xs
xsm
sm
md
lg

ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู ตอนที่ 2
ภาพในอดีตที่หน้าตึกร้างผุดขึ้นมา เมฆายิ้มชอบใจคิดว่ากระสุนที่ยิงออกไปโดนเป้าหมายลึกลับแน่นอน แต่เสียงหัวเราะยิ้มเยาะเบาๆของมิเชลทำให้เมฆาแปลกใจและหัวเสีย

เมฆากวาดปืนเล็ง “หัวเราะอะไร..อยากโดนลูกปืนยัดใส่กบาลเหมือนหัวหน้าแกใช่มั้ย”
“ถ้าคิดว่าปืนแค่นั้นจะหยุดอาจารย์ของชั้นได้ล่ะก็ ลองดูอีกทีดีกว่าค่ะ..คุณเมฆา” มิเชลยิ้มสมเพชแล้วพยักหน้าให้เมฆาหันกลับไปอีกครั้ง
เมฆาหันขวับไปแล้วชะงักเมื่อเจอชายวัยกลางคนในชุดถังจวงชายยาวสีดำทะมึนเป็นมันเงา ใบหน้าดูเคร่งขรึมและน่าเกรงขาม มันยิ้มมุมปากให้อย่างท้าทาย
เมฆาลั่นกระสุนใส่อีกครั้งทันที
กระสุนพุ่งใส่แต่ทว่า ชายแก่กลับหายตัวไวกว่ากระสุนปืน แล้วมาโผล่ข้างตัวเมฆาทางขวา เมฆายกปืนยิง แต่ร่างชายชุดดำก็หายไปอีก
“ไม่จริง..เป็นไปไม่ได้” เมฆาเอ่ยอย่างมึนงง
แล้วจู่ๆก็มีมือมือหนึ่ง ไว้เล็บนิ้วก้อยยาวมากยื่นเข้ามาจับปืนของเขา เมฆาหันขวับ ไปเจอชายหนุ่มคนหนึ่ง มีจุดเด่นที่มือข้างซ้าย เล็บนิ้วชี้กับนิ้วกลางยาวประมาณ 2-3 นิ้ว ซึ่งก็คืออาเฟยนั่งเอง
“พอแล้วคุณเมฆา” อาเฟยพูด แล้วปืนเมฆาไป เมฆางง
ร่างชายแก่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง อาเฟยถอยไปยืนข้างหลังจางซื่อ
“สองคนนี้คือศิษย์ของสำนักอสูรเทวา” จางซื่อเอ่ย
“อสูรเทวา ? สำนักอะไร ? ชั้นไม่รู้จัก แล้วแกเป็นใคร ต้องการอะไรจากชั้นกันแน่” เมฆาถาม
จางซื่อไม่ตอบเอง แต่เป็นมิเชลที่เข้ามากดไหล่เมฆาให้คุกเข่าลงตรงหน้าจางซื่อ
“หยุดหยิ่งยโสได้แล้ว ถ้าอยากจัดการกับเจ้าสัวเพ้งพ่อเลี้ยงคุณ แล้วแย่งอาณาจักรธุรกิจของเขามาอยู่ในมือล่ะก็..มีแค่เพียงอาจารย์จางซื่อเท่านั้นที่จะช่วยคุณได้” มิเชลว่า
“อาจารย์จางซื่อ ?” เมฆายังมึนงง
จางซื่อส่ายหน้าบอกให้มิเชลอย่าใช้กำลังบังคับเมฆา มิเชลจึงยอมปล่อยมือและถอยหลบ ปล่อยให้จางซื่อเข้าไปพยุงเมฆาให้ลุกขึ้นพร้อมตบไหล่เบาๆอย่างเป็นมิตรและเอ็นดู
“สำนักอสูรเทวาคืออะไร วรยุทธที่เธอเห็นเมื่อกี้นี้คืออะไร แล้วทำไมเธอถึงต้องร่วมมือกับชั้น ทุกคำถามที่เธอสงสัย เธอจะต้องได้รับคำตอบแน่นอน..ลูกชายของชั้น” จางซื่อว่า
“ลูกชาย !!??” เมฆาทั้งงงและตกใจ

กลับมาที่ปัจจุบัน ที่หน้าบ้านเมลดา มีดสั้นในมือของมิเชลยังกดอยู่ที่คอของเมฆา ตอนแรกเมฆามีอาการตกใจแต่กลับยิ้มกวนใส่มิเชล
“เธอทำได้แค่ขู่ชั้นเท่านั้นแหละมิเชล เพราะมันเป็นหน้าที่ของศิษย์ที่ไม่เคยทำอะไรนอกเหนือคำสั่งอาจารย์” เมฆาว่า
“คุณเมฆา !!” มิเชลชักสีหน้าไม่พอใจ กดมีดลงเน้นกว่าเดิม
“หึ..ชั้นคือสายเลือดแท้ๆของอาจารย์เธอ ถ้าทำให้ชั้นได้เลือดแม้แต่นิดเดียว เธอคงได้ชื่อว่าเป็นศิษย์อกตัญญูแน่” เมฆาพูดต่อ
มิเชลจ้องเขม็งเมฆาอย่างหัวเสียก่อนจะยอมปล่อยมีดออกจากคอเมฆา
“คุณควรจะกันคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป เพราะต่อไปอาจจะเป็นอุปสรรคของแผนการ” มิเชลว่า
“แต่ชั้นมีวิธีจัดการในแบบของชั้น ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องส่งเธอมาประกบเหมือนชั้นเป็นพวกอ่อนหัด” เมฆาเอ่ย
“แต่คุณก็เป็นพวกอ่อนหัดจริงๆ ไม่ได้มีตรงไหนเลยที่คู่ควรกับสายเลือดของสุดยอดฝีมืออย่างอาจารย์จางซื่อแม้แต่นิดเดียว” มิเชลพูด
“มิเชล !! สักวันเถอะ” เมฆาพูดแล้วก็มองทั่วเรือนร่างของมิเชล
“เธอจะยอมเป็นของชั้นด้วยความเต็มใจ” เมฆายิ้มมุมปาก
มิเชลตบหน้าเมฆาทันที ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถแล้วหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว เมฆาจับแก้มที่ถูกตบแล้วยิ้มชอบใจ

สาวๆ ประจำไนท์คลับหลายคนพากันหันมาที่รถสปอร์ตคันหรูที่พายุขับเข้ามาที่หน้าไนท์คลับ ยิ่งเมื่อพายุก้าวลงจากรถพร้อมโปรยยิ้มบริหารเสน่ห์ สาวๆก็พากันเดินเข้ามาห้อมล้อมมือลูบรถสปอร์ตพร้อมส่งสายตายั่วยวน พายุยิ้มชอบใจพร้อมโยนกุญแจรถให้กังฟูที่ยืนงงๆ
“เอารถไปจอดให้ชั้นด้วย..ไอ้คนขับรถ” พายุว่า
“คนขับรถ ?” กังฟูถาม
“ก็เออไง..ไปได้แล้ว ระวังอย่าให้รถเป็นรอยล่ะ” พายุขึ้นเสียงแล้วหันมาเช็คหน้าตาตัวเอง ก่อนจะเข้าไปทักทายกับสาวๆแล้วพากันเดินเข้าไปด้วยกัน กังฟูส่ายหน้าเซ็งๆ
ระหว่างนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เพลง “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” ดังขึ้นมาทำให้ทุกคนหันไปมองไปที่‘เฮียติงลี่’ พร้อมๆ กัน เฮียติงลี่เป็นมาเฟียหนุ่มผิวคล้ำร่างเตี้ยหนวดเล็กเรียว สวมหมวก สูทเข้ม ผ้าพันคอขาวผืนยาว ท่ามกลางลูกน้องที่ล้อมหน้าล้อมหลังผลักคนอื่นๆที่เกะกะขวางทาง เฮียติงลี่หยุดยืนโพสต์ท่าหน้านิ่งมือดันหมวกที่สวมเอียงๆขึ้นให้เห็นใบหน้าชัดๆ ก่อนจะหันไปที่ลูกน้อง
“เฮ้ย..จะปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังอีกนานมั้ย เดี๋ยวไอ้คนที่โทรมามันก็วางสายไปหรอก” เฮียติงลี่ว่า
ลูกน้องยิ้มแหะๆ “ขอโทษครับลูกพี่..นี่ครับโทรศัพท์”
ลูกน้องรีบยื่นโทรศัพท์แนบหูลูกพี่โดยหวังดีช่วยถือให้ไม่ต้องเสียเวลาลูกพี่ถือโทรศัพท์เอง
“เฮ้ย..มีธุระกับเฮียติงลี่ ก็พูดให้มันดังๆหน่อยเว้ย..ว่าไงนะ..ก็บอกให้พูดดังๆ ไม่ได้ยินเว้ย” ติงลี่พยายามฟังแต่ก็ยังได้ยินไม่ชัด เมื่อหันมามองโทรศัพท์ก็พบว่า ลูกน้องกลับด้านเอาลำโพงมาไว้ที่ปากแทน
“ไอ้เวรเอ้ย..โทรศัพท์กลับด้าน..หวังเฉา หม่าฮั่น เอามันไปตัดนิ้ว!!” เฮียติงลี่สั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
ลูกน้องดวงซวยถูกลากตัวออกไป แม้จะร้องขอแล้วแต่เฮียติงลี่ก็ยังเฉย คุยโทรศัพท์เองต่อ
“อั้วมาถึงที่แล้ว ลื้อไม่ต้องโทรตามหรอกไอ้เต๋า..แล้วเจอกันข้างใน” เฮียติงลี่กล่าวจบก็กดตัดสายแล้วชำเลืองหางตาไปมองหน้ากังฟูที่อยู่ใกล้ๆ
“ลื้อมองอะไรวะไอ้ตี๋..กำลังนินทาว่าอั้วเป็นไอ้เตี้ยอยู่ใช่มั้ย..เดี๋ยวปั๊ด!” เฮียติงลี่ทำท่าจะชักปืน
“เปล่าครับเฮีย..ผมชอบหนวดเฮียต่างหาก หนวดเฮียเท่มากๆเลยครับ” กังฟูว่า
ติงลี่ชะงัก เก็บปืนยิ้มชอบใจ “หึ..งั้นก็แล้วไป..นึกว่าอยากโดนลากไปตัดนิ้วอย่างลูกน้องอั้ว” ติงลี่ยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้าไปข้างในพร้อมลูกน้อง
กังฟูเป่าปากโล่งอกที่รอดตัว

กังฟูเอารถสปอร์ตมาจอดตามคำสั่งของพายุ แต่ยังจอดไม่สนิทดี พายุก็โทรเข้ามือถือ
“อยู่ไหนของแกวะไอ้กังฟู” พายุถาม
“ผมก็เอารถมาจอดให้ศิษย์พี่ไง” กังฟูว่า

พายุเดินเลี่ยงมาโทรคุยกับกังฟูโดยมีสาวๆสวยๆ 2-3 คนรออยู่ที่โต๊ะ
“บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกศิษย์พี่..ออกมาข้างนอกแกต้องเรียกชั้นว่าคุณพายุ” พายุว่า
“คุณพายุเลยเหรอ..ผมว่า..” กังฟูว่า
“แกไม่ต้องเถียง ถ้าไม่อยากให้อาจารย์หญิงลงโทษแกเพิ่มล่ะก็ ทำตามที่ชั้นสั่ง”
“ครับคุณพายุ” กังฟูตอบด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“ดีมาก..ที่หน้าทางเข้ามีตู้เอทีเอ็มอยู่แกไปกดเงินมาให้ชั้นหมื่นนึง”
“หมื่นนึง !! จะเอาไปทำไมตั้งเยอะแยะ”
“แกไม่ต้องมาทำงกกับชั้น ไม่เห็นเหรอไงวะสาวๆพวกนั้นเด็ดขนาดไหน”
“แต่ว่า…”
“ไม่ต้องมีแต่..รีบๆไปกดเงินมาให้ชั้นเดี๋ยวนี้”
พายุตัดสายไปแล้ววางมาดลูกเศรษฐียิ้มร่าเข้าไปหาสาวๆ

กังฟูลดโทรศัพท์ลงอย่างเซ็งๆแล้วจะออกไป ระหว่างนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างผิดปกติจากทางกระจกส่องข้างรถ ภาพในกระจกเป็นภาพพนักงานคนหนึ่งของไนท์คลับกำลังถูกมือปืนในชุดดำใช้ท่อนแขนรัดคอจนหมดสติแน่นิ่ง ก่อนที่พวกมันอีกคนจะเข้ามาลากตัวขึ้นไปบนรถตู้
กังฟูก้มหัวหลบต่ำแล้วขยับไปดูพวกนั้นอย่างเงียบๆ เขาเห็นมือปืน 2 คนจัดการปลอมตัวเป็นพนักงานของไนท์คลับ พวกมันพกปืนสั้นพร้อมติดไซเรนเซอร์ ทันใดนั้นเอง พวกมันคนหนึ่งสงสัยว่าจะมีคนแอบดูอยู่ มันจึงถือปืน เดินเข้ามา กังฟูรีบถอยหลบแต่ไม่มีทางให้หนีอีก ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของมือปืนในชุดดำก็ดังขึ้น
“ครับเฮียเต๋า..พวกผมพร้อมถล่มไอ้ติงลี่แล้วครับ รับรองมันเละคาที่แน่” มือปืนคนหนึ่งพูดและวางสายไป ก่อนจะพยักหน้าให้พวกที่มาด้วยไม่ต้องตามไป เมื่อพวกมันพากันออกไปแล้ว กังฟูจึงขยับออกมามองตามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เฮียติงลี่เข้ามาในห้อง VIP ของไนท์คลับ เขาจ้องเขม็งไปที่เฮียเต๋ามาเฟียหน้าโหด โดยมีหวังเฉา-หม่าฮั่นช่วยถอดเสื้อตัวนอกให้
“ไอ้เต๋า !!” ติงลี่ตะคอกเสียงดัง
“ไอ้ติงลี่ !!” เฮียเต๋าตบโต๊ะเสียงดัง
ทั้งคู่จ้องหน้ากัดกรามจนขึ้นสัน แต่แล้วกลับระเบิดเสียงหัวเราะ
“ลื้อนี่มันไม่เปลี่ยนไปเลย หนีคดีไปอยู่ไต้หวันตั้งหลายปี กลับมาก็ยังเป็นไอ้เต๋า สมชายจรดปลายเท้าหล่อเนี้ยบอยู่เหมือนเดิม แถมยังเก็บนาฬิกาโรเล็กซ์ที่อั้วซื้อให้ลื้อไว้อีก” เฮียติงลี่ว่า
“ก็ลื้อมีบุญคุณกับอั้วนี่หว่าไอ้ติงลี่ ตาลาลา” เฮียเต๋าพูด
“เฮ้ย !! ชื่อนั่นเลิกใช้ไปแล้วเว้ย มันไม่เป็นมงคล ตอนนี้เหลือแค่ติงลี่เฉยๆ ว่าแต่ลื้อเถอะ กลับมาคราวนี้คงลำบากน่าดู ได้ยินว่าจ่ายไปเยอะนี่ถึงกลับมาได้ ถ้าคิดจะตั้งต้นใหม่ อะไรยังไงก็บอกมา อั้วช่วยลื้อเต็มที่”
“เฮ้ย..กากี่นั้ง ไม่เจอหน้ากันตั้งหลายปี เจอกันทีจะชวนคุยเรื่องงานเลยได้ไง อั้วเรียกลื้อมาเพราะอยากรำลึกความหลังกับอาหมวยขาวๆ อวบๆ อึ๋มๆ อย่างที่ลื้อชอบไง” เฮียเต๋ายิ้มกรุ้มกริ่ม ติงลี่หัวเราะชอบใจ
เฮียเต๋าปรบมือเรียกได้ครู่หนึ่งลูกน้องก็พาหญิงสาวในชุดกี่เพ้าสีสดใส เข้ามา แต่หญิงสาวมีถุงผ้าคลุมศรีษะเป็นปริศนาว่าเธอคือใครเธอพยายามดิ้นและร้องอู้อี้แต่ก็ถูกคุมตัวเอาไว้
“นั่นแน่..ยังจำได้ด้วยว่าอั้วชอบลุ้น” เฮียติงลี่หัวเราะ
“ก็บอกแล้วไงว่าเรากากี่นั้ง” เฮียเต๋าพูดแล้วยื่นลูกเต๋าออกมา
“กติกาเหมือนเดิม ถ้าลื้อทายถูก ลื้อได้เปิดผ้าคลุมหน้าแล้วได้สนุกกับของฝากของอั้ว แต่ถ้าทายผิด ลื้อต้องตะกายข้างฝา นั่งดูอั้วมีความสุขกับอาหมวยคนนี้” เฮียเต๋าบอกเล่ากติกา
“ฮ่าๆๆ งั้นมาเล่นเกมส์กันเลยไอ้เต๋า..เหมือนเดิม เลขแห่งโชคลาภของอั้ว !!” เฮียเต๋ายิ้มรับแล้วเอาลูกเต๋ามาเขย่าในกำมือ
ในขณะที่พายุกำลังนัวเนียสาวๆอย่างมีความสุข กังฟูก็รีบมาขัดจังหวะเพื่อเตือนว่าจะเกิดเรื่องขึ้นที่นี่
“ศิษย์พี่..อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว รีบออกไปจากที่นี่เถอะ” กังฟูพูด
“อะไรของแกวะไอ้กังฟู ชั้นบอกแล้วไงอย่าเรียกชั้นแบบนั้น” พายุว่า
“แต่ที่นี่กำลังจะเกิดเรื่อง ถ้าศิษย์พี่ไม่รีบออกไป มีหวังโดนลูกหลงแน่”
“ตกลงว่านี่ใช่คนขับรถรึเปล่าคะเฮียขา เรียกศิษย์พี่ๆแบบนี้ นึกว่าหลุดออกมาจากหนังกำลังภายใน” พวกสาวๆ พูด แล้วพากันหัวเราะคิกคักชอบใจ
พายุหน้าเสีย เขาหันไปกระชากคอเสื้อกังฟู
“ออกไปให้พ้นหน้าชั้นเลยนะไอ้กังฟู ไว้ชั้นจะกลับไปเช็คบิลแกที่บ้าน..ไป !!”
พายุผลักกังฟูจนเซ แล้วเข้าไปแก้ตัวกับสาวๆโดยไม่สนใจคำเตือนของกังฟู
“อย่าไปสนใจคนขับรถพี่เลยจ้ะ มันบ๊องต๊องสติไม่ค่อยดี ชอบดูหนังกำลังภายในแล้วคิดว่าตัวเองเป็นเอี้ยก้วย”
พายุปลิ้นปล้อนกับสาวๆทำให้กลายเป็นเรื่องตลก ในขณะที่กังฟูหน้าเครียด พยายามคิดว่าจะเอายังไงดี

