xs
xsm
sm
md
lg

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 19

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 19

อัคนีโทรศัพท์อยู่ในสวนบ้านนายพลวิฑูร
 
“นึกแล้ว เจ้าชายบ้าบิ่นเข้าไปจริงๆ บอกให้หนีออกไปด่วนเลย ผมเพิ่งเห็นว่าจุดที่เจ้าชายเข้ามามีกล้องวงจรปิด อาจจะเห็นเจ้าชาย...”
“โอเค...” มัทนาหันมาบอกคามิน “เจ้าชายต้องเสด็จแล้วเพคะ พวกนายพลวิฑูรอาจจะเห็นเจ้าชายจากกล้องวงจรปิด”
“งั้นก็ไปด้วยกัน”
“ไม่ได้เพคะ ทรงฟังนะเพคะฝ่าบาท ตอนนี้เจ้าชายมาคีเข้าพระทัยฝ่าบาทผิด ถึงได้ยอมร่วมมือกับนายพลวิฑูร เราต้องทำให้เจ้าชายทรงเชื่อว่า กำลังเป็นเครื่องมือคนชั่ว ซึ่งคนคนเดียวที่จะทำให้เจ้าชายเปลี่ยนพระทัยได้คือ องค์ราชินี”
“แล้วไง”
“เราต้องรู้ให้ได้ว่าองค์ราชินีทรงเป็นยังไง ประชวรแค่ไหน แล้วหม่อมฉันก็มีแผนแล้ว เชื่อหม่อมฉันสักครั้ง”
“งั้นก็บอกแผนคุณมา ไม่งั้นผมจะไม่ไปจากที่นี่” คามินมองดุๆ

ภูสายธาร...ทุกคนเตรียมพร้อมจะตามไปช่วยคามิน
“ทุกคนระวังตัวด้วยนะ”
“ผมสัญญาว่าจะช่วยเจ้าชายมาให้ได้ แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม”
“ไป พวกเรา”
คามินเดินเข้ามา
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
“เจ้าชาย”
หฤทัยวิ่งเข้ากอดหฤทัย
“หม่อมฉันดีใจเหลือเกินที่ทรงปลอดภัย”
“พี่ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง...”
ฐากูรมองอย่างเป็นห่วง
“กระหม่อมกำลังจะไปแลกชีวิตกับพวกมันทีเดียวทรงพระปรีชาจริงๆ ลอบเข้าไปถ้ำเสือแต่เสด็จกลับมาได้อย่างปลอดภัย”
“ลืมแล้วเหรอ ว่าถ้ำเสือที่ว่า เราเคยอยู่ แล้วก็รู้ทางหนีทีไล่ทุกซอกทุกมุม”
“แล้ว ทรงพบคุณมัทนามั้ยเพคะ” หฤทัยถามอย่างเป็นห่วง

วันใหม่มินตราเดินมาที่ลานซ้อมมองหานายพลวิฑูร ทหารยามเดินมา
“ทหาร...วันนี้ท่านวิฑูรไม่ได้มาซ้อมธนูเหรอ”

“มาครับ แต่ท่านเข้าไปพักที่ห้องพักด้านใน”

มินตราเดินเข้าไปในห้องพัก ชะงัก ประตูห้องพักเปิด เห็นนางระบำ เดินออกมา แต่งตัวเอวลอย เซ็กซี่ หัวยุ่งเล็กน้อย หยุดจัดเสื้อผ้า แล้วพอเห็นมินตราก็ สะดุ้ง เดินก้มหน้าก้มตาออกไป
 
“นี่มันนางระบำ ในวังนี่ แสดงว่า...เฮอะ ทำวางมาด ที่แท้ก็ตัณหากลับเหมือนกัน”
มินตราคิด ตัดสินใจเดินเข้าไป

นายพลวิฑูรใส่เสื้อคลุม หันกลับมาอย่างไม่พอใจ
“เงินก็ได้ไปแล้วทำไมยังไม่รีบไปอีก”
นายพลวิฑูรชะงัก มินตรายิ้มหวาน
“คิดว่าฉันเป็นนางระบำที่เพิ่งออกไปเหรอคะ”
นายพลวิฑูรอึ้ง
“เธอเห็น...”
“เต็มสองตา”
นายพลวิฑูรนิ่ง มองมินตราจะเอายังไง มินตราเข้ามาใกล้กระซิบ
“แต่ฉันรู้ดีค่ะว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด”
นายพลวิฑูรพยักหน้า
“ดี เพราะเธอก็น่าจะรู้ว่าถ้าจะมาท้าทายคนอย่างฉัน จะเจอกับอะไร แล้วที่มานี่มีอะไร”
“ฉันไม่บังอาจหรอกค่ะ”
มินตราเดินไปลูบแผ่นอกนายพลวิฑูร ยั่วเต็มที่
“ฉันไม่เคยคิดท้าทายท่าน ตรงกันข้าม ฉันคิดฝากชีวิตไว้กับท่านมากกว่า”
“แล้วที่มานี่ มีเรื่องอะไร”
นายพลวิฑูรมองมินตราประมาณจะมาไม้ไหน มินตราโอบรอบคอนายพลวิฑูร เงยหน้าเชิญชวน
“ฉันกำลังคิดว่า ถ้าจะทำงานใหญ่ให้สำเร็จแค่ร่วมมือฉันว่าไม่พอ ต้องร่วมกายร่วมใจด้วย ท่านคิดเหมือนฉันมั้ยคะ”
นายพลวิฑูรยิ้ม ดันมินตราไปติดกำแพงอย่างแรง มินตราตกใจ นายพลวิฑูรเข้าประชิด มินตรายิ้มสมใจ

