ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 20
มั่นกำลังปอกมะพร้าวอยู่ บุษบาบรรณกำลังปั้นแป้งบัวลอยอยู่กับชื่น ทาสหญิง1วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาลากตัวมั่น
ทาสหญิง1บอก
"ไอ้มั่นงู ไปช่วยกันหน่อยเร็วเข้า"
"เดี๋ยวๆ งูอะไรกัน"
"งูเห่าแน่ๆมันแผ่แม่เบี้ยขู่อยู่หน้าห้องคุณหาญแน่ะ"
บุษบาบรรณได้ยิน นึกถึงตะวันขึ้นมา
"เจ้าว่างูอยู่ที่ใดรึ"
ทาสหญิง 2 บอก
"มันเลื้อยออกมาจากห้องคุณหาญเจ้าค่ะ"
"ตะวัน"
มั่นหันมองบุษบาบรรณ
"ตะวันทำไมรึขอรับ"
"ตะวันขึ้นไปเอาของให้เราในห้องน่ะสิ"
มั่นตกใจทิ้งงานที่ทำอยู่รีบไป บุษบาบรรณรีบตามไปทันที ทาสหญิง 1 รีบตามไป
งูเห่าตัวเขื่องชูคออยู่หน้าห้องหาญ ดาวแอบมองดูยิ้มร้ายๆ มั่นวิ่งเข้ามา บ่าวเกาะกลุ่มร้องกรี๊ดกร๊าดด้วยความหวาดกลัว
ทาสหญิงบอก
"งู ช่วยด้วย งู"
บุษบาบรรณกับทาสหญิง 1 วิ่งตามเข้ามา บุษบาบรรณเห็นงูตัวใหญ่ตกใจ
"งูมันออกมาจากห้องของเราแน่รึ"
ทาสหญิงบอกด้วยความกลัว
"เจ้าค่ะ บ่าวเห็นมันเลื้อออกมาจากในห้องคุณกับตาเลยเจ้าค่ะแล้วมันก็ขู่อยู่เยี่ยงนี้ แหล่ะเจ้าค่ะW
ดาวเห็นบุษบาบรรณอยู่นอกห้องเจ็บใจ รำพึงกับตัวเอง
"ทำไมมันถึงไม่อยู่ในห้องนะ"
ดาวทำเป็นตกใจ ร้องวี๊ดว๊าย
"อ๊าย คุณพระงูอะไรนั่นช่างน่ากลัวเสียจริง ทำไมมันถึงขึ้นมาบนเรือนนี้ได้ ... ระวังนะเจ้าคะคุณบุษ"
บุษบาบรรณมองไปในห้องเป็นห่วงตะวันที่ไม่เห็นว่าจะออกมา
"ตะวันอยู่ในห้องแน่ๆเราเป็นห่วงตะวัน งูขวางอยู่แบบนี้เราจะเข้าไปได้อย่างไร กัน ทำไงดีนายมั่น"
"เดี๋ยวกระผมจัดการเองขอรับ"
มั่นหันบอกทาสหญิง1
"พาคุณบุษหลบไปก่อน"
ทาสหญิง1 บอก "จ้ะ"
ทาสหญิง 1 กันบุษบาบรรณหลบไป
มั่นดึงผ้าขาวม้าที่คาดเอวออกแล้วบิดเป็นเชือกยาวๆ มั่นจ้องงูเห่าแล้วเอาผ้าขาวม้าสะบัดใส่
ดาวหมั่นไส้มั่น ทุกคนมองลุ้ระหว่างที่มั่นสู้กับงู
ในห้องน้ำ ตะวันหลบตาไม่กล้าสู้หน้าหาญ
"เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นจนกว่าจะบอกเรามา เพราะเหตุใดเจ้าจึงต้องปลอมเป็น นายตะวันแบบนี้ เจ้ามีเหตุผลใดกันแม่เดือน"
" เอ่อ...กระผมมิใช่แม่เดือนขอรับ"
หาญเข้าไปจับไหล่ทั้งสองข้างของตะวัน แล้วจ้องหน้าก่อนดึงเข้ามากอด
" พอทีเถอะแม่เดือนอย่าลวงเราอีกเลย เราขอร้อง"
หาญมองหน้าตะวันอ้อนวอน
"คุณหาญ...เดือน"
เสียงคนผลักประตูเข้ามา ทั้งคู่ตกใจผละออกจากกัน
ตะวันรีบปรับสีหน้าท่าทางขยับเสื้อผ้าหน้าผมให้เป็นตะวัน บุษบาบรรณก้าวเข้ามาในห้องน้ำ เห็นตะวันอยู่กับหาญก็ประหลาดใจ
"ตะวันไม่เป็นอะไรใช่ไหม"
ตะวันส่ายหน้า
"ทำไมคุณหาญถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ"
หาญอึกอักเล็กน้อยก่อนตอบ
เอ่อ คือผมลืมกระเป๋าทำงานก็เลยกลับเข้ามาเอาพอดีได้ยินเสียงของ..เอ่อ..ตะวัน ตกใจดังอยู่ในห้องน้ำเลยเข้ามาเห็นงูเห่าก็เลยช่วยกันไล่ออกไปน่ะครับ"
"โชคดีของตะวันที่ไม่เป็นอะไร ดูสิ เนื้อตัวเลอะเทอะไปหมดแล้ว ไปอาบน้ำอาบท่าเสียก่อนไปตะวัน"
ตะวันก้มหน้าออกไป
"ขอรับ"
บุษบาบรรณบอกกับหาญ
"สายมากแล้วนะคะ ถ้าคุณหาญไม่รีบไปมีหวังทำงานไม่ทันแน่ค่ะ"
หาญเก้อๆ
"นั่นสิ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"
บุษบาบรรณยิ้มให้ หาญรีบเดินออกไป
ตะวันสีหน้ามุ่งมั่นผ่าฟืนจนมืดค่ำ ทาสชายที่ขนฟืนอยู่หันบอกกับตะวัน
"พอก่อนเถอะมืดค่ำแล้ว เดี๋ยวงูเงี้ยวเขี้ยวขอผ่านมาจะมองไม่เห็นเอา ที่เหลือนั่นก็เอา ไปเก็บในโรงถ่านด้วยล่ะ"
ตะวันพยักหน้า
"อืม"
ทาสชายที่ทำอยู่ด้วยกันแยกไป ตะวันมองรอบๆเริ่มกลัวงูขึ้นมา
"งู อีกแล้วเหรอ"
เรื่องงูเมื่อเช้าแวบเข้ามา ตะวันพยายามสลัดความคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าออกให้หมด
"พอทีมันจบไปแล้ว"
ตะวันลงมือเก็บฟืนที่ผ่ามากองรวมกันแล้วแบกฟืนเดินมาตามทางมุ่งหน้าไปยังกระท่อมเก็บฟืน
ในห้องเก็บของ ตะวันเรียงฟืนกองใหญ่เก็บแนบข้างฝาอยู่คนเดียว ปาดเหงื่อไปเผลอถอนใจออกมา
" เฮ้อ !! ทำไมวันนี้ถึงได้เหนื่อยเช่นนี้นะ"
หาญเข้ากอดจากด้านหลัง ตะวันตกใจ
"คุณหาญ ปล่อยบ่าวนะเจ้าคะ"
"เจ้ารู้ไหมว่าเราคิดถึงเจ้ามากเพียงใด ทำไมต้องปลอมตัวมาแบบนี้ ทำไมต้อง โกหกเราว่าเจ้าตายไปแล้วทำไมรึแม่เดือน"
"ปล่อยบ่าวไปเถอะนะเจ้าคะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว อีกไม่นานคุณหาญก็คงลืมเลือนบ่าวไปเองเจ้าค่ะ"
ตะวันจะเดินออกจากกระท่อม หาญคว้ามือ ไว้ดึงเดือนเข้ามากอด
"อย่าหนีเราไปไหนอีกเลยนะ เราเป็นทุกข์เพราะเจ้ามามากเกินพอแล้วอย่าให้เรา ต้องเจ็บปวดไปกว่านี้อีกเลยนะแม่เดือน เราขอร้อง"
หาญโน้มใบหน้ามาจูบ ตะวันมิได้ขัดขืนใดๆ แต่แล้ว เมื่อได้สติ คิดได้ ก็ผลักหาญออก
"อย่าเจ้าค่ะ"
"ทำไมรึ"
"อย่าทำอย่างนี้อีกเลยเจ้าค่ะ คุณหาญแต่งงานแล้วนะเจ้าคะ"
หาญตัดพ้อ
"ทำไมเจ้าทนเห็นเราแต่งงานกับหญิงอื่นได้ ทำไมเจ้าไม่เผยตัวออกมา ตั้งแต่คราแรกที่เราเจอกัน เจ้าไม่ได้รักข้าแล้วงั้นรึ"
