xs
xsm
sm
md
lg

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 20 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 20 อวสาน

ลานประหาร สุเทษดึงหญิงคนหนึ่งออกมายืนข้างหน้า พลธนูพร้อม ยิง สุเทษประกาศ
 
“ประชาชนทุกคนจงดูเป็นเยี่ยงอย่าง ต่อไปใครที่ทรยศต่อเจ้าชายรัชทายาท ซึ่งกำลังจะขึ้นราชาภิเษกเป็นกษัตริย์แห่งรายา จะต้องถูกประหารทั้งครอบครัว แม้แต่เด็กก็ไม่เว้น เจ้าชายมาคีเครียดชาวบ้านหวาดกลัวร้องไห้กัน
“อย่า อย่าฆ่าเมียผม” ชาวบ้านร้องขอความเมตตา
ชวาลปลอมเข้ามาปะปนด้วย มองเจ้าชายมาคีแบบผิดหวัง
“ยิง” สุเทษสั่ง
“อย่า” เจ้าชายมาคีร้องห้าม
นายพลวิฑูรจับแขนเจ้าชายมาคีไว้แน่น ก่อนที่ลูกธนูจะถึงพ่อเด็กก็มีอาวุธลับพุ่งมาจากทางหนึ่งตัดธนูขาดเป็นสองท่อนหักกลางอากาศ ทุกคนมองอย่างตกใจแล้วหันไปมองที่มาของอาวุธลับนั้น คามินยืนอยู่บนระเบียงหรือหลังคา ก่อนกระโดดลงมากลางลานประหารอย่างไม่กลัว ชาวบ้านฮือฮา
“คามิน” เจ้าชายมาคีตกใจ
“เห็นมั้ยพะยะค่ะ ว่ามันต้องมา” นายพลวิฑูรยิ้มเยาะ
คามินเดินมาประจันหน้ากับเจ้าชายมาคีอย่างท้าทาย
“ชายชาตินักรบเค้าไม่ฆ่าผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้หรอก”
“นักรบที่เอาแต่ลอบกัด แทงข้างหลังอย่างแกก็ไม่สมควรเป็นนักรบ”
“งั้นมาพิสูจน์กันหน่อยมั้ย ว่าราชบัลลังก์รายาควรเป็นของใคร”
“อย่าหลงกลมัน จัดการมันเลย พะยะค่ะ”
นายพลวิฑูรส่งปืนให้เจ้าชายมาคี
“นายไม่กล้าทำหรอก”
เจ้าชายมาคีเข้ามายืนเล็ง
“นายมันขี้ขลาด เคยไม่เอาไหนยังไง ก็ยังเป็นอยู่อย่างงั้นไม่เปลี่ยนเลยนะ มาคี”
เจ้าชายมาคีแค้นทำท่าจะเหนี่ยวไก แต่แล้วก็ทำไม่ลง ยิงขึ้นฟ้า นายพลวิฑูรไม่พอใจ
“ฉันนึกแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้”
นายพลวิฑูรพยักหน้าให้สุเทษ สุเทษยกมือขึ้นเหนือหัวส่งสัญญาณแล้วชี้ไปที่คามิน เสียงปืนจากพลซุ่มยิงดังขึ้น 3 นัด กระสุนเข้าที่คามินอย่างจัง คามินล้มลงสีหน้าเจ็บปวด เจ้าชายมาคี ชวาล ชาวบ้านมองเหตุการณ์อย่างตกใจ นายพลวิฑูร สุเทษยิ้มสะใจ คามินนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น

กระท่อมร้าง ใกล้ลานประหาร มินตราลากมัทนาที่ถูกมัดมือมา
“แล้วพี่มิน จะต้องเสียใจที่ไปเข้าข้างคนชั่ว”
“คนที่ต้องเสียใจก็คือแก เพราะ เดี๋ยวท่านวิฑูรก็จะเอาศพของผู้ชายที่แกรักมาให้แกดู แล้วฉันก็จะส่งวิญญาณแกไปเสวยสุขด้วยกัน” มินตรายิ้มเยาะ

ธรรมรัตน์ เหมันต์ สินธรนำหน่วยจู่โจมบางส่วน กระจายกำลังเข้ามา ยิงปะทะกับทหารฝ่ายวิฑูที่ยืนอยู่ ชาลีกับองครักษ์เจ้าชายมาคี เข้ามา ต่างฝ่ายต่างจ่อปืนใสกัน
“หยุด ทิ้งปืน อย่าให้เราต้องฆ่าคนรายาด้วยกันเองหมดเวลา รับใช้คนทรยศแล้ว”
ชาลีลดปืนลง นำตะเบ๊ะ สินธรงง
“ผมมารับใช้องค์กษัตริย์อินทราต่างหากครับท่าน”
ชาลียื่นกระดาษขนมให้ดู สินธรยิ้ม ธรรมรัตน์ถามอย่างกังวล
“เห็นมัทนาบ้างมั้ย”
“คุณมัทนาไม่ได้อยู่ในตำหนักเจ้าชายแล้วครับ”
ธรรมรัตน์ สินธรอึ้ง ยักษ์วิ่งโซเซบาดเจ็บมาเจอ คิดหนี
“เฮ้ย หยุด” สินธรสั่ง
หน่วยจู่โจมกรูเข้าจับตัวยักษ์

ลานประหาร เจ้าชายมาคีตะลึงมองคามินที่ล้มอยู่ที่พื้น เจ้าชายมาคีเข้าไป
“คามินๆ”
เจ้าชายมาคีหันขวับมองนายพลวิฑูร
“พวกเจ้าฆ่าคามินทำไม เรายังไม่ได้สั่ง”
“หึ คนที่กำลังจะตาย สั่งใครไม่ได้หรอก”
“ท่านลุงคิดจะยึดอำนาจเหรอ”
นายพลวิฑูรสบตากับสุเทษเป็นนัย มือคามิน จับแขนเจ้าชายมาคีๆงงๆ
“นาย...”
สุเทษยกปืนขึ้นเล็งไปที่เจ้าชายมาคี เหนี่ยวไก เปรี้ยง ชวาลแทรกกลุ่มชาวบ้านวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว กระโดดเอาตัวเข้าบังกระสุน ชวาลล้มลง เจ้าชายมาคีประคองชวาล ตกใจมาก
“ชวาล..นี่เจ้า”
คามินลุกขึ้น ชักปืนที่พกมาข้างหลังยิงใส่สุเทษๆ หลบได้
“ไอ้คามิน มันไม่ตาย”
“มันใส่เสื้อเกราะ ฆ่ามัน ฆ่ามันให้หมด” นายพลวิฑูรร้องสั่ง
สุเทษและทหารระดมยิง ฐากูรที่อยู่ในหมู่ชาวบ้านวิ่งตะโกนออกมา
“องค์อินทรา จงเจริญ”
ชาวบ้านชายเฮ...ควักอาวุธที่พกมาปืนบ้าง ดาบ มีดต่างๆ เฮเข้าสู้กับพวกนายพลวิฑูร เจ้าชายมาคีประคองชวาล
“ชวาล...ทำไม...”
ชวาลพยายามยิ้ม
“ดีใจเหลือเกินที่ได้ถวายงานฝ่าบาทอีกครั้ง...”
ชวาลสิ้นใจ เจ้าชายมาคีตะลึงทำอะไรไม่ถูก ชาวบ้านเฮ พากันวิ่งเข้าบังร่างคามินกับเจ้าชายมาคี คนที่มีอาวุธก็ยิงใส่ทหาร เจ้าชายมาคีตะลึง มองชาวบ้านที่ล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงเพื่อปกป้องเขากับคามิน มีเด็กคนหนึ่งล้มอยู่ ร้องไห้ เจ้าชายมาคีเห็นวิ่งเข้าไปอุ้มเด็ก เฉียดฉิวคมกระสุน คามินหันมาลากทั้งเจ้าชายมาคีและเด็กเข้าที่กำบัง หันไปสั่งพวกฐากูร
“ระวังชาวบ้านถูกลูกหลง กันเด็กกับผู้หญิงออกไป”
“นี่เป็นแผนของนายที่จะมาช่วยเราเหรอ” เจ้าชายมาคีอึ้งๆ
นายพลวิฑูรตะโกนสั่งการ
“ใครฆ่าไอ้คามิน กับมาคีได้ เราจะให้รางวัล”
คามินรีบสั่ง
“ฐากูร พาเจ้าชายกลับภูสายธาร เร็ว”
“ไม่ เราต้องไปช่วยเสด็จแม่ก่อน”
ชาวบ้านที่เห็นแก่เงินเข้ามาวิ่งเข้ามาจะเอามีดแทงมาคี คามินเข้ารับ อัดชาวบ้านกระเด็นแล้วหันไปเอาปืนทุบท้ายทอย เจ้าชายมาคีสลบ
“ขอโทษนะ น้องชาย”
ฐากูรแบกเจ้าชายมาคีขึ้นหลัง วิ่งออกไป คามินยิงสู้ กระสุนหมด บรรจุใหม่ นายพลวิฑูร สุเทษ ทหารรุกไล่เข้ามาเรื่อยๆ จู่ๆเสียงปืนกึกก้องขึ้น นายพลวิฑูร สุเทษชะงัก หน่วยจู่โจมของธรรมรัตน์มาสมทบด้วย ระดมยิงคุ้มกัน ทหารล้มตายเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านฮึกเหิม ที่ไม่ตาย วิ่งเข้าลุยพวกนายพลวิฑูร รุมกระทืบทหาร และเพชฌฆาต คามินพุ่งเข้ามาถึงตัวพวกทหาร แย่งปืน มายิง ใส่
“มันมีมืออาชีพมาช่วย ถอยก่อนครับ เราต้านมันไม่อยู่แล้ว”

นายพลวิฑูรกับสุเทษรีบหนีเอาตัวรอด จบที่ทหารนายพลวิฑูรสู้ไม่ได้ โดนหน่วยจู่โจมบุกเข้าล้อมกรอบไว้ทั้งหมด

มัทนามองมินตราที่เดินถือโทรศัพท์ไปมาอย่างร้อนใจพึมพำ
 
“ทำไมป่านนี้ยังไม่ส่งข่าวซะที”
มัทนาพยายามแอบแก้มัดเชือกจนคลาย แล้วพุ่งไปที่ประตู มินตราเห็นรีบวิ่งไปกระชากผม
มัทนาศอกใส่ มินตราผงะ มัทนาจะหนี มินตรากระโดดรวบขา ล้ม สู้กันในที่สุด มินตรากระเด็นไปหัวโขกล้มลงสลบ มัทนาตกใจ
“พี่มิน...”
มัทนาก้มไปพลิกตัว มินตราที่แกล้งสลบคว้าไม้ข้างตัวกำไว้แล้ว ฟาดเข้ากกหูมัท สลบ มินตรามองมัทนาอย่างเกลียดชัง
“เก่งนักเหรอ ไปออกฤทธิ์ในนรกเถอะแก”
มินตราเงื้อจะฟาด นายพลวิฑูรกับสุเทษพรวดเข้ามา
“มินตรา”
มินตราชะงัก
“เป็นไงคะ สำเร็จใช่มั้ย คามิน มาคี ราชินีตายหมดแล้วใช่มั้ย”
“ไอ้ธรรมรัตน์มันมาช่วย คามินกับมาคีไปได้”
“อะไรนะ มีคนเป็นกองทัพ ยังสู้มันไม่ได้อีกเหรอ บ้าที่สุด” มินตราผิดหวัง จะกรี๊ด
“พอ ถ้าขืนโวยวาย เธอเองก็จะเจ็บตัวอีกคน”
สุเทษเข้าไปดูมัทนา
“นี่มันนังมัทนา”
นายพลวิฑูรเพิ่งสังเกตเห็น
“นังมัทนามันเป็นอะไร...”
“มันจะหนีฉันเลยจะจัดการมัน”
นายพลวิฑูรอังจมูก
“โชคดีที่มันยังไม่ตาย แสดงว่าเรายังได้เปรียบอยู่ เอาตัวมันไปกับเรา”
สุเทษอุ้มมัทนาไป มินตราไม่พอใจ
“เดี๋ยวจะเอามันไปไหน ทำไมไม่ฆ่ามันซะ”
“เพราะมันยังมีประโยชน์น่ะสิ”
มินตราแค้น