ในขณะเดียวกัน เฮียเต๋ากำลังโยนลูกเต๋าออกจากมือไปกลิ้งบนโต๊ะ ลูกเต๋าพลิกไปมาอยู่ครู่ก่อนจะออกมาเป็นเลข 4
“ฮ่าๆๆ บอกแล้วไงว่าเลขนำโชคของอั้วคือเลข 4” ติงลี่ว่า
“งั้นก็ตามกติกาเชิญลื้อยลโฉมของขวัญที่อั้วเอามาฝากลื้อได้เลย” เฮียเต๋าเอ่ย
“หุ่นแบบนี้..ผิวแบบนี้ เซี๊ยะ! ฮอเจี๊ยะ ลื้อได้ตะกายข้างฝาดู อั้วเจี๊ยะหม่ำๆเป็นตะกวดตะกายตึกแน่ไอ้เต๋าฮ่าๆๆ” เฮียติงลี่ข่มเฮียเต๋าแล้วลุกไปดึงผ้าที่คลุมหน้าสาวหมวยกี่เพ้าออก
ทันทีที่เห็นว่าหญิงสาวซึ่งมีเทปปิดปากเอาไว้ว่าเป็นใคร เฮียติงลี่ก็ตกใจ ส่วนพวกลูกน้องติงลี่ก็โดนปืนจ่อเอาไว้หมด
“แม่นางมารน้อย !!” เฮียติงลี่อุทาน
“ไอ้อิงอี่..เอ๊าะแอ..เอ๊าะแออนเอียว อีบๆอ้วยอั้นเอี๋ยวอี้” เนตรพูดเหวี่ยงทั้งๆ ที่ใส่ผ้าปิดปาก
“ห๊ะ..ว่าไงนะ..มารน้อยพูดอะไร อาเฮียฟังไม่รู้เรื่อง” ติงลี่ว่า
“โอ๊ยยยย..อะอู้ดไอ้อังไอ..ไอ้อิงอี้ อั้นโอนอิดอากอู่แอบอี้”
“อ๋อ..โดนปิดปากอยู่..นั่นสิลืมไป เดี๋ยวเฮียช่วยนะ”
ติงลี่จะช่วยเอาผ้าปิดปากออกให้ แต่ชะงักเพราะโดนปืนจากมือเฮียเต๋าจ่อหัว
“ใจเย็นๆไอ้ติงลี่ ไม่ต้องรีบช่วยกิ๊กลื้อตอนนี้หรอก ยังไงคืนนี้ลื้อก็ไม่รอดไปจากที่นี่แน่” เฮียเต๋าว่า
“ไอ้เต๋า !!..อย่าบอกนะว่าที่ลื้อทำแบบนี้เพราะว่าลื้อ” เฮียติงลี่พูดอย่างเจ็บใจ
“ใช่..อั้วอยากเริ่มต้นใหม่ และทางที่เร็วและลัดที่สุดก็คือ..ฆ่าลื้อทิ้งแล้วฮุบเขตอิทธิพลขอ
ลื้อมาเป็นของอั้วไง”
เฮียติงลี่ง้างหมัดจะเอาเรื่องแต่เฮียเต๋าลั่นไกใส่ทันที...แต่ไม่มีลูกกระสุนออกมา
“ยังไงเราก็กากี่นั้งกันมานาน อั้วไม่ยอมมือเปื้อนเลือดฆ่าลื้อเองหรอก อั้วจะปล่อยให้ลื้อเอาตัวรอดเอง แต่จะรอดรึเปล่ามันอีกเรื่อง เพราะมือปืนฝีมือดีของอั้วกำลังรอจัดการลื้ออยู่ที่นี่แล้ว” เฮียเต๋าพูด ก่อนพยักหน้าสั่งลูกน้องให้ริบอาวุธจากตัวพวกติงลี่ออกหมด
“ไปเว้ย...ฮ่าๆๆ” เฮียเต๋าหัวเราะชอบใจออกไป
ลูกน้องผลักเนตรไปหาเฮียติงลี่ที่หน้าเครียด เพราะคิดว่าไม่รอดแน่ๆ

กังฟูรีบเดินเข้ามามองหารปภ.ของไนท์คลับแล้วเห็นอยู่คนหนึ่ง แต่ไม่ทันจะเดินเข้าไปหาพายุก็ตามเข้า มากระชากไหล่กังฟูมาชกหน้าเปรี้ยงทันที
“โอ๊ย !! ศิษย์พี่..มาชกผมทำไมเนี่ย” กังฟูพูดด้วยความรู้สึกเจ็บ
“เพราะแกคนเดียวไง ผู้หญิงพวกนั้นเลยจับได้ว่าชั้นบ่จี๊ไม่มีตังค์ ทำให้ชั้นต้องกินแห้ว” พายุว่า
“แต่ที่ผมเตือนศิษย์พี่ไป เป็นเรื่องจริง ที่นี่กำลังมีเรื่อง”
“เรื่องน่ะมีแน่..แต่ไม่ใช่กับคนอื่น เพราะชั้นจะเอาเรื่องแก..ไอ้กังฟู”
พายุจะเล่นงานกังฟู แต่ระหว่างนั้นรปภ.ที่ที่ยืนอยู่โดนมือปืนเดินเข้ามาจ่อยิงตายคาที่ด้วยปืนเก็บเสียง
“นั่นไงศิษย์พี่ กำลังจะเกิดเรื่องขึ้นที่นี่จริงๆ” กังฟูรีบชี้ให้พายุดู
“เวรแล้วไง” พายุตกใจ อึ้งไป
พายุรีบดันกังฟูให้เข้าไปหลบในซอกใกล้ๆที่พอจะหลบได้ แต่กังฟูรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์
“ทำอะไรของแกวะ” พายุถาม
“โทรเรียกตำรวจไงศิษย์พี่ ไม่งั้นที่นี่ต้องมีคนตายเพียบแน่”
“จะบ้าเหรอไงวะ..ถ้าไอ้พวกนั้นมาได้ยินแกโทรเรียกตำรวจ เราจะซวยไปด้วย รีบไปจากที่นี่ดีกว่า”
“ไม่ได้นะศิษย์พี่ ผมไม่ยอมให้คนบริสุทธิ์ต้องมาโดนลูกหลงโดยที่เราไม่ยอมช่วยอะไรเด็ดขาด” กังฟูพูดพร้อมกับแย่งโทรศัพท์คืน
“ไอ้โง่ !! อยากหาเรื่องเดือดร้อนก็ตามใจ” พายุผลักกังฟูแล้วจะเดินออกไปแต่ก็ต้องชะงัก เพราะมือปืนคนหนึ่งยกปืนจ่อ
“ได้ยินว่าจะโทรเรียกตำรวจเหรอ..ไอ้พลเมืองดี เอาโทรศัพท์มานี่ !!” มือปืนว่า
กังฟูค่อยๆยื่นโทรศัพท์ให้ แต่แกล้งทำตกพื้น
“ขอโทษครับพี่..มือผมลื่น เดี๋ยวผมเก็บให้” กังฟูทำซื่อก้มลงจะเก็บโทรศัพท์ แต่แอบพยักหน้าส่งสัญญาณให้พายุลงมือตามหลังตน พายุพยักหน้ารับรู้กัน
กังฟูทำทีหยิบโทรศัพท์แล้วซัดฟ่ามือใส่มือปืนคนแรก มือปืนอีกคนจะยิงใส่แต่พายุก็ออกเชิงมวยซัดฝ่ามือใส่มัน
“รีบหนีเร็วครับศิษย์พี่” กังฟูพูด
เมื่อได้โอกาสทั้งกังฟูกับพายุก็รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว พวกมือปืนลุกขึ้นได้ก็คว้าปืนยิงไล่หลัง
“ปล่อยมันไปก่อน..รีบไปจัดการไอ้ติงลี่ดีกว่า” มือปืนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

กังฟูถูกพายุจับคอเสื้อกระแทกกับผนังตรงทางเดินระหว่างที่หนีออกมาด้วยกัน
“หัวชั้นเกือบมีลูกกระสุนยัดเข้าไปก็เพราะแก..เอากุญแจรถชั้นมานี่เลย” พายุล้วงแย่งเอากุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงกังฟูแล้วชกเข้าไปที่ท้องกังฟูอีกทีจนจุกตัวงอ
“ถ้าแกอยากเป็นฮีโร่หาเรื่องตายอยู่ที่นี่ล่ะก็..ตามสบายเลย ไอ้กระจอก” พายุรีบออกไปทิ้งกังฟูให้เจ็บจุก
“ศิษย์พี่...ศิษย์พี่...อู้ยยยยย” กังฟูพยายามพยุงตัวเดินอย่างจุกๆ

ลูกน้องของติงลี่รีบพาลูกพี่หอบหิ้วเนตรออกมาที่ทางเดิน ทุกคนกลัวถูกเก็บเลยพยายามระวังตัวสุดฤทธิ์
“ลื้อไปทางนั้นตรวจดูทางหนีให้อั้ว เผื่อพวกมันจะดักอยู่” ติงลี่สั่งลูกน้อง
ลูกน้องรับคำสั่งแล้วเดินออกไป ติงลี่หันมาสั่งหวังเฉากับหม่าฮั่นต่อ
“แล้วพวกแก 2 ตัวจะมายืนเสนอหน้าอะไรอยู่ตรงนี้ รีบไปเตรียมรถมารับชั้นสิเว้ย”
หวังเฉา-หม่าฮั่นพยักหน้ารับแล้วพากันออกไปอีกทาง เหลือติงลี่อยู่กับเนตรตามลำพัง
“ไม่ต้องห่วงนะนางมารน้อย อยู่กับเฮียติงลี่รับรองเฮียจะปกป้องหนูเอง”
“ชั้นชื่อเนตร !! เลิกเรียกชั้นว่านางมารน้อยบ้าบออะไรนั่นได้แล้ว”
“แต่นางมารน้อยชื่อน่ารักเหมาะกับหนูนี่จ๊ะ หน้าตาจิ้มลิ้ม แถมยังร้ายนิดๆอีก ติงลี่ชอบ”
เนตรตบหน้าติงลี่ทันที “น่ารักบ้านป้าแกน่ะสิไอ้เตี้ย เพราะแกคนเดียว ชั้นบอกว่าชั้นไม่ได้เป็นอะไรกับแก แต่พวกมันก็ไม่เชื่อ ชั้นเลยต้องมาซวยอยู่แบบนี้” เนตรผลักติงลี่แล้วจะเดินออกไป
“จะไปไหนล่ะจ้ะเนตร มันอันตรายนะ” ติงลี่ร้องด้วยความเป็นห่วง
“อยู่กับแกนั่นแหละอันตรายที่สุด ชั้นลาออก ชั้นไม่ใช่นักร้องในคาเฟ่ของแกแล้วไอ้เตี้ย”
เนตรจะเดินออกไป แต่ต้องชะงักเมื่อเจอมือปืนเดินเข้ามาขวางทาง ลูกน้องติงลี่ที่ไปดูต้นทางย้อนกลับเข้ามาถูกมือปืนลั่นไกใส่ตายคาที่ต่อหน้าต่อตาติงลี่กับเนตร
“กรี๊ดดดดดดด” เนตรร้องเสียงดัง มือปืนเลยคว้าตัวเนตรมาปิดปากแล้วเอาปืนจี้ ส่วนมือปืนอีกคนก็ยกปืนขึ้นเล็งติงลี่
“ถึงเวลาจบชีวิตเจ้าพ่อของแกซะที..ไอ้ติงลี่” มือปืนพูด
ติงลี่เหงื่อตกหลับตาปี๋ แต่ระหว่างนั้นกังฟูเดินกุมท้องเจ็บจุกเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี กังฟูหันไปทุบสัญญาณเตือนไฟไหม้จนดังลั่นไปทั่ว แล้วคว้าแจกันทุ่มหัวและใช้เชิงมวยที่พอมีติดตัวอยู่บ้าง เล่นงานมือปืนทั้ง 2 คนจนมึนและช่วยดึงเนตรมาได้
เนตรถูกกังฟูช่วยดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ความหล่อของกังฟูทำเอาเนตรถึงกับตาค้างตะลึง
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณผู้หญิง” กังฟูว่า
“เป็น..เป็นค่ะ”
“เป็นตรงไหนครับ”
เนตรชี้ที่หัวใจ “ตรงนี้ค่ะ..โดนความหล่อแทงทะลุหัวใจ”

ระหว่างนั้นมือปืนกำลังจะลุกขึ้นมาอีกหลังจากมึนๆไป ติงลี่รีบเตะเสยปลายคางคนนึงสลบเหมือด
ส่วนใือปืนอีกคนกำลังจะคว้าปืน ติงลี่เลยรีบไปคว้าแขนเนตรออกจากกังฟู
“รีบหนีเร็วนางมารน้อย” ติงลี่ว่า
ทั้ง 3 คนรีบหนีออกไปโดยมีมือปืนยิงไล่หลัง

พายุอยู่ในรถสปอร์ตกำลังจะสตาร์ทรถ
“หึ..ชอบทำตัวเป็นฮีโร่นัก คราวนี้แกได้เป็นศพอยู่ในนั้นแน่ไอ้กังฟู” พายุยิ้มชอบใจแล้วสตาร์ทรถแต่เสียงเครื่องไม่ดัง เลยลองสตาร์ทอีกทีแต่เครื่องก็ยังไม่ติด
“เฮ้ย..อะไรอีกวะเนี่ย !! นี่มันวันซวยแห่งชาติเหรอไงวะ”
พายุพยายามสตาร์ทหลายครั้งติดกันอย่างหัวเสีย โดยไม่ได้ยินเสียงปืนที่กำลังไล่ยิงอยู่ข้างหลังจากการไล่ล่าของมือปืนที่ตามไล่ยิงพวกกังฟู จนทั้ง 3 คนมาจนมุม
“ไอ้ติงลี่ คราวนี้ดวงแกไม่เฮงอีกแล้วเว้ย”
มือปืนนิ้วแตะไกเดินเข้าหาพร้อมยิง เนตรกอดกังฟูแน่น เฮียติงลี่หลับตาปี๋ ส่วนมือปืนเดินมาหยุดในตำแหน่งท้ายรถสปอร์ตพอดี ในรถพายุสตาร์ทรถอย่างหัวเสียก่อนจะสตาร์ทติด
“ ติดแล้วเว้ย..ได้เวลาซิ่งซะที” พายุเข้าเกียร์ถอยเหยียบคันเร่งเต็มที่ รถกระชากถอยหลังพุ่งชนมือปืนเข้าอย่างแรง พายุเบรคทันทีหลังจากรู้สึกว่าถอยรถไปชนอะไรเข้าอย่างแรง เมื่อรีบลงจากรถไปดูก็เจอมือปืนนอนแน่นิ่
ไม่ไหวติง
“ศิษย์พี่ สุดยอดเลย ขอบคุณมากครับ ถ้าไม่ใช่เพราะศิษย์พี่ช่วยไว้ พวกผมคงโดน ยิ
ตายอยู่ตรงนี้แน่” กังฟูพูดอย่างดีใจ
“ไอ้ตี๋ นี่พวกลื้อรู้จักกันเหรอ” เฮียติงลี่ถาม
“ครับ นี่พี่พายุ เป็นศิษย์พี่ของผม”
“แล้วเธอล่ะชื่ออะไรเหรอจ๊ะ” เนตรถาม
“ผมชื่อกังฟูครับ”
“กังฟู-พายุ” เฮียติงลี่พูดพร้อมกับดึงทั้งคู่เข้ามากอดทันที
“พวกลื้อช่วยชีวิตอั้วไว้ เท่ากับอั้วเป็นหนี้บุญคุณชีวิต ลื้อ เจ้าพ่อคนจริงอย่างเฮียติงลี่จะไม่มีวันลืมบุญคุณครั้งนี้เด็ดขาด!! และถ้าลื้อต้องการความช่วยเหลืออะไร บอกมาได้เลย เฮียจัดหนักให้แน่นอน”
กังฟูจะปฏิเสธตามนิสัยพลเมืองดีช่วยโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่พายุรีบชิงพูดตัดหน้ากังฟู
“ยินดีที่รู้จักครับเฮียติงลี่ ได้ยินชื่อเสียงเฮียมานานไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ช่วยเหลือเฮีย” พายุพูด
ติงลี่หัวเราะชอบใจ

กังฟูกลับเข้าที่พักอย่างเหนื่อยๆ ก่อนจะได้กลิ่นบางอย่างพร้อมกับเสียงทีวีจากในที่พักดังเล็ดลอดออกมา เขาสงสัยว่าจะเป็นหัวขโมยเลยคว้าท่อแป๊บใกล้มือเข้าไปเงียบๆ แต่ไม่ทันจะลงมือก็เห็นต้นเหตุ
“ศิษย์พี่ !!” กังฟูอุทานเมื่อเห็นบู๊ลิ้มกำลังนั่งกินบะหมี่ถ้วยพร้อมเปิดดูหนังกำลังภายในอย่างหนุกหนาน
“อ้าว..ศิษย์น้องกลับมาแล้วเหรอ มาก็ดีแล้วมานั่งดูมังกรหยกตอนใหม่กันกำลังสนุกเลย” บู๊ลิ้มว่า
กังฟูส่ายหน้าเซ็งๆ แล้วเข้าไปปิดทีวีทันที
“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ศิษย์พี่ไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่ ถ้าอาจารย์หญิงรู้…” กังฟูว่า
บู๊ลิ้มขัดทันที “ไม่ต้องกลัวแม่ศิษย์พี่จะรู้หรอก..คืนนี้ศิษย์พี่มีหลายเรื่องจะคุยกับศิษย์น้อง ก่อนแว้บมาก็เลยต้องเคลียร์ทางสะดวกเอาไว้แล้ว” บู๊ลิ้มพูดพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ

บู๊ลิ้มเล่าให้กังฟูฟังถึงวิธีเคลียร์ทางสะดวก.. ภาพในหัวของบู๊ลิ้มผุดขึ้นมา
ฮูหยินในชุดนอนมีโรลเต็มหัวแถมหน้ายังมาร์คบำรุงผิวอีกเพียบถือแก้วนมเข้ามาเคาะประตูห้องนอนของบู๊ลิ้ม
“บู๊ลิ้ม..แม่เอานมมาให้กินน่ะลูก..บู๊ลิ้ม” ฮูหยินเรียกลูกชาย
บู๊ลิ้มแอบยืนหลบอยู่อีกมุมหนึ่ง หน้าเสียพลางคิดว่าซวยแน่ๆแล้ว แต่เฮียเฉินก็เดินเข้ามาหาฮูหยินพอดี
“เมียจ๋า..บู๊ลิ้มมันบอกเฮียไว้ว่าคืนนี้จะท่องหนังสือไม่อยากให้ใครรบกวน” เฮียเฉินว่า
“ท่องหนังสือ ? แน่ใจนะว่าลูกบอกเฮียอย่างนั้นจริงๆ” ฮูหยินถาม
“จริงสิจ๊ะเมียจ๋า บู๊ลิ้มมันคงสำนึกผิดเลยอยากทำเรื่องดีๆให้แม่สบายใจมั่ง”
ฮูหยินยังทำหน้าสงสัย มือจับลูกบิดจะเข้าไปแต่เฮียเฉินห้ามไว้
“เฮียว่าอย่าไปกวนลูกมันเลย..นมแก้วนี้เฮียกินเองก็ได้”
เฮียเฉินเอาแก้วนมในมือฮูหยินมายกดื่มอึกๆรวดเดียวหมดแก้ว
“อ้า...สดชื่น นมเมียนี่ชื่นใจจริงๆ”
ฮูหยินตีสามีทันที “เฮียเฉิน !! พูดอะไรน่ะ..น่าเกลียด เดี๋ยวลูกก็ได้ยินหรอก”
บู๊ลิ้มที่แอบดูอยู่รีบเอามืออุดหูส่ายหน้าว่าไม่ได้ยินหรอกครับพ่อแม่
“เฮียแค่จะบอกว่านมที่เมียเอามาเนี่ย กินแล้วมันชื่นใจ แต่พูดยาวๆแล้วมันเมื่อยปาก”
“ไม่ต้องกะล่อน..แค่เฮียอ้าปากออกมาชั้นก็เห็นไปถึงไส้ติ่งแล้ว”
เฮียเฉินยิ้มแล้วโอบเมีย “ว้า..อ่านเฮียขาดแบบนี้ แล้วคืนนี้จะเหลืออะไรให้อ่านอีกล่ะจ๊ะเมียจ๋า”
ฮูหยินชะงักเขิน “พูดแบบนี้เฮียหมายความว่า”
เฮียเฉินยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพยักหน้า
“บ้า…เฮียเนี่ย..บ้าๆๆๆที่สุด” ฮูหยินอายม้วน ปิดปากหัวเราะคิกๆเบาๆ แสร้งว่าเขินอายแล้วหลิ่วตาเชิญชวนให้เดินตามไป เฮียเฉินยิ้มกริ่มรีบตาม
บู๊ลิ้มเห็นพ่อแม่พากันเดินออกไปด้วยกันก็เอามือออกจากหูแล้วเป่าปากโล่งอก
อ่านต่อหน้าที่ 2


ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู ตอนที่ 2  (ต่อ)
กังฟูฟังแล้วสอนศิษย์พี่ทันที

“โกหกพ่อแม่มันไม่ดีเลยนะศิษย์พี่”
“อย่าเรียกว่าโกหกเลย หมู่นี้แม่ศิษย์พี่มีเรื่องให้ต้องอารมณ์เสียบ่อย แล้วคนเดียวที่จะทำให้อารมณ์ดีได้ก็มีแต่พ่อเท่านั้น เห็นมั้ยว่าศิษย์พี่ทำเพื่อแม่”
กังฟูฟังแล้วหมั่นไส้เข้าไปดีดหูบู๊ลิ้มทันที “นี่แน๊ะ..พริ้วเป็นปลาไหลเลยนะศิษย์พี่”
“อู้ยยยย..เอาน่า เดี๋ยวเช้ามืดศิษย์พี่ก็รีบตื่นกลับไปทันอยู่แล้ว ที่มาอยู่เนี่ยก็เพราะห่วงศิษย์น้องด้วย กลัวจะโดนพี่พายุหาเรื่องเล่นงานแล้วไม่มีใครช่วย”
“เรื่องนั้นศิษย์พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ที่รอดกลับมาได้ก็เพราะศิษย์พี่พายุนี่แหละที่ช่วยไว้”
“ไปมีเรื่องตื่นเต้นอะไรกันมาเหรอ” บู๊ลิ้มสนใจทันที
“เรื่องมันยาว ไว้เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง”
“ก็ได้..งั้นศิษย์พี่มีข่าวดีจะบอก พี่เมเพิ่งโทรมาหา ฝากคำขอบคุณจากหลินหลินมาให้ศิษย์พี่ด้วย มันน่าปลื้มมั้ยล่ะศิษย์น้อง..ฮิ้วววว” บู๊ลิ้มพูดพลางยิ้มจนปากจะฉีก
“หึ..เยอะนะศิษย์พี่ ดีใจยิ่งกว่าสอบทำคะแนนได้อีกมั้งเนี่ย” กังฟูว่า
“อ้าว..มันแน่นอนอยู่แล้ว ความรักทำให้โลกสดใส และความรักก็ทำให้มีกำลังใจสู้ทุกปัญหา พี่เมดีกับศิษย์พี่ขนาดนี้..พรุ่งนี้ศิษย์น้องต้องไปช่วยดูแลคุณพ่อพี่เมเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจ” บู๊ลิ้มพูดด้วยน้ำเสียงเก๊กหล่อ
“เฮ้ย..เกี่ยวอะไรด้วยล่ะศิษย์พี่” กังฟูเอ่ย
“เกี่ยวสิ..เพราะพรุ่งนี้..ศิษย์พี่ติดเรียนไง..โอเคนะ..จบ...ฮ่าๆๆๆ” บู๊ลิ้มหัวเราะชอบใจแล้วเดินไปเปิดทีวีดูมังกรหยกต่อ โดยมีกังฟูมองอย่างหมั่นไส้