ตะวันนิ่งงันก่อนจะรวบรวมความกล้าตอบหาญไป
"ใช่เจ้าค่ะ บ่าวหมดรักในตัวคุณหาญแล้วเจ้าค่ะ"
"โกหก"
"บ่าวจะโกหกคุณหาญเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ อย่าลืมสิเจ้าคะตอนที่บ่าวออกจากใต้หล้าไปนั่นเป็นเพราะบ่าวหมดใจจากคุณหาญแล้ว ตอนนี้คุณบุษบาบรรณคือคู่ชีวิตของคุณหาญนะเจ้าคะ"
หาญก็ปากแข็งโกหกบ้าง
"จริงสิ ตอนนี้เรามีคุณบุษเป็นคู่ชีวิตแล้ว ขอบใจนะที่เตือนสติเรา ต่อแต่นี้คนที่เรารักมีเพียงคุณบุษคนเดียวเท่านั้น เท่านี้ใช่ไหมที่พ่อตะวันต้องการ...จากนี้ไปจะไม่มีแม่เดือนอีกแล้ว"
หาญเดินออกจากห้องเก็บของไป ตะวันหมดแรงทรุดตัวลงร้องไห้
"เจ้าค่ะจะไม่มีแม่เดือนอีกต่อไป"
บรรยากาศยามเช้า บริเวณตลาดหน้าศาลเจ้า กล้าเดินปะปนกับผู้คนที่มาซื้อของ ลัดเลาะเลียบกำแพงมาโผล่จะเดินไปศาลเจ้า
มุมหนึ่งกล้าเดินผ่านยายตาดที่กำลังลุกขึ้นจากที่นั่งขายของ เตรียมเก็บข้าวของ กล้าได้ยินชาวบ้านคุยกัน
ชาวบ้าน1 บอก
"นี่แก เห็นโน่นไหม ยายแก่หน้าบากที่เอาผ้าคลุมหน้าที่ขายยาสมุนไพรอยู่นั่นน่ะ"
"เห็นทำไมรึ" ชาวบ้าน 2 ว่า
"เขาว่ากันว่ายายนี่แกนอกจากจะขายยาเสน่ห์แล้ว แกยังทำยาสั่งได้ เขาว่าสั่งเป็น สั่งตายมานักต่อนักแล้ว สั่งให้บ้ายังได้เลยน๊า"
" ห๋า ทำได้อย่างนั้นเชียวรึ แกมาจากที่ไหนกันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน"
" แกมาจากหัวเมืองอื่นน่ะ แกมาอาศัยกระท่อมเก่าๆอยู่ท้ายไร่ติดกับที่ดินร้างของตระกูลเจ้าสัวแสนนั่นไงเล่า"
ได้ยินแล้ว กล้าก็อดคิดและตั้งคำถามในใจไม่ได้
"แม่ดาวไปที่นั่นรึเปล่า"
กล้าเป็นกังวล ก่อนจะตัดความคิดเรื่องนี้แล้วเดินเลียบเข้าศาลเจ้าไป
ที่ศาลเจ้า กล้าส่งแหวนหยกคืนให้ซินแสเทียน ซินแสรับแหวนมาจ้องมองดู ก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
กล้าพยักหน้าเศร้าๆแล้วเบือนหน้าหนีกลั้นน้ำตา
"อาหยก"
ซินแสทรุดลงนั่ง นิ่ง อึ้ง น้ำตาเอ่อ
"อาหยกมาสุดทางกรรมในชาตินี้แล้ว"
กล้ากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ทรุดลงนั่งข้างซินแสเทียนก้มหน้าร้องไห้อยู่ตรงหน้า ซินแสสงสารลูบหัว
"ส่วนคุณกล้ายังต้องเผชิญวิบากกรรมต่อไป จงหมั่นสร้างบุญสร้างกุศลไว้ให้มากๆ"
กล้ากราบซินแสเทียน
"กระผมขอโทษที่ทำให้ท่านซินแสต้องพลอยเดือดร้อนเพราะกระผมไปด้วย อภัยให้กระผมด้วยนะขอรับ"
"อั๊วให้อภัยเจ้าทั้งสองคน ตั้งแต่อั๊วรู้แล้วว่าคงห้ามพวกเจ้าไม่ได้"
กล้าวางใจ
"ขอบพระคุณขอรับท่านซินแส"
ซินแสเทียนส่งแหวนของหยกคืนให้กับกล้า
"อั๊วคืนให้ รับไว้สิ แหวนวงนี้เปรียบเป็นตัวแทนของอาหยก เจ้าจงรับไว้ ขอให้แหวนวงนี้เป็นเพียงเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงกันตลอดไป"
"กรรมแห่งรักของกระผม ความตายพรากพี่หยกไปจากกระผม อย่างไรเสียกระผมก็คงไม่สามารถปลดห้วงทุกข์นี้ไปได้หรอกขอรับ"
ซินแสเทียนจับบ่ากล้า
"หากยังยึดโยงทุกอย่างก็เหมือนผูกห่วงไว้ไม่ละไม่วาง ไหนเลยชีวิตเจ้าจะมีความสุขต่อไปได้ ทำใจให้พ้นความเศร้าโศกและใช้ชีวิตต่อไปเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ทำเพื่อต่อบุญให้กับตัวเองและอาหยกเถิดนะคุณกล้า"
กล้าตื้นตัน
"ขอรับท่านซินแส"
ซินแสเทียนบีบบ่าให้กำลังใจ กล้าซึ้งใจน้ำตาไหล
อ่านต่อหน้า 2
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 20 (ต่อ)
ผู้คนเดินไปมาซื้อข้าวของอยู่ในตลาด เจ้าสัวแสนเดินเซมาแต่ไกล มีอาการเมา ไอ เล็กน้อย อ่ำคอยตามด้วยความเป็นห่วง
"กลับเรือนก่อนเถ่อะขอรับนายท่าน"
อ่ำพยายามรั้งเจ้าสัวให้กลับบ้าน แสนทั้งไอ ทั้งเจ็บหน้าอก
"อย่ามายุ่ง กูไม่กลับกูจะไปโรงน้ำชา"
"นายท่านไม่สบายนะขอรับ"
"กูไม่ได้เป็นอะไรกูจะไปโรงน้ำชา ได้ยินไหมกูจะไปโรงน้ำชา"
แสนตะโกนโวกเวกโวยวาย ร่ำร้องจะไประบายความเครียดที่โรงน้ำชา ผู้คนผ่านมาตกใจกับสภาพเจ้าสัวแสน
ชาวบ้าน 1 บอก
"โอ๊ะ นั่นเจ้าสัวแสนมิใช่รึนั่น ทำไมทรุดโทรมได้ถึงเพียงนี้"
กล้าผ่านมาได้ยินที่ชาวบ้านนินทา
"นั่นสิ ดูไม่มีสง่าราศีเอาเสียเลย ช่างหน้าสมเพชเสียจริง " ชาวบ้าน 2 ว่า
อ่ำได้ยินแล้วทนไม่ได้
"อีพวกปากหอยปากปูทั้งหลาย ถ้าไม่อยากถูกไม้ฟาดปากก็หยุดปากยื่นปากยาวกัน ได้แล้ว เดี๋ยวจะหาว่าไอ้อ่ำไม่เตือน"
อ่ำมองกราดไปทั่ว พวกที่นินทาเริ่มถอยห่าง กล้าแอบตามเจ้าสัวแสน มองดูด้วยความสงสารพ่อ
"เป็นความผิดของลูกเองที่ทำให้ท่านพ่อต้องเป็นแบบนี้ ลูกขอโทษนะขอรับ"
ชาวบ้านที่ถูกอ่ำไล่เดินบ่นผ่านมา
"แกเห็นหน้าเจ้าสัวไหมล่ะ หน้าตาดำคล้ำดูมัวหมองราวกับคนโดนของมางั้นแหล่ะ"
ชาวบ้านต่างพากันเห็นด้วยอื้ออึงผ่านไป กล้านึกถึงคำพูดของชาวบ้านที่พูดกันหน้าศาลเจ้า
กล้าหวั่นวิตก
"นังดาว"
จังหวะนั้น แสนเดินมาใกล้กล้า ซดเหล้าอั้กๆ เกิดเจ็บหน้าอก ทรุดลง
"อ้าก"
กล้ารีบเข้าไปช่วย
"ท่านพ่อ"
