xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 19
ขณะที่ตี๋เล็กกำลังนั่งดูเมนูอาหาร ที่ทำมาเป็นแผ่นพับ ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะอยู่หลายใบ ครู่หนึ่งตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กเดินเข้ามา

“อะไรอะเฮีย
“เมนูอาหารครัช”
ตี๋ใหญ่ทำหน้างง “ทำไมทำเป็นแผ่นพับล่ะ”
“อันนี้สำหรับทำแจกตามบ้านน่ะเฮีย เดี๋ยวเฮียเอาไปที่ออฟฟิศเฮียด้วยนะ อั๊วจะทำแบบเดลิเวอรี่ด้วยล่ะ”
หมวยเล็กนึกสงสัย “แล้วใครจะไปส่งให้เฮียล่ะ อย่าบอกว่าจะจ้างพนักงานเพิ่มนะ”
จางได้ยินแว่วๆ ว่าจะจ้างพนักงานก็หน้าเสีย รีบวิ่งเข้ามา
“ไม่นะครับ อย่าจ้างพนักงานใหม่เลยนะจางสัญญาว่า จะมาทำงานเช้าๆ ไม่มาสายอีกแล้ว”
ตี๋ใหญ่แกล้งทำเสียงเข้ม “เวลาของลื้อหมดแล้วจาง ออกจากบ้านนี้ไปซะ”
จางทำท่าจะร้องไห้ “คุณตี๋ใหญ่ ให้โอกาสจางอีกครั้งนะครับ จางสัญญาว่าจะตั้งใจทำงาน ไม่แอบเล่นโทรศัพท์ ไม่แอบจิ๊กถั่วในครัวกินอีกแล้วครับ”
ตี๋เล็กพยักหน้าหงึก “เออ ถึงว่าทำไมถั่วหมดเร็วจัง”
หมวยเล็กหัวเราะขำ “เลิกอำเฮียจางเค้าได้แล้ว ดูสิ หน้าซีดเป็นศพขึ้นอืดเลย”
จางหน้าเหรอ “อ้าว นี่อำกันเหรอตัวเธอ”
“ตอนแรกก็อำแหละ แต่พอรู้ว่าแอบจิ๊กถั่วกินก็ต้องคิดใหม่ล่ะ”
จางรีบบอก “โอ๊ย วันละเม็ดสองเม็ดเองครับเฮีย”
หมวยเล็กส่ายหน้าเซ็ง “เอ้า มัวแต่อำกันอยู่นี่แหละ วันนี้จะรู้เรื่องเดลิเวอรี่ของเฮียมั้ยเนี่ย”
ตี๋เล็กรีบอธิบาย “เฮียจะทำอาหารใส่แพ็คเกจดีๆ แล้วก็ให้พี่วินนี่แหละขี่ไปส่ง”
จางสวนขึ้นมาทันที “วิน ดีเซล?”
“ใช่ ซิ่งไปส่งแบบเร็วแรงทะลุนรก จะบ้าเหรอ วินมอเตอร์ไซค์ครับไอ้อ้วน”
“อย่าเรียกว่าอ้วนครับ เรียกว่าสัดส่วนน่ารักจะดีกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณสัดส่วนน่ารักรีบไปเตรียมของในครัวดีกว่านะครับ ถ้าเตี่ยกลับมาแล้วยังไม่เรียบร้อย เดี๋ยวคงมีไล่ออกจริงๆ”
จางพยักหน้าหงึก ก่อนจะเดินไปที่ครัว ตี๋ใหญ่รีบหันมาทางน้องชาย
“โอเค เดี๋ยวเฮียเอาเมนูพวกนี้ไปแจกที่บริษัทให้”
หมวยเล็กรีบบอกด้วย “เดี๋ยวหมวยเอาไปแจกครูที่โรงเรียนด้วย”
“เฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้ว..ฝากด้วยนะครัช”
ตี๋เล็กยิ้มกริ่ม มั่นใจว่าธุรกิจใหม่จะต้องเวิร์คแน่นอน

ทางด้านแก้วกัลยา ก็ทำหน้าสงสัย เมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงเล็กพูด
“อาหารคลีนฟู้ดเหรอลูก”
ฮันนี่ที่กำลังนวดให้กัลยาอยู่ สวนขึ้นมาทันที
“ใช่ป้ายคลีนฟู้ด กู๊ดเทส ที่เห็นห้อยตามร้านอาหารทั่วไปรึเปล่าคะ”
หญิงใหญ่ที่นั่งอยู่ด้วย รีบอธิบาย “คนละอย่างกันค่ะ คลีนฟู้ดของหญิงเล็ก หมายถึงอาหารเพื่อสุขภาพ เน้นความสดสะอาดของวัตถุดิบ แล้วก็ผ่านการปรุงหรือแปรรูปไม่มาก”
หญิงเล็กรีบพูดต่อ “ค่ะแม่ ตอนนี้กระแสอาหารคลีนฟู้ดกำลังมาค่ะ หนูว่าถ้าทำขายส่งตามออฟฟิศ
น่าจะเวิร์ค”
หญิงใหญ่รีบสนับสนุน “เอาสิ ทำส่งที่ออฟฟิศพี่ก่อนเลย เดี๋ยวพี่ไปเปิดตลาดให้”
“จัดไปเลยพี่หญิงใหญ่ เดี๋ยววันนี้น้องทำเมนูตัวอย่างไปให้ชิมกัน”
แก้วกัลยาถามอย่างเป็นห่วง “จะทำไหวเหรอหญิงเล็ก”
ชายเล็กที่กำลังเตรียมจะไปโรงเรียน พูดขึ้นมาบ้าง
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณแม่ คลีนฟู้ดน่ะทำง่าย ไม่ต้องปรุงอะไรเยอะ พี่หญิงเล็กทำได้สบายอยู่แล้ว”
หญิงเล็กมองค้อน “ว่าพี่ทำอาหารไม่เก่งรึเปล่าเนี่ย”
“เปล่าน้า อย่าคิดเยอะสิตัวเธอ”
แก้วกัลยาชักเริ่มสนใจ “น่าสนใจนะ เดี๋ยวแม่จะลองกินอาหารแบบนี้ดูหน่อยซิ”
หญิงใหญ่รีบเชียร์ “ดีค่ะแม่ หนูก็ว่าจะเป็นสาวกอาหารคลีนฟู้ดอยู่เหมือนกัน”
แก้วกัลยาหันขวับมาทางฮันนี่ “แล้วแกล่ะฮันนี่ เมื่อไหร่จะคลีนยะ”
“แหม ทุกคนจะเป็นสาวกอาหารคลีนฟู้ดแบบนี้ ฮันนี่ก็ต้องเป็นสาวกด้วยคนล่ะค่ะ”
“ฉันนหมายถึงคลีนบ้าน”
ฮันนี่หน้าเหวอ “อ้าว”
“ไปเลย มานั่งอู้อยู่เนี่ย เดี๋ยวก็ตัดเงินเดือนหรอก”
ฮันนี่รีบลุกเดินออกไป หญิงใหญ่หันมาทางน้องสาว
“สู้ๆ เดี๋ยวพี่ช่วยเต็มที่”
“แต๊งส์ค่ะพี่สาว”
หญิงเล็กยิ้มอย่างมั่นใจในความคอดของตัวเอง