วันต่อมา เมลดากำลังเข้ามาเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล แต่เจอพยาบาลอมยิ้มขำออกมาจากห้องพักพ่อ เพราะเพิ่งเจอเรื่องตลกข้างในห้อง
“อาการคุณพ่อชั้นวันนี้เป็นยังไงบ้างคะ” เมลดาถาม
“กำลังอารมณ์ดีเชียวค่ะ” พยาบาลว่า
“อารมณ์ดี? หมายความว่ายังไงคะ” เมลดาถามต่อ แต่ก็ยิ่งงงเมื่อเห็นพยาบาลอมยิ้ม

เมลดาเข้ามาในห้องพัก เห็นพ่อกำลังหัวเราะสนุกสนานเพราะกังฟูที่กำลังรำมวยจีนให้ดู
“หมัดตั๊กแตนแดนสุขาวดี !! ย๊าก..ฮึ่ย..เฮ้ย !!”
กังฟูร่ายรำท่าเลียนแบบมวยตั๊กแตนแล้วชกลมซ้ายๆขวาๆ ดูขำปนเท่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอีกมวย
“หมัดวานรสอนน้องกินกล้วย !! ย๊าก..ฮึ่ย..เฮ้ย !!”
กังฟูทำท่าลิงปนกับท่ามวยจนชนะหัวเราะชอบใจและนึกสนุก
“น่าสนว่ะไอ้ตี๋..ลองปะทะกับมวยไทยโบราณของข้าสักหน่อยเว้ย” ชนะว่า
แต่ไม่ทันที่ชนะจะเข้าไปลองเชิง เมลดาก็เสียงดังแหวกอากาศขึ้นทันที
“พอ !! หยุดกันได้แล้ว”
ทั้งกังฟูทั้งชนะพากันชะงักหันมามองเมลดาที่ตีหน้ายักษ์โกรธจนตาเขียวปั๊ด

เมลดาพยายามผลักไสไล่ส่งกังฟูให้ออกจากห้อง
“ออกไปเลยนะ..อย่ามาให้ชั้นเห็นหน้านายอีก”
“เดี๋ยวสิครับคุณ..ผมตั้งใจมาเยี่ยมพ่อคุณจริงๆนะครับ”
“มาเยี่ยมแล้วมาชวนพ่อชั้นให้ลุกขึ้นมาเตะต่อยกับนายเนี่ยนะ ถ้าพ่อชั้นเกิดเป็นอะไรขึ้นมานายมีปัญญารับผิดชอบมั้ย..ไป !!”
“ไม่ต้องไปไล่เขาหรอกเม พ่อเป็นคนขอให้เพื่อนลูกโชว์มวยจีนให้ดูเอง” ชนะเอ่ยขึ้น
“ว่าไงนะคะพ่อ ?” เมลดาเอ่ย
“เพื่อนลูกเขาแวะมาเยี่ยมพ่อ เห็นกำลังดูถ่ายทอดมวยอยู่ก็เลยชวนคุยกันเรื่องหมัดๆ มวยๆจนถูกคอ พอพ่อรู้ว่าเขาเคยฝึกมวยจีนมาบ้าง ก็เลยขอให้เขาโชว์ให้ดูหน่อย” ชนะอธิบาย
“แค่เคยครูพักลักจำมาแค่นิดๆหน่อยๆ แต่ตอนนี้ไม่ได้ฝึกต่อแล้วครับลุง” กังฟูบอกชนะ
“นี่นาย !!” เมลดาขึ้นเสียงใส่อีก
“ออกไป..ชั้นอยากให้พ่อชั้นพักผ่อนเยอะๆ ไม่ใช่มาฟังเรื่องไร้สาระจากนาย” เมลดาเปิดประตูไล่
“มวยจีนไม่ไร้สาระนะคุณ มันก็เหมือนมวยไทย เป็นศิลปะการฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่ง พ่อคุณจะได้หายไวๆไง” กังฟูว่า
“ขอบใจ..แต่ชั้นดูแลพ่อชั้นเองได้ย่ะ..ไป !!” เมลดายังไม่ต่อ
“ไม่เป็นไรไอ้ตี๋..จัดการเรื่องนั้นให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาคุยกันอีก” ชนะว่า
“ครับคุณลุง” กังฟูยิ้มให้ชนะแล้วหันมามองเมลดาอย่างกวนๆ “หน้าก็สวย แต่ดุอย่างกับ..”
“อะไร !!” เมลดาพูด
กังฟูไม่ตอบ เขาทำหน้ากวนๆทะเล้นใส่แล้วรีบชิ่งออกไป
“ฝากไว้ก่อนเถอะ..นายกังฟู !!”
“พ่อชอบเพื่อนลูกคนนี้นะเม..พ่อว่ามันทะเล้นดีแถมยังซื่ออีก..ฮ่าๆๆ” ชนะว่า
“พ่อ !!”

เมลดาจัดเตียงคนไข้แล้วพยุงพ่อให้นอนบนเตียงต่อ
“ตอนนี้พ่อต้องพักผ่อนเยอะๆ ระหว่างรอหมอที่คุณเมฆาหามารักษาพ่อเป็นพิเศษ” เมลดาพูด
“ต่อให้พาหมอเทวดาเอายาผีบอกมาให้ พ่อก็ไม่รอดอยู่ดีหรอกลูก” ชนะเอ่ย
“พ่อ !! ทำไมพูดอย่างนี้”
“เพราะพ่อยอมรับความจริงไง มะเร็งมันเล่นงานพ่อจนเหลือเวลาอีกแค่ไม่เท่าไหร่แล้ว พ่อเลยไม่อยากให้ลูกต้องมานั่งทนทุกข์อยู่กับพ่อ”
“ไม่ค่ะพ่อ..เราเหลือกันอยู่แค่ 2 คนพ่อลูก หนูจะไม่ยอมเสียพ่อไปเด็ดขาด”
เมลดาโผเข้าไปสวมกอดพ่อแน่นแล้วน้ำตาคลอ ชนะอดสงสารลูกไม่ได้ เขาลูบหัวเมลดาด้วยความเป็นห่วง
“เราไม่ได้เหลือกันอยู่แค่ 2 คนนะเม..ลูกยังมี..”
ชนะพูดไม่ทันจบประโยคดีเมลดาก็ผละออกจากพ่อด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“พ่อไม่ต้องพูดถึงพี่เลย พี่เขาตายไปจากชีวิตพวกเราแล้ว”
“แต่ยังไงเขาก็โตมากับลูกเป็นเหมือนพี่น้องกัน ก่อนที่พ่อจะตาย พ่ออยากให้เราสองคนกลับมารักกันเหมือนตอนเด็กๆ พ่อจะได้ไปอย่างหมดห่วง”
เมลดานิ่งไม่ยอมพูดอะไร ชนะต้องกุมมือลูกสาวมาบีบเบาๆอย่างขอร้อง
“ทำให้พ่อได้มั้ยลูก”
เมลดานิ่งอยู่ครู่แล้วสงสัย “เรื่องนี้ใช่มั้ยคะที่พ่อขอให้นายกังฟูไปจัดการทำธุระให้”
ชนะชะงักอ้ำอึ้งขึ้นมาทันที “เอ่อ..เปล่านะลูก”
“พ่ออย่ามาโกหกหนู..พ่อมีที่อยู่ของพี่ พ่อแอบติดต่อกับพี่มาตลอด แต่พ่อไม่เคยบอกหนูเลย”
“เอ่อ..คือ..พ่อรู้สึกไม่ค่อยดีเลยลูก” ชนะทำเป็นไอ “อยากนอนพักผ่อนแล้วล่ะ พ่อนอนนะ”
ชนะรีบนอนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ส่วนเมลดาชักสีหน้าไม่พอใจ รีบเดินออกไปจากห้องทันที

กังฟูกำลังจะขับเจ้าติ่มซำออกจากโรงพยาบาล แต่ต้องเบรคเอี๊ยดหน้าคะมำทิ่มพวงมาลัย เพราะเมลดาวิ่งมาตัดหน้าขวางทาง กังฟูรีบลงจากรถมือกุมหัว
“อู้ย..อะไรกันเนี่ยคุณ ถ้าชีวิตมันน้ำเน่ามากก็ไปวิ่งตัดหน้ารถคนอื่น รถผมไม่ได้ประกันชั้นหนึ่งนะ”
“หุบปาก !!” เมลดาขึ้นเสียงชี้หน้าดุใส่แล้วเข้าไปค้นตัวกังฟูทันที
“อยู่ไหน..เอามาให้ชั้นเดี๋ยวนี้” เมลดาว่า
“อะไรของคุณ..มายุ่งอะไรกับผมเนี่ย” กังฟูเอ่ย
“อย่าให้ชั้นหาเจอนะ..ไม่งั้นนายเจ็บตัวแน่”
เมลดาลูบๆตบๆล้วงๆทั้งตัวรวมทั้งกระเป๋ากางเกงควานหาจนกังฟูเสียววาบ
“เย้ย..อย่า..อย่าล้วงตรงนั้น..มันเสียว..อู้ย..โอ้ว..อ้าว...อ้าาาาาาา”
“ยี้ !! ไอ้บ้า..ไอ้ทุเรศ !! โรคจิต !!” เมลดารีบชักมือออก
“คุณนั่นแหละโรคจิต..อยู่ๆเที่ยวมาลูบๆคลำๆแถมยังล้วงยังควักผมอีก แล้วจะไม่ให้ผมเสียวหวาด หวาดเสียวได้ไงล่ะ”
“ก็ชั้นจะเอาที่อยู่ของพี่สาวที่พ่อชั้นให้นายมาไง อยู่ไหน..เอามาเดี๋ยวนี้”
“ไม่มี” กังฟูชะงัก
“หน้าก็โง่ๆอยู่แล้วไม่ต้องมาตีหน้าซื่ออีก นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของชั้น นายเป็นคนนอก ไม่ต้องมาจุ้น”
“อ้าว..ผมไม่ได้อยากจะจุ้นเรื่องคนอื่นหรอก แต่ผมสงสารพ่อคุณ ฟังท่านเล่าเรื่องดราม่าของคุณกับพี่สาวแล้วเลยอาสาจะไปตามมาให้ ดีกว่าปล่อยท่านต้องนอนช้ำใจเพราะลูกสาวหัวดื้ออย่างคุณ”
เพี๊ยะ !! กังฟูพูดไม่ทันจบก็โดนเมลดาตบแก้มจนหน้าหัน
“เย้ยย !! เป็นอะไรกับปลื้มจิตป่ะเนี่ย เอะอะอะไรก็ตบ..ตบ..ตบอยู่นั่นแหละ หน้าคนนะไม่ใช่ลูกวอลเลย์”
“นายไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ชั้น ถ้าไม่เอาที่อยู่ของพี่สาวชั้นมา คราวนี้ชั้นจะตบลืมแบมือ หน้าโง่ๆอย่างนายจะได้ฉลาดขึ้นมาบ้าง”
“ไม่ต้องๆ พอแล้ว..พ่อคุณไม่ได้จดที่อยู่พี่สาวคุณให้ผมหรอก พอดีไม่มีปากกาก็เลยบอกให้ผมท่องจำเอา”
“งั้นบอกมา..ที่อยู่ของพี่สาวชั้นอยู่ที่ไหน”
กังฟูมือลูบแก้มที่โดนตบแล้วนิ่งมองเมลดาอย่างครุ่นคิดมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ จนเมลดาไม่ค่อยไว้ใจ

กังฟูขับเจ้าติ่มซำมาตามถนนย่านชุมชน กังฟูขับรถไปร้องเพลงเถี่ยนมี่หมี่ไป
“เถี่ยน มี่ หมี่ หนี่ เซียว เต่อ เทียน มี่ มี่ เฮา เซียง ฮัว เอ๊อ ไค ไจ ชุน เฝิ่ง ลี ไข่ ไจ ชุน เฟิ่ง ลี…ไจ่ นา หลี่ ไจ่ นา หลี่ เจี่ยน กัว นี นี ตี เซียว ย้ง เจอ ยัง โซว สี อั่ว อี ซือ เซี่ยง ปู่ ชี” กังฟูร้องไปอย่างอารมณ์ดี
เมลดาหน้างอ อารมณ์เริ่มบูด “หยุดร้องเพลง แล้วๆรีบขับรถพาชั้นไปให้ถึงซะที”
“ก็กำลังพาไปอยู่นี่ไงคุณ แต่เห็นคุณเอาแต่นั่งหน้าหงิกมาตลอดทางกลัวคุณอารมณ์บูด แล้วหาเรื่องตบผมอีก ผมเลยร้องเพลงให้ฟังแก้เซ็ง”
“ที่ชั้นเซ็งเพราะความกวนประสาทของนาย หาเรื่องแกล้งชั้นใช่มั้ย ถึงไม่ยอมบอกที่อยู่พี่สาวชั้น แต่ให้ชั้นมานั่งฟังนายเห่าหอนอยู่แบบนี้”
“โอ้ว..แร๊ง !! เสียงผมออกจะเพราะไม่งั้นจะหากินอยู่ในคณะงิ้วได้เหรอคุณ
“ชั้นไม่สนใจว่านายจะทำมาหากินอะไร แต่ถ้านายไม่รีบพาชั้นไปล่ะก็..นายโดน”
เมลดาพูดไม่ทันขาดคำ กังฟูก็เบรครถกระทันหัน..เอี๊ยด !! เมลดาเกือบกหัวกระแทก
“ไอ้บ้า !! นายจะเอาคืนชั้นเหรอ”
“แค้นคุณน่ะเหรอ...10 ปีรอแก้แค้นก็ยังไม่สาย แต่ที่รอไม่ได้น่ะ..โน่น ลูกค้าผมมารอซื้อขนมจีบติ่มซำต่างหาก” กังฟูยักคิ้วกวนแล้วลงจากรถ
เมลดาอึ้ง “นี่นายพาชั้นมาจอดรถขายขนมจีบเหรอ..มันไม่ใช่เวลานี้นะ..นายกังฟู..นายกังฟู !!”

เจ้าสัวเพ้งกับมาดามเหมยอิงมาตรวจการก่อสร้างโครงการ Complex โดยมีเมฆาเป็นคนพาเข้ามาตรวจงาน
“เท่าที่ผมตรวจดูรายงานของวิศวกรโครงการแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการก่อสร้าง กำหนดการเปิดตัวโครงการใหญ่ของเราไม่มีล่าช้าแน่ครับพ่อ” เมฆากล่าว
“จะช้านิดช้าหน่อยพ่อไม่เร่งรีบหรอกนะเมฆา ขอให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุดก็พอ อย่าให้เสียชื่อบริษัทได้” เจ้าสัวเอ่ย
“รับรองครับ..ผมไม่ทำให้ชื่อเสียงที่พ่อสั่งสมมาตลอดชีวิตต้องเสียหายแน่นอน” เมฆาตอบรับ
เจ้าสัวตบบ่าเมฆาอย่างไว้ใจ ก่อนจะหันไปคุยกับวิศวกรโครงการ
“ผมอยากดูโครงการสวนน้ำว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว”
“เชิญทางนี้เลยครับเจ้าสัว” วิศวกรว่า
เจ้าสัวเพ้งหันมาพยักหน้าให้มาดามเหมยอิงแล้วออกไปกับวิศวกร มาดามเหมยอิงเข้ามาจับมือเมฆาอย่างชื่นชม
“ลูกทำให้พ่อเขาภูมิใจมากเลยนะเมฆา มานี่สิ แม่มีเรื่องจะคุยด้วย” เหมยอิงยิ้มให้
เมฆามองแม่อย่างสงสัย

เมฆาสีหน้าแปลกใจเมื่อเหมยอิงบอกเรื่องงานที่เจ้าสัวให้เธอมาเป็นธุระบอกเมฆา
“ว่าไงนะครับแม่..พ่อจะส่งผมไปบุกเบิกธุรกิจที่ยุโรป ?” เมฆาถาม
“ใช่จ้ะ ตอนแรกพ่อตั้งใจจะบอกลูกก่อนหน้านี้แล้ว แต่เพราะเกิดเรื่องกับหลินหลินขึ้นมา เลยให้แม่มาบอกลูกตอนนี้” เหมยอิงกล่าว
“แล้วงานที่ผมดูแลอยู่ที่นี่ล่ะครับ”
“พ่อเขาภูมิใจผลงานของลูกที่นี่มาก ก็เลยอยากให้ลูกได้ใช้ความสามารถไปบุกเบิกธุรกิจ ของเราให้ขยายไปไกลมากกว่านี้”
เมฆานิ่งเงียบ สีหน้าครุ่นคิด เหมยอิงแตะไหล่ลูกชาย
“แม่คิดว่านี่คือโอกาสดีของลูก ถ้าลูกแต่งงานกับเมลดา ครอบครัวของลูกจะได้ไปเริ่มต้นชีวิตที่โน่น” เหมยอิงพูดต่อ
“แต่ผมชอบอยู่ที่นี่มากกว่า ผมไม่ได้อยากเริ่มต้นใหม่” เมฆาว่า
“แม่รู้ว่าการเริ่มต้นใหม่มันเหนื่อยยากมาก แต่อย่าลืมนะ ที่เราสองคนแม่ลูกมีชีวิตสุข สบายได้อย่างทุกวันนี้ก็เพราะเจ้าสัว ถ้าเขาไม่มาพบเรา ป่านนี้เราจะเป็นยังไง”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง..ตอนนั้นแม่เพิ่งจะคลอดผม แล้วผมจะไปจำอะไรได้”
“เมฆา ! อย่าให้แม่ได้ยินลูกพูดอย่างนี้อีกนะ คนเราถ้าไม่รู้จักกตัญญูรู้คุณ ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน แม่เลี้ยงลูกให้เป็นคนไม่ใช่สัตว์”
เมฆานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนทำเป็นยอม “ผมขอโทษครับแม่..ผมแค่กังวลว่าผมจะทำให้พ่อเขาผิดหวัง เอาเป็นว่า..ผมจะไปให้คำตอบและทำให้พ่อมั่นใจว่าผมจะตอบแทนพระคุณเขา”
“ดีมากลูก..ไปขอบคุณพ่อให้เขามั่นใจในตัวลูก” เหมยอิงเอ่ย

