xs
xsm
sm
md
lg

คุณสามี (กำมะลอ) ที่รัก ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 8

ชุติภาประคองมิ้นท์มานอนที่เตียง

“ปวดหัวจังเลยค่ะคุณย่า มิ้นท์ปวดหัว”
ชุติภานั่งบนเตียงข้างมิ้นท์วางมือบนหน้าผาก
“ไข้ก็ไม่มี”
“ปวดขนาดนี้ไมเกรนขึ้นแน่ๆ” มิ้นท์กอดเอวชุติภา “คุณย่าอยู่เป็นเพื่อนมิ้นท์นะคะ มิ้นท์ปวดหัว”
มิ้นท์ทำเนียนแบบปวดหัวมากจะอ้วก
“ย่าว่าแกกินยาดีกว่านะ เดี๋ยวย่าไปเอายามาให้ แกเอายาไว้ไหน”
“ข้างล่างค่ะ”
ชุติภาเดินออกไป มิ้นท์เด้งตัวขึ้นมาหยิบมือถือออกมาจากกางเกงกดโทรออกทันที

ฤชวีเข้ามาที่ห้องจัดเลี้ยงดูพนักงานกำลังลงดอกไม้ประดับในงาน มือถือดัง ฤชวีกดรับ
“ว่าไงมิ้นท์ หา มิ้นท์ดึงคุณย่าไว้ก่อนนะสักสองวัน”
“สองวันเลยเหรอพี่ ถ้าคุณย่าจับได้นี่ตายเลยนะ”
“ช่วยพี่หน่อยนะ”
มิ้นท์ยังไม่ทันตอบ เสียงประตูกำลังจะเปิด มิ้นท์รีบซ่อนโทรศัพท์ใต้ผ้าห่ม
“โอเค”
ชุติภาเข้ามาพร้อมกับยาแล้วก็แก้วน้ำ
“โอเคอะไร หายแล้วเหรอ”
ฤชวีได้ยินฟังลุ้นๆ
“โอ้ยค่ะ โอ้ย ปวดเหลือเกินค่ะคุณย่า คุณย่ามิ้นท์ปวดหัวอยู่กับมิ้นท์สักสองวันนะคะคุณย่า มิ้นท์ปวดหัว”
“จ๊ะๆ ๆ กินยานะ” ชุติภาเอายาให้ มิ้นท์จำต้องรับมากิน ชุติภาโอบมิ้นท์มากอด “ดีขึ้นไหมลูก”
มิ้นท์อึ้งนิดมองชุติภาที่ดูอ่อนโยนแล้วซุกอกอย่างอ้อนๆ
“ค่ะ”
ฤชวียิ้มอย่างพอใจแล้วกดวางสาย ผู้จัดการเข้ามาหาฤชวี
“คุณต้น ดอกไม้จัดแบบนี้ใช้ได้ไหมครับ”
ฤชวีมองดอกไม้ที่ถูกจัดตกแต่งตามมุมดูธรรมดาทั่วไป
“มันธรรมดาไปนิด เอาแบบนี้ดีกว่า”
ฤชวีลงมือรื้อแล้วจัดดอกไม้เอง

พิมภายังคงกดโทรศัพท์หาฤชวี แต่ยังติดต่อไม่ได้
“คุณต้นหายไปไหนนะ นี่มันเป็นวันแล้วนะ จะโกรธอะไรนักหนาเนี่ย”
พิมภามองไปทางห้องจัดเลี้ยงเห็นพนักงานยังเดินเข้าออก พิมภาเดินไปที่หน้าห้องยืนมองอย่างสนใจแล้วชะงักเมื่อเห็นฤชวีกำลังจัดดอกไม้ในงานด้วยตัวเอง พิมภาอึ้ง ภัทรพลเข้ามาด้านหลัง
“เห็นมั้ยว่าเจ้าของที่นี่เขาทุ่มเทขนาดไหน”
“เจ้าของที่นี่เหรอ คุณต้นน่ะนะ”
“ใช่ แล้วงบประมาณบริษัทแกน่ะมันน้อย คุณต้นชักเนื้อตัวเองจ่ายแทนแก แล้วก็มาดูแลงานให้แกตั้งแต่เมื่อคืน นี่ไงคนที่แกบอกว่าไม่รับผิดชอบทอดทิ้งแกน่ะ” พิมภาอึ้งหนักรู้สึกผิดเต็มๆ “ว่าไง รู้สึกผิดล่ะสิ”
แม้จะรู้สึกผิดแต่พิมภาก็ยังเถียง
“ทำไมต้องรู้สึกผิด นี่เขาทำเพื่อธุรกิจตัวเอง มาจัดงานก็ได้เงิน”
“ไอ้พิม”
“ง่วงแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
พิมภาชิ่งไปเลย ภัทรพลมองตามอย่างเซ็งๆ ภัทรพลเดินเข้าไปหาฤชวี
“คุณต้น ผมช่วย...”
ฤชวีมองอย่างขอบคุณ

พิมภาเดินเข้ามาในห้อง นึกถึงตอนที่ฤชวีลงมือจัดดอกไม้ทำทุกอย่างให้แล้วยิ้มออกมา
“คุณนี่มันเป็นคนยังไงกันแน่นะคุณต้น”
พิมภาหน้าตาปลื้ม ประทับใจมาก

วันต่อมาพิมภาลงมาที่ห้องจัดเลี้ยงแต่เช้า ภายในห้องจัดเลี้ยงถูกจัดสถานที่ไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้จัดการเดินสวนออกมา
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะครับ”
“แล้วคุณต้นล่ะ” ผู้จัดการอึกอัก “ฉันรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่”
“คุณต้น จัดดอกไม้ถึงหกโมงเช้าแล้วก็นั่งพักอยู่ตรงโน้นครับ” พิมภามองไปเห็นว่าฤชวีนั่งหลับอยู่ข้างเวที “ให้ผมไปปลุกให้ไหมครับ”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันปลุกเขาเอง”
ผู้จัดการออกไป ในห้องจัดเลี้ยงเหลือแค่พิมภากับฤชวี พิมภาไปนั่งตรงหน้าฤชวีที่นั่งหลับ พิมภามองฤชวียิ้มๆ เอ็นดู
“เหนื่อยล่ะสิ”
“ครับ” ฤชวีตอบทั้งที่ยังหลับตา พิมภาถึงกับชะงัก

“นี่คุณไม่ได้หลับเหรอ” ฤชวีลืมตาขึ้นมา

“คุณเสียงดังเข้ามาขนาดนี้ใครไม่ได้ยินก็หูตึงแล้วล่ะครับ คุณตามหาผมมีอะไรอยากพูดกับผมหรือเปล่า”

ฤชวีมองพิมภาว่าจะสำนึกมั้ย
“ฉัน”
ฤชวีมองว่ายังไง พิมภาอึกอักยังไม่ทันตอบ
“โอ้โห ตกแต่งสวยเชียว”
พิมภาลุกขึ้นเห็นนันทิกานต์นำสุกัญญา ลัลนา ซูซี่เข้ามา พิมภารีบเข้าไปหาสุกัญญา
“สวัสดีค่ะคุณสุ”
“นี่เสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ก็ตั้งบู๊ธสินค้า ก็เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ฤชวีลุกขึ้นเดินจะปลีกตัวออกไปเงียบๆ แต่ไม่รอดพ้นสายตาซูซี่กับลัลนา ฤชวีเดินไปที่ประตูเจอกับภัทรพลที่เดินเข้ามา ภัทรพลจะเข้าไปหาลัลนาแต่ฤชวีดึงภัทรพลมองว่าให้ออกไปด้วยกัน ลัลนามองตามอย่างหมายมาด สุกัญญาเดินดูการตกแต่งไปเงียบๆ พิมภาหันมาเจอลัลนา
“ไม่เลวนะ ดิบๆ บ้านๆ สไตล์เธอดี” ลัลนาเอ่ยชม
“ก็ดีกว่าพวกไม่มีสไตล์ ตามกระแสต่างชาติไปวันๆ อย่างเธอไง”
“หึ รสนิยมมันวัดชัยชนะกันไม่ได้หรอก มันต้องวัดกันที่ยอดสั่งซื้อ”
“ทำใจไว้บ้างนะ แพ้บ่อยๆ เดี๋ยวจะเครียดจนหน้าเหี่ยว”
“หัวเราะทีหลังมักจะดังกว่านะ”
“อย่าร้องไห้ให้เห็นก็แล้วกัน”
“งั้นมาแข่งกัน ถ้าครั้งนี้ยอดสั่งซื้อของฉันชนะเธอล่ะก็เธอต้องลาออกจากบริษัท กล้ามั้ย”
นันทิกานต์กับซูซี่ตกใจ
“แล้วถ้าฉันชนะ” พิมภาถาม
“ฉันก็จะทำเหมือนกัน”
“งั้นตกลง”
“ไอ้พิม”
“น้องลัล พี่ว่า”
พิมภากับลับลนาไม่สนใจนันทิกานต์กับซูซี่ ทั้งคู่ตอบออกมาพร้อมกันว่า
“ตามนั้น”
ลัลนากับพิมภาต่างคนต่างจ้องอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร
คัทเอ้าท์ของแป้งวิงค์ถูกจัดวาง นันทิกานต์ เดีย ฤทธิ์ช่วยกันวางสินค้าแป้งวิงค์จัดบูธเหมือนตู้ดิสเพลย์โทนสะอาดตา เก๋ๆ ข้างๆ เป็นโต๊ะที่จะมีพนักงานคอยดูแลลูกค้าในการทดลองสินค้าหันหน้าเข้าหาเวที
“วิงค์ ใกล้แค่ไหนก็ไม่หวั่น พิม แกมั่นใจใช่มั้ยว่าชนะแน่”
นันทิกานต์มองไปอีกฝั่ง พิมภามองตาม
ที่บูธของลิปสติก longtime กำลังจัดอยู่ แต่โทนของบูธจะเป็นแนวเซ็กซี่ ร้อนแรง ลัลนากำลังยืนคุม ซูซี่ จุ๋มจิ๋ม ลิลลี่ให้จัดดิสเพลย์สินค้าอย่างขยันขันแข็ง ลัลนามีจังหวะหันมาสบตากับพิมภา ต่างคนต่างเชิดมั่นใจว่าไม่มีใครแพ้ใคร
“ไอ้พิม ฉันว่ายกเลิกข้อตกลงบ้าๆ นั่นเถอะ”
“คนอย่างพิมภา”
“เดินหน้าแล้วไม่เคยถอยหลัง ฉันรู้ แต่แกรู้มั้ยว่าความมั่นใจกับประมาทมันห่างกันแค่เส้นบางๆ นิดเดียว ถ้าเกิดมันพลาด เท่ากับแกทิ้งอนาคตแกเพราะอารมณ์ชั่ววูบเลยนะ”
“แกไม่ต้องกังวล ไม่ว่ายัยลัลจะมาไม้ไหนฉันก็รับได้หมด”
“พิม ฉันห่วงแกนะ”
“ถ้าแกไม่อยากให้ฉันต้องลาออกก็รีบช่วยกันจัดบูธให้สวยจนลูกค้าประทับใจ จะได้มียอดซื้อเยอะๆ ไง”
“เออ จริง”
นันทิกานต์ขยับทำงานอย่างขยันขันแข็ง พิมภาเข้าไปช่วยจัดมองเพื่อนยิ้มๆ

ภัทรพลเดินเข้าอีกมุมหนึ่งด้วยสีหน้าเซ็งๆ ฤชวีตามเข้ามา
“ดึงผมออกมาทำไมเนี่ย ผมจะเข้าไปหาคุณลัลสักหน่อย”
“คุณชอบคุณลัลนาจริงๆ เหรอครับ”
“จริงสิครับ ขาวสวย ตาบิ๊กอาย อก เอ่อ ไซส์บิ๊กบึ้ม มันโดนใจ”
ฤชวีมองภัทรพลอย่างวิเคราะห์
“อย่างคุณภัทรจะชอบผู้หญิงสักคน น่าจะมีเหตุผลอย่างอื่นเพิ่มด้วย” ฤชวียิ้มมั่นใจ “ผมพูดถูกไหม”
“ก่อนที่คุณจะวิเคราะห์แยกชิ้นส่วนผม ขอส่งความรักสักนิดก่อนนะครับ”

ภัทรพลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดส่งแอปพลิเคชัน

ลัลนาเข้าจัดบูธ ชี้ๆ ซีเรียสมาก ซูซี่ที่ทำงานหัวยุ่งหันมา

“น้องลัลคะ แน่ใจเหรอคะว่าเราจะชนะ”
“ห้าสิบ ห้าสิบค่ะ”
“อ้าว แล้วถ้าน้องลัลแพ้ล่ะคะ”
“อย่าลืมไม้เด็ดของเราสิคะ” ลัลนายิ้มร้ายๆ ซูซี่ถึงบางอ้อ
“น้องลัลนี่ ฉลาดเป๊ะเวอร์มากค่ะ”
ลัลนายิ้ม ที่เสียงโทรศัพท์ว่ามีข้อความจากแอปฯ ลัลนากดอ่าน
“คิดถึงนะครับ...จาก ผู้ชายที่ไม่ได้ดีพร้อม แต่เป็นคนที่พร้อมจะดี”
ลัลนามองที่โทรศัพท์ยิ้มร้าย คิดแผน
“พี่ซูซี่จัดการดูแลแทนลัลเรื่องจัดบูธให้เรียบร้อยนะคะ เดี๋ยวลัลมา”
“น้องลัลจะไปไหนคะ”
ลัลนาหันมาถอนใจใส่มองประมาณว่าไม่รู้สักเรื่องได้มั้ย ซูซี่รู้ว่าแส่ไปแล้วรีบแบ๊วใส่
“โอ๊ะ เคค่ะ ทำงาน” ซูซี่หันไปทำงาน
ลัลนามองพิมภายิ้มร้ายแล้วเดินออกไป

