ASTVผู้จัดการรายวัน-อนุ กมธ.พัฒนาการเมือง ตรวจสอบข้อเท็จจริงการทุจริตโฆษณาของบริษัท ไร่ส้ม โกง อสมท ไร้เงา "สรยุทธ์" มาชี้แจง อ้างไม่ได้รับเอกสารเชิญ ขณะที่ช่อง 3 โดดอุ้ม ยอมรับสรยุทธมีมูลค่าการตลาดสูง ปัดดำเนินการใดๆ ปล่อยให้ต่อสู้คดีตามกฎหมาย "ปุ" จี้ให้พักใบอนุญาต หากยึดมาตรฐานจริยธรรมวิชาชีพสื่อ ไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สุด
วานนี้ (24 ต.ค.) มีการประชุมคณะอนุกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการสื่อสารมวลชน ที่มีนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาศึกษาการทุจริตเงินค่าโฆษณาระหว่างบริษัท ไร่ส้ม จำกัด กับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยเชิญตัวแทนจาก บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน), สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3, คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาชี้แจง แต่นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง ไม่มา โดยอ้างว่าไม่ได้รับเอกสารเชิญให้มาชี้แจง
นายวชิร สงบพันธ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุ หลังการชี้มูลความผิด ป.ป.ช. กำลังรวบรวมเอกสาร เพื่อยื่นต่ออัยการสูงสุด (อสส.) บริษัท ไร่ส้ม ในวันศุกร์ที่ 26 ต.ค.นี้ เพื่อให้พิจารณาสั่งฟ้อง รวมถึงการส่งเรื่องให้ช่อง 3 ให้พิจารณาความผิดทางวินัยของนายสรยุทธ์ พร้อมยืนยันว่า การไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. ไม่ได้ล่าช้า เพราะมีการแสวงหาข้อเท็จจริงในเชิงลึก มีเอกสารหลักฐานมากกว่า อสมท ที่ได้ส่งเรื่องมา และให้ผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง แต่ที่ผ่านมา นายสรยุทธ์ ไม่ได้มาให้ข้อมูลแก่ ป.ป.ช. แต่มอบหมายให้ทนายความมาชี้แจงแทน
ด้านน.ส.อรวรรณ ชูดี รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมา บริษัท ไร่ส้ม ได้ชำระเงิน 138 ล้าน ให้แก่ อสมท แล้ว แต่ภายหลังได้มีการฟ้องร้องขอส่วนลด 30% คืน โดยบริษัท ไร่ส้ม อ้างว่าได้ตกลง อสมท แบ่งค่าโฆษณา 50% เพราะ อสมท ลงโฆษณาส่วนตัวเองเกินเหมือนกัน รวมทั้งหมด 253 ล้านบาท แต่ในสัญญาให้ไร่ส้มกำหนดโฆษณา 10 นาที ทำให้ อสมท ฟ้องกลับบริษัท ไร่ส้ม ด้วย ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนให้ อสมท ในการตรวจสอบการทุจริตการโฆษณาให้เข้มข้นมากขึ้นและไม่ควรให้มีผู้รับผิดชอบเรื่องการโฆษณาเพียงคนเดียว
“ไม่มีใครอยากรวยและอื้อฉาวในเรื่องนี้ ทาง อสมท ไม่มีจิตริษยา ทำรายการสดดึกทุกคืน ทำการบ้านหนักมาก มีภาระรับผิดชอบ ส่งรายได้เข้าคลัง การได้บุคคลมีชื่อเสียง มีความสามารถทำรายการ และทำรายได้กับ อสมท ก็จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษรับกันได้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ก็เป็นอุทาหรณ์แก่ อสมท ในระบบโฆษณา เพราะแต่ก่อนใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจหัวหน้ากับลูกน้อง แต่เมื่อมีการตรวจสอบเกิดขึ้น ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ในองค์กร”
