คุณผีที่รัก ตอนที่ 13
เมสินีจับมือน้ำมนต์แน่น ยังไม่ยอมปล่อย
“คุณต่างหากที่ทำ คุณเป็นเจ้าของรถสปอร์ตคันนั้น”
“ฉันเป็นเจ้าของ แต่วันนั้นนายพีทเป็นคนขับ และมันก็ขับไปเฉี่ยวแม่ของเธอ มันถึงต้องหลบหนีไปอยู่เมืองนอกไม่กลับมาไง”
“ไม่จริง คุณกำลังหลอกฉัน”
“ถ้าไม่เชื่อ เธอก็ลองถามมันดูแล้วกัน”
น้ำมนต์ผลักเมสินีออก เพราะไม่เชื่อ
“ฉันไม่เชื่อคุณ ไม่เชื่อ”
แมนสรวงยืนประจันหน้าอีกครั้ง
“ฉันจะเสียสละเพื่อปกป้องแกเอง ไอ้หมอผี แกจะได้รู้พลังที่แท้จริงของยมทูตอย่างฉัน...แกเตรียมตัวตายได้ หนึ่ง สอง สาม...โกย”
แมนสรวงวิ่งหนี พีระตกใจ รีบวิ่งตาม
น้ำมนต์ยังผงะ ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เมสินีพูด ยืนเหวอ เงอะงะอยู่ ทันใด พีระกับแมนสรวงวิ่งตามออกมาจากในห้อง
“น้ำมนต์หนีก่อนเร็ว ไป”
พีระคว้ามือน้ำมนต์วิ่งหนีไป อาจารย์เทพตามมาสมทบกับเมสินีและยุทธ
“ผมจะตามมันไปเอง”
ยุทธจะวิ่งไป อาจารย์เทพห้าม
“ไม่ต้องตาม ปล่อยให้มันไป เชื่อผม”
ยุทธกับเมสินีขัดใจ ทำไมไม่ให้ตาม หงุดหงิดที่พลาดโอกาสแต่อาจารย์เทพยิ้ม มั่นใจ มีแผนร้ายซ่อนอยู่อีก
คามินที่ถูกขังอยู่ในโกศ กำลังนั่งขัดสมาธิรวบรวมพลังเอาไว้
“ฉันหลุดไปได้เมื่อไหร่ ฉันจะฆ่าแกเป็นคนแรก อาจารย์เทพ”
อยู่ๆเกิดไฟเป็นลำแสง เหมือนแสงเลเซอร์พวยพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง พาดผ่านกันไปมา บางลำแสงพุ่งทะลุร่างคามินไป พันกันเป็นเครือข่าย คามินรู้สึกร้อน แสบผิว
“เฮ้ย ลำแสงความร้อนพวกนี้มาจากไหน”
ผิวคามินแดงขึ้น
“อ๊าก...ไอ้กาจั๊วะ แกใช้อาคมไฟนรกโลกันต์กับฉันเหรอ แกใช้อาคมขั้นสูงระดับนี้ได้ด้วยเหรอ”
เสียงดังติ๊ง ไมโครเวฟทำงานเสร็จ เกี๊ยงเปิดฝาเตาไมโครเวฟ ใส่ถุงมือจับของร้อนแล้วหยิบโกศที่ขังคามิน ออกมาจากเตา เกี๊ยงยิ้มคริๆ
“อุ่นแค่สามนาที เราก็จะได้ไข่ผีคามินยางมะตูม ฮ่าๆ...ไอ้คามิน ฉันจะทรมานแกให้ตายทั้งเป็น...เจอร้อนแล้ว ต่อไปแกก็ต้องเจอไอซ์บั๊กเก็ตชาเล้นจ์...ฮ่าๆ”
เกี๊ยงแช่โกศไปในถังน้ำแข็งแล้วก็ดึงโกศขึ้นมาจากอ่างน้ำแข็ง น้ำหยดติ๋งๆ
“แล้วก็ต้องกลับไปร้อนอีก”
แต่พอเกี๊ยงหันกลับมา ก็ต้องตกใจ เพราะเจ๊เจ้าของตลาดมายืนอยู่ พอกโคลนที่หน้าเอาไว้ด้วย
“เฮ้ย”
เกี๊ยงตกใจ ก้าวถอย แล้วลื่น โกศในมือทำท่าจะหล่น แต่สุดท้ายเกี๊ยงจับโกศเอาไว้ได้
“เจ๊เอง เจ๊มารับน้ำมนต์ที่สั่งอาจารย์เทพไว้”
“โธ่ เกือบไปแล้ว...ทีหลังก็มาให้สุ่มให้เสียงหน่อยสิครับ แล้วหน้าน่ะ หมักให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาไม่ได้เหรอครับ”
เจ๊นึกว่าโกศคือขวดน้ำมนต์
“นั่นน้ำมนต์ของเจ๊ใช่มั้ย เอามา”
“ไม่ใช่ๆ”
เจ๊เจ้าของตลาดก้าวเข้าไปหาเกี๊ยง แต่เจ๊ลื่นน้ำที่หยดกับพื้น แล้วเซถลาพุ่งเข้าไปโถมทับใส่เกี๊ยงไปทั้งตัว ทั้งคู่ล้มลงไปกับพื้น ทั้งสองคนโอดโอย เกี๊ยงรีบผลักเจ๊ออก แล้วมองมือตัวเอง แต่ไม่พบโกศคามินแล้ว
“เอ้ย หายไปไหนแล้ว อยู่ไหน”
“หาขวดน้ำมนต์ใช่มั้ย นี่”
เจ๊โชว์ว่าถืออยู่ เกี๊ยงดีใจที่มันยังอยู่ดี
“ฮ้า เจ๊ เอามานี่”
พูดไม่ทันขาดคำ เจ๊เปิดฝาแล้วเอาขวดมาเหยาะๆพรมใส่หัวตัวเอง เพราะคิดว่ามีน้ำมนต์อยู่ในนั้น
“ผัวรักผัวหลง ผัวรักผัวหลง ผัวรักผัวหลง”
“ไม่นะ ไม่”
เกี๊ยงผวากลัว กำลังจะวิ่งหนี แต่พอหันมาก็ต้องผงะ คามินยืนขวางอยู่...
“ได้เวลาที่ฉันจะเอาคืนพวกแกแล้ว”
เกี๊ยงหน้าตื่น
บ้านน้ำมนต์...น้ำมนต์ อัฐชัย พิมพ์ดาว เอมี่ช่วยกันแบกลุงสนที่ยังมีอาการกลัวจนคลั่ง ไม่ยอมให้จับ
“ไอ้พวกผีตายโหง ฉันกลัวแล้ว ปล่อยฉันเถอะ...ปล่อย”
“พวกเราไม่ใช่ผีนะลุง” เอมี่พยายามบอก
“อีผีเปรต” ลุงสนตวาด
“อ้าว” เอมี่ผงะ
ลุงสนพนมมือสวดมนต์
“นะโมตัสสะ...”