วันใหม่ ในเหมือง...ยักษ์คุมลูกน้องขุดแร่ พวกชาวบ้านออกมาขว้างหินกับไม้ใส่
“เฮ้ย..ใครวะ”
ชาวบ้านกรูกันออกมาขวางทาง พร้อมใจตะโกน
“ออกไปๆ ไอ้พวกโจร”
“ชะไอ้พวกแมงเม่า จัดการพวกมัน” ยักษ์โมโห
ลูกน้องจะยิงชาวบ้าน เสียงปืนดังปัง ปืนหลุดจากมือลูกน้องยักษ์ทั้งหมด ยักษ์หันขวับ คามิน สินธร ฐากูรยืนถือปืนอยู่ ปิดหน้าแบบกองโจร ชาวบ้านพากันมอง ยักษ์กับลูกน้องยิงต่อสู้กับคามิน สินธร ฐากูร ครู่เดียว พวกยักษ์สู้ไม่ได้ ลบกันระเนระนาด คามินเปิดหน้า
“เราคามิน ราชองครักษ์แห่งองค์กษัตริย์อินทรา เราจะไม่ยอมให้พวกต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากรายาเด็ดขาด”
“ไอ้คามิน ถอยก่อนโว้ย”
ยักษ์นำลูกน้องวิ่งขึ้นรถขับหนีไป ชาวบ้านโฮ่ไล่ คามิน สินธร ฐากูรมองสะใจ ชาวบ้านกลับมาล้อมคามิน คามินมองทุกคนก่อนตะโกน
“เรื่องที่ท่านคามินลักพาองค์กษัตริย์เป็นเรื่องโกหก เจ้าชายมาคีทรงหลงเชื่อคำยุยงของนายพลนายพลวิฑูร จึงเข้าพระทัยผิดว่า ท่านคามินลักพาองค์กษัตริย์”
ชาวบ้านฮือฮา
“แล้วองค์กษัตริย์อยู่ที่ไหน”
“ทรงอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ใครที่ยังจงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ ขอให้มาร่วมกันสู้กับพวกเรา”
ชาวบ้านตะโกนตามแข็งขัน
“พวกเราต้องสู้..เพื่อองค์อินทรา เพื่อรายา เฮ”

คามินยืนตระหง่านอย่างผู้นำที่เข้มแข็ง สินธร ฐากูรเคียงข้าง ท่ามกลางชาวบ้านที่ฮึกเหิม

นายพลวิฑูรขยุ้มคอเสื้อลูกน้องตะคอกดุดัน
 
“แกเห็นใครพูดใหม่อีกทีสิ”
“ท่านหัวหน้าองค์รักษ์คามินครับท่าน ท่านสินธรก็อยู่ด้วย”
นายพลวิฑูรปล่อยลูกน้อง หันมามองหน้าสุเทษ เสียงเย็น
“แกมัวทำอะไรอยู่ ถึงปล่อยไอ้คามินเข้ามาเพ่นพานได้”
“เป็นไปไม่ได้ครับท่าน”
“แต่มันเป็นไปแล้ว” เสียงอสิตดังขึ้น
นายพลวิฑูรกับสุเทษหันไปมอง รับที่อสิต อัคนี ยักษ์เข้ามา อสิตไม่พอใจ
“ไอ้คามินมันเพิ่งเล่นงานลูกน้องผมไม่ให้เข้าไปขุดแร่ในเหมือง”
อัคนีทำกร่าง
“แบบนี้ธุรกิจพ่อผมก็เสียหายหมด ท่านนายพลจะชดใช้ยังไงไม่ทราบ”
“คนที่ต้องชดใช้คือพวกนายที่อ่อนหัด หวังแต่จะกอบโกยแต่ไม่เคยทำงานอะไรสำเร็จ...มีแต่จะมาเป็นตัวถ่วง” สุเทษโต้
“เฮ้ยๆ พูดผิดพูดใหม่ได้นะ คนที่ไม่เอาไหนคือแกต่างหาก ไม่อย่างงั้นไอ้คามินมันคงไม่เข้ามาลอยหน้าลอยตาในรายาได้หรอก ไอ้ซื่อบื้อเอ๊ย”
สุเทษโมโห กระโดดต่อย อัคนีเซไปแล้ว เข้าสู้โดนหักแขน อัคนีแกล้งแหกปากร้อง
“โอ๊ยๆ ป๊าช่วยด้วย มันจะฆ่าผม”
“เฮ้ย ปล่อยลูกอั๊วนะโว๊ย ไม่งั้นอั๊วยิง”
“กล้าก็เอาสิวะ” สุเทษโวย
“พอ หยุด พอทั้งคู่นั่นแหละ” วิทูรตวาด
สุเทษปล่อย อัคนียังมองกวนๆ อสิตเก็บปืน มินตราเดินเข้ามามอง

นายพลวิฑูรนั่งกุมหัว มินตราเข้ามานวด
“อย่าเครียดไปเลยค่ะ ความเครียดไม่ช่วยแก้ปัญหา”
“เธอไม่รู้อะไรอย่าเพิ่งพูด”
“ท่านอาจคิดว่าคามินถือไพ่เหนือเราเพราะมีองค์ราชา แต่ฝ่ายเราก็ใช่ว่าจะไม่มีไพ่ในมือ”
“ใคร มัทนาน่ะเหรอ เฮอะ ระหว่างราชบัลลังก์กับผู้หญิงคนเดียว ไอ้คามินมันไม่โง่เลือกอย่างหลังหรอก ถ้าฉันไม่เห็นว่าต้องเก็บไอ้มาคีไว้ใช้ ฉันฆ่านังมัทนาไปแล้ว”
“นี่ละค่ะ ที่ฉันเห็นว่าท่านทำถูกที่สุด ท่านไม่จำเป็นต้องฆ่าใครทั้งนั้น เพราะคนที่โหดร้ายต้องไม่ใช่ท่าน”
“เธอหมายถึง...”
“ถ้าท่านกลัวว่าการยึดอำนาจจากเจ้าชายจะทำให้ ท่านกลายเป็นผู้ปกครองที่ไม่ชอบธรรม ท่านก็ทำให้ประชาชนทุกคนเห็นซิคะว่า เจ้าชายมาคีไม่เหมาะกับราชบัลลังก์แห่งรายา...”