เจ้าสัวเพ้งเดินตามวิศวกรโครงการเข้ามาดูงานที่ตึกสูงของไซต์งาน โดยมีมิเชลกับบอร์ดี้การ์ด 1 คนเดินตาม
“ทางนี้ครับเจ้าสัว ถ้าจุดชมวิวตรงนี้เสร็จจะเป็นจุดที่มองเห็นสวนน้ำได้ทั้งโครงการเลย” วิศกรว่า
เจ้าสัวเดินตามวิศวกรเข้ามา แต่ระหว่างนั้นมิเชลสังเกตเห็นโครงสร้างเหล็กไม่มั่นคงกำลังจะหล่นลงมาเลยรีบเข้าไปรั้งเจ้าสัว...โครม !! โครงเหล็กล้มลงมาเฉียดเจ้าสัวไปไม่เท่าไหร่
“เป็นอะไรรึเปล่าคะเจ้าสัว” มิเชลถาม
“ผมไม่เป็นไร..โชคดีที่คุณช่วยผมไว้” เจ้าสัวเอ่ย
“เจ้าสัวครับผมขอโทษ..ผมสั่งให้ลูกน้องดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่แล้ว..แต่ทำไม” วิศวกรรีบพูด
“ชั้นว่าแทนที่คุณจะเอาแต่ขอโทษและหาข้อหาอ้าง คุณควรจะไปตรวจหาสาเหตุและระวังความปลอดภัยให้มากกว่านี้..ไปสิ !!” มิเชลสั่ง แล้วพาเจ้าสัวเดินไปอีกมุมหนึ่งซึ่งใกล้กับผนังตึกที่ยังไม่ได้ติดกระจกจึงโล่งเห็นพื้นเบื้องล่างซึ่งสูงพอควร
“เจ้าสัวรออยู่ตรงนี้ก่อนดีกว่าค่ะ ขอให้ชั้นเช็คความปลอดภัยให้แน่ใจก่อน”
เจ้าสัวเพ้งพยักหน้ารับแล้วหันไปยืนมองวิวจากข้างบนสู่เบื้องล่าง มิเชลหันไปพยักหน้าให้บอดี้การ์ดพวกเดียวกันขยับเข้ามายืนใกล้ๆเจ้าสัวพร้อมลงมือผลักให้ตกลงไปเบื้องล่าง แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวเมฆาก็เข้ามาขัดจังหวะ
“พ่อครับ !!”
มิเชลกับลูกน้องชะงักหันไปมองเมฆาที่เข้ามาขัดจังหวะ
“เมฆา..คุยธุระกับแม่เราเสร็จแล้วเหรอ”
“ครับพ่อ..แม่บอกผมเรื่องนั้นแล้ว ผมเลยอยากจะมาให้คำตอบกับพ่อด้วยตัวเอง”
เมฆาพูดไปก็คุกเข่าลงตรงหน้าเจ้าสัวทำเอามิเชลแปลกใจสงสัย
“ผมยินดีจะทำตามคำชี้แนะของพ่อ เพราะชีวิตผมกับแม่อยู่สุขสบายได้อย่างทุกวันนี้ก็เพราะพระคุณของพ่อครับ”
“เมฆา ลุกขึ้นเถอะลูก” เจ้าสัวรีบประคองเมฆาขึ้นมากอดแน่น น้ำตาคลอด้วยความปลื้มปิติ ผิดกับสีหน้าของเมฆาที่สบตากับมิเชลอย่างขัดแย้งกัน

จางซื่อคุกเข่ากราบไหว้เทพเจ้าประจำศาลที่ศาลเจ้าจีนแห่งหนึ่งท่ามกลางควันธูปคละคลุ้ง ครู่หนึ่งมิเชลก็กระชากลากตัวเมฆาเข้ามา แล้วผลักจนไปล้มลงใกล้ๆจางซื่อ
“ถ้าเธอดูถูกชั้นเหมือนเป็นลูกน้องเธอแบบเมื่อกี้นี้อีกล่ะก็..ชั้นเอาเรื่องเธอแน่มิเชล !!” เมฆาว่า
“ชั้นควรจะจัดการหุบปากคุณให้เลิกคุยโวโอ้อวดก่อนจะลากมาให้อาจารย์สั่งสอน”
“แต่ที่เธอไม่กล้าทำ เพราะเธอไม่กล้าแตะต้องชั้นไงมิเชล”
มิเชลไม่พอใจจะเข้าไปเอาเรื่องเมฆา แต่โดนจางซื่อสั่งห้าม
“พอได้แล้ว ไม่เห็นเหรอไงว่าชั้นกำลังทำอะไรอยู่”
“ศิษย์ขอโทษค่ะอาจารย์ แต่เพราะเขากำลังคิดหักหลังเรา ศิษย์ถึงต้องรีบพามาให้อาจารย์สั่งสอน” มิเชลเอ่ย
“คิดหักหลัง ?”
“ผมไม่ได้คิดหักหลัง มิเชลเข้าใจผิด” เมฆาพูด
“เขาคิดหักหลังแน่นอนค่ะอาจารย์ เพราะเขาเข้ามาขัดขวางไม่ให้ชั้นฆ่าเจ้าสัว” มิเชลว่า
“ชั้นขวางทางไม่ให้เธอฆ่ามันจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะชั้นคิดจะหัก..” เมฆาพูดไม่ทันจบประโยคดีนัก จางซื่อใช้วิชาดัชนีสะกัดจุดจิ้มไปตามลำตัวของเมฆาทำให้ชะงักจนตัวแข็งทื่อ
“ชั้นถูกผู้หญิงที่ชั้นรัก ผู้หญิงคนที่แกเรียกว่าแม่ทรยศชั้นไปครั้งนึงแล้ว อย่าคิดว่าชั้นจะยอมให้แกทำกับชั้นแบบนั้นได้อีก” จางซื่อเอ่ย
เมฆาโดนดัชนีสะกัดจุดตัวแข็ง กรอกตาไปมาพยายามจะปฏิเสธแต่ไม่มีเสียง จางซื่อเข้ามาจ้องหน้าเขม็งแล้วจี้ คลายจุดให้ แต่ก็ยังทำให้ร่างกายเมฆาทรุดอ่อนแรงพอจะพูดได้อย่างเหนื่อยๆ
“ผม..ผม..ผมไม่ได้คิดทรยศพ่อเหมือน..เหมือนกับที่แม่เคยทำไว้ พ่อ..พ่อต้องเชื่อผม”
“งั้นทำไมแกถึงต้องขัดขวางมิเชล” จางซื่อถาม
“ไอ้..ไอ้เจ้าสัวมันจะส่งผมไปยุโรป อ้างจะให้..ให้ผมไปบุกเบิกธุรกิจใหม่ แต่ผมรู้ว่ามันไม่อยากให้อยู่เกะกะขวางทาง ตอนที่มันยกธุรกิจทั้งหมดให้นังเด็กนั่น มันกลัวผมไม่พอใจ ผมเลยไม่อยากเห็นมันตายคนเดียว แต่อยากเห็นมันตายกันยกโคตร !!” เมฆาพูดออกมาพร้อมแววตาจงเกลียดจงชังดูเอาเรื่องและน่ากลัว จางซื่อนิ่งคิดอยู่ครู่แล้วช่วยพยุงเมฆาขึ้นมา
“อาจารย์ !!” มิเชลเอ่ย
“ลูกชายชั้นพูดถูกแล้วมิเชล ผู้กำหนดชะตากรรมชีวิตคนอื่นได้ ผู้นั้นคือผู้กำชัย” จางซื่อพยุงเมฆาแล้วส่งให้มิเชลดูแลต่อ
“วิชาดัชนีสลายพลังจะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงอยู่อีกสักพัก เธอดูแลลูกชายชั้นให้ดี เขาอยากได้อะไรจัดให้เขาไป” จางซื่อกำชับมิเชลแล้วหันไปไหว้เทพเจ้าต่อ
เมฆายิ้มให้มิเชลอย่างได้ที ผิดกับมิเชลได้แต่หน้านิ่งเก็บอารมณ์แม้จะหมั่นไส้เมฆาเพราะคำสั่งอาจารย์

ขณะเดียวกัน กังฟูขายติ่มซำขนมจีบให้ลูกค้าจนเกลี้ยงตู้
“ขนมจีบเข่งนี้ผมแถมให้อาม่าเป็นพิเศษ เหมาหมดร้านไปเลยนะครับ” กังฟูว่า
“ขอบใจนะอาตี๋..ลื้อนี่หน้าตาดีแถมยังใจดีอีก มิน่าถึงได้มีแฟนสวย” ลูกค้ากระแซะแซวกังฟู เพราะเห็นเมลดากอดอกจ้องเขม็งมาที่กังฟู
“แต่ท่าทางอีจะหึงอั้วนะ..อั้วว่าอั้วไปดีกว่า เดี๋ยวจะทำครอบครัวลื้อร้าวฉาน” ลูกค้าหยิกแก้มกังฟูอย่างเอ็นดูแล้วรีบออกไป กังฟูอมยิ้มหางตามองเมลดาแล้วหันไปเก็บร้าน เมลดาเข้ามาวีน
“นายกับลูกค้านายเมาท์อะไรชั้น”
“เมาท์อะไรกันคุณ..ระแวงเกินเหตุไปป่ะ”
“แต่ชั้นได้ยินนะ เขาหาว่าชั้นเป็นแฟนนายใช่มั้ย”
กังฟูยิ้มแล้วหันไปเก็บของต่อ
“นายกังฟู !! นายให้คนอื่นเข้าใจชั้นผิดแบบนี้ไม่ได้นะ ชั้นกับนายแทบจะไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าอะไรกันเลยด้วยซ้ำ” เมลดาว่า
“ไม่รู้จักกันเหรอ..ไม่หรอกมั้ง เพราะเท่าที่ผมฟังพ่อคุณเล่าชีวิตคุณให้ฟังแล้ว ผมว่าผมรู้จักคุณดีขึ้นเยอะเลย”
เมลดาชะงัก “นี่นายคุยกับพ่อชั้นแค่ครั้งเดียว พ่อชั้นก็เล่าเรื่องชีวิตชั้นให้นายฟังหมดเลยเหรอ”
“ก็ไม่ได้ทุกเรื่องหรอก แค่พอคุยกันถูกคอ พ่อคุณก็เล่าให้ฟังว่าตอนเป็นเด็กคุณมีนิสัยแย่ๆ อะไรบ้าง..ชอบแคะขี้มูกแล้วเอามากินเนี่ยนะ..แหวะ” กังฟูพูดไปยิ้มไปแล้วเดินเก็บของที่ท้ายรถ
เมลดาชักสีหน้า รู้สึกโกรธจนทนไม่ไหว

เมลดาตามกังฟูมาที่ท้ายรถแล้วปิดฝากระโปรงท้ายดัง..ปัง !! กังฟูสะดุ้งโหยง
“พอกันทีนายกังฟู ชั้นทนให้นายแก้แค้นเอาคืนชั้นไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่รีบบอกที่อยู่พี่สาวชั้นมาล่ะก็” เมลดาเอ่ย พลางปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนแล้วทำผมยุ่งๆยิ้มร้ายแล้วตะโกน
“ช่วยด้วย ไอ้บ้ากามกำลังจะปล้ำชั้น..ช่วยด้วย..ช่วยด้วย”
กังฟูตกใจ “อย่านะคุณ..เดี๋ยวผมโดนชาวบ้านตื้บ”
กังฟูรีบเอามือปิดปากเมลดาไม่ให้ส่งเสียง เมลดาพยายามดิ้นแถมยังกระทุ้งศอกใส่จนกังฟูจุกตัวงอ
“อู้ยย..ผมพูดจริงๆนะคุณ..ผมไม่ได้คิดจะแก้แค้นถ่วงเวลาคุณเลย..อู้ยยย” กังฟูว่า
“ไม่เชื่อ !!”
“จริง !! ผมจำบ้านเลขที่ไม่ได้ จำได้แต่ชื่อซอย แต่ไม่กล้าบอกคุณเดี๋ยวโดนคุณสวมวิญญาณปลื้มจิตตบผมอีก ผมก็เลยต้องวางฟอร์มทำเป็นรู้ แต่ที่จริงผมถามหาบ้านพี่สาวคุณจากลูกค้าที่มาซื้อติ่มซำกับผมอยู่ต่างหาก”
เมลดาจิกตามองอย่างสงสัย
“ฟ้าดินเป็นพยาน ไอ้กังฟูไม่โกหกจริงๆ”
“ก็ได้..ชั้นจะยอมเชื่อในความซื่อบื้อของนาย..แล้วตอนนี้รู้รึยัง”
“รู้..รู้แล้ว..อาม่าคนเมื่อกี้เพิ่งบอกผม แต่เดี๋ยวผมหายจุกแล้วจะขับรถไปส่ง” กังฟูยังกุมท้องร้องอู้ยยย
ส่วนเมลดาเชิดหน้าอย่างหมั่นไส้

กังฟูจอดเจ้าติ่มซำที่หน้าบ้านเช่าหลังหนึ่ง
“หลังนี้แน่นะ” เมลดาถาม
“แน่สิ..ผมไม่เสี่ยงเอาหน้าหล่อๆผมมารองฝ่ามือตบพิฆาตของคุณอีกหรอก” กังฟูว่า
“งั้นก็เสร็จธุระของนายแล้ว ไปซะแล้วไม่ต้องมาจุ้นจ้านเรื่องในครอบครัวชั้นอีก” เมลดาบอกแล้วลงจากรถจะไปกดกริ่ง แต่กังฟูรีบลงจากรถตามมาคุยอีก
“เดี๋ยวสิคุณ ขอผมเตือนอะไรคุณสักอย่างก่อนได้มั้ย”
เมลดาหันมาจิกหน้าจะเอาเรื่อง แล้วเงื้อมือทำท่าจะตบขู่
“เดี๋ยว !! ผมไม่ได้เอาหน้ามาตั้งชงรอให้คุณตบอีกนะ แต่ผมซีเรียสอยากเตือนคุณจริงๆ” กังฟูพูดไปก็หลับตาปี๋กลัวเมลดาจะตบ แต่เมลดาเห็นท่าทางกังฟูจริงจังเลยลดมือลง
“มีอะไรก็รีบพูดมา”
“คุณก็รู้ว่าอาการของพ่อคุณเป็นยังไง การที่อยู่ๆเขามาไว้ใจคนนอกอย่างผมให้ช่วยมาตามพี่สาวคุณ มันก็มีอยู่เหตุผลเดียว คืออยากให้พวกคุณกลับมาคืนดีกัน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป” กังฟูว่า
เมลดานิ่งไป สีหน้าครุ่นคิด
“และไอ้คนหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างผม ถ้ารู้ว่ายังมีญาติพี่น้องเหลืออยู่ล่ะก็ ผมจะรักษาเขาไว้ จะไม่ยอมปล่อยเขาไปจากชีวิตเด็ดขาด” กังฟูพูดต่อ
“พูดแบบนี้แสดงว่าพ่อชั้นไม่ได้เล่าละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นกับชั้นกับพี่สาวชั้น งั้นนายก็ไม่มีสิทธิ์มาเตือนชั้น..ไปได้แล้ว” เมลดาไล่
“แต่ว่า…”
“ไปสิ !!!”
กังฟูหน้าจ๋อยๆยอมเดินกลับไปที่รถแล้วขับออกไป เมลดามองตามรถกังฟูไปได้ครู่ก่อนจะหันไปมองตัวบ้าน

เมลดานั่งรออยู่ที่ห้องโถงบ้านเช่า เจ๊เจ้าของบ้านเช่าต้องตะโกนโหวกเหวกเรียกเนตรให้รีบลงมา
“ญาติหล่อนมารอนานแล้วนะยะ..นังคุณนายตื่นสาย”
“รู้แล้วน่าเจ๊..เรียกอยู่ได้” เนตรตะโกนตอบ
สิ้นเสียงตะโกนโหวกเหวกกลับมาได้ครู่ เนตรก็เดินลงจากชั้น 2 พร้อมเสียงปั้นปึ่งอย่างหัวเสีย
“พ่อมาก็ดีแล้ว..เดือนนี้ช่วยจ่ายค่าเช่าห้องกับเงินที่ชั้นยืมเจ๊เขาให้หน่อยสิ ทวงเช้าทวงเย็นรำคาญจะแย่แล้ว” เนตรพูดไปได้ไม่ทันมองว่าคนที่มารอพบไม่ใช่พ่อแต่เป็นน้องสาวตัวเองเลยชะงัก
“เม !!”
“ค่ะพี่เนตร..เมเอง”
สองพี่น้องนิ่งมองหน้ากันอย่างกระอักกระอ่วน
อ่านต่อหน้าที่ 3


ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู ตอนที่ 2 (ต่อ)
เนตรจับแขนเมลดาพาออกมานอกบ้าน

“ไปซะ..ชั้นไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ ไม่อยากเห็นหน้าเธอด้วย” เนตรว่า
เมลดาแกะมือ “เมก็ไม่ได้อยากมาเจอหน้าพี่นักหรอก ยิ่งมาได้ยินกับหูว่าพี่ยังคอยไถเงินพ่ออยู่ เมก็ไม่อยากจะมองหน้าพี่เลยด้วยซ้ำ” เมลดาว่า
“ยัยเม !! พ่อเขาคอยช่วยเหลือชั้นอยู่ต่างหาก”
“ให้พ่อคอยช่วยเหลือ แล้วไอ้ผีพนันคนนั้นล่ะ คนที่พี่หลงมันหัวปักหัวปำ หอบเสื้อผ้าหนีตามมันไป จนแม่ต้องไปตามแล้วถูกรถชนตายล่ะ มันหายหัวไปไหน หรือว่ามันก็ทิ้งพี่ไปแล้วเหมือนกัน” เมลดาว่า
เนตรชะงัก “ถ้าจะตามมาด่าชั้นเหมือนที่ด่าชั้นเสียๆหายๆในวันงานศพแม่ล่ะก็..รีบๆไปซะ ก่อนที่ชั้นจะสั่งสอนเธอ”
“จะเอาอะไรมาสั่งสอน..ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดแบบนี้” เมลดาพูด
“ยัยเม !!” เนตรเงื้อมือจะเข้าไปตบสั่งสอนน้องสาว แต่ชะงักค้างก่อนจะถึงหน้าเพราะเมลดาเชิดหน้าจ้องเขม็งพี่
เนตรลดมือลง “ได้..ชั้นจะไม่พึ่งพ่อเธออีก ถ้าพอใจแล้วก็รีบไปซะ ชั้นต้องไปทำมาหากิน”
“พี่ไม่ต้องมารับปากชั้นหรอก เพราะพ่อเขาคงจะไม่มีโอกาสมาช่วยอะไรพี่ได้อีก”
“เธอหมายความว่าไง” เนตรถาม
“พ่อเป็นมะเร็ง หมอบอกว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน ถ้าอยากทดแทนบุญคุณที่แม่กับพ่อเมรักพี่เลี้ยงพี่มาเหมือนลูกล่ะก็ แวะไปหาท่านบ้างแล้วกัน” เมลดาเอ่ยน้ำตาคลอ
เนตรชะงักตกใจ เมลดาปาดน้ำตาแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรกับพี่สาวอีกเลย

ฮูหยินนั่งจับตาดูการฝึกวิชาให้พายุโดยมีเฮียเฉินเป็นคนฝึกให้อย่างตั้งใจ ทั้งคู่รำมวยเข้าจังหวะแล้ว จดๆจ้องๆกัน ระหว่างนั้นบู๊ลิ้มยกน้ำชาเข้ามาให้ฮูหยิน
“น้ำชาครับแม่”
“ขอบใจนะบู๊ลิ้ม..มานั่งดูพี่พายุฝึกวิชาของสำนักเราด้วยกันสิ”
“ไม่รอพี่กังฟูก่อนเหรอครับแม่” บู๊ลิ้มถาม
“นี่เป็นการฝึกของคนที่แม่อนุญาตเท่านั้นนะบู๊ลิ้ม” ฮูหยินพูดดุๆ
“ครับแม่” บู๊ลิ้มตอบรับหน้าจ๋อยๆ
“เฮียเฉิน !!” ฮูหยินตะโกนสั่งสามีเสียงดัง
เฮียเฉินพยักหน้ารับเมียแล้วกำหมัดแน่นตั้งท่าเชิงมวยอย่างหนักแน่น ในขณะที่พายุตั้งท่าเตรียมรับมือการถ่ายทอดวิชา

เฮียเฉินซัดเพลงมวยดุดันใส่ไม่ยั้ง พายุพยายามรับหมัดทุกกระบวนท่า แต่ก็ไม่สามารถต้านทานชั้นเชิงมวยของเฮียเฉินได้ ในที่สุดก็ถูกเฮียเฉินเตะจนตัวลอยลงมากระแทกพื้น ฮูหยินลุกขึ้นพรวดอย่างตกใจแล้วรีบเข้าไปประครองพายุทันที
“เป็นยังไงบ้างพายุ” ฮูหยินถาม
“ไม่เป็นไรครับอาจารย์แม่ ผมยังไหว” พายุว่า
“แม่ว่าพอก่อนเถอะ” ฮูหยินพูดกับพายุ ก่อนหันไปดุเฮียเฉิน “ทำไมเฮียถึงหนักมือกับพายุขนาดนี้”
“ไม่หนักมือแล้วจะเก่งเหรอจ๊ะเมียจ๋า” เฮียเฉินว่า
“กว่าเฮียจะเก่งได้อย่างทุกวันนี้ เฮียใช้เวลาฝึกกี่ปี เฮียก็ต้องเริ่มให้พายุเหมือนกับที่เฮียฝึกมาเหมือนกันสิ” ฮูหยินว่า
“เฮียก็ตั้งใจจะฝึกพื้นฐานให้ก่อนอยู่เหมือนกัน แต่ไอ้เก้าน่ะสิมันมาขอให้เฮีย…” เฮียเฉินไม่ทันพูดจบ เฮียเก้าก็ตีกลองขึ้นมาขัดจังหวะ..ตึง..ตึง..ตึ่ง..โป๊ะ !!
“อาซ้อ..พอดีอั้วลืมไปว่าอั้วตุ๋นซุปไก่ไว้ในครัว อั้วไปดูก่อนนะ เดี๋ยวน้ำแห้งแล้วจะไหม้ ไอ้หลอ..ไปช่วยอั้วในครัว” เฮียเก้ารีบชวนเฮียหลอชิ่งออกไปด้วยกัน
ฮูหยินเลยชักสงสัยจิกหน้ามองเฮียเฉินอย่างเอาเรื่อง เฮียเฉินยิ้มแหะๆ ทำไม่รู้ไม่ชี้ ฮูหยินเลยยิ่งจิกหน้าอยากรู้มากขึ้นไปอีก