“ตั้งสติหน่อยสิคะลุงสน นี่พวกเราเป็นคน ไม่ใช่ผี พวกเรามาช่วยลุงนะคะ” น้ำมนต์บอก
“ไม่ ฉันไม่ไปนรกกับพวกแก ฉันยังไม่อยากตาย...ปล่อย”
ลุงสนอาละวาด ผลักทุกคนไปหมด จนหลุดจากการจับกุม แล้วจะวิ่งหนี แต่น้ำมนต์ผวาเข้ามาจับตัวเอาไว้ ลุงสนจับน้ำมนต์แล้วเหวี่ยงไปเต็มแรง หัวน้ำมนต์ไปกระแทกกับขอบปูนจนแตก
“โอ๊ย”
ลุงสนจะวิ่งหนีออกไป แต่ทันใด ลุงสนก็ถูกลอยขึ้นมาเอง ถูกหิ้วปีกทั้ง 2 ข้าง
“เฮ้ย อะไรวะ”
พวกอัฐชัยก็งง...ลุงสนถูกพีระกับแมนสรวงหิ้วปีกคนละข้างล็อกเอาไว้
“ท่าทางลุงสนจะถูกอาคมไอ้หมอผีเทพเล่นซะแล้วว่ามั้ย” พีระออกความเห็น
แมนสรวงพยักหน้า
“อย่างนี้มันต้องถอน”
ลุงสนถูกจับมัดติดกับเก้าอี้เอาไว้ นั่งคอพับแบบหลับไปแล้ว แต่ปากยังพึมพำ มือไม้ยังปัดป่ายเพราะยังคงฝันเห็นภาพหลอน
“ออกไป ฉันยังไม่อยากตาย” ลุงสนพึมพำ อ่อนแรง
แมนสรวงหนักใจ
“ขนาดหลับยังฝันเห็นภาพหลอน ถ้าไม่รีบคลายอาคม อาจสติแตก ฟั่นเฟือนไปเลยก็ได้”
“งั้นนายก็ช่วยสิ...ฉันช่วยไม่ด้าย มันผิดกฎ ฉันอาจถูกลงโทษด้าย” พีระถามเอง ตอบเอง
แมนสรวงเหล่ รำคาญ จะล้อเลียนอีกนานมั้ย น้ำมนต์ที่เอาผ้าเช็ดหน้าปิดแผลเอาไว้ สั่งให้พวกพีระหลบ
“เอ้า หลบไป...เอาเลยค่ะพี่เอมี่...ตะกรุดของหลวงพ่อน่าจะช่วยไล่อาคมร้ายให้ลุงสนได้”
เอมี่ถือตะกรุดที่หลวงพ่อเทียนให้น้ำมนต์มา ยกขึ้นจบเหนือหัว แล้วเอาตะกรุดสวมคอให้กับลุงสน ทันใดนั้น ลุงสนมีอาการผวาเฮือกขึ้นมา อ้าปากกว้าง เหมือนว่าจะต้องแหกปากร้องแน่ๆ เอมี่และพวกอัฐชัยรีบยกมือขึ้นอุดหูพร้อมเพรียงกัน แต่ลุงสนกลับแค่เพียงผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อัฐชัยงงๆ
“เอ้า นึกว่าจะแหกปาก”
ลุงสนหลับอย่างสงบขึ้น น้ำมนต์โล่งอก
สถานีพราวด์...เมสินีกำลังเอาเรื่องอาจารย์เทพ
“ทำไมถึงให้ปล่อยพวกมันเอาตัวลุงสนไป ถ้ามันพาไอ้พีทไปเจอร่าง จนไอ้ พีทกลับเข้าร่างได้ อาจารย์จะรับผิดชอบยังไง”
“มันอาจจะพาไอ้พีทไปเจอร่าง แต่มันจะไม่มีทางกลับเข้าร่างได้”
“เชื่อใจอาจารย์เถอะครับ แสดงว่าอาจารย์เทพต้องมีแผนอยู่แน่” ยุทธปลอบ
เมสินีหน้าเครียด
“ถ้าอยากให้ฉันเชื่อ ก็บอกมาว่ามีแผนอะไร”
“คุณไม่ต้องรู้ แค่อยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไรที่ผมไม่ได้สั่งก็พอ”
อาจารย์เทพตัดบท แล้วเดินแยกออกไป
“อาจารย์เทพ”
เมสินีหงุดหงิด โวยวาย ยุทธห้ามไว้ไม่ให้ตาม
คุณผีที่รัก ตอนที่ 13 (ต่อ)
ค่ำนั้น น้ำมนต์อยู่ในห้องนอนส่องกระจก ดูรอยแผลที่หน้าผาก แต่กลับมีเสียงของเมสินีดังเข้ามาในความคิด
“ฉันพูดความจริง นายพีทคือคนที่ทำให้แม่ของเธอรถคว่ำตาย นายพีทมันคือฆาตกร”
น้ำมนต์สลัดความคิดตัวเองออกไปจากหัว
“ไม่ๆ เมสินีตั้งใจจะทำให้เราไขว้เขว แล้วก็เลิกช่วยพีระตามหาร่าง เราต้องไม่ถูกเมสินีหลอกใช้”
ข้าวต้มเปิดประตูเข้ามา มีลูกโป่งผูกข้อมือมาทั้งสองข้าง จนทำให้มือลอยนิดๆ
“พี่น้ำมนต์ ทำอะไรอยู่”
“ข้าวต้ม ไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับ”
“พี่แจ๊วพาไปเที่ยวงานวันมา...” ข้าวต้มส่องๆมองหน้าน้ำมนต์ “เพื่อนพี่บอกว่าพี่หัวแตก ไหนดูสิ...ไอ๊หย๋า แตกจริงๆด้วย งั้นต้องมีคนทำแผลให้” ข้าวต้มตบมือเรียก
พีระถือถาดอุปกรณ์ทำแผลเข้ามา ยิ้มแห้งๆแบบถูกบังคับเข้ามา
“พยาบาลพีระมาแล้วครับ”
“ทำแผลกันดีๆนะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน จะได้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร”
ข้าวต้มยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วถอยออกจากห้องไป พีระหน้าจ๋อยๆ
“น้องคุณบังคับผมให้ทำนะ”
อัฐชัยยืนกราน
“ถึงตอนนี้ลุงสนจะสงบลงไป แต่อาจจะอาละวาดขึ้นมาอีกก็ได้ หรือไม่ เมสินีหรืออาจารย์เทพอาจจะบุกมาที่นี่ เราต้องอยู่ช่วยกันดูแลน้ำมนต์...คืนนี้ผมจะค้างที่นี่”
เอมี่ชะงัก
“ค้างที่นี่...แล้วงานที่บริษัทของพี่ล่ะ”
“ถ้าสถานีพราวด์เลิกจ้างพี่ผลิตรายการ ยังไงบริษัทเอมี่ก็ต้องเจ๊งอยู่แล้ว ช่างมันเถอะค่ะ” ลูกโป่งบอก
“อ้าว ปากหรือฝักบัวชำระนั่น”
พิมพ์ดาวหมั่นไส้อัฐชัย
“หึ หาเรื่องอยู่ค้างมากกว่า”
“ใครไม่สะดวก ไม่เต็มใจ จะไม่ค้างก็เชิญ ไม่มีใครง้อ” อัฐชัยเชิด
ลูกโป่งตัดบท
“ไม่ได้ ถ้าค้างก็ต้องค้างกันหมด ไม่อนุญาตให้ทิ้งกันเด็ดขาด ตกลงตามนี้”
ข้าวต้มวิ่งออกมาร้องห้ามทันที
“ไม่นะ เค้าไม่ให้พวกพี่ค้างที่นี่”
“พันนึงซื้อขนมได้กี่อย่างนะ” อัฐชัยหยิบเงินออกมา
ข้าวต้มคว้าเงิน
“โอเค เพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม เรื่องนี้เค้าจะไม่ยุ่ง”
ข้าวต้มเอาเงินไป เดินกลับไปอย่างสบายใจ
พีระหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์มา
“ฉันทำเองดีกว่า” น้ำมนต์รีบขัด
“ทำเองจะถนัดเหรอ ผมทำให้ รับรองว่าจะไม่ทำให้คุณเจ็บซ้ำอีก เชื่อใจผมนะ”
“ฉันเชื่อใจนายอยู่แล้ว แต่ฉันกลัว...”
