คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 6
พิมภาพาตรีวิญเดินไปในโรงงานเห็นการทำงานของห้องต่างๆ แต่พิมพาพาตรีวิญเดินผ่านไป ตรีวิญแสดงอาการแปลกใจ
“ฉันคิดว่าคุณตรีวิญคงทราบข้อมูลเกี่ยวกับสายการผลิตที่ได้มาตรฐานสากลของNaree เป็นอย่างดีอยู่แล้ว”
พิมภามั่นใจกับสิ่งที่กำลังจะนำเสนอ ตรีวิญมองหน้าพิมภาอย่างสนใจว่าพิมภาจะมีอะไรนำเสนอ
“ครับ ผมอยากรู้เรื่องการรักษาปัญหาผิวด้วยแนวแพทย์แบบสมุทัย ที่ Naree นำมาใช้”
พิมภามองตรีวิญอย่างชื่นชมเหมือนคิดไม่ผิดเลยว่าตรีวิญต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
“พิมนึกอยู่แล้วว่าคุณตรีวิญน่าจะสนใจเรื่องนี้ นักวิชาการของเราพร้อมอยู่แล้วค่ะ”
พิมภาเดินนำทางตรีวิญไป ตรีวิญมองตามพิมภาด้วยสายตาสนใจ
พิมภาพาตรีวิญเข้ามาในห้องประชุมที่มีนักวิชาการของบริษัทนั่งรออยู่แล้ว
“นี่คือนักวิชาการด้านสมุทัยเวชศาสตร์ของเราค่ะ หรือ Functional Medicine...นี่คุณตรีวิญ Marketing Manager คนใหม่ของเราค่ะ”
ตรีวิญทักทายนักวิชาการของนารี อย่างสุภาพ
“เท่าที่ผมทราบ สมุทัยเวชศาสตร์คือการย้อนกระบวนการที่ทำให้ร่างกายเสียสมดุลจนเกิดเป็นโรคเรื้อรัง”
“ใช่ค่ะ เป็นการเข้าให้ถึงต้นเหตุของอาการป่วย เราต้องแยกระหว่างการบำรุงและการรักษานะคะ ผิวที่ป่วย บำรุงยังไงก็ไม่สวยสมบูรณ์แบบ เราต้องทำให้ผิวหายป่วยก่อนค่ะ”
ตรีวิญพึงพอใจกับคำตอบของพิมภาแต่เก็บอาการไว้พองาม
“ว่าต่อไปสิครับ”
“เราทดลองใช้หลักการเดียวกันเข้าให้ถึงปัญหาของผิวค่ะ ซึ่งถ้าประสบความสำเร็จ เราจะนำมาใช้กับเครื่องสำอางอื่นๆ ของ Naree ด้วย”
พิมภาร่วมกับนักวิชาการอธิบายถึงรายละเอียดต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว
พิมภานำภาพขั้นตอนการทดสอบกับอาสาสมัครเปิดให้ตรีวิญดูด้วยไอแพท
พิมภาช่วยนักวิชาการอธิบายตรีวิญเป็นระยะๆ
ตรีวิญพึงพอใจกับการทดลองที่นักวิชาการแสดงให้ดู
ตรีวิญมองพิมภาอย่างชื่นชมในใจ
ส่วนที่บริษัทนารี ซูซี่เอียงซ้าย เอียงขวา โชว์เหนียงให้สาวๆ ใหญ่รุมดูอย่างตื่นเต้น
“เป็นไง เป๊ะเวอร์ ใช่มะ”
“มาก”
“ถามตรงๆ เลยนะเจ๊”
สาวใหญ่จับหน้าซูซี่หมุนซ้ายหมุนขวา
“เจ๊เอาเหนียงไปซ่อนไว้ที่ไหน บอกมานะ”
“มันเป็นศิลปะบนใบหน้า หลักการง่ายๆ แค่ซ่อนริ้วรอยไว้อย่าให้ใครหาเจอ ขอต้อนรับสู่ยุคของการร้อยไหม”
“ร้อยไหม”
“เจ็บมั๊ยอะเจ๊”
“เจ็บก็ทน ช้ำก็ต้องทน เคยได้ยินมั้ย เพราะว่ามันคุ้มกับความเป๊ะเวอร์”
ลัลนาที่ยืนฟังอยู่นานทนไม่ไหว
“เป๊ะเท่าลัลได้มะ” ลัลนาจับหน้าซูซี่ดู “หน้าตึง มือเหี่ยว คอย่น แถมแขนยังมีผังผืด” ลัลนาจับแขนซูซี่โบกไปมาเพื่อให้เห็นท้องแขนที่โบกสะบัดได้ “แล้วหน้าจะตึงไปเพื่อ...” ลัลนาหันมาเหวี่ยงบรรดาสาวใหญ่ “อยากร้อยกันนักใช่มั้ยคะ มาค่ะ ต่อแถวมาเลยลัลร้อยให้รับรองเก็บริมเม้มขอบให้อย่างดีเอามั๊ยค่ะ แล้วจะได้ปล่อยพี่ซูซี่ไปทำงานซะที”
บรรดาสาวใหญ่เห็นลัลนาเริ่มของขึ้น จึงค่อยๆ ถอยตัวเอาตัวรอดไป ลัลนาหันมาหาซูซี่ ซูซี่หน้าจ๋อย
“พี่ซูซี่ค้า ตอนนี้เราต้องรีบจัดการไอ้ตัวการที่มันทำลายชื่อเสียงของบริษัทของเรานะคะ”
“พี่รู้ค่ะแต่พี่จัดการอะไรไม่ได้เต็มที่ถ้าหน้าพี่มีรอยเหี่ยวย่นนี่ค้า”
“ก็เลยเอาเวลางานไปร้อยไหมดึงหน้า แถมยังกล้ามาอวดชาวบ้านเค้าอีก เอ๊ะนั่น” ลัลนาจับหน้าซูซี่มาดู “หมอลืมเก็บริมด้ายนี่ค่ะ”
“ว้าย ตายจริง”
ซูซี่ตกใจนึกว่าไหมโผล่จริงๆ
ซูซี่ประคองหน้ามาเหมือนกับว่ากลัวหน้าจะโย้จริง
“น้องลัลเนี่ยใจร้ายนักนะคะ หน้าพี่มีไหมแพลมจริงรึเปล่าก็ไม่รู้”
“แพลมจริงก็ให้หมอเก็บเม้มเย็บริมให้สิคะ หมอพี่ซูซี่เก่งไม่ใช่เหรอคะ แต่ต้องหลังจากที่เสร็จงานของเราก่อน” ลัลนาพาซูซี่มาหยุดที่หน้าห้องวิจัย “ยายพิม ไม่ว่าเธอจะไปลั้นลาอยู่ที่ไหน ขอให้รู้ไว้ว่า ลัลนากำลังจะลงมือปฎิบัติการ”
พิมภาเดินนำตรีวิญออกมาที่หน้าโรงงาน ตรีวิญพึงพอใจกับการนำชมโรงงานของพิมภาวันนี้
“คุณพิมช่วยนำข้อมูลของสมุทัยเวชศาสตร์มาให้ผมศึกษาอีกทีนะครับ โครงการนี้ใครเป็นคนเริ่มเหรอครับ”
“นักวิชาการของเรากับพิมค่ะ” ตรีวิญแปลกใจ “พิมเคยป่วยเป็นภูมิแพ้เรื้อรังค่ะ พอป่วยมากๆ ก็เริ่มมีปัญหากับการทำงาน พิมไม่อยากให้อาการป่วยมาทำให้พิมทำงานได้ไม่เต็มที่น่ะค่ะ ก็เลยลองไปหาหมอสมุทัยหาต้นเหตุที่ทำให้ป่วยเพื่อรักษาให้ตรงจุด แล้วก็เลยเกิดไอเดียว่าน่าจะนำแนวคิดมาใช้กับผลิตภัณฑ์ของเรา”
“เป็นความคิดที่ดีมากครับคุณพิม” ตรีวิญชมด้วยน้ำเสียงชื่นชมที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป แต่ก็มากพอที่จะทำให้พิมภาหัวใจพองโต “เที่ยงแล้ว ผมเป็นเจ้ามือมื้อกลางวันให้นะครับ เป็นการขอบคุณที่คุณพิมเป็นวิทยากรให้ผมทั้งวัน”
“จะดีเหรอคะ” โทรศัพท์มือถือพิมภาดัง เห็นว่าเป็นฤชวีโทรเข้ามา “ขอตัวซักครู่นะคะ”
พิมภาเดินแยกตัวไป ตรีวิญมองตาม
พิมภากดรับโทรศัพท์หงุดหงิดนิดๆ
“คุณต้น คุณมีอะไร”
พิมภาหันไปมองตรีวิญที่รออยู่ไกลๆ อย่างกังวล
“คุณทานข้าวกลางวันหรือยังครับ”
“ยัง โทรมาเพื่อถามแค่นี้เหรอ ฉันต้องมารับโทรศัพท์ฟังคำถามไม่มีสาระจากคุณ มันเสียเวลาฉัน ที่จะต้องมานั่งตอบคำถามแบบนี้”
“แยกไม่ออกเหรอครับว่า มันไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่มันเป็นการแสดงความเป็นห่วง”
พิมภาชะงักไปนิดนึงที่ ฤชวีเป็นห่วง
“คุณจะห่วงฉันเรื่องอะไร”
“ก็วันนี้คุณได้รับ...”
“รับ รับอะไร”
“ช่างมันเถอะครับรู้แค่ผมเป็นห่วงก็พอ ไปทานข้าวกลางวันเถอะครับ”
พิมภางงที่ฤชวีเลิกลาแค่นี้ เลยถือโอกาสกวนต่อ
“แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าฉันจะไปทานข้าวกับใคร”
“ในละครที่ผมเขียน ถ้านางเอกถามพระเอกว่า..” ฤชวีทำเสียงเลียนแบบพิมภา “ไม่อยากรู้เหรอว่าฉันไปทานข้าวกับใคร”....แปลว่า นางเอกต้องการให้พระเอกหึงนะครับ” พิมภาอึ้งอ้าปากค้าง ชี้หน้าตัวเอง พูดแบบไม่มีเสียงแบบด่าตัวเองว่าไปชงให้เค้าย้อนทำไม “แต่ในความเป็นจริง คุณจะไปทานข้าวกับใครมันก็สิทธิ์ของคุณ เพราะผมมันก็แค่สามีกำมะลอ” พิมภาอึ้ง “แค่นี้นะครับคุณพิม”
ฤชวีวางสาย พิมภาอึ้ง งงๆ สับสนกับตัวเอง
“โทรมาแสดงความเป็นห่วงชั้น”พิมภายิ้ม “แล้วก็กวนประสาทชั้นด้วย”
พิมภาโกรธ แล้วพิมภาก็หน้าเสียทรงปรับอารมณ์ตัวเองไม่ถูกว่าควรจะยิ้มปลื้มที่ฤชวีแสดงความเป็นห่วงดี หรือว่าควรจะโกรธที่ฤชวีกวนประสาทดี ตรีวิญเห็นว่าพิมภาปลีกตัวมานานแล้ว เลยเดินเข้ามาดู
“คุณพิม เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
พิมภาพยายามปรับรูปหน้าให้เข้าที่
“เปล่านิคะ”
“ก็คุณ” ตรีวิญลังเลไม่รู้ว่าควรพูดดีมั๊ย “เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวหน้าบึ้ง” พิมภาจับหน้าตัวเอง กังวลว่าทำจริงมั๊ย “คุณพิมไม่สบายรึเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ”
พิมภาหน้าแหยๆ ที่เสียหน้าต่อหน้าตรีวิญ เลยพาลนึกโกรธฤชวีตัวต้นเหตุ
ฤชวีวางสายจากพิมภา เห็นว่ามิ้นท์นั่งอยู่ในห้องฟังฤชวีคุยกับพิมภาอยู่ตั้งนานแล้ว
“พี่พิมนี่เค้าก็เฮี้ยว เปรี้ยว ซ่า ใช่ย่อยนะเนี่ย”
“ก็เยอะอยู่”
“แต่พี่ต้นก็เอาอยู่ และท่าทางจะชอบด้วย แบบนี้มันเข้าตำรา ยิ่งเหวี่ยงยิ่งรักนะเนี่ย” ฤชวีอมยิ้มเขินๆ “แล้วนี่นัดมิ้นท์มาดูพี่สำเร็จโทษพี่พิมแค่นี้น่ะเหรอ”
“พี่จะให้มิ้นท์ช่วยออกแบบปกนิยายเรื่องใหม่ ส่วนคุณพิมพี่แค่โทรไปเช็กอะไรนิดหน่อย”
“เช็กอะไรนิดหน่อย อะแน่ จะเช็กว่าหัวใจพี่ต้นที่ฝากไว้กับเค้า ยังอยู่ดีอยู่มั้ย ใช่ป่ะ”
“มิ้นท์สนใจเป็นนักเขียนหน้าใหม่ของสำนักพิมพ์นี้มั้ย พี่จะบอกกิ่งให้”
“ไม่ดีกว่า มิ้นท์ไม่อยากดับอนาคตพี่ต้น แล้วพี่ต้นโทรไปทำไม”
“พี่แค่อยากเช็กว่าข้อมูลถึงมือเค้ารึยัง”
“ข้อมูลอะไรพี่”
“ข้อมูลที่มันจะทำให้เค้าพ้นจากความยุ่งยาก”
ฤชวีพูดแค่นั้นไม่อธิบายอะไรเพิ่ม
พิมภาเดินหงุดหงิดไม่พอใจตัวเองกลับมาหาตรีวิญ
“นี่ฉันอ่อนแอถึงขนาดรู้สึกดีมากเวลามีใครมาบอกว่าเป็นห่วงตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่นะไม่ โดยเฉพาะกับนายนั่น มันเป็นแค่การแสดง”
ตรีวิญเห็นพิมภาเดินบ่นคนเดียวก็รู้สึกแปลกใจไม่คิดว่าพิมภาที่รักษาภาพมาตลอดจะมีอาการนี้ ตรีวิญแอบอมยิ้ม แต่เก็บสีหน้า
