คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 3
พิมภาเดินเข้ามาในห้องทำงานอย่างหัวเสียแล้วหยิบหมอนอิงสีสวยที่วางสำหรับรองหลังที่เก้าอี้ทำงานมาวางบนโต๊ะ แล้วก้มหน้าซุกกับหมอนกรี๊ดสนั่น สองครั้งติดๆ นันทิกานต์เดินตามเข้ามา
“พิม”
พิมภาเงยหน้าขึ้นมา
“เพราะไอ้หมอนั่นแท้ๆ ยัยลัลมันถึงเหยียบฉันได้” นันทิกานต์วางเอกสารลงตรงหน้าพิมภา “อะไร”
“ก็เอกสารจดขอทะเบียนสมรสไง มันมีลายเซ็นแกแล้ว ฉันกลัวว่าถ้าไอ้พี่เอกมันเอาไปเซ็นแล้วหาเจ้าหน้าที่เซ็นรับรองได้ มันจะมาตุกติกกับแกทางกฎหมาย ฉันก็เลยเก็บมา”
“แกนี่มันรอบคอบ แสนรู้จริงๆ”
“ขอบใจ แต่แสนรู้น่ะเขาใช้กับหมาไม่ใช่คนนะ ไอ้บ้า”
“เอ้า เพื่อนชมก็ไม่ชอบ” พิมภาเก็บเอกสารไว้ในลิ้นชัก แม่บ้านเข้ามาเสิร์ฟกาแฟให้กับพิมภา
“กาแฟยามบ่าย ของคุณพิมค่ะ” แม่บ้านมองพิมภาเหมือนอยากจะพูดอะไร
“มีอะไรหรือเปล่า”
“คุณพิมสู้ๆ นะคะ ผู้ชายไม่ตายก็หาใหม่ได้ค่ะ” พิมภาหน้าชา
“ป้าไปรู้เรื่องฉันมาจากไหน”
“ก็คุณลัลกับคุณซูซี่เดินสายเม้าท์ตั้งแต่หลังงานแต่งคุณพิมแล้วค่ะ ตอนนี้ทุกคนเป็นกำลังใจให้คุณพิมนะคะ”
“ลัลนา” พิมภาแค้นมาก
นันทิกานต์เห็นในถาดมีแก้วน้ำเปล่ากับถ้วยเล็กๆ ใส่ยาไว้สองเม็ด พาราฯหนึ่งเม็ด ยาแก้แพ้หนึ่งเม็ด
“แล้วนี่ยาของใครเหรอป้า”
“ของคุณลัลค่ะ เธอให้ป้าเอาพาราฯกับยาแก้แพ้ไปให้”
พิมภาตาวาว
“งั้นป้าก็รีบเอาไปให้เถอะ”
แม่บ้านออกไป
“ยัยลัลมันกระจายข่าวไปทั่วกะให้แกมองหน้าใครไม่ได้เลยนะเนี่ย แม่บ้านถึงขั้นบอกว่าเดินสายเม้าท์”
“งั้นต้องจัดคืนให้อย่างสาสม”
“จะไปเล่นคืนเหรอ เดี๋ยวคุณสุรู้ก็เป็นเรื่องหรอกแก”
“แกรู้ไหมแนนว่ายาแก้แพ้ที่ยัยลัลจะกินน่ะ กินแล้วหลับทุกราย”
นันทิกานต์หันมองพิมภาอย่างสนใจ
“แล้วไง”
พิมภายิ้มร้ายๆ
ที่ห้องทำงานของลัลนา ลัลนากับซูซี่ตีมืออย่างสะใจ
“ทีนี้ล่ะ เราจะเล่นงานยัยพิมด้วยการเม้าท์ๆ”
“จนน้องพิมไม่มีสมาธิทำงาน”
“ตำแหน่งผู้จัดการสาขาก็จะเป็นของลัลอย่างง่ายดาย”
“พี่จะได้โบนัส ได้ทำงานต่างประเทศ”
แม่บ้านถือถาดยากับแก้วน้ำมาให้
“น้ำกับยาตามที่คุณลัลสั่งค่ะ”
“ขอบใจ หมดเวลาสังสรรค์แล้วไปทำงานได้แล้วค่ะ พี่ซูซี่สรุปยอดขายสินค้ามาให้ลัลด้วยนะ เอาละเอียดแบบทุกประเภทเลยนะ”
“จ๊ะ ลิปสติกตัวใหม่ พี่เอาแบบแพ็กเกจจิ้งมาแล้วนะ” ซูซี่ฃวางเอกสารแบบให้ตรงหน้าลัลนา “น้องลัลเคาะมาให้ไวที่สุดเลยนะ จะได้ส่งให้คุณสุพิจารณาอีกที”
“ตามฝ่ายโปรโมทให้ส่งพรีเซ้นต์เรื่องการเปิดตัวสินค้าด้วยนะคะ ลัลอยากให้ทุกอย่างเป๊ะที่สุด”
“จ๊ะ พี่จะสรุปมาให้ก่อนเลิกงานนะ”
ซูซี่ออกไป ลัลนาหยิบยากับน้ำมาดื่ม แล้วหยิบแฟ้มเอกสารมาเปิดดูสำราญใจ สักแป๊บลัลนาหยิบนาฬิกาเล็กๆ ตั้งเวลา
“สักสิบนาทีน่า”
ลัลนาขยับตัวเอนไปกับเก้าอี้ เพียงครู่เดียวลัลนาก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยาแก้แพ้ พิมภากับนันทิกานต์เดินเข้ามา ยิ้มร้ายๆ
ลัลนายังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ภายในบริษัทดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ” ลัลนางัวเงียรับสาย “รับของที่ล็อบบี้ จากไหนคะ อ้าว...วางสายใส่ เดี๋ยวปั๊ด”
ลัลนาลุกออกไป
ลัลนาลงลิฟต์มาที่ล็อบบี้พอออกจากลิฟต์พนักงานที่ยืนรออยู่หน้าลิฟต์ชะงักอึ้งๆ ลัลนาเดินเชิดๆ ออกไป
ระหว่างทางเดินไปล็อบบี้ พนักงานที่ยืนอยู่หรือว่าเดินสวยต่างอึ้งๆ แล้วมีแอบอมยิ้มขำ ลัลนาเดินมาถึงเคาน์เตอร์คุยกับพนักงาน
“พี่มารับของที่มีคนฝากไว้ให้พี่น่ะ”
พนักงานอึ้งจำลัลนาไม่ได้
“พี่ พี่อะไรคะ”
“พี่ลัลไง เป็นแผนกต้อนรับแต่ไม่รู้จักแบรนด์เมเนอเจอร์นี่ มันสมควรจะให้ทำงานต่อไปไหม”
พนักงานอึกอักแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“หนูขอโทษค่ะ แต่ไม่มีของฝากให้พี่นะคะ”
“ก็เมื่อกี้มีคนโทรขึ้นไปบอกพี่ว่ามีนี่”
ประตูบริษัทเปิด สุกัญญา พิมภา นันทิกานต์เดินเข้ามา ลัลนาหันกลับไปทันที พอเห็นว่าเป็นสุกัญญาก็รีบเดินเข้าไป
“คุณสุคะ”
สุกัญญาหันมาเห็นตกใจ
“ใครเนี่ย”
“ลัลไงคะ”
พิมภากับนันทิกานต์หน้าเฉยมาก
“ลัล นี่แต่งหน้าเทรนด์ใหม่เหรอจ๊ะ เป๊ะเนอะ”
“สำหรับฉันไม่ใช่เป๊ะเฉยๆ แต่ต้องเป๊ะเวอร์ เนี่ยเทรนด์ใหม่จากเกาหลีจะนำเสนอคุณสุสำหรับงานเปิดตัวอายแชโดว์วันพรุ่งนี้น่ะค่ะ คุณสุจะไปดูสถานที่ตอนบ่ายใช่ไหมคะ ลัลดูแลงานนี้อยู่แล้วจะได้ไปพร้อมคุณสุเลย”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ งานพรุ่งนี้ให้พิมภาเป็นคนดูแลแล้วกัน”
ลัลนาไม่พอใจ
“แต่งานนี้เป็นของลัลนะคะ ทำไมจู่ๆ ถึงให้พิมภาทำล่ะค่ะ”
“ก็ไปส่องกระจกดูสิจะได้รู้ว่าทำไม”
สุกัญญาเดินออกไป พิมภากับนันทิกานต์เดินตาม ลัลนางงแล้วรีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์
“มีกระจกไหม เอามาให้พี่ เร็วสิ”
พนักงานรีบส่งตลับแป้งให้ลัลนา ลัลนาเปิดตลับส่องกระจก ในกระจกเห็นหน้าลัลนาถูกเขียนอายไลน์เนอร์ทิ้งหางตายาวมากกก แก้มก็ถูกปัดแดงเป็นตูดลิง แต่เปลือกตาเขียวปี๋ใส่กากเพชรอีกต่างหาก ลัลนากรี๊ดสนั่น พิมภากับนันทิกานต์พยายามกลั้นยิ้มสุดชีวิต สุกัญญาหันมาหาพิมภาสายตาเหมือนผู้ใหญ่จับได้ว่าทำผิด
“ร้ายนะ” พิมภาอึ้ง “วันนี้ถือว่าเจ๊ากับที่ลัลทำกับคุณ แต่ถ้ามีอีก ไล่ออก” พิมภาสะดุ้ง สุกัญญายิ้มแต่แอบดุนิดๆ “พี่คงไม่ต้องห่วงคุณแล้วล่ะนะ”
พิมภาอึ้งที่โดนจับได้ ยิ้มแหยกลับ
“ค่ะ”
เมื่ออยู่ในห้องทำงานพิมภากับนันทิกานต์หัวเราะด้วยความสะใจ
“ฝีมือแต่งหน้าของแกไม่เลวนะแนน”
“แกอยากลองไหมล่ะ ฉันจะแต่งให้งามกว่าของยัยลัลอีก พิม แกว่าคุณสุจะไม่รู้เหรอว่ายัยลัลโดนแกล้ง”
“รู้สิ คุณสุฉลาดจะตาย”
“อ้าว เดี๋ยวก็หัวขาดหรอกแก หรือถือว่าเป็นคนโปรด”
“คุณสุรักความยุติธรรมจะตาย ไม่มีคนโปรดไม่โปรดหรอก แต่ที่เขาไม่พูดคงเพราะ รู้ว่ายัยลัลทำอะไรกับฉัน ฉันดูสายตาคุณสุเหมือนเขาบอกว่า ครั้งนี้เขายกให้แต่ครั้งหน้าไม่รอดแน่ เสี่ยงหน่อยแต่ก็คุ้ม เล่นกับพิมภามันต้องโดนแบบนี้ล่ะ” นันทิกานต์มองพิมภานิ่ง จนพิมภาชะงัก “มองอะไร”
“มองเพื่อนฉันแล้วก็คิดว่าทำไมมันเก่งนัก ฉันดีใจนะที่แกยังแข็งแรงไม่ล้มฉันคิดว่าจะเห็นแกฟูมฟายจะเป็นจะตายซะแล้ว”
“ไม่เห็นไม่ได้แปลว่าฉันไม่เจ็บ สำหรับปลาทำให้ฉันรู้วันนี้ว่าการโดนหลอกจากคนที่เราไว้ใจมันเจ็บแค่ไหน ส่วนเอกพลฉันเจ็บใจที่เสียรู้ผู้ชายเลวๆ แต่ไม่ได้เสียใจ ที่สุดแล้วผู้ชายดีๆ ก็มีแต่ในละครจริงๆ”
“สักวันแกต้องได้เจอคนดีๆ นะเชื่อฉัน ก็คุณต้นไง แกโทรหรือยัง”
“ไม่ล่ะ”
“แกกลัวผู้ชายเลยใช่ไหมเนี่ย”
“อืม ฉันกลัวจะโดนหลอกซ้ำ เข็ดน่ะ” นันทิกานต์มองแบบไม่เชื่อ “พูดจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะกลัวผู้ชาย ฉันไม่อยากให้พ่อกับแม่ห่วงฉัน”
“ชีวิตแกมันคงไม่ซวยซ้ำซวยซับซ้อนขนาดนั้นหรอกมั้ง”
ลัลนาล้างหน้าล้างตาแต่งหน้าใหม่เรียบร้อยแล้วเปิดประตูปึ้งเข้ามา
“ยัยพิม”
ลัลนาเดินตรงเข้ามาหาพิมภา พิมภาทำหน้าใสซื่อมาก
“เข้าห้องคนอื่นควรจะเคาะประตูนะ ไม่มีมรรยาท”
“เธอแกล้งฉัน” พิมภาหน้าเชิดทันที
“ไหนล่ะหลักฐาน” ลัลนาอึ้งเพราะไม่มี
“ในบริษัทนี้มีแต่เธอเท่านั้นที่จะลอบกัดฉัน คุณสุต้องจัดการเรื่องนี้”
“เธอคิดว่าคุณสุไม่รู้เหรอว่าระหว่างเรามีเรื่องอะไรกัน ไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าถ้าเธอจะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ คุณสุจะเข้าข้างใคร” ลัลนาสะอึก
“ว่าไง ปากยื่นปากยาวไปฟ้องเลยสิจ๊ะ ฉันจะได้สวมตำแหน่งBrand Manager ซะเลย อยากอัพเลเวลตัวเองนานแล้ว” นันทิกานต์บอก ลัลนามองพิมภาอย่างอาฆาต
“ฉันจะต้องเอาคืนเรื่องครั้งนี้ให้ได้”
“ถ้าคิดว่าทำได้นะ”
“ฉันไม่ใช่พวกกระจอกงอกง่อยอย่างเธอ ถ้าเธอรู้”
“เป็นลูกสาวของหุ้นส่วนแล้วมันน่ากลัวตรงไหนเหรอ” ลัลนาอึ้งที่พิมภารู้แต่ไม่สะทกสะท้าน
“ในเมื่อคนที่มีอำนาจบริหารสูงสุดในตอนนี้คือคุณสุคนเดียวเท่านั้น”
“คิดเหรอว่าการที่เธอใช้พี่ซูซี่ไปบอกใครต่อใครว่าเธอมีพาวเวอร์แค่ไหนมันจะได้ผล ในเมื่อคุณสุตัดสินคนจากผลงาน ไม่ใช่พวกเล่นเส้น”
“ฉันจะทำให้เธอไม่มีหน้าจะอยู่ในบริษัทนี้คอยดู”
“ถ้ามีดีแต่พูด ก็อย่าพูดดีกว่า ฉันสมเพช”
พิมภามองตอบอย่างท้าทายไม่ยอมแพ้ ลัลนากับพิมภาจ้องหน้ากัน นันทิกานต์มองอย่างหวั่นนิดๆ ที่สองคนไม่มีใครยอมใคร ลัลนาแค้นมากแต่ต้องสะบัดหน้าเดินออกไป
ลัลนาเดินเลี้ยวออกมาแล้วชะงักที่เจอภัทรพลที่เดินเข้ามาพอดี ลัลนาจะเดินไปอีกทางแต่ภัทรพลมาขวางทางไว้ ลัลนาจะไปอีกทางภัทรพลมาขวางไว้อีก
“นี่คุณจะมาขวางทางฉันทำไม”
พิมภากับนันทิกานต์ได้ยินเสียงลัลนาชะงักฟัง ภัทรพลยิ้มให้ลัลนา
“สวัสดีครับ ผมภัทรพล คนน่ารัก รูปไม่หล่อแต่พ่อรวยมาก 081-1111234 ครับ เป็นพี่ชายของพิมครับ แอดไลน์ หรือว็อทแอ็ปสแตนบายยี่สิบสี่ชั่วโมงครับ อีเมล์...”
