คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 7
ภัทรพลยืนยิ้มมองโทรศัพท์อย่างพอใจ
“ยิงทุกวันต้องโดนสักวันล่ะน่า” ภัทรพลหันกลับมาแล้วชะงักยิ้มค้างที่เห็นฤชวี “คุณต้น”
ฤชวีมองไม่ได้พูดอะไรแล้วหันกลับเข้าไปในห้อง ภัทรพลรีบเดินตามเข้ามา
ฤชวีเดินมาตรงมุมครัวล้างแก้ว เช็ดจานเงียบๆ ภัทรพลเดินตามมา
“คุณต้น เอ่อ อย่าบอกยัยพิมเรื่อง เรื่อง”
“ที่คุณลัลรู้ข้อมูลโรงแรมจากคุณภัทรน่ะเหรอครับ ถ้าคุณภัทรไม่บอกแล้วคุณพิมรู้เองจะยิ่งโกรธนะครับ มีความลับกับคุณพิมไม่คุ้มหรอกครับ”
“แล้วทีคุณมีล่ะ” ฤชวีชะงัก
“ผมมีความลับอะไร”
ภัทรพลเดินไปหยิบหนังสือนิยายมา ฤชวีมองอย่างไม่เข้าใจ
“เรื่องที่คุณทำตัวเป็นฮีโร่ในมุมมืดไง คนชื่อเกษมเอาหนังสือมาให้คุณเซ็นหลังจากที่เขาทำงานเสร็จตามที่คุณขอ ยัยพิมรู้หรือเปล่าว่าคุณจ้างนักสืบช่วยหาตัวคนที่ใส่ร้ายพิมเรื่องงาน”
“คุณพิมไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ ผมแค่อยากช่วยคุณพิมเท่านั้น”
ภัทรพลมองอย่างพอใจว่าฤชวีก็ไม่เลว
เช้าวันรุ่งขึ้น ภัทรพลถือถุงขยะจะออกมาทิ้งแล้วชะงักที่ได้ยินเสียง
“คุณพิมหิ้วผู้ชายขึ้นห้องเหรอ”
ภัทรพลขยับออกมาเห็นป้านงค์กับแม่บ้านเม้าท์กันไปทำความสะอาดกันไป
“เห็นกับตา เดินตามกันเข้าไปเมื่อคืน งานแต่งล่มก็เลยประชดชีวิตล่ะมั้ง ผู้หญิงสมัยนี้ไม่มีความอายกันบ้างเลย”
ภัทรพลไม่พอใจ
“ป้าพูดถึงใคร”
ป้านงค์กับแม่บ้านชะงัก เมื่อเห็นภัทรพลก็หน้าเสีย
“เอ่อ”
“ผมจะฟ้องผู้จัดการคอนโดว่าป้านินทาให้น้องผมเสียหาย”
“ป้าไม่ได้เริ่มนะคะ ได้ยินคนอื่นเขาพูดกันมา ว่าอยู่ๆ ก็มีผู้ชายมาอยู่กับคุณพิม”
“นี่เม้าท์กันทุกชั้นทุกแผนกเลยหรือไง”
“ค่ะ”
“ถ้างั้นป้าก็ไปบอกทุกคนเลยนะว่า ผู้ชายคนนั้นชื่อคุณต้น เป็น...”
ป้านงค์กับแม่บ้านรอฟัง
ซูซี่ตกใจมากเมื่อเข้ามาที่ล็อบบี้คอนโดของพิมภาแล้วได้ยินพนักงานคอนโดกำลังเม้าท์กันเรื่องฤชวี
“เป็นสามีน้องพิมเหรอ ต๊าย!” ซูซี่เข้ามาแทรกกลางวงที่สุวิทย์ ปอย ป้านงค์ที่กำลังเม้าท์อยู่ สามคนหันมองซูซี่ว่าเป็นใคร ซูซี่เห็นทุกคนมองอย่างสงสัย “เอ่อ”
“ติดต่อเรื่องอะไรคะ” ปอยถามซูซี่จึงรู้สึกตัว
“เอ่อ เอาของมาให้คุณวันทิพย์น่ะค่ะ”
“ห้องไหนคะ”
“ห้อง 604จ๊ะ”
“คุณคะตึกนี้มี 4 ชั้นค่ะ”
“อ้าวเหรอ นี่สรวงสวรรค์คอนโดหรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่คะ”
“โอ๊ะ ตายงั้นพี่คงมาผิดที่ ขอโทษที” ซูซี่รีบเนียนเดินออกไป จังหวะที่เดินออกซูซี่ยกมือถือขึ้นมากดโทรออก “น้องลัลขา พี่มีข่าวเด็ด”
ที่ห้องพิมภา ภัทรพลตั้งหน้าตั้งตากินทั้งขนมปัง ไข่ดาว ฤชวียกชามซุปเข้ามา ภัทรพลก็คว้ามากิน ๆๆ
“คุณภัทรหงุดหงิดอะไรหรือเปล่าครับ”
“มากเลยล่ะ”
พิมภาแต่งตัวเรียบร้อยสะพายกระเป๋า อีกมือถือสมุดรายชื่อโรงแรมจะไปทำงาน
“ซุปสักนิดนะครับ” ฤชวีบอกพิมภถา พิมภามอง “ซุปผักครับ เบาๆ”
พิมภามองนาฬิกา
“ก็ยังมีเวลา” พิมภานั่งลงวางสมุดกับกระเป๋า แล้วจะกินซุป
“ไอ้พิม” ภัทรพลเรียกน้องสาวเสียงดัง พิมภาถึงกับสะดุ้ง
“พี่ภัทรอยู่แค่นี้จะเสียงดังทำไมเนี่ย”
“แกได้บอกใครๆ หรือเปล่าว่าคุณต้นเป็นสามี”
“เปล่า”
“แล้วทำไมไม่บอก”
“บอกใคร บอกทำไม เรื่องส่วนตัวของเราทำไมต้องป่าวประกาศด้วย”
“ก็” เสียงโทรศัพท์พิมภาดังแทรกเข้ามา พิมภากดรับ “ว่าไงแนน...คุณสุเรียกด่วนเหรอ”
พิมภาวางช้อนหยิบกระเป๋าลุกออกไปทันที ทิ้งสมุดรายชื่อโรงแรมไว้
“ฉันยังพูดไม่จบเลย ไอ้พิม”
ฤชวีมองตามห่วงว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่ห้องประชุมออฟฟิศนารี จดหมายถูกเสียบอยู่ในแฟ้ม สุกัญญาเลื่อนไปตรงหน้าพิมภากับลัลนาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะประชุม พิมภากับลัลนามองแฟ้มตรงหน้าแต่ยังไม่ทันขยับ
“ทางโรงแรมส่งจดหมายมาเรื่องของพิมกับลัลทะเลาะกันเรื่องติดต่อสถานที่ เขาตำหนิว่าเราทำงานไม่เป็นระบบ ไม่สิ ต้องบอกว่าเหมือนคนของเราทำงานไม่เป็น”
พิมภากับลัลนาอึ้ง
“พิมขอโทษคะที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เพราะพิมถูกก้าวก่ายในหน้าที่”
พิมภาหันไปมองลัลนากะว่าลัลนาไม่ยอมรับผิดแน่ กะจะฉะกันให้ถึงที่สุด ลัลนาคำนวณแล้วยอมขอโทษเพราะมีไม้เด็ดอยู่แล้ว
“เป็นความผิดของลัลเองค่ะ ลัลไม่ทราบว่าปีนี้คุณสุเปลี่ยนคนรับผิดชอบแล้ว ลัลขอโทษนะพิม”
พิมภาอึ้งที่ลัลนายอมขอโทษง่ายๆ
“คุณสุคะ พิมจะเข้าไปเจรจากับทางโรงแรมอีกครั้งนะคะ”
“ไม่จำเป็นแล้ว เพราะทางโรงแรมปฏิเสธที่จะให้เราใช้สถานที่เหลือเวลาอีกแค่สามวัน พิมหาสถานที่สำรองได้หรือยัง พี่ให้ทางพีอาร์ส่งข่าวไปให้ลูกค้าและสื่อมวลชนเรื่องวันเวลาไปแล้วรอแค่สถานที่เท่านั้น ถ้าต้องเลื่อนมันหมายถึงว่าเราต้องเจรจากับลูกค้าล่าช้าออกไป แล้วมันจะมีผลกับการดีลเพื่อวางสินค้าในตลาด”
“พิมจะจัดการหาสถานที่มาให้ทันเวลาแน่นอนค่ะ”
“พี่หมดธุระกับพิมแล้ว แต่ลัลอยู่คุยกับพี่ก่อน” พิมภาลุกจะเดินออกไป “พิม พี่ให้พลาดได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”
พิมภาสะเทือนใจ
พิมภาเดินพล่านในห้องทำงาน นันทิกานต์มองอย่างเป็นห่วง
“ฉันพลาด แกได้ยินไหม คุณสุบอกว่าฉันพลาด”
“มันก็ไม่ใช่ความผิดแกทั้งหมดนี่ บางอย่างมันนอกเหนือการควบคุม แล้วงานนี้ก็เป็นเพราะยัยลัลมันแกล้งแก”
อีกด้านหนึ่งที่ห้องทำงานสุกัญญา สุกัญญามองลัลนาอย่างตำหนิ
“ไม่ฉลาดเลยนะ ที่ก่อเรื่องแบบนี้”
“มันจะไม่เกิดเรื่องหรอกค่ะ ถ้าคุณสุไม่ลำเอียง ด้วยการเขี่ยลัลออกแล้วให้พิมมาทำหน้าที่ของลัล”
“ลัลนา ตลอดชีวิตการทำงานของพี่ ถ้าจะมอบหมายงานให้ใครพี่ดูจากความสามารถไม่ใช่ความรู้สึกส่วนตัว”
“คุณสุกำลังดูถูกว่าลัลด้อยกว่ายัยพิม”
“ลัลไม่ได้ด้อยกว่าพิม แต่พี่เห็นว่างานนี้ไม่เหมาะกับลัล”
“ทุกปีที่ลัลเป็นคนจัดก็ได้ผลตอบรับดีนะคะ”
“แต่ไม่เคยสมบูรณ์แบบเลยสักปีเดียว มีการคอมเพลนท์จากลูกค้าทุกครั้ง”
“ให้โอกาสลัลอีกครั้งสิคะ ครั้งนี้มันต้อง...”