แสนปรือตามอง เห็นเป็นกล้า
"ไอ้กล้า ไป ออกไป"
เจ้าสัวพยายามจะผลักกล้าออก แต่ไม่มีแรงเพราะอาการกำเริบหนักแทบหมดสติ
"ท่านพ่อ"
กล้ารีบแบกเจ้าสัวขึ้นหลัง อ่ำหันมาเห็นตกใจ
" อ้าว ท่านเจ้าสัว คุณกล้า"
อ่ำรีบวิ่งเข้าไปช่วย ทั้งสองคนรีบพาเจ้าสัวออกไปทันที
ซินแสเทียนออกจากห้องแสนด้วยสีหน้าท่าทางหนักใจ พวงแก้วรีบเข้ามาถาม
"ท่านเจ้าสัวเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะท่านซินแส"
ซินแสเทียนถอนใจ
"อาการหัวใจกำเริบหนัก ชีพจรเต้นไม่ดีนัก ธาตุเดินไม่สะดวกทำให้หน้ามืด ที่สำคัญการดื่มน้ำจันทร์ของเจ้าสัวส่งผลต่อหัวใจโดยตรง คุณแก้วคงต้องช่วยเตือนเจ้าสัวให้เพลาๆลงบ้าง"
"อิชั้นจะเตือนอย่างไรได้เจ้าคะท่านซินแส ท่านเจ้าสัวไม่ยอมให้อิฉันเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย"
ซินแสเข้าใจพวงแก้วดี
"อั๊วเข้าใจหัวอกคุณแก้วดี ไม่ต้องห่วงนะ อั๊วจัดยาบำรุงไว้ให้เจ้าสัว แล้วคุณแก้วให้คนต้มเป็นน้ำชาให้เจ้าสัวดื่มแทนชาที่ดื่มทุกวันได้เลยนะ"
"ขอบคุณมากเจ้าค่ะท่านซินแส ถ้าไม่ได้ท่านซินแสกับพ่อกล้าช่วยไว้เจ้าสัวคงแย่แน่"
"มิเป็นไรหรอก อ้อ..!! แล้วไม่ต้องบอกว่าอั๊วมาดูอาการให้นะ"
"ทำไมรึเจ้าคะ"
"ท่านเจ้าสัวยังไม่ปล่อยวาง ยังจ่อมจมอยู่กับอคติที่มีในใจ หากรู้ว่าอั๊วมาจะโมโหโกรธาเสียเปล่าๆ"
พวงแก้วมองซินแสเข้าใจดี หันไปทางกล้า
"แม่ดีใจที่ลูกกลับมาที่ใต้หล้าอีกครั้ง อย่าหนีแม่ไปไหนอีกเลยนะพ่อกล้า อยู่กับแม่เถอะนะ"
กล้าตัดสินใจ
"ลูกไม่ไปไหนแล้วขอรับคุณแม่ จะขออยู่ที่ใต้หล้าตลอดไป ลูกแก้ไขอดีตที่ผ่านมาไม่ได้ แต่ลูกจะทำ ณ.วันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนในใต้หล้ามีความสุขขอรับคุณแม่"
แก้วยิ้มดีใจ ซินแสเทียนยิ้มชื่นชมที่กล้าเผชิญหน้าความจริง
ดาวถือชุดน้ำชามา กล้าหันไปเห็น
"เดี๋ยว น้ำชาของใคร"
"ของคุณหาญ กับคุณบุษบาบรรณเจ้าค่ะ ส่วนของคุณแก้ว คุณกล้า อิฉันจัดไว้ที่ ห้องอาหารแล้วเจ้าค่ะ"
กล้ามองถาดชาในมือดาวก่อนจะสั่ง
"วางถาดไว้ตรงนั่นล่ะ ไม่ต้องยกไป เดี๋ยวเราจะ เอาไปให้พ่อหาญเอง ส่วนหล่อนกลับไปได้แล้ว"
ดาวไม่พอใจ วางถาดน้ำชาลงแล้วออกไป
พอดาวลับตา กล้าสาดน้ำชาทิ้ง ทุกคนมองงงๆ
เอื้อยถาม
"อ้าว สาดทิ้งทำไมรึเจ้าคะคุณกล้า"
"น้ำชาไม่ร้อน ไม่ควรกิน กว่าพ่อหาญจะกลับก็คงอีกสักพัก"
กล้ายกทั้งกาเททิ้งหมด ทุกคนมองงงๆกับสิ่งที่กล้าทำ กล้าหันไปบอกเอื้อย
"แม่เอื้อย ต่อไปนี้ห้ามมิให้แม่ดาวยกสำรับหรือจัดอาหารหรือวุ่นในงานครัวอีกเข้าใจไหม"
เอื้อย พวงแก้ว ซินแสเทียน งง
"มีอะไรรึพ่อกล้า" พวงแก้วถาม
กล้าคิดคำตอบเฉไฉไป
"คือ...แม่ดาวเป็นเมียหาญไม่ควรมาทำงานเยี่ยงนี้ ใครที่ไม่รู้จะครหา พ่อหาญได้น่ะขอรับ"
พวงแก้วพยักหน้าเห็นตามที่กล้าว่า ส่วนซินแสมองรู้ว่ากล้าน่าจะมีเหตุผลอื่น
หาญกลับจากทำงานเดินขึ้นเรือนมา บุษบาบรรณเดินออกมารับ ตะวันเดินตามหลังมาเหมือนเช่นเคย
"ทำงานเหนื่อยไหมเจ้าคะ"
"แค่กลับมาเจอคุณบุษก็ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะครับ"
ตะวันก้มหน้าไม่สบตาหาญ หาญแอบลองใจตะวันต่อ
"คิดถึงคุณบุษเหลือเกิน ขอกอดให้ชื่นใจหน่อยนะ"
บุษบาบรรณเหนียมอาย บ่าวที่อยู่ใกล้แอบมองยิ้มๆ
"อุ๊ย อายบ่าวไพร่บนเรือนมั่งสิคะ"
"ไม่ต้องอายหรอก จะได้ประกาศให้บ่าวไพร่รู้ว่าเรา เป็นผัวเมียกันแล้ว แล้วผมก็รักคุณบุษมากด้วย"
"คุณหาญ"
บุษบาบรรณตะลึงกับคำบอกรักที่เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรก หาญแอบมองตะวันก่อนจะพูดย้ำ
"ขออภัยที่รู้ตัวช้าเหลือเกิน แต่คงจะไม่ช้าจนเกินไปที่จะบอกคุณบุษให้รู้ว่าผม รักคุณบุษด้วยใจจริงนะขอรับ"
ตะวันเจ็บจี๊ดที่ใจ รวบรวมสติ ก้มหน้าถาม
"คุณบุษต้องการอะไรอีกหรือไม่ขอรับ กระผมจะ..."
หาญตัดบท
"ไม่ต้อง ต่อไปนี้เราจะดูแลคุณบุษเอง เราขออยู่กันสองคนเจ้าจะ ไปไหน ก็ไปเสียให้พ้นๆ เราไม่จำเป็นต้องมีเจ้าอีกต่อไป"
คำพูดของหาญทำเอาตะวันจุกที่อก หาญประคองบุษบาบรรณเข้าตึกไป ตะวันน้ำตาล้นจากตา
ในมุมลับตา กล้าเดินสำรวจรอบบ้านหลังจากที่จากไปนาน กล้าได้ยินเสียงสะอื้น และตัดพ้อ
"ฮื่อๆ... คุณหาญหมดรักเดือนแล้ว เดือนจะตัดใจจากคุณหาญให้ได้เจ้าค่ะ"
กล้าตกใจ ตะลึง
"เจ้า"
"คุณกล้า"
ผ่านเวลาสองคนนั่งคุยกัน กล้านั่งฟังสิ่งตะวันพูดอย่างหนักใจ
"ชีวิตเจ้ากับชีวิตข้า มันช่างจมจ่อมอยู่กับความทุกข์เสียจริง"
"บางครั้งเราก็ไม่อาจฝืนดวงชะตาไปได้หรอกเจ้าค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างคงถูกกำหนดมาแบบนี้น่ะเจ้าค่ะ"
"คิดได้อย่างนี้มันก็สบายใจจริงไหม"
ตะวันยิ้มรับนิดๆ
"คุณกล้าเจ้าคะ เดือนขอร้องคุณกล้าอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใครนะเจ้าคะ"
"แม้แต่เจ้าหาญรึ"
"คุณหาญรู้แล้วเจ้าค่ะว่าบ่าวคือเดือน"
" แต่เจ้ากับหาญรักกันมิใช่รึแล้วเหตุใดถึง..."
