นางกลางไฟ ตอนที่ 24 อวสาน
ดำรง วาทิน ดวงสุดา ยืนออชะเง้อรอดูอาการวัลลภาอย่างกระวนกระวาย ธวัชประคองตะวันเข้ามา ตามด้วยนิคม ซูซี่ กล้วยที่อุ้มสายฟ้าไว้
ดวงสุดาพุ่งเข้าไปเอาเรื่องตะวันฉาย
"นังตะวัน เพราะแกคนเดียวที่ทำให้น้าวัลต้องเจ็บหนักแบบนี้ ถ้าน้าวัลเป็นอะไรไปชั้นจะ…"
ธวัชรีบเข้ามาขวาง
"หยุดนะคุณดา มะปรางต่างหากที่เป็นคนยิงน้าวัล ไม่ใช่ตะวัน"
"นี่คุณยังจะเข้าข้างมันอีกหรอ ก็เพราะมันแอบไปกกกับพ่อชั้น น้าวัลถึงต้องตามไปเล่นงานจนถูกยิงน่ะ"
"พี่ดา พี่รู้หรือเปล่าว่ายัยมะปรางน่ะเป็นเมียน้อยพ่อ เพราะอย่างนี้มันถึงหลอกพี่มาร่วมมือกับมันแล้วป้ายความผิดให้ตะวัน ทุกคนเขารู้เรื่องหมดแล้ว"
ดวงสุดาหน้าซีดเจื่อน ทุกคนมองจ้องมาที่ดวงสุดาเป็นตาเดียว
"ทำไมถึงมองชั้นแบบนี้ ที่ชั้นทำไปก็เพราะนังตะวันมันแย่งคุณวัชไปจากชั้น มันนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุให้ชั้นต้องทำแบบนี้"
"พอได้แล้วยัยดา! แกทำแบบนี้แล้วมีความสุขอย่างงั้นหรอ เมื่อไหร่แกจะหยุดทำเรื่องเลวๆซักที" ดำรงบอก
"คุณพ่อ…อ๋อ ตอนนี้ดากลายเป็นนังร้ายไปแล้วสินะ ส่วนนังตะวันที่ทุกคนเคยรุมกันประณามว่ามันสำส่อนเล่นชู้ก็กลับกลายเป็นนางฟ้าขึ้นมาซะอย่างงั้น"
ดวงสุดามองธวัชอย่างน้อยใจ ธวัชมองอย่างเอือม
"คุณดา ที่ทุกคนคิดแบบนั้นก็เพราะแผนของคุณไม่ใช่หรอ คงเพราะส่วนลึกของผมรู้ว่าคุณเป็นคนแบบนี้ ผมถึง…"
ธวัชยั้งคำพูดไว้ ดวงสุดาน้ำตาไหลน้อยใจอย่างที่สุด
หมอออกมาจากห้องผ่าตัด ทุกคนกรูเข้าไปถามอย่างเป็นห่วง
"คุณหมอครับ อาการภรรยาผมเป็นยังไงบ้าง"
"คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ กระสุนไม่ฝังในและไม่โดนจุดสำคัญ แต่ต้องพักฟื้นดูอาการต่อซักระยะครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ"
ทุกคนโล่งอก ดวงสุดามองจ้องตะวันฉายอย่างแค้น
"ถ้าชีวิตของชั้นไม่มีความสุข แกก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่เป็นสุขได้อีกเลย นังตะวัน!"
ดวงสุดาสะบัดหันเดินออกไป ทุกคนมองตามอย่างเหนื่อยใจ
ผ่านเวลา ดำรงคอยเฝ้าวัลลภาไม่ห่าง คอยป้อนข้าว เช็ดตัว คอยดูแล หวีผมให้ วัลลภาอาการดีขึ้นมองดำรงอย่างซึ้งใจแล้วกุมมือไว้
"ขอบคุณนะคะคุณที่คอยดูแลชั้น"
"ก็ผมมีภรรยาอยู่คนเดียวนี่ ไม่ดูแลคุณแล้วจะไปดูแลใครล่ะจ๊ะ ที่จริงผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณที่เสี่ยงชีวิตช่วยผมไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงตายไปแล้ว"
"ก็ตอนนั้นมันไม่ทันได้คิดนี่คะ ถ้ารู้ว่าเจ็บขนาดนี้ ชั้นปล่อยให้คุณโดนเองไปแล้ว"
วัลลภาแกล้งพูดยั่ว ดำรงหัวเราะขำ
"ผมน่ะหนังเหนียวนะไม่ตายง่ายๆหรอก ผมขอโทษนะคุณวัล เพราะผมแท้ๆที่ไปยุ่งกับมะปรางจนทำให้เกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้"
"ช่างมันเถอะค่ะคุณ มะปรางเขาก็ได้ชดใช้กรรมของเขาไปแล้ว"
"ผมสัญญานะคุณวัล ว่าต่อไปนี้ผมจะซื่อสัตย์และดูแลคุณตลอดไป"
ดวงสุดากับวาทินเปิดเข้ามาเห็นพอดี