“พิมจะเป็นคนรับผิดชอบในปีนี้”
“ถ้าอย่างนั้น ลัลจะคุยกับคุณพ่อ”
“คุณพ่อเธอกับหุ้นส่วนซื้อตัวพี่มาเพื่อบริหารนารีให้ได้กำไรสูงสุดระหว่างลูกสาวเอาแต่ใจกับผลประโยชน์ของบริษัท เธอคิดว่าคุณพ่อของเธอจะฟังใคร” ลัลนาอึ้ง “เอาเวลาไปทุ่มกับการเปิดตัวสินค้าที่ลัลรับผิดชอบดีกว่านะ สำหรับบริษัทสำคัญที่ยอดขายไม่ใช่ทำงานเอาหน้า”
ลัลนากำมือแน่นมองสุกัญญาจะเอาชนะให้ได้
ที่ห้องทำงานพิมภา พิมภายังเครียดไม่หาย
“พิม ฉันรู้ว่าแกจริงจังกับงาน แต่ฉันว่าแกเลิกโทษตัวเองได้แล้ว”
นันทิกานต์พยายามปรามเพื่อน
“มันเป็นความผิดฉัน ถ้าฉันคุมอารมณ์ตัวเองได้ ทางโรงแรมก็คงยอมให้ไปคุยใหม่ แต่นี่เขาปฏิเสธเพราะฉันเอง”
“ไอ้พิม นี่แกกำลังจะคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้วนะ” พิมภาชะงักพยายามจะหายใจเข้าออกลึกๆ ยาวๆ เสียงโทรศัพท์มือถือดัง นันทิกานต์มองที่หน้าจอ “คุณต้นโทรมาแน่ะ” พิมภาหงุดหงิดไม่สน “ไม่รับหรือไง”
“ไม่”
นันทิกานต์หยิบโทรศัพท์มากดรับแทน
“คุณต้นคะ แนนเองคะ พิมมันคลั่งอยู่น่ะค่ะ” พิมภาหันมาตาเขียวใส่นันทิกานต์ “คุณต้นมีอะไรหรือเปล่าคะ แนนจะบอกพิมให้...เอาของมาให้เหรอคะงั้นคุณต้นรอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวแนนจะลากยัยพิมลงไป”
นันทิกานต์วางสายแล้วดึงพิมภา
“ฉันไม่ไป”
นันทิกานต์ไม่สนดึงจนพิมภาต้องตามไปจนได้
ฤชวีรออยู่ที่หน้าล็อบบี้ นันทิกานต์ลากพิมภาเดินเข้ามาหาฤชวี
“คุณต้นคะ”
ฤชวีหันมายิ้มให้นันทิกานต์
“คุณมาทำไม” พิมภาถามเสียงห้วน
“อย่าพาลไอ้พิม” นันทิกานต์ต่อว่าเพื่อน
“คุณลืมของ ผมก็เลยเอามาให้”
“ก็เอามาสิ”
ฤชวีมองนันทิกานต์ว่าพิมภาเป็นอะไร นันทิกานต์มองพิมภาอย่างระอา
“คือ ตอนนี้มันก็เที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกลางวันกันดีกว่านะ ทานด้วยกันนะคะคุณต้น”
“ไอ้แนน ฉันไม่”
“ถ้าแกไม่เลิกงี่เง่า ฉันจะไม่คุยกับแกนะ” พิมภาชะงักนิ่ง “ว่าไง จะกินไหมข้าวน่ะ”
“จะกินอะไรก็นำไปสิ”
นันทิกานต์หันไปขยิบตาให้ฤชวีว่าเรียบร้อย แล้วนันทิกานต์ก็เดินนำไป ฤชวีมองพิมภารอให้เดินไป พิมภามองฤชวีอย่างขัดใจแล้วก็เดินตามนันทิกานต์ ฤชวีตามไปด้วย ตรีวิญออกมาจากลิฟต์แล้วชะงักที่เห็นพิมภาเดินคู่ออกไปกับฤชวี ตรีวิญมองตามอยากรู้ว่าฤชวีเป็นใคร
ที่ร้านอาหารตามสั่งริมถนนแถวบริษัทนารี นันทิกานต์เข้ามาจองโต๊ะ หันไปเรียกพิมภาที่เดินมากับฤชวี
“เร็วสิ ไอ้พิม” พิมภาเดินเข้ามานั่งข้างเดียวกับนันทิกานต์ ฤชวีนั่งฝั่งตรงข้าม “ข้าวกระเพราไหมคะง่ายๆ”
“ได้ครับ”
“ลุง กระเพราหมูสับราดข้าวไข่ดาว สามที่”
ฤชวีส่งสมุดรายชื่อโรงแรมให้กับพิมภา
“สมุดรายชื่อโรงแรมครับ”
“ก็เมื่อวานตระเวนหมดแล้ว มันไม่มีประโยชน์แล้ว”
“ไอ้พิม อย่าเหวี่ยง คุณต้นเขาไม่รู้เรื่อง” นันทิกานต์ปราม พิมภารู้ตัวว่าผิดนั่งหน้าหงิก ฤชวีมองสงสัยว่าเป็นอะไร “คุณต้น ไปซื้อกาแฟกับแนนดีกว่าค่ะ”
นันทิกานต์ชี้ไปที่กาแฟรถเข็น ฤชวีรู้ว่านันทิกานต์จะดึงให้ไปคุย
“ครับ คุณพิมจะเอาอะไรมั้ยครับ”
พิมภาไม่ตอบ
“ตอนนี้ไอ้พิมจะกินแต่โอยัวะเท่านั้นล่ะค่ะ” พิมภาจะหยิก แต่นันทิกานต์รู้ทันหลบวูบ “ไปเถอะค่ะ”
ฤชวีเดินไปกับนันทิกานต์ พิมภานั่งเซ็ง
ฤชวีกับนันทิกานต์เดินมาที่กาแฟรถเข็น
“ชาเย็น” นันทิกานต์สั่งแล้วมองฤชวี ฤชวีพยักหน้า “สามแก้วจ๊ะ” นันทิกานต์เห็นฤชวีมองไปทางพิมภาอย่างเป็นห่วง “เมื่อเช้าโดนเรียกไปตำหนิว่าพลาดเรื่องเมื่อวานน่ะค่ะ ตอนนี้จิตตกสุดๆ ถ้ายังไม่ได้สถานที่ภายในสองวันนี้ คงสติแตกแน่”
ฤชวีมองพิมภาแล้วคิดหาทางช่วย
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วฤชวีเดินกลับมาส่งพิมภากับนันทิกานต์ที่ล็อบบี้บริษัท
“คุณกลับไปได้แล้ว ฉันขี้เกียจตอบคำถามว่าคุณเป็นใคร”
พิมภาหันมาพูดกับฤชวี นันทิกานต์จึงหยิกพิมภถาอย่างหมั่นไส้
“ปากเหรอที่พูดน่ะ”
“มันเจ็บนะแนน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณพิมมักจะพูดไม่คิดบ่อยๆ ผมชินแล้ว”
“นี่คุณ”
พิมภาจะเหวี่ยง แต่ตรีวิญซึ่งดักรออยู่เดินเข้ามา
“คุณพิม คุณแนนทานกลางวันหรือยังครับ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ครับ” ตรีวิญหันมาทางฤชวี “ แล้วคุณคนนี้”
“คุณต้น นี่คุณตรีวิญ เป็นมาร์เก็ตติ้ง เมเนเจอร์หัวหน้าของฉัน ส่วนนี่คุณต้นเป็น” พิมภาแนะนำแล้วมองหน้าฤชวี ฤชวีกำลังจะบอกว่าเป็นเพื่อนแต่ตรีวิญแทรกขึ้นมาก่อน
“คุณต้น คนที่คุณพิมบอกว่าเป็นคนดูแลบ้านใช่มั้ยครับ”
ฤชวี พิมภา นันทิกานต์อึ้ง ฤชวีมองตรีวิญที่สายตาดูท้าทาย รู้ว่าตรีวิญจงใจมาหยั่งเชิงตัวเอง
“เอ่อ คุณต้นเขาเป็น” นันทิกานต์จะแนะนำแต่ฤชวีขัดขึ้น
“ครับ ผมเป็นคนดูแลบ้าน แล้วก็ดูแลทุกเรื่องในชีวิตคุณพิมน่ะครับ”
ตรีวิญชะงักมองฤชวีที่มองตอบมาว่ารู้ทัน
“เหรอครับ”
นันทิกานต์กับพิมภาอึ้งที่สองหนุ่มมองหน้ากันยิ้มๆ แต่ดูคุมาก
นันทิกานต์เปิดประตูทำงานเข้ามาด้วยท่าทางตื่นเต้น
“ไอ้พิมเมื่อกี้ฉันคิดว่าคุณต้นกับคุณตรีวิญจะต่อยกันซะแล้ว เสน่ห์แรงนะยะ ถึงกับมีเปิดศึกกันด้วย”
“เพ้อเจ้อน่า”
“จริง ๆ นะฉันรู้สึกว่าคุณต้นอารมณ์แบบผู้หญิงข้าใครอย่าแตะมากเลย”
“ก็แค่การแสดง เขียนนิยายมากก็อย่างเงี้ย อินกับทุกเรื่องง่ายไปหมด”
“แกนี่มันอคติจริงๆ คุณต้นเขา...”
“ฉันไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้หรอกน่า เรื่องอื่นสำคัญกว่าเยอะ” พิมภานั่งลงที่โต๊ะหยิบแฟ้มมาแล้วก็ปิดวาง เปิดคอมมอง ๆ แล้วก็หงุดหงิด “โอ้ย ฉันหงุดหงิด”
“อารมณ์แปรปรวนขนาดนี้ ไม่ใช่เพื่อนกันจะคิดว่าวัยทองนะ” พิมภาหันมาตาเขียว “แกต้องแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ได้สิ มันถึงจะมืออาชีพ เข้าใจมะ”
“แนน แกจะให้ฉันสงบสติหรือจะให้สติแตกเลือกมา”
“เออๆ สงบให้ได้ก็แล้วกัน อีกยี่สิบนาทีหมดเวลาพักนะยะ”
นันทิกานต์ออกไป พิมภาเดินไปมาอย่างหงุดหงิดแล้วเดินออกจากห้อง
พิมภาเดินเข้ามาที่มุมหนึ่งบนดาดฟ้า พยายามหายใจเข้าออกแต่ไม่วายหัวเสีย
“พลาด ๆ คนอย่างฉันพลาดได้ยังไงกัน” พิมภาขัดใจอยากจะกรี๊ด แต่จู่ๆ ก็มีน้ำกระป๋องยื่นมาตรงหน้า พิมภาหันมาหาเจ้าของมือทันที “แกจะกวนประสาทฉันเหรอแนน”
พิมภาชะงักที่เห็นว่าเป็นตรีวิญ
ฤชวีเดินออกมาจากล็อบบี้บริษัทนารีแล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทรหามิ้นท์
“มิ้นท์ เช็กให้พี่หน่อยสิว่าตอนนี้คุณย่าชุติภาอยู่ที่เพชรบูรณ์หรือว่าอยู่บ้านที่ปทุม เช็กให้พี่ก่อนแล้วพี่จะเล่าให้ฟัง ด่วนเลยนะ”
ฤชวีวางสายพยายามคิดหาทางช่วยพิมภา
พิมภารับกระป๋องเครื่องดื่มมาจากตรีวิญ
“ขอบคุณค่ะ”
ตรีวิญเปิดกระป๋องของตัวเองดื่มพลางมองพิมภาที่ยังมองกระป๋องเครื่องดื่มไม่ยอมเปิด
“รู้สึกแย่เพราะคำว่าพลาดใช่ไหม” พิมภาอึ้ง
“ทำไมคุณ”
“พลาดครั้งนี้ต้องไม่ทำให้เราท้อแต่ต้องทำให้เรารอบคอบขึ้น ผมเชื่อว่าคุณทำได้”
“ขอบคุณค่ะ งั้นฉันคงต้องลุกขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ตอนนี้ หมดเวลาท้อแล้ว ฉันไปทำงานก่อนนะคะ” พิมภาจะไป
“คุณพิมครับ” พิมภาชะงักหันมา “คุณเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ผมหวังว่าสักวันคุณจะขึ้นมายืนในจุดเดียวกับผม ในพื้นที่เดียวกันนะครับ” พิมภาอึ้ง ตรีวิญยิ้มปิดท้าย “หมดเวลาพักแล้วไปทำงานกันเถอะครับ”
ตรีวิญเดินนำ พิมภาเดินตามมองตรีวิญรู้สึกว่าหัวใจพองโต
ตรีวิญกับพิมภาเดินลงมาจากดาดฟ้าด้วยกัน ทั้งคู่ยิ้มๆ ให้กันเริ่มรู้สึกดีๆ ลัลนากับซูซี่จะออกมาจากห้อง ลัลนาชะงัก ซูซี่ที่เดินตามชนเข้าให้
“น้องลัล เบรกก็บอกกันบ้างสิคะ”
“พี่ซูซี่ ดูโน่นสิ”
ซูซี่มองตามเห็นตรีวิญเดินลงไปกับพิมภา
“น้องพิมกับคุณตรีวิญนี่คะ ทำไมลงมาจากดาดฟ้าด้วยกัน” ลัลนาขยับออกมามองตามไม่พอใจ “อุ้ยๆ อย่าบอกนะคะว่าคุณตรีวิญสนใจน้องพิม”
“ยัยพิมมันมีอะไรดี ทุกคนถึงต้องไปรุมสนใจมันทั้งคุณสุ ทั้งคุณตรีวิญ”
“ตายล่ะ ถ้าคุณตรีวิญเป็นแฟนกับน้องพิม ตำแหน่งผู้จัดการสาขาที่น้องลัลหวังต้องฟาวล์แน่ๆ เลยค่ะ เป็นใครก็ต้องส่งเสริมแฟนตัวเองอยู่แล้ว น้องพิมนี่ฉลาดจริงๆ คิดใช้ทางลัด”
“งั้นลัลนี่ล่ะจะปิดทางยัยพิมเอง”
นันทิกานต์กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานพิมภา พิมภาเดินเข้ามาดึงเก้าอี้ให้เอนจนนันทิกานต์เกือบหงายหลัง
“ไอ้แนน”
“โอ้ย เรียกเฉยๆ ก็ได้ เกิดฉันหงายไปคอเคล็ดจะทำยังไง”
“ก็เดี้ยงไง แต่ตอนนี้แกต้องลุกขึ้นแล้วเอารายชื่อรีสอร์ทห้าดาวทั้งหมดมาให้ฉัน”
“รีสอร์ท แกจะจัดต่างจังหวัดเหรอ”
“ก็ถ้าหาในกรุงเทพฯ ไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนแผน ภายในสองวันเราต้องหาสถานที่ให้ได้ ลุกสิแนน”
นันทิกานต์เด้งตัวขึ้นมา รีบเข้ามาเปิดคอมทันที
“ทะเล หรือภูเขา”
“ได้ทั้งนั้น บรรยากาศดี วิวสวย”
“เมื่อกี้แกยังจิตตกอยู่เลย อยู่ดี ๆ ก็บ้าพลังนี่แกไม่สบาย หรือว่าโดนของมาหรือเปล่า”