ภัทรพลเงยหน้ามองฤชวีที่มองตัวเองยิ้มๆ อย่างรู้ทัน
“คุณชอบคนที่ต่อกรกับคุณพิมได้ แสดงว่าต้องเก่งพอตัว”
“ต้องเรียกว่าร้ายพอตัวมากกว่า”
“ชอบยากๆ ท้าทายใช่มั้ยครับ”
ภัทรพลหัวเราะถูกใจ
“ก็ง่ายๆ มันดูไม่มีค่าน่ะนะ”
“แต่ก็ใช่ว่ายากๆ แล้วจะมีค่าทุกคนนี่ครับ”
“ยาวๆ น่ะคุณ การเจียระไนมันต้องใช้เวลา” ภัทรพลเห็นลัลนากำลังเดินมา “คุณลัลมา” ฤชวีตกใจรีบขยับไปหลบแต่ไม่ห่างนัก พอได้ยินการสนทนาได้ “คุณลัลครับ”
ลัลนาเห็นภัทรพลก็รีบเข้ามา
“ลัลรู้ว่าคุณภัทรมาก็เลยมาตามหา” ลัลนาบอกเสียงหวาน
“มิน่าผมรู้สึกว่ามีสัญญาณบางอย่างมันอยู่แถวนี้”
“สัญญาณอะไรคะ”
“สัญญาณรักน่ะครับ” ลัลนาอึ้งทำหน้าไม่ถูก “แล้วคุณลัลตามหาผมเรื่องอะไรครับ”
“เรื่องยัยพิมน่ะค่ะ จริงหรือเปล่าคะที่ยัยพิมแต่งงานแล้วเงียบๆ” ฤชวีสะดุ้ง ภัทรพลมองลัลนาอย่างชั่งใจ “ถ้าทุกคนรู้เรื่องนี้จะต้องดีใจแน่ๆ ที่ได้เห็นพิมมีความสุขสักที”
ฤชวีไม่สบายใจออกไปจะไปเตือนพิมภาว่าลัลนารู้เรื่องแล้ว ภัทรพลมองลัลนาอย่างรู้ทันแต่ไม่แสดงออก
“คุณลัลนี่ดีกับพิมมันจริงๆ นะครับ”
“เพื่อนกันนี่คะ ลัลอยากจะเซอร์ไพรส์พิมจัง อยากให้คุณภัทรช่วย”
ภัทรพลมองลัลนาที่ยิ้มหวานอย่างลังเล

พิมภาจะขยับสินค้าแล้วรู้สึกขนลุก
“แกเป็นอะไร” นันทิกานต์ถาม
“รู้สึกแปลกๆ มันขนลุก”
ผู้จัดการเข้ามา
“คุณพิมครับ ผมเตรียมเครื่องดื่มกับอาหารกลางวันไว้ด้านหน้า”
“อาหารกลางวันเหรอคะ แต่ฉันไม่ได้...”
“เป็นอภินันทนาการจากคุณตะ...เอ่อ ทางรีสอร์ทน่ะครับ”
พิมภารู้ว่าฤชวีจัดการให้จึงยิ้มออกมา
“ขอบคุณค่ะ”
“ใช้งบน้อยมีข้าวแถมด้วย เจ้าของรีสอร์ทเป็นใครนะอยากเห็นหน้า” พิมภายิ้มปลื้มๆ ภูมิใจ “พิม ทำไมแกต้องยิ้มแบบนั้นด้วย”
“ยิ้มแบบไหน”
“ก็แบบภูมิใจอย่างกับแกเป็นเจ้าของรีสอร์ทซะเองงั้นแหล่ะ”
“บ้า นี่ยิ้มธรรมชาติ เป็นปกติมาก” พิมพาบอกแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ทุกคนเบรกทานอาหารกลางวันค่ะ ด้านนอกนะคะ”
พวกซูซี่และพนักงานต่างพากันเดินออกไปด้านนอก

ซูซี่กำลังตักอาหาร ลัลนาเดินกลับเข้ามา
“น้องลัล เป็นยังไงบ้างคะ”
ลัลนามองไปทางพิมภาแล้วยิ้มร้ายๆ ซูซี่มองแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ พิมภา เดีย ฤทธิ์ นันทิกานต์มานั่งเป็นกลุ่มกินข้าว

“แนน ทุกอย่างคอนเฟิร์มเรียบร้อยใช่มั้ย”

อ่านต่อเวลา 17.00น.

“ของคู่ค้ากับลูกค้าวีไอพีเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แล้วศิลปินล่ะ”
“คอนเฟิร์มแล้วจะมาถึงสักบ่ายสามค่ะ”
พิมภากินๆ แล้วคิดเพลินจนติดคอ
“อุ๊บ น้ำ น้ำ”
นันทิกานต์  เดีย  ฤทธิ์ตกใจจะลุกไปหยิบน้ำ แต่มีมือยื่นแก้วน้ำให้พิมภาก่อน พวกนันทิกานต์เห็นแล้วชะงักอึ้ง   พิมภารับมาดื่มพอหายติดคอมองพวกนันทิกานต์ที่ทำหน้าเหวอก็งงว่าเหวออะไรกัน  พิมภาหันมองตามจึงเห็นตรีวิญยืนยิ้มอย่างหล่อ
“เหนื่อยมั้ยครับ”  
ซูซี่เห็นรีบสะกิดให้ลัลนาดู  
“น้องลัลคะ ดูโน่นสิคะ”
ลัลนาหันมองจึงเห็นตรีวิญนั่งลงข้างพิมภา
“มาถึงนานหรือยังคะ”
“เพิ่งถึงน่ะครับ  ผมหิวมากเลย  ขอร่วมวงด้วยนะครับ”
“ฤทธิ์ จัดข้าวมาให้คุณตรีวิญสิ”  นันทิกานต์บอกฤทธิ์ ฤทธิ์รีบลุกไปตักอาหารให้ตรีวิญ
“ที่นี่อากาศดีนะครับ  เป็นธรรมชาติ มองไปทางไหนก็...” ตรีวิญมองหน้าพิมภาแล้วพูดต่อ “สวย”
พิมภาหันมาเห็นสายตาตรีวิญก็ชะงักไป  นันทิกานต์  เดียมองจับสังเกต ฤทธิ์กลับเข้ามาพร้อมกับจานอาหารให้ตรีวิญ
“ดูน่าอร่อยนะครับ”
“ค่ะ” พิมภาเห็นทุกคนมอง “รีบทานสิ จะได้ไปทำงานต่อให้เสร็จ”
นันทิกานต์  เดีย  ฤทธิ์สะดุ้งรีบชวนกันกินๆ แต่สายตามองทางตรีวิญกับพิมภาตลอด พิมภายิ้ม ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน
“คุณตรีวิญท่าจะเอาจริงนะคะน้องพิมยิ้มไม่หุบเลย” ซูซี่กระซิบกับลัลนา
“ยัยพิมจะยิ้มก็ได้แค่ตอนนี้เท่านั้น”
 
ฤชวีเดินจะเข้าไปที่ห้องจัดเลี้ยง  ภัทรพลตามมาติด ๆ
“คุณจะไปไหน”
“ผมจะไปเตือนคุณพิมว่าคุณลัลรู้เรื่องแล้ว”
ฤชวีรีบเดินมาที่ห้องจัดเลี้ยงแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักจนภัทรพลเบรกแทบไม่ทัน  ภัทรพลมองฤชวีว่าหยุดทำไม   แต่พอมองตามสายตาฤชวีก็เข้าใจเมื่อเห็นตรีวิญกับพิมภานั่งทานข้าวด้วยกัน  พิมภาดูยิ้มปลื้ม  ฤชวียืนนิ่ง  
“ผู้ชายที่นั่งข้างไอ้พิมเป็นใคร” ภัทรพลถามขึ้นมา
“คุณตรีวิญ  หัวหน้าคุณพิม”   
ฤชวีหึง หันหลังเดินกลับออกไปทันที ภัทรพลมองตามฤชวีแล้วหันมองพิมภากับตรีวิญ    ภัทรพลมอง  ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์โทรหานันทิกานต์ นันทิกานต์ที่นั่งอยู่ในวงกดรับสาย
“แนน  ออกมาหาพี่หน่อย  พี่อยู่ซ้ายมือแก”
นันทิกานต์หันมองเห็นภัทรพล ก็รีบออกไปหาภัทรพล
 
นันทิกานต์เดินตามภัทรพลออกมาแล้วยิ้มหน้าเป็นโดยไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง
“มีอะไรพี่ภัทร  เสียงเครียดเชียว”
ภัทรพลเครียดทั้งหน้าทั้งเสียง
“ที่บริษัทไม่มีใครรู้เหรอว่ายัยพิมแต่งงานแล้ว” 
คำถามนี้ทำให้นันทิกานต์ชะงักอึ้งไป
“เอ่อ...อ่า...”
“ตอบมาว่ามีใครรู้มั้ย”
“ไม่มีจ้ะ” นันทิกานต์จำต้องตอบ
“แล้วคนที่ชื่อตรีวิญกับยัยพิมน่ะ  เป็นแค่เจ้านายกับลูกน้อง หรือว่ามากกว่านั้น”  
นันทิกานต์ตกใจหน้าเสีย
“คือ เอ่อ”
“ถ้าแกติดอ่างอีกคำ  พี่จะโทรให้แม่พี่ถามแกแทนนะ”
“อย่านะพี่ภัทร  คือ คุณตรีวิญน่ะสนใจไอ้พิม  แต่ไอ้พิมน่ะแนนไม่แน่ใจ”
“ปล่อยแบบนี้ไม่ได้แล้ว”
 
อีกด้านหนึ่งที่คอนโดเอกพล ปราสินีนอนเพลียหมดแรงเพราะเวียนหัวอยู่ที่โซฟา เอกพลแต่งตัวหล่อเดินออกมาจากห้องพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้า เอกพลมองปราสินีที่ดูเปลี้ยๆ อย่างรำคาญตา
“เป็นอะไร”
“ปลาไม่สบายน่ะค่ะ  พี่เอกอยู่เป็นเพื่อนปลานะคะ”
“พี่ต้องไปทำงาน  ไม่สบายก็ไปหาหมอซะ”
“พี่เอก วันนี้พี่ดูเนี้ยบผิดปกตินะคะ” เอกพลชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ
“ไปทำงานก็ต้องให้มันดูดีสิ  อย่ามาจับผิดนะพี่ไม่ชอบ” เอกพลเดินออกไป ปราสินีมองอย่างสงสัยแล้วขยับลุกขึ้น

คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 8 (ต่อ)

การะเกตุขับรถมาจอดหน้าคอนโดเอกพล  เอกพลเดินออกมาพร้อมพระเป๋าเสื้อผ้า  ปราสินีตามลงมาเห็นเอกพลขึ้นรถ  พยายามมองแต่เห็นการะเกตุที่ใส่แว่นดำขับรถ  การะเกตุออกรถไป ปราสินีมองตามอย่างไม่สบายใจแล้วกดมือถือ

เสียงมือถือเอกพลดัง  เอกพลยกขึ้นมาเห็นว่าเป็นปราสินีโทรมา  เอกพลกดวาง  เสียงมือถือยังดังอีก การะเกตุหันมอง
“ทำไมไม่รับล่ะ”
“พวกตื้อทำบัตรเครดิตน่ะครับ”
เอกพลกดปิดเครื่อง  
“กว่าจะถึงคงหลายชั่วโมง”
“คุณเกตุทานอะไรมาหรือยังครับ”
“ฉันไม่ค่อยหิวข้าว” การะเกตุบอกแล้วหันมามองเอกพลอย่างยั่วๆ “แต่ถ้ามีอะไร น่าสนใจ ฉันอาจจะอยาก...กินก็ได้”
 เอกพลมองการะเกตุอย่างเข้าใจ
“แต่เราจะไปถึงช้าน่ะสิครับ”
“ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น”
“ถ้าอย่างนั้น ผมรู้แล้วว่าเราจะไปกินกันที่ไหนดี”
เอกพลบอกยิ้มๆ การะเกตุมองเอกพลอย่างพอใจ
ปราสินีพล่านที่เอกพลไม่ยอมารับสาย พยายามจะกดโทรซ้ำ ๆ แต่เอกพลก็ปิดเครื่องไปแล้ว  
“ปิดเครื่องเหรอ...ไปกับใครนะ”
 
ส่วนที่รีสอร์ทบูธของลัลนาและพิมภาถูกจัดเรียบร้อย
“ถ้าจัดบูธเรียบร้อยแล้ว เรามีเวลาสองชั่วโมงก่อนที่ลูกค้าจะเดินทางมาถึง” พิมภาบอกแล้วหันไปทางผู้จัดการที่รออยู่ “ผู้จัดการคะ”
ผู้จัดการนำกุญแจห้องพักมาให้  
“กุญแจห้องพักครับ”
ลัลนารับกุญแจออกไป  พิมภารับกุญแจจากผู้จัดการมาแจกให้เดียกับฤทธิ์  
“แล้วของฉันล่ะ” นีนทิกานต์ถาม
“แกมานอนกับฉัน”
“แล้วคุณต้นล่ะ”
“เขาก็ไปนอนห้องเขาสิ”
“ตั้งแต่มาถึงยังไม่เจอคุณต้นเลยเขาหายไปไหน” นันทิกานต์ถามขึ้นมาทำให้พิมภานึกได้
“นั่นสิ  แนนแกไปที่ห้องก่อน เดี๋ยวฉันตามไป”
“แน่ะอย่าบอกนะว่าพูดปุ๊บก็ห่วงปั๊บ”
“ถ้าฉันถึงห้องแกยังแต่งตัวไม่เสร็จแกโดนแน่” 
พิมภาเดินแยกไป นันทิกานต์แซวตามหลัง
“ไอ้แบบนี้มันอารมณ์เสียกลบเกลื่อนนะเพื่อน”
นันทิกานต์มองกุญแจแล้วเดินฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี    
 