"แหม คุณแม่มีบุรุษพยาบาลส่วนตัวดีแบบนี้ มิน่าถึงหายวันหายคืน รู้งี้ผมไม่มาเยี่ยมหรอก สู้อยู่กับป่านดีกว่า"
ดวงสุดาพูดเหน็บ
"แหม ดูทุกคนจะชื่นมื่นกันดีจังนะคะ ไม่เหมือนดาที่ยังเหลือเสี้ยนหนามหัวใจอยู่อีกคน"
"ผมถามจริงๆเถอะพี่ดา พี่ไม่เบื่อที่ต้องคอยตามแย่งคุณวัชบ้างหรอ ถ้าเขาไม่สน มันก็ชัดอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้มีใจให้ พี่จะหลอกตัวเองไปทำไม ปล่อยเขาไปเถอะครับ"
ดวงสุดาจะเถียง พยาบาลเปิดเข้ามาขัดจังหวะ
"ขอโทษค่ะ คุณหมอเชิญญาติคนไข้ที่ห้องค่ะ"
"สงสัยหมอจะติววิธีทำกายภาพให้น่ะ เดี๋ยวผมมานะจ๊ะ"
วาทินได้ทีรีบเลี่ยง
"ผมไปด้วยครับคุณพ่อ"
ดำรงกับวาทินตามพยาบาลออกไป วัลลภาได้โอกาสพูดกับดวงสุดา
"ยัยดา จนถึงป่านนี้แล้วยอมรับความจริงซะเถอะลูก ตะวันเขาไม่เอาเรื่องเราก็ถือว่าโชคดีแล้ว ถ้าได้ตัวคุณวัชมาแต่ไร้หัวใจ มันจะไปมีประโยชน์อะไร"
ดวงสุดาสลดลง
"บางทีดาก็อยากรู้ค่ะ ว่า…คุณวัชเคยรักดาบ้างไม๊"
"ตัดใจจากตาวัชซะ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะลูก"
"ไม่ค่ะ! คนอย่างดวงสุดาไม่เคยแพ้ใคร ดาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้คุณวัชกลับมา แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต…ดาก็ยอม"
"แต่ว่า…"
"พอทีเถอะค่ะน้าวัล ถ้าน้าวัลไม่คิดจะช่วยดาจัดการนังตะวันละก็ เลิกกล่อมดาซักที ดาจะจัดการเรื่องนี้เอง ไม่ต้องห่วงดาหรอกค่ะ"
ดวงสุดาเดินสะบัดออกไป วัลลภาได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วงนึกสังหรณ์ใจ
ตะวันฉายหน้าเศร้ายืนซึมมองควันไฟลอยออกจากปล่องเมรุเผาศพ ปล่อยน้ำตาไหล ซูซี่ถือรูปหน้าศพของมะปรางไว้อดน้ำตาไหลไม่ได้ ทุกคนมองตะวันอย่างเป็นห่วง
ธวัชก้าวเข้าไปยืนเคียงข้าง เอื้อมไปจับมือตะวันจะให้กำลังใจ
"คุณวัชคะ ชั้นขอร้อง…ต่อจากนี้ไป คุณเลิกยุ่งกับเรา 2 แม่ลูกซะที"
"ทำไมล่ะตะวัน ผมรักคุณนะ ตอนนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้ว ไม่มีใครมาวุ่นวายกับเราอีก"
"คุณพูดเหมือนกับไม่รู้จักคุณดาอย่างนั้นแหละ เธอไม่มีวันปล่อยคุณไปง่ายๆหรอกค่ะ"
"แต่ผมไม่สนว่าคุณดาจะคิดยังไง ผมอยากได้ครอบครัวของผมคืนมา"
"คุณไม่เห็นหรอคะ ว่าความแค้นน่ะ ทำให้คนเรายอมทำได้ทุกอย่าง ชั้นไม่อยากให้ลูก
ต้องมาเสี่ยงไปด้วย"
"แต่ว่า"
"พอเถอะค่ะคุณวัช ถ้ามีคนที่ชั้นรักต้องสูญเสียไปอีก เพราะชั้นเป็นต้นเหตุละก็ ชั้นคงรับไม่ไหวอีกแล้ว ถ้าคุณรักชั้นจริง ก็ปล่อยชั้นกับลูกไปตามทางของเราเถอะค่ะ"
ตะวันฉายปล่อยน้ำตาให้ไหลอย่างสุดกลั้นด้วยความเจ็บปวด
"ตะวัน"
ธวัชเดินออกไปอีกทาง น้ำตาลูกผู้ชายไหลอย่างสุดกลั้น ทุกคนหันมองทั้งคู่อย่างผิดคาด คิดว่าจะลงเอยด้วยดี
ดวงสุดายืนอยู่ที่สะพานเหม่ออย่างโดดเดี่ยวทอดสายตาออกไป
ธวัชขับรถไปตามถนนแบบไร้จุดหมาย อย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ดวงสุดาตัดสินใจกดโทรศัพท์หาธวัช
ธวัชนิ่งตัดสินใจ ก่อนจะกดรับ
"คุณดา ตอนนี้ผมไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น ได้โปรดอย่าโทรหาผมอีก"
ธวัชจะกดวาง ดวงสุดารีบห้ามไว้