พิมภากับนันทิกานต์ออกมา
“พี่ภัทร”
ภัทรพลชะงัก ลัลนามองภัทรพลที่ยังยิ้มตาเยิ้ม ลัลนาดูออกว่าภัทรพลสนใจเธอ
“ลัลนา ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
ลัลนาเดินผ่านแล้วขยิบตาให้หนึ่งที ภัทรพลกระตุกเหมือนโดนแผลงศรเข้ากลางใจ มีเซไปเล็กน้อย ลัลนายิ่งเดินยักย้ายส่ายสะโพก ภัทรพลหันมองตามจนคอแทบจะหมุนรอบ มือของพิมภาวางบนไหล่ภัทรพลปึ้ก ภัทรพลสะดุ้งหันมาเจอหน้าพิมภาที่มองอย่างโหด
“พี่ภัทร อย่าบอกนะว่าคิดจะจีบยัยซิลิโคนนั่น”
ภัทรพลอึกอักมองไปทางนันทิกานต์ พิมภามองตาม นันทิกานต์ไม่รู้จะทำยังไง
“ปวดท้อง ไปห้องน้ำก่อนนะ” นันทิกานต์บอกแล้วเดินไปเลย
“ว่ายังไงพี่” ภัทรพลอึกอัก
“ก็ไม่ได้ขนาดนั้นแค่เห็นว่าสวยดี ทำไม มีปัญหาอะไรกันเหรอ”
“ปัญหาไม่ต้องรู้ รู้ว่าศัตรูน้องก็พอ”
ภัทรพลพูดไม่ออก
“จ๊ะ”
“แล้วนี่พี่มากรุงเทพฯ พ่อแม่มาด้วยหรือเปล่า”
“เปล่า พี่แวะมาธุระน่ะ”
“ธุระอะไร” พิมภามองพี่ชายอย่างจับผิด ภัทรพลอ้ำอึ้งแล้วรีบตัดบท
“เรื่องของฉันน่า สายแล้วฉันไปก่อนนะ”
พิมภายังไม่ทันตอบ ภัทรพลก็รีบออกไปทันที พิมภามองตามอย่างสงสัย
พิมภาเดินกลับมาที่โต๊ะเปิดคอมฯ ที่หน้าจอคอมเป็นภาพถ่ายของพิมภาถ่ายรูปกับปราสินียิ้มมีความสุข บางรูปมีนันทิกานต์ด้วย ทำเป็นภาพขึ้นค้างบนหน้าจอไว้ พิมภากดปิดคอมฯ แล้วเปิดลิ้นชักหยิบเอกสารขอจดทะเบียนสมรสขึ้นมานั่งมองคิดหนัก
ฤชวีนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องทำงานกิ่งแก้ว ฤชวีนั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊คแต่สายตากลับมองมือถือในมือตัวเองอย่างเหม่อลอย กิ่งแก้วกำลังจะเดินมาที่ห้องเห็นท่าทางของฤชวี กิ่งแก้วเปิดประตูเข้าไปในห้อง
“ยังไม่โทรมาเหรอต้น”
“อืม สงสัยจะหมดหวังแล้วล่ะกิ่ง”
“คุณพิมอาจจะไม่ได้เบอร์ของต้นก็ได้นะ หรือถ้าได้แล้วไม่โทรก็ไม่แปลก คนเพิ่งเจอกันวันสองวัน ถ้าเขาโทรหาต้น ก็ดูจะง่ายๆ ไป จริงไหมต้น”
ฤชวีมองกิ่งแก้วแล้วยิ้ม
“ขอบใจนะกิ่ง ต้นรู้แล้วว่าจะทำยังไงดี”
ฤชวีกดเปิดหน้าอินเตอร์เน็ตเป็นหน้า Google ฤชวีพิมพ์คำว่า บริษัทเครื่องสำอางนารี แล้วกดsearch
“บริษัทนารี”
“ที่ทำงานคุณพิม”
ฤชวีมีสีหน้ากระตือรือร้น กิ่งแก้วมองยิ้มๆ
นันทิกานต์เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอมองซ้ายกลัวพิมภาจะตามมา แต่พอหันกลับมาก็ตกใจที่เห็นภัทรพลขวางไว้
“แนน”
“เฮ้ย! พี่ภัทร ตกใจหมดเลยพี่ พี่ออกนอกหน้าจนไอ้พิมมันสงสัยแล้วเห็นไหม เกือบทำฉันแย่ไปด้วยอีกคน”
“แกต้องปากแข็งนะ ห้ามบอกเรื่องพี่เด็ดขาด ไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้น”
“เออน่ะ ฉันไม่หาเรื่องใส่ตัวหรอกน่า แต่พี่นะแค่มองก็พอ อย่าสอยมาคู่ เพราะน้ำกับน้ำมันอย่างพิมกับลัลมันเข้ากันไม่ได้”
“ยิ่งยากที่จะรัก พี่ก็อยากจะรัก”
“ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของคนสมัยนี้จริงๆ รู้ว่ายากก็ยิ่งอยากลอง หาเรื่องแท้ๆ”
“สาวหมาไม่มองอย่างแกไม่มีวันเข้าใจหัวใจผู้ชายไม่พ่ายรักอย่างพี่หรอก”
“ไม่ใช่หมาไม่มอง แต่แนนไม่ยอมให้มองต่างหาก เฮอะ อย่าให้หนูหัวเราะนะพี่ เพราะผู้ชายทั้งโลกจะโดนตะปบหัวใจด้วยเสียงหัวเราะของหนู ไม่เชื่อก็...”
ภัทรพลรีบปิดปากนันทิกานต์
“ไม่ต้องเลย” ภัทรพลมองไปทางด้านหลังนันทิกานต์อย่างระแวดระวัง “แนน พี่มีเรื่องให้ช่วย”
นันทิกานต์มองอย่างไม่ไว้ใจ
ลัลนาอยู่ที่ห้องทำงานและเธอกับซูซี่กำลังเสริมสวยกันอยู่ ลัลนาดัดขนตา ซูซี่เห็นแล้วเลียนแบบแต่ท่าจะเวอร์กว่า ลัลนาเปลี่ยนเป็นทาลิปสติก ซูซี่เอามั่งทาแบบท่าเวอร์ใหญ่มาก
“โอ้ย พี่ซูซี่ ปากนะไม่ใช่กำแพงบ้าน ไม่ต้องท่าใหญ่ขนาดนั้นก็ได้”
“ก็พี่อยากเป๊ะเวอร์อย่างน้องลัลนี่คะ ทาแบบนี้มันได้อารมณ์ด้วย”
“อารมณ์เสียน่ะสิ พี่สืบเรื่องอะไรของยัยพิมมาได้บ้าง”
ซูซี่มีหน้าตาตื่นเต้นมาก
“เรื่องที่น้องพิมหยุดงานน่ะค่ะ ข่าววงในว่าคุณสุเป็นคนสั่งอนุมัติกับทางฝ่ายบุคคลเองนะคะ”
“คุณสุจงใจเข้าข้างยัยพิมชัดๆ”
“พ่อน้องลัลถือหุ้นตั้งสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ทำไมน้องลัลไม่ให้พ่อของน้องลัลบีบให้คุณสุออกแล้วก็ดันน้องลัลมาเป็นผู้บริหารซะเองล่ะคะ”
“เป็นไปไม่ได้ พ่อไม่เคยฟังลัลอยู่แล้ว ตั้งแต่คุณสุมารับตำแหน่งผู้บริหารนารีก็ก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าได้ขนาดนี้ ลัลเพิ่งทำงานแค่ห้าปี ไม่มีใครกล้าเสี่ยงกับลัลหรอกค่ะ”
“แต่น้องลัลก็ออกจะมีความสามารถ”
“ถ้าลัลจะทำให้พ่อยอมรับก็ต้องทำให้คุณสุยอมรับให้ได้ซะก่อน ครั้งนี้ลัลจะต้องได้ตำแหน่งผู้จัดการสาขา”
“แต่มันยากนะคะน้องลัล ปีที่แล้ว น้องพิมเพิ่มยอดชนะน้องลัลขาดลอยนะคะ”
“ยิ่งยากยิ่งดี ลัลจะเขี่ยยัยพิมให้กระเด็นออกไปให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม”
มือถือลัลนาดัง ลัลนามองเบอร์ที่โชว์หน้าจอ แปลกใจว่าเบอร์ไม่คุ้น
“สวัสดีค่ะ ลัลนาพูดสายค่ะ” ลัลนากดรับสาย
ภัทรพลคุยโทรศัพท์อยู่หน้าออฟฟิศยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“สวัสดีครับ ผมภัทรพลรูปไม่หล่อแต่พ่อรวยมาก จำได้ไหมครับ”
ลัลนาจำได้แต่ปากบอกอีกอย่าง
“จำไม่ได้หรอกค่ะ”
“ก็คุณอยู่สูงอาจจะไม่เห็นผม ลองมองลงมาข้างล่างสิครับ”
“ข้างล่าง” ลัลนาคิดๆ แล้วเดินไปที่กระจกมองลงไปจึงเห็นภัทรพลยืนอยู่ด้านล่างข้างตึก โบกมือให้ “อ๋อ พี่ชายของพิม มีธุระอะไรคะ”
“ไม่มีครับ แค่อยากได้ยินเสียงน่ะครับ”
ลัลนาทำหน้ารังเกียจแต่ยังหันไปมองยิ้มโปรยเสน่ห์
“เอ่อ ถ้าไม่มีธุระอะไรลัลขอวางนะคะ พอดีมีธุระน่ะค่ะ”
“เดี๋ยวครับ ผมตั้งใจจะโทรมาขออนุญาตครับ”
“ขออนุญาตอะไรคะ”
“ขออนุญาต จีบได้ไหมครับ” ลัลนาถึงกับขนลุก
“ลัลต้องรีบไปแล้ว แค่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ” ลัลนาวางสายทันที ภัทรพลกำหมัดสะใจมาก
“หนึ่งแต้ม โดน”
“พี่ภัทร มุกเสร่อแบบนี้ ยัยลัลไม่ชอบหรอก อย่างยัยลัลต้องเท่ห์ เจ๋ง หรูถึงจะมอง”
“แบบนั้นมันไม่มีสไตล์ แกคอยดูฝีมือพี่รับรองว่าคว้าหัวใจคุณลัลได้แน่”
“ขี้โม้ว่ะพี่ หมดหน้าที่แล้ว” นันทิกานต์แบมือ ภัทรพลส่งแบงค์พันให้หนึ่งใบ “ที่ตกลงกันไว้ไม่ใช่เท่านี้นะพี่ แนนจะไปฟ้องไอ้พิม” นันทิกานต์โวย
“เออๆๆ เอาไป” ภัทรพลส่งแบงค์พันให้อีกใบ
“มันต้องอย่างนี้ แนนไปทำงานก่อนนะ”
“จะไปไหนก็ไปเลย”
นันทิกานต์ออกไป ภัทรพลยังยืนมองหน้าต่างห้องลัลนายิ้มถูกใจ ผิดกับลัลนาที่วางมือถือหน้าตาแบบรังเกียจ
“ใครเหรอคะน้องลัล” ซูซี่ถามด้วยความอยากรู้
“พวกเสร่ออยากเด็ดดอกฟ้าน่ะ ยัยพิม ลัลจะต้องล้างอายวันนี้ให้ได้”
เย็นวันนั้นหลังจากเลิกงานพิมภากับนันทิกานต์กำลังเดินออกจากออฟฟิศ
“เดี๋ยวแวะไปเอาของหน่อยนะ แล้วค่อยไปทำงานต่อที่คอนโดฉัน”
“ไอ้พิม นี่มันเลิกงานแล้วนะ”
“อยากเลิกทำงานด้วยหรือเปล่าล่ะ ฉันจะบอกคุณสุให้”
“โอเค ไม่มีใครตายเพราะงานหรอกเนอะ”
“แต่ถ้าขี้เกียจล่ะตายแน่”
“เออ จะไปก็รีบไปเลย”
พิมภายิ้มแล้วเดินนำนันทิกานต์ไปที่จอดรถ นันทิกานต์ตามเซ็งๆ ขณะนั้นฤชวีเข้ามาจากอีกทาง ฤชวีหยุดมองบริษัทแล้วตัดสินใจเดินเข้าไปในบริษัท
ฤชวีเข้ามาในบริษัทตรงเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์
“ขอโทษครับ ผมมาขอพบคุณพิม brand manager น่ะครับ”
“สักครู่นะคะ” เจ้าหน้าที่กดโทรศัพท์ “มีคนมาขอพบคุณพิมค่ะ ค่ะ” เจ้าหน้าที่วางสายแล้วบอกฤชวี “คุณพิม กลับไปแล้วค่ะ”
ฤชวีผิดหวังเล็กน้อย
“ขอบคุณครับ” ฤชวีเดินออกจากบริษัทแล้วมาหยุดยืนที่หน้าบริษัท “อย่างน้อยก็มาไม่ผิดที่”
ฤชวียิ้มออกมา
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
พิมภาเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วหยิบกรอบรูปออกจากถุงเดินไปวัดๆ กับผนัง นันทิกานต์ตามเข้ามามองอย่างสนใจ
