xs
xsm
sm
md
lg

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 13

แสงแดดยามเช้าส่องมากระทบใบหน้าเดือนภายในซ่องชั้นต่ำ เธอขยิบตาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองดูแสงที่ลอดผ่านช่องลูกกรงซี่ๆ ตรงหน้าต่าง รอบๆ ตัว เป็นห้องแคบๆ สกปรกเหม็นอับ

เดือนพยายามจะชันตัวลุกขึ้น
"นี่มันที่ไหนกัน... โอย"
เดือนเจ็บแปลบ ก้มมองดูที่เสื้อผ้าที่เปียกชื้นผสมกับรอยเลือดที่ไหลซึมผ่านผ้าแถบออกมา เดือนนิ่งงันแล้วค่อยๆหลับตาลงอธิษฐาน
"หากนี่เป็นเพียงความฝัน ขอให้ลูกหลุดพ้นจากภวังค์แห่งฝันร้ายนี้ด้วยเถิด"
ทว่าความเจ็บปวดก็ยังคงอยู่ไม่ลดน้อยลงเลย เดือนนั่งนิ่งถึงถึงสิ่งที่ผ่านมา
"มันคือเรื่องจริงรึนี่ ที่เราจะไม่ได้เห็นใต้หล้าอีกแล้ว"
เดือนน้ำตาตกลงทันที เมื่อพบว่าทุกอย่างมันคือเรื่องจริง เดือนมองเห็นผ้าของหาญอยู่ที่พื้นไม่ไกลจากตัวเองนัก เดือนดีใจรีบขยับเข้าไปใกล้ เดือนถลาออกไปเต็มแรงพบว่าตัวเองถูกล่ามโซ่ที่ข้อเท้าอยู่จนโซ่ตึงอีกเพียงปลายนิ้วมือเดือนก็จะหยิบผ้าได้แต่โซ่ตึงเกินกว่าจะคว้าผ้าถึง
"ไม่นะ...ผ้า คุณหาญ"
เดือนฝืนจนสุดกำลังเชือกที่รัดข้อเท้าบาดเนื้อจนเลือดไหลปลายนิ้วเดือนเอื้อมถึงผ้าได้ในที่สุด เธอดึงผ้าของหาญมาแนบอกน้ำตาร่วง
"คุณหาญ...ช่วยเดือนด้วยเจ้าคะ"
เดือนสะอื้นร่ำไห้ถึงหาญ

หาญกระสับกระส่ายสะดุ้งตื่น นึกกังวลถึงเรื่องที่เดือนหายไปเมื่อคืน
"แม่เดือน..! หล่อนหนีฉันไปจริงๆรึ"
หาญเป็นกังวลลุกออกไป

หาญสีหน้าเป็นกังวลเดินมองหามั่น เห็นทาสชายแบกทลายมะพร้าวผ่านไป หาญรีบเข้าไปถาม
"เดี๋ยว หยุดก่อน"
ดาวนั่งแอบมองอยู่ที่ศาลา ทาสชายวางของนั่งลง
"ขอรับคุณหาญ"
"เจ้าเห็นนายมั่นไหม"
"บ่าวไม่เห็นขอรับ"
หาญพยักหน้ารับแล้วเดินผละไป ดาวนิ่งคิดนิดนึง แล้วทำเป็นร้องไห้ ทหาญได้ยินเสียงสะอื้นจึงหันไปทางที่มาของเสียงเห็นเป็นดาวที่นั่งอยู่
"เป็นอะไรรึแม่ดาว"
ดาวเหลือบมองหน้าทำทีนางเอก
"คุณหาญ"
"ฉันถาม ไม่ได้ยินรึ"
"บ่าวมิได้มีอะไรดอกเจ้าค่ะ"
หาญมองสีหน้าดาว
"ก็เราเห็นอยู่ว่าเจ้าร้องไห้ เกิดอะไรขึ้นรึ"
ดาวทำกระมิดกระเมี้ยน
"เอ่อ... คือ บ่าวเสียใจเรื่องนังเดือนเจ้าคะ"
หาญอึ้งไปพัก ดาวแอบลอบมองสีหน้าหาญ
"เสียใจที่นังเดือนมันทิ้งแม่ ทิ้งทุกคนที่รักมันไปได้อย่างไรกัน ไม่นึกถึงเลยนะเจ้าคะ ว่ามันจะเห็นคนรักของมันสำคัญถึงเพียงนี้"
หาญนิ่งงัน
" คนรัก !! แม่เดือนมีคนอื่นที่มิใช่ไอ้เมฆอีกรึ"
"อุ๊ย บ่าวพลั้งปากพูดความลับออกไป คุณหาญอย่าบอกเรื่องส่ำส่อนของนังเดือนกับคนอื่นนะเจ้าคะ"
หาญเศร้าสลด
"แค่นี้แม่เดือนก็มีราคีมากเกินพอแล้ว เราคงไม่พูดบอกใครอีก"
ดาวแอบยิ้มสะใจ
"นั่นสิเจ้าคะ บ่าวคงทำได้เพียงขอพรพระในใจให้คุ้มครองนังเดือน ให้มันได้ไปมีความสุขกับคนที่มันรักด้วยเถิด"
เดือนยกมือไหว้สาธุ หาญยิ่งช้ำใจขึ้นอีก
"ข้าเพิ่งรู้ว่าจริงๆแล้ว เจ้าเป็นเพื่อนที่ดีมีเมตตากับแม่เดือน แต่ตอนนี้ แม่เดือนคงไม่ใส่ใจในน้ำใจ ของเจ้าดอก"
ดาวแสร้งเศร้า)
"มิเป็นไรดอกเจ้าค่ะ บ่าวแค่อยากให้นังเดือนไปที่ดีๆ ไปที่ชอบๆ บ่าว เคยสัญญากับมันไว้ว่าจะดูแลแม่ชื่นให้เหมือนกับแม่ตัวเอง บ่าวก็จะทำต่อไปเจ้าค่ะ"
หาญมองดูดาวเต็มตาครั้งแรก ดาวแสร้งทำตาเศร้าน่าสงสารอย่างที่สุด หาญยิ้มให้ แล้วเบือนหน้าออกจากคิดถึงเดือน ดาวแอบยิ้มชอบใจที่สามารถทำให้เดือนดูเลวในสายตาของหาญได้

ประตูห้องถูกเปิดออก เดือนซุกตัวอยู่มุมห้องกระถดตัวหนีอย่างหวาดๆ แม่เล้าเดินเข้ามาใกล้จนเห็นใบหน้าชัด เดือนกลัวกอดผ้าไว้แน่น
แม่เล้า โยนกะลาใส่ข้าวให้กิน
"เอ้ากินเข้าไปซะ จะได้มีแรง"
เดือนยังคงซุกตัวนิ่งด้วยความกลัว
แม่เล้าลงนั่งจ้องหน้าเดือน
"ไง กลัวว่าข้าจะใส่ยาให้กินรึอย่างไร ข้าไม่ใจไม้ไส้ระกำ เยี่ยงนั้นหรอก"
เดือนกลัวตัวสั่น แม่เล้าจิกหัวเดือนให้เงยหน้าขึ้นมามอง
" ยังไงซะเอ็งก็ต้องขายตัว ข้าซื้อเอ็งมาหลายตำลึง เอ็งต้องทำงานให้คุ้มอัฐข้า"
เดือนร้องขอ
"ข้าไม่ได้เต็มใจมาขายตัว ทำไมทำกับข้าเยี่ยงนี้"
"ข้าไม่สน ก็ไอ้ผู้ชายสองคนนั่นกับนังคุณนายมันขายเอ็งมา ช่วยไม่ได้ เสือกไปขวางทางเจริญใครเขาล่ะ อ้อ.." แม่เล้าหันไปหยิบกะลาข้าวขึ้นมายื่นมาตรงหน้าเดือน "รับไปแล้วก็กินเข้าไปซะ"
เดือนตกใจคำพูดแม่เล้าเหมือนกัน ใครชายสองคน ใครคุณนาย แต่ยังไม่ทันได้ถาม แม่เล้าก็โมโหแล้วลุกขึ้นพร้อมกับพูดว่า
"อยู่อย่างหมา งั้นก็กินอย่างหมาก็แล้วกันนะ"
แม่เล้าทิ้งกะลาลงพื้นตรงหน้าเดือน แล้วออกไป เดือนมองข้าวที่กระจัดกระจายตรงพื้นด้านหน้าแล้วน้ำตาร่วง น้ำตาไหลไม่หยุดเดือนสับสน
"มัน เกิดอะไรขึ้นกับเรา"
เดือนร้องไห้อย่างน่าเวทนา

เดือนมองสภาพรอบตัว กัดฟัน จะไม่อยู่อย่างนี้แน่นอน พยายามแกะเชือก แต่พอมีคนผ่านมา เดือนทำก้มหน้างุด ไม่มีพิรุธ