“คนอย่างพิมภาเดินหน้าไม่เคยถอยหลัง”
“ฉันรู้ว่าแกไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก แกทำได้”
“ไม่ใช่แกคนเดียวที่เชื่อในตัวฉัน”
“แกพูดเหมือนมีใครอีก”
พิมภายิ้มไม่ตอบแต่หน้าตาปลาบปลื้มมาก
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 7 (ต่อ)
ที่คอนโดเอกพล ปราสินีถือหนังสือพิมพ์เข้ามาหาเอกพลที่ยืนคุยโทรศัพท์
“สวัสดีครับ คุณวิชชุดา เรื่องที่คุณเคยติดต่อให้ผมไปดูแลการตลาดของบริษัทคุณ ผมจะโทรมาแจ้งว่าผมสนใจที่จะเข้าไปคุยรายละเอียด อะไรนะครับ คุณได้คนแล้วเหรอครับ” เอกพลหน้าเสียแต่ยังต้องฟอร์ม “ตอนแรกผมเกรงว่าทางคุณจะลำบากถ้าต้องรอผม เพราะมีอีกหลายที่ก็รอคำตอบผมอยู่ ถ้ามีโอกาสเราคงจะได้ร่วมงานกันนะครับ สวัสดีครับ”
เอกพลกดวางสายแล้วอารมณ์เสีย
“โธ่เว้ย ทำไมมันบอกปัดทุกบริษัทเลยวะ”
ปราสินีเข้ามาสีหน้าร้อนรนมาก
“พี่เอก เห็นหรือยังคะ”
ปราสินีกางหนังสือพิมพ์ เป็นประกาศจากทางซันชายน์ว่าได้ปลดนายเอกพลและนางสาวปราสินีออกจากบริษัท ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ อีก
“ไอ้ประธานคิม มิน่าทุกบริษัทที่เคยติดต่อมาถึงแคนเซิลพี่หมด”
“ทั้งคลิปที่ลงอินเทอร์เน็ตแล้วยังประกาศนี่อีกแบบนี้ปลาจะไปสมัครงานที่ไหนได้เนี่ย” เอกพลคิดๆ แล้วเดินไปที่หน้ากระจกเช็กความหล่อจะออกไป “พี่เอกจะไปไหน”
“เรื่องของพี่” เอกพลจะไป ปราสินีไม่ยอมดึงแขนเอกพลไว้
“ปลาไม่ให้พี่ไปนะ”
เอกพลเหวี่ยงปราสินี
“รำคาญ ฉันจะไปไหนก็เรื่องของฉัน” เอกพลจะไป ปราสินีจะตาม เอกพลหันกลับมาชี้หน้า “อย่าตามมานะ ไม่งั้น” เอกพลเงื้อมือ
“ปลาเป็นเมียพี่นะ”
“โว้ย เพราะมีเมียโง่ๆ แบบเธอ ทำให้ชีวิตฉันพัง นี่ถ้าเป็นพิม ฉันคงกินตำแหน่งมาร์เก็ตติ้ง เมเนเจอร์ของนารี กินค่าตอบแทนเป็นล้านสบายไปแล้ว”
“ปลาก็ทำให้พี่เอกได้เหมือนกัน พิมทำได้ปลาก็ทำได้”
เอกพลหยิบหนังสือพิมพ์เขวี้ยงใส่ปราสินี
“นี่ไงที่เธอทำ สติปัญญาอย่างเธอไม่มีวันสู้พิมได้หรอก ยัยโง่”
เอกพลออกไป ปราสินีมองตามอย่างเจ็บช้ำ
“พี่เอก พี่เอก”
บนโต๊ะพิมภาเต็มไปด้วยหนังสือแนะนำโรงแรม โบชัวร์รีสอร์ทต่างๆ
“นี่มันเทศกาลอะไรกัน ทุกที่มันถึงได้เต็มๆๆ หมดแบบนี้”
“ช่วงกลางปีเขาก็จัดงานกันทุกที่ล่ะก็ทีเรายังจัดเลย”
“โอ้ย มันจะต้องมีว่างสักที่สิ สักที่” พิมภาจับเม้าส์คลิก “แล้วมันอยู่ที่ไหนเนี่ย” เสียงมือถือพิมภาดัง นันทิกานต์มองโทรศัพท์ “ถ้าคุณต้นโทรมาบอกไปว่าฉันไม่ว่าง” เสียงโทรศัพท์ยังดัง “จัดการสิยัยแนน”
“พี่แกโทรมา แกเคลียร์เองดีกว่า”
พิมภาหยิบโทรศัพท์มากดรับ
“ว่าไงพี่ภัทร” พิมภาเอาหูออกประมาณว่าทางโน้นรัวเป็นชุด “ก็ทำงานอยู่ ฉันกลับบ้านช้า แม่ด่าพี่ พี่ก็ฟังไปสิ ฉันจะทำงาน ทำข้าวเย็นแล้ว ก็กินก่อนเลย พี่ภัทรอย่าเซ้าซี้ได้ป่ะ น้องจะทำงาน รู้เรื่องมั้ย”
“ไอ้พิมนี่มันจะสองทุ่มแล้ว ฉันว่าเราไปทำงานต่อที่คอนโดแกดีไหม จะได้กินข้าวแล้วค่อยทำงาน หิวแล้วคิดอะไรไม่ค่อยออก”
“มันเสียเวลา”
“บ้างานได้แต่อย่าเวอร์ ไป”
นันทิกานต์ลากพิมภาออกไป ปิดไฟปิดประตู
ที่ห้องพิมภา ฤชวีถือจานกับข้าวออกมาวางที่โต๊ะ
“เป็นยังไงบ้างครับ”
“อาละวาดน่ะสิ ยังหาสถานที่จัดงานไม่ได้แน่ๆ”
“ตอนนี้คุณพิมโดนกดดันมากครับเห็นว่าเป็นงานใหญ่ของบริษัท ถ้าหาสถานที่ไม่ได้คงมีผลกับหน้าที่การงานน่ะครับ” ภัทรพลหน้าเสีย
“คุณลัลทำขนาดนี้เลยเหรอ”
“คุณภัทรไม่รู้เหรอครับว่าคุณพิมกับคุณลัลเป็นคู่แข่งกัน”
“รู้ แต่จะให้ทำยังไงก็ผมชอบเขา คุณสมหวังกับยัยพิมไปแล้วไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องใช้ความพยายามเพื่อชนะใจคนที่ตัวเองชอบหรอก” ฤชวีอึ้งไป
“เข้าใจสิครับ เข้าใจมากด้วย”
ภัทรพลมองฤชวีที่ดูจะเสียงซึมๆ
“คุณเป็นอะไร พูดเหมือนกับอยู่ในภาวะเดียวกับผมเลย”
“ก็ผมผ่านตรงนั้นมาแล้วไงครับ ผมถึงได้เข้าใจ” ฤชวรีเปลี่ยนเรื่อง “คุณพิมมาช้าจังนะครับ”
ลิฟต์หน้าห้องพิมภาเปิดออก พิมภากับนันทิกานต์ก้าวออกมา เอกพลเดินเข้ามาขวาง
“พิม”
พิมภากับนันทิกานต์ชะงัก
“นี่กล้ามาถึงที่นี่เลยเหรอ”
“พิม ฟังพี่อธิบายก่อนนะพี่ขอร้อง พี่ไม่ได้รักปลา แต่ปลาตั้งใจจะจับพี่เพื่อเอาชนะพิม พี่พลาดทำให้พิมต้องเสียใจ พี่ขอโทษ อภัยให้พี่นะพิม”
“หน้าหรือถนนเนี่ยพี่ มันถึงได้หนานักโยนความผิดให้ยัยปลาทุกอย่างเลยนะ แล้วที่ไปทำเขาท้องแล้วไม่รับนี่ก็พลาดใช่ไหม พี่พลาดบ่อยไปหน่อยมั้ง” นันทิกานต์ต่อว่า
“พิม พี่รักพิมคนเดียวนะ”
“ฉันไม่ได้กินหญ้าเคล้าน้ำส้ม สวมคันไถเป็นแอสเซสเซอรี่นะยะ จะได้เชื่อคำตอแหลพวกนี้ หึ ไม่มีบริษัทไหนเขารับแล้วล่ะสิ ถึงซมซานมาถึงที่นี่ คิดจะใช้ฉันเป็นสะพานหางานทำ บอกได้เลยว่าอย่าฝัน ที่คุณสุเมตตาไม่จับคุณกับยัยปลาเข้าคุกก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
“เรื่องขโมยสินค้าไปก็อป ปลาทำคนเดียวนะพี่ไม่เกี่ยว”
พิมภากับนันทิกานต์มองเอกพลอย่างสมเพช
“ฉันว่าเขาคงสะกดคำว่าลูกผู้ชายไม่เป็นหรอกว่ะ เสียเวลาคุย ไป”
พิมภากับนันทิกานต์จะเดินไปเปิดประตู เอกพลรีบเข้ามาจับมือพิมภายื้อไว้
“พิม”
พิมภาพยายามจะสะบัด
“ปล่อยฉันนะ”
ภัทรพลเปิดประตูออกมา
“โวยวายอะไรกันครับ” ภัทรพลชะงักที่เห็นเอกพล “ไอ้เอกพล”
ฤชวีตามออกมาเห็นเอกพลที่จับมือพิมภา
“ปล่อยมือคุณพิมเดี๋ยวนี้”
“ไอ้หมอนี่อีกแล้วเหรอ ทำไมมันมาอยู่ที่นี่”
ฤชวีเข้าไปดึงพิมภาออกมา
“ผมเป็นสามีของคุณพิมก็ต้องอยู่กับภรรยา”
“นี่มันเป็นสามีพิมจริงๆ เหรอ”
“ใช่ พิมมันแต่งงานแล้ว อย่ามายุ่งกับน้องฉันอีก กลับไปซะ ไม่งั้นฉันจะโยนแกออกไปทางหน้าต่าง ไป”
เอกพลมองว่ามีทั้งฤชวีกับภัทรพลคงสู้ไม่ได้แน่ จึงตัดสินใจถอย
“พิมจะต้องเสียใจที่ประชดพี่แบบนี้”
เอกพลเข้าลิฟต์ไป ฤชวีหันมาหาพิมภา
“เขาทำอะไรคุณหรือเปล่า คุณเจ็บตรงไหนไหม” ฤชวีถามอย่างเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นไร แนนเข้าห้อง เสียเวลากับเรื่องไร้สาระนานแล้ว ไปทำงาน”
พิมภาลากนันทิกานต์เข้าไปในห้อง ภัทรพลกับฤชวีตามเข้าไป
เอกพลเดินออกมาหน้าคอนโดพิมภาแล้วชะงักที่เห็นปราสินี
“มาที่นี่ทำไม”
“ปลาต่างหากที่ต้องถามว่าพี่มาหาพิมทำไม คิดเหรอว่าพิมจะยอมกลับมาคืนดีกับพี่”
“ถ้าพี่จะเอา พี่ต้องได้”
“นี่พี่กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าปลาเลยเหรอ พี่คิดถึงใจปลาบ้างไหม”
“ของที่มันหมดประโยชน์แล้ว ทำไมต้องสนใจ”
“พี่เอก” จู่ๆ ปราสินีก็เกิดอาการคลื่นไส้ขึ้นมา “อุ๊บ” ปราสินีคลื่นไส้รีบวิ่งไปอาเจียน “พี่เอก...พี่...” เอกพลมองอย่างรำคาญ เดินออกไปเลย “พี่เอก”
ปราสินีมองตามน้อยใจมาก
นันทิกานต์กับพิมภาคุยมือถือติดต่อโรงแรมแล้วก็ใช้ปากกาขีดฆ่าไปทีละโรงแรมจนหมดไปหลายแผ่น พิมภาวางมือถือ ใช้ปากกาขีดกากบาทบนกระดาษรายชื่ออย่างหัวเสีย
“กว้างไป เล็กไป ไกลไป เก่าไป มันอะไรกันเนี่ย รีสอร์ทมีเป็นสิบทำไมมันไม่ลงตัวเลยสักที่ แบบนี้มันต้องไม่ทันเวลาแน่ๆ”
“ไอ้พิม ใจเย็นๆ”
“จะให้เย็นยังไง มันจะไม่เหลือเวลาแล้วนะแนน ได้ที่ก็ต้องไปดู เตรียมสถานที่ ไหนจะโชว์เปิดตัวสินค้าอีก ฉัน...” พิมภาเครียดมาก
“มันต้องมีสักที่สิ ลองหากันอีกรอบนะ”
ภัทรพลสบตากับฤชวี ภัทรพลรู้สึกผิดมาก
“ผมทำให้น้องลำบาก”
ภัทรพลพูดกับฤชวี เสียงมือถือฤชวีดังขึ้น ฤชวีมอง
“มิ้นท์” ฤชวีรีบกดรับ “ว่าไงมิ้นท์” ฤชวีขยับเดินเข้าไปคุยในครัว แป๊บเดียวฤชวีเดินออกมาสีหน้าดีใจมาก “คุณพิม ผมหาสถานที่จัดงานให้คุณได้แล้ว”
ทุกคนหันมอง
“จริงเหรอ เดี๋ยวก่อนนะคุณเข้าใจใช่มั้ยว่าสถานที่ๆ ฉันต้องการมันต้องสมบูรณ์แบบ”
“สมบูรณ์แบบไม่ได้หมายความว่าต้องใหญ่โต หรูหราเท่านั้นนี่ครับ”
“คุณหมายความว่ายังไง”
ฤชวีให้ทุกคนดูภาพรีสอร์ทในโน้ตบุ๊ค เป็นรีสอร์ทฮิปเก๋ๆ
“มันมีสไตล์ก็จริง แต่มันไม่หรู”
“คุณพิมครับ ความสมบูรณ์แบบที่อยู่ในรูปแบบซ้ำๆ เดิมๆ มันหมายถึงความไม่สร้างสรรค์นะครับ แต่ถ้านอกกรอบแล้วออกแบบให้มีคอนเซ็ปท์แบบนั้นถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบจริงๆ”
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
“ก็จริงนะ หรูหราแต่ไม่แตกต่างมันก็ธรรมดา ไม่พิเศษ”
“ฉันเห็นด้วย”
“แต่ฉันไม่ถูกใจ”
“พิม จังหวะนี้แกไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ”
“แต่ฉันกลัวว่ามันจะไม่เวิร์ค”
“คุณพิมไว้ใจผมไหมครับ”
พิมภามองฤชวีที่ดูมั่นใจมาก
“แนน พรุ่งนี้เอารายละเอียดไปบอกกับทางพีอาร์ได้เลยว่าเราได้สถานที่แล้ว พรุ่งนี้ฉันจะไปเตรียมสถานที่”
“แกไปคนเดียวไหวเหรอ”
“ผมจะพาไปเอง ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”
“งั้นพี่ไปด้วย” ภัทรบอก ทุกคนมอง “ก็ฉันว่างๆ มีอะไรจะได้ช่วยกันไง”
“แค่นั้นจริงเหรอพี่ภัทร” นันทิกานต์ถามอย่างรู้ทัน
“เออ”
“เอาไงก็เอา ฉันไม่มีทางเลือกแล้วนี่”
ฤชวียิ้มที่พิมภายอมเชื่อ