"มันสายไปแล้วเจ้าค่ะ คุณหาญเธอมีคู่ครองที่เหมาะสมอย่างคุณบุษบาบรรณแล้ว บ่าวมิอาจเทียบได้ ขอแค่ได้มาอยู่ที่ใต้หล้าได้เห็นบ่าวก็เป็นสุขใจแล้วล่ะเจ้าค่ะ"
กล้ามองสงสารตะวัน แล้วนึกได้เรื่องดาว
"เจ้าช่างเจียมตัวยิ่งนัก ผิดกับแม่ดาวยิ่งนักที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่คู่บุญหนุนดวงน้องหาญสักนิด ท่าทีรึก็ไม่น่าไว้ใจเราอดเป็นห่วงน้องหาญไม่ได้"
"ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเจ้าค่ะ ตอนนี้คุณหาญไม่เรียกหาแม่ดาวแล้วล่ะเจ้าค่ะ"
"อยู่ไกลไว้ก็ดีเพราะเราเองไม่ไว้ใจแม่ดาวเลยตั้งแต่ครั้งที่เจ้าหายไปจากใต้หล้าในคราวนั้นทุกอย่างดูประจวบเหมาะจนทำให้แม่ดาวได้ตบแต่งกับน้องหาญ เราว่ามันน่าแปลกอยู่นะ"
"ที่เดือนต้องระหกระเหินออกไปจากใต้หล้าคงไม่ใช่เพราะแม่ดาวหรอกเจ้าค่ะ เพราะสุดท้ายก่อนที่เดือนจะโดนจับตัวไปแม่ดาวก็อยู่ด้วย"
"ถึงอย่างไรเราก็ไม่ไว้ใจแม่ดาว"
มีคนแอบมองทั้งคู่ที่สนิทสนมกันอยู่ทางด้านหนึ่ง
บริเวณโรงครัว ชื่นกำลังปรุงอาหารอยู่หน้าเตา ตะวันพากล้าเข้ามาที่โรงครัว
"คุณกล้า คุณของบ่าวกลับมาแล้ว บ่าวดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะ"
บ่าวที่เรือนครัวหันมามองที่กล้า ต่างไหว้และดีใจ แม้จะประดักประเดิดว่า กล้าเป็นจำพวกชายรักชาย แต่ก็ไม่ปริปากอะไร
ตะวันช่วยชื่นเด็ดมะเขือพวงที่วางอยู่ กล้าถามชื่น
"มีอะไรให้ฉันช่วยไหมจ๊ะ"
"อย่าเลยเจ้าค่ะ ที่นี่มีแต่งานครัว"
"งานครัวฉันก็ทำได้นะ ดูสิตะวันยังทำได้เลยทำไมฉันถึงทำไม่ได้"
ตะวันยิ้มขำกล้านิดๆ
"งั้นช่วยเด็ดมะเขือก็ได้ขอรับ"
กล้ากับตะวันช่วยกันเด็ดมะเขือพวง ดาวโผล่เข้ามาเห็น ยิ้มหมั่นไส้ก่อนจะตรงเข้าไปหาเรื่องแกล้งเยาะ
"เดี๋ยวนี้ไอ้ตะวันมีคนช่วยงานแล้วรึเนี่ย" ดาวทำทีว่าเพิ่งเห็นว่าเป็นกล้า "อุ๊ยตาย..คุณกล้า หรอกรึเจ้าคะ อิฉันคิดว่าใครที่ไหน นี่ไอ้ตะวันไปรบกวนคุณกล้ามาช่วยงานในครัวแบบนี้ ระวังเรื่องมันจะซ้ำรอยเดิม นะ"
กล้านิ่งไม่พูดอะไร ตะวันทำไม่สนใจตามกล้า ดาวเสียอารมณ์ที่ยั่วให้กล้าโมโหไม่ได้ เลยเปลี่ยนไปหาชื่น
"ป้ามานี่เดี๋ยวฉันปรุงอาหารต่อให้เอง"
เสียงกล้าดังขึ้น
"ไม่ต้อง... หล่อนไม่ต้องช่วยทำครัว ไปทำอย่างอื่น หรือจะไปไหนก็ไป ตรงนี้ฉันจะให้ตะวัน ช่วยแม่ชื่นเอง หล่อนก็ไม่ได้อยากเป็นคนครัวอยู่แล้วนี่"
"หึๆ ไม่ต้องทำงานก็ดี ปล่อยให้ขี้ข้าทำกันไปเถอะ"
ดาวออกไป สายฝนเข้ามาที่ครัวมองหากล้า
"จะไปทั้งทีก็ไปไม่รอด ต้องบากหน้ากลับมาให้ใต้หล้ามัวหมองอีก พี่หยกไม่น่า หลงเชื่อคำพี่เลยสุดท้ายก็หนีเอาตัวรอดมาคนเดียว"
กล้านิ่งไม่ตอบโต้อะไร ตะวันสงสารกล้า
"นี่กะจะมาเรียกความสงสารความเห็นใจจากคุณพ่อรึอย่างไรเจ้าคะ ทำตัวอย่างกับเป็นแม่หญิง จะมาคุมงานในครัว" สายฝนมองเห็นว่ากล้าใกล้ชิดอยู่กับตะวัน "อ๋อ... หรือที่แท้ก็จะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นคนอื่นในโรงครัวนี่ใช่ไหมล่ะ พี่มันเลวทำกับพี่หยกได้ลงคอ นี่แหนะ นี่แหนะ คนเลว"
สายฝนเข้าไปจะทุบตีกล้าพร้อมวีดร้องเสียงดัง
กล้าจับมือสายฝนแล้วลากออกจากครัวท่ามกลางความตกใจของทุกๆคน เสียงสายฝนโวยวาย
"ปล่อยนะ ปล่อย"
กล้าลากตัวสายฝนมาถึงตุ่มน้ำหลังโรงครัว สายฝนสะบัด
"ปล่อยฉันนะ"
กล้าสะบัดแขนสายฝนออก
"พี่มันวิปริต แย่งพี่หยกไปจากฉันแล้ว ยังมีหน้ากลับมาอยู่บ้าน เอาความโสมมมาแปดเปื้อน
ใต้หล้าอีก พี่หยกไม่น่าเชื่อคนอย่างพี่เลยแทนที่จะได้คู่ครองเป็นฉันกลับต้องมาจมปลักอยู่กับพี่ ช่างน่าสงสารพี่หยกเสียจริง"
กล้าจ้องดุๆ
"นับว่าเป็นโชคดีของพี่หยกที่ตายไปจากโลกนี้แล้ว จึงไม่ต้องมาพบมาเจอกับคนบ้าบออย่างหล่อน"
สายฝนตะลึง
"อ๊าย...ไม่จริง พี่โกหกฉันใช่ไหม"
กล้านิ่งไม่ตอบแต่สีหน้าที่เศร้า สายฝนรับรู้ได้
"พี่หยกตายแล้ว ไม่ ไม่จริง เป็นเพราะแกคนเดียวที่ทำร้ายพี่หยก เพราะแกคนเดียว"
สายฝนทุบตี กล้าปัดป้อง สายฝนเสียหลักล้มลงนั่ง ร้องไห้
"ไม่จริง...ฮือๆ ไม่จริง พี่หยกต้องไม่ตาย ไม่จริง แก แกฆ่าพี่หยก"
"ใจเย็นๆก่อนสายฝน"
สายฝนยังคงกรี๊ดโวยวายในสภาพดูไม่ได้ กล้าทั้งสงสาร หมั่นไส้ เวทนา ตักน้ำราดสายฝน
"ถ้าไม่เย็นลง พี่จะเอาใบหนาดมาขับไล่ผีร้ายในตัวหล่อนออกไป"
บ่าวไพร่ออกมายืนมองสายฝน สายฝนด่ากราด
"อ๊าย... มามองฉันทำไม คนที่พวกแกสมควรจะมองอยู่นั่นไงมองเข้าไปสิ มันไม่ใช่พี่ฉันมันเป็นชายสกปรก อุบาทว์ เล่นสวาท วิตถาร ประณามมันซิ ประณามมัน"
กล้าเอาน้ำราดซ้ำ