นายพลวิฑูรคิดตามทีมินตราพูด

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 19 (ต่อ)

วันใหม่ เห็นสุเทษคุมลูกน้องเข้าออกบ้านชาวบ้านเพื่อตรวจค้น ก่อนจะลากชายคนหนึ่งออกมาซ้อม เมียวิ่งตามออกมาอ้อนวอน แต่โดนสุเทษกระชากตบกระเด็นไป
 
ชาวบ้านอื่นๆพากันแอบมองอย่างหวาดกลัว ชายถูกลูกน้องลากตัวไป สุเทษกวาดตามองทุกคนประกาศก้อง
“เจ้าชายมาคีทรงมีพระบัญชา ใครหน้าไหนบังอาจสมรู้ร่วมคิดกับไอ้คามินจะโดนข้อหากบฏ ต้องถูกประหารชีวิต”
ชาวบ้านพากันตื่นตกใจ ลูกน้องอีกด้านลากชายชาวบ้านสภาพโดนซ้อมเละ มาล้มกองอยู่
แทบเท้า สุเทษกวาดตามองน่ากลัวก่อนยกปืนยิงกราดขึ้นฟ้าข่มขู่ ชาวบ้านพากันหลบตาหวาดกลัว

เจ้าชายมาคีมองนายพลวิฑูรอย่างไม่เห็นด้วย
“ประหารเหรอ แต่พวกนั้นเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา เขาอาจจะถูกคามินปั่นหัวจนหลงเชื่อ”
“หากเราไม่กระทำให้เป็นเยี่ยงอย่าง พวกกบฏก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้” นายพลวิฑูรยุ
“แต่ถ้าเป็นเสด็จพ่อ จะไม่มีวันประหารใครโดยไม่สอบสวนให้กระจ่าง” เจ้าชายมาคีนิ่งคิด
นายพลวิฑูรยุต่อ
“จะขุดรากถอนโคนไอ้คามิน ต้องอย่าทรงพระทัยอ่อน เสียชาวบ้านแค่ไม่กี่คน พระองค์ต้องทรงแลก ไม่แน่ไอ้คามินมันอาจจะโผล่มาโดยที่เราไม่ต้องเสียแรงตามล่าก็ได้”
เจ้าชายมาคีคิดหนัก

ภูสายธาร...ฐากูรบอกทุกคนอย่างไม่พอใจ
“พวกมันยัดข้อหากบฏให้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ หาว่าสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าชายคามินเป็นกบฏ”
คามินนิ่ง เครียด
“ฝีมือนายพลวิฑูรแน่ คงคิดจะล่อให้เราออกไป”
“แต่สายรายงานว่าเป็นคำสั่งเจ้าชายมาคีพะยะค่ะ”
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าชายไม่ใช่คนที่มีพระทัยโหดร้ายแบบนี้”
“ขนาดทรงทราบว่าฝ่าบาทเป็นพระเชษฐาก็ยังไม่เปลี่ยนพระทัย แสดงว่าเจ้าชายอาจจะไม่ใช่เจ้าชายองค์เดิมที่เราเคยรู้จักแล้วนะครับ” สินธร ฐากูรมองคามินกังวล
“งั้นเราต้องรีบพามัทนาหนีออกมาก่อน”
ธรรมรัตน์กับเหมันต์เข้ามา
“อย่าทรงกังวลพระทัยเรื่องมัทนาเลย”
คามิน หันมาดีใจ
“คุณธรรมรัตน์ คุณเหมันต์”
“เมื่อเขาตัดสินใจมาแล้วก็ต้องรับผิดชอบตัวเองให้ได้ อย่าให้มัทนาต้องทำให้เสียงานใหญ่เลยพะยะค่ะ”
“แต่ว่า...”
“หน่วยจู่โจมกับอาวุธที่ผมสั่งไว้กำลังข้ามชายแดนมาที่นี่ ผมจะช่วยกอบกู้แผ่นดินรายาในฐานะพระสหายขององค์อินทรา เราจะสู้ด้วยกัน”
 
ทุกคนซาบซึ้งฮึกเหิม

มัทนาคุยโทรศัพท์กับอัคนี
 
“ดีค่ะ คุณอัคนี ยิ่งพวกเขาแตกคอมากเท่าไหร่ เราก็ทำงานง่ายขึ้น แล้วเรื่ององค์ราชินีละคะ”
“ผมไปสืบมาให้แล้วครับ”
อัคนีเล่าให้มัทนาฟังว่า....

ห้องปรุงยา...อัคนีกุมหัวร้องโอดโอย เจ้าหน้าที่ห้องยามอง
“ปวดมากเลยเหรอ”
“ใช่ครับ ปวดจี๊ดเลย”
“งั้นรอเดี๋ยวครับจะจัดยาแก้ปวดหัวให้”
เจ้าหน้าที่เตรียมจัดยา
“คงเหนื่อยแย่นะครับ วันๆคนไม่สบายก็เยอะ”
“ใช่..ช่วงนี้เหนื่อยจริงๆ ยิ่งองค์ราชินีมาทรงประชวรอีก”
“ผมได้ข่าวมาว่าทรงคลุ้มคลั่งบ่อยๆ ท่านประชวรด้วยโรคอะไรเหรอจ้ะ”
“หมอหลวงยังวินิจฉัยไม่ได้เลย”
เจ้าหน้าที่ยื่นซองยาแก้ปวดหัวให้
“เอ้ายาแก้ปวดหัวของคุณกินทุกสี่ชั่วโมงนะ”
“ขอบคุณครับ เอ๋แล้วองค์ราชินีทรงเสวยยาอะไรละครับ”
“ไม่ได้เสวยยาจากที่นี่หรอก แต่เป็นยาที่ท่านวิฑูรจัดหามาเอง เห็นว่าเป็นสมุนไพรอย่างดีที่หายากมากทีเดียวนะ”

