ASTVผู้จัดการ – “สรยุทธ” ไม่แคร์สื่อ ยื่นจดหมายขอลาออกจากการเป็นสมาชิกวิสามัญของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย หลังวานนี้ถูกกดดันหนักจากภาคีต้านคอร์รัปชั่น และสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
ช่วงบ่ายวันนี้ (5 ต.ค.) มีรายงานข่าวจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ระบุว่า นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา นักเล่าข่าว และพิธีกรข่าวชื่อดังของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ได้ยื่นจดหมายถึงนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเพื่อขอลาออกจากการเป็นสมาชิกของสมาคมฯ
สำหรับจดหมายเพื่อขอลาออกลงวันที่ 5 ตุลาคม 2555 ฉบับดังกล่าวมีเนื้อหาระบุว่า
“กระผมนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรและผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ สมาชิกวิสามัญ 2 ของสมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอลาออกจากสมาคมฯ โดยขอให้มีผลทันที จึงเรียนมาเพื่อทราบ” พร้อมลงนาม สรยุทธ สุทัศนะจินดา
อนึ่ง ช่วงเช้าวานนี้ (4 ต.ค.) ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้มีการจัดงานสัมมนาหัวข้อ “กรณีไร่ส้ม...บทพิสูจน์ความเข้มแข็งของสังคมในการต่อสู้คอร์รัปชั่น” โดยภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น สถาบันอิศรา และมูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย กรณีที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดทางอาญา ฐานร่วมกันยักยอกเงินโฆษณาที่ได้รับ เกินกว่าสัญญาที่บริษัท ไร่ส้ม ทำไว้กับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ทำให้ อสมท ได้รับความเสียหายถึง 138,790,000 บาท ซึ่งในการเสวนาดังกล่าวทางภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นได้เรียกร้องให้สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 แสดงความรับผิดชอบ และ เรียกให้ให้บริษัทต่างๆ หยุดการสนับสนุนรายการ
ต่อมาในช่วงบ่ายวานนี้ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของสื่อมวลชน กรณีบริษัทไร่ส้ม โดยระบุว่า “ตามที่ปรากฏต่อสาธารณชน กรณีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรและผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ และบริษัทไร่ส้ม มีส่วนพัวพันกับการทุจริตเงินรายได้โฆษณาของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิด และอยู่ระหว่างการดำเนินคดีทางกฎหมายนั้น ในฐานะที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ซึ่งต้องอาศัยความเชื่อถือ ไว้วางใจของประชาชนเป็นสำคัญ กรณีจึงมีเหตุผลที่สังคมควรต้องตั้งคำถาม และสภาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบ
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ มีหน้าที่ในการกำกับ ดูแลเรื่องจริยธรรมของสื่อมวลชน ได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ดังกล่าว ถึงแม้ผู้ถูกกล่าวหาจะมิได้เป็นสมาชิกโดยตรง แต่ก็นับเป็นภาระรับผิดชอบร่วมกับองค์กรสื่ออื่นๆ ที่จะต้องยืนยันหลักการการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ดี ที่ต้องไม่ประพฤติ ปฏิบัติการใดๆ อันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ พฤติกรรมของผู้ถูกกล่าวหาแม้จะยังไม่มีบทสรุปทางกฎหมาย แต่ในแง่ของการประกอบวิชาชีพ นับว่าไม่เหมาะสม มีการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดจรรยาบรรณแล้ว
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติเห็นว่า ประชาชนผู้บริโภคข่าวสารควรได้รับข้อมูล ข้อเท็จจริงโดยครบถ้วน และใช้วิจารณญาณในการเลือกรับสื่อบนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ ไว้วางใจได้ของสื่อมวลชน ในขณะเดียวกัน ผู้ถูกกล่าวหาก็สมควรพิจารณาตัวเองเพื่อธำรงรักษาสถาบันสื่อทั้งระบบให้เป็นที่เชื่อมั่น และศรัทธาของประชาต่อไป”
สำหรับนายสรยุทธนั้นเป็นสมาชิกของสมาคมนักข่าวฯ ในประเภทวิสามัญสมาชิก ประเภทที่ 2 ในสังกัดของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 โดยคุณสมบัติของวิสามัญสมาชิกประเภทที่ 2 คือ “ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนในฝ่ายข่าวของสถานีวิทยุกระจายเสียงสถานีวิทยุ โทรทัศน์ หรือสื่อสารมวลชนประเภทอื่นที่เสนอข่าวต่อสาธารณชนสม่ำเสมอตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร และมีคุณสมบัติอื่นเหมือนสมาชิกสามัญโดยอนุโลม”
ด้านนายปราเมศ เหล็กเพ๊ชร รองเลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยผ่านเว็บไซต์สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ว่า จากการตรวจสอบการเป็นสมาชิกภาพของนายสรยุทธพบว่า นายสรยุทธสมัครเข้าเป็นสมาชิกสามัญสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยในปี 2536 สังกัดหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น ต่อมาเมื่อมีการรวมสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยกับสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เป็นสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2543 ได้ระบุให้โอนสิทธิและหน้าที่ของสมาชิกของสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ให้มาเป็นสมาชิกของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยโดยปริยาย ทั้งนี้ เมื่อนายสรยุทธลาออกจากหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น เพื่อไปประกอบวิชาชีพเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์แล้ว นายสรยุทธย่อมพ้นจากการเป็นสมาชิกสามัญ โดยยังคงเป็นสมาชิกวิสามัญประเภทที่ 2 อยู่
รองเลขาธิการสมาคมฯ กล่าวด้วยว่า ดังนั้น เมื่อนายสรยุทธ ยื่นหนังสือลาออกจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ทางสมาคมฯ จะนำหนังสือดังกล่าว ส่งให้กับเลขาธิการสมาคมฯ ตามข้อบังคับ เพื่อให้การลาออกของนายสรยุทธ มีผลตามที่แสดงความจำนงต่อไป