"เดี๋ยวก่อนสิคะคุณวัช ชั้นขอถามอะไรคุณซักอย่างได้ไหมคะ"
"คุณมีอะไรก็รีบพูดมาเถอะ ผมมีธุระ"
"คุณ…เคยรักชั้นบ้างไหม"
ธวัชนิ่งอึ้งไป
"ผมเคยคิดว่ามันอาจเป็นความรัก แต่พอได้พบกับตะวัน ผมถึงรู้ว่าความรักที่แท้จริงคืออะไร"
"แต่คุณเคยบอกว่ารักชั้น"
"ผมขอโทษนะดา เราอย่าฝืนกันต่อไปอีกเลย ผมรักตะวันและอยากใช้ชีวิตโดยมีตะวันกับลูกอยู่เคียงข้าง ผมไม่มีใจเหลือเผื่อให้ใครได้อีกแล้ว…แม้แต่คุณ"
ดวงสุดาปล่อยน้ำตาร่วง เจ็บจนแทบพูดไม่ออก
"ถ้าอย่างนั้น…ชั้นก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม…ถ้าไม่มีคุณ"
"คุณจะใช้วิธีไหนขู่ผมก็ไม่มีประโยชน์ เพราะผมไม่มีวันกลับไปหาคุณอีกเด็ดขาด"
ดวงสุดาพยายามร้องเรียก
"คุณวัช…คุณวัช…ไม่นะ คุณจะทิ้งชั้นไปแบบนี้ไม่ได้ ชั้นรักคุณ คุณได้ยินไหม ชั้นรักคุณ"
ดวงสุดาร้องไห้ตัวโยนแทบยืนไม่อยู่ มืออ่อนปล่อยโทรศัพท์หล่นลงพื้น เธอมองลงไปด้านล่างอย่างตัดสินใจ ผิวน้ำด้านล่างไหลเชี่ยวกราก
ดวงสุดาหลับตาคล้ายกับกำลังตัดสินใจบางอย่าง ขยับเท้าก้าวออกไปอีก แล้วหยุด
อ่านต่อหน้า 2
นางกลางไฟ ตอนที่ 24 อวสาน (ต่อ)
ตะวันฉายนั่งจัดดอกไม้ มีซูซี่ช่วยจัดอยู่ข้างๆ คอยหาโอกาสเลียบเคียงถาม
"เอ่อ…ตะวัน ไม่คิดถึงคุณธวัชบ้างหรอ"
"ตะวันไม่อยากถึงเรื่องนี้อีกแล้วค่ะพี่ซูซี่" เธอทำเป็นเปลี่ยนเรื่องคุย "เอาไว้เราไปทำบุญถวายสังฆทานให้มะปรางกันไหมคะพี่ซูซี่"
"เฮ้อ เอาแต่ทำบุญตักบาตรให้ยัยมะปราง ป่านนี้มันอิ่มบุญ ไปเกิดเป็นดาวลูกไก่แล้วละมั้ง ตะวัน…เพื่อนรักก็ไปดีแล้ว เธอจะทรมานตัวเองไปทำไม ให้โอกาสคุณวัชเขาอีกซักครั้งไม่ได้หรอ"
"แล้วถ้าเกิดคุณวัชเขาจำตะวันกับลูกไม่ได้ขึ้นมาอีก หรือตัดใจจากคุณดาไม่ได้ แล้วใจอ่อนขึ้นมาล่ะคะ ตะวันต่างหากที่ต้องเป็นคนเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตะวันเบื่อกับเรื่องนี้เต็มทีแล้วล่ะคะ"
"งั้นก็ตามใจ พี่ไม่รู้จะชักแม่น้ำสายไหนมาช่วยพูดแล้ว ออกไปช้อปปิ้งเธอลาปี้แก้เซ็งกับพี่ดีกว่า หรือไม่เราก็พาสายฟ้าไปสวนสัตว์กันไหม"
"ไม่ดีกว่าค่ะ ตะวัน…เหนื่อย"
" ก็ได้ๆ พี่เข้าใจ แต่ตะวันอยู่คนเดียวได้แน่นะ ถ้ามีอะไรก็โทร.หาพี่ละกัน พี่กลับก่อนล่ะ นัดผู้ชายไปกินข้าวแทนก็ได้"
ซูซี่เดินออกไป ตะวันนั่งเศร้า ครู่นึงได้ยินเสียงใครบางคนเดินเข้ามาข้างหลัง
ตะวันฉายถามไม่หันไปมอง
"ลืมอะไรหรอคะพี่ซูซี่"
ตะวันหันไปแล้วตาเหลือกลานตกใจ คว้าแจกันไว้ในมือป้องกันตัว
ใครบางคนสวมหมวกไหมพรมพรางหน้า ไวกว่า พุ่งเข้ามารวบบีบปาก ล็อกตัวตะวันไว้
"วางแจกันลง แล้วอย่าร้องนะ ไม่งั้นชั้นจะฆ่าเด็กซะ"
ตะวันตกใจตัวสั่นรีบทำตามสินสั่ง
"ลูกแกอยู่ไหน"
เสียงตะวันอู้อี้ ส่ายหน้าขอร้อง กล้วยอุ้มสายฟ้าเดินออกมาไม่ทันรู้เรื่อง
"คุณตะวันคะเราพาสายฟ้าไปเดินเล่นกันไหมคะ"
กล้วยเงยหน้าเห็นสินล็อกตัวตะวันไว้แล้วตกใจหน้าตื่น
กล้วยจะแหกปากร้อง
"ว้าย! ช่วย…"
สินชักปืนออกมาจ่อขมับตะวัน
"อย่าร้องนะ…ไม่งั้นชั้นระเบิดสมองนังนี่แน่ ส่งเด็กมา ชั้นบอกให้ส่งเด็กมาไง"