พิมภาเดินมาตามทางเดิน จู่ๆ ภัทรพลก็โผล่มา
“พี่ภัทร  อยู่ๆ ก็โผล่มาตกใจหมด”
“แกเดินตามหาใคร”
“หาคุณต้นน่ะสิ”
“อ้อ อยู่ใต้ต้นไม้ทางโน้นแน่ะ” พิมภาเดินไปตามที่ภัทรพลบอก  พิมภาเดินไปเห็นฤชวีนอนปูผ้าหลับอยู่ในสวนใต้ต้นไม้ “คงน็อคทำงานทั้งคืน  ข้าวก็ไม่กิน”
“แล้วทำไมพี่ไม่เตือนเขาล่ะ”
“แล้วทำไมแกเป็นเมียแท้ๆ แกไม่ดูแล ฮะ”
“เอ่อ คือ ฉัน...” พิมภาอึ้งรีบเปลี่ยนเรื่อง “พี่ภัทรไปสั่งข้าวมาให้คุณต้นหน่อยสิ ตื่นแล้วจะได้ทานเลย”
“แล้วแกล่ะ”
“ฉันจะ...” พิมภาจะบอกว่าจะอยู่ดูเขาแต่ยังไม่ทันพูด เสียงตรีวิญก็ดังขึ้นซะก่อน
“คุณพิมครับ” พิมภากับภัทรพลหันไปมองจึงเห็นตรีวิญกำลังเดินเข้ามาหา “คือ...” ตรีวิญยื่นกุญแจคีย์การ์ให้ดู “ผมไม่รู้ว่าห้องนี้อยู่ทางไหนน่ะครับ”
“ทำไมไม่ถามพนักงานล่ะครับ  พิมมันก็แขกจะรู้อะไร” ภัทรพลบอกอย่างไม่พอใจ ตรีวิญมองว่าภัทรพลเป็นใคร  
“คุณตรีวิญคะนี่พี่ภัทร  พี่ชายของพิมค่ะ” พิมภาแนะนำ
“สวัสดีครับ” ตรีวิญยื่นมือจะจับมือ
“ผมไม่ชอบทักทายแบบฝรั่ง  ผมคนไทย” 
ตรีวิญอึ้งๆ ที่ภัทรพลดูจะไม่ชอบหน้าตัวเอง พิมภาเห็นว่าภัทรพลชักจะกวนประสาทจึงรีบตัดบท
“เดี๋ยวพิมพาคุณตรีวิญไปเองค่ะ ทางนี้ค่ะ”
พิมภาพาตรีวิญออกไป   ภัทรพลขัดใจ ภัทรพลมองไปทางฤชวีเห็นว่าฤชวีลืมตามองอยู่
“คุณต้น คุณรู้ใช่ไหมว่าไอ้หน้าขาวมันจีบไอ้พิมอยู่” ฤชวีนิ่ง  “คุณยอมให้มันมายุ่งกับยัยพิมได้ยังไง  ต้องกำราบยัยพิมซะบ้างนะคุณ”
“ผมไม่มีสิทธิ์หรอกครับ” ภัทรพลสะดุดหู
“หมายความว่ายังไงไม่มีสิทธิ์”  
ฤชวีไม่ตอบลุกขึ้น
“ผมจะไปเช็คความเรียบร้อยของงานสักหน่อย ไปก่อนนะครับ”
ฤชวีเดินหนีไปเลย 

“น้องเขยป๊อดอย่างนี้ พี่ต้องประกาศศักดาให้แล้ว”

 
 ฤชวีเดินหน้าตึงจะเข้าไปที่ห้องผู้จัดการ พิมภาเดินกลับมาจากที่ไปส่งตรีวิญที่ห้อง
 

“คุณต้น พี่ภัทรสั่งอะไรให้คุณทานหรือยัง”
“ผมหิว ผมก็จัดการเองได้” ฤชวีบอกเสียงเรียงบ ท่าทางตึงๆ พิมภามองฤชวีที่ดูหน้าตึงๆ
“นี่คุณเป็นอะไร”
ฤชวีจะไม่ตอบ จะเดินไป แต่พิมภาดึงไว้
“คุณต้น ฉันถามว่าคุณเป็นอะไร”
“ผมไม่อยากตอบ”
“เดี๋ยวจะโมโหอีกหรือไง เรื่องอะไรอีก”
“พาคุณตรีวิญไปที่ห้องแล้วใช่ไหมครับ”
“อืม...คุณรู้ได้ยังไง”
“ผมรู้เรื่องคุณทุกเรื่อง แต่คุณคงไม่เคย...”
“ไม่เคยอะไร”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ฤชวีไม่ยอมให้พิมภาดึง เดินไปเลย
“คุณต้น วัยทองหรือไงเนี่ย เหวี่ยงจั๊ง...ฉันไม่ง้อคุณหรอกนะ”
ฤชวีฟังแต่ไม่หยุดเดินไป พิมภาหัวเสีย

พิมภาเดินกลับมาที่ห้องอย่างหัวเสีย แล้วส่งเสียงถามนันทิกานต์ทั้งที่ยังไม่เห็นตัว
“ไอ้แนนแต่งตัวเสร็จหรือยัง”
นันทิกานต์เสียงดังวิ่งมาจากระเบียง มือปิดตรงส่วนไมค์ของโทรศัพท์มือถือ นันทิกานต์พยายามจะพูดเสียงเบาไม่ให้ลอดเข้าไปในโทรศัพท์
“ไอ้พิม แย่แล้ว”
“อย่าบอกนะว่ามีเรื่อง”
“ก็คุณวรุฒเซเลบฯที่จะเชิญมาขึ้นเวทีคู่กับคุณตรีวิญน่ะสิ ฉันเห็นว่ามันผิดเวลาก็เลยโทรไปถามเขาว่าอยู่ที่ไหน”
“แล้วเขาอยู่ที่ไหน”
นันทิกานต์ชี้ที่มือถือในมือว่าเขายังอยู่ในสาย
“นครศรีธรรมราช” พิมภาตกใจ
“แต่เราจัดที่เพชรบูรณ์นะ ไปโน่นได้ไง”
นันทิกานต์พยายามไม่ให้เสียงรอดไปในโทรศัพท์
“เขารอสายอยู่จะเอายังไง”
“แกขอโทษเขานะ ว่าคราวหน้าคงมีโอกาสร่วมงานกัน “
นันทิกานต์ยกนิ้วโอเค แล้วเดินไปที่คุยที่ระเบียง พิมภาหน้าเครียด นันทิกานต์เดินกลับมา
“คุณวรุฒน์บอกว่าแผนที่ๆ ส่งไปมันเป็นที่นครศรีธรรมราชน่ะสิ พลาดได้ยังไง”
“ไม่ใช่พลาดหรอก ฉันว่างานนี้มีคนแกล้งเรา”
“ยัยลัลน่ะเหรอ”
“โอ้ย อีกไม่กี่ชั่วโมงจะเริ่มงานจะไปหาเซเลบฯที่ไหนมา” พิมภาถึงกับเครียด
“ตัดช่วงนี้ออกไปมั้ย”
“ไม่ได้งานนี้จัดเพื่อคุณตรีวิญ ถ้าตัดไป คุณสุจะต้องไม่พอใจแน่ๆ”
“แล้วจะไปหาใครมาแทนตอนนี้” มือถือนันทิกานต์ดัง นันทิกานต์กดรับ “ว่าไงเดีย ลูกค้าเริ่มมาแล้วเหรอ เดี๋ยวพี่จะรีบไปกันเดี๋ยวนี้”
พิมภากับนันทิกานต์ต้องรีบแต่งตัวด่วน

ฤชวีมาคอยดูแลความเรียบร้อยอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยง โดยคอยสั่งการให้ผู้จัดการคุมพนักงานในการจัดวางอาหาร บริการเครื่องดื่ม ภัทรพลมายืนสังเกตการณ์หยิบเครื่องดื่มเดินเข้ามาข้างฤชวี
“พวกที่มางานเป็นใครกันบ้างล่ะคุณต้น”
“เห็นคุณพิมว่ามีคู่ค้า คือกลุ่มร้านค้าที่นารีนำสินค้าไปลงช็อปกับกลุ่มลูกค้าวีไอพีที่มียอดสั่งซื้อเกินแสนต่อปีขึ้นไปน่ะครับ”
“มิน่าถึงลงทุนจัดงานขนาดนี้”
ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาในงาน มีพนักงานมาคอยเดินเสิร์ฟเครื่องดื่ม การะเกตุเดินพาเอกพลเข้ามาในงาน ภัทรพลหันไปเห็นพอดี
“ไอ้เอกพล มันมางานนี้ได้ยังไง”
ฤชวีมองเอกพลที่เดินเคียงคู่กับการะเกตุ สุกัญญากำลังทักทายแขกในงานหันมาเห็นการะเกตุแล้วชะงักที่เห็นเอกพล
“สวัสดีครับคุณสุ”
สุกัญญาเห็นว่ามากับการะเกตุก็เก็บอาการยิ้มให้
“สวัสดีค่ะคุณการะเกตุ”
“งานน่าสนใจดีนะคะ”
“วันนี้เราจะเปิดตัวสินค้าใหม่ของนารี คุณการะเกตุเชิญทดลองสินค้าสิคะ”
“มาตรฐานของสินค้านารี ไม่แพ้แบรนด์ระดับท็อปของต่างประเทศเลยนะครับ จริงมั้ยครับคุณสุ” เอกพลมอง อย่างสะใจประมาณว่าวันนี้สุกัญญาต้องเกรงใจตัวเอง สุกัญญาไม่พอใจแต่ต้องยิ้มรับฝืนๆ

“ตามสบายนะคะ”
 
 

 
การะเกตุยิ้มแล้วเดินไปที่บูธลิปสติก longtime เอกพลเห็นกลุ่มลัลนาก็แยกตัวไม่ตามเข้าไป สุกัญญามองเอกพลอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
 

ตรีวิญเดินเข้ามา สุกัญญาพาตรีวิญไปแนะนำกับคู่ค้า สุกัญญามองนาฬิกาข้อมือแล้วหันมาพยักหน้าให้ซูซี่มาหา ซูซี่เดินเข้ามา
“ซูซี่ ลัลกับพิมล่ะ”
“คือ สองคนนั้นเขา...มาโน่นแล้วค่ะ”
สุกัญญาหันมอง ทุกคนในงานก็หันมองเพราะเสียงฮือฮาจากหน้าประตู
ที่หน้าประตู ลัลนากับพิมภาในชุดสวยขนาดกินกันไม่ลงเดินตู่กันเข้ามา ฤชวี ตรีวิญมองพิมภาตะลึงกับความสวยจัดเต็ม ภัทรพลมองลัลนาอย่างถูกใจ พิมภาเห็นฤชวีมองก็เชิดงอนใส่เดินไปที่บูธตัวเอง ฤชวีเซ็งแต่ก็งอนเหมือนกัน
เอกพลที่อยู่กับการะเกตุเห็นพิมภายิ่งเสียดายจึงมองเธอ ประมาณว่าจะต้องเอาคืนมาให้ได้
“สองคนนั้นเป็นใคร เดินเปิดตัวอย่างกับเจ้าของบริษัท” การะเกตุถามเอกพล
“แบรนด์เมเนเจอร์ของนารีครับ”
การะเกตุไม่ถูกชะตา เพราะสองสาวสวยกว่าจึงพาลหมั่นไส้
“ทำตัวโดดเด่น เรียกร้องความสนใจ”
การะเกตุมองความโดดเด่นของพิมภากับลัลนาอย่างหมั่นไส้
พิมภาเดินเข้ามาที่บูธเห็นว่ามีลูกค้ากับคู่ค้าอยู่ที่บูธมากกว่าบูธของลัลนาเกือบครึ่งนึง คุณจี๋ คู่ค้าเข้ามาหาพิมภา พิมภายิ้มแย้มต้อนรับ
“สวัสดีค่ะ คุณจี๋ แป้งวิงค์ตัวนี้เจาะกลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน ถ้านำไปลงช็อปที่ภาคเหนือของคุณจี๋รับรองว่าต้องฮอตแน่ๆ”
“สินค้าคุณพิมรับผิดชอบไม่เคยทำให้จี๋ผิดหวังอยู่แล้ว ปีที่แล้วจี๋สั่งไปเท่าไหร่ก็ขายหมดจนต้องสั่งมาตุนไว้”
“ยินดีค่ะที่สินค้าของนารีทำให้คุณจี๋พอใจ”
ลูกค้าหลายคนเข้ามาหาพิมภาทักทายอย่างสนิทสนม
ทางด้านบู๊ทลัลนา ลัลนาก็ต้อนรับลูกค้ากับคู่ค้าอย่างขยันขันแข็ง แต่จำนวนคนที่เข้าหาลัลนาก็น้อยกว่าพิมภา
“ถ้าน้องลัลมีลูกค้าเท่ากับน้องพิมคงสบายกว่านี้เยอะ”
ซูซี่กระซิบกับลัลนา ลัลนาหันมามองซูซี่อย่างตำหนิ ซูซี่เนียนเดินไปต้อนรับลูกค้า ลัลนามองไปทางพิมภากำมือแน่นด้วยความอิจฉา
สุกัญญายืนอยู่กับตรีวิญมองการทำงานของพิมภากับลัลนา
“ดูลูกค้าส่วนใหญ่จะให้ความสนใจคุณพิมนะครับ”
“พิมขยันลงพื้นที่ เข้าถึงลูกค้าทุกระดับ ความคิดก้าวหน้ามองข้ามช็อตเสมอ ปีที่แล้วก็ได้จัดอันดับหนึ่งในสิบ นักการตลาดหน้าใหม่ของนิตยสารมาร์เก็ตติ้ง”
“ดูคุณสุจะให้ความไว้ใจคุณพิมมากนะครับ”
“พิมเป็นคนทำงานเพื่องาน ไม่ใช่ทำงานเพื่อเอาหน้า พี่ชอบคนแบบนี้”
ตรีวิญมองพิมภารู้สึกสนใจพิมภามากขึ้น