ชาลีและบรรดาองครักษ์คุกเข่า ทำการเคารพคามิน ธรรมรัตน์ เหมันต์ สินธรยืนอยู่ด้านหลัง
“ถวายพระพร เจ้าชายคามิน”
คามินยิ้มให้
“ขอบใจนะ ขอบใจทุกคน ตกลงไม่มีใครรู้เลยเหรอ ว่าพวกมันพาคุณมัทไปที่ไหน”
“ไอ้ยักษ์มันบอกว่า พวกสุเทษแค่สั่งให้มันฆ่าอสิตแล้วก็องค์ราชินี”
โทรศัพท์ธรรมรัตน์ดัง ธรรมรัตน์รับ
“ฮัลโหล”
“สวัสดีค่ะ คุณท่าน”
มินตรา” ธรรมรัตน์ตกใจ
“ลูกสาวท่านร่ำร้องอยากเห็นหน้าท่านก่อนตาย มินก็เลยต้องโทรมา”
คามินเข้ามาฉวยโทรศัพท์
“มินตรา”
มินตราส่งโทรศัพท์ให้นายพลวิฑูร
“ถ้าอยากได้ตัวมัทนา ก็ขอเชิญเจ้าชายเสด็จมาองค์เดียวพร้อมกับของที่กระหม่อมต้องการ ถ้าไม่ทำตามนี้ ก็รอรับศพ มัทนาได้เลย”
นายพลวิฑูร หันไปถ่ายคลิป มัทนอนสลบเลือดออกตรงที่ถูกตี

คามินมองคลิปในโทรศัพท์เครียด ธรรมรัตน์เห็น
“มัทนาเป็นลูกสาวกระหม่อม ปล่อยให้เป็นหน้าที่กระหม่อมเถอะ อย่าให้ผู้หญิงดื้อรั้นคนหนึ่งทำให้เสียงานใหญ่เลยพะยะค่ะ”
“มัทนาไม่ใช่แค่ผู้หญิงดื้อรั้นคนหนึ่ง เธอมีความหมายมากกว่านั้น เราสูญเสียเธอไปไม่ได้”
ธรรมรัตน์อึ้งไป
“เจ้าชาย”
“เราต้องตามหาเธอให้พบเพื่อพูดสิ่งที่อยากพูดมาตลอด” คามินบอกอย่างจริงจัง

บ้านเมฆา..มาคีค่อยฟื้นขึ้น เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนแท่น เจ้าชายมาคีลุกขึ้น เห็นพระนางสาวิตรียืนหันหลัง มองรูปราชาอินทรา แต่เจ้าชายมาคียังไม่เห็นรูป เจ้าชายมาคีลุกขึ้น เขม้นมอง
“เสด็จแม่ ๆใช่มั้ย”
พระนางสาวิตรีหันมา น้ำตาเต็มหน้า ตรงเข้าไปกอดเจ้าชายมาคี
“เสด็จแม่ทรงหายดีแล้วหรือพะยะค่ะ”
“แม่ไม่เป็นไร ยาที่ท่านพี่ให้แม่กิน มันแค่ยาสมุนไพรที่ทำให้ความจำเลอะเลือนเพราะท่านพี่กลัวว่าแม่จะบอกลูกว่า เขาเป็นคนทำร้ายเสด็จพ่อ ท่านพี่ต้องการยึดอำนาจตั้งแต่แรกแล้ว เราสองคนตกเป็นเครื่องมือของเขามาตลอด”
“แล้วตอนนี้เสด็จพ่ออยู่ที่ไหนพะยะค่ะ”
พระนางสาวิตรีน้ำตาร่วง เจ้าชายมาคีเพิ่งสังเกตเห็นรูปบนหิ้ง ลุกขึ้นไปดูใกล้
“หรือว่า...”
“เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์แล้ว”
เจ้าชายมาคีทรุดลงด้วยความเสียใจ

อัคนีนั่งร้องไห้ ฐากูรยืนมองเห็นใจ มาลีมาปลอบ
“อย่าเสียใจไปเลย”
“เพราะความไม่เอาไหนของผม ผมไม่เคยทำอะไรให้พ่อดีใจเลย ผมมันเลว”
เจ้าชายมาคีเดินออกมา พระนางสาวิตรีออกมากับหฤทัย
“ถ้าเจ้าเป็นคนเลว เราก็คงชั่วช้าไม่มีอะไรเปรียบ”
“เจ้าชาย”อัคคีหันไปมอง
“เราเป็นถึงเจ้าชายรัชทายาท แต่กลับหลงเชื่อคนชั่วทำให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ เสด็จพ่อต้องไปสิ้นพระชนม์ที่ต่างแดน ความผิดครั้งนี้กี่ชีวิตก็ชดใช้ไม่หมด”
“เจ้าชาย”
“เราเองก็ทำผิดพลาดมาตลอด ถ้าไม่ได้เจ้าช่วยไว้ เราก็คงไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีก เจ้าได้ชดใช้ความผิดของพ่อเจ้าหมดสิ้นแล้ว อัคนี”
อัคนีเช็ดน้ำตา
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ”
“แต่สำหรับลูก ถ้าไม่ได้ไปจับท่านลุงให้ได้กับมือลูก คงตายตาไม่หลับแน่...” เจ้าชายมาคีบอกแค้นๆ
หฤทัยยืนหน้าซีดฟังอยู่
ลานหิน แถบเหมืองเก่า คามินแบกหีบขนาดเล็กเดินมาคนเดียว วางหีบลง
“ท่านวิฑูร เรามาแล้ว”
นายพลวิฑูรเดินออกมาบนเนินเตี้ยๆกับสุเทษ
“กล้ามาก ฉันนับถือน้ำใจของแกจริงๆที่เสี่ยงมาถึงนี่ เจ้าชายคามิน”
“มัทนาอยู่ที่ไหน”
“อย่าเพิ่งร้อนใจ ยังไงก็ต้องได้พบคนที่แกรักแน่ๆ แต่ขอดูของที่ต้องการก่อน”
คามินวางหีบ สุเทษเดินลงมาจะเปิดหีบ คามินเหยียบไว้
“เมื่อยังไม่เห็นคน ก็ให้ดูของไม่ได้”
สุเทษเตะขาคามิน ทั้งคู่สู้กัน คามินเตะสุเทษสามสี่ทีซ้อนกระเด็นไป สุเทษชักปืน แต่คามินเตะปืนกระเด็นแล้วชักจ่อ
“ฝีมือยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม”
คามินเตะหีบเปิด เห็นอัญมณีก้อนโตหลากสี

“เห็นของแล้ว บอกมาว่าคนอยู่ที่ไหน”

ในถ้ำ...มัทนาค่อยๆได้สติ เห็นมินตราถือปืนคุมเชิงอยู่
 
“พี่มิน นี่มันที่ไหน”
“สุสานของแกไง รอให้ไอ้โง่คามินมันเอาของมาให้ท่านนายพล แล้วทั้งมันกับแกก็จะโดนฆ่าทิ้ง”
มัทนาหัวเราะ
“หัวเราะอะไร”
“มัทก็ขำน่ะสิ ทำไมพี่ถึงคิดอะไรตื้นๆ เจ้าชายน่ะเหรอจะยอมเอาชีวิตมาแลกกับผู้หญิงอย่างมัท”
“เพราะมันโง่ยังไงล่ะ ถึงงมงายกับผู้หญิงที่ไร้ประโยชน์อย่างแก”
“เจ้าชายไม่เคยรักใครมากไปกว่าราชบัลลังก์และแผ่นดินรายา คนที่โง่คือพี่ต่างหาก”
“แกกล้าด่าฉันเหรอ”
“พี่ก็ถูกพวกท่านวิฑูรใช้เป็นเครื่องมือเหมือนกับคนอื่นๆนั่นแหละ โถ คิดเหรอว่าพวกเขาได้ของแล้วจะกลับมา น่าสงสารที่สุด ฮ่ะๆ”
“หยุดเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่หยุดฉันจะฆ่าแก”
มินตราเข้าไปจ่อปืน

สุเทษเข้ามาแบกหีบ ปีนไปหานายพลวิฑูร
“มัทนาอยู่ไม่ไกลจากที่นี่หรอก แต่เจ้าชายคงต้องไปหาเอง”
“คิดอยู่แล้วว่าท่านต้องตระบัดสัตย์”
สินธรกับ ชาลีและ องค์รักษ์หลายคน โผล่กันออกมา จากหินที่ซุ่มอยู่
“แกมันก็ไม่ต่างกันหรอกวะ”
“ความซื่อสัตย์ใช้กับโจรโดยสันดานไม่ได้”
“วางอาวุธแล้วมอบตัวซะ”
“ฝันไปเถอะ”
สุเทษยิงเลย พวกคามินไม่ทันตั้งตัวกระโดดหลบ แล้วยิงใส่บ้าง เสียงระเบิดดังกึกก้อง ทั้งหมดชะงัก
“ระเบิด”
“นี่แค่ลูกแรก แต่ในเหมืองเถื่อนที่นังมัทมันอยู่ยังมีเหลืออีกหลายลูก ถ้าไม่รีบไป คงจะไม่ทันการ”
นายพลวิฑูรหัวเราะ แล้ววิ่งไป สุเทษตาม คามินซัดอาวุธลับใส่สุเทษเซๆไป
“ตามไปจับให้ได้ เราจะไปช่วยมัทนา”
พวกสินธร วิ่งกรูตามสุเทษไป

ในถ้ำ มินตรามองหินที่ร่วงหล่นเพราะแรงสะเทือนจากภายนอก
“เสียงระเบิด”
“เห็นรึยัง ว่ามันเป็นอย่างที่มัทพูด พวกมันตั้งใจฆ่าเราทั้งสองคน มันวางระเบิดไว้ที่ปากถ้ำ”
“เป็นไปไม่ได้...”
ระเบิดตูมขึ้นอีกลูก หินถล่มมากขึ้น มินตราวิ่งหนีไป

คามินวิ่งมาตามทาง เห็นถ้ำไกลๆ เสียงระเบิดดัง คามินตกใจ
“คุณมัท”
คามินวิ่งสุดชีวิต

มัทนาพยายามแก้เชือกจนสำเร็จ วิ่งมา เจอมินตรา ล้มลุกคลุกคลาน ระเบิดอีกตูม มัทนาเห็นหินร่วงลงมา มินตราล้มลง หินทับขา
“พี่มิน”
มัทนาพยายามประคองมินขึ้น
“อย่ามายุ่ง”
“ไม่ได้ เราต้องออกไปด้วยกัน”

