xs
xsm
sm
md
lg

คุณสามี (กำมะลอ) ที่รัก ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 5

เสียงโทรศัพท์ของพิมภาดังขึ้น พิมภากับนันทิกานต์นอนอยู่คนละเตียง นันทิกานต์รำคาญ
 

“รับโทรศัพท์สิพิม”
พิมภาหยิบมือถือมารับสาย
“สวัสดีค่ะ” พิมภาฟังๆ แล้วตกใจเด้งตัวขึ้นมา “เดียว่าไงนะ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” นันทิกานต์เด้งตัวตามขึ้นมา “เดียส่งข้อมูลทั้งหมดใส่เมล์พี่เดี๋ยวนี้เลยนะ ส่งมาแล้วใช่ไหม” พิมภา หยิบไอแพดมาเปิดเมล์ทันที “แจ้งเลขาคุณสุว่าพี่ติดธุระด่วนที่ต่างจังหวัดยังกลับไม่ได้”
นันทิกานต์ได้ยินชื่อคุณสุตื่นเลย
“เกิดอะไรขึ้นพิม”
พิมภาเปิดเมล์เห็นข้อความที่ถูกรวบรวมใส่ไฟล์ พิมภาอ่านอย่างรวดเร็ว
“บ้าที่สุด”
นันทิกานต์ยื่นหน้ามาอ่านข้อความตกใจไม่แพ้กัน
“เฮ้ย! แกเคยไปมีเรื่องกับลูกค้าเหรอพิม”
“ไม่เคย นี่มันจงใจใส่ร้ายฉัน ฉันต้องกลับไปจัดการ”
พิมภาลุกพรวด
“เดี๋ยว แล้วเรื่องคุณต้นล่ะ แกมาที่นี่ทำไม จำได้ไหม”
พิมภาชะงัก
“กี่โมงแล้ว”
นันทิกานต์มองนาฬิกา
“แปดโมง”
พิมภารีบคว้าผ้าขนหนูแล้วเข้าห้องน้ำไปทันที นันทิกานต์หยิบไอแพดมาอ่านอีกทีอย่างกังวล

พิมภาเดินออกมาที่สระว่ายน้ำ มือพยายามกดมือถือ นันทิกานต์เดินตามออกมา
“ตัดสายฉันเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ” พิมภาบ่นอย่างหงุดหงิด
“ใจเย็นๆ ไอ้พิม”
“เย็นอะไรล่ะ นายนั่นกดสายฉันทิ้ง” พิมภากดโทรศัพท์หาฤชวีอีก แต่ก็โดนตัดสายอีก “จะตัดสายฉันทำไมเนี่ย นายต้น”
“เพราะผมอยู่ตรงนี้แล้วครับ”
พิมภากับนันทิกานต์หันไปเห็นฤชวีเดินออกมา
“ฉันมาตามที่คุณบอกแล้ว คุณจะกลับกรุงเทพฯกับฉันได้หรือยัง”
“เบาหน่อย ไอ้พิม” นันทิกานต์ปราม
ฤชวีมองพิมภาที่สายตาเอาเรื่อง
“ไม่กลับครับ” ฤชวีบอกเสียงเรียบ พิมภากับนันทิกานต์อึ้งทั้งคู่
“นี่มากไปแล้วนะ นายให้ฉันขับรถมาถึงที่นี่ ฉันต้องเสียเวลา เสียงานเสียการเพื่อจะมาฟังนายบอกว่าไม่กลับงั้นเหรอ”
“ครับ เพราะมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่ผมจะเป็นสามีให้คุณ”
“ฉันให้คุณเป็นแค่แค่สามีกำมะลอ สามีหลอกๆ เข้าใจไหม”
“ผมเข้าใจ แต่ความลับไม่มีในโลกสักวันครอบครัวคุณต้องรู้ความจริง”
“ก็มันยังไม่ถึงวันนั้น”
“การที่คนสองคนจะเป็นสามีภรรยามันต้องมีความรักให้กัน” พิมภายิ่งปรี๊ดเมื่อฤชวีพูดแบบนี้
“จะซับซ้อนทำไมมันเป็นแค่เรื่องโกหก”
“แล้วถ้ามีคนถามคุณว่าคุณรักผมตรงไหน คุณจะตอบว่ายังไง คุณจะโกหกได้เหรอครับว่าคุณรักผม”
“แค่คำว่ารักจะยากอะไร ฉันพูดก็ได้ ฉันรักคุณ”
ฤชวีอึ้ง นันทิกานต์ก็อึ้งไม่แพ้กัน
“เห็นแล้ว่ใช่ไหมว่าฉันพูดได้ ทีนี้คุณก็เป็นสามีกำมะลอให้ฉันได้แล้วใช่ไหม”
“สำหรับคุณมันคงเป็นแค่คำพูดพล่อยๆ” ฤชวีผิดหวังมาก
“นี่นาย”
“เพื่อผลประโยชน์ ทำให้คนเราพูดอะไรก็ได้ ผมเข้าใจแล้ว แต่ผมไม่อยากโกหก ผมทำไม่ได้” ฤชวีจะไป พิมภา
อัดอั้นตันใจจึงตัดสินใจบอกออกมาว่า
“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่ฉันบอกว่านายเป็นตัวปัญหา ฉันขอโทษที่พูดแรงกับนาย ความจริงนายไม่ใช่ตัวปัญหา ฉันต่างหาก ฉันผิดเองที่ลากนายเข้ามายุ่ง ฉันผิดที่โกหกทุกคน” พิมภาน้ำตาคลอด้วยความอัดอั้น “ฉันผิด ฉันผิด ฉันขอร้อง นายช่วยฉันได้ไหม” ฤชวีหันมองพิมภา นันทิกานต์สงสารพิมภามองฤชวีด้วยสายตาอ้อนวอนอีกคน ฤชวีจะไป “นายต้น”
ฤชวีหันกลับมา สีหน้าดูดีขึ้น
“ผมจะไปเก็บกระเป๋า รถคุณอยู่ที่ไหน ผมไม่ได้มีรถมา”
“นายยอมช่วยฉันแล้วเหรอ”
“ก็คุณรู้ว่าตัวเองผิด ยอมขอโทษ ผมก็โอเค”
“ถ้านายต้องการแค่นี้ทำไมไม่พูดทางโทรศัพท์”
“รู้ไหมครับถ้าเมื่อคืนคุณพูดคำว่าขอโทษ ผมก็กลับไปหาคุณแล้ว คุณไปรอที่รถนะครับ”
ฤชวีเดินออกไป พิมภาอึ้ง
“แกเจอคนจริงแล้วพิม ไปเช็กเอาท์ รีบกลับไม่ใช่เหรอ”

พิมภายิ่งอึ้งหนัก
 

 
อีกด้านหนึ่งที่บริษัทนารี เดียยืนอยู่ต่อหน้าสุกัญญา ตรีวิญ ลัลนา

“สรุปคือ...”
“วันนี้พี่พิมติดธุระที่ต่างจังหวัดค่ะ คงกลับมาไม่ทันจริงๆ”
ลัลนาพอใจแต่พยายามทำหน้านิ่ง
“ขอบใจมาก ไปทำงานได้แล้ว” เดียออกไป
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องพรุ่งนี้ผมคงต้องไปจัดการเอง ผมขอไปศึกษารายละเอียดก่อนนะครับ” ตรีวิญบอกแล้วออกไป
“ถ้าคุณสุไม่มีอะไรแล้ว...ลัล...”
“คุณช่วยติดต่อคุณพิมอีกทาง แล้วทั้งสองคนวางแผนกันมาสิว่าเรื่องนี้จะมีทางออกไหนมานำเสนอบ้าง”
“ค่ะ”
ลัลนาตอบรับแต่ไม่คิดจะทำตามที่สุกัญญาบอก

ฤชวีเก็บของเล็กๆ น้อยๆ ใส่กระเป๋าเสื้อผ้า ข้างๆ เป็นกระเป๋าโน้ตบุ๊ก มิ้นท์ที่แต่งตัวเตรียมไปทำงานออกมาจากห้องน้ำมองสงสัย
“ที่พี่เก็บของเนี่ยจะกลับไปกับคุณพิมใช่ไหม”
“ใช่”
“จะดีเหรอพี่ อกเดาะดามยากนะ”
“พี่ตั้งใจจะช่วยเขาอยู่แล้ว ถึงเขาไม่มาพี่ก็จะกลับไป พี่ไปก่อนนะแล้วจะโทรหา” ฤชวีเดินออกไป มิ้นท์มองตาม
“ยอมตั้งแต่หน้าประตูเลยสิ ดิ้นไม่หลุดแล้วพี่ต้นเอ๊ย” มิ้นท์หันกลับมาเห็นว่าฤชวีลืมกระเป๋าโน้ตบุ๊ก “พี่ต้นโน้ตบุ๊ก”
มิ้นท์รีบหยิบแล้วตามไป

พิมภายืนรอฤชวีอยู่ที่รถกับนันทิกานต์
“ฉันรู้สึกแพ้ว่ะแก” จู่ๆ พิมภาก็พูดขึ้นมา
“แกไม่ได้แพ้ แต่แกรู้สึกผิด เพราะว่าแกผิดจริงไง”
“แนน ฉันเพื่อนแกนะ”
“แต่เพื่อนไม่ควรสนับสนุนให้เพื่อนทำผิดไม่ใช่เหรอ”
“นี่จะกลายเป็นว่าฉันสร้างปมชีวิตอีกหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่หรอก ฉันว่าคุณต้นเขาก็ไม่เลวนะ”
“นายต้นเนี่ยนะ”
“เมื่อคืนแกดื้อด้านมาหลับอยู่ข้างสระ ฉันตามลงมาก็เลยเห็นคุณต้นน่ะเอาผ้ามาห่มให้แก นั่งเฝ้าแก พอฉันมาเขาก็ช่วยอุ้มพาแกกลับขึ้นห้อง เชื่อฉันเถอะว่าเขาไม่เลวจริงๆ” พิมภาอึ้ง
ฤชวีเดินออกมามาที่รถ ฤชวีเปิดประตูด้านหลังเอากระเป๋าตัวเองขึ้นรถ พิมภามองๆ แล้วจะขึ้นที่นั่งคนขับ
“แนน ไป”
ฤชวียั้งประตูไว้ พิมภามองทำนองว่าอะไรอีก
“ผมขับให้เองดีกว่า คุณคงเพลีย”
พิมภายังไม่ทันตอบ เสียงมือถือพิมภาดัง
“แม่” พิมภากดรับ “ค่ะแม่”

พิมมาลานั่งอยู่ที่บ้านโดยมี ภาณุวัฒน์กับภัทรพลนั่งโขกหมากรุกกันอยู่
“แม่กำลังเข้ากรุงเทพฯแล้วนะลูก พิมจะกลับบ้านกี่โมง”
“เอ่อ วันนี้พิมงานยุ่ง เข้าไปมืดๆ หน่อยก็ได้จ๊ะ” เสียงเตือนว่าแบตหมด สายถูกตัดไป “แบตหมด เฮ้อ อะไรกันนักกันหนา”
ภาณุวัฒน์กับภัทรพลหันมองอย่างสนใจ
“เป็นยังไงบ้างแม่”
“น่าจะง้อกันอยู่ เราเข้าไปถึงมืดหน่อยก็ได้”
“งั้นมาเล่นต่อ วันนี้พ่อไม่ชนะแก พ่อไม่เลิก”
“ได้เลยพ่อ”
ภัทรพลกับภาณุวัฒน์โขกหมากรุกต่ออย่างเมามันส์ พิมมาลายิ้มพอใจ

พิมภาหันมาหาฤชวี
“รีบไปให้ไวที่สุดเลยคุณ เราต้องไปถึงก่อนพ่อกับแม่ฉัน แนน ขึ้นรถ”
พิมภาขึ้นนั่งข้างที่นั่งคนขับ ฤชวีประจำที่นั่งคนขับ นันทิกานต์ขึ้นด้านหลัง ฤชวีออกรถกำลังจะแล่นไปแต่มิ้นท์วิ่งมาขวางรถไว้ ฤชวีเบรกเอี๊ยด!
“อะไรเนี่ย”
“มิ้นท์ มันอันตรายนะมิ้นท์ มาขวางไว้ทำไม” ฤชวีลงจากรถมาต่อว่าน้องสาว
“พี่ลืมโน้ตบุ๊คไว้ มิ้นท์เอามาให้เกือบไม่ทัน”
นันทิกานต์ พิมภาลงจากรถ พิมภามองมิ้นท์อย่างสงสัยว่าเป็นใคร
“นายต้น คนนี้ใคร”
มิ้นท์ยิ้มกว้างให้พิมภาทันที
“สวัสดีค่ะคุณพิม ชื่อมิ้นท์ค่ะ เป็นน้องสาวแท้ๆ ของพี่ต้นค่ะ”
“น้องรู้จักพี่ได้ยังไง” พิมภาถามอย่างแปลกใจ
“ก็พี่ต้นพูดถึงคุณบ่อยๆ พอได้เห็นตัวจริง มิ้นท์ถึงเข้าใจแล้วว่า...”
ฤชวีเห็นท่าไม่ดี รีบปิดปากมิ้นท์
“พูดมากไปแล้ว” ฤชวีหันมาหาพิมภา “คุณรีบไม่ใช่เหรอครับ ไปกันเถอะ”
“เดี๋ยว” พิมภาดึงมิ้นท์ให้หลุดจากการปิดปากของฤชวี “น้องคะ พี่ของน้องพูดถึงพี่ว่ายังไงคะ”
ฤชวีอึ้งๆ มองมิ้นท์ เห็นมิ้นท์ยิ้มล้อเลียน ฤชวีส่งสายตาว่าอย่านะ มิ้นท์มองหน้าฤชวีคิดแกล้ง
“พี่ต้นบอกว่า...คุณพิมสวยมากน่ะค่ะ” พิมภาที่กะจะเอาเรื่องเลยทำหน้าไม่ถูก “เจอตัวจริงก็เห็นว่าสวยจริงไม่ผิดที่พี่ต้นพูดเลยค่ะ”
“พี่ชื่อแนนเป็นเพื่อนพี่พิมนะจ๊ะ” นันทิกานต์แนะนำตัวเอง
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
ฤชวีเห็นพิมภาทำหน้าไม่ถูก เลยยิ้มล้อเลียน
“คุณพิมไม่รีบไปแล้วเหรอครับ”
“ไปสิ...ยินดีที่ได้รู้จักนะคะน้องมิ้นท์”
มิ้นท์ยิ้มตอบ ฤชวีกับพิมภา นันทิกานต์ขึ้นรถ ฤชวีขับรถออกไป มิ้นท์มองตามพลางบ่น