การะเกตุยืนอยู่ที่บูธลิปสติก ซูซี่ จุ๋มจิ๋มกับลิลลี่กำลังเอาลิปสติกเบอร์ต่างๆ ให้ลูกค้าทดลอง การะเกตุทาที่มือมองแล้วไม่ชอบ
“เบอร์นี้มันจืดไปหน่อยนะ ฉันอยากได้เข้ม แรงกว่านี้”
“เบอร์ 7 มั้ยคะ จะออกโทนแดง”
การะเกตุลองทาที่มือดู แล้วบอกเสียงดัง
“ไม่ล่ะ ถ้าทาออกมาคงคิดว่ากินเลือด”
จุ๋มจิ๋มกับลิลลี่หน้าเสีย ซูซี่ได้ยินเข้ามาช่วย
“งั้นเบอร์ 5 สิคะ จะอมส้มนิดๆ ไม่แดงจนเกินไป”
การะเกตุลองทาที่มือดู ยิ่งไม่ชอบ
“ฉันว่าสีมันเหมือนหมากนะ ดูยายมาก”
ลูกค้าที่ทดลองพากันฟังการะเกตุที่เลือกๆ เริ่มวางตัวอย่าง ลัลนาได้ยินหันมองเห็นซูซี่ ลิลลี่กับจุ๋มเริ่มเลิ่กลั่กลัลนาเข้ามารับหน้า
“รูปปากสวยอย่างคุณ ทาสีไหนก็สวยค่ะ แต่ลัลว่าคุณดูสวยใส เป็นเบอร์ 2 ดีกว่านะคะ อมชมพู ลองทากับริมฝีปากดูสิคะ”
ลัลนาเอาแปรงทาแกะใหม่ให้การะเกตุ การะเกตุทาแล้วส่องๆ ดู
“ถูกของเธอ เหมาะกับสวยใสๆ อย่างฉัน”
การะเกตุเดินเชิดๆ ไป ซูซี่มองตามอย่างหมั่นไส้
“จะเยอะไปไหน สวยใส ๆ อย่างฉัน”
“พี่ซูซี่เก็บอาการหน่อยค่ะ ลูกค้าคือพระเจ้านะคะ” ลัลนามองไปเห็นสุกัญญายืนคุยกับพิมภา นันทิกานต์ “พี่ซูซี่ เรื่องเซเล็บที่จะมาสัมภาษณ์คู่กับคุณตรีวิญมาหรือยังคะ”
“ป่านนี้ไปนั่งดูปลาโลมาสีชมพูที่ขนอม เมืองนครฯแล้วล่ะค่ะ”
“งั้นลัลต้องไปปั่นสักหน่อย”

ลัลนายิ้มพอใจเดินไป
 
 

 
 สุกัญญาถามความเรียบร้อยกับพิมภา นันทิกานต์

“ทุกอย่างเรียบร้อยนะ วันนี้สื่อมวลชนมาเยอะ คงโปรโมทได้มากอยู่”
พิมภากับนันทิกานต์อ้ำอึ้ง ลัลนารีบเข้ามาทันที
“พิมจ๊ะ คุณวรุฒน์เซเลบฯที่จะมาคุยบนเวทีกับคุณตรีวิญมาหรือยังจ๊ะ ลัลจะได้คุยสคริปต์กับแขก” สุกัญญาหันมาหาพิมภา พิมภากับนันทิกานต์มองหน้ากันเครียด “ว่ายังไงจ๊ะพิม คุณวรุฒน์ล่ะจ๊ะ”
พิมภามองลัลนาอย่างไม่พอใจมั่นใจว่าเป็นฝีลัลนาแน่ ลัลนายิ้มเย้ยว่าเสร็จแน่ นันทิกานต์พยายามคิดหาทางออก แล้วสายตานันทิกานต์ก็มองเห็นฤชวีที่กำลังจะเดินออกไปกับภัทรพล นันทิกานต์ปิ๊งไอเดีย
“เราเปลี่ยนแขกรับเชิญกะทันหันค่ะ แต่แขกมาถึงแล้วค่ะ” พิมภาหันมองนันทิกานต์ว่าหมายถึงใคร “แนนกับพิมขอไปต้อนรับแขกก่อนนะคะ”
นันทิกานต์ดึงพิมภาไป
“งั้นลัลขอไปเช็กสคริปต์ก่อนนะคะ”
ลัลนาทำเนียนเดินตามไป

นันทิกานต์ลากพิมภาให้เดินตามฤชวี
“ไอ้แนนแกจะลากฉันไปไหน แขกที่ไหนของแก”
ฤชวีกำลังเดินออกไปด้านนอกกับภัทรพล
“คุณต้นคะ”
ฤชวีกับภัทรพลชะงักทั้งคู่ นันทิกานต์ลากพิมภาเข้าไปหา
“แนนกับพิมมีเรื่องจะขอให้ช่วยค่ะ”
“ช่วยอะไรครับ”
“ช่วยขึ้นเป็นแขกรับเชิญบนเวทีคุยกับคุณตรีวิญบนเวทีน่ะค่ะ”
“ไอ้แนน คุณต้นไม่ได้เป็นไฮโซอะไรนะ” พิมภากระซิบกับนันทิกานต์อย่างตกใจ นันทิกานต์จึงเถียง
“แต่คุณต้นเป็นนักเขียนนะ อาชีพน่าสนใจ แล้วโปรไฟล์เรื่องงานก็จี๊ดอยู่ คุณต้นมีหนังสือนิยายที่ตีพิมพ์ต่างประเทศด้วยใช่มั้ยคะ”
“ครับ”
“นั่นไง เข้าล็อคเป๊ะ ทัศนคติผู้ชายที่แตกต่างจากคุณตรีวิญ นักธุรกิจกับศิลปิน อืม คุณต้นก็เหมาะดีนะ”
พิมภาคิด ๆ มองฤชวีตอนแรกว่าจะไม่ขอร้องเพราะเพิ่งโวยไปเมื่อกลางวันว่าจะไม่ง้อ ฤชวียืนมองว่าพิมภาจะเอายังไง
“ไอ้พิม เราไม่มีเวลาแล้ว”
พิมภาตัดสินใจง้อ
“คุณต้นช่วยฉันหน่อยได้ไหม”
ฤชวียังงอนอยู่แต่ไม่เคยปฏิเสธพิมภา
“ถ้าคิดว่าผมช่วยได้ผมก็จะช่วย”
นันทิกานต์หันไปดีใจกับพิมภา แต่พิมภาไม่แน่ใจว่าฤชวีจะช่วยได้ไหม
“แฟนเราถ้าไม่กำราบ โดนสุนัขคาบไปรับประทานจะแย่นะ” ภัทรพลกระซิบกับฤชวี ฤชวีมองพิมภาคิดตามที่ภัทรพลพูด
ลัลนาที่แอบฟังอยู่ยิ้มร้ายก่อนจะเดินออกไป ภัทรพลเห็นลัลนาที่มาแอบฟัง ภัทรพลมองตามลัลนาแล้วคิดถึงสิ่งที่ลัลนาขอให้ช่วย ภัทรพลมองฤชวีอย่างตัดสินใจ

ลัลนาเดินจะไปเข้าประตูห้องจัดเลี้ยงอีกทาง แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อเดินมาเจอการะเกตุกำลังจูบกับเอกพลในมุมมืด
“อุ้ย” เอกพลชะงักหันมาตกใจที่เห็นลัลนา ลัลนามองอย่างเหยียดๆ “ไม่เลือกที่กินเลยนะ”
การะเกตุหันมา พอลัลนาเห็นก็ยิ่งอึ้ง ลัลนาส่ายหน้าสมเพชแล้วเดินเข้างานไป
“ส่ายหน้าใส่ฉันเหรอ” การะเกตุโมโหจะตามไปเล่นงานลัลนา
“คุณจะไปไหนครับ” เอกพลรีบถาม
“สั่งสอนคน”
การะเกตุเดินเข้าไปในงาน

ลัลนากลับมาที่บูธ การะเกตุก้าวตามเข้ามา การะเกตุเสียงดังใส่จุ๋มจิ๋มกับลิลลี่
“ลิปสติก longtime ไม่เห็นจะติดทนนานอย่างที่บอกเลยสักนิด ฉันทาไปแป๊บเดียวสีก็จางแล้ว”
ลัลนาหันมามองการะเกตุ รู้ว่าการะเกตุจงใจตามมาหาเรื่อง
“ลิปสติก longtime ติดทนนานมากนะคะ คุณเทสต์มาแล้วนี่ว่าแม้จะผ่านเหตุการณ์ตื่นเต้นแค่ไหน แต่ลิปสติกก็ยังติดทนไม่ลบเลือน”
“คุณลูกค้าเทสต์ด้วยวิธีไหนเหรอคะ” ซูซี่ถามแทรกขึ้นมา ลัลนามองการะเกตุอย่างท้าทาย
“แบ่งปันประสบการณ์กันสิคะ จะได้เป็นเคสตัวอย่าง” ลัลนาบอกพร้อมกัยิ้มเยาะ
การะเกตุเถียงไม่ออก พอเห็นทุกคนมองมาก็สะบัดหน้าไปทางบูธของพิมภา ลัลนามองตามอย่างดูถูก
“ยัยนี่มันเยอะจริงๆ”
ลัลนากำลังจะหันมาดูแลลูกค้าแต่ชะงักที่เห็นภัทรพลเดินยิ้มเข้ามาหา
“เรื่องพิม ที่คุณลัลขอให้ผมช่วย ผมอยากรู้ว่าผมต้องทำยังไงบ้างครับ”
 
ลัลนายิ้มพอใจ คิดว่าภัทรหลงเธอจนโง่เข้าทาง
 
อ่านต่อเวลา 16.00น.
 
 

คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 8 (ต่อ)

 
ภัทรพลเข้ามาที่หลังเวทีแล้วเดินตรงมาที่นางแบบของพิมภาที่แต่งหน้าเสร็จแล้ว นางแบบลุกขึ้น ภัทรพลเข้าไปขวางทันทีนางแบบมองงงว่ามีอะไร


“น้องเป็นนางแบบแป้งวิงค์ใช่ไหมคะ” ภัทรพลทำท่าทางแต๋วใส่
“ค่ะ”
“คุณพิมบอกให้พี่มาพาน้องไปเปลี่ยนชุดสำหรับขึ้นเวทีจ๊ะ”
“ก็ชุดนี้ไงคะ ชุดสำหรับขึ้นแวที”
“ต๊าย นี่มันไม่ใช่อ่ะค่ะ มันไม่ใช่ ใครหยิบชุดนี้ให้น้องเนี่ย รีบไปเปลี่ยนเลยนะคะ ถ้าคุณพิมมาเห็นว่าใส่ชุดนี้น้องโดนแคนเซิลงานแน่ๆ”
“แต่ว่าชุดนี้คุณแนนเขา...”
ภัทรพลไม่รอช้าท่าทีรีบร้อน จับนางแบบดันออกไป
“ไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลยจ๊ะ”
“ห้องแต่งตัวทางโน้นนะคะ” นางแบบแย้ง
“พี่ย้ายห้องแต่งตัวแล้วจ๊ะ ตามพี่คนโน้นไปเลยนะจ๊ะ”
นางแบบมองไปเห็นซูซี่กับลิลลี่รออยู่ด้านนอก ซูซี่ยิ้มรับ พอภัทรพลดันนางแบบออกมา ซูซี่กับลิลลี่ก็เข้ามาจับแขนนางแบบแล้วดึงไปโดยที่นางแบบสู้แรงทั้งคู่ไม่ไหวจึงโดนซูซี่กับลิลลี่พาไป ภัทรพลมองตามยิ้มๆ

การะเกตุเดินหงุดหงิดมาที่บูธของพิมภา สายตามองไปทางบู๊ทลัลนาอย่างหัวเสีย
“เอกพลไปไหนเนี่ย”
การะเกตุมองหาเอกพลอย่างหงุดหงิด เดียที่ประจำอยู่ที่บู๊ทพิมภากำลังดูแลลูกค้าเห็นการะเกตุเดินเข้ามาก็เรียกอย่างเชิญชวน
“แป้งวิงค์ เนียน เรียบ ใกล้แค่ไหนก็ไม่หวั่นค่ะ เชิญทดลองสินค้าค่ะ”
การะเกตุมองเดียที่แทรกมาในจังหวะที่กำลังต้องการหาที่ระบายพอดี การะเกตุจึงยิ้มร้ายๆ
“ดีเลย กำลังอยากด่า เอ๊ยลองอยู่พอดี” การะเกตุรับแป้งมาจากเดียลองเอามาทาที่มือ “หยาบ” เดียสะดุ้ง ลูกค้าคนอื่นๆ มอง “ดูสิไม่เห็นจะเนียนเรียบตรงไหนเลย”
“งั้นลองเบอร์นี้นะคะ”
การะเกตุรับมาทาๆ
“ห่วย” เดียเริ่มหน้าเสีย ลูกค้าคนอื่นหันมองการะเกตุ พิมภากับนันทิกานต์เดินกลับเข้ามาชะงักที่ได้ยินเสียงการะเกตุ “คุณภาพต่ำแบบนี้เอามาขายได้ยังไง ไม่เห็นจะปกปิดอะไรตรงไหน”
พิมภาเดินยิ้มเข้าไปรับหน้า
“ขอโทษนะคะ สินค้าไม่ถูกใจเหรอคะ”
“ใช่” การะเกตุหันมาเห็นหน้าพิมภายิ่งเหวี่ยงเพราะหมั่นไส้เป็นทุนเดิม “โฆษณาเกินจริงนะ ทั้งที่คุณภาพสินค้าแย่มาก”
“ถ้าอย่างนั้นลองเบอร์อื่น”
“ไม่จำเป็น แค่แตะดูฉันก็รู้แล้วว่าไม่ได้เรื่อง เทียบกับแบรนด์ไฮๆ ที่ฉันใช้ คุณภาพแบบนี้โลว์คลาสมาก”
คุณจี๋กำลังลองสินค้าเดือดร้อนแทนพิมภาทันที
“ไม่จริงนะคะ ของเขาออกจะดี ดูสิเนี่ย ปกปิด เนียน เรียบจะตาย ทาหน้าสิคะคุณน้อง มือคุณน้องหยาบขนาดนั้น ใช้เป็นกิโลก็ปิดไม่อยู่หรอกค้า”
พิมภายิ้มเข้าทางเลย
“ขอให้ดิฉันเลือกให้นะคะ สภาพผิวหน้าของคุณคงต้องใช้การปกปิดระดับ 5 นะคะ”
“ระดับ 5 นี่สำหรับผิวแบบไหนนะคะคุณพิม” ตุณจี๋แกล้งถาม
“สำหรับสภาพผิวที่มีรูขุมขนใหญ่ค่ะ”
“ขนาดจี๋ว่ารูขุมขนใหญ่ยังใช้แค่เบอร์ 3” คุณจี๋ชี้ทางการะเกตุ “คุณน้องคนนีใช้ตั้งเบอร์ 5 เลยเหรอคะเนี่ย”
พวกลูกค้ามองหน้าการะเกตุแล้วเม้าท์กันเอง
“แสดงว่ารูใหญ่มาก”
การะเกตุโกรธของขึ้นเลย
“นี่เธอดูถูกฉันเหรอ”
“ถ้าเรารู้จุดบกพร่อง เราจะแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้าได้อย่างดี นั่นคือความมหัศจรรย์ของแป้งวิงค์ค่ะ”
ลูกค้าคนอื่นๆ สนับสนุนเลยว่าใช่ๆ ๆ พากันตบมือให้พิมภา เพราะต่างหมั่นไส้การะเกตุ การะเกตุโกรธจัดมองพิมภาอย่างฝากไว้ก่อน พิมภายิ้มอย่างพยายามมีมนุษยสัมพันธ์ แต่การะเกตุยิ่งโกรธว่าโดนยิ้มเย้ย การะเกตุสะบัดหน้าเดินออกไป ลูกค้าคนอื่นๆ พากันมาทดลองสินค้า
“ขอบคุณนะคะคุณจี๋”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ พวกทำตัวเยอะแบบนี้พี่เกลียดนัก”
เดียขยับเข้ามาใกล้
“ขอบคุณนะคะพี่พิม”
“ต้อนรับลูกค้าท่านอื่นให้ดี” พิมภาหันมาเจอกับเอกพล “พี่มาที่นี่ได้ยังไง”
“พูดจาดีๆ สิจ๊ะพิม วันนี้พี่มาในฐานะคู่ค้านะ”