คามินวิ่งถึงปากถ้ำ ตะโกน
“คุณมัท คุณอยู่ไหน”
คามินวิ่งเข้าไป ลูกธนูพุ่งออกมาจากต้นไม้ นายพลวิฑูรวางกับดักไว้ คามินพุ่งตัวหลบทัน คามินนิ่งคิด เสียงระเบิดดังอีกลูก ถ้ำสะเทือน ลูกธนูพุ่งออกมาอีกหลายดอก คามินกลิ้งหลบ เจอสายชนวนที่ต่อระเบิด แล้วตั้งเวลาไว้ตามจุด คามินตามสายไปจนเห็นระเบิด ว่ากำลังจะเป็นเลขศูนย์ คามินตกใจ เลขไปที่ศูนย์ คามินกระชากสายระเบิดออก

มัทนาแบกมินตรามา ถึงปากถ้ำ ที่มืดหมดเพราะหินถล่มทับ มินตราดีใจ ผลักมัทนาไป จะออก หินเลยถล่มลงมาอีก มินตรากระเด็นสลบ มัทนาสำลักฝุ่นควัน กำลังจะหมดสติ เสียงคามินแว่วๆ
“มัทนา”
แสงส่องเข้าหน้ามัทอีกครั้ง คามินคุ้ยหินออกไป ฝุ่นจางลงเป็นคามินเข้ามา
“คุณมัท..”
คามินพุ่งเข้ามา มัทนาดีใจ
“คุณมาจริงๆ เจ้าชายของฉัน แต่ไม่ยักขี่ม้าขาวมาด้วย”
คามินหัวเราะออกมา กอดมัทนาแน่น
“ผมจะพาคุณออกไป”
มัทนาอ่อนแรง
“ช่วย..พี่มิน..ด้วยนะคะ”
มัทนาสลบไป คามินมองตกใจ
นายพลวิฑูรนำสุเทษมาถึงริมแม่น้ำ เห็นเรือจอดอยู่ สุเทษแบกหีบ เลือดโทรม
“ฉันต้องการข้ามฝั่ง”
คนเรือมองสุเทษกับหีบท่าทางหนัก
“แต่เรือมันลำเล็ก ขนของด้วยต้องไปได้คนเดียว”
“ไม่เป็นไรงั้นไปสองคนก็พอ”
ขาดคำนายพลวิฑูรยิงคนเรือล้มลงตายทันที สุเทษอึ้ง
“ขนหีบลงเรือเร็วเข้า”
สุเทษเอาหีบไปวางในเรือ เรือยวบลงปริ่มน้ำ สุเทษพูดโดยไม่หันมา
“ผมว่าสองคนก็ยังไปไม่ได้ครับท่าน”
สุเทษหันมาเล็งปืนใส่นายพลวิฑูร
“นี่แก...”
“ต้องขอโทษที่ผมคงต้องไปแค่คนเดียว”
สุเทษจะเหนี่ยวไก
“แกหักหลังฉันเหรอ ถ้าไม่มีฉันแกก็ไม่มาถึงวันนี้”
“ผมรับใช้ท่านมาเกินคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เอาเป็นว่าผมจะจดจำพระคุณท่านไว้ก็แล้วกัน”
“แกฆ่าฉันไม่ได้หรอก”

“ทำไม..”

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)

นายพลวิฑูรนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนตัดสินใจพูด
 
“เพราะ..ฉันเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของแก”
สุเทษชะงัก แล้วหัวเราะออกมา
“เข้าใจเอาตัวรอดนี่ท่านนายพล แต่เรื่องนี้มันเหลือเชื่อเกินไป ไปหลอกเด็กเถอะ”
“ฉันสาบานได้ ที่ฉันต้องปิดบัง เพราะแม่ของแกเป็นหญิงคณิกา”
“ไม่จริง” สุเทษอึ้ง
นายพลวิฑูรมองหน้าสุเทษเดินเข้ามาหาช้าๆ
“แกไม่สงสัยเลยเหรอว่าทำไม ฉันถึงไว้ใจแก ทำไมแกทำงานพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันถึงได้ยกโทษให้ ฉันตั้งใจจะบอกให้แกรู้หลายครั้งแต่ไม่มีโอกาส”
สุเทษค่อยๆลดปืนลงไม่รู้ตัว นายพลวิฑูรเข้าไปกอด สุเทษกอดตอบ
“พ่อดีใจที่ได้บอกแก ก่อนที่แกจะตาย...”
นายพลวิฑูรบิดมือแย่งปืนจากสุเทษแล้วยิงใส่ สุเทษผงะ ล้มลง
“ทำไม”
“แกต้องดีใจที่แกได้ทดแทนพระคุณของฉัน กลับไปอยู่กับแม่แกเถอะสุเทษ”
สุเทษทรุด นายพลวิฑูรกัดกราม น้ำตาคลอแต่เห็นแก่ตัวมากกว่า กระโดดขึ้นเรือ
“หยุด....มอบตัวได้แล้วท่านนายพล”
นายพลวิฑูรชะงัก รับที่สินธร นำกำลังทหารมา หฤทัยมาด้วย
“ผมจะนับ1-3 ไม่อย่างงั้นผมต้องจับตาย”
เจ้าชายมาคีวิ่งมากับหฤทัย หฤทัยกางแขนกั้นทุกคน
“อย่า อย่ายิง มอบตัวเถอะนะคะ อย่าทำผิดอีกเลย ท่านพ่อ”
นายพลวิฑูรลังเล เจ้าชายมาคีพยายามเกลี้ยกล่อม
“ทุกอย่างจบแล้ว ท่านลุง”
นายพลวิฑูรจะยิงหฤทัย เสียงปืนปังทุกคนตะลึง นึกว่าหฤทัยถูกยิง
“หฤทัย”
เจ้าชายมาคีพุ่งเข้าไป จะยิงนายพลวิฑูร หฤทัยจับมือไว้
“อย่าเพคะ”
นายพลวิฑูรล้มลง สุเทษนอนถือปืนค้างอยู่
“แกโกหก ฉันไม่เชื่อแก”
สุเทษตาย นายพลวิฑูรหันไป
“ไอ้ลูกเนรคุณ”
นายพลวิฑูรล้มลงตาย
“ท่านพ่อ...”
หฤทัยตะลึง วิ่งเข้าไป ทุกคนมองสลดใจ

ในวังรายา มินตราครึ่งนั่งครึ่งนอน ยังให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง เหมันต์เข็นรถมัทนาเข้ามา
“ถ้าจะมาทวงบุญคุณละก็ เธอมาเสียเที่ยว เพราะฉันไม่ได้ขอให้เธอช่วย” มินตราเชิด
“มัทไม่ได้มาทวงบุญคุณอะไรพี่มิน แต่มัทพาคนมาเยี่ยม”
ท่านหญิงมาณวิกาเข้ามาพร้อมธรรมรัตน์
“อยากด่าอะไรก็ด่าเลย ฉันรู้แล้วว่าฉันเลว แต่ที่ฉันเลวแล้วฉันก็จะไม่ขอโทษ ย้อนเวลากลับไปได้ฉันก็จะทำแบบนี้อีก ถึงตายแล้วเกิดใหม่ฉันก็จะทำ” มินตราบอกอย่างไม่แค่
ท่านหญิงมาณวิกาน้ำตาซึม
“ฉันขอโทษมินตรา ฉันคิดแต่ว่าเธอเป็นคนอ่อนโยน ใจกว้าง มีน้ำใจ เสียสละ ถ้าฉันรู้ว่าเธอเป็นคนอ่อนไหวง่ายขนาดนี้ฉันคงบอกความจริงเธอไปตั้งนานแล้ว”
“ความจริงบ้าบออะไร” มินตราตวาด
ธรรมรัตน์หยิบซองสีน้ำตาลมาส่งให้ มินตรารับไปเปิดอ่าน เห็นหัวกระดาษพิมพ์ว่าพินัยกรรม เธออ่านอย่างเร็ว
“พินัยกรรมฉบับนี้ ฉันทำขึ้นตั้งแต่วันที่แม่เธอเสีย ด้วยความตั้งใจที่จะดูแลเธอเหมือนลูกสาวคนหนึ่งไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าเธอคือคนรับใช้ ฉันจึงแบ่งทรัพย์สิน หุ้นส่วนทุกอย่างให้เธอ เพื่อตอบแทนทั้งเธอและแม่ของเธอ”
มินตราอ่านจบเงยหน้ามองท่านหญิงมาณวิกายิ้มให้
“ไม่จริง” มินตราไม่อยากเชื่อ
“เธอก็เห็นวันที่ที่ลงในพินัยกรรมแล้ว เราเตรียมทุกอย่างให้เธอมาตั้งนาน พวกเราคิดเสมอว่าเธอคือลูกสาวอีกคนหนึ่งจริงๆ” ธรรมรัตน์ย้ำ
มินตราส่ายหน้า แววตาเลื่อนลอย
“ไม่...เป็นไปไม่ได้ พวกแกเกลียดฉัน”
“พี่มินคิดไปเองทั้งนั้น ลองทบทวนดูสิคะมัทเองก็รักพี่มินเหมือนพี่สาวแท้ๆ” มัทนาพยายามอธิบาย
มินตรามองพินัยกรรม เงยมองหน้าทุกคน
“เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะมินตรา” ท่านหญิงมาณวิกาบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“เริ่มใหม่เหรอ” มินตราหัวเราะ “ทุกอย่างมันจบแล้ว มันพังไปหมดแล้ว”
มินตราตาขวาง เครียดจัด ฉีกพินัยกรรมขว้างทิ้ง
“พวกแกนะเหรอจริงใจกับฉัน ไม่จริง ไม่จริง นี่มันความฝันมันไม่ใช่ความจริง ฉันกำลังฝัน ฝันในสิ่งที่ฉันอยากให้มันเป็นมาตลอด ฉันไม่ใช่เรื่องจริง”
“พี่มิน...” มัทนาตกใจ

มินตรากุมหัวอย่างสับสน ภาพเก่าๆที่มีความสุขกับมัทนา ท่านหญิงมาณวิกา ธรรมรัตน์ เข้ามาในความคิด
“ไม่...ไม่จริง” มินตราตะโกน
มัทนาเข้าไปจับตัว มินตราผลักกระเด็นมาชนท่านหญิงมาณวิกาล้ม แล้วกระชากสายน้ำเกลือ พุ่งไปที่ระเบียง
“มินตรา” ธรรมรัตน์ร้องเรียกอย่างตกใจ
“อร๊าย”
มินตราพุ่งลงระเบียงไป
“พี่มิน...”
มัทนาวิ่งมาถึงมองลงไป มินตรานอนตายจมกองเลือดอยู่ด้านล่าง มัทนายืนตะลึง ท่านหญิงมาณวิกากับธรรมรัตน์วิ่งตามมา สองคนมองลงไปตกใจมาก
“มินตราโธ่...”