บ่าวสองคน ปล่อยชื่นนั่งลงที่พื้น ตรงหน้า พวงแก้วถามอย่างโกรธ

"นังเดือนมันหนีไปแล้วจริงๆรึ นังชื่น"
ชื่นก้มหน้า ตัดสินใจตอบ
"จริงเจ้าค่ะ หากนายท่านจะลงโทษก็ลงโทษที่บ่าวเถอะเจ้าคะ บ่าวสอนสั่งลูกไม่ดีเอง บ่าวจะใช้หนี้อีเดือนมันเองเจ้าคะ"
พวงแก้วนิ่ง ตัดสินใจแล้วพูด
"ฉันไม่ลงโทษแกหรอก"
เอื้อยโล่งใจ บุหงาเดินนวยนาดผ่านมาพอดี
แก้วถอนใจ
"จะให้ทำยังไงได้ ต่อให้ชะตามาดีแค่ไหนแต่ถ้าจิตใจมันใฝ่ต่ำ ชีวิตมันจ่อมจมอยู่กับของต่ำๆ มันคงแก้ไขอะไรมิได้"
บุหงาเดินมากับเจียม แสร้งปั้นหน้ามึนเดินเข้ามาหาพวงแก้ว เจียมตามมานั่งข้างๆ
"อุ๊ย ตายล่ะคุณพี่ ทาสในกำกับของคุณพี่ได้เสียกันน้องยังพอทน แต่นี่มันยังหนีออกไปอีก...แต่ฉะนั้นแล้วคุณแก้วแห่งใต้หล้าก็ไม่คิดจะลงโทษแม่ของทาสในเรือนเบี้ย มันจะไม่เป็นการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายหรือเจ้าคะ ต่อไป ถ้าบ่าวไพร่คนอื่นคิดอยากหนี ก็คงหนีกันได้หมดนะสิคะ"
พวงแก้วหน้าตึง ตัดสินใจออกคำสั่ง
"เอานังชื่นไปโบย"
"คุณแก้ว" เอื้อยตกใจ
"ข้าเป็นแม่เรือนใหญ่ คุมบ่าวไพร่ทุกตัวคน ถ้าอ้ายอีคนไหนคิดหนีอีกละก็ ข้าก็จะไม่ละเว้น"
"เออ.. เจ้าคะ" เอื้อยสั่งบ่าวคนอื่น "ไป เอานังชื่นไปลงหวาย"
บ่าวไพร่นำชื่นร้องไห้ออกไป บุหงา เจียมสะใจ แก้วเห็นจึงพูด
" ในเมื่อข้าใหญ่ในใต้หล้า ใครหน้าไหนคิดได้ที เอาเรื่องคู่ครองพ่อหาญที่ดันมีเรื่องราคีไปบอกท่านเจ้าสัวละก็ ข้าไม่ละเว้นไว้แน่"
"แหม อิฉันไม่บอกหรอกเจ้าคะเพราะแค่อิฉันรู้ว่าคู่หนุนของพ่อหาญแปดเปื้อนเสื่อมเสีย ก็แปลว่าลูกชายคุณพี่และคุณพี่ คงไม่มีวันพบทางเจริญอีกเป็นแน่เจ้าคะ เริ่มดวงก็ราคี ต่อไปคงกาลกิณีทั้งแม่ ทั้งลูก ฮา ฮ่า"
บุหงา เจียม หัวเราะร่า
"เสนียดจัญไร อัปมงคล ใช่ไหมเจ้าคะ คุณบุหงา ฮาฮาฮ่า"
"แก..."
" อีเจียม มึงด่าคุณแก้วรึ"
เอื้อยเข้าไปจิกหัวเจียม ตบ
" กูไม่ได้ด่า กูพูดเฉยๆ ถ้าไม่ใช่ก็อย่าร้อนตัวสิว่ะ"
เจียมจิกหัวเอื้อยกลับ ทั้งคู่เริ่มตะลุมบอน แล้วเสียงอ่ำก็ดังเข้ามา
"ท่านเจ้าสัวกลับมาแล้ว"
เอื้อย เจียม ชะงักกึก พวงแก้วโกรธตัวสั่น แต่ห้ามตัวไว้ บุหงาจ้องหน้าอย่างท้าทาย ในใจพวงแก้วตอนนี้คิดว่า เพลี่ยงพล้ำกลัวบุหงาจะฟ้องเรื่องทั้งหมดแก่เจ้าสัว แต่บุหงาเองเนื่องจากเป็นคนวางแผนชั่วจัดการเดือนด้วย ก็ไม่ได้คิดจะฟ้อง แต่ก็เอาเรื่องนี้เก็บไว้หมายเยาะเย้ยพวงแก้ว
เจ้าสัวแสนซดน้ำชาจนหมดแล้ววางจอกลง
"แม่แก้ว ตกลงคู่บุญของพ่อหาญเป็นใครกัน นางคนนั้นกลับมารึยัง ข้าจะได้จัดการเสริมดวงเพื่อเป็นศิริมงคลกับสกุลให้เรียบร้อยสักที"
"อุ๊ย คู่บุญตาหาญใครกันรึเจ้าคะ ท่านเจ้าสัว"
บุหงายิ้มเยาะมองที่พวงแก้ว
" ว่าไงแม่แก้ว บ๊ะ.!! แม่แก้วมัวอมพนำอันใดอยู่รึ ข้าอยากจะเจอหน้าคู่หนุนชะตาของลูกข้ายิ่งนักเหตุใดเจ้าจึงไม่รีบจัดการพานางมาพบข้า"
พวงแก้วอึกอัก แล้วคิดหาทางออกจนได้ แต่แกล้งกระฟัดกระเฟียดพูดแดกดัน
"หากท่านเจ้าสัวสนใจใคร่รู้จริงๆ เหตุใดถึงหายไปทั้งคืน มากลับเอาป่านนี้ล่ะเจ้าคะ"
แสนอึ้ง บุหงารู้ความตาโตขึ้นมาทันที
"ข้าก็...ข้าก็ไปหาความสำราญนอกบ้านบ้างไม่ได้เชียวรึ"
บุหงาหน้าตึง ซักด้วยเพราะกลัวแสนจะไปหอจันทร์ฉาย
"ความสำราญนอกบ้านคือการไปค้างอ้างแรมที่อื่นเหรอคะ บอกมานะเจ้าค่ะ ท่านไปค้างกับหญิงงามเมืองคนใด บอกมานะเจ้าคะ"
บุหงาจะลุกไปแสนตวาดใส่
"โว้ย หยุดพล่ามสักทีได้ไหม แม่บุหงา ข้าแค่ดื่มด่ำกับรสสุราจนเมามายหลับไปเท่านั้น พอตื่น ข้าก็รีบกลับมา ซักถามมากความจริง"
แสนโมโหกลบเกลื่อนเพราะเมื่อคืนไม่ได้กินฟ้าหยาด ทุกคนจึงหยุด
"ตอนนี้ข้าจะต้องเร่งให้พ่อหาญได้เข้ารับราชการให้ได้ อย่าทำให้ข้าต้องเสียอารมณ์ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง"
แสนหุนหันลุกเข้าห้องไปอาบน้ำ อ่ำลุกออกไป บุหงามองอ่ำอย่างหมายตา

อ่ำเดินหาวหวอดๆ
"เว้ย...จะหาวอะไรนักหนาว๊า เอ..รึว่าจะหิว"
อ่ำเอามือลูบพุงเดินมุ่งหน้าไปยังโรงครัว บุหงาเดินมาดักหน้า อ่ำเหวอ
"อุ่ย"
อ่ำหันหลังจะเลี่ยงหนี พอหันหลังเจอเจียม
"ชะอุ่ย"
ทั้งบุหงาและเจียมขยับเข้ามา อ่ำทำตัวลีบลง
"เอ่อ...คุณบุหงามีอะไรให้กระผมรับใช้รึขอรับ"
" เมื่อคืนท่านเจ้าสัวไปไหน"
อ่ำปิดปากเงียบก้มหน้าก้มตา
"อ้อ เป็นใบ้อย่างนั้นรึ รึว่ากลัวดอกพิกุลจะร่วงลงพื้นฮะ ไอ้อ่ำ"
อ่ำเอามือปิดปาก เจียมตรงเข้ามาลงไม้ลงมือแบบขำๆ
"บอกมาซะดีๆ ไม่งั้นข้าเล่นงานเอ็งตายแน่ไอ้อ่ำ"
บุหงาจ้องเขม็ง อ่ำจำต้องพูด
"โอย...บอกแล้วจ้าบอกแล้ว คือนายท่านไปโรงน้ำชาหอจันทร์ฉายมาขอรับ"
บุหงาแทบกรี๊ด
"ท่านเจ้าสัวเข้าห้องกับอีนังตัวไหน"
อ่ำอึกอัก ในที่สุดบอกว่า
"เจ๊เว่ยชิงจัดให้คนหนึ่ง ชื่ออะไรหยาดๆหยดๆ นี่แหล่ะขอรับ"
พูดแค่นั้น บุหงาก็เหงื่อกาฬแตก
"ไม่จริงๆ แอร๊ยๆๆ"
อ่ำงง เจียมไล่อ่ำไป
"ไปสิจะไปไหนก็ไปให้พ้นๆ ไป๊"

อ่ำรีบออกไปแบบงงๆ บุหงาโกรธจัดเจียมทำอะไรไม่ถูก
 
อ่านต่อหน้า 2

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 13 (ต่อ)

ทางด้านเดือนพยายามแก้เชือกที่มัดขาออก พร้อมกับมองหาทางหนีทีไล่ แม่เล้าเดินเข้ามาอีกครั้งมองสำรวจ