“ใครแสดงอะไรเหรอครับคุณพิม”
พิมภาตกใจ
“เปล่าค่ะ”
“ตกลงคุณพิมสะดวกไปทานข้าวกับผมหรือเปล่าครับ”
พิมภามองตรีวิญอย่างลังเล
พิมภานั่งอยู่ตรงข้ามตรีวิญในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“ทานอะไรดีครับคุณพิม”
“แล้วแต่คุณตรีวิญเลยค่ะ”
“ขอเมนูอาหารไทยด้วยครับ” ตรีวิญหันไปบอกบริกร บริกรนำเมนูมาให้ตรีวิญ ตรีวิญสั่งอาหารไทยสองสามอย่าง “ผมขอ ต้มข่าไก่ ยำยอดมะพร้าวอ่อนกุ้งสด”
พิมภาเก็บข้อมูลจากอาหารที่ตรีวิญสั่ง
“ทอดมันหน่อกะลาของที่นี่ก็อร่อยนะคะ”
“งั้น ขอทอดมันหน่อกะลาด้วยครับ เท่านี้ก่อนครับ” ตรีวิญส่งเมนูคืนให้บริกร “ที่จริงคุณพิมมีนัดอยู่แล้วรึเปล่าครับ”
“เปล่านี่คะ อ๋อ โทรศัพท์เมื่อกี้เหรอคะ คนดูแลบ้านโทรมาน่ะค่ะ”
“สนิทกันมากใช่มั้ยครับ”
“ทำไมเหรอคะ” พิมภาถามอย่างแปลกใจ
“ก็ผมเห็นคุณพิมคุยไป ยิ้มไป เหมือนเวลาที่คุยกับคนที่สนิทสนมกันมาก”
“สนิทที่ไหนล่ะคะ กวนประสาทพิมจะตาย คุยด้วยก็เสียเวลา”
“แต่คุณก็ยอมเสียเวลาคุยกับเค้า”
พิมภาอึ้ง เพราะจริงอย่างที่ตรีวิญพูดทุกอย่าง
“คุณตรีวิญช่างสังเกตจังนะคะ”
“สังเกตเพื่อการวิเคราะห์ครับ”
พิมภาชะงักไปนิดนึง ที่ได้ยินว่าตรีวิญบอกว่าที่จับสังเกตพิมภาเพราะต้องใช้ในการวิเคราะห์คน
“แล้วคุณตรีวิญวิเคราะห์พิมว่าไงค่ะ”
“คุณพิมเป็นคนรอบคอบ ใส่ใจผู้ร่วมงานดูจากที่คุณให้ข้อมูลที่ผมน่าจะสนใจอย่างตรงจุด ถึงจะดูเป็นคนเอาจริงเอาจังแต่คุณก็มีมุมสนุกสนาน ดูจากที่คุณยอมเสียเวลาคุยกับคุณดูแลบ้านที่คุณบอกว่ากวนประสาทคุณ”
“นี่คุณใช้จิตวิทยาวิเคราะห์พิมเหรอคะ” ตรีวิญยิ้ม ไม่ตอบ “งั้น ขออนุญาตนะคะ...คุณตรีวิญมั่นใจในตัวเองสูง ดูจากที่พิมให้คุณเป็นคนสั่งอาหาร คุณก็สั่งโดยไม่ลังเล แต่ก็พร้อมเปิดรับรับข้อเสนอแนะที่ประโยชน์ เพราะคุณก็ยอมรับในสิ่งที่พิมเสนอ ที่สำคัญถึงไปอยู่เมืองนอกหลายปีแต่ก็ไม่ได้ทำให้คุณเสียความเป็นไทยไปเลย ดูจากที่คุณเลือกสั่งอาหารไทยและสุดท้าย คุณเป็นคนประมาณการและคาดการณ์ได้ดี ดูจากอาหารที่สั่งแค่พอสำหรับสองคน ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป”
ตรีวิญยิ้มเป็นการยอมรับการวิเคราะห์ของพิมภา
“คนรอบคอบอย่างคุณ ไม่น่าปล่อยให้ใครมาใส่ร้ายได้”
“ตอนที่เกิดเรื่อง พิมกำลังยุ่งกับการจัดการปัญหาส่วนตัวอยู่ค่ะ”
“ผมเชื่อว่าคุณเป็นมืออาชีพพอที่จะรู้ว่า เราต้องแยกระหว่างงานกับเรื่องส่วนตัว” พิมภาอึ้ง “เราอยู่ในโลกของการแข่งขัน คุณก็รู้ว่าเราพลาดไม่ได้” ตรีวิญเตือนพิมภาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “ทุกอย่างแก้ไขได้ครับ ใช้ความผิดพลาดครั้งนี้พัฒนาตัวเองนะครับคุณพิม”
“ค่ะ”
“เราเป็นทีมเดียวกันแล้ว เราจะช่วยกันแก้ปัญหานี้ครับ”
พิมภารู้สึกอุ่นใจที่ได้ยินว่าตรีวิญจะไม่ทิ้ง
กิ่งแก้วอ่านทรีทเม้นท์นิยายเล่มใหม่ของฤชวี ฤชวีรอฟังคอมเม้นต์จากกิ่งแก้ว มิ้นท์ลุ้นไปด้วย กิ่งแก้วอ่านจบแล้วก็ลุกหนีไปที่ริมหน้าต่างหันหลังให้ฤชวี
“กิ่ง นิยายเล่มใหม่ของผมมันไม่สนุกขนาดนั้นเลยเหรอ”
กิ่งแก้วหันหน้ามาปาดน้ำตาที่คลอๆ อยู่
“ใครว่าล่ะ โดนมากเลยต้น กิ่งอ่านแค่ทรีทเม้นท์ยังสงสารพระเอกขนาดนี้ ถ้าต้นลงมือเขียนมาแบบเต็มๆ มีหวัง กิ่งน้ำตาแตกไปสามวันแน่”
ฤชวีกับมิ้นท์อดขำกิ่งแก้วไม่ได้
“กิ่งชอบผมก็ดีใจ”
“งั้นมิ้นท์เตรียมออกแบบปกไว้ได้เลย”
“ไม่ใช่แค่กิ่งนะที่ชอบ กิ่งเชื่อว่าผู้หญิงไม่ต่ำกว่าล้านคนต้องกดไลท์ให้กับนิยายเรื่องนี้ของต้น พระเอกที่เป็นตัวแสบในสายตานางเอก แต่ที่จริงยอมทำทุกอย่างเพื่อความสำเร็จของนางเอก แถมนางเอกไม่เคยจะชายตามอง เพราะมีชายในฝันอยู่แล้วเค้าก็เลยเป็นได้แค่”
“สามีกำมะลอ”
กิ่งแก้วทำหน้าทั้งซึ้งทั้งปลื้ม แต่มิ้นท์รู้ดีว่าฤชวีหมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างฤชวีกับพิมภา
“ต้นคิดคำนี้ได้ยังไงน่ะ มันโดนมากเลย”
มิ้นท์พยายามจะส่งสายตาห้ามกิ่งแก้วไม่ให้ถาม แต่ว่าไม่ทัน
“มีคนช่วยคิดน่ะ”
กิ่งแก้วมองหน้าฤชวีที่จ๋อยไป แต่ว่าก็สายไปแล้ว ฤชวีแอบรู้สึกเจ็บๆ ที่นึกถึงคำว่าสามีกำมะลอที่พิมภาชอบเรียกฤชวีโดยที่ไม่รู้ความหมาย เสียงมือถือฤชวีดังขึ้น เห็นว่าเป็นสายของเกษมโทรเข้ามา ฤชวีปลีกตัวมารับสาย
กิ่งแก้วยังปลื้มกับงานของฤชวี ในขณะที่มิ้นท์แอบสนใจอาการของฤชวี
“ได้ข้อมูลแล้วใช่มั้ยคุณเกษม ขอบคุณมากครับ งั้นรีบส่งเลยนะครับ ที่สำคัญขอให้เป็นความลับที่สุด” ฤชวี
วางสาย
“คุณเกษมได้ข้อมูลแล้วเหรอ”
“อืม คุณพิมจะได้เลิกกลุ้มซะที ยิ่งได้ข้อมูลคนที่คิดร้ายกับคุณพิมเร็วเท่าไหร่ คุณพิมก็จะยิ่งพ้นมลทินเร็วเท่านั้น”
“ทุ่มเต็มที่ขนาดนี้ไม่ได้ใจให้มันรู้ไป”
ฤชีวียิ้ม มิ้นท์กับกิ่งแก้วสบตากันยิ้มๆ แล้วมองฤชวีว่าเป็นเอามาก
เมื่อกลับถึงห้องทำงาน พิมภาเตรียมข้อมูลสมุทัยเวชศาสตร์ให้กับตรีวิญอย่างอารมณ์ดี นันทิกานต์แอบมองอาการพิมภาแบบเซ็งๆ
“คุณพิมภาคะ”
“คะ คุณนันทิกานต์”
แต่พิมภาก็ยังไม่วางมือจากข้อมูล
“กรุณาเก็บอาการหน่อยดีมั้ยค่ะ”
“เก็บอาการเรื่องอะไรคะ”
“ก็ตั้งแต่คุณพิมภากลับจากพาคุณตรีวิญไปตรวจโรงงาน คุณพิมภาก็มีอาการลั้นลาจนน่าหมั่นไส้เหลือเกินค่ะตอนเนี๊ย”
“อ้าว ผิดด้วยเหรอคะ ที่ดิฉันมีความสุขกับการทำงาน”
“ขออนุญาตแก้ไขให้ถูกต้องค่ะ มีความสุขกับคนที่ทำงานด้วยมากกว่า”
“ฉลาดนะค้า สมองดีนะค้าคุณนันทิกานต์เนี่ย”
“มันก็ยังมิสำนึก ลั้นลากับชายที่มิใช่สามี กริยาเช่นนี้ ดิฉันเห็นว่า...เสื่อมค่ะ”
“แค่สามีกำมะลอนะค้า”
นันทิกานต์จ้องหน้าพิมภาดุๆ
“ไอ้พิม ช่วยกรุณานึกถึงตอนที่แกไปอ้อนวอนคุณต้นให้มาช่วยเป็นสามีของแกหน่อย แล้วแกไปเรียกเค้าแบบนั้น แบ่งสมองมาคิดซักหน่อยมั๊ยว่าเค้าจะรู้สึกยังไง”
“จะไปรู้สึกอะไร พ่อนักเขียนนั่นเป็นคนคิดคำนี้ขึ้นมาเองนะ”
“วันนึงนะพิม แกจะต้องเสียใจที่แกทำแบบนี้”
“แกเป็นหมอดูหรือไง ถึงมาเที่ยวทำนายแบบนี้”
“ฉันแช่ง”
“ไอ้แนน”
พิมภากับนันทิกานต์จะทะเลาะกันเดียเข้ามาพร้อมเอกสารปึกหนึ่งพอดี
“พี่พิม มีเอกสารมาส่งให้ค่ะ”
“จากไหน”
“ไม่มีชื่อผู้ส่งค่ะ”
เดียยื่นเอกสารให้พิมภาแล้วก็ออกไป พิมภาเปิดออกดูแล้วตกใจ นันทิกานต์ยื่นหน้ามาดูตกใจไปอีกคน
ที่หน้าห้องวิจัย นิคมเดินออกมาเจอลัลนากับซูซี่ที่ยืนรออยู่ ลัลนากับซูซี่ยิ้มหวานให้นิคม
“คุณลัลมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ”
“คุณนิคมค่ะ รองพื้นตัวใหม่กับแป้งวิงค์ของเรา ในฐานะนักวิจัยคุณนิคมคิดว่าเป็นยังไงบ้างคะ”
“คือ ผมมั่นใจมากว่าคุณภาพของเราทิ้งห่างคู่แข่งแน่นอน”
“แล้วพอจะมีทางที่คู่แข่งจะไล่ตามเราทันมั๊ยคะ”
นิคมชักงงกับคำถามของลัลนา ซูซี่
“ก็ถ้ามีใครเอาสินค้าตัวอย่างที่เป็นความลับบริษัทไปให้กับบริษัทคู่แข่ง ก็ไม่ยาก”
“พวกคุณกำลังจะกล่าวหาผม”
“ถ้าคุณยอมสารภาพ ก็แค่ไล่ออก แต่ถ้าไม่ฉันจะแจ้งความ ว่าคุณละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท” นิคมอึ้ง “กล้าทำลายความน่าเชื่อถือในอาชีพของตัวเอง ก็ต้องกล้ายอมรับผลที่จะเกิดนะคุณนิคม”
ลัลนาจ้องนิคมอย่างเอาจริง แสดงความเป็นนางเสือออกมาให้ได้เห็น
“ผมไม่เคยทำเรื่องเลวๆ ผิดจรรยาบรรณอาชีพตัวเองแบบนั้น ก่อนจะกล่าวหาใครคุณต้องมีหลักฐาน ไม่อย่างนั้นผมไม่ยอม”
“แล้วคิดเหรอว่าฉันจะหาไม่ได้”
“มันไม่มีแน่นอน” ลัลนาจ้องนิคม นิคมมองอย่างยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง “ถ้าไม่มีธุระแล้วผมขอตัว”
นิคมเดินออกไป
“น้องลัลหาหลักฐานได้แล้วจริงเหรอคะ” ซูซี่หันมาถามลัลนา
“ถ้าจริงแล้วลัลจะมาล้วงตับนายนี่ทำไมล่ะคะ ก็พูดข่มให้แสดงพิรุธไปงั้น เพราะถ้าตัวอย่างจะหลุดได้ก็จากนิคมคนเดียว แต่นายนี่ก็ดูจะมั่นใจว่าไม่ได้ทำ”
“แล้วเอาไงต่อค่ะ”
“งานนี้เราควานต่อมั่วๆ ซั่วๆ ก็เหนื่อยเปล่า ต้องหาแนวร่วมค่ะ”
“ใครคะ แนวร่วม”
“เจ้าทุกข์โดยตรงของเรื่องนี้ไงคะ”
พิมภากับลัลนายืนกอดอกดูเชิงกัน
“ขอบอกไว้ก่อนว่าการปรองดองครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เพื่อผลประโยชน์ของบริษัท”
“โอเคดีลตามนั้น เธอรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นหนอน?”