พิมภาจำต้องเก็บอารมณ์ แต่เอกพลก็ยืนยั่วกวนประสาทไม่ยอมไปไหน พิมภาทำเมินไม่มองไม่สนใจ

 
อีกด้านหนึ่งที่บ้านมิ้นท์ มิ้นท์เดินลงมาจากชั้นบนแอบดูชุติภาที่กำลังโทรศัพท์
 

“ทำไมไม่รับสักทีนะ” ชุติภาบ่น
ที่ห้องจัดเลี้ยง ผู้จัดการได้ยินเสียงโทรศัพท์หยิบขึ้นมาดูแล้วตกใจที่เห็นว่าเป็นชุติภาโทรมา
“คุณหญิง” ผู้จัดการรีบกดรับ “สวัสดีครับ คุณหญิง”
“ทำอะไรอยู่ทำไมรับสายช้านัก”
“พอดีกำลังวุ่นๆ กับงานเลี้ยงน่ะครับ”
“งานเลี้ยงอะไร ทำไมฉันไม่รู้”
ผู้จัดการตกใจที่เผลอหลุดปาก มิ้นท์ตกใจเข้าตาจนตัดสินใจยอมทิ้งตัวกระโดดลงมาจากบันได โครม!
“คุณย่า ช่วยมิ้นท์ด้วยค่ะ มิ้นท์เจ็บ”
ชุติภาตกใจรีบวางสายมาหามิ้นท์
“ยัยมิ้นท์ เป็นยังไงบ้าง ตรงไหนหักบ้างมั้ยเนี่ย”
“เจ็บค่ะคุณย่า”
ชุติภาประคองมิ้นท์มาที่โซฟาให้นั่ง
“เดี๋ยวย่าไปเอายามาทาให้”
ชุติภาเดินไป มิ้นท์ร้องโอดโอย ตาเหลือบมองเห็นว่าชุติภาไปแล้ว แอบบ่น
“พี่ต้นนะพี่ต้น กว่าจะเสร็จงาน น้องจะตายมั้ยเนี่ย”
มิ้นท์เห็นชุติภาเดินกลับมาต้องโอดโอยดึงความสนใจเต็มที่

ไฟในห้องจัดเลี้ยงเริ่มดรีมลง ไฟที่เวทีสว่างขึ้น ภาพที่จอโปรเจ็คเตอร์เป็นภาพพรีเซ้นต์ความเป็นนารีตลอดห้าปีที่ผ่านมา จบที่สโลแกน “Naree..ความสวยสำหรับหญิงสาวเช่นคุณ” ลัลนาขึ้นมาบนเวที
“ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งาน Thank you party...by Naree ในโอกาสนี้ดิฉันขอเรียนเชิญ คุณสุกัญญา ผู้บริหารคนสำคัญของบริษัทนารีบนเวทีค่ะ”
สุกัญญาขึ้นมาบนเวที เสียงปรบมือต้อนรับ
“สวัสดีค่ะ ห้าปีที่ผ่านมาเป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านในที่นี้ และในวันนี้นารีกำลังจะก้าวต่อไปโดยมีกำลังสำคัญคือคุณตรีวิญ วิศวนนท์” สปอตไลท์เปิดตัวตรีวิญบนเวที ทุกคนปรบมือ “คุณตรีวิญ จะมารับหน้าที่มาร์เก็ตติ้ง เมเนเจอร์คนใหม่ของนารี โดยมีรางวัลผู้บริหารหน้าใหม่ระดับเอเชียเป็นเครื่องการันตีว่านารีพัฒนาไปสู่ตลาดสากลในอีกไม่นานนี้”
สุกัญญามองลัลนาเป็นการส่งคิวให้
“เพราะความสวยคือสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องการ แต่น้อยนักที่ธรรมชาติจะมอบความสมบูรณ์แบบให้กับเรา วันนี้ดิฉันมีแขกรับเชิญพิเศษเพื่อค้นหามุมมองใหม่ๆ ที่มีต่อความสวยของหญิงสาว เรียนเชิญแขกคนพิเศษของเราค่ะ”
ฤชวียืนอยู่ข้างเวทีกับพิมภา ฤชวีมองพิมภา พิมภาพยักหน้าให้ฤชวี ฤชวีเดินขึ้นเวทีดูนิ่งมากไม่ประหม่าเลยสักนิด
“สวัสดีค่ะ รบกวนแนะนำตัวสักนิดนะครับ”
“ผมชื่อ ฤชวี ครับ เป็นนักเขียนนวนิยาย”
เอกพลขยับไปใกล้ๆ พิมภา
“หาได้แค่นักเขียนนิยายเหรอ พิมไม่น่าลดระดับตัวเองขนาดนี้เลยนะ”
พิมภามองเอกพลอย่างไม่พอใจ
“ก็ดีกว่าต้องเลี้ยงสัตว์ปีกนะคะ ปีกทองซะด้วย”
เอกพลไม่พอใจแต่พิมภาไม่สนใจ นันทิกานต์เข้ามาแทรกมองหน้าเอกพลแบบอยากมีปัญหาก็ลอง เอกพลแค้น การะเกตุมองท่าทีเอกพลแล้วมองที่พิมภาอย่างสนใจ
บนเวที ลัลนาขยับเข้ามายืนตรงกลางระหว่างตรีวิญและฤชวี
“ดิฉันอยากทราบว่าความงามในมุมมองของคุณตรีวิญ คืออะไรคะ”
“ใบหน้าและบุคลิกภาพครับ เพราะมันสะท้อนให้เห็นถึงการดูแลตัวเองของผู้หญิง การแต่งเติมสีสันบนใบหน้าอย่างเหมาะสม จะสร้างสีสันให้กับชีวิตของคุณและผู้พบเห็น เติมเต็มให้ชีวิตคุณสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง”
ทุกคนปรบมือ
“แล้วความงามในมุมมองของคุณฤชวีละคะ”
“ความงามสำหรับผมคือ ตัวตนครับ การเติมแต่งสีสันจะช่วยดึงดูดให้เรามองผู้หญิงคนนั้น แต่ความเป็นธรรมชาติจะทำให้ผมไม่อาจละสายตาจากผู้หญิงคนนั้นได้ตลอดไป ไม่สำคัญว่าภาพภายนอกของคุณจะเป็นแบบไหน ข้างในคุณสวยงามหรือไม่นั่นต่างหากคือสิ่งสำคัญ”
แขกในงานต่างประทับใจคำตอบของฤชวี นันทิกานต์คุยกับพิมภา
“โห คุณต้นสุดยอด ตอบอาร์ตมาก คุณตรีวิญก็หล่อนะแต่ไม่กินใจเท่าคุณต้นเลย”
พิมภามองฤชวี ฤชวีมองลงมาสบตากัน พิมภามองรู้สึกว่าฤชวีจะดูมีออร่าน่าสนใจมากขึ้น แต่ยังมีอารมณ์งอนก็สะบัดหน้าหันไปหานันทิกานต์
“แนนไปดูนางแบบที่จะขึ้นโชว์ไป”

พิมภาเดินออกไป ฤชวีมองตาม

 
พิมภาเดินเข้ามาข้างเวทีกับนันทิกานต์ นันทิกานต์มองไปทางซูซี่ ไม่เห็นมีนางแบบ
 

“พี่ซูซี่ นางแบบของพี่ล่ะ”
“มาแล้ว พวกน้องเห็นจะต้องอึ้ง เพราะนางแบบของพี่น่ะเด็ดมาก” ซูซี่บอกยิ้มๆ พิมภากับนันทิกานต์มองซูซี่
“ฉันว่ายัยลัลต้องมีลูกไม้อะไรแน่ๆ”
นันทิกานต์บอก ขณะนั้นบนเวที ลัลนากำลังนำเข้าสู่ช่วงการเปิดตัวสินค้า
“ในปีนี้นารีมีสินค้าที่เราได้สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความงามที่สมบูรณ์แบบ...”
ซาวน์เพลงขึ้นพร้อมกับภาพวีดีโอพรีเซ้นต์ลิปสติก longtime ที่ดูโฉบเฉี่ยว สวยงาม พอจบวีดีโอ สปอตไลท์ก็ขึ้นที่ลัลนาที่วางไมค์แล้วโพสท์ท่ากับการทาลิปสติกสวยๆ เพลงขึ้นสร้างบรรยากาศโรแมนติกพร้อมกับไฟที่เปลี่ยนโทนให้ดูเย้ายวน สุกัญญามองงงว่าลัลนาจะทำอะไร
ลัลนาเดินเซ็กซี่เข้าไปหาตรีวิญ ตรีวิญงงแต่พยายามรักษาท่าที นันทิกานต์กับพิมภาอึ้งว่าลัลนาจะทำอะไร ลัลนาเข้าวางมือบนไหล่ตรีวิญแล้วบรรจงจูบที่แก้มของตรีวิญ เห็นว่าลิปสติกติดที่แก้ม เสียงฮือฮาดังขึ้น ทุกคนอึ้ง ลัลนาหันมาพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาแตะที่มุมปากด้านหนึ่งแล้วลากเบาๆ พร้อมกับเสียงซาวน์ longtime สีสันแห่งความรักที่ไม่มีวันลบเลือน ไฟเฮ้าส์เปิด ลัลนายังโพสท์ เสียงปรบมือจากลูกค้าชอบใจ ภัทรพลเดินเข้ามาที่ข้างเวทีอย่างรอคอย พิมภามองลูกค้าที่ดูฮือฮา
“แนน...นางแบบเราล่ะ” พิมภามองหานางแบบ
“เดียกำลังไปตามมา”
เดียรีบมาหาพิมภา
“พี่พิมคะ นางแบบของเราหายตัวไปค่ะ”
“หาย”
“เดียหาจนทั่วแล้วไม่เจอเลยค่ะ ช่างแต่งหน้าว่ามีคนพาน้องไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วก็ไม่กลับมาเลย”
พิมภาเครียดจัดคิด ๆ แล้วมองไปบนเวที ลัลนายิ้มเยาะ พิมภาแค้น
“เอาไงดีพิม หาใครมาแทนดี”
พิมภาคิดเครียด มองทางสุกัญญา มองลัลนา คิดหาวิธีแก้ไข