"เราพี่น้องกันคงไม่ต่างกันหรอก หากพี่เป็นคนสกปรกเพราะเล่นสวาท น้องก็เป็นคนวิปลาสไม่ต่างจากพี่หรอกเพราะใจน้องสกปรกเหลือเกิน ต่อให้ล้างเนื้อตัวสะอาดแค่ไหนก็ไม่สามารถชำระจิตใจที่โสมมของน้องให้หลุดออกไปได้ ที่พี่หยกไม่ชายตาแลน้องก็เพราะเหตุนี้ จำไว้"
"อ๊าย"
สายฝนกรี๊ดหนีไป กล้านิ่งงัน ยืนน้ำตาคลอ ตะวันเดินเข้ามาปลอบ
"คุณกล้าอย่าเสียใจไปเลยขอรับ"
" ขอบใจเจ้ามาก ไม่มีอะไร เจ็บไปกว่าที่เราเผชิญมาแล้วล่ะ จากนี้ไปไม่ว่าเรื่องร้ายแรงปานใดเข้ามาเราก็ทนเพื่อคนที่เรารักในใต้หล้าแห่งนี้"
กล้ายิ้มให้ ตะวันดีใจที่กล้าเข้มแข็ง
อ่านต่อหน้า 3
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 20 (ต่อ)
ฟ้าหยาดเดินขึ้นมาบนเรือน เว่ยชิงตามมาด้วย ฟ้าหยาดหยุดรอที่หน้าห้องเจ้าสัว ชะเง้อมองใครบางคน
"เดี๋ยวก่อน"
"อ้าว เจ้าสัวเรียกหาลื้อทำไมไม่รีบเข้าไปล่ะ เดี๋ยวอั๊วเข้าไปเป็นเพื่อน"
มั่นเดินขึ้นมา ฟ้าหยาดยิ้ม เว่ยชิงงงๆ
"นี่ลื้อเรียกนายมั่นมาด้วยรึ"
ฟ้าหยาดพยักหน้า
"เรียกมาทำไมกัน"
"เอามาเป็นไม้กันหมาน่ะสิอาเว่ยถามได้ ลำพังอาเว่ยคนเดียวจะเอาเจ้าสัวแสนอยู่รึ มีผู้ชายไว้สักคนอุ่นใจกว่าเป็นไหนๆ"
"นายมั่นจะช่วยอะไรได้"
"อั๊วมั่นใจในตัวนายมั่น" ฟ้าหยาดหันบอกมั่น "ตามข้ามา"
"ขอรับ"
ฟ้าหยาดเดินเข้าห้องเจ้าสัวไป เว่ยชิงตามไป มั่นมองตัดสินใจแล้วเดินตามเข้าไป
แสนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่เตียง ป่วย แต่ยังจะกินเหล้ากำลังเทจอกเหล้า ฟ้าหยาดเข้าไปดึงจอกเหล้าออกจากมือ
"ขอเถอะเจ้าค่ะ อย่าดื่มอีกเลย"
"อย่ามาห้ามข้า ข้าจะกินมันจะได้ลืมๆทุกอย่างไปจากใจสักที"
"ถ้าใจมันจำทำอย่างไรก็ไม่มีวันลืมได้หรอกเจ้าค่ะ"
"เป็นเพราะไอ้กล้าคนเดียว อาณาจักรใต้หล้ารุ่งเรืองขึ้นมาเพราะข้าแต่ตอนนี้ จะล่มสลายเพราะลูกชั่วๆที่เกิดมาเพื่อสร้างความเสื่อมเสียให้วงศ์ตระกูล มีแต่เรื่องซวยๆเข้ามาก็เพราะมีลูกที่เป็นเสนียดจัญไรทำมาค้าขายไม่ขึ้นเหมือนแต่ก่อน"
ฟ้าหยาดทนไม่ได้
"ลูกมันเป็นเสนียดจัญไร รึว่าคนเป็นพ่อไม่มีเหตุผลกันแน่เจ้าคะ"
เว่ยชิงเหวอ แสนอึ้งอยู่
"มัวแต่โทษคนอื่น ทำไมไม่ดูตัวเองบ้างเล่าเจ้าคะ"
ฟ้าหยาดดูจริงจังจนน่าแปลกใจ
"ที่ทำมาค้าขายไม่ขึ้นไม่ดีเหมือนก่อน นั่นก็เพราะเจ้าสัวปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจชีวิตและความเป็นไปของใต้หล้า มัวแต่ผูกใจเจ็บกับคุณกล้า เพียงเพราะเธอไม่เป็นดั่งใจเจ้าสัวนี่หรือผู้เป็นใหญ่แห่งใต้หล้า"
เจ้าสัวอึ้งกับคำพูดของฟ้าหยาด เว่ยชิงพูดเสริม
"อั๊วยังจำได้ดีไม่เคยลืมเลือนว่า เคยเจอเจ้าสัวสมัยที่ยังปากกัดตีนถีบ แล้วสร้างเนื้อ สร้างตัว ได้ดิบได้ดี ไฉนความรุ่งเรืองนั้นจะมาทำลายด้วยมือตัวเองเล่าเจ้าคะ ตั้งหน้าตั้งตาคิดดีเรื่องดีๆก็จะเข้ามาเอง"
เจ้าสัวนั่งพิงหัวเตียงนิ่งคิดทบทวน
"อืม เรื่องดีๆอย่างนั้นรึ ถ้าเป็นเรื่องมงคลคงใช่กระมัง"
เจ้าสัวทอดสายตามองฟ้าหยาด มั่นหวั่นใจ กลัวว่าเจ้าสัวจะแต่งเมียอีกครั้ง ได้แต่ภาวนาขออย่าให้เป็นฟ้าหยาดเลย
ตะวันเอาผ้าไปเก็บในห้อง แล้วถือตะกร้าเปล่าออกมาจากห้องหาญ แล้วเห็นดาวนั่งอยู่หน้าห้อง "เจ้าขึ้นมาทำไม"
ดาวลอยหน้าลอยตาพูด
"เมียเค้าจะขึ้นมาหาผัว เค้าจะมาทำอะไรกันล่ะนอกจากมา ปรนนิบัติให้ผัว
ตะวันทนไม่ได้
" ช่างหน้าด้านจริงๆไร้ยางอายจริงๆนะแม่ดาว"
หาญกับบุษบาบรรณเดินขึ้นมาเจอ ดาวและตะวันที่พูดกันอยู่หน้าห้อง ดาวเปลี่ยนท่าทีเป็นออเซาะ
ทันที
"คุณหาญเจ้าคะ ดาวมาขอพบคุณหาญแต่ไอ้ เอ้ย นายตะวันมันห้ามไม่ให้ดาวพบ คุณหาญน่ะเจ้าค่ะ"
หาญบอกกับดาวอย่างสุภาพบุรุษ
"พอเถอะแม่ดาว ตอนนี้เรารักคุณบุษและจะมีเพียงคุณบุษคนเดียวเท่านั้น"
"แต่ดาวก็เป็นเมียอีกคนนะเจ้าคะ"
"ถึงแม้เจ้าจะเป็นเมียที่แต่งก่อน แต่ก็แต่งเพราะดวง คงไม่มีอะไรเกินเลยกันกว่านี้"
ดาวเถียง
"มีสิเจ้าคะ คุณหาญลืมแล้วหรืออย่างไร เพราะเรื่องนี้บ่าวถึงมารอคุณหาญที่นี่เพื่อ จะพูดคุยกับคุณหาญให้รู้เรื่องเสียที"
หาญตัดบท
"แต่เราไม่มีเรื่องจะพูดกับเจ้า กลับไปเสียเถิดแม่ดาว เราเองไม่ได้มีเยื่อใยใดๆต่อเจ้า คงทำให้เจ้าได้เพียงชุบเลี้ยงไว้ไม่ให้ลำบากเท่านั้น" หาญหันบอกกับบุษบาบรรณ "เข้าห้องกันเถอะขอรับ"
หาญประคองบุษบาบรรณเข้าห้องไป ดาวเจ็บใจ ตะวันซ้ำ
"อย่ามาเสนอหน้าบนเรือนนี้อีก ได้ยินแล้วนี่ คุณหาญบอกจะเลี้ยงไว้ไม่ให้ลำบาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกย่องเชิดชู อยู่อย่างทาสก็เจียมอย่างทาสไป"
ตะวันบอกแล้วเดินออกไป ดาวเจ็บใจ
"อ๊าย!"
