ดาว”
“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ”
แม่นายบอกย้ำ “จำไว้ดาวเด่น ถ้าฉันไม่เชิญ ก็อย่ามาที่นี่อีก”
ดาวเด่นน้ำตาร่วง วิ่งเข้าไปด้านใน จันตาเดินตาม
“คงไม่ต้องเสียเวลาจัดของแล้วมั้งคะ พาตัวไปเลยดีกว่า”
แม่นายยิ้มกับจันตาอย่างสะใจที่แขไขกำจัดดาวเด่นให้พ้นหูพ้นตาได้ แขไขไม่สนใจ มองดาวเด่นเลยแม้แต่น้อย เพราะห่วงแต่เรื่องของตัวเอง

ดาวเด่นวิ่งเข้าห้องมา คว้าหมอนฟาดลงบนเตียงด้วยความน้อยใจ
“ฉันเกลียดบ้านหิมวัต เกลียด เกลียด ชั่วชีวิตฉันก็จะไม่มาเหยียบบ้านนี้อีก”
ดาวเด่นสะอื้นด้วยความเสียใจอย่างรุนแรง

เนื้อนางยืนอยู่บนเรือนหอต้นไม้ มองพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นสาดแสงสีทองส่องไปทั่วบริเวณ บรรยากาศหนาวเย็นลง ยิ่งทำให้เนื้อนางว้าเหว่ สายตามีแต่ความเศร้ากับการรอคอยหนานไตร

ด้านหนานไตรกำลังป้อนข้าวอินถา มีธรรพ์คอยดูอยู่ใกล้ๆ วันดีนั่งมองอินถาที่กินข้าวด้วยรอยยิ้มมีความสุข
“วันนี้พ่อเลี้ยงคงดีใจที่คุณณไตรอยู่ด้วย ทานข้าวได้มากกว่าทุกวันเลย”
หนานไตรยิ้มเอาผ้าเช็ดปากปู่ อยู่ๆ อินถาสำลัก หนานไตรรีบประคอง อินถาหน้าเขียว
“คุณปู่”
อินถาจับคอ หายใจไม่ออก
“แสบ...แสบคอ”
หนานไตร ธรรพ์ และวันดีตกใจ
“ธรรพ์ให้คนไปรับไอ้เทพมาเร็ว” หนานไตรสั่งน้อง
วันดีเข้าไปช่วยประคองอินถาที่กำลังสำลัก และอาเจียนข้าวออกมา หนานไตรมองเห็นปู่หน้าเขียว อาการเหมือนกินของมีพิษเข้าไป
“พ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงเป็นอะไร”
อินถายังสำลักไม่หยุด หนานไตรเอะใจหันไปมองชามข้าวต้ม
“ใครทำข้าวต้มชามนี้”
“บัวผุดค่ะ”
วันดีตอบ หนานไตรตาลุกวาว ธรรพ์ได้ยินแล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที

บัวผุดกำลังเก็บจานข้าวที่โต๊ะทานอาหารเช้า ธรรพ์วิ่งเร็วเข้ามา
“อย่าหนีไปไหนนะ บัวผุด”
บัวผุดงง “อะไรเจ้า”
“คุณปู่อาเจียน ท่านอาจจะโดนวางยา”
บัวผุดตกใจ “บัวผุดไม่รู้เรื่องนะเจ้า บัวผุดไม่ได้ทำ”
“ใครอยู่ข้างนอก มาเอาตัวบัวผุดไปขังไว้”
คนงานชาย 3 คนวิ่งเข้ามา สองคนจับบัวผุดทันที บัวผุดร้องโวยวาย
“บัวผุดไม่ได้วางยาพ่อเลี้ยงอินถา ไม่ใช่บัวผุด ไม่ใช่นะเจ้า บัวผุดไม่รู้เรื่อง”
ธรรพ์รีบหันไปสั่งคนงานอีกคน
“เอารถไปรับหมอเทพทัตมาที่นี่เร็ว”

หนานไตรมองอินถาที่จับคอทุรนทุราย หายใจฟืดฟาดรุนแรง ธรรพ์วิ่งกลับเข้ามา
“จับตัวบัวผุดไว้แล้วครับ”
หนานไตรหันไปทางอินถาด้วยสายตาเครียด
“คุณปู่ครับ หมอกำลังจะมานะครับ”
หนานไตรกับธรรพ์สีหน้าเครียดมาก วันดีตัวสั่นด้วยความกลัว
“ใจคอโหดเหี้ยมเหลือเกิน ทำไมจะฆ่าจะแกงท่านได้ลงคอ”
หนานไตรนึกเอะใจ “ป้าวันดีรู้ใช่มั้ยว่าใครเป็นคนทำ”
วันดีรีบปฏิเสธ “ไม่ค่ะ ไม่รู้”
“ไม่รู้ หรือไม่กล้าพูดกันแน่”