นายธนะชัย วงศ์ทองศรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อสมท ชี้แจงกรรมาธิการฯ เรื่องการโฆษณาแฝงในรายข่าวว่า ทาง อสมท ไม่นับเป็นเวลาโฆษณา เพราะเป็นภาพ ไม่มีการบรรยายสรรพคุณ ทำได้ไม่ขัดกติกา แต่ถ้า กสทช. กำหนดหลักเกณฑ์แล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ขณะที่ นายคชาชาญ มงคลเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ชี้แจงว่า ช่อง 3 ในฐานะสื่อมวลชนยึดตามมาตรฐานจริยธรรมทางวิชาชีพข่าว แม้ไม่ระบุเป็นเอกสารจริยธรรม แต่มีจารีต ซึ่งจะรับไปตรวจสอบ ทั้งนี้ ช่อง 3 การบริหารงานเป็นระบบครอบครัว และเป็นในช่วงปลายน้ำ แต่ต้นน้ำช่อง 9 ป.ป.ช. ชี้มูล ซึ่งนายสรยุทธ ต้องต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม และเป็นสิทธิ์ที่นายสรยุทธ ชี้แจง หากมีความผิด นายสรยุทธ รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร อย่างไรก็ดี ยอมรับว่า ช่อง3 มูลค่าการตลาดสูงขึ้น ในเรื่องข่าว และพิธีกรข่าว เป็นความสามารถดำเนินรายการของ นายสรยุทธ ซึ่งมีศิลปะส่วนตัว สร้างมูลค่าการตลาดสูง
ด้านนายอัชฌา สุวรรณปากแพรก รองกรรมการผู้จัดการสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ยืนยันว่า สถานีมีมาตรฐานทางจริยธรรมในวิชาชีพและมีการตรวจสอบภายในอยู่แล้ว และขณะนี้ป.ป.ช. เพิ่งเริ่มชี้มูลความผิดก็ถือว่าเป็นการเริ่มกระบวนการยุติธรรมยังต้องรอผลการพิพากษาจากศาลอาญาก่อน ซึ่งหากปลดนายสรยุทธก่อนที่จะมีคำพิพากษาหากผลออกมาแล้วคดีพลิกก็จะทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้ ดังนั้น จึงให้นายสรยุทธพิสูจน์ด้วยตนเองมากกว่าและเมื่อกระบวนการถึงขั้นสุดท้าย ตนเชื่อว่านายสรยุทธจะทาบว่าควรทำอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการประชุมเป็นไปอย่างเข้มข้น เมื่อนายอภิชาติ ครุฑทอง อนุกรรมาธิการฯ ตั้งคำถามว่า กรณีของ นายสรยุทธ ที่ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทางจริยธรรมทางวิชาชีพนั้น จึงเปรียบเสมือนการพายเรือให้โจรนั่ง หากินในคราบนักข่าว หรือเปิดโอกาสรวยทางลัดหรือไม่ ส่งผลให้นายวัชระ ขอให้ นายอภิชาติ ถอนคำพูดในเชิงกล่าวหาดังกล่าว ส่วนร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.พรรครักษ์สันติ และกรรมาธิการ ได้เปรียบเทียบวิชาชีพข่าวกับวิชาชีพการแพทย์ ซึ่งหากพบความผิดทางจริยธรรมก็จะมีพักใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ หรือว่ากล่าวตักเตือน จึงไม่เห็นด้วยกับช่อง 3 ที่ต้องรอให้ ป.ป.ช. ชี้มูลแล้วจะดำเนินการ หรือการให้ต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม
ทั้งนี้ นายวัชระ ได้นัดประชุมอนุกมธ. อีกครั้ง ในวันพฤหัสบดีที่ 31 ต.ค. โดยจะเชิญ นายสรยุทธ และตัวแทนบริษัท ไร่ส้ม มาชี้แจง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งจะเชิญผู้แทนอัยการสูงสุด และนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มาให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการฯ
สำหรับคดีดังกล่าวนี้ ทาง ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดให้ดำเนินคดีอาญากับนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการของ อสมท ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำคิวโฆษณารวม ได้ให้ความช่วยเหลือบริษัท ไร่ส้ม โดยไม่รายงานการโฆษณาเกิน และชี้มูลความผิดทางอาญาแก่ นายสรยุทธ์ ฐานส่วนสนับสนุนให้มีการทุจริตเกิดขึ้น