“รูปอะไรเหรอพิม เฮ้ย”
นันทิกานต์ชะงักเมื่อเห็นว่าในกรอบรูปเป็นใบเซ็นขอทะเบียนสมรสที่มีลายเซ็นพิมภาคนเดียว
“มุมนี้ดีไหม”
“ไอ้พิม แกเอาเอกสารขอจดทะเบียนสมรสไปใส่กรอบทำไม”
พิมภาขยับเอากรอบรูปแขวนซะเรียบร้อย
“ก็ของที่ระลึกไง แขวนไว้เตือนตัวเองว่าครั้งหนึ่งฉันเคยโง่แค่ไหน”
“จะดีเหรอพิม แล้วถ้ามีใครมาเที่ยวที่ห้อง พ่อแม่มาเห็นแล้วไม่แสลงใจเหรอแก”
“ไม่หรอก ผิดเป็นครูไงแก แหม ไอ้เรื่องที่เกิดเนี่ย ไม่มีใครรู้เลยเนอะ”
“อืม เหมือนคำที่มีผู้สอนว่า ตนเตือนตน ของตน ให้พ้นผิด ตนเตือนจิต ตนได้ใครจะเหมือน ตนเตือนตน ไม่ได้ใครจะเตือน อย่าแชเชือน เตือนตนให้พ้นภัย แบบนี้ใช่มะ”
พิมภาเหล่มองนันทิกานต์
“เชื่อไหมแนน ถ้ามองแกแค่ที่หนังหน้า ฉันคงไม่คิดว่าแกจะมีความรู้รอบตัวขนาดนี้นะ”
“เพราะดูสวย” นันทิกานต์รับมุก
“ติงต๊องต่างหาก”
“ชมเพื่อนหน่อยก็ไม่ได้” นันทิกานต์ทำหน้าเซ็ง พิมภาโอบไหล่นันทิกานต์ยืนมองเอกสาร
“ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน...”
“อย่าแชเชือน เตือนตนให้พ้นภัย”
“ทำงานกันดีกว่าเนอะ”
“ไหนว่ากลับมาแล้วจะกินข้าวก่อนไงไอ้พิม” พิมภาลากนันทิกานต์ไปที่กองเอกสารที่วางอยู่ที่โต๊ะรับแขก นันทิกานต์พยายามยื้อสุดชีวิตแต่ไม่เป็นผล “ไอ้พิมมม”
อีกด้านหนึ่งที่คอนโดเอกพล เอกพลใส่เฝือกที่คอยืนคุยมือถืออยู่ที่ระเบียง
“ผมโทรตามบัญชีบริษัทคุณตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครรับเรื่องให้ ผมต้องการค่าจ้างงวดสุดท้ายภายในสองวัน” เสียงมือถือโดนตัดไปสาย ตู๊ดๆ ๆ เอกพลหัวเสีย “โธ่เว้ย” ขยับมากไปกระเทือนเฝือก “โอ้ย”
เอกพลเปิดประตูกระแทกปังอย่างหัวเสีย ปราสินีกำลังเดินถือผลไม้ที่ปอกแล้วมาให้ถึงกับสะดุ้ง
“พี่เอกคะ ผลไม้ค่ะ”
เอกพลมองปราสินีแล้วยิ่งอารมณ์เสีย มือปัดจานผลไม้ทิ้ง
“ไม่กิน”
ปราสินีตกใจ ตามมากอดจากด้านหลังพยายามจะประนีประนอม
“ยังทวงเงินจากบริษัทเก่าไม่ได้ใช่ไหมคะ”
เอกพลผลักปราสินีออก
“ก็ใช่น่ะสิ แล้วเงินที่ฉันมีก็หมดไปกับค่างานแต่งงานแล้ว เพราะความโง่ของเธอแท้ๆ ถ้าไม่แหกปากขึ้นมา ป่านนี้ฉันก็ได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาของบริษัทนารีแล้ว ค่าตอบแทนตั้งหลายล้าน หายวับเพราะผู้หญิงโง่ๆ”
“ก็ผู้หญิงโง่ๆ คนนี้ไม่ใช่เหรอคะที่ช่วยพาพี่ไปหายัยพิม ผู้หญิงโง่ๆ ที่ทนให้แฟนตัวเองไปแต่งงานกับคนอื่นเพราะเชื่อว่าจะทำให้อนาคตเขาดีขึ้น เชื่อว่าเขาจะแต่งงานด้วย เชื่อว่าเขามีปลาคนเดียว แต่พี่แต่งงานกับนังเหมียว มีลูกกับมัน พี่โกหกปลา”
“โว้ย ก็ตอนนี้พี่อยู่กับเธอแล้วจะเอายังไงอีก”
“พี่ต้องหย่ากับนังเหมียว หย่ากับมันแล้วมาแต่งงานกับปลา พิสูจน์ให้ปลาเห็นว่าพี่รักปลา”
“รักแล้วจนจะทำอะไรได้ฮะ” เอกพลมองปราสินีอย่างดูถูก “พี่ตกงาน ปลาก็โดนย้าย ถ้าแต่งงานกับพิมป่านนี้ก็มีเงินใช้สบายทั้งเธอทั้งพี่แล้ว”
“ไม่จำเป็นต้องง้อพิม ปลาก็หาเงินให้พี่ได้”
“เงินเดือนผู้ช่วยปลายแถวจะไปพออะไรทั้งค่าสูท น้ำหอม เติมน้ำมัน เธอมีหรือไง” ปราสินีอึ้งไป “เป็นแค่หางแมวคิดจะไปงัดกับหัวเสืออย่างพิม แล้วก็กระเด็นออกมาจากบริษัท โง่ซ้ำโง่ซาก กลับไปเลยไป”
ปราสินีพยายามจะเข้าไปกอด
“พี่เอก”
เอกพลผลักอีก
“ออกไป ไป๊”
ปราสินีร้องไห้เจ็บปวด เอกพลมองอย่างหัวเสียแล้วเดินเข้าห้องนอนไป ปราสินีกำมือแน่น น้ำตาร่วง
“นังพิม นังพิม ฉันต้องชนะแกให้ได้”
ทางด้านพิมภาขณะนั้นใช้มะเขือเทศพอกหน้า ส่วนนันทิกานต์ก็โบ๊ะแตงกวาเต็มใบหน้า พิมภานั่งอ่านเอกสารสีหน้าจริงจังมาก นันทิกานต์นั่งอยู่กับกองเอกสารเหมือนกันแต่ง่วงมากจนตาปรือจะหลับ พิมภาเอาหมอนอิงปาใส่ตัวนันทิกานต์ นันทิกานต์สะดุ้งตื่น
“ไอ้พิม ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว ให้ฉันนอนเถอะนะๆ”
“ไม่ได้ จนกว่าแกทำลำดับสรุปการประเมินพื้นที่ๆ ขายเครื่องสำอางนารีไล่ตามเขตที่มียอดตั้งแต่สูงสุดยันต่ำสุดเสร็จ ภายในสองอาทิตย์นี้ฉันจะลงสำรวจตลาดจะได้วางแผนสู้กับยัยลัลถูก”
“แต่”
“ไม่มีแต่ แกมองเป้าหมายให้สูงไว้สิแนน ถ้าได้ย้ายไปญี่ปุ่น ได้ขึ้นเงินเดือน ได้เลื่อนตำแหน่ง สวย เก่ง เริ่ดอย่างเราเท่านั้นที่คู่ควร”
“แกมีเหตุผลอื่นนอกจาก เหตุผลว่าคุณค่าที่แกคู่ควรใช่มะ”
นันทิกานต์ถามอย่างรู้ทัน พิมภานิ่งไป
“ขอมือหน่อย” พิมภายื่นมือกอกมา นันทิกานต์วางมือบนมือพิมภา แล้วทำลิ้นห้อยหอบใส่
“เว้ย ไอ้พิมเพื่อนนะไม่ใช่หมา”
“ก็แกทำตัวแสนรู้ตลอดนี่”
“หรือไม่จริง”
พิมภาอ้ำๆ อึ้งๆ เสียงมือถือพิมภาดัง พิมภามองแล้วกดรับ
“อยู่บ้านแล้วค่ะพ่อ อยู่กับแนนค่ะ ทำงานกันอยู่ค่ะ” พิมภามองนันทิกานต์ แล้วยื่นโทรศัพท์ไปใกล้ๆ “แนน พ่ออยากได้ยินเสียงแก”
“สวัสดีค่าคุณพ่อ” น้ำเสียงนันทิกานต์ร่าเริงมาก พิมภาคุยสายต่อ
“พ่อจ๋า เดี๋ยวพิมทำงานต่อนะ ค่า สวัสดีค่ะพ่อ” พิมภากดวางสาย
“เดี๋ยวนี้ถึงขั้นขอซาวน์เช็คบรรยากาศรอบตัวแกเลยเหรอ”
“อืม ตั้งแต่มีเรื่องน่ะแหล่ะ ฉันรู้นะว่าพ่อกับแม่รักแล้วก็ห่วงฉัน แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะมากขนาดนี้ ไอ้แนนเอ๊ยตอนฉันเห็นว่าพ่อแม่ร้องไห้เพราะฉันนะ ฉันสาบานกับตัวเองเลยว่าจะไม่มีวันทำให้เขาต้องเสียใจแบบนี้อีก”
“แกคิดถูกแล้ว พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ในบ้าน แกทำน้ำตาเขาหยดหนึ่งแหมะ ตายไปก็พุ่งลงนรกก่อนแน่แก เพราะอย่างนี้ใช่ไหมแกถึงคิดจะเอางานมากู้ความสบายใจของพ่อแม่”
“กู้หน้าฉันเองด้วย หาความสำเร็จมาทดแทนความผิดพลาด แกก็ต้องจริงจังกับงานมากกว่านี้นะแนน ตำแหน่งหน้าที่มันก็เหมือนกระเป๋าแบรนด์เนม ประดับตัวไว้ให้เราดูมีราคา แต่มันดีกว่าที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ ใช้สมองกับสองมือแลกมา”
“และดูฉลาดกว่า แล้วแกประดับไว้ให้ใครดูล่ะพิม”
“ใครก็ได้ที่มองเข้ามา พ่อแม่พี่น้อง เพื่อน เจ้านายและก็คู่แข่ง”
“ชีวิตแกไม่ใช่เรียลลิตี้ไม่ต้องสร้างภาพยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ได้ มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อแข่งขันชิงดีชิงเด่นกับผู้อื่น แต่เกิดมาเพื่อสร้างบุญสั่งสมบารมี”
“สาธุ”
“ฉันว่าแกลองไปปฏิบัติธรรมสักเจ็ดวันกับฉันดีไหม เผื่อแกจะพบสัจธรรม”
“ได้ แต่หลังจากที่ฉันได้เป็นผู้จัดการสาขาที่ญี่ปุ่นก่อนนะ รีบทำงาน ฉันมีเวลาอีกสิบนาทีเพื่อนอนให้ครบตามเวลา หน้าจะได้เด้งสู้ยัยลัลได้ จริงสิแนน เอาโทรศัพท์แกมาสิ”
นันทิกานต์ส่งโทรศัพท์ให้แล้วถามอย่างแปลกใจ
“แกจะทำอะไร”
พิมภารับมามองยิ้มร้าย
“สั่งสอนให้คนมันรู้สำนึกน่ะสิ”
ลัลนานั่งทำงานที่หน้าคอมพิวเตอร์จู่ ๆ มีป๊อบอัพเด้งขึ้นมาว่ามีเมล์ส่งถึงลัลนา ลัลนาเปิดดูแล้วกรี๊ดลั่นจนซูซี่สะดุ้งรีบวิ่งไปดู
“มีอะไรคะน้องลัล” ซูซี่มองที่จอคอมฯ เห็นว่าเป็นภาพลัลนาที่นอนหลับแต่งหน้าน่าเกลียดถูกส่งมา “นี่โดนถ่ายรูปเก็บไว้ด้วยเหรอคะเนี่ย”
“นังพิม”
“วันนี้จัดเต็มมากทั้งฉีกหน้าน้องลัลต่อหน้าคนในออฟฟิศ นี่ถ้าน้องพิมเอารูปน้องลัลลงโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก น้องลัลจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนคะ”
“ไม่ ลัลไม่ยอม”
“ไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้ล่ะคะ”
ลัลนานิ่งคิดเห็นมือถือซูซี่จึงหยิบขึ้นมา
“แค่โดนแกล้งแต่งหน้าสั่วๆ มันคงสู้ของในนี้ไม่ได้หรอกค่ะ”
ซูซี่มองลัลนายิ้มร้ายอย่างพอใจและเข้าใจ
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
เช้าวันต่อมาพิมภากับนันทิกานต์เดินเข้ามาในออฟฟิศแล้วทั้งคู่ก็ต้องชะงักที่เห็นคนยืนมุงดูที่จอทีวีของบริษัทอยู่
“มุงอะไรกันจ๊ะ”
นันทิกานต์ถามขึ้นมา ทุกคนที่มุงหันมาเห็นว่าเดียกับฤทธิ์ก็ยืนอยู่ในกลุ่มด้วย