“เธอก็รู้ว่าใครจงใจเล่นงานเธอ?”
“กางไพ่มา”
“นายนิคมเป็นคนเอารองพื้นและแป้งตัวอย่างของเราออกไปให้กับคนนอกแน่นอน”
พิมภาได้ยินข้อมูลจากลัลนา มั่นใจในข้อมูลของตัวเองมากขึ้น หันหน้าไปมองนันทิกานต์ นันทิกานต์รู้ว่าพิมภาให้เอาเอกสารออกมาให้ลัลนาดู
“โอเคงั้นเธอดูนี่”
นันทิกานต์เอาเอกสารที่เพิ่งได้มาวางบนโต๊ะ เป็นภาพของปราสินีกับนิคมนัดเจอกันและภาพปราสินีกับเบอรี่ที่นัดพูดคุยกัน
“เป็นนายนิคมจริงๆ”
“เธอสืบได้เก่งมาก”
“เธอชมฉัน รู้ตัวมั้ย”
“รู้ ฉันตั้งใจ แต่ฉันชมตามเนื้อผ้า ไม่ได้ชื่นชมอะไรนัก อย่าจริงจังมาก”
นันทิกานต์เห็นพิมภากับลัลนาตั้งท่าจะใส่กันอีกจึงขัดขึ้นมา
“เอาเรื่องงานของเราต่อมั้ย”
“นั่นสิ เดี๋ยวพี่จะช่วยจำไว้ให้ว่าทะเลาะกันถึงไหนแล้ว”
“โอเคซื้อ” พิมภากับลัลนาพูดพร้อมกัน
“ปราสินีทำงานให้ใคร” ลัลนาถามขึ้นมา พิมภาหันมามองหน้าลัลนา
“เธอไม่รู้เหรอว่าเมเนเจอร์คนใหม่ของบริษัทซันชายน์คือใคร”
ลัลนารอฟังว่าใคร
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ที่บริษัทซันชายน์ ปราสินีเดินเข้ามาที่โต๊ะที่มีป้ายหน้าโต๊ะ Brand Manager ปราสินีใช้มือลูบป้ายเบาๆ อย่างสะใจ
“ขอบใจนะพิม ที่ทำให้ฉันเหยียบหัวเธอขึ้นมานั่งบนตำแหน่งนี้ เพื่อนรัก”
เอกพลเดินเข้ามา
“ชอบห้องทำงานที่พี่ให้คนจัดไว้ให้มั้ย”
ปราสินียิ้ม เดินไปหาเอกพล
“คุยกับท่านประธานคิมแล้วใช่ไหมค่ะ ท่านประธานว่าไงบ้าง”
“งานนี้สำเร็จได้ก็เพราะคุณ ท่านประธานจะว่ายังไง นอกจากคุณเก่งมาก”
“แล้วพี่เอกล่ะคะ ไม่เห็นชมปลาบ้างเลย”
“ชมสิครับ” เอกพลกอดปราสินี “ปลาเก่งที่สุด” แล้วหอมแก้มเบาๆ “ขอบคุณนะครับ คนเก่ง”
เสียงโทรศัพท์ดัง ปราสินีรับโทรศัพท์
“โอเคค่ะ แล้วพบกันนะคะ” ปราสินีวางสายแล้วหันมาคุยกับเอกพล “พี่เอกช่วยบอกท่านประธานเพิ่มด้วยว่า นอกจากเราจะทำลายชื่อเสียงของ Naree ได้สำเร็จ ปลายังมีสินค้าใหม่มานำเสนอด้วย”
เอกพลมองอย่างพอใจ
ลัลนารู้จากพิมภาแล้วว่าเอกพลคือเมเนเจอร์คนใหม่ของซันชายน์
“น้องปลาเป็นแบรนด์เมเนเจอร์ แล้วเอกพลสามีเก่า เอ๊ยว่าที่สามีเก่าของน้องพิม เป็นมาร์เก็ตติ้งเมเนเจอร์ของซันชายน์เหรอคะ”
“ไอ้เอกพลนี่มันเลวจริงๆ เธอนี่ก็โง่เนอะที่จะไปแต่งงานกับมัน”
“กรุณาใช้คำว่าเคย เคยโง่”
“ตอนนี้ฉลาดแล้วว่างั้น”
“ใช่ ฉลาด ถึงได้เลือกมาคุยกับคนฉลาดอย่างเธอ”
“อันนี้ถือว่าฉลาดมาก แล้วเธอจะเอาไงต่อ แจ้งความจับเลยมั้ย”
“ไม่”
“อย่าบอกนะว่ายังซึ้ง ยังอินกับนายนั่น”
“แจ้งจับมันธรรมดาไป ไม่สะใจคุณพิมภาหรอก” นันทิกานต์บอกแล้วมองอย่างรู้นิสัยเพื่อน
“ใช่ ฉันต้องการคำสารภาพจากคนผิด Naree ต้องได้รับการขอโษอย่างเป็นทางการ”
“ร้าย”
“ม้าก มาก”
“แต่ฉันชอบ”
“ฉันก็ว่าแล้วว่าเธอต้องถูกใจ”
“แผนของเธอเป็นไงว่ามา”
พิมภากับลัลนาสุมหัวกันวางแผนการ ซูซี่ยังงงๆ กับท่าทีที่เข้ากันดีเหมือนไม่เคยทะเลาะกันมาก่อนของพิมภาและลัลนา นันทิกานต์เห็นอาการของซูซี่จึงพูดขึ้นมา
“ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของสองคนนี้ ณ เวลานี้หละสิ ผลประโยชน์ต่างตอบแทน ไม่มีอะไรยั่งยืน เดี๋ยวก็ทะเลาะกันใหม่ มิตรภาพเฉพาะกิจเพื่อบริษัท”
“เก๋นะยะ มิตรภาพเฉพาะกิจ”
“ชอบก็เมมไว้”
ซูซี่ท่องเมมคำว่ามิตรภาพเฉพาะกิจไว้ให้ขึ้นใจ
ปราสินีมาหานิคมตามที่นัด
“คุณปลา ตอนนี้คุณปลาไปทำงานที่ไหนครับ”
“ปลายังไม่มีงานหรอกค่ะ แล้วช่วงนี้นิคมงานยุ่งมากไหมคะ”
“ก็เพิ่งวิจัยลิปสติกตัวใหม่สำเร็จน่ะครับ” นิคมหยิบลิปสติกตัวอย่างออกมาให้เห็น “ตัวนี้จะช่วยเติมเต็มร่องบริเวณริมฝีปากให้เต็มอิ่ม มันจะต้องบูมมากแน่ๆ”
“ปลาอยากลองใช้ดูจัง” ปราสินีจะจับมา แต่นิคมขยับเอาเก็บใส่กระเป๋าเหมือนเดิม
“มันยังเป็นความลับอยู่ครับ พรุ่งนี้ผมจะต้องเอาไปเสนอคุณพิม รอเปิดตัวก่อนแล้วผมจะเอามาให้คุณปลานะครับ”
“ค่ะ” ปราสินียิ้มแต่ตามองที่กระเป๋านิคมตลอดอย่างมุ่งหมาย
“คุณปลาครับ ผมไม่ได้ไปงานแต่งของคุณพิม แต่ผมได้ยินเขาพูดเรื่องคุณกับแฟนคุณพิมมีอะไรกัน ผม...”
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 6 (ต่อ)
ปราสินีวางมือบนมือนิคม
“อย่าไปเชื่อนะคะ พิมกับปลาทะเลาะกันแรงมาก ปลาก็เลยถูกแกล้งจนปลาต้องลาออก” ปราสินีบีบน้ำตา
“อย่าร้องไห้นะครับ ผม ผมเชื่อคุณปลาครับ”
“ขอบคุณค่ะ นิคมดีกับปลาเสมอ ปลา...” ปราสินีจิกตาหว่านเสน่ห์ ปราสินีกุมมือนิคม เป็นการย้ำคำพูด แล้วปราสินีก็ทำเป็นพลาดปัดแก้วน้ำหกใส่เสื้อนิคม “ขอโทษค่ะ ปลามัวแต่ดีใจจนไม่ทันระวัง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอไปห้องน้ำแป๊บนะครับ”
นิคมขอตัวไปห้องน้ำ ปราสินีได้โอกาสตัดสินใจขโมยตัวอย่างลิปสติกจากกระเป๋าของนิคม ทันทีที่ปราสินีเก็บลิปสติกลงกระเป๋า พิมภา ลัลนา นันทิกานต์เข้ามานั่งประกบและฝั่งตรงข้าม
“สวัสดีจ๊ะปลา”
ปราสินีตกใจแต่เก็บอาการ
“พวกเธอมาทำไม”
“ก็ยายพิมน่ะสิ ไม่สวยเป๊ะเวอร์อย่างฉัน ก็เลยอยากเติมปากเพิ่ม เธอมีลิปใหม่ๆ แนะนำมั๊ย”
ปราสินีชะงักเล็กน้อยเสียงแข็ง
“ไม่มี” ปราสินีจะลุก พิมภากับลัลนายกมือจับไหล่ปราสินีคนละข้างแล้วกดมือพร้อมกันให้ปราสินีนั่งลง
“แท่งที่เธอเพิ่งเก็บลงกระเป๋าเมื่อกี้ไง ของตัวอย่างฉันก็ใช้ได้นะ”
“พวกเธอพูดอะไรกัน”
“แสดงว่าต้องการภาพยืนยัน จัดมาค่ะคุณซูซี่”
ซูซี่เอากล้องที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมาเปิดให้ปราสินีดูเป็นภาพตอนปราสินีขโมยตัวอย่างสินค้า ปราสินีหน้าเสียที่โดนจับได้ ปราสินีจะแย่งกล้องยื้อกับซูซี่แต่พิมภากับลัลนาช่วยกันจับมือปราสินี นันทิกานต์เข้ามารวบจากด้านหลังดึงให้มาติดเก้าอี้
“ปล่อยฉันนะ ยัยแนน” ปราสินีสะบัดแรงมาก
“อื้อหือ ตัวเท่าเมี่ยงแรงบัฟโฟโล่เชียวนะ”
นิคมออกมา ปราสินีเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้อ่อนแอทันที
“นิคมคะ ช่วยปลาด้วยค่ะ พวกพิมจะรุมทำร้ายปลา”
“เจ้าบทบาทซะด้วย” ลัลนาหันไปยิ้มกับนิคม “หายโง่แล้วใช่ไหมคะคุณนิคม”
“ครับ”
ปราสินีตกใจมองนิคมว่าหมายความว่ายังไง
“ปลาจ๊ะ เป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปี ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะใช้เสน่ห์หลอกใช้ ผู้ชายเก่งแบบนี้ นี่เธอคงหลอกเอาสินค้าตัวอย่างจากนิคมไปให้ทางซันชายน์มาตลอดเลยใช่ไหม”
“หน้าหนอนบ่อนไส้มันเป็นอย่างนี้เอง”
ซูซี่ชี้นิคม
“แต่หน้าโง่น่ะเป็นแบบนี้ใช่ไหมคะ” ซูซี่ชะงักเมื่อเห็นนิคมมอง “อุ๊บ พี่ก็พูดไปตาม เหตุการณ์น่ะค่ะ”
“ไม่จริงนะคะ นิคมอย่าไปฟังพวกนี้นะคะ ปลาไม่เคยหลอกใช้คุณ”
นิคมเจ็บใจแล้วหันไปทางพิมภา
“ผมช่วยพวกคุณแล้ว”
“ไม่ต้องห่วง ฉันกับลัลจะรายงานคุณสุว่าคุณไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
“ผมขอตัวนะครับ”
นิคมหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไป
“คุณนิคม” ปราสินีจะลุกหนีแต่พิมภากับลัลนากดไว้แน่น “ปล่อยฉันนะ”
“ปล่อยแน่ แต่หลังจากที่เราเคลียร์กันแล้วนะ”
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย! พวกนี้จะทำร้ายฉัน”
ปราสินีพยายามสะบัด นันทิกานต์กับซูซี่ไม่ยอมให้ไป คนในร้านมองอย่างสนใจ ผู้จัดการร้านเข้ามา
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
“คนพวกนี้จะทำร้ายฉันค่ะ” ปราสินีหฟ้องผู้จัดการ ผู้จัดการพูดกับพิมภา ลัลนา
“ผมคงต้องขอให้คุณปล่อยคุณคนนี้”
พิมภากับลัลนามองหน้ากัน
“ฉันไม่ปล่อย นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัว คุณไม่เกี่ยว”
“ช่วยฉันด้วยนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องให้ตำรวจจัดการ”
พิมภายิ้มเข้าทาง
“ก็ดีนะลัล ไม่ต้องลากไปโรงพักให้เหนื่อยจะได้เคลียร์กันทีเดียวหลายคดี วิวาท ขโมยของ เอ๊ ลิปนี่เราจดลิขสิทธิ์แล้วใช่ไหมแนน”
“สดๆ ร้อน ๆ เมื่อเช้าเลยจ๊ะ” ซูซี่ชูกล้อง
“หลักฐานเราก็พร้อม”
ปราสินีตกใจ
“เรียกตำรวจมาเลยค่ะ” พิมภาบอกกับผู้จัดการ ผู้จัดการจะไป