เฮียเฉินกับเฮียเก้าถูกฮูหยินดึงติ่งหูลากไปทางซ้ายแล้วลากไปทางขวาสลับกันไปมา ส่วนเฮียหลอลอยตัวไม่สนใจเพราะกำลังแอบเอาเหล้าในไหเทลงไปในส่วนผสมตุ๋นซุป
“มันต้องสูตรอั้วเว้ย..เติมเหล้าเข้าไป..ซู่ซ่าๆ ฮ่าๆๆๆ” เฮียหลอพูด
“โอ๊ยๆๆๆๆ..เบาๆหน่อยสิจ๊ะเมียจ๋า” เฮียเฉินร้อง
“อาซ้อ..เดี๋ยวหูอั้วยาน..โอ๊ยๆๆๆๆ” เฮียเก้าโอดครวญ
“ถ้าพวกเฮียไม่อยากให้อั้วดึงหูพวกเฮียไปตุ๋นในซุปด้วยล่ะก็..บอกมา..พวกเฮียรวมหัวกันแกล้งพายุทำไม” ฮูหยินถาม
“เฮียไม่ได้แกล้งมันนะเมียจ๋า” เฮียเฉินว่า
“ยังมาปฏิเสธอีก..งั้นอั้วจะฉีกหูเฮียคนแรกเลย” ฮูหยินพูด
“อย่าๆๆๆนะจ๊ะเมียจ๋า เฮียบอกแล้วก็ได้ ไอ้เก้ามันสงสัยว่าพายุจะทำผิดกฏ แอบฝึกวิชาของสำนักอื่นมา”
ฮูหยินชะงักหันขวับไปที่เฮียเก้าทันที “เฮียเก้า !!”
เฮียเก้าเหวอ ทำอะไรไม่ถูก รีบหันไปด่าเฮียหลอ “ไอ้หลอ..ลื้ออย่ามายุ่งกับซุปอั้วนะเว้ย”
“ยังจะกะล่อนกับอั้วอีกเหรอ..ได้..เฮียยั่วโมโหท้าทายอั้วเองนะ”
ฮูหยินถอยออกมาจากเฮียเก้า 1 ก้าวแล้วตั้งท่าเชิงมวยไทเก๊กสองมือร่ายรำสวยงาม แต่บรรยากาศรอบๆตัวเกิดการปั่นป่วนของกระแสอากาศที่หมุนวนไปมาตามจังหวะการร่ายรำ เฮียเก้า เฮียเฉินและเฮียหลอเห็นวรยุทธ์ของฮูหยินแล้วเริ่มกลืนน้ำลาย

ร้านน้ำเต้าหู้ของเจ๊ยี้เงียบเชียบ กังฟูเดินเข้ามาหยุดมองรถเข็นที่มีป้ายบอกว่า “ปิด”
กังฟูสงสัยเลยตะโกนเรียก “เจ๊ยี้..เจ๊ยี้..อยู่รึเปล่าเนี่ย..เจ๊ยี้ !!”
เสียงเจ๊ยี้ตะโกนออกมาจากในบ้านด้วยความรำคาญ
“อยู่เว้ย..แต่อั้วไม่ว่าง แหกตาดูเป็นมั้ย วันนี้ร้านปิดเว้ย”
“เห็นแล้วเจ๊ว่าร้านปิด แต่ไม่ได้มาซื้อน้ำเต้าหู้” กังฟูบอก
เสียงเจ๊ยี้เงียบไปไม่ตอบกลับมา กังฟูเลยตะโกนเรียกต่อ
“เจ๊ยี้..ทำอะไรของเจ๊อยู่เนี่ย ผมแค่จะมาถามว่า พรุ่งนี้ผมจะขอเอาซาลาเปามาฝากไว้ที่ร้าน แล้วให้ลูกค้ามารับไปได้มั้ย..เจ๊ยี้..เจ๊ยี้ !!”
ไม่ทันขาดคำ เจ๊ยี้ก็ก้าวออกมาจากข้างในร้านซึ่งใช้เป็นบ้านพักอาศัย เจ๊ยี้เดินออกมาในชุดกี่เพ้าสีแดงสดปักลวดลายดอกโบตั๋นสีชมพู หน้าผมเป๊ะสวยเว่อร์งามอลังด้วย ดอกโบตั๋นใหญ่เท่าหน้าเสียบอยู่บนหัว
กังฟูตกใจจนผงะ “เย้ยย !! อะไรของเจ๊เนี่ย..ผีกี่เพ้าเข้าสิงร่างเหรอไง”
“ไอ้กังฟู..ไอ้ปากหมา ผีกี่เพ้าบ้านอาแป๊ะลื้อน่ะสิ อั้วออกจะสวยเซ็กส์ซี่ในชุดกี่เพ้าลายโบตั๋นนี่จะตาย”
พูดไปเจ๊ยี้ก็โพสต์ท่าราวนางแบบเอียงซ้าย เอียงขวา จิกหน้าพ๊อยท์เท้า
“อ๋อ..ผมรู้แล้ว..วันนี้แซยิดเจ๊เหรอถึงลุกมาแต่งตัวซะสวยเช้ง”
“ไอ้ปากกระโถน..เซยิดบ้านอาม่าลื้อน่ะสิ อั้วแค่ 40 เองเว้ย พูดไม่เข้าหูแบบนี้ ต่อไปนี้ลื้อไม่ต้องเอาซาลาเปาลื้อมาฝากขายที่ร้านอั้วอีกแล้ว..ไอ้ปากหมา” เจ๊ยี้ว่า
เจ๊ยี้สะบัดท่าเชอะใส่กังฟูแล้วเดินหนีบบิดไปบิดมาเพราะชุดที่รัดติ้วแถมยังผ่าสูงจนดูน่าถอนใจ
“อะไรของเจ๊เขาวะเนี่ย..ซวยอีกแล้วไอ้กังฟู”
บู๊ลิ้มรีบเข้ามาทันที “ศิษย์น้อง !! มัวทำอะไรอยู่ หายไปไหนมา ศิษย์พี่รอจนเมื่อยแล้วเนี่ย”
“รอ ? ศิษย์พี่มีเรื่องด่วนอะไรเหรอ” กังฟูถาม
“เรื่องด่วนที่ต้องรีบไปที่คณะงิ้วเดี๋ยวนี้ เพราะโอกาสดีๆแบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ”
“โอกาสดีๆ ?” กังฟูทวนคำ

ฮูหยินใช้เชิงมวยไทเก๊กรุกปล่อยหมัดใส่เฮียเก้าที่ได้แต่ถอยตั้งรับอยู่ที่ลานหน้าเวทีคณะงิ้ว
“ฟังอั้วก่อนสิฮูหยิน..อั้วยังไม่ได้อธิบายเลย” เฮียเก้าว่า
“สายไปแล้ว ถ้าลื้อข้องใจอะไร ลื้อต้องมาคุยกับอั้วก่อน..ไม่ใช่ไปงุบงิบซุบซิบกันสามคนเพราะอั้วไม่ใช่หัวหลักหัวตอ” ฮูหยินบอก
ฮูหยินโกรธกระแทกหมัดใส่เฮียเก้าจนกระเด็นไปทาง เฮียเฉินกับเฮียหลอที่ตามออกมาและช่วยรับไว้ทัน
“เป็นไงล่ะไอ้เก้า..อั้วบอกลื้อแล้ว เห็นอยู่ทุกวัน เวลาเมียอั้วโมโหน่ะเป็นยังไง”
“ก็อั้วเชื่อที่ลื้อบอกไม่ให้พูดแต่ให้ทำเลย เพราะอาซ้อเผด็จการหูดับทุกเรื่อง”
“ว่าไงนะ !! เฮีย..เฮียเอาชั้นไปนินทากับพรรคพวกเฮียเหรอ”
เฮียหลอพูดด้วยท่าทางกึ่มๆ “อย่าเรียกว่านินทาเลยดีกว่าอาซ้อ..แค่เหล้าเข้าปากทีไร มันก็ลืมตัวล้อเลียนอาซ้อว่าเป็นเผด็จการ ชี้นิ้วสั่งจนติดเป็นนิสัย แค่นั้นเอง..ฮ่าๆๆ” เฮียหลอกระดกไหเหล้าแล้วเรอ “เอิ๊ก”
“ไอ้หลอ !! ไอ้เวรเอ้ย หาเรื่องตายหมู่แล้ว”
ยิ่งได้ยินแบบนี้ฮูหยินยิ่งเพิ่มความโกรธเป็นทวีคูณถึงกับดึงปิ่นปักผมออกแล้วซัดขึ้นไปบนอากาศ ทันใดนั้นผืนผ้าที่พาดตกแต่งบนเพดานโรงงิ้วก็ทิ้งชายลงมาเป็นทางยาวตรงหน้าฮูหยิน
“พวกเฮียทุกคนเห็นชั้นเป็นผู้หญิง เห็นว่าชั้นอายุน้อยกว่า เห็นว่าชั้นเป็นลูกสาวเจ้าของสำนัก พวกเฮียถึงไม่เคยให้ความเคารพชั้นเลย”
“ไม่ใช่นะจ๊ะเมียจ๋า”
“หุบปาก ! ตั้งแต่วันที่ชั้นได้ขึ้นมาสืบทอดเป็นเจ้าสำนัก ชั้นก็รู้อยู่แล้วว่าคำพูดที่พวกเฮีย บอกว่าจะเคารพชั้น…มันก็แค่ลมจากปากเท่านั้น !”
สิ้นคำพูดฮูหยินก็กระโดดขึ้นไปโหนชายผ้าแกว่งไกวไปมาอย่างสวยงามน่าเกรงขาม
“เข้ามาเลย..จะทีละคนหรือจะพร้อมกันทั้งหมดก็ได้ ถ้าใครเอาชนะชั้นได้ ชั้นจะเลิกเป็นหัวหน้าสำนัก !!”
ฮูหยินพูดเสียงดังฟังชัดและสีหน้าจริงจังขณะโหนตัวอยู่บนชายผ้ากลางอากาศ


บู๊ลิ้มพากังฟูมาแอบซุ่มดูเหล่าอาจารย์ที่กำลังจะเริ่มประลองฝีมือ
“นี่น่ะเหรอโอกาสดีๆของศิษย์พี่” กังฟูถาม
“ใช่..โอกาสที่ศิษย์น้องจะได้เห็นวรยุทธที่แท้จริงของอาจารย์ทุกคน เพื่อศิษย์น้องจะได้ลักจำเอาไปฝึกเองไง” บู๊ลิ้มว่า
“คิดได้ไงเนี่ยศิษย์พี่..ถ้าปล่อยให้พวกอาจารย์ลงมือกัน จะมีคนบาดเจ็บมากกว่า รีบเข้าไปห้ามเถอะ”
บู๊ลิ้มรีบขวาง “ถ้าศิษย์น้องเข้าไปตอนนี้เรานี่แหละที่จะโดนลูกหลง เชื่อศิษย์พี่ โอกาสจะได้เห็น ทุกคนจะใช้วรยุทธของตัวเองพร้อมๆกันแบบนี้ ไม่มีให้เห็นง่ายๆนะ”
กังฟูนิ่งไปแล้วมีสีหน้าครุ่นคิด

ฮูหยินแกว่งตัวไปมาบนชายผ้าด้วยสีหน้าจริงจังในขณะที่ทั้ง 3 เฮียยังคงอึกอัก
“เมียจ๋า เฮียขอนะ อย่าให้อารมณ์พลุ่งพล่าน จนเรื่องเล็กต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่เลย” เฮียเฉินว่า
“เฮีย !! เฮียว่าชั้นใช้แต่อารมณ์ไม่มีเหตุผล งั้นเฮียนั่นแหละ ประลองกับชั้นคนแรก” ฮูหยินบอก
ฮูหยินแกว่งตัวไปบนบนชายผ้าพร้อมมือที่ร่ายรำมวยจนแรงโน้มถ่วงพาให้เข้าจู่โจมเฮียเฉินด้วยกายกรรมกลางอากาศ Aerial Acrobat ผสมผสานมวยไทเก็กอันสวยงามสู้กับมวยของเฮียเฉิน เฮียเฉินโดนหมัดของฮูหยินซัดไปหลายที่จนเลือดซิบๆ ที่มุมปากและกระเด็นมาทางอีก 2 เฮียที่เหลือ
“อู้ยยย..ถ้าเมียจ๋าเอาจริงกับเฮียแบบนี้ เห็นทีคุยกันแค่บนเตียงก็คงไม่รู้เรื่องแล้ว” เฮียเฉินบอก
เฮียเฉินตั้งท่าเชิงมวยเอาจริง แต่ถอยไปหนึ่งก้าวทำให้ให้ 2 เฮียที่ยืนข้างๆกลายเป็นผู้ร่วมประลองทันที
เฮียเฉินพูด “ไอ้หลอ..ไอ้เก้า หมดเวลาที่มังกรจะนอนถ้ำปล่อยให้นางสิงห์มาท้าทายแล้ว ได้เวลามังกรลุย !!”
เฮียเฉินซัดฝ่ามือกระแทกหลังเฮียหลอกับเฮียเก้าให้พุ่งไปรับมือกับฮูหยิน สองเฮียไม่ทันตั้งตัวจึงเซถลาเข้าไปโดนหมัดและเท้าของฮูหยินที่แกว่งไกวไปมากลางอากาศ โดนทั้งหน้า ลำตัวกันไปคนละตุ๊บสองตุ๊บ จนยอมต่อไปไม่ได้ต้องหันมาตั้งท่าเชิงมวยถนัดของตัวเองเรียงหน้า 3 คน แล้วบุกเข้าจู่โจมพร้อมกัน

บู๊ลิ้มตื่นตาตื่นใจกับการประลองยุทธของยอดฝีมือที่จะหาดูที่ไหนไม่ได้แล้ว
“ดูสิ!! ถ้าศิษย์น้องแอบฝึกวิชาของทุกคนได้สำเร็จล่ะก็ ศิษย์น้องจะต้องได้เป็นยอดฝีมืออย่างจอมยุทธ์หน้ากากพยัคฆ์ เพราะศิษย์น้องคือพยัคฆ์ที่ไม่ได้ซ่อนตัวอยู่แต่ในถ้ำ”
บู๊ลิ้มพูดแต่ก็เห็นกังฟูทำท่าจะเข้าไปห้าม
“อย่าเข้าไปใกล้สิศิษย์น้องเดี๋ยวอาจารย์ก็เห็นหรอกว่าเรามาแอบดู” บู๊ลิ้มบอก
“ศิษย์น้องให้สัญญาอาจารย์หญิงไว้ว่าจะไม่ฝึกวรยุทธอีก เพราะฉะนั้นถ้าเป็นยอดฝีมือ แต่ไม่ถือสัจจะ ก็ไม่ต่างกับพระที่ผิดศีล”
กังฟูตอบแค่นั้นแล้วเดินเข้าไปทันที บู๊ลิ้มทำหน้าเซ็งสุดฤทธิ์

กังฟูรีบเข้ามาห้ามการประลองยุทธของเหล่าอาจารย์
“หยุดเถอะครับอาจารย์..อย่าลงไม้ลงมือกันเลย”
กังฟูปรี่เข้าไปไม่ทันระวังเลยโดนลูกหลงดอกแรกจากเฮียเฉินเป็นหมัดกระแทกเข้าเบ้าตาดังผัวะ !
กังฟูกระเด็นออกมาด้วยความเจ็บจนตาปิดไปข้างนึง “อู้ย..อาจารย์..ผมขอร้อง..อย่าทะเลาะกันเลย”
กังฟูเดินเข้าไปอีก คราวนี้เจอศอกของเฮียเก้าแล้วเซถลาไปทางเฮียหลอที่ยกเท้าถีบยอดอกดังผลัก ! กังฟูเซถลาออกมาคราวนี้เลือดกำเดาไหล เลือดซิบที่มุมปาก บู๊ลิ้มรีบเข้ามาประคองกังฟูที่มีสภาพดูไม่จืด
“เตือนแล้วไงศิษย์น้อง..เข้าไปห้ามตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะโดนลูกหลง”
“แต่การนิ่งเฉยเอาแต่ยืนดู ก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน” กังฟูว่า
กังฟูตัดสินใจบุ่มบ่ามเข้าไปห้ามอีกในจังหวะที่ฮูหยินลงจากกลางอากาศมารับมือ 3 เฮีย
“พอเถอะครับอาจารย์หญิง หยุดทำร้ายกันเถอะ..ผมขอ...”
ไม่ทันขาดคำ มือหนึ่งของฮูหยินก็สะบัดชายผ้าตวัดมารัดคอกังฟูจนจุก ลิ้นของเขาปลิ้นออกมาเพราะหายใจไม่ออก ส่วนอีกมือหนึ่งของฮูหยินก็รับมือคู่ต่อสู้ไปด้วย
กังฟูหายใจไม่ออก “อ่วย..อ่วย..อ้วย..อ๊าย..อ๊าย..ไอ..ไอ้..ออก..แอ๊ะ..แอ๊ะ”
ฮูหยินกระตุกชายผ้าที่ถืออยู่ในมือ กังฟูเลยโดนแรงดึงม้วนตัวด้วยผืนผ้ากลายเป็นเบคอนพันไส้กรอกเข้ามา จากนั้นฮูหยินก็ใช้กังฟูเป็นตุ๊กตาล้มลุกผลักไปทางเฮียเฉินที่ปล่อยหมัดใส่ทำให้กังฟูโดนลูกหลงไปอีกพอเฮียหลอชกมา ฮูหยินก็ผลักกังฟูใส่อีกทำให้กังฟูโดนอีก เฮียเก้าซัดด้วยลูกถีบกังฟูก็โดนเข้าไปอีกจนยับเยิน
บู๊ลิ้มสยองแทน “อู้ย..ศิษย์น้อง..ศิษย์พี่จนปัญญาช่วยจริงๆ อึดเท่านั้นที่จะอยู่รอด..อู้ย”
บู๊ลิ้มได้แต่เอามือขึ้นปิดหน้าไม่อยากดูเพราะหวาดเสียวมาก

เฮียป้อนั่งถอนใจมองภาพถ่ายของเมียอย่างอาลัยอาวรณ์ ระหว่างนั้นเจ๊ยี้ในชุดกี่เพ้าสีแดงสดปักลายดอกโบตั๋นก็เดินนวยนาดเข้ามา
“เฮีย..เฮียป้อจ้ะ” เจ๊ยี้เรียก
เฮียป้อได้ยินเสียงเรียกเลยละสายตาจากรูปเมียหันมาที่เจ๊ยี้ แล้วเขาก็มีสีหน้าแปลกใจที่เห็นเจ๊ยี้ใส่ชุดกี่เพ้าสีแดงแปร๋ด
“เอ่อ..เฮียอย่าเพิ่งตกใจที่เห็นน้องยี้ใส่ชุดกี่เพ้าแดงแปร๋ดแบบนี้มาในช่วงไว้ทุกข์นะจ๊ะ”
“ก็แล้วลื้อใส่มาทำไม”
“เฮียฟังน้องยี้อธิบายก่อน เพราะว่ากี่เพ้านี้มีความลับของน้องยี้กับดอกท้ออยู่น่ะสิจ๊ะเฮีย”
เฮียป้อมองอย่างสงสัยว่าความลับอะไร เจ๊ยี้เลยถือโอกาสเข้าไปนั่งเบียดใกล้ๆเฮียป้อแบบไหล่เบียดไหล่ แล้วเอามือมาแตะมือเฮียป้อพร้อมกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะเริ่มเล่า
“เฮียจำได้มั้ยจ๊ะ ตอนที่น้องยี้กับดอกท้ออายุ 18 วันที่เฮียเข้าพิธีแต่งงานกับดอกท้อ”
“จำได้” เฮียป้อตอบ “ตอนนั้นเฮียยังเป็นจับกัง มาเช่าบ้านอยู่ในตรอกนี้ แล้วเฮียก็ตกหลุมรักอาดอกท้อแล้วมันเกี่ยวอะไรกับกี่เพ้าชุดนี้”
เจ๊ยี้บีบน้ำตาสุดฤทธิ์ “เพราะกี่เพ้าชุดนี้เป็นชุดที่..ที่น้องยี้ตัดเย็บแล้วปักลายดอกโบตั๋นนี้เองกับมือ เพื่อให้ดอกท้อเพื่อนรักของน้องยี้ใส่วันแต่งงาน”
“แล้วทำไมอาดอกท้อถึงไม่ยอมใส่กี่เพ้าชุดนี้ล่ะ มันก็สวยกว่าชุดที่ใส่วันนั้นนี่” เฮียป้อถาม
“เพราะ..เพราะ..ฮือๆๆ..โฮๆๆ” เจ๊ยี้ร้องไห้โอเว่อร์มาก “ดอกท้อรู้สึกผิดที่มา รู้ความจริงเอาวันแต่งงานว่าน้องยี้ก็แอบรักเฮียป้อมาตลอดเหมือนกันน่ะสิจ๊ะ”
เจ๊ยี้ร้องไห้โฮน้ำหูน้ำตาไหลพรากแล้ววิ่งออกไป เฮียป้อถึงกับอึ้ง