“ถ้าเชื่อใจก็เงียบ”
พีระจับน้ำมนต์ให้ยืนหันหน้าไปทางกระจก แล้วตัวเองไปยืนซ้อนหลัง
“มองกระจกนะ คุณจะได้เห็นว่าผมทำแผลให้คุณยังไง จะได้กลัวน้อยลง”
น้ำมนต์มองไปในกระจก ยอมให้เขาทำแผลให้ พีระทำให้อย่างอ่อนโยนพูดบรรยายเหมือนหลอกเด็กให้คิดเรื่องอื่น จะได้ไม่แสบแผล
“ผมกำลังจะเอาแอลกอฮอล์เช็ดแผลให้นะ...”
น้ำมนต์กำลังจะร้องโอ๊ย
“ชู่ว์ ถ้าจะร้องให้ร้องว่าหนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว”
“หนูมาลี...มีลูก...แมว...” น้ำมนต์ร้องต่อ
“ดี...ลูกแมวเหมียว...” พีระยิ้ม
พีระร้องเพลงหนูมาลีเหมือนหลอกเด็กอยู่ข้างหูน้ำมนต์ ร้องไปเรื่อยๆ อ่อนโยน ทะนุถนอม น้ำมนต์พึมพำร้องตามในทีแรก แต่แล้วก็มองที่หน้าเขา รู้สึกซาบซึ้งใจ รักใคร่ ขอบคุณ และไม่อยากเชื่อว่าคนอ่อนโยนๆอย่างนี้จะเป็นต้นเหตุให้แม่ตนตาย น้ำมนต์จมในความคิดยืนนิ่งเงียบไป ลืมความเจ็บทุกอย่าง ปล่อยให้พีระทำแผลให้ไป จนติดผ้าพันแผลเสร็จ
“เสร็จแล้ว”
พีระพบว่าน้ำมนต์ยืนนิ่ง มองหน้าตนอยู่
“มองอะไรจ้ะ”
น้ำมนต์หันกลับมา มองหน้าเขาพึมพำ
“จะเป็นนายได้ยังไง”
“อะไรเป็นผม”
พีระงง ยื่นหน้าจ้อง มองน้ำมนต์ตอบ ข้าวต้มเปิดประตูเข้ามาขัดจังหวะ ถือผ้าขนหนูของน้ำมนต์มาด้วย
“อุ๊ย ขอโทษครับเค้าไม่ได้ตั้งใจมาขัดจังหวะฟิน”
น้ำมนต์มองข้าวต้ม
“มีอะไร”
ข้าวต้มยื่นผ้าขนหนู
“พี่พีระพาพี่น้ำมนต์ไปอาบน้ำที”
น้ำมนต์ถือผ้าขนหนูเดินออกมาจากห้อง ข้าวต้มตามตื๊อดึงชายผ้าขนหนูอีกด้านไว้
“พี่อาบน้ำเองได้”
“อาบเองไม่ได้ พี่บาดเจ็บสาหัสอยู่ ต้องให้พี่พีคอยดูแลและรักษาดวงใจ”
น้ำมนต์ชี้แผล
“สาหัสตรงไหน...อยากเป็นเถ้าแก่ร้านกาแฟโบราณใช่มั้ย เอะอะชงอยู่ได้”
น้ำมนต์พยายามจะดึงผ้าขนหนูมา แต่ข้าวต้มไม่ปล่อย อยู่ๆพีระก็อุ้มน้ำมนต์ขึ้นมา เธอตกใจ
“อย่าขัดใจน้องคุณเลย...ผมไม่ถือหรอก”
“ปล่อยฉันนะ”
“เย้ อุ้มไปเลยๆ” ข้าวต้มโยนผ้าขนหนูใส่
พีระอุ้มไป แต่น้ำมนต์กลับร้องอย่างจริงจัง และดุขึ้นมา
“ฉันบอกให้ปล่อยไง...ปล่อยฉัน ปล่อย”
น้ำมนต์ทุบตี กระชากคอพีระมาจ้อง อย่างเกลียดชัง
“ไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตฉัน...ปล่อย”
พีระเห็นสายตาเกลียดชังของน้ำมนต์ ได้แต่ตะลึง งง จนต้องปล่อยให้ลงไป
“ผมก็แค่ล้อเล่น ทำไมต้องดุผมขนาดนั้นด้วย”
น้ำมนต์ไม่ตอบ กระชากผ้าขนหนู แล้วเข้าห้องน้ำไป พีระงง
อัฐชัยมองเหลือบขึ้นไปชั้นบน เพราะได้ยินเสียงน้ำมนต์ ได้แต่ถอนใจ
“ข้างบนดูมีความสุขดีเนอะ”
ลูกโป่งเข้ามากระแซะ
“อยากมีความสุขบ้างมั้ยล่ะ นั่นไง ไปเคลียร์กับยัยดาวสิไป”
อัฐชัยมองไปที่พิมพ์ดาวที่นั่งอยู่กับเอมี่อีกด้าน
“ราตรีสวัสดิ์”
อัฐชัยตัดบท ไม่เอาด้วย ลูกโป่งเซ็ง
เอมี่นั่งคุยกับพิมพ์ดาวอยู่ด้านนอกบ้าน
“ดาว เธอจะเลิกคบอัฐชัยจริงๆเหรอ”
“เขาเป็นแฟนกับใครก็ได้ ยกเว้นดาว แล้วพี่จะให้ดาวทำยังไงคะ...พอเถอะค่ะ ดาวจะแสดงละครเวทีให้จบ จากนั้นก็พอแล้วค่ะ”
เอมี่เป็นห่วงทั้งคู่
อีกมุมหนึ่งของบ้าน ข้าวต้มดึงให้พีระลงนั่งต่อหน้าตนและงอแง
“จะอะไรกับผีอีกครับอาเฮีย”
“อย่าถือสาพี่น้ำมนต์นะอาตี๋ เจ้แกอาจจะเครียดมากไปหน่อย เฮียอยากให้อาตี๋ไปทำให้เจ้แกหายเครียด”
“เฮียจะให้ตี๋ทำอะไร”
“เรื่องนี้อาหมวยจะช่วยเอง ใช่หรือไม่”
“เชื่อหมวย รับรองรุ่ง” งอแงเดินนำไป
น้ำมนต์เปลี่ยนชุดแล้ว มองไปที่ดอกหญ้าที่ใส่ขวดเล็กๆเอาไว้ เสียงของเมสินียังคงดังวนเวียนในหัวไม่เลิก
“ฉันพูดความจริง นายพีทคือคนที่ทำให้แม่ของเธอรถคว่ำตาย นายพีทมันคือฆาตกร”
ประตูเปิดเข้ามา ข้าวต้ม งอแง และพีระเข้ามาตามลำดับ
“พี่น้ำมนต์ ตะกี้นี้ พี่พีก็แค่อยากแหย่เล่นเฉยๆ ไม่ได้เจตนาทำให้พี่เครียดเลย อย่าโกรธพี่พีนะ” ข้าวต้มบอก
“จะมาชงอะไรอีก” น้ำมนต์เสียงแข็ง
“เปล่าชง พี่พีอยากช่วยให้พี่หายเครียด แต่ไม่กล้าพูดเองเลยให้งอแงพูดให้”
“ใช่ค่ะ คุณผีพีระอยากชวนพี่น้ำมนต์เล่นจ้ำจี้ค่ะ” งอแงเสริม
น้ำมนต์แทบสำลัก พีระผงะตาถลน
“เฮ้ย”