"ทำไมไม่กินข้าว รึว่าจะให้ฉันยัดใส่ปากให้ ถึงจะยอมกิน"
เดือนกลัว
"ยังไงซะคืนนี้แกก็ต้องขายตัวใช้หนี้ฉัน กินเข้าไปซะจะได้มีเรี่ยวแรงสู้กับไอ้พวกกำหนัดที่มันจะมาซื้อตัวเอ็ง"
แม่เล้ามองจิกก่อนออกไป เดือนมองตามก่อนจะหันมามองข้าวในกะลาที่ยังเหลืออยู่นิดหน่อย
"ใช่สิ กินข้าวจะได้มีแรง"
เดือนเอื้อมมือหยิบกะลาใส่ข้าวขึ้นมาตัดใจกินข้าวที่ติดอยู่ที่ก้นกะลาอย่างฝืดคอ
ผ่านเวลา เดือนแกะเชือกออกจากขาได้สำเร็จ เก็บผ้าหาญแอบยัดไว้ในอก แล้วรีบโผไปที่ประตูแอบมองหาทางหนี ประตูถูกใส่กลอนจากด้านนอก เดือนพยายามสอดมือลอดช่องประตูไปเพื่อปลดล๊อกกลอนประตู มีคนงานผ่านมา เดือนหลบวูบรีบกลับไปนั่งมุมเดิม เดือนคอยจ้องหาจังหวะปลดกลอนประตูอีกครั้งคราวนี้สำเร็จ ได้โอกาส เดือนวิ่งปรู๊ดออกไป แม่เล้าชายตามาเห็นพอดี
"เฮ้ย...อีนังทาสมันหนีไปแล้ว ตามไปเร็ว"
คนงานวิ่งไล่จับตัวเดือน เดือนวิ่งหนีสุดชีวิต แต่เจอชายฉกรรจ์ดักไว้ เดือนจนมุม แม่เล้าวิ่งตามมา
เดือนคว้าของใกล้มือที่หาได้เหวี่ยงไปมา
"อย่าเข้ามานะ"
"จับมันให้ได้"
เดือนดิ้นรนขัดขืน
"ปล่อยฉันนะ ปล่อย ปล่อย"
เดือนสู้ แม่เล้ามาถึงตบฉาด
"แรงเยอะนักรึมึง อีทาส"
เดือนจับที่หน้าด้วยความโกรธ เดือนไม่ยอมอีกต่อไป ถีบแม่เล้า
"แรงเยอะเพราะข้าวที่ให้ข้ากินยังไงเล่า ข้าเลยมีแรง"
เดือนสะบัดตัวหนีในขณะที่ทุกคนกำลังอึ้งๆกันอยู่ แม่เล้านั่งกองอยู่ที่พื้นหน้าเหวอ
"ตามไปสิวะไอ้พวกโง่ จับมันมาให้ได้"
เดือนทำลายข้าวของในซ่องโครมคราม วิ่งหนีออกมา แต่แล้วเจอคนงานตัวใหญ่อีกคนดักที่ประตู
แม่เล้ากุมท้องวิ่งตามมา เดือนยังไม่หมดฤทธิ์ คว้ากาละมังแถวนั้นขว้างปาใส่คนงานตัวใหญ่รวมทั้งแม่เล้าด้วย
จนในที่สุดคนงานก็จับตัวเดือนได้อีกครั้ง เดือนต่อสู้ดิ้นถีบไปมา แม่เล้าคว้ากรรไกรตัดผมที่อยู่ละแวกนั้นขึ้นมาขู่
"กูรึสู้อุตส่าห์ให้ข้าวให้ปลาเพื่อขุนให้เป็นผู้เป็นคน มึง ต้องขายตัวชดใช้ให้กูจำไว้"
"ไม่ ต่อให้ฆ่าฉันให้ตายฉันก็จะไม่ยอมทำงานเยี่ยงนี้"
"มึงอยากตายนักใช่ไหม"
แม่เล้าเข้ามาจิกหัวเดือนยกกรรไกรมาขู่ แต่เธอไม่กลัวตาย แม่เล้าเหลืออด คว้ากรรไกร เอามาตัดผม เดือนตกใจ
"กูไม่เอาไว้ทำอีตัวแล้ว กูจะกล้อนผมให้มึงดูไม่ได้ ใครที่ไหนจะชายตามาแลมึง"
"อย่านะ อย่า"
ผมเดือนหลุดล่วงลงพื้นเต็มไปหมด แม่เล้าหัวเราะสะใจ เดือนทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง
กำเศษผมที่พื้นน้ำตาร่วง
"ในเมื่อมันไม่อยากอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องอยู่"
เดือนได้ยินดีใจ
"เอามันไปขายต่อเป็นทาสแรงงานราคาถูกที่ไหนก็ได้ ไปให้พ้นๆ กูรำคาญ"
เดือนตกใจ แม่เล้าขว้างกรรไกรลงด้วยความไม่พอใจก่อนจะเดินออกไป
"ไม่เชื่องแบบนี้เลี้ยงไว้ก็เสียข้าวสุก ไม่น่าหลงเชื่ออีคุณนายบุหงาเลย ! จัดการมัน ซะ"
เดือนตะลึง คำว่าบุหงา ก่อนโดนคนงานชายชกเข้าที่ท้องน้อยสลบลงไป
หาญเดินเข้ามาที่เรือนครัว อยากถามเรื่องเดือน เอื้อยตักอาหารให้พวกทาสๆอยู่ หาญจะเข้าไป ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากก็เหลือบไปเห็นเมฆเดินเข้ามาในครัว
"หอมกลิ่นแกงคั่วฟุ้งไปถึงคุ้งน้ำแน่ะ ตักให้ฉันชิมสักจานสิจ๊ะ น้าเอื้อย"
เอื้อยโกรธมองหน้าเมฆ
"ไม่ ถ้าแกอยากจะกิน ก็ไปหากินที่อื่น ไป"
ดาวเหลือบเห็นหาญพอดี ก็ปรี่เข้ามา
"แหม น้าเอื้อยก็ มานี่เดี๋ยวฉันตักให้พี่เมฆเองจ้ะ"
ดาวจะตักข้าวให้ เมฆโดนเอื้อยเอาฝาหม้อปิดไว้ไม่ให้ดาวตัก ดาวยึดยื้อไปมา หาญเดินเข้ามา ดาวแกล้งหันมาเห็น
"คุณหาญ"
ทุกคนหยุดนิ่งก้มหน้า หาญเดินเข้ามาใกล้เมฆ
"อ้าว นายเมฆ...เมียไปไหนซะล่ะ"
"โอย... นังเดือนมันไม่ได้อยู่กับกระผมแล้วนี่ขอรับ มันหนีไปกับผู้ชายอื่นแล้ว อย่างมัน คงไม่เลือกว่าใครเป็นใครดอกขอรับ อี่นี่ มันเอาหมด"
มั่นแบกฟืนเข้ามาได้ยินที่เมฆพูดพอดี ทนไม่ได้ ตรงเข้ามาต่อยเมฆแบบไม่ทันตั้งตัว
"ไอ้ปากสวะ มึงพูดถึงน้องกูเยี่ยงนี้ได้อย่างไร มึงมันน่าจะเอาผ้าถุงคลุมหัวเดินนะ ไอ้เมฆ"
"มันเรื่องอะไรของมึงวะไอ้มั่น กูพูดเรื่องจริง มึงอยากมีเรื่องกับกูใช่ไหม มามึงเข้ามา"
มั่นชกเข้าให้อีกทีจนเมฆเซไป หาญเข้าห้าม แต่เมฆมีจังหวะติดพัน ปล่อยหมัดมาอีกเฉี่ยวโดนโหนกแก้มหาญ หาญเบี่ยงหลบแล้วสวนกลับเมฆลงไปกองเมฆไม่กล้าต่อยหาญเพราะเป็นนาย
"คุณหาญ"
"พอกันได้แล้ว อย่าใช้กำลังกันเลย เมื่อครู่ข้าติดพัน นายเมฆคงไม่ได้ติดใจใช่ไหม"
เมฆพยักหน้า
"ขอรับ"
"ฉันขอเถอะนะอย่ามีเรื่องมีราวอะไรกันอีกเลย เดี๋ยวความจะรู้ถึงหูคุณพ่อ พวกเจ้าจะพลอยโดนโบยกันหมด ฉันขอนะนายมั่น"
"ขอรับคุณหาญ"
"เป็นอันแยกย้ายกันทำการทำงานนะ ใครอยู่ที่ไหนก็ไปที่ของตัวเองซะ"

เมฆรีบหลบตากุมปากที่แตกเลี่ยงออกไปอย่างเสียมิได้ มั่นมองตามแค้นเคือง ดาวมองเหตุการณ์ยิ้มๆ อย่างสะใจ

ดาวดึงลูกประคบที่ต้มในหม้อดินออกมา ลูกประคบร้อนจนควันขึ้นฉุยๆ ดาวเอาวางใส่ชาม ยิ้มหมายจะเอาลูกประคบไปอังที่หน้าหาญ