ดาวกรี๊ดเจ็บใจอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
"คอยดูนะมึง กูจะไม่รอเป็นไทด้วยอายุวัยหรอก กูจะต้องเป็นไทที่เป็นใหญ่อยู่เหนือกว่าคนอื่น โดยเฉพาะอีบุษบาบรรณ"
ดาวผอืดผอมหันไปอ้วก แล้วจับท้องที่นูนพองออกมา ยิ้มร้าย
"ถึงเวลาแล้วสินะ"
ดาวลูบท้องไปมา ในสายตามีแผน เมฆแอบย่องมาหาสวมกอดจากทางด้านหลัง แล้วกระซิบที่ข้างหู
"เมียจ๋า พี่เมฆคิดถึงเหลือเกิน"
เมฆยื่นหน้าจะซุกไซ้ ดาวยี้ผลักออก
"หยุดนะ ไอ้คนไม่เจียมกะลาหัว นี่ข้าเป็นเมียคุณหาญอย่ามาลามปามข้าเช่นนี้"
เมฆโมโหที่ถูกดาวปฎิเสธ
"คุณหาญได้มึงตอนน้ำสอง ส่วนข้าซดความสาวคาวแรกของเอ็งไปก่อนหน้านั้นแล้ว เอ็งเป็นเมียข้า ลูกในท้องก็ลูกข้า"
"ไม่ใช่"
"เอ็งเอาอะไรมาพูดว่าไม่ใช่ เอ็งตกเป็นเมียข้ามาก่อน มิหนำซ้ำไอ้อาการโอกอากนี่ เอ็งก็เป็นมาก่อนที่จะเข้าหาคุณหาญเสียด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้มันจะไม่ใช่ลูกข้าได้อย่างไร"
"ไม่จริง ลูกฉัน ฉันรู้ดีว่าใครหน้าไหนที่ควรจะเป็นพ่อมัน คนชั้นต่ำอย่างแกอย่าสะเออะมาเทียบชั้นกับข้าจะดีกว่า"
ดาวจะเดินหนี เมฆคว้าไว้
"เดี๋ยวเอ็งยังไปไหนไม่ได้ ข้าต้องคุยกับเอ็งให้รู้เรื่อง"
"ปล่อย ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับเอ็ง"
กล้าเดินผ่านมาเห็นดาวกับเมฆยื้อยุดกันอยู่
"อะไรกันน่ะ"
ดาวกับเมฆผละออกจากกัน
"อ้าว ไอ้เมฆ ยังกล้าเข้ามาที่นี่อยู่อีกเรอะ จะต้องให้ข้าเรียกกองตระเวนมาคุมตัวไปไหม"
เมฆกลัวๆ
"กระผมขอลาขอรับ"
เมฆก้มหน้างุดๆ จำต้องเลี่ยงไปก่อนออกไปมองดาวด้วยความแค้น
กล้ามองเมฆสงสัย ดาวหาช่วงจังหวะจะเลี่ยงออกไป
"เดี๋ยว"
ดาวหยุกกึก
"เจ้าคะ"
กล้าเดินวน มาหยุดตรงหน้าดาว
"ดูเหมือนเจ้ามีลับลมคมในอะไรกับไอ้เมฆ"
ดาวตีหน้าซื่อ
"ไม่มีนี่เจ้าคะ"
"หลอกใครก็หลอกได้ แต่จะมาหลอกเราไม่ได้หรอกแม่ดาว ข้าเฝ้ามองดูเจ้ามานาน ข้าเห็นข้ารู้ทุกอย่าง"
ดาวคิดว่ากล้าคงพูดไปงั้นๆ
"เห็นอะไรรึเจ้าคะ"
กล้าหัวเราะในลำคอ หึ
"หล่อนเดินลัดเลาะไปทำไมที่หลังป่าช้านั่น อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ แล้วยังเรื่องไอ้เมฆอีก"
ดาวอึ้งหน้าซีดไม่คิดว่ากล้าจะเห็นจริง กล้าเห็นพิรุธจึงข่มขู่ดาวต่อ
"ฉันขอเตือนหล่อน อยู่ให้ห่างคุณหาญอย่าเข้าไปยุ่งย่ามกับครอบครัวเขาเป็นอันขาด หล่อนคงจะรู้นะว่าโทษที่หล่อนต้องเจอมันน่ากลัวขนาดไหน"
กล้าเดินออกไป ดาวสายตาเจ็บแค้นแฝงความอาฆาตมาดร้าย
บรรยากาศยามเช้าวันใหม่ กล้าเดินเล่นอยู่มองมาที่หน้าเรือนใหญ่เห็นพวงแก้วนั่งเหม่ออยู่คนเดียวจึงเดินเข้าไปหา
"คุณแม่ตื่นเช้าจังนะขอรับ คุณพ่อดีขึ้นหรือยังขอรับ"
"ดีขึ้นแล้วล่ะจ่ะ"
"แล้วทำไมคุณแม่ถึงมานั่งอยู่นี่ล่ะขอรับ ทำไมไม่อยู่บนเรือนกับคุณพ่อ"
" พอดีขึ้นก็ไม่ได้สนใจแม่หน้าแม่พ่อเค้ายังไม่อยากจะมองเสียด้วยซ้ำ"
กล้าโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้พ่อไม่อยากเห็นแม่
" คุณพ่อคงไม่อยากเห็นหน้าลูกมากกว่าก็เลยพาลมาลงที่คุณแม่"
บุหงาเดินผ่านมา มุ่งหน้าจะไปที่เรือนแสน เห็นสองแม่ลูกนั่งคุยอยู่จึงทักกระแนะกระแหนพวงแก้ว
"โดนเจ้าสัวไล่ตะเพิดออกมารึเจ้าคะคุณพี่ โถๆๆ น่าสงสารเสียจริงนี่คงจะปรับทุกข์กับลูกอยู่รึเจ้าคะ งั้นอิฉันไม่กวนล่ะเจ้าค่ะ"
พวงแก้วได้แต่มองบุหงาไม่ตอบโต้ใดๆ กล้าเห็นแม่นิ่งจึงพูดแทน
"คุณบุหงาคงชินกับการปรับทุกข์สินะขอรับ ถึงได้เห็นว่า การคุยกันของกระผมกับคุณแม่เป็นการปรับทุกข์ไปได้"
เจียมกระซิบบุหงา
"ลูกมันช่วยแม่มันแล้วเจ้าค่ะ"
บุหงาชะงักกึก
"ย้อนฉันเหรอพ่อกล้า"
"กระผมคงไม่กล้าย้อนคุณบุหงาหรอกขอรับ"
"ฉันไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับเธอหรอกนะพ่อกล้า ฉันจะต้องรีบไปหาเจ้าสัวก่อนที่จะเรียกหาให้หงุดหงิดใจ"
กล้าพูดลอยๆ
"คุณพ่อคงไม่ต้องการใครอื่นดอกขอรับ เพราะตอนนี้ท่านมีความสุขดีที่มีแม่นางฟ้าหยาด คอยดูแล คงจะเริงสำราญกันอยู่ที่สนามโน่นแล้วขอรับ"
บุหงาใจสั่น
"อีฟ้าหยาด"
บุหงาโมโห รีบพุ่งไป เจียมรีบตามไป กล้าสงสัย
"ดูท่าทางคุณบุหงาจะเกลียดแม่ฟ้าหยาดเอามากมากนะขอรับ ทุกครั้งที่ใครพูดถึงฟ้าหยาด คุณบุหงาเป็นต้องโกรธจนตัวสั่นแบบนี้ทุกที"
"มันคงเป็นเวรเป็นกรรมน่ะ เพราะแม่บุหงาเคยทำเยี่ยงนี้เหมือนกันเมื่อคราวที่เข้ามาใต้หล้าครั้งแรก กรรมมันตามสนอง"
พวงแก้วหน้าเศร้าคิดเรื่องตัวเอง กล้าปลอบใจแม่
"ต่อไปนี้ลูกจะคอยปกป้องคุณแม่เองนะขอรับ"
แก้วยิ้มให้ลูก
"แค่ลูกชายของแม่กลับมาอยู่กับแม่แม่ก็ชื่นใจแล้ว ต่อไปนี้คงไม่มีเรื่องอะไรมากวนใจแม่อีกแล้ว เพราะพ่อกล้าคงไม่ทำ อะไรอย่างนั้นอีกใช่ไหมลูก"
พวงแก้วยิ้มดีใจที่มีลูกอยู่เคียงข้าง
อ่านต่อหน้า 4
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 20 (ต่อ)
แสนกำลังสำราญ ฟ้าหยาดเล่นดนตรีให้ฟัง เว่ยชิงหมั่นไส้ รำพึง
"ถ้ารู้ว่าเป็นพ่อลูกกัน แล้วสายสัมพันธ์ดีแบบนี้ก็ดีน่ะสิ"
มั่นได้ยินแว่วๆ
"อะไรนะขอรับ"
เว่ยชิงปิดปากสนิท
"หึ...ไม่มีอะไร"
บุหงาเดินเข้ามาตามด้วยเจียม ยืนจ้องมองฟ้าหยาดก่อนจะทำท่าเดินเข้ามา แสนเหลือบเห็นปัดมือไล่ทันที
"เจ้าสัวเจ้าคะ"
" ออกไปซะข้ากำลังสำราญ สีหน้ายักษ์ขมูขีของเจ้าจะทำให้ข้าเสียอารมณ์"
บุหงาหน้าชาทันที เว่ยชิงแอบยิ้มขัน ทันใดนั้น ดาวเดินมาประชิดตัวบุหงาแล้วบอก
"คุณบุหงาไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ"
บุหงาฟังแล้วยิ้มออก
"เห็นทีท่านเจ้าสัวจะนั่งสำราญทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ"
ดาวก้าวเข้ามาเสริม
"เพราะคุณกล้าเล่นสวาทกับบ่าวในเรือนเจ้าค่ะ"
"ท่านเจ้าสัวจะให้เรื่องอับอายเสื่อมเสียเกิดในใต้หล้าอีกครั้งไม่ได้นะเจ้าคะ"