มัทนาฟังที่อัคนีเล่าแล้วเดาสถานการณ์ออกทันที
“องค์ราชินีต้องทรงถูกวางยาเหมือนองค์ราชาแน่ ถึงได้ไม่สามารถตรัสเล่าความจริงให้เจ้าชายฟังเราต้องช่วยองค์ราชินีออกมาโดยเร็วที่สุด”
“จะทำได้ยังคุณมัท เวรยามออกแน่นหนาอย่างงั้น”
เสียงไขประตู มัทนาซ่อนโทรศัพท์ใต้ที่นอน เจ้าชายมาคีเข้ามา
“ผมมีข่าวดีจะบอก”
“อะไรเพคะ”
“พรุ่งนี้จะมีการประหารพวกชาวบ้านที่เป็นกบฏ ผมอยากให้คุณไปดูด้วย”
“ว่าไงนะ ประหาร”
“ใช่ ไม่ว่าใครที่เป็นพวกเดียวกับคามิน มีโทษอย่างเดียวคือประหาร”
“พระองค์ทรงเป็นอะไรไปแล้ว ทำไมถึงทรงเหี้ยมโหดไร้พระทัยแบบนี้ พวกนั้นเป็นคนรายา เป็นประชาชนของพระองค์นะเพคะ”
“ถ้าผมเป็นคนเหี้ยมโหดไร้หัวใจจริง คุณคงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ มัทนา”
เจ้าชายมาคีเปิดประตูออกไป เห็นนางกำนัลยืนอยู่ ถือถาดอาหารจะเอามาให้มัทนา เจ้าชายมาคีออกไป นางกำนัลย่อแล้ว เดินเอาถาดอาหารมาวาง มัทนาเครียด

เช้าวันใหม่ ห้องทำงานบ้านนายพลวิฑูร...เทวีเคาะประตูแล้วเข้ามา
“ท่านพี่ๆ อ้าว...”
สาวใช้กำลังทำความสะอาด
“ท่านพี่ไม่อยู่หรอกเหรอ
“ไม่ค่ะ”
“เมื่อคืนก็ไม่ได้เข้าไปนอนที่ห้อง ไอ้เราก็นึกว่านั่งทำงานอยู่”
สาวใช้เช็ดโต๊ะ แล้วพบเข็มกลัดของมินตราหล่นอยู่
“เอ๊ะ”
“อะไร”
“นี่ของคุณหญิงหรือเปล่าคะ”
เทวีเอามาดู
“ไม่ใช่ของฉัน แล้วก็ไม่ใช่ของหฤทัยด้วย...”

เทวีคิด เอะใจ

ในห้องพักลานซ้อม มินตราใส่เสื้อผ้าแล้วกำลังติดกระดุมเสื้อให้นายพลวิฑูรอย่างเอาใจ
 
“หวังว่าท่านคงไม่ตีค่าฉันเหมือนนางระบำพวกนั้นนะคะฉันไม่อยากเป็นแค่ผู้หญิงชั่วคราว”
นายพลวิฑูรรู้ทัน
“คิดจะจริงจังกับฉันแล้วเจ้าชายล่ะ”
“คนโง่ที่เอาผู้หญิงที่สวมเขาให้กลับมาเป็นเมีย อยู่ด้วยชีวิตฉันก็ไม่เจริญหรอกค่ะ อยู่กับท่านดีกว่าเห็นแต่ความรุ่งเรืองอยู่ข้างหน้า”
“เธอนี่ปากหวานเหมือนกันนะ”
“แล้วท่านละคะปากหวานรึเปล่า”
มินตราดึงนายพลวิฑูรมายั่วยวน เทวีเปิดประตูพรวดเข้ามาเห็นภาพบาดตาก็ตะโกนอย่างโกรธจัด
“คุณพี่”
เทวีพุ่งเข้าไปกระชากมินตรามาตบอย่างแรง
“นังแพศยา อ่อยเจ้าชายยังไม่พอยังจะอ่อยผัวฉันอีก คิดจะจับผู้ชายให้หมดรายาเลยรึไง”
มินตรามองเทวีอย่างไม่กลัว
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะเพราะตอนนี้คนที่ฉันอยากอยู่ด้วยมีคนเดียวเท่านั้น คือท่านนายพล”
เทวีมองมินตราอย่างโกรธจัดจะปรี่เข้าไปตบซ้ำ
“ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ”
นายพลวิฑูรรีบเข้าไปจับเทวีไว้อย่างหงุดหงิด ลากเทวีออกไป มินตรามองเทวียิ้มเยาะสะใจ

นายพลวิฑูรลากเทวีเข้ามาในบ้านอย่างโกรธจัด เทวีเจ็บข้อมือพยายามสะบัด
“ฉันเจ็บนะ ปล่อย”
นายพลวิฑูรไม่ปล่อยจะลากเทวีเข้าไปในห้องทำงาน เทวีกัดมือนายพลวิฑูรอย่างแรง นายพลวิฑูรร้องอย่างเจ็บปวดปล่อยมือจากเทวี
“โอ้ย”
นายพลวิฑูรมองเทวีอย่างโมโหตบอย่างแรง เทวีหน้าหันแล้วมองนายพลวิฑูรอย่างทั้งโกรธทั้งตกใจ
“20 กว่าปีที่อยู่กันมา คุณไม่เคยลงไม้ลงมือกับฉัน หรือสมสู่กับผู้หญิงชั้นต่ำมาก พฤติกรรมต่ำๆถึงติดตัวมา”
“เออ ฉันมันต่ำแล้วถ้าคนชั้นสูงอย่างเธอไม่หุบปาก ไม่หยุดแผดเสียงที่น่าปวดประสาทของเธอ ฉันจะทำให้มากกว่านี้อีก”
เทวียื่นหน้าใส่นายพลวิฑูรอย่างไม่กลัว
“เอาเล้ย..แต่เตือนไว้ก่อนนะว่าฉันจะไม่ยอมเจ็บฝ่ายเดียว ถ้าคุณแตะต้องฉันอีกแม้แต่ปลายเล็บคนทั้งรายาได้รู้แน่ๆ ว่าท่านนายพลวิฑูรมั่วผู้หญิง รับสินบนและที่เลวร้ายที่สุดคือวางยาองค์ราชินี”
นายพลวิฑูรมองเทวีอย่างโกรธจัดตบเทวีกระเด็นล้มลง นายพลวิฑูรเข้าไปจิกหัวมองเทวียิ้มเยาะ
“คิดไว้ไม่มีผิดว่าสักวันผู้หญิงที่ไร้สมองอย่างเธอจะต้องทำฉันเดือดร้อน ฉันไม่รอให้ถึงวันนั้นหรอก”
“สุเทษ สุเทษ” นายพลวิฑูรตะโกน
สุเทษวิ่งเข้ามาเห็นเทวีนั่งเลือดกบปากก็มองอย่างตกใจ