“งอแง รู้หรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา...นาย” น้ำมนต์หันมาจ้องพีระ
“ผมไม่ได้บอกให้พูดนะ ไม่เกี่ยวด้วยนะ...ข้าวต้ม ถามงอแงสิว่ารู้หรือเปล่าที่พูดออกมาแปลว่าอะไร”
“ทำไมจะไม่รู้ เค้ายังรู้และเล่นอยู่บ่อยๆเลย”
“ไม่ต้องเขินค่ะ...มันช่วยคลายเครียดได้ดีค่ะ อยู่ที่โรงเรียนงอแงก็เล่น มาๆ เดี๋ยวสอนให้”
งอแงดึงมานั่งร่วมกันสี่คน
“วางมือค่ะ จ้ำจี้มะเขือเปราะ กะเทาะหน้าแว่น พายเรืออกแอ่น กระแท่นต้นกุ่ม สาวๆหนุ่มๆ อาบน้ำท่าไหน อาบน้ำท่าวัด เอาแป้งที่ไหนผัด เอากระจกที่ไหนส่อง เยี่ยมๆมองๆ นกขุนทองร้อง ฮู้”
ข้าวต้มกับงอแงเล่นกันสนุก แต่น้ำมนต์จ้องพีระด้วยสายตาตำหนิตลอด
“ข้าวต้ม งอแง ออกไปก่อน พี่มีเรื่องจะคุยกับเขาสองคน”
“นั่นไง พอหายเครียดแล้วก็อยากจะอยู่กันสองต่อสองขึ้นมาเลย ไปเถอะหมูอ้วน...ไปๆ”
งอแงจะลากออกไป ข้าวต้มเกาะประตูก่อนจะออกไป ส่งสายตาทำสีหน้าทะเล้น จนงอแงต้องมากระชากตัวออกไป น้ำมนต์หันมาจ้องพีระ
“ผมไม่ได้บอกให้เด็กๆมาชวนคุณเล่นจ้ำจี้จริงๆนะ”
คุณผีที่รัก ตอนที่ 13 (ต่อ)
อาจารย์เทพกลับเข้ามาที่สำนัก เดินเข้ามา แต่บรรยากาศเงียบ มองข้าวของภายในสำนักที่กระจัดกระจายราวกับมีการต่อสู้กัน รู้สึกไม่ปลอดภัย ระมัดระวังตัว เดินสำรวจรอบๆ
“ไอ้เกี๊ยง เอ็งอยู่ไหน ไอ้เกี๊ยง”
อาจารย์เทพเดินหาไป จนกระทั่งไปสะดุดตรงตำแหน่งที่วางโกศคามิน พบว่ามันล้มและเปิดอยู่
“เฮ้ย ไอ้คามินมันหลุดออกไปได้แล้ว งั้นไอ้เกี๊ยงก็...”
อาจารย์เทพคิดจะไปตามเกี๊ยง หันกลับมา แล้วต้องผงะ เพราะที่มุมหนึ่ง เจ๊เจ้าของตลาดนั่งซุกตัวอยู่หน้าขาวซีด ดวงตาแดงก่ำ เงยหน้าขึ้นมาจ้องอาจารย์เทพ
“ไอ้คามินมันฝากอะไรถึงข้าใช่มั้ย”
เจ๊เจ้าของตลาดพูด แต่เสียงเป็นเสียงผีชายเพราะถูกเข้าสิง
“หึๆ ฉันจะตามล่าแก ไอ้อาจารย์เทพ ฉันจะตามล่าแก ฉันจะตามล่าแก”
สิ้นเสียงพูดคำสุดท้าย ก็ปรากฏให้เห็นร่างของวิญญาณผีผู้ชายวิ่งออกจากร่างเจ๊เจ้าของตลาด วิ่งหนีกระโดดออกไปอย่างรวดเร็ว เจ๊เจ้าของตลาดฟุบไป อาจารย์เทพอึ้ง เครียด รู้ว่าคามินหลุดไปแล้ว และอันตรายมาก
“ไอ้คามิน...แก...แกทำอะไรไอ้เกี๊ยง”
น้ำมนต์มองนอกหน้าต่าง ลังเล สับสน ไม่แน่ใจว่าควรพูดหรือไม่ พีระยืนเก้ๆกังๆงงๆว่าเธอจะคุยอะไร
“คุณมีอะไรจะคุยกับผมเหรอ”
“ฉัน...ฉันอยากถามว่า...นายจำอดีตของตัวเองได้หมดแล้วใช่มั้ย”
“ไม่ทั้งหมดนะ จำได้เท่าที่ลุงสนเล่า และบางเรื่องที่ไม่อยากรู้”
“แล้วพอได้รู้แล้วเป็นไงบ้าง”
“ก็ช็อกนะ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนโมโหร้ายได้ขนาดนั้น และบางเรื่อง มันไม่ใช่เรื่องที่น่าจดจำเลย แต่พอจำได้แล้วมันก็ลืมไม่ได้อีก จะทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่รู้สึกรู้สมก็ทำไม่ได้...ก็ต้องทน...รู้สึกผิดต่อไป”
น้ำมนต์มองหน้าพีระตลอด พีระชักสงสัย
“ทำไมอยู่ๆถึงถามเรื่องนี้”
น้ำมนต์มองพีระ กลั้นใจพูดออกไป อย่างหวั่นใจ กลัวเป็นจริง
“เรื่องที่ทำให้นายรู้สึกผิดคือเรื่องที่นายไม่ยอมบอกฉันใช่มั้ย”
พีระอึ้ง มองหน้าน้ำมนต์ สบตา เหมือนกับจะค้นให้รู้ว่าเธอรู้ความจริงแล้วหรือยัง น้ำมนต์ภาวนาให้ไม่ใช่
“ไม่ใช่ใช่มั้ย”
“น้ำมนต์...”
พีระอึ้ง ลังเล สับสน
“วันนี้เมสินีบอกฉันเรื่องนึง แต่ฉันไม่เชื่อ เรื่องที่เมสินีพูดกับเรื่องที่นายไม่กล้าบอกฉัน ต้องเป็นคนละเรื่องกัน เมสินีก็แค่พยายามทำให้ฉันเกลียดนาย นายจะได้ไม่มีคนช่วย แต่ฉันเชื่อนาย ไม่เชื่อเมสินี...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะช่วยนายให้ถึงที่สุด”
พีระอึ้งๆ
“น้ำมนต์ ผม...”
“นายไม่ต้องสืบเรื่องแม่ให้ฉันแล้ว ฉันไม่อยากรู้ เรื่องมันจบไปแล้ว ปล่อยให้มันจบไป อย่ารื้อฟื้นให้ฉันเสียใจอีก เพราะฉันคงทนไม่ได้ ถ้าความจริงมันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด”
“บางที...ผมอาจถูกส่งมาเจอกับคุณ เพราะเรื่องนี้”
น้ำมนต์รีบปิดปากเขา
“พอ...ตั้งแต่วันนี้ไปห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก”
“แต่ผม...”