“พี่พิม” เดียทำหน้าตกใจ
“ทำไมต้องทำหน้าตกใจแบบนั้นด้วย แล้วดูอะไรกันอยู่เหรอ”
“เอ่อ พี่พิมครับ ฤทธิ์มีเรื่องจะปรึกษาพี่ใช่ไหมเดีย”
“ใช่ รีบขึ้นไปที่ห้องกันเถอะค่ะพี่” เดียจะลากพิมภาไป
“เดี๋ยว มีอะไรทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้”
“ไม่มีค่ะ ไปกันเถอะ”
ฤทธิ์จับแขนนันทิกานต์จะดึงไป
“พี่แนน ไปกันเถอะครับ”
“เฮ้ยๆๆ จะลากพี่ทำไม มีอะไร”
เสียงจากโทรทัศน์ดังมา
“พี่เอก” พิมภากับนันทิกานต์มองไปทางจอโทรทัศน์ “ของขวัญวันแต่งงานจอมปลอม ชอบไหมคะผัวขา”
พิมภารีบแหวกคนเข้าไปที่จอทีวี ภาพในจอเป็นภาพคลิปที่เหมียวกับเอกพลกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน
“เฮ้ย”
พิมภาตกใจว่ามาได้ยังไง แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงในทีวีก็ดังต่อเนื่อง
“เรียก รปภ.มาลากผู้หญิงคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้” เอกพลบอกเสียงลนลาน เหมียวชี้หน้าพิมภา
“พี่บอกว่าจะหลอกให้นังนี่พาเข้าทำงานที่ออฟฟิศมันแล้วจะเขี่ยมันทิ้ง ทำไมพี่ถึงมาแต่งงานกับมันแบบนี้ผู้หญิงหน้าด้าน ไม่มีปัญญาหาผู้ชายหรือไงถึงต้องมาแย่งผัวคนอื่นเขา เอาผัวฉันคืนมา” พิมภายืนอึ้ง “ดูซะ นังสมองฝ่อ” เหมียวควักทะเบียนสมรสขึ้นมาโชว์ “พี่เอกจดทะเบียนสมรสกับฉัน เขาแต่งงานกับฉันแล้ว ฉันเป็นเมียคนแรกและคนเดียวของเขา”
“อ๊าย ไม่จริง แกโกหก ฉันต่างหากที่เป็นเมียพี่เอก”
ปราสินีแหกปากตะโกนอย่างสติแตก จากนั้นปราสินีกับเหมียวก็ตบกัน ขณะที่พิมภายืนอึ้งอยู่บนเวที พิมภากับนันทิกานต์ยืนอึ้งกับภาพบนจอทีวีจนภาพมาหยุดที่เอกพลโดนตบตกจากเวที นอนแผ่ดูแล้วอาการหนักไม่น้อย พิมภาเดินตรงเข้าไปหาปราสินี
“เพื่อนทรยศ”
“ปลาไม่ผิด ปลากับพี่เอกเราสองคนรักกันก่อนที่พิมจะเข้ามาแทรก”
“อุ๊บ คดีพลิก ความจริง เจ้าสาวแย่งผัวเพื่อน ตายๆ”
ซูซี่บอกพร้อมกับเดินเข้ามา ทุกคนที่มุงดูทีวีอยู่หันมองพิมภาเป็นตาเดียว
“โอ๊ะๆ ตายแล้ว นี่มันช็อตเด็ดคนดังของพิมนี่จ๊ะ” ลัลนาบอกเสียงดังขึ้นมา พิมภาหันไปทางลัลนาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“เจ้าสาวสุดฉาวแห่งปี ดังกระจาย”
“ไม่ใช่จ๊ะ ต้องเรียกว่าเจ้าสาวเขางอกแห่งปีต่างหาก” จุ๋มจิ๋ม ซูซี่ ลิลลี่ปรบมือให้ แล้วหัวเราะคิกคักอย่างสะใจ “อย่าทำหน้าเหวอแบบนั้นสิจ๊ะ มันน่าสมเพช”
เสียงหัวเราะของกลุ่มลัลนาดังก้อง พิมภาสติขาดต่อยเข้าหน้าลัลนา ลัลนาผงะ
“พิม”
“จมูก จมูกฉัน แกต่อยฉัน”
ลัลนาจะพุ่งเข้าหาพิมภา พิมภาก็ไม่ต่างกันด้วยอารมณ์ที่ขึ้นถึงขีดสุด
“มันก็สมควรกับคนใจสกปรกอย่างเธอแล้ว คิดจะประจานฉันมันก็ต้องแลกกันด้วยแบบนี้”
“แล้วแกแกล้งฉันล่ะ แกสะอาดตรงไหน”
“ตรงที่ฉันไม่เคยเอาศักดิ์ศรีของคนมาเหยียบย่ำ อยากประจาน อยากซ้ำเติมฉันก็เอาเลย คนอย่างพิมภาเดินหน้าแล้วไม่มีวันถอยหลัง”
“พี่จะฟ้องคุณสุ” ซูซี่บอก
“เอาเลย แล้วฟ้องด้วยนะว่าใครที่มันเอาของๆ บริษัทมาใช้ทำเรื่องสกปรกแบบนี้ จะได้รู้กันไปเลยว่าใครที่จะโดนไล่ออก” ซูซี่กับลัลนาชะงัก “มีอะไรจะโชว์อีกไหม จะได้ทีเดียว”
ซูซี่กับลัลนาอึ้งนิ่ง พิมภาหันมองทุกคนที่ยืนดู ทุกคนหลบตาพิมภา พิมภาเดินออกไปทางลิฟต์ นันทิกานต์มองลัลนาอย่างดูถูก
“คนจริงเขาไม่ใช้วิธีสกปรกแบบนี้หรอก”
นันทิกานต์เดินไป
พิมภาก้าวฉับๆ เข้ามาที่หน้าลิฟต์ ลิฟต์เปิด พิมภาเดินเข้าลิฟต์ นันทิกานต์ที่ตามมาทันจะเดินเข้าลิฟต์แต่พิมภายกมือห้ามไว้
“ฉันอยากอยู่คนเดียว”
นันทิกานต์ไม่เซ้าซี้ ยืนมองจนลิฟต์ปิด นันทิกานต์ถอนหายใจสงสารเพื่อน
ซูซี่มองตามนันทิกานต์อย่างเข่นเขี้ยว
“ใช้กำลัง อันธพาลที่สุด” ซูซี่หันกลับมาหาลัลนา “น้องลัลเจ็บ ไหม” ซูซี่ตกใจที่เห็นลัลนายืนอึ้งเห็นเลือดไหลออกจากจมูก “น้องลัล เลือด”
ลัลนาใช้มือแตะเห็นเลือดก็ปาดทิ้ง
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ซูซี่ ทำลายหลักฐานซะ”
ลัลนาสั่งแล้วเดินไป ซูซี่ จุ๋มจิ๋ม ลิลลี่หันไปหาทุกคน
“ถ้าเรื่องวันนี้ใครปากมาก ไม่มีแผ่นดินอยู่แน่ จำไว้”
ซูซี่เดินไป พนักงานจับกลุ่มคุยกัน
“ถือว่าเป็นลูกสาวหุ้นส่วนใหญ่ ทำเป็นขู่”
“เคยมีคนออกเพราะพี่ลัลมาแล้วนะ อย่าไปเสี่ยงนะเธอ”
“สงสารพี่พิมเนอะ”
คนอื่นๆ พากันพยักเพยิดอย่างเห็นด้วย
พิมภาขึ้นมาที่ห้องทำงานแล้วจับหมอนขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วก้มหน้ากรี๊ดดดอย่างเจ็บใจเจ็บปวดที่สุด
พิมภาเงยหน้าขึ้นแล้วเอาหมอนออก ดึงแฟ้มงานมาวางตรงหน้าเปิดทำงานแทนอย่างพยายามเข้มแข็ง
อีกด้านหนึ่งที่ห้องทำงานลัลนา ลัลนาส่องกระจกมองจมูกอย่างพินิจ ไม่โวยวาย ผิดกับซูซี่ที่ยังพล่ามไม่หยุด
“น้องพิมทำกับน้องลัลขนาดนี้ มันเกินไป แบบนี้มันต้องซ้ำ เอาอย่างนี้ไหมคะ โหลดคลิปลงเฟซบุ๊คไหมคะ แท็คให้ทั่วบริษัทเลย คราวนี้น้องพิมฉาวทั่วประเทศแน่ พี่จัดการเลยนะคะ”
ซูซี่หยิบโทรศัพท์มาจะจัดการ ลัลนาคว้าโทรศัพท์มา
“ไม่ต้อง”
ลัลนากดลบคลิปทิ้ง
“น้องลัลลบคลิปทิ้งทำไมคะ อย่าบอกนะคะว่าสงสาร”
“วันนี้คนเห็นทั้งบริษัทว่าเรามีคลิปอันนี้ ถ้าลงเฟซไปยัยพิมจะเล่นงานเราได้นะ พยานรู้เห็นเต็มบริษัท”
“จริงสิ แต่ลบไปแบบนี้น้องลัลก็แพ้สิคะ”
ลัลนาหันขวับตาเขียวใส่ซูซี่ทันที
“คนอย่างลัลจะไม่ยอมแพ้ใคร ลัลต้องชนะอย่างเดียวเท่านั้น”
เย็นวันเดียวกันนั้นฤชวีนั่งพิมพ์นิยายอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ฤชวีพิมพ์ไปพูดไป
“ภูวดลตัดสินใจคว้ากุญแจรถแล้วก้าวออกไปจากห้อง แล้วต้องไปต่อที่ผับ ผับ หน้าผับ”
มิ้นท์เดินเข้ามานั่งตรงหน้าฤชวี
“โอ้ย รถติดแทบตาย เป็นยังไงบ้างพี่เจอคุณพิมของพี่หรือยัง”
“ยังเลย พี่ไปที่บริษัทแต่เขาเลิกงานออกไปก่อนแล้ว”
“ว้า ไม่เป็นไรนะพี่ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น” มิ้นท์บอกแล้วส่งกระเป๋าให้ “นี่เสื้อผ้ากับของใช้ที่พี่สั่ง”
“คุณย่ามาหามิ้นท์หรือยัง”
“พี่ไม่ต้องห่วง มิ้นท์ไม่เปิดปากเรื่องพี่แน่นอนถึงมิ้นท์จะเป็นหลานนอกคอกยังไงคุณย่าก็คงไม่ฆ่ามิ้นท์หรอก”
“แล้วคืนนี้ว่างไหม ไปเที่ยวเป็นเพื่อนพี่หน่อย”
“พี่ต้นจะเที่ยวกลางคืน” มิ้นท์ทำท่าตกใจเวอร์
“ไปหาข้อมูลเขียนนิยาย อยากได้บรรยากาศจะได้เขียนพลิ้วๆ หน่อย”
“มิ้นท์รีบน่ะพี่ พรุ่งนี้มีถ่ายโฆษณาต่างจังหวัด ต้องรีบไปขึ้นรถตู้แล้ว”
“แล้วมีร้านแนะนำไหม”
“อืม ถัดไปอีกสามซอยจากบ้านเรามีผับอยู่ ก็ดูโอเคนะ มิ้นท์ไปก่อนนะพี่”
“ดูแลตัวเองด้วย”
มิ้นท์โบกมือแล้วรีบออกไป
พิมภาทิ้งตัวเอนไปกับเก้าอี้บิดขี้เกียจอย่างเซ็งๆ นันทิกานต์เดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารมาวางตรงหน้าพิมภา
“ฉันนัดลูกค้าให้แล้วนะ” นันทิกานต์ส่งกระดาษจดชื่อผับให้ “ที่นี่ สองทุ่ม”
“แกต้องไปกับฉันอยู่แล้วนี่”
“ก็ฉันมีธุระ เอาน่า แกไปรับหน้าก่อน ฉันเสร็จธุระจะรีบตามไป โอเค๊”
“อืม”
นันทิกานต์เดินออกไป พิมภาเก็บของเตรียมกลับ
พิมภาเดินออกมาจากลิฟต์แล้วชะงักที่เห็นลัลนากับซูซี่แต่งตัวสวยเริ่ดมาเชียว พิมภาไม่มีอารมณ์จะทะเลาะด้วยจึงพิมภาจะเดินไปอีกทาง แต่ซูซี่กับลัลนาหัวเราะเยาะอย่างตั้งใจ พิมภาหันมอง ลัลนายิ้มเยาะเหยียดหยามเต็มที่พิมภากำมือแน่นด้วยความแค้น
พิมภาทุบพวงมาลัยรถอย่างแค้นๆ ขณะขับรถอยู่บนถนน
“เอกพล ฉันต้องเป็นตัวตลกเพราะแกคนเดียว” พิมภามองที่หน้าคอนโซลเห็นนาฬิกาเป็นเวลา 19.50 น. “ทำงาน ทำงาน”
พิมภาสูดลมหายใจลึกๆ พิมภาชะลอรถเมื่อเห็นหน้าผับที่มีคนเดินเข้าออก เสียงดนตรีดังออกมา พิมภาเลี้ยวเข้าไปที่ลานจอดรถของผับ
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
พิมภาเข้ามานั่งเซ็งในผับบนโต๊ะมีแก้วเปล่าวางอยู่หนึ่งแก้ว พนักงานเข้ามาพร้อมกับเมนูเครื่องดื่ม
“รับอะไรเพิ่มไหมครับ”