“เอานังนี่ไปขังคุก”

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 19 (ต่อ)

เทวี สุเทษมองนายพลวิฑูรอย่างตกใจ
 
“ขังฉันเรื่องอะไร ฉันทำอะไรผิด”
“ข้อหาวางยาองค์ราชินีไง”
“นี่ นี่แกใส่ร้ายฉัน ไอ้คนเลว”
สุเทษเข้ามาจับตัว เทวีมองนายพลวิฑูรอย่างแค้นใจโวยวายลั่นบ้านเทวี
“ไอ้คนเนรคุณ ถึงแกจะเป็นญาติขององค์ราชินี แต่ถ้าฉันไม่แต่งงานกับแก แกก็ต้องถูกเปิดโปงความชั่วที่แกมั่วหญิงคณิกา จนมีลูก...แล้วแกก็ไม่มีทางได้ไต่เต้าจนเป็นใหญ่อยู่ทุกวันนี้”
สุเทษมองชะงัก นึกไม่ถึง
“มองอะไรอยู่เล่า เอามันออกไปเดี๋ยวนี้”
สุเทษลากเทวีไป
“ทำอย่างงี้กับฉันไม่ได้นะ ปล่อย”
ทวีตะโกนด่านายพลวิฑูรจนพ้นประตูไป นายพลวิฑูรโมโห สะบัดมือที่ถูกกัด

พระนางสาวิตรีที่ยังหลับ ค่อยๆรู้สึกตัวตื่นเห็นราชาอินทรายืนมองอยู่ยิ้มอ่อนโยน
“เสด็จพี่” พระนางสาวิตรีลุกพรวดไปจับตัวราชาอินทรา “ทรงปลอดภัย”
ราชาอินทราพยักหน้า พระนางสาวิตรีมองราชาอินทราอย่างรู้สึกผิด คุกเข่า
“หม่อมฉันขอประทานอภัยที่คิดร้ายต่อเสด็จพี่ หม่อมฉันอิจฉาผู้หญิงไทยที่ชื่อปรารถนา อิจฉาคามินจนหน้ามืดตามัวเห็นผิดเป็นชอบ ตอนนี้บาปกรรมตามสนองหม่อมฉันแล้วเพคะ”
ราชาอินทราเช็ดน้ำตาให้พระนางสาวิตรีอย่างอ่อนโยน ดึงพระนางสาวิตรีขึ้นมา
“เข้มแข็งไว้นะพระนางสาวิตรี เข้มแข็งต่อการมีชีวิตอยู่ เพื่อปกป้องรายา”
“ตัวหม่อมฉันเองหม่อมฉันยังปกป้องไม่ได้แล้วจะปกป้องรายาได้ยังไงเพคะ”
“เจ้าทำได้ เราเชื่อมั่นในตัวเจ้า”
ราชาอินทราค่อยๆเลือนหายไป พระนางสาวิตรีมองอย่างตกใจ
“เสด็จพี่ เสด็จพี่”

พระนางสาวิตรียังหลับตาแต่เพ้อถึงราชาอินทรา
“เสด็จพี่”

พระนางสาวิตรีค่อยๆรู้สึกตัวตื่นมองรอบๆอย่างงงๆลุกขึ้น สติเริ่มคืนมา มองทุกอย่างจากเบลอเป็นชัด พยายามนึก แล้วนึกได้ว่าถูกกรอกยา แบะจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้แล้ว จึงคิดหาทางหนี

ลานบ้านภูสายธาร พวกจันทรานวดแป้งทำขนม อย่างขันแข็ง อีกพวกก็ปั้นขนมเป็นก้อน
 
อีกด้านหฤทัยเอาขนมคลุกกับแป้ง ใส่ในถาด ส่งให้สินธรที่มองหฤทัยอย่างหลงรักสุดๆ ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร คามินกับเหมันต์เดินมา
“เทศกาลจันทรคีตา นี่มันเทศกาลอะไรเหรอพะยะค่ะ” เหมันต์สงสัย
"ทุกปีรายาจะมีช่วงที่พระจันทร์เต็มดวง 3 วัน..เชื่อกันว่าเป็นวันที่เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์เสด็จลงมาประทานพร ทุกบ้านจะเล่นดนตรีถวายเทพเจ้าแล้วก็ทำขนมรูปดวงจันทร์แจกจ่ายกันไปทั่วเมืองเพื่อเป็นการถวายพระพรต่อเทพเจ้าและองค์กษัตริย์”
สินธรเอาขนมเดินมาส่งให้คามิน
“ขนมจันทรคีตาพะยะค่ะ”
“ดีมาก นำไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านแล้วใช่มั้ย”
“พะยะค่ะ พวกชาวบ้านขอมาเพิ่มอีก” สินธรหมายถึงชาวบ้านมาขอเป็นพวกกู้ชาติ
“แจกไปให้มากที่สุด เราอยากให้ชาวรายาได้กินขนมของเรา”
สินธรโค้งแล้วเดินออกไป
“ทำแบบนี้ ชาวบ้านจะรู้ความเคลื่อนไหวของเราน่ะสิพะยะค่ะ”
คามินยิ้ม หยิบขนมยื่นให้
“ชิมดูสิ”
เหมันต์กัดขนม แล้วอึ้ง คายออกมา เจอกระดาษพับอยู่ข้างใน
“เอ๊ะ”
เหมันต์เปิดออกอ่าน
“พระจันทร์จะขึ้นตอนเที่ยงที่ลานประหาร หรือว่า นี่เป็นรหัสลับ”
คามินพยักหน้า ธรรมรัตน์เข้ามาร้อนใจ
“เบอร์ยัยมัทที่ฝ่าบาททรงให้มาติดต่อไม่ได้เลยพะยะค่ะ”
คามินคิด กังวล คิดถึงวันที่เข้าไปหามัทนา เธอบอกเขาว่า...
“คนที่รู้ความจริงทั้งหมดคือองค์ราชินี หม่อมฉันต้องเข้าไปเฝ้าให้ได้ และถ้าเห็นว่าทรงอยู่ในอันตราย หม่อมฉันจะช่วยพระองค์ออกมา”
“คุณถูกขังอยู่จะไปได้ยังไง”
“หม่อมฉันไปได้ก็แล้วกัน แล้วหม่อมฉันจะส่งข่าว”
“ไม่ได้ มันเสี่ยงเกินไป ไปกับผมเดี๋ยวนี้”
คามินอุ้มมัทนา
“ฝ่าบาท แต่ถ้าหม่อมฉันหายไป พวกนั้นจะรู้ตัว แผนฝ่าบาทอาจจะเสียนะเพคะ”
คามินชะงัก
“อย่าทรงห่วงเลย หม่อมฉันรักษาตัวได้ ตรัสเหมือนทรงไม่รู้จักหม่อมฉัน”
“ก็เพราะรู้จักน่ะสิ...ถ้าอย่างงั้น ในฐานะ เจ้าชายแห่งรายา ผมสั่งให้คุณ อยู่เฉยๆ อย่าทำอะไรทั้งนั้น ไม่เกินเที่ยง พรุ่งนี้ ผมจะเข้ามาช่วยคุณเอง”
คามินรวบเข้ามากอด
“ถ้าไม่สัญญา ผมก็ไม่ไป”
“เพคะ” มัทนางึมงำ
“พูดชัดๆ” คามินเชยคางมา
“เพคะ”
คามินจูบแก้มมัทนาอย่างรวดเร็ว
“ถ้าผิดสัญญา ผมจะไม่ทำแค่นี้”