เจ๊ยี้ทำเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้นขณะออกมารอ เพราะรู้ว่าเฮียป้อต้องตามออกมา
เฮียป้อเรียก “น้องยี้...”
เจ๊ยี้แอบอมยิ้มเพราะเป็นไปตามที่คิดเอาไว้ เธอเลยดำเนินแผนการบอกรักต่อด้วยกันหันไปร้องเพลงบอกความนัยด้วยเพลง “รักฉันนั้นเพื่อเธอ ของวงพิงค์แพนเตอร์
“ถึงจะแสนไกล ไกลถึงใต้หล้า สุดขอบฟ้าแสนไกล ไกลเพียงดวงดาว ฉันหรืออาทร แม้จะร้อนดังตะวัน กำลังใจฉันยังคงมั่น ใจฉันไม่เคยหวั่นต่อขวากหนาม ขอให้เธอ รักฉันเต็มดวงใจ ถึงจะทุกข์เท่าไรจะสู้ทน ดุจดังขุนเขา หรือจะไปสน ต่อลมฝนฟ้าดิน"
เจ๊ยี้ร้องเพลงเพื่อบอกความรู้สึก เธอเดินวนไปรอบตัวของเฮียป้อแล้วใช้มือไม้ลูบไล้เฮียป้อสุดฤทธิ์ก่อนจะจบลงด้วยการจับมือเฮียป้อมาจับเอวของเธอเอาไว้ทำเอาเฮียป้อถึงกับอึ้ง
“อายี้..นี่ลื้อ”
เจ๊ยี้พยักหน้า “ใช่จ้ะเฮีย..น้องยี้ขอโทษ เวลานี้อาจจะไม่ใช่เวลามาสารภาพความในใจ แต่น้องยี้ทนเห็นเฮียอยู่กับความเศร้าโศกเสียใจไม่ได้ ในเมื่อดอกท้อฝากฝังให้น้องยี้ช่วยดูแลเฮีย น้องยี้ก็อยากทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด”
“เฮียไม่รู้มาก่อนเลยจริงๆ”
“แต่ตอนนี้เฮียก็ได้รู้แล้ว..กี่เพ้าชุดนี้น้องยี้ก็เลยตั้งใจเอามาให้เฮียเก็บไว้ เพราะมันคือของขวัญที่น้องยี้ตั้งใจให้อยู่แล้ว”
พูดไปเจ๊ยี้ก็หันหลังให้แล้วปัดผมเปิดต้นคอโชว์ซิปที่อยู่หลังชุด
“ช่วยน้องยี้รูดซิปชุดกี่เพ้านี้ให้หน่อยสิจ๊ะเฮีย..น้องยี้รูดซิปเองไม่ได้”
เฮียป้อค่อยๆยื่นมือไปจับซิปแล้วก็ใจเริ่มเต้นตึกตักโครมคราม ยิ่งเจ๊ยี้ยืนบิดไปมาเหมือนยิ่งยั่ว เฮียป้อก็ยิ่งมือสั่น
“น้องยี้..คือว่าเฮีย..เฮีย...”
เฮียป้อทนการยั่วของเจ๊ยี้ไม่ไหวจึงรูดซิบลงมาปื้ดก่อนจะจับเจ๊ยี้พลิกกลับมาสบตา
“เฮียทนไม่ไหวแล้ว !!”
เฮียป้อจับเจ๊ยี้มากอดแน่น
“เฮียจะทำอะไรน่ะ อย่านะคะ อย่า...อย่า...อย่า...”
เจ๊ยี้ทำสะดิ้งแต่แล้วเฮียป้อก็หยุดนิ่งด้วยดวงตาที่สับสน เจ๊ยี้รีบเปลี่ยนอารมณ์ด้วยการจับเฮียป้อไว้
“อย่า...อย่าเปลี่ยนใจนะคะเฮียขา ลุยเลยเฮีย”
เฮียป้อกอดจูบเจ๊ยี้ เจ๊ยี้ครางด้วยหน้าตาสุขสม แต่ไม่ทันไร เฮียป้อก็ผลักเจ๊ยี้กระเด็นออกไปแล้วเบือนหน้าหนี
“อั๊วทำไม่ได้ อั๊วรับปากดอกท้อแล้วว่าจะไม่มีเมียใหม่ ลูกผู้ชายคำพูดหลุดออกจากปากหนักแน่นดั่งหินผา คนเรากลืนกินหินผาไม่ได้ จะให้กลับคำได้อย่างไร”
เฮียป้อเก๊กหล่อเดินจากไป
เจ๊ยี้ที่โดนผลักออกมานอนแอ้งแม้งหกคะเมน แขนขาสอดไปติดกับลูกกรงติดพนักพิงเก้าอี้ตัวหนึ่ง เธอพยายามแงะตัวเองออกมาแต่ก็แงะไม่ออก
“เฮียป้อ ลื้อไม่เอาอั๊วทำเมียก็ไม่เป็นไรนะ แต่ช่วยมาเอาอั๊วออกไปก่อนได้มั้ย...เฮ้ย ได้ยินมั้ย ... เฮียป้อ...เฮ้ย...เฮ้ย...เหวย...มีใครอยู่มั้ย”

เช้าวันใหม่ ฮูหยินจุดธูปที่โต๊ะไหว้เคารพป้ายบรรพบุรุษเสร็จก็ยื่นให้พายุที่รออยู่
“ผมเสียใจจริงๆครับ ไม่คิดเลยว่าผมจะเป็นสาเหตุทำให้อาจารย์ต้องบาดหมางกัน” พายุบอก
“อาจารย์ถึงต้องให้เธอมาสาบานยืนยันต่อหน้าบรรพบุรุษของสำนัก เพราะลำพังแค่คำพูดของหัวหน้าสำนักก็ยังไม่มีใครเชื่อ” ฮูหยินว่า
“โธ่..โดนสั่งสอนไปซะขนาดนั้นไม่เชื่อเมียแล้วจะเชื่อใครล่ะจ๊ะเมียจ๋า” เฮียเฉินบอก
ใบหน้าของทั้งสามอาจารย์อยู่ในสภาพหน้าตายับเยินพอๆ กัน เฮียเฉินกับเฮียหลอยังร้องครางด้วยความเจ็บ
“หึ..เพราะพวกเฮียต้องโดนชั้นสั่งสอนก่อนน่ะสิ แต่เพื่อยืนยันถึงความกตัญญูของพายุชั้นจำเป็นต้องให้วิญญานของบรรพบุรุษร่วมเป็นพยานด้วย”
ฮูหยินหันหน้าไปทางพายุ พายุหันไปคุกเข่าหน้าป้ายชื่อบรรพบุรุษแล้วยกธูปขึ้นสาบาน
“ศิษย์ขอสาบานต่อหน้าบรรพบุรุษที่ล่วงลับและอาจารย์ผู้มีพระคุณทุกคน ว่าศิษย์ไม่เคยผิดคำสั่งสอน และไม่เคยแอบไปฝึกวิชาของสำนักอื่น”
“ถ้าผิดคำสาบาน เธอจะต้องมีอันเป็นไป” ฮูหยินพูด พายุชะงัก “สาบานสิพายุ”
พายุสีหน้าอึกอักลังเลว่าจะพูดดีไม่พูดดีอยู่ครู่บู๊ลิ้มก็เข้ามาขัดจังหวะ
“พ่อครับ..แม่ครับ ช่วยไปดูศิษย์น้องหน่อยเถอะครับ”
“ไอ้กังฟูยังลุกไม่ขึ้นอีกเหรอ” ฮูหยินถาม
“ครับแม่” บู๊ลิ้มตอบ
เฮียเฉินพูด “ไอ้กังฟูโดนลูกหลงเราไปขนาดนั้น ถ้าเป็นคนธรรมดาก็ต้องหามส่งโรงพยาบาลไปแล้ว อั้วว่าพวกเราไปดูมันหน่อยเถอะ เดี๋ยวมันจะตายซะก่อน”
เฮียเก้ากับเฮียหลอเห็นด้วยจึงพากันไปกับเฮียเฉิน ฮูหยินมองตามแล้วรู้สึกว่าตัวเองก็มีส่วนทำให้กังฟูเจ็บตัวด้วยเลยตามหลังคนอื่นๆไปพร้อมบู๊ลิ้ม พายุอยู่คนเดียวจึงเป่าปากโล่งอกเพราะเกือบต้องสาบานให้ตัวเองมีอันเป็นไปแล้ว หางตาของเขามองไปที่ป้ายชื่อบรรพบุรุษอย่างเย้ยหยันก่อนใช้มือบี้ดับปลายธูปที่ไฟแดงๆอย่างไม่รู้สึกรู้สาแล้วปักลงกระถางธูป
“คนอย่างไอ้พายุ ไม่มีวันเป็นไอ้กระจอกอยู่แต่ในคณะงิ้วซั่วๆนี่หรอก..หึๆๆ”

เฮียหลอกับเฮียเก้าช่วยกันพยุงกังฟูให้ลุกขึ้นจากเตียง
“ค่อยๆ เบาๆ เดี๋ยวมันจะเดี้ยงมากไปกว่านี้” เฮียเฉินบอก
“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับอาจารย์ แค่นี้มันจิ๊บๆสำหรับไอ้กังฟู..ดูนะครับ”
พูดจบกังฟูก็แกะมืออาจารย์ทั้งสองแล้วจะเดินเองแต่แค่ขยับก้าวเดียวเขาก็ตัวเกร็งแข็งทื่อเหมือนรูปปั้นค้างอยู่ท่าเดิมโดยก้าวขา ต่อไม่ได้เพราะเจ็บร้าวระบบไปทั้งตัว
“ทำเป็นอวดเก่ง ไหนล่ะ..มันระบมจนก้าวขาไม่ออกเลยใช่มั้ยไอ้กังฟู” เฮียเก้าว่า
“ลื้อมันรนหาเรื่อง วรยุทธก็ไม่มี โดนลูกหลงพวกอั้วกับฮูหยินไปขนาดนั้น รอดตายมาได้ก็ถือว่าเฮง เฮง เฮง แล้ว” เฮียหลอบอก
“เดี๋ยวชั้นจัดการเอง”
ฮูหยินพูดแล้วก็เดินเข้ามาสีหน้าเคร่งขรึมก่อนจะเดินวนรอบตัวกังฟูที่ตัวแข็งเกร็งร้าวระบบมจนขยับไม่ได้
“สภาพแบบนี้ต้องใช้วิชาจัดเรียงกระดูก มันจะช่วยให้เธอดีขึ้นบ้าง แต่ตอนรักษามันจะเจ็บนิดหน่อยนะ”
“ขอบ..ขอบคุณครับ..อาจารย์หญิง” กังฟูพูด
“เดี๋ยวก่อนศิษย์น้อง” บู๊ลิ้มรีบเข้าไปเตือน “คำว่าเจ็บนิดหน่อยของแม่ศิษย์พี่น่ะ มันไม่ได้หมายความว่าเจ็บนิดหน่อยนะ”
ฮูหยินเตือน “บู๊ลิ้ม..ถอยไป”
ฮูหยินพูดเสียงขึงขังจริงจังทำให้บู๊ลิ้มต้องถอยออกมาแล้วทำหน้าสยองปนสยิว เฮียเฉินขยับเข้ามาเอามือปิดตาลูก เสียงร้องลั่นของกังฟูดังก้องไปทั่วเพราะฮูหยินจับแขนกังฟูบิดอย่างแรงดังกร่อบ แถมยังจับส่วนอื่นๆบิด อีกหลายจุดทั้งแขน ขา คอ เสียงกระดูกถูกบิดดังไม่หยุดอย่างกับขยำถุงพลาสติค เฮียหลอกับเฮียเก้าทนดูไม่ได้ จึงหันหน้าหลบอย่างเสียวสยอง

ทุกคนที่หันหน้าหลบได้ยินเสียงฮูหยินพูด
“เอาล่ะเรียบร้อย..ตอนนี้กระดูกของไอ้กังฟูเข้าที่เข้าทางเป็นปกติแล้ว”
ทุกคนหันกลับมาแล้วก็ร้องตกใจพร้อมกันเพราะภาพที่เห็นคือกังฟูยืนบิดเบี้ยวผิดรูป หน้าบิด ปากเบี้ยว มือหงิก แขนงอ ขาแป ตาเข
“แม่ครับ..แบบนี้น่ะเหรอครับเข้าที่เป็นปกติ” บู๊ลิ้มถาม
“เมียจ๋า..แบบนี้มันน่าจะเรียกว่าพิการถาวรมากกว่านะ” เฮียเฉินว่า
“พวกเฮียไม่รู้อะไร..เพราะยังไม่เคยมีใครโดนชั้นใช้วิชาจัดเรียงกระดูก แบบนี้แหละปกติ” ฮูหยินยืนยัน
ฮูหยินพูดไปก็ดีดนิ้วเปาะ กังฟูร่วงผล่อยลงไปกองกับพื้นแบบสะลึมสะลืออ่อนเปลี้ยเพลียแรง
บู๊ลิ้มตกใจ “ศิษย์น้อง !!”
บู๊ลิ้มเข้าไปช่วยดูโดยมีเฮียหลอกับเฮียเฉินช่วยพยุง
“ขอบ..ขอบคุณมากครับ..อาจารย์..อาจารย์หญิง ผม..ผมดีขึ้นเยอะเลยครับ” กังฟูบอก
“จริงเหรอวะไอ้กังฟู” เฮียเก้าถาม
“จริง..จริงครับอาจารย์” กังฟูตอบ
“แล้วทำไมลื้อถึงยังดูเหมือนไม่มีแรง”
“เพราะกังฟูไม่เคยฝึกวิชาควบคุมลมปราณ ร่างกายถึงไม่ได้ฟื้นตัวเร็วเหมือนพวกเรา แต่ถ้าเฮียเก้ากับเฮียหลอช่วยกันปรุงยาให้มันกิน มันก็จะค่อยๆดีขึ้น” ฮูหยินบอก
“งั้นต่อไปแม่ก็ช่วยฝึกวิชาควบคุมลมปราณให้ศิษย์น้องด้วยสิครับ”
ฮูหยินชะงักแล้วหันมามองบู๊ลิ้มด้วยสายตาดุ “จำไว้นะกังฟู..อย่าหาเรื่องเจ็บตัวแบบนี้อีก”
“ครับ..อาจารย์หญิง..ศิษย์ขอโทษ”
ฮูหยินปรายตามองแล้วเดินออกไป พร้อมกับเรียกให้เฮียเฉินกลับไปด้วยกัน
“กลับได้แล้วเฮีย งานการมีให้ทำอีกเยอะ”
“จ้ะ..เมียจ๋า..ช่วยดูมันหน่อยแล้วกันนะไอ้หลอ..ไอ้เก้า” เฮียเฉินว่า
เฮียเฉินเดินตามฮูหยินออกไป เฮียหลอกับเฮียเก้าหันมามองกังฟู
อ่านต่อหน้าที่ 3


ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู ตอนที่ 2 (ต่อ)
มาดามเหมยอิงกับหลินหลินมาเยี่ยมชนะที่ห้องพักผู้ป่วย

ชนะรับกระเช้าเยี่ยม “ขอบคุณมากนะครับมาดาม”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ พวกเรารักเมลดาเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน เรื่องอาการ ของคุณพ่อไว้ใจให้เป็นธุระของพวกเรา เมฆาแนะนำหมอเก่งๆไว้ให้แล้ว” เหมยอิงบอก
“ไอ้เรื่องโรคภัยไข้เจ็บของผมน่ะ ผมไม่อยากให้เป็นภาระของใคร เพราะตอนนี้ที่ผมห่วงก็ห่วงคนที่จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปมากกว่า”
“พ่อ..พ่ออย่าพูดแบบนี้สิ รับปากกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะอยู่สู้ด้วยกัน” เมลดาว่า
“ใช่ค่ะคุณลุง..คุณลุงอย่ายอมแพ้สิคะ..พี่เมเคยสอนหลินหลินบ่อยๆว่าห้ามยอมแพ้อะไร ง่ายๆ เพราะพี่เมก็ถูกคุณลุงสอนมาแบบนี้เหมือนกัน..นะคะคุณลุง..นะคะ” หลินหลินอ้อน
ชนะยิ้มให้หลินหลิน “ช่างออดอ้อนฉลาดพูดแบบนี้นี่เอง ลุงถึงไม่แปลกใจเลยที่เมจะรักหนูเหมือนน้องสาว”
“งั้นก็แสดงว่าคุณลุงจะสู้ไปพร้อมกับพวกเรา”
ชนะยิ้มให้หลินหลิน เมลดาดีใจรีบโผเข้าไปกอดพ่อเอาไว้ เหมยอิงพลอยยิ้มไปด้วย

เมลดาเดินออกมาตามทางเดินในโรงพยาบาลกับเหมยอิงและหลินหลิน
“ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกชั้นได้นะเม ห้ามเกรงใจกันเด็ดขาด” เหมยอิงบอก
“แค่ที่มาดามกับคุณเมฆาช่วยเหลือเมตอนนี้ ชาตินี้เมก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนบุญคุณยังไง” เมลดาพูด
เหมยอิงจับมือเมลดามากุมไว้ “คนในครอบครัวเดียวกัน..เขาไม่พูดกันแบบนี้นะจ๊ะเม”
“ต้องโทษพี่เมฆานั่นแหละค่ะแม่ใหญ่” หลินหลินบอก “หมู่นี้ชอบหายหน้าหายตาไม่ค่อยมาหาพี่เมเลยเป็นหลินหลินไม่ได้..จะงอนๆๆๆให้ง้อๆๆๆเป็นเดือนเลย”
เมฆาเดินเข้ามา “แอบนินทาอะไรพี่น่ะหลินหลิน..พี่ได้ยินนะ”
หลินหลินตกใจจนหน้าเสีย “พี่เมฆา..มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ก็มาทันได้ยินเราว่าอะไรพี่บ้างน่ะสิ จะให้ง้อเป็นเดือนเลยเหรอ”
“ก็จริงนี่..หมู่นี้พี่ชอบหายตัวบ่อยๆ แทนที่จะช่วยเป็นกำลังใจให้พี่เม” หลินหลินบอก
“หลินหลิน..พี่เมฆาเขาต้องทำงานนะ” เมลดาว่า
“หลินหลินพูดถูกแล้วล่ะเม..ผมมันใช้ไม่ได้จริงๆ ช่วงเวลาแบบนี้ผมควรจะต้องอยู่กับคุณแต่ผมกลับยุ่งอยู่กับงาน วันนี้ผมเลยตั้งใจมาแก้ตัว”
“ดีค่ะพี่เมฆา..พาพี่เมไปพักผ่อน ไปทานอาหารอร่อยๆ”
“แต่ว่า..”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องคุณพ่อหรอก..เดี๋ยวชั้นอยู่เป็นเพื่อนท่านให้ก็ได้”
“เมขอบคุณมาดามมากเลยนะคะ..แต่เมคงไม่รบกวนดีกว่า แค่นี้ครอบครัวของคุณก็ดีกับเมมากเหลือเกินแล้ว” เมลดาเดินไปหาเมฆา “ขอบคุณนะที่เป็นห่วงชั้น แต่ต่อให้คุณไม่อยู่ใกล้ชั้น ชั้นก็ยังรู้ว่าเมื่อเวลาที่ชั้นต้องการใครสักคน ชั้นจะเดินไปหาใคร”
“ลูกชายชั้นนี่โชคดีจริงๆที่ได้แฟนดีแบบนี้” เหมยอิงบอก
เมลดายิ้มรับเขินๆ “คุณเมฆาพาหลินหลินไปทานอะไรอร่อยๆดีกว่านะคะ..ชั้นคงต้องขอตัว กลับไปดูแลคุณพ่อก่อน”
เมลดาพูดแล้วยกมือไหว้มาดามเหมยอิง ก่อนจะลาหลินหลินด้วยการลูบหัวอย่างเอ็นดู เมฆาแอบยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์เพราะเป็นไปตามที่คิดอยู่แล้วว่าชวนเมลดาไปด้วยยังไงก็คงไม่ไปแน่นอน
“แล้วแม่ใหญ่ล่ะคะ” หลินหลินถาม
“ไปกันสองคนพี่น้องเถอะจ้ะ แม่ใหญ่มีธุระ” เหมยอิงบอก
“งั้นผมพาน้องไปนะครับแม่”
เมฆาจับมือหลินหลินจูงพาเดินออกไปด้วยกัน เหมยอิงมองตามด้วยความชื่นใจที่เห็นพี่น้องต่างสายเลือดรักใคร่กันดี