“เดี๋ยวค่ะ” ปราสินีรีบเรียก ผู้จัดการชะงักหันมา “ไม่ต้องเรียกตำรวจมาหรอกค่ะ พวกนี้เขาเป็นเพื่อนฉันเอง เราเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ขอโทษนะคะที่ทำให้วุ่นวาย”
“ไม่มีอะไรให้ช่วยแน่นะครับ”
“ค่ะ”
ผู้จัดการเดินไป ลัลนากับพิมภามองปราสินี ลัลนายิ้มร้ายๆ
“เข้าใจอะไรง่ายดีนะ งั้นตามพวกฉันมา”
ปราสินีจำต้องยอมให้นันทิกานต์กับซูซี่ลากตัวออกไป
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
ปราสินีถูกจับนั่งลงที่เก้าอี้ในห้องทำงานพิมภา
“เธอจะทำอะไร”
“หนังสั้น ให้เธอเป็นนางเอก” พิมภายื่นมือถือให้ปราสินี “ตามยัยเบอรี่ตัวประกอบของเธอมาด้วย ฉันต้องการให้เธอสองคนสารภาพออกมาว่าทำอะไรลงไปบ้าง”
ปราสินีนิ่งไม่มีท่าทีว่าจะทำตาม
“จะไม่มีการลงมือใดๆ ถ้าไม่จำเป็น”
“แต่ถ้ามีคนดื้อดึง ฉันว่าจำเป็น”
“จะดีเหรอคะน้องลัล ที่นี่เป็นเขตปลอดความรุนแรงนะคะ”
“แต่ถ้าแถวนี้มีคนชอบความรุนแรง เราก็ควรจัดไป” ลัลนาตบโต๊ะปัง ปราสินีชักกลัว หันไปมองหน้าพิมภาที่เชื่อว่าน่าจะเป็นที่พึ่งได้
“พิม”
“ฉันคนหัวอ่อน เพื่อนว่าไงฉันก็ว่าตามนั้น”
“เพื่อน เธอสองคน” ปราสินีมองพิมภากับลัลนา
“ยังไงเราสองคนก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน เป็นคนบริษัทเดียวกัน และเราก็กำลังจะทำเพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือล้างมลทินให้กับบริษัท”
ลัลนาพอใจกับคำตอบของพิมภา
“รีบเรียกยัยเบอรี่มา เราจะได้เริ่มการถ่ายทำกันซะที ตั้งชื่อเรื่องว่าอะไรดี”
“คำสารภาพของเพื่อนเก่าดีมั๊ย”
“ร้ายอะ แต่ซื้อ โทรเดี๋ยวนี้”
ปราสินียอมโทรหาเบอรี่
“เบอรี่เหรอจ๊ะ ช่วยมาที่ Naree หน่อยสิ...พี่อยากให้มาแอคติ้งเพิ่มเติมหน่อย แบบว่าเข้ามาเอาเรื่องให้ถึงที่สุด คราวนี้พี่จะอยู่ด้วย ช่วยกันสองคน โอเคนะ”
ซูซี่มองปราสินีแบบอนาถใจ
“งูพิษ”
“ตัวเป็นๆ เลยหละ”
พิมภากับลัลนาสบตากันพอใจ
ภาพบนจอมอนิเตอร์เห็นเป็นคลิปวีดีโอที่พร้อมเผยแพร่ เป็นภาพเบอรี่โวยวายด่าปราสินี
“เป็นบ้าอะไรของพี่เนี่ยพี่ปลา สารภาพอะไร พี่เป็นคนจัดฉาก เขียนสคริปท์ แล้วก็จ้างฉันมาใส่ความยัยพิมภา มาทำลายชื่อเสียงบริษัท Naree พี่จะให้ฉันสารภาพอะไรเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากพี่คนเดียว บอกเค้าไปสิ”
ภาพในคลิปปราสินีจ๋อยพูดอะไรไม่ได้ ลำบากใจที่จะรับสารภาพ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ค่ะ เรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของฉันเอง”
สุกัญญากับตรีวิญที่ดูคลิปอยู่
“จะเอายังไงต่อไป” สุกัญญาถามขึ้นมา
“โพสท์คลิปนี้ลงในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กและปราสินีต้องลงข่าวหนังสือพิมพ์เพื่อเป็นการขอโทษ” ลัลนาบอก
“แล้วเรื่องที่ซันชายน์ก็อปปี้งานของนารี”
“ปล่อยให้ผู้บริโภคไปสืบกันเองดีกว่าค่ะ สังคมโซเชียนเนทเวิร์คตอนนี้ไม่มีอะไรที่เป็นความลับ”
“แบบนั้นเราจะได้เครดิตที่ไม่พาดพิง แต่สามารถกดดันให้ซันชายน์ให้ถอนสินค้าออกได้ เพราะถ้าซันชายน์ไม่ยอมเราจะฟ้อง และเราก็มีคลิปที่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ทุกเมื่อว่าซันซายน์เคยให้คนขโมยผลงานของนารีออกไปก๊อปปี้”
“ดี พี่เห็นด้วยกับวิธีนี้ คุณตรีวิญว่าไงคะ”
“นุ่มนวลแต่เด็ดขาดดีครับ แบบนี้เราไม่ต้องเสียเวลาวางแผนพีอาร์เพื่อเรียกความมั่นใจจากลูกค้าด้วยซ้ำ”
ตรีวิญชมและสบตาพิมภา ลัลนาแทรกตัวเข้ามารับคำชมด้วย
“คุณสองคนทำงานได้ดีมาก แสดงให้เห็นถึงความเป็นทีมเวิร์คที่ดี ผมพอใจมาก”
สุกัญญายิ้มพอใจที่ทุกอย่างลงเอยได้
“คุณสุคะ พิมมีเรื่องอยากจะขอ” สุกัญญามองว่า เรื่องอะไร “เรื่องปราสินีค่ะ” สุกัญญาถอนหายใจเดาออกว่าพิมภาจะขอให้ยกโทษให้ปราสินี “ปลายอมสารภาพเรื่องทั้งหมด ถ้าคุณสุจะกรุณาไม่ให้เรื่องถึงตำรวจ”
“จะดีเหรอพิม”
“แค่นี้ปลาก็คงจะหางานที่อื่นทำได้ยากแล้ว สิ้นความน่าเชื่อถือ ก็หมดอนาคตเท่านี้ก็น่าจะพอแล้วนะคะสำหรับปลา”
สุกัญญาสบตาตรีวิญเป็นการถามความเห็น
“ถ้าคุณพิมภาคิดว่าดีแล้ว ก็ให้เป็นไปตามนั้นก็ได้ครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ลัลนาอดไม่ได้ที่จะกัดพิมภา
“นางเอกเนอะ”
ตรีวิญมองพิมภาอย่าแปลกใจที่คนที่มุ่งมั่นแข่งขันเรื่องงาน จะมีน้ำใจกับคนอื่นขนาดนี้
นันทิกานต์จัดการโพสต์คลิปที่ถ่ายไว้ลงในอินเตอร์เน็ท
“ฉันโพสต์คลิปของยัยปลาเรียบร้อยแล้ว”
“ดีมาก ทุกนาทีมีค่า จัดไปอย่าให้เสีย”
นันทิกานต์มานั่งดูรูปภาพและเอกสารที่ทำให้สาวถึงตัวคนบงการ
“แกเจ๋งว่ะพิม ฉันมานั่งดูข้อมูลพวกนี้อีกที นักสืบที่แกจ้างมาสืบข้อมูลได้ละเอียดยิบ”
“ฉันไม่ได้จ้าง”
“แกไม่ได้จ้าง แล้วฝีมือใคร”
พิมภาใช้ความคิด
“คุณตรีวิญ”
“เร็วไป๊ เค้าเพิ่งมาทำงานได้ไม่เท่าไหร่ จะมาลงมือช่วยเหลือแกทันท่วงทีขนาดนี้ได้ไง”
“วันที่ไปทานข้าวเค้าพูดกับฉันว่า เค้าจะหาทางช่วยฉันเอง”
“คนฉลาดแม้ขาดสติก็ทำให้เอนเอียงได้”
“อะไรของแกอีก”
“ก็ตอนนี้แกชื่นชมเค้า ฉันรู้แพทเทิ่นนี้โดนใจแก หล่อ เก่ง จริงจัง วิเคราะห์ยังกะใช้คอมพิวเตอร์ปฎิบัติการ”
พิมภายิ้มๆ ยอมรับว่าจริง “ก่อนที่จะมอบความชื่นชมให้คุณตรีวิญ ลองนึกดูดีๆ รอบตัวแกยังมีใครอีกบ้างที่รู้ เรื่องนี้และเป็นห่วงแกมากพอที่จะลงทุนขนาดนี้ จะได้ขอบคุณไม่ผิดตัว” เสียงมือถือพิมภาดังเห็นว่าเป็นฤชวีโทรมา “คุณต้นเหรอ”
“แกรู้ได้ไง”
“แกเซทหน้าให้เข้ม เสียงจะได้ตึงๆ กลบเกลื่อนที่ดีใจที่เค้าโทรมา”
“รู้ดีนักนะแก” พิมภารับสายเสียงตึงๆ “ว่าไงคุณต้น”
“ห้วนจังครับ”
“ว่าไงค้าคุณต้น”
“ไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่ แต่ก็พอรับได้”
“นี่คุณ มีอะไรก็ว่ามาฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“ให้ผมไปรับมั้ยครับ”
พิมภาอึ้ง ไม่คิดว่าฤชวีจะมีน้ำใจ ดีใจจะยิ้มแต่ไม่ยอมยิ้มทำให้หน้าเด๋อมาก แถมฝืนทำปากแข็ง
“ไม่ต้อง ฉันมีรถ”
“นังคนปากแข็ง” นันทิกานต์ต่อว่า พิมภาส่งสายตาดุนันทิกานต์ แต่นันทิกานต์ยิ่งทำหน้าล้อพิมภาจึงพาลใส่ฤชวี “โทรมาแค่นี้ใช่มั๊ย”
“ผมจะโทรมาชวนคุณกินตับ” พิมภาตกใจ
“ไอ้คุณต้น ไอ้คนทะลึ่ง”
พิมภารีบวางสาย
“อะไรวะพิม” นันทิกานต์ถาม
“นายต้นโทรมาชวนฉันกินตับ”
“หือ แรง”
“จะทะลึ่งกับฉันมากไปแล้ว ต้องสั่งสอนให้รู้ซะบ้าง”
พิมภาดัดนิ้วแบบจะเล่นให้ยับ
คืนนั้นเมื่อกลับถึงห้อง พิมภานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ฤชวีวางจานตับบด ขนมปัง แล้วก็จานสลัดตรงหน้าพิมภา
“ตับบด”
“ครับ ตับบด ทำไมครับคุณคิดอะไร” พิมภาหน้าเหวอ
“เปล่า ฉันไม่ชอบกิน”
“ผมถึงจัดให้ไง”
“คุณต้น คุณนี่บ้ารึเปล่า ฉันไม่ชอบจะมาบังคับให้ฉันกินทำไม”
“คนวัยทำงานอย่างเราต้องการธาตุเหล็กมากคุณรู้มั้ย เคยเรียนมามั้ยครับ”
“เคย”
“ทานซะนะครับคุณพิม ทานกับขนมปังโฮลวีท แล้วก็สลัดน้ำใสไขมันต่ำ เบาๆ สำหรับมื้อค่ำ รับรองไม่อ้วนครับ”
พิมภาอึ้งที่อยู่ดีๆ ฤชวีก็เปลี่ยนจากท่าทีกวนๆ มาพูดจาดีๆ เลยลงมือกินอาหารของฤชวีงงๆ พิมภารู้สึกพอใจในรสชาติอาหารของฤชวี
“เป็นไงบ้างครับ รสชาติพอทนได้มั้ย”
“ก็ฝืนๆ อะนะ” ฤชวียิ้มมุมปากขำๆ พิมภา “คุณต้น”
“ครับ”
“ทั้งหมดมีแค่นี้เหรอ”
“อยากทานอะไรครับ” พิมภาได้ที
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันล้าๆ อะ”
“สมูธตี้มั๊ย เปรี้ยวๆ หวานๆ เย็นๆ” พิมภาตาวาว ฤชวีมองพิมภาอย่างเอ็นดู
ฤชวีเอาผลไม้ โยเกิร์ต น้ำแข็ง น้ำเชื่อม ปั่นสมูธตี้ให้พิมภา เพลง “หวานเย็นของวงมายด์” คลอ ไปกับท่วงท่าการทำสมูธตี้ที่คล่องแคล่วของฤชวี สลับกับพิมภารออย่างใจจดใจจ่อ
แก้วสมูธตี้วางตรงหน้าพิมภา พิมภารับมาดื่มอย่างสดชื่นถูกใจ แต่ไม่มีคำชมใดๆ ออกมาจากปาก แต่ฤชวีเห็นอาการพอใจของพิมภาก็มีความสุขแล้ว
“เมื่อกี้คุณแม่คุณโทรมาบอกว่าถึงจันทบุรีแล้ว”
“ติดลูกค้าด่วนอีกตามเคย มาแป๊บๆ แล้วก็กลับ”
ฤชวีแอบเห็นแววตาเหงาๆ ของพิมภา
“ทำไมวันนี้คุณกลับดึกจังครับ”
“ฉันไปจับโจรมา”
ฤชวีตาวาวดีใจที่รู้ว่าข้อมูลของตนส่งถึงมือพิมพาจนได้
อ่านต่อพรุ่งนี้เวลา 09.30น.