เอื้อยตัดหน้า ดึงลูกปะคบออกจากมือดาว
"เอามานี่"
"อะไรกันน่ะ ฉันจะเอาไปปะคบแผลให้คุณหาญนะ"
"ร้อนฉึ่งแบบนี้มีหวังคุณหาญหน้าพังพอดี โง่แล้วอย่าอวดฉลาดหน่อยเลย ลูกประคบที่ไหนเค้าเอามาต้มกันแบบนี้ล่ะ เค้าใช้อังกับไอน้ำเอา ไม่รู้ก็หลีกไปไป๋ เกะกะ"
ดาวแอบเคือง แต่ไม่โต้ตอบเพราะหาญอยู่ หาญมองหาชื่น
"แล้วแม่ชื่นล่ะ ฉันไม่เห็นเลย"
" เออ แม่ชื่น เพิ่งโดนคุณท่านทำโทษที่แม่เดือนหนีไปเจ้าคะ ตอนนี้ประคบยาอยู่ด้านหลังโน้น" เอื้อยบอก
"คุณแม่ลงโทษแม่ชื่นเหรอ โธ่"
ดาวรีบเสแสร้ง
"โถ.. น้าชื่น ทำไมน้าเอื้อยไม่บอกฉันจ๊ะ ฉันต้องคอยดูแลน้าชื่นแทนนังเดือนมัน น้าชื่นก็เหมือนของแม่ฉันอีกคนนะ"
เอื้อยมองดาวหมั่นไส้
"แล้วแม่เอื้อย ได้ข่าวแม่เดือนบ้างไหม"
"เออ ไม่เลยเจ้าคะ คุณหาญ"
หาญแอบเศร้า อ่ำวิ่งเข้ามาที่ครัวหอบเหนื่อย หาญหันไปมอง
"คุณหาญขอรับ คุณหาญ"
"มีอะไรรึ นายอ่ำ"
"นายท่านให้กระผมมาตามคุณหาญกับพวกทาสสาวๆ ขึ้นไปที่เรือนใหญ่ขอรับ"
"แล้วแม่เอื้อยล่ะ"
"นายท่านบอกเน้นว่ากับพวกทาสสาวๆขอรับ ไม่ใช่แก่เหนียงยาน"
"ไอ้อ่ำ"
" งั้นเราขอตัวก่อนนะ" หาญบอก
หาญลุกเดินออกไป ดาวมองตามรีบหันมาพูดจีบปากจีบคอ
" ฉันคงต้องตามคุณหาญขึ้นเรือนไปนะจ๊ะ เพราะนายท่านเน้นว่าทาส..สาว"
ดาวตาวาวยิ้มเยาะเย้ย จัดผมเผ้าเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางเดิน เชิดผ่านหน้ามั่นและคนอื่นไปอย่างเชิดฉาย
เมื่อหาญกับดาวออกไป มั่นปรารภกับเอื้อย
"ฉันว่านังเดือนไม่ได้หนีไปเพราะติดผู้ชายที่ไหนแน่"
"ฉันก็คิดเช่นเดียวกับเอ็งนะไอ้มั่น ข้าว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่"
"ข้าจะสืบข่าวเรื่องนังเดือน ข้าต้องรู้ให้ได้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
เอื้อยกังวล มั่นแน่วแน่ในความคิด

โถงกลางของเรือนใหญ่ บ่าวไพร่กำลังจัดของกำนัลจำพวกพวกเครื่องลายครามลงหีบ บ้างก็ห่อผ้าอยู่
"ระวังๆกันหน่อย ของจากเมืองจีนราคาโขอยู่อย่าให้มีรอยด่างพร้อยเชียวล่ะ เดี๋ยว เจ้าพระยาขรรค์ชัยจะตำหนิข้าได้" เจ้าสัวแสนว่า
ซินแสเทียนมาช่วยจัดนี่นั่นโน่นอยู่ใกล้เจ้าสัว แสนมองทาสหญิงที่จะให้ช่วยยกไป ดาวคอยตรวจเช็คของในลังในหีบ
"นับให้ครบล่ะนังดาว"
ดาวทำท่าเรียบร้อยเอาการเอางานสุดฤทธิ์
"เจ้าค่ะนายท่าน"
แสนไม่เห็นเดือน หันถามพวงแก้วที่นั่งขัดกำไลหยกอยู่
"นี่นังเดือนมันหายไปไหนซะล่ะ ทำไมไม่มาช่วยคนอื่นๆเค้า"
พวงแก้วอึกอักเหลือบมองซินแส เทียนพยักหน้าให้ตอบไปก่อน แก้วเลยตอบแบบขอไปที
"มันจะไปไหนก็ช่างมันเถอะเจ้าค่ะ แม่ดาวก็มีฝีมือเตรียมของต่างๆได้ ละเอียดละออพอกัน ใช่ไหมแม่ดาว"
"เจ้าคะ คุณแก้ว"
กล้าเดินเข้ามาเห็นทุกคน ช่วยกันจัดแจงเรื่องข้าวของขออาสาช่วย
"โอโห จัดของกันชุดใหญ่เชียว ครานี้จะไปให้ใครรึขอรับคุณพ่อ มีอะไรให้กระผมช่วยไหมขอรับ"
"ไม่ต้องหรอก ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไป ไปทำงานที่ร้านเถิดไป เดี๋ยวจะสาย"
"ขอรับ"
กล้าน้อยใจแอบไปทางหนึ่ง หยกกำลังบรรจุของลงหีบแอบมองกล้าอย่างสงสาร ซินแสเทียนแอบมองอย่างหวั่นใจ

มุมลับตาคน มุมหนึ่งในใต้หล้า กล้ายืนทอดอารมณ์อยู่เพียงคนเดียว หยกตามมาปลอบใจกล้า
"หากน้องระทมทุกข์อยู่ในใจ ขอให้พี่หยกคนนี้ได้แบ่งความทุกข์จากน้องให้ทุเลาลง ได้บ้างไหม"
กล้าหันมามองหยก
"พี่หยก พี่รู้รึว่าข้ารู้สึกเช่นไร"
"ที่พี่ไม่พูดใช่ว่าพี่จะไม่รู้สึกรู้สาใดๆ หากน้องน้อยใจที่ไม่มีใครเข้าใจ พี่อยากจะบอกกับน้องให้รับรู้ว่ายังมีพี่หยกหนึ่งคนที่พร้อมจะเข้าใจน้องกล้าเสมอ"
หยกเผยความนัยกล้ามองมือหยกที่จับมือกล้าอยู่แล้วมองหน้าหยกสองคนส่งสายตาให้แก่กัน เสมือนหยุดเวลาอยู่เพียงแค่สองเราเท่านั้น
"แค่มีพี่หยกคอยเป็นกำลังใจ ต่อให้กล้าเจอะเจออะไรที่หนักหนาสาหัสเพียงใด กล้าก็จะไม่หวั่น"
"พี่อยากให้กำลังใจน้องกล้ามากกว่าคำพูด หากแต่น้องกล้าจะรับมันไว้หรือไม่"
สองคนมองตากัน มีแรงดึงดูดให้หา จูบกันโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น มีเสียงโครม กล้าหยกหันไปทางที่มาของเสียง เจอซินแสเทียนยืนทรงตัวไม่อยู่เอามือยันโดนของ ตัวหล่นพื้นดังโครม พลางสบถด้วยความตกใจ
" คุณกล้า อาหยก พวกลื้อ"
กล้ากับหยกรีบวิ่งเข้าไปหา ประคองซินแสลุกขึ้น
"เมื่อตะกี๊..พวก...พวก..ลื้อ"
กล้ายกมือไหว้ซินแส
"โปรดเข้าใจเราทั้งสองคนด้วยเถอะขอรับ"
หยกพนมมือไหว้ซินแสอีกคน
"ขอให้เห็นใจและเข้าใจเราทั้งคู่ด้วย เราสองคนรักกัน ขอรับอาเจ็ก " -ซินแสเทียนตบหน้าหลานชาย
"อั๊วเตือนลื้อแล้วนะอาหยก ว่าอย่ายุ่งกับอี"
"อย่าโทษพี่หยกเลยขอรับ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษกระผมด้วย ความรักมันห้ามกันมิได้ดอกขอรับ" ซินแซเทียนปวดใจเหลือเกิน กำมือแน่น กัดฟันพูด
"ถือซะว่า อั๊วไม่รู้ไม่เห็นเรื่องใดๆของลื้อทั้งสองคน ไม่รู้ ไม่เห็นทั้งนั้น อาหยกลื้อรีบ กลับไปทำงานได้แล้ว คุณกล้าก็เหมือนกัน รีบไปที่ร้านเถอะ เดี๋ยวท่านเจ้าสัวมาเห็นเข้าจะกริ้วเอาได้"
หยกกับกล้ามองตากันก่อนจะแยกกันไป
ซินแสเทียนจับหัวใจจะเป็นลมให้ได้
"หากจะโทษก็คงต้องโทษชะตาฟ้าลิขิตสินะ... ไอ๋หยะ"
ซินแสเทียนหันไปเจอดาวยืนยิ่มเย้ยมองอยู่ ซินแสเทียนอึ้ง นิ่งงัน
"ซี๊เลี้ยวอ๋า"

ซินแสเทียนหน้าซีดเผือด
 
อ่านต่อหน้า 3

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 13 (ต่อ)

อีกมุมหนึ่ง บริเวณศาลาท่าน้ำ ซินแสเทียนนั่งพิงเสาหมดแรงเป็นกังวลกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่

"ซี๊แน่ๆ อาหยกนะอาหยกทำไมต้องทำเรื่องบัดสีเยี่ยงนี้ก็ไม่รู้ ข้าจะเอาหน้าไป แทรกที่ไหนกันล่ะทีนี้"
ซินแสเทียนกลุ้มใจกุมขมับทั้งสองข้างด้วยความกลัดกลุ้ม
ดาวทำทีสงบเสงี่ยมเจียมตัวเดินเข้ามาหาซินแส เทียนสะดุ้งเฮือก
"ไอ๋หยะ.... อาดาว ลื้อ"
"ไม่ต้องตกใจดอกซินแสเจ้าคะ สิ่งที่บ่าวเห็น สิ่งที่บ่าวรู้ บ่าวจะไม่บอกใครดอกเจ้า ค่ะ บ่าวก็คนของใต้หล้า อยากให้ใต้หล้ามีความเจริญ ดวงย่อมเป็นไปตามดวงมิใช่ หรือเจ้าคะ"
"ที่เจ้าว่ามามันก็ถูก"
"จะคุณกล้ารึว่าคุณหาญทั้งสองคนต่างก็เป็นนายน้อยของใต้หล้าอยู่วันยันค่ำ เรื่องคุณกล้าบ่าวจะไม่พูดให้เสื่อมเสีย ซินแสเทียนอย่าได้กังวลใจ อย่าได้คิดว่าเรื่องนี้บ่าวจะปูดไปทั่วจนรบกวนสมาธิซินแสเทียนเลย"
"เจ้ารู้และเห็นทุกอย่างรึ"
ดาวพยักหน้ารับ ซินแสเทียนหนักใจ
"เชื่อใจบ่าวเถ่อะเจ้าค่ะ ตอนนี้ที่บ่าวกังวลคือนังเดือนมากกว่า นังเดือนที่ท่านว่าเป็น คู่หนุนบารมีกับคุณหาญบัดนี้นังเดือนหายตัวไปจากใต้หล้า ดวงชะตาของคุณหาญจะเจอะเจอกับผู้ใดมิอาจรู้ ใต้หล้าคงต้องพึ่งท่านให้ช่วยตั้งสมาธิเฟ้นชะตาหาคนมีคู่มาเสริมดวงคุณหาญต่อไป จริงไหมเจ้าคะ"
ซินแสเทียนอึ้งๆ มองดาวอย่างทึ่งในความคิดอ่าน ดาวแสร้งตบตาซินแสสุดฤทธิ์ แอบยิ้มในที