วันต่อมา ลัลนาไม่พอใจเมื่อรู้ว่าพิมภาหาสถานที่จัดงานได้แล้ว
“ยัยพิมหาสถานที่ได้แล้วเหรอ”
“ค่ะ น้องแนนเอารายละเอียดไปให้ทางพีอาร์แล้ว เห็นว่าตอนนี้น้องพิมกำลังไปเตรียมสถานที่แล้วค่ะ”
“ได้สถานที่แล้วก็ดี”
“แต่อย่างนี้น้องพิมก็จะได้สร้างผลงานนะคะ”
“ก็เรามีทีเด็ดอยู่ในมือแล้ว จะไปเหนื่อยตามยัยพิมทำไม จริงไหมคะ ผู้หญิงที่งานแต่งล่มไม่ถึงเดือนจู่ๆ ก็มีสามีแบบลับ ๆ ถ้าคุณตรีวิญกับทุกคนในบริษัทรู้ มันจะเป็นยังไง”
“เอางั้นเลยเหรอคะ”
“ตีศัตรูต้องให้ตายคามือ ไม่งั้นลัลไม่ทำให้เหนื่อยหรอกค่ะ”
ลัลนายิ้มร้ายๆ
รถพิมภาขับอยู่บนถนนในเขา สองข้างทางเป็นป่าดูอุดมสมบูรณ์ ภัทรพลเปิดกระจกรถยื่นหน้าออกมา
“อากาศเย็น วิวก็สวยดีนะ”
“ตอนนี้เข้าช่วงหน้าหนาวแล้วอากาศดีมากครับ”
“ก็ดีนะ มาทำงานในที่สวยๆ ถือซะว่ามาฮันนีมูนไปด้วยในตัวไง นี่แม่ก็บ่นๆ อยู่นะว่าอยากได้หลาน” ภัทรพล โผล่หน้ามาตรงกลาง “คุณต้นก็จัดให้แม่ยายสักคนสิ”
พิมภาหันขวับเผลอสบตาฤชวี แล้วหันมาโวยภัทรพล
“พี่ภัทรพูดบ้าอะไรเนี่ย หลานเหลินอะไร”
“เอ้า แกแต่งงานแล้วก็ต้องมีลูกสิ มันถึงจะเป็นครอบครัวสมบูรณ์ จริงไหมครับคุณต้น”
“ครับ” ฤชวียิ้มรับ
“ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ มาวิ่งเล่นสักคน พ่อแม่คงดีใจน่าดู คืนนี้จัดเลยนะ”
ฤชวีขำ แล้วหันมาแกล้งพิมภา
“เอ่อ ผมว่าเรื่องนี้มันต้องร่วมมือกันน่ะครับ”
“คุณต้น” พิมภาหยิกฤชวี
“โอ้ยๆ”
ฤชวีสะดุ้งหักรถอย่างตกใจ
“เฮ้ยๆๆ ไอ้พิม เขินเวอร์ไปแล้ว พี่ยังไม่ได้แต่งเมียนะเว้ย”
“ก็อยากพูดน่าเกลียดกันทำไมล่ะ”
“แหมๆๆ อะไร แต่งงานมาเป็นอาทิตย์ ทำยังกับเพิ่งโดนจีบ”
“คุณต้นอีกนานไหมกว่าจะถึง” พิมภาเปลี่ยนเรื่อง
“จากตรงนี้อีกไม่กี่กิโลก็ถึงแล้วครับ”
“คุณต้นดูคุ้นเคยกับเส้นทางนะ ไม่ต้องดูแผนที่ จีพีเอสเลย”
“ก็ผมเด็กเพชรบูรณ์นี่ครับ”
“คุณเกิดที่นี่เหรอ”
“ครับ”
“อ้าว ยัยพิม แกไม่รู้เหรอ”
ภัทรพลถามอย่างแปลกใจ พิมภาอึ้งไป ฤชวีมองพิมภาแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง
“คุณพิมครับมาจัดงานไกลขนาดนี้ที่บริษัทโอเคหรือเปล่าครับ”
“ลูกค้าที่มาร่วมงานแต่ละคนยอดสั่งซื้อเกินครึ่งแสนทั้งนั้น ส่วนคู่ค้าก็ระดับวีไอพี เพิ่มค่าใช้จ่ายตรงส่วนการเดินทางน่ะ มันจิ๊บๆ มากถ้าเทียบกับยอดการสั่งซื้อการสินค้าที่เราจะได้จากงานนี้ ว่าแต่คุณแน่ใจนะว่าสถานที่มันจะดีเหมือนในเว็บไซต์ที่คุณให้ฉันดู”
ฤชวียิ้มมั่นใจ
ฤชวีขับรถเข้ามาที่หน้ารีสอร์ท เห็นว่าการตกแต่งหน้ารีสอร์ทเรียบแต่หรู
“ที่นี่เหรอคุณต้น”
“ครับ พอไหวไหม”
“พิม บริษัทแกให้งบประมาณสำหรับจัดงานเท่าไหร่เนี่ย พี่ว่าค่าเช่าสถานที่ก็น่าจะหนักมากนะ”
พิมภามองคิด ๆ สีหน้าหนักใจเพราะกำลังกังวลเหมือนที่ภัทรพลพูด
“ปกติก็ให้งบเยอะนะ แต่ถ้าจัดที่นี่ งบจะไม่พอน่ะสิ”
“มันไม่สูงมากอย่างที่คิดหรอกครับ”
พิมภามองฤชวีอย่างไม่อยากเชื่อ ฤชวียิ้มแล้วขับรถเข้าไปในรีสอร์ท
ฤชวีเดินนำพิมภากับภัทรพลเข้ามาในรีสอร์ท
“คุณพิมกับคุณภัทรรอตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปติดต่อให้ก่อน”
พิมภายืนรอกับภัทรพล พิมภามองรอบๆ รีสอร์ทอย่างพอใจ
“ที่นี่สวยดีนะพี่”
“ราคาคงสวยมากล่ะพี่ว่า”
ภัทรมองไปรอบๆ แล้วมองตามฤชวีไป ภัทรพลเห็นผู้จัดการรีสอร์ทกับพนักงานเดินเข้ามาต้อนรับฤชวี ต่างยกมือไหว้ฤชวีท่าทีดูเคารพนบนอบมาก
“สวัสดีครับคุณต้น ดีใจจริงๆ ที่คุณต้นกลับมา คุณหญิงท่านบ่นถึงคุณต้นทุกวันเลยครับ” ผู้จัดการบอก ฤชวี
มองไปทางพิมภากับภัทรพล
“ผู้จัดการครับ คือ ผมขอให้ต้อนรับผมในฐานะแขกนะครับ”
“ทำไมล่ะครับ”
พิมภากับภัทรพลเดินเข้ามาทำให้ฤชวีพูดต่อไม่ได้
“คุณต้น ฉันอยากเห็นห้องที่จะใช้จัดงาน”
“ผู้จัดการช่วยพาคุณพิมไปดูห้องจัดงานที่ผมแจ้งไว้น่ะครับ”
“ได้ครับ เชิญทางนี้ครับ”
ผู้จัดการเดินนำ ฤชวีตาม พิมภากับภัทรพลเดินตามปิดท้าย ระหว่างทางเดินพนักงานในรีสอร์ทเมื่อเห็นฤชวีต่างหยุดยกมือสวัสดี และเดินผ่านไปด้วยท่าทางนอบน้อมจนภัทรพลสงสัย
“พิม แกเห็นเหมือนพี่หรือเปล่าว่าพนักงานที่นี่เขาดูเกรงใจคุณต้นมาก” ภัทรพูดกับพิมภาเบาๆ
“พี่ภัทร รีสอร์ทระดับนี้นะ เขาต้องอบรมพนักงานว่าลูกค้าคือพระเจ้าอยู่แล้ว ลูกค้าคนไหนเข้ามาก็ต้องนอบน้อมให้ประทับใจเป็นธรรมดา”
ภัทรพลมองผู้จัดการที่เดินคุยกับฤชวี ผู้จัดการกุมมือคุยกับฤชวีแบบลูกน้องคุยกับเจ้านาย
“แต่พี่ว่ามันนอบน้อมเกินไปนะ แกดูดีๆ สิ”
“พี่ภัทร ฉันต้องรีบทำงาน ไม่สนใจเรื่องหยุมหยิมหรอกน่า”
“โลกแคบ เห็นแต่ตัวเอง”
“พี่ภัทร ถ้าจะมากวนประสาทเป็นงานหลักล่ะก็ขอให้กลับไปเลย”
“เออๆๆ แกจะไปทำงานอะไรก็ไปเลย ไม่สนก็เรื่องของแก”
พิมภาเดินฉับๆ ไปหาฤชวี ภัทรพลมองคิดๆ
ภายในห้องจัดเลี้ยงประดับด้วยโคมไฟที่เน้นไอเดียจากกิ่งไม้ที่แตกกิ่งก้าน
“ใช้ได้ไหมครับคุณพิม”
“ฉันชอบนะ”
พิมภามองไปรอบๆ อย่างพอใจ แล้วหยิบกระดาษออกมากาง พลางมองไปรอบๆ อย่างคำนวณพื้นที่และคิดออกแบบว่าจะตกแต่ง จัดบู๊ธยังไงบ้าง ฤชวีกับภัทรพลยืนรอให้พิมภาเดินสำรวจ คิดคำนวณ
“ยัยพิม มันบ้างาน คุณคงเหนื่อยหน่อยนะ”
“คุณพิมทุ่มเทกับงานที่เขารัก ถ้าช่วยได้ผมก็อยากจะช่วยครับ”
ผู้จัดการเดินเข้ามาหาฤชวี
“คุณต้นครับ ผมขอปรึกษาสักนิดครับ”
ฤชวีมองไปทางพิมภาเห็นยังมีสมาธิกับงาน ก็หันมาพยักหน้ากับผู้จัดการ ฤชวีเดินตามผู้จัดการไป ภัทรพลมองๆ ทางฤชวี แล้วทำเนียนเป็นเดินดูสถานที่แต่ไปยืนอยู่ตรงมุมใกล้ๆ ฟังฤชวีคุยกับผู้จัดการแต่ฤชวีไม่ทันสังเกตเห็น
“งบประมาณในการจัดงานครั้งนี้ที่คุณต้นแจ้งราคามา มันต่ำกว่าราคามาตรฐานของทางรีสอร์ทน่ะครับ ผมเกรงว่าถ้าคุณหญิงมาตรวจงานแล้วทราบเรื่องนี้...”
“เอาเป็นว่าผู้จัดการจัดการทุกอย่างให้คุณพิมตามที่เขาต้องการ ค่าใช้จ่ายในส่วนที่ขาดผมจะเป็นคนจ่ายในส่วนนั้นเอง ผู้จัดการไม่ต้องลงรายงานเรื่องการจัดงานครั้งนี้ ผมไม่ต้องการให้คุณย่าทราบ”
“ถ้าคุณต้นต้องการแบบนั้น ผมจะจัดการให้ครับ”
“ขอบคุณมากครับ”
ภัทรพลยืนฟังอึ้งๆ
“ผู้จัดการครับ คุณย่ามาที่นี่ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ครับ”
“เมื่อวานครับ ท่านมาตรวจงานก่อนจะไปทำธุระที่กรุงเทพฯ ครับ”
“ธุระเหรอ”
ฤชวีสงสัยว่าคุณย่าไปทำธุระอะไร
กรุงเทพ ที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง ชุติภาเปิดประตูเข้ามาในห้องทานอาหารแบบส่วนตัว สินีนาฎนั่งรออยู่ในห้อง บนโต๊ะมีอาหารจัดวางอยู่สองสามอย่างแล้ว
“ชุติภา เอ่อ เรียกแบบนี้ไม่ได้แล้วสินะ ต้องเรียกคุณหญิงชุติภา”
“จ้า คุณสินีนาฎ ฉันได้ข่าวว่าเธอจะสร้างห้างสรรพสินค้า”
“หรูที่สุดในกรุงเทพฯ เจาะกลุ่มลูกค้าไฮโซโดยเฉพาะ”
“แล้ว ไหนล่ะ หลานสาวเธอน่ะ”
“กำลังตามมา ใจร้อนจริงเลยนะ หลานชายเธอกลับมาแล้วเหรอ”
“กลับมาแล้วแต่ตอนนี้เขาไปเก็บตัวทำงานอยู่น่ะ”
ขณะนั้นการะเกตุเปิดประตูเดินเข้ามา การะเกตุเป็นสาวสวยที่แต่งตัวดูเป็นเวิร์คกิ้งวูแมนที่ดูสง่า เรียบแต่ดูมีรสนิยม ชุติภาหันมองชะงักอย่างสนใจ
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 7 (ต่อ)
“ชุติภา นี่การะเกตุ หลานสาวของฉัน นี่เพิ่งเรียนจบปริญญาโทด้านบริหารมาจากแอลเอจ๊ะ เกตุนี่คุณหญิงชุติภา เพื่อนสมัยเด็กของยายจ้ะ”
การะเกตุสวัสดีชุติภาอย่างอ่อนช้อยดูสวยงาม
“สวัสดีค่ะคุณหญิง”
“เรียกย่าก็ได้จ้ะ”
“ค่ะ คุณย่า”
“ตอนนี้ฉันก็ยกให้เกตุดูแลเรื่องทางห้างเต็มตัว คนรุ่นใหม่คงจะมองอะไรได้กว้างไกลทันสมัยกว่าเรา”
“คุณยายเหนื่อยมามากแล้ว เกตุอยากให้คุณยายพักบ้างน่ะค่ะ”
การะเกตุกอดสินีนาฎแนวอ้อนนิดๆ ชุติภายิ้มเอ็นดู
“จะว่าไปหนูเกตุก็อายุอ่อนกว่าตาต้นหลานชายฉันไม่กี่ปีเองนะ”
“แล้วตอนนี้เขาทำงานอะไรล่ะ”
“เป็นนักเขียนนิยาย ดังนะ มีตีพิมพ์ต่างประเทศด้วย”
“เกตุก็ชอบอ่านหนังสือนี่ ถ้าเจอกันคงจะคุยกันถูกคอนะ” ชุติภายิ้มอย่างหมายมาด
“ต้องได้เจอกันแน่ๆ จ้ะ”
“ทานข้าวกันก่อนเถอะนะ เดี๋ยวจะชืดซะหมด”
การะเกตุตักกับข้าวให้กับชุติภา ชุติภายิ้มมองการะเกตุที่ตักอาหารให้สินีนาฏดูกิริยาการทานอาหารของการะเกตุที่ดูนุ่มนวล
ส่วนที่รีสอร์ท ฤชวีเดินตามพิมภาที่กำลังเดินดูภายในห้องจัดงาน พิมภาสั่งงาน ฤชวีคอยจดราวกับเป็นเลขา
“ฉันอยากให้ภายในห้องเน้นโทนขาว ใช้ผ้ามาประดับให้ดูพริ้วๆ แล้วก็เสริมด้วยดอกไม้ตามมุมนะ ฉันอยากให้มันเป็นอาณาจักรสีขาว เพราะสีสันที่จะมีในอาณาจักรนี้คือสีสันจากเครื่องสำอางของนารีเท่านั้น”
“ได้ครับ”
พิมภายังเดินชี้ๆ แล้วก็หันมาสั่ง ฤชวีคอยจด ผู้จัดการยืนรออยู่มุมหนึ่งเผื่อฤชวีต้องการอะไร ภัทรพลเห็นเป็นจังหวะจึงเดินเข้าไปหาผู้จัดการ
“ผู้จัดการครับ”
“ครับ ต้องการอะไรเพิ่มเติมบ้างครับ”
“ไม่ครับ ว่าแต่รีสอร์ทที่นี่สวยมากนะครับ ใครเป็นเจ้าของเหรอครับ”
“คุณหญิงชุติภา วงศ์บริบูรณ์ครับ”
ภัทรพลได้ยินนามสกุลแล้วรู้ทันทีว่าของใคร
“ถ้าอย่างนั้น ฤชวี วงศ์บริบูรณ์ก็...”