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 6 (ต่อ)
บ้านพิมภาที่จันทบุรี ภัทรพลนำงานสร้อยที่ทำเรียบร้อยแล้วให้ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาดู
“งานเรียบร้อยสมบูรณ์เพอร์เฟ็คมาก”
“งั้นก็ส่งมอบให้ลูกค้าได้เลย”
ภัทรพลดีใจที่งานเสร็จ
“พรุ่งนี้ภัทรจะไปตรวจความเรียบร้อยของบ่อพลอยตอนเช้า แล้วเราก็กลับเข้ากรุงเทพฯเลยนะแม่”
“ยังก่อน”
“ทำไมล่ะแม่”
“ปล่อยให้ตาต้นกับยัยพิมได้อยู่กันสองต่อสองบ้างเถอะ สองคนนั้นดีกันแล้ว แม่จะได้มีหลานอุ้มสักที”
“ยายพิมมันบ้างานขนาดนั้น อะไรๆ คงฝ่อหมดแล้วม๊าง” พิมมาลาตีภัทรพล
“ดูพูดเข้าน้องเป็นผู้หญิงนะ”
“ภัทรหมายถึงใจ คนมันเหนื่อยจะมีกะจิตกะใจไปสวีตได้ไงแม่ แน้ แม่นี่คิดลึกนะเนี่ยแต่ถ้าแม่อยากได้หลาน รอลุ้นภัทรดีกว่ามั๊ยแม่”
ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาฟังแล้วตื่นเต้น
“แกจีบติดแล้วเหรอ”
ภัทรพลทำเป็นยิ้มเก็บความลับ
“เตรียมจัดมรดกให้ภัทรตามสัญญาได้เลย”
“อย่าโม้ให้มันมากนักเลย ต้องพาตัวเป็น ๆ มาโชว์ก่อนเว้ย”
ภัทรพลทำหน้ายียวนแล้วออกไป ภาณุวัฒน์กับพิมมาลามองตามอย่างสงสัย
ฤชวีอึ้งที่ฟังพิมภาเล่าด้วยความเข้าใจว่าข้อมูลที่ถูกส่งไปให้พิมภาเป็นฝีมือของตรีวิญ
“นี่ถ้าไม่ได้หัวหน้าฉันแอบช่วย ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไง”
พิมภาพูดถึงตรีวิญด้วยสายตาที่ชื่นชม ฤชวีได้แต่รับฟังอย่างรู้สึกน้อยใจแต่ก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นฝีมือตัวเอง ได้แต่ฝืนยิ้มยินดี
“คุณพ่อคุณแม่คุณไม่อยู่แล้ว ผมกลับบ้านดีไหม”
“ถ้าคุณไม่รังเกียจก็อยู่ที่นี่ก็ได้ แต่คุณต้องแยกไปนอนอีกห้อง” ฤชวีทำหน้าไม่อยากเชื่อ “ฉันพูดจริงๆ ถ้าไม่เลิกทำหน้าเหวอจะไล่กลับเดี๋ยวนี้เลย” พิมภาเหลือบไปเห็นผลไม้วางอยู่ที่โต๊ะกลาง “คุณต้น คุณปอกผลไม้เป็นมั้ย”
พิมภาทำตาปริบๆ ฤชวีมองรู้ทัน
พิมภานั่งจิ้มผลไม้กินสบายใจ ในขณะที่ฤชวีกำลังเก็บล้างในครัว ฤชวีแอบมองพิมภาอย่างมีความสุข
พิมภาล้มตัวลงนอนแล้วนึกถึงภาพที่ตรีวิญบอกว่าจะหาทางช่วยพิมภาเอง ที่พิมภายิ้มอุ่นใจ อีกมุมหนึ่งฤชวีนั่งพิมพ์งานอยู่ ฤชวีนึกถึงตอนที่พิมภาบอกว่าตรีวิญเป็นคนส่งข้อมูลให้ ฤชวีมีสีหน้าน้อยใจ
เช้าวันรุ่งขึ้นพิมภาแต่งตัวในชุดสบายๆ ออกมาจากห้องมองไปรอบๆ รู้สึกรกหูรกตา พิมภาเห็นฤชวีกำลังนั่งจิบกาแฟทำงานสบายใจ
“นี่คุณต้น เคยได้ยินมั้ยอยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น”
“คุณจะเล่นจริงๆ เหรอครับ ถ้าคุณจะเล่นผมก็จะปั้นให้” ฤชวียิ้มยียวนนิดๆ
“แต่เช้าเลยนะ ฉันหมายถึงไม่คิดจะช่วยฉันเก็บกวาดทำความสะอาดบ้างเหรอ”
“แล้วปกติใครทำครับ”
“ฉันจ้างแม่บ้านมาทำ แค่ทำงานก็เหนื่อยจะแย่แล้ว แต่ตอนนี้บอกเลิกไปชั่วคราวฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าคุณมาอยู่กับฉันที่นี่” ฤชวีที่จิบกาแฟอยู่ชะงัก
“ผมทำงานบ้านไม่เป็น”
“อะไรนะ งานง่ายๆ คุณทำไม่เป็นเหรอ”
“ก็ผมไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไว้ตรงไหน”
“ได้ ต้องให้สาธิตใช่มั้ย” พิมภาเก็บข้าวของที่วางไม่เป็นระเบียบให้เข้าที่ ฤชวีมองพิมภาขำๆ ที่สุดท้ายก็ต้องทำเอง พิมภานึกได้ว่าถูกหลอก “คุณต้น คุณหลอกฉันเหรอ”
“หลอกอะไรครับ คนทำงานออฟฟิศอย่างคุณ งานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ถือเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งนะครับ ไม่กลัวเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมเหรอครับ”
“แต่”
“มา ผมช่วยนะ”
ฤชวีเดินไปเอาเครื่องดูดฝุ่นมาลงมือดูดฝุ่น พิมภาแค้น เดินไปเอาไม้ขนไก่ ปัดฝุ่นตามตู้โต๊ะลงที่พื้น ฤชวีตามดูดฝุ่นอย่างใจเย็น
พิมภากับฤชวีช่วยกันทำความสะอาดบ้านไปหยอกล้อกันไปและเมื่อทำเสร็จพิมภาทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง
ฤชวีส่งแก้วน้ำเย็นให้
“เหนื่อย”
แล้วเสียงท้องพิมภาก็ร้องดัง
“แล้วก็คงจะหิวด้วย”
“คุณต้น” ฤชวีรู้ทัน
“ถ้าอยากทานของอร่อยๆ ต้องออกไปจ่ายตลาดด้วยกันครับ”
“ไม่เอาอะ”
ฤชวีไม่ฟัง ลากพิมภาออกไปเลย
ไปมั้ย”
“แกหึง”
“บ้า”
พิมภาหันไปมองทางอื่นไม่สบตานันทิกานต์
“ไม่หึงสิแปลก คุณต้นออกจะดีขนาดนั้น”
“ดียังไงก็แต่งกันหลอกๆ เดี๋ยวก็ต้องแยกย้าย”
“ก็ทำให้มันเป็นจริงๆ ไม่ได้หรือไง”
“ทำอะไร”
“หมายถึงตกลงรับเค้าเป็นสามีจริงๆ ส่วนเรื่องอื่นแกจะทำอะไรก็เรื่องของแก ทำไมเค้าอยู่ด้วยแล้วไม่ดีเหรอ”
“ก็ดี ก็ไม่เหงาดี” พิมภาอ้อมแอ้มตอบ
“ใช่มะ งั้นก็รับๆ เค้าเป็นสามีจริงๆ ไปดิวะ”
“ไม่”
“ไม่ งั้นก็ไล่เค้ากลับไปสิ ให้เค้าอยู่บ้านเดียวกับแกอยู่ทำไม พ่อแม่แกก็ไม่อยู่นิ”
“ก็เผื่อพ่อกับแม่กลับมากระทันหัน จะได้ไม่ต้องไปตามไง”
“อยากให้เค้าอยู่ใกล้ๆ ว่างั้น”
“ใช่ ไม่ใช่นะไอ้แนน แกห้ามคิดมาก ห้ามคิดลึก ห้ามคิดอะไรทั้งนั้น”
“แกสะกดจิตตัวเองแบบนี้เหรอ” พิมภาชะงัก
“นายต้นก็แค่ความผิดพลาด”
“การรับผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตแกเรียกความผิดพลาดเหรอ ทำไมแกไม่มองอีกมุมวะ แบบนี้ฉันเรียกความโชคดีว่ะ ปาฏิหาริย์เลยล่ะ” พิมภานิ่งคิด
เสียงโทรศัพท์ภายในดัง พิมภารับสาย
“ค่ะคุณสุ พิมจะไปเดี๋ยวนี้”
พิมภาเข้ามาที่หน้าห้องทำงานสุกัญญา ซูซี่เห็นมองอย่างสงสัย พิมภาเข้ามาพบสุกัญญาในห้องทำงาน สุกัญญามอบหมายงานให้พิมภา
“พี่อยากให้พิมรับผิดชอบเรื่อง หาสถานที่จัดงานเลี้ยงลูกค้าประจำปี แล้วงานนี้พี่จะเปิดตัวคุณตรีวิญกับสื่อ”
“ทำไมจะต้องจัดงานขนาดนั้นด้วยคะ”
สุกัญญาส่งนิตยสารหน้าปกเป็นรูปตรีวิญให้ดู
“การที่ Naree นักบริหารหน้าใหม่ระดับเอเชียมาร่วมงาน การเปิดตัวคุณตรีวิญก็จะเป็นการพีอาร์บริษัทเราไปในตัวด้วย งานครั้งนี้สำคัญกับภาพลักษณ์ของบริษัทมาก พิมจะจัดการเรื่องนี้ให้พี่ได้ไหม”
พิมภากระตือรือร้นรับด้วยความยินดี
“ได้ค่ะ”
“จะใช้เวลากี่วัน”
“ขอเวลาสามวันพิมจะจัดการให้เรียบร้อยค่ะ”
ซูซี่เรื่องพิมภามารายงานลัลนา
“คุณสุเรียกยายพิมไปพบ แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร”
“ต้องเป็นงานสำคัญมากแน่ๆ คุณสุถึงเรียกยายพิมไปคุยเป็นการส่วนตัวแบบนั้น”
ลัลนาอยากรู้มากว่าพิมภาได้รับมอบหมายงานอะไร
เย็นวันนั้นที่คอนโดพิมภา พิมภาเก็บเสื้อผ้าที่ห้องใส่กระเป๋าออกมาเห็นภัทรพลนั่งอยู่กับฤชวีโดยไม่มีภาณุวัฒน์กับพิมมาลา ภัทรพลชิงตอบก่อนที่พิมภาจะถาม
“มาเที่ยว พักผ่อน”
“ไม่ได้ถาม”
“พี่เป็นคนโปร่งใส จริงจังจริงใจ ทำอะไรก็ชอบให้มันเคลียร์ๆ”
“พิมจะไม่อยู่สักสองวันจะไปตระเวนหาสถานที่จัดงานบริษัทที่หัวหิน”
ภัทรพลเห็นเอกสารวางบนโต๊ะเป็นรายชื่อที่นันทิกานต์คัดไว้ให้ พิมภาวงไว้สองที่ที่น่าสนใจ
“ทำไมไม่ให้คุณต้นไปด้วย” พิมภาอึ้ง ฤชวีรอฟังคำตอบของพิมภา “หรือว่า”
“หรือว่าอะไรพี่ภัทร” พิมภาร้อนตัว
“แกยังไม่ทิ้งนิสัยลั้นลา อยากทำตัวเหมือนคนโสด เลยไม่คิดจะหนีบสามีไปด้วย”
“บ้าน่ะ”
“งั้นก็ให้คุณต้นไปด้วย สามีจะได้ดูแลภรรยา”
พิมภามองฤชวีเหมือนจะไม่ไว้ใจแต่ก็ตกลงใจให้ฤชวีไปด้วย
“ก็ได้”
“ดีมาก” ภัทรพลโอบทั้งคู่ไว้ “ถือว่าฮันนีมูนไง เดี๋ยวพี่เฝ้าบ้านให้เอง”
พิมภาทำไม่รู้ไม่ชี้ ฤชวีได้แต่อมยิ้มเงียบๆ
ซูซี่มาหาลัลนาที่บ้านแล้วรายงานลัลนาเรื่องพิมภา
“น้องพิมลางาน 3 วันนับจากพรุ่งนี้ “
“ยัยพิมไปไหน ปกติไม่เคยยอมขาดงาน พักร้อนยังไม่เคยลา”
ที่โทรศัพท์ลัลนาดัง ซูซี่มองว่านายเสร่อ