“เข้าใจละ ทำไมฤาษีต้นกล้าอยากตบะแตก” มิ้นท์ยิ้มชอบใจ
 

ฤชวีขับรถมาตามถนน นันทิกานต์นั่งสังเกตการณ์อยู่ด้านหลัง พิมภาเหลือบมองฤชวี ฤชวีรู้สึกว่าถูกมองก็เหล่พิมภา พิมภาทำเบือนหน้าไปทางอื่น
“คุณพิมมีอะไรอยากจะถามผมหรือเปล่าครับ”
“ฉันอยากรู้ว่าทำไมน้องสาวนายถึงรู้จักฉัน”
“ผมกับน้องสาวเราไม่เคยมีความลับต่อกัน”
“งั้นน้องนายก็รู้เรื่องที่นาย...” พิมภาตกใจ
“เป็นสามีกำมะลอน่ะเหรอครับ รู้สิครับ”
“นายไม่ควรเอาเรื่องของฉันไปพูดเป็นเรื่องสนุกปาก” พิมภาบอกอย่างไม่พอใจ
“ผมไม่ได้คิดจะเอาเรื่องของคุณพูดเป็นเรื่องสนุก แต่คิดถึงความเป็นจริงว่าผมต้องมาช่วยคุณ หมายความว่าผมต้องหายออกจากบ้าน แล้วคนทางบ้านผมจะคิดยังไง...ผมไม่อยากโกหกครอบครัวของผมเอง”
“โหย เจ็บอ่ะ” นันทิกานต์แกล้งบอก
“นี่นายหลอกด่าฉันเหรอ”
“นี่เป็นความคิดที่ผมมีต่อครอบครัวผม เราเป็นคนละคนกัน คุณก็มีเหตุผลของคุณ” พิมภาจะโวย “อย่าเหวี่ยงครับผมอาจเปลี่ยนใจได้”
ฤชวีพูดขัดขึ้นมา พิมภาหมั่นไส้มากแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะต้องพึ่งเขาจริงๆ เธอจึงได้แต่กอดอกอย่างขัดใจนันทิกานต์ยกนิ้ว พูดไม่มีเสียง
“สุดยอด”
ฤชวีมองผ่านกระจกหลังยิ้มนิดๆ ฤชวีอมยิ้มแอบมองพิมภาที่นั่งหน้างอขัดใจสุดชีวิต

ฤชวีขับรถเข้ามาจอดที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“ทานข้าวก่อนนะครับ”
“ฉันไม่หิว ฉันกำลังรีบ”
“คุณไม่หิวแต่ผมหิว เรากระเพาะคนละอันเข้าใจไหมครับ คุณแนนสนใจไหมครับ”
“สนสิคะ หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว”
พิมภาตาเขียวใส่เพื่อน แต่นันทิกานต์ทำหน้าซื่อใส่ไม่สน พิมภาอึ้ง ฤชวีถอดเบลท์
“ตอนนี้แดดแรงมากถ้าคุณจะรอในรถก็ได้ แต่ผมเชื่อว่าในร้านลมเย็นกว่าและอาหารร้านนี้อร่อยมาก”
“ไม่กินจริงๆ เหรอพิม อร่อยด้วยนะ”
“ไม่”
“ตามใจ”
ฤชวีลงจากรถ พิมภาสีหน้าเข่นเขี้ยวหมั่นไส้สุดๆ จังหวะนั้นท้องพิมภาร้อง พิมภาจึงตัดสินใจลงจากรถ ฤชวีมอง
“ฉันไม่อยากอยู่ในรถ มันร้อน”
ฤชวียิ้มแบบไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ นันทิกานต์แอบขำไม่ให้เพื่อนเห็น พิมภาดึงนันทิกานต์เดินนำเข้าไป ฤชวีมองตามยิ้มๆ

ฤชวีกับพิมภาเดินมาที่โต๊ะแล้วดึงเก้าอี้ให้พลางหันมองพิมภา พิมภาทำเป็นเดินไปนั่งอย่างจำใจมาก ฤชวีดึงเก้าอี้อีกตัวให้นันทิกานต์ นันทิกานต์นั่งอย่างยินดี
“ขอบคุณค่ะ”
ฤชวีนั่งลงอีกด้าน
“เร็วๆ นะ ฉันรีบ” พิมภาบอก
“ครับ”
เด็กเสิร์ฟเอาเมนูมาให้ ฤชวียังไม่ทันขยับ พิมภาหยิบเมนูเปิดสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่ว
“ไม่หิวนะ รีบด้วย สั่งไม่ถามใครเลย” นันทิกานต์แซว พิมภาจึงนึกได้หันมาถามฤชวี
“แล้วนายจะกินอะไร”
“ก็ตามที่คุณสั่งผมทานได้หมด”
“งั้นพี่เอาแค่นี้ เร็วหน่อยนะ พี่หิว” พิมภาหลุดปากแล้วนึกได้ “เพื่อนพี่หิวน่ะ” ฤชวีกับนันทิกานต์อมยิ้ม พิมภาเห็นฤชวียิ้มก็ไม่พอใจ “นายยิ้มอะไร”
“คุณเสียฟอร์มแล้วพาล น่ารักดี”
“โห โดน” นันทิกานต์บอกอย่างชอบใจผิดกับพิมภาที่ อึ้งไม่คิดว่าจะเจอคำตอบนี้จึงทำเมินมองไปทางอื่นซะเลย
“จะเขินทำไมเนี่ย” พิมภาบ่นตัวเองแล้วทำตึง ๆ แต่เหลือบมองทุกอิริยาบถของฤชวี
ฤชวีเช็ดแก้ว เช็ดจานเช็ดช้อน ตักน้ำแข็งให้เรียบร้อย พออาหารมาวางก็ตักข้าวให้ พอพิมภาเห็นอาหารก็ลืมเก็บอาการกินๆ ด้วยความหิว ฤชวีมองยิ้มๆ กินข้าวอย่างมีความสุข

ที่บริษัทนารี ซูซี่วางแฟ้มเอกสารตรงหน้าลัลนา
“แฟ้มรายละเอียดของสินค้ากับยอดขายที่ผ่านมาทั้งหมดของปีที่แล้วรวมกับของต้นปีแบบละเอียดยิบ น้องลัลก็รู้ทั้งหมดแล้ว จะเอาแฟ้มพวกนี้ไปทำอะไรเหรอคะ”
“ลงมือก่อนได้เปรียบค่ะ”
“เรื่องอะไรคะ”

ลัลนามองแฟ้มยิ้มๆ

ตรีวิญมองแฟ้มเอกสารตรงหน้าแล้วมองลัลนาที่ยิ้มโปรยเสน่ห์ให้
“ลัลคิดว่าคุณวิญอาจจะอยากได้ข้อมูลของสินค้ากับยอดขายของนารีที่ผ่านมา ลัลก็เลยรวบรวมมาให้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ตรีวิญจะดึงแฟ้ม ลัลนาวางมือบนปลายแฟ้มเหมือนรั้งไว้ ตรีวิญชะงักมองลัลนาว่ามีอะไร
“คุณเพิ่งมาถึงเมืองไทยไม่กี่วัน สนใจจะไปแฮงค์เอาท์ด้วยกันไหมคะ”
ตรีวิญมองท่าทีลัลนาอย่างคิดๆ
“ผมสนใจ...” ลัลนายิ้มว่าเข้าเป้า “ที่จะพักผ่อนเงียบๆ ที่บ้านตามลำพังมากกว่าครับ ขอบคุณสำหรับคำ
ชวนนะครับ” ลัลนาอึ้งที่โดนปฏิเสธ “ไม่ทราบว่าติดต่อคุณพิมภาได้หรือยัง”
“ยังไม่ได้ค่ะ ถ้าคุณวิญห่วงเรื่องวันพรุ่งนี้ ลัลจะแก้ปัญหานี่ให้เองคะ”
“แต่มันไม่ใช่ปัญหาของคุณ”
“ปัญหาของบริษัทคือปัญหาของลัลค่ะ”
ตรีวิญมองลัลนาอย่างพินิจอยากเห็นศักยภาพเหมือนกัน
“งั้นคุณลองจัดการดูก็ได้”
ลัลนายิ้มอย่างมั่นใจ

ทางด้านพิมภา เมื่อกลับถึงกรุงเทพเธอก็พาฤชวีกับนันทิกานต์เข้ามาในห้อง
“เพราะนายแวะกินข้าวแท้ๆ ถึงกลับมาเย็นป่านนี้ แถมรถยังติดเสียเวลาที่สุด” พิมภาบ่น
“ครับ”
พิมภามองฤชวีอยากจะบ่นแต่รู้ว่าบ่นไปก็เท่านั้น
“แนน เดี๋ยวแกช่วยฉันดูเรื่องยัยเบอรี่อะไรนั่นก่อนนะ”
“ก็ถ่อมากับแกเพื่อสิ่งนั้นล่ะ”

ที่หน้าจอโน้ตบุ๊กของพิมภา เป็นBlog ที่ลงข้อความโจมตีพิมภา พิมภาไล่อ่านสีหน้าเครียดมาก นันทิกานต์อยู่ข้างๆ ฤชวีนั่งมองอยู่ห่างๆ
“แกเคยมีเรื่องกับยัยเบอรี่อะไรนี่หรือเปล่า”
“นี่มันตั้งใจใส่ร้ายฉันชัดๆ แกดูวันที่สิ วันที่มันระบุเป็นวันหลังจากงานแต่งงานไม่กี่วัน ช่วงนั้นฉันอยู่ที่สมุยจะไปมีเรื่องที่ช็อปนารีได้ยังไง”
“แต่ยัยเบอรี่นี่แต่งเรื่องละเอียดมากนะ ทั้งชื่อ ตำแหน่งแก แล้วยังรู้ด้วยว่าช็อปนี้เป็นโซนที่แกดูแล ตอนนี้มันบิ้วท์ไปซะเรื่องใหญ่โต”
“ใครนะมันทำฉัน ทำบริษัทเราขนาดนี้! ฉันจะไม่ยอมให้บริษัทต้องเสียหายเพราะฉัน”
“แล้วแกจะทำยังไง”
“คนอย่างพิมภาก็ต้องแก้ปัญหาอยู่แล้ว ยิ่งมันไม่ใช่เรื่องจริงมันก็ต้องชนกันสักตั้งควานหาคนบงการว่ามันเป็นใคร”
ฤชวีมองพิมภาอย่างเป็นห่วง เสียงกริ่งของห้องดังขึ้น ทุกคนมองไปที่จอกล้องที่ติดหน้าห้องจึงเห็นภาณุวัฒน์ ภัทรพล พิมมาลามาอยู่ที่หน้าห้อง
“พ่อกับแม่มาแล้ว” พิมภาหันมาหาฤชวี “คุณพร้อมนะ” ฤชวีพยักหน้า “แนน แกอย่าพูดเรื่องที่บริษัทกับพ่อแม่ฉันนะ ฉันไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วง”
นันทิกานต์พยักหน้า พิมภาสูดลมหายใจเรียกำลังใจแล้วเดินไปเปิดประตู กลุ่มภาณุวัฒน์เข้ามา
“สวัสดีค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ พี่ภัทร”
“ไอ้แนน มาเป็นกขค.ทำไมเนี่ย”
“พี่ภัทรพูดบ้าอะไร แนนมันมาคุยงานกับพิม”
“งั้นดีเลย อยู่ทานข้าวด้วยกันนะ แม่ซื้อกับข้าวมาเยอะแยะเลย”
“ดีเลยค่ะ ทุ่นไปอีกมื้อ”
พิมภาผลักหัวนันทิกานต์
“ยัยงก”
นันทิกานต์ช่วยพิมมาลาถือกับข้าวไปจัดใส่จาน พิมภาตามไปอีกคน ภัทรพลเข้ามายืนข้างฤชวี
“ดีกันแล้วใช่ไหม”
ฤชวีสะดุ้งเล็กน้อย
“ครับ”
“ลิ้นกับฟัน กระทบกันบ้างก็ต้องใจเย็นๆ เข้าใจไหม”
“ครับ”