ชนะสะดุ้งเมื่อเห็นลูกสาวกลับเข้ามาด้วยท่าทางลับๆล่อๆ
“อ้าวยัยเม..พ่อนึกว่าเราจะไปกับมาดามเขาซะอีก”
“เมไปแล้วใครจะอยู่ดูแลพ่อล่ะ” เมลดาถามกลับ
“ทำไมต้องมาอยู่ดูแลพ่อ หมอพยาบาลที่นี่ก็เยอะแยะ ไปพักซะบ้างเถอะ เดี๋ยวคุณเมฆาเขาจะน้อยใจ แอบไปมีกิ๊กขึ้นมา จะโทษพ่อไม่ได้นะ”
“พ่อคะ..ถ้าคุณเมฆาเขาจะไปมีกิ๊กเพราะเมมัวแต่ดูแลพ่อแล้วไม่มีเวลาให้ล่ะก็..ปล่อย เขาไปเถอะค่ะ ผู้ชายแบบนี้เมไม่คบด้วยหรอก”
เมลดาพูดไปก็หยิบแจกันใส่ดอกไม้มาดูพบว่าน้ำเหลือน้อยเลยจะเอาแจกันไปเติมน้ำในห้องน้ำ
ชนะตกใจ “ยัยเม..จะทำอะไรน่ะ”
“น้ำในแจกันมันเหลือน้อย เมก็จะเติมน้ำไงคะพ่อ เดี๋ยวดอกไม้มันจะเหี่ยว”
“ช่างมันเถอะลูก..ก็แค่ดอกไม้ ปล่อยให้มันเหี่ยวไปเถอะ เดี๋ยวลูกช่วยไปถามพยาบาลให้พ่อหน่อยดีกว่า พ่อชักเริ่มหิวแล้ว ให้เขาเอามื้อเที่ยงมาให้พ่อก่อนได้มั้ย”
“แต่พ่อเพิ่งกินมื้อเช้าไปนี่เองนี่คะ” เมลดาบอก
“เอ่อ..คุยกับมาดามเขาเพลินก็เลยย่อยเร็ว หิวอีกแล้วน่ะ ไปดูให้พ่อหน่อยนะ..ไปสิ”
เมลดาพยักหน้ารับแล้วทำท่าจะเดินออกไป แต่แล้วก็กลับหันหลังขวับตรงดิ่งมาที่ห้องน้ำแล้วเปิดประตูออกทันที หลังประตูห้องน้ำคือเนตรนภาที่กำลังยืนตกใจมือซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลัง
“นึกแล้วเชียวว่าต้องเป็นพี่..พี่เนตร !!”
“ก็..ก็ชั้นเองไง..ชั้นมาเยี่ยมพ่อ เธอจะเข้าห้องน้ำเหรอ..เชิญสิ” เนตรนภาละลักละล่ำ
เนตรนภาจะเดินออกมาแต่เมลดาเอามือขวางไว้ทำให้เนตรนภาชะงัก
“ถ้าแค่พี่เนตรมาเยี่ยมพ่อ แล้วทำไมต้องมาทำลับล่อๆ อยากไล่ให้เมออกไปจากห้อง”
เมลดากับชนะชะงักมองหน้ากัน เมลดาไม่ปล่อยให้ความสงสัยค้างคา เธอกระชากมือเนตรนภาที่ซ่อนอยู่ข้างหลังทำให้เห็นว่ามีสร้อยทองเส้นเล็กๆหนักประมาณ 1 บาทที่มีล้อคเก็ตห้อยคออยู่ด้วย
เมลดาตกใจ “นี่มันสร้อยของแม่นี่ !!”
มลดาจ้องหน้าเนตรนภาเขม็งด้วยความไม่พอใจ

ย้อนไปที่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้...
เนตรนภาจับมือชนะมากุมด้วยความเป็นห่วง
“เนตรขอโทษค่ะพ่อ เนตรไม่รู้จริงๆว่าพ่อ...”
“ช่างเถอะเนตร..แค่ลูกมาเยี่ยมพ่อก็ดีใจแล้ว” ชนะบอก
“ความจริงเนตรมาถึงตั้งนานแล้วค่ะ แต่ต้องรออยู่ข้างนอก รอให้ยัยเมออกไปก่อนแล้ว ถึงเข้ามา ไม่งั้นต้องมานั่งทะเลาะกันให้พ่อฟังอีก..เนตรเบื่อ”
“อย่าไปเบื่อน้องเลย ถ้าพ่อไม่อยู่สักคนแล้ว เราก็เหลือกันอยู่แค่ 2 คนพี่น้องนะ”
“ถ้ายัยเมยังนับถือเนตรเป็นพี่ เนตรก็อยากทำหน้าที่พี่ดูแลน้องเหมือนกันค่ะพ่อ แต่ช่างเถอะ..พูดไปชาตินี้ยัยเมก็คงไม่คิดอภัยให้เนตร” เนตรนภาหันไปหยิบซองผ้าเล็กๆจากกระเป๋า “พ่อคะ..เนตรมีของๆแม่ที่อยากเอามาคืนให้พ่อ”
ชนะมองถุงผ้าเล็กๆนั้นด้วยความแปลกใจจนเมื่อเนตรนภาเปิดออกมาแล้วหยิบสร้อยทองคำเส้นเล็กๆ ที่มีล็อคเก็ตห้อยออกมา
“สร้อยของแม่เขานี่”
“ใช่ค่ะพ่อ..แม่ให้เนตรไว้ตั้งแต่วันที่เนตรตัดสินใจทำเรื่องโง่ๆ หลงเชื่อผู้ชายมากกว่าพ่อแม่ ถ้าตอนนั้นเนตรเชื่อฟังคำเตือน แม่ก็คง...” เนตรนภาน้ำตาซึมแล้วก็ปาดทิ้ง “แต่เนตรคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ทุกวันนี้เนตรก็ต้องทนรับกรรมของเนตรไป สร้อยเส้นนี้เนตรเลยไม่ อยากเก็บไว้อีกแล้ว เนตรอยากให้พ่อเอาไปให้ยัยเมเก็บไว้แทน”
เนตรนภาวางสร้อยลงในมือพ่อแต่ชนะกลับวางคืนใส่มือลูกเลี้ยง
“ถ้าแม่เขาให้ลูกไว้นั่นก็หมายความว่าแม่เขาอยากให้ลูกนะ” ชนะบอก
“แต่เนตรเป็นแค่ลูกเลี้ยง”
“แต่สำหรับพ่อกับแม่..ทั้งเนตรและเมคือลูกเหมือนกัน”
ชนะน้ำตาซึมก่อนจะดึงเนตรนภาเข้ามากอด แต่จังหวะนั้นเสียงเมลดาดังเข้ามาจากนอกห้อง
“พ่อคะ...”
เนตรนภากับชนะชะงัก

เหตุการณ์ปัจจุบัน...
เมลดาไม่พอใจที่เห็นสร้อยในมือเนตรนภา
“ปล่อยมือพี่เดี๋ยวนี้นะยัยเม” เนตรนภาว่า
“นิสัยพี่มันก็เป็นซะอย่างนี้แหละ...เดาได้ไม่ยากหรอก ที่โผล่มาถึงนี่ไม่ได้คิดอยากมา เยี่ยมพ่อหรอก แต่มาไถเงิน เอาทุกอย่างแม้กระทั่งสมบัติชิ้นสุดท้ายของแม่” เมลดาว่า
เนตรนภาอึ้ง “ยัยเม..แกเข้าใจผิดแล้ว”
“หลักฐานอยู่ในมือทนโท่แบบนี้ พี่ยังจะหาเรื่องแก้ตัวอีกเหรอ สมบัติของแม่ทิ้งไว้ให้พ่อเก็บไว้ แต่พี่ก็ยังจะมาเอาไปอีก พี่มันคนเห็นแก่ตัวที่สุด”
ไม่ทันจบประโยคเนตรนภาก็ตบหน้าน้องสาวดังเพี๊ยะ เมลดาหน้าหัน ส่วนชนะตกใจ
“ยัยเม..ไม่ใช่นะลูก..ลูกเข้าใจ....” ชนะพยายามจะอธิบายแต่อาการเกิดกำเริบขึ้นมากระทันหันทำให้ตัวเกร็ง
เมลดาตกใจ “พ่อ !!...พ่อ..พ่อคะ”
ชนะมีอาการแย่ หายใจติดขัดเพราะแน่นหน้าอก เนตรนภาได้แต่ยืนตกใจมือกำสร้อยทองแน่น เมลดารีบกดออดเรียกพยาบาลทันที

รถของเมฆาแล่นไปตามถนน ภายในรถ หลินหลินนั่งอยู่ที่เบาะหลังกับเมฆา โดยมีสันต์ทำหน้าที่ขับรถให้
“ตกลงพี่เมฆาจะบอกหลินหลินได้ยังว่าจะพาไปเที่ยวไหน” หลินหลินถาม
“รู้ก่อนก็ไม่สนุกสิจ๊ะน้องพี่” เมฆาบอก
“แหม..ความลับเยอะจังเลยนะ บอกมาเถอะค่ะ นะ..นะพี่เมฆา..นะๆๆ”
หลินหลินพยายามอ้อนพี่ชาย แต่กลับถูกเมฆจับแขนแล้วบีบก่อนจะทำหน้าดุใส่
เมฆาขึ้นเสียง “อย่าเซ้าซี้ได้มั้ย !!”
หลินหลินชะงักเพราะไม่เคยเห็นเมฆาเป็นแบบนี้มาก่อน “พี่เมฆา..ทำไมต้องขึ้นเสียงกับหลินหลินด้วย”
เมฆาพยายามใจเย็น “ไม่มีอะไรหรอก...พี่แค่อยากเซอร์ไพรซ์น่ะ”
เมฆายิ้มกลบเกลื่อนแล้วหันไปมองกระจกหน้ารถก่อนจะสบตากับสันต์อย่างมีเลศนัย

มาดามเหมยอิงกลับเข้ามาที่โถงหน้าประตู ‘สวย’ คนรับใช้คนสนิทของเหมยอิงเข้ามารับกระเป๋า ระหว่างนั้นเจ้าสัวกับซ้อสองก็เดินออกมาพากันเดินออกมาขึ้นรถโดยมีมิเชลกับลูกน้องตามประกบ
“จะไปไหนกันเหรอคะคุณ” เหมยอิงถาม
“งานการกุศลของท่านธนินท์น่ะคุณ ท่านโทรมาชวนด้วยตัวเอง ผมเลยต้องสับคิวงานวันนี้วุ่นไปหมด” เจ้าสัวว่า
“ไปเถอะค่ะคุณ ท่านเป็นผู้ใหญ่สนิทกับครอบครัวเรามานาน”
“งั้นชั้นว่าซ้อใหญ่น่าจะไปกับคุณนะคะ ท่านธนินท์สนิทกับซ้อใหญ่มากกว่าชั้น” ซ้อสองบอก
มิเชลชะงักเมื่อซ้อสองจะเปลี่ยนใจไม่ไปแล้วให้เหมยอิงไปแทน
“ท่านคะ..ดิชั้นว่าเราน่าจะเดินทางไปตอนนี้เลย เส้นทางที่ต้องไปได้ยินว่ารถติดมาก” มิเชลรีบเร่ง
เจ้าสัวยกมือปรามมิเชลแล้วถามย้ำกับเหมยอิง “ว่าไงล่ะเหมยอิง”
“คุณไปกับซ้อสองเถอะค่ะ ชั้นนัดกับฝ่ายบัญชีมาคุยงานไว้แล้ว ฝากบอกท่านธนินท์ด้วยว่างานหน้าชั้นไม่พลาดแน่” เหมยอิงบอก
เหมยอิงยิ้มให้เจ้าสัวและซ้อสอง ก่อนจะปล่อยให้มิเชลเดินนำทั้งคู่ไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ เหมยอิงมองตามด้วยสายตาบ่งบอกว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เห็นหน้าสามีที่อยู่กินกันมาเป็นสิบๆปี

รถของเมฆาจอดอยู่ท่ามกลางบรรยากาศดูไม่น่าไว้วางใจยิ่งทำให้หลินหลินสงสัย
“พี่เมฆา..พี่จะบอกหลินหลินได้รึยัง พี่พาหลินหลินมาทำอะไรที่นี่เนี่ย”
หลินหลินมองไปรอบๆอย่างระแวงระวัง เมฆายิ้มให้ดูเป็นมิตรแต่ซ่อนแววตาร้ายกาจเอาไว้
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่มีเซอร์ไพรซ์ให้น้องสาว”
“แต่หลินหลินชักไม่อยากรู้แล้วว่าพี่จะเซอร์ไพรซ์อะไร รู้แต่ว่า..หลินหลินไม่ชอบที่แบบนี้”
“ไม่ต้องกลัวหรอกหลินหลิน อยู่กับพี่รับรองว่าปลอดภัย”
เมฆายิ้มให้แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ ระหว่างนั้นสันต์เข้ามากระซิบอะไรบางอย่าง เมฆาพยักหน้ารับ
“เซอร์ไพรซ์ของพี่มาถึงแล้ว” เมฆาบอก
พูดไม่ทันจบดีรถของเจ้าสัวก็ขับเข้ามาจอดตรงหน้าเมฆากับหลินหลิน มิเชลกับลูกน้องลงจากรถแล้วเปิดประตูให้เจ้าสัวกับซ้อสองลงมาจากรถ
“เมฆา..หลินหลิน ?? มาทำอะไรกันที่นี่” เจ้าสัวหันไปที่มิเชล “แล้วเธอพาชั้นมาที่นี่ทำไมมิเชล”
“ถามลูกเลี้ยงคุณเอาเองแล้วกันเจ้าสัว” มิเชลบอก
มิเชลยิ้มร้ายแล้วถอยหลังไปรวมกับพวกลูกน้องปล่อยให้เมฆาเป็นคนเข้ามาหาเจ้าสัว
“ขอโทษนะครับพ่อที่อยู่ๆผมก็ให้คนพาพ่อมาที่แบบนี้ พอดีว่าวันนี้ผมมีเซอร์ไพรซ์พิเศษ สำหรับครอบครัวของเรา เลยอยากให้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน”
“เซอร์ไพรซ์อะไร ?” เจ้าสัวถาม
“เซอร์ไพรซ์วันครอบครัวสุขสันต์ไงครับ”
เมฆาพูดจบ เสียงปืนก็ดังเปรี้ยง กระสุนออกจากปากกระบอกปืนในมือสันต์ พร้อมกับเสียงกรีดร้องตกใจของหลินหลินที่เห็นแม่ตัวเองเข่าทรุดแล้วมีเลือดที่ท้องแดงฉานเพราะกระสุนปืน
หลินหลินตกใจมาก “แม่ !!!”

เมลดารีบเดินเข้าไปถามหมอทันทีที่หมอออกมาจากห้องฉุกเฉิน เนตรนภารออยู่ใกล้ๆ
“อาการตอนนี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจเลย ผมคงต้องให้ดูอาการอยู่ที่ห้องไอซียูก่อน” หมอบอก
“ต้องช่วยพ่อให้ได้นะคะหมอ..ชั้นขอร้อง” เมลดาบอก
“หมอจะพยายามอย่างเต็มที่ครับ” หมอพูด
หมอบีบบ่าเมลดาเบาๆก่อนจะขอตัวกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เมลดายืนน้ำตาคลออยู่หน้าประตู เนตรนภารู้สึกสงสารน้องเลยเข้าไปแตะไหล่ แต่กลับถูกเมลดาหันกลับมาปัดมืออย่างไม่พอใจ
“ยังมายืนอยู่ตรงนี้อีกทำไม..พ่อเขาไม่มีอะไรจะให้พี่อีกแล้ว ได้ของแล้วก็ไปสิ !!” เมลดาบอก
“ยัยเม !! แกเข้าใจชั้นผิดนะ ที่จริงแล้ว..”
“พอ !! เมไม่อยากฟังเรื่องปั้นน้ำเป็นตัวของพี่อีก และไม่อยากเข้าใจอะไรพี่อีกแล้ว”
เนตรนภาอึ้ง “ก็ได้..ชั้นก็เบื่อที่จะพูดเรื่องซ้ำๆซากๆกับแกแล้วเหมือนกัน ถ้าแกอยากจะโทษว่า ชั้นเป็นต้นเหตุให้แม่ตาย แล้วยังโผล่หน้ามาทำให้พ่อต้องอาการหนักไปกว่าเดิมล่ะก็เชิญเลย..โทษชั้นมาได้เลย”
“ก็ดีค่ะพี่เนตร ถ้าพี่จะรู้ตัวเองว่าพี่คือคนที่พรากเอาพ่อแม่ไปจากเม ต่อไปเวลาที่พี่ส่องกระจกมองหน้าตัวเอง พี่จะได้รู้ว่า..ชีวิตนี้พี่จะไม่เหลือใครอีกแล้วเหมือนกัน”
เมลดาปาดน้ำตาแล้วมองหน้าเนตรนภาด้วยแววตาไม่พอใจ เนตรนภาเลยจับมือน้องสาวมาแล้วยัดสร้อยทองของแม่ใส่มือน้องสาวทันที
“ถ้าแกอยากได้ของๆแม่คืนก็เอาไป..แล้วต่อไปนี้ชั้นกับแกคือคนแปลกหน้ากัน..จำไว้ !!”
เนตรนภาขึ้นเสียงใส่อย่างหัวเสียก่อนจะหุนหันออกไปโดยที่น้ำตาของเธอก็คลอเบ้าเช่นกัน

หลินหลินร้องไห้ตกใจก่อนจะวิ่งเข้าไปที่ร่างของแม่ซึ่งมีเลือดเต็มท้องและหายใจรวยริน
“แม่..แม่...ฮือๆๆๆ แม่อย่าเป็นอะไรนะ”
“เมฆา !! นี่แกทำบ้าอะไรของแก..แกให้ลูกน้องยิงแม่รองทำไม” เจ้าสัวถาม
“ใจเย็นครับพ่อ..เอะอะโวยวายไป ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับ ผมแค่จำเป็นต้องตัดคนที่เห็นแล้วมันเกะกะออกไป เพื่อไม่ให้รบกวนการเจรจาธุรกิจในครอบครัวเรา”
“เจรจาธุรกิจ ? หมายความว่าไง” เจ้าสัวงง
“ก็หมายความว่า..ถ้าพ่อไม่ยกสมบัติทุกอย่างที่เป็นของตระกูลให้กับผม”
เมฆาหยุดนิดนึงแล้วพยักหน้าให้สันต์เข้าไปกระชากตัวหลินหลินออกมาจากร่างซ้อสอง
“พ่อก็คงต้องนั่งดูหลินหลินถูกยิงเป็นคนต่อไป” เมฆาพูด
“นี่แก..แก...ไอ้สารเลว ไอ้งูเห่าเลี้ยงไม่เชื่อง” เจ้าสัวโกรธ
เจ้าสัวปรี่เข้าไปจะเอาเรื่อง แต่ถูกมิเชลเข้ามาคว้ามือเอาไว้
“ถ้าชั้นเป็นเจ้าสัว ชั้นจะรีบๆปิดการเจรจา เพราะเวลามันเดินไปเร็วจนเราไม่รู้ตัว” มิเชลขู่
มิเชลพูดไปแล้วก็หันไปทางซ้อสองที่ค่อยๆหมดลมหายใจจนกระทั่งแน่นิ่งหมดลมต่อหน้าเจ้าสัวกับหลินหลิน
“แม่ !!” หลินหลินตะโกนสุดเสียงก่อนจะเป็นลมหมดสติไป