“กดทิ้งเลยมั้ยคะ”
ลัลนานึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง
“อย่าค่ะ” ลัลนาดึงโทรศัพท์มาคุย “คุณภัทรเหรอคะ ชวนทานข้าว ได้สิคะ”
ซูซี่งงว่าลัลนาจะทำอะไร
ลัลนาทำหน้าแบบเซ็งมากที่ต้องมานั่งกินโจ๊กข้างถนนแต่ภัทรพลก็คะยั้นคะยอ
“โจ๊กไข่เยี่ยวม้า ร้านนี้อร่อยมากนะครับ”
ลัลนาจำต้องกินเพื่อความแนบเนียน
“คุณภัทรมาอยู่เที่ยวนี้กี่วันเหรอคะ”
“ก็สักสองสามวันน่ะครับ จนกว่ายัยพิมมันจะกลับ”
“พิมไปไหนเหรอคะ”
“ไปทำงานที่หัวหินน่ะครับ”
“งานอะไรเหรอคะ”
“นี่คุณลัลอำผมเล่นรึเปล่าครับ ก็งานเลี้ยงลูกค้าแล้วก็เปิดตัวมาร์เก็ตติ้งเมเนเจอร์คนใหม่ไงครับ”
ลัลนาสายตากร้าวขึ้นมาทันที แล้วก็พยายามทำให้ทุกอย่างปกติ
“อ๋อ งานนี้นี่เอง”
ภัทรพลกินโจ๊กอย่างไม่สงสัยลัลนา ลัลนามีสายตามุ่งมั่นจะตัดหน้าพิมภาให้ได้
ฤชวีถือกระเป๋าลงมาอย่างกระตือรือร้นทักทายกับยาม ฟร้อนท์ แม่บ้านอย่างสนิทสนม พิมภามองฤชวีที่ดูจะสนิทสนมจำชื่อได้ด้วยว่าใครเป็นใครอย่างหมั่นไส้
“มาอยู่ไม่กี่วันรู้จักไปทั่วเลยนะ”
“คุณพิมอยู่ที่นี่มาตั้งนานทำไมถึงไม่รู้จักพวกเขาล่ะครับ ชีวิตที่รีบเร่งของคุณ แบ่งมาซักสองสามนาทีใส่ใจคนรอบข้างบ้าง มันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณเดินช้าลงหรอกนะครับ คุณเคยยิ้มให้คนที่นี่บ้างมั๊ยครับ” พิมภานิ่ง เพราะแทบจะไม่เคยทำเลย “ถ้าไม่เคยก็ทำซะนะครับ”
ฤชวีเดินนำออกไป พิมภาลองหันไปยิ้มให้ยาม ฟร้อนท์ แม่บ้าน ทุกคนยิ้มให้พิมภา พิมภาเริ่มรู้สึกคิดตามที่ฤชวีพูด
พิมภาโทรศัพท์สั่งงานนันทิกานต์ว่ากำลังจะไปที่หัวหิน
“รายละเอียดงานฉันเซฟไว้ในไอแพดหมดแล้ว ยังไงฝากด้วยนะแนน”
ฤชวีขับรถมาที่หน้าคอนโดรับพิมภาขึ้นรถ ฤชวีขับรถออกไปโดยไม่รู้ว่าลัลนากับซูซี่จอดซุ่มรออยู่
“ยายพิมไปกับใคร”
ลัลนามองตามพิมภาอย่างสงสัย แล้วขับรถตามออกไป
หน้าโรงแรมหรูห้าดาวภายในกรุงเทพฯ พิมภาเดินนำฤชวีมาที่หน้าโรงแรม
“งาน thank you party นี่งานใหญ่มากใช่ไหมครับ”
“ก็จะมีลูกค้าระดับ vip แล้วก็มีคู่ค้าของบริษัทปีก่อนๆ ลัลนาจะเป็นคนรับผิดชอบ ที่ผ่านมาลัลนาเลือกใช้โรงแรมสี่ดาว แต่ปีนี้มันสำคัญ ฉันต้องเลือกระดับห้าดาว”
“สำคัญยังไงครับ”
พิมภาก้าวขึ้นบนบันไดสูงกว่าฤชีวีหนึ่งขั้น
“ก็สำคัญเพราะ...” พิมภาจะบอกว่าเปิดตัวตรีวิญกับสื่อ แต่หันมาเห็นฤชวีมองหน้าจังเปลี่ยนคำพูด “เพราะมันเป็นหน้าเป็นตาของบริษัทนะสิ แล้วฉันก็จะจัดให้ดีกว่าที่ยัยลัลทำไว้”
ฤชวีก้าวขึ้นมายืนเท่ากับพิมภา มองหน้าพิมภา
“มันจะเหนื่อยเกินไปไหมครับถ้าต้องใช้ชีวิตแข่งขันตลอดเวลา”
พิมภาก้าวขึ้นบันไดอีกสองขั้นถึงจะหันมาพูดกับฤชวี
“ถ้าอยู่เฉย ๆ ก็ไม่ก้าวหน้า ถ้าอยากมีที่ยืนมันก็ต้องแข่งขัน มันถึงจะได้มา”
“เราทุกคนมีที่ยืนครับ แต่ที่ๆ คุณอยากยืนคือยืนเหนือคนอื่น แม้กระทั่งตอนนี้”
พิมภามองตัวเองที่ยืนเหนือฤชวีอย่างเคยชินกับการที่ต้องเป็นผู้นำ พิมภาอึ้งเพราะที่ฤชวีว่าจริงทุกคำ พิมภา
รู้ว่าไม่ใช่ความคิดที่ถูกแต่ก็ยังยืนยันตามความคิดตัวเอง
“แล้วมันผิดตรงไหน ในเมื่อฉันทำงานหนักก็เพื่อความก้าวหน้า”
“ไม่ผิดหรอกครับ แต่ยืนเหนือคนอื่น มันหมายถึงยืนคนเดียว โดดเดี่ยว คุณพิมชอบชีวิตแบบนั้นเหรอครับ”
พิมภาอึ้งเพราะชีวิตมองแต่เส้นชัยต้องได้ ต้องดี ต้องเป็นที่ยอมรับ แต่ไม่เคยคิดว่าถึงตรงนั้นแล้วจะเป็นยังไง
ซูซี่ที่ตามเข้ามาลังเลอยากจะห้าม
“เอายังไงดี ถ้าเข้าไปห้าม น้องพิมต้องรู้แน่ เอาไงดี”
ฤชวียิ้มแต่ยังบีบพิมภาให้ตอบ
“ชอบหรือครับ”
พิมภาอึ้ง ตอบไม่ได้เลยเหวี่ยงแทน
“ฉันมาทำงานไม่มีเวลาตอบคำถามพวกอารมณ์ศิลปินไม่เลือกที่”
พิมภาพูดจบก็เดินเข้าไปเลย ฤชวีมองตามส่ายหัวนิดๆ กับความดื้อของพิมภา ฤชวีเดินตามเข้าไป
“แย่แล้ว” ซูซี่เครียด
พิมภากับฤชวีเข้ามาที่หน้าห้องผู้จัดการแผนกจัดเลี้ยง พิมภาตรงเข้าไปที่โต๊ะเลขาหน้าห้อง
“สวัสดีค่ะ ดิฉันพิมภามาจากบริษัทนารีติดต่อเรื่องห้องจัดเลี้ยง นัดไว้ตอนสิบโมงน่ะค่ะ”
“จากบริษัทนารี มาถึงแล้วนี่คะ ตอนนี้กำลังคุยกับผู้จัดการอยู่ด้านในค่ะ”
“แต่ดิฉันแจ้งว่าจะมาด้วยตนเองนะคะ”
“ก็ตัวแทนที่มาแจ้งว่าคุณพิมภาไม่สะดวก ส่งให้เขามาคุยรายละเอียดแทนน่ะค่ะ”
“เขาแจ้งชื่อไหมคะ”
“คุณลัลนาค่ะ”
พิมภาโกรธของขึ้นทันที
“แล้วดิฉันจะส่งรายละเอียดอุปกรณ์ที่ต้องการเพิ่มเติมมาให้นะคะ”
พิมภาหันไปเจอลัลนาเดินออกมากับผู้จัดการ พิมภาตรงไปหาทันที
“คุณพิมครับ”
“ลัลนา”
“พิม มาสายไปนะจ๊ะฉันคุยเรื่องรายละเอียดกับผู้จัดการเรื่องงานเลี้ยงเรียบร้อยแล้ว”
“สวัสดีค่ะผู้จัดการ ดิฉันพิมภา จากบริษัทนารีที่แจ้งว่าจะเข้ามาคุยรายละเอียดในการใช้ห้องจัดเลี้ยง ดิฉันคอนเฟิร์มเวลาตอนสิบโมงเช้า ตอนนี้ 9.58 นาที ดิฉันพร้อมที่จะคุยเรื่องรายละเอียดของงานทั้งหมดแล้วค่ะ” ผู้จัดการงง
“แต่ว่าถ้าเป็นงานของบริษัทนารี”
“ลัลจัดการคุยให้เรียบร้อยแล้ว พิมจะคุยซ้ำซ้อนทำไมล่ะจ๊ะ”
“แต่เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของเธอ”
ฤชวีเรียกพิมภาเบาๆ พยายามเตือน
“คุณพิมครับ” พิมภาไม่สนใจยังคุยกับผู้จัดการต่อ
“ขอโทษนะคะ ข้อตกลงก่อนหน้านี้ดิฉันคงต้องขอยกเลิกทั้งหมด ดิฉันจะเป็นคนคุยรายละเอียดทั้งหมดด้วยตัวเอง”
“แต่ลัลคุยเรื่องรายละเอียดทั้งหมดแล้ว”
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 6 (ต่อ)
“ดิฉันเป็นคนที่รับผิดชอบงานนี้โดยตรง ดังนั้นคนที่มีสิทธิ์คุยเรื่องนี้คือดิฉันคนเดียว ถ้าผู้จัดการต้องการคำตอบที่ชัดเจนว่าใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ก็โทรไปเช็กที่บริษัทได้ค่ะ”
“ผู้จัดการคะ” ลัลนาไม่ยอมแพ้ ผู้จัดการเริ่มไม่พอใจ
“ขอโทษนะครับ การที่ใครจะรับผิดชอบงานนี้มันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่ต้องตัดสินใจ และผมยังมีลูกค้าอีกหลายท่านที่รอคุยรายละเอียด ผมคงมีเวลาให้พวกคุณได้เท่านี้ ขอตัวนะครับ”
ผู้จัดการเดินกลับเข้าไปในห้องทันที พิมภากับลัลนามองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมแพ้
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง”
ลัลนายิ้มเยาะไม่ตอบเดินออกไป พิมภาตาม ฤชวีตามรู้ว่าพิมภาอารมณ์ขึ้นสุดๆ แล้ว
ลัลนาเดินออกออกมาหน้าโรงแรม ซูซี่รีบวิ่งเข้ามาหา
“เป็นยังไงบ้างคะน้องลัล พี่เห็นน้องพิมเข้าไปเมื่อกี้ พี่จะขวางก็ไม่กล้า”
พิมภาตามมาเอาเรื่อง
“ลัลนา มารยาทในการทำงานนี่มันไม่ได้มีอยู่ในตัวเธอเลยใช่ไหม”
“ฉันพยายามช่วยงานของบริษัทต่างหาก”
“ด้วยการแทรกแซงงานคนอื่นน่ะเหรอ ไม่ได้เรียนมาหรือไงว่าทำแบบนี้มันเรียกว่าไร้มารยาท” ลัลนาของขึ้น
“แล้วคนที่มันสอพลอแย่งงานคนอื่นไป จะให้เรียกว่าอะไร หน้าด้านดีไหม”
“ฉันไม่ได้แย่งงานใคร”
“ทุกปีงาน thank you party ต้องเป็นหน้าที่ฉัน แต่ปีนี้เป็นเธอ มันจะมีเหตุผลอะไรนอกจากเธอขอ”
“จริงค่ะ ทุกครั้งลูกค้าก็ตอบรับดีมาก น้องพิมไม่น่าเป็นคนแบบนี้เลยนะคะ” ซูซี่เข้าข้างลัลนา
“ทำไมเธอไม่คิดอีกแบบล่ะว่าคุณสุต้องการคนที่เก่งและไว้ใจว่าจะรับผิดชอบงานใหญ่ได้ และคนที่เขาไว้ใจก็คือฉันไม่ใช่เธอ”
“ไม่จริง”
“ความสามารถคนเราไม่เท่ากัน ถ้าด้อยกว่าก็ต้องยอมรับนะลัลนา”
“ยัยพิม”
ลัลนาจะขยับเข้าหาพิมภาด้วยความโกรธ ฤชวีเข้ามาขวางไว้
“ขอโทษนะครับ ผมว่าคุณสองคนคงลืมไปว่าตรงนี้เป็นที่สาธารณะ และทุกคนกำลังมองพวกคุณอยู่”
“คุณเป็นใคร มายุ่งอะไรด้วย”
“ผมเป็น...”