“พั้นช์เหมือนเดิมอีกแก้วนะ” พนักงานออกไป พิมภามองนาฬิกาข้อมือ “ อืม จะสามทุ่มแล้วทำไมยังไม่มาอีก” พิมภากดโทรศัพท์หานันทิกานต์ “ฮัลโหล แนน ลูกค้านัดสองทุ่มไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่มา...ยกเลิกเหรอ เขาป่วยกะทันหันแล้วทำไมแกไม่โทรบอกฉัน แล้วนี่แกจะถึงหรือยัง” พิมภาทำหน้าไม่พอใจ “อยู่โรงพยาบาลเหรอ แกเป็นอะไร!..เพื่อนป่วย หนักไหม งั้นแกก็อยู่ดูเพื่อนเถอะ เดี๋ยวฉันกลับเลยดีกว่า บาย” พิมภาเรียกพนักงาน “เช็กบิลจ๊ะ”
พิมภาเดินมาที่รถตัวเองเห็นรถถูกจอดขวาง พิมภามองๆ หา พนักงานรับรถเดินมา
“รอแป๊บนะครับพี่” พนักงานพยายามจะดันรถออกไปแต่รถถูกเข้าเบรกมือไว้ ดันเท่าไหร่ก็ไม่ไป “รถขึ้นเบรกมือไว้ครับพี่”
“ตามเจ้าของรถให้พี่ได้ไหม”
“เอ่อ สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมให้ดีเจประกาศให้”
พนักงานวิ่งไปหายไปพักใหญ่กว่าจะวิ่งกลับมาหาพิมภาที่ยังยืนรออยู่
“หาไม่เจอครับพี่ ประกาศแล้วก็ไม่มีใครออกมาครับ”
พิมภาเริ่มหงุดหงิด
“แล้วจะทำยังไง”
“คงต้องรอจนผับเลิกน่ะครับ ขอโทษจริงๆ ครับพี่”
“ไม่เป็นไร น้องพยายามแล้วนี่ เอาอย่างนี้ พี่ไปรอในร้านนะ ถ้าเจ้าของรถมาเมื่อไหร่ไปตามพี่ด้วยนะ”
“ครับพี่”
พิมภาเดินเซ็งกลับเข้าไปในร้าน
พิมภาเดินเข้ามาภายในผับสีหน้าเซ็งสุดขีด เธอเดินมานั่งมุมด้านในที่ใกล้กับกลุ่มบอย,บีมกับเป้ยที่กำลังเล่นดาร์ท (ปาลูกดอก) พนักงานเข้ามาหาพิมภา พิมภาจิ้มที่เมนู
“งั้นเอานี่นะ”
เสียงโวยวายดังมาจากกลุ่มที่เล่นดาร์ท พิมภานั่งมองไปพลางๆ เพื่อฆ่าเวลา
ฤชวียังอยู่ที่ร้านกาแฟ ฤชวีง้างมือเหนือคีย์บอร์ดโน้ตบุ้ก ง้างแล้วพิมพ์แล้วก็หงุดหงิดเพราะคิดไม่ออก ฤชวีมองนาฬิกา
“ให้มันเห็นๆ กันไป”
ฤชวีคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากร้านไป
พิมภานั่งดื่มเครื่องดื่มอย่างเซ็งๆ พลางมองนาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลา 22.00น. พิมภามองที่หน้าประตูอย่างใจจดใจจ่อ
“อย่าบอกนะว่าต้องรอผับเลิก” พิมภาดื่มอย่างหงุดหงิด “ไม่รอแล้ว”
พิมภาจะลุกไป จู่ๆ เป้ยก็เข้ามา เป้ยมองไปรอบๆ แล้วหันมาหาพิมภา
“พี่คะ พี่ช่วยเป้ยหน่อยได้ไหมคะ”
“ช่วย”
“เป้ยปาสู้พี่เขาไม่ได้ พี่เขาต่อให้เป้ยหาคนมาช่วย พี่ช่วยเป้ยนะคะ”
“แต่พี่ พี่ ไม่มั่นใจนะว่าจะปาแม่น”
“สองรุมหนึ่งยังไงก็ชนะแน่ ช่วยเป้ยหน่อยนะคะ” พิมภาอึกอัก แต่ก็ยอมขึ้นมาปาลูกดอก ปรากฏว่าเข้าช่องสีแดง “เก่งจังเลยค่ะพี่” เป้ยบอกอย่างดีใจแล้วหันไปหาบีม “พี่บีมแพ้แน่ๆ”
“เอ่อ พี่ว่ามันดึกแล้วพี่จะขอตัว” พิมภาบอก
“อย่าเพิ่งสิคะพี่ตอนนี้นำสามสองแล้วขออีกสองดอกนะคะพี่ นะคะ” เป้ยคะยั้นคะยอ
“ก็ได้จ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวหนูเลี้ยงเครื่องดื่มพี่เองนะคะ น้องๆ” เป้ยหันไปเรียกพนักงาน
“ไม่ต้องหรอกจ๊ะ พี่”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ พี่ดื่มอะไรคะ”
พิมภาจำต้องรับ
“หิมาลายาพั้นช์จ๊ะ”
“หิมาลายาพั้นช์แก้วนึง”
“ครับ”
บีมรับลูกดอกมาปาแต่ไม่เข้า เป้ยส่งเสียงเย้ยๆ พนักงานถือแก้วเครื่องดื่มมาวาง บอยขยับไปสะกิดเป้ย บีมขยับเข้าไปส่งลูกดอกให้พิมภา เป้ยเข้าไปชวนคุยดึงความสนใจพิมภาไว้ บอยขยับมาที่แก้วเครื่องดื่มพิมภาแล้วจัดการใส่ยาลงในแก้วแล้วคนให้ละลาย
พิมภาปาแล้วเข้าเป้า เป้ยส่งเสียงดีใจ บอยส่งแก้วเครื่องดื่มให้เป้ย เป้ยเอาแก้วเครื่องดื่มไปให้พิมภา
“สู้ๆ ค่ะพี่”
เป้ยคะยั้นคะยอส่งเครื่องดื่มให้พิมภา พิมภาจะไม่รับ แต่เป้ยยิ่งคะยั้นคะยอจนพิมภาต้องรับเครื่องดื่มมาดื่ม บอยกับบีมมองพิมภายิ้มอย่างพอใจ พิมภาวางเครื่องดื่มแล้วรับลูกดอกจากเป้ยมาเตรียมจะปา
ขณะนั้นฤชวีเดินเข้ามาที่หน้าผับซึ่งเป็นผับเดียวกับพิมภา ฤชวีเดินเข้าไปด้านใน พอเข้ามาด้านในฤชวีจะหาที่นั่งแต่โดนผู้หญิงที่ถือเครื่องดื่มหันมาชนจนเครื่องดื่มหกใส่แขนฤชวี
“ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ฤชวีมองหาทางไปห้องน้ำเพื่อล้างแขน
ฤชวีเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วเปิดน้ำล้างมือล้างแขน ขณะนั้นบอยกับบีมกำลังยืนฉี่อยู่
“สวยขาวขนาดนี้ จะไม่ไหวแล้วนะเว้ย”
“อีกสักพักก็น่าจะร่วงแล้วนะ รอยาออกฤทธิ์หน่อย ยังไงคืนนี้ ได้ทั้งคืนแน่”
บอยกับบีมหันหน้ามาล้างมือ ฤชวีมองหน้าบอยกับบีม บอยกับบีมล้างมือแล้วออกไป
พิมภาปาลูกดอกเข้าเป้า เป้ยดีใจ
“แม่นมากค่ะพี่”
พิมภาหันมายิ้มแล้วชะงัก ยาเริ่มออกฤทธิ์ พิมภาเริ่มเซและเห็นหน้าของเป้ยเริ่มซ้อนๆ บอย บีมกับเป้ย มองสบตากันยิ้มพอใจ
“คุณครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“พี่คะ”
พิมภาโบกมือไม่เป็นไรแต่ลิ้นเริ่มพันกัน
“ไม่ ไม่เป็นไร” พิมภาพยายามกระพริบตาไล่ให้หายมึน
“ยาออกฤทธิ์แล้วเว้ย” บีมบอกกับบอยแล้วหันไปพูดกับพิมภา “ชนกันหน่อยไหมครับ”
“ไม่แล้ว ฉัน”
พิมภาเซจนมือไปปัดแก้วเครื่องดื่มหล่นลงจากโต๊ะจนหกใส่ตัวเอง
“อุ้ย เปียกหมดแล้วค่ะพี่”
บอยกับบีมพยายามเข้าประคองพิมภา
“เดี๋ยวผมพาไปเปลี่ยนเสื้อนะ ไปกันไป”
“ไปเป็นไร ไม่” พิมภาจะขัดขืนแต่ไม่มีแรง
ขณะนั้นฤชวีมองไปรอบๆ แล้วสายตามาหยุดที่บอยกับบีมที่กำลังจะพาพิมภาออกไป ฤชวีมองบอยกับบีมอย่างจำได้แล้วมองเลยไปเห็นเป็นพิมภาที่ถูกประคองออกไปโดยมีเป้ยเดินนำออกไปที่ประตู
“คุณพิม”
ฤชวีตกใจหยิบเงินวางแล้วรีบตามออกไป
ฤชวีวิ่งตามออกมาหน้าผับแต่ไม่เห็นพิมภา ฤชวีมองซ้ายมองขวาแล้วตัดสินใจวิ่งไปทางซ้าย ฤชวีวิ่งผ่านซอยแล้วชะงักที่เห็นว่าในซอยด้านซ้ายมีหญิงคนหนึ่งเปิดประตูรถ บอยกับบีมพยายามพาพิมภาขึ้นรถ พิมภาโวยวายแบบเมาๆ
“จะกลับบ้าน ง่วงนอน”
“เร็วสิพี่ เดี๋ยวคนก็สงสัยพอดี”
เป้ยบอก ฤชวีรีบวิ่งเข้าไป
“ปล่อยผู้หญิงเถอะครับ”
“เฮ้ย นี่เด็กผม อย่ายุ่ง” บอยบอก
“ปล่อย ผู้หญิง”
ฤชวีเสียงเข้มขึ้น บอยกับบีมมองฤชวีที่ไม่ยอมถอยอย่างเอาเรื่อง ฤชวีมองเข้มไม่ยอมถอยแน่นอน
บอยกับบีมยังไม่ยอมปล่อยพิมภา
“เสียงดังอยู่ได้ ง่วงนอน”
พิมภาบอกเสียงดัง ฤชวีเดินเข้าไปดึงพิมภาออกมา บอยไม่พอใจ
“จะมาฉกกันไปง่ายๆ ได้ไงวะ”
บอยจะต่อยฤชวีแต่ฤชวีโยกหลบแล้วถีบสวนบอยพร้อมกับดึงพิมภามากอดไว้ บีมจะตามเข้าไปเล่นงานฤชวี ฤชวีจับพิมภาให้ออกห่างแล้วหันมาต่อยสวน บอยกับบีมจึงเข้ารุมฤชวีแต่ฤชวีแข็งแรงกว่าจัดการทั้งสองคนลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ บอยลุกขึ้นเปิดรถแล้วคว้าปืนออกมา
“แน่นักหรือมึง”
“ตำรวจ ทางนี้ครับทางนี้”
เสียงพนักงานของผับดังเข้ามา บอยกับบีมชะงักหันไปมองจึงเห็นพนักงานรับรถกำลังตะโกน เป้ยแตกตื่นก่อนเพื่อน
“ตำรวจ”
เป้ยวิ่งไปทันที
“พี่บอย คุกนะเว้ย”
บีมบอก บอยเห็นท่าไม่ดีตัดสินใจถอยขึ้นรถ บีมกระโดดขึ้นตาม บอยขับรถออกไป พนักงานรับรถวิ่งมาหาฤชวี
“เป็นยังไงบ้างพี่”
“ไม่เป็นไร ขอบใจนะ”
“ง่วงนอน จะกลับบ้าน”
ฤชวีหันไปเห็นว่าพอพิมภาพูดจบก็ร่วงลงกับพื้นทันที ฤชวีตกใจรีบเข้าไปรับไว้แล้วพยายามเรียกพิมภา
“คุณพิมครับ คุณพิม”
“ผมกำลังจะไปบอกพี่เขาเลยว่า รถที่จอดขวางเขาไปแล้ว” พนักงานชี้ไปที่รถพิมภา
“เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“ครับ”
รถอีกคันขับเข้ามา พนักงานรีบไปโบกรถให้ไปจอดอีกทาง
“ง่วง จะกลับบ้าน”
“ครับๆ แล้วบ้านคุณอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่โน้น” พิมภาชี้มั่ว ฤชวีมองอย่างหนักใจ
“เอาไงล่ะเนี่ย”
ฤชวีมองที่กระเป๋าพิมภา ฤชวีนิ่งคิดแล้วตัดสินใจเปิดกระเป๋าเห็นกุญแจรถกับกระเป๋าที่มีคีย์การ์ด หน้าคีย์การ์ดบอกสถานที่ชื่อคอนโด ฤชวีมองแล้วตัดสินใจ
ฤชวีตัดสินใจพาพิมภามาส่งที่คอนโด ฤชวีอุ้มพิมภาเข้ามาในคอนโด สุวิทย์เปิดประตูรับ