หญิงใหญ่เดินหิวถุงใส่กล่องอาหารคลีนฟู้ดเข้ามาที่โต๊ะทำงาน ภรณีหันมาเห็นก็ร้องทัก
“เหย อะไรอ่ะแกร ลักษณะจะเป็นของฝาก”
หญิงใหญ่รีบบอก “อ๋อ เอามาขายน่ะ”
“เหรอ..ฉันงานยุ่งอยู่ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ”
หญิงใหญ่ยิ้มขำ “ล้อเล่น อาหารเพื่อสุขภาพน่ะ เอามาให้ลองกินฟรี”
“ไม่น่าเชื่อ งานเสร็จพอดีเลย” ภรณีพูดหน้าตาเฉย
อัครเดชหันมาเหน็บ “ก็เสร็จเร็วไป๊”
ภรณีเบะปาก “ฉันเก่ง”
“อยากกินฟรีมากกว่า”
“แสนรู้จริงๆ..ไหนหวัดดีซิ”
อัครเดชทำท่ายกมือไหว้สองมือแบบหมา แล้วก็สะดุ้ง “เฮ้ย ไม่ใช่หมา”
หญิงใหญ่รีบหันไปเรียกทุกคน “ชิญชิมได้นะพวกเรา อาหารเพื่อสุขภาพ ถ้าถูกใจโทร. สั่งได้ น้องสาวเราทำเอง”
บรรดาพนักงานต่างก๋เดินเข้ามารุม ภรณีรีบช่วยแจกจ่ายอาหารคลีนฟู้ดให้ทุกคนลองชิม-
จังหวะนั้นตี๋ใหญ่ก็เดินเข้ามาพร้อมกับเมนูอาหารที่ร้าน
“ปาร์ตี้อะไรกันครับเนี่ย”
ภรณีรีบหันมาตอบ “ไม่ได้ปาร์ตี้ค่ะ วันนี้แก้วเอาอาหารเพื่อสุขภาพมาให้ชิมน่ะค่ะ ถ้าถูกใจก็โทร. สั่งได้นะคะ”
ตี๋ใหญ่ยิ้มร่า “แหม..บังเอิ๊ญบังเอิญ ผมก็มีสิ่งดีๆ มานำเสนอเหมือนกันครับ”
หญิงใหญ่รีบขัด “ประกันชีวิตทำไว้เยอะแล้ว”
“แต่ของผม เบี้ยไม่แพง ผลตอบแทนคุ้มค่า แถมเอาไปหักภาษีได้ด้วยนะ บ บ บ้าเหรอ ผมขายอาหาร ไม่ได้ขายประกัน”
ภรณีทำหน้างง “อาหารอะไรคะผู้ช่วย”
“นี่ครับเมนู..ใครอยากกินอะไรสั่งได้เลยนะ มีบริการเดลิเวอรี่”
ตี๋ใหญ่พูดพลางรีบแจกเมนูอาหารให้พนักงาน
อัครเดชแอบกัด “แหม.. 2 ร้านนี้ขับเคี่ยวกันน่าดูเลยนะครับ”
หญิงใหญ่แอบพูดลอยๆ “เลียนแบบ”
ตี๋ใหญ่หันมาเถียง “อ้าว น้องผมจะรู้มั้ย ว่าน้องสาวคุณก็จะทำอาหารเดลิเวอรี่เหมือนกัน”
ภรณีดูเมนู แล้วทำตาวาว “หูย..น่ากินทั้งนั้นเลยอ่า”
หญิงใหญ่เบะปาก “ มีแต่ไขมันกับคอเลสเตอรอล”
“กินเข้าไปก็เบิร์นออกได้แก”
อัครเดชรีบเสนอหน้า “ไม่ต้องห่วงนะแก้ว เราจะสั่งอาหารร้านแก้วทุกวันเลย”
“ขอบใจนะ”
หญิงใหญ่กับตี๋ใหญ่สบตากัน ประหนึ่งเปิดศึกชิงยอดขายกันเบาๆ
-
ตี๋เล็กรดน้ำต้นไม้อยู่ข้างรั้ว ก่อนที่หญิงเล็กจะเดินมา ท่าทางอารมณ์เสียนิดๆ
“นี่ ได้ข่าวว่าจะทำอาหารเดลิเวอรี่งั้นเหรอ”
ตี๋เล็กหันไปย้อนถาม “ใครบอก”
“พี่ฉันบอกว่า เฮียนายเอาเมนูไปแจกที่ออฟฟิศ คิดจะแย่งลูกค้าฉันงั้นสิ”
ตี๋เล็กรีบปิดก๊อกน้ำแล้วเดินมาข้างรั้ว “แย่งลูกค้ายังไงไม่ทราบจ๊ะ”
“ก็ฉันมีโปรเจ็กต์ทำอาหารส่งขายที่ออฟฟิศพี่ฉัน นายมาทำแบบนี้ เลียนแบบกันชัดๆ”
ตี๋เล็กหันมาเถียง” นี่ ฉันไม่ใช่อับดุลนะ ถึงจะรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร ที่ไหนยังไงน่ะ บ้าป่าว”
หญิงเล็กนิ่งไป เพราะก็จริงอย่างตี๋เล็กพูด แต่ก็ยังทำปากดี
“เออ ยังไงนายก็สู้ฉันไม่ได้อยู่ดีแหละ”
“แน่ใจ๋” ตี๋เล็กทำหน้าท้าทาย
“แน่นอน เพราะฉันจะทำคลีนฟู้ด เมนูเพื่อสุขภาพที่กำลังฮ็อตฮิตติดชาร์จอยู่ทุกวันนี้”
ตี๋เล็กพยักหน้าหงึก “อืมม์ ก็เหมาะกับเธอดี”
“เพราะฉันดูเป็นคนรักสุขภาพ?”
“เพราะยังทำอาหารไม่เก่ง”
หญิงเล็กเต้นเร่า “ นี่”
“อาหารคลีนฟู้ด ทำง่ายๆ ไม่ต้องปรุงเยอะ ไม่ต้องใช้ ฝีมือ เมนูที่คุณคู่ควร”
หญิงเล็กไม่ยอมแพ้ “ทำง่าย แต่คุณค่าทางโภชนาการ ก็สูงกว่าอาหารจีน ไขมันเยอะของนายแล้วกัน”
“พูดแบบนี้ก็ต้องมาวัดกันหน่อยแล้วมั้ง”
หญิงเล็กยักไหล่ “ได้เล้ย อาหารคลีนฟู้ดของฉัน จะต้องชนะอาหารไขมันเยอะของนายแน่นอน”
แล้วตี๋เล็กกับหญิงเล็กเผชิญหน้าท้าทายกัน

หญิงใหญ่นั่งกินอาหารคลีนฟู้ดอยู่ ตี๋ใหญ่ก็ยกข้าวขาหมูมากินใกล้ๆ
“ข้าวขาหมู”
หญิงใหญ่ทำหน้าเฉย “รู้ค่ะ ตาไม่ได้บอด”
“ชิมแมะ”
หญิงใหญ่ส่ายหน้ายิก “ไม่”
ตี๋ใหญ่มองหน้าอีกฝ่ายเขม็ง “นี่คุณจริงจังมากเลยนะเนี่ย”
“จริงจังสิ คนเราเนี่ย ไม่อาจจะคิดได้ดี รักได้ดี และนอนหลับได้ดี ถ้าไม่ทานอาหารที่ดีเสียก่อน”
“แต่ผมเห็นคนที่เริ่มกิน เค้าค่อยๆ ปรับปริมาณการกินนะคุณ คุณเล่นกินแต่อาหารแบบนี้ แล้วทิ้งอาหารที่เคยกินเลยเนี่ย มันจะมีผลกระทบรึเปล่า”
หญิงใหญ่ทำหน้าสงสัย “จะมีผลกระทบอะไร กินของดีก็ต้องได้รับผลดีสิ คุณอย่ามาสกัดดาวรุ่งหน่อยเลย”
ทันใดนั้น ภรณีกับอัครเดชเดินเข้ามาพร้อมกับอาหารกล่องของตัวเอง
“กินไม่เรียกกันเลยนะ”
หญิงใหญ่รีบส่งเสียงเหมือนเรียกน้องหมา “ มา กินข้าว”
ภรณีแกล้งมองค้อน “นี่ ฉันคน ไม่ใช่แมวเปอร์เซีย”
อัครเดชรีบท้วง “หมา”
“บ้านฉันเรียกแมวแบบนี้อะ มีไรมะ”
หญิงใหญ่ส่ายหน้าเอือมๆ “นี่ กินกันสักทีเถอะ กัดกันเป็นแมวเปอร์เซียเลย”
ภรณีกับอัครเดชท้วงขึ้นมาพร้อมกัน “หมา”
แล้วก็ทำท่าแฮ่ใส่กันก่อนจะช็อต
“ไอ้บ้า ฉันไม่ใช่หมา”
อัครเดชทำหน้ายี้ “ฉันก็ไม่ใช่”
ว่าแล้วก็เปิดกล่องอาหารคลีนของตัวเอง ก่อนจะทำหน้าๆ เพราะแลดูน้อย ไม่น่าจะอิ่ม
“แก้ว โทร. สั่งเพิ่มอีกซัก 3 กล่องได้มั้ย แค่นี้เรากิน 2 คำก็หมดละมั้ง”
หญิงใหญ่รีบห้าม “อย่าเลย กินเท่าที่ร่างกายเราต้องการพอ อย่ากินเท่าที่ใจเราต้องการสิ เพราะถ้า
กินเยอะเกิน แล้วร่างกาย เผาผลาญไม่หมด มันก็จะเป็นส่วนเกินในร่างกายนะ”
ภรณีพูดท้วง “ฉันว่ามันต้องค่อยๆ ปรับปริมาณนะ กินแบบนี้เลยร่าง กายปรับตัวไม่ทันหรอก”
ตี๋ใหญ่แอบเหน็บ “ไม่เอาสิณี อย่าไปสกัดดาวรุ่งแบบนี้ ไม่ดีๆ”
หญิงใหญ่มองตี๋ใหญ่แบบเคืองๆ “ เชื่อเรา กินแค่นี้แหละ เพื่อสุขภาพที่ดีของเรา”
อัครเดชจำยอม “โอเค. แก้วเป็นห่วงเราแบบนี้ เราจะไม่เชื่อแก้วได้ไง”
ภรณีเปิดกล่องข้าวขาหมูของตัวเอง แล้งทำตาโต “โอ้โห ขาหมูฉ่ำมากค่ะผู้ช่วย”
ตี๋ใหญ่ยิ้มรับ “มันดี๊ดีอ่ะ”
จากนั้นตี๋ใหญ่กับภรณีก็กินข้าวขาหมูยั่วหญิงใหญ่กับอัครเดช