“ฉันขอร้อง”
พีระยืนเงียบ น้ำมนต์กอด ร้องไห้ ต่างคนต่างก็รู้กันได้ว่าต่างฝ่ายต่างรู้แล้ว แค่ไม่พูดออกมา
เช้าวันใหม่...น้ำมนต์เปิดประตูออกมาจากห้อง พบว่าพีระยืนรออยู่ น้ำมนต์ยิ้มแย้ม พยายามทำตัวปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มายืนหน้าห้องนอนทำไม คิดอะไรลามกหรือเปล่า อย่าให้รู้นะ ฉันตีหัวแตกแน่”
พีระหน้าเครียด
“น้ำมนต์ เรื่องเมื่อคืน...”
น้ำมนต์ตัดบท
“ข้าวต้มล่ะ เห็นมั้ย”
อยู่ๆแจ๊ววิ่งเข้ามา แหกปากลั่น
“คุณน้ำมนต์ๆ ลุงสน แย่แล้ว”
ลุงสนลงไปนอนชักทั้งๆที่ถูกมัดติดเก้าอี้อยู่ เนื้อตัวเกร็งหงิก ร้องเสียงในลำคอแฮ่ๆ มือข้างหนึ่งกำแขนข้าวต้มเอาไว้แน่น อัฐชัยตกใจ
“ลุงครับ ลุงหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ...ไม่มีใครจะทำร้ายลุงนะครับ ไม่ต้องเครียด...เอ้า ช่วยกันนวดให้ลุงสนสิ”
ข้าวต้มดิ้น
“ปล่อยเค้า เค้าไม่เกี่ยว”
พิมพ์ดาว เอมี่คว้ามือลุงสน ช่วยกันนวดฝ่ามือที่เกร็งให้คลาย ลูกโป่งนวดเท้า น้ำมนต์วิ่งเข้ามา
“ลุงสนเป็นอะไร”
“ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ดีๆก็ชักเกร็งไปทั้งตัว” ลูกโปร่งบอก
ข้าวต้มหันไปหาน้ำมนต์
“พี่น้ำมนต์ช่วยเค้าด้วย เค้าแค่เดินผ่านเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย”
ลุงสนค่อยๆมีอาการดีขึ้น ผ่อนคลาย สงบลงไป นอนนิ่งไป ข้าวต้มดึงมือตัวเองออกมาได้ รีบวิ่งไปหลบหลังน้ำมนต์กับพีระที่ยืนมองอยู่
“ลุงสนบ้าไปแล้ว ทำร้ายเด็กน้อยตัวเล็กๆอย่างเค้าได้”
“ตะกรุดหลวงพ่อทำได้แค่สะกดอาคมของอาจารย์เทพเอาไว้ แต่ไม่ได้ทำให้อาคมเสื่อม” พีระออกความเห็น
“แล้วอย่างนี้ ลุงสนจะพาเราไปเจอร่างของนายได้มั้ยเนี่ย” น้ำมนต์กังวล
อาจารย์เทพนั่งสมาธิอยู่ อยู่ๆมีเสียงเกี๊ยงดังมา
“จารย์เทพช่วยด้วย”
อาจารย์เทพลืมตา หันขวับไปที่ด้านหน้าต่าง พบวิญญาณผีผู้ชายตัวหนึ่งมองอยู่ แต่ยังไม่ทันเห็นหน้า มันก็รีบฟุ่บหายไปทันที
“ไอ้เกี๊ยง”
อาจารย์เทพวิ่งออกมาด้านนอก เห็นวิญญาณผีตัวนั้นยืนหันหลังอยู่ รู้ทันทีว่าคือเกี๊ยง
“ไอ้เกี๊ยง”
เกี๊ยงหันกลับมา อาจารย์เทพยังไม่รู้ว่าเขาตายแล้ว
“แกไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย ไอ้เกี๊ยงหลานรัก”
อาจารย์เทพจะเข้ากอด แต่กลับทะลุร่างเกี๊ยงไป จับต้องไม่ได้ อาจารย์เทพตะลึง
“ไอ้เกี๊ยง นี่ แก...แก...แกตายแล้วเหรอ”
เกี๊ยงจำใครไม่ได้เลย
“ใครคือเกี๊ยง เกี๊ยงคือใคร จำไม่ได้ แกคือใคร ใครคือแก จำไม่ได้...อ้อ จำได้แล้ว...แกต้องตาย”
เกี๊ยงโดดขี่หลังอาจารย์เทพ แล้วกัดซอกคอทันที
“อ๊าก”
ลุงสนผวาสะดุ้งตื่นขึ้นมา เฮื้อก น้ำมนต์ ข้าวต้ม พีระเฝ้าอยู่ใกล้ๆ ข้าวต้มตกใจร้องจ๊ากรีบโดดขี่หลังพีระ พีระแบกน้ำหนักไหว สีหน้าอดทนสุดขีด น้ำมนต์พุ่งเข้าหาลุงสน
“ลุงสน ลุงคะ ลุงโอเคมั้ยคะ”
ลุงสนค่อยๆเพ่งมอง
“ลุง...เกิดอะไรขึ้น ทำไมลุงปวดไปทั้งตัว”
“หมอผีมันทำของใส่ลุงค่ะ เมื่อคืนลุงอาละวาดหนักมาก จำไม่ได้เลยเหรอคะ”
ลุงสนส่ายหน้า ข้าวต้มพูดขึ้น
“ลุงทำร้ายเด็กตัวเล็กๆเกือบตายรู้ตัวมั้ยครับ”
“ลุง...จำพวกเราได้มั้ยคะ” น้ำมนต์ถาม
“จำได้สิ น้ำมนต์ แล้วก็...คุณพีท...ใช่ ลุงต้องพาคุณพีทไปกลับเข้าร่าง”
พีระดีใจ
“นี่ลุงจำได้ แสดงว่าอาคมของหมอผีเทพเสื่อมแล้ว”
“ไป...พาลุงไป ลุงจะพาไปหาคุณพีท”
ลุงสนรีบร้อนจะไป น้ำมนต์ดีใจ
อาจารย์เทพวิ่งกลับเข้ามาที่สำนัก มีเกี๊ยงเกาะหลังมายังคงกัดซอกคออยู่
“ไอ้เกี๊ยง แกจำฉันไม่ได้เหรอวะ คิดดีๆสิเว้ย ฉันอาจารย์เทพ ฉันเป็นลุงและเป็นอาจารย์ของแกนะเว้ย ไอ้เกี๊ยง”
“ลุงคือใคร ใครคือลุง จำไม่ได้ แฮ่”
อาจารย์เทพบริกรรมคาถาพึมพำ แล้วทันใด เกี๊ยงก็กระเด็นออกไปไกล
“อ๊าก”
เกี๊ยงกระเด็นหงายหลังไปกับพื้น ท่าทางเจ็บปวด เกิดสายสิญจน์อาคมรัดไว้ อาจารย์เทพมองอย่างเป็นห่วง
“ไอ้เกี๊ยง ฉันไม่ได้อยากทำให้แกเจ็บ แต่ฉันไม่มีทางเลือก”
แต่อยู่ๆเกี๊ยงพึมพำอาคมเช่นกัน สายสิญจน์อาคมที่รัดอยู่ ก็คลายหายไปเอง อาจารย์เทพผงะ
“ไอ้เกี๊ยง นี่แกสลายอาคมของฉันได้ด้วยเหรอ”
เกี๊ยงยิ้มกระหยิ่ม
“หึๆ”
“ตอนเป็นคน ท่องนะโมยังผิด พอเป็นผี ดันเป๊ะ ไอ้หลานเวร”
แต่แล้วเกี๊ยงก็ผงะ ทรุดลงไป ทำท่านบนอบ อาจารย์เทพหันไปมองตามสายตาเกี๊ยง เห็นคามินยืนอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่น อลังการ อาจารย์เทพตะลึง
“ไอ้คามิน นี่แก แกเอาวิญญาณไอ้เกี๊ยงเป็นทาสรับใช้เหรอ”
“และฉันจะให้มันฆ่าแกด้วย”