ท่านหญิงมาณวิกาหันไปซบธรรมรัตน์ อย่างสะเทือนใจ

วันใหม่...ในห้องโถงวังหลวง เจ้าชายมาคีใส่ชุดขาว คุกเข่าอยู่หน้านักบวชที่ยืนถือเหยือกนมวัวยืนอยู่
 
“ขอให้เทพเจ้าทรงเป็นพยาน และทรงอภัยในความโง่ เขลาของลูกที่ผ่านมาด้วย ลูกสำนึกในบาปทั้งหมดแล้ว” เจ้าชายมาคีพูดอย่างรู้สึกผิด
นักบวชเดินมาเอานมวัวราดที่ไหล่
“เทพเจ้าอภัยให้ผู้สำนึกในบาปเสมอ จากนี้ฝ่าบาทจะมีพระชนมชีพใหม่ จงทรงดำเนินตามหนทางอัน ประเสริฐเถิด”

เจ้าชายมาคีเดินออกมาจากวิหาร พระนางสาวิตรี คามิน หฤทัย มัทนา สินธร รออยู่ ทุกคนมองอย่างอ่อนโยน เจ้าชายมาคียิ้มเศร้าๆเดินมาจับมือพระนางสาวิตรีขึ้นมาจูบ
“ลูกขอประทานอภัยในทุกสิ่งที่ลูกเคยทำให้ร้อน พระทัยพะยะค่ะ ขออภัยที่เคยล่วงเกินเจ้า” เจ้าชายมาคีบอกกับหฤทัย “ยกโทษให้พี่นะ หฤทัย”
“เพคะ หม่อมฉันอภัยให้ฝ่าบาท”
เทวีร้องไห้
“ทุกอย่างเป็นเพราะหม่อมฉันที่โลภ ทะเยอทะยานใฝ่สูง หม่อมฉันเองที่ผิดอย่างไม่น่าให้อภัย”
“ถ้าเจ้าผิดเราก็คงผิดกว่าเจ้า สิ่งที่เราทำจะชำระบาป กี่ครั้งก็คงลบบาปในใจไม่ได้” พระนางสาวิตรีพูดเสียงเศร้า
เจ้าชายมาคีเดินมาที่มัทนา ซึ่งยืนอยู่กับธรรมรัตน์ ท่านหญิงมาณวิกาและเหมันต์
“คุณมัท...ผมไม่รู้จะพูดยังไง”
“หม่อมฉันเข้าใจเพคะ เพราะเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น หม่อมฉันก็มี ส่วนอยู่มาก สรุปว่าเราทุกคนต่างก็มีส่วนผิด เราน่าจะลืมอดีต แล้วมาเริ่มใหม่ดีกว่านะเพคะ”
“คุณมัทนาพูดถูกแล้ว”
คามินเดินเข้ามาในชุดเจ้าชาย สง่างาม สินธรและองครักษ์ตาม เจ้าชายมาคีชะงัก
“เสด็จพี่”
“เพราะถ้าทุกคนเอาแต่โทษตัวเอง คงต้องขอโทษกันทั้งวันไม่จบแน่...สู้เอาอดีตที่ผิดพลาดเป็นบทเรียน เพื่อสร้างอนาคตไม่ดีกว่าเหรอ”

ทุกคนทำความเคารพคามิน ยกเว้นพระนางสาวิตรี เจ้าชายมาคีเข้าไป ทรุดลงคุกเข่า คามินจับไว้ให้ยืนขึ้น
“กระหม่อมๆ...” เจ้าชายมาคีร้องไห้ พูดไม่ออก
“ถ้าเสด็จพ่อยังอยู่คงอยากเห็นรอยยิ้มของเราสองคนมากกว่าน้ำตานะ”
เจ้าชายมาคียิ้มออกมา คามินกับเจ้าชายมาคีกอดกัน ทุกคนปลื้มปริ่ม
“งานพระศพของเสด็จพี่ก็ผ่านไปแล้ว ควรจะถึงงานราชาภิเษกซะที” พระนางสาวิตรีบอกทุกคน
ทุกคนมองไปที่คามิน เขายิ้มๆ แล้วมองไปสบตามัทนา เธอก้มหน้าหลบตาเขา

มัทนาเล่นเปียโนเพลงหลับฝันดีอย่างเศร้าสร้อย เธอนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่อยู่กับคามินอย่างมีความสุข...มัทนาเหม่อหยุดเล่น ปิดเปียโนลุกขึ้น
“จะไปไหนล่ะครับ เล่นต่อสิกำลังฟังเพลินเลย” คามินที่ยืนฟังอยู่นานแล้วบอก
มัทนารีบทำความเคารพ
“หม่อมฉันแค่ซ้อมมือเล่นๆน่ะเพคะ”
“คงซ้อมเล่นๆไม่ได้หรอก เพราะผมจะขอให้คุณเล่นเพลงนี้ในงานแต่งงานของผม”
“แต่งงาน” มัทนาอึ้งไป
“ใช่ หลังจากพิธีราชาภิเษก ผมก็จะจัดงานแต่งงานเลย”
มัทนาทำใจไว้แล้วแต่ก็ยังแอบช็อค พยายามยิ้มสู้
“ขอถวายพระพรล่วงหน้า แล้วก็ต้องขอประทานอภัย งานใหญ่แบบนั้นควรจะให้มืออาชีพเล่นมากกว่า”
“คงจะไม่ได้ เพราะคุณเป็นคนที่สำคัญมากสำหรับงานนี้”
“คนที่สำคัญสำหรับพระองค์น่าจะเป็นพระชายามากกว่า”
มัทนาจะไปคามินจับแขนไว้
“เดี๋ยวสิ...พูดถึงชายาก็ดีแล้ว วันนั้นผมก็ต้องเต้นรำด้วย ช่วยเป็นคู่ซ้อมให้ผมที”

คามินดึงมัทนามากอด จะเต้น มัทนาขืนตัวไว้
“ขอประทานอภัย หม่อมยังไม่หายเจ็บขา แล้วก็ลืมไปหมดแล้วด้วย”
มัทนาผลักออก คามินมองมัทนายิ้มขำ
“คุณนี่เอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”
“หม่อมฉันเปลี่ยนไปแล้ว...มัทนาคนนี้ไม่ใช่มัทนาที่เคยเอาแต่สร้างความวุ่นวายพระทัยให้ฝ่าบาท เหมือนที่ผ่านมา และมัทนาคนนี้ก็ไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม...”
มัทนามองคามินอย่างเจ็บปวด
“เช่นเดียวกับฝ่าบาทก็ไม่มีวันเหมือนเดิมเช่นกัน”
มัทนาเดินออกไปอย่างเจ็บปวด คามินมองๆ เขาตั้งใจแกล้งมัทนา

อัคนีตกใจ กับสิ่งที่มัทนาบอก
“กลับเมืองไทย”
มัทนาพยักหน้า
“ค่ะ...ถ้าคุณอัคนีจะกลับพร้อมมัทก็ได้...”
“แล้วคุณมัทไม่อยู่ร่วมพิธีราชาภิเษกเหรอครับ”
“พิธีใหญ่แบบนั้นถ้า ไม่มีมัทซะคนก็ไม่มีใครสนใจหรอกค่ะ”
“แต่คุณมัทเป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าชายคามินนะครับ ไม่งั้นเจ้าชายคงไม่เสี่ยงชีวิตไปช่วยคุณมัท”
“ถึงเป็นคนอื่นเจ้าชายก็ต้องช่วยเหมือนกัน”
“แต่ว่า...”
มัทนาตัดบท
“ถ้าคุณอัคนีอยากอยู่ร่วมงานก็ไม่เป็นไรนะคะ มัทกลับคนเดียวได้”
“ไม่ใช่อย่างงั้นครับ คือว่า ผมไม่ได้จะอยู่ร่วมงานแต่ว่า ผมจะอยู่ที่รายาตลอดไป ไม่กลับเมืองไทยแล้ว”
มัทนางง อัคนีโอบมาลี

“ผมจะแต่งงานกับมาลี ยอดยาหยีของผม แล้วก็จะอยู่ที่ภูสายธารนี่ตลอดไปครับ”

วันใหม่...คามินในชุดเจ้าชาย อยู่หน้ากระจก หฤทัยรีบเข้ามา
 
“เจ้าชายเพคะ ทรงทราบหรือยังว่า คุณมัทเธอไปจากรายาแล้ว”
“งั้นเหรอ”
“เธอหนีไปเงียบๆ ไม่ยอมอยู่ร่วมงานแสดงว่าเธอ อาจจะยังเข้าใจผิดเรื่องเราสองคนอยู่นะเพคะ”
“ก็อาจเป็นได้”
“หรือว่า พระองค์ยังไม่ทรงบอกเรื่องของเรา”
“ช่วยติดกระดุมให้พี่ทีซิ”
“นี่พระองค์ไม่ตกพระทัยเลยเหรอเพคะ คุณมัทนาเธออาจจะไม่กลับมาแล้วนะเพคะ”
คามินไม่ตอบ หฤทัยติดกระดุมอย่างงงๆ พระนางสาวิตรีเดินเข้ามามองชื่นชม
“เจ้าชายรัชทายาททรงงามสง่าเหลือเกิน”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ”
เจ้าชายมาคีเดินเข้ามาทำความเคารพพระนางสาวิตรี สินธรตามเข้ามา
“ได้เวลาแล้วพะยะค่ะ...”
เจ้าชายมาคียิ้มปลื้ม
“กระหม่อมภูมิใจเหลือเกินที่มีฝ่าบาทเป็น พระเชษฐา”
“พี่ก็ภู มิใจในตัวนายมาคี...แล้ววันนี้ก็เป็นวันดีที่สุดในชีวิตพี่...ภารกิจที่เสด็จพ่อมอบหมายให้พี่จะสิ้นสุดลงซะที”
เจ้าชายมาคีงง ทุกคนก็งง

มัทนาขับรถไปตามถนนสวย ภาพความหลังที่มีความสุขเข้ามา เธอยิ้มทั้งน้ำตา
“ถ้าฉันไปจากคุณ ทุกอย่างมันคงดีขึ้น ขอให้คุณมีความสุขนะคะ เจ้าชายของฉัน”
มัทนามองกระจกข้าง คามินใส่สูทลำลอง หมวกกันน็อคขี่มอเตอร์ไซด์ไล่ล่าแล้วขึ้นประกบ
“ขับรถประสาบ้าบออะไรเนี่ย”
คามินเร่งเครื่องแล้วปาดจอด มัทนาเบรกหัวทิ่ม แล้วลงไป
“คุณทำอะไรของคุณเนี่ย อยากตายเหรอ”
คามินเปิดหมวกกันน็อค
“เจ้าชายคามิน เสด็จมาได้ไง วันนี้เป็นวันราชาภิเษกนี่เพคะ”
“ใช่ วันนี้รายาจะมีกษัตริย์องค์ใหม่ แต่ไม่ใช่ผม”
มัทนางง