เฮงเดินถือถุงผักผ่านมาเห็นเด็กกำลังยืนร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ ก็เลยหยุดถาม
“ร้องไห้ทำไมไอ้หนู”
เด็กชี้บนต้นไม้ “ว่าวหนู”
“อ้าว เล่นอีท่าไหนล่ะเนี่ย ถึงได้ไปติดอยู่บนนั้นได้”
เด็กร้องงอแง “หนูจะเอาว่าวหนู หนูจะเอา หนูจะเอา”
“เออๆๆ ไม่ต้องงอแง เดี๋ยวอั๊วขึ้นไปเอาให้”
พูดจบ เฮงก็รีบปีนต้นไม้ไปเก็บว่าว เด็กหยุดร้องไห้ทันที
ครู่เดียว เฮงก็หยิบว่าวโยนลงมาจากต้นไม้ “เอ้า แล้วก็เล่นระวัง...”
เด็กไม่ฟังเสียง รีบวิ่งออกไปทันที เฮงทำหน้าเซ็งเพราะพูดยังไม่ทันจบ
“แหม เด็กสมัยนี้ ขอบคุณสักนิดไม่มีล่ะ แล้วจะลงยังไงวะเนี่ย”
ขณะนั้นชายเล็กที่หน้าตาเค่งเครียด ก็เดินคู่มากับหมวยเล็กพอดี
“เป็นอะไร ทำไมดูเครียดจัง”
“วันนี้เจอข้อสอบวิชาสุขศึกษา เรานี่ลังเลมากเลยอ่ะ”
หมวยเล็กทำหน้างง “ลังเลเรื่อง?”
เฮงที่กำลังจะปีนลงมา พอเห็นหมวยเล็กกับชายเล็กก็หยุดซุ่มอยู่บนต้นไม้
ชายเล็กทำสายตากรุ้มกริ่ม “ก็คำถามมันถามว่า หัวใจทำหน้าที่อะไรน่ะสิ”
หมวยเล็กพาซื่อ “ก็สูบฉีดเลือดไง ง่ายจะตาย ไม่เห็นต้องลังเลเลย”
“ถ้าเมื่อก่อนเราก็ตอบแบบไม่ลังเลเลย ว่าหัวใจมีหน้าที่สูบฉีดเลือด”
“แล้วเดี๋ยวนี้”
“เราว่าหัวใจเรามีหน้าที่รักเธอน่ะ”
หมวยเล็กเขินจนหน้าแดง “บ้า”!
เฮงที่ซุ่มอยู่บนต้นไม้โกรธจนหน้ายับ เสี่ยชาญเดินออกมายืดเส้นยืดสาย พอเจอชายเล็กกับหมวยเล็กก็พูดแซว
“กระหนุงกระหนิงกันมาอีกแล้วน้า”
หมวยเล็กยิ้มเขิน “ช่วงโปรโมชั่นน่ะเสี่ย เดี๋ยวหมดโปรก็ไม่หวานล่ะ”
ชายเล็กยิ้มกริ่ม “ไม่มีทาง โปรเราโปรดี ไม่มีวันหมดอายุ”
เสี่ยชาญรีบปราม “ลื้อ 2 คนเบาๆ หวานกันหน่อยนะ เกิดเตี่ยหรือแม่ลื้อรู้เข้า อั๊วช่วยอะไรไม่ได้นะ”
“ถ้าเสี่ยไม่พูด เตี่ยก็ไม่มีทางรู้หรอก”
ทันใดนั้น เฮงกระโดดลงจากต้นไม้มากลางวง หมวยเล็ก ชายเล็กและเสี่ยชาญ ถึงกับหน้าซีด ตกใจ“เตี่ย”
เสี่ยชาญรีบทำหน้าจะชิ่ง “อุ๊ยตายแล้ว ตากแมวไว้หลังบ้าน อั๊วขอไปเกียบก่อน นะ เดี๋ยวปลาเค็มจะมาเกียน”
ว่าแล้วก็รีบเดินกลับเข้าบ้านเอาตัวรอดไปอย่างว่องไว
เฮงถลึงตามองหมวยเล็กกับชายเล็ก สีหน้าโกรธเกรี้ยว โกรธจนพูดไม่ออก