ภาณุวัฒน์กับภัทรพลไปนั่งที่โต๊ะ ฤชวีมองอย่างหนักใจแต่พอหันไปมองพิมภาที่กำลังช่วยจัดกับข้าวก็อดยิ้ม ไม่ได้ดีใจที่มีโอกาสอีก

คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 5 (ต่อ)

ทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ฤชวีนั่งข้างพิมภา ถัดไปเป็นนันทิกานต์ ตรงข้ามเป็นภัทรพล พิมมาลา ภาณุวัฒน์
พิมมาลานั่งมองเห็นพิมภากับฤชวีทานข้าวเงียบๆ พิมมาลาสบตากับภัทรพล ภาณุวัฒน์ มีพยักหน้าให้ภัทรพลช่วยจัดการบรรยากาศให้มันดีที
“นี่แนนรู้จักกับนายต้นด้วยหรือเปล่า”
ฤชวี นันทิกานต์ พิมภาสบตากันชั่วแว้บ
“รู้จักสิพี่ สามีเพื่อนรักไม่รู้จักได้ไง”
“รู้จักกันนานแล้วเหรอ”
“เดือนเดียวเองค่ะแม่”
“เดี๋ยวนายต้นเคยเรียนที่เดียวกับยัยพิม แนนก็เรียนมารุ่นเดียวกับพิม ทำไมถึงเพิ่งรู้จักนายต้นล่ะ”
“เอ่อ...อ่า” นันทิกานต์อึกอักไม่รู้จะตอบยังไง
“ต้นเขาอยู่คนละคณะกับพิมจ๊ะ พิมกับแนนเรียนบริหาร ต้นเรียนมนุษยศาสตร์จะรู้จักกันได้ยังไง” พิมภาแก้ตัวแทนเพื่อน
“ไม่เคยเจอกันเลยเหรอ มหาวิทยาลัยเดียวกันตั้งสี่ปีนะ”
“แนนไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมด้วย ก็เลยไม่ค่อยเจอเพื่อนต่างคณะหรอกพี่”
“ต้นเขาแอบชอบพิมก็ไม่เปิดเผยตัว แนนมันก็เลยไม่รู้จักนะจ๊ะ”
ฤชวีมองพิมภากับนันทิกานต์ที่ช่วยกันแต่งเรื่อง ฤชวีมองไปแล้วชะงักที่เห็นสายตาพิมมาลากับภาณุวัฒน์มองมาที่ตัวเองเหมือนจับตาอยู่
“ผมไปหยิบน้ำให้นะครับ” ฤชวีเดินหนีไปที่ครัว
“แล้วรู้ตอนว่าสองคนนี้จะแต่งงานกัน” ภาณุวัฒน์ถามต่ออย่างสงสัย นันทิกานต์สบตาพิมภาว่าไม่ไหวแล้วนะเว้ย พิมภาจึงแกล้งพูดเสียงดังขึ้นมา
“แนน แกต้องรีบกลับไม่ใช่เหรอ”
“รีบกลับ ใช่ พอดีแนนมีธุระต้องรีบไปน่ะค่ะ งั้นแนนไปเลยดีกว่า สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่”
“เดี๋ยวพิมเดินไปส่งแนนก่อนนะจ๊ะ”
พิมภารีบดันนันทิกานต์ให้ออกไป
“อ้าว จะรีบทำไมนักหนา” ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลมองตาม “แม่ พ่อว่าดูแปลกๆ นะ”
“สงสัยยังไม่ดีกันแน่เลยแม่”
พิมมาลาคิดๆ ว่าจะจัดการยังไง

พิมภาดันนันทิกานต์ให้เข้ามาที่หน้าลิฟต์
“ไอ้พิม ฉันจะตกนรกเพราะแกนี่ล่ะ ให้ฉันมุสาผู้ใหญ่เป็นฉากๆ ขนาดนี้”
“ฉันถึงได้ลากแกออกมานี่ไง”
“พ่อแม่แกมาอยู่แบบนี้ แกกับคุณต้นต้องแอ็คติ้งเป็นสามีภรรยายี่สิบสี่ชั่วโมงจะไหวเหรอแก”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว ยังไงก็ต้องไม่ให้พ่อแม่จับได้”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องต้องเล่นละครแต่หมายถึงแกอยู่ใกล้กับคุณต้น แกจะไหวเหรอ ยิ่งตอนนี้มาเห็นใกล้ๆ ฉันว่าเขาหล่อ แมน คะเนดูน่ากล้ามแน่นอยู่”
“อืม ก็แน่นอยู่”
พิมภาเผลอตัวออกมา นันทิกานต์ถึงกับชะงัก
“ไอ้พิม แกไปจับเขาตอนไหนถึงได้รู้ว่าแน่นไม่แน่น”
“ไอ้บ้าไม่ใช่อย่างที่แกคิดหรอกน่า”
“แล้วมันอย่างไหนล่ะ เล่ามา”
“ไปๆ ๆ พรุ่งนี้เจอกันที่ออฟฟิศแต่เช้านะ”
“ทำเป็นไม่ตอบ เพื่อให้สมจริงคืนนี้แกก็ต้องอยู่กับคุณต้นสองต่อสอง ฮื่อ” นันทิกานต์ทำเสียง ทำหน้าหื่นๆ แกล้งพิมภา
“ไอ้แนน”
พิมภาจะหยิกแต่นันทิกานต์หลบวูบเข้าลิฟต์ที่มาพอดี
“ฮะๆ ฮ่า โชคดีนะเพื่อน ฮื่ออ” นันทิกานต์โบกมือให้แต่ยังทำเสียงหื่นใส่ ล้อเลียนไม่เลิก พิมภาอยากจะตามแต่ลิฟต์ปิดพอดี พิมภาจะเดินกลับห้องรู้สึกหนักใจ

พิมภากลับเข้ามาในห้องแล้วห้องชะงักที่เห็นภาณุวัฒน์กับภัทรพลเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเรียบร้อยถือหมอนผ้าห่มเข้ามาที่ห้องพิมภา ขณะที่ฤชวีล้างจานอยู่
“นี่พ่อกับพี่ถือหมอนกับผ้าห่มมาทำไม” พิมภาถามอย่างแปลกใจ
“คืนนี้พ่อแม่ พี่ภัทรจะนอนที่ห้องพิมนะ”
“ปกติก็นอนห้องข้างๆ กันนี่จ๊ะ”
“วันนี้มากะทันหันไม่ได้ทำความสะอาดห้อง แม่เหนื่อย ห้องพิมก็มีห้องนอนตั้งสองห้องนี่ พิมกับต้นต้องนอนห้องเดียวกันอยู่แล้ว เหลือห้องหนึ่งให้พ่อกับแม่กับพี่นอนไม่ได้หรือไง”
พิมภาพูดไม่ออก ภัทรพล พิมมาลา ภาณุวัฒน์มองหน้ากันแอบยิ้ม ฤชวีกับพิมภามองหน้ากัน

พิมภาดันฤชวีเข้ามาในห้อง พลางหันไปพูดกับด้านนอกว่า
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะพ่อแม่”
พอประตูปิดลง พิมภามองฤชวีที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ในห้อง

“เพื่อให้สมจริงคืนนี้แกก็ต้องอยู่กับคุณต้นสองต่อสอง ฮื่อ” พิมภานึกถึงคำพูดนันทิกานต์จึงมองฤชวีอย่างระแวง ฤชวีมองไปรอบห้องหันมาเจอสายตาพิมภาที่ดูระแวง ฤชวีชะงักว่าจะเอายังไงดี

พิมภาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนที่ดูรัดกุมมากเดินมานั่งที่เตียงเอาผ้าห่มคลุมตัว พลางมองฤชวีไม่วางตา
ฤชวีเข้ามาหยิบหมอน พิมภาขยับถอยอย่างระแวง ฤชวีเดินไปที่มุมประตูระเบียงวางหมอนแต่หันมายังเห็นพิมภานั่งจ้องตัวเอง
“นั่งจ้องทั้งคืนมันเหนื่อยนะครับ นอนเถอะครับ ผมสาบานว่าจะไม่เข้าใกล้คุณเกินห้าเมตร”
“ฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง”
“ผมคงพูดให้คุณพิมเชื่อไม่ได้หรอกครับ ถ้าการกระทำที่ผ่านมายังทำให้คุณไม่ไว้ใจผม ผมก็ไม่รู้จะพูดไปเพื่ออะไร ราตรีสวัสดิ์นะครับ” ฤชวียิ้มแล้วล้มตัวลงนอนหันหลังให้ทางพิมภา พิมภามองฤชวีแล้วตัดสินใจล้มตัวลงนอนบนเตียงหันหลังให้กับฤชวี

ช่วงตีหนึ่งพิมภารู้สึกอากาศเย็นกระชับผ้าห่มเข้ากับตัว
“เย็นไปไหมเนี่ย”
พิมภาพลิกตัวกลับมาเห็นฤชวีแล้วนึกได้จึงหันไปมองทางฤชวีที่นอนขดตัวอยู่ พิมภาขยับขึ้นมานั่งมองแล้วตัดสินใจลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าห่มสำรองออกมา พิมภาเอาผ้าห่มห่มให้กับฤชวีอย่างเบามือ
“หนังหนาไม่หนาวหรือไงยะ”
พิมภาเดินกลับไปนอนที่เตียงตัวเอง มือฤชวีจับผ้าห่มขยับให้กระชับตัวแล้วยิ้มปลื้มออกมาทั้งที่ยังนอนหลับตาอยู่

เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่พิมภายังนอนหลับอยู่บนเตียง เสียงนาฬิกาปลุกดังจากห้องน้ำแต่พิมภายังเอาหมอนอุดหูจนกระทั่งมือพิมมาลามากระชากผ้าห่มออก
“นี่นายจะทำอะไร” พิมภาต่อว่าเพราะคิดว่าเป็นฤชวี แต่พอลืมตามองเห็นว่าเป็นพิมมาลาก็ตกใจ “แม่” พิมภา
หลับตาแล้วนึกได้ว่าแม่เข้ามาในห้องนอนก็ตกใจ “แม่ เข้ามาได้ ยังไงแล้ว” พิมภาหันมองทางมุมห้องไม่เห็นฤชวีแล้ว “ไปไหนแล้ว”
“ไปอาบน้ำได้แล้วไป ไม่ทำงานหรือไง”
“ไปจ๊ะ”
“เร็วๆ นะ”
พิมมาลาออกไป พิมภามองหาฤชวีแล้วเข้าไปดูในห้องน้ำ พิมภาเปิดประตูในห้องน้ำก็ไม่เห็นฤชวี
“ไปไหนของเขา”
พิมภาคว้าผ้าขนหนูเข้ามาในห้องน้ำ จะหยิบแปรงสีฟันแต่เห็นแปรงสีฟันมีบีบยาสีฟันไว้ให้แล้ว พิมภาแปลกใจหยิบขึ้นมาดู
“นายนั่นคงไม่ได้หยิบแปรงผิดหรอกนะ” พิมภามองนาฬิกา “จะสายแล้ว”
พิมภารีบแปรงฟันอย่างรีบเร่ง

พิมภาแต่งตัวเรียบร้อยออกมา เห็นภัทรพลกับภาณุวัฒน์นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะมีทั้งอาหารเช้าแบบอเมริกันเบรกฟาสท์และข้าวต้มร้อน ๆ ตั้งอยู่บนโต๊ะ พิมภาเดินเข้ามามองๆ
“โอ้โหวันนี้แม่จัดเต็ม ทั้งไทย ฝรั่งเลยเหรอ”
พิมมาลาเดินออกมาจากห้องอีกห้อง
“เปล่า ไม่ใช่ฝีมือแม่”
“พ่อกับพี่ภัทรเหรอ”
“หึ แกคิดเหรอว่าพ่อจะทำ”
พิมภาหันมองภัทรพล ภัทรพลส่ายหน้า
“อ้าว งั้นฝีมือใคร”
ฤชวีถือจานออมเล็ตออกมาวางให้ภัทรพล
“คุณพิมจะรับไข่ดาวหรือออมเล็ตดีครับ” ฤชวีถามพิมภา
“อย่าบอกนะว่าทั้งหมดนี่ฝีมือนาย” ฤชวียิ้มรับ
“ครับ คุณพิมรีบทานเถอะครับ จะได้ไปทำงาน” ฤชวีเดินไปหยิบน้ำมะเขือเทศมาวางตรงหน้าพิมภา “น้ำมะเขือเทศดีกับผิวนะครับ ตกลงไข่ดาวหรือออมเล็ตครับ”
“ไข่ดาวไม่สุกก็ได้”
“นั่งรอสักครู่นะครับ”
พิมภาหยิบน้ำมะเขือเทศมาดื่มแล้วนั่งลง มองตามฤชวีไปอย่างทึ่งๆ ภาณุวัฒน์กับภัทรพลที่นั่งขนาบอยู่ตักอาหารขึ้นชิม
“ฝีมือแฟนแกไม่เลวนะ”
“ตาต้นลุกมาตั้งแต่ตีห้าครึ่งล่ะมั้ง เพราะแม่ออกมาก็เตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว”
ฤชวีเอาผลไม้มาวางให้ภาณุวัฒน์กับภัทรพล เอาไข่ดาววางให้พิมภา
“บริการยังกับภัตตาคาร”
“ตาต้นมานั่งกินได้แล้ว พอแล้วลูก”
“ลูกเลยเหรอ” พิมภาบ่นออกมาเบาๆ
“ยัยพิม กินเร็วๆ สิ งานน่ะจะไปทำหรือเปล่า”
พิมภาได้สติมองนาฬิกา
“สายแล้ว พิมไปก่อนนะจ๊ะ” พิมภาบอกแล้วรีบลุกขึ้น
“เดี๋ยวครับ คุณพิม ผมไปด้วยครับ” ฤชวีบอก พิมภามองงง
“นายจะไป”
“ไปก่อนนะครับ”
ฤชวีจับมือพิมภาแล้วดึงออกไปเลย ภัทรพลมองตามยิ้มๆ