ในวังหลวง...เจ้าชายมาคี อยู่หน้ากระจก แล้วหันมาหาพระนางสาวิตรีที่ยืนอยู่กับ หฤทัย
“ต่อไปนี้ อนาคตของรายาจะเป็นยังไง ขึ้นอยู่กับลูกแล้วนะ”
“ลูกจะทำให้ดีที่สุดเพื่อประชาชนรายาทุกคน”
เจ้าชายมาคีเข้าไปจับมือหฤทัย
“ไปกับพี่นะ”
หฤทัยอึ้ง
“ต่อไปนี้พี่จะดูแลหฤทัย ทดแทนที่เคยทำร้ายน้องมาตลอด ให้โอกาสพี่นะ”
หฤทัยหันมาหาพระนางสาวิตรี
“แผ่นดินรายาต้องการราชินีเช่นเจ้า หฤทัย”
สินธรเข้ามา
“ฝ่ายในและข้าราชบริพารพร้อมรับเสด็จแล้วพะยะค่ะ”
สินธรเห็นเจ้าชายมาคีจับมือหฤทัยชะงัก หฤทัยมองสินธรๆยิ้มให้ทั้งๆที่ใจเจ็บปวด เจ้าชายมาคีเดินไปหาสินธร ตบไหล่
“ต่อไปนี้เจ้าจะเป็นองครักษ์ที่เราไว้วางใจที่สุด แล้วเราก็สัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าหนักใจเหมือนเมื่อก่อน...สินธร”
“เกล้ากระหม่อมขอประทานอภัยที่เคยล่วงเกินพระองค์ ต่อแต่นี้เกล้ากระหม่อมขอถวายชีวิตเพื่อองค์ราชามาคีและองค์ราชินี” สินธรมองหฤทัย “พะยะค่ะ”
สินธรโค้งต่ำลงไป แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้ม หฤทัยสูดลมหายใจ อย่างได้ตัดสินใจแล้ว เดินไปกับเจ้าชายมาคี ประตูเปิด แสงสว่างจ้าเข้ามา
มัทนาอึ้งๆ กับสิ่งที่คามินบอก
“ทำไม”
“เพราะผมเกิดมาเพื่อปกป้อง ไม่ใช่ปกครอง เสด็จพ่อก็คงเห็นแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมเปิดเผยฐานะของผมแต่แรก อีกอย่างพระองค์ก็คงไม่ต้องการให้เกิดปัญหาเรื่องแย่งชิงบัลลังก์ระหว่างพี่น้อง”
“ที่ฉันถาม เพราะอยากรู้ว่าทำไมเจ้าชายถึงไม่ทรงบอกหม่อมฉัน ทำไมต้องทรงให้หม่อมฉันคิดไปเองว่า...”
“ชายาของผมคือหฤทัย...ผมจะมีชายาได้ยังไง ในเมื่อ กุณฑลยังอยู่ที่ผมทั้งสองข้าง...เห็นมั้ย ที่จริงหฤทัยคืนให้ผมตั้งแต่อยู่ที่เมืองไทยแล้ว แต่ผมขี้เกียจใส่เลยฝากเอาไว้”
มัทนาโมโห
“แสดงว่า ทุกอย่างเจ้าชายทรงวางแผนเอาไว้หมดแล้วตั้งแต่แรก”
“ทำนองนั้น...”
“ทรงพระปรีชาจริงๆ”
คามินรวบมัทนาเข้ามากอด
“ขอบคุณที่ชม ขอเป็นอย่างอื่นแทนได้มั้ย”
“ได้”
มัทนากระทืบไปบนเท้าของเขา คามินร้องมัทนาวิ่งหนีไป

มัทนาวิ่งหนีมาในทุ่งกว้าง คามิน วิ่งตามรวบตัวไว้ มัทนาดิ้น
“ปล่อยนะ...ปล่อยสิ”
“รู้มั้ยทำร้ายร่างกายเจ้าชายมีโทษยังไง”
“ไม่สน ไม่กลัว จะประหารหรืออะไรก็เชิญ”
“ไม่กลัวจริงนะ”
“ใช่”
คามินรวบมัทนาเข้ามากอด
“อย่ามาทำกับหม่อมฉันแบบนี้นะ”
“งั้นทำแบบนี้”
คามินจับมัทนาหันมาแล้วจูบที่ริมฝีปาก มัทนาอ่อนยวบ
“มองผม ตอนนี้ผมไม่ใช่เจ้าชายคามินอีกต่อไป ผมคามินคือผู้ชายธรรมดาที่ยืนอยู่ต่อหน้าผู้หญิงที่ผม...วิ่งหนีมาตลอด”
มัทนานึกว่าเขาจะพูดว่ารัก ปรี๊ดทันที
“หม่อมฉันไม่ได้มาตามล่าเจ้าชายนะ อย่ามาตรัสแบบนี้ คอยดูหม่อมฉันจะไม่มีทางวิ่งตามเจ้าชายอีกแล้ว ไม่มีๆ...”
คามินดึงมัทนามาจูบ มัทนาอึ้ง คามินปล่อย
“โทษฐานที่ไม่ฟังให้จบ”
มัทนาโกรธ
“คนบ้า ๆ หม่อมฉันเกลียดเจ้าชายเกลียดๆ”
คามินดึงมาจูบอีก มัทนาตะลึง
“จะเกลียดอีกมั้ย”
“เกลียดๆ”
คามินดึงมาจูบอีกคราวนี้นาน มัทนาระทวย คามินกระซิบถาม
“เกลียดผมอีกมั้ย”
มัทนาเสียงอ่อน
“ก็...ยังเกลียดอยู่”
คามินจูบอีก
“ตอนนี้ล่ะเด็กดื้อ”
“ถึงหม่อมฉันจะดื้อหม่อมฉันก็ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองไม่หนีทุกอย่างเหมือนเจ้าชาย”
“นี่ไงคือคุณ ไม่ยอมฟังผมให้จบก่อน ผมจำเป็นต้องหนีตัวเองก็เพราะผมเกลียดตัวเอง”
มัทนามองเป็นเชิงถาม
“เพราะไม่ว่าจะพยายามเท่าไรผมก็หยุดรักคุณไม่ได้”
“ว่าไงนะ” มัทนาอึ้ง
“ตั้งแต่วันแรกที่พบคุณจนถึงวินาทีนี้ผมไม่เคยหยุดรักคุณได้เลย ผมรักคุณ มัทนา”
“เดี๋ยว...เมื่อกี๊รับสั่งว่ายังไงนะ หม่อมฉันไม่ได้ยิน”
“ผมรักคุณ ผมรักคุณ ผมรักคุณ ได้ยินหรือยัง แต่งงานกับผมนะ”
คามินถอดต่างหูใส่ให้มัทนา
“เดี๋ยวเพคะ หม่อมฉันใส่เอง”
มัทนาจะใส่แล้วแกล้งขว้างไป คามินตะลึง
“มัทนา...นี่คุณ...”
“ถ้าทรงหากุณฑลพบหม่อมฉันถึงจะแต่งงานกับฝ่าบาท”
“คุณนี่มันแสบจริงๆ”
คามินก้มลงแหวกหญ้าหาง่วน มัทนาหัวเราะ คามินมอง มัทนาแบมือให้ดูว่ายังอยู่ในมือ
“มัทนา”
มัทนาวิ่งหนี คามินวิ่งไล่จับ กลิ้งลงไปนอนบนหญ้า มองตากัน
“แล้วถ้ากุณฑลหายไปจริง จะทำไงเพคะ”
“ก็ช่างกุณฑลมัน เพราะผมมีวิธีจะทำไม่ให้คุณกล้าหนีไปไหนอีก”

คามินจูบมัทนาอย่างดูดดื่ม อย่างมีความสุข ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)

ส่วนเพิ่มเติม ตอนอวสาน 

หลายปีผ่านไป...หมู่บ้านตัวอย่างเกษตรทฤษฎีใหม่มีแปลงผักทดลอง สวนดอกไม้ บึงน้ำ บ้านพัก สงบสวยงาม...
 
มุมสวนดอกไม้สวย มีผีเสื้อบินมาเกาะดอกไม้ แล้วบินไป มัทนานั่งอยู่กับสาวิกา อินทิรานั่งจ้องตาแป๋ว นางกำนัล 2 คนนั่งอยู่ใกล้ๆ มีตะกร้าปิกนิก ปูผ้ารองนั่ง ผีเสื้อบินมาเกาะที่นิ้วของมัทนา
“แล้ววันนึงเจ้าหนอนน้อยที่แมลงตัวอื่นเยาะเย้ยว่า หน้าตาน่าเกลียดก็ออกมาจากดักแด้กลายเป็นผีเสื้อสวยงาม” มัทนาบอกเด็กๆ
“เหมือนตัวนี้”
อินทิราเอานิ้วจิ้ม ผีเสื้อบินหนี อินทิราวิ่งตามไป
“อย่าเพิ่งไปกลับมาก่อน”
นางกำนัลตกใจจะลุกไป
“เจ้าหญิงระวังจะทรงหกล้มนะเพคะ”
มัทนาห้ามไว้
“ช่างเถอะ เป็นเด็กหกล้มเรื่องธรรมดา”
นางกำนัลอึดอัดลำบากใจก้มลงพูดกับสาวิกา
“ใช่มั้ยสาวิกา ถึงจะเป็นผู้หญิงเราก็ต้องไม่อ่อนแอ ไป... ไปช่วยพี่อินทิราจับผีเสื้อกัน”
มัทนาลุกขึ้นจูง สาวิกา จะตามอินทิรา สินธรอุ้มอินทิราเข้ามา
“ไม่ไป เราไม่กินนม” อินทิราดิ้น
“อย่าทรงดื้อสิพะยะค่ะ”
มัทนาหันไปมอง
“สินธร”
สินธรปล่อย อินทิราวิ่งมาหามัทนา สินธรโค้ง
“กระหม่อมขอประทานอนุญาตพระชายา เชิญเสด็จเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์ไปเสวย พระกษีระพะยะค่ะ”
“แค่กินนมเดี๋ยวก็ได้ เด็กๆกำลังสนุก”
“แต่นี่เป็นเวลาเสวยแล้วต้องบรรทมช่วงบ่าย ไม่ควรผิดเวลาพะยะค่ะ”
“ชีวิตไม่ต้องอยู่ในกฎระเบียบตลอดเวลาก็ได้”
“ระเบียบวินัยควรฝึกตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์พะยะค่ะ”
สินธรพยักหน้า แล้วส่งอินทิราให้นางกำนัล มัทนาก็ต้องส่งสาวิกาให้สินธรด้วย มัทนาถอนใจ
“หัวหน้าราชองครักษ์แห่งรายาต้องรักษากฎให้เป๊ะแบบนี้ทุกคนสินะ”
สินธรทำหน้าขรึม มัทนาตัดบท
“ไปเถอะอินทิรา แล้วเย็นนี้ค่อยมาเดินเล่นใหม่”
อินทิราหน้าเจ้าเล่ห์เดินไปหานางกำนัล
“ไปก็ได้”
อินทิรายื่นมือที่กำไว้
“อะ...เราให้”
นางกำนัลย่อแล้วรับ ปรากฏเป็นหนอนตัวใหญ่ นางกำนัลร้องกรี๊ด อินทิราหัวเราะชอบใจ มัทนาก็หัวเราะ สินธรส่ายหน้า