อาจารย์เทพผงะ หันมาเผชิญกับเกี๊ยง
“หมอผี กับ ผีหมอผี หึๆ”
ลูกโป่งพยายามตะโกนเรียกอาจารย์อิ๋วไว้อย่าเพิ่งวางสาย
“เดี๋ยวค่ะอาจารย์ เดี๋ยวๆ”
แต่อาจารย์อิ๋ววางสายไปแล้ว
“โธ่ ตายๆ”
พิมพ์ดาวรีบถาม
“อาจารย์อิ๋วว่าไงบ้างแก”
“อาจารย์บอกว่าต้องกลับไปซ้อมเดี๋ยวนี้ เพราะอาจารย์เชิญคณบดีจะมาดูซ้อมใหญ่วันนี้”
อัฐชัยถอนใจ
“เราจะไปได้ไง ใครจะดูแลน้ำมนต์...ขอเลื่อนซ้อมใหญ่เป็นพรุ่งนี้ได้มั้ย”
น้ำมนต์เดินออกมา
“ไม่ต้องเลื่อน ลุงสนฟื้นแล้ว เดี๋ยวลุงสนจะพาฉันกับพี่เอมี่ และนายพีระไปเจอร่างของเขา...พวกแกกลับไปซ้อมละครเถอะ อย่าให้เรื่องของพีระทำให้งานของทุกคนเสียหายเลย”
“แต่ว่า...อัฐอยาก...” อัฐชัยจะบอกว่าอยู่ดูแลน้ำมนต์
ลูกโป่งตัดบทเลย ไม่รีรอใดๆ
“งั้นแกดูแลตัวเองด้วยนะน้ำมนต์ มีอะไรฉุกเฉินโทรหาฉันทันทีนะ...”
ลูกโปร่งคว้ามืออัฐชัยมาจับมือพิมพ์ดาว ลากไปด้วยกัน
“ไปซ้อมละคร ไปๆ”
ลูกโป่งลากพิมพ์ดาวกับอัฐชัยไป
คุณผีที่รัก ตอนที่ 13 (ต่อ)
อาจารย์เทพไม่อยากสู้กับเกี๊ยง
“ไอ้เกี๊ยง อย่า...แกกำลังถูกไอ้คามินหลอกใช้”
“เลว ชั่ว แกกล้าพูดจาลบหลู่ไอด้อลของฉันขนาดนี้เลยเหรอ ฉันจะทำให้แกจุมพิตบาทาท่านไอดอล”
เกี๊ยงพึมพำคาถา เกิดพลังเวทย์ และเห็นเป็นอักขระปรากฏที่คอของอาจารย์เทพแบบเดียวกับที่เคยเกิดกับคามิน
“อาคมเดียวกับที่แกเคยใช้กับฉันยังไง” คามินสะใจ
“หา...นี่แก...แกใช้อาคมนี้ได้ยังไง...ไอ้บ้าเอ๊ย ถ้ารู้ว่าตายแล้วแกจะเก่งขนาดนี้ ฉันจะให้แกตายตั้งนานแล้ว”
“แกจงมาเป็นติ่งท่านคามินเหมือนฉันซะดีๆ” เกี๊ยงคำราม
“ไม่มีทาง”
อาจารย์เทพพึมพำคาถาสู้ เกิดพลังอาคมต่อต้านกันไว้ แล้วทันใด มันก็ระเบิด กระแทกเกี๊ยงกระเด็นไป ส่วนอาจารย์เทพก็ผงะถอยๆ ไปเข้ามือคามินพอดี...หมั่บ
“เตรียมเซย์กุ๊ดบายได้เลย”
อาจารย์เทพผงะ หายใจไม่ออก
ลุงสนนั่งรออยู่ น้ำมนต์หันมากำชับงอแง
“งอแง ดูแลข้าวต้มด้วยนะ ถ้าข้าวต้มขัดคำสั่งหรือทำอะไรไม่ถูกต้องแม้แต่นิดเดียว จดใส่กระดาษไว้นะ แล้วพี่จะกลับมาหักเงินค่าขนมเอง”
“โหว ให้อำนาจยัยงอแงได้ไง เขาไม่ยอม” ข้าวต้มโวย
“เสียงดัง ก้าวร้าว ต้องจด” งอแงจด
ข้าวต้มพยายามจะห้าม งอแงวิ่งหนีข้าวต้มเข้าบ้านไป
“น้ำมนต์ เอาตะกรุดคืนไปเถอะ ลุงไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
“แน่ใจนะคะ”
“แน่ ลุงหายแล้ว อ้ะ ถอดให้ลุงด้วย”
ลุงสนยืนรอให้น้ำมนต์ถอดตะกรุด น้ำมนต์ถอดเอาตะกรุดออกจากศีรษะลุงสน ทันใดนั้น เอมี่วิ่งกลับเข้ามา ท่าทางร้อนใจ
“น้ำมนต์...เธอพอจะมีเบอร์โทรหรือที่อยู่ที่ติดต่อนายแมนสรวงได้มั้ย เขาหายหน้าไปสองวัน ไม่โผล่มาเลย พี่กลัวว่าเขากำลังจะ...ตาย”
“ตาย...นายแมนสรวงไม่ตายหรอกค่ะ เดี๋ยวก็คงโผล่มาเอง ใช่มั้ย” น้ำมนต์มองพีระ
“ไม่รู้ ไม่ใช่แฟน ตอบแทนไม่ได้...ขึ้นรถ” พีระตัดบท
ทุกคนขึ้นรถไป ข้าวต้มกับงอแงวิ่งกลับมา แต่แล้วงอแงผงะก่อน เพราะมองไปที่ลุงสน เห็นว่าที่ด้านหลังของลุงสน มือฝ่ามือสีขาวซีด โผล่มาจากคอเสื้อ กำลังกุมท้ายทอยลุงสนเอาไว้
“เฮ้ย”
งอแงมองอีกที แต่ไม่เห็นแล้ว รถแล่นไป
คามินจับคออาจารย์เทพเอาไว้
“ฉันจะเอาวิญญาณแกมาเป็นทาสฉัน”
“ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลอง ฉันจะให้แกได้ลิ้มลอง อาคมลับที่ฉันจะใช้เพื่อทำให้ผีตายโหงอย่างแกสาบสูญ”
“ปากดีนัก เอาตัวให้รอดเถอะ”
อาจารย์เทพพนมมือขึ้นมา ปากก็พึมพำคาถา แต่ไม่เกิดอะไรขึ้น
“คาถาอะไร ไม่เคยรู้จัก”
อาจารย์เทพยังคงพึมพำๆ คามินเห็นว่าไม่เกิดอะไรขึ้นก็หัวเราะสะใจ
“คาถาด้านแล้วมั้งไอ้หมอผี งั้นฉันจะหักคอแกเดี๋ยวนี้”
“คาถานี้ไม่มีด้าน...ไอ้คามิน แกต้องสูญพันธุ์”
อาจารย์เทพเตะผ่าหมากคามินเต็มแรง พลั่ก คามินผงะ ไม่ถึงกับทรุด แต่ตัวบิดงอทันที
“สูญพันธุ์มั้ยล่ะ”
อาจารย์เทพวิ่งหนี เกี๊ยงจะขวาง แต่อาจารย์เทพทำท่าจะเตะ เกี๊ยงรีบหุบหว่างขาปิดไว้
“ฉันจะหาทางช่วยแกให้ได้ไอ้เกี๊ยง”
อาจารย์เทพวิ่งหนีไปก่อน เกี๊ยงรีบไปดูแลคามิน
“ไอดอลของเกี๊ยง เป็นไงบ้าง เพี่ยงหายๆ”
ลุงสนเป็นคนขับรถ เอมี่นั่งมองเหม่อออกนอกหน้าต่าง หน้าเศร้าสร้อย ราวกับเล่นมิวสิคอยู่ น้ำมนต์เห็นท่าทางเอมี่แล้วหันมามองพีระ
“ผมไม่รู้ว่ามันหายหัวไปไหน รู้แต่ว่า มันจะปรากฏกายให้ใครเห็นไม่ได้อีกแล้ว มันคงทำผิดกฎหลายอย่างเลยถูกลงโทษ”
“อ้าว แล้วยังงี้ใครจะรับผิดชอบความรู้สึกพี่เอมี่”
เอมี่ได้ยินที่น้ำมนต์พูด
“หมายความว่าไง..คุณผีพีระบอกอะไรกับเธอน้ำมนต์”
“เอ่อ ก็..”