ซินแสเทียนมองหยกกำลังช่วยมั่นแพคของลงหีบวางเรียง ทั้งหยกและซินแสเทียนต่างเป็นกังวล แสนเข้ามาทัก ซินแสสะดุ้งเฮือก
"ไอ๋หยะ"
"ตกใจอะไรกัน ข้าจะชวนท่านไปเยี่ยมพระยาขรรค์ชัยด้วยกันสักหน่อยเผื่อจะได้ ทำนายทายทักสิ่งต่างๆให้ข้าพลอยชื่นอกชื่นใจได้บ้าง"
ซินแสเทียนอึกอักเหงื่อตก พวงแก้วมองดูซินแส
"เป็นอะไรไปรึดูหน้าท่านซินแสเทียนซีดเชียว"
"เอ่อ...ข้าไม่ค่อยสบายน่ะ เห็นทีงานนี้คงต้องขอตัว ท่านคงไม่ว่ากระไรนะ"
"ข้าจะว่ากะไรได้ นี่ก็เตรียมข้าวของเสร็จสิ้นละข้าจะออกเดินทางไปเสียที เชิญท่านกลับไปพักผ่อนก่อนจะดีกว่า"
ซินแสเทียนตั้งท่าจะลุกออกไป แสนหันไปทางหยกมองหากล้า
"เจ้าหยก เจ้ากล้าไปไหนเสียแล้วนี่"
"คุณกล้าไปที่ร้านแล้วขอรับนายท่าน"
"อ้อเหรอ งั้นเจ้าก็ไปช่วยเจ้ากล้าที่ร้านเถอะ"
ซินแสเทียนเซถลาด้วยความตกใจ
"อุ๊ยตายซินแสเจ้าคะ...ระวังเจ้าค่ะ"
หยกรีบเข้ามาประคองซินแสเทียน ดาวแอบขำ
"ดูท่าทางซินแสถ้าจะเดินไม่ไหวนะเจ้าคะ" พวงแก้วว่า
"ไหวไหมท่านซินแส"
"เอ่อ...ถ้าจะไม่ไหวแน่ๆ ข้าขอให้เจ้าหยกช่วยพยุงข้าไปจะดีกว่า"
"เอาอย่างนั้นก็ตามใจ เจ้าหยกดูแลซินแสเทียนดีๆล่ะ"
"ขอรับนายท่าน"
หยกประคองซินแสเทียนออกไป ก่อนออกไป ซินแสเทียนแอบมองดาวที่รู้เรื่องนี้ แต่ดาวทำเป็นไม่รู้เรื่อง ซินแสเบาใจออกไป ดาวแอบขำแสยะปากหัวเราะในลำคอ ฮึฮึ
ดาวรำพึงคนเดียว
"เสร็จกูแน่"
หาญเดินเข้ามาหาแม่ อ่ำตามเข้ามา
"ลูกพร้อมแล้วขอรับ"
"ดี งั้นก็รีบออกเดินทางกันเถอะ"
เจ้าสัวแสนบอกให้ทุกคนไปบ้านพระยาขรรค์ชัย

เจียมชะเง้อมองดูบนเรือนใหญ่ที่ทยอยขนของกำนัลลงเรือนไป เจียมบอกบุหงาที่เอนหลังพักสายตาอยู่
"คุณบุหงาเจ้าขา พวกเรือนใหญ่ออกกันไปหมดแล้วเจ้าค่ะ"
บุหงาค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา
"ขนกันไปซะให้หมด อีพวกผู้ดีแปดสาแหรก อย่าให้ถึงคราฉันบ้างนะอีนังแก้ว แม้แต่ที่ซุกหัวนอนฉันก็จะไม่เหลือไว้ให้หล่อนเลยคอยดู"
"ว่าแต่คุณจะทำอะไรเหรอเจ้าคะ"
"กำจัดทุกอย่างที่มันเป็นเสี้ยนเป็นหนามยอกอกฉันให้สิ้นซากยังไงเล่า"
เจียมทำหน้างง บุหงาหน้าร้ายๆพร่ำกับตัวเอง
"ความลับ มันต้องเป็นความลับไปจนวันตาย นังเว่ยชิง"

พระยาขรรค์ชัยลงนั่งที่เรือนรับรองภายในบ้านของตน เจ้าสัวแสน พวงแก้วและหาญ นั่งรออยู่ พร้อมเหล่าบริวารที่ขนข้าวของมากำนัล
"ลมอะไรหอบท่านเจ้าสัวและครอบครัวมาจนถึงนี่ได้ล่ะเนี่ย"
แสนหัวเราะ
"วันนี้ฤกษณ์งามยามดีเหมาะกับการเยี่ยมเยือนกระผมเลยตั้งใจจะพาบุตรชาย ของกระผมมาฝากเนื้อฝากตัวกับเจ้าพระยาน่ะขอรับ"
หาญไหว้ขรรค์ชัยอย่างนอบน้อม
"สวัสดีขอรับ"
"อืม เจอกันอีกแล้วนะพ่อหาญ แล้วอีกคนล่ะ ท่านเจ้าสัวไม่พามาด้วยรึ"
แสนไม่อยากพูดถึงกล้า พวงแก้วเห็นอาการแสนจึงตอบแทนสามี
"วันนี้พาเพียงลูกหาญ มาเยี่ยมท่านเท่านั้นเจ้าค่ะเพราะคนโตมัวแต่ทำการค้าการขายกับทางเมืองจีนอยู่เจ้าค่ะ"
ขรรค์ชัยฟังพวงแก้วเจรจาก็ยิ้มชอบใจ แสนเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าประเด็น
"เอ่อ..คือ..กระผมอยากให้บุตรชายได้เข้ารับราชการสักคน หากท่านเมตตากระผมก็อยากจะฝากลูกหาญเข้ามาช่วยงานของท่านตามแต่ท่านจะ เห็นควร"
ขรรค์ชัยยิ้มๆ
"ไอ้ช่วยงานฉันน่ะช่วยได้อยู่แล้ว แต่ฉันยังไม่รับปากดอกนะว่าจะรับเข้าราชการหรือไม่"
เจ้าสัวแสนรีบเขี่ยต่อ
"ได้มิได้คงต้องแล้วแต่ชะตาของเจ้าตัวนั่นแหล่ะขอรับ ซินแสเทียนเคยทำนายไว้ว่า ลูกชายกระผมจะได้รับใช้ผู้มีบุญวาสนากระผมเองก็มองไม่เห็นใครเลยนอกจากท่านเจ้าพระยาขรรค์ชัยแต่เพียงผู้เดียว"
เจ้าคุณพอใจหัวเราะร่วน แสนรีบชงต่ออีก
"เมื่อวานเรือสินค้าจากจีนนำของมาส่ง กระผมเห็นว่าเหมาะกับท่านก็เลยนำมาฝาก แม่แก้วนำของมาให้ท่านเชยชมสิ"
"เจ้าค่ะ" พวงแก้วหันบอกบริวาร "นำของเข้ามาสิ"
อ่ำ ดาว และบ่าวอีก 2 คน ต่างทยอยขนของไปกองตรงหน้าเจ้าคุณ ระหว่างนั้น ขรรค์ชัยปรายตาเป็นประกายไปทางดาวที่สาวสวยสะดุดตา ดาวรู้ตัวทำทีท่าเอียงอายนิดๆพองาม
"ของเล็กน้อยเหล่านี้หวังว่าท่านเจ้าพระยาคงถูกใจกระมัง"
"ข้าขอบใจท่านเจ้าสัวกับแม่แก้วมาก อย่างไรเสียข้าจะลองพิจารณาดูก็แล้วกัน"
แสนยิ้มแก้มปริดีใจหันมาจับมือกับพวงแก้ว
"ขอบพระคุณท่านเจ้าพระยาเป็นอย่างยิ่งที่เมตตา กระผมจะรอรับข่าวดีจากท่านนะขอรับถ้าเยี่ยงนั้นกระผมไม่รบกวนเวลาท่านดีกว่าขอตัวลากลับก่อนนะขอรับ"
"อ่อ งั้นเชิญ"

แสน แก้ว หาญไหว้ลาขรรค์ชัย เจ้าคุณไหว้รับ คล้อยหลังไป ขรรค์ชัยมองดูของกำนันก่อนจะเรียกบ่าวมาเอาไปเก็บ

ระหว่างทางที่กำลังลงจากเรือน กลุ่มแสนเดินสวนกับแขกอีก 2 คนที่ขนของมากำนัลมากกว่าที่แสนขนมาเสียอีก แสนมองไม่พอใจ


หาญเห็นอาการเจ้าสัวรีบเข้ามาบอกพ่อกับแม่
"คุณพ่อคุณแม่ขอรับ ลูกว่าหากเจ้าพระยาจะไม่รับลูกก็ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ลูกจะหาทางสอบเข้ารับราชการเองให้ได้ขอรับ"
แสนหันขวับมองหาญ พวงแก้วดึงแขนเจ้าสัวไว้ให้ใจเย็น ดาวรีบเสนอหน้าขึ้นพูด
"คุณหาญเป็นคนดวงดี อย่างไรเสียก็ต้องได้รับราชการเป็นแน่เจ้าค่ะ"
พวงแก้วและแสนพอใจว่าดาวพูดดีเป็นมงคล
"เอ็งนี่มันช่างเจรจาเสียจริงนะนังดาว"
ดาวยิ้มอายๆ และหันไปมองที่เรือนพระยา