ลัลนายืนอยู่บนเวทีหันมายิ้มเยาะพิมภาที่อยู่ด้านล่าง พิมภาตัดสินใจ
“แนน วอ.ไปสั่งเปิดวีดีโอพรีเซ้นต์แป้งวิงค์”
“แต่นางแบบ”
“เปิดเฮดโฟนฉันด้วย ฉันจัดการเอง”
นันทิกานต์พยักหน้าอย่างเข้าใจพูด วอ.แล้วยกนิ้วให้พิมภา พิมภาหลับตาสูดลมหายใจสองครั้งแล้วลืมตาอย่างตั้งสติ พิมภาเดินขึ้นมาบนเวที
“ขอบคุณสำหรับการร่วมโชว์นะคะ”
ลัลนาบอกแล้วพาตรีวิญเดินลงจากเวที ฤชวีกำลังจะตาม แต่ทันใดนั้นไฟเฟด ไฟบนเวทีเปลี่ยนสีเป็นโทนอบอุ่น
“หากความสวยงามคือความมั่นใจ...” ฤชวีชะงักที่พิมภากำลังเดินขึ้นมา พิมภามองให้ฤชวียืนอยู่บนเวทีก่อน
“ความชิดใกล้ในค่ำคืนแสนหวาน คือสิ่งที่ผู้หญิงต้องการ”
วีดีโอพรีเซ้นต์แป้งวิงค์ถูกฉาย จบด้วยสโลแกน แป้งวิ้งค์ ปกปิด เนียน เรียบ สวยเป็นธรรมชาติ ใกล้แค่ไหนก็ไม่หวั่น พิมภาถือแป้งวิงค์โชว์ โพสท์สวยๆ
“แป้งวิ้งค์ ปกปิด เนียน เรียบ สวยเป็นธรรมชาติ ใกล้แค่ไหนก็ไม่หวั่น คุณฤชวีจะช่วยการันตีให้ได้ไหมคะ” พิมภามองฤชวีด้วยสายตาบังคับ
“ได้สิครับ”
พิมภาทาแป้งด้วยท่าสวยๆ ลัลนา ซูซี่มองอย่างพอใจ สุกัญญากับตรีวิญมองงงๆ ว่านี่มันอะไรกัน
“นางแบบหายไปไหนหมด ทำไมพิมกับลัลถึงต้องโชว์เอง” สุกัญญาชักหงุดหงิด ตรีวิญมองอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก
นันทิกานต์ให้คิวซาวน์โรแมนติกขึ้น พิมภาทาเสร็จหันมาหาฤชวี ฤชวีเดินก้าวเข้าหาพิมภา พิมภายืนตั้งรับ ฤชวีขยับจ้องเข้าไปใกล้ พิมภาจะถอยเพราะโดนรุกมาก
“ใกล้แค่ไหนก็ไม่หวั่นไม่ใช่เหรอครับ”
ฤชวีถามยิ้มๆ พิมภาฮึดขึ้นมาทันทีเพื่องาน พิมภานิ่งรอรับ ฤชวีใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ใกล้มาก คนในงานเริ่มมีอาการลุ้น อาย เขิน ตรีวิญ ลัลนามองอึ้งๆ ข้างล่างเวทีก็อึ้ง ภัทรพลแทบจะตบเข่าฉาด
“มันต้องอย่างนี้สิน้องเขย”
ภาพบนจอโปรเจ็คเตอร์เห็นฤชวีเข้าใกล้มากจนจมูกของฤชวีแตะจมูกของพิมภา ฤชวีขยับจมูกตัวเองเบียดกับจมูกพิมภานิดๆ ภายในห้องจัดเลี้ยงส่งเสียงฮือ มีกรี๊ดกร๊าดชอบมาก พิมภาเองก็ยืนอึ้งไปกับการรุกของฤชวี ฤชวีลืมตามองแล้วขยับถอยออก
“ขอโทษครับ เนียน เรียบจนผมห้ามใจไม่ไหวจริงๆ”
ฤชวีบอกยิ้มๆ เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาว ๆ ในงานมากมาย
ที่โต๊ะสั่งจองสินค้า ลูกค้าถือแป้งวิงค์สินค้าตัวอย่างเข้ารุมจนโต๊ะล้มโครม พนักงานวุ่นวายกันอลหม่าน
พิมภากำลังตั้งสติจะพูดจบโชว์แต่เสียงของลัลนาพูดผ่านไมค์แทรกขึ้นมาซะก่อน
“เป็นการโชว์เปิดตัวสินค้าที่หวานที่สุดเท่าที่ดิฉันได้เคยดูมา แต่คงจะไม่หวานขนาดนี้ ถ้าทั้งคู่ไม่ได้มีพื้นฐานของความรัก” ทุกคนเริ่มมองหน้ากันว่าลัลนาพูดเรื่องอะไร
“ดิฉันตื่นเต้นและอยากจะถือโอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับการแต่งงานของคุณพิมภาและคุณฤชวีด้วยนะคะ”
 

สุกัญญากับตรีวิญอึ้ง พวกลูกค้าต่างพากันคุยอื้ออึง พวกเดีย ฤทธิ์ จุ๋มจิ๋ม ลิลลี่ ยิ่งฮือฮา
“พิมจ๊ะ เรื่องน่ายินดีแบบนี้ไม่เห็นจะต้องปิดเลยนี่จ๊ะ ทุกคนจะได้ถือโอกาสร่วมแสดงความยินดีกับเธอนะพิม”
พิมภามองทุกคน
“คือฉันไม่...”
“ขอเชิญคุณภัทรพลค่ะ”
ภัทรพลที่ยืนรอคิวขึ้นมาบนเวที ยิ้มกับทุกคน สุกัญญาอึ้งมันอะไรกันวะเนี่ย
“สวัสดีครับ ผมภัทรพล เอ่อ เป็นพี่ชายของพิมภาครับ”
“คุณภัทรคะ พิมกับคุณฤชวีแต่งงานกันนานหรือยังคะ”
ลัลนายิงคำถามให้ ภัทรพลตั้งใจพูด อยากกันท่าตรีวิญ
“ก็เป็นเดือนแล้วครับ”
“โอ้ว พิมจ๊ะ ถึงคุณฤชวีจะเป็นแค่นักเขียนโนเนม ก็ไม่เห็นต้องอายจนต้องปกปิดเพื่อนๆ เลยนี่จ๊ะ”
พิมภาหันขวับมองลัลนายิ้มเยาะ
“เอ่อ...” ภัทรพลก้มลงไปพูดไมค์ที่อยู่ในมือลัลนา “ขอแก้ข่าวสักนิดนะครับ ที่ปกปิดไม่ใช่เพราะอายหรอกครับแต่เป็นเพราะพิมเป็นคนไม่อยากอวดว่าคุณฤชวี วงศ์บริบูรณ์ เป็นนักเขียนระดับเบสท์เซลเลอร์และเป็นเจ้าของรีสอร์ทที่เรากำลังจัดงานอยู่ในขณะนี้”
นักข่าวที่กำลังจับกลุ่มกันอยู่เสียงดังขึ้นมาเลย
“ฤชวี วงศ์บริบูรณ์ หลานชายคุณหญิงชุติภา เศรษฐีนีที่ดินเพชรบูรณ์ใช่มั้ยครับ”
“คนนั้นล่ะครับที่พวกคุณพูดถึง”
นักข่าวพากันเข้ามาถ่ายรูปฤชวี
“นิยายของคุณได้ตีพิมพ์เป็นครั้งแรกที่อังกฤษใช่ไหมครับ เป็นหนึ่งในคนไทยไม่กี่คนที่มีงานเขียนระดับเบสท์เซลเลอร์ในต่างประเทศ มองกล้องหน่อยครับ”
ฤชวีจะหนีก็ไม่ได้ จำต้องยืนให้นักข่าวถ่ายรูป
“คุณพิม คุณภรรยาน่ะครับ ช่วยขยับเข้าไปใกล้ๆ หน่อยครับ”
พิมภาพลอยต้องยืนอยู่ด้วยเพราะโดนดักไปไหนไม่ได้ นักข่าวพากันไปรุมถ่ายรูปฤชวีกับพิมภา ตรีวิญ สุกัญญา นันทิกานต์อึ้ง ลัลนา ซูซี่อึ้งกว่าที่ทุกอย่างกลับตาลปัตร เอกพลกับการะเกตุต่างมองเป้าหมายของตัวเอง
“วงศ์บริบูรณ์ ชุติภา วงศ์บริบูรณ์ อืม...หน้าเป๊ะ หุ่นจี๊ด”
การะเกตุพึมพำสายตามองฤชวีนิ่งด้วยความอยากได้
ฤชวีพาพิมภาลงมาจากเวที นักข่าวเข้าไปรุมฤชวีกับพิมภาจนดันตรีวิญไปอย่างสิ้นความสนใจ สุกัญญามองอย่างโมโหแล้วหันมาหาซูซี่
“ซูซี่” ซูซี่ถึงกับสะดุ้ง
“คะ คุณสุ”
“บอกให้ลัลนามาคุยกับฉันหลังงานเลิก”
“ค่ะ” สุกัญญาเดินออกไปอย่างหัวเสีย “น้องลัล ตายแน่”

ลัลนาเปิดประตูห้องสุกัญญาเข้ามา สุกัญญาที่ยืนรออยู่หันกลับมาอย่างหัวเสียที่สุด
“ทำไมเธอถึงทำอะไรนอกสคริปท์โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากพี่” ลัลนาพูดไม่ออก “งานคืนนี้มันพังเพราะเธอ ทั้งที่พี่จัดงานนี้เพื่อเปิดตัวตรีวิญเพื่อให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเราดีขึ้น แต่เธอกลับสร้างเรื่องจนทุกอย่างมันพัง ไม่มีใครสนใจตรีวิญ ไม่มีใครสนใจนารี”
“ลัลไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”
“นี่เหรอคำตอบของคนที่เป็นถึงระดับผู้จัดการ ไร้วิสัยทัศน์สิ้นดี” ลัลนาสะอึก “คิดว่าพี่ไม่รู้เหรอว่าเธอต้องการอะไร พวกเธอจะมีเรื่องอะไรกันพี่ไม่สนใจ แต่เธอต้องรู้จักแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน วันนี้เธอรู้แล้วใช่มั้ยว่าทำไมพี่ถึงไม่มอบงานสำคัญให้กับเธอ เพราะเธอไม่มีความเป็นมืออาชีพเลยสักนิด”
ลัลนาสะเทือนใจ

อีกมุมหนึ่งของรีสอร์ท ฤชวียืนกลุ้มแต่ภัทรพลเข้ามาตบไหล่
“จะเครียดทำไมคุณ ให้ทุกคนรู้ว่าคุณคือสามียัยพิมก็ดีแล้ว ต่อไปนี้ยัยพิมมันจะได้ไปลั้นลาอีกไม่ได้” ฤชวียังอึกอัก “ช้างเท้าหน้าอย่างเราต้องเป็นคนคุมให้อยู่”
ภัทรพลลากฤชวีไป ฤชวีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ที่ห้องพักพิมภา พิมภาใช้สองมือจับหมอนจิกจนแทบจะฉีกหมอนออกจากกัน เพราะโกรธมาก นันทิกานต์มองอย่างเป็นห่วง
“ไอ้พิม แกใจเย็นๆ”
“จะให้เย็นยังไง แกเห็นไหมว่าตอนนี้มันลุกลามไปกันใหญ่แล้ว”
“ใช่ มันกลายเป็นเรื่องระดับชาติไปแล้วตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าแกมีสามีเป็นตัวเป็นตน”
“แต่มันไม่ใช่เรื่องจริงแกเข้าใจมั้ย นี่ฉันจะทำยังไงดี”
“คิดในแง่ดีสิแก ตอนนี้แกได้สามีสุดเพอร์เฟ็คท์เลยนะ เป็นศิลปิน หน้าตาดี หุ่นก็เป๊ะ แถมเป็นทายาทเศรษฐี แกนี่โชคดีสุดๆ เลยนะเพื่อน”
“อย่าทำเป็นเล่นได้มั้ยแนน ตอนนี้เรื่องมันรัดคอฉันจนฉันจะตายอยู่แล้ว”
“ก็แกเป็นคนก่อเรื่องทั้งนั้นจะโทษใคร”
“แนน”

“ก็มันจริงมั้ยล่ะ”

คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 8 (ต่อ)

พิมภายังไม่ทันจะเถียง ประตูเปิดปึ้ง ภัทรพลพาฤชวีเข้ามา
“มาทำไม”
“เอ้า!คุณต้นเป็นสามีแกก็ต้องนอนห้องนี้สิ”
“แต่แนนจะนอนกับพิม ใช่มั้ย”
นันทิกานต์กำลังจะหันมาตอบรับว่าใช่ แต่เจอภัทรพลที่หันมาหน้าอย่างโหด
“เป็นคนไม่ชอบ ชอบเป็นก้างหรือไง” นันทิกานต์ แป่ว! ฝ่อเลย “ไปนอนห้องอื่น”
“ก็นอนห้องนี้แหล่ะ พี่ไม่เห็นเหรอข้าวของแนนมันอยู่เต็มห้องจะย้ายให้มันยุ่งยากทำไม”
ภัทรพลพูดกับนันทิกานต์เสียงอย่างเหี้ยม
“ย้าย...ได้มั้ย”
“ได้ค้าบ”
นันทิกานต์เก็บรวบรวมของตัวเองอย่างด่วนแล้วเดินหอบออกไป ภัทรพลจะตาม
“เดี๋ยวพี่ภัทร”
“อะไร”
“นางแบบของพิมอยู่ที่ไหน”
“ก็รับค่าจ้างแล้วก็ส่งกลับไปแล้ว”
“นี่พี่ร่วมมือกับยัยลัลแฉน้องทำไม”
“ทำไมแกถึงใช้คำว่าแฉ ในเมื่อเรื่องที่แกแต่งงานมันเป็นเรื่องถูกต้อง ทำไมแกถึงไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าแกแต่งงานแล้ว ฮะ” พิมภาอึ้ง ไม่รู้จะตอบยังไง ภัทรพลต้อนให้ตอบ “แกอธิบายให้พี่ฟังสิ ว่าทำไมแกถึงต้องปิดไม่ให้คนอื่นรู้ว่าแกแต่งงานแล้ว”
“ฉัน...”
ฤชวีเห็นพิมภาโดนต้อนจึงช่วยเปลี่ยนเรื่อง
“วันนี้คุณพิมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ผมว่าให้คุณพิมพักเถอะนะครับ”
“คุณก็เหมือนกัน เหนื่อยเพราะยัยพิมมาตั้งหลายวันแล้ว” พิมภามองภัทรพลรู้เลยว่าโดนว่ากระแทก “พักซะบ้าง ผมไปล่ะ”
ภัทรพลออกไป เหลือพิมภากับฤชวียืนมองหน้ากันสุดเครียด