เจ้าชายมาคีอยู่ที่โต๊ะน้ำชาหน้าที่พัก ดื่มชาอยู่ อินทิรายืนก้มหน้า หฤทัยถือไม้บรรทัดดุลูก มัทนาและสินธรอยู่ด้วย ส่วนนางกำนัลอุ้มสาวิกาอยู่
“อินทิรา แม่บอกลูกแล้วใช่มั้ยว่า ถ้าแกล้งพี่เขาอีกต้องถูกทำโทษ”
“เรื่องเล็กน้อยน่า...” เจ้าชายมาคีขัดขึ้น
“หญิงอินทิราแค่อยากล้อพระพี่เลี้ยงเล่นๆ เองค่ะ” มัทนายิ้มแย้มบอก
“ไม่ได้หรอกค่ะ ชอบแกล้งคนอื่นแล้วยังทรมานสัตว์อีก ไม่ทราบไปเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน แบมือ...”
มัทนายิ้มเจื่อน อินทิราร้องไห้กระซิก
“แม่บอกให้แบมือ” หฤทัยดุ
คามินเดินเร็วๆ เข้ามากับฐากูร
“องค์ราชา...องค์ราชินี...ขอประทานอภัยที่มารับเสด็จช้า”
“ไม่เป็นไร เห็นคุณมัทบอกว่าพี่ชายไปตรวจแปลงผักทดลองกับฐากูร” เจ้าชายมาคียิ้มดีใจ
คามินมองฐากูรแบบพิรุธๆ
“ใช่”
อินทิรารีบวิ่งไปหลบหลังคามิน
“ท่านลุงช่วยหญิงด้วย”
คามินอุ้มอินทิราอย่างอ่อนโยน
“ร้องให้ลุงช่วยแสดงว่าก่อเรื่องอีกแล้วใช่มั้ย”
เจ้าชายมาคีเดินมาหาคามิน มัทนาพูดขึ้น
“ก็แค่เอาหนอนมาแกล้งนางกำนัล”
คามินขยี้หัวอินทิราอย่างเอ็นดู
“อืม...อย่างนี้แสดงว่าต้องมีหัวหน้าแก๊งค์”
อินทิราชี้ไปที่มัทนา มัทนาตาโตเลิ่กลั่ก
“แบบนี้คงต้องลงโทษหัวหน้าแก๊งค์แทนแล้วมั้ง”
“กล้าเหรอคะ” มัทนาเชิด
“ไม่กล้าจ้ะ” คามินยิ้ม
ทุกคนหัวเราะ หฤทัยหันมาหาลูก
“เอาล่ะ แม่ไม่ตีก็ได้ แต่ลูกต้องขอโทษเรณู แล้วก็ไปกินนม แล้วก็นอนซะ”
อินทิรากอดคอซบหน้าคามินอย่างดื้อ
“ถ้าเจ้าหญิงของลุงยอมไปนอน เย็นนี้ลุงจะพาไปขี่ม้า สนใจมั้ย” คามินมีข้อเสนอ

“หญิงอยากขี่ม้า” อินทิราดีใจ

คามินมองหน้าเลิกคิ้วเชิงถามว่าแล้วต้องทำไง ก่อนจะปล่อยให้อินทิราลงไปยืน อินทิราเดินไปหาเรณู
“หญิงขอโทษ”
คามินยิ้มเอ็นดู
“เก่งมาก ไป...ไปนอน แล้วตอนเย็นเราเจอกัน สัญญา...”
คามินกับอินทิราเอามือแตะกัน อินทิราให้เรณูจูงไปโดยดี คามินไปอุ้มสาวิกา
“มา...คนสวย มาดูซิว่าหนักแค่ไหน โห ตัวหนักขึ้นจมเลย คิดถึงกันมั้ย”
สาวิกาหัวเราะอารมณ์ดี หอมแก้มคามิน
“ประจบลุงน่าดูเลยนะ”
ทุกคนหัวเราะกัน มัทนามองอย่างเคลิ้ม

คามิน มัทนา เจ้าชายมาคี หฤทัยเดินคุยกันมา สินธรเดินคุ้มกันตามมาห่างๆ
“นานๆ เจอกันที แต่เด็กๆ เชื่อฟังพี่ชายกับคุณมัทมากกว่าเรากับหฤทัยซะอีก สมกับเป็นพ่อกับแม่ทูนหัวจริงๆ” เจ้าชายมาคีบอกอย่างดีใจ
คามินยิ้มรับ
“ลูกสาวถึงจะดื้อแต่ก็น่ารัก”
“แต่คนต่อไปนี่ ต้องเป็นลูกชายแน่นอน น้องรับรอง” เจ้าชายมาคีโอบหฤทัย
“คนต่อไป...หมายความว่า” มัทนาถาม
“สองเดือนแล้วค่ะ...” หฤทัยอายๆ
“ยินดีด้วยค่ะ”
“แน่มากน้องชาย สามปีสามคน” คามินยกนิ้ว
“แล้วพี่ชายล่ะ เมื่อไหร่จะมีซักที”
คามินโอบมัทนา
“ปล่อยให้น้องนำหน้าไปก่อน พี่กับมัทยังสนุกกับงานอยู่”
มัทนาฝืนยิ้มประมาณแกไม่ถามฉันเลยนะ

คามินกับมัทนานอนอยู่บนเตียงในห้องนอน มัทนาลูบไล้อกคามินพูดออดอ้อน
“เจ้าหญิงทั้งสองพระองค์ทรงน่ารักมากนะเพคะ อยากรู้จังว่าถ้าเรามีลูกจะหน้าตาเหมือนเจ้าชาย
หรือมัท แล้วนิสัยจะเหมือนใคร”
“ขอเป็นลูกชายนะ ถ้าเป็นลูกสาวคงแสบกว่าคุณหลายเท่า รับมือกับคุณคนเดียวผมก็เพลียแล้ว”
มัทนาหันหลังให้ทำงอน
“ไปหาที่แสบน้อยๆ ก็ได้นี่”
คามินพลิกตัวมากอด
“ไม่...แบบนี้แหละถึงใจดี”
คามินจูบมัทนาที่ขมับ แก้มลงมาที่คอ ดูจะเริ่มปฏิบัติการ มัทนาหลับตาพริ้ม ซักครู่ได้ยินเสียงกรน คามินหลับทั้งที่ยังจูบค้างอยู่ มัทนาปลุก
“เจ้าชายๆ”
คามินไม่ตื่นแถมกรนต่อ แล้วพลิกตัวไปนอนหงาย มัทนาเซ็งโคตร

มัทนางัวเงียรู้สึกตัวตื่น แล้วควานหาคามินจะกอด แต่หาไม่เจอ มัทนาลืมตาเห็นที่นอนว่างเปล่าก็ลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด มัทนาจะลงจากเตียงแต่เวียนหัว คลื่นไส้ ต้องวิ่งเข้าไปอาเจียน มัทนายิ้มดีใจรีบเปิดลิ้นชักหยิบอุปกรณ์เทสการตั้งครรภ์มามอง

คามิน เจ้าชายมาคี สินธร ฐากูร และองครักษ์ถืออาวุธเดินมาตามทางอย่างระแวดระวัง สินธรมองคามินกับเจ้าชายมาคีอย่างหนักใจ
“แค่พวกลักขโมย กระหม่อมนำกองกำลังมาปราบเองก็ได้ เจ้าชายกับองค์ราชาไม่น่าลงมาเสี่ยงอันตรายเลยพะยะค่ะ”
คามินหน้าเครียด
“พลอยดำเป็นพลอยประจำชาติที่ระบุในสัญญาชัดเจนว่าห้ามต่างชาติขนออกจากรายา ในเมื่อเปิดให้ทำสัมปทานเหมืองแล้วผิดสัญญาอย่างนี้ เราในฐานะชาวรายาก็ต้องปกป้องสมบัติของแผ่นดิน”
เจ้าชายมาคีหน้าสลดลง
“เราก็ต้องรับผิดชอบเพราะเราเป็นคนอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาทำสัมปทาน”
สินธรขัดขึ้น
“ฝ่าบาทประทานอนุญาตเพื่อแลกกับเทคโนโลยีทางการศึกษาที่จะทำให้ชาวรายามีความรู้มากขึ้น”
“จะด้วยเหตุผลอะไรเราก็ต้องรับผิดชอบ” เจ้าชายมาคีถอนใจ
ฐากูรแกะรอยมาถึงทางหนึ่ง
“น่าจะเป็นทางนี้ที่พวกมันทำทางขนพลอยดำออกไปชายแดน”
“ต้องตามไปจับพวกมันให้ได้คาหนังคาเขา”
ขาดคำเจ้าชายมาคีเดินลุยไปแล้วธนูดอกหนึ่งก็พุ่งออกมาจากต้นไม้ ทุกคนมองอย่างตกใจ
“ระวัง” คามินตะโกน
คามินรีบพุ่งตัวไปที่เจ้าชายมาคี คมธนูเฉี่ยวแขนเขาเลือดไหล ทุกคนมองอย่างตกใจ เจ้าชายมาคีตะลึง

“พี่ชาย”

มัทนาเดินเซ็งๆมองไปไกลๆ เรณูและนางกำนัลกำลังยืนดูเจ้าหญิงทั้งสองเล่นกันอยู่ในแปลงดอกไม้ หฤทัยเดินออกมามองมัทนา
“คุณมัท วันนี้หน้าซีดๆ ไม่สบายหรือเปล่าคะ”
“เวียนหัวคลื่นไส้นิดหน่อยค่ะ”
“เดี๋ยวให้หมอหลวงตรวจดูหน่อยมั้ยคะ เผื่อว่า...”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ไม่ใช่อย่างที่องค์ราชินีคิด มัทคงไม่มีวาสนาจะได้เป็นแม่คนแล้ว”
“ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะคะ”
อารยา เมียของฐากูรหน้าตื่นเข้ามา
“พระชายาเกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ”

มัทนากับหฤทัยเข้ามา มีอารยาตาม เจ้าชายมาคี สินธร คามิน และฐากูรกลับมาจากป่า สินธรทำแผลให้คามิน แล้วพันแผล
“เราคงต้องรีบเรียกประชุมรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรด่วน”
“เจ้าชายเกิดอะไรขึ้นคะ” มัทนาสงสัย
“เอ่อ...” คามิน
หฤทัยตอบแทน
“อารยาบอกว่าพี่คามินถูกกับดักของพวกคนร้าย”
ฐากูรถลึงตาใส่อารยา
“ใครให้ไปทูล.. หา”
“อ้าว” อารยางง
มัทนากับหฤทัยมองคามินอย่างงงๆ คามินรีบบอก
“ไม่มีคนร้ายหรอก พี่พาองค์ราชาไปทอดพระเนตรการสร้างถนนขึ้นเขาด้านโน้น แต่ไม่ทันระวังเลยโดนหินกระเด็นใส่”
คามินมองเจ้าชายมาคีอย่างขอความช่วยเหลือ
“ใช่ๆ คอยระวังแต่คนอื่น เลยลืมระวังตัวเอง.. แบบนี้ตลอด”
“แน่ใจนะคะว่าแผลไม่ลึก” มัทนาถาม
“ไม่ๆจ้ะ เล็กแค่แมวข่วน” คามินยิ้มแหย
“หฤทัยเราคงต้องกลับวังหลวงกันวันนี้เลย มีงานด่วน” เจ้าชายมาคีรีบบอก
“อ้าว แต่ก่อนมาก็ดูหมายกำหนดการแล้วนี่เพคะว่าไม่ติดอะไร” หฤทัยงง
“กรมวังเพิ่งแจ้งมาเมื่อครู่ว่ามีเอกสารสำคัญต้องลงพระนามพะยะค่ะ” สินธรช่วยพูด
“แค่ลงพระนาม องค์ราชินีกับเจ้าหญิงก็ประทับที่นี่ได้นี่เพคะมัทยังเล่นกับเด็กๆ ไม่จุใจเลย” มัทนารีบบอก
“คงไม่ได้ ผมไม่อยากห่างลูกห่างเมียเราแม้แต่วันเดียว” เจ้าชายมาคีดึงหฤทัยมากอด “คิดถึง”
หฤทัยค้อนเจ้าชายมาคีอย่างเขินๆ คามินกับสินธรยิ้มมีความสุขไปด้วย มัทนามองคามินแล้วความหมั่นไส้ก็พุ่งปรี๊ดขึ้นมา