ทันใด รถเบรกเอี๊ยด ทุกคนหัวทิ่มกันไปหมด
“ถึงแล้วครับ” ลุงสนบอก
ทุกคนทยอยลงมาจากรถ แล้วมองภาพสถานที่นั้นตรงหน้า ได้แต่แปลกใจ ถามพร้อมๆกัน
“ที่นี่เหรอ”
ลุงสนก้าวเข้ามาสมทบ
“ที่นี่แหละ”
ตรงหน้าว่าสถานที่คือ โรงงานตุ๊กตาร้าง สภาพพุพัง มีป้ายโฆษณาไวนิลเก่าๆเป็นรูปใบหน้าตุ๊กตาที่ขาดวิ่น หลอนๆ พีระชักหวาดเสียว
“ตุ๊กตาอีกแล้วเหรอ”
ด้านหลังลุงสน ยังมีมือผีกุมท้ายทอยลุงสนอยู่
ห้องทำงานเมสินี สถานีพราวด์ เมสินีตกใจที่อยู่ๆอาจารย์เทพจะมาขออยู่ด้วย
“จะมาขออยู่กับฉัน มันธุระอะไรที่ฉันจะต้องไปอุ้มชูหมอผีตกระกำลำบากด้วย”
“ไอ้คามินมันยึดสำนักฉันไปแล้ว อุปกรณ์ทำมาหากินทุกอย่าง แล้วมันยังยึด..ยึด..หลานรักของผมไปด้วย..ไอ้เกี๊ยง”
อาจารย์เทพโผกอด ยุทธงงที่หมอผีมาดราม่าใส่
“หลานชายคนเดียวของผม มันตายแล้ว สวรรค์ไม่ยุติธรรม”
ยุทธงงๆ แต่ก็ปลอบๆไปตามมารยาท
“เอ่อ โอ๋ โอ๋ ไม่เป็นไรนะ”
“ฉันว่าอาจารย์เลิกฟูมฟาย เอาเวลาไปจัดการนายพีทให้ฉัน แล้วรับเงินค่าจ้างไปเริ่มต้นสำนักใหม่ดีกว่า”
“แต่ผม..ตอนนี้กำลังเสียใจ..”
“หรืออยากจะเสียทั้งหลานเสียทั้งเงิน” เมทินีตวาดแว๊ด
พีระ น้ำมนต์ เอมี่ เดินเข้ามาภายในโรงงานตุ๊กตาร้าง สองข้างทางเป็นเศษชิ้นส่วนตุ๊กตา เช่น แขน ขา
“ลุง แน่ใจนะว่าเก็บร่างนายพีระไว้ที่นี่ ในโรงงานร้างที่สกปก ไม่ถูกสุขอนามัยเนี่ยนะ”
ลุงสนเดินรั้งท้ายสุด เผยให้เห็นว่าลุงสนถูกมือผีบงการอยู่ตลอด
“ที่นี่แหละ”
“หรือว่าจะมีห้องลับ เป็นห้องปลอดเชื้อซ่อนอยู่ เพื่อตบตาพวกเมสินี ใช่มั้ยลุง”
“น้ำมนต์..พี่ว่าพี่คุ้นๆโรงงานนี้นะ โรงงานผลิตตุ๊กตาเถื่อน ที่เกณฑ์เอาแรงงานเด็กต่างด้าวมาทำงาน ใช้งานเยี่ยงทาส ใครป่วย ก็ไม่รักษา ว่ากันว่า มีเด็กคนนึง เอานิ้วขูดพื้น จนกลายเป็นเลือด เขียนไว้ที่พื้น เป็นคำสาปแช่งเจ้าของโรงงานนี้ แล้วที่นี่ก็เกิดโรคระบาด เด็กตายเป็นสิบๆคน แล้วโรงงานนี้ก็อยู่ไม่ได้ เพราะความ..อาฆาตแค้นที่รุนแรงของเด็กๆเหล่านั้น ยังวนเวียนอยู่”
ทุกคนเดินต่อไป ลุงสนเดินมาหยุดตรงหน้ากระจกเงา ภาพที่สะท้อนกระจกเห็นว่ามีเด็กผู้หญิงผมบ๊อบอุ้มตุ๊กตาเกาะหลังลุงสนอยู่ เด็กผู้หญิงนั้นหันมองกระจก ดวงตาแดง น่ากลัว
ทุกคนเดินไปตามทางในโรงงานตุ๊กตาร้าง
“ทางไหนอ่ะลุง รีบๆนำไปสิ”
“ห้องนั้น” ลุงสนชี้ไป
“ห้องนั้นเหรอ ดูแล้วไม่น่าจะมีใครรอดตายจากห้องนั้นได้เลยนะ”
“เข้าไปดูเถอะค่ะ”
น้ำมนต์ เอมี่ พีระเข้าไปในห้องๆนั้น ลุงสนเดินรั้งท้าย เมื่อมาถึงประตู ลุงสนกลับยืนนิ่งไม่เข้าไป เพราะมีมือผีจับมือลุงสนอยู่
พวกน้ำมนต์เดินเข้ามาด้านใน เป็นห้องที่สองข้างทางเป็นชั้นวางของ และมีตุ๊กตาวางเรียงรายอยู่ตามชั้น มีทั้งที่สมประกอบ ไม่สมประกอบ บางตัวไม่มีตัว ไม่มีแขน บางจุดก็มีแต่หัวตุ๊กตาวางอยู่
“กรองแก้วทั้งนั้นเลย”
“นี่มันห้องเก็บศพตุ๊กตาชัดๆ” เอมี่บ่น
แต่แล้วทันใด ประตูทางเข้าถูกปิดเอง..ตึ่ง! ทุกคนหันมา ตกใจ
ลุงสนเอาโซ่คล้องล่าและใส่แม่กุญแจไว้ ผีเด็กหญิงอุ้มตุ๊กตายื่นจับมือลุงสนด้วย เป็นคนบงการทุกอย่าง พวกน้ำมนต์ตกใจ รีบวิ่งกลับมาพยายามเปิดประตู
“ลุงสน” น้ำมนต์ร้องเรียก
“ไม่นะ ไม่ๆ “ เอมี่รีบวิ่งกลับไปที่ประตู เปิดไม่ออก “ลุงขังพวกเราไว้ทำไม เปิดนะ ลุงสน”
“ผมไปดูให้”
พีระทะลุประตูออกไป แต่กลับพบผีเด็กหญิงยืนจับมือลุงสนอยู่ เด็กหญิงอ้าปากกว้างน่ากลัวร้อง กรี๊ด พีระกระเด็นถอยกลับเข้ามาในห้อง
“ผี...ลุงสนถูกผีบงการให้มาที่นี่ และพาเรามาที่นี่..เราติดกับแล้ว”
“ติดกับเหรอ กับของใคร” น้ำมนต์งง
หน้าสถานีพราวด์ มีธูปปักอยู่กับพื้นดิน อาจารย์เทพกำลังบริกรรมคาถา
“ก่อนที่ฉันจะให้พวกมันเอาตัวลุงสนไป ฉันฝากผีกลับไปด้วย และพวกมันไม่รอดแน่”