วานนี้ (24 ต.ค.) มีการประชุมคณะอนุกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการสื่อสารมวลชน ที่มีนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาศึกษาการทุจริตเงินค่าโฆษณาระหว่างบริษัท ไร่ส้ม จำกัด กับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยเชิญตัวแทนจาก บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน), สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3, คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาชี้แจง แต่นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง ไม่มา โดยอ้างว่าไม่ได้รับเอกสารเชิญให้มาชี้แจง
นายวชิร สงบพันธ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุ หลังการชี้มูลความผิด ป.ป.ช. กำลังรวบรวมเอกสาร เพื่อยื่นต่ออัยการสูงสุด (อสส.) บริษัท ไร่ส้ม ในวันศุกร์ที่ 26 ต.ค.นี้ เพื่อให้พิจารณาสั่งฟ้อง รวมถึงการส่งเรื่องให้ช่อง 3 ให้พิจารณาความผิดทางวินัยของนายสรยุทธ์ พร้อมยืนยันว่า การไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. ไม่ได้ล่าช้า เพราะมีการแสวงหาข้อเท็จจริงในเชิงลึก มีเอกสารหลักฐานมากกว่า อสมท ที่ได้ส่งเรื่องมา และให้ผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง แต่ที่ผ่านมา นายสรยุทธ์ ไม่ได้มาให้ข้อมูลแก่ ป.ป.ช. แต่มอบหมายให้ทนายความมาชี้แจงแทน
ด้านน.ส.อรวรรณ ชูดี รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมา บริษัท ไร่ส้ม ได้ชำระเงิน 138 ล้าน ให้แก่ อสมท แล้ว แต่ภายหลังได้มีการฟ้องร้องขอส่วนลด 30% คืน โดยบริษัท ไร่ส้ม อ้างว่าได้ตกลง อสมท แบ่งค่าโฆษณา 50% เพราะ อสมท ลงโฆษณาส่วนตัวเองเกินเหมือนกัน รวมทั้งหมด 253 ล้านบาท แต่ในสัญญาให้ไร่ส้มกำหนดโฆษณา 10 นาที ทำให้ อสมท ฟ้องกลับบริษัท ไร่ส้ม ด้วย ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนให้ อสมท ในการตรวจสอบการทุจริตการโฆษณาให้เข้มข้นมากขึ้นและไม่ควรให้มีผู้รับผิดชอบเรื่องการโฆษณาเพียงคนเดียว
“ไม่มีใครอยากรวยและอื้อฉาวในเรื่องนี้ ทาง อสมท ไม่มีจิตริษยา ทำรายการสดดึกทุกคืน ทำการบ้านหนักมาก มีภาระรับผิดชอบ ส่งรายได้เข้าคลัง การได้บุคคลมีชื่อเสียง มีความสามารถทำรายการ และทำรายได้กับ อสมท ก็จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษรับกันได้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ก็เป็นอุทาหรณ์แก่ อสมท ในระบบโฆษณา เพราะแต่ก่อนใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจหัวหน้ากับลูกน้อง แต่เมื่อมีการตรวจสอบเกิดขึ้น ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ในองค์กร”