“แผนแม่ได้จริงๆ ด้วย เกี่ยวก้อยกันไปโน่นเลยแม่” พิมมาลามองตามยิ้มพอใจ

ฤชวีดึงมือพิมภาเดินมาที่หน้าลิฟต์ พิมภาสะบัดมือจนหลุดจากมือของฤชวี

“นายจะตามมาทำไม ฉันจะไปทำงาน”
“แต่ผมไม่อยากให้คุณไปคนเดียว”
“นี่ บริษัทฉัน ฉันไปกลับมาหลายปีแล้ว ฉันไม่หลงหรอกน่า นายไม่ต้องไปรับไปส่ง ฉันไม่ใช่เด็กๆ นะ”
“ผมรู้ว่าคุณเก่ง แต่วันนี้คุณต้องไปเจอกับม็อบที่จะมาเรื่องคุณไม่ใช่เหรอครับ ผมว่าถ้าผมไปด้วยเผื่อจะช่วยรับมือได้”
“นายจะช่วยอะไรฉัน”
“ยังไม่รู้ครับ แต่ถ้าช่วยได้ผมจะช่วย ผมไม่อยากเป็นห่วงอยู่ที่บ้าน”
“นายเป็นห่วงฉันเหรอ”
“ครับ” พิมภาอึ้ง
“ตามใจ อยากไปก็ไป”

พิมภาจอดรถก่อนถึงหน้าออฟฟิศ ฤชวีมองพิมภาว่าจอดทำไม
“นายเข้าใจใช่ไหมว่าเรื่องที่นายเป็นสามีกำมะลอจะให้คนที่ออฟฟิศฉันรู้ไม่ได้”
พิมภาหันมาบอก ฤชวีสะเทือนใจ
“ผมเข้าใจ เดี๋ยวผมจะนั่งรอที่ร้านกาแฟแถวนี้ ถ้าคุณจะออกมาแล้วก็โทรมาหาผมนะครับ”
พิมภาพยักหน้ารับ ฤชวีลงจากรถ พิมภาขับรถออกไป ฤชวีมองตามน้อยใจแต่พยายามบอกตัวเอง
“มันเพิ่งเริ่มต้น ใจสู้หน่อยฤชวี”
ฤชวีพยายามบอกตัวเองให้ฮึดก่อนจะเดินไปนั่งรอที่ร้านกาแฟ

ลัลนาเดินนำซูซี่เข้ามาในบริษัท
“พี่ซูซี่ไปตามงานจากฝ่ายต่างๆ แล้วมารายงานให้ลัลฟังเร็วที่สุด เราจะออกไปก่อนเที่ยงไปรับหน้าม้อบที่ช็อปนารี” ซูซี่ชะงัก ลัลนาเห็นซูซี่ไม่ตอบรับจึงหันกลับมา “มีอะไรเหรอพี่ซูซี่”
“น้องลัลคงหมดโอกาสจะทำผลงานแล้ว”
ลัลนามองตามสายตาซูซี่จึงเห็นพิมภากำลังเดินเข้ามา
“ลัลไม่ยอมให้ยัยพิมทำลายโอกาสลัลแน่”

พิมภารีบมาที่ห้องทำงานแล้วนั่งอ่านรายละเอียดในหน้าจอคอมฯอีกหน
“แกอ่านเป็นรอบที่สิบแล้วนะเนี่ยจะเก็บทุกคำทุกเม็ดเลยใช่ไหม”
“ยิ่งเราทำการบ้านมากเท่าไหร่ ตอนรับมือมันจะดีกับตัวเราเอง”
“แล้วแกคิดหรือยังว่าจะจัดการเรื่องวันนี้ด้วยวิธีไหน”
“ฉันจะไม่ยอมเด็ดขาด เรื่องไม่มีมูลถ้าขอโทษเท่ากับเราทำจริง เรามีแต่จะเสียหาย ฉันจะต้อนให้มันสารภาพว่าใครเป็นคนบงการ ฉันจะต้องหาตัวคนผิดมาให้ได้”
“แต่แกต้องใจเย็นๆ ก่อน เอางี้ฉันจะไปดูสถานการณ์ที่ช็อปก่อน แกจะไปกับฉันเลยไหม”
“แกไปก่อนเถอะ”
“ทำไมไม่ไปพร้อมกันล่ะ”
“เถอะน่า แกอย่าเซ้าซี้ได้มั้ย”
“ก็ได้ นี่ แล้วมาร์เก็ตติ้งคนใหม่แกเห็นหน้าหรือยัง”
“เรื่องนั้นช่างก่อนเถอะ แก้ปัญหาได้แล้วถึงจะเอาหน้าไปเจอดีกว่า”
“ก็ถูกของแก”
นันทิกานต์ออกไป พิมภาโทรหาฤชวี

ฤชวีมองมือถือเห็นเป็นเบอร์พิมภาโทรมาจึงยิ้มแล้วกดรับสาย
“ครับคุณพิม ผมจะไปรอที่เดิมนะครับ” ฤชวีวางสายแล้วมองแก้วกาแฟในมือ “หวังว่าคุณจะชอบ”
ฤชวีเดินไปตรงจุดที่นัดกับพิมภา
พิมภาเก็บของหยิบกระเป๋าจะออกไป เสียงโทรศัพท์ในห้องพิมภาดัง พิมภารับสาย
“พิมภาพูดสายค่ะ” พิมภาทำหน้าตกใจ “แนนหกล้ม หัวฟาดพื้นเลยเหรอ ห้องน้ำชั้นไหน”

พิมภาวิ่งมาที่หน้าห้องน้ำอย่างรีบร้อน พิมภารีบผลักประตูเข้าไปแล้วชะงักเพราะ ในห้องน้ำว่างเปล่าไม่มีคน พิมภามองแปลกใจ
“แนน”
พิมภายื่นหน้าไปมองแล้วคิดสงสัย พิมภารู้สึกว่าแปลก ๆ จะถอยออกมา ทันใดนั้นมีมือผลักให้พิมภาถลาเข้าไปในห้องน้ำ พิมภาเกือบล้มแต่มือจับขอบอ่างล้างหน้าพยุงตัวไว้ได้ พิมภาตั้งหลักยืนได้หันมาทางประตูเห็นว่าประตูกำลังจะถูกดึงปิด พิมภาโผจะเข้าไปจับประตูแต่ช้าไป ประตูถูกปิด ปึ้ง พิมภาพยายามจะดึงเปิดประตูแต่เปิดไม่ออก
“ใครน่ะ เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ เปิด”
ที่หน้าห้อง ซูซี่เอาไม้ขัดประตูไว้ ซูซี่ จุ๋มจิ๋ม ลิลลี่ยิ้มให้กัน ทั้งสามคนแล้วมองซ้ายมองขวาแล้วรีบออกไป

“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ เปิด ช่วยด้วย ช่วยด้วย”

ฤชวีมายังจุดที่นัดเจอกับพิมภาและยืนรอมองหาอย่างเริ่มรู้สึกร้อนใจเป็นห่วงพิมภา ฤชวีมองนาฬิกา
“น่าจะมาถึงแล้วนี่ นานเกินไปหรือเปล่า” ฤชวีโทรศัพท์หาพิมภา เสียงโทรศัพท์โทรติดแต่ไม่รับสาย “คุณพิม”
พิมภายังถูกขังอยู่ในห้องน้ำ เธอทุบประตูจนเจ็บมือจึงหยิบไม้มาทุบแทน
“ใครก็ได้เปิดประตูให้ฉันที ช่วยด้วย เปิดประตู” พิมภามองนาฬิกาข้อมือแล้วยิ่งร้อนใจ “จะได้เวลาม็อบมาแล้ว”

ฤชวีเดินไปเดินมาพยายามกดโทรศัพท์หาพิมภาแต่ไม่มีคนรับสาย
“คุณพิม”
ฤชวีห่วงพิมภามากขึ้นทุกที จึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปที่บริษัท
ฤชวีวิ่งเข้ามาที่ล็อบบี้ของบริษัทแล้ววิ่งไปหาเจ้าหน้าที่
“สวัสดีครับ ผมนัดคุณพิมภาไว้ ช่วยโทรแจ้งคุณพิมด้วยครับ ว่าผมมาถึงแล้ว”
“สักครู่นะคะ” เจ้าหน้าที่กดโทรศัพท์ต่อสาย แต่ไม่มีคนรับสาย “คุณพิมไม่อยู่ที่ห้องน่ะค่ะ”
ฤชวียิ่งร้อนใจ
“ผมต้องพบคุณพิมภาเดี๋ยวนี้ ไม่ทราบว่าคุณพิมอยู่ชั้นไหนครับ”
“ขอโทษนะคะ เราไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกขึ้นตึกได้โดยที่ไม่มีพนักงานของบริษัทมารับน่ะค่ะ”
“ถ้างั้นคุณแจ้งคุณแนน ผู้ช่วยคุณพิมให้ผมได้ไหม”
“คุณแนนออกไปแล้วค่ะ”
“ถ้างั้นขอเบอร์ติดต่อคุณแนนได้ไหมครับ”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ดิฉันไม่สามารถให้ข้อมูลของพนักงานกับบุคคลภายนอกได้ค่ะ”
“แต่นี่เป็นเรื่องด่วนนะครับ ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยต่อสายเข้ามือถือคุณแนนให้ผม ใช้โทรศัพท์ของบริษัทน่ะครับ”
เจ้าหน้าที่ลังเล “คุณต่อสายแล้วถามว่ารู้จักผมไหม ผมจะขอเรียนสายด้วย ตกลงไหมครับ ผมชื่อต้น เพื่อนคุณพิม”
เจ้าหน้าที่มองแล้วตัดสินใจยอมต่อสายสอบถามนันทิกานต์

นันทิกานต์กำลังจะเดินเข้าไปในห้างขณะคุยมือถือ
“คุณต้นจะขอคุยสายกับพี่เหรอ พี่รู้จักให้เขาคุยสายกับพี่เลย”
พนักงานส่งโทรศัพท์ให้ฤชวี
“คุณแนน ผมต้นนะครับ”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ ฮะ ยัยพิมไม่ได้ออกไปตามนัดเหรอคะ แล้วลองโทร...โทรไปก็ไม่รับเหรอคะ เอตอนแนนออกมา พิมก็บอกว่าจะออกมาแล้วนะคะ เป็นอะไรหรือเปล่า” นันทิกานต์ชักเป็นห่วงเหมือนกัน ฤชวีจึงยิ่งร้อนใจ
“คุณแนนบอกผมทีว่าคุณพิมทำงานอยู่ชั้นไหน ผมเป็นห่วงว่าอาจจะมีเรื่อง แต่เจ้าหน้าที่คงไม่ยอมให้ผมขึ้นไปข้างบนง่ายๆ”
“งั้นคุณต้นส่งโทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่นะคะ แนนจะจัดการให้เอง”
ฤชวีส่งโทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์มาฟังสาย
“ค่ะพี่ ได้ค่ะ ค่ะ” เจ้าที่วางสายแล้วเดินออกไปเรียกรปภ. “รปภ.คะ ช่วยพาคุณคนนี้ขึ้นไปที่ห้องคุณพิมภาทีนะ”
“ครับ เชิญครับ”
ฤชวีจะไป เจ้าหน้าที่เรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะ” เจ้าหน้าที่หยิบกระดาษมาเขียนเบอร์นันทิกานต์ “คุณแนนว่าถ้ามีอะไรให้โทรแจ้งด้วยค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
รปภ.เดินนำฤชวีไป ฤชวีรีบตามไป

ประตูลิฟต์เปิด รปภ.เดินนำ ฤชวีเดินตามออกมา
“คุณเดินไปตามทาง จะเจอห้องคุณพิมภาครับ”
“ขอบคุณครับ”
ฤชวีรีบวิ่งไปทันที

พิมภาโมโหเริ่มเอาตัวกระแทกประตู
“โอย ทำไมมันไม่เปิดเหมือนในละครนะ ช่วยด้วย ใครก็ได้เปิดประตูให้ฉันที”

ฤชวีชะงักหันมองไปทางด้านหลัง ฤชวีมองๆ แล้วเดินไปที่ห้องพิมภา
“คุณพิม”

พิมภายังทุบประตูห้องน้ำแล้วตะโกนขอความช่วยเหลือ
“มีใครได้ยินไหม ช่วยฉันที” เสียงแกร็กๆ ที่หน้าประตู พิมภามีความหวังพยายามเปิดประตูออกไป “เปิดประตูให้ฉันที ฉันอยู่ในนี้”
พิมภาใจร้อนพยายามจะดันออกไปสุดฤทธิ์ ประตูถูกดึงออกไป พิมภาเสียหลัก ร่างของพิมถลาออกไปพร้อมกับประตูที่ถูกดึงออกไป พิมภาถลาออกมาเข้าอ้อมแขนคนที่เปิดประตู ทั้งคู่เสียหลักล้มลง พิมภาล้มทับคนที่มาเปิดประตูซึ่งก็คือตรีวิญ
ตรีวิญมองพิมภาอย่างตะลึงนิดๆ ทั้งคู่มองหน้ากันนิ่งไปชั่วอึดใจ พิมภารู้สึกตัวรีบลุกขึ้นมา ตรีวิญลุกตาม
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วย ฉันต้องรีบไปแล้ว”
“เดี๋ยวสิคุณ”
พิมภารีบวิ่งออกไป
“พิม”

ตรีวิญมองตามสายตาพึงพอใจ

อ่านต่อเวลา 17.00น.