“คุณต้นเป็นหลานชายของท่านครับ”
ภัทรพลมองไปทางฤชวีอย่างเก็บข้อมูลว่าไม่ธรรมดา
ชุติภายืนอยู่ที่ประตูร้านอาหาร การะเกตุกับสินีนาฎลุกขึ้นมายืนส่งที่ประตู
“วันเปิดห้าง เธอต้องมานะ”
“ไม่พลาดอยู่แล้วจ้ะ แล้วเธอกับหลานเกตุถ้ามีเวลาว่างก็ไปเที่ยวที่เพชรบูรณ์บ้างนะ ไปพักที่รีสอร์ทของฉัน แล้วฉันจะให้ตาต้นพาเธอกับหนูเกตุเที่ยว”
“หลานชายเธอจะมีเวลาว่างเหรอจ๊ะ”
“ถ้าตาต้นได้เจอหลานเกตุ ฉันว่าถึงไม่ว่างก็ต้องทำให้ว่างจนได้ หลานสาวเธอน่ารักขนาดนี้” การะเกตุยิ้มเขินๆ เล็กน้อยพองาม ชุติภามองอย่างพอใจ “ฉันไปก่อนนะ ต้องรีบไปทำธุระต่อน่ะ”
“เกตุเดินไปส่งคุณย่านะคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ แค่นี้เอง ย่าไปเองได้”
“แล้วฉันจะโทรหานะ” สินีนาฎบอก ชุติภายิ้มเอ็นดูการะเกตุ
“ย่าไปก่อนนะ”
“สวัสดีค่ะ คุณย่า” การะเกตุยกมือไหว้แล้วยิ้มสวยส่งท้าย ชุติภาเดินออกไปแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก “เช็คประวัติผู้หญิงให้ฉันหน่อย ชื่อการะเกตุ วิเศษพงศ์”
ชุติภาเก็บโทรศัพท์เดินออกไปสีหน้าหมายมาดจะจับคู่ให้หลานชาย ภายในร้านอาหารการะเกตุนั่งลงแล้วตักอาหารทานแต่ท่าทีในการทานไม่ได้นุ่มนวลเรียบร้อยแตกต่างจากตอนที่ชุติภาอยู่อย่างสิ้นเชิง
“นี่แกตายอดตายอยากมากหรือไงยัยเกตุ” สินีนาฎต่อว่าหลานสาว
“ก็ยายไม่เห็นเหรอว่าเกตุต้องนั่งกินไปหนีบตัวเป็นกุลสตรีจนเส้นเลือดจะตีบทั้งตัวแล้ว”
“งั้นก็กินเข้าไปเร็วๆ แกกับยายต้องไปทำผมเตรียมไปงานเปิดร้านเพชรคืนนี้อีก”
“ออกงานอีกแล้ว ยายไม่เบื่อหรือไง ไปงานไหนก็โดนจิกกัดว่าเรามันเศรษฐีบ้านนอกอยากยกระดับเป็นไฮโซกรุงเทพฯ เวลาเกตุได้ยินแล้วอยากจะตบให้ปากเบี้ยวเคี้ยวข้าวไม่ได้เลย สรุปดีกว่ายายที่เรียกเกตุมาหายัยแก่เพื่อนยายนี่จะหาผู้ชายให้เกตุล่ะสิ”
“ใช่ ยัยชุเขามีเชื้อมีสายเป็นผู้ดีเก่า ถ้าแต่งกัน พวกปากมากมันจะได้เลิกเม้าท์เราสักที”
“เป็นนักเขียน พวกติสท์แตก ประสาทไม่ปกติหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าหน้าไม่จี๊ด หุ่นไม่เปรี๊ยะ เกตุก็ไม่เอานะยาย”
“นังเกตุ เก็บหางแกหน่อยอย่าให้มันโผล่มาเพ่นพ่านนัก หน้าตาก็ดี เงินเราก็มี ทำชีวิตให้มันดีๆ หน่อย อย่าให้มันเละเทะนัก เดี๋ยววันไหนจะมีคลิปฉาวโฉ่ให้อับอายจะแก้ไขไม่ได้”
“ระดับหลานยายแล้ว ไม่เคยทิ้งหลักฐานให้ยายเดือดร้อนสักที”
สินีนาฎกำลังจะอ้าปากบ่น เสียงมือถือการะเกตุดัง การะเกตุรับสาย
“ว่ายังไง อืม อีกสักสองชั่วโมงให้เขาเข้ามาคุยกับฉันที่ออฟฟิศ” การะเกตุวางสายลุกขึ้นจะไป
“ยัยเกตุนี่แกจะไปไหน”
“เกตุนัดคนมาสัมภาษณ์งาน ไปนะยาย”
“เอ้า แล้วยายล่ะ”
“ก็ให้คนขับรถมันพาไปสิยาย”
“แต่” การะเกตุเดินออกไปไม่รอฟังสินีนาฎ “ยัยเกตุ”
สินีนาฎมองตามอย่างเหนื่อยใจ
ปราสินีกำลังเก็บจานบนโต๊ะหลังจากทานอาหารเสร็จ เอกพลแต่งตัวหล่อในชุดทำงานดูดี เดินคุยมือถือออกมา
“คอนเฟิร์มตามเวลานี้นะครับ สวัสดีครับ”
เอกพลจะเดินออกไป
“พี่เอกจะไปไหนคะ” ปราสินีถามอย่างไม่พอใจ เอกพลชักสีหน้าไม่พอใจ เสียงแข็ง
“อย่ามาถามคำถามแบบนี้กับพี่ พี่ไม่ชอบ”
“พี่จะไปหาพิมใช่ไหม ปลาไม่ยอมนะ” ปราสินีจะดึงไว้ เอกพลสะบัด
“นี่อย่าวุ่นวายได้มั้ย พี่จะไปสัมภาษณ์งาน”
“งานอะไร ทำไมปลาไม่รู้”
“ก็เพราะเธอมันไม่ได้เรื่องฉันถึงต้องขวนขวายหาเอง”
ปราสินีเห็นว่าเอกพลกำลังจะอารมณ์เสียก็ใช้ลูกอ้อน
“ปลาขอโทษนะ ปลารักพี่หวงพี่ อย่าโกรธปลาเลยนะ”
“รู้แล้วก็ปล่อยสักที เดี๋ยวพี่ไปสาย”
“แล้วพี่จะไปสัมภาษณ์งานตำแหน่งอะไร ของที่ไหนคะ”
“ผู้จัดการฝ่ายบริหารพื้นที่ของห้างเจพาร์คที่กำลังจะเปิดใหม่”
“ที่เขาเม้าท์กันว่าเป็นห้างสำหรับเซเลบฯใช่ไหมคะ”
“ถ้าได้งานนี้ค่าตอบแทนก็ไม่น้อยหน้าที่จะได้จากนารี เธอก็จะสบายไปด้วย”
“งั้นรีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวเย็นนี้ปลาจะทำข้าวเย็นรอนะคะ”
เอกพลมองปราสินีด้วยความรู้สึกเบื่อนิดๆ
“อืม”
เอกพลออกไป
“มีงานมีเงินจะได้เลิกยุ่งกับยัยพิมซะที”
ปราสินียิ้มฝันหวาน
พิมภาใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายภาพบริเวณต่างๆ ที่จะใช้จัดงานทั้งด้านในและด้านนอก แล้วโหลดเข้าคอมส่งรูปไปทางอีเมล์ พิมภาหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก
“แนน ฉันส่งรูปกับรายละเอียดไปทางอีเมล์แล้วนะ รวบรวมแล้วส่งให้คุณสุกับแผนกอื่นๆ ได้เลย”
พิมภาวางสาย ภัทรพลเดินเข้ามา
“รีสอร์ทที่นี่สวยดีนะ”
“อืม คุณต้นคงรู้จักเจ้าของจริงๆ นะ ไม่ใช่ขี้โม้ ไม่งั้นงบค่าจัดงานบานแน่ๆ”
“นี่แกไม่รู้เหรอ”
“รู้อะไร”
ภัทรพลมองพิมภาที่ดูงงจริงๆ ก็ตัดบท
“เปล่า เดี๋ยวพี่ไปหาน้ำกินหน่อยหิวน้ำ”
พิมภาไม่ได้สนใจนัก หันมาสนใจงานตัวเองว่าจะวางอะไรมุมไหนยังไงดี
ที่ห้องประชุมนารี ทุกคนนั่งอยู่ในห้องประชุม เดียกับฤทธิ์แจกเอกสารที่เป็นรายละเอียดของลำดับกำหนดการในการจัดงาน ภาพสถานที่ แผนผังในการจัดงาน วางบูธ ทางเข้าทางออก
“เอกสารที่ทุกท่านได้รับจะเป็นกำหนดการและรายละเอียดของกิจการในการจัดงานครั้งนี้ รูปภาพและแผนผังในการจัดวางบู๊ธ เวที ซึ่งครั้งนี้จะมีการเปิดตัวสินค้าคือแป้งวิงค์ และลิปสติกlongtime นะคะ งานจะเริ่มที่วีดีโอพรีเซ้นท์ของนารีกับธีม นารี สีสันแห่งความงาม จากนั้นคุณสุจะกล่าวเปิดงานและเปิดตัวคุณตรีวิญกับสื่อมวลชน จะมีแขกรับเชิญผู้ชายที่เป็นเซเลบฯขึ้นมา เพื่อสัมภาษณ์ถึงทัศนคติ เสริมให้คุณตรีวิญได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อสื่อมวลชนและลูกค้า สร้างภาพลักษณ์ แล้วถึงจะเป็นคิวโชว์โปรโมทสินค้าทั้ง 2 ตัว ปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินค่ะ”
ทุกคนมองไปที่สุกัญญาที่พิจารณาเอกสาร
“พี่โอเคนะ มีใครจะเสนออะไรเพิ่มเติมมั้ย” สุกัญญามองเห็นว่าไม่มีใครแย้ง “แล้วเรื่องพิธีกรล่ะ”
“เราจะจ้าง...”