นายธนะชัย วงศ์ทองศรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อสมท ชี้แจงกรรมาธิการฯ เรื่องการโฆษณาแฝงในรายข่าวว่า ทาง อสมท ไม่นับเป็นเวลาโฆษณา เพราะเป็นภาพ ไม่มีการบรรยายสรรพคุณ ทำได้ไม่ขัดกติกา แต่ถ้า กสทช. กำหนดหลักเกณฑ์แล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ขณะที่ นายคชาชาญ มงคลเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ชี้แจงว่า ช่อง 3 ในฐานะสื่อมวลชนยึดตามมาตรฐานจริยธรรมทางวิชาชีพข่าว แม้ไม่ระบุเป็นเอกสารจริยธรรม แต่มีจารีต ซึ่งจะรับไปตรวจสอบ ทั้งนี้ ช่อง 3 การบริหารงานเป็นระบบครอบครัว และเป็นในช่วงปลายน้ำ แต่ต้นน้ำช่อง 9 ป.ป.ช. ชี้มูล ซึ่งนายสรยุทธ ต้องต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม และเป็นสิทธิ์ที่นายสรยุทธ ชี้แจง หากมีความผิด นายสรยุทธ รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร อย่างไรก็ดี ยอมรับว่า ช่อง3 มูลค่าการตลาดสูงขึ้น ในเรื่องข่าว และพิธีกรข่าว เป็นความสามารถดำเนินรายการของ นายสรยุทธ ซึ่งมีศิลปะส่วนตัว สร้างมูลค่าการตลาดสูง
ด้านนายอัชฌา สุวรรณปากแพรก รองกรรมการผู้จัดการสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ยืนยันว่า สถานีมีมาตรฐานทางจริยธรรมในวิชาชีพและมีการตรวจสอบภายในอยู่แล้ว และขณะนี้ป.ป.ช. เพิ่งเริ่มชี้มูลความผิดก็ถือว่าเป็นการเริ่มกระบวนการยุติธรรมยังต้องรอผลการพิพากษาจากศาลอาญาก่อน ซึ่งหากปลดนายสรยุทธก่อนที่จะมีคำพิพากษาหากผลออกมาแล้วคดีพลิกก็จะทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้ ดังนั้น จึงให้นายสรยุทธพิสูจน์ด้วยตนเองมากกว่าและเมื่อกระบวนการถึงขั้นสุดท้าย ตนเชื่อว่านายสรยุทธจะทาบว่าควรทำอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการประชุมเป็นไปอย่างเข้มข้น เมื่อนายอภิชาติ ครุฑทอง อนุกรรมาธิการฯ ตั้งคำถามว่า กรณีของ นายสรยุทธ ที่ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทางจริยธรรมทางวิชาชีพนั้น จึงเปรียบเสมือนการพายเรือให้โจรนั่ง หากินในคราบนักข่าว หรือเปิดโอกาสรวยทางลัดหรือไม่ ส่งผลให้นายวัชระ ขอให้ นายอภิชาติ ถอนคำพูดในเชิงกล่าวหาดังกล่าว ส่วนร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.พรรครักษ์สันติ และกรรมาธิการ ได้เปรียบเทียบวิชาชีพข่าวกับวิชาชีพการแพทย์ ซึ่งหากพบความผิดทางจริยธรรมก็จะมีพักใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ หรือว่ากล่าวตักเตือน จึงไม่เห็นด้วยกับช่อง 3 ที่ต้องรอให้ ป.ป.ช. ชี้มูลแล้วจะดำเนินการ หรือการให้ต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม
ทั้งนี้ นายวัชระ ได้นัดประชุมอนุกมธ. อีกครั้ง ในวันพฤหัสบดีที่ 31 ต.ค. โดยจะเชิญ นายสรยุทธ และตัวแทนบริษัท ไร่ส้ม มาชี้แจง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งจะเชิญผู้แทนอัยการสูงสุด และนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มาให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการฯ
สำหรับคดีดังกล่าวนี้ ทาง ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดให้ดำเนินคดีอาญากับนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการของ อสมท ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำคิวโฆษณารวม ได้ให้ความช่วยเหลือบริษัท ไร่ส้ม โดยไม่รายงานการโฆษณาเกิน และชี้มูลความผิดทางอาญาแก่ นายสรยุทธ์ ฐานส่วนสนับสนุนให้มีการทุจริตเกิดขึ้น