นันทิกานต์เดินหอบเสื้อผ้าข้าวของมาอย่างสุดเซ็ง
“จะไปนอนไหนล่ะเนี่ย”
ภัทรพลรีบเดินตามมา
“ไอ้แนน”
นันทิกานต์ชะงักหันกลับมา
“อะไรอีกล่ะพี่” ภัทรพลจับไหล่นันทิกานต์มองจนนันทิกานต์สยอง “เอ๊ย พี่ อย่าจ้องขนาดนั้น มันสยอง”
“แกเล่าให้พี่ฟังสิว่าสองคนนั้นเจอกันรักกันได้ยังไง”
“พี่ก็ไปถามไอ้พิมสิ แนนไม่รู้”
“แนน แกจะพูดเองหรือจะให้พี่ทำให้แกพูด”
นันทิกานต์มองภัทรพลที่ดูโหดมากจนนันทิกานต์นึกกลัว
“แนน พูดไม่ได้อ่ะพี่”
ภัทรพลยิ่งมั่นใจว่าต้องมีอะไรที่ปิดบังแน่ๆ
“แนน คุยกับพี่ยังเคลียร์ได้ ถ้าเรื่องถึงพ่อกับแม่พี่ล่ะก็ พี่ไม่รับประกันนะว่าแกจะยังได้คบไอ้พิมต่อมั้ย”
“โห พี่กดดันอ่ะ ตัดขาดกันเลยเหรอ”
“พูด”
“เอางี้ แนนพูดได้แค่ว่าสิ่งที่เห็นอาจไม่จริง ไอ้ที่คิดว่าจริง ความจริงมันอาจจะไม่ใช่ แนนพูดได้แค่นี้ล่ะพี่”
นันทิกานต์ชิ่งไปทันที ภัทรพลมองตามด้วยความรู้สึกต้องรู้ให้ได้ว่ามีอะไรกันแน่

ภายในห้อง พิมภามองฤชวี พิมภาอัดอั้นมากกำลังจะอ้าปากโวย แต่ฤชวีขัดขึ้นเสียงเรียบ
“ก่อนจะใช้อารมณ์ คิดให้ดีก่อนนะครับว่าเรื่องนี้มันเป็นเพราะผมหรือเปล่า”
พิมภาได้สติ
“อือ ที่จริงไม่ใช่ความผิดคุณหรอก แต่เรื่องมันไปกันใหญ่แล้ว ตอนนี้ฉันไม่ได้โกหกแค่พ่อกับแม่ แต่ฉันกำลังโกหกคนทั้งบริษัท ฉันก่อเรื่องเอง จะกลับตัวตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้นะ”
พิมภาเครียดจัดจนน้ำตาไหลด้วยความอัดอั้น ฤชวีเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“คุณพิมตั้งสตินะครับ หายใจเข้าลึกๆ สักวันมันจะมีทางออกแน่นอน เรื่องที่มันไม่จริงสักวันมันก็ต้องจบแต่จะจบเมื่อไหร่”
“เมื่อความแตกไง จริงมั้ยล่ะ ที่เรายังต้องอยู่เพราะมันเป็นความลับ แต่ถ้าความแตกเมื่อไหร่ก็ต้องจบเมื่อนั้น”
“ก็จริงครับ คุณพิม คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อาบน้ำแล้วนอนพักเถอะครับ”
ฤชวีหยิบผ้าขนหนูมาส่งให้ พิมภามองผ้าขนหนูแล้วตัดสินใจ
“คุณต้น ฉันขอโทษนะที่ดึงคุณเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องนี้” ฤชวีมองพิมภางงๆ “แล้วฉันก็ขอบคุณที่คุณช่วยฉันจนทำให้งานวันนี้มันเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีคุณ ฉันคงทำมันไม่สำเร็จ”
“ด้วยความยินดีครับ”
พิมภายิ้มขอบคุณแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ฤชวียิ้มมองตาม

“ผมอยากให้คุณวุ่นวายกับผมทั้งชีวิตได้มั้ยครับ คุณพิม”

ลัลนาเดินมาอย่างหัวเสียหงุดหงิด แล้วก็เดินก้าวพลาดจนส้นรองเท้าหัก
“โอ้ย มันอะไรกันนักกันหนา จะพังมันทุกอย่างเลยหรือไง” ลัลนาถอดรองเท้าเหวี่ยงทิ้งแล้วจะเดินต่อแต่ชะงักที่เห็นภัทรพลเดินมาเจอกันระหว่างทาง “เจอตัวก็ดีแล้ว เพราะคุณ ทำให้งานของฉันพัง ทำให้เจ้านายตำหนิฉัน”
ลัลนาเสียงแข็งใส่ภัทรพล ภัทรพลมองเธอแบบเย็นชามาก
“คุณโกรธเรื่องงานพังหรือโกรธที่ฉีกหน้าน้องสาวผมไม่ได้กันแน่”
“คุณพูดอะไร”
“คุณคิดว่าผมไม่รู้เหรอว่าคุณตั้งใจใช้ผมเป็นเครื่องมือทำลายน้องสาวตัวเอง”
“ก็ ถ้ารู้แล้วมาบอกทำไมล่ะ”
“ผมเคยคิดว่าคุณเป็นคู่แข่งน้องสาวผมได้แสดงว่าคุณต้องเก่งมาก แต่ความจริงแล้วคุณสู้ยัยพิมไม่ได้เลย”
“ฉันสู้ไม่ได้ตรงไหน น้องคุณมันดียังไง”
“ดีตรงที่พิมมันเป็นคนตาต่อตา ฟันต่อฟัน สู้กันด้วยฝีมือ ไม่ใช่วิธีลอบกัดอย่างที่คุณทำ”
ภัทรพลเดินออกไปอย่างเฉยเมย ลัลนามองตามอย่างเจ็บปวด

ภายในห้องพักพิมภาดับไฟแล้วมีแค่แสงจันทร์ส่องเข้ามาในห้อง พิมภากับฤชวีนอนคนละเตียง พิมภาขยับพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ
“นอนไม่หลับเหรอครับ”
ฤชวีถามขึ้นมาโดยไม่พลิกตัวหันมามอง
“อืม”
“อย่าคิดมากเลยครับ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากคิดแต่มันวนอยู่ในนี้ไม่รู้จะทำยังไง” ฤชวีขยับขึ้นมาแล้วหยิบมือถือตัวเองกด แล้วขยับเข้ามาที่เตียงพิมภา “คุณจะทำอะไร”
พิมภาถามอย่างตกใจ ฤชวียิ้มแล้ววางมือถือที่ข้างหมอนของพิมภา เพลง Lover’s consento ค่อย ๆดังขึ้น
“ฟังแต่เพลงนะครับ จะได้ไม่ต้องคิด”
ฤชวีขยับกลับไปนอนที่ฝั่งตัวเอง แต่คราวนี้นอนมองหน้าพิมภา พิมภามองฤชวี ฤชวีมองด้วยความรู้สึกที่รักและอยากดูแลอยากให้เป็นอย่างเพลง พิมภานอนมองฤชวีอย่างพินิจ ผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตและดีกับตัวเอง พิมภาสีหน้าอ่อนโยนรู้สึกว่าค่อยๆ ผูกพันและประทับใจฤชวีมากขึ้นทุกที

เช้าวันรุ่งขึ้นมิ้นท์วิ่งลงมาจากชั้นบน เห็นชุติภานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“รีบมากินข้าวสิมิ้นท์ เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก”
“ค่ะคุณย่า”
มิ้นท์รีบนั่งลงกินข้าวอย่างรวดเร็ว ชุติภาเปิดทีวี เสียงทีวีดัง
“เม้าท์เพลินๆ กับไฮโซจ๊ะจ๋ามาแล้วค่า จ๊ะจ๋าต้องอกหักดังป๊อก! กลางงาน thank you party ของเครื่องสำอางนารีเมื่อคืนนี้ เมื่อคุณฤชวี วงศ์บริบูรณ์ นักเขียนชื่อดัง ทายาทคุณหญิงชุติภา เศรษฐีนีพันล้านของเพชรบูรณ์”
ชุติภากับมิ้นท์ชะงัก มิ้นท์จะหยิบรีโมทเปลี่ยนช่อง
“หยุดนะ ยัยมิ้นท์”
มิ้นท์ชะงัก ชุติภาตั้งใจดูทีวีมาก
“หนุ่มหล่อปรากฎตัวกลางงานพร้อมกับการประกาศว่าตอนนี้ไม่โสด ไม่สดเพราะถูกมาร์เก็ตติ้งสาวของนารีคว้าทั้งตัวและหัวใจไปครอง”
ภาพในทีวีเป็นภาพฤชวีคู่กับพิมภา ชุติภาถึงกับอึ้ง
“ตาต้น”

มิ้นท์ตกใจว่าแย่แล้ว...

อ่านต่อเวลา 17.00น.

แสงแดดส่องเข้ามาในห้องพักพิมภา ภายในห้องฤชวีนอนอยู่บนเตียงหันหน้ามาทางระเบียง เสียงประตูห้องน้ำกำลังจะเปิดออก ฤชวีขยับพลิกตัวหันหน้ามาทางห้องน้ำเห็นพิมภาที่แต่งตัวเรียบร้อย สวยๆ ใสๆ เดินออกมา พอพิมภาหันมาฤชวีก็หลับตา พิมภาเดินไปที่หน้ากระจกแล้วยืนหวีผม ฤชวีนอนมองยิ้มๆ พิมภาหวีผมเสร็จหันมาฤชวีรีบหลับตา พิมภามองนาฬิกาเห็นว่า 06.45 น. พิมภาเดินมาที่เตียงฤชวี
“คุณต้น คุณต้นคะ”
“อืม อีกห้านาทีนะ” ฤชวีแกล้งทำเสียงรำคาญ พิมภาถอนใจนิดๆ “ทำไมขี้เซาจัง” พิมภาจับต้นแขนฤชวีเขย่า “คุณต้นค่ะ คุณต้น คุณต้น”
จู่ๆ ฤชวีก็คว้าแขนพิมภาแล้วดึงเข้าหาตัวเองพร้อมกับพลิกนอนหงาย
“ขอห้านาทีไงครับ”
“โอ๊ะ”
พิมภาล้มลงมาตามแรงฉุด พิมภาเอามือทั้งสองข้างยันกับเตียงได้ทันแต่เป็นลักษณะว่าพิมภาคร่อมฤชวีอยู่ ฤชวีลืมตามองพิมภาเห็นว่าหน้าพิมภาอยู่ในระยะใกล้มาก ทั้งสองมองตากันต่างคนต่างอึ้ง ฤชวีมองพิมภาแล้วขยับหน้าเข้าไปใกล้เหมือนโดนสะกด จนจมูกเกือบจะชนกับพิมภา แต่พิมภาได้สติก่อนรีบดึงตัวลุกขึ้น
“เราต้องลงไปที่ห้องอาหารก่อนเจ็ดโมงเช้านะ ฉันไม่อยากไปถึงทีหลังคุณสุ” พิมภาบอกเสียงดัง
“เอ่อ” ฤชวีขยับลุก “ขอโทษครับ ผมนอนเพลินไปหน่อย เมื่อกี้ผม...”
พิมภาทำหน้าไม่ถูก
“คุณรีบตามไปแล้วกัน”
พิมภาไม่รอฟังคำตอบเดินออกไปเลยพร้อมกับปิดประตูปัง ฤชวีมองตามแล้วทิ้งตัวนอนคว่ำฟุบหน้ากับหมอนก่อนจะขยับเอาคางเกยหมอนยิ้มๆ
“คิดจะแกล้งเขา เกือบเอาตัวไม่รอด ถ้ามีแบบนี้บ่อยๆ ท่าจะไม่ไหวนะเรา”
ฤชวีนอนยิ้มกับหมอนสีหน้าฝันหวานมีความสุขมาก

พิมภาเดินจ้ำๆๆ ออกมาแล้วหยุดยืนอึ้ง พิมภานึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้แล้วหน้าแดง เอาสองมือจับแก้ม
“คิดจะฉวยโอกาส ตาบ้า” หน้าพิมภายิ้มเขินๆ แล้วก็หงุดหงิดตัวเอง “ทำไมต้องเขินด้วยเนี่ย หยุดเดี๋ยวนี้ยัยพิม หยุดยิ้ม”
พิมภาพยายามจะตบหน้าเรียกสติ แล้วจะเดินไปแต่จู่ๆ ก็มีมือเข้ามากระชากข้อมือของพิมภา พิมภาหันมาตกใจที่เห็นว่าเจ้าของมือคือเอกพล
“พี่เอก” พิมภาพยายามจะสะบัดให้หลุด “ปล่อยนะ”
เอกพลไม่พอใจยิ่งจับแน่น
“กับพี่ทำเป็นรังเกียจ แต่กับไอ้นักเขียนนั่นยอมมันง่ายๆ”
“ก็เป็นโชคของฉันไงที่ไม่ต้องเสียเปรียบคนเลวอย่างแก”
เอกพลหน้าตึง มองพิมภาอย่างร้ายๆ
“ถ้างั้นพี่คงต้องทวงสิทธิ์ของพี่บ้าง”
เอกพลดึงพิมภาเข้ามากอดจะลวนลาม พิมภาร้องพยายามจะผลักออกด้วยความตกใจ จู่ๆ มีมือเข้ามากระชากคอเสื้อเอกพล เอกพลหันมาเจอหมัดต่อยเข้าที่หน้าลงไปนอนคว่ำอยู่กับพื้น พิมภาหันมาเป็นตรีวิญที่เป็นคนเข้ามาช่วย
“คุณพิม เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่ค่ะ คุณมาทัน”
เอกพลลุกขึ้นมาอย่างโมโห
“แกไม่เกี่ยวอย่ายุ่ง”
ตรีวิญขยับมายืนบังพิมภาไว้
“ผมจะไม่ให้ใครมารังแกคุณพิมเด็ดขาด”
พิมภามองตรีวิญอึ้งๆ
“แส่นักเหรอ” เอกพลจะเข้าต่อยตรีวิญ
“คุณพิมครับ” เสียงฤชวีดังขึ้น เอกพลชะงักที่เห็นฤชวีเดินเข้ามา ฤชวีมองหน้าเอกพลแล้วจับมือพิมภาดึงให้มาอยู่ข้างตัวเอง “เขามาก่อกวนคุณอีกแล้วเหรอครับ”
ฤชวีมองเอกพลสีหน้าพร้อมจะเอาเรื่อง เอกพลมองฤชวีกับตรีวิญที่ยืนขวางพิมภา ประเมินแล้วว่าสองต่อหนึ่งตัวเองไม่รอดแน่ๆ
“เรื่องของเราเคลียร์กันวันหลัง วันที่ไม่มีคนอื่น”
เอกพลพูดกับพิมภาแล้วล่าถอยออกไป
“คุณพิม เขามีเรื่องอะไรกับคุณพิมเหรอครับ”
ตรีวิญหันมาถามพิมภา ฤชวีมองพิมภาที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง ฤชวียิ้มแล้วโอบพิมภา
“เรื่องเข้าใจผิดกันน่ะครับ” ฤชวีโอบพิมภาแน่น “ขอบคุณนะครับคุณตรีวิญที่ช่วยภรรยาผม”
ตรีวิญหน้าเสีย พิมภามองมือฤชวีที่โอบเธอแล้วมองหน้าฤชวี ฤชวีหันมายิ้มใกล้ พิมภาเขินจะขยับออก
“ขอบคุณนะคะ คุณตรีวิญ”
ฤชวีไม่ยอมปล่อยพิมภา พิมภาพยายามจะดึงตัวออกแต่ดึงไม่หลุด
“เอ่อ ผมจะมาชวนคุณพิมไปทานอาหารเช้าน่ะครับ” ตรีวิญบอก พิมภาจะตอบแต่ฤชวีชิงพูดก่อน
“ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณพิมไปเอง คงไม่ต้องรบกวนคุณ”
ตรีวิญยิ่งอึ้ง หน้าเสียหนัก
“งั้นผมไปที่ห้องอาหารก่อนนะครับ”
ตรีวิญเดินออกไป พิมภาหันมาหยิกฤชวี
“โอ้ย! เจ็บนะครับคุณพิม”
“ก็คุณพูดอะไรน่าเกลียด พูดโกหกอยู่ได้”
“ผมกำลังแสดงให้สมบทบาทต่างหาก” ฤชวีบอกแล้วจับมือพิมภาจะจูงไป พิมภาเขิน ทำเป็นรำคาญ
“ไม่ต้องหรอก ฉันเดินเองได้”
“อย่าลืมนะครับว่าตอนนี้ทุกคนคิดว่าเราคือสามีภรรยา ต้องเนียนนะครับ”
ฤชวีไม่ยอมปล่อยมือจากพิมภา จูงมือไป พิมภาเดินตามสายตามองมือฤชวีที่จูงตัวเองแอบยิ้มพอใจ ฤชวียิ้มพอใจ