“กรุณาแลกบัตรด้วยครับ คุณพิม” สุวิทย์มองฤชวีอย่างไม่ไว้ใจ “ไม่ทราบคุณเป็นใครครับ”
“ผมเป็นเพื่อนกับคุณพิมครับ คุณพิมไม่ค่อยสบาย ช่วยไปเปิดประตูให้ผมหน่อยได้ไหม”
“แต่ผมว่า...” สุวิทย์อึกอัก พิมภาโวยวายขึ้นมา
“เร็วๆ สิ กลับห้อง”
“ครับๆ ทางนี้ครับ”
สุวิทย์รีบนำไปที่ลิฟต์
สุวิทย์เปิดประตูห้องพิมภาให้ ฤชวีอุ้มพิมภาเข้ามาในห้อง
“ผมวางคีย์การ์ดไว้ตรงนี้นะครับ” สุวิทย์วางคีย์การ์ดที่โต๊ะ
“ขอบคุณครับ”
“เอ่อ ขอโทษนะครับ รบกวนแลกบัตรไว้สักหน่อยได้ไหมครับ ผมต้องทำตามหน้าที่น่ะครับ”
“ได้สิครับ” ฤชวีหยิบกระเป๋าตังค์แล้วส่งบัตรประชาชนให้
“ขอบคุณครับ”
สุวิทย์รับบัตรประชาชนแล้วออกไป พิมภาดิ้นๆ
“ปล่อยเซ่ ปล่อย”
ฤชวีวางพิมภาจะให้ยืนแต่พิมภาทิ้งตัวลงนอนกับพื้น
“คุณพิม ไปนอนที่เตียงสิ คุณพิม”
ฤชวีประคองพิมภาขึ้นมาแต่พิมภาดิ้นจนฤชวีสะดุดล้มไปนอนหงายกับพื้นแล้วพิมภาก็ล้มทับฤชวี พิมภาลืมตาขึ้นมองฤชวีสองสายตาประสานกัน ฤชวีชะงักทำอะไรไม่ถูก พิมภาค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้เหมือนจะจูบ ฤชวีเคลิ้มมองนิ่งไม่ปัดป้อง
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
เช้าวันรุ่งขึ้น พิมภานอนอยู่บนโซฟาค่อนข้างหมิ่นเหม่จะหล่นอยู่แล้ว พิมภาพลิกขยับตัวหันหน้าออกจากโซฟา ทำให้ร่างพิมภาหล่นลงมาที่พื้นข้างโซฟาซึ่งมีร่างฤชวีนอนอยู่ ปึ้ก!
“โอย”
พิมภายังไม่ลืมตาแต่พลิกตัวอีกครั้งไปทางด้านขวา มือพิมภาที่เหวี่ยงตามมาวางแทนที่จะเป็นพื้นกลับเป็นแผ่นอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ทันทีที่มือของพิมภาวางโดนแผ่นอก พิมภาใช้มือลูบๆ อย่างแปลกใจ พิมภาลืมตาอย่างยากลำบาก พยายามปรับโฟกัสสายตาจึงเห็นมือตัวเองวางอยู่บนแผงอกของผู้ชาย
“หืม”
พิมภามองเลยขึ้นมาจนเจอกับหน้าของฤชวีที่พลิกหน้าหันมา ฤชวีพลิกหน้าหันมาแล้วลืมตาอย่างงัวเงียเห็นพิมภาที่จ้องอยู่ ทันใดนั้นพิมภาแหกปากร้องลั่น
“ว้าย!” พิมภาผุดลุกขึ้นทันที “ คุณต้น” พิมภามองฤชวีที่ตอนนี้เปลือยท่อนอกอยู่ ตาวาวนิดหน่อยเพราะไม่เคยเห็นท่อนอกล่ำๆ ระยะประชิด “ทำไมคุณ...”
สายตาพิมภาค่อยๆ แสดงกระบวนการคิดในหัว ฤชวีเดาได้ว่าพิมภากำลังคิดลึก
“คุณพิม ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะครับ”
พิมภาจับผิดทันที
“คุณรู้ว่าฉันคิดอะไร? ถ้าไม่ได้ทำอย่างที่ฉันคิด แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าฉันคิดอะไร” พิมภาตาโตสรุปเองเสร็จ “แสดงว่าคุณข่มขืนฉัน”
ฤชวีงงกับตรรกะของพิมภา แต่ก็พยายามจะไกล่เกลี่ย
“คุณพิม ผมไม่ได้ เอ่อ...” ฤชวีกระดากที่จะพูดแต่ก็ต้องพูด “ข่มขืนคุณนะ”
พิมภาอารมณ์ขึ้นทันที
“ไม่ได้ข่มขืน จะบอกว่าฉันสมยอมงั้นเหรอ คุณนี่มัน...ฉันอุตส่าต์คิดว่าคุณเป็นคนดี อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ”
พิมภาผลักอกฤชวี ผลักไปด่าไปด้วยความโกรธ โดยไม่ทันรู้ตัวว่าพิมภาเองที่เป็นฝ่ายรุกไล่เข้าไปใกล้ฤชวี ฤชวีไม่รู้จะเถียงพิมภายังไงนอกจากส่งสายตามองมือพิมภาว่าพิมภานั่นแหละที่เป็นฝ่ายเข้ามาใกล้เขา พิมภาก้มดูมือตัวเองที่ยังผลักอกฤชวีคาอยู่ ฤชวีตัดสินใจจับมือพิมภารวบไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย พิมภายิ่งตกใจ
“คุณพิม ผมขอล่ะ ขอ”
“ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ออกไปให้พ้นนะ ไม่ต้องมาขออะไรฉันทั้งนั้น ฉันไม่ให้” พิมภาสะบัดมือหลุดจากฤชวี แล้วตัดสินใจร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
พิมภาร้องเสียงดัง ฤชวีเห็นว่าจะไปกันใหญ่รีบเข้าไปรวบตัวพิมภาปิดปากไว้ไม่ให้ร้อง พิมภายิ่งตกใจ
“คุณพิม ฟังผมก่อน” น้ำเสียงที่สุภาพของฤชวี ทำให้พิมภารู้สึกอุ่นใจแปลกๆ พิมภาแผ่วลง ฤชวีค่อยๆ พูดให้พิมภาใจเย็นลง “เดี๋ยวผมจะปล่อยคุณ แต่คุณต้องใจเย็นนะ”
พิมภาพยักหน้ารับอย่างเชื่องลง ฤชวีปล่อยพิมภา แต่ทันทีที่ฤชวีปล่อยมือ พิมภาก็โวยวายอีก
“คุณนี่มันจิตวิทยาสูงมาก คิดว่าฉันจะตายใจเหรอ ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
“คุณพิม” ฤชวีเดินเข้ามาหา
“อย่าเข้ามานะ”
พิมภาลนลานที่เห็นฤชวีเข้ามาใกล้อีก กระโดดไปอยู่หลังโซฟาใช้โซฟาเป็นเหมือนบังเกอร์ป้องกันตัว แล้วก็ผลุบหายไปหลังโซฟา ฤชวีเห็นพิมภาหายไปจึงค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ จังหวะที่ฤชวีเข้าไปใกล้และชะโงกดูที่หลังโซฟา พิมภาโผล่ขึ้นมาพอดี ทั้งคู่ตกใจ พิมภาคว้าของที่อยู่ใกล้มือทั้งหมอนอิง กล่องทิชชู่เขวี้ยงใส่ฤชวีอย่างไม่คิดชีวิต ฤชวีพยามหลบพัลวัล
“อย่าทำอะไรฉันนะ ฉันยอมสู้ตาย”
“ผมไม่ได้ข่มขืนคุณนะครับ”
“ฉันไม่เชื่อ ทั้งถอดเสื้อ นอนในห้องฉัน ไม่ได้ข่มขืนแล้วจะทำอะไร”
พิมภายังควานหาของใกล้มือเขวี้ยงใส่ฤขวีอย่างบ้าคลั่ง ฤชวีตัดสินใจตะโกน
“ผมไม่ได้ข่มขืนคุณ เราแค่...” พิมภาคว้ากรอบรูปปาเข้ากลางหน้าผากฤชวี ฤชวีเจ็บแต่ยังพยายามเสียงดัง“จดทะเบียนกัน”
ฤชวีทรุดตัวลงเพราะความเจ็บ
“อะไรนะ”
“คุณบังคับให้ผมเป็นสามีคุณ”
พิมภาถึงกับช็อก
พิมภาเดินเข้าหาฤชวีที่ยังทรุดอยู่ด้วยความเจ็บเพราะฝีมือการขว้างของพิมภา ฤชวีเห็นว่าพิมภาเดินเข้ามา ขยับหนีนิดหน่อยพอให้ไม่น่าเกลียดแต่ก็ปลอดภัยสำหรับตัวเอง พิมภายังไม่ค่อยเชื่อที่ฤชวีบอก
“ฉันเนี่ยนะบังคับให้คุณเป็นสามีฉัน”
ฤชวีดีใจที่พิมภาถามเหมือนให้โอกาสอธิบาย ขยับเข้าไปใกล้
“จริงๆ นะครับ”
“พูดเฉยๆ ไม่ต้องเข้ามาใกล้” พิมภาเอาไม้ชี้ให้ฤชวีขยับออกไป ฤชวีขยับหนีนิดนึง
“เอางี้คุณพิม ผมสาบานก็ได้”
“กุเรื่องพอรึยัง คุณเห็นฉันเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวอยู่คนเดียว จะกุเรื่องอะไรขึ้นมาแบล็คเมล์ฉันก็ได้ใช่มั้ย ฉันไม่ได้บ้าเที่ยวไปจดทะเบียนสมรสกับใครมั่วซั่วนะ” พิมภาบอกอย่างมั่นใจมาก ฤชวีชักสุดทนกับอาการคิดเองเออเองของพิมภาจึงไปหยิบเอกสารที่วางบนโต๊ะกินข้าวมาส่งให้พิมภาดู “ส่งมา แต่ไม่ต้องเข้ามาใกล้” พิมภารับเอกสารมาดู เห็นว่าเป็นเอกสารขอจดทะเบียนสมรส พิมภาตาวาวตกใจ “เอกสารขอจดทะเบียนสมรส”
“ผมกับคุณ เราเซ็นเอกสารแล้ว”
พิมภาเห็นว่ามีลายเซ็นของฤชวีกับพิมภาฤชวีอยู่ในเอกสาร พิมภาหันมองที่ผนังที่เคยแขวนเอกสาร คิดไปไกลอีก
“คุณใช้เวลาสืบอยู่นานเท่าไหร่ถึงรู้ว่าฉันเก็บเอกสารสำคัญแบบนี้ไว้ที่ไหน นี่ นี่ คุณจับตาดูฉันอยู่นานแล้วใช่มั๊ย”
“เอกสารนี่คุณแขวนหราไว้ที่ผนัง แล้วคุณก็เป็นคนบังคับให้ผมเซ็น”
“ถ้าทำแบบนั้น ฉันไม่บ้าก็เมาแล้ว”
“ครับ เมื่อคืนคุณเมามาก”
“ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ ฉันจะเมาได้ยังไง” พิมภาโวยทันที
“คุณโดนหยอดยาในเครื่องดื่ม”
“อะไรนะ” พิมภาตาโต
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
“เมื่อคืนนี้คุณไปที่ผับแล้วก็โดนหยอดยาทำให้เมาจนเกือบโดนพาไป ผมช่วยคุณไว้”
“โกหก”
“งั้นลองคิดสิครับว่าคุณจำอะไรได้เป็นครั้งสุดท้าย”
“ฉันเล่นปาลูกดอก แล้วน้องผู้หญิงก็เอาพั้นช์มาให้ฉัน แล้วฉันก็...” พิมภาคิดทวทวนเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วอึ้งไป
“คำพูดของผมเป็นเหตุเป็นผล ตรงกับความจริงไหม” ฤชวีเห็นพิมภานิ่งไปก็ยิ้มออกมา “เข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น”
พิมภามองฤชวีที่ยังถอดเสื้อ คว้าไม้ขึ้นมาอีก
“อ๋อ นี่เป็นแผนนายใช่ไหม จ้างคนมาวางยาฉันแล้วก็คิดจะมาปล้นสวาทของฉัน”
“ปล้น เฮ้ย ทำไมคุณไม่เข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างเลยครับ ผมไม่ได้ล่วงเกินคุณเลย”
“ไม่ล่วงเกินแล้วมาเดินถอดเสื้อในบ้านฉันทำไม ไอ้บ้ากาม” ฤชวียกมือห้าม
“หยุดฟุ้งซ่านครับ แล้วดูในกระจกว่าคุณยังใส่ชุดเดิมเมื่อวาน ถูกต้องไหม” พิมภามองกระจกที่ติดในห้องแล้วอึ้ง
“ถูก แต่นายอยู่ในห้องฉันถอดเสื้อแล้วก็...”