ฟ้าหยาด เว่ยชิง มั่น ต่างก็ตกใจ เจ้าสัวอึ้งโกรธจัด
แล้วทุกคนก็เข้ามาฟังเรื่องราวและคำพิพากษากันพร้อมหน้า
"ตอบข้ามาซิว่าเจ้ากับนายตะวันทำบัดสีกันอย่างที่ที่เค้าว่ามาหรือไม่" แสนถาม
กล้าปฏิเสธลั่น
"ไม่มีทางขอรับ"
แสนไม่เชื่อ
"ข้าไม่เชื่อ แล้วนังดาวมันจะเอามาพูดได้อย่างไรกัน เจ้ามีประวัติที่เสื่อมเสียมาก่อนข้าจะไม่เชื่อน้ำคำจากเจ้าอีก"
อ่ำวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมกับเสื้อของตะวันในมือ
"เจอเสื้อของนายตะวันในห้องคุณกล้าตามที่แม่ดาวบอกจริงๆ ขอรับ"
กล้า และ ตะวันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ต่างก็ยืนยัน
"ไม่จริงขอรับ" ตะวันบอก
"กระผมยืนยันได้ขอรับว่าไม่ได้เล่นสวาทและ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันกับนายตะวันจริงๆขอรับ"
แสนเสียใจจนพูดไม่ออก
หาญกับบุษบาบรรณนั่งนิ่ง แม่หญิงส่งสายตาให้ตะวันยอมรับว่าเป็นหญิง แต่ตะวันอ้อนวอนสั่นหัว บุหงาซักไซ้ทำตัวเป็นศาลเตี้ย
"แล้วจริงไหมที่เมื่อวานคุณกล้ากับพ่อตะวันเจอกันปลอบใจกันอยู่ที่ท่าน้ำน่ะ"
ทั้งคู่พอจะเดาออกว่าเป็นดาวแน่ๆ
กล้าตอบหนักแน่น
"จริงขอรับ แต่เราสองคนเพียงแต่พูดคุยกันเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลยขอรับ"
บุหงาคว้าเสื้อจากอ่ำโยนลงไปต่อหน้ากล้าและตะวัน
"แล้วเสื้อนายตะวันที่พบในห้องพ่อกล้าล่ะ มันคืออะไรรึ"
"เสื้อนี้กระผมไม่ทราบขอรับว่ามาอยู่ได้ยังไง กระผมยังยืนยันคำเดิมว่ากระผมกับนายตะวันไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหาขอรับ"
"หลักฐานชัดเจนเยี่ยงนี้ยังจะกล้าปฎิเสธอีกรึ เจ้าสัวเจ้าคะแบบนี้เห็นทีจะให้อยู่ร่วมเรือนไม่ได้แล้วล่ะเจ้าค่ะ ทำผิดถึงสองครั้งสองคราแบบนี้ต้องไล่พ่อกล้าออกจากเรือนนะเจ้าคะ ถ้าจะให้ดีไล่ไปทั้งสองคนเลยเจ้าค่ะ"
พวงแก้วเจ็บปวดนั่งนิ่งน้ำตาไหลอาบแก้มไม่มีเสียงพูดใดๆให้ได้ยิน ไม่อยากเชื่อ หาญอยากจะบอกกับทุกคนให้รู้ว่า ตะวันคือเดือน แต่ก็ทำไม่ได้เพราะรับปากตะวันไว้ ในที่สุดหาญก็ไม่อาจทนเฉยนิ่งได้จึงโพล่งออกไป
"กระผมเชื่อว่าพี่กล้ากับนายตะวันบริสุทธิ์ ไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหาขอรับ"
ฝั่งบุหงากับดาวไม่พอใจ
"คุณหาญ รู้ได้ไง"
หาญอึกอัก ไม่กล้าบอกความจริง
"ทำไมไม่ตอบล่ะเจ้าคะ"
"พอไม่ต้องตอบอะไรกันอีกแล้ว ต่อแต่นี้ไปไอ้กล้าไม่ใช่ลูกของข้าอีกต่อไป ข้าจะตัดพ่อตัดลูกกันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"
กล้าอึ้ง ตะวันตกใจทนไม่ได้ที่จะให้กล้าเผชิญชะตากรรมเยี่ยงนี้
"เจ้าสัวจะทำเยี่ยงนั้นกับคุณกล้าไม่ได้นะขอรับ"
"ทำไมข้าจะทำไม่ได้ ในเมื่อเจ้ากับไอ้กล้าทำเรื่องบัดสีเป็นชายรักชายในเรือนข้า เยี่ยงนี้ ข้าไม่สั่งกุดหัวพวกเจ้าก็บุญเท่าไหร่แล้ว"
แสนโกรธจนตัวสั่น ดาว บุหงา สายฝนยิ้มชอบใจ
ตะวันเข้าไปกราบเท้าเจ้าสัว
บ่าวกราบขอโทษท่านเจ้าสัวที่ปิดบังความจริงไว้"
เจ้าสัวชักเท้าหนี
"จะมาสำนึกผิดตอนนี้มันก็สายไปแล้ว"
"บ่าว มิได้เป็นผู้ชายเจ้าค่ะ บ่าวคือ เดือน ทาสที่เคยอยู่ในเรือนนี้เจ้าค่ะ"
ตะวันเผยตัวตนว่าเป็นเดือน ทุกคนอึ้งไปตามกัน ส่วนคนที่รู้อยู่แล้วก็เซ็งตามกัน
"ข้าไม่เชื่อ พวกเอ็งถอดเสื้อมันออก"
อ่ำ มั่น จำต้องเดินไปถอดเสื้อตะวัน ทุกคนลุ้น เห็นผ้าคาดอกพันไว้แต่ก็มิอาจบดบังหน้าอกได้
ทุกคนโพล่ง " นังเดือน"
ดาวแทบช็อก เมื่อรู้ว่าตะวันคือเดือน
เดือนถูกทำโทษ
"ข้าจะลงโทษเจ้าโทษฐานที่เป็นทาสก่อเรื่องงามหน้าในเรือนคราวก่อนกับไอ้เมฆ แล้วยังหนีไปทั้งที่ยังไม่หมดจากความเป็นทาส ไอ้อ่ำโบยมันเดี๋ยวนี้"
อ่ำไม่กล้าเฆี่ยนเพราะสงสารเดือน แสนโมโห กระชากหวาย
"เอามานี่"
แสนส่งหวายให้หาญ
"ต่อไปพ่อหาญจะเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นผู้นำใต้หล้า ต้องรู้จักเด็ดขาด เฆี่ยน มันให้รู้สำนึก"
"ท่านเจ้าสัวเจ้าคะ บุษขอเถอะนะเจ้าคะ เพราะอย่างไรแม่เดือนตอนนี้ก็อยู่ในฐานะผู้ติดตามของบุษ บุษขอให้ยกโทษให้แม่เดือนด้วยเถิดเจ้าคะ"
ฟ้าหยาดเข้าไปขอร้องแสน
"ฟังเหตุผลก่อนเถ่อะเจ้าค่ะ"
"ไม่! โทษก็คือโทษ มิเช่นนั้นข้าจะปกครองใครได้อีก ใครหน้าไหนก็ขอไม่ได้"
"เฆี่ยนมันซิ มัวรออะไรรึพ่อหาญ"
ในที่สุด หาญฟาด ลงหวายครั้งที่ 1.... เดือนกัดฟัน เจ็บน้ำตาร่วงแต่ไม่ร้อง หาญกลั้นน้ำตา ฟาดอีกที
และแล้ว เมฆก็พรวดพราดเข้ามา ทำเอาดาวตะลึง
"พอเถิดขอรับ บ่าวผิดเอง นี่เป็นความผิดของบ่าวเองขอรับ"
"ไอ้เมฆเอ็งมาแส่อะไรด้วย" ดาวถาม
"ไม่ใช่เรื่องของเอ็งหลีกไป" แสนบอก
" แม่เดือนไม่ใช่คนผิดหรอกขอรับ อันที่จริง คืนนั้น บ่าวก็เมา จน ไม่รู้ว่าได้ทำอะไรแม่เดือนไปหรือเปล่า"
ทุกคนตะลึง ดาวอึ้ง อ้าปากค้าง
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ... ไหนแม่แก้วบอกกับฉันว่านังเดือนหนีตามแก ไปไง"
"อิฉันก็รู้เรื่องจากนังดาวมันเนี่ยละคะ"
ทุกคนมองมาที่ดาว
พวงแก้วชี้หน้าดาว
"นี่แกโกหก สร้างเรื่อง ปั้นน้ำเป็นตัวใส่ร้ายแม่เดือนถึงเพียงนี้ เชียวรึนังดาว นังเอื้อยจับนังดาวมานี่"
เอื้อยผลักดาวไปตรงกลางวง ดาวต้องคุกเข่าลงข้างเมฆ เมฆแอบกระซิบ
"เอาสิ จะให้ข้าเปิดโปงหรือไม่ หรือเอ็งจะยอมข้าต่อไป ข้าเตือนแล้วว่า ห้ามทิ้งข้า"
ดาวกระซิบทำทีเป็นจริงเป็นจังให้เมฆเชื่อ
" ข้ายอมพี่เมฆเสมอ แต่ที่ทำอยู่นี่ก็เพราะต้องตบตาพวกมันเพื่อความอยู่ รอดของเราต่างหาก"
แสนหันมาชำระความกับดาวแทน เหตุการณ์พลิกผัน แสนประกาศิต
"หากแม่ดาวเป็นคนสร้างเรื่องใส่ร้ายให้แม่เดือนต้องเดือดร้อน ข้าจะเฆี่ยนถลกหลังให้เป็นเยี่ยงอย่าง"
ดาวทำเป็นบีบน้ำตายอมรับ
"บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ บ่าวไม่ได้ตั้งใจ" ดาวแกล้งขย่อน ทำท่าจะอ้วกออกมา...โอ้ก อ้าก....