ฤชวีเปิดประตูเข้ามาในห้องไม่เจอพิมภา ฤชวีจะหันกลับไปตามหา พิมภาวิ่งเข้ามาที่หน้าห้อง
“คุณพิม”
“นายเข้ามาได้ยังไง”
“ผมเห็นคุณไม่ไปตามนัด ก็เลย”
“เรื่องนั้นช่างก่อนเถอะ ตอนนี้ฉันสายแล้ว รีบไปดีกว่า”
พิมภาไปคว้ากระเป๋าแล้วรีบออกไป ฤชวีรีบตาม
 
ห้างสรรพสินค้าที่ตั้งช็อปนารี ลัลนากับซูซี่เดินเข้ามาใกล้จะถึงช็อป จึงเห็นว่ามีคนมาออกันที่หน้าช็อป  ลัลนาจะเข้าไป ซูซี่ดึงไว้
“น้องลัลคะ เรามารับหน้าแทนน้องพิมแบบนี้มันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอคะ ถ้าเกิดปะทะกันขึ้นมาพี่ว่าเรามีทางอื่นที่จะสร้างผลงานโดยไม่หาเรื่องเจ็บตัวนะคะ”
“สร้างผลงานด้วยตัวเองมันไม่เจ๋งเท่ากับสร้างผลงานบนปัญหาของคู่แข่งหรอกค่ะ ถ้าสำเร็จยัยพิมก็จะคะแนนตกต่ำในสายตาของทุกคน”
“แล้วถ้าไม่สำเร็จล่ะคะ”
จุ๋มจิ๋มดึงลิลลี่แต่ไม่ทัน ลัลนาหันมาจิกตาใส่
            “สำหรับพี่ลัลทุกอย่างต้องสำเร็จอยู่แล้วค่ะ เพราะพี่ลัล เอ่อ” จุ๋มจิ๋มมองซูซี่ ซูซี่จึงช่วยพูด
“เป๊ะเวอร์ค่ะ...แต่จะเละเวอร์ก็คราวนี้ล่ะวะ” ซูซี่บ่นกับตัวเองแล้วทำหน้าไม่มั่นใจนัก ลัลนาเดินเข้าไป  ซูซี่  จุ๋มจิ๋ม  ลิลลี่จำต้องเดินตาม
 
ขณะนั้นเบอรี่กับเพื่อนๆ ยืนออกันอยู่ที่หน้าช็อปนารี เบอรี่บิ้วท์ให้ดูเป็นเรื่องใหญ่ตลอดเวลา  นันทิกานต์กับเดียพยายามจะไกล่เกลี่ย
“เรียกพิมภาออกมา  ถ้าไม่มาขอโทษฉัน  ฉันไม่จบเรื่องแน่”
“คุณพิมภากำลังมาใจเย็นๆ นะคะ”
“ไม่กระตือรือร้นแบบนี้มันไม่แคร์ลูกค้านี่ บริษัทนารีทำกับลูกค้าแบบนี้แย่ที่สุด”
นันทิกานต์หน้าตึง 
            “รอให้คุณพิมมาถึงก่อนจะดีกว่านะคะ ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะโดนข้อหาหมิ่นประมาทบริษัทก็ได้นะคะ”
“นี่คิดจะเข้าข้างกันใช่ไหม ไม่นึกถึงใจลูกค้าที่ถูกทำร้าย ฉันจะประจานพฤติกรรมพนักงานบริษัทให้ถึงที่สุดเลย” เบอรี่บอก
“มากไปแล้วนะคุณ”
“จะทำไม”
ฤทธิ์เข้ามาขวาง
“อย่าถึงเนื้อถึงตัว ไม่รับประกันความปลอดภัยนะ”
“จะทำร้ายฉันเหรอ นี่คิดจะใช้กำลังกับลูกค้า ทุเรศที่สุด”
เดียกับฤทธิ์อยากจะพุ่งเข้าไปเล่นงานเบอรี่ นันทิกานต์จะดึงแต่เสียงลัลนาดังขึ้นก่อน
“หยุดก่อนค่ะ” ทุกคนหันมอง  ลัลนาเดินเข้ามา “ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้เราเจรจากันได้นะคะ”
“คุณเป็นใคร”
“ดิฉัน  ลัลนา เป็นแบรนด์เมเนเจอร์ของบริษัทนารี”
“ฉันจะคุยกับคนที่ชื่อพิมภาเท่านั้น”
“คุณพิมไม่สะดวกที่จะมา ทางบริษัทจึงส่งดิฉันมาเป็นตัวแทนค่ะ”
“ลัลนาเธอมา อุ๊บ”
ซูซี่  ลิลลี่   จุ๋มจิ๋มพยายามจะดึงนันทิกานต์ให้ออกไป เดียกับฤทธิ์ช่วยกันดันลิลลี่กับจุ๋มจิ๋มให้ออกไปแต่แก๊งค์นี้ก็ออกมายึดยื้อกันห่างจากลัลนากับเบอรี่
“ทางบริษัทมีความเสียใจนะคะที่พนักงานของเราสร้างความขุ่นใจให้กับลูกค้า ถ้ามีทางใดที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกดีขึ้นได้บ้าง ทางบริษัทก็ยินดีค่ะ”
เบอรี่ยิ้มเป็นต่อทันที
“ฉันต้องการคำขอโทษและการกระทำที่ทำให้เห็นว่าทางคุณสำนึกผิด”
นักข่าวเข้ามารุมถ่ายรูป  บีบให้ลัลนาต้องฝืนยิ้มต่อไป ลัลนายิ้มประนีประนอมที่สุด
“ถ้าเช่นนั้นทางเราต้อง” ลัลนายกมือไหว้ “กราบขอประทานโทษกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นและเพื่อเป็นการปลอบขวัญ ทางบริษัทขอมอบกิ๊ฟวอยเชอร์มูลค่าห้าพันบาทสำหรับให้ลูกค้าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของนารีนะคะ”
“ฉันต้องการให้พนักงานที่ชื่อพิมภาขอโทษฉันออกสื่อด้วยว่าได้สำนึกผิดจริง”
“ดิฉันขอให้เรื่องจบที่ตรงนี้ตอนนี้จะได้ไหมคะ”
“ไม่ได้ ถ้าไม่ได้ตามนั้นก็ให้พี่ๆ นักข่าวทำข่าวไปเลยว่าบริษัทนารีไม่เห็นหัวลูกค้า”
เบอรี่เสียงแข็งใส่ ลัลนาพยายามสะกดอารมณ์เต็มที่
“ใจเย็นนะคะ แล้วดิฉันจะจัดการให้คุณพิมทำตามที่ลูกค้าต้องการนะคะ”
“ดี ฉันจะรอ ถ้าไม่ทำมีเรื่องแน่” ลัลนาพยายามยิ้มรับอย่างฝืนเต็มที “ถ้างั้นพวกเราก็กลับได้แล้ว”
เบอรี่กับกลุ่มออกไป นักข่าวตามไป  ซูซี่ จุ๋มจิ๋ม  ลิลลี่ ยอมปล่อยนันทิกานต์
“ทำอะไรของเธอยัยลัล”
“ก็แก้ปัญหาที่เพื่อนเธอทำไว้ไง”
“แต่พิมกำลังมาเธอไม่น่าสอด”
“แล้วไหนล่ะเพื่อนเธอ อยู่ไหน” นันทิกานต์อึ้ง ลัลนายิ้มเยาะ “หมดหน้าที่ของฉัน   ฉันต้องกลับไปรายงานคุณตรีวิญก่อนนะ”
ลัลนา  ซูซี่  จุ๋มจิ๋ม  ลิลลี่ออกไป

“แล้วพี่พิมอยู่ไหนคะพี่แนน” เดียถาม นันทิกานต์เครียดตอบไม่ได้เหมือนกัน

รถของพิมภาแล่นมาจอดที่หน้าห้าง  พิมภาถอดเบลท์
“นายเอารถไปจอดแล้วรีบตามไปที่ช็อปนารีชั้น 2 นะ”
“คุณพิม ต้องใจเย็นๆ นะครับ”
พิมภาพยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งไปทันที
 
นันทิกานต์  เดีย  ฤทธิ์ยืนอยู่หน้าช็อปสีหน้าเครียด พิมภาวิ่งเข้ามา
“แนน” พิมภามองไปรอบๆ ไม่เห็นมีคนมาก่อม็อบ “พวกนั้นยังไม่มาใช่ไหม”
“มาแล้ว”
“ไหนล่ะ”
“ไปแล้วค่ะ”
“อ้าว แกเคลียร์เองเหรอ” พิมภาถามนันทิกานต์
“ไม่ใช่พวกฉัน”
“แล้วใครเคลียร์...นี่มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า” พิมภาเห็นสามคนอึกอัก “เงียบแบบนี้หมายความว่ายังไง”
 
ฤชวีจอดรถเรียบร้อยแล้วลงจากรถจะรีบไปหาพิมภา ฤชวีมองชั้นลานจอดรถ
“ชั้น 3 A ช็อปอยู่ชั้น 2”
ฤชวีจะลงบันไดลานจอดรถ
“แต่ยัยพิมภาไม่มานะพี่”
ฤชวีชะงักที่ได้ยินชื่อพิมภา
            “ไม่เป็นไร  เพราะว่าเรื่องนี้มันไม่จบง่ายๆ หรอก”
ฤชวีหามุมแอบดูเห็นปราสินีที่ยืนหันหลังคุยกับเบอรี่
            “แล้วพี่จะให้ทำยังไงต่อ  ไปด่ายัยพิมภาอะไรนั่นที่บริษัทเลยไหม”
ฤชวีตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาหาช่องถ่ายคลิปวีดีโอไว้
“ไว้พี่จะบอกเองว่าจะต้องทำยังไงต่อ” ปราสินีส่งซองเงินให้กับเบอรี่ “ค่าจ้างตามที่ตกลง เอาไปจัดกาแจกจ่ายให้เรียบร้อย”
“แล้วพวกพี่นักข่าวล่ะพี่”
“แล้วพี่จะจัดการคุยเอง”
ปราสินีเดินออกไปโดยที่ฤชวียังไม่เห็นหน้า ฤชวีมองตามปราสินีไป เบอรี่ออกไปอีกทาง ฤชวีเก็บมือถือรีบเข้าไปในห้างด้วยความเป็นห่วงพิมภา
 
ฤชวีรีบเข้ามาที่หน้าช็อปนารีแล้วชะงักที่เห็นพิมภากำลังอารมณ์เสียมาก นันทิกานต์  เดีย  ฤทธิ์กำลังพยายามปลอบ
“ใจเย็นๆ ไอ้พิม”
“ยัยลัลไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องนี้ ไป เข้าบริษัทเลย วันนี้ฉันไม่ยอม” พิมภาบอกด้วยความโมโห
“คุณพิม เมื่อกี้ที่ลานจอดรถผม...” ฤชวีพยายามจะบอกเหตุการณ์ที่ลานจอดรถแต่พิมภาขัดขึ้น
“นายเอารถกลับไปก่อนเลย ฉันจะกลับไปบริษัทกับแนน”
นันทิกานต์มองฤชวี แล้วมองพิมภา
“คุณต้น...มา...กับพิมเหรอคะ”
พิมภากำลังเลือดขึ้นหน้าจนไม่สนเรื่องใดๆ ทั้งนั้น
“แนน ไปเร็วสิ”
“ไปแล้ว ไปเดี๋ยวนี้เลย”
นันทิกานต์ต้องรีบวิ่งตามพิมภาไป เดียกับฤทธิ์รีบวิ่งตามนันทิกานต์กับพิมภาไป ฤชวีมองตามแล้วมองไปรอบๆ  จนเห็นกล้องวงจรที่ติดตั้งอยู่ ฤชวีมองอย่างคิดหาทางพิมภา ฤชวีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“กิ่ง ต้นมีเรื่องอยากให้ช่วย”
 