“ตั้งสติครับ หายใจลึกๆ สำรวจเลยครับว่าตัวคุณรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ถ้าผมทำอะไรคุณ คุณต้อง...รู้สึก...ต้องมีร่องรอย” พิมภาหยุดคิดวิ่งเข้าไปในห้องแป๊บนึงแล้วเดินออกมาหน้าเจื่อนๆ “มีอะไรผิดปกติไหมครับ”
“ไม่มี”
ฤชวีกดดันแบบยิ้มๆ
“ใช่ไหม”
“โอ้ย อย่ามากดดันฉันนะ แล้วไอ้เอกสารเนี่ยนายเซ็นทำไมคิดจะแบล็กเมล์ฉันใช่ไหม”
“ผมจะทำให้ยุ่งยากทำไม ถ่ายรูปคุณตอนน่าเกลียดๆ ซะก็จบ”
“รูปน่าเกลียด” พิมภายกมือกอดตัวเองคิดไกลอีกแล้ว “นี่นาย”
“ผมแค่ยกตัวอย่างมาอธิบาย ไม่ได้คิดจะถ่ายรูปคุณตอนน่าเกลียด เคลียร์นะ และถ้าผมคิดจะทำอะไรคุณจริงๆ” พิมภาเหลือบตามองฤชวีอย่างไม่ไว้ใจอีก ฤชวีจึงพูดต่ออย่างรู้ทัน “อันนี้ก็ยกตัวอย่างเหมือนกัน ถ้าผมคิดจะทำอะไรคุณจริงๆ ผมจะทนให้คุณตีเอาตีเอาทำไมครับ คุณก็ตัวนิดเดียว ผมล็อคมือคุณ ปิดปาก แล้วก็รวบหัวรวบหาง...”
“หยุด” ฤชวีชะงัก “ที่พูดมาทั้งหมดแค่ยกตัวอย่างใช่มั้ย”
“ครับ”
“อธิบายซะเห็นภาพ”
ฤชวีแอบอมยิ้มชอบใจที่พิมภาก็มีมุมเปิ่นๆ
“คุณพิมพร้อมจะฟังผมแล้วใช่มั้ยครับ”
น้ำเสียงของฤชวีฟังดูอบอุ่นและมีพลังอย่างประหลาดพอที่จะหยุดพิมภาได้แล้วในตอนนี้
“ก็เล่ามาสิ”
“เมื่อคืนผมพาคุณกลับมาที่นี่”
ฤชวีเริ่มเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ เมื่อเขาพาพิมภาเข้ามาในห้อง
“ปล่อยเซ่ ปล่อย”
พิมภาดิ้น ฤชวีวางพิมภาจะให้ยืนแต่พิมภาทิ้งตัวลงนอนกับพื้น
“คุณพิม ไปนอนที่เตียงสิ คุณพิม”
ฤชวีประคองพิมภาขึ้นมาแต่พิมภาดิ้นจนฤชวีสะดุดล้มไปนอนหงายกับพื้น แล้วพิมภาล้มทับฤชวี พิมภาลืมตาขึ้นมองฤชวีสองสายตาประสานกัน ฤชวีชะงักทำอะไรไม่ถูกเมื่อพิมภาค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้เหมือนจะจูบ ขณะที่พิมภาขยับเข้ามาใกล้ทันใดนั้น
“อุ๊บ อุ๊บ อ๊วก” ฤชวีพลิกหน้าหลบอย่างทันท่วงที พิมภาอ้วกแบบจัดเต็มเข้าที่อกและไหล่ของฤชวี “อุ๊ย ขอโทษ ไม่โกรธกันนะ”
พิมภาจะปัดทำความสะอาดไหล่ให้ฤชวี ฤชวีจับมือพิมภาไว้
“อย่าครับ มันเลอะ”
“ฉัน”
พิมภาทรุดตัวลงไปอีกด้านหลับซะงั้น
“คุณพิมครับ คุณพิม”
แต่พิมภาหลับไม่สนใจ ฤชวีจะอุ้มพิมภาขึ้นนอนบนโซฟาแต่กลัวพิมภาจะเลอะจึงตัดสินใจถอดเสื้อที่เปื้อนออกก่อน หลังจากนั้นฤชวีอุ้มพิมภาอย่างพยายามจะล่วงเกินให้น้อยที่สุดแล้วเอาตัวพิมภาไปวางบนโซฟา แล้วมาจัดการทำความสะอาดที่พื้น รวมทั้งเก็บกวาดเศษกระจกใส่ถังเรียบร้อย
ฤชวีเอาอ่างน้ำมาวางใช้ผ้าเช็ดหน้าบิดแล้วเช็ดหน้าให้พิมภาอย่างทะนุถนอม แต่พิมภาป่ายปัดอย่างรำคาญ
“เย็น อื้อ รำคาญ น้ำ หิวน้ำ” ฤชวีเอาแก้วน้ำเปล่ามาจ่อที่ริมฝีปากพิมภา พิมภาเหมือนรู้สึกตัวตื่น แต่ตายังขวาง “แน้ จะเอาอะไรให้ฉันดื่ม บอกไว้ก่อนนะ ถ้าคิดจะวางยาฉัน ไม่มีทางฉันไม่ได้โง่อย่างที่คุณคิดนะ”
ฤชวียิ้มอย่างเอ็นดู
“ดื่มน้ำหน่อยนะครับ”
“เอ๊ะ บอกแล้วว่าฉันไม่โง่ คุณดื่มก่อน ถ้าไม่มีพิษฉันถึงจะดื่ม”
ฤชวีลังเลแต่พิมภาจ้องเป๋ง ฤชวีเลยตัดสินใจดื่มให้ดู พิมภาดึงแก้วไปดื่มน้ำอย่างเร็วจนสำลัก
“ช้าๆ ครับ” ฤชวีเอากระดาษทิชชู่มาเช็ดให้อย่างอ่อนโยน พิมภาเบือนหน้าหนี
“ทำเป็นเช็ดปากให้ ทำเป็นมาดูแล ผู้ชายมันก็สร้างภาพแบบนี้ทั้งนั้น ฉันดูออก บอกแล้วว่าไม่ได้โง่”
“ครับๆ คุณพิมไม่ได้โง่ พักผ่อนก่อนนะครับ”
แล้วอยู่ๆ พิมภาก็มีสีหน้าแค้นๆ
“จริงๆ ฉันก็โง่นั่นแหละ” ฤชวีงงว่าตกลงพิมภาจะเอายังไงกันแน่ “ถูกผู้ชายหลอกใช้ยังไม่รู้ตัวเล๊ย”
“ไม่เป็นไรครับคุณพิม ไม่ต้องเล่าก็ได้”
“เล่าสิ เรื่องของฉันสนุกจะตาย ฉันคิดว่าฉันเจอผู้ชายที่เพอร์เฟคที่สุดในโลก เหมาะสมลงตัวกับฉันทุกอย่างเลยนะ แล้วไงรู้มั้ย”
พิมภาใช้สายตาจิกให้ฤชวีแสดงอาการอยากฟังต่อ ฤชวีจึงต้องเออออไปด้วย
“แล้วไงต่อครับ”
“วันแต่งงานฉัน มีผู้หญิงสองคนมาทวงผัวคืนในงานแต่งของฉัน แล้วผัวของสองคนนั้นคือเจ้าบ่าวของฉันเอง เซอร์ไพรส์ เก๋มะ เจ้าบ่าวฉัน…คุณเห็นนี่มั๊ย”
พิมภาจับมือฤชวีมาจับที่หัวตัวเอง ฤชวีถึงกับงง
“อะไรครับ”
“เขาไง เขามันงอก ฉันมันเป็นเจ้าสาวที่โง่ที่สุดในประเทศไทย ฉันมันโง่โดนผู้ชายเลวๆ หลอกยังไม่รู้ตัวเลย โลกนี้ผู้ชายดีๆ มันไม่มีเหลือแล้วจะบอกให้” ฤชวีทำหน้าไม่ถูก“ทำไม ไม่เชื่อฉันเหรอ ฉันพูดเรื่องจริงนะ ทำไม จะบอกว่าตัวเองเป็นคนดีงั้นสิ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ชอบเที่ยว ไม่เจ้าชู้” ฤชวีนิ่งรับเพราะทุกอย่างที่พิมภาพูดมามันตรงกับฤชวีทั้งหมด “ดีงั้นเชียว” ฤชวียิ้มนิ่งๆ พยักหน้ารับนิดๆ ไม่กล้าอวดอ้างบอกว่าตัวเองดี “งั้นพร้อมจะดูแลฉันมั้ย”
“ฮะ อะไรนะครับ”
“ฉันถามว่าพร้อมจะดูแลฉันมั้ย หามานานแล้วผู้ชายดีๆ ที่พร้อมจะดูแลฉัน ให้ฉันไม่ต้องอายใคร พ่อแม่ฉันจะได้ไม่ต้องเสียใจ”
ฤชวีมองพิมภาอย่างรู้สึกเห็นใจ ที่ความในใจของพิมภาพรั่งพรูขนาดนี้
“ถ้าคุณพิมอนุญาต ผมก็อยากดูแลคุณพิมนะครับ”
พิมภาหันหน้ามาจ้องฤชวีนิ่ง สองคนจ้องกันนิ่งนาน
“ดี” พิมภารวบคอเสื้อของฤชวีดึงมาที่โต๊ะ “นั่ง”
พิมภาเดินไปที่กรอบรูปที่ใส่เอกสารเซ็นเพื่อการสมรส พิมภาหยิบกรอบรูปลงมาแล้วหันมองฤชวี ฤชวียิ้มงงๆ ทันใดนั้นพิมภาเอากรอบรูปกระแทกลงกับพื้น เพล้ง ฤชวีตกใจ
“คุณ ชื่ออะไรนะ”
“ฤชวีครับ”
“คุณฤชวี คุณพร้อมที่จะรับคุณพิมภาเป็นเจ้าสาวของคุณมั้ย”
“ฮะ” ฤชวีทำหน้าเหวอ พิมภาชี้ตัวเอง
“เนี่ย เจ้าสาวอะ แบบแต่งงานกันไง” พิมภานั่งลงแล้วใช้นิ้วหยิบเอกสารออกมาสะบัดๆ เศษแก้วออก แล้วเดินมาวางตรงหน้าฤชวี “เซ็นซะ”
“เซ็น? นี่มันเอกสารสำหรับขอจดทะเบียนสมรสนะครับ”
“ใช่ ไอ้ใบเนี้ย ฉันเซ็นกับมือเมื่อวันแต่งงาน ดีนะไอ้เจ้าบ่าวเฮงซวยมันไม่เซ็นด้วย ถ้ามันเซ็นฉันคงต้องเป็นควายไปทั้งชาติ เซ็นสิ”
“แต่ผมว่าไม่ดีมั้ง เรื่องแต่งงานมันเรื่องใหญ่เลยนะ”
พิมภาจับหน้าฤชวีเข้ามาใกล้ ฤชวีตกใจ
“ฉันสวยมั้ย”
“สวยครับ”
พิมภาดึงหน้าฤชวีเข้ามาใกล้อีก
“แล้วคุณชอบฉันมั้ย”
ฤชวีลังเลที่จะตอบ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจตอบไป
“ชอบครับ”
“ชอบแค่ไหน” ฤชวีอ้ำอึ้งก่อนจะตอบออกมา
“มากครับ”
“ไม่ได้ยิน อย่าอ้ำอึ้ง”
ฤชวีมองหน้าพิมภาแล้วตัดสินใจพูดแบบหนักแน่น
“ผมชอบคุณมากครับ เรียกว่าเป็นผู้หญิงในฝันก็ว่าได้”
“ผู้หญิงในฝัน ฉันชอบนะคำนี้ แล้วทำไมไม่อยากแต่งงานกับฉัน นี่จะเอายังไงกับฉันกันแน่” ฤชวีอึ้งงง เพราะฤชวีเองต่างหากที่ต้องถามว่าจะเอายังไงกับฉันกันแน่ “ทำไมทุกคนชอบหักหลังฉัน”
“หืม หักหลัง”
ฤชวีงงที่เรื่องมันไปกันใหญ่
“เพื่อนที่ฉันรักก็หักหลัง ไม่จริงใจกับฉัน ผู้ชายที่ฉันคิดว่ารักฉันก็หักหลังฉัน คุณที่บอกว่าชอบฉันมาก แต่พอให้แต่งงานกับฉันคุณก็ไม่แต่ง คุณหักหลังฉัน”
อ่านต่อเวลา 17.00น.