ตะวันฉายส่ายหน้าห้าม กล้วยจำต้องส่งสายฟ้าที่กำลังหลับสนิทมาให้ตะวันอุ้มไว้
"ถอยออกไป"
กล้วยถอยออก มองหาทางช่วยตะวัน เห็นท่อนไม้วางอยู่ปลายเท้า
สินจี้ให้ตะวันลุกขึ้น กล้วยได้โอกาสรีบคว้าไม้ตีเข้าท้ายทอยสินเต็มแรงจนเซถลา
"โอ๊ย"
"หนีเร็วคุณตะวัน"
ตะวันกอดสายฟ้าวิ่งหนีไปทางหน้าบ้าน กล้วยทิ้งไม้จะวิ่งหนี แต่สินคว้าตัวจะจับไว้ กล้วยม้วนตัวหลบไปได้แล้วคว้าหมวกไหมพรมหลุดติดมือ เห็นเป็น ... สิน
กล้วยจำหน้าได้
"นี่แก"
"เก่งนักหรออีตัวแสบ"
สินกระชากกล้วยเข้ามาแล้วใช้ปืนตบใส่ กล้วยล้มหงายนิ่งไป สินรีบหันมองหาตะวันแล้ววิ่งตามไป
ตะวันฉายวิ่งเกือบถึงประตูรั้ว สินก้าวเข้ามาดักหน้าไว้ทัน แล้วยิ้มเหี้ยมจ่อปืนขู่ กล้วยค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้น ได้ยินเสียงรถ แล้วรีบลุกวิ่งตามไป
กล้วยวิ่งออกมาหน้าบ้าน เห็นรถขับห่างออกไป แล้วรีบกดมือถือถ่ายทะเบียนรถเอาไว้ ก่อนกดโทร.หาธวัช
"คุณธวัชคะ…ช่วยคุณตะวันกับสายฟ้าด้วย"
สินขับรถเลี้ยวเข้าไปจอดในโกดังร้าง
ธวัชคุยกับตำรวจ แล้วขับมองหารถสินอย่างร้อนรน
"ตอนนี้ผมอยู่แถวโกดังร้างตามที่คุณตำรวจบอกแล้ว…ครับ ผมจะระวังตัว คุณตำรวจรีบตามมาเลยนะครับ"
ธวัชวางสาย ขับเลี้ยวผ่านไป แล้วถอยกลับมา เห็นรถสินจอดอยู่หน้าโกดัง สำรวจเลขทะเบียนที่กล้วยส่งมาเห็นว่าเป็นคันเดียวกัน
"ถ้าลูกเมียชั้นเป็นอะไรไปละก็ ชั้นไม่เอาแกไว้แน่"
ธวัชจอดรถทิ้งห่าง แล้วหยิบปืนในลิ้นชัก เปิดลงจากรถไป
ตะวันฉายกอดสายฟ้าไว้แน่น สินถือปืนขู่
"วางลูกแกลง"
"ไม่! แกจะทำอะไรชั้นกับลูก ปล่อยชั้นไปเถอะ"
สินเดินย่างเข้าหา
"ชั้นบอกให้วางเด็กลงไง"
ตะวันฉายจำต้องวางลูกลง สินยิ้มหื่นปลดเข็มขัดเดินเข้าหาจะจัดการตะวัน เธอถอยกรูด หน้าตื่นตกใจ รีบยกมือไหว้ขอชีวิต
"ได้โปรดเถอะ อย่าทำอะไรชั้นเลย ชั้นไม่เคยมีเรื่องโกรธแค้นกับคุณมาก่อน ปล่อย
ชั้นกับลูกไปเถอะนะ"
สินไม่ฟัง กระชากตะวันเหวี่ยงล้มแล้วเข้าหา ตะวันดิ้นไม่ยอมสุดชีวิต
"ไม่ ปล่อยชั้นนะ"
เสียงสายฟ้าร้องลั่น
ธวัชได้ยินเสียงลูก รีบวิ่งไปตามเสียง
สินพยายามจะปลดกางเกงตะวันออก แต่ตะวันดิ้นไม่ยอม
"ไม่!! ปล่อยชั้นนะ"
"ฤทธิ์มากนักนะ"
สินตบแล้วตุ๊ยท้องจนตะวันฉายตัวงอ สินก้มลงไปหา ธวัชวิ่งเข้ามาเห็นแล้วยิงปืนขู่
"หยุดนะ!! ถอยออกไป"
สินชะงักค้าง ตะวันฉายรีบพยุงตัวถอยออกมา ธวัชจ่อปืนไปที่สินแล้วเข้าไปประคองตะวัน
"ตะวันเป็นยังไงบ้าง"
สินได้จังหวะเตะปืนธวัชกระเด็นหลุดจากมือ แล้วอัดใส่ธวัชไม่ยั้ง ตะวันฉายหวีดร้อง
"คุณวัชระวัง"
ธวัชกระเด็นล้มไปแล้วคว้าท่อนไม้ที่ตกอยู่เหวี่ยงฟาดใส่ จนสินเซแถ ธวัชจะตามไปซ้ำ สินเตะตัดขา ธวัชล้มหงาย สินตามเข้าไปอัดจ่อปืนจะยิง ธวัชดันมือไว้ ทั้งคู่พยายามแย่งปืนกัน ทั้งคู่ต่างคนต่างพุ่งเข้าหาปืนตัวเอง แล้วกดยิง ตะวันฉายหวีดร้องสุดเสียง
"แอร๊ย"
ธวัชถือปืนค้าง โดนยิงเข้าที่ไหล่ แล้วค่อยร่วงลง
"คุณวัช"
สินยิ้มเหี้ยมขึ้นไกจะกดยิงซ้ำ เสียงไซเรนรถตำรวจใกล้เข้ามา สินรีบหันวิ่งหนีไป
ตะวันรีบเข้าไปประคองธวัชไว้ ธวัชยังพอมีสติ
"คุณวัช ทำใจดีๆไว้นะคะ คุณต้องไม่เป็นอะไร คุณวัช"