บรรยากาศในหอจันทร์ฉายในตอนกลางวันดูเงียบเหงา ภายใน พวกสาวๆช่วยกันจัดที่จัดทาง บ้างก็นั่งแต่งหน้าทาปากกันไปมาเพราะยังไม่เปิดร้าน
บุหงาผลักประตูบุกเข้ามาในหอจันทร์ฉาย โดยมีเจียมตามเข้ามาด้วย ทุกคนหันมามอง
"เจ๊เว่ยชิงอยู่ไหน"
นาง 1 บอก
"หอจันทร์ฉายยังไม่เปิด"
"อยากให้ฉันปิดมันไปจนวันตายไหม ไปตามเว่ยชิงมาพบฉันเดี๋ยวนี้"
นาง 1 กับคนอื่นๆมองหน้ากัน เจียมเบ่งต่อ
"ไปสิ ไม่ได้ยินรึไง"
"เอะอ่ะอะไรกันวะนังพวกนี้ แขกเข้าร้านแล้วรึยังไง"
เว่ยชิงเปิดม่านออกมาเพราะได้ยินเสียงโวยวาย เมื่อโผล่พ้นม่านมาก็เจอเข้ากับบุหงาที่นั่งตาถมึงทึงอยู่
"ไอ๋หย๋า...นี่ลื้อเข้ามาในนี้ทำไม อาบุหงา"
"ฉันเคยบอกเจ๊แล้วใช่ไหม ว่าให้ต่างคนต่างอยู่ แล้ว ทำไมเจ๊ยังตามมารังควานฉันอีก"
"พูดให้มันดีๆนะ อั๊วไปรังควานอะไรลื้อห๊า"
"หนอย.. ทำไม่รู้ไม่ชี้ ก็ที่เจ๊ล่อลวงเจ้าสัวมาค้างอ้างแรมที่นี่มันหมายความว่ายังไง ถ้าไม่เรียกว่ารังควานน่ะ ตอบมาซิ"
เว่ยชิงตกใจที่บุหงารู้ แต่ต้องทำกลบเกลื่อนสู้
"ลื้อคิดว่า อั้วอยากจะให้ผัวลื้อมาเหยียบที่นี่นักรึ อาบุหงา เชอะ ลื้อก็น่าจะรู้นะว่าที่นี่มันมีความลับอะไร"
"ใช่ ความลับที่ฉันบอกเจ๊หลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่เจ๊ก็ไม่ทำตามมัน เจ๊อยากลองดีกับฉันใช่ไหม"
"เรื่องทุกวันนี้ไม่ได้เกิดจากอั้ว แต่เกิดมาจากลื้ออาบุหงา ลื้อเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ถ้าลื้อไม่อยากให้ความแตก เพราะผัววิ่งแล่นมาที่นี่ ลื้อก็เอาโซ่ล่ามผัวไว้สิ อีจะได้ไม่หนีไปไหน รึว่าไม่มีลื้อน้ำยา จะรั้งผัวไว้ซะแล้ว"
"เจ๊เว่ย !"
บุหงาโมโหจิกหัวเว่ยชิงด้วยความโกรธแล้วตบฉาดๆๆๆ นางโลมอื่นตกใจวี้ดว้าย
"อ๊าย !"
ฟ้าหยาดโผล่ออกมาเห็นตกใจ
"ว๊าย...ช่วยด้วย อีบุหงา อีนรกมาเกิด ลื้อตบอั้ว"
"ไม่มีน้ำยางั้นรึ นี่แน่ะฉันจะตบแกให้กระอักเลือดตรงนี้แหล่ะอีเว่ยชิง"
ฟ้าหยาดเข้ามาคว้าข้อมือบุหงา
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
บุหงาอึ้ง

ภายในร้าน สาวๆเริ่มกระจัดกระจายออกเหลือเพียง บุหงา เว่ยชิง ฟ้าหยาด เจียม เท่านั้น บุหงาจ้องมอง ฟ้าหยาดสะบัดมือออก
"ไม่ใช่เรื่องของแกอย่ามาแส่ อยากจะโดนเหมือนอีนังเว่ยชิงรึไง"
"ก็ลองดูสิ ฉันก็มีมือมีตีนเหมือนกัน"
เว่ยชิงตกใจที่เห็นแม่ลูกจะสู้กัน เธอรีบห้ามฟ้าหยาด
"อาฟ้าหยาด มันไม่ใช่เรื่องของเด็ก ลื้อหลบไป"
"มันไม่ใช่เรื่องของฉันได้ยังไง ก็นังแก่นี่ มันมาตบอาเว่ยแบบนี้ ฉันไม่ยอม ... ว่าไงอีแก่ อยากลองดีใช่ไหม"
"ปากดีนักนะแก อย่างนี้ต้องตบสั่งสอนสักหน่อย" บุหงาหันสั่งเจียม "อีเจียมจับ"
เจียมเข้าไปล๊อกแขนจากด้านหลัง ฟ้าหยาดพยายามจะดิ้นหนีบุหงาปรี่เข้ามาตบ ฟ้าหยาดเอี้ยวตัวหลบกลายเป็นเจียมรับเคราะห์แทนจนเซไป
"อ๊าย"
ฟ้าหยาดจับข้อมือบุหงาเหวี่ยงไปชนกับเจียมหัวบุหงากระแทกขอบโต๊ะเลือดไหลซิบๆ ฟ้าหยาดตั้งตัวได้ปรี่เข้าไปจะตบ แต่เว่ยชิงรีบโผไปดึงมือฟ้าหยาดไว้
"อย่า !อาฟ้าหยาด อย่าทำ"
ฟ้าหยาดมองเว่ยชิงอย่างงงๆ
"อาเว่ยจะห้ามทำไมมันตบตีพวกเราก่อนนะ"
"อั้วบอกให้ลื้อหยุด ได้ยินไหม"
"อั้วต้องการเหตุผล"
"ไม่มี นี่นังบุหงาถ้าลื้อไม่อยากตายอยู่ที่นี่ก็ รีบไปซะก่อนที่อั้วจะห้ามนังเด็กนี่ไม่อยู่ ออกไป"
บุหงาจับหน้าผากที่กระแทกมีเลือดมองด้วยความแค้น
"ฉันไปแน่ แต่จำไว้นะว่าอย่าสะเออะมายุ่งเกี่ยวกับใต้หล้าอีก ไม่งั้นฉันไม่ไว้หน้าแกแน่อีเว่ยชิง ฉันจะเผาที่นี่ไม่ให้เหลือซากเลยทีเดียว"

บุหงาสะบัดหน้าเดินออกไป เจียมรีบตามไป ฟ้าหยาดมองตามด้วยความโกรธ หันไปเห็นเว่ยชิงเดินเข้าในร้านไป ฟ้าหยาดรีบตามไป
 
อ่านต่อหน้า 4

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 13 (ต่อ)

เว่ยชิงเดินเข้ามาในห้องอย่างอ่อนแรง ฟ้าหยาดโกรธวิ่งตามเข้ามา

"อาเว่ยทำไมต้องห้ามฉันด้วย ฉันอยากจะฟาดปากมันนัก"
"ฉันบอกให้หยุด"
"อาเว่ยมันรังแกอาเว่ยนะ นังนั่นมันร้ายจะตายแค่มองฉันก็รู้สึกได้ว่านังนั่นไม่ใช่ คนดีอะไรนักหรอก ทำไมอาเว่ยต้องปกป้องมันด้วย"
เว่ยชิงไม่สามารถอธิบายสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมาได้ จึงทำได้เพียงโวยวายเพื่อให้ฟ้าเลิกซักเลิกถาม
"โอย พอทีอย่าถามอะไรนักเลย จะไปไหนก็ไปไป๋ อั๊วปวดหัว"
เว่ยชิงลุกขึ้นมาดันฟ้าหยาดออกไป แล้วทรุดนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง
"มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของอั๊วเนี่ย กลืนไม่เข้าคายไม่ออก โอย อั๊วอยากตายจริงๆ"
เว่ยชิงนั่งคอตกอยู่กับพื้นห้อง