ฤชวีเข้ามาในห้องทำงานกิ่งแก้ว
“กิ่งตามคุณเกษมมาแล้วใช่ไหม”
“อีกสักแป๊บคงมาถึง  เขาอยู่แถวนี้เอง”
“ขอบใจนะ”
“จะไหวเหรอต้น  ถ้าไปพัวพันมากๆ ใจต้นจะไม่ไหวเองนะ”
“มิ้นท์โทรมาบอกแล้วใช่ไหม”
“มิ้นท์เป็นห่วงต้นนะ เพราะรู้ว่าต้นน่ะเซ้นท์ซิทีฟมาก เขาก็กลัวพี่ชายจะไม่ไหว”
“ผมไม่อยากขัดใจตัวเอง” กิ่งแก้วมองว่าหมายความว่ายังไง  “ใจมันบอกว่าไม่ให้หยุดน่ะกิ่ง”  
กิ่งแก้วรู้ว่าห้ามไม่ได้แน่
“งั้นกิ่งจะเอาใจช่วย  ถ้าคิดว่าอกหักดีกว่ารักไม่เป็นก็เดินหน้าไปเลย”

“แบบนี้สิค่อยสมเป็นญาติกัน  ไม่รู้ว่าคุณพิมจะเป็นยังไงบ้าง”

ที่บริษัทนารี ลัลนานั่งจิบกาแฟอย่างอารมณ์ดี
“ดื่มให้กับการจบปัญหาอย่างสวยงาม”
“ครั้งนี้น้องลัลจัดการแก้ปัญหาได้อย่างละมุนละม่อมที่สุด”
พิมภาเปิดประตูเข้ามา
“ลัลนา”
ลัลนาลุกขึ้นอย่างเตรียมพร้อม
“จะมาขอบใจฉันเหรอจ๊ะ”
“เธอมัน ไร้มารยาทที่สุด”
“แต่ตอนนี้น้องพิมกำลังทำตัวไม่มีมายาทอยู่นะคะ น้องลัลเข้าไปรับหน้าช่วยแก้ปัญหาให้น้องพิมแทนที่จะขอบใจกัน”
“ก็มันเป็นปัญหาของคนที่ชื่อพิมภา คนที่ต้องแก้ไขเรื่องนี้ก็คือคนที่ชื่อพิมภาไม่ใช่ลัลนา รู้ใช่ไหมว่ายุ่งกับเรื่องของคนอื่นแบบนี้เขาเรียกว่าอะไร”
ลัลนายังไม่ทันตอบ เสียงตรีวิญดังขึ้น
“เรียกว่ารักองค์กรไงครับ”
ทุกคนหันไปเห็นตรีวิญเดินเข้ามา พิมภามองตรีวิญ
“คุณ”
พิมภาจำได้ว่าตรีวิญคือคนที่ช่วยเปิดประตูห้องน้ำให้เธอ จนเธอเสียหลักล้มทับเขาที่หน้าห้องน้ำ
“ที่คุณลัลนาต้องเข้ามายุ่งกับปัญหาของคุณ เพราะคุณไม่อยู่แก้ปัญหาไงครับ แต่ที่จริงต้องเรียกว่าแก้ปัญหาของบริษัทมากกว่า เพราะชื่อของคุณทำให้บริษัทเสียหาย ผมพูดถูกไหม”
พิมภาอึ้ง หน้าตึงขึ้นมาทันที
“คุณเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาวิพากษ์วิจารณ์ฉัน”
“ต๊าย น้องพิมยังไม่รู้จักคุณตรีวิญ Marketing Manager คนใหม่ของนารีเหรอจ๊ะ”
พิมภามองอย่างไม่อยากเชื่อ ตรีวิญยิ้ม มองพิมภา
“ทีนี้คุณคงไม่สงสัยแล้วใช่ไหมว่าทำไมผมถึงมีสิทธิ์เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้” พิมภาอึ้ง

ฤชวีต่อโทรศัพท์เข้าโน้ตบุ๊คของกิ่งแก้ว ภาพหน้าจอเป็นภาพตอนที่เบอรี่กับเพื่อนมาโวยวายที่หน้าช็อปของนารี กับอีกภาพที่ฤชวีถ่ายได้ในลานจอดรถ
“ผมเช็กกับกล้องวงจรปิดที่หน้าช็อปแล้วว่าสองคนนี้คือคนที่มาโวยวายที่หน้าshopของคุณพิม ถ้าเอามาประกอบกันแล้ว ผู้หญิงคนนี้” ฤชวีชี้ปราสินีในภาพที่หันหลังไม่เห็นหน้า “ตั้งใจจะเล่นงานคุณพิมแน่ ผมอยากจะให้คุณช่วยสืบหาว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” ฤชวีบอกกับเกษม
“ยากเหมือนกันนะต้นเห็นแต่ด้านหลังแบบนี้” กิ่งแก้วบอก
“แล้วกล้องวงจรปิดในลานจอดรถล่ะครับ”
“ตรงนั้นผมมองจนทั่วแล้วแต่ไม่เห็นกล้องวงจรปิดนะครับ คงต้องรบกวนคุณเกษมด้วยนะครับ”
เกษมยิ้มกระตือรือร้นมาก
“ยินดีมากครับ fc (แฟนคลับ) อย่างผมทุ่มสุดตัวอยู่แล้วครับ ไม่เกินสามวันผมจะรีบมาแจ้ง”
“ขอบคุณมากครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวไปเริ่มงานเลยนะครับ” เกษมจะไปแล้วนึกได้ “อ้อ” เกษมเดินกลับมาพร้อมกับหยิบปากกา “ขอลายเซ็นสักนิดเถอะครับ” เกษมดึงชายเสื้อให้ฤชวี ฤชวีเซ็นชื่อให้เกษมที่ชายเสื้อ “ขอบคุณมากครับ”
เกษมยิ้มปลื้มแล้วเดินออกไป
“คุณเกษมนี่แฟนตัวจริงหนังสือต้นเลยนะ ทุ่มสุดตัวเชียว” กิ่งแก้วมองฤชวีล้อเลียน “แต่กิ่งว่าไม่ใช่แค่คุณเกษมที่ทุ่มสุดตัวหรอกจริงไหม”
ฤชวียิ้มๆ ไม่ตอบ

พิมภายืนอยู่ในห้องตรีวิญ พิมภามองตรีวิญอย่างประเมิน
“ผมเป็นคนอนุญาตให้คุณลัลนาเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้เอง”
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นคุณที่ทำไม่ถูก”
“แล้วในเรื่องนี้ คุณทำถูกอย่างนั้นเหรอ”
“ฉันไม่ได้คิดว่าตัวเองถูกในการที่ฉันหายไปในช่วงเวลาที่มีปัญหา”
“ถ้าคุณรู้ว่าคุณผิดก็ควรจะยอมรับ”
“ที่ดิฉันไม่ยอมรับ ไม่ใช่ว่าใครเป็นคนถูกหรือผิด แต่ดิฉันไม่ยอมรับวิธีการแก้ปัญหาแบบที่ลัลนาทำ เพราะข้อกล่าวหาที่ว่าดิฉันก้าวร้าวกับลูกค้าไม่เป็นความจริง ข้อความทั้งหมดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น การที่ลัลนาขอโทษออกสื่อแบบนี้เท่ากับทำให้คนเข้าใจว่าดิฉันทำผิดทั้งที่ดิฉันไม่ได้ทำ”
“แล้วคุณมีหลักฐานอะไรมาแก้ต่างว่ามันเป็นการใส่ร้าย”
“ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ แต่ในเมื่อมันไม่เคยเกิดขึ้น ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีหลักฐานเหมือนกันมีแต่คำกล่าวหา”
“แล้วคุณมีความคิดจะรับมือกับเรื่องนี้ยังไง”
“ดิฉันคิดว่าควรจะยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ เพราะเรื่องครั้งนี้ต้องมีคนจงใจใส่ร้ายดิฉัน”
“แสดงว่าคุณคือต้นเหตุของปัญหา”
พิมภายอมรับอย่างไม่หวั่น
“คิดว่าอย่างน้อยก็ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ เขาระบุว่าเป็นดิฉันแสดงว่าจงใจพุ่งเป้ามาที่ดิฉัน ดิฉันจะขอแก้ปัญหาในครั้งนี้เอง”
“คุณคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้ได้งั้นเหรอ”
“แน่นอนค่ะ ดิฉันทำให้บริษัทต้องเสียชื่อเสียง ดิฉันจะล้างมลทินให้กับบริษัทให้ได้”
ตรีวิญมองพิมภาอย่างประเมิน
“ได้ ผมจะคอยดู”

พิมภามองตรีวิญอย่างไม่ยอมแพ้

ที่ห้องทำงานลัลนา ลัลนาเปิดจอโน้ตบุ๊กอ่านข้อความ โดยมีซูซี่ยืนอยู่ข้างๆ
“ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้” ลัลนาหัวเสีย
“ตอนนี้ยัยเบอรี่ยิ่งสร้างกระแสหนักไปใหญ่เลยนะคะน้องลัล แทนที่เรายอมขอโทษแล้วจะจบ กลายเป็นว่ายัยนี่เอาเรื่องนี้มาโจมตีมาตรฐานการบริการของบริษัทเรา พอน้องพิมไม่ได้ไปขอโทษเองก็กลายเป็นเราปกป้องคนผิด แล้วดูเวลาที่โพสท์มันหลังจากที่น้องลัลขอโทษไม่ถึงสองชั่วโมงเลยนะคะ พี่ว่างานนี้มีคนอยากทำลายน้องพิมกับบริษัทให้ถล่มจมดินเลยนะคะ”
“จบกัน นี่ลัลเชือดคอตัวเองเหรอเนี่ย”
พิมภาเปิดประตูเข้ามา
“เห็นผลของการแก้ปัญหาด้วยวิธีโง่ๆ ของเธอหรือยัง” ลัลนาเจ็บใจ
“ฉันทำในสิ่งที่ควรทำต่างหาก ถ้ามันเป็นเคสปกติทั่วไป เธอก็ต้องทำแบบนี้เหมือนกัน”
“เธอควรจะฉลาดตั้งแต่เห็นข้อความครั้งแรกว่ามันไม่ใช่เคสทั่วไป ตามัวเพราะมองแต่จะสร้างผลงานจนไม่มีหัวคิดทำชื่อเสียงบริษัทตกต่ำ”
“คนที่ทำให้บริษัทตกต่ำมันเธอต่างหาก ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ บริษัทจะโดนโจมตีแบบนี้ได้ยังไง”
“คนที่ทำเรื่องเลวๆ แบบนี้ได้มันประกาศว่าเป็นศัตรูกับฉัน” พิมภามองลัลนา “วางแผนได้ทุเรศจริงๆ สร้างเรื่องแล้วก็ขังฉันในห้องน้ำ ตัวเองไปเอาหน้าสร้างผลงาน แต่ไอ้วิธีคิดทำร้ายฉันด้วยการทำลายบริษัท มันสิ้นคิด”
“ปัญญาอ่อนแล้วนี่มันบริษัทของพ่อฉันเหมือนกัน ฉันจะทำทำไม”
“โอ้ย ศึกนอกก็หนัก หนอนในบริษัทก็มี ยังจะทะเลาะกันอีก ฉันไม่เข้าใจความคิดคนสมัยนี้เลยเว้ย คงได้พังกันหมดล่ะคราวนี้” นันทิกานต์บอก
“ฉันไม่ยอมแน่” ลัลนากับพิมภาบอกออกมาพร้อมกัน
“ฉันจะลากคอตัวการเรื่องนี้มาให้ได้”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะหาหนอนที่มันเอาความลับเราไปขายเอง” พิมภามองลัลนาอย่างพอใจ
“งั้นดูสิว่าใครจะสำเร็จก่อนกัน”
“ต้องเป็นฉันแน่”
พิมภายิ้มหยามๆ ว่าแน่ใจเหรอ
พิมภากับลัลนาเหมือนจะร่วมมือกันแต่ยังฟอร์มเชิดใส่กันสุดฤทธิ์ นันทิกานต์กับซูซี่มองงง

พิมภาเดินกลับเข้าห้องทำงาน นันทิกานต์เดินตาม
“พิม นี่แกจะญาติดีกับยัยลัลเหรอ”
“ไม่มีทาง”
“เอ้า แล้วที่แบ่งหน้าที่กันเมื่อกี้ล่ะ”

“ก็แค่เป็นพันธมิตรชั่วคราว”
ลัลนาบอกกับซูซี่
“น้องลัลจะช่วยน้องพิม โลกจะแตกแน่ๆ”
“ลัลช่วยตัวลัลเองต่างหาก พี่อย่าลืมว่าเรามีปัญหาเรื่องสินค้าถูกก็อปอยู่ ถ้าเกิดชื่อเสียงบริษัทเสียหาย รองพื้นที่เราจะเปิดตัว ยอดต้องแป็กแน่ๆ เป็นแบบนั้นเราจะสร้างยอดขายได้ยังไง พี่เข้าใจไหม”
“จริงค่ะ แล้วน้องลัลจะให้ทำยังไงต่อ เราเช็คในแผนกมาร์เก็ตติ้งหมดแล้ว ไม่มีใครได้เห็นสินค้านอกจากน้องลัลกับพี่ นี่จับมือใครดมไม่ได้เลยนะคะเนี่ย”
“ถ้ากลางทางกับปลายทางไม่เจอ เราก็ต้องย้อนขึ้นไปว่าตัวอย่างจะต้องผ่านมือใครบ้าง”
ซูซี่คิดตาม