คามินปีนลงไป อย่างรวดเร็ว มัทยืนหน้าแดง

คามินคิดแล้วหนักใจ
 
“หวังว่าคุณมัทจะไม่ใจร้อนทำอะไรแผลงๆ ก่อนนะ”

ในตำหนักเจ้าชายมาคี มัทนาควักโทรศัพท์ที่ซ่อนไว้ใส่เสื้อออกมา จะเปิดดู แต่ประตูห้องถูกเปิดออก มัทนายัดใส่หน้าอก ทำเป็นกุมหน้าอกไอ ทหารเปิดประตูให้เรณูที่ยกสำรับอาหารเดินเข้ามา เรณูเอาอาหารไปวางบนโต๊ะเห็นสำรับกับข้าวเดิมอาหารยังอยู่เต็ม
“นี่อาหารของเมื่อวานเย็น ทำไมไม่รับประทานละคะ”
“ถูกขังอย่างนี้ใครจะไปกินลง”
“แต่ถ้าคุณไม่สบายไป เจ้าชายต้องทรงลงโทษดิฉันแน่ๆ”
มัทนามองนางกำนัลครุ่นคิด
“กินก็ได้”
มัทนานั่งลงแล้วตักอาหารกิน แล้วชะงักสีหน้าเจ็บปวดช้อนหล่นจากมือ เรณูตกใจมาก
“คุณมัทนา”
“ในอาหารมียาพิษ”
นางกำนัล ทหารที่มาคุมมองอย่างตกใจ เรณูบอกกับทหาร
“รีบไปตามหมอหลวงมาเร็ว”
ทหารรีบวิ่งออกไป มัทนาได้ทีใช้สันมือฟันต้นคอนางกำนัลอย่างแรง เรณูสลบร่วงลงไปนอนกับพื้น มัทนามองอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษนะ เรณู”

มัทนาใส่ชุดนางกำนัลยื่นหน้ามาจากมุมหนึ่งมองรอบๆอย่างระวังเห็นไม่มีใครรีบหยิบโทรศัพท์มาดู
“นี่มันเบอร์คุณพ่อนี่ แบตเหลือไม่ถึง10 เปอร์เซ็นต์”
มัทนากดโทรศัพท์หาอัคนี เมื่อเขารับสายรีบสั่งทันที
“คุณอัคนีเอารถไปรอฉันที่หลังตำหนักองค์ราชินี เดี๋ยวนี้เลย...ใช่ ฉันจะเสี่ยงเข้าไปพาตัวองค์ราชินีออกมา”
มัทนาถอนใจเฮือก หน้าจอโทรศัพท์ดับ

“คุณพ่อ ลูกสัญญาว่าเราต้องได้พบกัน”
 
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา09.30น.



ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 19 (ต่อ)

อัคนีเดินตัวปลิวออกมาจากบ้านนายพลวิฑูร มาลีแบกกระเป๋าท่าทางหนักมาก 2-3 ใบเดินตามมาอัคนีมองรอบๆไม่มีใครเข้าจะไปช่วยยก มาลีตะคอก
 
“อยากให้มีคนมาเห็นแล้วแผนทุกอย่างพังรึไง”
อัคนีหน้าเจื่อนไม่กล้าเถียง ลูกน้องวิ่งเข้ามา
“รถพร้อมแล้วครับคุณหนู”
อัคนีพยักหน้าแล้วเดินออกไป มาลีหนักจริงเดินตามอย่างทุลักทุเล อัคนีมองมาลีอย่างสงสารแต่แกล้งดุ
“เดินให้มันเร็วๆหน่อยสิ”
มาลีทำท่าจะร้องไห้
“ก็กระเป๋ามันหนักนี่ จะเดินเร็วได้ยังไง”
“เถียงเหรอ เธอมันเป็นทาสของฉัน ไม่มีสิทธิ์เถียงเดี๋ยวหลังมือ”
มาลีเดินตาม อสิตเดินเข้ามาชะเง้อไปหน้าบ้านอย่างแปลกใจ
“ฉันได้ยินเสียงรถ ใครไปไหน”
“คุณหนูครับ บอกว่าจะไปสำรวจเหมืองกับเสี่ยแต่จะล่วงหน้าไปก่อน”
“สำรวจเหมือง เหมืองที่ไหน วันนี้ต้องไปที่ลานประหารต่างหาก”
ยักษ์วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“เสี่ยครับเสี่ย รีบไปดูภาพวิดิโอกันเร็วครับ”
“ไอ้บ้า มาชวนดูหนังอะไรตอนนี้ จะเรตไหนก็ไม่ดูไม่มีอารมณ์”
“ผมหมายถึงภาพวงจรปิดครับ คืนวันที่คุณหนูบอกว่าเห็นผี...”
อสิตมองยักษ์สงสัย