"ตะวัน"
ธวัชสลบไป ตะวันฉายกอดธวัชร้องไห้แทบขาดใจ ตำรวจกรูเข้ามาช่วย
อ่านต่อหน้า 3
นางกลางไฟ ตอนที่ 24 อวสาน (ต่อ)
ในโรงพยาบาล ตะวันฉายเป็นห่วงคอยแอบมาดูแลธวัช พยาบาลแอบยิ้ม เธอนั่งกุมมือเฝ้าธวัชไว้จนหลับ ธวัชฟื้นขึ้นมา เห็นเธอหลับอยู่ข้างเตียงแล้วยิ้มออก เธอรู้สึกตัวแล้วรีบลุกจะเดินหนี
"เดี๋ยวสิครับตะวัน คุณจะหนีผมไปไหนอีก"
"ชั้นแค่มาช่วยดูแลคุณเพื่อตอบแทนที่ช่วยชีวิตชั้นกับลูกเอาไว้ ถ้าคุณหายดีแล้ว ชั้นขอตัวก่อนค่ะ"
ธวัชแกล้งโอดโอยเจ็บแผล ตะวันรีบถลาเข้ามาดูอย่างเป็นห่วง
"โอ๊ย"
"คุณวัช เป็นยังไงบ้างคะ คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า"
ธวัชจับมือตะวันมากุมที่หัวใจตัวเอง
"ผมเจ็บที่ตรงนี้ เวลาที่คุณบอกว่าจะไปจากผม"
ตะวันหมั่นไส้แกะมือธวัชออก
"ชั้นจะไปให้ไกลที่สุด และจะไม่โผล่มาให้คุณเห็นหน้าอีกคอยดู"
ตะวันจะเดินออก ธวัชดึงมือไว้ ตะวันเซลงมาซบกับอก
"ไม่..ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น ผมต้องการคุณกับลูก ได้โปรดอย่าทิ้งผมไป กลับไปอยู่กับผมนะครับ มองตาผมสิตะวัน แล้วตอบว่าผมใช่ธวัชคนเดิมที่คุณรักรึเปล่า ผมรักคุณตั้งแต่วันแรกที่เจอ ผมได้แต่แอบมองคุณ ทั้งวันที่เราเจอกันครั้งแรก และวันที่คุณไปบริจาคเสื้อกันหนาวให้เด็กๆ"
ตะวันนิ่งอึ้ง อย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
"เราจะเดินไปด้วยกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะจับมือคุณไว้ เราจะเดินไปด้วยกัน ไม่ว่าจะขึ้นเขาลงห้วย ผมก็จะไม่มีวันปล่อยมือคุณ และทุกลมหายใจของเรา จะมีกันและกันตลอดไป"
ตะวันฉายอึ้ง
"ธวัช"
"คุณจำได้ไหม คุณเคยบอกว่าจะขอเอาหัวใจวางไว้ในมือผม ผมจะพาคุณไปที่ไหนก็ได้ ขอแค่อย่าปล่อยมือคุณ อย่าปล่อยให้คุณต้องเดินคนเดียวอีก ผมขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำร้ายจิตใจคุณมาตลอด ให้อภัยผมนะครับ เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมนะครับ..ตะวัน"
ตะวันพยักหน้า ยิ้มทั้งน้ำตา ทั้งสองผวากอดกันอย่างตื้นตันดีใจ
นิคมกับซูซี่เดินนำดำรง สุนทรีย์ สายป่าน วาทิน เข้ามาในห้องแล้วชะงัก เห็นทั้งคู่กอดกันกลม
"ต๊าย พวกเรามาขัดจังหวะหรือเปล่าคะเนี่ย" ซูซี่เปรยขึ้น
"ดูท่าอีกไม่นานคุณป้าคงจะได้หลานคนใหม่ซะแล้วล่ะครับ" นิคมบอก
ตะวันกับธวัชยิ้มเขิน ทุกคนพลอยดีใจที่ทั้งคู่คืนดีกันได้ในที่สุด
วันใหม่ ในป่าเปลี่ยว ดวงสุดาโวยใส่สินไม่ยั้ง
"ไอ้สิน! เรื่องแค่นี้แกก็ทำไม่สำเร็จ แค่ผู้หญิงคนเดียวยังปล่อยให้มันรอดไปได้อีก แกนี่มันไร้น้ำยาจริงๆ"
"โธ่ คุณดาครับ ก็ผัว…เอ๊ย…คุณวัชพาตำรวจมาล้อม"แบบนั้น ผมก็ต้องหนีเอาตัวรอดก่อนน่ะสิ ขืนอยู่ก็มีหวังได้ติดตารางพอดี"
"ไอ้ขี้ขลาด ถ้าแกตาขาวแบบนี้ก็ไปหาอาชีพอื่นทำเถอะไป๊"
" ถ้าคิดว่ามันง่ายอย่างนั้น คุณก็ไปจัดการเองแล้วกัน ผมขอเงินค่าจ้างของผมด้วย"
" หา! นี่แกยังมีหน้ามาทวงเงินค่าจ้างอีกหรอ รีบไสหัวไปเลย แล้วอย่าโผล่มาให้ชั้นเห็นหน้าอีก ไม่งั้นชั้นจะให้คุณพ่อจัดการแก"