ที่ห้องทำงานพิมภา พิมภาหันกลับมาหานันทิกานต์
“แนน แกไปขอภาพจากกล้องวงจรปิดที่หน้าshop ทั้งหมด ย้อนไปจนถึงวันที่ยัยนั่นระบุว่ามีเรื่องกับฉันด้วยนำ เอามาเก็บเป็นหลักฐาน”
“ได้ เย็นนี้จะเอามาให้เลย”
เสียงมือถือพิมภาดัง พิมภามองแล้วกดรับ
“นายมีอะไร”

ฤชวีนั่งอยู่ในรถคุยมือถือกับพิมภา
“ผมจะบอกคุณว่า ผมจอดรถรอคุณอยู่ในซอยเลยทางเข้าออฟฟิศมาสองซอยนะครับ”
“ก็ฉันบอกให้นายกลับไปก่อนไง”
“ถ้าผมเอารถไปแล้วคุณจะกลับบ้านยังไงล่ะครับ”
“ฉันกลับเองได้น่า”
“เอาเป็นว่าคุณทำงานเสร็จแล้วโทรมานะครับ ผมจะรอ”
“ฉันบอกว่าไม่ต้อง...” ฤชวีวางสายไม่รอให้ปฏิเสธ พิมภาได้ยินเสียงสัญญาณโทรศัพท์ถูกตัด “ฮัลโหล นี่นายต้น” พิมภามองโทรศัพท์อย่างหมั่นไส้ “รอไปเถอะย่ะ”

พิมภาหยิบแฟ้มมาอ่านต่อไม่สนใจ

คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 5 (ต่อ)

ที่นาฬิกาเวลาผ่านจากห้าโมงกลายเป็นสองทุ่ม พิมภายังนั่งอ่านเอกสาร เสียงโทรศัพท์มือถือดัง พิมภารับโทรศัพท์ทั้งที่ไม่มองหน้าจอ
“สวัสดีค่ะ”
พิมมาลาจัดโต๊ะไปพลางคุยโทรศัพท์มือถือไปด้วย
“พิม อยู่ที่ไหนแล้วลูก”
“ออฟฟิศค่ะแม่ ยังทำงานอยู่เลย”
“แล้วตาต้นล่ะอยู่กับพิมใช่ไหม”
“นายต้นยังไม่กลับไปอีกเหรอคะแม่”
“ยังนี่ มีอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ เปล่าคะ พิมบอกให้ต้นเอารถกลับไปก่อนตั้งนานแล้วน่ะคะ”
“แต่แม่ยังไม่เห็นเลยนะลูก”
“อย่าบอกนะว่า...”
“มีอะไรเหรอลูก ทะเลาะกันเหรอ”
“เปล่าค่ะแม่ พิมกำลังคิดว่าต้นอาจจะไปธุระน่ะค่ะ งั้นพิมจะรีบกลับเดี๋ยวนี้ค่ะแม่ แค่นี้ก่อนนะคะ” พิมภา วางสายแล้วนั่งคิด “ไม่รอหรอกน่า หรือว่ารอ”
พิมภาคว้ากระเป๋าแล้วรีบออกไป

พิมภารีบเดินออกมาที่ถนนหน้าบริษัทแล้วมองหาฤชวี
“ในซอย”
พิมภาเดินมาซอยที่สองถัดมาจากแถวทางเข้าบริษัท พิมภามองเข้าไปในซอยก็เห็นรถตัวเองจอดหลบอยู่ในซอยตามที่ฤชวีบอกไว้จริง พิมภารีบเดินไปที่รถ
ภายในรถฤชวีนั่งหลับอยู่ฝั่งที่นั่งคนขับ แง้มกระจกไว้เล็กน้อย พิมภาเห็นแล้วอึ้งก่อนจะตัดสินใจเคาะกระจกเบาๆ
“นี่ นายต้น นายต้น”
พิมภาเคาะแรงขึ้น ฤชวีรู้สึกตัวตื่นหันมองมาทางกระจกจึงเห็นพิมภาก็เด้งตัวตื่นขึ้นมามองพิมภา สีหน้าปลาบปลื้มมาก ฤชวีเปิดประตู
“คุณพิม งานเสร็จแล้วใช่ไหมครับ”
“ฉันบอกนายกลับบ้านไปก่อน แล้วมารอทำไมแล้วก็เปิดกระจกไว้นิดเดียว ไม่ร้อนหรือไง”
“ร้อนครับ”
“แล้วทำไมไม่กลับบ้านไปก่อน”
“ผมเป็นห่วงไม่อยากให้คุณกลับแท็กซี่นี่ครับ”
“แล้วเราจะกลับได้หรือยัง นายขับไหวไหม ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวฉันขับเอง”
“ไหวครับ คุณทำงานมาเหนื่อยๆ ผมขับให้นั่งดีกว่า”
พิมภาเดินไปขึ้นที่นั่งข้างคนขับ ฤชวีมองพิมภายังไม่ออกรถ
“ก็ขับไปสิ”
“คือ” ฤชวีหยิบถุงแซนวิชกับนมขึ้นมายื่นให้พิมภา “คุณพิมหิวไหมครับ ผมซื้อแซนวิชกับนมไว้ให้ รองท้องก่อนไหมครับ”
“ขอบใจนะ”
พิมภาเปิดแซนวิชกิน ฤชวีมองยิ้มๆ แล้วจัดการสตาร์ทรถ ค่อยๆ ขับออกไป

พิมภากินแซนวิชไปพลางแอบเหลือบมองฤชวีอย่างพินิจ ฤชวีรู้สึกว่าถูกแอบมองก็หันมามองพิมภา พิมภาทำเป็นเบือนหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง ฤชวีแอบมองพิมภา พิมภาจากทำไม่รู้ไม่ชี้จะหันกลับมามองก็สบตากับฤชวีพอดี แต่พอสบตากันต่างคนต่างก็หันมองไปทางอื่นเนียนๆ ฤชวีอมยิ้ม พิมภาก็รู้สึกดี

ฤชวีกับพิมภาเดินเข้ามาในห้องแล้วชะงักที่เห็น ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลนั่งรออยู่
“มาซะที พี่หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว”
“ทำไมไม่ทานกันไปก่อนล่ะพี่”
“กินกันพร้อมหน้าครอบครัวสิมันถึงจะอร่อย นั่งสิตาต้นนั่งๆ”
ฤชวีนั่งลงกับพิมภา พิมมาลาตักข้าวส่งให้
“แม่ไม่รู้ว่าต้นชอบกินอะไร ก็เลยทำหลายอย่างหน่อย”
“ไม่ต้องยุ่งยากหรอกแม่ ต้นเขาเป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องมากเหมือนพิมนี่ล่ะ ไม่มีไข่ตุ๋นเหรอแม่”
“ไม่บอกแม่ก่อนก็ไม่ได้ทำสิ จะกินมั้ยแม่ทำให้แป๊บเดียว”
“ไม่ต้องหรอกแม่ แกนี่ง่าย ๆ ไม่เรื่องมากเลยนะ กับข้าวมีตั้งเยอะดันอยากกินไข่ตุ๋น กินมันเท่าที่มีนี่ล่ะ แม่ทานข้าวเลยเดี๋ยวจะปวดท้อง”
“แค่ถามถึงทำไมต้องโวยวายด้วยนะพี่ภัทร”
“เอาอย่างนี้ครับ” ทุกคนหันมองฤชวี “ทานกันก่อนนะครับ คุณพิมรอแป๊บเดียวนะครับ”
“นายจะทำอะไร นายต้น”
“แป๊บเดียวจริง ๆ ครับ”
ฤชวียิ้มแล้วลุกเดินไปที่มุมครัว
“ว่าแต่วันนี้ลูกกับตาต้นไปไหนมาทำไมถึงกลับมาช้านัก” ภาณุวัฒน์กระซิบถามพิมภา
“พิมเคลียร์งานอยู่จ๊ะพ่อ ให้ต้นเขากลับมาก่อนก็ไม่ยอม ไปจอดนอนรออยู่ตั้งนาน บ้าจัง”
“ปากว่าบ้าทำไมต้องยิ้มหน้าบานด้วยไอ้พิม”
พิมภาสะดุ้งจับหน้า
“ยิ้มอะไรไม่ได้ยิ้ม”
“ยิ้ม” ภาณุวัฒน์ ภัทรพล พิมมาลายืนยันพร้อมกัน
“แต่ก็ดีแล้วนะ ลูกมีคนดูแลเอาใจใส่แบบนี้ พ่อกับแม่ก็จะได้สบายใจ”

“อย่าให้ดีแตกเหมือนไอ้เอกพลก็พอ”

อ่านต่อเวลา 17.00น.

พิมภาหน้าเสีย  พิมมาลาหยิกภาณุวัฒน์
“พ่อ”
“พ่อขอโทษ พ่อลืมตัว”
“แกจะไปรู้สึกกับอดีตเลวๆ ทำไม ในเมื่อปัจจุบันของแกอยู่ในครัวโน่น”
“มาแล้วครับ”
ฤชวีถือหม้อออกมา  ฤชวีวางแผ่นไม้รองของร้อนไว้ที่โต๊ะแล้ววางหม้อลง  ฤชวีเปิดฝาเห็นไข่ตุ๋นฟูเต็มหม้อ
“ไข่ตุ๋นสูตรราชบุรีครับ  ลองชิมสิครับ”
ภาณุวัฒน์ตักชิม
“อร่อยนะ”
พิมมาลากับภัทรพลชิมมั่ง
            “อร่อยด้วย  เนื้อแน่นๆ แปลกดีนะ”
“ชิมดูสิครับ”
พิมภาตักชิมสีหน้าบอกว่าอร่อยแต่ต้องทำฟอร์ม
“ก็ใช้ได้นะ”
“แบบนี้เรียกว่าอร่อยแล้ว ได้ไข่ตุ๋นสมใจแกก็กินข้าวกันเถอะ”
“ชอบไหมครับ” ฤชวีถามพิมภายิ้มๆ พิมภาอึกอักนิดหน่อย
“ชอบ”
ฤชวียิ่งยิ้ม  ตักไข่ตุ๋นใส่จานให้พิมภา
            “ทานเยอะๆ  นะครับ”
พิมภาพยายามทำหน้าให้เป็นปกติแต่ภัทรพล  พิมมาลา  ภาณุวัฒน์ดูออกว่าพิมภาดูเขินนิดๆ ฤชวีหันมาเห็นภัทรพล  ภาณุวัฒน์  พิมมาลามองอยู่ก็เสไปตักไข่ตุ๋นให้กับทุกคนด้วย ฤชวีตักกับข้าวพิมมาลามาทาน
“คุณแม่ครับ ผมไม่เคยทานผัดผักที่ไหนอร่อยขนาดนี้มาก่อน ไม่ใส่น้ำมันหอย ผงชูรสเลยใช่ไหมครับ”
“แม่ใช้แค่ซีอิ้วขาวจ๊ะ”
“ใช้เครื่องปรุงน้อย  แต่เน้นกลิ่นและรสของผักหลายชนิด ผสมพริกหยวกลงไปทำให้มีกลิ่นหอมพิเศษ ไว้ผมต้องขอศึกษาสูตรของคุณแม่บ้างนะครับ”
“ถ้าต้นชอบ  แม่จะสอนทำของโปรดของพิมให้ครบทุกอย่างเลยดีไหม”
ฤชวีมองพิมภายิ้มๆ
“ดีครับ เวลาผมทำจะได้ถูกปากคุณพิม”
พิมภาเจอสายตาฤชวีรู้สึกเหมือนโดนจู่โจมจนทำหน้าไม่ถูก
“เล่นเนียนเหลือเกินนะ” พิมภาบ่นกับตัวเองเบาๆ
ภาณุวัฒน์  ภัทรพล  พิมมาลามองพิมภาอย่างยิ้มๆ  พิมภาทำไม่รู้ไม่ชี้กินต่อ แต่สายตาก็คอยเหลือบมองฤชวีที่คุยยิ้ม หัวเราะกับพ่อแม่  ภัทรพล เทน้ำบริการให้อย่างไม่เคอะเขินดูฤชวีกลมกลืนมาก
 
คืนนั้นภัทรพลเดินออกมาที่ระเบียง กดเข้าWhat appsแล้วเข้าเลือกส่งคลิปวีดีโอ  ภัทรพลถ่ายคลิปตัวเองแล้วพูดกับกล้องโทรศัพท์
“ภัทรพลคนน่ารัก  รายงานตัวด้วยความคิดถึงครับผม อ๊ะๆ  อย่าเบือนหน้าหนีนะครับ เพราะถึงผมจะไม่หล่อเหมือนคนอื่น แต่ผมจะไม่มีคนอื่นเหมือนคนหล่อ ฝันดีนะครับ คุณลัล”
ภัทรพลจัดการกดส่งคลิปวีดีโอ
 