“ลัลอาสาเองคะ”
ทุกคนมองลัลนา
“แต่พิมจัดการติดต่อนักแสดงมาเป็นพิธีกรเพื่อเพิ่มสีสันให้กับงานแล้วค่ะ” นันทิกานต์แย้ง ลัลนาปรายตามองซูซี่ให้ช่วยเสริม
“แต่ทุกปีน้องลัลก็รับหน้าที่นี้อยู่แล้ว เราจะไปจ้างให้สิ้นเปลืองทำไมล่ะคะ”
“ก็ดีนะ ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้”
นันทิกานต์มองลัลนาอย่างไม่ไว้ใจแต่ก็แย้งไม่ได้
“ค่ะ”
“ตัวเลขจากยอดสั่งซื้อสินค้าในงานนี้จะเป็นตัวชี้วัดความสามารถของแต่ละแบรนด์ ทั้งแป้งวิ้งค์และลิปสติก longtime พี่หวังว่าจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง”
“ค่ะ”
ลัลนามองสุกัญญาว่าจะพิสูจน์ให้เห็น
ลัลนาวางเอกสารกำหนดการลงกลางโต๊ะทำงาน ซูซี่ จุ๋มจิ๋ม ลิลลี่ขยับเข้ามารอคำสั่ง ลัลนาใช้ปากกาวางตรงกำหนดการว่าเป็นการสาธิตสินค้า
“ช่วงโชว์โปรโมทสินค้า เป็นไฮไลท์ของงาน”
“ยอดซื้อจะสูงหรือซบวัดกันที่ช่วงนี้เลยนะคะ ปีที่แล้ว ทีมเรากับน้องพิมยอดซื้อของเราชนะน้องพิมไปแค่สองเปอร์เซ็นต์”
“ก็เลยมีค่าเท่ากับเสมอ”
“งานนี้ต้องโดนใจชนะให้ขาดลอย”
“น้องลัลเตรียมหรือยังคะว่าจะสาธิตสินค้าแบบไหนให้โดนใจ”
“คุณสมบัติของลิปสติกเราคืออะไรคะ”
“longtime ติดทน ไม่ลบเลือนค่ะ”
ลัลนายิ้มมองที่กำหนดการ
“งานนี้ไม่ต้องจัดโชว์หรอกค่ะ ลัลมีวิธีรับรองเป๊ะเวอร์ เซอร์ไพร์สแน่ๆ พี่ซูซี่คะ งานที่ยัยพิมจัดถ้ามันจะราบรื่นก็คงจะไม่สนุกจริงไหมคะ”
“เราจะป่วนเหรอคะ”
“ก็แค่ทำให้งานไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่ยัยพิมวางแผนไว้ก็พอ”
“ช่วงสัมภาษณ์คุณตรีวิญกับเซเลปเหรอคะ” ซูซี่ถามแล้วมองลัลนาที่ยิ้มร้ายๆ “พี่เข้าใจค่ะ”
ลัลนากับซูซี่ยิ้มร้าย จุ๋มจิ๋มกับลิลลี่มองว่าจะให้ทำอะไร
ส่วนที่รีสอร์ท ฤชวียืนคุยอยู่กับผู้จัดการที่ห้องจัดเลี้ยง
“ผู้จัดการเรียกฝ่ายศิลป์มาที่ห้องจัดเลี้ยงคืนนี้แล้วก็เกณฑ์พนักงานที่สนใจจะทำงานนอกเวลา ผมมีเบี้ยเลี้ยงพิเศษให้ แล้วช่วยส่งรายการอาหารที่จะใช้ในงานเลี้ยงให้กับคุณพิมก่อนเย็นนี้นะครับ”
“ได้ครับ”
ผู้จัดการออกไป ภัทรพลเดินถือกระป๋องเครื่องดื่มสวนผู้จัดการเข้ามาส่งให้กับฤชวี
“เหนื่อยมั้ยคุณ ต้องมาเป็นทาสทำงานให้ยัยพิม”
“ไม่หรอกครับ สนุกดี”
“ถึงจะเป็นรีสอร์ทของตัวเองแต่ยอมชักเนื้อตัวเองจัดงานให้ยัยพิมมันไม่มากไปหน่อยเหรอ”
“นิดหน่อยเองครับ” ฤชวีตอบโดยไม่ทันคิดแต่พอนึกได้จึงหันมาหาภัทรพล “คุณภัทร”
ภัทรพลจ้องหน้าฤชวีเพื่อเอาคำตอบ
“ทำไมพิมถึงไม่รู้ว่าที่นี่เป็นรีสอร์ทของคุณ คนเป็นสามีภรรยากันทำไมต้องมีความลับกันด้วย”
“เราแต่งงานกันกะทันหัน มีเวลาศึกษากันน้อยน่ะครับ” ฤชวีตอบแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “ผมจะพาคุณพิมกับคุณภัทรไปทานข้าวร้านอาหารบนเขาวิวดีมาก ไปตอนนี้จะได้ทันดูพระอาทิตย์ตกดิน เดี๋ยวเราไปตามคุณพิม แล้วไปกันเลยดีกว่า”
ฤชวีไม่รอฟังว่าภัทรพลจะโอเคหรือไม่ รีบเดินนำไปเลย ภัทรพลเดินตามฤชวีไป
“ไอ้คู่นี้มันแปลกๆ แฮะ”
ภัทรพลบ่นกับตัวเองอย่างสงสัย
อีกด้านหนึ่งที่ห้องทำงานพิมภา นันทิกานต์ เดีย ฤทธิ์ยืนอยู่ที่โต๊ะทำงานของพิมภาจากนั้นนันทิกานต์ก็กดปุ่มสปีกเกอร์โฟนที่โทรศัพท์
“บัญชาการมาได้เลย”
ภัทรพลกับฤชวีเดินตามหาพิมภา เห็นพิมภากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ สองหนุ่มจะเดินเข้าไปหา
“แนน เรื่องบูธสินค้าแกไปคุมด้วยตัวเองนะ อย่าให้ผิดสีผิดสเปกเด็ดขาด เดียกับฤทธิ์คอนเฟิร์มลูกค้าอย่าให้ตกหล่น ลูกค้าประจำของเราต้องตามให้ครบ แผนที่ รถรับส่งเช็กให้แม่นอย่าให้ผิดพลาดเด็ดขาด”
“ค่ะ”
“เรื่องพิธีกร”
“ยัยลัลอาสาในที่ประชุมแล้วคุณสุก็อนุมัติแล้วด้วย” นันทิกานต์บอก พิมภาชะงักไปนิด
“ไม่เป็นไร ถ้ายัยลัลคิดจะตุกติกก็ไม่เกินมือฉันหรอก แนน แขกที่จะมาเป็นเซเลบฯ สัมภาษณ์คู่กับคุณตรีวิญเลือกที่โปรไฟล์ดีๆ นะ ความน่าสนใจใกล้เคียงแต่อย่าให้เด่นกว่าเพราะไฮไลท์ต้องอยู่ที่คุณตรีวิญเท่านั้น ส่วนนักข่าวกับแม็กกาซีนที่ดิวกับเราก็ต้องตามมาให้ครบทุกสำนักพิมพ์นะ เพราะงานครั้งนี้จัดเพื่อคุณตรีวิญ”
ฤชวีหน้าตึง ภัทรพลจะหันมาถามว่าตรีวิญเป็นใครแต่เห็นหน้าฤชวีแล้วรู้สึกว่ามีอะไรแน่
“ติดขัดอะไรแกต้องแจ้งฉันทันทีนะ จะได้แก้ไขทัน อืม...” พิมภากดวางสาย แล้วเมื่อหันกลับมาก็ต้องชะงักที่เห็นภัทรพลกับฤชวียืนอยู่ ฤชวีหน้านิ่งมาก “มีอะไรเหรอ”
ภัทรพลมองฤชวีที่เงียบ
“คุณต้นน่ะเขา คุณต้น”
ฤชวีพยายามกดความไม่พอใจ
“ผมจะพาไปทานข้าว”
“ดีเหมือนกัน ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยงเลย ไปสิ”
“ครับ”
ฤชวีจะเดินนำไป ภัทรพลมองแล้วท่าทางไม่ดี
“พี่ว่าพี่ไม่ไปดีกว่า” พิมภากับฤชวีมอง “พี่ง่วง สองคนไปกันเองนะ พี่จะนอนสักหน่อย”
“รับกุญแจที่ฟร้อนท์เลยนะครับ ผมเปิดห้องไว้แล้ว”
“โอเค”
“จะกินอะไรไหมจะได้ซื้อมาฝาก”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวสั่งที่นี่กินก็ได้”
“ตามใจ ไปเร็วสิคุณต้น ฉันหิว”
พิมภาเดินนำไป ฤชวีเดินตามหน้านิ่งเพราะกำลังน้อยใจ
“อืม ดูท่าแล้วมื้อนี้จะกร่อยแน่แฮะ”
ภัทรพลบ่นขณะมองตาม
ที่ห้องทำงานการะเกตุ การะเกตุนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เสียงโทรศัพท์ดัง การะเกตุรับสาย
“มาแล้วเหรอ ให้เข้ามาได้เลย”
การะเกตุมองที่ประตูเห็นเอกพลเปิดประตูเข้ามา การะเกตุเห็นเอกพลก็รู้สึกถูกใจ การะเกตุลุกขึ้นขยับเสื้อเล็กน้อยแต่แทนที่จะขยับให้เข้าที่ดูจะขยับให้เปิดเผยซะมากกว่า
“สวัสดีครับคุณการะเกตุ”
“สวัสดีค่ะคุณเอกพล”
การะเกตุยื่นมือไปตรงหน้าเอกพล เอกพลจับมือการะเกตุ ระหว่างจับมือกันนิ้วของการะเกตุเขี่ยเบาๆ ที่ฝ่ามือเอกพล เอกพลมองหน้าการะเกตุ การะเกตุยิ้มอย่างมีความหมาย เอกพลยิ้มรู้ทันทีว่าเจอคอเดียวกัน
“เชิญนั่งค่ะ” เอกพลนั่งลง การะเกตุดูเอกสารประวัติของเอกพล “งานที่ผ่านมาของคุณ จะเกี่ยวกับมาร์เก็ตติ้งซะส่วนใหญ่ แต่ฉันต้องการคนที่จะมาบริหารงานในส่วนของพื้นที่ในห้าง”
“งานมาร์เก็ตติ้งผมก็ต้องบริหารในส่วนของลูกน้องเพื่อทำยอดขายให้ได้มากที่สุด ถ้าคุณต้องการนักบริหาร ผมคิดว่าคุณสมบัติของผมตรงกับที่คุณต้องการ”
“แล้วจากที่คุณประเมินคิดว่าพื้นที่ของห้างฉันน่าสนใจมั้ย”
เอกพลตอบอย่างไม่ต้องคิด
“ในส่วนที่ผมเห็น ทำเลน่าสนใจมากนะครับ ถ้าผมได้สำรวจพื้นที่อย่างละเอียดก็คงจะวางแผนการบริหารได้อย่างทั่วถึง”
“อืม แต่ที่นี่งานค่อนข้างหนักนะ”
“ผมเป็นคนสู้งานครับ ถ้าคุณเกตุจะให้ผมทดลองงาน ผมก็พร้อม”
การะเกตุมองอย่างพอใจ สองคนมองตากันอย่างมีความหมาย
ฤชวีพาพิมภามาทานอาหารที่ร้านอาหารบนเขา ทั้งคู่นั่งอยู่ด้านนอก บนโต๊ะมีอาหารเป็นแนวอาหารฝรั่ง สลัด สเต็ก ซุป พิมภาทานไปมองไปรอบๆ อย่างชอบใจ
“วิวที่นี่สวยดีนะ”
“ครับ” ฤชวีตอบรับหน้านิ่งมาก
“คุณมาที่นี่บ่อยเหรอ”
“ครับ”
พิมภามองฤชวีชักสะดุดว่าเป็นอะไร
“คุณต้น คุณหิวมากเหรอ”
“ครับ” ฤชวีทานไปไม่มองหน้าพิมภา
“นี่คุณต้น เรื่องงบจัดงานแน่ใจนะคุณว่าไม่มีปัญหา”
“ครับ” ฤชวีตอบโดยยังไม่มองหน้าอีก พิมภาชักตงิดๆ
“นี่คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
ฤชวีชะงักนิดเดียวแล้วทานต่อ
“ครับ”
“คุณเป็นอะไร” ฤชวีถอนใจเบาๆ แต่ยังไม่ตอบ “คุณต้น” ฤชวียังนิ่งไม่พูด พิมภาวางช้อนอย่างโมโห “ถ้ามีอะไรก็พูดออกมาสิ พูดแต่ครับๆ ๆ ๆ แล้วก็เงียบ ฉันจะรู้มั้ยว่าคุณเป็นอะไร” ฤชวียังไม่ตอบจะทานต่อ พิมภาไม่พอใจจับมือฤชวีไม่ให้ทาน “เป็นอะไรก็พูดมาสิ”
ฤชวีมองพิมภาแล้ววางช้อน
“ผมไม่อยากพูดเพราะผมไม่อยากโมโห”
“โมโหใคร” ฤชวีนิ่ง “นี่คุณโมโหฉันเหรอ โมโหฉันเรื่องอะไร”
“ทานต่อเถอะครับ คุณหิวไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไม่กินแล้ว”
ฤชวีมองพิมภา แล้วหันไปยกมือเรียกพนักงาน
“เช็กบิลด้วยครับ” ฤชวีหยิบแบงค์พันมาวาง “ถ้าคุณอิ่มแล้วก็กลับเถอะครับ”
“แต่เรายังพูดกันไม่รู้เรื่องเลยนะ” ฤชวีไม่ตอบลุกเดินไป “คุณต้น”