ดวงสุดาเดินออก สินโมโหทนไม่ไหวดึงแขนเอาไว้
"เดี๋ยวก่อนสิครับคุณดา คิดจะเบี้ยวกันหรอ"
ดวงสุดาสะบัดแขนออก
"ปล่อยชั้นนะ แกกล้ามาถูกตัวชั้นหรอ"
ดวงสุดานึกกลัวรีบเดินหนีจะขึ้นรถ สินเข้ามาดักหน้าไว้ยิ้มกระหยิ่ม
"เรามาคุยกันดีๆดีกว่าน่า ตกลง…คุณจะจ่ายให้ผมไหม"
"ไม่! ชั้นจะกลับละ"
สินกระชากดวงสุดามาแนบตัว ดวงสุดาดิ้นพยายามสะบัดแต่แพ้แรงของสิน
"ได้ คุณไม่ยอมจ่ายเป็นเงิน…ก็ไม่เป็นไร แต่คุณต้องจ่ายเป็นอย่างอื่นแทน"
"ถอยออกไปนะไอ้สถุล"
ดวงสุดาสะบัดวิ่งหนี สินคว้าแขนดึงกลับมาแล้วตบคว่ำ เธอร่วงลงไปกองกับพื้นเลือดกลบปาก
สินย่างเท้าเข้าหา เธอปัดป่ายข่วนป้องกันตัว
"อย่า…ออกไปนะ…ช่วยด้วย…อย่า…แอร๊ย"
ดวงสุดากรีดร้องก้อง
เสียงปืนดังขึ้น สินนอนฟุบหน้าอยู่บนตัวดวงสุดา เธอผลักสินออกอย่างขยะแขยง สินนอนหงายมีรอยกระสุนยิงเข้ากลางอก ตาค้างนอนจมกองเลือด
ดวงสุดาน้ำตาไหลพรากเขียวช้ำไปทั้งตัว เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง มองศพสินแล้วหวีดร้องด้วยความกลัว
"ออกไป…ออกไปนะ"
ดวงสุดาพยุงตัววิ่งหนีเตลิดหัวซุกหัวซุนอย่างไร้ทิศทาง
ในป่าเปลี่ยว ดวงสุดาตัวสั่นวิ่งหนีอย่างไร้ทิศทาง มีมือใครบางคนยื่นมาจับแขนเธอไว้ เธอกรีดร้องอย่างเสียสติสะบัดหนีสุดกำลัง
"แอร๊ย …ไม่! .ออกไป"
2 ผัวเมียชาวบ้านพยายามจะช่วย จับตัวดวงสุดาไว้
ชาวบ้าน 1บอก"เดี๋ยวก่อนคุณ"
ดวงสุดารับไม่ได้สติ กรีดร้องก้องทั้งป่า
วันใหม่ วาทินประคองสายป่านออกมาจากห้องตรวจในแผนกสูตินรีเวช สายป่านปวดเท้าเดินกระเผลก
"โอ๊ย"
"ป่านเป็นอะไรไปครับ"
"ป่านปวดเท้าน่ะค่ะ"
"งั้นนั่งพักก่อนไหม"
วาทินประคองสายป่านนั่งลง วาทินเห็นขาสายป่านเริ่มบวม เขานั่งลงจะถอดรองเท้า
"คุณทิน จะทำอะไรคะ"
"ก็นวดเท้าให้คุณไง"
วาทินถอดรองเท้าสายป่านออกแล้วนวดอย่างไม่รังเกียจ คนไข้เดินผ่านไปมาเหลือบมองแอบอมยิ้ม
สายป่านชักเขิน
"คุณทิน พอเถอะค่ะ คนอื่นมองใหญ่แล้ว"
วาทินแกล้งพูดดังๆ
"ภรรยาผมปวดเท้าน่ะครับ"
สายป่านตีแขนปราม
"คุณทิน ชั้นอายนะคะ"
"จะอายทำไมล่ะป่าน ผัวเมียดูแลกันน่ารักจะตาย แล้วดูซิเพราะท้องไอ้ตัวเล็กแท้ๆ เท้าคุณถึงบวมขนาดนี้ แต่ก็ดีนะบวมไปทั้งตัวแบบนี้เต็มไม้เต็มมือดี ผมชอบ"
วาทินแกล้งยิ้มเจ้าชู้ สายป่านหัวเราะขำ
"บ้า…คุณเนี่ยทะลึ่งจริงๆเลย"
วาทินนวดเท้าให้สายป่านอย่างตั้งใจ สายป่านมองอย่างซึ้งใจ
ภายในห้องพักดวงสุดาที่โรงพยาบาลบ้า ดวงสุดาเหม่อมองท้องฟ้า วาทินเอื้อมมือมาแตะแขนเรียก
"พี่ดา…พี่ดาครับ"
ดวงสุดาหันมาตามเสียง แล้วสะดุ้งเฮือกตัวสั่นแข็งเกร็งด้วยความกลัว
"แอร๊ย! ไม่!! ออกไป"
วาทินถอยออกมองอึ้งค้าง ดำรงเข้ามาช่วยจะกอดไว้
"ยัยดาใจเย็นก่อนลูก นั่นวาทิน…น้องของแกไง"
แต่ความทรงจำของดวงสุดากลับมีเรื่องราวของสิน
"ชั้นกลัวแล้ว ออกไป…แอร๊ย"
พยาบาลรีบเข้ามาช่วยกันล็อกตัวมัดแขนขากับเตียงแล้วฉีดยา
วัลลภารับไม่ได้เบือนหน้าร้องไห้ซบอกดำรง
"ยัยดา"
ดวงสุดาสงบลงแล้วหลับไป วาทินกับดำรงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ วัลลภามองดวงสุดาด้วยความสงสารจับใจ