มัทนาในชุดนางกำนัล เดินเข้ามาในตำหนักพระนางสาวิตรีอย่างระแวดระวัง ทหารยามหลายนายวิ่งตรงมาทางมัทนาที่กำลังจะก้าวออกไป มัทนาชะงัก เอาชายผ้ามาปิดหน้า ทำเป็นไอแค่กๆ หันหน้าเข้ากำแพง ทหารมาหยุดใกล้ๆมัทนามองหาใครบางคนแต่ไม่เจอ
“ไปดูทางโน้น หาให้เจอไม่งั้นโทษหนักแน่”
ทหารยามรีบวิ่งออกไป มัทนาถอนหายใจอย่างโล่งอกจะโผล่หน้าออกจากที่ซ่อนแล้วชะงักเมื่อเห็นชายกระโปรงพระนางสาวิตรีโผล่ออกมา มัทนาคิดค่อยๆย่องไปตรงนั้น ประจันหน้ากับพระนางสาวิตรีที่เงื้อแจกันสุดแขน ทั้งคู่ต่างมองกันอย่างตกใจ
“มัทนา”
“องค์ราชินี”
พระนางสาวิตรีมองมัทนาอย่างแปลกใจลดแจกันลง
“ทำไมประทับอยู่ตรงนี้เพคะ หม่อมฉันคิดว่าฝ่าบาทถูกวางยาจนไม่รู้องค์ซะอีก”
“เป็นอย่างที่เจ้าคิดนั่นแหล่ะ พอได้สติเราก็เลยหนีออกมา”
“ทหารยามเมื่อกี๊ตามหาพระองค์”
พระนางสาวิตรีพยักหน้าแล้วถามร้อนใจ
“แล้ว เจ้ามาได้ยังไง”
“หม่อมฉันจะเล่าถวายทีหลัง รีบออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะเพคะ”
“แต่เราต้องไปหามาคี บอกความจริงทุกอย่างเรื่องท่านพี่วิฑูรให้เขารู้”

“เจ้าชายไม่ได้ประทับอยู่ในวังแล้วเพคะ”

ลานประหาร ชาวบ้านชายวัยกลางคน ชายหญิงประมาณ 10 คน หน้าตาเลอะเทอะถูกจับข้อหากบฏ ถูกมัดมือไพร่หลังยืนอยู่กลางลาน เด็กๆที่เป็นลูกๆถูกกันไว้นอกเชือก ร้องไห้กันกระจองงอแง เรียกหาพ่อแม่กัน พ่อแม่ก็ร้องไห้ เพชฌฆาตถือธนูยืนอยู่ 3 คน


ทหารหลายสิบนายยืมล้อมลานรักษาความปลอดภัย สุเทษมองอย่างสะใจ ชาวบ้านที่มุงดูอยู่บางส่วนที่อยู่ฝ่ายนายพลวิฑูร
“เอาหิน ข้าวของปาใส่”
“ไอ้กบฏ”
“ขอให้พวกแกตกนรกหมกไม้”
ชาวบ้านบางส่วนฝ่ายคามินมองนักโทษอย่างสงสาร มาคีเดินมาที่แท่นกับนายพลวิฑูร มองงงๆ
“นั่นน่ะเหรอ นักโทษกบฏ”
“พะยะค่ะ”
“มีทั้งคนแก่ ทั้งผู้หญิง มันอะไรกัน”
“เรามีหลักฐานว่าพวกนี้ติดต่อกับคามิน แต่พวกมันไม่ยอมรับสารภาพ เราจึงต้องลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง”
“เดี๋ยว หยุดการประหารไว้ก่อน เราจะสอบสวนเอง”
“เกรงว่าจะไม่ได้เพราะทรงมีพระบัญชาไปแล้ว”
เจ้าชายมาคีหน้าตื่น...

มัทนาพาพระนางสาวิตรีวิ่งหลบมาที่พุ่มไม้ เห็นทหารยาม เฝ้าอยู่
“ทรงแอบอยู่ตรงนี้นะเพคะ พอหม่อมฉันล่อทหารยามไปแล้ว ทรงวิ่งออกไปด้านนอกเลย อัคนีจะรอรับอยู่”
“อัคนีน่ะเหรอ”
“อัคนีเป็นพวกเราเพคะ”
มัทนามองไปแล้ว ก็วิ่งออกไป เอาสองมือปิดปาก กับบังลูกตาไว้ครึ่งนึง เหมือนว่าถูกตบมา แสร้งพูดอู้อี้
“ช่วยด้วย ฉันถูกทำร้าย”
“คนร้ายอยู่ไหนครับ”
“โน่น มันวิ่งไปทางโน้น”
มัทนาชี้ไป ทหารยาม 2 คนวิ่งกรูกันไป พระนางสาวิตรีค่อยออกมาจากที่ซ่อน มัทนาหันมาพยักหน้าแล้ว วิ่งกลับมาสมทบ พากันออกไป แต่ทหารอีกคนโผล่พรวดมา
“องค์ราชินี”
ทหารชักปืน มัทนาหยิบตุ๊กตาหินอะไรแถวนั้น ขว้างไปที่ทหารยาม จนเสียหลัก ก่อนจะเข้าแย่งปืน
“เสด็จหนีไปก่อนเพคะ”
พระนางสาวิตรีลังเล แต่ก็ตัดสินใจวิ่งไป ปืนที่แย่งกันลั่นขึ้นฟ้า มัทนาเข่าใส่ทหาร ลงไปจุก
กำลังจะหนี แต่ทหารกลุ่มเดิมวิ่งกลับมา พร้อมพวกอีกหลายคน มัทชะงัก มินตราเดินมาทีหลังถือปืน ยิ้มเหี้ยม