มัทนาชะเง้อมองผ่านหน้าต่างห้องนอนออกไปนอกบ้าน แล้ววิ่งกลับมาทำเป็นเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า คามินเปิดประตูเข้ามาถามอย่างแปลกใจ
“คุณจะไปไหน”
มัทนาแกล้งพูดเพื่อให้คามินง้อ
“มัทคิดถึงคุณพ่อคุณแม่เลยจะกลับเมืองไทยสักพัก จะขอติดขบวนรถพระที่นั่งไปลงสนามบิน
เจ้าชายจะได้ไม่ต้องลำบากไปส่ง”
คามินเดินมากอดมัทนาจากด้านหลัง
“คุณมัท” คามินจุ๊บแก้ม
มัทนายิ้มดีใจว่าต้องขอให้อยู่
“เดินทางปลอดภัย ฝากความระลึกถึงคุณธรรมรัตน์กับท่านหญิงด้วย แล้วก็พักผ่อนให้เต็มที่เลยนะ
คุณเหนื่อยมามากแล้ว”
มัทนาถอนหายใจอย่างหงุดหงิดสะบัดออกจากอ้อมกอดคามิน
“ค่ะ มัทจะไปพักให้นานที่สุดให้เจ้าชายหายเบื่อหน้ามัทเลย โอเคมั้ย”
“ใครจะเบื่อหน้าเมียสุดที่รักได้ลงคอ โดยเฉพาะมีเมียที่สวยเหมือนนางฟ้าอย่างคุณ”
มัทนาน้ำตาคลอเดินไปจัดกระเป๋า
“เอาอย่างนี้ คุณไปก่อน แล้วอีกสองสามวันผมจะตามไป แล้วเราก็ไปฮันนีมูนที่เมืองไทยกัน”
“จริงเหรอคะ” มัทนาโดดกอด
“แต่ก่อนไป ต้องมัดจำกันก่อน”
คามินจูบมัทนาอ่อนยวบจูบตอบแล้วโน้มคอคามินลงนอนบนเตียง คามินหอมแก้มมัทนาไล่ลงมาที่ซอกคอ ฐากูรมาส่งซิกผิวปากอยู่ข้างหน้าต่าง คามินเงยหน้าขึ้นทันที
“มีอะไรคะ”
“ผมลืมแผนที่ไว้ที่บ้านฐากูร ขอไปเอาก่อนนะ”
“พรุ่งนี้ก็ได้นี่คะ”
“ไม่ได้ ผมอาจจะต้องคุยอะไรกับฐากูรนิดหน่อย คุณนอนก่อนนะ”
คามินคว้าเสื้อแจ๊คเก็ตเดินออกไป มัทนานอนค้างเติ่งแบบเซ็งสุดๆ แล้ว

วันต่อมา หฤทัยมองมัทนาที่มีกระเป๋าเดินทางวางข้างๆ อย่างงงๆ
“จะกลับเมืองไทย พี่คามินทราบหรือยังคะ”
“รู้แล้วค่ะ เจ้าชายเป็นคนอยากให้มัทไปเอง มัทอยู่คงเกะกะกับงานเขามั้งคะ”
“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะคะ”
“เจ้าชายคามินก็ยังเป็นเจ้าชายคามินที่งานมาก่อนเรื่องอื่นเสมอ องค์ราชาเป็นกษัตริย์ แต่ยังทรงรู้จักแบ่งเวลาให้ครอบครัว แต่เจ้าชายคามินไม่เคย”
หฤทัยรู้ว่ามัทนาน้อยใจคามินมองอย่างสงสาร
“คุณกำลังน้อยใจ”
“เดี๋ยวฉันก็หายค่ะ” มัทนาลูบท้องหฤทัย “เสียดายฉันอาจจะไม่ได้กลับมาทันองค์ราชินีคลอด”
“คุณจะไปนานอย่างนั้นเลยหรือคะ”
อารยาเดินเข้ามายกกระเป๋ามัทนา
“อารยายกของหนักทำไม ระวังกระเทือนเด็กในท้องนะ” หฤทัยห้าม
“โอย.. สบายมากเพคะ อารยายังทำไร่ทำสวนได้ ยกกระเป๋าแค่นี้สบายมาก”
“เดี๋ยวๆ นะ.. อารยาท้องเหรอ ก็เพิ่งแต่งงานกับฐากูรแค่สองเดือน” มัทนาแปลกใจ
“อารยาก็งงเหมือนกันค่ะ ช่วงนี้พี่ฐากูรต้องออกไป ดักพวกผู้ร้ายลอบขนพลอยทุกคืน ไม่น่าจะท้องได้” อารยาบอกเขินๆ
“ผู้ร้ายขนพลอย ที่ไหน เราไม่เห็นรู้เรื่อง”
อารยาปิดปากว่าพลาดไปอีกแล้ว เจ้าชายมาคีก็เดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี
“พร้อมกันรึยังจ๊ะสาวๆ”
หฤทัยมองเจ้าชายมาคียิ้มๆ
“ที่ทรงรีบกลับเพราะเรื่องคนร้ายขโมยพลอยดำใช่มั้ยเพคะ”

เจ้าชายมาคีไม่ทันตั้งตัวอึกอัก อารยาก้มหน้า หฤทัยกับมัทนามองเจ้าชายมาคี

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)
 
ส่วนเพิ่มเติม ตอนอวสาน

ในป่า...คามินกับฐากูรซุ่มหลังพุ่มไม้ โจรปลอมตัวเป็นชาวบ้านสะพายเป้ มาเป็นขบวนอย่างระแวดระวัง บางคนสะพายกะชุเหมือนใส่ผัก คามินกับฐากูรรีบออกจากที่ซ่อน โจรมองอย่างตกใจ แต่รีบทำสีหน้าปกติ

“ไปไหนกัน”
“หาของป่า”
“ขอดูหน่อยสิ เผื่อจะมีของที่อยากได้ จะขอซื้อ”
คามินกับฐากูรจะค้นกระเป๋าพวกโจร พวกโจรส่งสัญญาณให้กันแล้วชักปืนจากกระชุออกมาจะยิง
คามินกับฐากูรต่อสู้กับโจรด้วยมวยรายา สินธรกับองครักษ์ที่ซุ่มอยู่ออกจากที่ซ่อนเอาปืนขู่โจร
“หยุดนะ”
โจรคนหนึ่งมองอย่างตกใจยิงใส่องครักษ์คนหนึ่งบาดเจ็บแล้วหันมายิงใส่ คามินโดดหลบได้อย่างฉิวเฉียด ฐากูร สินธรและองครักษ์ช่วยกันสู้จนโจรที่เหลือร่วงลงไป แล้วรุมจับตัวไว้ได้ โจรคนหนึ่งเห็นท่าไม่ดีวิ่งหนีออกไปทางหนึ่ง คามินรีบวิ่งตามไป

โจรวิ่งมาตามทางอย่างร้อนใจ คามินวิ่งตาม โจรหันไปยิง คามินหลับหลังต้นไม้ โจรหันไปจะวิ่งต่อ เจอสันมือมัทนาสับคออย่างแรง แล้วต่อด้วยเทควันโดท่าเท่ๆ อีกหลายท่า โจรสลบร่วงลงไป คามินโผล่หน้าออกมาจากต้นไม้ เห็นมัทนาเลยตกใจรีบวิ่งมาหา
“คุณมาได้ยังไง”
“เรื่องนั้นไว้ทีหลัง ตอบมาก่อนว่าเราเป็นสามีภรรยากันหรือเปล่า”
“คุณพูดอะไรของคุณ”
มัทนาตวาดอย่างโกรธจัด
“ตอบมา”
“เป็น”
“แล้วทำไมมีอะไรถึงไม่เล่าให้ฉันฟัง ทำไมไม่ให้ ฉันร่วมทุกข์ร่วมสุขแบบสามีภรรยาคู่อื่นเขาทำกัน”
คามินมองมัทนาอย่างหนักใจ
“เพราะผมรู้ไงว่าถ้ารู้คุณต้องออกมาทำอย่างนี้ จำได้มั้ยว่าที่ผ่านมาคุณทำเรื่องอะไรมาบ้าง”
“ใช่สิ ฉันมันเป็นตัววุ่นวายที่ต้องให้คุณคอย แก้ปัญหาให้ตลอด ถ้าฉันสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าชายมากนักแล้วมาแต่งงานกับฉันทำไม”
โจรรู้สึกตัวเห็นคามินกับมัทนาไม่สนใจ เลยรีบกลิ้งตัวไปหยิบปืนจะยิงมัทนา คามินรีบสไลด์ตัวไปเตะปืนออกจากมือโจร มัทนาวิ่งตามไปเตะเสยคางโจรสลบกลางอากาศไปอีกรอบ
“เห็นมั้ยว่าเกือบไปแล้ว”
“เกือบอะไร เจ้าชายต่างหากที่ชวนฉันทะเลาะ”
สินธรวิ่งเข้ามา
“คนร้ายล่ะพะยะค่ะ”
คามินกับมัทนาเมินหน้าออกจากกัน มัทนาเดินไปเลย สินธรงง

คามินนั่งที่โต๊ะแถวลานคุยเฟสไทม์กับหฤทัย
“หฤทัยทราบค่ะว่าพี่คามินรักรายา มีหน้าที่ต่อรายา แต่พี่ก็ต้องอย่าลืมว่ามีหน้าที่อีกอย่างคือหน้าที่สามี” หฤทัยเตือน
“พี่ก็ไม่ได้บกพร่องอะไร” คามินเถียง
“แน่ใจหรือคะ”
“ไม่ได้โกรธเรื่องงาน แล้วโกรธเรื่องอะไร”
เจ้าชายมาคียื่นหน้าเข้ามาตะโกน
“คิดดีๆ สิพี่ชาย”
“คิดไม่ออก”
“มัวแต่ยุ่งกับการเมือง การบ้านน่ะทำหรือเปล่าพะยะค่ะ”
อารยาเดินเข้ามา
“ขอประทานอภัยเพคะ”
อารยายื่นแผ่นเทสต์การตั้งครรภ์ให้คามินดู
“อยู่ในห้องพระชายาเพคะ”
คามินดูอึ้งๆ รู้แล้วว่ามัทนาโกรธอะไร คามินแก้เก้อ
“เรื่องเล็กแค่นี้ ต้องโกรธกันด้วย...พี่ขอลางานไปเมืองไทยนะ”
เจ้าชายมาคีขำ
“เชิญเสด็จพะยะค่ะ”
คามินจะวางสาย หฤทัยแทรกเข้ามาอย่างรีบร้อน
“เดี๋ยวเพคะ คุณมัทไม่ได้ไปเมืองไทย”