ครอบครัวของดำรงและสุนทรีย์กำลังจัดปาร์ตี้กลางผืนหญ้าเขียวขจี ท่ามกลางขุนในเวลากลางคืน ของวันใหม่
วาทินจิ้มอาหารป้อนสายป่านแล้วคุยกับลูกในท้อง วัลลภานั่งวีลแชร์ ดำรงช่วยเข็นมาเข้ามาคุยกับสุนทรีย์
ธวัชกับตะวันฉายช่วยซูซี่ปิ้งบาบีคิว คุยกันอย่างสนุกสนาน ทุกคนยิ้มแย้มดูมีความสุข
อ่านต่อหน้า 4
นางกลางไฟ ตอนที่ 24 อวสาน (ต่อ)
มุมหนึ่งในบ้าน ดวงสุดามองจ้องทุกคนนิ่ง สายฟ้าเดินเตาะแตะเข้ามาหา ดวงสุดาหันมองแล้วอุ้มขึ้นมาหน้ายังนิ่ง สายฟ้ายิ้มให้ ดวงสุดาแสยะยิ้มตอบ
กล้วยเดินหาอย่างร้อนรน ร้องเรียก เห็นดวงสุดาอุ้มสายฟ้าแล้วชะงัก
"สายฟ้า…สายฟ้าหายไปไหนเนี่ย สายฟ้า เอ่อ…คุณดาคะ ขอสายฟ้าคืนเถอะค่ะ ได้เวลากินนมแล้ว"
ดวงสุดาหวงกอดสายฟ้าไว้แน่น อุ้มกล่อมเหมือนกำลังเล่นตุ๊กตาอยู่ คล้ายอยู่ในภวังค์
"ไม่…นอนนะคนดี…เอ่เอ๊"
กล้วยกล้าๆกลัวๆ จะดึงสายฟ้าคืน
"คุณดาคะ"
ดวงสุดาไม่ยอมคืน เบี่ยงหลบ แล้วอุ้มสายฟ้าหนีไป สายฟ้าเริ่มร้องไห้โผหากล้วย
"คุณดา จะไปไหนคะ คุณดา"
ดวงสุดาชนเข้ากับนิคมเซจะล้ม กล้วยเข้ามารับสายฟ้าไว้ทัน สายฟ้าร้องไห้ลั่นตกใจ
"ว้าย! สายฟ้าไม่เป็นไรนะครับ อย่าร้องน๊า…โอ๋ๆๆ"
"คุณดาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
นิคมช่วยประคองดวงสุดา แต่เธอผวาหวีดร้องสุดเสียง
"แอร๊ย"
ดวงสุดาสะบัดวิ่งเตลิดตรงมาทางปาร์ตี้ ดำรงหน้าตื่น วัลลภาหันรถเข็นจะเข้าไปหา
"ยัยดา"
"ยัยดาเป็นอะไรไปลูก"
นิคมวิ่งตาม กล้วยอุ้มสายฟ้าตามหลังมา
"ขอโทษครับ พอดีคุณดาจะล้มผมก็เลยช่วยรับไว้ เธอคงยังผวาอยู่น่ะครับ"
ดวงสุดาเห็นนิคมแล้วถอยกรูด กวาดตามองทุกคนอย่างระแวง
"แอร๊ย อย่า…อย่า…อย่าเข้ามา…กลัวแล้ว…กลัว"
ตะวันฉายค่อยๆขยับเดินเข้าหา แล้วกอดปลอบ
"คุณดา ไม่ต้องกลัวนะคะ นั่นคุณนิคมไง"
ดวงสุดากอดตะวันฉายแน่น ตัวสั่นเป็นลูกนกไม่กล้าสบตาใคร
"นิคม…ไม่รู้จัก…กลัวๆๆ"
สุนทรีย์มองอย่างสงสาร
"คุณดาอาการยังไม่ดีขึ้นหรอคะ"
วัลลภาน้ำตาคลอ ดำรงโอบให้กำลังใจ
"บางครั้งก็เหมือนจะรู้เรื่องค่ะ แต่ก็ยังไม่หายผวาโดยเฉพาะกับ…ผู้ชาย"
"โชคดีที่ได้ตะวันกับนายวัชนี่แหละครับที่คอยดูแลใกล้ชิด ยัยดาถึงคุ้นกับทุกคนมากขึ้น"
ตะวันฉายประคอง ดวงสุดายอมลุก แต่ยังเกาะแขนแน่น มองนิคมอย่างระแวง
"ใจเย็นๆค่ะ ไม่มีใครทำร้ายคุณหรอก เราไปนั่งตรงโน้นกันดีไหมคะ"
ดวงสุดาดูสงบลง สายป่านกับวาทินหันไปขยิบตา ซูซี่ส่งสัญญาณมือว่าโอเคแล้วเดินไป
วาทินกระแอม
"ถ้าเหตุการณ์ทุกอย่างเข้าสู่ปกติแล้ว ผมขอคืนช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับคุณป้า เอ๊ย คุณแม่ยายของผม ด้วยการตัดเค้กฉลองวันเกิดครับ"
ซูซี่ถือเค้กก้อนใหญ่ปักเทียนสว่างไสวเข้ามาวางกลางโต๊ะ เป็นต้นเสียงร้องเพลง Happy birthday
สุนทรีย์ยิ้มปลื้มใจ ทุกคนขยับเข้ามาช่วยกันร้องอวยพรจนจบ
"ผมขอเป็นตัวแทนทุกคนอวยพรให้แม่มีความสุข สุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะครับ"
ธวัช ตะวัน สายป่าน วาทินเข้าไปรุมกอดสุนทรีย์ ซูซี่ได้โอกาสรีบตามเข้าไปกอดข้างหลังวาทินอีกที