เฮียหลอเอาไหเหล้าเทน้ำสีดำๆที่เหลวๆข้นๆใส่ลงถ้วยต่อหน้ากังฟู กลิ่นของมันรุนแรงจนต้องเบือนหน้าหนี
“อื้อฮือ...นี่มันกลิ่นไข่เน่าเลยนี่ครับอาจารย์หลอ” กังฟูเหม็น
เฮียหลอรีบบอก “เฮ้ย..กลิ่นไข่เน่าที่ไหน..ซี้ซั้วต่า..นี่แหละของดีก้นไหเหล้าของอั้ว สมุนไพรทุกอย่างที่อั้วเอามาหมักตลอดเวลาเป็นสิบๆปี อยู่ในนี้หมดแล้ว”
ไม่พูดเปล่าเฮียหลอจัดการเอานิ้วลงไปกวนๆวนๆ แล้วยกขึ้นมา นิ้วชี้เฮียหลอดำปี้แถมยังเหนียวหนืดชวนแหวะ
“หอม..หอเจี๋ย..ปึ๋งปั๋งปึ๋งปั๋ง”
เฮียหลอดูดนิ้วเสียงดังราวกับน้ำผึ้งอันหอมหวาน แต่กังฟูกับบู๊ลิ้มอยากจะอาเจียน
“ยัง..แค่สมุนไพรก้นไหเหล้าของไอ้หลอยังไม่พอ ต้องเสริมด้วยสูตรฟื้นฟูกำลังแบบเร่งรัด ของอั้วด้วย” เฮียเก้าบอก
เฮียเก้าพูดไปก็เอาห่อกระดาษสีน้ำตาลแบบที่ห่อยาจีนตามร้านขายยามาวางลงตรงหน้า เมื่อแกะออกมากังฟูกับบู๊ลิ้มก็มองอย่างงงๆ เพราะในนั้นมีซากอะไรแห้งๆหลายอย่างสีดำดูหลอนๆ
เฮียเก้าอธิบาย “หางตุ๊กแกยักษ์ตายตอนกำลังห้อยหัว” เฮียเก้าใส่ลงในถ้วยของเฮียหลอ “เท้าหน้าข้างซ้ายของจิ้งจกที่ไม่ได้ตายโดยธรรมชาติ” เฮียเก้าใส่ลงไปในถ้วย “และนี่อุจจาระตากแห้งของแมวสาว ท้องแก่ใกล้คลอด” เฮียเก้าใส่ลงไปในถ้วยอีก
บู๊ลิ้มรีบบอก “เดี๋ยวก่อนครับอาจารย์..ที่ใส่ๆลงไปเนี่ยจะให้ศิษย์น้องกินจริงๆเหรอครับ”
“อ้าว..ก็เออสิ ของพวกนี้ มันของดีมีประโยชน์ รับรองไอ้กังฟูจะฟื้นขึ้นมาเป็นปกติทันที”
“แสดงว่าอาจารย์เคยกินกันมาแล้ว” บู๊ลิ้มถาม
เฮียเก้ากับเฮียหลอตอบพร้อมกัน “ยัง !!”
“เย้ย !! แล้วอย่างนี้จะรู้ได้ยังไงว่าจะได้ผล”
“ก็ให้ไอ้กังฟูลองคนแรกไง เดี๋ยวก็รู้..ฮ่าๆๆ” เฮียหลอหัวเราะชอบใจ
เฮียหลอหัวเราะกับเฮียเก้า แต่บู๊ลิ้มหันไปก็ไม่เห็นกังฟูแล้ว
“แต่ผมว่า..ศิษย์น้องผมไม่อยู่ให้ลองแล้วล่ะครับ” บู๊ลิ้มบอก

กังฟูถูกเฮียหลอกับเฮียเก้าช่วยกันลากตัวกลับเข้ามา
“ผมไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับอาจารย์ เก็บยาไว้ให้คนที่เขาเจ็บหนักกว่ากินเถอะ” กังฟูบอก
“ไม่ได้เว้ย..ถ้าลื้อไม่กิน แล้วลื้อจะฟื้นจากวิชาจัดเรียงกระดูกของฮูหยินได้ยังไง..กิน !!” เฮียหลอบังคับ
เฮียหลอกับเฮียเก้าช่วยกันจับตัวกังฟูล็อคแขนขาแน่นหนาจนเขาดิ้นไม่หลุด
“บู๊ลิ้ม..เอายามาป้อนไอ้กังฟู” เฮียเก้าสั่ง
“เอ่อ..ครับ..ครับอาจารย์..ขอโทษด้วยนะศิษย์น้อง ทนๆเอาหน่อยแล้วกัน”
กังฟูส่ายหน้าและเม้มปากสุดฤทธิ์แต่ก็โดนอาจารย์ทั้ง 2 จับง้างปากแล้วกรอกยาอันน่าสยดสยองพองขนใส่ปาก กังฟูจะไม่ยอมกลืนแต่เฮียเก้าก็เอามือปิดปากบีบจมูกบังคับให้กังฟูกลืนจนกระทั่งกังฟูกระเดือกยาลงคอ
เอื๊อก ทุกอย่างนิ่งเงียบ กังฟูกระพริบตาปริบๆ
บู๊ลิ้มเป็นห่วง “ศิษย์น้อง..ศิษย์น้อง...อาจารย์..นิ่งไปเลย เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย”
“ไม่หรอก..แบบนี้แสดงว่ายาออกฤทธิ์..ใช่มั้ยกังฟู”
กังฟูพยักหน้าแล้วก็เริ่มมีท่าทางพะอืดพะอมอยากจะขย้อนทุกอย่างออกมา
“เฮ้ย..อย่านะเว้ย..ไม่ใช่ทางนี้...หันหน้าไปทางโน้น” เฮียหลอผลักหน้ากังฟูหันไปทางเฮียเก้า
“เฮ้ย..ทางนี้ก็ไม่ได้...หันไป” เฮียเก้าผลักหน้ากังฟูกลับไป
“ก็บอกว่าทางนี้ไม่ได้” เฮียหลอผลักหน้ากังฟูกลับไปอีก
“แต่ทางนี้ก็ไม่ต้อนรับเว้ย !” เฮียเก้าผลักหน้ากังฟูกลับไปอีก
“โอ้ย..พอแล้วครับอาจารย์ คอผมจะหักแล้ว..มันไม่พุ่งออกมาแล้วครับ” กังฟูว่า
กังฟูตัดสินใจกระเดือกทุกอย่างที่บุกมาจออยู่ที่คอหอยให้คืนกลับไป
“เรียบร้อยแล้วครับ..ยาสูตรพิศดารของอาจารย์มันได้ผล..จริงๆ” กังฟูบอก
พูดไม่ทันจบกังฟูก็ตาตั้งหงายหลังตึ่งแล้วแน่นิ่งไป บู๊ลิ้มตกใจ
“ศิษย์น้อง..ศิษย์น้อง”
เฮียหลอจับชีพจรดู “เฮ้อ...ไอ้แบบนี้..เห็นทีต้องส่งโรงพยาบาลแล้วล่ะ”

มิเชลจูงมือหลินหลินที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดมาที่อีกมุมของโกดังร้าง
“ปล่อย..ปล่อยนะ..แม่..แม่จ๋า..ฮือๆๆๆ” หลินหลินร้องไห้
มิเชลรำคาญเสียงร้องไห้ พอมาถึงห้องที่ไว้สำหรับขังเธอก็ผลักหลินหลินจนล้ม
“หยุดส่งเสียงหนวกหูน่ารำคาญซะที” มิเชลว่า
เมฆาเดินตามเข้ามา “เด็กกำลังตกใจ ก็ต้องร้องไห้เป็นธรรมดาน่ามิเชล”
“แต่ชั้นรำคาญเสียงแบบนี้ เพราะมันคือเสียงของคนขี้แพ้”
“หึ..เธอจะไปเปรียบเทียบเด็กที่ถูกตามใจและเลี้ยงดูอย่างลูกคุณหนู กับเด็กที่ต้องปากกัดตีนถีบ ชีวิตต้องสู้อย่างเธอไม่ได้หรอกนะมิเชล” เมฆาว่า
“นี่คุณรู้เรื่องชั้นได้ยังไง”
เมฆาเข้าไปเชยคาง “ผมสนใจคุณ..ผมก็ต้องอยากรู้ทุกเรื่องของคุณสิ”
มิเชลปัดมือเมฆา “ชั้นว่าคุณควรใส่ใจงานที่คุณควรต้องจัดการมากกว่า” มิเชลหันไปที่หลินหลิน “ทำให้เด็กนี่เงียบซะที”
มิเชลบอกแล้วเดินออกไป เมฆาเลยหันมาที่หลินหลินแล้ววางมือถือกระติกน้ำอันเขื่องไว้ที่โต๊ะไม่ไกลจากหลินหลิน
“ได้ยินแล้วใช่มั้ยหลินหลิน..ถ้ายังส่งเสียงร้องไห้ให้พี่ผู้หญิงคนนั้นรำคาญอีกล่ะก็ พี่จะไม่ช่วยหลินหลินอีกแล้ว คงต้องปล่อยให้เขาหุบปากหลินหลินเอง” เมฆาว่า

หลินหลินยังสะอึกสะอื้น “ทำไม..ทำไมพี่เมฆาต้องฆ่าแม่หลินหลินด้วย..ฮือๆๆ”
“มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่..เรื่องของธุรกิจ พูดไปเด็กที่วันๆมีแต่คนเอาใจ อยากได้อะไรก็ได้อย่างหลินหลินไม่มีทางเข้าใจหรอก” เมฆาว่า
“แต่เวลาพี่เมฆาอยากได้อะไร พ่อก็ให้พี่ทุกอย่างไม่ใช่เหรอ” หลินหลินบอก
เมฆาชักสีหน้าไม่พอใจก่อนจะจับไหล่หลินหลินแล้วบีบแน่น “ไอ้ที่พ่อแกให้ชั้น..มันก็แค่เศษๆเหลือๆ จากที่เขายกให้แกไปหมดแล้วต่างหาก”
หลินหลินเจ็บ “พี่..พี่เมฆา..หลินหลิน...หลินหลินเจ็บ..ฮือๆ”
เมฆาพยายามใจเย็น “เอาล่ะ..ชู่ว์ บอกแล้วไง อย่าร้องไห้..” เมฆษดึงหลินหลินมากอดแนบอก “หยุดร้องซะ แล้วหลินหลินจะไม่เจ็บตัว..พี่สัญญา”
หลินหลินเอาหน้าแนบอกเมฆาแล้วพยายามกลั้นสะอื้นเพื่อหยุดร้อง
“ดีมาก..อยู่ในนี้แล้วทำตัวดีๆ เสร็จธุระแล้วพี่จะมาตาม”
เมฆาปล่อยมือจากหลินหลินแล้วเดินออกไป
เมฆาพูดเบาๆ กับสันต์ “ชั้นเสร็จธุระกับไอ้พ่อเลี้ยงชั้นเมื่อไหร่..เก็บนังเด็กนี่ซะ”
สันต์พยักหน้ารับคำสั่ง เมฆายิ้มมุมปากร้ายกาจแล้วเดินออกไปแล้วทิ้งให้สันต์ยืนเฝ้า ส่วนหลินหลินแอบชำเลืองมองโทรศัพท์มือถือกระติกน้ำที่เมฆาวางทิ้งเอาไว้ที่โต๊ะไม่ไกลอย่างครุ่นคิด

เมลดายืนดูพ่อที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงในห้อง ICU โดยไม่รู้สึกตัว น้ำตาของเธอซึมด้วยความเวทนาและสงสารพ่อ

หลินหลินชำเลืองมองโทรศัพท์มือกระติกน้ำของเมฆาบนโต๊ะ แล้วเริ่มเล่นละครตบตา
“โอ้ยยย..ปวดจังเลย..ปวด..ปวด”
“เป็นอะไรไปอีกคุณหนู” สันต์ถาม
“ปวด..ปวดฉี่” หลินหลินบอก
“ที่นี่ไม่มีห้องน้ำให้เข้าหรอกนะคุณหนู..ถ้าอยากฉี่ก็โน่น..” สันต์ชี้ไปที่หลังกองลังกระดาษ
“ตรงนั้นน่ะเหรอ..ก็ได้..แต่ออกไปก่อนได้มั้ย”
“อย่าเรื่องมากนักได้มั้ย” สันต์ว่า
“งั้นเดี๋ยวชั้นฉี่ราดตรงนี้เลยแล้วกัน”
“ก็ได้..น่ารำคาญจริงๆ”
สันต์เดินออกไปอย่างหัวเสียโดยไม่ทันคิดว่าเด็กอย่างหลินหลินจะมีเล่ห์เหลี่ยม คล้อยหลังสันต์ออกไปได้ครู่นึง หลินหลินก็รีบไปหยิบโทรศัพท์อันเขื่องของเมฆามาจ้องเขม็งก่อนจะครุ่นคิดแล้วกดเบอร์

เมลดาออกมานั่งเศร้าๆอยู่ที่เก้าอี้นั่งรอบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน สร้อยทองของแม่ที่พี่สาวยัดใส่มือเธอยังอยู่ ที่มือ เธอนิ่งมองแล้วน้ำตาซึม ระหว่างนั้นพยาบาลก็เดินเข้ามาจากวอร์ด
“คุณเมลดาคะ” พยาบาลเรียก
“มีอะไรเหรอคะ” เมลดาถาม
“มีโทรศัพท์ถามหาคุณค่ะ..จากคุณหลินหลิน” พยาบาลบอก

หลินหลินดีใจที่ได้ยินเสียงเมลดารับสาย
หลินหลินร้องไห้ “พี่เม..ฮือๆๆ พี่เมช่วยหลินหลินด้วย..ฮือๆๆ”
เมลดาที่มารับโทรศัพท์ที่วอร์ดพยาบาลตกใจ
“หลินหลิน..เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม”
“พี่เมต้องช่วยหลินหลินนะ..หลินหลินไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว”
“ใจเย็นๆหลินหลิน..ค่อยๆเล่าให้พี่ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรหลินหลิน”
“พี่..พี่เมฆา...เขา...เขา”
หลินหลินไม่ทันจะเล่าให้ฟัง มิเชลก็เข้ามาแย่งโทรศัพท์ไปจากมือทันที หลินหลินตกใจจะร้องตะโกนใส่โทรศัพท์
“พี่เม..ช่วยด้วย !!”
ตะโกนได้แค่ประโยคเดียว มิเชลก็ใช้สองนิ้วบีบที่ต้นคอซึ่งเป็นจุดสลบโดยไม่ต้องออกแรงมากหลินหลินก็หมดสติ มิเชลโยนโทรศัพท์ลงพื้นแล้วกระทืบแตกก่อนจะหันไปที่สันต์อย่างไม่พอใจ
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ดูให้ดี”
สันต์เซ็ง มิเชลหยิบโทรศัพท์เดินออกไปทันที

เมลดาไม่ได้ยินเสียงสัญญาณจากโทรศัพท์ของหลินหลินก็ยิ่งแปลกใจสงสัยจนเริ่มกังวลและเป็นห่วง

เมฆาเลื่อนเอกสารพินัยกรรมพร้อมปากกาให้เจ้าสัว
“เซ็นต์ชื่อในพินัยกรรมฉบับนี้สิครับคุณพ่อ..เซ็นต์สิครับ”
“ชั้นให้ทุกอย่างกับแก เลี้ยงแกเหมือนลูกในไส้ แต่แกกลับทรยศชั้นได้อย่างเลือดเย็นแกยังเป็นคนอยู่อีกรึเปล่า..ไอ้เมฆา !!” เจ้าสัวว่า
“อย่าหาว่าผมทรยศเลยดีกว่าครับพ่อ ไอ้ที่ผมทำอยู่เนี่ยมันเป็นการช่วยรักษาธุรกิจของตระกูล ไม่ให้ตกไปอยู่ในมือลูกคุณหนูที่ดีแต่งตัวสวยๆช้อปปิ้งไปวันๆ”
“ถึงทุกอย่างชั้นจะยกให้หลินหลิน แต่แกก็มีหน้าที่ดูแลบริหาร เพราะชั้นมั่นใจว่าแกจะดูแลครอบครัวของเราต่อไปได้
“งั้นทำไมไม่ยกให้ผมทั้งหมดเลยล่ะ โธ่เอ้ย..ก็เพราะพ่อยังคิดว่าผมไม่ใช่สายเลือดไง”
เมฆาเข้าไปบีบไหล่เจ้าสัวเพื่อบีบบังคับให้รีบเซ็นต์ชื่อ
“เซ็นต์ซะ..ถ้ายังยึกยักอยู่อีก..ผมจะไม่รับรองความปลอดภัยของหลินหลิน”
“ได้..ชั้นไม่มีทางเลือกแล้ว แต่ขออย่างเดียว แกต้องปล่อยหลินหลินไป” เจ้าสัวบอก
“ผมรับปาก..ผมจะส่งหลินหลินไปอยู่เมืองนอก ตราบใดที่หลินหลินไม่พูดเรื่องนี้ เธอก็จะมีชีวิตสุขสบาย..โอเคมั้ยครับ..คุณพ่อ”
เจ้าสัวนิ่งคิดตัดสินใจได้ครู่นึงจึงจรดปลายปากกาแล้วเซ็นต์ชื่อลงในพินัยกรรม
เมฆาหยิบมาดูความเรียบร้อยแล้วยิ้มพอใจ “ก็แค่นี้..ขอบคุณมากครับที่เลี้ยงดูผมมาอย่างดี”
เมฆาพูดจบก็ชักปืนออกมายิงเปรี้ยง เจ้าสัวโดนยิงกลางอกก็ฟุบตายคาที่ เมฆายิ้มพอใจ ระหว่างนั้นมิเชลเอาโทรศัพท์ของเมฆาที่มีสายเรียกเข้ามายื่นให้เมฆา
“ลูกน้องของคุณทำพลาด ปล่อยให้หลินหลินโทรไปหาผู้หญิงคนนั้น ชั้นจัดการให้หลินหลินหุบปากไปแล้ว แต่ผู้หญิงคนนั้นยังโทรมาไม่หยุด” มิเชลบอก
เมฆาจะกดตัดสายแต่มิเชลจับมือไว้ให้หยุด
“ไม่ต้อง..ปล่อยให้ชั้นจัดการเองดีกว่า..ปัญหาจะได้ไม่บานปลายไปมากกว่านี้”
มิเชลเอาโทรศัพท์จากมือเมฆามากดรับ

เมลดาได้ยินเสียงปลายสายจากมิเชล
“มิเชลเหรอ..คุณเมฆาอยู่ไหน..เกิดอะไรขึ้นกับหลินหลิน เมื่อกี้นี้หลินหลินโทรหาชั้นแล้วเอาแต่ร้องไห้ ขอให้ชั้นไปช่วย”
“เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับคุณเมฆากับหลินหลินค่ะคุณเมลดา” มิเชลบอก
“อุบัติเหตุ !! พวกเขาเป็นยังไงบ้าง” เมลดาถาม
“ตอนนี้ดิชั้นยังบอกอะไรไม่ได้มากค่ะ หลินหลินเอาแต่เรียกหาคุณ ชั้นว่าคุณควรจะรีบ มาหาเธอตอนนี้เลย รีบมาเลยนะคะ”
“ได้..ชั้นจะรีบไป..ที่ไหน”
เมลดาฟังแล้วก็จำก่อนจะกดตัดสายแล้วรีบเดินออกไปทันที
มิเชลยื่นโทรศัพท์คืนให้เมฆาหลังจากคุยกับเมลดาเสร็จ
“ถ้าคุณจัดการกับผู้หญิงคนนี้ไปซะตั้งแต่ทีแรก..ชั้นก็ไม่ต้องมาเสียเวลาลงมือเองหรอก”
มิเชลยิ้มร้ายแล้วเดินออกไป เมฆามองตามด้วยสีหน้านิ่ง
อ่านต่อตอนที่ 3

ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู ตอนที่ 1
ร้ายรักพยัคฆ์กังฟู ตอนที่ 1
บนถนนสายหนึ่งในย่านคนจีน ขณะที่ทหารสี่คนกำลังแบกเกี้ยวที่ตกแต่งอย่างสวยหรู มีแม่ทัพผู้หนึ่งขี่ม้านำขบวนเกี้ยว โดยที่ตรงกลางถนนมีชายคนหนึ่งสะพายดาบเล่มใหญ่ นั่งอยู่บนเก้าอี้มองมาอย่างใจเย็น “บังอาจ นี่เป็นขบวนเกี้ยวองค์หญิงหลานหลิง ถ้าไม่อยากตายรีบไสหัวไป” แม่ทัพพูดแทบเป็นตวาด “บังเอิญนัก ข้าก็กำลังตามหาองค์หญิงหลานหลิงพอดี” นักฆ่าเอ่ย “สารรูปอย่างเจ้ามีธุระอะไรกับองค์หญิง” “มีคนจ้างให้ข้ามาฆ่าองค์หญิงไงล่ะ ข้าคือนักฆ่าดาบเดียว ซิมเซ่งอี่” นักฆ่ากระโดดขึ้น ชักดาบฆ่าแม่ทัพในดาบเดียว พวกคนแบกเกี้ยวต่างพากันตกใจและวิ่งหนีหายไป
กำลังโหลดความคิดเห็น