วิหารปรารถนา...พระนางสาวิตรีในชุดนักบวชสีขาว พูดกับมัทนาอย่างตกใจ
“บวช มีครอบครัวแล้วจะบวชได้อย่างไร”
มัทนาน้อยใจ
“ครอบครัวหรือเพคะ มีก็เหมือนไม่มี เจ้าชายคามินไม่เคยเข้าพระทัยหม่อมฉัน มีแต่หม่อมฉันที่พยายามเข้าใจเจ้าชาย”
สาวิตรีมองมัทนาแล้วยิ้มอย่างเข้าใจ
“ความไม่เข้าใจเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตคู่ วิธีแก้ก็คือปรับความเข้าใจกันเสีย”
“หม่อมฉันเกรงว่าหม่อมฉันจะเป็นฝ่ายปรับอยู่ข้างเดียว”
สาวิตรียิ้มเอ็นดู
“ผู้หญิงคงเหมือนกันทั้งโลก”
มัทนามองสาวิตรีอย่างงงๆ
“เมื่อก่อนเราก็เป็นแบบเจ้านี่แหละ เสียเวลาไปกับความน้อยเนื้อต่ำใจ ปล่อยเวลาให้ผ่านไป เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เสียคนที่รักไปแล้ว เราไม่อยากให้เจ้าต้องเสียใจอย่างเรา กลับไปหาคามินเถอะ”
มัทนาอึ้งไปครุ่นคิด
“คุณมัท”
มัทนาหันไปเห็นคามินเดินเข้ามาก็ดีใจแต่ยังทิฐิ
“มาทำไม”
“รับคุณกลับบ้าน”
“ไม่…มัทจะอยู่ที่นี่ มัทจะบวช”
คามินรีบวิ่งเข้ามาอย่างตกใจ
“ไม่ได้นะ”
“ห้ามคนบวชมันบาปหนักนะคะ คนไทยเขาเรียกมารผจญ”
“คุณบวชแล้วผมจะอยู่กับใคร”
มัทนามองคามินอย่างน้อยใจน้ำตาคลอ
“งานของเจ้าชายยังไงล่ะคะ ไม่มีมัทสักคนเจ้าชายจะได้ทำงานสะดวกขึ้น” มัทนาหันไปบอกพระนางสาวิตรี “หม่อมฉันไปรอที่วิหารนะเพคะ”
คามินถอนใจ พระนางสาวิตรีหันมาเตือน
“คามิน เมื่อเจ้าตัดสินใจยกรายาให้มาคีดูแลแล้วเจ้าก็ควรจะเชื่อใจน้องว่าจะทำได้”
“กระหม่อมเพียงอยากจะแบ่งเบาภารกิจขององค์กษัตริย์”
“แต่อย่าลืมว่าบ้านเมืองจะร่มเย็นเป็นปึกแผ่นต้อง เริ่มจากครอบครัวนะคามิน”

สาวิตรียิ้ม คามินยิ้มตอบอย่างเข้าใจ

คามินอุ้มมัทนาจะไปที่บ้านพัก มัทนาดิ้น
 
“เมื่อไหร่จะปล่อยมัทซะที มัทเดินได้”
“เจ้าบ่าวจะปล่อยให้เจ้าสาวเดินได้ยังไง”
“อย่ามาล้อเล่นนะคะ ไม่ขำ”
“ใครว่าล้อเล่น นี่เป็นงานแต่งงานของเราจริงๆไม่เชื่อก็ดูสิ”
มัทนาหันไปมอง ตะลึง ที่ลานหมู่บ้านมีเทียนถูกจุดตามมุมต่างๆ สว่างไสว โรแมนติก มีซุ้มดอกไม้ และทหารยืนสองข้าง โดยมีสินธรยืนด้านหน้า
“ขอถวายการต้อนรับคู่อภิเษกพะยะค่ะ”
“ขอบใจ”
มัทนางง กระซิบถาม
“นี่เจ้าชายเล่นตลกอะไรคะ”
คามินยิ้ม แล้วปล่อยมทันาลง ยื่นแขนให้ควงแล้วพามัทนาเดินผ่านซุ้ม โดยที่ทหารทำความเคารพ
พอหมดแถวทหาร อินทิราวิ่งถือช่อดอกไม้มาให้ มัทนารับมางงๆ พอเงยหน้าก็เห็นเจ้าชายมาคีกับหฤทัยที่จูงสาวิกายืนยิ้มอยู่ ด้านหลังเป็นนางกำนัล ฐากูร อารยาและชาวบ้านบางส่วน
“องค์ราชา องค์ราชินี” มัทนาทำความเคารพ
“ผมเชิญเสด็จสองพระองค์มาเป็นองค์ประธานงานแต่งงานรอบสองของเรา” คามินหันมาบอก
“ยินดีด้วยนะพี่ชาย พี่สะใภ้”
มัทนาหันมาบอกคามิน
“แล้วทำไมต้องแต่งงานรอบที่สอง”
“วันนี้เป็นวันพบคู่ ใครที่แต่งงานในวันนี้ชีวิตคู่จะยั่งยืนตลอดไป” หฤทัยอธิบาย
หฤทัยเอามงกุฎดอกไม้ที่ติดผ้าคลุมบางยาวมาสวมให้มัทนา อารยาแต่งตัวสวยงามเอาถาดน้ำชาสองแก้วมาให้ คามินรับ มัทนาก็รับไปแบบงงๆ ทั้งคู่ดื่มน้ำชาตามพิธี นางกำนัลจูงสาวิกาที่ถือพานใส่กุณฑลมา
“แต่ว่าเจ้าชายมอบกุณฑลให้มัทในวันอภิเษกแล้วนี่คะ”
“นี่เป็นพลอยดำ พลอยที่มีเฉพาะที่รายา จะได้เป็นเครื่องยืนยันว่าคุณจะเป็นผู้หญิงที่ผมรักคนเดียว ตลอดไป”
“ผมอุตส่าห์สั่งให้ช่างทำทั้งวันทั้งคืนเลยนะ”
คามินถอดของเดิมของมัทออกแล้วใส่อันใหม่ให้
“ท่านลุงเพคะ”
คามินหันไป อินทิราทำปากจู๋
“ขอบใจที่เตือน”
คามินประคองมัทนาขึ้นมาจูบ มัทนาเขิน คามินอุ้มมัทนา
“เดี๋ยวค่ะ จะไปไหน”
“ก็เข้าหอไง ขอประทานอนุญาตนะ เวลาพี่มีน้อย เดี๋ยวจะตามน้องไม่ทัน”
เจ้าชายมาคีหัวเราะ
“เชิญตามสบาย น้องอนุญาตให้พี่ชายลางานได้ไม่มีกำหนด จำไว้นะสินธร.. ฐากูร.. ห้ามเอาเรื่องงานไปกวนใจพี่ชายเราอีก ไม่อย่างนั้นเราจะลงโทษ”
“พะยะค่ะ” สินธรกับฐากูรรับปากพร้อมกัน
คามินอุ้มมัทนาขึ้น ทุกคนเฮ ฐากูรโอบเมียกุ๊กกิ๊กมีความสุข

ห้องนอนจัดไว้อย่างโรแมนติก มีเทียนจุดตามมุม บนที่นอนที่กลีบดอกไม้หลายสี โรยเป็นรูปหัวใจ
คามินอุ้มมัทเข้ามา มัทนามองปลื้ม แต่ยังฟอร์ม
“ที่ทำทั้งหมดนี่ ประชดมัทใช่มั้ยคะ”
“ไม่ใช่ประชด แต่ชดเชย เพราะงานอภิเษกที่ผ่านมา มันเป็นทางการมากเกินไป ไม่โรแมนติก หรือว่าคุณไม่ชอบ”
“มัทไม่ได้ต้องการพวกสิ่งแวดล้อมภายนอกแบบนี้”
“นี่งานเพิ่งเริ่ม ยังไม่ถึงไฮไลท์ของงานเลย”
“ไฮไลท์ของงาน อะไรเพคะ”
คามินวางมัทนาบนเตียง โน้มหน้าไปใกล้

“คุณไม่รู้จริงๆ เหรอ”

หิ่งห้อยพราวพราย...สินธรจับหิ่งห้อยไว้ในมือแล้วแบให้อินทิราดู อินทิราเต้น สินธรปล่อยหิ่งห้อยบินไป อินทิราวิ่งไล่จับ สาวิกาซบเรณูหลับ บนฟ้าพระจันทร์ดวงโตสวยงาม เจ้าชายมาคีกับหฤทัยอยู่ห่างมามองดูลูกอย่างมีความสุข

“ถ้าลูกเราคนนี้เป็นผู้ชายแล้วลูกพี่คามินเป็นผู้หญิงก็จับหมั้นกันไว้เลยนะ”
หฤทัยจ้องหน้าเจ้าชายมาคีแล้วหยิกแขนอย่างแรง
“ยังไม่เข็ดหรือเพคะเรื่องจับคู่เนี่ย ที่ผ่านมายังวุ่นวายไม่พอหรือไง”
“วุ่นน่ะมันวุ่น แต่มันก็ทำให้พี่รู้ว่าบางทีผู้ใหญ่ก็มองการณ์ไกลกว่าเรามาก ไม่อย่างนั้นพี่คงไม่มีราชินีที่ทั้งสวยและแสนดีมายืนอยู่ข้างๆ แบบนี้หรอก”
เจ้าชายมาคีกอดหฤทัย
“บางบทเรียนเราก็ต้องจ่ายแพงเหลือเกินนะเพคะ”
“ใช่ เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้ผลของมันคุ้มค่าที่สุด แต่ว่าระหว่างรอพี่คามินสร้างประชากรมาดูแลรายานี่ เราจะทำอะไรกันดี”
“จะทำอะไรก็ช่าง ฤทัยจะไปนอนแล้ว”
“อินทิรา สาวิกาไปนอนได้แล้วลูก”
หฤทัยเดินไป เจ้าชายมาคีหันไปถาม
“สินธร เอาหมายกำหนดการพรุ่งนี้มาดูซิ พี่คามินลายาวแบบนี้คงมีงานให้เราสะสางอีกเยอะ”
สินธรยิ้มโค้ง เจ้าชายมาคีมองไปที่บ้านพัก
“นายว่าลูกพี่คามินคนแรกจะเป็นผู้หญิงผู้ชาย เราว่าน่าจะเป็นแฝดนะ”
สินธรยิ้ม
“กระหม่อมก็คิดเช่นนั้นพะยะค่ะ”


มัทนายันหน้าอกคามิน
“เดี๋ยว...มัทยังไม่พร้อม”
“คุณมัท”
“ก็เจ้าชายอยากให้วันนี้เหมือนวันเข้าหอวันแรกไม่ใช่หรือคะ จำกติกาวันนั้นได้มั้ย”
“ถ้าจับตัวคุณไม่ได้ภายในสามนาที ต้องออกไปนอนนอกห้อง”
“กล้าเปล่า”
คามินลุกขึ้นหรี่ตา ทำท่าพร้อม
“ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้”
“หนึ่ง.. สอง...”
คามินพุ่งเข้าใส่ แต่มัทนาหลบทัน
“ขี้โกง ยังไม่ได้นับสามเลย.. ปรับแพ้”
“ผมลืมบอกไปที่รายานี่นับแค่สองพอ”
ทั้งคู่วิ่งไล่จับกันไป
“เดี๋ยว ยังไม่ได้จับเวลาเลย”
“กะเอาได้”
ในที่สุดคามินคว้ามัทนาได้
“ผู้ชายรายาขี้โกง ไม่มีน้ำใจนักกีฬา”
“แค่รักเดียวใจเดียวก็พอแล้ว”
ทั้งคู่ล้มลงบนเตียง มัทนาพยายามถ่วงเวลามุ้งมิ้ง
“คอยดู.. ผมจะมีลูกให้เยอะกว่าองค์ราชา สักโหลนึงดีมั้ย”
“บ้าเหรอ”
“น้อยไปเหรอ งั้นก็สอง”


ทั้งสองคนเถียงกันท่ามกลางเสียงหัวเราะที่มีความสุข

จบบริบูรณ์

กำลังโหลดความคิดเห็น