เฮงเดินนำชายเล็กกับหมวยเล็กมาถึงหน้าบ้านของแก้วกัลยา ก่อนจะตะโกนเรียกเสียงดัง จะให้ออกมาเคลียร์
“ใครอยู่ในบ้านบ้าง ออกมาคุยกันหน่อยซิ”
หมวยเล็กรีบจุ๊ปากเตือน “ เบาๆ ก็ได้เตี่ย”
“ลื้อไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นหมวยเล็ก”
ชายเล็กรีบออกรับแทน “ อย่าว่าหมวยเล็กเลยครับ เรื่องนี้ผม...”
เฮงตัดบทฉับ “ลื้ออีกคน ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”
แก้วกัลยา ที่เดินนำหญิงเล็กและฮันนี่ออกมาจากบ้าน ทำหน้าไม่พอใจ
“โวยวายอะไรเนี่ย”
อีกด้านหนึ่ง ตี๋เล็กกับจางพากันเดินออกมาจากบ้าน
เฮงหันไปจองหน้าแก้วกัลยาอย่างเอาเรื่อง “ ก็ลูกลื้อกับลูกอั๊วกำลังปลูกต้นรักกันอยู่น่ะสิ”
จางพูดสอดขึ้นมา “ปลูกไว้กี่ต้นครับ ว่างๆ จะไปเก็บดอก ส่งขายร้านร้อยพวงมาลัยหน่อย”
“หน้าสวนส่งอยู่โลละร้อย..ถุย เครียดอยู่ อย่ามาพาเคลิ้มได้มั้ย”
แก้วกัลยาหันขวับมาทางลูกชาย “จริงเหรอชายเล็ก”
ชายเล็กเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรออกมา จนเฮงต้องย้อนถาม “ อ้าว ทำไมไม่พูดล่ะ”
“ก็เมื่อกี๊เตี่ยบอกว่าไม่ให้ผมพูดอะไรทั้งนั้นนี่ครับ”
เฮงทำหน้าขึงขัง “ตอนนี้พูดได้แล้ว แล้วอั๊วก็ไม่ใช่เตี่ยลื้อ เรียกให้ถูก”
“ครับแปะ”
ตี๋เล็กทำหน้าไม่พอใจ “แก่ไป๊”
หญิงเล็กสวนขึ้นมาบ้าง “น้องฉันไม่ใช่เจ๊ก เรียกไม่ถูกก็คงไม่ผิด”
ตี๋ใหญ่ขับรถมามองไปที่หน้าบ้านไกลๆ โดยมีหญิงใหญ่นั่งมาข้างๆ เห็นทุกคนยืนถกเถียงกันอยู่ ก็แอบบ่นพึมพำ
“มีเรื่องอะไรกันอีกแล้วเนี่ย”
“นั่นสิ”
ตี๋ใหญ่เข้าเกียร์เพื่อรีบขับไปที่หน้าบ้าน หญิงใหญ่เผลอจับมือจะห้าม ทั้งคู่มองหน้ากันเคลิ้ม ก่อนที่หญิงใหญ่จะดึงสติได้
“ขับไปทั้งๆ ที่ฉันยังอยู่ในรถแบบนี้ เดี๋ยวก็เป็นเรื่องกันพอดี คุณรีบไปเคลียร์ก่อนเลย เดี๋ยวฉันรีบตามไป”
“ครับ”
หญิงใหญ่รีบลงจากรถ ตี๋ใหญ่เผลอออกรถเร็วไปนิด ล้อเลยตะกุยดินฝุ่นกระจายไปทั่ว
“ไอ้บ้า นี่ก็รีบไป๊”
หญิงใหญ่พูดไปสำลักฝุ่นไป
ตี๋ใหญ่ขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน แล้วรีบลงมาจากรถ
“มีเรื่องอะไรกันครับเตี่ย”
“ก็น้องสาวลื้อน่ะสิ แอบไปคบหากับลูกชายบ้านโน้นน่ะ”
ตี๋ใหญ่ทำหน้าเฉย “โห่..นึกว่าเรื่องอะไร”
“นี่ลื้อไม่ตกใจเลยเหรอ แสดงว่าลื้อก็รู้มาก่อนแล้วสิ”
ตี๋ใหญ่อึกอัก ก่อนจะทำท่าตกใจใหญ่มาก
“หะ เตี่ยว่าไงนะ หมวยเล็กแอบเป็นแฟนกับลูกชายบ้านโน้น พระเจ้า นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไงเนี่ย”
ตี๋เล็กรีบกระซิบบอก “ใหญ่ไปเฮีย จะโดนจับได้ก็ตรงนี้แหละ”
ครุ่หนึ่งหญิงใหญ่ก็เดินสำลักฝุ่นเข้ามา
“มีเรื่องอะไรกันคะแม่”
แก้วกัลยาหันมาพูดกับเฮง “เรื่องนี้ฉันขอเคลียร์กับลูกเป็นการส่วนตัว”
“ก็แล้วแต่ อั๊วก็ไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครแล้วเหมือนกัน”
เฮงมองหมวยเล็กเคืองๆ แล้วเดินเข้าบ้านไป
หมวยเล็กรีบตะโกนเรียก “เตี่ย”
“เข้าบ้านก่อนเถอะ”
ตี๋เล็กพูดพลางกอดน้องสาวเดินตามเข้าบ้าน โดยมีจางเดินตามไปอีกคน
แก้วกัลยาหันขวับมาทางลูกชายคนเล็ก “ไปชายเล็ก ไปเคลียร์กันในบ้าน”
หญิงเล็กกับฮันนี่รีบเดินตามเข้าไป
ส่วนหญิงใหญ่ยังไอไม่หยุด เพราะรู้สึกคันคอ ตี๋ใหญ่หันมาถาม
“ไม่สบายเหรอคุณ”
“เปล่า ก็เล่นออกรถซะฝุ่นกระจายเข้าหน้าเข้าคอฉันขนาดนั้น ฉันก็ไอน่ะสิ”
หญิงใหญ่เดินเข้าบ้านไป ตี๋ใหญ่มองตาม พลางยิ้มแห้งๆ

แก้วกัลยาจูงชายเล็กเข้ามาอย่างมีอารมณ์ ทุกคนตามเข้ามาด้วยความเป็นห่วง
“แม่บอกแล้วใช่มั้ยชายเล็ก ว่าไม่ให้ไปคบหากับลูกบ้านนั้น แล้วทำไมยังทำอีก”
หญิงใหญ่รีบพูดปราม “ ใจเย็นๆ ค่ะแม่ ค่อยๆ พูดกับน้องเถอะค่ะ”
ฮันนี่รีบเสนอหน้า “คูล ดาวน์ค่ะบอส คูล ดาวน์”
แก้วกัลยาหันไปตวาด “เงียบไปฮันนี่ ถ้าไม่เงียบ เดี๋ยวแกนี่แหละที่จะดาวน์”
“คูล ดาวน์ เหรอบอส?”
“ดาวน์ไปอยู่ที่พื้นนี่แหละ”
แก้วกัลยาพูดพลางทำท่าจะถีบ ฮันนี่รีบเข้าไปหลบหลังหญิงเล็ก
“แม่คะ แม่โมโหมากไปแล้วนะคะ เย็นลงนิดเถอะค่ะ เดี๋ยวควาดันขึ้น”
แก้วกัลยาไม่สนใจ หันมาคาดคั้นถามต่อ “นี่แอบคบกันนานรึยัง”
ชายเล็กหน้าจ๋อย พยายามตอบเลี่ยงๆ “ก็เป็นเพื่อนกันน่ะครับแม่ คุยๆ กันทั่วไป”
“เหรอ”
“ครับ ตอนนี้โฟกัสเรื่องเรียน”
แก้วกัลยาตะคอกกลับมาอีกดอก “ ไม่ต้องมาตอบแบบดารา ไม่ฮาด้วย”
จังหวะนั้นหญิงใหญ่ก็แกะลูกอมฮอลล์ยัดปากแม่หมับ
“อะไรเนี่ย”
“ฮอลล์ค่ะแม่ เผื่ออารมณ์จะได้เย็นลงแบบในโฆษณา”
แก้วกัลยารีบบ้วนลูกอมทิ้ง “ไม่เย็นแล้ว แม่สั่งเป็นครั้งสุดท้ายนะ ว่าห้ามไปคบกับลูกสาวบ้านนั้นอีก ถ้าไม่ฟังแม่ แม่จะให้แกย้ายโรงเรียน”
ขาดคำก็เดินออกไปอย่างหงุดหงิด หญิงใหญ่กับหญิงเล็กรีบเข้าไปปลอบน้องชาย

ทางด้านหมวยเล็กก็เดินทำหน้าเซ็งๆ เข้ามานั่ง ขณะที่ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็กและจางต่างรอฟังข่าวอยู่
“เป็นไงบ้างหมวยเล็ก”
หมวยเล็กถอนหายใจ “เตี่ยปิดห้องเงียบเลยเฮีย อั๊วเคาะเรียกเท่าไหร่ ก็ไม่ยอมเปิด”
จางแทรกขึ้นมาทันที “เฮียไม่เปิด คุณหมวยก็เปิดเข้าไปเองสิครับ”
ตี๋เล็กหันไปทำเสียงดุ “ประตูล็อก จะเปิดเข้าไปยังไงล่ะไอ้อ้วน”
“ก็คุณหมวยไม่ได้บอกนี่ครับ ว่าเฮียล็อกห้อง แล้วบอกแล้วว่าให้เรียกสัดส่วนน่ารัก อย่าเรียกอ้วน มันตะเตือนไต”

อ่านต่อหน้าที่ 2


ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 19 (ต่อ)
ตี๋ใหญ่พยายามพูดปลอบน้องสาว “เอาน่ะหมวย เดี๋ยวเตี่ยหายโกรธค่อยไปคุยกับเตี่ยแล้วกัน”