หนานไตรเสียงเข้ม จนวันดีไม่กล้าสบตาตรงๆ

ประตูห้องนอนบนเรือนเนื้อนางเปิดออก หมื่นหล้าถือขอสับช้างในมือ กำลังจะก้าวลงบันไดออกไปทำงาน แต่แลเห็นแม่นายศรีวัลลายืนจ้องอยู่ด้านล่าง มีจันตายืนคอยระวังอยู่ด้านหลัง

“แม่นายศรีวัลลา” หมื่นหล้าแปลกใจ
“แกต้องการเงินเท่าไหร่ หมื่นหล้า” แม่นายเอ่ยขึ้น
“เงิน เงินอะไรกันครับ” หมื่นหล้าฉงน
“ค่าความสาวของหลานแก ที่ทะเยอทะยาน ทอดสะพานเสนอตัวให้ลูกชายฉัน อยากเป็นสะใภ้หิมวัตจนตัวสั่น”
“แม่นาย! อย่าดูถูกกันให้มากนัก”
หมื่นหล้ากำขอช้างในมือจนข้อเกร็ง จันตาขยับกลัวหมื่นหล้าจะทำร้ายแม่นาย แต่แม่นายมองสู้ตาด้วยแววตาเรียบนิ่ง ไม่สะทกสะท้าน
“ถ้าแกฆ่าฉันด้วยขอสับช้าง รับรองว่าแกกับหลานสาวไม่ตายดีแน่ หิมวัตจะจองล้างจองผลาญแกกับเนื้อนางจนไม่มีแผ่นดินกลบหน้า”
“หลานสาวข้าไปทำอะไรให้แกนักหนา”
“มันเอาตัวลูกชายฉันไป”
“หนานไตรมารักมาชอบเนื้อนางก่อน” หมื่นหล้าบอก
“เพราะหลานแกทำใสซื่อ จ้องจะจับลูกชายฉัน วางแผนกันมาดีล่ะสิเชื้อไม่ทิ้งแถว ตั้งแต่แม่ยันลูก”
หมื่นหล้าโกรธจนหลุดปาก “ศรีวัลลา”
หมื่นหล้าหายใจแรงด้วยความโกรธ แม่นายมองจ้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ฉันเกือบจะลืมชื่อลูกสาวแกไปแล้ว จันทร์เป็ง ช่างฟ้อนในคุ้มหลวง ผู้ชายถึงกับฆ่ากันตายเพราะแย่งตัวมัน แล้วยังไงนะ” ศรีวัลลายิ้มหยัน “สุดท้ายมันก็ตรอมใจตายเพราะถูกผัวฝรั่งทิ้ง”
หมื่นหล้าเงื้อขอสับช้างขึ้น จันตามองตกใจ แม่นายจ้องหมื่นหล้า
“ถ้าแกทำให้เลือดฉันตกลงพื้น แม้แต่หยดเดียว หลานสาวแกจะถูกรุมทึ้งจากผู้ชาย สักสิบ ยี่สิบคน พอมั้ย”
“อย่าทำอะไรเนื้อนาง”
อาการเจ็บหน้าอกของหมื่นหล้ากำเริบ พยายามทรงตัว แม่นายมองจ้อง
“ฉันมาเตือนครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าแกไม่ไสหัวออกไปจากปางของชั้นทั้งตาทั้งหลาน แกจะต้องทนทรมานเหมือนตอนที่เห็นลูกสาวตรอมใจตาย” แม่นายจ้องหมื่นหล้าที่แทบจะทรงตัวไม่ไหว “ฉันจะล้างผลาญชีวิตหลานสาวแก ให้มันตกนรกทั้งเป็นยิ่งกว่าแม่มัน”
แม่นายหันหลังเดินลงจากเรือนไปทันที จันตาเดินตามติดแม่นายไปด้วย
หมื่นหล้าขยับตัว รวบรวมกำลัง จะลงจากเรือนด้วยความเป็นห่วงหลานสาว
“เนื้อนาง...อย่าทำอะไร...เนื้อนาง หลานข้า”
หมื่นหล้าก้าวลงบันได แต่พอเหยีบขั้นแรก หมื่นหล้าเจ็บที่หัวใจจนเซ เลยก้าวพลาด กลิ้งลงจากบันไดเรือน ลงมานอนสลบแน่นิ่งที่พื้นด้านล่าง