“คุณต้น” พิมภาห้าม
“เพื่อนของคุณพิมครับ ผมว่าถ้าคุณจะยืนเถียงกันไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครยอมรับว่าตัวเองผิดหรอกครับ ทำไมไม่ให้หัวหน้าพวกคุณตัดสินล่ะครับว่าใครเป็นคนผิดระหว่างคนที่ได้รับคำสั่งโดยตรงกับคนที่มายุ่งในงานที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง”
ลัลนาอึ้งเพราะตัวเองผิดเต็มๆ
“สักวัน ฉันจะทำให้เธอได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวจริง”
ลัลนาพูดจบเดินสะบัดหน้าไป ซูซี่เหวอ อยู่ๆ ก็ไป แล้วหันมาเจอพิมภาที่หน้าโหดมากซูซี่จึงรีบชิ่ง
“น้องลัล รอพี่ด้วยสิคะ”
“เสียงานหมด จะทำยังไงล่ะทีนี้” พิมภาหน้าเครียด
“ใจเย็นๆ ครับ ที่นี่ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายหรอกครับ ยังมีโรงแรมอีกหลายที่ที่คุณลิสต์เผื่อไว้ไม่ใช่เหรอครับ”
พิมภาหยิบสมุดรายชื่อโรงแรมขึ้นมาเปิดหา หน้าเครียดมาก
ส่วนที่คอนโดพิมภา ภัทรพลเดินเลี้ยวมาจากทางลิฟต์มองหาเห็นเกษมที่นั่งรออยู่คนเดียวที่ล็อบบี้
“ขอโทษครับ คุณเกษมที่โทรมาขอพบคุณต้นใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ แล้วคุณต้น”
“เขาไม่อยู่หรอกครับ” เกษมมีสีหน้าผิดหวังมาก “คุณมีธุระอะไรฝากเรื่องไว้กับผมก็ได้นะครับ เดี๋ยวเขากลับมาแล้วผมจะบอกเขาให้”
“คือผมจะเอาหนังสือนิยายที่คุณต้นแต่งมาให้คุณต้นช่วยเซ็นเป็นที่ระลึกน่ะครับ ตอนแรกว่าจะรอตอนส่งรายงานข้อมูลการสืบให้คุณฤชวีแล้วค่อยขอลายเซ็น แต่พอส่งข้อมูลไปทางคุณพิมภาก็เลยไม่ได้เจอคุณฤชวีเลย”
“ข้อมูล ข้อมูลอะไรเหรอครับ”
“ก็ข้อมูล...” เกษมชะงักมองภัทรพลอย่างไม่แน่ใจว่าควรพูดไหม
“ผมเป็นพี่ชายของพิมภาน่ะครับ ภรรยาของคุณต้น”
“คุณพิมเป็นภรรยาคุณต้นเหรอครับ มิน่าถึงให้ผมช่วยสืบด่วน”
“ตกลงไอ้เรื่องที่บอกให้สืบนี่มันเรื่องอะไรครับ”
“ก็เรื่องที่มีคนใส่ร้ายคุณพิมภาไงครับ คือ...”
ภัทรพลฟังเกษมเล่าอย่างตั้งใจ
ฤชวีเดินมาที่หน้าร้านอาหารจะเข้าไป พิมภาหน้าหงิกเสียงดัง
“คุณต้น ฉันรีบนะ”
“ผมทราบ แต่เราตระเวนหาตั้งแต่เช้าจนบ่ายแล้ว ต้องทานข้าวแล้วครับ”
“แต่ฉันไม่หิว”
“คุณไม่หิวแต่ผมหิว กระเพาะของเรา...”
“มันคนละอันกัน ฉันรู้น่า หิวใช่ไหม หิวก็กินสิ”
พิมภาเดินนำเข้าไปในร้าน ฤชวีมองตามยิ้มๆ ที่พิมภาเริ่มลดความเอาแต่ใจลงเล็กน้อย
พิมภาเดินเข้ามาในร้านตามมาด้วยฤชวี พนักงานเข้ามาต้อนรับ
“2 ที่ค่ะ”
พนักงานเดินนำพิมภากับฤชวีไปนั่งที่โต๊ะมุมหนึ่งริมกระจกที่มองออกไปเห็นโต๊ะที่จัดไว้นั่งของร้านอยู่ด้านนอก คือโต๊ะในกับโต๊ะด้านนอก กั้นแค่กระจกร้าน
“คุณพิมจะทานอะไรครับ”
“นั่นสิ กินอะไรดี” พิมภาดูเมนูอย่างสนใจ
ฤชวีนั่งมองพิมภาที่อ่านเมนูอย่างตั้งใจ ฤชวีแอบมองอมยิ้มนิดๆ ด้านนอกเอกพลกับปราสินีเดินมาตรงโต๊ะด้านนอกที่ตรงกับโต๊ะของพิมภา เอกพลคุยมือถือ
“แต่เดือนก่อนสินค้าของคุณก็มียอดสูงขึ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เพราะผมนะ ผมต้องได้เงินในส่วนที่เราตกลงกันไว้ ประธานคิม ฮัลโหล ฮัลโหล ปัทโธ่เว้ย”
ปราสินีจะแตะแขนเอกพลเพื่อปลอบ
“พี่เอก”
พอปราสินีแตะเอกพลปัดมือปราสินีจนมือฟาดเข้าหน้าปราสินี เพี๊ยะ ปราสินีเซอึ้งไป เอกพลไม่ได้รู้สึกผิด แถมยังใส่ระบายอารมณ์ทันที
“มันเบี้ยวไม่ยอมจ่าย มันขู่ว่าจะให้เราชดใช้ค่าเสียหายที่มันต้องถอนสินค้าออกก่อนที่นารีจะฟ้อง สูญเงินเป็นล้านเพราะความโง่ของเธอแท้ๆ”
เอกพลไม่สนใจเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ตั้งด้านนอกติดกับโต๊ะของพิมภาด้านใน เอกพลนั่งที่เก้าอี้ฝั่งเดียวกับพิมภา ปราสินีมองอย่างน้อยใจที่เอกพลไม่สนใจ ปราสินีกลับต้องตามไปนั่งลงง้อฝั่งเดียวกับฤชวี
“เพราะยัยพิมต่างหาก ถ้ามันไม่มายุ่ง เราก็สบายแล้ว อย่าให้เจอนะ”
พิมภาลดเมนูลง
“นี่นายเลือกได้หรือ...” พิมภาชะงักที่เห็นปราสินี “ยัยปลา”
“พิม”
เอกพลหันมองตามสายตาปราสินีเห็นพิมภา
“พิม”
เอกพลรีบลุกแล้วเดินเข้าไปในร้านไปหาพิมภาทันที ฤชวีเห็นพิมภาหน้าตึงจึงถามขึ้นมา
“ใครเหรอครับคุณพิม”
“ผู้ชายมักมากกับเพื่อนทรยศ”
ฤชวีเข้าใจในทันที เอกพลเข้ามาหาพิมภา ปราสินีตามเข้ามาดึงเอกพล
“พี่เอก”
เอกพลสะบัดจากปราสินี
“พิม สบายดีไหม พี่...”
พิมภาลุกพรวดขึ้น จนเอกพลกับปราสินีผงะด้วยความตกใจ
“ใจถึงจริงๆ เลยนะที่กล้าถามฉันว่าสบายดีไหม”
“พิม พี่อยากอธิบายให้พิมเข้าใจ”
“ฉันบอกแล้วใช่ไหม ถ้าไม่อยากตายอย่ามาให้ฉันเห็นหน้า”
“พิม” เอกพลคว้ามือพิมภามาจับ พิมภาตาลุกเงื้อจะตบ แต่ฤชวีไวกว่าผลักเอกพลออกไป “แกเป็นใครยุ่งอะไรด้วย”
เอกพลถามอย่างไม่พอใจ ฤชวีจับมือพิมภามากุมไว้
“ผมเป็นสามีของคุณพิม”
เอกพลกับปราสินีอึ้ง มองพิมภา พิมภาคล้องแขนฤชวีทันที
“ใช่ นี่คุณต้นสามีของฉัน”
“ไม่คิดว่าเพื่อนจะไวไฟขนาดนี้นะ งานแต่งล่มไม่ถึงเดือนมีสามีเป็นตัวเป็นตนซะแล้ว”
“ผมรักคุณพิมมานานแล้วครับเมื่อโอกาสมาถึงมือผม ผมก็จะไม่ยอมปล่อยคุณพิมไป”
ฤชวีหันมองพิมภาส่งตาหวานให้
“พิมคงรักพี่มาก ถึงประชดพี่รีบแต่งงานทั้งที่ไม่ได้รัก”
เอกพลมองฤชวีพยายามข่มเต็มที่
“คนอย่างคุณไม่มีค่าขนาดนั้นหรอก”
“แล้วพิมจะลืม(เน้น) เรื่องลึกซึ้งของเราได้เหรอ”
“ฉันไม่เคย” พิมภาโกรธแต่เอกพลไม่สนใจหันไปพูดกับฤชวี
“พิมชอบความรุนแรงนิดๆ เขาถึงจะพอใจ คุณคงเหนื่อยหน่อยนะ”
ฤชวียังไม่ทันตอบ พิมภาก็ชกเข้าหน้าเอกพล เปรี้ยง!