“แล้วเมื่อไหร่ล่ะเฮีย ครั้งนี้เตี่ยดูโกรธหมวยมากเลยนะ”
“เฮียก็ตอบไม่ได้เหมือนกันหมวย ขึ้นอยู่ที่เตี่ยคนเดียวแล้วล่ะ”
ทุกคนพากันเครียดไปกับหมวยเล็กด้วย
เสี่ยชาญรินน้ำชาใส่จอก ก่อนจะยื่นให้เฮงที่ทำหน้าเครียดเพราะยังโกรธ ที่ฝ่ายแรกรู้เรื่องหมวยเล็กคบกับชายเล็กแต่ไม่ยอมบอก
“จิบชาหน่อย จะได้หายเครียด”
“ลื้อรู้เรื่องหมวยเล็กแล้วทำไมไม่บอกอั๊ว”
“บอกแล้วเดี๋ยวลื้อก็โวยวายขึ้นมาอีก ตอนนี้ลื้อกับอาแก้วสงบศึกมาได้พักใหญ่แล้ว อั๊วไม่อยากเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก”
“ลื้อก็รู้ว่าความลับไม่มีในโลก วันนึงอั๊วก็ต้องรู้อยู่ดี”
เสี่ยชาญพยายามอธิบาย
“อั๊วรู้ แต่อั๊วก็อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 บ้านมันแนบแน่นกว่านี้ก่อน ลื้อจะได้เข้าใจและไม่เครียดเหมือนวันนี้”
“จะรู้วันนี้หรือวันไหน อั๊วก็ไม่เข้าใจทั้งนั้นแหละ”
“แต่ลูกลื้อกับลูกอาแก้วก็ไม่ได้ทำตัวเสียหายอะไรนะ”
เฮงทำหน้าไม่พอใจ “ตอนนี้ยัง แต่ต่อไปล่ะ ลูกอั๊วเป็นผู้หญิงนะ มีอะไรขึ้นมาล่ะก็ งามหน้ากันทั้ง
ตระกูล”
“แล้วลื้อจะทำยังไงต่อ”
เฮงตอบโดยไม่ต้องคิด “ก็คงต้องเล่นไม้แข็ง”
“นี่ กดดันลูกมากๆ ระวังอีจะเตลิดเปิดเปิงออกนอกลู่นอกทางไปเลยนะ อั๊วว่าใจเย็นๆ คุยกันด้วยความเข้าใจดีกว่า”
เสี่ยชาญพูดอย่างเป็นห่วง กลัวว่าวิธีของเฮงจะทำให้เด็กเสียคน

ทางฝั่งชายเล็กก็กำลังนั่งปรับทุกข์กับพี่สาวทั้งสอง
“คุณแม่ไม่มีเหตุผล ใช้แต่อารมณ์ล้วนๆ”
หญิงเล็กพยายามปลอบ “เอาน่ะ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น คุณแม่คงไม่โกรธขนาดนี้หรอก”
“แต่หมวยเล็กเค้าเป็นคนดีนะครับ แล้วบ้านเรากับบ้านเค้าก็ช่วยเหลืออะไรกันตั้งหลายอย่าง คุณแม่น่าจะเข้าใจได้แล้ว”
หญิงใหญ่รีบบอก “ ให้เวลาแม่เค้าหน่อยนะ”
จังหวะนั้นแก้วกัลยาก็เดินเข้ามาพร้อมฮันนี่ ชายเล็กหันไปเห็น ก็รีบลุกเดินออกไป
ฮันนี่รีบร้องถาม “ แวร์ ยู โก คะ คุณชายเล็ก”
ชายเล็กเดินไปไม่ยอมตอบ แก้วกัลยาเห็นแล้วก็ยิ่งอารมณ์เสีย
“จะโกไปไหนก็ไปเลย ไอโด๊นแคร์”
หญิงใหญ่รีบพูดเตือน “แม่คะ เดี๋ยวชายเล็กก็ยิ่งงอนไปใหญ่หรอก”
ฮันนี่รีบพุดเหมือนทรางภูมิ “ yeah วัยทีนเอจแบบนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนะคะ กดดันเค้ามากๆ จะเตลิดเปิดเปิงได้ง่ายๆ นะคะบอส”
หญิงเล็กเห็นด้วย “ถูกค่ะแม่ กดดันน้องมากๆ ระวังน้องจะเสียคนเอานะคะ”
แก้วกัลยาสวนกลับ “ ตอนเด็กๆ เรา 2 คน โดนแม่กดดันมากกว่าชายเล็กอีก ไม่เห็นจะเสียคนเลย”
หญิงใหญ่ทำหน้าจริงจัง “ใครว่าไม่เสียคนล่ะคะ”
“หมายความว่าไง”
หญิงใหญ่ตอบหน้าตาย
“ตอน ม. 6 หนูติดยาบ้าค่ะแม่ กว่าจะเลิกได้ต้องแอบไปถ้ำกระบอกตั้งหลายรอบ”

เช้ารุ่งขึ้น หญิงเล็กกำลังไปโรงเรียน โดยมีตี๋เล็กเดินออกมาส่งที่หน้าบ้าน
“เอาไงดีเฮีย เตี่ยยังไม่ยอมคุยกับอั๊วเลยอ่ะ”
“เอาน่า เฮียกำลังช่วยคุยกับเตี่ยให้อยู่ ทำใจดีๆ อย่าเครียด”
หมวยเล็กทำหน้าเครียด “ไม่ให้เครียดยังไงล่ะเฮีย เตี่ยไม่เคยโกรธอั๊วอย่างนี้มาก่อนเลยนะ”
ตี๋เล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮียก็พยายามหาทางช่วยอยู่นะ ลื้อทำใจดีๆ เถอะ เดี๋ยวเรียนไม่รู้เรื่องกันพอดี”
“อั๊วไม่มีจิตใจจะทำอะไรทั้งนั้นแหละเฮีย”
ตี๋เล็กรีบพูดเตือน “ อย่านะหมวย ถ้าลื้อการเรียนเสียไปอีกอย่าง เตี่ยเอาลื้อตายแน่”
หมวยเล็กนิ่ง สีหน้ายิ่งเคร่งเครียดมากขึ้น
อีกด้านหนึ่ง หญิงเล็กก็เดินออกมาส่งชายเล็กไปโรงเรียนเหมือนกัน
“ตั้งใจเรียนนะ เดี๋ยวทางนี้ พี่ช่วยคุยกับคุณแม่ให้”
ชายเล็กยิ้มแห้งๆ “ขอบคุณครับ”
ทั้ง 4 คนเห็นหน้า ก็ยืนมองกันนิ่งๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
ชายเล็กมองหมวยเล็ก หมวยเล็กก็มองไปอย่างซึมๆ
แก้วกัลยาเดินออกมา โดยมีฮันนี่ตามมาติดๆ
“เอ้า จะไปโรงเรียนได้รึยัง มายืนจ้องกันเป็นปลากัดอยู่ได้”
“คูล ดาวน์ค่ะบอส คูลดาวน์”
แก้วกัลยารีบหันมาทำหน้าเข้ม “พูดมาก เดินไปส่งชายเล็กที่โรงเรียนเลย”
“ไม่มีงบแท็กซี่ให้หน่อยเหรอคะ”
“ไม่มี แล้วก็อย่าให้ลูกฉันไปเกาะแกะกับสาวที่ไหนล่ะ ลูกฉันต้องสนใจแต่เรื่องเรียนเท่านั้น..ยู โน้วว”
“ไอ โนว์ แอนด์ เล็ท โกค่ะคุณชายเล็ก”
ฮันนี่รีบพาชายเล็กเดินออกไปอย่างหงอยๆ
“เข้าบ้าน หญิงเล็ก”
แก้วกัลยารีบเดินนำเข้าบ้านไป หญิงเล็กหันมามองตี๋เล็กนิดหนึ่ง ด้วยอารมณ์เป็นห่วงความรู้สึกของทั้งหมวยเล็กและตี๋เล็ก เพราะแม่พูดแรงไป
ตี๋เล็กลูบหัวหมวยเล็ก เพราะรู้ว่าน้องสาวเครียด และกดดันมากๆ

ฟากเฮงก็ยืนมองผ่านหน้าต่างออกไปที่หน้าบ้าน พักหนึ่งตี๋ใหญ่เดินเข้ามาเกลี้ยกล่อม
“เตี่ยเล่นไม่คุยกับหมวยเล็กแบบนี้ อั๊วว่าไม่ดีนะเตี่ย”
“เตี่ยไม่ทำแบบนี้แล้วหมวยเล็กมันจะสำนึกผิดเหรอ”
ตี๋ใหญ่ไม่เห็นด้วย “แต่วิธีนี้อั๊วว่ามันผิดนะเตี่ย อั๊วว่าเราควรเปิดใจคุยกันไม่ใช่เงียบ แล้วก็กดดันกันแบบนี้”
“เตี่ยเชื่อในวิธีของเตี่ย”
ตี๋ใหญ่พยายามพูดเตือน “แต่วิธีของเตี่ย จะกดดันหมวยเล็ก จนหมวยเล็กอาจจะเตลิดเปิดเปิง เสีย
ผู้เสียคนไปเลยก็ได้นะ”
เฮงอึ้งไปเล็กน้อย ระแวงว่าจะเป็นอย่างที่ตี๋ใหญ่พูด แต่ก็ยังมีฟอร์มอยู่
“บอกตี๋เล็กด้วย วันนี้ทำอาหารคนเดียวเลย”
“แล้วเตี่ยล่ะ”
“เตี่ยติสท์ ไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น”
ขาดคำ เฮงก็เดินกลับเข้าห้องไป ตี๋ใหญ่ถอนหายใจเครียดๆ