ด้านเนื้อนางหันมาทางคำฝายกับม่อนดอย
“เนื้อนางจะไปหางานทำในเมือง”
“จะออกไปจากปางนี้เหรอ แล้วหนานไตรล่ะ” คำฝายย้อนถาม
“ถ้าเราไม่เป็นลูกจ้างของแม่นาย เค้าก็จะมากดขี่ ด่าว่าเราไม่ได้”
ม่อนดอยถอนใจเฮือก “เฮ้อ...สงสารหนานไตร ข้างนึงก็แม่ ข้างนึงก็เมีย”
คำฝายโมโห “เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวหลังมือ สงสารเนื้อนางก่อน จะถูกแม่ผัวขย้ำจมเขี้ยวอยู่แล้ว”
“เจ็บแค่นี้ เนื้อนางทนได้ แต่เนื้อนางไม่อยากให้ตาต้องทุกข์ใจ อายคนโดนใครดูถูกเพราะเรื่องหนานไตรกับเนื้อนางอีก”
เนื้อนางมองออกไป สายตาเป็นห่วงหมื่นหล้ามากที่สุด

ฝ่ายหมื่นหล้านอนฟุบอยู่ที่พื้น แสงคำเดินมาจากปางช้าง มองเห็นก็รีบวิ่งเข้ามาดู
“พ่ออุ๊ย พ่ออุ๊ย”
แสงคำรีบประคองหมื่นหล้าขึ้น มองด้วยสายตาตกใจ
ส่วนเนื้อนางมอง คำฝาย กับม่อนดอยที่อยู่ใกล้ๆ เป็นเชิงถามว่าจะเอายังไง
“ตั๋วตัดสินใจยังไง พี่ก็เอาด้วย คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก อดมื้อกินมื้อก็ยังดีกว่าโดนพวกแม่นาย กับคุณแขไขมาจิกหัวเล่น”
“หนานไตรเค้าไม่ปล่อยให้เมียลำบากหรอก” ม่อนดอยบอก
“เฮอะ...แน่จริงก็ซื้อบ้านหลังโก้ๆ ให้เนื้อนางอยู่สิวะ ข้าถึงจะเชื่อ แกล่ะ ไอ้ม่อนดอย จะออกจากปางด้วยมั้ย หรือจะเปลี่ยนสี คอยอยู่รับใช้คุณแม่นาย”
“ฉันไม่อยากรับใช้แม่นายหรอก ถ้าจะอยู่ ก็อยู่ทำงานให้หนานไตร”
แสงคำวิ่งมาหน้าตาตื่น ทุกคนหันไปมอง
“เนื้อนาง...พ่ออุ๊ยแย่แล้ว”
“ตา...ตาเป็นอะไร” เนื้อนางตกใจมาก

เหตุการณ์ที่บ้านหิมวัต หนานไตรยืนอยู่ด้วยอารมณ์โกรธจัด แขไขยืนห่างไปหน่อย คนงานชาย 2 คนดึงตัวบัวผุดมาคุกเข่า แล้วออกไป
“พูดมา บัวผุด ใครสั่งให้แกทำร้ายคุณปู่”
“บัวผุดไม่รู้จริงๆเจ้า บัวผุดแค่ทำข้าวต้มให้ท่าน”
“พี่ไตรคะ บัวผุดมันจะทำไปทำไม คนอย่างมันใจอ่อนจะตาย” แขไขแทรกขึ้น
“คนนอก อย่ายุ่ง” หนานไตรพูดแทบเป็นตวาด แขไขชักสีหน้าทันที
“ฉันจะถามอีกคำเดียว ถ้าแกไม่พูด ฉันจะส่งแกให้ตำรวจ”
บัวผุดร้องไห้โฮ
“บัวผุดไม่ได้ทำ สาบานให้ฟ้าผ่าเลยก็ได้ บัวผุดไม่ได้วางยาพ่อเลี้ยงอินถา บัวผุดไม่รู้เรื่อง”
หนานไตรจ้องบัวผุดด้วยสายตาแทบจะฆ่าให้ตายคามือ

เนื้อนางวิ่งขึ้นเรือนมาเห็นหมื่นหล้าหน้าขาวซีด นอนไม่ได้สติ ก็ตรงเข้าไปกอดประคองกุมมือตา
“ตาจ๋า”
แสงคำ ม่อนดอย และคำฝายตามกันเข้ามา
“ไปตามหมอมาเถอะ” ม่อนดอยดูอาการแล้วเอ่ยขึ้น
คำฝายบอก “หมอเทพทัตโรงพยาบาลในเวียงไง”
“ไกลขนาดนั้น กว่ามันจะมาถึง พ่ออุ๊ยแย่พอดี” แสงคำว่า
“งั้นฉันไปตามหมออนามัยมาดูก่อน”
ม่อนดอยวิ่งออกไปทันที เนื้อนางบีบมือหมื่นหล้าด้วยความเป็นห่วงตาจับหัวใจ

“ตาจ๋า ตาอย่าเป็นอะไรนะจ๊ะ ตาต้องอยู่กับเนื้อนาง”

อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น