“ขอให้มันจริงเถอะ ฉันอยากจ่ายเงินให้อาจารย์ใจจะขาดแล้ว” เมสินีบอกทันที
อาจารย์เทพบริกรรมคาถาไป
เอมี่ยังคงทุบประตู
“ปล่อยฉันออกไป ฉันไม่อยากอยู่ในนี้ ทำไมลุงถึงใจร้ายกับผู้หญิงอ่อนโยนอย่างฉันได้”
“พีระ นายก็ออกไป แล้วเปิดประตูให้พวกฉันสิ” น้ำมนต์บอก
“ลุงสนคล้องแม่กุญแจไว้ แล้วยังมีน้องผมบ๊อบเฝ้าอยู่อีก แต่ยังไง ผมจะลองอีกทีแล้วกัน”
พีระวิ่งทะลุกลับออกไปนอกห้องอีกที พบว่าผีเด็กหญิงกำลังจะจูงมือพาลุงสนกลับออกไป
“ลุงสนจะไปไหน”
ผีเด็กหญิงหันกลับมา ตาขวาง คำรามเสียงดัง
“อย่ามายุ่ง”
พีระผงะ
อาจารย์เทพลืมตาขึ้น หันมารายงานเมสินี
“เด็กน้อยของฉันจัดการพวกส่วนเกินเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ลุงสนกำลังจะพาเด็กฉันไปเจอร่างไอ้ผีพีระ..พวกคุณเตรียมตัวตามไปได้เลย”
“แล้วจะให้ตามไปที่ไหน” ยุทธถาม
“มันไปถึงเมื่อไหร่ ผมจะรีบบอกทันที”
เกี๊ยงเข้ามายืนด้านหลังของทุกคน
“อาจารย์เทพ”
อาจารย์เทพได้ยินเสียง หันกลับมา ผงะ
“เกี๊ยง”
เอมี่กลัว มองไปที่ชั้นวางตุ๊กตาเรื่อยๆ
“ตุ๊กตาพวกนี้ มันไม่มีชีวิตใช่มั้ย นี่กลางวันแสกๆ มันคงไม่ลุกขึ้นมาเดินได้หรอกนะ”
“พี่เอมี่ทำใจสบายๆ เราลองหาทางออกอื่นเถอะ เผื่อมีประตูอื่น” น้ำมนต์บอก
แต่แล้วเอมี่ไปสะดุดสายตาเข้ากับตุ๊กตาตัวหนึ่ง ที่นั่งอยู่บนฉันวาง มองจ้องมา เอมี่ผงะเล็กน้อย สยองๆ แล้วรีบเบือนหน้าหนี ไม่อยากมอง แต่พอมองออกไปที่สุดทางของห้อง เอมี่ต้องผงะ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในชุดเดียวกับตุ๊กตาตัวนั้น ทำผม สวมเสื้อผ้า และนั่งอยู่ในท่าเดียวกันเป๊ะ
“ว้าย”
เอมี่ผงะ หันมองตุ๊กตาอีกรอบ แล้วหันกลับไปมอง แต่ผีเด็กหญิงตนนั้นหายไปแล้ว
“มีอะไรคะ”
“พี่..พี่เห็นเด็กผู้หญิง นั่งตรงนั้น แต่งตัวเหมือนตุ๊กตาตัว...”
แต่ปรากฏว่าตุ๊กตาตัวนั้นหายไปจากจุดเดิม
“หายไปได้ยังไง” เอมี่ยิ่งสยอง
“ตัวนี้เหรอคะ”
ปรากฏว่าน้ำมนต์เอามาถืออยู่ตรงหน้า เอมี่จ๊าก
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่เอมี่”
อยู่ๆเสียงเด็กๆร้องเพลงดังมาอย่างหลอนๆเย็นๆช้าๆ
“มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ใครเผลอคอยระวัง ใครเผลอคอยระวัง ตุ๊กตาอยู่ข้างหลังระวังจะถูกตี”
เอมี่กับน้ำมนต์ผงะ สยอง มองหาต้นเสียง แต่เสียงมาจากมุมนั้นมุมนี้ ซอกนั้นซอกนี้ ใต้ฝ้าเพดาน ลึกลับๆ เอมี่สยอง
“เสียงใคร”
อาจารย์เทพเผชิญหน้าเกี๊ยง
“ไอ้เกี๊ยง..คามินส่งแกมาใช่มั้ย”
ยุทธมองไม่เห็นผี
“เกี๊ยงไหนครับอาจารย์”
“ฉันบอกแล้วไงว่าหลานรักขอฉันมันตายเป็นผีไปแล้ว และมันอยู่นี่”
เมสินีรีบไปหลบหลังยุทธ สยองๆ
“มันมาทำไม มาขอส่วนบุญหรืออะไรก็ให้ๆมันไปสิ”
“ท่านคามินต้องการวิญญาณไอ้พีระ..มันอยู่ที่ไหน” เกี๊ยงตวาดถาม
“ไอ้เกี๊ยง..ฉันไม่อยากสู้กับแก..นึกให้ดีๆแกต้องจำฉันได้สิ” อาจารย์เทพพยายามพูด
“พีระคือวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านคามินต้องการพลังของมัน เพื่อกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยร่างของพีระ”
“มีชีวิตด้วยร่างพีระ หมายความว่าไง”
“ถ้าท่านคามินเสพพลังพีระ ท่านก็จะมีสถานะเป็นวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ต่างจากพีระ และร่างไอ้พีระก็คือร่างท่าน”
“หา..ไอ้คามินคิดจะคืนชีพด้วยร่างกายพีระ”
เมสินีกับยุทธรู้เรื่องด้วย ตกใจ
“ว่าไงนะ”
เกี๊ยงมาโผล่ตรงหน้าอาจารย์เทพ เกี๊ยงหยิบธูปที่ปักพื้นอยู่ขึ้นมา
“พีระ มันอยู่ที่ไหน”
ทันใดมีภาพขึ้นมาในความคิดของเกี๊ยง เป็นภาพโรงงานตุ๊กตา คามินลืมตา รับรู้สารที่เกี๊ยงส่งต่อมาถึง
“ไอ้วิญญาณบริสุทธิ์อยู่ที่โรงงานตุ๊กตางั้นเหรอ”
คามินยิ้มร้าย
จบตอนที่ 13