ในห้องอาหาร สุกัญญากับตรีวิญถือจานอาหารเดินไปนั่งที่โต๊ะ ลัลนาเดินเข้ามากับซูซี่ ลัลนากดโทรศัพท์ดูแล้วบ่นออกมา
“ทำไมผิดเวลาแบบนี้นะ สายป่านนี้ยังไม่ส่งมาอีก”
ซูซี่ยื่นหน้ามอง
“รอข้อความเหรอคะ” ลัลนาหันขวับมองซูซี่
“ข้อความอะไรคะ ลัลไม่ได้รอสักหน่อย”
“คือมือถือ ถ้าเราไม่รอคนโทรมาก็ต้องรอข้อความน่ะสิคะ เอ๊ะ หรือว่าน้องลัลรอข้อความจาก...”
“ลัลไม่ได้รออะไรทั้งนั้น” ลัลนาขัดสียงดัง ซูซี่ถึงกับสะดุ้ง
“ไม่รอก็ไม่ต้องเสียงดังสิจ๊ะ พี่ตกใจหมดน้า”
ลัลนาเห็นภัทรพลกับนันทิกานต์เดินมาจากอีกด้าน ลัลนามองแล้วยืนสวยๆ กะว่าภัทรพลจะเข้ามาหาแต่ภัทรพลกลับเย็นชาเดินผ่านไปเหมือนไม่เห็นลัลนา ลัลนาอึ้ง ซูซี่มองตาม
“อ้าวน้องลัลคะ พี่ชายน้องพิมเขาเลิกคลั่งน้องลัลแล้วเหรอคะ”
ลัลนาหน้าเสียแต่ยังมีฟอร์ม

“ก็ช่างสิคะ ลัลไม่ได้สนใจสักหน่อย”

 
นันทิกานต์มองภัทรพลแล้วหันมองลัลนา
 

“พี่ภัทรไม่ชอบยัยลัลแล้วเหรอ”
ภัทรพลไม่ตอบเดินไปตักอาหาร นันทิกานต์เลยไม่กล้าถามต่อ ลัลนามองตามรู้สึกใจหายที่ภัทรพลดูไม่สนใจตัวเองอีกแล้ว
ฤชวีจูงมือพิมภาเข้ามา พิมภามองไปที่โต๊ะสุกัญญา พิมภาขืนให้ฤชวีหยุด ฤชวีหันมองว่ามีอะไร
“ฉันจะพาคุณไปแนะนำกับคุณสุ” พิมภาพาฤชวีเข้าไปที่โต๊ะสุกัญญา “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณสุ”
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ”
“คุณต้น นี่คุณสุ ผู้บริหารบริษัทนารี”
“สวัสดีครับ”
“พิมต้องขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับคุณสุ”
“ผมห้ามพิมไว้เพราะอยากให้เป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ น่ะครับ”
“พี่เป็นแค่เจ้านายนะไม่ใช่เจ้าชีวิต พี่มองลูกน้องที่ผลงานไม่ใช่เรื่องส่วนตัว”
“คุณสุคะเรื่องงานเมื่อคืน”
“พี่พอใจกับการจัดงานเมื่อคืนมากนะ”
“แต่”
“ส่วนที่ผิดพลาด เราจะไปคุยกันอีกทีที่บริษัท”
“ค่ะ”
“พิมเป็นผู้หญิงที่เก่ง คุณต้นโชคดีมากนะคะ” ฤชวียิ้มรับ
“ผมทราบดีครับ” ฤชวีหันมาทางพิมภา “เดี๋ยวผมไปตักอาหารให้นะครับ”
ฤชวียิ้มแล้วลุกไปตักอาหาร ขณะนั้นตรีวิญกำลังตักอาหารอยู่ ตรีวิญมองหน้าฤชวีแล้วมองที่โต๊ะสุกัญญา พอเห็นพิมภาก็รีบเดินไป ฤชวีมองตามแล้วหันมาตักอาหารเร็วขึ้น
“ดีแล้วที่พิมหลุดจากเอกพลมาได้ พี่ว่าคุณต้นเขาดูไม่เลวเลยนะ”
พิมภามองฤชวีคิดตามที่สุกัญญาพูด ตรีวิญถือจานอาหารเข้ามาลงนั่งร่วมโต๊ะ
“คุณพิมทานอะไรไหมครับ ผมจะตักให้”
ฤชวีเดินกลับมาวางจานสลัดกับข้าวต้มถ้วยเล็กๆ ให้กับพิมภา
“สลัดครับ ผมตักข้าวต้มมาเผื่อด้วย เมื่อคืนคุณคงเหนื่อย เช้านี้ทานหนักหน่อยก็ดีนะครับ ไม่ต้องกลัวอ้วนนะครับ เพราะข้าวต้มของเราเป็นข้าวกล้อง มีใยอาหาร รสชาติอร่อย”
“ขอบคุณค่ะ” พิมภาขยับจานสลัดมาจะทาน “เมื่อคืนคุณก็ไม่ได้ทานตอนเย็นเหมือนกันนะ ตักของคุณมาด้วยสิ”
“ครับ”
ฤชวีลุกไปตักของตัวเองมาแล้วมานั่งข้างพิมภา ตรีวิญมองไม่ค่อยพอใจนัก ฤชวีมองตรีวิญแล้วตักแฮมในจานตัวเองให้พิมภา
“ลองทานแฮมที่นี่สิครับ อร่อยนะ” พิมภาตักทาน
“อร่อยค่ะ”
ตรีวิญหน้าตึงจนสุกัญญาสังเกตเห็นว่าฤชวีกับตรีวิญดูจะตึงๆ ต่อกัน นันทิกานต์นั่งอยู่อีกโต๊ะกับภัทรพล
“โต๊ะโน้นเขามีศึกหน้านางกันน่ะพี่” นันทิกานต์หันมาหาภัทรพลแต่สายตานันทิกานต์เห็นลัลนาที่นั่งโต๊ะถัดไปไม่ห่างนักกำลังมองมาทางภัทรพล “พี่ภัทร ยัยลัลมองพี่ใหญ่เลย”
ภัทรพลหันมองไปทางโต๊ะลัลนา ลัลนาเบือนหน้าหนีไม่ทันจะยิ้มก็ไม่กล้าจะบึ้งก็ไม่กล้าหน้าเสียทรงมาก ภัทรพลไม่สนใจหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตากิน ลัลนาหน้าเสีย นันทิกานต์ถึงกับงงเป็นอะไรกันเนี่ย

ที่คอนโดเอกพล ปราสินีมองนาฬิกาอย่างกระวนกระวาย ปราสินีหยิบที่ตรวจครรภ์ขึ้นมาดูลุ้นๆ เห็นว่าขึ้นสองขีด ปราสินีดีใจมาก ปราสินีรีบออกจากห้องน้ำมาหยิบมือถือโทรออก
ขณะนั้นเอกพลกำลังจะเดินกลับไปที่ห้องพัก เสียงมือถือเอกพลดัง เอกพลมองแล้วกดรับ
“ว่าไงปลา”
“พี่เอก ปลาท้องค่ะ” ปราสินีบอกอย่างดีใจ
“ว่าไงนะ”
“ปลาบอกว่าปลากำลังท้องลูกของเราค่ะ พี่ดีใจมั้ย”
เอกพลหน้าเครียด
“แล้วปลารู้จักคลินิกที่ไหนบ้างไหม”
“จะให้ปลาไปฝากท้องที่คลินิกเหรอคะ แต่ปลาว่า...”
“ไปเอาออกซะ” ปราสินีตะลึง
การะเกตุเดินเข้ามาเอกพล
“เอกพล” เอกพลหันมา
“สักครู่นะครับคุณเกตุ” เอกพลคุยโทรศัพท์กับปราสินีต่อ “ปลาไปจัดการซะ แค่นี้นะ”
เอกพลกดวางสาย ปราสินีผิดหวังอย่างแรง
“คุณหายไปไหนมา ฉันหิวจะแย่แล้ว” การะเกตุเสียงแข็งใส่เอกพล
“ขอโทษนะครับ งั้นเรารีบไปที่ห้องอาหารดีมั้ยครับ”
การะเกตุเดินนำไป เอกพลรีบตามไป

การะเกตุเดินเข้ามาในห้องอาหารของรีสอร์ทกับเอกพล กลุ่มของบริษัทนารีทั้งหมดหันไปมองเอกพลอย่างเหม็นหน้า
“น้องลัลคะ นั่นมันยัยตัววุ่นวายเมื่อคืนนี่คะ ทำไมมากับนายเอกพลล่ะคะ” ซูซี่สะกิดลัลนา
“ผีเน่ากับโลงผุไงคะ” ลัลนามองเหยียดๆ
สุกัญญาเห็นการะเกตุ สุกัญญาลุกจากโต๊ะเดินไปหาการะเกตุ
“สวัสดีค่ะคุณการะเกตุ”
“น้องลัลดูสิคะ คุณสุลุกไปต้อนรับเองด้วย” ซูซี่สะกิดลัลนา นันทิกานต์ทนไม่ไหวรีบมาหาพิมภา
“ยัยพิม ท่าจะไม่ใช่ลูกค้าธรรมดาแล้วค่ะ”
“เชิญทางนี้ค่ะ” สุกัญญาพาการะเกตุมาที่โต๊ะ เอกพลตามมา “แนนจ๊ะ ตามลัลนามาให้พี่หน่อย” นันทิกานต์รีบไปเรียกลัลนา ลัลนาลุกเดินมา ซูซี่กับนันทิกานต์ตามมายืนห่างๆ อย่างอยากรู้ “ตรีวิญ พิม ลัล นี่คุณการะเกตุ เจ้าของห้างเจพาร์คที่เรากำลังจะไปลงช็อปใหญ่”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณตรีวิญ” การะเกตุมองตรีวิญแต่ไม่สนใจลัลนากับพิมภาเลย “เรื่องการติดต่อพื้นที่ ดิฉันคงต้องให้เป็นหน้าที่ของคุณเอกพล ผู้จัดการฝ่ายบริหารพื้นที่ของเจพาร์คค่ะ”
“สวัสดีครับ ยินดีนะครับที่เราจะได้ร่วมงานกัน คุณพิม”
เอกพลยื่นมือมาตรงหน้าพิมภา พิมภามองเอกพลอย่างรังเกียจ แต่จำต้องยื่นมือไปจับมือเอกพล เอกพลบีบมือพิมภายิ้มข่มว่าหนีไม่พ้นแน่ พิมภารีบดึงมือออก
“เอ่อ ทานอาหารเช้ากันก่อนดีมั้ยคะ จะได้คุยงานกันไปด้วย”
สุกัญญาตั้งใจพาการะเกตุออกไป เอกพลจะได้ห่างออกมาจากพิมภา
“ยัยเยอะเนี่ยนะ เจ้าของเจพาร์ค” ลัลนาบอกออกมา
“คำว่าเยอะไม่พอหรอก ยัยนี่น่ะมากมาย” ลัลนากับพิมภาสบตากัน “โดนใช่มั้ยเราน่ะ”
“บอกได้เลยว่า แรง”
“อืม”
พิมภากับลัลนามองไปที่การะเกตุ
“ลงช็อปคราวนี้ หืดขึ้นคอแน่”
“แต่ตอนนี้ที่สำคัญ คือยอดซื้อสินค้าจากงานนี้ เธอคงไม่แกล้งลืมหรอกนะ”
“ไปตัดสินกันที่บริษัท”
สองสาวต่างเชิดแยกกันไปที่โต๊ะของตัวเอง ลัลนาจงใจเดินผ่านโต๊ะภัทรพล
“พี่ภัทรเดี๋ยวแนนกลับด้วยนะ ไม่อยากกลับรถตู้”
“เอาสิ”

ลัลนาเดินผ่านภัทรพลก็ไม่มองหน้า ลัลนามองอย่างเริ่มไม่ชอบใจอยากให้ภัทรพลสนใจเหมือนเดิม
 

 
อ่านต่อตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น