หมวยเล็กนั่งติวหนังสืออยู่กับเพื่อน พอเห็นชายเล็กเดินผ่านมา เพื่อนก็หันมาเรียก
“หมวย นี่..หมวยเล็กอยู่นี่”
ชายเล็กหยุดมอง 2 คนสบตากัน ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าทักทายกัน
เพื่อนทำหน้างง “หมวย มีอะไรกันรึเปล่าเนี่ย”
หมวยเล็กส่ายหน้าช้าๆ “เปล่านี่”
ชายเล็กเห็นหมวยเล็กนิ่งๆ ก็เลยตัดสินใจเดินออกไป ด้วยอารมณ์งอนๆ
“หมวย มึนตึงขนาดนี้ ยังว่าไม่มีอะไรกันอีกเหรอ สรุปว่ามีอะไร ไหนเล่ามาซิ”
“ก็ไม่มีอะไรอีกต่อไปแล้วไง ทุกอย่างมันจบแล้ว”
หมวยเล็กพูดจบก็ผลุนผลันเดินออกไปอย่างหงุดหงิด

หมวยเล็กล้างหน้าที่ห้องน้ำเพื่อระบายความเครียด พลันก็เห็นกลุ่มควันบุหรี่ที่ลอยมาจากห้องส้วม
จอยกับแอมเปิดประตูออกมา เจอหมวยเล็กยืนมอง ก็ทำตัวข่มใส่
“มองไร”
หมวยเล็กรีบปฏิเสธ “ป เปล่า”
“อยากลองเหรอ” แอมถาม
หมวยเล็กไม่ตอบ แต่กลับย้อนถาม “ทำไมต้องดูดด้วยล่ะ”
“ก็เคยเอามาต้มกินแล้ว มันไม่เวิร์ค”
จอยกับแอมหัวเราะชอบใจ
“สักมวนมั้ยล่ะ แก้เครียด” แอมทำท่าจะยื่นบุหรี่ให้
จอยรีบห้าม “อย่าไปถามเลย หน้าแบบนี้ไม่กล้าหรอก”
หมวยเล็กสวนกลับทันที “ทำไมจะไม่กล้า”
“งั้นก็จัดไป”
แอมยื่นบุหรี่ให้ หมวยเล็กลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจรับบุหรี่มา

ตี๋ใหญ่นั่งทำงานอยู่ในห้องำงาน ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น
“เชิญครับ”
หญิงใหญ่เปิดประตูเข้ามา แล้วก็วางแฟ้มงานให้บนโต๊ะ
“เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ”
ตี๋ใหญ่เงยหน้ามอง “นั่งก่อนสิครับ”
“จะให้ฉันรอเอกสารไปเลยเหรอ”
ตี๋ใหญ่ถอนใจ “ เปล่า ผมมีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ”
หญิงใหญ่รีบนั่งลง “มีอะไรเหรอคะ”
“น้องชายคุณเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดูเงียบๆ ซึมๆน่ะ..แล้วน้องสาวคุณล่ะ”
ตี๋ใหญ่ทำหน้าเครียด “ เตี่ยยังไม่ยอมคุยด้วยเลย ผมล่ะกลัวจริงๆ”
“กลัวเรื่อง?”
“ก็กลัวว่าหมวยเล็กจะทำตัวไม่ดีประชดเตี่ยน่ะสิ..คุณเป็นผู้หญิง ถ้าถูกเตี่ยกดดัน ไม่พูดด้วยแบบนี้ คุณจะทำตัวไม่ดี ประชดมั้ย”
หญิงใหญ่คิดนิดหนึ่ง “ถ้าเป็นฉันก็ไม่ทำแน่นอน. ส่วนน้องคุณ เท่าที่ดูก็เป็นเด็กดีนะ ฉันว่าไม่ทำ
หรอก”
ตี๋ใหญ่ยังไม่สบายใจนัก หญิงใหญ่รีบพูดปลอบ
“เก็บสมองไว้เครียดเรื่องงานเถอะ เรื่องน้องคุณไม่มีอะไรแน่นอน เชื่อฉัน”
พูดพลางยิ้มให้ ตี๋ใหญ่ยิ้มบางๆตอบ รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
หมวยเล็ก จอย แอม และเอ็กซ์เดินมาที่ริมรั้ว ทั้ง 4 คนรีบโยนกระเป๋านักเรียนข้ามรั้วไป ชายเล็กเดินเข้ามาเห็น ก็ถามอย่างสงสัย
“จะไปไหนกันน่ะหมวยเล็ก”
หมวยเล็กทำหน้ามึน “ถ้าบอกแล้วไงล่ะ จะไปด้วยกัน หรือจะวิ่งไปฟ้องครู”
“ถามจริง ทำแบบนี้ทำไม”
หมวยเล็กยักไหล่ แบบไม่แคร์ “ก็ในเมื่อผู้ใหญ่มองว่าเราทำตัวแย่ เราก็ทำให้มันแย่ สมกับที่ผู้ใหญ่มองซะเลยสิ”
เอ็กซ์หันมาถาม “ไอ้นี่ใครเหรอ”
ชายเล็กเดินเข้ามาโอบไหล่หมวยเล็ก “ฉันแฟนหมวยเล็ก”
“จริงเหรอหมวย”
หมวยเล็กพยักหน้า ก่อนจะหันไปพูดกับชายเล็ก “ถ้ารักกันจริงก็ไปด้วยกันสิ”
“ไปไหนเหรอ”
จอยทำหน้ารำคาญ “โอ๊ย จะไปไหน เดี๋ยวค่อยออกไปคิดกันข้างนอกมั้ย”
แอมรีบเสริม “เออ ยืนถามกันอยู่เนี่ย เดี๋ยวพ่อก็มาเห็นกันพอดี”
เอ็กซ์พูดเปรยขึ้นมา “ใครจะไปก็ตามมาแล้วกัน”
จากนั้นเปิดฟลอร์ปีนรั้วโรงเรียนออกไปเป็นคนแรก แอมกับจอยตามไปติดๆ
หมวยเล็กหันมาถามย้ำกับชายเล็ก “ ไปมั้ย”
“ไปสิ”
ชายเล็กรีบโดดเรียนไปกับหมวยเล็กด้วย