"ซูซี่ก็ขอให้คุณป้ามีความสุขสุดๆไปเลยนะคะ"
ซูซี่ทำหน้าเคลิ้ม วาทินสะดุ้งเฮือกรีบกระโดดหนี
"เย้ย…ตกลงจะอวยให้แม่ยายผม หรือให้ตัวเองกันแน่ครับพี่ซูซี่"
ซูซี่ค้อน ทุกคนหัวเราะสนุก ดวงสุดากับกล้วยพลอยหัวเราะไปด้วย กล้วยแอบเหล่มองอย่างกลัว
ซูซี่ค้อน ทุกคนหัวเราะสนุก ดวงสุดากับกล้วยพลอยหัวเราะไปด้วย กล้วยแอบเหล่มองอย่างกลัว
"ขอบใจลูกๆทุกคนมากจ้ะ แม่ก็ขอให้ต่อไปทุกคนมีแต่ความสุขเช่นกันนะจ๊ะ"
สุนทรีย์เป่าเทียนดับแล้วตัดเค้กแบ่ง ธวัชหยิบจานเค้กมาให้ดวงสุดา
"คุณดา นี่เค้กของโปรดของคุณไง น่าทานไหมครับ"
ธวัชยิ้มให้ ดวงสุดายังกลัว ตะวันรับมาช่วยป้อนให้
"มาค่ะ ชั้นป้อนให้นะ"
ดวงสุดาคว้าจานจากตะวันตักเค้กใส่ปากกินอย่างอร่อยจนสำลัก
"อุ๊ย ค่อยๆทานค่ะคุณดา"
"ท่าทางจะอร่อยถูกใจ เอาไว้คราวหน้าผมจะซื้อไปฝาก เป็นการไถ่โทษที่เมื่อกี๊ทำ
ให้คุณดาตกใจนะครับ" นิคมบอก
ดวงสุดาไม่สนตักเค้กกินจนเลอะเทอะ วาทินกับสายป่านนั่งอยู่ใกล้ๆอดเศร้าใจไม่ได้
"ชั้นอยากให้พี่ดาหายไวๆจังเลยค่ะ" สายป่านบอก
"ผมก็เหมือนกัน อยากให้พี่ดาคนเดิมมาอยู่กับเราตอนนี้ ได้รับรู้ว่าครอบครัวของเรามีความสุขแค่ไหน"
ตะวันฉายเช็ดปากให้อย่างไม่รังเกียจ ทุกคนมองด้วยความซึ้งใจ ดวงสุดามองจ้องตะวันฉายนิ่ง น้ำตาไหลออกมาเหมือนจะรับรู้
"ขอบใจนะ"
ทุกคนชะงักหันมองมาที่ดวงสุดาเป็นตาเดียว สายป่านถามย้ำ
"พี่ดา เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะคะ"
ดวงสุดาไม่ตอบตักขนมกิน วัลลภากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
"ชั้นผิดเองค่ะที่ไม่ดูแลอบรมสั่งสอนยัยดาให้ดี มัวคิดแต่เรื่องอิจฉาริษยา ไม่เคยห้ามปรามลูก มีแต่ให้ท้ายจนยัยดาต้องจมอยู่กับการแย่งชิง"
ดำรงโอบวัลลภาปลอบ
"ต้องโทษผมด้วยที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี กว่าจะกลับตัวได้ ก็เกือบจะเสียลูกเมียไปซะแล้ว"
ผ้าคลุมขาของวัลลภาหล่น ตะวันฉายเข้ามาช่วยหยิบและคลุมให้อย่างไม่ถือทิฐิ
"ชั้นขอโทษนะตะวัน สำหรับเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา"
"ไม่ต้องขอโทษตะวันหรอกค่ะคุณน้า เพราะตะวันเองก็ทำเรื่องร้ายๆเอาไว้มาก"
วาทินก้มเอาหูแนบท้องสายป่านฟังเสียงลูก ทั้งคู่ดูสวีตหวาน
"เราทุกคนต่างจมอยู่กับการแย่งชิง และการแก้แค้น ปล่อยให้ใจร้อนลุ่มเหมือนตกอยู่กลางกองไฟ "
ดวงสุดาเหลือบมองทุกคนนิ่ง แสยะยิ้มมุมปากมีแววอาฆาต แต่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น
ซูซี่ถือแก้วน้ำผลไม้เข้ามายิ้มหวานยื่นให้ ดวงสุดามองลังเล ค่อยๆยื่นมือรับแล้วยิ้มให้
"เราต่างทุกข์ทรมานกับผลกรรมของตัวเองมามากเกินพอแล้วละค่ะ ต่อจากนี้ไป เราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันอย่างมีความสุขเสียทีนะคะ"
วัลลภาจับมือตะวันฉายอย่างขอบคุณ สุนทรีย์กับดำรงมองตะวันฉายอย่างซึ้งใจ ซูซี่ช่วยประคองดวงสุดา ธวัชส่งสายฟ้าให้ ดวงสุดาอุ้มไว้แล้วกอดด้วยความรัก นิคมเป็นตากล้องช่วยเก็บภาพทุกคน
ทุกคนแล้วยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์...