ซินแสเทียนมือไม้สั่นจุดธูปไหว้เจ้า เสียใจที่มีเรื่องเสื่อมเสียโดยหลานตัวเองกับกล้า
ทันใดนั้น กล้าก็เข้ามาที่ศาลเจ้าเพื่ออธิบายกับซินแสเทียนเรื่องความรักระหว่างเขากับหยก
"ซินแสขอรับ"
ซินแสเทียนสะดุ้งฮวบอีกแล้ว
"ไอ๊หยะ...อาคุณกล้า ลื้อมาที่นี่ทำไม"
ซินแสเทียนผวา กล้าเข้ามาใกล้
"เรื่องวันนี้ กระผมไม่มีข้อแก้ตัวใด แต่ทั้งหมดที่ท่าน เห็นมันมาจากหัวใจของกระผมและพี่หยกจริงนะขอรับ"
ซินแสตาโตตกใจอีกครั้ง อึ้งไป กล้ามองหาหยก
"กระผมขอพบพี่หยกจะได้ไหมขอรับ"
ซินแสเทียนอ้ำอึ้ง
"เห็นทีจะมิได้หรอกนะคุณกล้า"
กล้าทรุดตัวลงขอร้องให้ซินแสเทียนเข้าใจ
"กระผมขอร้องขอให้กระผมได้พบกับพี่หยกด้วยเถอะขอรับ ท่านซินแส"
เทียนเบือนหน้า พูดไม่สบตาเพราะสงสารกล้า
"จำคำทำนายที่อั๊วเคยบอกได้หรือไม่ว่า ดวงของท่านจะนำความบัดสีมาสู่ใต้หล้า เพลานั้นอั๊วก็คิดแค่ว่าเรื่องบัดสีในดวงจะเป็นเยี่ยงไรกัน แต่เพลานี้อั๊วรู้แล้วว่ามันคืออะไร"
" ความรักของกระผมที่มีต่อพี่หยกบัดสีตรงไหนขอรับ"
เทียนอึ้ง
"อั๊วพูดชัดเจนเยี่ยงนี้ ท่านยังมุ่งมั่นในรักไม่รู้จักว่ามันผิดประเพณี"
"ใครเป็นคนกำหนดว่ารักเยี่ยงไหนกันที่ถูกที่ควร หากมันเป็นความต้องการของคนสองคน มันก็ไม่ควรจะมีใครมากะเกณฑ์ว่าผิดรึถูก กระผมต้องการพบพี่หยก พี่หยกอยู่ที่ใด"
ซินแสเทียนอึ้งไม่ตอบใดๆ ไม่คิดว่ากล้าจะจริงจังขนาดนี้
กล้าเดินดูทุกซอกมุมในศาลเจ้า แต่ไม่เจอหยก
"คุณกล้าไม่ต้องหาอาหยกให้เสียเวลาหรอกต่อไปนี้พวกลื้อจะไม่ได้เจอกันอีก อั๊วส่งอาหยกไปอยู่ปากน้ำโพแล้ว"
กล้าตะลึง

ท่าเรือใหญ่ มีเรือจ้าง เรือขนข้าว มีผู้คนเดินผ่านไปมา รถสามล้อวิ่ง ร้านค้าคนจีนก็มีมาซื้อของ
แลกเปลี่ยนกัน กล้าลงจากรถลาก และเดินมาตามหาหยกที่ท่าเรือ ร้องหาพี่หยกๆ
มุมหนึ่ง เดือนโดนลากมาตามทาง จะส่งขึ้นเรือ เดือนโดนสาดน้ำให้ได้สติ เธอจะโดนลากไปลงเรือลำหนึ่งซึ่งมีแต่ทาสนั่งกันอยู่
"ไม่ไป ช่วยด้วยๆๆ"
เดือนเหลียวไปทางหนึ่ง เห็นกล้าอยู่อีกท่าเรือหนึ่ง

หยกอยู่ในเรือ กล้าจะลงสะพานเทียบท่าเรือ แต่คนงานเรือไม่ให้กล้าลง
"ลงไปไม่ได้"
"ข้ามาตามหาคน"
"อย่ามาตบตาข้าหน่อยเลย หากไม่มีอัฐก็ลงไปไม่ได้"
กล้าคลำกระเป๋าเสื้อกางเกงมีแค่เศษเหรียญไม่กี่แดงจึงควักให้คนเรือ
คนเรือมองเศษสตางค์แดงในมือหัวเราะ
"แค่นี้จะไปพออะไรเรือนี่ไปปากน้ำโพนะมิได้ เรือข้ามฟาก"
คนเรือดันกล้าออกไป
เดือนร้องให้กล้าช่วย
"คุณกล้าช่วยเดือนด้วย คุณกล้า คุณกล้า"
แต่กล้าไม่ได้ยินเพราะมัวแต่ทะเลาะเสียงดังกับคนเรืออยู่ แม่เล้าสั่งคนงาน
"เฮ้ย ปิดปากอีนังนี่ทีวะ แหกปากอยู่ได้แล้วก็ลากมันลงเรือไปซะ"
อีกมุม คนงานเรือชักสะพานเรือขึ้นกล้าตะโกนสุดเสียง
"พี่หยก พี่หยกได้ยินฉันไหม พี่หยก"
หยกอยู่ในเรือได้ยินรีบแทรกคนออกมามองเห็นกล้าที่ท่าเรือ
"น้องกล้า"
เรือค่อยถอยห่างจากท่า กล้าอยู่บนฝั่งเห็นหยกออกมาก็ดีใจจนน้ำตาไหลได้แต่ร้องเรียกอยู่บนฝั่ง
"พี่หยกพี่รู้ไว้นะเราแยกจากกันเพียงร่าง แต่ใจของกล้าจะติดตามพี่ไปเสมอ กล้ารักพี่หยก กล้าสัญญาจะตามหาพี่ให้เจอ พี่สัญญากับกล้านะ ว่าเราจะอยู่ร่วมกัน"
หยกน้ำตาหยกไหลอาบแก้ม
"พี่สัญญา"
เรือของหยกลอยออกไปกลางเจ้าพระยา มุ่งหน้าทวนน้ำสู่ปากน้ำโพ
กล้าน้ำตาเอ่อมองเรือจนลับตา พอหันหลังกลับ ได้ยินเสียงเรียก
“คุณกล้า”
เสียงเรียกยังคงดังแว่ววมา กล้าเร่งรีบตามไปยังที่มาของเสียง
เดือนถูกปิดปากลากไปทางหนึ่ง พยายามใช้เสียงตะโกน
"อื้อๆๆ"
เดือนฮึดลูกสุดท้าย ดิ้นหนีแม่เล้าและคนงานออกมา
แม่หญิงบุษบาบรรณที่เดินซื้อของอยู่ริมท่าน้ำ เดือนวิ่งหนีโดนสะกัดหน้าคะมำมากองแทบเท้า บุษบาบรรณประคองขึ้นมา เห็นหน้าเดือนในสภาพที่โดนกล้อนผมจนสั้นตกใจ
"แม่เดือน"
เดือนตัวสั่นด้วยความกลัวลนลาน ระล่ำระลักบอกท่านหญิง
"แม่หญิง...ช่วย...เดือ..น..." แต่ยังไม่ทันจะพูดแม่เล้าก็เข้ามากระชากเดือนไป
"อีตัวดีมานี่เลย"
บุษบาบรรณไม่พอใจเข้าห้าม
"ทำไมต้องทำรุนแรงเยี่ยงนี้ด้วย"
"หมูเค้าจะหามอย่าเอาคานเข้ามาสอด ข้าจะฆ่าจะแกงเยี่ยงไรมัน ก็เรื่องของข้า คนอื่นไม่เกี่ยวข้าซื้อมันมามันเป็นของของ"
แม่เล้าจิกหัวเดือนลากให้ตามไป บุษบาบรรณมาขวางอีกครั้ง
"ชีวิตแม่คนนี้กี่อัฐกี่เฟื้องกัน"
แม่เล้าถ่มน้ำลาย
"อีขี้ข้าม้าคร่อกสันดานดื้อด้านเยี่ยงนี้เลี้ยงไม่เชื่องยังจะเอาหรือ 3 ตำลึงก็คงไม่มีใครจ่ายให้มัน"
บุษบาบรรณโยนถุงอัฐให้ในทันที บุษบาบรรณหุบร่มลูกไม้ลงแล้วพูดกับแม่เล้า
"ในถุงนั้นมีอยู่10 ตำลึง 3 ตำลึงเป็นค่าตัวนังทาสคนนี้ ส่วนอีก 7 ตำลึงเอาไว้เป็น ค่ารักษาตัวเจ้า"
ว่าแล้วบุษบาบรรณก็สำแดงฤทธิ์ ดึงเดือนออกมา แล้วจัดการเอาร่มฟาดที่ปากแม่เล้าสั่งสอน แม่เล้าอึ้ง คนงานของแม่เล้าจะเข้ามาทำร้าบุษบาบรรณ แต่บริวารเข้ามาขวางจัดการกันตุ๊บตับสาละวน
แม่เล้าตั้งสติได้จะเข้าทำร้ายบุษบาบรรณ แต่ไม่ทันที่แม่เล้าจะอ้าปากด่า บุษบาบรรณก็ฟาดร่มใส่อีกครั้งจนแม่เล้าน่วมลงไปกองกับพื้น แม่หญิงทำท่าจะฟาดซ้ำ แม่เล้ารีบลนลานเก็บเงินแล้วหนีไป
เดือนอึ้ง มองหน้าบุษบาบรรณน้ำตาเอ่อ
"แม่หญิง"
บุษบาบรรณยิ้มให้เดือน
" ไม่ต้องกลัว เจ้าปลอดภัยแล้ว ไปอยู่กับฉันนะแม่เดือน"