ขณะที่เสี่ยชาญรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน หมวยเล็ก ชายเล็กและเดอะแก๊ง ก็ เดินเข้ามาในบ้าน พร้อมกับหิ้วถุงขนม เหล้า โซดา น้ำอัดลมเข้ามาด้วย
“อ้าว วันนี้เลิกเรียนเร็วเหรอ”
หมวยเล็กส่ายหน้า “ไม่อ่ะเสี่ย พวกหนูโดดเรียนกันมา”
“โดดเรียน? ลื้ออย่ามาอำนะ อั๊วไม่ตะหลวกด้วยนะเว้ย”
ชายเล็กรีบบอก “อำเอิมอะไร คนนะไม่ใช่ผี”
หมวยเล็กทำหน้าตาจริงจัง “เสี่ย ขอยืมบ้านนั่งกินเหล้ากับเพื่อนหน่อยเดะ”
“ตามสบาย มีไพ่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน อยากเล่นก็หยิบเลย เย้ย! ลื้อจะมากินเหล้าบ้านอั๊วเนี่ยนะ”
จอยหันมาชวน “จะกินด้วยกันก็ได้นะลุง”
เสี่ยชาญทำหน้าผิดหวัง “ทำไมลื้อ 2 คนทำตัวแบบนี้เนี่ย ถ้าเตี่ยกับแม่ลื้อรู้ จะเสียใจแค่ไหน”
หมวยเล็กยักไหล่ “ ยังไงเตี่ยก็มองหมวยเป็นเด็กไม่ดีอยู่แล้วนี่”
ชายเล็กพยักหน้ารับ “ ใช่ แล้วพวกผมก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายซะหน่อย แค่ โดดเรียนมานั่งกินเหล้า
แค่นี้เอง”
“พวกลื้อบ้ากันไปแล้ว อั๊วจะไปฟ้องเตี่ยกับแม่ลื้อเดี๋ยวนี้แหละ”
หมวยเล็กท้าทาย “ไปเลย หมวยจะนั่งกินเหล้ารอ”
“ไม่มีสลดซักนิด เดี๋ยวพวกลื้อเจอดีแน่”
เสี่ยชาญเดินออกจากบ้านไป แอมหันมาถามเพื่อนๆ
“กินตรงไหนดีแก”
เอ็กซ์รีบบอก “ในบ้านดีกว่า เปิดแอร์เย็นๆ”
หมวยเล็กเห็นด้วย “เค ตั้งวงรอเลย”
แอม จอย เอ็กซ์ทำท่าตั้งวงรำไทยพร้อมกัน
“ตั้งวงจะไปรำแก้บนกันรึไง ฉันหมายถึงไปตั้งวงเหล้า เดี๋ยวตามเข้าไป”
จอย แอมและเอ็กซ์พากันเดินเข้าบ้านไป ชายเล็กหันมาถาม
“ ไม่เข้าไปเลยเหรอ”
หมวยเล็กส่ายหน้า “ไปเดินเล่นกันก่อนดีกว่า”
“เดินเล่น?”
ชายเล็กงงๆ หมวยเล็กยิ้มกรุ้มกริ่ม เหมือนมีแผนการในใจ

จากนั้นทั้งคู่ก็เดินเข้ามาในห้องนอนเสี่ยชาญ ชายเล็กมีอาการประหม่าเมื่อได้อยู่ในห้องสองต่อสองกับหมวยเล็ก
“นี่ชวนมาเดินเล่นในห้องนอนเสี่ยชาญเนี่ยนะ”
หมวยเล็กทำตาเยิ้ม “ทำไมอะ ไม่ชอบเหรอ”
“ป เปล่า ก็แปลกๆ ดี”
หมวยเล็กจับมือชายเล็กหมับ “มือเย็นเฉียบเลย ตื่นเต้นเหรอ”
“ก็นิดหน่อย เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ”
หมวยเล็กไม่ฟังเสียง รีบผลักชายเล็กลงบนเตียงนอน
“เฮ้ย จะทำอะไรน่ะหมวยเล็ก”
หมวยเล็กรีบปลดกระดุมเสื้อตัวเองออก
“ในเมื่อเป็นคนดีแล้วทุกคนมองว่าเราเป็นคนเลว เราก็จะเลวให้สุดติ่งกระดิ่งแมวไปเลย”
ชายเล็กทำหน้างง “คืออะไรอ่ะ เราไม่เข้าใจ”
หมวยเล็กลูบหัวแบบดาวร้ายสมัยก่อน
“ฉันก็จะยัดเยียดความเป็นเมียให้กับเธอน่ะสิ”
ว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงปล้ำ ชายเล็กพยายามขัดขืน
“อยู่เฉยๆ”
หมวยเล็กชกเข้าที่ท้อง ชายเล็กจุกจนไม่มีแรงขัดขืน

ชายเล็กนอนร้องไห้กระซิกๆ อยู่ เห็นภาพหมวยเล็กนุ่งกระโจมอกนั่งหันหลังอยู่ที่ปลายเตียง
“ไงล่ะเตี่ย หนูเลวสมใจเตี่ยรึยัง”
หมวยเล็กหัวเราะแบบนางร้าย ขณะที่ชายเล็กร้องไห้โฮ
-
เฮงสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อแตกเต็มหน้า
“ไม่นะหมวยเล็ก”
ครั้นมองไปรอบตัวก็เลยรู้ว่าที่แท้แค่ฝันร้าย จึงได้แต่ถอนหายใจโล่งอก พลางคิดถึงคำพูดของตี๋ใหญ่ “แต่วิธีของเตี่ยจะกดดันหมวยเล็ก จนหมวยเล็กอาจจะเตลิดเปิดเปิง เสียผู้เสียคนไปเลยก็ได้นะ”
ยิ่งคิด ก็ยิ่งเครียดขึ้นมาอีก เลยหยิบโทรศัพท์กดโทรหาหมวยเล็ก พลางรอสายด้วยใจระทึก ก่อนจะได้ยินเสียงผู้ชายรับสาย
“ฮัลโหล”
เฮงได้ยินเสียงผู้ชายก็ตกใจ “เฮ้ย ลื้อเป็นใครวะ มารับโทรศัพท์ลูกสาว อั๊วได้ไง”
ตี๋เล็กตอบกลับมาทางปลายสาย “อั๊วก็ลูกเตี่ยไง”
“ไอ้บ้า อั๊วมีลูกชายแค่ 2 คนโว้ย”
ตี๋เล็กที่ยืนคุยโทรศัพท์ทำหน้างงๆ
เฮงถามต่อ “ตอนนี้ลื้ออยู่ที่ไหน บอกอั๊วมาเดี๋ยวนี้นะ”
“อยู่ที่บ้านนี่แหละ เตี่ยฟังก่อนนะ”
เฮงโกรธจัด เปิดลิ้นชักหยิบปืนสั้นออกมา “อั๊วไม่ฟัง บ้านลื้ออยู่ไหน”
พูดพลางเดินถือปืนออกจากห้องไป
ทางด้านตี๋เล็กที่คุยโทรศัพท์ พยายามพูดให้เตี่ยใจเย็น
“เตี่ยใจเย็นๆ ก่อนนะ”
“อั๊วไม่เย็น บอกมาบ้านลื้ออยู่ไหน อั๊วจะพาลูกสาวอั๊วกลับบ้าน”
ขาดคำ ก็เดินถือปืนหน้าเครียดมา จางเดินเข้ามาจากหน้าบ้าน หันมาเห็นก็ทำหน้าตกใจ
“เย้ย! จะเอาปืนไปยิงใครครับเฮีย”
“ยิงหัวไอ้คนที่อยู่กับลูกสาวอั๊วน่ะสิ”
ตี๋เล็กหันไปอธิบาย “ใจเย็นเตี่ย หมวยเล็กอยู่ที่โรงเรียน ไม่ได้อยู่กับผู้ชายอย่างที่เตี่ยเข้าใจหรอก”
“ก็อั๊วคุยโทรศัพท์กับมันอยู่เนี่ย”
“มันที่ว่าน่ะอั๊วเอง” ตี๋เล็กรีบหยิบมือถือของหมวยเล็กมาโชว์ “หมวยเล็กลืมโทรศัพท์ไว้น่ะเตี่ย”
เฮงหน้าเหรอ “อ้าว แล้วก็ไม่บอก”
“อั๊วพยายามบอกแล้ว แต่เตี่ยไม่มีช่องให้อั๊วพูดเลยนี่”
เฮงถอนหายใจโล่งอก จางรีบส่งบิลให้ตี๋เล็ก “ออเดอร์ครับ”
“อั๊วไปทำอาหารก่อนนะเตี่ย”
ตี๋เล็กกับจางพากันเดินเข้าไปในครัว เฮงเริ่มคิดหนัก กลัวว่ากดดันลูกมากๆ แล้วลูกจะใจแตกแบบในฝัน