“พี่มิน”

พระนางสาวิตรีวิ่งมาเจออัคนี
 
“องค์ราชินี”
“ มัทนายังอยู่ข้างใน”
“เสด็จไปที่รถก่อนพะยะค่ะ”
อัคนีพาพระนางสาวิตรีวิ่งมาที่รถ มาลีรออยู่
“คุ้มกันองค์ราชินี ผมจะไปช่วยมัทนา”
ยักษ์ ลูกน้องอสิต รวมทั้งดอนดำ กรูมาล้อมพวกอัคนีไว้ พวกอัคนีมองอย่างตกใจ อสิตตามมาหลังสุดมองอัคนีอย่างผิดหวัง
“ไม่คิดเลยว่าลื้อจะหักหลังพ่อบังเกิดเกล้าของลื้อได้ นี่ถ้าอั๊วยังไว้ใจลื้อ ไม่ยอมดูภาพวงจรปิด ก็คงไม่มีทางรู้ ว่าลื้อร่วมมือกับไอ้คามิน”
“ป๊า ที่ผมทั้งหมดก็เพื่อป๊านะ คามินกำลังจะเข้ามายึดวังหลวงคืน ถ้าคามินชนะ ป๊าจะกลายเป็นกบฎ”
“คามินมันมีกำลังแค่หยิบมือเดียวจะมาทำอะไรได้”
“ป๊าเข้าใจผิดแล้วละ ตอนนี้คามินมีกองกำลังมากกว่าท่านวิฑูรหลายเท่า”
“ฮ่าๆ อย่ามาโม้ มันจะไปเอามาจากไหน”

ลานประหาร พวกนักโทษหญิงถูกลากมา เรียงหน้ากระดานสามคน
“ไม่นึกเลยว่า เจ้าชายมาคีจะโหดเหี้ยมแบบนี้” ชาวบ้านโวยวาย
ฐากูรปลอมตัวเดินเข้ามากับพวกภูสายธาร เริ่ม แจกขนม
“ขนมเทศกาลจันทรคีตาจ้ะ”
“บ้านเมืองกำลังลุกเป็นไฟอย่างนี้ข้าไม่มีอารมณ์กินขนมนี่หรอก”
“กินหน่อยเถอะ บางทีเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ที่จะเสด็จลงมาช่วยดับไฟที่กำลังไหม้บ้านเมืองเราอยู่ก็ได้”
ชาวบ้านรับขนมไป แบ่งขนมเพื่อจะกินแล้วชะงักเมื่อเห็นกระดาษเล็กๆแผ่นหนึ่งอยู่ในขนม
ฐากูรยิ้ม ชาวบ้านเข้าใจทันที ชวาลก็โพกหัวปะปนอยู่ในหมู่ชาวบ้าน รับขนมไป เห็นชาวบ้านชายหลายคน ถือขนมกัดกิน แล้วมองมาที่ฐากูรๆพยักหน้า

อสิตฟังที่อัคนีเล่าแล้วตะลึง
“หมายความว่า คามินแอบส่งรหัสลับปลุกม็อบชาวบ้านมาช่วยกู้บัลลังก์เหรอ”
พระนางสาวิตรีบอกอย่างไม่สบายใจ
“เราเองหลงผิดมาตลอด มาคีก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้เราตาสว่างแล้ว ถ้าเจ้ากลับใจมาช่วยเรา เราจะอภัย โทษให้และจะให้รางวัลเจ้าอย่างงามด้วย”
“อะไรบ้างพะยะค่ะ แล้วที่ว่าอย่างงาม มันเท่าไหร่” อสิตถามทันที
“เท่าที่เจ้าต้องการ”
“ขอแค่พลอยดำ ก้อนใหญ่ที่สุดในรายาก็พอ เห็นแก่มนุษยธรรม เสด็จขึ้นราชรถเลยพะยะค่ะ”
ยักษ์ ดอน ดำ จ่อปืนไปที่พวกอสิต
“หยุดอยู่ตรงนั้นเลย เสี่ย”
“เฮ้ย ไอ้ยักษ์ ลื้อทำบ้าอะไรวะ...”
“ขอโทษเสี่ย แต่พวกผมต้องเลือกข้างที่มันชัวร์กว่าอยู่กับเสี่ย คงต้องติดคุกหรือไม่ก็โดนประหาร”
“ไอ้ทรยศ”
“วางอาวุธซะ แล้วก็มอบตัวองค์ราชินีมา”
อสิตทำท่าจะวางแต่ยิงยักษ์ทันที โดนที่หัวไหล่ ยักษ์ยิงสวน ถูกอสิตที่ลำตัว
“พ่อ”
อัคนียิงสวนใส่พวกยักษ์ๆ กระโดดหลบ กระสุนถูก ดอนล้ม มาลีฉุดราชินีหลบหลังประตูรถ
“ไอ้หนู หนีไป” อสิตร้องบอก
“ไม่ พ่อต้องไปกับผม”
“บอกให้ไปก็ไปสิเร็ว”
อสิตผลักอัคนี โดนยิงอีกนัด แต่ก็กัดฟันหันไปยิงโดนดำ
“ขึ้นมาเร็วอัคนี”
อัคนีจำต้องขึ้นไป สตาร์ทรถขับออก เห็นในกระจก อสิตปล้ำกับยักษ์แย่งปืน อสิตตะโกนไล่หลัง
“ไอ้หนู เอาพลอยดำมาให้ได้นะ ต้องก้อนใหญ่ที่สุดนะโว้ย”

ยักษ์ต่อยอสิตกระเด็น วิ่งตามรถ อสิตคว้าปืนของดอน ยิงยักษ์ล้มลง แล้วตัวเองก็สิ้นใจ


จบตอนที่ 19 
กำลังโหลดความคิดเห็น