พิมภาขัดใจรีบลุกตามไป
ฤชวีขับรถไปเงียบๆ พิมภาที่นั่งอยู่ข้างที่นั่งคนขับหันมองฤชวี พิมภาหงุดหงิดที่ฤชวีเงียบ
“คุณต้น บอกมาสิว่าคุณโมโหฉันเรื่องอะไร”
“ผมขับรถอยู่ ถึงรีสอร์ทแล้วค่อยคุยกันได้ไหมครับ”
“ไม่ได้ ฉันต้องรู้เดี๋ยวนี้ จอดรถเดี๋ยวนี้เลยนะ จอดสิ” ฤชวีจอดรถ “เคลียร์มาเลย เดี๋ยวนี้”
ฤชวีมองพิมภาอย่างพยายามใจเย็นที่สุด
“ผมเห็นคุณกระตือรือร้นกับงานนี้มาก ผมคิดว่าคุณทุ่มเทกับการจัดงานครั้งนี้เพราะคุณเป็นคนรักงาน แต่ผมเพิ่งรู้ว่าที่คุณตั้งใจมากเพราะคุณตรีวิญ”
พิมภาอึ้งไปนิดเหมือนโดนจับผิดได้
“แล้วทำไมคุณมีปัญหาอะไร”
“คุณน่าจะบอกให้ผมรู้”
“ทำไมฉันต้องบอกคุณทุกเรื่อง เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ฉันรู้นะว่าคุณน่ะเป็นศิลปินอินทุกเรื่องแต่การแสดงเป็นสามีน่ะ มันไม่ใช่เรื่องจริง กรุณาอย่าอิน” ฤชวีน้อยใจเปิดประตูลงจากรถ พิมภาตกใจเดินตามลงมา “คุณต้น คุณจะไปไหน” ฤชวีจะเดินไป พิมภาตามไปขวาง “นี่ ถ้าฉันทำงานนี้ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มันก็เป็นเรื่องของฉัน ทำไมคุณต้องโมโหฉันด้วย”
“ผมจะโมโหคุณได้ยังไงล่ะครับ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
ฤชวีเดินไปพยายามจะสงบสติอารมณ์
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 7 (ต่อ)
“แล้วคุณจะไปไหน จะทิ้งฉันไว้แบบนี้เหรอ” พิมภาถามเสียงดัง ฤชวีหันกลับมา
“รถอยู่กับคุณ จำทางกลับรีสอร์ทได้ใช่มั้ยครับ”
“แล้วงานฉันล่ะ นี่คิดจะทิ้งงานฉันเลยหรือไง งานนี้บริษัทฉัน ทีมงาน ฉันทุ่มเทกับงานนี้มากนะ คุณจะทิ้งฉันแบบนี้ไม่ได้นะ หัดคิดถึงคนอื่นบ้าง”
ฤชวีอึ้งกับคำพูดของพิมภาที่ให้ฤชวีคิดถึงคนอื่นแต่พิมภาไม่คิดถึงใจเขาบ้างเลย
“คุณนี่” ฤชวีพูดไม่ออกหันหลังให้แล้วออกเดินไป
“ฉันทำไม ทำไม” พิมภาถามเสียงดัง ฤชวียิ่งเดินไกล พิมภาตะโกน “คุณต้น อย่างี่เง่า”
เสียงของพิมภาก้องไปทั้งเขา คำว่างี่เง่า ๆ สะท้อนไปมาเหมือนคำพูดเด้งกลับมาหาพิมภา ฤชวีหันมาหาพิมภาแล้วพูดเรียบๆ
“ได้ยินแล้วใช่มั้ยครับว่าคุณเป็นคนยังไง”
พิมภาอึ้งที่โดนย้อน ฤชวีเดินไปเลย พิมภาขัดใจไม่ยอมแพ้รีบขึ้นรถขับตามฤชวีไป พิมภาขับรถมาแล้วกดแตร พิมภาขับรถตีคู่ไปกับการเดินของฤชวี
“คุณต้น ขึ้นรถเดี๋ยวนี้นะ” ฤชวีไม่สน ไม่มอง เอาแต่เดินๆ “คุณต้น จะกวนประสาทฉันใช่ไหม”
พิมภาหมั่นไส้เลยขับรถทิ้งฤชวีไว้ ฤชวีมองตามน้อยใจที่พิมภาไม่เห็นความสำคัญของเขาบ้างเลย
ภัทรพลนั่งกินข้าวอยู่ในส่วนของห้องอาหารของรีสอร์ท พิมภาเดินหน้าบูดเข้ามาพอเห็นภัทรพลก็ตรงมานั่งปึงปัง ภัทรพลมองงงๆ
“เป็นอะไรของแก”
พิมภาหยิบเมนูมาเปิด เรียกบริกรมา
“ผัดคะน้าราดข้าวที่นึง”
“เฮ้ย แกไปกินข้าวกับคุณต้นไม่ใช่เหรอ”
“กิน แต่ยังไม่ทันอิ่มก็โดนกวนประสาทน่ะสิ”
“แล้วคุณต้นล่ะอยู่ไหน” พิมภาหน้าหงิกไม่ตอบ “พี่ถามว่าสามีแกไปไหน”
สีหน้าพิมภายิ่งขัดใจ
ภัทรพลลากพิมภาออกมาที่รถพร้อมกับต่อว่าไปด้วย
“แกทิ้งคุณต้นไว้กลางทางได้ยังไง”
“ทีเขายังทิ้งงานพิมหน้าตาเฉยเลย”
“คุณต้นน่ะเหรอจะทิ้งแก คิดก่อนพูดด้วย”
“พี่ภัทรอย่าทำเสียงเหมือนเขาเป็นคนดีสำคัญนักเลยน่า”
“พิม เขาเป็นสามีแกนะเขาจะไม่สำคัญได้ยังไง”
“สามีอะไรเล่าก็แค่...” พิมภาลืมตัวด้วยความหงุดหงิดแล้วชะงักที่เห็นภัทรพลมอง “แค่สามีงี่เง่าไม่เห็นจะสน”
“แกแน่ใจเหรอว่าคนที่งี่เง่าคือคุณต้น”
พิมภาหน้าหงิกที่ภัทรพลไม่เข้าข้างเธอ
“พี่ภัทรนี่เจอเขาไม่เท่าไหร่เห็นคนอื่นดีกว่าน้องแล้วเหรอ”
“อย่างน้อยฉันก็มั่นใจว่าเขาจะไม่ทิ้งแกไว้กลางป่าเขาแล้วหนีกลับมาแบบแกแน่ ถ้าเกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมาแกจะทำยังไง”
“ก็ถนนมันวิ่งมาตรง ๆ แค่สิบกิโลจะเป็นอะไรได้ยังไง”
“แกเห็นมั้ยว่าแถวนี้ป่ามันอุดมสมบูรณ์ ถ้าเจอเสือขึ้นมา”
“พี่ภัทรถนนตัดผ่านขนาดนี้ เสือเผ่นหมดแล้ว”
“แล้วถ้าเขาโดนรถชน”
“ไซส์มนุษย์โครมันยองขนาดนั้น ใครไม่เห็นก็ตาถั่วแล้ว”
ภัทรพลหงุดหงิด
“แกนี่มันใจดำจริงๆ”
ภัทรพลเดินไปที่รถ พิมภาคิด ๆ ชักกังวลรีบตามไปขึ้นรถ
“พิมไปด้วย”
ภัทรพลขับรถมาตามทางที่พิมภาบอก แต่สองข้างทางก็ไม่เห็นวี่แววของฤชวี
“แกแน่ใจนะว่าทางนี้”
“ทางนี้แหล่ะพิมจำได้”
“แล้วสามีแกอยู่ไหนล่ะ ถนนมันมีอยู่เส้นมีทางเดียวก็ต้องเจอสิ ถ้าเขาเป็นอะไรไปก็เป็นเพราะความใจดำของแก” พิมภาหน้าเสีย มองหาฤชวีชักห่วง
“จะหายไปได้ยังไง”
“นี่แกลองโทรเข้ามือถือหรือยัง”
พิมภากดโทรแต่มองมือถืออย่างหัวเสีย
“ไม่มีสัญญาณน่ะ หายไปไหนนะตาบ้านี่”
คืนนั้นที่ห้องจัดเลี้ยง ฤชวีกำลังยืนคุมงานโดยมีผู้จัดการ ฝ่ายศิลป์และพนักงานบางส่วนมาช่วยกันจัดเวที ตกแต่งด้วยผ้าขาว
“ขึ้นผ้าขาว จัดจับช่อ ตรงผนังติดให้เป็นวงล้อมไว้แล้วร้อยผ้าให้เนียนอย่าให้เห็นรอยต่อ เวิ้งที่เหลือเว้นพรุ่งนี้จะเอาดอกไม้มาลงปิดขอบผ้า ด้านโน้นปล่อยชายให้ได้ระดับเดียวกัน อย่าให้มันเหลื่อมล้ำกันมากนัก” ฤชวีหันกลับมาดูอีกฝั่งแล้วชะงักที่เห็นผู้จัดการกำลังยืนมองอยู่ “มีอะไรเหรอครับ”
“คุณหญิงเคยเปรยๆ น่ะครับว่าคุณต้นไม่ยอมมาดูแลรีสอร์ท เคี่ยวเข็ญเท่าไหร่ก็ไม่มา แต่ครั้งนี้คงเป็นเพราะคุณพิมภาใช่ไหมครับ คุณพิมภาคงจะเป็น...”
“คนสำคัญน่ะครับ ผมอยากให้งานของเขาสมบูรณ์ที่สุดอย่างที่เขาต้องการ”
“ครับ”
ฤชวีเห็นพิมภากับภัทรพลกำลังเข้ามา
“ถ้าคุณพิมถามถึงผม บอกว่าไม่รู้ไม่เห็นนะครับ” ฤชวีหันมาบอกผู้จัดการ
“หือ เอ่อ ได้ครับ”
ฤชวีรีบเดินหลบไปอีกทาง พิมภากับภัทรพลเข้ามาหาผู้จัดการ
“ผู้จัดการคะ เห็นคุณต้นมั้ย เขากลับมาหรือยัง”
“ยังไม่เห็นกลับมานี่ครับ” พิมภาชักร้อนใจ
“พี่ภัทร พิมว่าแจ้งความเถอะพี่”
ภัทรพลคิด ๆ แล้วชะงัก เมื่อสายตาภัทรพลเห็นฤชวีที่ขยับออกมาให้ภัทรพลเห็น ฤชวียกมือว่าอย่า ภัทรพลมองรู้ว่าฤชวีอยากดัดนิสัยพิมภา
“เอาอย่างนี้นะ เดี๋ยวพี่กับผู้จัดการจะไปแจ้งความเอง”
“แล้วพิมล่ะ”
“แกห่วงงานมากไม่ใช่เหรอ แกก็ทำงานแกไปสิ”
ภัทรพลดึงผู้จัดการออกไป
“ใครมันจะมีใจทำลงเล่า ตาบ้าเอ๊ย หายไปไหนเนี่ย” พิมภาบ่นอย่างหงุดหงิด
ฤชวีมองพิมภาที่หงุดหงิดงุ่นง่านอย่างแข็งใจให้พิมภาสำนึกว่าตัวเองทำถูกหรือเปล่า
รถหรูของการะเกตุจอดอยู่ในมุมหนึ่งที่เปลี่ยว ภายในรถการะเกตุลุกขึ้นมาลั้วจัดเสื้อผ้าที่มันหลุดให้เข้าที่เอกพลลุกตามขึ้นมา แล้วขยับเข็มขัดให้เข้าที่ เอกพลขยับเข้าไปใกล้การะเกตุแล้วกระซิบ
“ผลการทดลองงานเป็นยังไงครับ”
การะเกตุมองเอกพลยิ้มๆ
“พรุ่งนี้คุณมาเริ่มงานได้เลย ส่วนเรื่องค่าตอบแทนฉันให้ตามที่คุณเรียก แต่ถ้าผลงานตกต่ำ คงรู้นะว่าจะเป็นยังไง”
เอกพลยิ้มพอใจ การะเกตุหยิบกระเป๋าจากเบาะหลังแต่จับที่ก้นกระเป๋าทำให้ของในกระเป๋าร่วงออกมา เอกพลช่วยเก็บเห็นการ์ดเชิญจากบริษัทนารี
“งาน thank you party ของบริษัทนารี”
“ทางนารีอยากจะมาเปิดช็อปในเรา แต่ฉันไม่ค่อยอยากไป”
“แต่ผมว่าไปงานแบบนี้ก็เหมือนโปรโมทห้างของเราไปในตัวนะครับ งานแบบนี้นักข่าวเยอะ ออกข่าวสังคมแล้วถือโอกาสโปรโมทก็ไม่เลวนะครับ”
“ไปไกล แล้วฉันก็ไม่ชอบออกงานคนเดียว” การะเกตุมองเอกพลว่าสนมั้ย
“ถ้าเขาจะมาตั้งช็อป ก็ต้องติดต่อกับฝ่ายบริหารพื้นที่อยู่แล้ว ผมก็ควรจะไปไม่ใช่เหรอครับ”
“งั้นก็ค่อยน่าสนใจหน่อย”
สองคนมองตาอย่างรู้กัน
ที่คอนโดเอกพล ปราสินีนั่งอยู่ที่โต๊ะมองกับข้าวที่วางอยู่พลางมองนาฬิกาอย่างกระวนกระวาย ปราสินีจะลุกไปหยิบโทรศัพท์ แต่รู้สึกคลื่นไส้วิ่งเข้าไปที่ห้องน้ำอาเจียน ปราสินีเดินออกมาท่าทางอ่อนเพลีย เอกพลเปิดประตูเข้ามา
“พี่เอก ทำไมกลับมาดึกนัก”
“ทำไม”
“ก็ปลารอพี่กินข้าวพร้อมกัน”
“ปลากินไปเลย พี่กินกับเจ้านายมาแล้ว”
“พี่ได้งานแล้วเหรอ”
“อืม”
เอกพลจะเข้าห้อง
“พี่เอก นั่งเป็นเพื่อนปลาก่อนสิคะ”
“พี่เหนื่อยจะไปอาบน้ำ แล้วมะรืนนี้พี่จะต้องไปงานต่างจังหวัดกับเจ้านาย จัดกระเป๋าให้ด้วย”
“อะไรกัน งานพี่ทำไมจะต้องไปต่างจังหวัดด้วย แล้วไปงานอะไร ที่ไหน”