บุษบาบรรณส่งมือให้ เดือนมองมือแม่หญิง ยิ้มรับทั้งน้ำตา

หาญเศร้าใจนึกถึงเดือน ออกมาดูพระจันทร์ เจอกล้าปาดน้ำตาอยู่มุมหนึ่ง

"พี่กล้า เหตุใดมาอยู่ตรงนี้ล่ะขอรับ"
กล้าแอบเช็ดน้ำตาไม่ให้น้องเห็น
"พี่นอนไม่หลับน่ะ"
"งั้นเราทั้งสองก็คงเหมือนกันสินะ"
กล้าหันมามองน้องชายเห็นหาญดูเศร้าๆ
"เหตุที่ทำให้คนนอนไม่หลับมีอยู่แค่ 2 อย่าง หากมิใช่เรื่องที่ สุขใจ ก็คงจะ เป็นเรื่อง ทุกข์ใจ กะมัง"
สองคนอยู่ในโหมดเศร้าของตัวเอง หาญหาเรื่องคุยกับพี่
"พี่กล้าคงเหนื่อยกับการค้าขาย แต่กระผมช่วยอะไรพี่ไม่ค่อยได้เลย"
"ความถนัดของแต่ละคนไม่เหมือนกันดอก พี่ถนัดค้าถนัดขายส่วนน้องก็เหมาะกับงานใช้ความคิดความอ่านอย่าเทียบกันเลย"
"ก็จริงของพี่ งานค้าขายพี่หยกดูจะช่วยพี่กล้าได้มากกว่าฉันเป็นแน่"
กล้าสะอึกเมื่อหาญพูดถึงหยก กล้าเลี่ยงที่จะไม่พูดเรื่องหยกต่อ
"พี่เองก็คงจะประคับประคองใต้หล้าได้เพียงเท่าที่ทำเพราะพี่เองอาจจะทำ ให้ใต้หล้าเสื่อมเสียก็เป็นได้"
"ทำไมพี่กล้าพูดเยี่ยงนี้เล่า"
"ดวงของเจ้าเกิดมาเพื่อเชิดชูวงศ์ตระกูล ผิดกับพี่ที่เกิดมาสร้างความอัปยศให้กับใต้หล้า"
"ไม่มีทาง"
"ซินแสเทียนเคยบอกว่าดวงชะตาพี่เป็นเช่นนั้น"
"ดวงก็ส่วนดวง แล้วความจริงเป็นอย่างไรเล่า เรื่องคู่หนุนนำ ดูสิ ดวงพลิกผันไปหมดแล้ว ไหนล่ะคู่หนุนนำตามที่ซินแสท่านบอกไว้"
หาญเศร้าใจ กล้าดูออกว่าน้องชายกำลังคิดถึงเรื่องของเดือน กล้าเข้าไปตบบ่าน้องชาย
"ชะตากำหนดทางให้เราเดิน มิพบมิเจอก็ใช่ว่าจะมิใช่คู่กัน ถ้าใจน้องรักใครก็จงเก็บรักนั้นไว้ให้ดี หากเค้าสร้างให้เรามาคู่กันอย่างไรเสียเราก็ต้องได้อยู่คู่กัน"
กล้าเดินเลี่ยงไปออกไป หาญยืนคิดอยู่คนเดียว

เดือนกราบจันทร์และบุษบาบรรณ
"แม่เดือนตกอับ อาภัพนัก ลูกขอให้มาอยู่ด้วย แต่คุณแม่อย่าบอกใครนะ เจ้าคะ"
"ทำไมรึลูก"
"ไว้ลูกจะเล่าให้ฟังนะเจ้าคะ แต่คุณแม่เชื่อเถอะว่าแม่เดือนเป็นคนดี"
จันทร์มองดูเดือนอย่างสงสาร
"ก็ตามแต่ใจลูกแล้วกันจ้ะ แม่ไม่ขัดอะไรเดี๋ยวแม่จะให้บ่าวจัดที่จัดทางให้แล้วกันนะ"
"ขอบพระคุณคุณแม่เจ้าค่ะ"
เดือนก้มลงกราบ
จันทร์เดินเลี่ยงออกไปสั่งการ เดือนมองตามซาบซึ้ง บุษบาบรรณมองสงสารเดือน
"ถ้าแม่เดือนยังไม่สบายใจ ก็มิต้องบอกใดๆกับเราหรอก"
เดือนอ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างเจียมตัว
"ท่านหญิงมีพระคุณต่อบ่าวยิ่งนัก บ่าวเหมือนตายแล้วเกิดใหม่เจ้าคะ"
เดือนน้ำตาร่วง
"เหตุจากความเข้าใจผิดมันช่างมีอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก"
"อะไรกันเรื่องเข้าใจผิดอันใด ถึงทำให้แม่เดือนถึงต้องตกอยู่ในสภาพนี้"
เดือนนึกถึงเหตุการณ์ที่ทุกคนในใต้หล้ามาเห็นสภาพที่เดือนนอนอยู่กับเมฆ
"บ่าวไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร มันกลายเป็นตราบาปที่ใคร ก็พร้อมจะประณามหยามเยียด หนำซ้ำกลับถูกคนใจร้ายจับบ่าวส่งขายให้ไปเป็นหญิงโคมเขียวในซ่องท้ายตลาดแต่บ่าวไม่ยอมทำก็เลยถูกทารุณทำร้ายอย่างที่ท่านหญิงเห็นนี่แหล่ะเจ้าค่ะ"
"เจ้ามิคิดจะกลับไปใต้หล้าหรอกรึ"
เดือนเหม่อน้ำตาซึม
"เกิดเรื่องไม่งามแก่ใต้หล้าเพราะถูกเข้าใจผิด บ่าวตกเป็นคนที่มีราคีเสียแล้ว ทุกคนคงพร้อมจะลืมเลือนบ่าวไปจากใต้หล้าเจ้าคะ"
เดือนนึกถึงหาญแล้วน้ำตาเอ่อ
"โถ แม่เดือนครอบครัวแม่เดือนคงรักและอาลัยแม่เดือนอยู่ไม่น้อย ให้เรา เจรจากับใต้หล้าให้เจ้าไหม"
"อย่าดีกว่าเจ้าค่ะท่านหญิง บ่าวรอดมาได้เพราะชะตากำหนดให้บ่าวต้องออกมาจากใต้หล้านับแต่นี้ต่อไปบ่าวจะเป็นคนใหม่ นังเดือนได้ลาลับไปจากชาตินี้แล้วเจ้าค่ะ"
เดือนกราบบุษบาบรรณ
"หากท่านหญิงจะเมตตาบ่าว บ่าวขอมอบชีวิตที่เหลืออยู่นี้อยู่รับใช้ท่าน หญิงตราบจนตายจากกันได้ไหมเจ้าคะ"
"หากเจ้าตั้งใจจะให้แม่เดือนลาลับไปจากโลกนี้ เราก็จะมอบชีวิตใหม่ ให้แก่เจ้า"
เดือนเงยหน้าขึ้นมองท่านหญิงบุษบาบรรณตื้นตันใจ

ดาวนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำคิดแผนหนุนดวง
"จะทำยังไงดีวะ คนอื่นถึงจะเชื่อว่าคุณหาญได้งานเพราะดวงของเรา โอย...ทำไม มันช่างยากช่างเย็นซะจริงจริ๊ง ฮึ่ย..!"
ดาวขว้างเศษหินลงน้ำด้วยความโมโห สักพักมีคนโยนหินลงน้ำซ้ำที่ดาวโยนลงไป ดวงหันไปมองเห็นเมฆเดินเข้ามาหาท่าทางหื่นกระหาย
"พี่เมฆ"
"มานั่งมืดๆค่ำเยี่ยงนี้คนเดียวทำไมไม่ชวนพี่เมฆมาเป็นเพื่อนล่ะจ๊ะน้องดาว"
เมฆเดินเข้ามาใกล้จับคางของดาวเชยขึ้นมาจะหอม ดาวเบี่ยงตัวออก
"อย่าพี่เมฆ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า"
"เห็นก็ดีน่ะสิ เค้าจะได้รู้ว่าเอ็งกับข้ารักกันยังไงเล่า"
"ดูพูดเข้าสิพี่เมฆ ฉันอายนะ"
"มาให้พี่เมฆชื่นใจหน่อยสิจ๊ะ"
เมฆเข้ามาลวนลามซุกไซร้ จะรวบรัดเอาดาวทำเมียให้ได้ ดาวขยะแขยงพยายามเบี่ยงหลบ เมฆโมโห
"อย่าเล่นตัวนักเลย"
เมฆเหวี่ยงดาวลงกับพื้นแคร่ที่นั่งอยู่ ดาวถดตัวหนีด้วยความกกลัวเพราะเมฆไม่ปล่อยเธอแน่ เมฆตรงเข้าจู่โจมซุกไซร้กระตุกผ้าที่อกของดาว ดาวรีบตะปปไว้ ดาวดิ้นขัดขืนคิดหาทางออก
"พี่เมฆหยุดก่อน ข้ากำลังมีระดู"
เมฆชะงักกึก มองหน้าดาวไม่อยากเชื่อ
"อะไรวะ"
"ฉันมีระดู และฉันก็ปวดท้องมากๆด้วย"
"เว้ย...ทำไมต้องมาเป็นเอาตอนนี้ด้วยวะ เอ็งหลอกข้ารึเปล่านังดาว"
ดาวแกล้งกุมท้องน้อยลุกขึ้นมาแล้วค่อยๆบอกกับเมฆ
"หลอกอะไรกันล่ะ รึว่าพี่อยากจะดูให้เห็นกับตาไหมล่ะ"
ดาวขึงขังจริงจัง เมฆนิ่งไป...จังหวะวัดใจ ดาวหายใจไม่ทั่วท้องเพราะนางไม่ได้มีระดูตอนนี้ ในที่สุดเมฆเออออ
"ฮู้ว ขัดอารมณ์จริงๆเลย งั้นข้าขอกอดขอหอมเอ็งให้ให้หายขึ้งเครียดก็ยังดี"
เมฆกอดดาวอย่างตะกละตะกลาม ดาวดันหน้าของเมฆที่กำลังจะจูบออกแล้วพูดด้วยท่าทียั่วยวน
"เบาๆสิจ๊ะพี่ ใช่ว่าข้าจะไม่อยากตกเป็นของพี่ ถ้าข้าหายจากระดูเมื่อไหร่ข้าจะยินยอมพร้อมใจเป็นเมียพี่เมฆทันที"
"ข้าเชื่อเอ็ง เชื่อทุกอย่างเลยจ้าแม่ดวงดาวของไอ้เมฆ"

เมฆซุกหน้าลงตรงคอดาว สีหน้าดาววาวโรจน์ไม่เห็นหัวเมฆ แต่ทะเยอทะยาน
 
อ่านต่อตอนที่ 14
กำลังโหลดความคิดเห็น