“สำหรับปากสกปรกของแก”
ปราสินีเข้ามาผลักพิมภา
“อย่ามาทำแฟนฉันนะ” พิมภายิ้มเยาะ
“ผีเน่ากับโลงผุ สมกันจริงๆ”
“พิมจ๊ะ ทำตัวสุกใสทั้งที่ข้างในมันเป็นโพรง” ปราสินีมองทางฤชวี “สามีเธอคงไม่รู้สินะว่าเธอน่ะผ่านมามากขนาดไหน”
คำพูดของปราสินีสะบั้นความรู้สึกของพิมภา พิมภาหมดความอดทน
“รู้ไหมปลา ฉันไม่เคยรังเกียจที่เธอบอกว่าเธอมาจากสลัม ไม่เคยรำคาญที่เธอเวิ่นเว้อกับความไม่มีของเธอ เพราะฉันคิดว่าเธอเป็นเพื่อน แต่วันนี้เธอทำให้ฉันเห็นแล้วว่าใจเธอมันต่ำ พฤติกรรมน่าสมเพชแค่ไหนตัวตนจริงๆ ของเธอนี่มันเน่าสุดขั้ว เก่งนะที่กลบมาได้เป็นสิบปี”
ปราสินีตากร้าวจิกใส่
“ก็โชคดีที่เธอมันโง่ไง ให้นกเอี้ยงอย่างฉันเกาะหลังได้ตั้งนาน ชอบไหมล่ะ พิมภาเจ้าสาวเขางอกแห่งปี”
ปราสินีหัวเราะสะใจ พิมภาฟิวส์ขาดโกรธจะเงื้อมือตบปราสินี แต่ฤชวีจับมือพิมภาไว้แล้วกดลงเบาๆ ฤชวียืนเหมือนกอดอยู่ด้านหลังพิมภา ฤชวียิ้มออกมา
“ผมมั่นใจว่าผมเป็นคนแรกของพิม ผมรู้ดีว่าพิมมีค่าแค่ไหนไม่อย่างนั้น” ฤชวีพูดกับปราสินี “ผู้ชายของคุณคงไม่มายืนเสียดายอยู่อย่างนี้ จริงไหมครับ” ปราสินีอึ้งหน้าชา “ผมกับคุณพิมมีธุระต้องขอตัวก่อนนะครับ” ฤชวีหันไปยิ้มจูงมือพิมภา “ไปครับพิม”
ฤชวีจูงมือพิมภาออกไป
“พิม”
เอกพลจะตามแต่ปราสินีดึงไว้
“พี่เอก อย่าไปนะ”
เอกพลพยายามจะปลดมือปราสินี แต่ปราสินีไม่ยอมปล่อย เอกพลมองตามพิมภาไปอย่างเสียดาย
ฤชวีจูงพิมภาออกมาที่รถ พิมภาดึงมือออกจากการจูงของฤชวีแล้วตรงไปที่รถ แต่ฤชวีหยุดเดิน พิมภาพลอยหยุดไปด้วยมองฤชวีว่าหยุดทำไม ฤชวีมองหน้าพิมภาอย่างจับสังเกต
“มองอะไร”
“ที่คุณอารมณ์เสียขนาดนี้ เพราะคุณรักผู้ชายคนนั้นมาก ใช่ไหมครับ”
“ฉัน ไม่ได้รักพี่เอกหรอก”
ฤชวีเดินมาฝั่งคนขับ
“ไม่รัก แล้วทำไมคุณถึงจะแต่งงานกับเขาล่ะ”
“ก็เขาสร้างภาพให้ฉันเห็นมาตลอดว่าเขาเป็นคนดี เขาทำให้ฉันกับครอบครัวเชื่อว่าเขารักฉันและพร้อมจะดูแลฉันไปชั่วชีวิต กว่าจะเห็นธาตุแท้ ก็กลางงานแต่งแล้วน่ะสิ” พิมภาบอกอย่างหงุดหงิด
“ที่คุณยังโมโหอยู่ตอนนี้แน่ใจนะครับว่าคุณไม่ได้รัก”
“ฉันไม่ได้รักแต่ฉันแค้น” พิมภาก้าวขึ้นรถ ฤชวีก้าวขึ้นตาม “ฉันต้องเสียหน้ากับทุกคนในงานแต่งรวมทั้งศัตรูอย่างยัยลัล คนอย่างฉันต้องมี จุดอ่อนเพราะเขา แต่ตอนนี้กรรมก็ตามสนองแล้ว สองคนนั้นหมดอนาคตเพราะทำเลวกับฉัน สุดท้ายฉันก็ชนะเลิศเหมือนเดิม”
ฤชวีหันมองหน้าพิมภาตรงๆ
“รู้ไหมว่าคุณกำลังแพ้”
“ไม่จริง ฉันไม่แพ้”
ฤชวีเปิดที่บังแดดลงมาแล้วเปิดตรงส่วนที่เป็นกระจกส่องหน้า
“ดูสิครับ ว่าคุณกำลังหน้าหงิก จิตใจไม่เป็นสุขเพราะเขา คุณให้เขามามีอิทธิพลเหนืออารมณ์คุณจนคุมตัวเองไม่ได้แสดงว่าคุณน่ะแพ้” พิมภาคิดตาม
“อืม ก็จริง” พิมภาตบหน้าตัวเองเบาๆ “ไม่หงิก ไม่เครียด” พิมภาหายใจเข้าออกลึกๆ “คุณต้น ขอบคุณนะที่คุณช่วยรักษาหน้าฉัน”
“ไม่เป็นไรครับ ผมแสดงสมบทบาทดีไหม”
“ดี...จนเกินไป เมื่อกี้คุณพูดได้ยังไงว่าเป็นคนแรกของฉัน ฉันเสียหายนะ”
“คุณพิมครับ ถ้าผมไม่พูดแบบนั้น ผู้ชายคนนั้นก็จะยิ่งพูดให้คุณเสียหาย”
“อืม ก็จริง เพราะสองคนนั้นแท้ๆ คุณเลยไม่ได้กินข้าวเลย”
“เราไปหาร้านอื่นก็ได้นี่ครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง อยากทานอะไรล่ะครับ”
“คุณเป็นเจ้ามือเหรอ งั้นเอาแบบเบาๆ ก็พอ”
ที่ร้านสุกี้ ถาดเครื่องสุกี้สูงเป็นคอนโดหลายชั้นวางตึงลงบนโต๊ะ ฤชวีขยับจัดการทยอยใส่เครื่องสุกี้ลงไปให้ พิมภาไม่สนจัดการคีบกินอย่างเอร็ดอร่อย
“คุณพิม คุณไม่กลัวอ้วนเหรอครับ ทานขนาดนี้”
“ก็ออกกำลังกายสิ ร่างกายเราเองเราต้องรู้จักบริหาร รักษาให้มันสมดุล หุ่นก็จะสมบูรณ์แบบ” พิมภาบอกแล้วก็กินต่อ ฤชวีมองยิ้ม พิมภาเงยหน้าขึ้นมาเห็นจึงระแวง “คุณยิ้มอะไร”
“ผมชอบวิธีคิดของคุณน่ะครับ รู้จักตัวเอง ถ้ารู้จักทุกด้านก็ยิ่งดีนะครับ ว่าแต่คุณอารมณ์ดีขึ้นหรือยัง”
พิมภามองของบนโต๊ะ
“ถ้าได้เกี๊ยวกุ้งอีกสักที่ก็คงพอดี”
ฤชวียิ้ม พิมภาวางช้อน ฤชวียกมือเรียกพนักงานให้มาคิดเงิน
“ทั้งหมด 720 บาทค่ะ”
ฤชวีหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา พิมภาหยิบแบงค์พันส่งให้
“ผมบอกแล้วว่าจะเลี้ยง”
“เขามักพูดกันว่านักเขียนไส้แห้ง แล้วฉันก็กินมากกว่าคุณตั้งเยอะ ฉันจ่ายเอง ไม่อยากรีดเลือดกับปู”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เพราะปูอย่างผมน่ะกล้ามใหญ่” ฤชวีหยิบแบงค์พันตัวเองส่งให้พนักงาน
“งั้นก็ ขอบคุณนะ” พิมภาเก็บเงินใส่กระเป๋า ฤชวียิ้ม พิมภาหยิบสมุดขึ้นมาเปิดดู “เดี๋ยวจะตระเวนตามรายชื่อโรงแรมที่เหลือ ถ้าคุณมีธุระอื่น”
“ผมมีเวลาให้คุณพิมทั้งชีวิตล่ะครับ”
“อะไรนะ”
“เอ่อ ผมหมายถึงผมฟรีทั้งวันครับ ไม่มีธุระอะไร”
พิมภามองประมาณว่าแล้วไป
คืนนั้นพิมภากับฤชวีลงจากรถจะเดินเข้าคอนโด ซูซี่ซึ่งแอบซุ่มอยู่ใช้กล้องจากมือถือถือภาพเก็บไว้ แชะๆ ๆ ซูซี่มองรูปอย่างพอใจ
“ชัดแจ่ม”
ฤชวีกับพิมภาเดินเข้ามาที่ล็อบบี้ของคอนโด พิมภามีสีหน้าหงุดหงิดจนไม่สนใจสุวิทย์ที่ตะเบ๊ะรับ ฤชวียิ้มให้สุวิทย์ส่งถุงขนมให้
“พี่สุวิทย์ ของฝากครับ”
“ขอบคุณครับ คุณต้น”
พิมภามอง ฤชวีเดินไปส่งถุงขนมให้กับปอยที่เคาน์เตอร์
“คุณปอย ขนมเจ้านี้อร่อยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ คุณต้น”
พิมภาเดินไปหยุดที่หน้าลิฟต์ กดลิฟต์รอ ฤชวีเดินตามมา
“นี่คุณสนิทกับพนักงานที่นี่ถึงขั้นซื้อขนมฝากกันเลยเหรอ”
“ก็พี่สุวิทย์เขาคอยเปิดประตู ดูแลความปลอดภัยให้เรา คุณปอยก็คอยรับจดหมาย ดูแลต้อนรับคนที่มาติดต่อ ตอบแทนเขาบ้างเล็กๆ น้อยๆ”
“เขาได้เงินเดือนเขาก็ต้องทำน่ะสิ”
“สำหรับคุณอาจจะคิดว่าเป็นหน้าที่ แต่ผมคิดว่าเป็นน้ำใจ คิดบวกบ้างสิครับ เดี๋ยวจิตใจจะตายด้านน่ะครับ”
“คุณว่าฉันใจหยาบเหรอ”
“นั่นไง ผมแสดงความเห็นคุณก็ตีความว่าผมว่าคุณ คิดแต่มุมลบ ชีวิตก็จะติดลบนะครับ กำไรความสุขก็จะไม่เหลือเลย”
“ต้องคิดบวกอย่างคุณงั้นสิ” ฤชวียิ้มรับ
“ครับ”
พิมภาเถียงไม่ออก พอลิฟต์เปิดก็เดินหนีเข้าลิฟต์ ฤชวีมองตามยิ้มขำๆ ที่พิมภาเถียงสู้ไม่ได้ก็หนีเข้าลิฟต์
ลิฟต์หน้าห้องพิมภาเปิดออก ป้านงค์ แม่บ้าน กำลังเดินออกมาจากอีกมุม
“คุณพิมครับ”
พิมภาหยิบกุญแจมาไขห้อง
“ฉันไม่อยากเถียงกับคุณ”
พิมภาเปิดประตูแล้วเข้าไป ฤชวียิ้มเดินตามเข้าไป ป้านงค์มองตามอย่างสนใจ
ภายในห้องพิมภา ภัทรพลกำลังนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พิมภากับฤชวีนั่งเปิดโน๊ตบุ๊คคนละเครื่องเสิร์ชหาโรงแรม พิมภากับฤชวีต่างคนต่างโทรศัพท์สอบถาม พิมภาวางโทรศัพท์อย่างหัวเสีย
“ไอ้พิม กินอะไรหน่อยมั้ย”
“กินไม่ลงหรอกพี่ ป่านนี้ยังหาที่ไม่ได้เลย”
“วันที่คุณพิมจะจัดงานเต็มทุกโรงแรมเลยครับ ช่วงนี้มีงานแต่งงาน งานสัมมนาเยอะมาก”
“คิดแล้วมันน่าโมโห ไม่รู้ว่ายัยลัลมันรู้ได้ยังไงว่าคุณสุให้ฉันดูแลงาน thank you party แล้วยังรู้ด้วยนะว่าฉันจะไปติดต่อโรงแรมไหน ไปดักหน้าฉันเฉยเลย ถ้ารู้ว่ารั่วจากปากใคร ฉันจะสับให้เป็นชิ้นเลย”
ภัทรพลสะดุ้งนิดๆ แต่กลบเกลื่อน
“แกอย่าทำตัวนิยมความรุนแรงนักเลยน่า เจอกันแล้วเป็นไงเหรอ”
“ก็ฉะกันกลางห้องผู้จัดการโรงแรมน่ะสิ โดนเด้งออกมาทั้งคู่ เครียด ๆ ”
“คุณพิม จะทานอะไรไหมครับ ผมจัดการให้”
“ไม่ล่ะ ฉันปวดหัว”
พิมภาเดินเข้าห้องไป เสียงมือถือภัทรพลดัง ภัทรพลมองแล้วกดรับดีใจหลุดปาก
“สวัสดีครับคุณลัล”
ฤชวีฟังแล้วสะดุดที่ได้ยินชื่อลัลหันมอง ภัทรพลไม่ทันสังเกตเดินออกไปคุยที่ระเบียง
ภัทรพลเดินออกมาที่ระเบียง
“ดีใจจังเลยครับ ที่คุณคิดถึงผม หรือว่าอยากทานโจ๊กอีกครับ”
ขณะนั้นลัลนาอยู่ที่บ้าน เธอทำหน้าเซ็ง
“คืนนี้ไม่ได้หรอกค่ะ ลัลต้องทานข้าวกับคุณแม่ ว่าแต่พิมเขาเป็นยังไงบ้างคะ หาสถานที่ได้หรือยังคะ”
ภัทรพลชะงักไปนิดแล้วยิ้มคุยต่อ
“ยังเลยครับ”
“เหรอคะ ลัลอยากช่วยพิมมากเลยนะคะ เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันงานแล้ว ถ้ามีอะไรที่ลัลช่วยได้ก็อยากจะช่วยเพื่อน”
ภัทรพลรู้ทันแต่แกล้งโง่
“พิมคงดีใจถ้ารู้ว่าคุณลัลห่วงนะครับ พรุ่งนี้คุณลัลสะดวกจะทานมื้อเที่ยงไหมครับ ผมมีร้านอร่อยอยากนำเสนอ”
“ต้องขอดูงานก่อนนะคะ ว่ายุ่งมากไหม เอาไว้พรุ่งนี้ลัลจะโทรหานะคะกู๊ดไนท์ค่ะ”
“เดี๋ยวครับคุณลัล คุณลัลเล่นเฟซบุ๊คไหมครับ”
“ไม่เล่นค่ะ”
“น่าเสียดายนะครับ เพราะในหน้าเฟซผมอยากให้คุณลัลมากดไลค์ แต่ถ้าในชีวิตผมอยากให้คุณลัลกดเลิฟน่ะครับ” ลัลนาถึงกับอึ้ง
“เอ่อ พรุ่งนี้ลัลต้องตื่นเช้าไว้คุยกันใหม่นะคะ” ลัลนาตัดบทแล้ววางสายเลย “เน่าจริง” ซูซี่ขยับเข้ามาหาลัลนาใกล้มาก ลัลนาหันมาตกใจ “พี่ซูซี่ ใกล้ไปมั้ยคะ”
“ก็พี่อยากรู้นี่คะว่าเป็นยังไงบ้าง”
“ยัยพิมยังไม่ได้สถานที่ แล้วรู้หรือยังคะว่าผู้ชายที่อยู่กับพิมเมื่อเช้าเป็นใคร”
ซูซี่ยกโทรศัพท์ขึ้นกดให้ดูภาพพิมภากับฤชวีเดินเข้าคอนโด
“พี่รอตั้งนาน ผู้ชายก็ไม่ออกมานะคะ ว่าแต่น้องลัลให้พี่ไปสืบเรื่องนี้ทำไมคะ”
“ลัลรู้สึกติดใจเรื่องผู้ชายคนนี้”
“ก็น่าติดอยู่นะคะ สูง ล่ำ กล้ามเป็นมัดๆ ขนาดนั้น”
“ลัลหมายถึงว่าสงสัยจะไม่ใช่แค่เพื่อน จำได้ไหมคะเมื่อเช้าสองคนนั้นออกมาด้วยกันจากคอนโด นี่ก็กลับเข้าไปด้วยกัน”
“จริงด้วยค่ะ”
“ลัลต้องสืบให้ได้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่”
ลัลนาหันมองซูซี่ ซูซี่รู้ทันทีว่าต้องทำอะไร
“หน้าที่พี่ รับทราบค่ะ”
จบตอนที่ 6
อ่านต่อตอนที่ 7 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.