“มันไม่เกี่ยวกันเลยนะครับคุณพิม”
“เกี่ยวสิ เพราะถ้าฉันดีจริง ถ้าคุณชอบฉันจริง คุณต้องไม่ปล่อยให้ฉันหลุดมือไป แต่นี่คุณพูดว่าชอบแต่ไม่ยอมแต่งงานกับฉัน แสดงว่าคุณแค่จะปลอบใจฉัน” ฤชวีงงกับตรรกะของพิมภา ขณะที่พิมภาน้อยใจชีวิตขึ้นมาซะงั้น “ฉันมันไม่มีคุณค่าในสายตาใครเลยใช่มั๊ย”
“มีสิครับ”
“งั้นก็พิสูจน์สิ แต่งงานกับฉัน” ฤชวีลังเล พิมภาจ้องหน้าฤชวี เริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าอีก “ไม่เหรอ”
ฤชวีตกใจเมื่อเห็นพิมภาทำท่าจะร้องไห้
“คุณพิมอย่าร้องนะครับ” ฤชวีรีบหยิบเอกสารลงมาเซ็นชื่อทันที “ผมเซ็นแล้วครับ อย่าร้องนะ”
พิมภายิ้มอย่างถูกใจ
“คุณเป็นสามีฉันแล้วนะ”
“มันต้องยื่นเรื่องที่อำเภอก่อนนะครับ ถึงจะมีผลตามกฎหมาย”
พิมภายกนิ้วชี้โบกแบบไม่รู้อะไรเลย
“คุณจำไว้นะ การเป็นสามีภรรยากัน มันอยู่ที่ใจ ถ้าใจคุณยอมรับฉัน ใจฉันยอมรับคุณ เราก็เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้อง โดยไม่ต้องรอให้กฎหมายมารับรอง ใจเราไงที่รับรองทุกอย่าง”
คำพูดของพิมภากระทบต่อมซาบซึ้งของฤชวีอย่างแรง ฤชวีอึ้ง ซึ้ง เคลิ้ม
“เป็นครับ ผมเป็นสามีคุณแล้ว”
พิมภาปาดน้ำตายิ้มน่ารัก
“ขอบคุณมากนะที่ยอมเป็นสามีฉัน” ฤชวีงงที่พิมภาขอบคุณ “มือถือ มือถือฉันอยู่ไหน”
“มือถือ ครับๆ” ฤชวีไปค้นกระเป๋าหยิบมือถือออกมา “นี่ครับ” พิมภาคว้ามือถือมากด “คุณพิมจะโทรไปไหนครับ”
พิมภาไม่สนใจรอจนอีกฝ่ายรับโทรศัพท์แล้วพูดสาย
“พ่อจ๋า แม่จ๋า พิมมีสามีแล้วนะจ๊ะ” ฤชวีตกใจจะห้ามแต่พิมภาขยับหนี
“คุณพิม”
“จริงจ๊ะพ่อ พ่อดีใจกับพิมมั้ม พิม...” แล้วพิมภาก็วูบนอนหลับไปเลย
“คุณพิม”
ฤชวีเหวอๆ โทรศัพท์พิมภาดังขึ้นอีก ฤชวีมองโทรศัพท์แล้วไม่รู้จะทำยังไงดี มองพิมภาแล้วตัดสินใจไม่รับสาย
ฤชวีอุ้มพิมภาขึ้นไปนอนบนโซฟา แล้วเดินไปเอาหมอนกับผ้าห่มมาจัดการวางรองคอให้พิมภาแล้วห่มผ้าให้
“ผมขออนุญาตนะครับคุณพิม”
ฤชวีเดินไปเข้าห้องน้ำ เอาเสื้อที่ซักใส่ไม้แขวนแล้วออกไปตากที่ระเบียง ฤชวีเดินกลับมาที่ข้างโซฟาล้มตัวลงนอนที่พื้นข้างโซฟา ฤชวีนอนมองพิมภาแล้วยิ้มๆ ปนเอ็นดู
พิมภารับไม่ได้กับสิ่งที่ฤชวีเล่า
“ไม่จริง ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นแน่”
พิมภาหันมาใช้สายตาจิกฤชวีอย่างไม่เชื่อ
“กำลังจะบอกว่าผมกุเรื่องโกหกอีกใช่มั้ย มุมโน้นที่คุณโยนกรอบรูป ตรงนี้ที่คุณอ้วก”
“ไม่ต้องชี้จุดเกิดเหตุขนาดนั้นก็ได้ นี่ฉันก่อเรื่องจริงๆ เหรอเนี่ย”
“ครับ”
“ฉันบ่น ไม่ได้ถามนาย”
“ครับ”
“พูดคำอื่นเป็นบ้างมั้ย”
“เป็นครับ”
“โอย ฟังนะคุณต้น เรื่องทั้งหมดมันเกิดตอนที่ฉันขาดสติ ดังนั้นเราก็ไม่ควรถือเป็นสาระอะไร” พิมภาหยิบเอกสารขอจดทะเบียนสมรสมาจะฉีก “เรื่องทั้งหมดถือว่าเป็นโมฆะนะ” โทรศัพท์พิมภาดัง พิมภาหันมองแล้วรีบเข้าไปในห้องนอนไปหยิบมาดู “พ่อ” พิมภากดรับทันที
ภาณุวัฒน์โวยวายมาตามสายเมื่อพิมภารับสาย
“ไอ้พิม ที่แกโทรมาเมื่อคืน หมายความว่าไง แค่คืนเดียว แกไปหาสามีมาจากไหนมิทราบ”
พิมมาลาแย่งโทรศัพท์มาพูดบ้าง
“พิม นี่ลูกไปก่อเรื่องมาอีกแล้วใช่ไหม”
ภัทรพลยื่นหน้ามาพูดบ้าง
“ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร”
“อีกห้านาทีพ่อจะถึงคอนโด อย่าไปไหนนะลูก”
“ห้านาทีเหรอคะพ่อ” พิมภามีสีหน้าตกใจ
“ไอ้ภัทร เหยียบให้มิด”
ภาณุวัฒน์กดวาง พิมภายืนช็อค ฤชวีหยิบเอกสารมากำลังจะฉีก พิมภาหันมาเห็นตกใจ
“หยุด คุณจะทำอะไร”
“ก็คุณบอกว่าเรื่องทั้งหมดโมฆะ ให้ฉีกเอกสารทิ้ง”
“ไม่ต้อง พ่อ แม่ พี่ชายฉันกำลังจะมา”
“ครับ” ฤชวีหยิบกระเป๋าจะเดินออกไป
“เดี๋ยว” พิมภาเรียกเสียงดังจนฤชวีชะงัก “คุณไปไม่ได้ ฉันบอกพ่อกับแม่ไปแล้วว่าฉันมีสามี คุณต้องอยู่เป็นสามีฉันก่อน”
“อยู่เป็นสามีคุณ”
“นะอยู่เป็นสามีกำมะลอ คือ เป็นสามีหลอกๆ ให้ฉันก่อน”
ฤชวีอึ้ง นึกน้อยใจที่พิมภาใช้คำว่าสามีกำมะลอ
“แต่เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดเองว่า เรื่องทั้งหมดมันเกิดตอนที่คุณขาดสติ อย่าถือเป็นสาระอะไร”
“แต่ตอนนี้ เรื่องไม่เป็นสาระ มันเป็นสาระขึ้นมาแล้ว งานแต่งงานฉันล่มมาครั้งหนึ่งแล้ว ฉันทั้งเสียใจเสียหน้าช่วยกู้เอกราชคืนมาให้ฉันหน่อยนะ คุณต้น”
ฤชวีอึ้งที่พิมภามีความคิดที่ยึดติดอยู่กับการเสียหน้า
“ชื่อจริงผมชื่ออะไรครับ” ฤชวีย้อนถาม
“ชื่อฤทธิ์ ฤทธิ์ ทำไมต้องรู้ด้วยล่ะ”
“คุณพิม ฟังนะครับ ชื่อผมคุณยังจำไม่ได้เลย แล้วคุณจะให้ผมเป็นสามีคุณได้ยังไง ถ้าแค่กู้เอกราช กู้หน้าคืน คุณมีเหตุผลดีๆ กว่านี้มั๊ยครับ”
“ฉันทำให้พ่อแม่เสียใจ ฉันไม่อยากให้พ่อแม่ต้องร้องไห้เพราะฉันอีก”
สีหน้าพิมภาซีเรียสจนฤชวีรู้สึกได้
“แต่ยังไง ผมว่าการยอมรับความจริง เป็นทางออกที่ดีที่สุด”
“ทำไมนายชอบมีทางออกอื่น มาค้านทางออกของฉันนักนะ ชั่วโมงนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่านายต้องเป็นสามีของฉัน”
“พูดให้เต็มๆ ด้วย สามีกำมะลอ”
ฤชวีพูดลองใจพิมภา หวังว่าพิมภาจะแก้คำพูดให้ดีกับความรู้สึกฤชวีขึ้นบ้าง
“ใช่ สามีกำมะลอ สามีหลอกๆ เพื่อพ่อแม่ฉันจะไม่ต้องร้องไห้อีก”
ฤชวีหนักใจ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรับปาก
“ครับ”
“ขอบคุณมากนะ” พิมภาลืมตัวบีบมือฤชวีเป็นการขอบคุณ ฤชวีสะท้านนิดๆ “คุณต้น แล้วตกลงชื่อจริงคุณชื่อฤทธิ์ ฤทธิ์อะไรน้า”
ฤชวีถอนใจที่พิมภายังจำชื่อเขาไม่ได้
“ฤชวี(ริด-ชะ-วี) ครับ คุณควรจะจำชื่อสามีของคุณให้แม่นๆ หน่อยนะครับ เพื่อความสมจริง เดี๋ยวคุณจะกู้เอกราชไม่สำเร็จ”
ฤชวีแอบเหน็บพิมภาด้วยความน้อยใจนิดๆ แต่พิมภาก็ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
“จริงด้วย ฤชวี ฤชวี” ยิ่งพิมภาท่องชื่อฤชวีเป็นนกแก้วนกขุนทอง ฤชวีก็ยิ่งเจ็บแต่เก็บอาการ แล้วอยู่ๆ พิมภาก็หันหน้ามาหาฤชวี “เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน คุณมีเมียหรือเปล่า”
“ฮะ”
“เมีย แฟน กิ๊ก คือโสดมั้ย ฉันไม่อยากทำร้ายใครน่ะ”
“โสดครับ”
“โอเค”
เสียงเคาะประตูดังเข้ามาตามด้วยเสียงภาณุวัฒน์
“ยายพิม”
“มาแล้ว พร้อมนะ”
พิมภารีบออกไปเปิดประตู ฤชวีสูดลมหายใจเตรียมรับสถานการณ์
พิมภาเปิดประตู ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลกรูกันเข้ามาทันที
“ไหน สามีลูกอยู่ไหน”
“เอ่อ เขาอยู่ในห้องค่ะ”
ฤชวีเดินออกมาแล้วยกมือไหว้พ่อแม่พิมภา
“สวัสดีครับ คุณพ่อ คุณแม่ คุณ...”
“ผมเป็นพี่ชายของพิม ชื่อภัทร” ฤชวียกมือไหว้ภัทรพล
“สวัสดีครับ พี่ภัทร” ฤชวีแนะนำตัวกับผู้ใหญ่อย่างมีมารยาท “เรียกผมต้นก็ได้ครับ”
“แล้วเป็นลูกใคร ทำงานอะไร อายุเท่าไหร่ มาเจอกับพิมได้ยังไง” ภาณุวัฒน์ถามเป็นชุด พิมภาเหลือบมองฤชวี
“ผมชื่อฤชวี วงศ์บริบูรณ์ครับ ทำงานเป็นนักเขียนอิสระ อายุสามสิบครับ เจอกับคุณพิมที่...”
พิมภารีบชิงตอบทันที
“ที่เชียงใหม่จ๊ะ พิมไปหาลูกค้าแล้วก็เจอกัน”
“เจอกันเมื่อไหร่” พิมมาลาถามต่อ
“เมื่อวานครับ”
“แล้วก็แต่งงานกันเลย”
“ครับ”
“เฮ้ย” ทุกคนชะงักหันมองพิมภา “เอ่อ” พิมภาเข้าไปใกล้ฤชวีแล้วก็หยิกจริง จนฤชวีเผลอร้องโอ้ย “ต้นก็ชอบล้อเล่นอยู่เรื่อย คือจริงๆ พิมกับต้นเราเคยเจอกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ ต้นเป็นรุ่นพี่พิม แล้วต้นแอบชอบพิมมานานแล้ว ใช่ไหม”
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30 น.