“รำคาญ ไม่ต้องถามมาก บอกให้ทำอะไรก็ทำ” เอกพลตวาดแล้วเดินเข้าห้องไปอย่างไม่สนใจ
ปราสินีนั่งลงมองกับข้าวบนโต๊ะ ปราสินีตักข้าวกินทั้งน้ำตาด้วยความน้อยใจ
พิมภานั่งรอฤชวีอยู่ที่ล็อบบี้ แล้วมองตรงทางเข้ารีสอร์ทอย่างกระวนกระวาย มือก็คอยกดโทรศัพท์โทรหาฤชวี แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับเลย
“อย่าให้รู้นะว่าปิดเครื่องกวนประสาทฉัน”
พิมภาบ่นอย่างหัวเสีย ภัทรพลเดินเข้ามา พิมภารีบลุกขึ้นเข้ามาหา
“ตำรวจว่ายังไงบ้างพี่”
“ดึกแล้วไม่ไปนอน พรุ่งนี้แกต้องเตรียมงานทั้งวัน”
“นี่พี่เจอคุณต้นหรือยัง”
“แกจะสนทำไม ห่วงเขาเหรอ”
“ห่วงสิ ฉันห่วงว่างานฉันจะพัง มะรืนนี้ทุกคนจะมาแล้วแต่ฉันยังไม่ได้เตรียมอะไรสักอย่าง ไม่ใช่ถิ่นเราจะติดต่ออะไรยังไงก็ไม่รู้เรื่อง แย่ที่สุด”
“นี่แกไม่ห่วงสามีตัวเองเลยเหรอ”
“ไม่”
“งั้นก็ไปนอนสิ แต่ถ้าห่วงก็รอ”
“ไม่ได้ห่วงสักหน่อย”
พิมภาเดินไปที่ฟร้อนท์คุยกับพนักงาน พนักงานตอบรับค่ะ พิมภาเดินออกไป ฤชวีเดินเข้ามาจากอีกด้านหนึ่งแล้วตรงไปที่พนักงาน
“เมื่อกี้คุณผู้หญิงเขาสั่งอะไรหรือเปล่า”
“คุณผู้หญิงสั่งว่าถ้าคุณต้นกลับมาให้โทรไปบอกที่ห้องทันทีค่ะ” ฤชวียิ้ม ภัทรพลเดินเข้ามา
“ยัยพิมมันก็ปากแข็งใจอ่อนแบบนี้ล่ะ” ภัทรพลบอกกับฤชวี
“ผมทราบครับ คุณพิมเอาแต่ใจใช้แต่อารมณ์นำจนเคยชิน ผมอยากให้เขารู้ว่าเขาต้องใส่ใจความรู้สึกคนอื่นบ้าง”
ภัทรพลมองฤชวีแล้วบ่นกับตัวเอง
“ไอ้พิมเจอมวยถูกคู่แล้ว เสร็จแน่”
พิมภากลับมาที่ห้องและพยายามกดมือถือหาฤชวีแต่ก็ไม่มีสัญญาณติดต่อ
“โอ้ย จะเป็นอะไรก็เรื่องของคุณ” พิมภาปิดไฟหัวเตียงจะนอน แต่ก็พลิกไปพลิกมานอนไม่หลับ “จะห่วงทำไมนะ นอนสิ นอน งานรออยู่เป็นกอง นอน”
พิมภาพยายามจะข่มตาให้หลับ
วันต่อมาที่ออฟฟิศนารี เดียกับฤทธิ์กำลังยืนส่งแฟ็กซ์แผนที่ให้กับบรรดาลูกค้า ซูซี่ จุ๋มจิ๋ม ลิลลี่มายืนรีๆ รอๆ
“เร็วๆ หน่อยสิจ๊ะ ส่งแฟ็กซ์นะไม่ใช่นอนปลัก ชักช้าจริง”
เดียกับฤทธิ์หันมาไม่พอใจ นันทิกานต์เดินเข้ามา
“พี่ซูซี่รู้ลึกรู้ดีเรื่องปลักขนาดนี้ คงนอนเป็นประจำ”
“ก็วันละสามเวลา เอ๊ย นี่น้องแนน พี่น่ะอาวุโสกว่านะคะ ให้มันรู้เด็กรู้ผู้ใหญ่กันบ้าง”
“แนนนับถือคนที่มันน่านับถือน่ะค่ะ ถ้าจะนับถือเพราะใครหัวดำ” นันทิกานต์หันไปทางซูซี่ “หัวหงอก มันไม่ใช่แนนอ่ะค่ะ มันไม่ใช่”
ซูซี่อยากจะสวนอีกแต่ลิลลี่ขัดขึ้นซะก่อน
“พี่ซูซี่คะ เดี๋ยวจะส่งแฟ็กซ์ไม่ทันนะคะ”
“ทำงานให้มันเร็วๆ หน่อย หัดมีมารยาท เกรงใจคนอื่นเขาซะบ้าง” ซูซี่บอกนันทิกานต์ แต่นันทิกานต์ไม่สนใจหันไปส่งกระดาษเบอร์โทรให้ฤทธิ์
“ส่งให้คุณวรุฒน์ด้วยนะ”
“นี่เขายอมมางานเราเหรอคะพี่ คุณวรุฒน์กำลังฮอทมากเลยนะคะ”
“ก็งานที่พิมจัดต้องวีไอพีทุกอย่างล่ะจ๊ะ” นันทิกานต์ยิ้มเยาะซูซี่ “เสร็จแล้วตามไปที่ชั้นสองนะ ไปเช็กเรื่องบูธที่จะขนไปหน่อย”
“ค่ะ”
นันทิกานต์ออกไป เดียวางเบอร์โทรแล้วเอาแผนที่จะเสียบเข้าเครื่องแฟ็กซ์ ซูซี่ขยิบตาให้จุ๋มจิ๋มจัดการ จุ๋มจิ๋มขยับไปชักปลั๊กเครื่องแฟ็กซ์ออก เดียใส่กระดาษเข้าไปแต่เครื่องไม่ดูดกระดาษ
“เป็นอะไรล่ะเนี่ย”
“โอ้ย นี่จะอีกนานมั้ยเนี่ย”
“ฤทธิ์ เครื่องมันไม่ทำงาน”
ฤทธิ์มาดูเห็นเครื่องไม่ติดก็กดปุ่มพาวเวอร์ก็ไม่ติด
“อ้าว ทำไมมันดับไปล่ะ”
ฤทธิ์เดินไปตามสายปลั๊กเห็นว่าปลั๊กหลุด ระหว่างนั้น ลิลลี่ก็จิกที่มวยผมของเดีย
“เดีย ลูกแมลงสาปไต่ผมแก”
“โอ้ย”
ฤทธิ์หันมาเข้ามาช่วยจะแยก จุ๋มจิ๋มเข้านัวด้วยอีกคน ดึงความสนใจจากเครื่องแฟ็กซ์ ซูซี่รีบเอาแผนที่ที่เตรียมไว้สับกับแผนที่ของเดียที่เสียบไว้แล้ว พอเรียบร้อยก็เข้ามานัวตีที่หัวเดีย
“นี่แน่ะ นี่ๆ ไปแล้ว พี่ไล่มันไปแล้ว”
ลิลลี่กับจุ๋มจิ๋มรู้ว่าเรียบร้อยแล้วก็หยุด
“แกแกล้งฉันใช่มั้ย”
“เปล่านะ ฉันเห็นลูกแมลงสาปมันไต่หัวแกจริงๆ”
“ใช่ นี่พวกฉันอุตส่าห์ไล่ให้นะ”
“คิดว่าพวกฉันจะเชื่อเหรอ”
“เชื่อไม่เชื่อไม่รู้แต่พี่จะใช้เครื่องแฟ็กซ์ ถ้าไม่ทันเธอสองคนต้องไปเคลียร์กับน้องลัลเอาไหมล่ะจ๊ะ”
ฤทธิ์จะไม่ยอมแต่เดียดึงฤทธิ์ไว้
“ช่างเหอะ เขาว่าหมากัดอย่ากัดตอบ เพราะเราไม่ใช่หมา”
ซูซี่ จุ๋มจิ๋ม ลิลลี่ยืนลอยหน้าลอยตามองรอให้เดียกดส่งแฟ็กซ์ พอเดียกดส่งเรียบร้อย กระดาษออกมา เดียจะหยิบ ซูซี่ก็เดินเข้ามาวางเอกสารทับ ปึ้ง
“พี่ซูซี่ เดียยังเก็บเอกสารไม่เสร็จนะคะ”
“ขอโทษที พี่รีบน่ะ” ซูซี่บอกแล้วก็หยิบแผนที่อันที่เป็นของเดียส่งคืนให้
เดียกับฤทธิ์ออกไปอย่างเซ็งๆ ซูซี่ จุ๋มจิ๋ม ลิลลี่ ยิ้มให้กันอย่างพอใจ
ภัทรพลนั่งดื่มกาแฟเห็นพิมภาเดินหาวเข้ามาในห้องอาหารของรีสอร์ท พิมภาเดินมานั่งที่โต๊ะภัทรพล
“คุณต้นกลับมาหรือยัง”
“ไม่เห็นนี่”
พิมภาห่วงจนหงุดหงิด
“คนบ้า ไม่มีความรับผิดชอบ” พิมภาลุกพรวดจะไป
“จะไปไหนไม่กินข้าวหรือไง”
“ไปทำงานสิ คนดีของพี่ทิ้งงานไปแล้วนี่”
ภัทรพลมองตามไปอย่างเซ็งๆ กับความดื้อเอาแต่ใจของพิมภา ภัทรพลจึงลุกตามไป
พิมภาเดินเข้ามาที่ห้องจัดเลี้ยงแล้วอึ้งที่เห็นว่าภายในห้องจัดเลี้ยงถูกตกแต่งเรียบร้อย ตรงกลางเป็นเวทียกขึ้น รอบๆ เป็นผ้าที่ถูกกลัดและตกแต่ง ภัทรพลเข้ามายืนข้างพิมภา
“เป็นไง ใช่ตามแบบที่แกต้องการหรือเปล่า”
ผู้จัดการเข้ามารายงาน
“ในส่วนของดอกไม้คืนนี้เราถึงจะนำมาตกแต่งนะครับ รับรองว่าทันวันงานพรุ่งนี้แน่นอน”
“ขอบคุณค่ะ” ผู้จัดการออกไป พิมภามองรอบๆ อย่างพอใจ “รีสอร์ทที่นี่โอเคเลยนะ ดูใส่ใจกับงานแล้วนี่ยังครีเอทมากกว่าที่พิมคิดไว้อีกนะ”
“เมื่อคืนเจ้าของเขามาคุมงานทั้งคืน”
“จริงเหรอ”
“จริง ถ้าคืนนี้แกอยากเห็นว่าเขาใส่ใจงานขนาดไหนก็มาดูสิ”
พิมภาฟังพยักหน้าผ่านๆ
คืนนั้นมิ้นท์หิ้วกระเป๋าเปิดประตูเข้ามาในบ้านแล้วต้องตกใจ
“ตอนออกไปไม่ได้ล็อคเหรอเนี่ย ดีนะขโมยไม่ขึ้นบ้าน” มิ้นท์ปิดประตูพอหันมาตกใจที่เห็นชุติภายืนตรงหน้า “คุณย่า”
“แกจะเสียงดังทำไม แล้วนี่หายไปไหนมา”
“ไปถ่ายโฆษณาต่างจังหวัดค่า คุณย่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“เมื่อวาน”
“คุณย่ามานอนที่นี่เหรอคะ”
“อืม มาดักพี่ชายแกไง”
“ไม่ต้องลงทุนขนาดนี้ก็ได้ค่า พี่ต้นกลับมาก็ต้องรีบไปรายงานตัวกับคุณย่าอยู่แล้ว”
“ย่าแก่แต่ไม่ได้โง่นะ พี่ชายแกกลับมาแล้วแน่ๆ ย่าต้องหาพี่ชายแกให้เจอให้ได้ จะหนีย่าได้นานแค่ไหนเชียว ส่วนแกมานี่เลย”
“คุณย่าจะพามิ้นท์ไปไหน”
ชุติภาดึงมิ้นท์ให้มาที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะมีกับข้าวสามอย่าง มิ้นท์งง ชุติภาตักข้าวมาวาง
“กินซะ ย่าเห็นในตู้แกมีแต่พวกของสำเร็จรูป มันจะมีแรงทำงานได้ยังไงกินสิ”
“ขอบคุณค่ะ” มิ้นท์กินอย่างอร่อย “ฝีมือคุณย่าอร่อยที่สุดเลย” ชุติภายิ้มนิดๆ เอ็นดู “แล้วนี่คุณย่ามากรุงเทพฯ เพื่อมาหาตัวพี่ต้นโดยเฉพาะเลยเหรอคะ”
“ย่ามาดูตัวว่าที่พี่สะใภ้แกน่ะสิ” มิ้นท์แทบสำลัก
“คุณย่าหาสาวให้พี่ต้นแล้วเหรอคะ”
“ใช่สิ ผู้หญิงที่จะเป็นภรรยาตาต้นต้องเป็นกุลสตรี ดูแลตาต้นได้ดี และย่าก็ดูแล้วว่าเด็กคนนี้ไม่เลวทั้งฐานะ หน้าที่การงาน ประวัติก็ขาวสะอาด”
“แย่แล้วพี่ต้น...”
“อะไรนะ”
“มิ้นว่าคุณย่าจะอยู่กรุงเทพฯอีกกี่วันคะ” มิ้นท์ยกแก้วน้ำจะดื่ม
“พรุ่งนี้ย่าก็กลับแล้ว” มิ้นท์ถึงกับสำลักน้ำ
“พรุ่งนี้”
“อะไรของแกเดี๋ยวสำลักข้าว สำลักน้ำ กินให้มันดีๆ หน่อย ย่าเสร็จธุระแล้วว่าจะกลับไปดูงานที่รีสอร์ท พวกนี้นะถ้าไม่คุมก็จะเหยาะแหยะกัน”
“แย่แล้ว เอาไงดี”
“ย่าต้องไปแล้ว เดี๋ยวขึ้นเครื่องไม่ทัน”
มิ้นท์ยิ่งร้อนรนแล้วปิ๊งไอเดีย
“คุณย่าเดี๋ยวมิ้นท์เดินไปส่ง” มิ้นท์เดินมากับชุติภา “เดินทางดีๆ นะคะ”
“แกก็ล็อคบ้าน...” ชุติภาหันกลับมาบอก มิ้นท์ทำมึนแล้วก็แกล้งเป็นลมสลบไปเลย “ยัยมิ้นท์”
ชุติภาเข้าประคองมิ้นท์ มิ้นท์ทำหมดแรง
“ปวดหัวจังเลยค่ะ”
“งั้นขึ้นไปนอนบนห้องก่อนนะ”
ชุติภาประคองมิ้นท์ขึ้นไป
จบตอนที่ 7
อ่านต่อตอนที่ 8 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.