หมวยเล็กนั่งเขี่ยข้าวในจานอยู่ ตี๋ใหญ่กับตี๋เล็กมองด้วยความรู้สึกเห็นใจ
“เขี่ยข้าวอยู่นั่นแหละจะเละเป็นโจ๊กอยู่แล้ว” ตี๋เล็กพยายามพูดให้เห็รเป็นเรื่องขัน
“ชีวิตหมวยก็เละเป็นโจ๊กอยู่แล้วนี่”
ตี๋ใหญ่พยายามปลอบ “คิดบวกหน่อยสิหมวยเล็ก”
เฮงเดินเข้ามา ได้ยินเสียงลูกๆ คุยกันก็แอบฟัง
“จะให้หมวยหลอกตัวเองว่าไม่มีปัญหาน่ะเหรอเฮีย หมวยทำไม่ได้หรอก”
“เฮียไม่ได้ให้หลอกตัวเองว่าไม่มีปัญหา เฮียอยากให้หมวยสุขได้ แม้จะอยู่ท่ามกลางปัญหาต่างหาก”
หมวยเล็กทำหน้าเครียด “มีความสุขท่ามกลางปัญหาเนี่ยนะเฮีย ใครจะทำได้”
“น้อยคนที่จะทำได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย เฮียอยากให้หมวยเข้มแข็ง จะได้เอาตัวรอดจากทุกๆ ปัญหาได้”
ตี๋เล็กชูนิ้วโป้งให้ “กดไลค์หนึ่งที”
เฮงตัดสินใจเดินเข้าไปหาลูกๆ “ กดไลค์ด้วยคนสิ”
หมวยเล็กยิ้มดีใจ “เตี่ย เตี่ยหายโกรธหมวยแล้วใช่มั้ย”
เฮงยังแอยมีฟอร์มนิดๆ “ก็ยังโกรธอยู่นิดหน่อย”
ตี๋ใหญ่รู้ทัน “ เลิกงอนได้แล้วเตี่ย”
ตี๋เล็กรีบสนับสนุน “ ใช่ วันนี้งอนไม่พูดไม่จากับใครทั้งวัน อั๊วนี่ทำกับข้าวอยู่คนเดียวเลย”
“แหม คิดว่าเป็นห่วงน้อง ที่แท้ก็กลัวเหนื่อย” เฮงพุดล้อๆ
“นั่นสิ ไม่มีใครรักหมวยเลยสักคน เดี๋ยวก็ใจแตกประชดชีวิตซะเลย”
เฮงใจหาย รีบเข้าไปกอดหมวยเล็ก
“ไม่นะหมวยเล็ก ลื้ออย่าประชดเตี่ยนะ ให้เตี่ยหายโกรธลื้อเลยก็ได้”
“หายโกรธแล้วก็เลิกงอนด้วยนะเตี่ย”
เฮงพยักหน้าหงึก “ได้ เตี่ยสัญญาว่าจะไม่กดดันลื้ออีก เตี่ยขออย่างเดียวอย่ามีความลับกับเตี่ย”
“หมายความว่าเตี่ยให้หมวยคุยกับ.....ลูกบ้านนั้นได้เหรอ” หมวยเล็กถามย้ำ
เฮงอึกอัก “ก็คุยเป็นเพื่อนกันไปก่อนแล้วกัน อย่าเพิ่งเกินเลยไปกว่านี้เลยนะ”
หมวยเล็กยิ้มรับ “แค่เตี่ยหายโกรธหมวย หมวยก็ดีใจสุดๆ แล้วล่ะ หมวยสัญญาว่าจะทำตัวดี ไม่ทำให้เตี่ยเสียใจอีก”
เฮงกอดหมวยเล็กแน่น ตี๋ใหญ่กับตี๋เล็กห็นแล้วก็ยิ้มสบายใจ

หญิงใหญ่ส่งออเดอร์อาหารของวันพรุ่งนี้ให้หญิงเล็ก ขณะที่แก้วกัลยานั่งดูบัญชีอยู่ใกล้ๆ
“นี่ ออเดอร์ของวันพรุ่งนี้”
“แล้วผลตอบรับเป็นยังไงบ้างคะ ทุกคนโอเค. กับอาหารมั้ย”
หญิงใหญ่พยักหน้ารับ “ก็โอเค. นะ จะมีติเรื่องปริมาณกับรสชาติบ้าง แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะส่วนใหญ่เคยชินแต่อาหารรสจัดจ้านน่ะ”
แก้วกัลยารีบเสนอ “ เราก็ปรับรสชาติให้มันจัดจ้านขึ้นสิลูก”
“ไม่ได้ค่ะแม่ เดี๋ยวผิดคอนเซ็ปต์อาหารคลีนหมด”
ระหว่างนั้น ฮันนี่ก็เดินเข้ามาจากนอกบ้าน พร้อมกับถือถุงส้มตำเข้ามาด้วย
“ปาปาย่าป๊อกๆ แซ่บๆ มั้ยคะ ฮันนี่ซื้อมาเผื่อด้วยน้า”
แก้วกัลยาตาวาว “กำลังอยากอยู่พอดีเลย”
หญิงใหญ่รีบท้วง “แต่แม่กินอาหารคลีนอยู่ไม่ใช่เหรอคะ แล้วนี่มันก็ดึกแล้วด้วย กินแล้วนอนไม่ดี
ต่อสุขภาพนะคะ”
“มะละกอไม่ใช่เนื้อสัตว์ลูก มันย่อยง่าย ไม่เป็นไรหรอก”
ฮันนี่รีบพูดแทรกขึ้นมา
“Yeah กินผักผลไม้ตอนกลางคืน เช้ามาจะได้ขับถ่ายดีค่ะบอส”
แก้วกัลยารีบเดินเข้าครัวไปกับฮันนี่ หญิงใหญ่ส่ายหน้า
“ยังไม่ทันไรก็คลีนแตกซะแล้ว”
หญิงเล็กหันมองหน้าพี่สาว “ดูพี่หญิงใหญ่จริงจังมากเลยนะเนี่ย”
“จริงจังสิ ถ้าพี่ไม่จริงจัง แล้วพี่จะโปรโมทอาหารคลีน ของน้องพี่ให้ดีได้ยังไงล่ะ จริงแมะ”
หญิงใหญ่กับหญิงเล็กหันมายิ้มให้กัน ขณะนั้นชายเล็กก็เดินเข้ามา ก่อนจะนั่งกดดูโทรศัพท์เรื่อยเปื่อย สีหน้าหงอยเหงา
หญิงใหญ่หันไปเห็นก็กระซิบกับน้องสาว “อาการหนักนะเนี่ย เอาไงดี”
“เล่นตลกให้ดูมั้ย เผื่อจะเวิร์ค”
หญิงใหญ่พยักหน้าหงึก “ โหย ฟันหญิงเล็กนี่เหมือนเม็ดข้าวโพดเลยเนอะ”
“เรียงเหมือนเม็ดข้าวโพด?”
“เปล่า..เหลืองมาก ไปขูดหินปูนซะบ้างนะ”
หญิงเล็กทำเสียงรับ “ แฮ่”
ชายเล็กหันมามองหน้านิ่งๆ ก่อนจะก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อ
หญิงใหญ่หน้าเจื่อน “สงสัยมุกเก่าไปนิด เลยไม่โดน”
” งั้นลองอีกมุก พี่หญิงใหญ่ ถ้าเราโดนขวานจามใส่หน้ามา เราต้องทำยังไงรู้มั้ย”
“ก็ไปหาหมอ ให้หมอทำแผลสิ”
“ผิด”
หญิงใหญ่รับมุกต่อ “ แล้วต้องทำยังไง”
“ถ้าโดนขวานจามใส่หน้า เราก็ต้องรีบกินยาแก้หวัด เพราะขวานเป็นหวัด มันก็เลยจาม”
หญิงใหญ่แฮ่รับ
ชายเล็กหันมามองหน้านิ่งๆ ก่อนจะก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อ
“นี่ไม่ฮากับพวกพี่เลยเหรอชายเล็ก”
หญิงเล็กทำหน้าเซ็ง “นั่นดิ ไม่ขำก็ยิ้มมุมปากซักนิดก็ยังดี”
“โทษทีนะพี่ ช่วงนี้ผมยังแย่ๆ อยู่ ขอเวลาอีกสักพักแล้วกันนะ”
หญิงใหญ่มองน้องชายอย่างเป็นห่วง “งั้นก็มาช่วยพี่หญิงเล็กเค้าทำอาหารสิ มีอะไรทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน”
“ใช่ ช่วงนี้พี่ทำอาหารคลีนส่งออฟฟิศพี่หญิงใหญ่ด้วย มาช่วยพี่แล้วกันนะ”
“โอเค. ครับ”
ชายเล็กยิ้มบางๆ แล้วก้มหน้าดูโทรศัพท์ต่อ หญิงใหญ่กับหญิงเล็กมองด้วยความเป็นห่วง

อ่านต่อตอนที่ 20

กำลังโหลดความคิดเห็น