ทุกคนตะลึงมองดูดาว ดาวบอกกับเจ้าสัว
"ท่านเจ้าสัวจะเฆี่ยนบ่าวได้ลงหรือเจ้าคะ ในเมื่อในท้องบ่าวตอนนี้มีลูกของคุณหาญ อยู่ "
ดาวลูบพุงที่ยื่นออกมาแล้วสามเดือนแล้ว
ทุกคนตะลึงงัน
ซินแสเทียนตรวจชีพจรดาวแล้วพยักหน้าบอกกับทุกคน
"แม่ดาวท้องจริงๆ"
หาญหน้าซีด ไม่อยากเชื่อ
เจ้าสัวแสนยังตึงๆกับซินแสเทียนอยู่ ไม่อยากมองหน้าเท่าไหร่
"การมีเด็กคนนี้ จะเป็นจุดพลิกชะตาของใต้หล้า อาจจะต้องฝ่ามรสุมเจอเรื่องร้าย หนักหนา แต่ในที่สุดจะดีขึ้น"
แสนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทำทีไม่ใส่ใจ
"ซินแสเทียนมีบุญคุณกับท่านเจ้าสัวมากนะเจ้าคะ ที่ท่านเจ้าสัวลุกขึ้นได้ในวันนี้ ก็เพราะยาของซินแสเทียนที่อิฉันชงให้กิน และที่ผ่านมาท่านเจ้าสัวก็เชื่อซินแสเทียนมาตลอดมิใช่รึเจ้าคะ ที่ท่านได้ดิบได้ดีก็เพราะคำแนะนำของท่านซินแส ไฉนเลยวันนี้จึงทำทีไม่ใส่ใจละเจ้าค่ะ" พวงแก้วว่า
แสนเบาลง เทียนเลยได้โอกาสบอกเรื่องดวง
"ต่อแต่นี้จะมีแต่เรื่องราวที่จะถูกเปิดเผย อั๊วขอให้เจ้าสัวทำใจเป็นกลางไว้ อะไรที่เกิดขึ้นล้วนมาจากชะตาที่ฟ้าลิขิตมาทั้งนั้น"
แสนเริ่มฟังที่ซินแสพูด
"เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้พ่อหาญก็กำลังจะมีลูกกับแม่ดาว งั้นข้าก็จะยกแม่ดาวขึ้น เทียบเท่ากับแม่หญิงบุษบาบรรณ คงไม่มีใครขัดข้องใช่ไหม"
ดาวรีบรับเลย
"ขอบพระคุณท่านเจ้าสัวมากๆเจ้าคะ"
เดือนอึ้งสงสารบุษบาบรรณ หาญเซ็ง ดาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กล้าไม่พอใจ
บุษบาบรรณกลับเข้าห้อง เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าออกมาพับผ้า เดือนเปลี่ยนใส่ชุดทาสหญิง ตามมาจับมือยั้งไว้
" จะเก็บผ้าไปไหนรึเจ้าคะคุณบุษ"
บุษบาบรรณน้ำตาร่วง ความเข้มแข็งที่มีละลายโผเข้ากอดตะวัน
"แล้วเราจะอยู่เยี่ยงไรแม่เดือนช่วยบอกเราที"
เดือนเข้าใจ
"คุณบุษต้องอดทนนะเจ้าคะ"
หาญตามเข้ามามองอย่างสงสาร อยากปลอบ
"คุณบุษ"
บุษบาบรรณถอดตัวจากที่ซบเดือน เช็ดน้ำตา ไม่อยากมองหน้าหาญ
"คุณบุษเชื่อที่แม่ดาวพูดงั้นรึ"
เธอเบือนหน้าหนี
"จะเป็นไปได้ยังไงที่กระผมจะมีลูกกับแม่ดาว"
"แต่มันก็อาจเป็นไปได้มิใช่รึ ในเมื่อช่วงเดือนที่แล้ว คุณหาญหมกมุ่นอยู่กับแม่ดาว เช้ายันค่ำเป็นเวลาหลายวัน"
หาญตกใจที่บุษบาบรรณตัดรอน
"แต่ตอนนั้น..."
"ในเมื่อมีแล้วคุณหาญก็ต้องรับผิดชอบ"
ตะวันมองหาญด้วยความสงสาร
"ตอนนี้คุณหาญออกไปก่อนจะดีกว่าเจ้าค่ะ บ่าวขอร้องนะเจ้าคะ"
"แต่ว่า"
ตะวันใช้แววตาอ้อนวอนหาญจำใจออกไป แต่อดเป็นห่วงบุษบาบรรณที่ร้องไห้อยู่ไม่ได้
"ถ้าร้องแล้วสบายใจก็ร้องเถอะนะเจ้าคะ เรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้วคงทำได้เพียง ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากคุณบุษยังรักคุณหาญ คุณบุษก็ควรจะอยู่เคียงคู่คุณหาญ อย่าจากไปทั้งที่ใจยังรักเลยนะเจ้าคะ มันทรมานเหลือเกิน"
บุษบาบรรณเช็ดน้ำตาแล้วเกิดปวดหัว วิงเวียนศรีษะ ตะวันรีบเข้าพยุง
"คุณบุษเป็นอะไรไปเจ้าคะ"
"เราปวดหัวเหลือเกิน เวียนหัวอยากจะอ้วก"
"งั้นไปที่เตียงนอนพักสักครู่น่าจะดีขึ้นนะเจ้าคะ เดี๋ยวเดือนเช็ดหน้าเช็ดตาให้เจ้าคะ"
ตะวันประคองบุษไปที่เตียง พาลงนอน
เดือนออกจากห้องนอนตรงมาที่ห้องน้ำเตรียมผ้าชุบน้ำใส่อ่างจะเดินออกมา หาญเดินดัก
"คุณบุษเป็นอย่างไรบ้างแม่เดือน"
"ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเจ้าค่ะ คุณหาญต้องให้เวลาเธอหน่อย เกิด เรื่องแบบนี้กับคนรักเป็นใครก็ เสียใจเจ้าค่ะ"
หาญมองตะวัน
"รวมถึงเจ้าด้วยใช่ไหมแม่เดือน"
เดือนเลี่ยงที่จะพูดเรื่องเก่าๆ
"เรื่องของบ่าวไม่อาจเทียบกับเรื่องของนายหรอกเจ้าค่ะ และอีกอย่างมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วบ่าวไม่คิดหรอกเจ้าค่ะ"
ตะวันจะเดินออกไป หาญขยับมาขวางทางอีก
"ฉันดีใจนะ ที่อย่างน้อยแม่เดือนก็ไม่ได้มีอะไรกับนายเมฆอย่างที่เค้ากล่าวหากัน ซึ่งนั่นก็แปลว่าแม่เดือนจงรักภักดีกับฉันตลอดเวลา"
เดือนตัดบทไม่อยากพูดถึง เพราะตอนนี้หาญมีเมียแล้วถึง 2 คนแล้ว
"บ่าวลืมเรื่องเก่าๆไปจนหมดสิ้นแล้วเจ้าค่ะ คุณหาญเองก็ควรจะลืมเช่นกัน"
"ทำไมเราถึงตัดใจจากแม่เดือนไม่ได้เสียที...ทำไม"
มุมหนึ่ง บุษบาบรรณคลื่นไส้จะเข้ามาอ้วก ได้เห็นและยินที่หาญพูด ก็น้ำตาไหลอาบแก้ม อึ้ง
เดือนผลักหาญออก
"บ่าวขอร้องนะเจ้าคะ ขอให้คุณหาญรักและภักดีกับคุณบุษเพียงคนเดียวเถอะนะเจ้าคะ"
"ทำไมเราต้องทำตามที่เจ้าขอด้วย"
"เพราะคุณบุษช่วยชีวิตบ่าวไว้ คุณบุษให้ชีวิตใหม่กับแม่เดือนคนนี้ บ่าว จะไม่ทรยศต่อคุณบุษโดยการคิดคดกับคุณหาญเด็ดขาดเจ้าค่ะ"
เดือนผละไป หาญอึ้งกับสิ่งที่เดือนพูด ปัญหารุมเร้าชีวิตมากในช่วงนี้
อ่านต่อตอนที่ 21