ลัลนาหยิบมือถือขึ้นมาดูมองคลิปในมือถือแล้วกดวางมองโทรศัพท์
“เสร่อตัวพ่อจริงๆ”
ลัลนาวางโทรศัพท์อย่างสิ้นความสนใจแล้วหันไปนั่งคอมเม้นท์งานต่อ ภัทรพลยิ้มคิดว่าโดนใจแน่ๆ   ภัทรพลหันกลับมาแล้วตกใจที่เห็นพิมภายืนตาขวางมองอยู่
“ไอ้พิม มายืนทำไมเงียบๆ  ตกใจหมด”
“พี่ส่งคลิปวีดีโอให้ใคร”
“เรื่องของพี่น่ะ”
“ยัยลัลใช่ไหม พี่ภัทร  พิมเตือนไว้ก่อนนะว่ายัยลัลมันงูพิษ อย่าไปยุ่งเด็ดขาด”
“ไอ้พิม แกกับคุณลัลทะเลาะกันมันก็เรื่องของแก แต่แกกับฉันมันคนละคนกัน ฉันไม่เคยยุ่งกับการตัดสินใจของแก  ดังนั้น...”
“ฉันไม่ยุ่งกับการตัดสินใจของพี่ก็ได้ ชีวิตใครชีวิตมัน  ฉันไม่บังคับ  แต่จำไว้ว่าฉันเตือนพี่แล้วนะถ้าพี่ไม่เลิกสักวันพี่จะเสียใจ” 
ภัทรพลโยกหัวพิมภาเบาๆ

“แกเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะน่า ก่อนจะยุ่งเรื่องคนอื่นเขาน่ะ"

พิมภาเดินหงุดหงิดเข้ามาในห้อง แล้วชะงักที่เห็นฤชวีเดินออกมาจากห้องน้ำ ฤชวียิ้มให้  พิมภาจึงหงุดหงิดใส่
“นายนี่เล่นซะเนียนเลยนะ ทำตัวกลมกลืนอย่างกับเป็นลูกเขยจริงๆ”
“ก็ต้องทำคะแนนกันหน่อยครับ” พิมภาสะดุดหู
“หมายความว่ายังไง” 
ฤชวีนึกได้ว่าหลุดปาก
“ก็สักวันผมก็ต้องไปเป็นสามีใครสักคน  ฝึกทำคะแนนไว้ก่อนก็ดีไม่ใช่เหรอครับ แล้วที่บริษัทเป็นยังไงบ้างครับ” ฤชวีรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ยัยลัล คู่แข่งฉันทำเรื่องให้มันยุ่งไปอีก ตอนนี้ฉันต้องสืบหาตัวการที่สร้างเรื่องนี้ใส่ร้ายฉัน  แต่มันน่าปวดหัวตรงที่มาร์เก็ตติ้งเมเนเจอร์คนใหม่ที่มาเป็นหัวหน้าดูจะไม่ค่อยชอบหน้าฉันน่ะสิ  ขี้เก๊กชะมัด  คงคิดว่าตัวเองเจ๋งมาก  ยัยแนนบอกกว่าอายุยังน้อยแต่เป็นอัจฉริยะ คุณสุ  ผู้บริหารบริษัทฉันซื้อตัวมาจากนิวยอร์คเลยนะ  ฉันต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้  พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าฉันมีฝีมือ”
“คุณพิมต้องทำได้แน่ครับ” ฤชวีบลอกพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูส่งให้ “คุณพิม อาบน้ำเถอะครับผมเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว” 
พิมภาหยิบชุดนอนกับผ้าขนหนูเข้าไปในห้องน้ำ ฤชวีมองตามยิ้มๆ
 
พิมภาเข้ามาในห้องน้ำพาดผ้าเช็ดตัวแล้วหันไปมองอ่างน้ำที่รองน้ำไว้เต็ม  พิมภาเอามือลองวักน้ำดู
“อุ่นดีแหะ”
พิมภาเดินมาที่หน้ากระจกจะรวบผมโพกผ้าเพื่อแช่น้ำ สายตาพิมภาเห็นแปรงสีฟันมียาสีฟันบีบไว้ให้เรียบร้อยแล้ววางอยู่พิมภาหยิบมาดู
“ที่ว่าเตรียมน่ะขนาดนี้เลยเหรอ”
พิมภาจัดการแปรงฟัน รู้สึกว่าสบายดีจัง
 
พิมภาเดินออกจากห้องน้ำในชุดนอนที่มิดชิด แล้วชะงักที่เห็นฤชวีกำลังสวดมนต์อยู่ตรงหมอนที่วางอยู่ชิดประตูระเบียง  ฤชวีกราบหมอนเสร็จหันมาเห็นพิมภาก็ยิ้ม
“พรุ่งนี้เช้าคุณพิมอยากทานอะไรครับ”
“อะไรก็ได้ที่เร็ว ไม่อ้วน”
“งั้นเป็นข้าวต้มถ้วยเล็กๆ นะครับ อาหารเช้าควรจะห้าหมู่นะครับ”
“อือ”
ฤชวีมองพิมภาที่หวีผม  ตาปรอยเหมือนโดนสะกด พิมภาหันมา ฤชวีที่มองเพลินๆ ตกใจ
“เอ่อ ราตรีสวัสดิ์ครับ”
ฤชวีล้มตัวลงนอนหันหลังกลบเกลื่อนพิรุธ พิมภาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าห่มออกมาแล้วเดินไปยื่นให้
“นายต้น”
ฤชวีเด้งตัวขึ้นมาเห็นผ้าห่มในมือพิมภา
“ขอบคุณครับ”
“ห่มซะ  เดี๋ยวนายไม่สบายจะมาลำบากฉันอีก”
“ครับ”
พิมภาเดินไปที่เตียงเตรียมจะล้มตัวลงนอน  ฤชวีจะนอนบ้าง เสียงเคาะประตูดัง  พิมภากับฤชวีตกใจต่างคนต่างเด้งตัวขึ้นมา
“ยัยพิม พิม เปิดประตูให้แม่หน่อยลูก”
พิมภาจะลุกไปเปิด  ฤชวีรีบวิ่งมา
            “อย่าเพิ่ง”
พิมภาชะงักมองว่าทำไม ฤชวีรีบวิ่งไปหยิบหมอนกับผ้าห่มตัวเองไปซุกในตู้อย่างรีบเร่ง
“ยัยพิม”
พิมภารีบดึงมือฤชวีมาที่เตียง
“นอนบนนี้ นอน”
ฤชวีรีบขึ้นนั่งบนเตียงนอนเนียนๆ พิมภามองไปรอบๆ แล้วตั้งสติก่อนจะเดินไปเปิดประตู พิมมาลาเดินเข้ามา  ภาณุวัฒน์ตามเข้ามาด้วย  ทั้งคู่มองฤชวีที่นอนบนเตียงยิ้มๆ
“จะนอนแล้วใช่ไหม”
“ครับคุณแม่”
“แม่เอานมอุ่นๆ มาให้เราสองคน ดื่มซะหน่อยนะจะได้นอนหลับสบาย”
“ครับ”
พิมภาหยิบแก้วนมส่งให้ฤชวี  พิมภาก็รับมาดื่ม
“บำรุงไว้เยอะๆ น่ะดี พ่อจะได้มีหลานสักที”
ฤชวีกับกับพิมภาต่างคนต่างสำลัก
“พ่อก็ ลูกเขินกันหมดแล้วเห็นมั้ย”
ฤชวีกับพิมภาคืนแก้วให้กับพิมมาลา
“ถ้างั้นก็นอนเถอะนะ พ่อไม่กวนแล้ว”
ภาณุวัฒน์กับพิมมาลายอมออกไป ฤชวีกับพิมภาถอนใจโล่งอก ฤชวีลุกจะไปเปิดตู้หยิบผ้าห่ม พิมภากำลังจะไปล็อคประตูแต่พิมมาลาเปิดประตูผัวะเข้ามา ฤชวีตกใจรีบปิดประตูตู้แทบไม่ทัน    
“มีอะไรเหรอคะแม่”
“แม่จะถามว่าตอนเช้าอยากทานอะไร”
“เดี๋ยวต้นจะจัดการให้พิมค่ะแม่”

“เหรอจ๊ะ  ก็ดีนะ  งั้นราตรีสวัสดิ์นะจ๊ะ”

พิมมาลาปิดประตู  
“เอ วันนี้พ่อกับแม่สวนสนามกันไปมาทำไมเนี่ย”
“ผมรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่คุณกำลังจับผิดเราอยู่” พิมภาหน้าเครียด
“แต่คืนนี้คงไม่เข้ามาแล้วล่ะครับ  พักผ่อนเถอะ” ฤชวีปลอบแล้วเดินไปเปิดตู้หยิบผ้าห่มกับหมอนออกมาจะไปนอนที่เดิม
“เดี๋ยว!นายมานอนตรงข้างเตียงก็แล้วกันเผื่อมีอะไรอีก”
“แต่คุณจะไม่สบายใจนะครับ”
“ก็ถ้านายคิดจะทำอะไรฉัน” พิมภาหยิบกรรไกรเล็กๆ ขึ้นมา “ นายตัวเป็นรูแน่”  
ฤชวีมองยิ้มๆ แล้วเดินมาวางหมอน ผ้าห่มที่ข้างเตียง
“ขอบคุณนะครับที่ไว้ใจผม”   
พิมภาฟอร์มไม่รู้ไม่ชี้  ล้มตัวลงนอน  ฤชวีมองๆ แล้วล้มตัวลงยิ้มดีใจที่เขยิบเข้าไปใกล้อีกนิด    
 
วันต่อมาที่ห้องทำงานกิ่งแก้ว กิ่งแก้วกับมิ้นท์นั่งรอฤชวีอย่างกระวนกระวาย
“พี่ต้นหายเงียบไปเลย ไม่รู้กลับไปกับคุณพิมแล้วจะเป็นยังไงบ้าง” ฤชวีเดินเข้ามา มิ้นท์เข้าไปหาทันที “พี่ต้น เป็นยังไงบ้างพี่”
“เคลียร์กับคุณพิมลงตัวหรือยัง”
ฤชวียิ้มมีความสุขจนมิ้นท์กับกิ่งแก้วยิ่งอยากรู้
 
ขณะนั้นพิมภานั่งตรงหน้าสุกัญญา
“เป็นไกด์เหรอคะ” พิมภาทำหน้าแปลกใจ
“ที่จริงก็คือเป็นผู้ช่วยในการให้ข้อมูลแนะนำทุกอย่างในบริษัท”
“แนะนำใครคะ”
ตรีวิญเข้ามา พิมภาหันมอง
“คุณตรีวิญอยากจะไปชมโรงงาน ขบวนการผลิตของเราทั้งหมด พี่คิดว่าคุณจะให้ข้อมูลเรื่องของบริษัทเราได้ดีที่สุด”
พิมภาดีใจที่ได้รับความไว้ใจ
“ยินดีค่ะ”
ตรีวิญมองอย่างพอใจ
 
ส่วนที่ห้องทำงานกิ่งแก้ว มิ้นท์จับฤชวีเขย่า
“พี่ต้นตื่นเถอะพี่ ทำแบบนี้ไม่เวิร์คหรอก ใจไปรักเขาก่อนแล้วด้วย เวลาเจ็บมันหนักนะ”
“แต่ต้นเขาเผื่อใจไว้แล้วกับเรื่องนี้ จริงไหม”
“ก็ไม่เคยโกหกตัวเองแต่ไม่ปฏิเสธว่ามีความหวังนะ  วันนี้ต้นอาจจะเป็นแค่สามีกำมะลอ  แต่ต้นจะเปลี่ยนจากตัวหลอกเป็นตัวจริงในสักวัน” ฤชวีบอกอย่างมั่นใจ
“ไม่ได้นะพี่ต้น พี่จะใช้กำลังข่มเหงคุณพิมไม่ได้นะ  มิ้นท์ไม่ยอม” มิ้นท์โวย
“พี่จะทำให้คุณพิมยอมรับพี่ด้วยใจต่างหาก”
“งั้นก็ลุยไปเลย กิ่งกับมิ้นท์จะอาใจช่วยใช่มั้ยมิ้นท์”
“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”
ฤชวีมีสีหน้ามุ่งมั่นมาก
 
พิมภาเดินออกมาหน้าออฟฟิศเพื่อจะเดินไปที่รถ
“โรงงานของเราอยู่ที่บางนาค่ะ” 
พิมภาเดินพูดกับตรีวิญไม่เห็นว่ามีรถกำลังแล่นเข้ามาจากด้านหลัง   ตรีวิญรีบโอบพิมภาเข้ามาเพื่อหลบรถ พิมภาอยู่ในอ้อมแขนตรีวิญ พิมภาเหลือบมองตรีวิญ สายตาประสานกัน  ต่างคนต่างอึ้งไป

จบตอนที่ 5 

อ่านต่อตอนที่ 6 พรุ่งนี้ เวลา 17.00น.
กำลังโหลดความคิดเห็น